ยามจันทร์เจ้าจูบดิน ☪ บทพิเศษ ๕ วันปีใหม่ {๓๑.๑๒.๕๙} จบ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ยามจันทร์เจ้าจูบดิน ☪ บทพิเศษ ๕ วันปีใหม่ {๓๑.๑๒.๕๙} จบ  (อ่าน 99965 ครั้ง)

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เจอที่ผิดค่ะ ด้วยการจ้างชินกร (กวิน) ไปลบคลิปจากตัวต้นเหตุให้หมดไป

สองพ่อลูกนั่นก็ทำเกินเหตุไปมาก ๆ แค่เดือนไม่ยอมรับ (ในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ก่อ) ถึงกับต้องทำลายอนาคต และต้องทำถึงขนาดไม่ให้มีที่ยืนในสังคมขนาดนั้นเลยเหรอ
ส่วนเรื่องกวิน... ก็ไม่รู้ว่าชินกรโง่หรือโง่มากกันแน่ที่หักหลังคนที่ตัวเองใช้สร้างหลักฐานเท็จไปทำเรื่องชั่ว
ช่วงนี้รู้สึกว่าเรื่องราวกำลังน่าตื่นเต้นทีเดียวค่ะ... น่าเสียดายต้องรออีกเกือบอาทิตย์สำหรับตอนใหม่ (แทบนั่งไม่ติด อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว)
ให้กำลังใจคนเขียนค่ะ

ออฟไลน์ snowrabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +219/-6
เจอที่ผิดค่ะ ด้วยการจ้างชินกร (กวิน) ไปลบคลิปจากตัวต้นเหตุให้หมดไป

สองพ่อลูกนั่นก็ทำเกินเหตุไปมาก ๆ แค่เดือนไม่ยอมรับ (ในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ก่อ) ถึงกับต้องทำลายอนาคต และต้องทำถึงขนาดไม่ให้มีที่ยืนในสังคมขนาดนั้นเลยเหรอ
ส่วนเรื่องกวิน... ก็ไม่รู้ว่าชินกรโง่หรือโง่มากกันแน่ที่หักหลังคนที่ตัวเองใช้สร้างหลักฐานเท็จไปทำเรื่องชั่ว
ช่วงนี้รู้สึกว่าเรื่องราวกำลังน่าตื่นเต้นทีเดียวค่ะ... น่าเสียดายต้องรออีกเกือบอาทิตย์สำหรับตอนใหม่ (แทบนั่งไม่ติด อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว)
ให้กำลังใจคนเขียนค่ะ

แอ้ ขอบคุณค่ะ จะรีบแก้ให้เลยค่ะ ตอนพิมพ์คงเบลอๆตอนแรกเช็คก็มีสลับชื่อสองคนนี้ไปจุดหนึ่งแล้ว มีรอดหูรอดตาไปอีกกก ขอบคุณที่ติดตามแล้วก็ช่วยเช็คคำผิดให้นะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ lovenadd

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-11
ติดตามและเป็นกำลังใจให้ครับคุณนักเขียน  เนื้อเรื่องสนุกมากครับ น่าติดตาม  และอย่างที่เคยบอกไว้  คุณเป็นนักเขียนที่เสมอต้น เสมอปลาย แม้ยอดวิวของเรื่องนี้ไม้ถึงแสนถึงล้าน แต่คุณให้เกียรติคนอ่านที่เขาตามงานคุณ  คุณมาต่อไม่ทิ้งไปไหน  เป็นที่น่านับถือเป็นอย่างมาก  เลยเข้ามาเป็นกำลังใจให้คุณนักเขียนเสมอครับ

ออฟไลน์ mizuamechang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขอโทษนะคะ ขอหยาบหน่อยเถอะ อิดอกทองญี่ปุ่น มึงจะตามเค้าไม่เลิกใช่มั้ย อิส้นตีนนี่
ละอิพวกที่คอมเมนท์คือไร อิดอก มึงมองคนอื่นในแง่ร้าย ทั้งที่ไม่ได้รู้จักเค้าจริงๆเนี่ยนะ อิสมองกลวง
อิพ่อส้นตีนนั่นก็อีกคน มึงจะเอาเหี้ยไรนักหนากับเดือนฮะ กุขอให้เดือนฉีกสัญญาแม่งเลย
และขอฝากถึงอิญี่ปุ่นนะ อย่างมึงชื่อญี่ปุ่นก็สมเเล้วหล่ะ
สอดคล้องกับนิสัยดอกทอง เป็นของขึ้นชื่อกับประเทศญี่ปุ่นดี





ขออภัยที่หยาบค่ะ แคต่คือ ทนไม่ไหวละค่ะ สุดท้ายนะ ขอเป็นกำลังใจให้เดือนกับดินผ่านเรื่องนี้ไปได้นะ
สู้ๆ คนเขียนเองก็สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ คนเขียนขยันอัพมากเลย555
ปล. ที่ด่าว่าตัวละครคนเขียนเสียๆหายๆขออภัยนะคะ มันขึ้นนน
 :fire: :m31: :katai1:
 :bye2:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
อุ้วววว


ทั้งตระกูลญปเลยสินะ หึหึ


แต่ว่าคนไทยลืมง่าย เคสนี่จะเป็นแบบนั้นไหมนะ?

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
นังญี่ปุ่น :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:
เลวพอกันทั้งพ่อทั้งลูก ต้องเอาคืนให้หนักกว่าที่เดือนและดินเจอ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
รอกระทืบซ้ำ

ออฟไลน์ ZYSQ_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1

รออ่านตอนต่อไปแบบใจจดใจจ่อ

ออฟไลน์ natsikijang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-4
ชินกรกับญี่ปุ่นนี่มันดาวร้ายแสนชั่วจริงๆ สงสารพี่เดือนน้องดิน ดีนะที่มีฝนกับอารัณคอยช่วย  รอติดตามตอนต่อไปนะคะ สนุกมาก ติดงอมแงมเลย

ออฟไลน์ oilk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สงสารพี่เดือนกับดินมากเลยค่ะ เรื่องดราม่าของพี่เดือนสะท้อนอะไรหลายอย่างในยุคนี้ได้ดีมากเลย
ยุคที่คนใช้อำนาจพวกโซเชี่ยลโพสต์กล่สวหาคนอื่น บางครั้งเราก็แอบเป็นแบบพวกที่คอมเม้นเชื่อไปบ้างแล้ว
โดยที่ไม่รู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร ไม่เคยรู้ถึงความจริงจากอีกฝ่ายที่โดนหลายคนแฉว่าผิดว่าเป็นยังไง พอรู้อีกทีคนที่โดนกล่าวหาก็โดนโจมตีโดนด่าว่าสารพัดแล้ว ทำอะไรไม่ได้อีกเพราะโดนสังคมตราหน้าฟปแล้วว่าผิด เอาใจช่วยพี่เดือนและดินนะคะ ตอนนี้ทีมกวินมากๆ เหยียบนังสองคนพ่อลูกให้จมดินไปเลย เย้

ขอบคุณคุณคนแต่งนะคะ มาต่อเร็วๆน้า อยากดูความพินาศของนังยุ่นและพ่อของนาง5555555555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Hypnos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ลุ้นมากเลย  :hao5: :hao5: :hao5:


ออฟไลน์ lovenadd

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-11
เชียร์มากตอนนี้

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ DraCo_SLa13

  • I swear that, will love Super Junior forever..........
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +314/-3
นอตอนต่อไปอย่างทรมาณ มันเข้มข้นมว๊ากกกกกก

ออฟไลน์ Hypnos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รอพี่เดือน  :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ 4life

  • R.I.P KT 5-5-13
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 995
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
รอออออออออออ มาเถอะตัวเอง :ling1:

ออฟไลน์ snowrabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +219/-6
ยามจันทร์เจ้าจูบดิน
บทที่ ๒๕
กระชากหน้ากาก


          สำหรับเดือนแล้วเขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลยว่าหนึ่งอาทิตย์มันจะยาวนานเท่านี้  พวกเขาทำตามคำบอกของกวิน  ชายหนุ่มคนนั้นขอให้เดือนอดทนรอสักหนึ่งอาทิตย์  จากตอนแรกที่จะออกไปให้สัมภาษณ์กับสื่อสรัลจึงเลื่อนการสัมภาษณ์ออกไป
 
          มันเป็นหนึ่งอาทิตย์ที่ยาวนานและลำบากมากจริงๆ  เดือนปิดโทรศัพท์  บางทีก็ตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทุกทาง แต่วันนี้เขาเปิดมือถือกับอินเทอร์เน็ตเพราะฝนบอกให้เปิด  หลังๆเขาไม่ออกจากบ้านไปไหน พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้นึกถึงคำวิพากษ์วิจารณ์ทางสังคมที่ดุเดือดขึ้นทุกที กิจกรรมยามว่างส่วนใหญ่ของเขาก็คือการอ่านหนังสือ ช่วยดินทำกับข้าว  ออกไปรดน้ำต้นไม้บ้าง แล้วก็นั่งเล่นกับแมวเพราะเจ้าหลานแฝดของเขาดันไปเก็บลูกแมวจรจัดมาแต่ไม่มีเวลาเลี้ยง หน้าที่รับผิดชอบเลี้ยงดูจึงตกเป็นของพวกเขาสองคนที่ว่างงานมากที่สุดตอนนี้

          กรุ๋งกริ๋ง

         เสียงกระพรวนที่ดังขึ้นมาจากกระพรวนใช้ห้อยคอเจ้าลูกเหมียวสีขาวที่เริ่มอ้วนกลมและขนฟูเพราะการดูแลอย่างดีของดิน  เจ้าเหมียวตัวกลมที่ดาวกับตะวันตั้งชื่อให้ว่านมสดกระโดดขึ้นมาบนโซฟา  ก่อนจะตะกายมานอนหนุนตักเดือนอย่างสบายใจ 
เดือนอมยิ้ม เกาหูเกาคางเจ้านมสดที่ร้องครางอย่างพอใจ มันเอาหัวมาถูเสื้อเขาอย่างออดอ้อนก่อนจะซุกตัวเข้าหาแล้วหลับตานอน

         มีเพื่อนเป็นสัตว์ก็ดีเหมือนกันนะ  ไม่พูดมาก ไม่นินทาว่าร้ายลับหลัง เพราะแบบนี้สินะบางคนถึงได้ชอบสัตว์มากกว่าคน  เพราะพวกมันซื่อสัตย์และตรงไปตรงมามากกว่า

        “นมสดกินข้าว”  เสียงนุ่มของดินดังขึ้นพร้อมกับร่างโปร่งที่เดินออกมาพร้อมกับชามใส่นม  ดินวางชามไว้ข้างประตู เจ้านมสดที่ได้ยินเสียงเรียกก็ลืมตาตื่นกระโดดลงไปหาอาหารของมันทันที แต่ตักของเดือนก็ยังไม่ว่างเมื่อมีลูกแมวตัวโตอีกตัวมานอนหนุน

        ดินทิ้งตัวลงนอนกับโซฟา ยึดตักเดือนต่างหมอน  ฝ่ามือใหญ่ลูบศีรษะเขาเบาๆ

        “จะอ้อนแข่งกับเจ้านมสดมันเหรอ”

        “อืม น้อยใจ พักนี้พี่เดือนรักแมวมากกว่า”

        น้ำเสียงตอบกลับอย่างขี้เล่นนั้นทำให้เดือนหมั่นเขี้ยว คนตัวโตเลยโน้มตัวไปจูบริมฝีปากช่างพูดนั่นเบาๆ ก่อนเอ่ยว่า  “ไม่ต้องน้อยใจหรอก ยังไงนมสดมันก็มาทีหลัง พี่รักแมวขี้อ้อนตัวโตนี่กว่ามันตั้งเยอะ”  ว่าจบก็โน้มตัวไปจุ๊บริมฝีปากบางเบาๆ

         จุ๊บ

        “เห็นไหม จุ๊บนมสดมันก็ไม่หน้าแดงแบบนี้”

        จุ๊บ

       “ปากไม่นิ่มแบบนี้ด้วย”

       จุ๊บ

       “แล้วก็ไม่น่าฟัดขนาดนี้”

       จุ๊บ

      “พอแล้วพี่เดือน”

       ดินรีบดันหน้าอีกฝ่ายไว้ก่อนที่ชายหนุ่มจะโน้มตัวลงมาจุ๊บเขาอีกรอบ  ใบหน้าแดงก่ำไปหมดจนเดือนอยากแกล้งอีกรอบ เขาเลยจั๊กจี้ดินจนอีกฝ่ายหัวเราะคิกคักบิดตัวไปมา  นี่แหละจุดอ่อนเด็กแว่นนี่ เห็นนิ่งๆแต่จริงๆบ้าจี้ขั้นโคม่า พอเห็นอีกคนสำลักจนหน้าดำหน้าแดง

       ดินหัวเราะจนตาปิด พักหลังเขาเริ่มชินกับอาการถึงเนื้อถึงตัวของเดือนแล้ว  ชายหนุ่มไม่ได้ตั้งใจจะลวนลามหรอก  ก็เหมือนลูกหมาที่ชอบมาออดอ้อนนั่นแหละ  มาซุกมาไซ้เรียกร้องความสนใจ  บางทีดินเองก็ชอบทำ นอนให้คนรักลูบผมแบบนี้ก็สบายดีเหมือนกัน

        “เออ เมื่อกี้กวินโทรหาพี่” เดือนพูดขึ้น ดวงตาสีเข้มที่หลับพริ้มอยู่จึงเปิดขึ้นมา  นัยน์ตาคู่นั้นฉายแววเคร่งเครียด “แล้วเขาว่าไงบ้างครับ”

        “บอกว่าให้รอดูเย็นนี้ แต่ถ้ามีอะไรคืบหน้าฝนก็คงส่งมาให้เอง บอกตรงๆนะ พี่ไม่ไว้ใจไอ้นี่เลย” ที่ชีวิตกูยุ่งยากอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะมันนี่แหละ โว้ย พูดแล้วก็หงุดหงิด   แต่เพราะดินไม่ได้ค้านอะไรเดือนเลยปล่อยให้ไอ้หมอนั่นมันจัดการเรื่องทุกอย่างไป

        ‘พวกคุณนั่งนิ่งๆเป็นพระเอกแสนดีไปก็พอ’

        ดูมันพูด!

        “เอาน่า ถ้าคุณฝนเห็นว่าโอเคก็คงไม่เป็นไรหรอกครับ”

        “เดี๋ยวนี้เข้าข้างกันจังเลยนะ” เดือนเปรยขึ้น หรี่ตามอง มันแปลกจริงๆนี่นา เมื่อก่อนก็พอดูออกว่าน้องไม่ค่อยชอบฝน แต่เดี๋ยวนี้ดูเข้าข้างกันดีจริงๆ บางทีก็เห็นนั่งซุบซิบอะไรกันสองคนก็ไม่รู้

        “เปล่าสักหน่อยครับ” ดินตอบพลางยันตัวลุกขึ้น  รีบหนีเข้าไปในครัวก่อนจะโดนซักไซ้อะไรมากไปกว่านี้

       แจ้งเตือนไลน์ของเดือนดังขึ้นตอนห้าโมงเย็น  เป็นข้อความจากฝน พอกดเข้าไปก็ไม่เห็นอะไรนอกจากคำว่าให้เปิดอ่านกระทู้ที่ส่งมาให้ ซึ่งมีสองกระทู้ที่ถูกแปะมา  เดือนกดเข้าไปดูอันแรก  พอเห็นหัวข้อกับคลิปที่ถูกโพสเขาก็ตัวชาวาบ ยิ่งเมื่อคลิปเล่นไปจนถึงกลางคลิปเดือนก็รีบกดออกทันที

        นั่น...นั่นเป็นคลิปจากกล้องที่ถูกซ่อนไว้ในห้องนอนของญี่ปุ่น เป็นเหตุการณ์ในวันที่ญี่ปุ่นเมาแล้วเดือนแบกหล่อนกลับมาที่ห้อง  กล้องจับภาพเดือนตั้งแต่โยนญี่ปุ่นลงบนเตียง  ถอดเสิ้อเปื้อนอ้วกออกแล้วเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้จนถึงตอนที่เขาโทรหาใครบางคนแล้วก็รีบออกจากห้องไป จากนั้นไม่ถึงสิบนาทีก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาในห้อง  ญี่ปุ่นปรือตาขึ้นมองชายคนนั้นก่อนจะยิ้มยั่วยวน เริ่มปลดกระดุมเสื้อออกด้วยตัวเอง...

       เดือนรีบกดปิดกระทู้นั้น เขาไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม...คลิปนั่นไม่ได้ถูกตัดต่อใช่หรือเปล่า 

       ชายหนุ่มกัดริมฝีปาก  เดือนลังเลก่อนจะทำใจกดเปิดเข้าไปในอีกกระทู้หนึ่ง  มันคงไม่มีอะไรแย่ไปมากกว่านี้แล้วล่ะ  อีกอย่างถ้าอยากรู้ว่าคลิปนั่นเป็นของจริงไหมเขาก็ต้องพิสูจน์

       ทันทีที่หัวข้อกระทู้ปรากฏแก่สายตา ดวงตาคมสีอ่อนก็เบิกกว้างขึ้น  เขารีบเลื่อนลงไปอ่านเนื้อหาทันที  เมื่ออ่านจบ ชายหนุ่มก็ถือโทรศัพท์ค้างไว้แบบนั้น สีหน้าปรากฏทั้งความโล่งใจและความสับสน

       เขานิ่งอยู่อย่างนั้นจนคุณนายกิ่งแก้วที่เดินผ่านมามองอย่างแปลกใจ  หล่อนหยุดยืนมองลูกชายแล้วถาม “เป็นอะไรไอ้เดือน ทำหน้าเหมือนคนโดนผีหลอก”

      “หา...”

      “แล้วนั่นอ่านอะไร ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ต้องเข้าไปอ่านไอ้กระทู้ไร้สาระพวกนั้น เสียสุขภาพจิต”

      ว่าพลางแย่งโทรศัพท์มาจะกดปิดแต่คุณกิ่งแก้วก็ต้องชะงักเหมือนกับที่ลูกชายเป็นเมื่อเห็นหัวข้อกระทู้

       ‘จับผิดข่าวดาราท้อง ผิดจริงหรือจับแพะ?’

        ผมรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเลยครับ  ทั้งเรื่องกล้องวงจรปิดแล้วก็เรื่องรูปที่ถูกแอบถ่ายที่คุณ T นำมาลงในกระทู้ที่แล้ว รู้สึกว่ามันประจวบเหมาะเกินไป คือมีหลักฐานมาตั้งนานแล้ว? แล้วทำไมไม่เอามาบีบหรือเรียกร้องให้พ่อเด็กรับผิดชอบตั้งแต่ตอนรู้ว่าท้องแรกๆ ทำไมปล่อยให้เรื่องยืดมาตั้งหลายเดือนจนจะคลอดแล้วถึงค่อยปล่อยหลักฐานมา เหมือนกันว่ามันจัดมาแล้วเพื่อถล่มนายแบบคนนี้เลย  ผมก็เลยขอให้รุ่นพี่ที่เป็นคนรู้จักคนหนึ่งช่วยตรวจสอบให้ เขาบอกเราว่าภาพจากกล้องวงจรปิดนั่นถูกตัดต่อครับ แต่รูปของนายแบบกับแฟนผู้ชายคนนั้นเป็นของจริงนะ พอรู้แบบนี้ก็เลย อ้าว พอมีอะไรแบบนี้แล้วทุกอย่างมันจะยังบริสุทธิ์ใจอยู่แน่เหรอ บางทีคนผิดอาจเป็นคนถูก คนถูกอาจเป็นคนผิดก็ได้นะ แล้วพอเรามาเจอคลิปญี่ปุ่นกับผู้ชายแปลกหน้ามีอะไรกันในห้องที่มีคนปล่อยออกมา ตอนแรกก็คิดว่าถูกตัดต่อ แต่พอให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจดูก็บอกว่าของจริง แปลว่าญี่ปุ่นโกหกมาตลอด กระทู้เพื่อนอะไรนั่นก็อาจจะเป็นตัวเองปลอมมาเขียนก็ได้บางทีเราอาจจะจับแพะอยู่ก็ได้

        เดือนไล่อ่านความคิดเห็นไปเรื่อยๆ จนไปเจอกับความเห็นที่ว่ากระทู้ที่คนเขียนบอกว่าเป็นเพื่อนกับญี่ปุ่นนั้นได้ถูกลบไปแล้ว เพราะแบบนี้ทำให้กระแสเข้าข้างญี่ปุ่นที่เป็นมาตลอดเริ่มสับสน

       ความคิดเห็นที่ 1

       สมาชิกหมายเลข 5544 – ถ้าคลิปนี่ของจริงก็แปลว่าจับแพะของจริงเลย แต่ตอนนี้มันดูสับสนไปหมดแล้วอ่ะ  เราว่าถ้าให้ชัวร์ควรตรวจดีเอ็นเอนะ

       ความคิดเห็นที่ 3

       สมาชิกหมายเลข 6523 – เห็นด้วย ควรตรวจดีเอ็นเอนะ

       ความคิดเห็นที่ 48

       สมาชิกหมายเลข 32316 – อยากรู้จังว่าคนไปด่าเขาจะทำหน้ายังไงตอนนี้ ด่าซะเสียคนเลย

      ความคิดเห็นที่ 56

      ไก่กุ๊กกิ๊กกะดุกกะดุ๋ย – เราว่าแล้วว่าแปลกๆมาตลอด  พวกที่ไปด่าเขานี่เป็นไงบ้าง กระทู้นั้นก็ลบไปแล้วอ่ะ  ฮัลโหลๆ เก็บเศษหน้าอยู่ป่ะจ๊ะ

       ความคิดเห็นที่ 76

       สมาชิกหมายเลข 66 – ญี่ปุ่นแรดจะตายดูไม่ออกกันหรือไง กิ๊กมีเป็นหางว่าว

       ความคิดเห็นที่ 84

       สมาชิกหมายเลข 2314 – เห็นด้วย   เด็กนี่ลูกใครก็ไม่รู้ แต่เอาให้ชัวร์ก็ตรวจดีเอ็นเอ แต่ถ้าตรวจออกมาแล้วไม่ใช่ลูกเดือนนี่แจ้งความได้ไหมนะ  จะได้เห็นๆกันไป  มั่วก็มั่วไปแต่อย่ามายัดเยียดให้คนอื่น #ทำตัวไร้คุณค่าเอง

       ความคิดเห็นที่ 99

      สมาชิกหมายเลข 1000 – นางร้ายลิปพาสเทล 5555 ขอด่าหน่อยเหอะ เห็นนางแอ๊บใสมานานละหมั่นไส้  นี่ไอจีนางก็ล็อกแล้วนะ ก่อนหน้านี้ยังตั้งเป็นสาธารณะอยู่เลย  โธ่ๆ น่าสงสารจุงงง

      ความคิดเห็นที่ 100

      สมาชิกหมายเลข 222 – เม้นท์บนนี่แอนตี้ญี่ปุ่นป่ะคะ  ยังไงพี่เขาก็เป็นผู้เสียหาย ให้เกียรติกันนิดนึงค่ะ

     ความคิดเห็นที่ 101

      สมาชิกหมายเลข 8769 – ทีตอนเดือนคนด่าเป็นบ้าเป็นหลัง ประณามกันว่าไอ้หนุ่มนี่ผิดแน่ๆพ่อของลูก ไม่เห็นมีใครมาเรียกร้องให้ให้เกียรติกันบ้างเลย ทั้งๆที่อะไรก็ไม่ชัดเจน ทีญี่ปุ่นมีคนมาเรียกร้องคืออะไร ไม่ใช่แอนตี้นะ  เราตามข่าวนี้ห่างๆ เข้ามาอ่านแล้วดูก็ขอหน่อยเหอะ คือมันไม่ใช่ เราว่างานนี้ถ้าญี่ปุ่นโกหกอ่ะเดือนเป็นผู้เสียหายเต็มๆนะ  แล้วน้องผู้ชายคนนั้นด้วย ไปด่าเขาผู้ชายขายน้ำบ้าง โสเภณีบ้าง มันใช่ป่ะวะ ไม่ได้รู้จักเขาก็เฉยๆนะ คดีพลิกแล้วจะแหกโค้งนะจ๊ะ

     ความคิดเห็นที่ 233

     สมาชิกหมายเลข 145 – ทุกคนรับข่าวอย่างมีสติเถอะครับ อย่าเพิ่งเปิดศึกกัน ตอนนี้เราคงต้องรอตรวจดีเอ็นเออย่างเดียวแล้ว #เอาจริงๆก็เรื่องในครอบครัว #แต่ผมจะไม่พูดอะไรเพราะผมก็เผือกเหมือนกัน

       และความคิดหลังจากนั้นก็แตกออกเป็นสองฝ่าย คือฝ่ายที่เห็นว่าควรตรวจดีเอ็นเอ กับฝ่ายที่เชื่อว่าเดือนตัดต่อคลิปนี้เพื่อให้ตัวเองพ้นผิด  กระทู้นี้และคลิปของญี่ปุ่นแบบที่เซนเซอร์ใบหน้าถูกแชร์ต่อไปเป็นจำนวนมาก  เมื่อตั้งสติได้เดือนก็รีบส่งไลน์ไปหาฝนทันที

       เดือนแฟนน้องดิน : ใครตั้งกระทู้นั้นขึ้นมา

       Raining : จะใครถ้าไม่ใช่ผม แต่ข้อมูลในกระทู้จริงทุกประการนะ

       เดือนแฟนน้องดิน : แล้วคลิปญี่ปุ่น?

       Raining : กวินปล่อย


        เดือนกดลบแชททันทีหลังอ่านจบ  นี่สินะที่บอกว่าขอไปหาหลักฐานเพิ่มเติม 

        ชายหนุ่มเคาะนิ้วลงกับโต๊ะ  จากการคาดเดาของเขา ถ้าคลิปและกระทู้นี้ถูกแชร์ออกไปในวงกว้าง ทางบริษัทน่าจะจัดให้พวกเขาให้สัมภาษณ์กับนักข่าว พอถึงตอนนั้นสรัลก็จะพูดเรื่องตรวจดีเอ็นเอได้

         “เฮ้อ  อะไรกันเนี่ย วงการพวกนี้ ฉันล่ะปวดหัวจริงๆ” คุณนายกิ่งแก้วที่เงียบไปนานพูดขึ้น หล่อนจ้องลูกชายอีกคนนิ่งๆก่อนจะลูบหัวมันเบาๆเป็นเชิงปลอบ “ยังไงก็แล้วแต่ อดทนอีกหน่อยนะเจ้าเดือน  เป็นแบบนี้อีกไม่นานเรื่องก็คงจะจบแล้ว  อดทนอีกหน่อยนะลูก”

        “ครับแม่” เดือนยิ้มรับก่อนจะกอดร่างท้วมนั้นแน่นๆ  ชายหนุ่มหันกายเดินลงไปในสวนด้านล่างก็พบดินกำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่  คนตัวโตเดินเข้าไปสวมกอดร่างเล็กจากข้างหลังทำให้ดินสะดุ้ง  เขาหันกลับมา ดวงตาหลังเลนส์ใสเหลือบมองไปด้านนอกรั้ว

         “พี่เดือน เดี๋ยวมีคนมาเห็น”

         “อืม”

         “พี่เดือน...เป็นอะไรครับ?”

         มือบางแตะเข้าที่เส้นผมสีอ่อนที่ตอนนี้เริ่มยาวลงจนเกือบจะระบ่า แต่ยังไม่ทันที่เดือนจะได้ตอบก็มีเสียงดังมาจากหน้าบ้านเสียก่อน

         “มายืนกอดกันตรงนี้ มึงอยากเป็นข่าวอีกรอบใช่ไหมไอ้เดือน หนนี้ถ้ามีเรื่องอีกกูพามึงเข้าป่าจริงๆด้วยนะ” น้ำเสียงทีเล่นทีจริงจากปากหนุ่มมาดเซอร์ทำให้ดินอมยิ้มออกมา  อารัณย์เปิดประตูรั้วตามมาด้วยฝนกับกวิน  หนุ่มผมยาวหันมาพูดกับเดือน “มึงเห็นที่ฝนส่งให้แล้วใช่ไหม”

         “ใช่ มึงว่าทำแบบนี้มันไม่ดูประจวบเหมาะไปเหรอ”

         “ไม่หรอกครับ” กวินเป็นคนตอบแทน  “ถ้ามีคนสืบเรื่องนี้ผมก็จะบอกว่าผมได้คลิปมาจากกล้องที่ซ่อนอยู่ในห้องของญี่ปุ่น  อันที่จริงก็เป็นความจริงแหละ ผมได้คลิปนี้มาจากแฟนใหม่ของญี่ปุ่นจริงๆ”

         “แล้วไอ้หมอนั่นเป็นใครน่ะ หน้าไม่คุ้นเลย”  หนุ่มผมยาวถามขึ้นระหว่างที่พวกเขาเดินขึ้นไปบนบ้าน  ฝนที่กำลังขมวดคิ้วมองหน้าจอโทรศัพท์ตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นมา “ชื่อพอร์ชน่ะครับ นายแบบหน้าใหม่แต่ประวัตินี่แซ่บไม่เบานะ เล่นยาดื่มเหล้า เจ้าชู้ตัวพ่อ”

        เดือนพ่นลมหายใจ  คนแบบนี้คงเข้ากับแฟนเก่าเขาได้ดีแน่ๆ

        คุณมะลิที่เห็นว่าทีคนมาเพิ่มก็ลากสามีออกไปซื้อกับข้าวข้างนอกระหว่างที่ชวนทุกคนให้อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกัน  “แล้วจะทำยังไงต่อไปครับ” ดินถาม  จริงอยู่ว่าคลิปที่ถูกปล่อยออกมาสร้างความปั่นป่วนมากพอสมควรแต่ทุกอย่างก็ดูไม่แน่ชัด  คำว่าอาจจะถูกจัดฉากปรากฏอยู่ในใจทุกคน  ถ้าจะทำให้พวกเขาพ้นผิดจริงๆก็ต้องหาหลักฐานที่พิสูจน์ได้ชัดเจนกว่านี้

        “ก็คงต้องรอให้ข่าวนี้มันแพร่ออกไปมากๆก่อนจากนั้นทางบอสก็คงเรียกให้พวกเราไปเจรจากับทางญี่ปุ่น บีบให้พวกเขายอมให้ตรวจดีเอ็นเอ” นับสืบหนุ่มที่วันนี้มาในชุดเสื้อยืดขาวที่มีสภาพเหมือนถูกพู่กันสะบัดสีใส่ยกขาขึ้นไขว่ห้าง  คนผมสีอ่อนเมื่อได้ยินดังนั้นก็ส่ายหน้า “ทางนั้นไม่ยอมหรอก”

      “ผมก็คิดแบบนั้น คุณสรัลบอกว่าถ้าทางนั้นไม่ยอมเราคงต้องออกไปพูดต่อหน้าสื่อ ให้พวกสื่อกดดันแทน แต่ถ้าพวกเขาไม่ยอม...ผมก็จะบีบให้ได้ เชื่อเถอะว่าผมทำได้”

       ดวงตาคมฉายแววจริงจัง คนตัวสูงลอบกลืนน้ำลาย รู้สึกเหมือนโชคเข้าข้างที่ผู้ชายคนนี้ยอมมาเป็นพวกเขา  ไม่งั้น..เขากับดินคงแย่กว่านี้  คิดดูสิว่าแค่ตามถ่ายภาพกับตัดต่อวงจรปิดก็ทำให้พวกเขาวุ่นวายกันได้ขนาดนี้แล้ว

       สามวันต่อมาเรื่องคลิปของญี่ปุ่นเป็นกระแสแรงจนช่องข่าวบันเทิงทุกช่องต้องนำมาออกข่าว  มีการเชิญหญิงสาวให้ไปออกรายการแต่ญี่ปุ่นก็ปฏิเสธไปด้วยข้ออ้างที่ว่าเธอท้องแก่ใกล้คลอดและไม่สะดวกจะไปออกรายการใดๆทั้งสิ้น  ดูเหมือนว่าหญิงสาวกำลังเครียดและมีภาวะซึมเศร้า  ญี่ปุ่นพยายามโทรหาเดือนแต่เขาก็ไม่ได้รับสาย หญิงสาวพยายามเรียกร้องความสนใจของเขาผ่านทางเฟซบุ๊คและอินสตาแกรมแต่กลับไม่ส่งผลอะไรนอกจากการถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักขึ้นและถูกเรียกร้องให้ทำทุกอย่างให้ชัดเจนมากขึ้น

      เหมือนกรรมตามสนอง...สิ่งที่หญิงสาวเคยทำกับพวกเดือนตอนนี้ย้อนกลับมาหาเจ้าตัวแล้ว แต่เดือนกลับไม่สงสารเลยแม้แต่น้อย เขารู้สึกสมเพชหญิงสาวมากกว่า

       วันนี้เขาถูกสรัลโทรตามให้เข้าไปที่บริษัทแต่เช้า ชายหนุ่มจึงพาดินแล้วก็พ่อแม่ออกมาด้วย  พอขับรถมาถึงเดือนก็หยิบเอาหมวกมาให้ดินใส่ ชายหนุ่มกดปีกหมวกให้ปิดใบหน้าครึ่งหนึ่งของคนรักไว้ก่อนจะพากันลงมาจากรถ  เมื่อขึ้นลิฟท์มาถึงชั้นห้องทำงานของสรัล พวกเขาก็พบว่ามีคนรออยู่ในห้องจำนวนหนึ่งแล้ว รวมถึงคนที่คาดไม่ถึงอย่างชินกรและญี่ปุ่นด้วย  ดวงตากลมของดาราสาวรื้นไปด้วยหยดน้ำตาเมื่อเห็นว่าเดือนจูงมือดินเข้ามา

     กุ๊กปิดประตูตามหลังเดือน ชายหนุ่มพาดินไปนั่งบนโซฟาข้างอารัณย์กับฝน  กวินนั่งอยู่ตรงข้ามชินกร ทั้งคู่ดูเหมือนกำลังฟาดฟันกันผ่านทางสายตา

       “เอาล่ะครับ ก่อนอื่นผมต้องบอกว่าจากเรื่องงที่เกิดขึ้นทั้งหมด...ทางต้นสังกัดของญี่ปุ่นต้องการให้เรื่องนี้จบสักที  ทางเราเลยขอเจรจากับคุณชินกรครับ” สรัลเปิดประเด็น “ผมเลยขอให้เดือนและพ่อกับแม่มาด้วยเพราะ...พวกเขาเป็นหนึ่งในผู้เสียหาย”

       “มันจะไม่มีการตรวจอะไรทั้งนั้น”  ชายวัยกลางคนคำรามลอดไรฟัน  กำหมัดแน่นพลางจ้องเดือนอย่างโกรธแค้น “ทุกคนต่างรู้ว่าลูกสาวผมเป็นผู้เสียหาย!”  ชินกรทุบโต๊ะดังปัง  อัลเฟรดหรี่ตาลงมองชายตรงหน้าด้วยดวงตาที่แสดงถึงความไม่ชอบใจนัก

       “แต่ผมว่ามันก็ไม่แน่หรอกนะครับ  ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่าลูกสาวคุณเป็นผู้เสียหายอยู่หรือเปล่าหลังจากมีคลิปนั้นหลุดออกมา” ฝรั่งร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง จ้องมองชินกรที่โกรธจนหน้าแดงก่ำ  “ผมว่าบางทีเราก็ต้องการความชัดเจนและโปร่งใสนะครับคุณชินกร”

       “คลิปนั่นอาจจะเป็นการตัดต่อ”

       “เหมือนที่คุณตัดต่อภาพวงจรปิดใช่ไหมล่ะครับ” กวินแทรกขึ้นมา ยิ้มเยาะใส่ชินกร เขากล้าพูดออกมาเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่กล้าพูดว่าจ้างเขาให้ตัดต่อแน่ เพราะเท่ากับยอมรับว่าป้ายความผิดเรื่องพ่อของเด็กให้กับเดือน

       “บางทีถ้าตกลงกันไม่ได้เราคงต้องไปพูดกันต่อหน้าสื่อ” สรัลประสานมือบนหน้าตัก เป็นท่าทางปกติยามต้องการกดดันคู่สนทนา แต่ชินกรเองก็เป็นชายที่ผ่านวงการธุรกิจและการกดดันแบบนี้มาอย่างโชกโชนเช่นกัน  ชายวัยกลางคนจึงรวบรวมสติได้อย่างรวดเร็ว “คุณใช้สื่อกดดันผมไม่ได้หรอกคุณสรัล ถ้าผมไม่อนุญาตก็คือไม่อนุญาต” ชายวัยกลางคลุกขึ้นขณะที่ญี่ปุ่นพยายามประคองร่างผอมบางแต่ป่องกลางของตัวเองให้ลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก

       ตุบ

       กวินโยนซองสีน้ำตาลซองหนึ่งลงบนโต๊ะ ทำให้ร่างสองร่างที่กำลังจะเดินออกจากห้องต้องหยุดชะงัก  ชายหนุ่มเหยียดยิ้มมองไปที่ญี่ปุ่นพลางพูด  “เปิดสิ ของเธอ”

       มือเรียวสั่นเทาของหญิงสาวค่อยๆเอื้อมมาหยิบซองไปก่อนจะแกะเปิด สิ่งที่อยู่ในนั้นเหมือนจะเป็นรูป  ดวงตากลมเบิกกว้างอย่างตระหนก เดือนไม่รู้ว่ากวินเอาอะไรให้ญี่ปุ่นดู แต่หญิงสาวทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้  ร่างเล็กรีบยัดรูปภาพทั้งหมดลงซองก่อนผู้เป็นพ่อจะหยิบมาดูทัน นับสืบหนุ่มรีบดึงซองออกมาก่อนมือหนาของชินกรจะกระชากมันไป  เขาหันไปหาญี่ปุ่นที่เม้มริมฝีปากแน่น ใบหน้าซีดอย่างหวาดหวั่น

       “เธอจะยอมตรวจดีเอ็นเอตอนนี้แล้วให้เรื่องทั้งหมดมันเงียบไปเอง หรือจะให้ฉันพังทั้งชีวิตของเธอ เลือกเอา”

       “ฉันไม่อนุญาตให้ตรวจ!”

        “ผมถามคุณญี่ปุ่น ไม่ได้ถามคุณ เธอจะต้องเลือกชีวิตของตัวเธอเองได้แล้วล่ะ”  ว่าจบก็หันไปหาญี่ปุ่น  “เลือกสิ”

       หญิงสาวหันไปมองบิดาก่อนจะหันไปมองผู้คนรอบๆห้อง  รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกกดดันอย่างหนัก ญี่ปุ่นจ้องมองกวินอย่างเคียดแค้น  เพราะมัน...เพราะมัน! รูปในซองนั่นเป็นรูปของเธอตอนเสพยา  สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า และเต้นอยู่กับเพื่อนผู้ชายในผับ  ถ้าหากมันแพร่ออกไปชีวิตที่รุ่งโรจน์ของเธอก็จะจบลง...จบแบบดับสนิทไม่ได้เกิดแน่ๆ

       “อ้อ แล้วผมรู้นะว่าคุณไปที่คลินิกของหมอชาญชัยมา”  ประโยคนี้ทำเอาหญิงสาวสะดุ้งจนสุดตัว  คนอื่นไม่รู้...แต่เธอรู้  คลินิกที่ว่านั่นเพื่อนของเธอแนะนำมา ญี่ปุ่นทนกับความกดดันไม่ไหวแล้ว หญิงสาวต้องการทำแท้ง ถึงแม้ว่าการคิดจะเอาเด็กออกตอนนี้จะอันตรายและเสี่ยงมาก แต่เธอก็ไม่อยากเก็บมันเอาไว้  ไม่อยากเลี้ยงดูภาระที่นำแต่ปัญหามาให้!

มีต่อค่ะ

ออฟไลน์ snowrabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +219/-6
         แต่สุดท้ายพอถึงหน้าคลินิกหญิงสาวก็ไม่กล้าเข้าไป...เธอขี้ขลาดเกินกว่าจะให้ตัวเองเสี่ยงอันตรายไปด้วย

        พอมองสบดวงตาที่แสดงถึงชัยชนะนั่นญี่ปุ่นก็รู้ว่าตัวเองพ่ายแพ้แล้ว...เธอก้มหน้าลง ตอบรับเสียงสั่นเครือ

        “ฉัน...ฉันยอมให้ตรวจดีเอ็นเอของลูก”

       สิ้นเสียงแผ่วนั้นนับสืบร่างสูงก็เหยียดยิ้มออกมา “เป็นอันว่าตกลง  ถ้าหากว่ามีการเล่นตุกติก ไม่มาตามนัด  หรือทำอะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้การตรวจดีเอ็นเอไม่สามารถทำได้ ภาพพวกนี้จะถูกแพร่ออกไป เข้าใจไหมครับ”  การข่มขู่ที่พูดด้วยน้ำเสียงสบายๆแบบนี้ทำให้ชินกรกัดฟันกรอด  กวินไม่สบตาชายคนนั้น เขารู้แน่แล้วว่าตัวเองต้องโดนหมายหัว  แต่แล้วไง เขาไม่ใส่ใจหรอก 

        เพราะเขาเตรียมแผนรับมือเอาไว้หมดแล้ว จะจัดการก็ต้องทำให้หมดจด ไม่ให้เหลือรอดมาทำร้ายตัวเอง

        ตีงูก็ต้องตีให้ตาย
   
         หลังจากการเจรจาครั้งนั้นพวกเดือนก็ลงไปให้สัมภาษณ์กับนักข่าว เขาตอบแค่สั้นๆว่าเพื่อความกระจ่างและความถูกต้องทางพวกเขาได้ตกลงกันแล้วว่าเมื่อเด็กเกิดมาจะมีการตรวจดีเอ็นเอ และเพื่อให้ทุกอย่างโปร่งใสที่สุด จะมีนักข่าวหนึ่งคนเข้าไปฟังผลตรวจกับพวกเขาด้วยและโรงพยาบาลที่พวกเขาจะตรวจดีเอ็นเอคือโรงพยาบาลรัฐที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเพื่อป้องกันการปลอมแปลงผล  และคลิปกล้องวงจรปิดของเดือนกับคลิปวิดิโอของญี่ปุ่นก็จะถูกส่งให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบว่าผ่านการตัดต่อมาหรือไม่ และนำมาเปิดเผยกันต่อหน้านักข่าวพร้อมกับผลดีเอ็นเอเลย
   
        “ทั้งหมดนี่ก็เพื่อความโปร่งใส” สรัลพูดย้ำอีกครั้งก่อนจะขอจบการสัมภาษณ์  เดือนเดินเข้าไปหาพ่อกับแม่ที่ยืนรออยู่พร้อมดิน  พวกท่านกอดเขาไว้แน่น  ลูบหลังให้กำลังใจ
   
        “ลูกเป็นคนซื่อสัตย์” แม่มะลิพูด แย้มยิ้มโล่งใจ “ความจริงที่ลูกพูดอยู่เสมอจะปกป้องลูก”
   
        “ทำดีมากไอ้เสือ”
   
         หญิงสาวร่างบางก้มมองนาฬิกาข้อมือก่อนอุทานออกมา “พ่อกับแม่ต้องกลับบ้านก่อนนะลูก พี่แก้วฝากซื้อกับข้าว บอกว่าจะเลี้ยงฉลอง ให้ชวนคนอื่นๆไปด้วยนะ” ผู้เป็นลูกพยักหน้ารับ ก่อนจะมองส่งพ่อกับแม่ออกไป  เขาจึงหันมาหาคนรักที่ยืนรออยู่  ดินเดินเข้ามาจับมือเขาไว้ก่อนจะสอดประสานมือเข้ากับมือของเขา
   
         “กลับบ้านกันนะครับ”
   
         “อื้อ กลับบ้านกันเถอะ”
   


         ระหว่างทางกลับบ้าน จู่ๆดินก็ถามขึ้นมา “พี่เดือนครับ พี่เดือนอยากมีลูกไหม” คำถามนั้นเรียกให้ดวงตาคมเหลือบมามองแวบหนึ่งก่อนหันไปมองถนนต่อ

        “ถามทำไม หืม”

        “อยากรู้ครับ”  เดือนทำท่าคิดครู่หนึ่งก่อนพยักหน้า “อื้อ พี่อยากมีลูก” มีเด็กตัวเล็กๆมาวิ่งเล่นในบ้าน ให้เขาสอนปั่นจักรยาน ให้ดินสอนวาดรูป ช่วยกันปลูกต้นไม้   แบบนั้นก็คงดีเหมือนกัน  เดือนเหลือบมองดินที่เงียบไปแล้วก็เอื้อมมือข้างหนึ่งไปโยกศีรษะคนผมดำเบาๆ

        “ดินขอโทษนะที่มีลูกให้พี่ไม่ได้”

        “หยุดความคิดนั่นเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นพี่จะตี”   

        คนตัวโตเอ่ยเสียงดุ  “พี่อยากมีลูก แต่ถ้าคนช่วยเลี้ยงไม่ใช่ดินก็ไม่อยากมีแล้ว...ไม่มีน้อง มันจะเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ได้ยังไง”

         คนตัวเล็กไม่ตอบคำเขา แต่ดึงมือเขาไปแนบแก้มแล้วเอียงใบหน้าเข้าหาฝ่ามือใหญ่แบบอ้อนๆ “ว่าแต่ทำไมถามขึ้นมา  ดินอยากมีลูกเหรอ”

         “เปล่าครับ  ดินแค่คิดว่าดินอาจทำให้พี่พลาดโอกาสในชีวิตไป” ดวงตาหลังกรอบแว่นฉายแววเศร้าสร้อยบางเบา “ดินท้องไม่ได้ มีลูกให้พี่ไม่ได้ ทั้งที่ถ้าพี่ไม่เจอดิน พี่ก็อาจได้เจอผู้หญิงดีๆ มีลูก...ให้พาไปโรงเรียน ให้สอนร้องเพลง ให้หัดปั่นจักรยาน...ดินแค่...แค่ทำให้พี่เสียโอกาสพวกนั้น ดินขอโทษ”

         รอยยิ้มบางแตะแต้มบนริมฝีปากได้รูปของเดือน  ชายหนุ่มอาศัยจังหวะที่รถติดไฟแดงหันมาจูบเบาๆที่ปลายจมูกของดิน

         “พี่เองก็ทำให้ดินเสียโอกาสนั้นเหมือนกัน  ในเมื่อไม่มีโอกาสกันทั้งคู่แบบนี้แล้ว เราก็ต้องดูแลกันดีๆแล้วไม่ใช่เหรอ” ชายหนุ่มโน้มใบหน้าไปจนปลายจมูกของเขาชนกับปลายจมูกรั้นเบาๆ “อย่าปล่อยมือกันก็พอ”

        เดือนออกรถเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว เขาเงียบไปสักพักก่อนพูดขึ้น “แต่ว่า...ถ้าดินอยากเลี้ยงลูก เรารับเด็กสักคนมาเลี้ยงไหมล่ะ”

        “เอ๋...จ...จะดีเหรอครับ” เด็กนะไม่ใช่ลูกหมาที่อยากเลี้ยงก็รับมาเลี้ยงได้เลย  เขาเองก็ไม่มีประสบการณ์เลี้ยงเด็กมาก่อนนอกจากต้นข้าว...ซึ่งนั่นก็ผ่านมานานมากแล้ว

       “เอ้า ก็ช่วยกันเลี้ยงสิ พี่เป็นพ่อ ดินเป็นแม่ ครอบครัวสุขสันต์จะตาย” คนถูกยัดเยียดตำแหน่ง ‘แม่’ มาให้แทบสำลักน้ำลายตัวเอง “ใครจะเป็นแม่ไม่ทราบครับ! ดินเป็นผู้ชายนะ ดินต้องเป็นพ่อสิ”

       “อ้าวเหรอ ทีตอนอยู่บนเตียง...”

       “ไม่อยากขับรถพุ่งชนต้นไม้ก็เงียบครับ”

       ดินพูดแทรกเสียงดัง สองแก้มร้อนผ่าวจนต้องก้มหน้างุด  แว่วเสียงคนตัวโตหัวเราะในลำคอก็ยิ่งอาย โถ่เว้ย อย่าให้ได้อยู่บนบ้างนะ เขาจะหัวเราะให้สะใจเลย!


       หนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้นญี่ปุ่นก็ถึงกำหนดคลอด ข่าวนี้นับว่าเป็นประเด็นร้อนที่ทุกคนจับตามองเพราะนั่นหมายถึงการตรวจดีเอ็นเอเพื่อพิสูจน์ว่าเดือนเป็นพ่อเด็กหรือไม่มาถึงแล้ว  สรัลนัดหมายกำหนดการตรวจหลังการคลอดไปสามวันเพื่อให้แม่เด็กได้พักฟื้นก่อน   

        มันเป็นสามวันที่เดือนรู้สึกว่าเวลาผ่านไปช้าที่สุด คงจะจริงที่ว่าถ้าเรารอคอยอะไรบางอย่างเวลาก็จะผ่านไปช้ามากๆ

        จนในที่สุดวันที่พวกเขาต้องไปตรวจดีเอ็นเอมาถึง  นักข่าวรอกันอยู่ด้านหน้าโรงพยาบาลเป็นจำนวนมาก  วันนี้เดือนมากับกุ๊กและอารัณย์  เขาไม่ได้พาดินมาด้วยเพราะไม่อยากให้น้องโดนนักข่าวรุม 

        เมื่อมาถึงนางพยาบาลก็พาพวกเขาขึ้นไปที่ชั้นสาม อันเป็นชั้นที่ญี่ปุ่นนอนพักฟื้นอยู่  นางพยาบาลนำพวกเขาไปที่ห้องผู้ป่วย เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบชินกรนั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องกับญี่ปุ่นที่นอนนิ่งหันหน้าไปนอกหน้าต่าง ไม่สบตากับใครสักคน  ข้างเตียงผู้ป่วยคือกระบะใสที่มีทารกเพศชายนอนหลับอยู่

       “ขอโทษนะครับ” เดือนเอ่ยกับนางพยาบาลที่ยืนอยู่ในห้อง “เด็กคนนี้ชื่ออะไรเหรอครับ” นางพยาบาลสาวมีท่าทางลำบากใจ เธอหันไปมองชินกรก่อนลากสายตาไปมองญี่ปุ่นที่นอนนิ่งก่อนตอบเสียงแผ่ว “ดิฉันก็ไม่ทราบค่ะ” เดือนพยักหน้า ไม่ได้คิดอะไรให้มากความ 

        ทั้งสามคนนั่งลงบนเก้าอี้ที่นางพยาบาลจัดมาให้  อารัณย์มองญี่ปุ่นที่ไม่กระดิกตัว ไม่หันกลับมามองใครก่อนจะโน้มตัวลงไปกระซิบกับเดือน “เหมือนจะเป็นอาการซึมเศร้าหลังคลอดว่ะ” เดือนไม่ได้มองญี่ปุ่นแต่มองเด็กทารกอย่างสงสาร ดูเหมือนว่าเด็กน้อยจะไม่ได้รับการเอาใจใส่จากใครเลยนอกจากนางพยาบาล

         เกิดมาโดยที่ไม่เป็นที่ต้องการของใครเลย...น่าสงสาร

         เดือนมองเด็กน้อยคนนั้นพลันความรู้สึกหนึ่งเกิดขึ้นในใจ  มันเหมือนกับว่า...เขาถูกชะตากับเด็กคนนั้น อาจเป็นเพราะความสงสารหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ชายหนุ่มก็รู้สึกว่าเด็กคนนี้เหมือนกับดิน...และเขาก็อาจจะเกิดความรู้สึกอยากปกป้องขึ้นมา

        “คุณหมอให้พาพวกคุณไปรับการตรวจได้แล้วค่ะ”  นางพยาบาลอีกคนหนึ่งเดินเข้ามาบอกกับพวกเขา  เดือนหยิบเอกสารที่ต้องใช้ขึ้นมา เดินตามนางพยาบาลคนนั้นไปพร้อมกับนางพยาบาลอีกคนที่อุ้มเด็กทารกตามมา

         หลังจากยื่นเอกสารและชำระเงินค่าตรวจเรียบร้อย  พวกเขาก็ไปถ่ายรูปพร้อมกันโดยเจ้าหน้าที่ของหน่วย จากนั้นพวกเขาก็เข้ารับการตรวจโดยใช้วิธีป้ายเยื่อบุข้างแก้ม   เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนการตรวจเจ้าหน้าที่ก็นัดให้พวกเขาเข้ามาฟังผลตรวจได้ในอีกประมาณสามอาทิตย์

        หลังตรวจเสร็จกุ๊กก็โทรมาบอกให้เดือนออกไปรอที่ด้านนอกโรงพยาบาลเพื่อป้องกันนักข่าว ก่อนไปชายหนุ่มก็ร้องเรียกนางพยาบาลที่อุ้มเจ้าหนูน้อยคนนั้นให้หยุดก่อน  เดือนวิ่งเข้าไปหา ก้มมองเด็กน้อยที่บัดนี้ตื่นแล้วและกระพริบตามองปริบๆ
ความรู้สึกบางอย่างปรากฏขึ้นในใจ เขาไม่ใช่พ่อเด็ก แต่น่าแปลกที่เขารู้สึกผูกพันกับเด็กคนนี้

         ชายหนุ่มโน้มตัวลงไปจูบเบาๆที่กระหม่อมบาง  เขาส่งยิ้มให้นางพยาบาลที่ดูตะลึงอยู่ไม่น้อยก่อนจะหันกายเดินออกไป
สามสัปดาห์...อีกแค่สามสัปดาห์ ทุกอย่างก็จะจบลง


          หากตอนที่เขารอสามวันว่านานแล้ว การรอสามสัปดาห์ก็เป็นอะไรที่ทรมานใจพอกัน ชายหนุ่มที่ดูฟุ้งซ่านถูกดินดึงไปทำกิจกรรมนู่นนี่ตลอดเวลา แต่ชายหนุ่มผมดำก็รู้สึกว่าพักหลังมานี้เดือนมักจะเหม่อลอยเป็นพักๆ เหมือนกับว่าเขาคิดอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา

         เวลาผ่านไปจนกระทั่งถึงกำหนดฟังผล เดือนพาดินกับพ่อแม่ไปโรงพยาบาลด้วย ส่วนแม่แก้วบอกว่าจะขอเตรียมอาหารรออยู่ที่บ้าน  ชายหนุ่มให้ดินนั่งรออยู่ในห้องพักผู้ป่วยกับญี่ปุ่นระหว่างที่ตัวเองไปฟังผล  โชคยังดีที่ในห้องมีพ่ออัลเฟรดกับแม่มะลิอยู่ด้วยดินจึงไม่อึดอัดมากนัก

         คนผมดำมองหญิงสาวที่นั่งเหม่อลอยไปนอกหน้าต่าง  ญี่ปุ่นไม่สนใจใครในห้องเลย ตั้งแต่พวกเขาเข้ามาก็พบว่าหญิงสาวอยู่ในท่านั้นอยู่แล้ว  เธอดูเหมือน...เหมือนหุ่นกระบอกเชือกขาด ไร้เรี่ยวแรงและดูหมดกำลังใจในชีวิต  เขากวาดตามองไปรอบๆห้องพักที่ตกแต่งอย่างดีสมราคาที่จ่าย ข้างเตียงมีเพียงกระเช้าผลไม้หนึ่งใบ มีดปอกผลไม้กับจานเปล่าวางอยู่บนโต๊ะใกล้ๆกัน  นอกจากพวกเขาในห้องนี้ก็มีแค่ลูกน้องชินกรแค่คนเดียวเท่านั้น

         มันดูว่างเปล่าแล้วก็โดดเดี่ยวจนน่าใจหาย

         ชายหนุ่มหันไปมองกระบะเด็กอ่อน  เด็กคนนั้นเป็นผู้ชาย... ตอนที่เห็นแวบแรกดินก็รู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้อย่างบอกไม่ถูก ทั้งถูกชะตาทั้งสงสาร  มันเหมือนกับว่าเห็นตัวเขาในวัยเด็กล่ะมั้ง   นอนอยู่แต่ไม่มีใครสนใจ  เขามองเด็กน้อยที่ไม่รู้ชื่อสลับกับแม่เด็กที่ดูอ่อนแรง  ด้วยความสงสารดินจึงขยับไปข้างเตียงญี่ปุ่น  หยิบแอปเปิ้ลขึ้นมา “คุณญี่ปุ่นทานแอปเปิ้ลไหมครับ เดี๋ยวผม...”

         “ไปให้พ้น”

        น้ำเสียงแผ่วเบาตัดบทเขา  หญิงสาวยังคงไม่หันหน้ามา ดินเองก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากวางมีดกับแอปเปิ้ลลง  เขากำลังจะถอยกลับไปนั่งที่โซฟาตามเดิมก็เป็นเวลาเดียวกับที่เจ้าหนูน้อยในกระบะเด็กอ่อนส่งเสียงร้องขึ้นมา  เสียงแหลมๆของเด็กทำให้ดินปวดหัวไม่น้อย  เขาไม่มีประสบการณ์เลี้ยงเด็กไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่มองหน้ากับคนในห้องเลิกลั่ก

          คนที่ตกใจเป็นพวกเขาแต่แม่เด็กแท้ๆกลับนั่งนิ่ง ไม่ทำอะไรนอกจากขยุ้มผ้าห่มแน่น

           ในที่สุดเมื่อความอดทนสิ้นสุดลง..ญี่ปุ่นก็แผดเสียงออกมา

           “หุบปาก!” หญิงสาวกรีดเสียงร้องแหลมทำให้ดินตกใจ  ญี่ปุ่นยกสองมือขึ้นปิดหู หวีดเสียงออกมาแข่งกับทารกน้อย
   
          “หุบปาก หุบปากเดี๋ยวนี้! ไอ้เด็กเวร ฉัน...ฉันรำคาญแกจะตายแล้ว แหกปากอะไรนักหนาได้ทุกวัน  กรี๊ดดด ฉันบอกให้หุบปากไง! ใครก็ได้...ใครก็ได้ทำให้มันเงียบที”

          ดินตกใจกับท่าทางที่เหมือนคนเสียสติของญี่ปุ่น  หญิงสาวยังคงแผดเสียงไม่เลิกประกอบกับเสียงเด็กร้องมันทำให้ดินปวดหัวจนอยากจะออกไปให้พ้นๆ แม่มะลิที่ทนไม่ไหวรีบเข้ามาดู เด็กน้อยร้องไห้ออกมาเพราะเขาอุจจาระเลอะผ้าอ้อม  คุณแม่มะลิเลยจัดการเปลี่ยนผ้าอ้อมให้อย่างเชี่ยวชาญ

         ดวงตากลมแฝงแววตำหนิไปที่ญี่ปุ่น หญิงสาวบนเตียงเมื่อทารกหยุดร้องไห้ก็สงบสติอารมณ์ลง ร่างบางหายใจหอบอย่างแรง ผินหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างตามเดิม

         “นี่...คุณแผดเสียงโวยวายแข่งกับลูกทุกครั้งที่ลูกคุณร้องหรือไง” น้ำเสียงหวานกล่าวอย่างตำหนิ “อย่างน้อยก็ช่วยสนใจลูกบ้างเถอะ ยังไงก็เป็นลูกคุณ”

         “หุบปาก!” ใบหน้าหวานที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวหันกลับมามองพร้อมน้ำเสียงตวาด “มันไม่ใช่ลูกฉัน ฉันไม่อยากได้เด็กแบบมัน! ไอ้เด็กนรก! ฉันเกลียดมัน มัน...มันเกิดมา...เกิดมาเพื่อทำลายชีวิตฉัน”

        ถ้อยคำหยาบคายรุนแรงที่เธอใช้ด่าทอเด็กน้อยบริสุทธิ์ที่นอนไม่รู้เรื่องอยู่ในกระบะเด็กอ่อนทำให้มะลิเผยสีหน้าไม่อยากเชื่อ หล่อนไม่คิด...ว่าบนโลกของเรามันจะมีคนประเภทนี้อยู่ด้วยจริงๆ นึกว่ามีแต่ในละครเสียอีก แต่วันนี้เธอเห็นแล้วว่ามันมีจริงๆ...แม่ที่ไม่เคยรักลูกของตัวเองเลย

         หญิงสาวถอนหายใจ ดึงลูกชายที่ยืนอึ้งอยู่ให้กลับมานั่งที่  ก่อนจะนั่งคอยลูกชายคนโตต่อไป

        แกรก

         ในที่สุดเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น  เดือนเดินเข้ามาพร้อมกับชินกร บนใบหน้าของชายหนุ่มปรากฏแววโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเห็นดินเดือนก็ตรงเข้ามารวบร่างเล็กเข้าไปกอดแน่น  เสียงทุ้มกระซิบอยู่ข้างหู

         “ผลตรวจออกมาแล้ว...ไม่ตรงกัน...พี่ไม่ใช่พ่อเด็ก” ดินซุกหน้าลงกับไหล่คนรัก หัวเราะแผ่วเบาออกมาด้วยความยินดี  พวกเขาเป็นอิสระแล้ว...จากทุกข้อกล่าวหา  ความโล่งใจแผ่ไปทั่วจนร่างกายเบาโหวง เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก  ไม่นานสรัลก็ตามเข้ามา “ลงไปข้างล่างกันเถอะ จะได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าว” เดือนพยักหน้า จับจูงคนตัวเล็กให้เดินไปด้วยกัน

          ทันทีที่ลงมาถึงหน้าโรงพยาบาล พวกเขาก็พบนักข่าวกลุ่มใหญ่รออยู่  พวกเขากรูล้อมเดือนทันทีที่ชายหนุ่มปรากฏตัว ดินพยายามปลดมือพี่ชายต่างสายเลือดออกแต่เดือนกลับส่ายหน้าแล้วกระชับมือให้แน่นขึ้น

         “คุณเดือนคะ สรุปผลตรวจเป็นยังไงบ้างคะ” นักข่าวสาวคนหนึ่งยิงคำถามขึ้นมาทันที  เดือนเปิดผลตรวจแล้วยื่นไปหน้ากล้อง  บนแผ่นกระดาษนั้น...แสดงให้เห็นว่าเขากับเด็กชายคนนั้นไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆทางสายเลือดต่อกันเลย คำถามอีกมากมายตามมาซึ่งเดือนก็พยายามตอบให้รักษาหน้าหญิงสาวในห้องพักผู้ป่วยให้มากที่สุด แสดงให้เห็นถึงความเป็นสุภาพบุรุษและการได้รับการสั่งสอนมาอย่างดี ดินอมยิ้มให้กับการกระทำนั้น

           ไม่นึกเคียดแค้นคนที่ทำให้ตนเดือดร้อน...แต่กลับช่วยเหลืออีกฝ่าย แม้จะเป็นแค่การกระทำเล็กๆน้อยๆก็ตาม

            “แล้วความสัมพันธ์ของคุณกับคุณดินเป็นยังไงกันแน่ครับ” ดินถึงกับลมหายใจสะดุดเมื่อได้ยินคำถามนี้ นักข่าวคนอื่นต่างเงียบลงรอฟังคำตอบ เดือนหันไปสบตาสรัลแวบหนึ่งก่อนจะหันไปยิ้มให้เหล่านักข่าว  ฝ่ามือใหญ่บีบกระชับมือเล็กแน่น ก่อนที่เดือนจะเอ่ยคำตอบที่หนักแน่นออกมา

            “เราเป็นคนรักกันครับ”

           สิ้นคำตอบนั้นคำถามหลายคำถามก็ระดมยิงตามมาจนดินชักเวียนหัว เขาจับใจความได้แค่คร่าวๆเท่านั้น

           “แบบนี้แปลว่าคุณเดือนเป็นเกย์เหรอครับ”

          “ก็คงงั้นครับ ถ้าพวกคุณนิยามคนชอบผู้ชายด้วยกันว่าเกย์ละก็นะ”

          “แล้วคิดว่าจะมีผลกับหน้าที่การงานไหมคะ”

           “ผมใช้ความสามารถทำงานครับ  คิดว่าหลายคนคงมองที่จุดนี้มากกว่ามองที่การคบหาคนรักของผม”

           “แล้วเรื่องแฟนคลับล่ะคะ ไม่กลัวเรตติ้งตกเหรอ”

            พอถึงคำถามนี้เดือนก็ก้มหัวให้กับกล้อง

            “ผมต้องขอโทษแฟนคลับทุกคนจริงๆครับ หลายคนอาจจะผิดหวังและเลิกชอบผมไปผมก็ไม่ได้ว่า แต่ผมไม่อยากปิดบังพวกคุณ คนที่ผมรัก...ผมตัดสินใจดีแล้วว่าผู้ชายคนนี้คือคนที่ผมรักและอยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน  ผมไม่ได้บอกว่าพวกคุณต้องชอบหรือยอมรับการตัดสินใจของผม แต่ผมแค่คิดว่ามันคงจะดีถ้าพวกคุณยอมรับและรักคนที่ผมรักด้วยเหมือนกัน สำหรับใครที่ไม่ชอบผมก็คงต้องขอโทษด้วยที่ผมเป็นคนที่คุณหวังไม่ได้ สำหรับใครที่ยังคงติดตามผมอยู่ผมก็ต้องขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณที่ยังรักผมอยู่ ผมสัญญาว่าจะทำงานหนักขึ้นเพื่อให้มีผลงานดีๆออกมาให้พวกคุณได้ติดตามนะครับ”

            คราวนี้ไมโครโฟนถูกจ่อมาทางดินบ้าง

            “แล้วคุณล่ะครับ มีอะไรจะกล่าวไหม”

            กล่าว? ให้เขากล่าวอะไรล่ะ

            นายปฐพีผู้ไม่ชินกับการตอบคำถามต่อหน้าคนหมู่มากเริ่มอึกอักและหันไปขอกำลังใจจากคนรัก พี่ชายต่างสายเลือดยิ้มบางให้เขาและพยักหน้ากลับมา

           ซึ่งกูก็ไม่รู้อยู่ดีว่ามึงพยักหน้าเพื่อจะสื่ออะไร...

           พอเห็นว่าคนรักไม่ได้ช่วยอะไรเขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วเริ่มด้นสดในหัว

           เรียบเรียงในสิ่งที่เขาอยากจะพูด

          “ก่อนอื่นผมก็ต้องขอโทษทุกคนด้วยนะครับ...ขอโทษสำหรับหลายคนที่ทำให้พวกคุณผิดหวังในตัวพี่เดือน ขอโทษที่พวกคุณบางคนอาจมองว่าผมดีไม่พอ...ซึ่งผมก็รู้สึกแบบนั้นในบางครั้ง สิ่งที่ผมอยากจะบอกกับพวกคุณก็คือผมอยากให้พวกคุณรักและสนับสนุนพี่เดือนต่อไป...เขาทุ่มเทกับงานมากจริงๆครับ ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีแต่ผมสัญญาว่าจะไม่ปล่อยมือเขา...ในวันที่ลำบาก ในวันที่เศร้า ร้องไห้ หรือเหน็ดเหนื่อย ผมจะดูแลเขาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ ผมจะรักเขาให้มาก...มากจนไม่มีวันปล่อยมือกันไป ผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้เขาเสียใจครับ” ดินทำท่าเหมือนอยากพูดอะไรต่อแต่ก็คิดไม่ออก เขาเลยได้แต่ก้มหัวให้ เป็นอันจบการตอบคำถาม

          เดือนที่ได้ยินคำตอบนั้นอมยิ้มจนแก้มแทบปริ อยากจะคว้าร่างนั้นมากอดแน่นๆ หอมแก้มหนักๆ แต่ทำตรงนี้คงไม่ดี  เขาเลยได้แต่รอจนกระทั่งสรัลบอกให้พวกเขาเดินออกไปเป็นอันจบการสัมภาษณ์  พอเดินออกมาถึงมุมที่ลับตาคนเดือนก็คว้าร่างบางมากอดแน่น จูบหนักๆที่ริมฝีปากบางนั้นหลายทีจนแทบช้ำ  ดินที่หายใจไม่ออกต้องประท้วงให้คนตรงหน้าผละริมฝีปาก  ปลายนิ้วเรียวเกลี่ยริมฝีปากบางที่ขึ้นสีแดงช้ำแผ่วเบา ก้มลงไปจูบผะแผ่วอีกครั้งอย่างรักใคร่

         “เรื่องร้ายๆผ่านไปแล้วนะ” เขากระซิบบอกคนรักในอ้อมแขน  อุปสรรคใหญ่ครั้งนี้...ก็ขอให้มันเป็นบทเรียนก็แล้วกัน  อย่าให้ผิดพลาดซ้ำสองแบบนี้อีก  “ทางพวกพี่กุ๊กคงเริ่มแถลงเรื่องคลิปกันแล้ว เท่านี้ก็หมดภาระแล้วนะ”     

         “ครับ...ดีจังเนอะ”

         “อื้อ กอดดินได้แบบเปิดเผยสักที”

          “นี่ แค่ทุกคนรับรู้ไม่ได้หมายความว่าพี่จะทำรุ่มร่ามกับดินที่ไหนก็ได้นะครับ” คนตัวเล็กแยกเขี้ยวใส่ร่างสูงก่อนจะเดินไปที่ลิฟท์  ทำให้ร่างสูงต้องเร่งฝีเท้าตามเข้าไป พ่อกับแม่ของพวกเขายังคงรออยู่ในห้องพักของญี่ปุ่น ระหว่างที่อยู่ในลิฟท์พวกเขาก็คุยกันถึงเรื่องการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินในการรักษาน้องสาวของกวิน เงินที่ช่วยไปอาจไม่มากพอจะส่งเด็กคนนั้นไปรักษาตัวที่อังกฤษก็จริงแต่อย่างน้อยก็ยังช่วยให้ย้ายมารักษาในโรงพยาบาลชั้นนำได้

          ความคิดถึงแผนการในอนาคตที่จะได้ทำร่วมกันทำให้คนทั้งคู่ยิ้มออกมา แต่ทันทีที่มาถึงหน้าห้องพัก เสียงหวีดร้องพร้อมกับเสียงโครมครามก็ทำให้รอยยิ้มเลือนหายไป

          ปัง

         เดือนผลักประตูเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว ภาพที่เห็นเบื้องหน้าทำเอาเขาตกตะลึง  แม่มะลิของเขากำลังโอบกอดลูกของญี่ปุ่นแน่น โดยมีคุณอัลเฟรดยืนขวางอยู่อีกที  นัยน์ตาสีอ่อนเลื่อนไปมองที่ร่างหญิงสาวในชุดผู้ป่วยที่ลงมายืนบนพื้นด้วยท่าทางไม่มั่นคง 

         ญี่ปุ่นมีท่าทางเหมือนคนพร้อมจะเป็นลมล้มพับได้ทุกเมื่อ เข็มน้ำเกลือถูกดึงออกไปตอนไหนก็ไม่รู้ มือบางจับแผงกั้นของเตียงเอาไว้ขณะที่อีกข้างถือมีดปอกผลเล่มเล็กไว้แน่น ดวงตาที่แสดงถึงความทุกข์ทน ความโกรธ ความอับอาย ผสมปนเปกันจนกลายเป็นแววตาของคนคลุ้มคลั่ง

          ลูกน้องที่ชินกรทิ้งไว้ให้เฝ้าญี่ปุ่นพยายามรั้งตัวหญิงสาวไว้อย่างสุดความสามารถ

           “แม่ครับ เกิดอะไรขึ้น” เดือนรีบเดินเข้ามาในห้อง  หญิงสาวที่ตอนนี้เหมือนกลายเป็นคนเสียสติไปแล้วหันปลายมีดไปทางเดือน  ดวงตากลมโตถลึงใส่เขาก่อนจะย้ายไปมองดิน  จากนั้นเธอก็กรีดร้องออกมา

           “เพราะแก! เพราะแกคนเดียวทุกอย่างมันถึงได้เป็นแบบนี้  อึก แกกับไอ้เด็กเปรตนั่น...เกิดมาทำไม! มันเกิดมาทำไมในเมื่อฉันไม่ต้องการ!”

           “ญี่ปุ่น..ใจเย็นๆก่อนนะ” เดือนค่อยๆพูด ใช้น้ำเสียงที่อ่อนลง เขาพยายามขยับไปใกล้หญิงสาวแต่ร่างเล็กกลับรู้ทันกวัดแกว่งมีดไปมาอย่างน่าหวาดเสียว “อย่าเข้ามานะ! ส่งไอ้เด็กนั่นมาให้ฉัน”

          “คงให้ไม่ได้หรอกครับ”

           ดินตอบเสียงเรียบ ดันแม่มะลิออกไปให้ห่าง  หญิงสาวที่ได้ยินคำตอบนั้นก็โวยวายขึ้นมาอีกรอบ “แกมาสาระแนอะไร ลูกตัวเองก็ไม่ใช่! มันเป็นลูกฉัน ฉันจะทำอะไรกับมันก็ได้! เอามันมา!”

           “คุณญี่ปุ่น...ผมว่าตอนนี้สิ่งที่คุณทำคือการพบจิตแพทย์”

           “กูไม่ได้บ้านะ! ไอ้พวกเหี้ย กูไม่ได้เป็นอะไร! ปล่อยกู ปล่อยสิ กรี๊ดดดด”

            เดือนอาศัยจังหวะชุลมุนกดปุ่มฉุกเฉิน  จังหวะนั้นเองที่ญี่ปุ่นสะบัดตัวหลุดออกจากการจับกุมของลูกน้องไว้ได้ ร่างเล็กถลาเข้ามาหาเดือนแต่ถูกดินขวางไว้ก่อน ชายหนุ่มคว้าข้อมือหญิงสาวกระชากเธอให้เซถลาจนล้มคว่ำก่อนบิดข้อมือบางอย่างแรงจนมีดเล่มเล็กหลุดจากมือ ชายหนุ่มเตะมีดออกไปไกลๆ  เขากับลูกน้องชินกรช่วยกันจับหญิงสาวที่เริ่มดีดดิ้นและโวยวายอีกรอบ

           ดินมองดูความบิดเบี้ยวของหญิงสาวผ่านดวงตาที่คลอด้วยหยดน้ำใส

           เหมือนจริงๆด้วย...

           เหมือนแม่ของเขาเลย

           นาทีต่อมาบุรุษพยาบาลกับนางพยาบาลก็กรูกันเข้ามา  ยิ่งคนเยอะญี่ปุ่นยิ่งโวยวาย ด่าทอ สบถ และดีดดิ้นจะไปหาลูกให้ได้ ต้องใช้บุรุษพยาบาลถึงสามคนกว่าจะกำราบให้ร่างเล็กยอมอยู่นิ่งๆได้

            ยากล่อมประสาทถูกฉีดเข้าไปทำให้ร่างบางค่อยๆสิ้นฤทธิ์ลงในที่สุด  เมื่อบุรุษพยาบาลจับหญิงสาวขึ้นไปนอนบนเตียงดีๆได้ เดือนก็เดินไปหาแม่มะลิ  เขาตรวจสองความปลอดภัยของพ่อแม่จากนั้นก็เด็กน้อยที่ดูเหมือนจะไม่มีรอยขีดข่วนใดๆ

           “แล้วเราจะเอายังไงต่อ” อัลเฟรดถามขึ้น มองเด็กทารกในอ้อมแขนคนรักนิ่ง “คงต้องเอาไปคืนตาเขาแล้วล่ะมั้ง”

           “ทางนั้นก็คงไม่อยากได้หรอกค่ะ ตั้งแต่มานั่งรออยู่นี่ฉันยังไม่เห็นเขาจะแตะต้องเด็กคนนี้เลย”

            ดินก้มมองทารกน้อย  เขารับเด็กมาจากคุณแม่มะลิ  โยกกล่อมเจ้าตัวน้อยที่ปรือตาขึ้นมาให้หลับต่อ เดือนมองคนรัก  คล้ายจะเข้าใจบางสิ่ง

           และตอนที่นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มหันมาประสานเข้ากับดวงตาของเขา  ชายหนุ่มก็รับรู้ความต้องการของคนรักได้ทันที พอสบประกายตาเว้าวอนนั้นเดือนก็พยักหน้า ถอนหายใจออกมาแผ่วเบา

*************************************************************

ตัดค้างอีกแล้ววว 55555 อย่าเพิ่งตีคนเขียนน้า  :hao5: ในที่สุดก็พ้นดราม่าแล้วค่ะ จุดพลุฉลองกันเถอะ! 55555
ขอโทษที่มาอัพช้านะคะ ไปอัญเชิญเรื่องใหม่มาลงในบอร์ดค่า >w< ตอนนี้คาดว่าหลายคนคงสะใจน่าดู
กรรมตามสนองแล้วในที่สุด จากที่ทุกคนอ่านคงจะเห็นได้ว่าญี่ปุ่นไม่เคยโทษตัวเองเลย เธอปัดความรับผิดชอบให้คนอื่น
ไม่ว่าจะเป็นเดือน ดิน หรือแม้แต่ลูก ทั้งๆที่ทุกอย่างเริ่มจากตัวเองแท้ๆ
การไม่ยอมรับความจริง โกหก และใส่ร้ายคนอื่น ทำให้เธอมีสภาพแบบตอนนี้ค่ะ
สารภาพเลยว่าตอนเขียนที่สนุกที่สุดคือตอนเขียนคอมเม้นท์ในกระทู้ ลื่นไหลและเป็นธรรมชาติมากกก 55555
ตอนนี้อ่านแล้วรู้สึกยังไง ติชมได้ตามสบายนะคะ ตอนหน้าน่าจะเอามาลงให้วันพรุ่งนี้ตอนเย็นๆค่ะ

จะว่าไป นี่ถามจากใจจริงๆเลยนะคะ...มีใครอยู่ #ทีมกวินฝน  บ้างคะ เขียนไปเขียนมารู้สึกเคมีคู่นี้ช่างเข้ากั๊นเข้ากัน
เรื่องแบล็กเมล์นี่ที่หนึ่งทั้งคู่แต่จะ #รันฝน หรือ #กวินฝน ก็ติดตามได้ในตอนต่อๆๆๆไปค่ะ (ตอนไหนไม่รู้ 555)


เอาล่ะค่ะ ในส่วนของทอล์คนี้น้านนนนน จะเป็นการแนะนำลูกชายคนใหม่ของเราให้ทุกคนรู้จักค่ะ
เนื่องจากเดือนดินใกล้จะจบแล้ว(อุ๊บส์) เราเลยพาลูกชายคนใหม่มาแนะนำตัวค่ะ โดยลูกชายคนใหม่ชื่อว่า

เพราะหลงรักคุณ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52873.0#lastPost

บอกเลยว่านายเอกอยู่มัธยมค่ะ เป็นเด็กดีมากกกค่ะ  (เขี่ยพี่เดือนที่เกาะจออยู่ออกไป)
ระยะเวลาการอัพก็ทุกวันเสาร์เย็นๆเหมือนเรื่องเดือนดินเลยค่ะ
ขอฝากนิยายเรื่องใหม่และน้องหลงผู้น่ารักไว้ในอ้อมใจทุกคนด้วยนะคะ
(แอบเห็นคุณ BlueCherries ไปปูเสื่อรอแล้วอ่ะ ไวมากค่ะ)
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและติดตามนะคะ พบกันตอนหน้าค่า จุ๊บ

ออฟไลน์ oilk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
ฟ้าหลังฝนย่อมสวยงามเสมอ เรื่องนังยุ่นก็คลี่คลาย ได้เปิดตัวน้องดินอีกต่างหาก55555555555555555
คนที่ด่าพี่เดือนทั้งในกระทู้ทั้งในไอจีอะไรแบบนี้หน้าแหกไปตามๆกัน รู้สึกสะใจเป็นที่สุด
 เรื่องนี้ใกล้จะจบแล้ว เราต้องคิดถึงพี่เดือนกับดินมากแน่ๆ ฮรึก

ขอบคุณคุณคนแต่งนะคะ 

ออฟไลน์ ZYSQ_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
 :mc4: :mc4: :mc4:
เด็กน้อยเกิดแล้ววววววววววว!
ยินดีด้วยนะตัวเล็ก ที่ลืมตาดูโลกอย่างปลอดภัย
จากนี้ก็คงมาเป็นลูกของเดือนกับดินสินะคะ
ขอให้มีความสุขและโตมาเป็นเด็กดีน้าาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
พวกด่าเดือนกับดินนี่มาเก็บเศษหน้าที่แตกกลับไปให้หมดด้วยนะ :laugh3:


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
และแล้วก็เป็นพ่อแม่ลูกจนได้ 5555555555555555   :hao7:

ออฟไลน์ natsikijang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-4
พายุฝนพัดผ่านไปเสียที คราวนี้พี่เดือนน้องดินจะได้ใช้ชีวิตสงบสุขสักที ขอลูกญี่ปุ่นมาเลี้ยงก็ดีนะคะ สงสารเด็ก เกิดมาไม่รู้เรื่องอะไร   ยังไงตากับแม่ก็ไม่อยากจะเลี้ยงเขาอยู่แล้ว แม่มะลิพ่ออัลเฟรดก็ดูจะรักเด็กคนนี้อยู่นะ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
พี่เดือนกับดินจะรับเลี้ยงเด็กน้อยเหรอ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
รอร่วมฉลองกับครอบเดือน ดิน ที่ผ่านพ้นข้อกล่าวหาทุกอย่างไปและ ต้อนรับสมาชิกใหม่ในครอบครัวด้วย

ออฟไลน์ snowrabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +219/-6
ยามจันทร์เจ้าจูบดิน
บทที่ ๒๖
ยามจันทร์เจ้าเคียงดิน


        “ผมต้องการคุยกับคุณชินกรครับ”  ตอนที่ดินพูดประโยคนี้กับลูกน้องชินกรอีกฝ่ายก็ทำหน้าแปลกๆสภาพเหมือนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก  ลูกน้องของชินกรหรี่ตามองดินแต่ชายหนุ่มผมดำยังคงจ้องกลับไปด้วยสายตาแน่วแน่  “ผมต้องการคุยกับเขาเรื่องหลานชายของเขา” ดินย้ำ  ชายหนุ่มร่างสูงมองดินด้วยสายตาไม่เป็นมิตรเท่าใดนักแต่พอถูกจ้องนานเข้าก็ถอนหายใจยอมหยิบโทรศัพท์มากดเบอร์ผู้เป็นนาย

         ลูกน้องของชินกรรายงานสถานการณ์คร่าวๆก่อนจะเงียบไปอึดใจเมื่อปลายสายสั่งอะไรมายาวเหยียด เขากดวางสายเมื่อได้รับคำสั่งทั้งหมดแล้ว  ลูกน้องร่างยักษ์หันมาพูดกับดิน 

        “นายบอกว่าให้พวกคุณไปหาที่บริษัทหากมีเรื่องอยากจะคุย”

        “ขอบคุณครับ”

        ดินก้มหัวให้อีกฝ่ายหันไปหาเดือนเป็นเชิงเร่งให้ตามไป  สองเท้าก้าวยาวจนร่างสูงต้องเร่งคว้าต้นแขนเอาไว้ก่อน “น้องจะทำอะไร”  เดือนถามทั้งที่ใจพอเดาความคิดอีกฝ่ายได้อยู่แล้ว

        “พี่เดือน” ดินเรียกชื่อเขา หันกลับมาสบตาเขา  “พี่เคยถามดินเรื่องรับเลี้ยงเด็กสักคนใช่ไหมครับ”  เดือนถอนหายใจ...ว่าแล้วเชียว

        ก็พอเดาได้ตั้งแต่เห็นสายตาที่ดินมองเด็กคนนั้นแล้ว  อีกฝ่ายคงเห็นเด็กคนนั้นซ้อนทับกับภาพตัวเองตอนเด็กแน่ๆ  พอเห็นแบบนั้นก็คงอยากทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยเหลือ เหมือนช่วยปลดปล่อยตัวเองในอดีตด้วย...ปลดตัวเองออกจากห้องขังดำมืดในอดีต...

       “น้องอยากรับเลี้ยงเด็กคนนั้น?”

       “ครับ”

        “น้องทำไมเพราะแค่สงสารหรือเปล่า  เลี้ยงเด็กไม่ใช่ง่ายๆนะ น้องแน่ใจหรือว่าตัวเองพร้อม” เดือนยิงคำถามใส่อีกฝ่าย  อันที่จริงเขาไม่มีปัญหาหรอกหากรับเด็กมาเลี้ยงเพิ่มอีกสักคน เขามีเงินเก็บเยอะพอสมควร ส่งเสียเด็กสักคนให้เรียนจนจบก็ทำได้  แต่เดือนไม่อยากให้ดินรับลูกของญี่ปุ่นมาเพราะความสงสาร ความสงสารมันจะอยู่เพียงชั่วครู่เท่านั้น...หากรับมาแล้วนั่นหมายถึงต้องดูแลไปเกือบตลอดชีวิต  จะเลิกก็เลิกไม่ได้ด้วย

        เดือนอยากให้น้องคิดให้ดีก่อนจะตัดสินใจเพราะการรับเด็กคนนั้นมาเลี้ยงเท่ากับว่าพวกเขาต้องรับผิดชอบชีวิตน้อยๆนั้นให้ดีที่สุด

        “ดินพร้อมครับ ไม่ใช่ว่าดินอยากรับแค่เพราะสงสาร แต่เพราะดินเห็นตัวเอง...เด็กคนนั้นก็เหมือนดินตอนเด็ก  พี่เดือน ถ้าพ่อกับแม่พี่ไม่ยื่นมือมาช่วยดิน ดินคงไม่มีโอกาสแม้แต่จะลืมตาดูโลก ถ้าพ่อแม่พี่ไม่ช่วยดินไว้ ดินคงไม่ได้มายืนตรงนี้ เราคงไม่ได้เจอกัน...นับตั้งแต่วันที่ดินเสียน้องไป ดินก็สัญญากับตัวเองว่าดินจะช่วย...คนที่เหมือนพวกเรา คนที่กำลังจะถูกทอดทิ้ง  ถ้าดินช่วยเด็กคนนี้ไว้ ใครจะรู้ บางทีในอนาคตเขาอาจจะโตมาเป็นคนที่ได้ทำประโยชน์ให้กับใครอีกมากมาย  ดินเชื่อนะว่าถ้าดินช่วยเด็กคนนี้ในวันนี้ โชคชะตาของเขาจะเรียงร้อยคนอีกมากมายเข้าด้วยกัน...เด็กคนนี้จะเป็นกำลังใจและแรงบันดาลใจให้กับใครอีกหลายคนอย่างแน่นอน”

         เดือนยืนนิ่ง มองคนรักของเขาตอบกลับมาด้วยสีหน้าหนักแน่น “แล้วพี่เดือนล่ะ อยากรับเด็กคนนั้นมาเป็นลูกไหม” เดือนยิ้มให้คนตัวเล็ก ลูบแก้มอีกคนเบาๆ “ไม่มีปัญหาหรอก แต่ต้องช่วยกันเลี้ยงนะ พี่ไม่ถนัดเลี้ยงเด็ก” พอได้ยินประโยคนี้คนผมดำก็ยิ้มออกจนได้  พวกเขาพากันไปที่รถ ขับออกไปที่บริษัทของชินกร 

         ดินเม้มริมฝีปาก เขารู้ว่าเรื่องนี้ค่อนข้างเป็นไปได้ยาก ยังไงเด็กคนนั้นก็เป็นหลานแท้ๆ ชินกรคงไม่ปล่อยให้หลามาอยู่กับคนที่เกลียดง่ายขนาดนั้น  แต่เขาก็อยากลองดู ดินไม่ได้อวดดี แต่เขาคิดว่าตนเองสามารถเลี้ยงดูเด็กคนนั้นให้ดีได้กว่าญี่ปุ่น...ซึ่งสภาพจิตใจไม่พร้อม จากเหตุการณ์วันนี้เธอคงต้องพบจิตแพทย์และระหว่างการรักษาก็ไม่มีใครรู้ว่าเธอจะเกิดอาการแบบนี้ขึ้นมาอีกเมื่อไหร่  มันคงไม่หายไปง่ายๆโดยเฉพาะเมื่อมีหนามตำใจชิ้นเบ้อเริ่มอย่างลูกชายมาอยู่ในบ้านด้วย  เผลอๆญี่ปุ่นอาจทำร้ายลูกชายไปด้วยก็ได้

         ดินยอมรับว่าเขาสงสาร...เขาไม่อยากให้ใครต้องมาเจอชะตากรรมแบบเขา

         แต่เขาก็ช่วยเด็กมีปัญหาทั้งโลกไม่ได้  ตอนนี้ทำได้แค่ช่วยคนที่สามารถช่วยได้เท่านั้น

         ชายหนุ่มยกยิ้มบางเบา...พอคิดแบบนี้มันก็เป็นเหตุผลที่สวยหรูดีล่ะนะ แต่ความจริงลึกๆข้างในดินก็แค่ทำเพื่อตัวเอง  ช่วยเด็กคนนี้...ชดเชยที่ตนไม่กล้าพอจะไขว่คว้ามือและให้ความช่วยเหลือแก่น้องสาวได้ สิ่งนั้นเป็นหนามตำใจดินมาตลอด การทำแบบนี้ก็เหมือนกับการทำดีไถ่โทษ...ความรู้สึกผิดในใจเขาก็จะได้ลดลงบ้าง

       เมื่อมาถึงบริษัทดินก็ไปติดต่อที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์บอกว่ามาขอพบชินกร แต่เนื่องจากชายวัยกลางคนติดประชุมอยู่และเขาไม่ได้นัดไว้ดินกับเดือนจึงได้แต่นั่งรออยู่ที่ล๊อบบี้  พนักงานสาวตรงเคาน์เตอร์บอกว่าโทรแจ้งเลขาของชินกรให้แล้ว อีกสักพักคงขึ้นไปพบได้
   
        ดินยอมนั่งรอที่ล๊อบบี้อย่างอดทนแต่ชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่าผ่านไปชินกรก็ยังไม่ลงมาหรือไม่เรียกให้พวกเขาขึ้นไปพบ  คนผมดำวนเวียนถามประชาสัมพันธ์อยู่สี่ห้ารอบและทุกครั้งก็ตอบเหมือนกันคือตอนนี้ชินกรยังไม่ว่าง
   
        หึ ไม่ว่างเหรอ ตอแหลน่ะสิ
   
        ดินเบะปากรู้ดีว่าอีกฝ่ายจงใจไม่ลงมาพบหน้าตนแต่ก็ไม่ยอมไล่ให้กลับ คงแกล้งให้รอเก้อ แต่คนอย่างนายปฐพีแล้วเมื่อมารอนานเขาก็อยากได้ของรางวัลเล็กๆน้อยๆ ไม่ให้การมาที่นี่เสียเปล่า
   
         ทันใดนั้นหางตาของเขาก็เหลือบไปเห็นชายวัยกลางคนในชุดสูทภูมิฐานก้าวไปที่ประตู ฝีเท้าที่หนักแน่นมั่นคงดูเร่งจังหวะเร็วขึ้นเมื่อมองมาทางพวกเขา ดินสาบานว่าแว่บหนึ่งชินกรก็ต้องเห็นพวกเขาเพราะดินสบตากับอีกฝ่ายพอดี
   
        “เดี๋ยวก่อนครับ!” ดินตะโกนไล่หลังร่างสูงที่กำลังจะออกจากบริษัทไป  คนผมดำรีบก้าวยาวๆตามหลังอีกฝ่ายที่เร่งฝีเท้าหนี  “คุณชินกรเดี๋ยวครับ ผมมาที่นี่เพราะหลานชายของคุณ!”
   
        ได้ผล คำนั้นทำให้ร่างของชินกรหยุดชะงักแต่ก็เพียงชั่วครู่ แต่นั่นก็เพียงพอให้ดินก้าวไปประชิดตัวอีกฝ่ายแล้ว
   
        “มีอะไร” น้ำเสียงห้วนเต็มไปด้วยความไม่เป็นมิตร  ดินเมินเฉยต่อประโยคนั้น รีบพูดธุระของตนออกมา “ผมมาที่นี่เพราะหลานของคุณ”
   
         “มีอะไร”
   
         “ผมต้องการรับเด็กไปเป็นลูกบุญธรรมครับ”
   
         รอยยิ้มเหยียดประดับบนริมฝีปากของชินกรอีกครั้ง หนุ่มใหญ่เอ่ยตอกกลับมาด้วยน้ำเสียงเสียดสี
   
         “จะเล่นบทเป็นคนดีหรือไง จะให้พวกสื่อรุมด่าฉันอีกล่ะสิใช่ไหม  แกไม่รู้หรือไงว่าทำฉันเสียหายไปเท่าไหร่แล้ว!” ท้ายประโยคนั้นเสียงดังจนคนรอบข้างหันมามอง แต่ดินก็ยังคงไม่ใส่ใจ เขาพูดต่อไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย
   
         “เปล่าครับผมไม่ได้ต้องการให้สื่อรุมด่าพวกคุณ ผมแค่ต้องการเลี้ยงเด็กคนนั้นให้มีอนาคตที่ดี”
   
         “แล้วแกรู้ได้ยังไงว่าพวกฉันจะเลี้ยงหลาน...เลี้ยงลูกให้เป็นคนดีไม่ได้  ทำเหมือนตัวแกประเสริฐนักนี่  ลูกโสเภณี”

          ดินหน้าชาขณะที่เดือนเมื่อได้ยินคำนั้นก็แทบจะพุ่งมาต่อยปากอีกฝ่าย แต่กลับถูกดินขวางไว้ก่อน
   
        “คุณรู้ไหมครับว่าลูกสาวคุณพยายามจะฆ่าลูกตัวเอง...ผมว่าคุณคงไม่รู้ เพราะคุณเองก็ไม่ได้ใส่ใจเธอเท่าที่ควร  ผมอาจจะไม่มีเงิน ไม่มีอำนาจมากเท่าคุณแต่ผมเชื่อว่าตัวเองเลี้ยงเด็กออกมาได้ดีกว่าคุณ...ที่ลูกสาวคนเดียวก็เลี้ยงให้ได้ดีไม่ได้ แต่ผมก็ไม่แปลกใจหรอกนะก็คุณเองยังดูไม่ใส่ใจเธอเท่าไหร่เลย ผมว่าบางทีที่คุณญี่ปุ่นเป็นแบบนี้สาเหตุหนึ่งอาจมาจากตัวคุณด้วยก็ได้นะครับ”
   
        “แก!”
   
         ชินกรกัดฟันกรอดทำท่าจะเข้ามาหาเรื่องชายหนุ่มแต่ก็ชะงักเมื่อเห็นสายตาคนรอบข้าง หลังจากเกิดเรื่องกับลูกสาว สายตาคนในบริษัทก็เพ่งเล็งเขามากขึ้น  บางคนก็บอกว่าเขาสมรู้ร่วมคิดกับลูกสาวใส่ร้ายคนอื่น ยิ่งหลังจากที่นักข่าวแฉว่าคลิปกล้องวงจรปิดเป็นคลิปตัดต่อ ส่วนคลิปลูกสาวเขามีอะไรกับผู้ชายเป็นคลิปจริงชินกรก็ยิ่งถูกเพ่งเล็งหนักขึ้น เขาหงุดหงิดจนแทบจะบ้า
   
         “เหอะ อยากทำอะไรก็ทำไป ยังไงฉันก็ไม่ได้ต้องการไอ้เด็กนั่นอยู่แล้ว”  กล่าวจบก็รีบเดินออกไปทันที  ดินถอนหายใจออกมา  พาคนรักเดินกลับออกไปบ้างพลางพูด “คงต้องไปคุยกับญี่ปุ่นแล้วล่ะครับ”
   
          ไม่รู้จะยอมไหม...แต่ดินก็ไม่คิดบังคับหากหญิงสาวจะอยากเลี้ยงดูลูกด้วยตัวเอง
   
           แต่ทุกสิ่งกลับผิดคาดเมื่อดินพูดเรื่องนี้กับญี่ปุ่นและหญิงสาวไม่แม้แต่จะหยุดคิดด้วยซ้ำตอนที่เธอเอ่ยตอบรับคำเสนอของเขา
   
           ดินเบิ่งตากว้างคล้ายไม่อยากเชื่อ...ไม่อยากเชื่อว่าผู้หญิงที่ทนอุ้มท้องมาตั้งเก้าเดือน ทนความเจ็บปวดคลอดเด็กออกมาจะไม่รู้สึกผูกพันกับเด็กคนนี้เลย
   
           “คุณ...ไม่คิดจะเลี้ยงดูเด็กคนนี้หน่อยเหรอ” ตอนที่เขาถามคำถามนี้ออกไปญี่ปุ่นก็หันกลับมาหาเขา เผยรอยยิ้มว่างเปล่าออกมา
   
           “คุณคิดว่าฉันเลี้ยงดูเขาได้หรือเปล่าล่ะ ฉันไม่คิดว่าแม่ที่ถือมีดจะฆ่าลูก...จะเลี้ยงดูเขาให้เป็นคนดีได้หรอกนะ”
   
           “แต่ถ้าคุณอยากลองเริ่มต้น...”
   
             “ฉันไม่อยาก” น้ำเสียงแผ่วเบานั้นแฝงแววอ่อนล้าไว้เต็มเปี่ยม “คุณอยากรับเลี้ยงเขาก็รับเลี้ยงไป ฉันทนเลี้ยงเด็กที่ทำให้ชีวิตฉันป่นปี้แบบนี้ไม่ได้จริงๆ เอาเขาไปให้พ้นๆก่อนที่ความเกลียดชังจากการต้องเจอหน้าเขาจะซึมลึกลงมามากเกินไป”
   
            ก่อนที่หนามตำใจชิ้นนี้จะปักลงมาลึกจนยากจะดึงออก
   
           “ให้เขามีชีวิตที่ดี ดีกว่ามีแม่แย่ๆแบบฉัน”
   
           ดินถอนหายใจกับคำพูดนั้น เขาพยักหน้าก่อนบอกว่าจะนำเอกสารสำหรับเซ็นยินยอมมาให้ 
   
           ชายหนุ่มลุกเดินตรงไปที่ประตู แต่ระหว่างที่กำลังจะออกจากห้องดินก็หันมาหาญี่ปุ่น เอ่ยคำถามที่ค้างคาใจเขามานาน
   
           “คุณรักเขาบ้างไหมครับ...ลูกของคุณ”
   
           หญิงสาวคนนั้นยังคงเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่าง ไม่หันกลับมาตอบคำถามเขาจนกระทั่งดินยอมแพ้และปิดประตูลง
   
            ก่อนจัดการเอกสารดินกับเดือนก็นำเรื่องนี้ไปพูดกับที่บ้าน คุณพ่ออัลเฟรดกับคุณแม่มะลิก็ยอมรับ  ส่วนแม่แก้วก็ไม่ได้ว่าอะไร  พวกเขาจึงจัดการเรื่องเอกสารและการรับบุตรบุญธรรมจนเสร็จเรียบร้อย นอกจากเรื่องเอกสารแล้วยังมีเรื่องอื่นให้ต้องวุ่นวายจนหัวหมุน ทั้งเรื่องห้องนอนเด็กและข้าวของของลูกที่เดือนกับดินช่วยกันเลือกด้วยตัวเอง  รวมถึงชื่อที่ทั้งคู่เถียงกันอยู่ตั้งนานกว่าจะลงตัวได้  เถียงกันไปเถียงกันมาสุดท้ายก็ตกลงกันได้ว่าชื่อเล่นจะให้พ้องกับชื่อดิน ส่วนชื่อจริงจะให้พ้องกับชื่อเดือน 
พอตกลงกันได้ลูกชายของพวกเขาจึงได้ชื่อว่า  ‘ชุณหกันต์’ ที่แปลดวงจันทร์ผู้เป็นที่รักความหมายคล้ายกับชื่อของเดือนคือ ‘รวีกานต์’ ซึ่งแปลว่าดวงอาทิตย์ผู้เป็นที่รัก ชื่อจริงดินเป็นคนตั้งให้ ส่วนชื่อเล่นนั้นเดือนก็เป็นคนตั้งให้เช่นกัน ชายหนุ่มตั้งชื่อเล่นลูกชายของพวกเขาว่า ‘ต้นข้าว’  เหมือนกับชื่อน้องสาวของดินที่เสียไป
   
          เมื่อการเตรียมการทุกอย่างเข้าที่เข้าทางเรียบร้อยพวกเขาก็ไปจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรม เป็นอันรับสมาชิกเข้ามาเป็นครอบครัวเดียวกันอย่างสมบูรณ์
   
          เสียงล้อรถบดลงบนถนนโรยกรวดหยุดลงที่หน้าบ้านสวนอันคุ้นตา  เดือนก้าวลงมาจากรถ ตามด้วยดินที่อุ้มน้อยเอาไว้ในอ้อมแขน  เดือนรีบตามลงมาช่วยคนรักหิ้วตะกร้าใส่ของของเจ้าตัวเล็กกับข้าวของอื่นๆอีกพะรุงพะรัง 
   
           “รีบพาไปหาพ่อกับแม่กันเถอะ คนอยากเห็นหน้าหลานจะแย่แล้ว” เดือนพูดขึ้น  พ่อกับแม่ของเขาล่วงหน้ากลับสุพรรณมาก่อนประมาณอาทิตย์หนึ่งเพื่อจัดการเรื่องห้องและของใช้ให้หลานชายคนใหม่ ดูเหมือนทุกคนจะตื่นเต้นกับการมีสมาชิกเพิ่มขึ้นมาในครอบครัวเป็นอย่างมาก
   
           ดินอมยิ้ม จูบเบาๆลงบนกระหม่อมของลูกชายพร้อมกับเอ่ยคำกระซิบว่า “ยินดีต้อนรับนะครับน้องข้าว”

           การเป็นพ่อเป็นแม่คนมันเหนื่อยขนาดไหนดินกับเดือนก็ได้รู้ซึ้งคราวนี้   หลังกลับมาบ้านที่สุพรรณชีวิตพวกเขาก็เรียกได้ว่าวุ่นวายปั่นป่วน  การปรับตารางเวลาให้เข้ากับลูกชายตัวเล็กดูจะเป็นเรื่องยุ่งยากในตอนแรก แต่หลังๆพวกเขาก็เริ่มชิน  แม้จะเหนื่อยจนสายตัวแทบขาดในบางเวลาแต่พวกเขาก็มีความสุข ดินเริ่มชินกับการตื่นมากลางดึกเพราะลูกชายร้องไห้  เขาไม่ได้หงุดหงิดหรือเหนื่อยกับการต้องนั่งปลอบโยนและร้องเพลงกล่อมให้เด็กน้อยหลับใหล...
   
           กลับกันมันทำให้เขามีความสุขมากด้วยซ้ำ
   
            มีความสุขและรู้สึกราวกับว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของพวกเขาจริงๆ
   
           “บู่วว...แอ...แอ๊ะ”  เสียงอ้อแอ้ของเด็กทารกที่นอนหงายอยู่บนฟูกนิ่มทำให้ดินที่กำลังนั่งอ่านหนังสือคู่มือการเลี้ยงเด็กอยู่ต้องละสายตาลงมามองเจ้าตัวเล็ก  ชายหนุ่มอมยิ้มบาง โน้มตัวไปจูบแก้มนิ่มยุ้ยซ้ายขวา “ว่าไงครับตัวเล็ก หิวหรือเปล่า หืม”
   
           “แอะ...แอ่ อ๊าย”  เสียงอ้อแอ้ที่ตอบกลับมาทำให้ดินหัวเราะเบาๆก่อนจะรับรู้ได้ถึงอ้อมกอดอุ่นที่ตระกองกอดจากเบื้องหลัง  มือเรียวแตะท่อนแขนแข็งแรงที่รัดตัวเขาไว้อย่างแผ่วเบาก่อนจะหันไปมอง เดือนส่งยิ้มให้ดิน คลอเคลียปลายจมูกกับพวงแก้มคนรัก กดจูบลงมาสูดดมความหอมจากผิวเนื้อไปหลายฟอด  หอมคนเป็นแม่เสร็จก็ไปหอมคนเป็นลูกต่อ เด็กน้อยที่ถูกฟัดแก้มหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ
   
          “หืมม ชอบเหรอครับ ชอบเหรอครับคนเก่ง ไหนดูสิ อ้วนขึ้นหรือเปล่าน้า พ่อเดือนฟัดพุงแรงๆเลยดีไหมครับ” พูดพลางอุ้มลูกชายมากอดมาหอมไปพลางก่อนชายหนุ่มจะหันมามอง ‘แม่เด็ก’ ที่ยืนยิ้มอยู่ใกล้ๆ เอ่ยกระเซ้าออกมา “คุณแม่ไม่มากอดคุณพ่อกับลูกหน่อยเหรอครับ คุณพ่อไปทำงานคิดถึงคุณแม่จะแย่แล้วนะ”
   
          “อ้าวงั้นเหรอครับ แต่ดินกับน้องข้าวไม่คิดถึงพี่เดือนเลยแฮะ”
   
          “เดี๋ยวเถอะ!”
   
          ดินหัวเราะคิก ประคองลูกน้อยมาไว้ในอ้อมกอดแล้วปล่อยให้เดือนโอบกอดร่างของพวกเขาไว้อีกที  นี่คือสิ่งที่เดือนทำเป็นประจำทุกครั้งหลังเลิกงาน ชายหนุ่มบอกว่ามันช่วยให้หายเหนื่อยแล้วก็หายเครียดได้ดี

มีต่อค่ะ

ออฟไลน์ snowrabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +219/-6
        เหมือนครั้งนี้ทฤษฎีของคุณรวีกานต์จะเป็นจริง เพราะทันทีที่ถูกอ้อมกอดหมีๆนั่นโอบกอดเอาไว้ เขาพลันรู้สึกเหมือนว่าความอ่อนล้าทั้งหมดค่อยๆลดลงไปแทนที่ด้วยความสุขและรอยยิ้ม  เดือนโน้มตัวลงมาจูบประทับที่ริมฝีปากบางของน้องชายต่างสายเลือดแผ่วเบาซึ่งดินก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี  จูบอ่อนหวานไร้ซึ่งความใคร่นำพาความอบอุ่นอ่อนโยนมาสู่หัวใจ
   
        สิ่งเหล่านี้คงเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าขาดพวกเขาคนใดคนหนึ่งไป
   
        ความสุขเล็กๆง่ายๆที่ได้ชื่อว่า ‘ครอบครัว’

       หนึ่งเดือนผ่านไปหลังรับน้องต้นข้าวมาอยู่ด้วย เดือนก็เริ่มกลับไปรับงานถ่ายแบบและงานโฆษณาแต่ชายหนุ่มยังคงปฏิเสธงานละครด้วยเหตุผลว่ามันค่อนข้างวุ่นวายและไม่เหมาะกับเขา เดือนชอบยืนนิ่งๆมากกว่าออกไปจำบทพูดแล้วสวมบทบาทสมมติน่ากล้อง  เขาให้เหตุผลง่ายๆกับนักข่าวว่าการที่รับแต่งานถ่ายแบบและโฆษณามันสะดวกกับเขาที่ตอนนี้มีกิจการทางบ้านให้ต้องรับผิดชอบด้วย ถึงจะมีดินช่วยแบ่งเบาภาระไปแต่ชายหนุ่มคงเทกิจการทั้งหมดให้น้องรับไว้คนเดียวไม่ได้เพราะดินยังต้องเลี้ยงดูน้องต้นข้าวด้วย
   
        “ทำแบบนี้พี่ก็จะได้มีเวลาอยู่กับลูกมากขึ้นไง” เดือนตอบพร้อมยิ้มร่าตอนที่ดินถามเขาว่าทำไมไม่เคยรับงานละครเลย

        พอได้ยินคำตอบร่างเล็กก็กลอกตาแต่ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเขาก็ไม่ชอบให้เดือนไปทำงานไกลๆเหมือนกัน  แต่ถึงช่วงนี้งานจะไม่ค่อยเยอะมากแต่เดือนก็ยังทำงานหนักเหมือนเคย  เขาจะหยุดอยู่บ้านทุกเสาร์-อาทิตย์เพื่อช่วยดินเลี้ยงลูก พากันไปเที่ยวบ้าง นอนเล่นอยู่ที่บ้านบ้าง เป็นความสุขเล็กๆที่เรียบง่ายซึ่งเดือนไม่อยากให้มันเสียไป แต่ในวันธรรมดาเดือนจะทำงานค่อนข้างหนักซึ่งพอดินถามเหตุผลอีกฝ่ายก็บ่ายเบี่ยงที่จะตอบตลอด
   
        วันนี้เดือนก็ยังทำงานหนัก ชายหนุ่มเข้าห้องนอนมาตอนประมาณสามทุ่ม ดินที่กล่อมลูกนอนไปแล้วกำลังนั่งอ่านหนังสือรอเดือน  พอคนรักของเขาก้าวเข้ามาในชุดนอนชายหนุ่มก็วางหนังสือลงแล้วเคลื่อนกายไปนั่งหลังร่างสูง ฝ่ามือเล็กบีบนวดไปตามไหล่และแขนเพื่อคลายความอ่อนล้าให้อีกฝ่าย เดือนที่ได้รับการปรนนิบัติเอาใจใส่อย่างดีครางในลำคออย่างพึงพอใจก่อนจะค่อยๆไถลตัวลงมาซุกซบบนหน้าตักของคนรัก ปิดเปลือกตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน
   
        “ทำงานหนักไปหรือเปล่าครับ” ดินถามขั้นพลางนวดขมับให้เดือนเบาๆ ชายหนุ่มที่นอนหนุนตักเขาอยู่ไม่ตอบ แค่ดึงมือซ้ายของเขาขึ้นกดจูบแล้วดึงไปแนบแก้ม
   
        “ดิน พรุ่งนี้ว่างไหม”
   
        “ก็ว่างครับ ทำไมเหรอ”
   
        “ไปทำบุญกันนะ” เดือนเอ่ยชวน  “แล้วก็...พาพี่ไปเจอน้องข้าวได้หรือเปล่า” ชื่อที่หลุดออกมาทำให้ดินนิ่งงัน  เขามองสบตาคนรักก่อนระบายลมหายใจออกมา
   
        ก็ดีเหมือนกัน...ต้นข้าวคงอยากรู้จักพี่เดือน
   
        “ก็เอาสิครับ”
   
        ดินเองก็อยากแนะนำให้ต้นข้าวรู้จักครอบครัวของเขาเช่นกัน
   
        เช้าวันรุ่งขึ้นพวกเขาก็จัดแจงเตรียมของใส่บาตรไว้พร้อมสรรพ ก่อนจะพากันนั่งรถไปที่วัดใกล้บ้าน  คุณมะลิกับคุณอัลเฟรดตักบาตรนำไปก่อนตามด้วยเดือนกับดินที่ตักข้าวจากขันเดียวกัน  ดินอาศัยจังหวะที่เดือนเผลอจับทัพพีเหนือมือชายหนุ่มร่างสูง ตามความเชื่อที่ว่าใครที่จับทัพพีเหนือมืออีกคนจะเป็นผู้นำครอบครัว
   
        หึ ก็ไม่ได้อะไรหรอก...แค่ข่มไว้ก่อน
   
         แต่พี่เดือนก็คงไม่ขัดอะไรหรอก ทุกวันนี้ดินพูดอะไรเดือนก็เออออตาม เป็นผู้ชายที่ดีไม่เถียงไม่ว่าภรรยา แต่ว่าดินก็ไม่เคยเรียกร้องหรือเอาแต่ใจอะไรไร้สาระ กลับกันกลับช่วยให้คำแนะนำในเรื่องต่างๆแก่เขาได้เป็นอย่างดี สมแล้วที่เป็นทั้งคู่รักทั้งคู่คิด  เดือนที่ตระหนักถึงความสามารถของคนรักดีจึงยึดคำพ่อสอน..ที่ว่าให้เชื่อฟังภรรยาแล้วชีวิตจะเจริญ
   
          ทุกวันนี้เลยไม่เถียงสักคำ หึๆ
   
         หลังตักบาตรเสร็จเดือนก็ฝากให้แม่พาลูกชายพวกเขากลับไปก่อน จากนั้นตนเองก็แยกไปกับดิน  ชายหนุ่มผมดำพาเขาลัดเลาะมาบริเวณข้างวัดที่มีโกศตั้งเรียงราย  ดินทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าช่องบรรจุโกศช่องหนึ่ง  แผ่นหินอ่อนสีขาวสลักตัวอักษรเป็นวันชาตะและวันมรณะของเด็กหญิงคนหนึ่ง
   
          “ต้นข้าว...พี่ดินมาเยี่ยมแล้วนะครับ” ชายหนุ่มผมดำพูดเบาๆ “วันนี้พี่ดินมีคนจะมาแนะนำให้เรารู้จักด้วยล่ะ เขาชื่อพี่เดือน เป็นคนรักของพี่เอง”
   
         “สวัสดีครับน้องต้นข้าว...พี่ขื่อเดือนเป็นคนรักของดินเองครับ  ที่มาวันนี้เพราะพี่อยากจะมาบอกน้องต้นข้าว...ว่าตอนนี้พี่รักพี่ชายของเรามากและจะรักไปตลอดจนกว่าพี่จะไม่เหลือแม้ลมหายใจ พี่อยากจะมาขอพี่ดินกับต้นข้าว ให้ต้นข้าวเป็นพยานให้พี่...ว่าพี่รักพี่ชายของข้าวมากแค่ไหน  สำหรับพี่ ดินเป็นมากกว่าน้องชาย เป็นมากกว่าคนรัก ดินเป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่คนคนหนึ่งจะเป็นให้ใครอีกคนได้  ดังนั้นพี่ขอสัญญาว่าพี่จะดูแลดินให้ดีที่สุด จะรักให้มากที่สุด และจะรักให้นาน...แม้ว่าตอนนั้นพี่จะกลายเป็นตาแก่ จะผมหงอกขาว จะความทรงจำเลอะเลือน แต่พี่ก็ยังเชื่อว่าพี่จะจำดินได้” ท้ายประโยคหันมาพูดกับเขาพร้อมเอื้อมมือมากุมกระชับกันแนบแน่น
   
           ดินเม้มริมฝีปาก หยดน้ำใสเอ่อรื้นในดวงตาก่อนมันจะถูกเกลี่ยออกให้อย่างอ่อนโยน  ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก พูดตอบกลับไป
   
          “พี่ก็รักพี่เดือนมากเหมือนกันนะข้าว เขาทำให้พี่มีความสุข...มีความสุขมากๆ ทำให้คนขี้ขลาดอย่างพี่กล้าหาญขึ้นมาได้...พี่เลย...เลยรักเขามากเหมือนกัน” 
   
           “พี่สัญญา...ว่าจะดูแลดินให้ดีที่สุด ดินกับลูกเป็นครอบครัว...เป็นคนสำคัญ”  จะรักษา จะปกป้อง จะดูแล ตราบจนลมหายใจสุดท้ายของตัวเอง  จะรักให้มากให้มันสลักลึกลงไปในใจ
   
           เดือนยิ้มให้ดิน ตอนที่สบแววตาอ่อนหวานคู่นั้น เขาก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายรู้สึกไม่ต่างกัน
   
          พอกลับจากวัดมาถึงบ้าน ดินก็ถูกเดือนเอาผ้ามาผูกตาเสียอย่างนั้น  ชายหนุ่มตกใจจนร้องโวยวายออกมา  แต่คนรักของเขาก็ทำเพียงตวัดร่างเขาให้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขน ดินพยายามดิ้นแต่เดือนก็กระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นและกระซิบบอกให้เขาอยู่นิ่งๆ
   
          ดินไม่รู้ตัวว่าตัวเองถูกพาไปทางไหน รู้ตัวอีกทีก็คือตอนที่เขาถูกวางลงบนพื้นแล้ว เดือนถอดรองเท้าเขาออกทำให้ดินสัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มของหญ้าใต้ฝ่าเท้า
   
          พวกเขาอยู่ในสวนอย่างนั้นหรือ
   
          “พี่เดือน” ดินร้องเรียกแต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมาจนคนถูกปิดตาชักใจแป้ว  ดินรีบดึงผ้าที่ผูกตาตัวเองออกทันทีก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกตะลึงเมื่อพบว่าตนเองยืนอยู่ในสวนหน้าบ้านไม้ชั้นเดียวขนาดปานกลางหลังหนึ่ง  สวนหน้าบ้านถูกปูด้วยหญ้าหนาหนุ่ม  มีดอกแก้วส่งกลิ่นหอมปลูกไว้ใกล้รั้วไม้ที่ทาสีสันสดใส  ต้นเข็ม ต้นมะลิ ดอกไม้หลายหลากสีส่งให้บ้านหลังนี้เหมือนหลุดออกมาจากเทพนิยาย หน้าบ้านมีชิงช้ากับม้านั่งสีสดใสตั้งอยู่
   
          ดินค่อยๆเดินเข้าไปเปิดประตู เขาพบว่ามันไม่ได้ล็อก พอเปิดประตูออกก็พบว่าในบ้านมีเทียนหอมถูกจุดวางเรียงกันไปตามทางเดิน ทอดยาวเข้าไปในตัวบ้าน ดินอมยิ้ม ส่ายหัวกับความคิดสร้างสรรค์ของสามี ดูเหมือนช่วงนี้อีกฝ่ายจะดูซีรีส์มากไปเสียละมั้ง
   
          คิดแบบนั้นแต่ก็ก้าวเข้าไปบ้านอยู่ดี  เทียนถูกจุดเรียงนำพาเขาไปยังห้องห้องหนึ่ง  ภายในประดับด้วยเทียนและช่อดอกไม้ที่ถูกวางไว้ทั่วห้อง ดอกกุหลาบสีแดงขาวและชมพู  ดอกทิวลิปสีแดง  ดอกลิลลี่  ดอกเบญจมาศสีขาว ดอกคาร์เนชั่น  ดอกคัตเตอร์ ดอกสแตติสสีม่วงถูกจัดช่ออย่างสวยงามวางอยู่บนโซฟาและตามโต๊ะ  ระหว่างที่ดินกำลังตื่นตากับดอกไม้หลากหลายช่อนั้น ก็มีเสียงเพลงดังมาจากทางประตู


   When your legs don't work like they used to before
        And I can't sweep you off of your feet
        Will your mouth still remember the taste of my love
        Will your eyes still smile from your cheeks



        เมื่อขาของคุณไม่ขยับเหมือนที่ผ่านมา
        และผมไม่สามารถทำให้คุณหลงรักผมได้อีกแล้ว
        ริมฝีปากของคุณจะยังจำรสชาติความรักของผมได้อยู่ไหม
        ดวงตาของคุณจะเปล่งประกายรอยยิ้มที่ส่งต่อจากแก้มของคุณอยู่หรือเปล่า



         ดินยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าเจ้าของเสียงทุ้มที่ร้องเพลงนี้เป็นใคร  ในมือใหญ่มีช่อดอกไม้อยู่ช่อหนึ่ง เดือนส่งให้ดินที่รับไปก่อนจะหลุดหัวเราะคิกออกมา 

        ดอกบัว...มาเป็นช่อเลยคราวนี้


         And darling I will be loving you till we're 70
         And baby my heart could still fall as hard at 23
         And I'm thinking 'bout how people fall in love in mysterious ways
         Maybe just the touch of a hand
         Oh me I fall in love with you every single day



          ที่รัก ผมจะรักคุณไปจนพวกเราอายุ 70 เลย
          และหัวใจของผมจะยังตกหลุมรักเหมือนเมื่อครั้งอายุ 23
          ผมกำลังคิดว่าผู้คนตกหลุมรักกันด้วยวิธีที่น่าพิศวงเช่นนี้ได้อย่างไร
          บางทีอาจเป็นแค่การสัมผัสมือกัน
          และผมก็ตกหลุมรักคุณในทุกๆวัน


          “ที่นี่ที่ไหนครับ” 

          “บ้านของเราไง” เดือนตอบเบาๆ รั้งเอวให้ร่างคนรักเข้ามาแนบชิด เชยคางอีกฝ่ายให้สบตาเขา พินิจดูใบหน้าที่เขารักใคร่

          “ที่นี่เป็นบ้านของเรา...อืม...เรือนหอก็ได้นะถ้าจะให้เข้าใจง่าย”

          ใบหน้าหวานของดินแดงก่ำจนเดือนอดใจไม่ไหวต้องก้มลงไปฟัดแก้มนุ่มหลายๆที

         “ไปกินข้าวที่บ้านใหญ่ทุกเย็น กลับมานอนกันที่นี่ อยู่ไม่ไกลจากเรือนใหญ่หรอก...แต่ก็ค่อนข้างเป็นส่วนตัว ดีไหม”  คนผมดำหัวเราะออกมา เอนศีรษะลงซบบนบ่าคนรัก กระซิบตอบเบาๆ  “ดีมากเลยล่ะครับ”

          มีคุณอยู่ ที่ไหนก็ดีทั้งนั้น

         “นี่ เต้นรำกันไหม” เดือนถาม ไม่รอช้าก็คว้ามือคนรักขึ้นมาจับ  ดินอมยิ้ม “จะเลียนแบบในเอ็มวีเพลงนี้เหรอครับ”

         “ไม่เก่งขนาดนั้นหรอก”

          ท่วงทำนองและเนื้อร้องอ่อนหวานของเพลง Thinking Out  Loud  บรรเลงไปพร้อมกับร่างสองร่างที่โอบกอดกันขยับตัวไปตามจังหวะเพลงช้าๆ ดินไม่เคยคิดว่าเขาจะได้มีโอกาสทำอะไรที่มันเลี่ยนๆแบบในหนังด้วย  ก็สนุกดีเหมือนกัน


          So honey now
          Take me into your loving arms
          Kiss me under the light of a thousand stars
           Place your head on my beating heart
           I'm thinking out loud
          That maybe we found love right where we are



          ที่รัก ตอนนี้น่ะนะ
          ดึงผมเข้าไปในอ้อมแขนที่เปี่ยมไปด้วยความรักของคุณเถอะ
          แล้วก็จูบผมภายใต้แสงดาวนับพัน
          ซบศีรษะของคุณลงมาบนหัวใจที่เต้นอยู่ของผม
          ผมคิดออกมาดังๆ
          ว่าบางทีเราอาจค้นพบความรักในที่ที่เราอยู่ด้วยกัน...



         ในค่ำคืนนั้นพวกเขากลับไปกินข้าวเย็นที่เรือนใหญ่ก่อนจะเก็บเสื้อผ้าบางส่วนมานอนที่บ้านไม้  เดือนช่วยดินส่งลูกน้อยเข้านอน  เสียงนุ่มร้องเพลงกล่อมเด็กให้เจ้าตัวเล็กตาปรือ ริมฝีปากเล็กอ้าปากหาวดูน่ารักน่าชัง  เมื่อดวงตากลมปิดลงผู้เป็นพ่อกับแม่ก็โน้มตัวไปจูบแก้มนิ่มหอมกลิ่นแป้งเด็กกันคนละข้างก่อนวางลูกน้อยลงในเปล

        “จะนอนหรือยังครับ” ดินเอ่ยถามเบาๆแต่เดือนกลับส่ายหน้า “ยังไม่ง่วงเลย น้องอยากนอนแล้วเหรอ” นี่เพิ่งจะสองทุ่มเอง

        “ยังไม่ง่วงหรอกครับ”

        “งั้นเราออกไปนั่งตรงม้านั่งกันไหม”  เดือนเสนอ เมื่อคนรักพยักหน้าเขาก็หยิบสเปรย์กันยุงมาฉีดให้ตัวเองและดินพร้อมกับหยิบผ้าห่มผืนเล็กติดมาด้วย ตอนนี้บริเวณบ้านเหลือเพียงเสียงหรีดหริ่งเรไรของแมลงยามค่ำคืน  อากาศไม่ร้อนมากเท่าตอนกลางวัน  สายลมเย็นพัดโชยมาให้สบายเนื้อสบายตัว

        สองร่างนั่งลงเคียงกัน เงยหน้ามองดวงจันทร์กลมโตกระจ่างฟ้า

        “นี่...ดินมีความสุขหรือเปล่าที่อยู่กับพี่” จู่ๆเดือนก็เอ่ยถามขึ้นมา ดินหันไปมองคนรักก่อนจะเอนศีรษะไปซบไหล่ ให้คนตัวสูงจูบลงบนขมับเบาๆ

        “มีความสุขสิครับ ไม่มีคงไม่รับรักแล้วอยู่จนมีลูกตั้งคนนึงหรอก” น้ำเสียงแฝงแววขี้เล่นนั้นทำให้เดือนหัวเราะออกมา “พี่ก็มีความสุขมาก”
 
        มีความสุขที่ได้รักคนคนนี้ มีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ พวกเขาพบกันเพียงเวลาสั้นๆ แต่สิ่งที่ผ่านมาด้วยกันช่างมากมาย ความเจ็บปวดและอดีตที่ช่วยกันแบกรับ ความยากลำบากที่จับมือกันผ่านพ้นไปทำให้แน่ใจแล้วว่าคนข้างกายคนนี้คือคนที่พร้อมจะใช้ชีวิตร่วมกันไปจนแก่

        “นี่...ดินเคยคิดนะว่าตอนนี้มันอาจเป็นความฝันก็ได้ ดินฝันแล้วก็ตื่นมาพบความจริงว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน ฮ่ะๆ แค่คิดก็รู้สึกแย่แล้วเนอะ”

        “แล้วคิดทำไม” ถามพลางลูบศีรษะทุยอย่างอ่อนโยน

       “ไม่รู้สิ...เพราะพี่เป็นพระจันทร์มั้ง พระจันทร์อยู่บนฟ้า...สูงจนเกินคว้า กระต่ายบนดินเลยทำได้แค่แหงนมอง”

       “แต่พระจันทร์ดวงนี้ไม่ได้อยู่บนฟ้า...พระจันทร์ดวงนี้รักที่จะอยู่ตรงนี้...อยู่ข้างๆกระต่ายบนพื้นดิน”

         ความสุขง่ายๆที่เดือนไม่รู้จะไปตามหามาจากไหน ความสุขเล็กๆที่ดินทำหล่นหายไป

         พวกเขาค้นพบมันในตัวคนรักของเขา เติมเต็มซึ่งกันและกัน แบ่งปันทุกข์สุขและรอยน้ำตาร่วมกัน

         ดินหันไปมองคนรัก วินาทีนั้นโลกของเขาพลันเปลี่ยนแปรเป็นสีเทา ชายหนุ่มมองเห็นเส้นด้ายโปร่งสีแดงเกี่ยวกระหวัดที่นิ้วก้อยเดือน ลากเชื่อมต่อมาเรื่อยๆ...จนถึงนิ้วก้อยของเขา หัวใจของดินเต้นถี่รัว
ในที่สุด เขาก็มองเห็นด้ายแดงของตัวเองได้แล้ว...

        “ดีจังเลยนะที่ได้มาอยู่ด้วยกันตรงนี้...พี่รักดินนะ”

       ถ้อยคำบอกรักที่ได้ยินเท่าไหร่ก็ไม่มีเบื่อ ดินยิ้มรับคำพูดนั้น ความอบอุ่นแผ่ซ่านในใจ  คนผมดำเกี่ยวปลายนิ้วก้อยของตนเข้ากับปลายนิ้วก้อยอีกฝ่าย ซึ่งเดือนก็กระหวัดปลายนิ้วให้เกี่ยวกันแนบแน่นขึ้น

        อาจเป็นเพราะพรหมลิขิตที่ทำให้พวกเขาได้รักกัน

        อาจเป็นเพราะด้ายแดงที่ผูกหัวใจสองดวงเชื่อมกัน

        อาจเป็นเพราะตัวพวกเขาเองที่ไขว่คว้าหาความรักและพยายามจนได้มาไว้ในมือ

       แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็แล้วแต่ แต่ดินรู้ว่าเส้นด้ายแห่งความรักที่พวกเขาเป็นคนช่วยกันผูกนี้จะเชื่อมโยงพวกเขาสองคนไว้ด้วยกันตราบชั่วลมหายใจสุดท้าย  เชื่อมโยงเดือนบนฟ้าให้คู่กับกระต่ายบนดินเช่นเขา
   
         ความสุขที่เรียกว่าความรักถูกค้นพบในสถานที่ที่พวกเขาสองคนอยู่ด้วยกัน  ไม่ว่าจะอีกกี่วัน กี่เดือน กี่ปี...
   
        “ดินก็รักพี่ครับ”
   
         ท่ามกลางความเงียบของราตรีกาลอันอ่อนโยน  ใจสองใจใช้ความเงียบสื่อสารถ้อยคำระหว่างกันยามแลกเปลี่ยนจุมพิตอันอ่อนหวาน
   
          เส้นด้ายสีแดงแห่งความรักของพวกเขาผูกกระหวัดกันแน่นขึ้นและจะไม่มีวันขาดออกจากกัน   ร้อยรัดโชคชะตาอีกมากมายนับจากนี้
   
         ความรักและความผูกพันของพวกเขา...เชื่อมโยงกันเนิ่นนานเท่ากับจำนวนดาวบนท้องฟ้าและเม็ดทราย
   
         ช่วงเวลาที่ถูกเรียกขานว่า...‘นิรันดร์กาล’






จบ

ทอล์คอยู่ด้านล่างนะคะ อยากให้เลื่อนลงไปอ่านทอล์คด้วย เราอยากจะเขียนถึงคนอ่านค่ะ :  )

ออฟไลน์ snowrabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +219/-6
         จบซะแล้ว...เนื่องจากพ้นวันเอพริลฟูลเดย์มาแล้วนี่จึงไม่ใช่โจ๊กแต่อย่างใด จบแล้วจริงๆค่ะ...ใจหายเหมือนกันแฮะ เราเอานิยายเรื่องนี้ลงบอร์ดครั้งแรกวันที่ 3 เดือนธันวาคมปีที่แล้ว พอมาวันนี้ลองนับดู หืม ห้าเดือนเหรอ? พูดเป็นเล่น 5555 นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องวายแบบจริงจังเรื่องแรกที่เขียน ตอนแรกลงแบบไม่มีพลีอต ไม่มีอะไรเลย แต่กลับเป็นเรื่องแรกที่เขียนจบ เป็นเรื่องแรกที่รู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่เขียน ทำให้สนุกได้ตอนอ่านคอมเม้นท์จากคนอ่าน เป็นนิยายที่ทำให้เรามีความสุขมากๆเลยค่ะ

       สำหรับคนอื่นอาจจะคิดว่าแค่ลงนิยายจบเอง แต่สำหรับเรามันเป็นครั้งแรกที่เราเขียนจบค่ะ เป็นเหมือนก้าวเล็กๆที่ทำให้เราเริ่มต้น  เราขอบคุณทุกคนมากๆเลยนะคะที่ตามอ่าน  นิยายเราคนอ่านน้อยคนเม้นท์น้อยก็จริง แต่เรามีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่านคอมเม้นท์จากพวกคุณ ชอบเวลาที่พวกคุณอิน มีความสุข บอกว่าชอบตัวละครของเรา ให้กำลังใจเรา บอกว่าคิดถึงตัวละครของเรา

        หนึ่งคอมเม้นท์ หนึ่งยอดวิวที่เพิ่มขึ้นสอนให้เรารู้ว่าเราท้อไม่ได้ เราทิ้งคนอ่านที่ตามอยู่ไม่ได้ พวกคุณทำให้เราลุกมาเขียนนิยายทุกวันเพื่อมาอัพให้ทันวันเสาร์  ทำให้เราวางพล๊อตจนจบ ขอบคุณมากจริงๆนะคะ ไม่มีคนอ่านเราและพี่เดือนกับน้องดินก็มาไม่ถึงจุดนี้  ตอนจากนี้ต้องเหงานิดๆแน่เลย 55555 ผูกพันกับเรื่องนี้มากค่ะ เพราะคิดพล๊อตอยู่ตลอด ไปเที่ยวก็หอบโน้ตบุ้คไปเขียนด้วยอ่ะ  :katai4:

         เราอาจจะไม่ใช่คนเขียนที่เข้ามาตอบคอมเม้นท์บ่อยแต่เราตามอ่านอยู่ตลอดเวลาค่ะ (ุ่สายซุ่มเงียบ) 5555 เราต้องขอขอบคุณ...

        คุณ BlueCherries  - มาคอมเม้นท์คนแรกเกือบทุกตอนเลย 55555 หลังลงเนื้อหาจะมาตามดูว่าคนนี้มาคอมเม้นท์หรือยังหว่า เหมือนกับเป็นประธานเปิดงานยังไงยังงั้นเลยค่ะ 55555 บางทีก็แอบลุ้นนะว่าจะมีใครมาก่อนมั้ย ขอบคุณที่ติดตามมาตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนสุดท้าย คอมเม้นท์ให้เกือบทุกตอบ ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้เรา พี่เดือนและน้องดินมากๆนะคะ

        คุณ sirin_chadada - ขอบคุณที่ตามคอมเม้นท์ให้เราทุกตอนนะคะ ช่วยดูคำผิดแล้วก็ติงในจุดที่เราเบลอจนตกไป ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้พี่เดือนมาตลอดนะคะ มีกำลังใจทุกครั้งที่อ่านคอมเม้นท์ของคุณ เราจะพยายามให้ดีขึ้นในเรื่องต่อๆไปนะคะ

        คุณ Malimaru - หลังๆไม่ได้เจอกันแล้ว แต่ก็ฮาทุกครั้งที่กลับไปอ่านคอมเม้นท์เก่าๆแล้วเชียร์ให้พี่เดือนเสียบ 55555 ถ้ายังตามอ่านอยู่ก็ขอบคุณมากจริงๆนะคะ ความเกรียนและความฮาของพี่เดือนเพิ่มขึ้นเพราะคำยุให้เสียบนี่แลลล

        คุณ love:seungri - ขอบคุณที่ตามอ่านมาตลอด ขอบคุณที่บอกว่าชอบนิยายเรื่องนี้ ขอบคุณที่ช่วยแนะนำนิยายให้นะคะ ขอบคุณที่รักพี่เดือนและน้องดินค่ะ อีกหนึ่งกำลังใจเลย (แอบลุ้นในหลายๆตอนว่าจะมาคอมเม้นท์มั้ย 5555)

        คุณ jejiiee - ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้และขอบคุณเป็นอย่างยิ่งที่บูชาพี่เดือนค่ะ 55555

        คุณ B52 - ขอบคุณที่คอมเม้นท์ให้เกือบทุกตอนนะคะ ขอบคุณที่ตามอ่านมาจนถึงตอนนี้ เราจะพยายามเขียนเรื่องใหม่ให้สนุกมากขึ้นค่ะ ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้นะคะ

        คุณ phrase - ตามกันมาตั้งแต่ตอนแรกๆ ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ยิ้มเลยตอนที่คุณชมว่าคู่น้องดินพี่เดือนน่ารัก

        คุณ kung - ขอบคุณที่ตามอ่านนะคะ ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้ค่ะ

        คุณ titansyui - ขอบคุณที่เข้ามาเป็นกำลังใจให้นะคะ

        คุณ lovenadd - คุณเป็นคนแรกเลยที่เข้ามาคอมเม้นท์ให้เรา คอมเม้นท์ที่บอกว่าคุณชื่นชมเรา บอกว่าเราไม่ทิ้งงานเขียนและจะติดตามผลงานเรา มันเข้ามาตอนที่เรากำลังท้อเลยค่ะ  ขอบคุณมากจริงๆ คอมเม้นท์ของคุณเตือนสติเรา และทำให้เราฮึดขึ้นมาอีกครั้งค่ะ ขอบคุณมากๆที่ชอบนิยายเรื่องนี้ค่ะ

       คุณ TaecKhun Imagine Love - ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ขอบคุณมากๆที่เป็นกำลังใจให้พี่เดือน

       คุณ ZYSQ_ - ขอบคุณที่ติดตาม ตอนอ่านคอมเม้นท์แล้วเจอว่าคุณรอนี่คือรีบปั่นอย่างไว ขอบคุณที่ชอบตัวละครของเราด้วย มีกำลังใจขึ้นเยอะเลยค่ะ 55555

       คุณ natsikijang - คุณเป็นคนแรกเลยที่บอกว่าอ่านงานของเราแล้วรู้สึกเชื่อ ทำให้เราเชื่อในตัวละครของเราเช่นกัน ขอบคุณที่บอกถึงข้อดีและข้อเสียของนิยายของเรานะคะ ขอบคุณที่ตามอ่านมาจนถึงตอนนี้ ขอบคุณมากๆ เราจะนำคำแนะนำของคุณไปปรับใช้กับนิยายเรื่องต่อไปค่ะ เราจะทำให้ดียิ่งขึ้นกว่านี้ค่ะ

       คุณ oilk - ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะคะ ขอบคุณที่เอาใจช่วยพี่เดือนและทุกคน ขอบคุณมากๆค่ะ

       คุณ Hypnos - พอรู้ว่ารอก็รีบมาต่อเลยค่ะ ปั่นไฟลุก ไฟเย่อรรรรร์ 555555

       คุณ DraCo_SLa13 - ด่าญี่ปุ่นได้สะใจเอาไปเต็มล้านเลยค่ะ 5555 ขอบคุณที่ติดตามนิยายของเรานะคะ : )

       คุณ 4life - ขอบคุณที่รอนะคะ เรามาอัพให้แล้ววว

       คุณ *-*คาเมะ*-* - ขอบคุณที่ชอบนะคะ

       คุณ mild-dy - ขอบคุณที่ติดตามนะคะ  :pig4:

       คุณ mur@s@ki -  :pig4: :กอด1: :กอด1: น้องปราณฝากมาบอกว่า แบงก์อะไรก็ได้ยกเว้นกาโม่ค่ะ 55555+

       คุณ kun - ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและติดตามนะคะ หนึ่งในกำลังใจจ :mc4:

       คุณ magarons - ด้ายแดงเขาจะเกี่ยวกันตลอดกาลค่ะ จุ๊บ  :L2:
 
       คุณ koikoi - ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้พี่เดือนนะคะ

      คุณ Billie -  :L2: :L2: :กอด1:

       คุณ MaRiTt_TCL - ขอบคุณที่เข้ามาตามอ่านและเป็นกำลังใจนะคะ  :กอด1:

       คุณ JustWait - ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้พี่เดือนนะคะ

       คุณ โซ อึน - พอคุณบอกว่าชอบชื่อเรื่องเราก็ไม่คิดจะเปลี่ยนแล้ว ตอนแรกจะเปลี่ยนเพราะมันดูลิเกไป 5555

       คุณ owlseason - ส่วนใหญ่ทุกคนจะสมน้ำหน้าพี่เดือนก่อนแล้วค่อยสงสารค่ะ ตอนนี้ก็ยังเป็นแบบนั้น คนเขียนก็ทำคนแรกเลยค่ะ 5555

       คุณ boboman - ขอบคุณที่เข้ามาเพราะชื่อเรื่องค่ะ ตอนแรกเกือบเปลี่ยนแล้ว 5555

       คุณ fanglest - ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ  :กอด1: คอมเม้นท์ของคุณเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราค่อยๆปรับนิสัยดินค่ะ ตอนแรกไม่ได้ออกมาแบบนี้นะ 5555 ขอบคุณที่เข้ามาชี้ให้เราเห็นถึงข้อผิดพลาดจนสร้างน้องดินออกมาได้ ขอบคุณจริงๆค่ะ

      คุณ milky way - เดือน : ผมพึ่งพาได้ตลอดเวลาแหละครับ!

      คุณ omelet - ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและชอบตัวละครของเรานะคะ ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้


      และสุดท้ายนี้ต้องขอบคุณนักอ่านคนอื่นๆที่ถึงแม้ไม่ได้แสดงตัวแต่ก็ตามอ่านนะคะ พวกคุณเองก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นิยายเรื่องนี้เดินมาถึงจุดนี้ ขอบคุณจริงๆค่ะ  :pig4:

       อันที่จริงยังเหลือตอนพิเศษอีกนะคะ จะทยอยลงให้เน้อออ เราส่งเรื่องนี้ไปให้สำนักพิมพ์ด้วยค่ะ แต่ยังไม่รู้ผลว่าจะผ่านไหม และตอนนี้เราลงเรื่องใหม่ไว้ด้วยค่ะ จิ้มเลยย ขอบคุณทุกท่านนะคะ รอพบทุกคนใหม่อีกครั้งนะคะ >3<

       เพราะหลงรักคุณ

       สุดท้ายนี้ ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านมาถึงบรรทัดนี้ ยินดีที่ได้พบและขอบคุณอีกครั้งค่ะ  :L2: :กอด1: (ทอล์คยาวที่สุดในชีวิตแล้วจริงๆ 5555)

       

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
ช็อค เหวอเลย


ไม่นึกว่าจะจบไวขนาดนี้ เพราะเพิ่งจบจากเรื่องญปมาเอง


ฮือออออ


ซึ้งมาก เขียนดีต้นจนจบเลยค่ะ

//กอดดดดดดดดดดด


***

ปอลอ ตอนนี้นั่งเฝ้าต่อในเรื่องหลงรักคุณนะคะ จุ้บๆ

ปอลอลอ เรามักจะเมนท์ไร้สาระไปเรื่อย อย่าว่าอะไรเราเลยนะ แฮ่ :P
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-04-2016 15:49:41 โดย BlueCherries »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ขอบคุณคนเขียนที่ไม่ทิ้งกันค่ะ :D
อยากอ่านตอนพิเศษเมื่อต้นข้าวโตเป็นหนุ่ม คุณพ่อเดือนคุณแม่(?)ดินจะเป็นยังไง
ให้กำลังใจคนเขียนสำหรับเรื่องถัดไปด้วยค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด