ยามจันทร์เจ้าจูบดิน
บทพิเศษ ๑
คู่ชีวิต
พักนี้เดือนทำแต่งาน...
ดินนอนเหม่อมองเพดานสีขาวด้วยดวงตาว่างเปล่า ชายหนุ่มอยู่ในชุดนอนแล้วก็กำลังจะเตรียมตัวเข้านอนแล้ว ดวงตาสีน้ำตาลไร้แว่นสายตามาบดบังหันไปมองข้างกายที่ตอนนี้ก็ยังว่างเปล่า
นี่ก็อาทิตย์ที่สามแล้วที่เดือนไม่อยู่ อีกฝ่ายไปถ่ายแบบที่อิตาลี กำหนดการที่ไปคือสามอาทิตย์
ดินถอนหายใจ ลูกชายของเขาหลับไปเรียบร้อยแล้ว เพราะมีเด็กคนนี้อยู่ทำให้สองสัปดาห์ที่ผ่านไปไม่ได้แย่มากนัก ตอนกลางวันก็มีงานให้ทำจนหัวหมุน แต่พอตกกลางคืน...ความเหงาก็ถือโอกาสมาเยี่ยมเยือนพร้อมกับความเงียบ แทรกเข้ามาในใจเขาจนได้
หากเป็นเวลาปกติเดือนจะดึงเขาเข้าไปกอด จูบหน้าผาก จูบเปลือกตา จูบแก้ม บอกให้เขาหลับฝันดี...แล้วดินก็จะหลับฝันดีจริงๆ
แต่พออีกฝ่ายไม่อยู่มันก็เหมือนกลับไปในช่วงเวลาก่อนหน้านั้น ช่วงที่มีเขาแค่คนเดียว ตอนนั้นดินอยู่ได้ มีหนังสือกับความเงียบเป็นเพื่อน ตลกดีที่เวลาสองปีที่มีใครอีกคนเข้ามาอยู่ในชีวิตทำให้เขาไม่อาจทนกับความเงียบและความเหงาได้
มีไม่บ่อยนักที่เดือนจะรับงานที่ต้องบินไปถ่ายที่ต่างประเทศ ชายหนุ่มบอกกุ๊กว่าห่วงลูกและคนรัก กุ๊กเองก็ไม่ค่อยจะเห็นด้วยแต่ก็ยอมตามใจ แต่มีการถ่ายแบบจากห้องเสื้อแบรนดังหนนี้นี่แหละที่กุ๊กไม่ยอมให้เดือนปฏิเสธ ชายหนุ่มพลาดโอกาสไปแล้วเมื่อสองปีก่อนตอนมีเรื่องของญี่ปุ่นเข้ามา...ครั้งนี้ไม่มีอุปสรรคใดๆแล้วกุ๊กกับสรัลเลยมัดมือชกตอบรับคำเชิญจากทางนั้นโดยไม่ถามความเห็นเดือน
ตอนแรกที่รู้เดือนก็โวยวายแต่จะบอกยกเลิกงานก็ไม่ได้ดินเองก็ไม่อยากให้คนรักเสียงานจึงช่วยเกลี้ยกล่อมอีกแรง
เขาไม่อยากเป็นตัวถ่วงเดือน ตอนนี้นายแบบหนุ่มกำลังโด่งดังไปทั่วประเทศและหากการถ่ายแบบครั้งนี้ประสบความสำเร็จแล้วล่ะก็นี่จะทำให้เดือนประสบความสำเร็จเหนือใครในวงการนายแบบ
ดินแค่อยากให้คนรักก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เขาอยากเป็นส่วนสนับสนุนเดือน ไม่ใช่เป็นแต่ตัวถ่วง
ริมฝีปากบางยกยิ้มยามนึกถึงใครบางคนที่อยู่ห่างออกไปอีกซีกโลก
ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ...
ฝ่ามือบางคว้าเอาโทรศัพท์มาเช็กดูข้อความจากแชทต่างๆแต่ก็ไม่มี...เดือนไม่ได้ตอบข้อความเขา คงจะยุ่งๆ หากเป็นแต่ก่อนดินคงจะปล่อยผ่าน แต่ตอนนี้...เขารู้สึกกระวนกระวาย
สองปีแล้วที่อยู่ด้วยกันในฐานะคนรัก
สองปีแล้วที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแบบเรียบง่าย แต่ล่ะวันผ่านไปอย่างสงบสุข ทะเลาะกันบ้าง ไม่ได้เจอกันบ้างแต่ความรักก็ไม่ได้น้อยลง
สองปีแล้ว...ที่เปลี่ยนดินจากคนที่ไม่สนใจใคร ไม่ชอบยิ้ม เก็บตัวและชอบเก็บความทุกข์ไว้คนเดียวให้กลายเป็นคนที่สนใจคนรอบข้างมากขึ้น ยิ้มบ่อยขึ้น
ไม่สิ...เวลาไม่ได้เปลี่ยนเขา
‘เดือน’ ต่างหากที่เปลี่ยนเขา
“อ่า...กลับมาเร็วๆสิครับพี่เดือน เป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวมันเหนื่อยนะ”
สาบานได้ว่าถ้าอยู่ต่อหน้าเดือนดินจะไม่มีวันพูดประโยคนี้!
เช้าวันต่อคนผมดำก็ลุกขึ้นมาจัดการธุระส่วนตัว พาลูกน้อยไปอาบน้ำ เด็กชายวัยสองขวบกำลังอยู่ในวัยน่ารักน่าหยิก แก้มยุ้ยและว่านอนสอนง่าย ไม่ค่อยดื้อเหมือนเด็กคนอื่น ดินไม่ชอบเลี้ยงลูกโดยยัดโทรศัพท์ให้แล้วปล่อยให้ลูกอยู่กับหน้าจอ เขาจะร้องเพลง อ่านนิทานก่อนนอนให้ลูกฟัง ตอนนี้ต้นข้าวพูดได้แล้ว เด็กน้อยยังอ่านหนังสือไม่ค่อยออกแต่กลับความจำดีมาก
หนังสือนิทานเล่มบางสีสวยที่ดินอ่านให้ฟังทุกคืน ต้นข้าวจำได้แล้วก็เปิดไปพูดเจื้อยแจ้วไป
หลังจากทานข้าวแล้วปล่อยให้ลูกชายนอนวาดรูปอยู่บนพรม ดินก็จัดการทำงานบ้าน ดูเหมือนว่าวันนี้เขาต้องเปลี่ยนหลอดไฟในครัวด้วย
ชายหนุ่มเหลือบตามองโทรศัพท์เป็นระยะแต่มันก็ยังคงเงียบสนิท
สัปดาห์แรกที่เดือนไปอิตาลี พวกเขาติดต่อกันทุกวัน เฟสไทม์คุยกันก่อนดินเข้านอนทุกคืน
พอสัปดาห์ที่สองก็เริ่มติดต่อกันน้อยลง พอได้คุยกันเดือนก็มีเหตุให้ออกไปทำธุระนู่นนี่ตลอด...ดินเองก็พอเข้าใจเลยไม่ได้ว่าแต่เขาเองก็เริ่มตงิดใจ
หลายครั้งที่เห็นเด็กหนุ่มร่างบางคนหนึ่งเดินผ่านกล้องไปมาด้านหลังเดือน ซึ่งคนรักเองก็เคยอธิบายว่านั่นคือนายแบบอีกคนจากอังกฤษที่มาพักอยู่ด้วยกันตลอดการถ่ายแบบ
ดินเองก็ไม่ได้อยากจะกลุ้มใจ แต่พักหลังๆคนคนนั้นโผล่เข้ามาในบทสนทนาของพวกเขาบ่อยครั้ง หมายถึงโผล่มาแบบ
ทั้งตัวเลย ไม่ได้มาแค่ชื่อ เอาผลไม้มานั่งกินข้างเดือนบ้าง บางครั้งก็โผล่มาขัดจังหวะการคุยแล้วก็ดึงความสนใจจากเดือนไปหมดเลย
ดินเองก็ไม่รู้จะทำยังไงเขาแค่ยิ้มแล้วบอกว่าไม่มีอะไร ออกไปทำธุระของพี่เถอะ
ดูเหมือนว่านายแบบหนุ่มน้อยคนนั้นก็จะรู้ว่าดินเป็นใคร มีหลายครั้งที่มานั่งข้างเดือนแล้วก็ส่งยิ้มมาให้ดินด้วย
ไม่รู้ทำไมมันเหมือนยิ้มเย้ยชอบกล...บางทีเขาอาจจะอคติไปเองก็ได้
พอสัปดาห์ที่สาม...ยังไม่มีการติดต่อใดๆมากจากเดือนเลย...
คนผมดำถอนหายใจเฮือกก่อนจะถูกดึงความสนใจไปด้วยมือน้อยที่เอื้อมมือมากระตุกชายเสื้อ ต้นข้าวฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันหลอก่อนจะยื่นกระดาษมาให้ดิน คนตัวเล็กรับมาดูก็พบว่าเด็กน้อยของเขาโชว์ฝีมือทางศิลปะด้วยการใช้สีเทียนระบายมนุษย์ก้างสามคนกับ...บ้านมีปล่องไฟขึ้นมาอีกหลัง
อืม ชักสงสัยแล้วแฮะว่าทำไมเด็กวาดบ้านทีไรต้องมีปล่องไฟทุกคนเลย
“หืม นี่อะไรครับ?”
ดินถามลูกชาย มองเด็กน้อยด้วยแววตาเอ็นดู นิ้วป้อมๆจิ้มไปบนกระดาษ
“นี่หนู พ่อเดือน แล้วก็พ่อดินคับ”
“หืม ไหน ทำไมหนูผอมจัง ทั้งที่ตัวจริงอ้วนกว่านี้ตั้งเยอะ” ดินหยอกลูกชายก่อนจะอุ้มเจ้าตัวกลมขึ้นมา หอมแก้มยุ้ยแล้วฟัดพุงกลมๆอย่างหมั่นเขี้ยว ต้นข้าวหัวเราะคิกแล้วบิดตัวไปมา ชอบใจนักล่ะเวลาพ่อดินจุ๊บๆ
“พ่อดิน หนูอยาก...กินช้ม” เจ้าหนูหมายถึงส้มนั่นแหละ แต่ออกเสียงไม่ชัด
ดินพยักหน้ารับ อุ้มหนูน้อยไปที่ห้องนั่งเล่นก่อนหยิบส้มมาปอกให้ลูกชาย หนูข้าวรับส้มไปกลีบหนึ่งก่อนจะดูดน้ำส้มไปจนเหลือแต่เนื้อ เจ้าตัวเล็กเลยค่อยๆกินเนื้อส้มไปช้าๆ เคี้ยวหงับๆแต่กระนั้นทั้งเนื้อส้มกับน้ำส้มก็ยังเลอะปากเลอะแก้มอยู่ดี
“หนูข้าว กินดีๆอย่าให้เลอะสิครับ”
“งื้อ”
ต้นข้าวส่งเสียงงื้อง้ารับคำพ่อก่อนมือน้อยจะดึงทิชชู่ที่ดินเลื่อนส่งมาให้มาเช็ดปากตัวเอง
“พ่อดิน...เมื่อไย..พ่อเดือนจามาหาน้องข้าวคับ”
“พ่อเดือนไปทำงานครับ เดี๋ยวก็กลับแล้ว”
ตาโตๆฉายแววเศร้าๆ น้องข้าวเดินดุ๊กดิ๊กไปหยิบหนังสือนิทานเล่มบางมา “หนูข้าวคิดถึงพ่อเดือน”
ปกติแล้วเดือนจะเป็นคนอ่านนิทานให้ลูกฟังตอนที่ลูกจะนอนกลางวันส่วนดินจะเป็นคนอ่านนิทานให้ฟังตอนกลางคืน ดูเหมือนวันนี้เขาต้องทำหน้าที่แทนคนตัวโตด้วยแล้วมั้ง
“พ่อดิน หนูข้าวง่วงจัง พ่อดิน...อ่าน ฮ้าววว” ปากน้อยๆอ้ากว้าง ดินยิ้มให้ลูกชายก่อนจะหยิบหนังสือมาแล้วเริ่มต้นอ่านนิทานให้ลูกฟัง เวลาผ่านไปครู่หนึ่งเด็กน้อยก็หลับปุ๋ย ดินหอมแก้มลูกชายเบาๆแล้วเดินเข้าไปในครัว ไปเปลี่ยนหลอดไฟแบบที่ตั้งใจไว้
เพราะไม่ได้ทำงานประเภทนี้มานานทำให้อะไรๆมันก็ดูเก้ๆกังๆไปหมด แต่ในที่สุดดินก็เปลี่ยนหลอดไฟได้สำเร็จ เขาปาดเหงื่อ ปกติเดือนจะเป็นคนทำงานพวกนี้...
ให้ตายสิ!
ทำไมเขาถึงได้คิดถึงหมอนั่นตลอดเวลาด้วยนะ อีกฝ่ายดูจะไม่คิดถึงเขาเลยแท้ๆติดต่อก็ไม่ติดต่อมา บ้าชะมัด!
เด็กหนุ่มค่อยๆหย่อนตัวลงจากเก้าอี้แต่เพราะจู่ๆก็เกิดอาการหน้ามืดขึ้นมาทำให้เซล้มลง
เพล้ง
หลอดไฟแตกกระจายอยู่บนพื้นส่วนดินที่เอามือยันไว้ตามสัญชาตญาณก็หลุดเสียงร้องออกมาเพราะเขาวางฝ่ามือไปทับเศษแก้วเต็มๆ เสียงร้องของเขาปลุกให้เจ้าตัวเล็กสะดุ้งตื่น
“พ่อดินคับ” ต้นข้าวยืนหน้าตางัวเงียอยู่ตรงประตูครัว พอเห็นเขาล้มเด็กน้อยก็ทำท่าจะเข้ามาหา “อย่าเข้ามานะข้าว!” ด้วยความร้อนใจกลัวว่าลูกจะเหยียบเศษแก้วดินเลยเผลอเสียงดังใส่ เด็กน้อยที่ตกใจเสียงดังแถมยังเห็นเลือดสีแดงๆไหลจากมือคุณพ่อคนสวยไม่หยุดก็ทำอะไรไม่ถูก
“เลือด...ฮือ...เลือด พ่อดินเลือดไหล ฮืออออ”
สุดท้ายก็เป่าปี่ออกมาจนได้...
ดินที่ปวดหัวกับเสียงร้องลูกแถมยังเริ่มเจ็บแผลที่โดนบาดได้แต่หาเศษผ้ามากดไว้ เดินอ้อมเศษแก้วไปหาลูกชายแล้วพาออกไปข้างนอก ดินปลอบอยู่นานกว่าต้นข้าวจะหยุดร้อง เด็กน้อยตาแดงจมูกแดงซุกตัวอยู่บนโซฟามองพ่อดินทำแผลให้ตัวเองแล้วจัดการกับเศษแก้วในครัว ทันทีที่ชายหนุ่มเดินมาทิ้งตัวลงบนโซฟาต้นข้าวก็คลานขึ้นไปหนุนตักร่างบางทันที
หัวทุยซุกเข้าที่หน้าท้องแบนราบของคนเป็นพ่อ ฝ่ามืออุ่นลูบไล้เส้นผมของเขาชวนให้เคลิบเคลิ้ม
“พ่อดิน...เจ็บมั้ย”
“ไม่เจ็บหรอก ไกลหัวใจ”
“น้องข้าวดูหน่อยนะ”
มือเล็กคว้ามือที่พันไว้ด้วยผ้าพันแผลขึ้นมา ก่อนจะเป่าฟู่ลงไปที่ฝ่ามือ “โอ๋ๆ ไม่เจ็บน้า หายเพี้ยงงง” ดินอมยิ้มกับท่าทางน่ารักของลูกชายก่อนก้มลงไปฟัดแก้มนิ่มอีกหน มือบางลูบหลังเด็กดีก่อนจะร้องเพลงกล่อมออกมาเบาๆ เพียงครู่เดียวเด็กน้อยตัวกลมก็หลับไป
เมื่อดูจนแน่ใจว่าลูกชายหลับสนิทดินก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นกดเข้าไลน์ เขาถ่ายรูปมือที่มีผ้าพันแผลแล้วก็ส่งไปให้เดือน
ปฐพี : เปลี่ยนหลอดไฟแล้วทำหลอดเก่าตกแตก ล้มทับเลยโดนบาดเป็นแผลเลย ; ( ปกติเขาไม่ทำอะไรแบบนี้หรอกเพราะรังแต่จะทำให้อีกฝ่ายเป็นห่วงจนไม่เป็นอันทำงาน...
แต่วันนี้ดินอยากอ้อน อยากเห็นแสดงข้อความเป็นห่วง อยากเห็นอีกฝ่ายรีบเฟสไทม์มาสอบถามอาการ
คนตัวเล็กเหลือบมองข้อความก่อนหน้าที่ส่งไปตั้งแต่เมื่อวานซืน
มันยังไม่ได้เปิดอ่านเลยด้วยซ้ำ... ตกเย็นวันนั้นก็ไม่มีข้อความใดตอบกลับมา ดินเม้มริมฝีปาก เขาพาลูกชายมานอนข้างๆ เด็กน้อยกำลังเล่นกับตัวต่อเลโก้อยู่
พอกันที...
เหลือบมองนาฬิกาแล้วคำนวณเวลาอยู่ในใจ พอเห็นว่าเป็นช่วงที่โทรได้ดินก็เฟสไทม์ไปหาเดือนทันที หลังจากพยายามอยู่สองสามรอบอีกฝ่ายก็รับ
นัยน์ตาสีน้ำตาลมองคนรักในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิงตื่นมารับเฟสไทม์ นี่เขารบกวนเวลานอนอีกคนรึเปล่าเนี่ย
“ดิน...”
“พี่เดือน เป็นไงบ้าง”
พอเห็นหน้าคนรักเดือนก็ลูบหน้าลูบตาถึงจะมึนหัวจนอยากล้มตัวลงนอนแค่ไหนแต่ก็ยังฝืนลุกมาคุย “ก็ดีครับ ทางนู้นล่ะเป็นไงบ้าง”
“อือ...ลูกบ่นคิดถึงพี่ตลอดเวลาเลย”
“หืม แล้วเจ้าอ้วนอยู่ไหนล่ะ”
“อยู่นี่ๆ พ่อเดือนนน”
นายแบบหนุ่มยิ้มกว้างเมื่อเห็นลูกชายตัวกลมปีนขึ้นตักแม่มาพูดกับกล้อง
“ว่าไงครับหนูข้าว คิดถึงพ่อเดือนมั้ย”
หัวทุยๆพยักหงึกไม่หยุดจนดูน่าขัน เดือนหัวเราะลั่น ดินที่เห็นดังนั้นก็ยิ้มตาม
คิดถึงเสียงทุ้มๆนี่ชะมัด
“ขอโทษนะที่ไม่ได้ติดต่อไปเลย งานยุ่งๆน่ะ”
“อือ ไม่เป็นไรดินเข้าใจ”
ดวงตาคู่สวยที่ดินรักมองมาที่เขาก่อนเสียงทุ้มจะดังผ่านลำโพงออกมา
“คิดถึงนะคนดี เดี๋ยววันศุกร์นี้จะกลับแล้ว แล้วก็พักยาวเลย...พอกลับไปแล้วเราไปเที่ยวกันดีไหม ไปไหนดี ภูเก็ต? เสม็ด? เกาะล้าน?”
“ที่ไหนก็ได้ครับ” ไปกับคุณ...ที่ไหนก็ได้ กลับมาเร็วๆก็พอ
“ดิน”
“ครับ?”
“อย่าคิดมากนะ ขอโทษที่ทำให้เหงา แต่เดี๋ยวกลับไปจะกอดแน่นๆเลย กอดดินกับลูกทั้งวันเลยนะ”
พวกเขายิ้มให้กัน สักพักประตูด้านหลังเดือนก็เปิดออกพร้อมร่างแบบบางของนายแบบหนุ่มจากเกาะอังกฤษเดินเข้ามา อีกฝ่ายส่งเสียงถามเดือนเป็นภาษาอังกฤษว่าวันนี้จะออกไปผับด้วยกันไหม
“ไม่ล่ะจิล ขอฉันนอนเถอะ เพลียจะตายอยู่แล้ว” คนรักของเขาหันไปตอบ นายแบบเจ้าของนามจิลหัวเราะคิก ใบหน้าที่ติดจะสวยนั้นแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มก่อนเรียวแขนจะคล้องเข้าที่แขนร่างสูง ดึงให้ลุกขึ้นเพราะการขยับที่ไม่ทันตั้งตัวทำให้โทรศัพท์สั่นจนภาพเบลอไปครู่หนึ่ง
“เฮ้ นี่จริงจัง ฉันไม่ไป”
“ไม่เอาน่าเลวี่ คุณนี่น่าเบื่อเป็นบ้า ออกไปเที่ยวแป็ปเดียวเอง”
เมื่อภาพกลับมาชัดอีกครั้งดินก็เห็นจิลทิ้งตัวลงนั่งคร่อมบนตักร่างสูง แต่เดือนก็ผลักอีกฝ่ายออกเร็วพอๆกัน ดวงตาสีอ่อนเหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์อย่างกระวนกระวายใจ ดินเบือนหน้าหนีก่อนจะกดตัดการสนทนา เขาอุ้มลูกชายที่ผล็อยหลับไปแล้วไปนอนบนเตียงเล็กก่อนจะเก็บเลโก้ใส่ถังให้
ชายหนุ่มล้มตัวลงนอน รู้สึกอ่อนแรงอย่างน่าประหลาด
เพราะแบบนี้หรือเปล่าเดือนเลยไม่ค่อยติดต่อมา...
อีกฝ่ายก็เป็นถึงนายแบบ หน้าตาดี เอวบางร่างเล็ก...แถมยังเด็กด้วย
เหมือนเขาเป็นป้าแก่ๆที่เลี้ยงลูกอยู่บ้านขณะที่สามีแม่งหนีไปมีกิ๊กเป็นเด็กเอ๊าะๆเลยว่ะ
เพ้อเจ้อ...พี่เดือน...ไม่ทิ้งเขาหรอก
วันต่อมาดินก็ชักไม่แน่ใจในสิ่งที่คิดเมื่อคืน มือบางสั่นระริกยามถือโทรศัพท์ไว้ ดวงตากลมจ้องไปที่หน้าจอที่เป็นหน้าไทม์ไลน์ของเดือน
มันเป็นรูป...ของเดือนกับนายแบบที่ชื่อจิล แฟนหนุ่มของเขากำลังหลับ...หนุนตักนายแบบคนนั้น ขณะที่จิลก็ฉีกยิ้มกว้างให้กล้องที่เจ้าตัวเป็นคนเซลฟี่เอง รูปนั้นมีประโยคสั้นๆบรรยายว่า
‘กว่าจะลากกลับห้องได้เหนื่อยแทบแย่ เกาะหนึบเป็นปลาหมึกเลย’
เขาพยายามจะไม่คิดมาก...แต่มาถึงขนาดนี้แล้วมันก็ต้องคิดไหม...
ดินไม่อยากเป็นคนหึงงี่เง่า...แต่นี่มันไม่ใช่แล้วจริงๆ
ชายหนุ่มส่งข้อความไปในแชทเฟสและแชทไลน์คนรักรัวๆแต่อีกฝ่ายก็ไม่เปิดอ่าน จนกระทั่ง...
ตึ่ง
เสียงแจ้งเตือนแชทเฟสดังขึ้น ดินรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นเดือนที่ตอบกลับมา แต่ข้อความที่ตอบเป็นภาษาอังกฤษ ยิ่งอ่านก็ยิ่งหงุดหงิดจนอยากจะบินไปอิตาลีแล้วจับคนรักมัดลงกระสอบกลับไทยเดี๋ยวนี้
‘แฟนของคุณกำลังหลับอยู่ เมื่อคืนเขาเมามาก ไม่ต้องส่งข้อความมามันรบกวน’
จากนั้นก็เป็นรูปของเดือนที่นอนหลับหน้าซุกหมอนในสภาพที่ท่อนบนเปลือยเปล่า...
ดินกัดฟันกรอด ส่งข้อความกลับไป
‘แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับโทรศัพท์แล้วก็แชทส่วนตัวของคนรักผม’
‘ก็เขาให้รหัสมาเอง’
หลังจากนั้นอีกฝ่ายก็เงียบไปเลย ไม่มีการตอบหรือเปิดอ่านอะไรทั้งสิ้น ดินรู้สึกเหมือนเขาวูบไป รู้สึกเหมือนเป็นคนจมน้ำ หายใจไม่ออก พอรู้ตัวอีกทีกระบอกตาก็ร้อนผ่าว หยดน้ำใสก็ไหลอาบแก้มเสียแล้ว
“พ่อดิน...พ่อดินเป็นไย ย้องไมคับ” น้ำเสียงอู้อี้ดังมาจากข้างตัว พอเงยหน้าก็เห็นลูกชายมองมาด้วยสีหน้างุนงง ต้นข้าวที่เห็นพ่อร้องไห้ก็ใจคอไม่ดี มือป้อมปาดน้ำตาบนใบหน้าหวานออก
“พอดินอย่าย้องนะ เดี๋ยวหนูข้าวโอ๋ๆเองนะ”
สองมือคว้าตัวลูกชายมากอดไว้ ดินซบใบหน้าลงกับไหล่เล็กแล้วสะอื้นออกมา ต้นข้าวที่เห็นพ่อร้องหนักกว่าเดิมก็รู้สึกไม่ดี สุดท้ายก็เบะปากสะอื้น ปล่อยโฮตามพ่อไปอีกคน
“ฮื้ออ แงงง”
ได้ยินเสียงลูกร้องดินก็ยิ่งสะอื้นหนัก เขาปาดน้ำตาให้ลูกทั้งที่น้ำตาตัวเองก็ยังไหลไม่หยุด รู้สึกเหนื่อยจนแทบหมดแรง
มันจะจบแล้วจริงๆเหรอ...ตอนนี้เขากลัว...กลัวจนหายใจไม่ออก
กลัวว่าผู้ชายคนนั้นจะแย่งพี่เดือนไป
หืม? ทำไมต้องกลัว?
ก็ดูอีกฝ่ายสิ...มีทุกอย่างที่ดินไม่มีเลยนะ หน้าตา ฐานะ ทุกอย่างเลย...ส่วนเขา..ก็เป็นแค่นายปฐพี นายปฐพีที่โดนทิ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“เอ้า พวกนายสองแม่ลูกมาเป่าปี่อะไรกันตรงนี้เนี่ย”
น้ำเสียงคุ้นหูทำให้ดินเงยหน้าขึ้นก่อนจะพบกับร่างเล็กของฝนยืนมองมาด้วยสีหน้างุนงง เรือนผมอ่อนนุ่มบัดนี้ถูกย้อมด้วยสีน้ำฟ้าอ่อน มาพบกันแต่ละทีสีผมไม่ซ้ำกันเลยจริงๆ
ฝนย่อตัวลงนั่งก่อนจะอุ้มเจ้าหนูต้นข้าวไปปลอบ เด็กน้อยสะอึกสะอื้นก่อนจะซบไหล่คุณอาฝนนิ่ง พูดเสียงอู้อี้ “อาฝนปลอบพ่อดินด้วย...พ่อดินก็ย้อง..เสียใจ”
ฝนยิ้มขำก่อนจะเอื้อมมืออีกข้างมาดึงตัวดินเข้าไปกอดด้วย ลูบผมเบาๆก่อนพูดว่า “โอ๋ๆนะทั้งแม่ทั้งลูกเลย อย่าร้องๆ อาฝนมาแล้วนี่ไง ไหนบอกซิเป็นอะไร”
ท้ายประโยคหันมาพูดกับดิน คนผมดำปาดน้ำตาก่อนพาลูกไปนอนบนโซฟา ร่างเล็กหันกลับมายื่นโทรศัพท์ให้ฝน คนผมฟ้าเลื่อนเปิดข้อความก่อนจะเลิกคิ้ว “สรุปคือกลัวโดนเดือนนอกใจ? ไม่เอาน่า นายมาคิดมากอะไรกับแค่นายแบบคนเดียวเนี่ย ตอนญี่ปุ่นนายยังสตรองมากเลยแท้ๆ”
“ก็ตอนนั้นพี่เดือนเขาแสดงออกชัดเจนว่าไม่เล่นด้วยนี่นา แต่นี่...” ก็ดูสนิทสนมกันดี
ฝนตบบ่าเขาอย่างเห็นใจ “นายต้องทำใจนะ เขาเป็นคนที่ต้องรู้จักคนเยอะ มันเป็นอาชีพนี่นา”
“อันนั้นก็เข้าใจ...แต่...”
ฝนละสายตาจากดินไปมองข้อความบนมือถือ พิมพ์ตอบไปอย่างรวดเร็วก่อนจะเงยหน้ามายิ้มกว้าง “งั้นเราก็ทิ้งพ่อคนฮอตไว้ก่อน เก็บของเร็วฉันจะพานายไปเที่ยว” ว่าพลางรุนหลังคนตัวเล็กเข้าไปในห้องนอน เก็บเสื้อผ้าอีกคนยัดใส่กระเป๋าเดินทางพร้อมกับเสื้อผ้าของต้นข้าวด้วย
“เดี๋ยวๆพรุ่งนี้พี่เดือนก็จะกลับแล้วนะ!”
“แล้วไง นายไม่อยากเอาคืนเหรอ เขาทิ้งให้นายร้องไห้เลยนะ ลองทิ้งหมอนั่นให้กระวนกระวายใจบ้างสิ”
นี่มัน...กลับหน้ามือเป็นหลังเท้าเลยนี่หว่า! ตะกี้ยังบอกอยู่เลยว่ากังวลอะไร ตอนนี้กลับคิดแผนแก้แค้นซะอย่างนั้น
“เอาน่า ทิ้งให้พ่อบ้านใจกล้าทุกข์ซะบ้างก็สะใจดีนะ” ฝนขยิบตา ยกกระเป๋าเสื้อผ้าของสองแม่ลูกไปไว้ท้ายรถตัวเองอย่างว่องไว ดินกัดริมฝีปากก่อนจะตัดสินใจไปบอกพ่อกับแม่ที่เรือนใหญ่แล้วก็จัดข้าวของของลูกใส่ตะกร้าก่อนจะอุ้มเจ้าตัวเล็กไปขึ้นรถของฝน
หึ เดี๋ยวได้เห็นดีกันแน่พี่เดือน!
สถานที่ที่ฝนเลือกพามาคือเกาะล้าน พอมาถึงรีสอร์ทก็พบว่าอารัณย์รออยู่แล้ว ชายหนุ่มผมยาวบอกว่าจองห้องพักเพิ่มไว้ให้เรียบร้อย ดินกล่าวขอบคุณทั้งที่สงสัยอยู่เต็มอก...ฤดูท่องเที่ยวแบบนี้ยังมีห้องพักเหลืออยู่ด้วยหรือไง? แต่กระนั้นเขาก็ขี้เกียจคิดเล็กคิดน้อย คนผมดำเข้าไปเก็บของก่อนจะเปลี่ยนชุดให้ลูกชายและตัวเอง ฝนยึดโทรศัพท์ของเขาไป...แต่ก็ดีแล้ว ทำให้ดินไม่ฟุ้งซ่านมากนัก
“พ่อดินนน สวยจัง!”
“ครับ นั่นเรียกทะเลไง”
ตอนนี้พวกเขาสามคนกับเจ้าตัวเล็กกำลังนอนกันอยู่บนหาด ใต้ร่มชายหาดคันใหญ่ อารัณย์ใจดีซื้อชุดตักทรายมาให้เจ้าตัวเล็กด้วยแถมยังไปสอนเด็กน้อยก่อทรายเป็นที่สนุกสนาน ฝนใส่แว่นกันแดดนอนอ่านนิตยสารอย่างอารมณ์ดี
มีต่อค่ะ