คาถาที่ 24 :: Gloomy. (อึมครึม) [ครึ่งแรก]“ไม่ต้องรีบ พี่อยากทำกับหนูนานๆ…”
“อ้า… อ้า… อ้า…” เรียวจันทร์ครางเสียงหวานพลางโยกตัวกลับหน้ากลับหลังอย่างช้าๆ มีสองมือคมเขี้ยวลูบไล้ไปตามซี่โครงเบาๆ สีหน้าของคนด้านบนบิดเบี้ยวตามความเสียวตรงช่องทางด้านหลังของตัวเองที่โดนของดีของคมเขี้ยวฝังเข้าไป ทั้งลึกทั้งแน่น
เรียวจันทร์ตื่นตอนประมาณเก้าโมงเช้า ตื่นพร้อมกับเม็ดฝนอ่อนๆ ที่คงตกไม่หยุดตั้งแต่เมื่อคืน พอตื่นแล้วก็เข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำให้พร้อมก่อนคมเขี้ยวจะตื่น เพราะไม่รู้ว่าพ่อคาวบอยตื่นมาแล้วจะหื่นเลยหรือเปล่า แต่คงเพราะเมาและเสียน้ำไปเยอะเลยหลับสนิทจริงจัง คุณนายแกเลยเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าไม้เล็กๆ ตรงปลายเตียงที่ตั้งอยู่มุมห้องฝั่งขวามือเวลานอนบนเตียง หยิบเสื้อลายสก็อตตัวหลวมโพรกมาสวมทับตัว แล้วหยิบกางเกงในไซส์ใหญ่กว่าตัวเองมาใส่แก้ขัดไปก่อน
เรียวจันทร์ปล่อยให้คมเขี้ยวนอนหลับต่อไปแล้วเดินไปในโซนครัว เปิดตู้เย็นดูว่ามีอะไรกินบ้าง เห็นมีสเต็กหมูแช่อยู่เลยหยิบออกมาสองชิ้นสำหรับสองคน สมัยอยู่นิวยอร์กนางต้องทำอาหารกินเองเพื่อความประหยัด แรกๆ ก็เปิดสูตรจากหนังสือหรือตามเน็ต แต่พอคล่องขึ้นก็เริ่มผสมสูตรมั่วๆ เอง เอาที่กินแล้วชอบ ฝีมือของนางถือว่าไม่ธรรมดา ใครที่เคยกินอาหารที่นางทำก็เอ่ยชม แต่ก็ยังไม่มีใครชมถึงขั้นบอกให้ไปเปิดร้านอาหาร นางรู้ตัวดีว่าฝีมือไม่ถึงขั้นนั้นและไม่คิดทำ เพราะคิดว่าตัวเองคงตบกับลูกค้าทุกวัน
ยืนทำอาหารไปได้พักใหญ่แต่ก็ไม่รู้ว่านานกี่นาที ร่างสูงที่ตัวเปลือยเปล่าก็เข้ามากอดจากทางด้านหลัง จูบอรุณสวัสดิ์กันไปหลายที และยืนคลอเคลียกันสักพัก คมเขี้ยวก็บอกให้หยุดไว้สักแปบ แล้วก็ลากนางมาที่เตียง จัดการถอดเสื้อผ้าออกจนหมด ป้ายเจลหล่อลื่นเสร็จ ก็รัวสะโพกเข้าหานางทันที แล้วก็ลากยาวมาจนถึงตอนนี้ ปาไปเกือบชั่วโมงแล้ว ยังคงมาราทอนได้เหมือนเมื่อวานจริงๆ
“อื้อ… พี่เขี้ยว หนูหิวข้าว”
“อีกนิดนึงนะ ทำให้พี่หน่อย พี่หิวหนูมากกว่าข้าวอีก” เจอลูกอ้อนเสียงทุ้มหล่อๆ พร้อมกับหน้าอ้อนตาเยิ้มแบบนี้เข้าไป เรียวจันทร์ก็สู้เพื่อสามีไม่ถอยเช่นกัน เพิ่มแรงโยกขึ้นอีกนิด พอเห็นว่าร่างสูงสูดปากเสียวซี๊ดพร้อมกับที่สองขาดันขึ้นดันลงเหมือนคนกำลังทรมานก็กัดปากล่างแล้วยิ้มยั่ว คมเขี้ยวกัดฟันแน่น คิ้วเข้มย่นเพราะกำลังอดทนไม่ให้ให้ปลดปล่อยก่อนที่ใจอยาก
“อูย…” คมเขี้ยวเสียวจนเกร็งหน้าท้องแต่ก็อั้นไว้ไม่ยอมปล่อย เขาดึงหน้าเรียวจันทร์เข้ามาใกล้แล้วจูบช้าๆ กวาดลิ้นไปรอบปากเล็กๆ เรื่อยๆ แล้วในที่สุดก็กลั้นไว้ไม่อยู่ ลูกชายเขาพ่นน้ำเข้าไปในตัวเรียวจันทร์อย่างรุนแรง และเพราะอยู่ในท่านั่ง น้ำสีขาวเลยไหลเยิ้มอาบแก่นกายเขา เรียวจันทร์ดึงหน้าออกจากจูบเขาแล้วยกตัวขึ้น
ป่อก!
น้ำสีขาวเหนียวข้นล็อตแรกในเช้าวันนี้ไหลเยิ้มออกจากรูแดงฉ่ำของเรียวจันทร์ หยดลงบนหน้าท้องและกลางลำตัวของเขาเหมือนเม็ดฝนด้านนอกบ้านที่หยดลงบนพื้น เรียวจันทร์ยื่นมือขวาไปที่ด้านหลังตัวเอง ป้ายเอาน้ำรักของคนตัวโตออกจากปากทางเข้าแล้วเอาน้ำมาป้ายตามตัว ทำแบบนั้นจนรู้สึกว่าไม่มีไหลออกมาแล้ว ก็ค่อยๆ ล่นถอยหลังนั่งคุกเข่าโก่งโค้งก้มหน้าลงใช้ปากทำความสะอาดให้กับลูกชายคมเขี้ยว
“หนูเอาออกมั่งเปล่า เดี๋ยวพี่ทำให้” คมเขี้ยวถามในขณะที่ร่างเล็กผงกหัวขึ้นลงใช้ปากครอบครองแก่นกายที่เลอะน้ำรักของเขาไว้ เรียวจันทร์ส่ายหน้าทั้งที่ใช้ลิ้นเลียหยดน้ำสีขาวตามจุดต่างๆ ให้เขาจนหมดเกลี้ยง
“ไม่ต้องหรอก หนูโอเค ไปกินข้าวก่อน ไว้รอบหน้าหนูค่อยสอนพี่เขี้ยวใช้ปากให้หนูนะ” คมเขี้ยวยิ้ม มีอาการเยิ้มให้เห็นนิดๆ แต่ก็ไม่เมาเท่าเมื่อคืนแล้วแน่นอน
“งั้นก็ตามใจหนู สอนพี่ด้วยนะครับว่าต้องเอาใจเมียยังไง” เรียวจันทร์ยิ้มกว้าง ก้มลงแช่จูบบนริมฝีปากคมเขี้ยวไว้สักแปบแล้วก็ถอนออก
“ทำไมน่ารักจังคะพี่เขี้ยว”
“ก็น้องหนูน่ารักกับพี่” เรียวจันทร์ยิ้มเขินกับสรรพนามนั้น ตอนแรกที่ใช้เรียกแทนตัวเองเพราะอยากอ้อนคนตัวโต ประจวบเหมาะกับที่คมเขี้ยวอายุมากกว่านางพอดีเลยเหมาะเหม็ง
“เราจะเรียกกันอย่างนี้เหมือนเวลาแฟนคนอื่นเขาเรียกอ้วน เรียกผอมงี้เหรอ” คมเขี้ยวยิ้ม สองมือลูบก้นงอนนิ่มๆ
“เรียกตอนเวลาอยู่กันสองคนละกัน” ร่างเล็กพยักหน้าเข้าใจ ให้พูดแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นก็อาจจะมีคนอ้วกใส่หน้าเพราะความหมั่นไส้ก็เป็นได้ เรียกกันสองคนแบบนี้สบายใจดี เป็นเหมือนโค้ชลับเล็กๆ ระหว่างเราสองคน
“ป่ะ กินข้าวกัน วันนี้ต้องใช้แรงอีกเยอะ” เรียวจันทร์ย่นจมูกและทำปากยื่น
“ให้หนูพักบ้าง เดี๋ยวรูหนูหลวม” คมเขี้ยวหัวเราะเสียงดัง ชอบอกชอบใจกับคำพูดนั้น ตีมือลงบนก้นนิ่มเบาๆ
“ก็ได้ พักก่อน” น้องหนูของพี่เขี้ยวฉีกยิ้มแฉ่ง ยกสองมือกอดคอหนาไว้แล้วก้มลงหอมหน้าผากพี่เขี้ยวไปหนึ่งที
“ขอบคุณค่า” พอขอบคุณเสร็จ คมเขี้ยวก็ลุกขึ้นชั้นเข่าบนเตียงแล้วอุ้มแม่ตัวดีที่เกาะคอเขาแน่นลงจากเตียงและพาเดินเข้าไปในห้องน้ำก่อนห้องครัว พากันแปรงฟันและล้างเนื้อล้างตัวจนสะอาดแล้วก็เช็ดตัวให้แห้ง เรียวจันทร์กลับไปใส่ชุดเดิม ส่วนคมเขี้ยวใส่แค่กางเกงวอร์มตัวเดียว ในบ้านเปิดที่ระบายอากาศไว้ ฝนตกบวกกับมีแต่ต้นไม้ล้อมรอบเลยทำให้บ้านต้นสนเย็นโดยไม่ต้องเปิดแอร์
ทั้งสองคนช่วยกันทำอาหารต่อจากที่ค้างไว้จนเสร็จ แล้วเอามานั่งกินที่เค้าน์เตอร์ไม้ตรงส่วนที่ยื่นยาวออกมาไว้สำหรับกินข้าวกับนั่งดื่ม เปิดทีวีช่องรายการเพลงทิ้งไว้ไม่ให้บ้านเงียบ มีเสียงมีดหั่นเนื้อกระทบกับจานกระเบื้อง เสียงส้อมจิ้มเนื้อเข้าปากดังเป็นระยะ ร่างสูงเคี้ยวเนื้อเต็มปาก หันไปมองร่างเล็กที่เคี้ยวตุ้ยๆ แล้วอมยิ้ม ร่างเล็กยิ้มตอบให้อย่างน่ารัก
พอกินเสร็จก็ช่วยกันล้างจานไว้ที่เดิม ปิดทีวีแล้วพากันเดินไปนอนที่เตียง คมเขี้ยวหยิบหนังสือติดมือมาเล่มนึง เป็นเล่มที่เขาอ่านค้างไว้จากรอบก่อนที่มานอนที่นี่
“อ่านอะไรอะ” คุณนายทิ้งหัวลงบนอกฝั่งขวาของคมเขี้ยว สายตามองหนังสือหน้าปกสีดำคาดแดงในมือใหญ่หนา
“นิยายสืบสวนสอบสวน” คมเขี้ยวตอบพลางดึงผ้านวมขึ้นคลุมตัวเองกับตัวเรียวจันทร์
“พี่อ่านอะไรอย่างนี้ด้วยเหรอ” ร่างเล็กถามด้วยความสนใจ ดูท่าบ้านต้นสนจะเป็นสถานที่ที่ทำให้เห็นตัวตนของคมเขี้ยวได้เยอะขึ้นทีเดียว
เหมือนกับว่าอยู่ที่นี่ คมเขี้ยวได้ปลดปล่อย ได้ผ่อนคลาย ได้เป็นตัวของตัวเองในอีกมุมที่ไม่ได้แสดงออกเมื่อต้องดูแลฟาร์ม ดูแลคนงานนับร้อยคน และดูแลครอบครัวของตัวเอง
“ฝึกสมองดี นักเขียนหลายคนเก่งจนกลัวว่าจะเป็นฆาตกรได้เอง” คุณนายพยักหน้า กอดร่างหนาเปลือยเปล่าท่อนบนไว้แน่น
“โห อ่านภาษาปะกิดซะด้วย” คมเขี้ยวยิ้มมุมปากแล้วก้มลงหอมหน้าผากเรียวจันทร์หนึ่งที
“ไม่ค่อยได้ใช้ กลัวลืม เลยใช้วิธีนี้แทนเอา” เรียวจันทร์พยักหน้าหงึกหงัก ส่วนตัวนางมีโอกาสใช้บ่อยหน่อย เพราะมีเพื่อนต่างชาติเยอะ แต่ก็ไม่ได้ว่าเก่งเรื่องโครงสร้างประโยคมาก เน้นพูดสื่อสารรู้เรื่อง เพราะถ้ามัวแต่กังวลแกรมม่า กว่าจะพูดกันได้คงผมหงอกกันไปครึ่งหัวแล้ว
“หนูนอนละนะ” พูดไปเปลือกตาก็เริ่มย้อยลงทีละนิด ขยับหัวเอาแก้มแนบลงบนอกคมเขี้ยวให้สบายคอที่สุด
“ครับ” มือขวาคมเขี้ยวลูบขึ้นลูบลงบนต้นแขนคนที่นอนกอดเขาอยู่ ส่วนมือซ้ายถือหนังสือไว้ และก็ไล่สายตาอ่านอย่างสบายๆ ละสายตาไปมองเรียวจันทร์อีกทีก็หลับไปแล้ว เขาเลยดึงสมาธิมาอยู่ที่หนังสืออย่างเดียว ยังไงซะแม่คุณนายก็นอนกอดใกล้ๆ แบบนี้ไม่ไปไหนอยู่แล้ว
“พี่เขี้ยว! พี่เขี้ยว!” คมเขี้ยวที่กำลังอ่านหนังสืออยู่บิดหน้าไปมองทางหน้าต่างแว้บหนึ่งแล้วก็ก้มลงมองร่างเล็กที่ยังคงนอนหลับปุ๋ยอยู่บนตัวเขา ชายหนุ่มปิดหนังสือ วางไว้บนเตียง ค่อยๆ ยกร่างเรียวจันทร์ออกจากตัวแล้วปล่อยให้นอนบนเตียงดีๆ คลุมผ้านวมให้แล้วก็เดินไปเปิดประตูบ้าน พอออกมาด้านนอกก็ต้องแปลกใจว่าฝนหยุดไปตั้งแต่ตอนไหน สงสัยอ่านหนังสือเพลินจนลืมสนใจฝน
“ว่าไงไอ้ดิน” คมเขี้ยวถามน้องชายบุญธรรมที่กำลังเดินขึ้นบันไดบ้านมาที่ชานระเบียง
“ตำรวจมาอะพี่ เขาจะมาคุยเรื่องมือระเบิดแล้วเรื่องไอ้น้อยหน่าว่าจะเอายังไง” คมเขี้ยวนิ่งไปนิดก่อนจะพยักหน้าลงน้อยๆ
“พ่อกับแม่ล่ะ”
“อยู่ที่ออฟฟิศกับตำรวจนั่นแหละ พี่จะไปเลยเปล่า”
“ขอเวลากูแปบ เดี๋ยวตามไป” ไอ้ดินมองไปทางตัวบ้านสักแปบก่อนจะเบ้ปากนิดหน่อย
“กกคุณเรียวของดินอยู่อะดิ”
คมเขี้ยวหน้าเอือมนิดหน่อย แต่ไม่ได้จริงจังอะไร “เอาอีกละ วกเข้ามาจนได้นะมึง”
“หรือไม่จริงอะ โห่ หายไปกันสองคน คิดว่าไม่รู้เหรอ” คมเขี้ยวนึกขำกับท่าทีหมั่นไส้ของไอ้หมีตัวโตนี่ซะจริง ไม่รู้มันจะแค้นอะไรนักหนา ก็เข้าใจหรอกว่ามันรัก มันเทิดทูนคุณเรียวของมัน แต่ทำอย่างกับได้เขาเป็นเมียไปแล้ว
“เออ ก็รู้ไปดิ กูไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย เนี่ย เดี๋ยวเดินเข้าไปปลุกขวัญใจมึงแล้วกูจะตามไป บอกตำรวจรอแปบนึง” คมเขี้ยวกำลังจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในบ้านแต่ก็ต้องชะงักฟังไอ้ดินมันพูดต่อ
“รอแปบนึง รอเจ้าของฟาร์มปลุกเมียก่อนนะครับงี้ใช่ป่ะ” ร่างสูงยกหลังมือขวาขึ้นมาทำท่าจะตีเข้าที่หน้าไอ้หมีใหญ่แล้วก็เอามือลง
“เดี๋ยวกูโบกให้ ไปๆ เดี๋ยวกูตามไป” ดินมองค้อนใส่พี่ชายตัวเองหนึ่งทีแล้วก็หมุนตัวเดินลงบันไดบ้านต้นสนไป คมเขี้ยวยิ้มขำอ่อนๆ ส่ายหัวน้อยๆ แล้วก็เดินกลับเข้าไปในบ้านเพื่อไปปลุกน้องหนูของเขา หยุดเช็ดเท้าหน้าประตูสักแปบเพราะชานระเบียงไม้ด้านนอกเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ พอใช้ผ้าเช็ดเท้าเสร็จก็เดินไปทางเตียงที่คนตัวเล็กหลับปุ๋ยอยู่
คมเขี้ยวทรุดตัวลงนั่งบนเตียงอีกฝั่งนึง ยื่นมือซ้ายไปแตะตัวเรียวจันทร์และเขย่าเบาๆ “หนู… หนู… เรียว… เรียวตื่นก่อนเร็ว”
คนโดนปลุกส่งเสียงอื้ออึงในลำคอ ใบหน้าสวยมุ่ยเล็กน้อย ก่อนจะกดหน้าตัวเองลงบนหมอนนุ่มเพราะนึกรำคาญ คมเขี้ยวกระเถิบเข้าไปใกล้ร่างบางอีกนิดแล้วก้มลงพูดข้างหูเสียงทุ้ม
“ตื่นก่อนนะครับน้องหนู” เปลือกตาของคนนอนหลับลืมพรึบขึ้นมาอย่างง่วงมึน มองใบหน้าหล่อคมที่มีเคราล้อมกรอบใบหน้าแล้วก็ขมวดคิ้ว
“อะไรอะ…” เสียงเล็กๆ ถามอย่างมึนงง คมเขี้ยวยิ้มมุมปากแล้วก้มลงจูบขมับคนตัวเล็กไปหนึ่งที
“เดี๋ยวพี่จะกลับไปที่ออฟฟิศ หนูไปกับพี่หน่อย”
“หนูไม่ไปไม่ได้เหรอ” เรียวจันทร์ถามเสียงเล็กผสมแหบหน่อยๆ ฟังแล้วน่ารักน่าชังดี
“ตำรวจมาคุยเรื่องที่เกิดขึ้นในฟาร์ม พี่อยากให้หนูไปด้วย” เรียวจันทร์ขมวดคิ้ว หน้าตาไม่เข้าใจผสมง่วงนอน
“ทำไมต้องอยากให้หนูไปด้วยอะ”
“เพราะพี่ไม่อยากห่างหนูไง” คมเขี้ยวยิ้มน้อยๆ แต่แสนจะหล่อในสายตาของคนที่กำลังง่วงนอน
“ก็ด้าย” สุดท้ายก็ใจอ่อนยอมลุกขึ้นนั่งแล้วขยี้ตาเหมือนเด็กๆ คมเขี้ยวบอกให้ร่างเล็กเข้าไปล้างหน้าล้างตาก่อน ระหว่างนั้นเขาก็แต่งตัวให้เรียบร้อยกว่าเดิม พอเรียวจันทร์ออกมาก็แค่ใส่กางเกงขาสั้นตัวเดิมที่ตากแห้งแล้ว คมเขี้ยวล็อคบ้านต้นสน พาเรียวจันทร์เดินย่ำถนนเฉอะแฉะออกไปตามทาง อากาศในโซนบ้านต้นสนเย็นมาก แต่ไม่ถึงกับหนาวจนทนไม่ไหว มันเย็นเพราะไอดิน ต้นสนต้นใหญ่ที่ขึ้นอย่างหนาแน่น และฝนเพิ่งหยุดตกไปเลยทำให้อากาศเย็นจัด
คมเขี้ยวเดินนำเรียวจันทร์มาจนถึงออฟฟิศ พอเข้าไปด้านในก็เจอกับพ่อ แม่ ไอ้ดินและตำรวจสองนายที่เขาจำได้ว่าเป็นคนดูคดีนี้ เมฆากับบัวบูชาไม่ได้ถามถึงประเด็นที่ว่าทำไมทั้งสองมาด้วยกัน เพราะตอนนี้ประเด็นสำคัญกว่ากำลังอยู่ตรงหน้า
“ลูกชายผมมาแล้วครับ ว่ามาได้เลยคุณตำรวจ” คุณตำรวจหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง สีผิวสองสีใบหน้าดูดีพอประมาณพยักหน้าลงหนึ่งครั้งแล้วเปิดปากพูด
“สรุปว่าจะเอายังไงกับผู้ต้องหาครับ ผมก็ไม่ได้อยากถามบ่อยๆ แต่จะปล่อยสำนวนให้นานเกินก็ไม่ได้” เมฆากับบัวบูชาหันมองไปที่คมเขี้ยวเป็นตาเดียว
“ป๋าให้แกตัดสินใจว่าจะเอายังไง แม่ก็ด้วย” คมเขี้ยวพยักหน้ารับใบหน้านิ่งแล้วพูดกับตำรวจ
“ดำเนินคดีผู้ต้องหาตามกฎหมายได้เลยครับ ผิดว่าไปตามผิด ถ้าเขาคิดจะสู้คดีก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ” ทั้งออฟฟิศตกอยู่ในความเงียบชั่วขณะหนึ่ง บรรยากาศอบอวลด้วยความอึมครึมวูบหนึ่งแล้วก็ละลายหายไป
“เขี้ยว คิดดีแล้วใช่มั้ยลูก” คนเป็นลูกชายพยักหน้าใบหน้านิ่งจริงจัง ลูกชายมองหน้ามารดาที่ทำสีหน้าไม่สู้ดีนัก เขารู้ว่าแม่เขากำลังรู้สึกไม่ดีที่เขาตัดสินใจแบบนี้
“เราต้องไม่สงสารคนผิดนะแม่ ทีเขาทำกับเรา เขายังไม่สงสารเราเลย” สมาชิกในบ้านที่เหลือนิ่งไปกับคำพูดนั้นของคมเขี้ยว
เรียวจันทร์ที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ รู้สึกถึงอาการใจเต้นตุ้มต่อมของตัวเอง ความรู้สึกเย็นค่อยๆ แล่นขึ้นมาจากด้านล่างขึ้นมาถึงต้นคอ ไม่ได้เย็นเพราะอากาศ แต่เย็นเพราะความผิดของตัวเองที่ยังติดตัวอยู่จนถึงตอนนี้ แม้ความผิดนั้นจะยังไม่เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน แต่ที่ (เคย) คิดมันก็ถือเป็นเรื่องผิดอยู่ดี เรียวจันทร์เลื่อนสายตาไปมองใบหน้าจริงจังของคมเขี้ยวที่กำลังพูดกับตำรวจอยู่แล้วก็นึกใจหายและหวาดกลัวเล็กๆ ว่าถ้าวันหนึ่งคมเขี้ยวรู้ว่านางเข้ามาที่ทำไมในตอนแรก ตัวเองจะโดนผลักไสไล่ส่งหรือไม่
ไม่สิ คมเขี้ยวไม่เอาไว้แน่ๆ ขนาดคนที่ทำงานด้วยกันมานานอย่างผู้หญิงคนนั้น พอทำผิดก็คือผิด ไม่มีคิดหวนความหลังไปย้อนความดีก่อนหน้านี้ อย่างที่มีประโยคนึงว่าไว้ ทำดีมาทั้งชีวิตไม่มีใครเห็น แต่ทำผิดครั้งเดียวถูกจำไปทั้งชีวิต เรียวจันทร์ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ผู้หญิงคนนั้นมีความดีอะไรบ้างมั้ย แต่ไม่ว่าจะยัง ตอนนี้ความผิดที่แม่นั่นทำไว้ก็ดูจะกลบเรื่องราวในอดีตของนางไปเยอะทีเดียว เพราะคมเขี้ยวเล่นส่งนางเข้าคุกเข้าตารางแบบที่ไม่คิดอะไรมาก
“เรื่องระเบิด ผมจับตัวคนร้ายได้แล้ว คนร้ายเป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง แต่มันไว้ผมยาวเท่านั้นเอง…” บัวบูชาถอนหายใจโล่งอกเมื่อได้ยินแบบนั้น เรียวจันทร์กำลังนั่งลุ้นว่าตำรวจจะว่ายังไงต่อ ในขณะที่ในหัวก็มีความคิดที่จะสารภาพบาปกับคมเขี้ยววนเวียนไม่รู้จบ
“…ผมสอบปากคำมัน และคนร้ายรับสารภาพ” คุณตำรวจมีสีหน้าหนักใจนิดหนึ่ง
“มันว่ายังไงครับคุณตำรวจ” ดินถามหน้าเคร่ง ส่วนคมเขี้ยวกับเมฆายังคงฟังนิ่งๆ อย่างสงบ บัวบูชาสีหน้าเนือยเล็กน้อยกับบรรยากาศเคร่งแบบนี้
“คนร้ายบอกว่าผู้ว่าจ้างคือนายจอมทัพครับ” สิ้นเสียงของตำรวจ ร่างของเรียวจันทร์ก็เหมือนโดนตรึงไว้กับที่ด้วยหมุดที่มองไม่เห็น ริมฝีปากสีชมพูสดอ้าค้าง ตัวที่เย็นเฉียบเมื่อครู่กลายเป็นชาวาบไปทั้งตัว หัวใจกระตุกไปหนึ่งทีก่อนที่จะเต้นตุบๆ ตุบๆ
คมเขี้ยวขมวดคิ้ว ใบหน้าเข้มกว่าเดิมด้วยความโกรธ “แม่ง ไอ้เหี้…”
ร่างสูงเกือบจะสบถคำหยาบออกมาเต็มคำแต่ก็ยับยั้งปากตัวเองไว้ได้ทัน แววตาคมวาววับด้วยความโกรธที่พร้อมจะปะทุได้ถึงจุดขีดสุดจ้องมองพื้นนิ่งจนเรียวจันทร์นึกหวั่นใจ
ความกล้าที่อยากจะสารภาพบาปกับคมเขี้ยวค่อยๆ ลดลงจนน่าใจหาย
“คนอะไรมันโลภมากจังวะ อยากได้ของคนอื่นเขาไปทั่ว!” ดินสบถด้วยความโกรธ ผสมความแค้นเล็กๆ เรียวจันทร์เลื่อนสายตาสั่นระริกมองสีหน้าของสมาชิกบ้านพยัคฆ์เกรียงไกรที่ไม่มีใครสีหน้าผ่อนคลายสักคนแล้วก็รู้สึกเหมือนมีแรงกดทับที่หน้าอกจนหายใจไม่สะดวก
“เดี๋ยวผมจะส่งคนไปหาจอมทัพ แล้วเรียกมาสอบปากคำครับ” คมเขี้ยวยิ้มหึ นึกในใจว่าคนอย่างมันจะยอมรับง่ายๆ งั้นเหรอ ถึงมันทำจริงแต่มันต้องหาทางดิ้นจนหลุดจนได้นั่นแหละ
“อะ…” เรียวจันทร์จะอ้าปากว่าขอตัวออกไปข้างนอก แต่เห็นว่าทุกคนกำลังหน้าเครียดเลยลุกขึ้นเงียบๆ แล้วเดินให้เบาที่สุดออกไปจากออฟฟิศ
พอออกมาด้านนอกได้ สองเท้าก็ก้าวกลับไปทางบ้านใหญ่ ระหว่างเดินไป จู่ๆ ก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมา น้ำตาที่ไม่มีทีท่าว่าจะไหลก็หยดแหมะออกมาจากตาทั้งสองข้าง ตอนนี้เรียวจันทร์ทั้งโกรธ ทั้งกลัว ทั้งเสียใจ แม้ว่าจะไม่ใช่เพราะนางทั้งหมด แต่ก็พูดได้เลยว่าส่วนหนึ่งนางเป็นคนพาจอมทัพเข้ามาทำร้ายฟาร์มนี้ด้วย
และตัวนางเองยังเคยคิดจะทำร้ายฟาร์มนี้ด้วยเช่นกัน
เรียวจันทร์เดินขึ้นบันไดแบบข้ามสองขั้น เปิดประตูแล้วเดินดุ่มๆ ไปทางห้องนอนคมเขี้ยว เปิดประตูเข้าไป เท้าก็ก้าวแบบรีบๆ ไปตรงหัวเตียง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูหน้าจอ แบตเหลืออยู่สิบห้าเปอร์เซ็นต์เพราะเปิดเน็ตค้างไว้ มือบอบบางกดเคลียร์การแจ้งเตือนทุกอย่างทิ้งแล้วกดหาเบอร์จอมทัพก่อนจะกดโทรออก รอสัญญาณไม่นานฝ่ายนั้นก็กดรับสาย
“ว่ายังไงครับคุณเรียว”
“ปากบอกว่าไม่ได้ทำอะไรฟาร์มคมเขี้ยว แล้วผีตัวไหนมันเอาระเบิดมาวางที่นี่!” เรียวจันทร์ตาวาววับด้วยความโกรธจัด แต่ก็ยังเหลือสติเตือนตัวเองว่าอย่าแสดงความก้าวร้าวใส่จอมทัพมากนัก
“ระเบิด? กำลังคิดว่าผมวางระเบิดที่นั่นงั้นเหรอ” จอมทัพถามเสียงเรียบนิ่ง แต่เรียวจันทร์ก็สัมผัสกระแสความไม่ชอบใจในน้ำน้ำเสียงนั้นได้
“ใช่! กำลังคิด และคิดมานานแล้วด้วย…” เรียวจันทร์หันไปมองทางประตูห้องนอน เดินไปปิดประตูแล้วก็กลับมายืนกลางห้องดังเดิม ความรู้สึกปรี๊ดที่ปริ่มอยู่ตรงอกทำให้อยากตะโกนด่าจอมทัพแรงๆ แต่ก็ต้องเบรกตัวเองเอาไว้
“…คุณใจดำได้อะไรขนาดนั้นอะ ตัดช่องทางทำมาหากินบ้านเขาไม่พอ ยังจะเอาชีวิตเขาอีกเหรอ โหดร้ายแข่งกับโจรใต้รึเปล่า?!” นางแว้ดใส่ด้วยความหงุดหงิดในอก ถ้าแมนกว่านี้สักหน่อยก็อยากจะมีความรู้สึกอยากชกหน้าตาเสี่ยนั่นให้เต็มแรง
“อะไรที่ทำให้คุณคิดว่าผมเป็นคนทำ” จอมทัพถามกลับเสียงนิ่งกว่าเดิมจนเกือบจะเป็นเสียงเย็นยะเยือก และดูท่าความไม่ชอบใจจะมากขึ้นด้วย
“ทั้งคนที่คุณจ้างให้ทำร้ายฟาร์ม และไอ้มือระเบิดชั่ว มันสารภาพหมดแล้วว่าคนชื่อจอมทัพเป็นคนสั่งเรื่องทั้งหมด!” เรียวจันทร์กระแทกเสียงใส่ปลายสาย สีหน้าบิดปากเบี้ยวเพราะความโมโห
“อ๋อ งั้นเหรอ มันสารภาพว่างั้นเหรอ” อีกฝ่ายถามกลับคล้ายว่าจะกวน ยิ่งทำให้คิ้วสวยขมวดหนักกว่าเดิม
“นี่เสี่ย ฉันไม่เคยคิดว่าคุณจะเหี้ยได้ขนาดนี้ มันเลวร้ายเกินไปแล้วนะ” เรียวจันทร์สะกดคำหยาบไม่อยู่จริงๆ มันอัดอั้นกับการกระทำของจอมทัพ ยิ่งนึกถึงตอนที่นางถามครั้งก่อนๆ แล้วตาเสี่ยปฏิเสธหน้าตาเฉยก็ยิ่งโมโห
อีกฝ่ายเงียบไปจนเรียวจันทร์แอบใจไม่ดี “เสี่ย!”
“หึ…” หัวใจดวงน้อยเต้นจังหวะเพี้ยน จังหวะการหายใจก็ผิดจังหวะ แค่หึเดียวแต่ทำเอาเสียววาบไปทั้งตัวจนขนลุกตั้งชันราวกับโดนลมหนาวพัดเข้าหาเต็มแรง
“…ผมไม่ปฏิเสธหรอกว่าผมเหี้ย” ลมหายใจเรียวจันทร์สะดุดกึก ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ น้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยออกมาเมื่อครู่ แม้ไม่เห็นหน้าตา แต่ก็รู้ได้ว่าฝ่ายนั้นต้องกำลังไม่พอใจ
“เสี่ย ฉัน… ฉันขอโทษ ฉันโกรธอะ ฉันเลยเผลอปาก”
“ดีแล้ว เพราะคนเรามักจะตะเบ็งความในใจออกมาตอนโกรธนี่แหละ” น้ำตาเอ่อคลอในดวงตาคู่สวยทั้งสองข้าง ในหัวคิดไปต่างๆ นาๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง และนึกโกรธสติตัวเองที่แม้จะเหลือแต่ก็ทำหน้าที่คุมตัวได้ห่วยมาก
“เสี่ย… อย่าทำอะไรฟาร์มนี้เลยนะ อย่าอยากได้ที่ดินของเขาอีก…” มือขาวบางยกมือถือออกมาดูก็เห็นว่าหน้าจอดับไปแล้ว น้ำตาที่คลออยู่เมื่อกี้ร่วงหล่นออกมาจากดวงตา สองขาค่อยๆ ทรุดลงตรงปลายเตียง นั่งลงอย่างอ่อนล้า สายตาเหม่อมองสายฝนจางๆ ด้านนอกที่โปรยปลิวไปตามแรงลม
“เรียว…” เสียงเรียกอันคุ้นเคยที่ช่วงนี้คุ้นเคยเป็นพิเศษดังขึ้นเบาๆ เจ้าของชื่อหันไปมองหน้าเศร้าน้ำตาอาบแก้ม คมเขี้ยวเห็นคนรักร้องไห้ก็เบิกตากว้างตกใจ รีบเดินเข้าไปทรุดตัวลงนั่งข้างๆ
“เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม” เรียวจันทร์กัดฟันแน่นเพื่อไม่ให้ตัวเองสะอื้น มือซ้ายยกขึ้นปาดน้ำตาออกจากแก้มแล้วมองใบหน้าของคมเขี้ยวที่ตอนนี้กำลังมองนางด้วยสายตาเป็นห่วงอยู่
ถ้าเกิดสารภาพไปตอนนี้ สีหน้าห่วงใยนี้ อ้อมแขนที่โอบตัวนางอยู่ตอนนี้จะหายไปมั้ย ท่าทีของคมเขี้ยวจะเปลี่ยนไปหรือเปล่า ความสุขก่อนหน้านี้จะกลายเป็นเพียงเรื่องฝันมั้ย เรียวจันทร์มองหน้าคมเขี้ยวด้วยความสับสน อีกคนเลิกคิ้วเข้มขึ้นเป็นเชิงถามอีกที
“เรื่องที่บ้านน่ะ” สุดท้ายเรียวจันทร์ก็ยังไม่กล้ามากพอที่จะเสียช่วงเวลาดีๆ ตรงนี้ไป อย่างน้อยก็ยังไม่ใช่ตอนนี้ ตอนที่คมเขี้ยวเพิ่งรู้ว่าใครเป็นคนทำร้ายบ้านตัวเอง ถ้าเกิดนางบอกไป แน่นอนว่าไม่พ้นถูกมองว่าเป็นพวกเดียวกับจอมทัพ ซึ่งก่อนหน้านี้นางก็เป็นจริงๆ เป็นคนที่จอมทัพส่งเข้ามาเพื่อหาทางยึดบ้านคมเขี้ยวไปเป็นของตัวเอง
ขอเวลาอีกนิด ให้ตัวเองได้รวบรวมความกล้ามากกว่านี้แล้วจะบอกให้ได้รู้
คมเขี้ยวถอนหายใจ แม้จะยังไม่รู้รายละเอียดเรื่องที่บ้านเรียวจันทร์ทั้งหมด แต่ถ้าอยู่ในสีหน้าอมทุกข์พร้อมน้ำตาแบบนี้ก็พอจะรู้ว่าเรื่องทางบ้านของเรียวจันทร์มักส่งผลต่อสภาพจิตใจของคุณนายแสนอารมณ์ดีคนนี้จริงๆ
“ถ้าบ้านโน้นเครียด ก็อยู่กับบ้านนี้แหละ ที่นี่เป็นบ้านคุณแล้วนะตอนนี้” ยิ่งพูดแบบนั้นเรียวจันทร์ก็ยิ่งเหมือนโดนบีบรัดที่หัวใจ น้ำตาตั้งท่าจะไหลออกมา แต่ในขณะเดียวกันริมฝีปากก็บิดเบ้เป็นรอยยิ้ม ใบหน้าสวยหวานพยักลงสองสามทีด้วยความรู้สึกดีใจ
“ตำรวจกลับไปแล้วเหรอ” คมเขี้ยวพยักหน้าแล้ววางก้นลงบนพื้นข้างเรียวจันทร์ คนตัวเล็กเอนตัวเข้าไปกอดคนตัวใหญ่ แขนซ้ายของคมเขี้ยวโอบร่างบางไว้เบาๆ
“อาจจะมีความวุ่นวายเกิดขึ้น คงต้องเจอตำรวจบ่อยๆ ต้องให้ปากคำ แล้วถ้าเกิดสู้กันในชั้นศาลก็จะยิ่งวุ่นวาย…” มือซ้ายยกขึ้นลูบหัวเรียวจันทร์เอื่อยๆ
“…ผมไม่ได้อยากให้ชีวิตวุ่นวายหรอก ผมชอบอยู่อย่างสงบๆ แต่ถ้าจะให้ปล่อยคนที่ทำร้ายบ้าน ทำร้ายครอบครัวตัวเองไปง่ายๆ มันก็คงไม่ดี”
“ไม่หรอก ฉันเข้าใจ นายทำถูกแล้ว” คมเขี้ยวยิ้มน้อยๆ ก้มลงหอมกลางกระหม่อมเรียวจันทร์หนึ่งฟอด
“มีหนูอยู่ด้วยพี่ก็ไม่เครียดอะไรแล้ว” อยู่ใกล้คุณนายแกทีไร เขามักเห็นแต่ด้านสว่าง ด้านอารมณ์ดี เรียวจันทร์ไม่ใช่คนตลกโปกฮาเหมือนตลกคาเฟ่ แต่เป็นคนที่หัวใจเบิกบานแทบทุกเวลา เหมือนคนๆ นี้มองหาแต่ความสุขความสนุกให้ตัวเองและก็เผื่อแผ่มาถึงคนรอบข้างด้วย
เรียวจันทร์ยิ้มอ่อนด้วยความรู้สึกดีและรู้สึกไม่ดีปะปนกันไป หัวใจเต้นช้าเนิบนาบราวกับกำลังอ่อนแรง แต่อีกไม่นานนางจะกลับมาแข็งแรงและบอกทุกอย่างด้วยตัวเอง
“กลับบ้านต้นสนกันดีกว่า” ร่างเล็กผละออกจากตัวคมเขี้ยว พยักหน้าลงหนึ่งทีแล้วยิ้มน้อยๆ คมเขี้ยวดึงมือถือออกจากมือเรียวจันทร์ โยนไว้บนเตียง ฉุดให้ลุกขึ้นยืนแล้วจูงมือออกจากห้องนอนไปพร้อมกัน เรียวจันทร์หันไปมองมือถือแปบหนึ่ง ไม่ใช่ไม่คิดอยากโทรกลับไปคุยกับจอมทัพให้รู้เรื่อง แต่เรื่องมันดำเนินมาถึงตอนนี้แล้ว นางแน่ใจว่าอาจจะคุยรู้เรื่อง แต่ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรจริงจังหรอก
เพราะเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว ที่ต้องทำคือหางจบเรื่องนี้ยังไงดี
เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้
หม่าบู๊ฮายยยย มาต่อแล้ววว
พักเบรกจากงานได้หนึ่งวัน ก็เลยรีบมาอัพไว้ก่อน เพราะเดี๋ยวจะลุยงานยาวๆ อีกแล้ววว วันนี้ว่างหนึ่งวัน นั่งเขียนขุ่นแม่ต่อ และเขียนอีกรเื่องด้วย แต่เรื่องนั้นปั่นไม่ทันอัพ เลยขออัพขุ่นแม่ก่อน
ฉากตอนเช้าไม่หายไปนะคะ 555555 พี่เขี้ยวมีต่อเนื่องแบบไม่แคร์สาระร่างขุ่นแม่เลยจริงๆ หนูวิ่งเต็มบ้านแล้วววว คริๆ
แต่แม่ก็คือแม่ แม่ยังคงสตรอง ไม่พ่ายให้เขี้ยวน้อยง่ายๆ แม่สู้มาก ยอมใจแม่และยอมก้นแม่ค่ะ
ความสุขผ่านพ้นไป ความขุ่นมัวก็คืบคลานเข้ามาาา ขุ่นแม่จะทำยังงายยย รวบรวมความกล้าแล้วบอกมั้ยแม่ พ่อเขี้ยวอาจจะให้อภัยกึ่งหนึ่งก้อด้ายยยย แต่ก็เนาะ เพิ่งเสพสุขไป ใจก็กลัววว
จะยังไงต่อ เดี๋ยวเจอกันนะคะ
ขอบคุณคนอ่านที่ติดตามเรื่องนี้อยู่ค่ะ ขอบคุณมากๆ เลยนะคะสำหรับกำลังใจ สำหรับคอมเม้น ขอบคุณที่รักแม่เรียวจันทร์ในแบบที่นางเป็น