พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน
บทที่ 15
ของขวัญสำหรับแชมป์
“รอบต่อไปต้องชนะให้ได้อย่างน้อยสองแต้ม ทางโน้นกล้ามล่ำกว่าแกนะ ต้องตั้งรับแล้วกระชากสวนกลับ”
พี่ริวแนะนำพี่กิ่งเมื่อแข่งถึงคนที่สาม การแข่งขันดาบสากลจะแบ่งเป็นสายเก็บคะแนน เมื่อแข่งพบกันครบแล้วจึงจะรู้ว่าสี่คน
สุดท้ายจะเป็นใคร ตอนนี้พี่กิ่งแข่งไปแล้วสามรอบชนะสองแพ้หนึ่งพี่ริวจึงต้องให้คำแนะนำกับเซเบอร์สาวมือใหม่ ส่วนผมน่ะหรือ ฟังบ้าง
ไม่ฟังบ้าง ก็ใจมันมัวแต่จะคิดถึงความเหมาะสมของพี่ริวและพี่เท็ดดี้ รู้สึกถึงความฮอทของทั้งคู่ในหมู่สาวๆใต้ภาพที่ลงในเพจมีแต่คน
กรี๊ดกร๊าด ผมอ่านแล้วก็ยิ่งเหี่ยวลงไปอีก
“กรี๊ดดด พี่ริวพี่เท็ดดี้ ดีกันแล้วชั่ยม้ายย”
“ฮือ คิดถึงอดีตที่ทั้งคู่รักกัน กลับมาคบกันเหอะ”
“อ๋อย อิจแรงมากคร่า อยากมีอย่างนี้บ้าง”
“พี่เท็ดดี้ยิ้มทีแทบละลาย พี่ริวก็ทั้งเซอร์ทั้งดิบ เหมาะกันเนอะ”
“ยังจำได้ คู่นี้เค้ารักกันมากนิ”
“รักกันแล้วเลิกไมอะ เลิกแล้วก็ควรจะจบนะ คิดถึงใจตัวจริงตอนนี้ของพี่ริวมั่งดิว่าจะเป็นไง”
“เบลล่า”
ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเพื่อนที่กำลังยิ้มแหยส่งมาให้ ก็ไอ้ข้อความสุดท้ายที่สวนกระแสนั่นฝีมือเจ้าตัวนั่นแหละครับ
“ก็หมั่นไส้นี่ แหม ทำเป็นยิ้มใสทั้งที่ตัวเองน่ะมีกิ๊กแท้ๆ แล้วพี่ริวก็นะ ไปคุยกับแฟนเก่าทำไมก็ไม่รู้”
เบลล่าค้อนพี่ริวแทนผม ในขณะที่พ่อลายสือนั่งลุ้นลูกทีมแข่งขันอยู่ข้างปรีสท์ ผมเองยอมรับว่าใจแกว่งไปเหมือนกัน แต่ผมก็
ท่องไว้ว่าต้องเชื่อใจพี่ริว
เซเบอร์หญิงแข่งเสร็จแล้วในตอนบ่าย พี่กิ่งได้เหรียญเงินเป็นเหรียญแรกสำหรับเซเบอร์ในสนามแรกถือว่าผลงานดีทีเดียว
หลังจากนั้นพี่ริวกับพี่พูห์ก็เริ่มแข่งประเภทเซเบอร์ชายในรอบแบ่งสายเพื่อที่จะหาสี่คนสุดท้ายของสายไปแข่งรอบตัดเชือกและรอบชิง
เหรียญทองในวันพรุ่งนี้ ผมนี่ลุ้นจนจะขาดใจเลยครับ
“พี่ริวบุกเข้าไปเลย อีกแต้มเดียว โว้ย ชนะแล้ว”
ผมกับสมาชิกในชมรมเฮกันลั่นเมื่อพี่ริวได้แต้มสุดท้ายของการแข่งขันในวันนี้อย่างสุดมัน พี่ริวได้เป็นที่หนึ่งของสายเพื่อจะไป
แข่งต่อในวันพรุ่งนี้ ร่างสูงของพี่ริวยกดาบตวัดทำความเคารพกรรมการและคู่แข่งก่อนจะถอดหมวกเหล็กออกให้เห็นใบหน้าคมที่มีรอยยิ้ม
น้อยๆปรากฏอยู่ เขายกมือเสยผมเปียกเหงื่อและหันมาส่งยิ้มให้ผม
“เก่งว่ะพี่ริว”
ผมกระโดดเข้าหาและกอดคอพี่ริวอย่างลืมตัวเมื่อเขาเดินกลับมายังที่นั่ง พี่ริวโอบเอวผมไว้หลวมๆพลางมองผมตาเป็นประ
กายวิ้งๆ
“เก่งมากก็ให้รางวัลสิ จัดคืนนี้สักเหรียญนึงก่อนไหม”
“น้อยๆหน่อยเหอะไอ้ความหื่นเนี่ย เก็บแรงไว้เอาเหรียญมาให้ได้ก่อนดีกว่า”
ผมหน้าแดงก่ำเมื่อเจอลูกตื๊อ คนอื่นๆในชมรมหัวเราะกิ๊วก๊าวแซวเล่นกันใหญ่ พวกเราคงจะเฮฮากันมากกว่านี้ถ้าไม่มีคนนอก
เดินเข้ามาเสียก่อน
“ริว”
เสียงเรียกชื่อพี่ริวจากคนนอกทำให้พวกเราหยุดเสียงลงและหันไปมองพร้อมกัน รอยยิ้มของพวกเราจืดเจื่อนลงโดยเฉพาะผม
พี่ริวหันไปมองต้นเสียงมือชื้นเหงื่อแตะอยู่ตรงเอวผมยังคงที่
“ว่าไงเท็ด”
“เก่งจังว่ะ ฝีมือดีขึ้นเยอะเลย ทีมชาติแน่ๆมึง”
“ขอบใจ”
“แข่งเสร็จแล้วไปกินข้าวกันไหม”
ชวนแฟนเก่าซึ่งเป็นแฟนของผมตอนนี้ไปกินข้าว ผมงี้เลือดขึ้นหน้าเลยครับ แต่ดูเหมือนพี่ริวจะรู้เขาจึงกดปลายนิ้วตรงเอว
ของผมให้แรงขึ้น
“วันนี้คงไม่ได้ว่ะ ต้องไปกินกับแฟนเมื่อวานเบี้ยวนัดทีนึงแล้ว”
คิ้วสีน้ำตาลเข้มของพี่เท็ดดี้เลิกขึ้นนิดนึง เขาตวัดสายตาผ่านผมไปแวบเดียวก่อนจะกลับไปให้ความสนใจพี่ริวต่ออีกครั้ง
“แฟน?”
พี่ริวดันให้ผมเบี่ยงตัวมายืนหน้าเขาพลางยกมือวางบนบ่า เขาแนะนำผมด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำ
“นี่ไอ้ว่านแฟนกูเอง ส่วนนี่ชื่อเท็ดดี้คงเคยได้ยินชื่อแล้วใช่ไหมว่าน”
ปลอดโปร่งที่สุด
ผมยิ้มกว้างใส่นักว่ายน้ำทีมชาติพร้อมกับยิ้มรับสถานะแฟนจากปากของพี่ริว
“ยินดีที่ได้รู้จักครับพี่เท็ดดี้”
พี่เท็ดดี้รักษาท่าทีเดิมไว้ได้อย่างเหนียวแน่น เขายังยืนกอดอกนิ่งเมื่อมองหน้าผมเพิ่มอีกแค่แวบหนึ่ง แม่ง โคตรหน้าหมั่นใส่
อย่างที่เบลล่าพูดจริงด้วย
“เดี๋ยวนี้มึงชอบแนวนี้แล้วเหรอ”
แนวเหี้ยอะไรของมึงวะ ไอ้พี่เท็ดดี้
ผมหุบยิ้มทันทีเมื่อได้ยินคำพูดจากเขา ฟังดูแล้วเหมือนกำลังดูถูกผมยังไงก็ไม่รู้สินะ
“แนวไหนครับพี่เท็ดดี้ แนวพระเอกหนังไทยหรือเปล่า แถวบ้านนี่เรียกณเดชน์สองเลยนะครับ”
ผมแกล้งขยิบตาให้เขา พี่เท็ดดี้หน้าตึงราวกับเพิ่งไปทำโบท็อกซ์เมื่อก้าวเข้ามาใกล้พี่ริวมากขึ้นเรื่อยๆ
“ธุระเมื่อวานที่ให้มึงช่วยยังไม่เสร็จเลยริว ไปช่วยกูอีกแป๊บสิ”
“พี่ริวครับ ผมหิวข้าว”
ผมพูดเสียงเรียบอย่างไม่เคยทำมาก่อนเมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของพี่ริว พี่เท็ดดี้หันขวับมาจ้องตาผมทันที
“หิวก็ไปกินเองสิ”
“พี่ก็ไปทำธุระเองสิ พี่ริว พวกเราหมดนี่หิวข้าวแล้ว จะไปกันได้หรือยังครับ”
ผมใช้สมาชิกชมรมเป็นตัวประกัน ซึ่งทุกคนก็พร้อมใจพยักหน้าหงึกๆ พี่ริวจึงยอมเอื้อนเอ่ยออกมา
“วันนี้คงไปด้วยไม่ได้ว่ะเท็ด ขอโทษทีนะ”
วะ ฮ่า ฮ่า
เห็นฤทธิ์ไอ้ว่านลูกแม่ติ๋มหรือยังล่ะไอ้หน้าหล่อ เชิญมึงยืนหน้าบูดเป็นตูดลิงอยู่คนเดียวเหอะ
ผมคล้องแขนพี่ริวแล้วดึงให้เขาเดินตาม ก่อนจะพ้นร่างของพี่เท็ดดี้ที่ยืนกัดฟันจ้องมองผมก็โปรยยิ้มให้เขาไปอีกหนึ่งทีจน
กระทั่งเดินมาถึงเจ้าฟีโน่คันเก่งผมก็แยกเขี้ยวใส่พ่อตัวดีทันที
“แฟนเก่ามาหาหน่อยละทำหน้าหงอยเชียวนะ”
“มึงน่ะคิดมาก”
พี่ริวส่ายหน้า
“ไม่มีอะไรหรอกน่าจบกันตั้งนานแล้ว เมื่อวานเท็ดมันขอให้ไปช่วยพาไปหาอุปกรณ์ซัพพอร์ตกล้ามเนื้อเท่านั้นแหละ”
“แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่เมื่อวานล่ะครับ”
“ก็นึกว่ามันไม่สำคัญไง น่า ว่าน กูไม่มีอะไรกับเท็ดมันหรอกเพราะกูมีมึงแล้วไง ไป ตะกี้บ่นหิวข้าวไม่ใช่หรือไง”
พี่ริวยิ้มขำเมื่อเห็นผมทำหน้าบึ้ง เขาลากแขนให้ผมตามขึ้นซ้อนฟีโน่คันเก่งตามคนอื่นในชมรมไปกินอาหารเย็น
เมื่อเริ่มเปิดสนามพี่ริวกับพี่พูห์ที่ลงแข่งเซเบอร์ก็เริ่มแข่งรอบตัดเชือกต่อจากเมื่อวาน วันนี้การแข๋งขันยิ่งดุเดือดมากขึ้นเพื่อชิงเหรียญ
ทอง ดีที่ว่าพี่ริวกับพี่พูห์อยู่คนละสายก็เลยไม่ต้องเจอกันเอง ผมกับปิ๊กทำหน้าที่หิ้วกระติกดูแลน้ำดื่มและเครื่องดื่มเกลือแร่ เมื่อใกล้จะ
แข่งจบคู่ผมจึงมองขวดน้ำในกระติก
“อ้าว เหลือไม่กี่ขวดเอง ไปหยิบน้ำก่อนนะ”
ผมเดินไปที่จุดบริการน้ำดื่มของนักกีฬา หยิบมาหลายขวดจึงเดินกลับมาแต่เมื่อใกล้ถึงทางเข้าเขตแข่งขันกลับมองเห็นพี่เท็ดดี้
ยืนมองพี่ริวที่กำลังแข่งอยู่ที่ปรีสท์
“มั่นใจเหรอว่าไอ้ริวไม่ได้เห็นมึงเป็นแค่ตัวแทน”
เท้าชะงักกึกกับคำถามเสียดแทงใจ ทั้งที่ผมควรจะเดินหนีไปให้ไกลแทนที่จะยืนนิ่งแบบนี้
“ไม่มั่นใจครับ แต่ก็ไม่ได้คิดมาก คนเราควรจะอยู่กับปัจจุบันมากกว่าจมอยู่กับอดีตเลวร้าย”
พี่เท็ดดี้ไม่ได้ยิ้มเหมือนตอนอยู่ต่อหน้าพี่ริว ดวงตาคู่นั้นถือดีและมั่นใจมาก
“ระวังไว้ก็แล้วกัน บางทีไอ้ริวมันอาจจะโหยหาอดีตมากกว่าที่มึงคิด”
พี่เท็ดดี้ยืนมองพี่ริวที่กำลังชูแขนสองข้างด้วยความยินดีที่เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้ในที่สุด เขาตวัดสายตาใส่ผมก่อนจะหัน
หลังกลับออกไป ผมยืนกัดฟันนิ่งเมื่อเจอคำท้าทายจากแฟนเก่าของพี่ริว
ไม่สิ ไขว้เขวไม่ได้ ผมต้องมั่นใจ พี่ริวรักผมและจะไม่มีทางทำให้ผมเสียใจเด็ดขาด
และตอนนี้ผมควรจะต้องวิ่งเข้าไปในสนามและเชียร์พี่ริวที่กำลังจะลงแข่งรอบชิงเหรียญทองแรกของเขาในไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ดีกว่า
“พี่ริวสู้ๆ ตั้งการ์ดไว้”
“ระวัง โอ๊ย บุกเลย”
“อีกแต้มเดียว อ๊าก ชนะแล้วโว้ย”
เสียงเชียร์ดังลั่นโรงยิมเมื่อในที่สุดพี่ริวก็ได้เหรียญทอง ผมวิ่งเข้าไปกอดร่างเปียกเหงื่ออย่างไม่รังเกียจ ความดีใจทำให้ลืม
เรื่องพี่เท็ดดี้ไปหมดแล้ว
“เก่งว่ะพี่ริว”
“แฟนมึงเก่งอยู่แล้วไงไอ้หน้าอ่อน ว่าแต่ได้เหรียญทองแล้วนะ มึงสัญญาว่าไง”
พี่ริวยิ้มกรุ้มกริ่มเมื่อเอียงตัวมากระซิบข้างหู
“คืนนี้จัดเลยไหม พรุ่งนี้กูไม่มีแข่ง”
“หื่นชิบหาย เก็บไว้รวดเดียวสิครับ รอให้แข่งเสร็จก่อน”
ผมผลักหน้าหื่นนั่นออกไปให้พ้นตัว พี่ริวเดินไปที่ห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนชุดแข่งออก ระหว่างนั้นผมเห็นเบลล่านั่งค้อนลมอีกแล้ว
“เป็นอะไรเบลล่า”
ผมถามเพื่อนด้วยความอยากรู้ เบลล่ายื่นโทรศัพท์ส่งให้ผมดูเอง
“นักว่ายน้ำเท็ดดี้เป็นตะคริวก่อนเข้าแตะขอบสระขณะแข่งรอบคัดเลือกว่ายท่าผีเสื้อ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเข้ารอบสุดท้ายไปชิง
เหรียญทอง เห็นใบหน้ายามเท็ดดี้ยามเจ็บปวดแล้วหัวใจของสาวๆคงจะขาดรอนๆ ไม่รู้ว่าจะมีใครมาดูแลสุดหล่อคนนี้หรือเปล่าน้า”
ไม่นะ
ไม่ไปหรอกใช่ไหม
ผมนั่งรอจนทนไม่ไหวและต้องเดินลิ่วๆไปที่ห้องน้ำ แต่มันว่างเปล่าไม่มีใครอยู่เลยสักคนเดียว
งอน
น้อยใจ
คิดมาก
อาการของคนที่แฟนตัวเองยังมีเยื่อใยกับแฟนเก่า ใครที่เคยเกิดเรื่องนี้กับตัวคงเข้าใจ
ผมนั่งซึมอยู่ข้างสนามแม้ว่าเบื้องหน้าจะกำลังแข่งขันดาบฟอล์ยกันอยู่อย่างสนุกสนาน แต่ผมแทบจะไม่ได้ดูเลยสักนิดเมื่อ
กำลังคิดว่าที่พี่ริวหายไปหลังจากข่าวพี่เท็ดดี้ได้รับบาดเจ็บคืออะไร
“บางทีไอ้ริวมันอาจจะโหยหาอดีตกว่าที่มึงคิดก็ได้”
คำพูดท้าทายนั่นทำให้ผมคิดมาก ถึงแม้พี่ริวจะไม่ได้รักพี่เท็ดดี้แล้ว แต่พี่เท็ดดี้เองก็เคยเป็นคนที่พี่ริวรัก
โทรศัพท์มือถือสั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกง ผมล้วงมันขึ้นมาดูจึงเห็นว่าเป็นเบอร์ที่ไม่รู้จักส่งข้อความมาให้
“คนในอดีตกลับมาทวงของคืน”
รูปถ่ายเด้งตามข้อความขึ้นมา ผมถึงกัดฟันแน่นเมื่อรูปนั้นคือรูปถ่ายด้านข้างของพี่ริวกับพี่เท็ดดี้ที่ยืนใกล้ชิดกัน ใกล้กันมาก
จนผมหวั่นไหว
“อยากรู้ว่าจริงหรือเปล่า ด้านข้างสระว่ายน้ำ ตอนนี้”
มันคือคำท้าทายเพื่อเปิดสงคราม แต่วินาทีนี้ใครบ้างจะไม่อยากกระจ่างแจ้งในสิ่งที่เกิดขึ้น ผมผุดลุกอย่างรวดเร็วและวิ่งตรง
ไปยังสระว่ายน้ำที่อยู่ห่างไปไม่มากนัก เดินเกือบครึ่งรอบจึงมองเห็นพี่ริวกับพี่เท็ดดี้ยืนหลบมุมกันอยู่ พี่ริวมองเห็นผมแล้วเมื่อผมก้าว
เข้าไปหา พี่เท็ดดี้มองผมด้วยหางตา
“ตามติดเป็นเงาเลยนะ”
ผมไม่เล่นด้วย ตอนนี้วิญญาณแม่จุ๋มตอนไปอาละวาดพ่อกลางวงเหล้ากำลังเข้าสิงลูกชายอย่างผม ผมยกมือถือให้พี่เท็ดดี้ดู
“ต้องการอะไรจากผมครับ” น้ำเสียงแข็งอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
“พี่เก่งจังที่หาเบอร์ผมได้และหาทางส่งรูปนี้มาให้ผม กลัวจะไม่รู้ว่ากำลังจะทำอะไรใช่ไหมครับ”
พี่ริวขมวดคิ้ว เขาคว้าโทรศัพท์ไปจากมือของผมและจ้องมอง ตาคมโชนแสงดุขึ้นเรื่อยๆเมื่อเงยหน้าจ้องมองพี่เท็ดดี้
“จะทำอะไรกันแน่เท็ด”
พี่เท็ดดี้เชิดหน้ามองพี่ริวโดยไม่สนใจว่ายังมีผมอยู่ด้วย
“กูยังลืมมึงไม่ลงว่ะริว ที่ผ่านมากูผิดกูขอโทษ เรารักกันมากไม่ใช่เหรอ เริ่มต้นใหม่ได้ไหมกูขอร้อง”
เอาไงล่ะ แฟนเก่ามาขอคืนดีแล้วไอ้กระสือ
เงียบจนผมเกือบจะขาดใจตายกว่าที่ไอ้พี่ริวจะยอมพูดอีกครั้ง
“ตอนนั้นมึงทำกูเจ็บ มึงบอกว่าคนอย่างกูเห็นค่าของดาบมากกว่ามึง ทั้งที่กูทำทุกอย่างเพื่อมึงแต่มึงทิ้งกูไปหาคนอื่นแค่
เพราะมันสนองความต้องการของมึงได้”
พี่ริวพูดด้วยเสียงเรียบ นิ่ง แต่มันช่างเชือดเฉือนอารมณ์ดีแท้
“ในเวลาที่กูต้องการกำลังใจมึงกลับทิ้งกูไป กูเสียใจว่ะเท็ดแต่สิ่งที่ช่วยกูได้คือเวลา สำหรับกูมึงคือแผลเป็นที่ทิ้งรอยไว้ กู
มองเห็นมึง กูจำความเจ็บปวดได้ แต่กูก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับแผลเป็นนั่นอีกแล้ว”
พี่ริวคว้ามือผมไปจับไว้ เขายังคงจ้องตากับพี่เท็ดดี้เมื่อพูดประโยคถัดไป
“แต่ไอ้ว่านมันให้กูทุกอย่างทั้งความรักและกำลังใจตอนที่กูเหนื่อย แล้วมึงคิดว่ากูจะทิ้งเพชรอย่างมันไปหาหินกรวดอย่างมึง
เหรอ และไม่ว่าการที่มึงมาพูดอย่างนี้จะเกิดขึ้นเพราะตัวมึงเองหรือมีคนชักใยเบื้องหลังกูก็ขอบอกไว้เลยว่ากูรักไอ้ว่านและไม่มีทางทิ้ง
มันเด็ดขาด”
มือที่จับกระชับแขนผมลากให้ผมเดินตามเขาไป ผมไม่ได้หันไปมองด้วยซ้ำว่าพี่เท็ดดี้จะทำหน้าอย่างไรเพราะผมได้แต่ผม
แผ่นหลังของคนที่เดินอยู่ข้างหน้าแล้วยิ้มกับตัวเอง
กรี๊ดดด ผมนี่เลอค่าขนาดนี้เลยหรือครับท่านผู้ชม
“ขอบคุณนะครับที่เลือกผม”
ผมเอ่ยกับแผ่นหลังนั้น ได้ยินเสียงอืออากลับมาพอให้รู้ว่าพี่ริวคงจะนึกเขินอยู่บ้างที่พูดออกไปแบบนั้นจนไม่กล้าหันมามอง
ผม แต่การกระทำทั้งหมดก็ทำให้ผมมั่นใจแล้วว่าเราทั้งคู่รักกันแค่ไหน ขอบคุณนะครับพี่ริว
มีต่ออีกจ้า...