พิมพ์หน้านี้ - <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน>>

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Belove ที่ 23-09-2015 22:32:04

หัวข้อ: <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน>>
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 23-09-2015 22:32:04


ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ   ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0) 
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0) 
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่ 


1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่ 


2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   


เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ 


3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ 


4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ 


5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว 


6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน 


7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
       7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
       7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
       7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
             - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ 


8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง). 


9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ 


10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวปhttp://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป 


11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว


บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป 


12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด 


13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ 


14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ 


15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง ....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
   (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail   


16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข  17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)


เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ admin thaiboyslove.com.......................................                                                             


วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7 วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย 


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
           




                                         :pig2: :pig2: :pig2: :pig2: :pig2:


สารบัญ พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน


บทที่ 1 แรกพบสบตาเมื่อเจอหน้ากัน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48935.msg3185114#msg3185114)

บทที่ 2 ของเทคชิ้นแรกจากปู่รหัส (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48935.msg3187506#msg3187506)

บทที่ 3 พี่ริวก็เก่งแหละแต่โหดมากกว่า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48935.msg3197784#msg3197784)

บทที่ 4 โหด หยิ่ง ปากก็ชิงหมาเกิดนะพี่ริว (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48935.msg3207437#msg3207437)

บทที่ 5 อยู่ใกล้พี่ริวทำไมใจชอบสั่น (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48935.msg3216657#msg3216657)

บทที่ 6 ทำไมเรียกผมว่าเด็กพี่ล่ะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48935.msg3226138#msg3226138)

บทที่ 7 พี่ริวเป็นคนขี้หวง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48935.msg3232882#msg3232882)

บทที่ 8 พี่ริวชวนผมไปดูบอลที่ห้องล่ะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48935.msg3241469#msg3241469)

บทที่ 9 คนแพ้ต้องเป็นแฟนคนชนะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48935.msg3248149#msg3248149)

บทที่ 10 อ้อมกอดของพี่ริวอุ่นดีนะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48935.msg3255374#msg3255374)

บทที่ 11 ลูกชายของพี่ริวเป็นมังกรหรือหนอนชาเขียว (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48935.msg3261074#msg3261074)

บทที่ 12 อาการของคนหึงเป็นแบบนี้นี่เอง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48935.msg3270038#msg3270038)

บทที่ 13 ผมถูกชิงอนาธิปไตยไปแล้ว (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48935.msg3276775#msg3276775)

บทที่ 14 เขากลับมาทำไมใครรู้บ้าง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48935.msg3292783#msg3292783)

บทที่ 15 ของขวัญสำหรับแชมป์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48935.msg3297704#msg3297704)







สารบัญ น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่


บทที่ 1 สุราทำให้สมรรถภาพทางเพศลดลงจริงเหรอ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48935.msg3302427#msg3302427)

บทที่ 2 ทำยังไงพี่เมฆถึงจะหายโกรธนะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48935.msg3313824#msg3313824)

บทที่ 3 คำท้าทายของพี่เมฆทำให้ของขึ้น (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48935.msg3327090#msg3327090)

บทที่ 4 บางทีพี่เมฆก็ทำตัวให้น่าเป็นห่วง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48935.msg3332291#msg3332291)

บทที่ 5 ทำไมพี่เมฆถึงทำกับผมได้ลงคอ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48935.msg3339977#msg3339977)

บทที่ 6 คนไม่ถูกกันเขาทำกันแบบนี้เหรอ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48935.msg3345391#msg3345391)

บทที่ 7 แค่ชนะใจพี่เมฆผมก็ดีใจแล้ว (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48935.msg3352050#msg3352050)





บทพิเศษวันสงกรานต์ริว-ว่าน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48935.msg3357664#msg3357664)

บทพิเศษวันสงกรานต์เมฆ-มะตูม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48935.msg3358855#msg3358855)




 :L1: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน \(^O^)/ แรกพบสบตาเมื่อเจอหน้ากัน (23/9/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 23-09-2015 22:37:05




                                 พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน
                     

                                          บทที่ 1
           

                              แรกพบสบตาเมื่อเจอหน้ากัน





     “เร็วสิวะไอ้ว่าน ขาสั้นหรือไง”



   ไอ้มะตูมเพื่อนสนิทกำลังลากผมไปที่อาคารสโมสรนักศึกษาสองชั้นและเป็นแหล่งรวมที่ตั้งของชมรมต่างๆ



ที่มีในมหาวิทยาลัยชื่อดังของภาคเหนือที่ผมและมันเพิ่งจะเข้ามาเป็นเฟรชชี่ปีหนึ่งหมาดๆไม่ถึงเดือนตั้งแต่เปิดเทอม



และตอนนี้ไอ้มะตูมกำลังบังคับให้ผมมาสมัครชมรมเทควันโดเป็นเพื่อนมัน



   คิดว่าคนอย่างผมจะชอบเทควันโดหรือครับ โอ โนวววว นอกจากน้องมันแกวเน็ตไอดอลแล้วผมก็ยังไม่เคยคิด



จะชอบอะไรจริงจังอีก ทำไมผมจะต้องไปออกกำลังกายให้ร่างกายมีแต่เหงื่อด้วย เหลวไหลสิ้นดี!



   แล้วคิดว่าไอ้มะตูมชอบเล่นเทควันโดงั้นรึ โนววว ยกกำลังสามไปเลย เพราะเพื่อนของผมคงไม่รักอะไรมากไปกว่า



ยิงซอมบี้ในเกมออนไลน์ของมัน หากไม่เป็นเพราะสาวแมสคอมที่มันเจอเมื่อไม่กี่วันก่อนล่ะก็ มันคงไม่ลากผมมา



สมัครเทควันโดเพราะมันไปสืบรู้สาวแมสคอมที่ชื่อลูกแพร์มาสมัครเป็นสมาชิกชมรมนี้ไงล่ะ



   ช่วงสายๆอย่างนี้เราทั้งคู่ว่างจากการเรียนจึงถือโอกาสมาแถวนี้ ถ้าให้มาตอนเย็นๆพวกเราจะไม่ว่างเพราะว่ายังอยู่


ในช่วงรับน้องแสนโหด คณะวิศวะของผมค่อนข้างขึ้นชื่อทีเดียว อ้อ เห็นหน้าอย่างนี้ผมและไอ้มะตูมเรียนวิศวะนะครับ

แต่ว่าความโหดทั้งหมดจะจบลงในวันพรุ่งนี้ซึ่งเป็นวันรับน้องวันสุดท้ายของมหาวิทยาลัยที่ทุกคนจะไปร่วมงานประเพณี

อันแสนยิ่งใหญ่ที่ชื่อว่า รับน้องขึ้นดอย



   ผมตื่นเต้นอยู่เหมือนกันเพราะพวกรุ่นพี่ไซโคไว้เยอะ มันโหดอย่างนั้น มันเหนื่อยอย่างนี้ พวกเราวิศวะปีหนึ่งถูกบังคับให้วิ่ง


กันทั่วพื้นที่มหาวิทยาลัย ผมรู้ว่ามันเป็นวิธีการรับน้องเพื่อจะซ้อมให้พวกเราคุ้นชินกับการออกแรงวิ่งเพื่อวันพรุ่งนี้โดยเฉพาะ

พี่รหัสแสนสวยและลุงรหัสของผมหิ้วขนมมาฝากทุกเย็นที่ผมวิ่งจนลิ้นห้อย



   “ผมไม่มีปู่รหัสเหรอ”



   ผมถามอย่างสงสัยเพราะยังไม่เคยเห็นปู่รหัสปีสี่มาเทคผมแม้แต่ครั้งเดียว



   “มีสิวะ แต่พี่ริวเขาไม่ค่อยได้มาร่วมกิจกรรมที่คณะหรอก”



   ชื่อของปู่รหัสเพิ่งจะเข้าหูผมเป็นครั้งแรก เขาชื่อพี่ริว



   “พี่เขาหล่อมากนะโว้ยว่าน แกเจอแล้วจะอึ้ง”



   พี่ฝนพี่รหัสปีสองที่เป็นผู้หญิงทำท่าเคลิ้มจนพี่ออดี้ลุงรหัสปีสามยกมือเขกหัวดังโป๊ก



   “พอเลยไอ้ฝน สลิดดกนะแก นี่แฟนยืนหัวโด่อยู่นี่เสือกชมผู้ชายคนอื่นให้ได้ยิน”



   พี่ออดี้กับพี่ฝนเพิ่งจะตกลงเป็นแฟนกันไม่นานนี้เองครับ เท่าที่ฟังมาเขาเม้ากันว่าพี่ออดี้จีบน้องรหัสตัวเองมาตั้งแต่


พี่ฝนเพิ่งเข้าปีหนึ่ง


   “ไม่เห็นอยากเจอเลยพี่ คนอะไรไม่สนใจสายรหัสบ้างเลย”


   ผมย่นจมูกใส่พี่รหัสทั้งสอง ในใจนึกเคืองไอ้พี่ริวอะไรนั่นที่ไม่เคยมาดูแลผมเหมือนสายอื่นที่เขามีพี่ๆมาดูแลครบ



ทุกชั้นปีจนผมอิจฉา



   เสียงกรี๊ดกร๊าดจากห้องชมรมเทควันโดเรียกให้ผมหันไปมองอย่างแปลกใจ หน้าห้องมีแต่สาวๆเป็นสิบยืนร้องวี้ดว้าย


เมื่อผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องพร้อมใบสมัครปึกหนึ่งในมือพลางแจกจ่ายมันให้กับสาวๆเหล่านั้นพร้อมกับโปรยยิ้มไปทั่ว


   “ใครวะ”



   ผมหันไปถามมะตูม มันเท้าเอวมองเมื่อเห็นลูกแพร์อยู่ในหมู่สาวๆที่ยืนล้อมรอบผู้ชายหน้าตาดีคนนั้นด้วย



   “เท่าที่กูรู้นะ แม่งชื่อเมฆหรือไงนี่แหละเป็นประธานชมรมเทควันโด ไอ้ที่สาวๆแห่กันมาสมัครชมรมนี้ก็เพราะ


ไอ้ประธานสุดหล่อนี่แหละ หมั่นไส้วะเฮ้ย”


   “แล้วมึงจะยังสมัครอยู่ปะวะ  คนคงเยอะน่าดูนะชมรมนี้ดังอยู่นี่ใครๆก็อยากเข้า”



   เหี้ยมะตูมทุบกำปั้นใส่มือตัวเอง



   “ต้องเข้าสิเหี้ยว่าน พวกเรามาถึงนี่แล้ว การที่กูได้อยู่ชมรมเดียวกับลูกแพร์อาจจะทำให้กูพิชิตใจลูกแพร์ได้”



   “ได้โปรดอย่ามาใช้คำว่าพวกเรากับกูครับ เหี้ยมะตูม เชิญมึงไปสมัครคนเดียวเลยกูจะไปรออยู่ที่โต๊ะใต้ต้นไม้โน่น”



   ผมเดินหนีเพื่อนสนิทตั้งแต่มัธยมด้วยความระอากับความหวังลมๆแล้งๆของมัน ความร้อนอบอ้าวของอากาศ


ในยามที่เมฆฝนก่อตัวจนมืดครึ้มทำให้ผมอึดอัดเหงื่อไหลไคลย้อยไปทั้งตัว


   “น้ำเย็นๆสักขวดไหมน้อง”



   ผมหันไปมองเจ้าของขวดน้ำเย็นเจี๊ยบที่ยื่นให้ผม เป็นพี่ผู้ชายหน้าตาตลกเหมือนแป๊ะยิ้ม



   “ขอบคุณครับพี่ แต่ว่า...”



   “รับไปเหอะน่า ปีหนึ่งไม่ใช่เหรอเรา”



   ชุดที่ใส่ก็บอกอยู่แล้วนิ เสื้อนักศึกษาแขนยาวติดกระดุมคอกับเนคไทน์สีของมหาวิทยาลัย ผมยิ้มรับพี่ผู้ชายใจดี


ก่อนจะรับน้ำเย็นมาดื่ม



   “มาแถวนี้จะมาสมัครชมรมอะไรล่ะ”



   ผมส่ายหน้า



   “เปล่าพี่ มาเป็นเพื่อนเพื่อนสนิท มันมาสมัครเข้าเทควันโด”



   “เอ้อ สมัครกันเข้าไปเทควันโดจนคนมันจะล้นที่ฝึกแล้ว ทำไมไม่มีใครชายตาแลชมรมกูบ้างวะแทบจะเหลือแต่


วิญญาณสิงห้องแล้ว”



   ผมนึกขำเมื่อได้ยินคำค่อนขอดด้วยท่าทีไม่จริงจังนัก



   “พี่อยู่ชมรมไรอะ”



   หันขวับมาหาผมทันทีด้วยสีหน้าระริกระรี้แล้วล้วงใบสมัครยับๆจากกระเป๋าย่ามมาส่งให้ผม



   “พี่ชื่อพูห์นะ เออ หมีพูห์นั่นแหละไม่ต้องขำเลยมึงเรียนคณะศึกษา อยู่ชมรมฟันดาบ”



   ผมเลิกคิ้วเมื่อเห็นชื่อชมรมในหัวกระดาษ



   Fencing



   “ชมรมอะไรเนี่ยพี่ ทำไมผมไม่เคยได้ยินมาก่อน”



   พี่พูห์ทำเสียงจิ๊จ๊ะอย่างรำคาญ



   “ก็เพราะพวกมึงเห่อมอยทำอะไรตามกระแสแบบนี้ไงเลยไม่รู้จักกีฬาขั้นเทพของพวกกู ฟันดาบสากลโว้ย


ไม่รู้จักก็จงสมัครเข้ามาเรียนรู้ซะ โลกแคบๆของมึงจะได้ขยายขนาด ไอ้เทควันโดนั่นเก็บค่าสมัครคนละร้อยค่าชุดจ่ายเอง


แต่ชมรมกูนี่ค่าสมัครฟรีครับแถมชุดแข่งขันจากกองมรดกให้อีกต่างหาก”



   เสียงโฆษณาชวนเชื่อดังเจื้อยแจ้วไม่หยุดหย่อน ผมนั่งอ้าปากหวอจนแมลงวันเกือบจะบินเข้าปาก



   “ตกลงว่าน้องสนใจที่จะสมัครเข้าชมรมพี่ใช่ไหมครับ”



   “เดี๋ยวนะพี่ ผมยังไม่...”



   “นี่มึงคิดจะปฏิเสธพี่หรือครับไอ้เฟรชชี่หน้าอ่อน มึงจะทำงั้นได้ไงครับมึงแดกน้ำที่พี่ให้แล้วถือว่าพี่มีบุญคุญกับมึงนะครับ


กรอกใบสมัครซะ”



   อ้าว ไอ้พี่พูห์ตอแหล



   ผมถูกกดขี่ข่มเหงให้เขียนใบสมัครจนได้ พี่พูห์รีบลุกขึ้นแล้วลากแขนผมไปที่ห้องโล่งห้องหนึ่งที่อยู่ริมสุดของอาคาร


มันดูโทรมและเงียบช่างแตกต่างจากเทควันโดยิ่งนัก



   “ลืมถาม มึงชื่ออะไรไอ้เฟรชชี่”



   “ผมชื่อว่าน พะ พี่พูห์ ชมรมพี่มีผีสิงหรือเปล่าวะ”



   ผมขนลุกเกรียวเมื่อเห็นความมอซอของห้องเล็กๆตรงหน้า



   “ผีเหี้ยอะไรของมึง ไร้สาระ ไป เข้าไป ไอ้ประธานชมรมมันอยู่ในนั้นแหละ มึงเข้าไปแล้วบอกว่ากูให้มึงมาสมัคร


เป็นสมาชิก กูจะไปกว้านหาเด็กคนอื่นแล้ว”



   ผมถูกผลักเข้าไปในห้องโถงแสนเงียบ อุปกรณ์กีฬาที่ไม่เคยผ่านตาวางระเกะระกะอยู่เกือบเต็มพื้นที่


ความมืดจากเมฆดำที่ใกล้กลั่นตัวเป็นฝนทำให้บรรยากาศยิ่งวังเวงสำหรับคนกลัวผีเช่นผมแม้ว่าตอนนี้เวลายังเดินไม่ถึงเที่ยงวันด้วยซ้ำ



   เสียงเดินสวบสาบดังมาจากห้องเล็กๆที่อยู่ด้านในห้องโถงอีกที ผมสะดุ้งวาบเมื่อได้ยินเสียงฟ้าร้องดังลั่น


   ผู้ชายตัวสูงคนหนึ่งก้าวมายืนนิ่งอยู่ตรงหน้า เขาอยู่ในชุดเสื้อยืดกับกางเกงทรงแปลกตาสีขาวมอพร้อมกับ


หน้ากากเหล็กบดบังใบหน้า ดาบเรียวแหลมเล่มนึงอยู่ในมือของเขา



   “เหวอ!”



   หน้ากากเหล็กถูกถอดออกช้าๆจนใบหน้าเปิดเผยออกมา ผมใจหายเมื่อเห็นหน้าดุเต็มไปด้วยหนวดเคราเป็นปื้น


และดวงตาสองชั้นที่แสนจะดุคู่นั้นกำลังจ้องมองผมอยู่



   “เข้ามาทำไม”



   “เอ่อ คือ พี่พูห์ ให้ ผมมา เอ่อ สมัคร”



   ตะกุกตะกักไปหมด เหงื่อชื้นเต็มแผ่นหลัง ผมหลับตาปี๋เมื่อฟ้าร้องอีกครั้งคราวนี้ผมถึงกับกระโจนเข้ากอดไอ้หน้าดุ


อย่างไม่รู้ตัว



   “พ่อจ๋าแม่จ๋า ช่วยว่านด้วยจ้า”



   ผมร้องลั่น ก้มหน้าก้มตากอดรัดร่างกายที่มีแต่กล้ามเนื้อไว้แน่นหนาจนกระทั่งเสียงฟ้าร้องอันยาวนานเงียบลง


หัวของผมก็ถูกผลักให้ห่างด้วยมือหนาๆ



   กลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อสบตาดุที่มองผมอย่างรำคาญ เขาคว้าใบสมัครยับย่นไปจากมือของผมไปกวาดสายตาอ่าน



   “วีรชน”



   ชื่อจริงของผมเองครับ วีรชนหรือว่าน ชายโสดสูงร้อยเจ็ดสิบห้า หน้าตาดี ไม่มีใครบอกหรอกผมรู้เองเวลาส่องกระจก



   “ชื่อไม่ได้เหมาะกับหน้าเลย”



   อ้าว ไอ้หน้าดุ



   ผมชักเคืองเมื่อถูกดูหมิ่นดูแคลนซ้ำกับที่เคยโดนตั้งแต่ยังเด็ก มีแต่คนบอกว่าผมหน้าอ่อนจนไม่เหมาะกับชื่อ


ทำไงได้วะ ต้องโทษพ่อกับแม่สิที่ปั้นผมหน้าตาแบบนี้



   ไอ้หน้าดุมองหาอะไรบางอย่างก่อนจะหันมาหาผม



   “มีปากกาไหม”



   คว้าปากกาไปจากมือผมแล้วเซ็นยิกๆลงใบสมัคร เซ็นเสร็จก็ยื่นคืนมาให้



   “มึงเก็บไว้”



   “อ้าวพี่ นี่มันใบสมัครเข้าชมรม ทำไมพี่ไม่เก็บไว้”



   ผมถามอย่างงงๆ ตาดุกระพริบปริบๆ



   “กูหาแฟ้มไม่เจอว่าเก็บตรงไหน มึงเอาไปนั่นแหละแล้วเริ่มซ้อมวันจันทร์หกโมงเย็น วันนี้กลับไปได้แล้ว”



   ไม่ต้องรอให้บอกซ้ำครับ ผมรีบกระโจนออกมายืนหอบอยู่ตรงลานกว้างพลางก้มหน้าอ่านใบสมัคร



   “รับสมัครเป็นสมาชิกชมรมฟันดาบสากล โดย ลายสือ ประธานชมรม”



   หน้าอย่างนั้นนะ เป็นประธานชมรม



   ผมอยากกลั้นใจตาย
   





   วันนี้เป็นวันที่ทุกคนในมหาวิทยาลัยไปรวมตัวกันทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ใหม่ตั้งแต่เช้ามืด มันเป็นวันสำคัญ


ของพวกเราปีหนึ่งเมื่อกาตรากตรำรับน้องตลอดทั้งเดือนจะสิ้นสุดลงในวันนี้ งานประเพณีรับน้องขึ้นดอย


   ผู้คนหลายพันมารวมตัวกัน พวกเราปีหนึ่งถูกรุมล้อมไปด้วยพี่ๆทุกชั้นปี พี่ฝนยื่นขวดน้ำมาให้ผม



   “กินตุนไว้ เดินขึ้นดอยแล้วไม่มีเวลากินนะว่าน”



   ผมเอ่ยขอบคุณแล้วรับน้ำมาดื่ม พี่ฝนสอดส่ายสายตาไปมาก่อนส่งเสียงกรี๊ด



   “เป็นอะไรพี่ ผีแม่หม้ายเข้าสิงเหรอ”



   “ไอ้บ้าว่าน เดี๋ยวเหอะ ก็แกถามหาปู่รหัสแกไม่ใช่เหรอวันนี้พี่ริวมาด้วยนะ เดี๋ยวเจ้พาไปหา”



   พี่ฝนลากแขนผมไปยังรุ่นพี่ที่ใส่เสื้อซ็อปสีเก่ามอซอที่ยืนหันหลังให้ผม แผ่นหลังนั้นดูกว้างมากเมื่อผม


ยืนมองใกล้ๆ พี่ฝนสะกิดต้นแขนพี่เขายิกๆ



   “พิ่ริวๆ หันมาหน่อย พาหลานรหัสมารู้จัก ชื่อไอ้ว่าน”



   คนตัวสูงหันกลับมาหา ผมถึงกับตะลึงอ้าปากค้างพอๆกับใบหน้านิ่งเรียบแต่นัยต์ตากลับชะงักงันเมื่อสบตากับผม



   “ไอ้ว่าน นี่ไงปู่รหัสของแก พี่ริวประธานเชียร์ปีสี่”



   ขวดน้ำที่พี่ฝนให้ผมร่วงไปอยู่กับพื้น


   พี่ริว!


   ไอ้หน้าดุ ลายสือ ประธานชมรมฟันดาบสากล


   ตาดุจ้องผมนิ่ง มุมปากกระตุกยิ้มเหี้ยมจนผมขนหัวลุก



   “เดินให้ถึงยอดดอย อย่าให้ขายขี้หน้าสายรหัสนะมึงไอ้หน้าอ่อน ไม่งั้นล่ะก็...”



   ผมหลับตาปี๋



   “...กูเอามึงตายแน่ ไอ้วีรชน”





TBC


คุยกับคนแต่ง


ฮั่นแน่ ๆๆๆ ใครหลงเข้ามาอ่านเพราะชื่อเรื่องรับสารภาพมาซะดีๆ


นึกว่าหื่นล่ะซี้ เรื่องนี้แนวน่ารักๆนะจ๊ะจริงๆยังไม่อยากเปิดเรื่องใหม่เพราะเรื่องเก่ายังคงค้างคา


แต่ว่าพอดีพล็อตเรื่องนี้มาเต็มๆคนแต่งเลยรีบแต่งก่อนจะลืมมันไปคนแต่งใช้บรรยากาศในมหาวิทยาลัยที่เรียน


เมื่อตอนสาวๆนะคะ ส่วนชมรมฟันดาบเนี่ย คนแต่งก็เคยอยู่ในชมรมนี้เป็นนักกีฬาของชมรมก็เลยหยิบบรรยากาศมาใช้


อยากจะให้เด็กๆรู้จักกีฬาชนิดนี้ด้วยเพราะยังไม่ค่อยแพร่หลายแต่มันเป็นกีฬาที่มีกฎ กติกายิบย่อยเยอะแยะ


คงจะไม่ได้อธิบายละเอียดในแต่ละตอนเอาแค่พอรู้จักนิดๆหน่อยๆเนอะ






[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน \(^O^)/ ฤกษ์ดีวันนี้ลงนิยายใหม่ดีกว่า (23/9/58)
เริ่มหัวข้อโดย: cross ที่ 24-09-2015 00:16:00
เปิดเรื่องก็น่าติดตามแล้วววววส
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน \(^O^)/ ฤกษ์ดีวันนี้ลงนิยายใหม่ดีกว่า (23/9/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Eternal luv ที่ 24-09-2015 01:56:09
รอตอนต่อไป  :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน \(^O^)/ ฤกษ์ดีวันนี้ลงนิยายใหม่ดีกว่า (23/9/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 24-09-2015 04:28:19
พอเห็นชื่อชมรมว่าฟันดาบปุ๊บ ยอมรับนะว่าไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ไล่ตะครุบไม่ทันไอ้เจ้าจินตนาการเนี่ย

คนเขียน - ตะเองก็ลูกช้างเหรอ? ของเราก่อนตะเองหลาย(ๆๆๆๆ)ปีอยู่หรอก
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน \(^O^)/ ฤกษ์ดีวันนี้ลงนิยายใหม่ดีกว่า (23/9/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 24-09-2015 04:47:20
ได้เจอกับปู่รหัสสมใจอยากเลยไหมคะน้องว่าน :m20: ..
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน \(^O^)/ ฤกษ์ดีวันนี้ลงนิยายใหม่ดีกว่า (23/9/58)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 24-09-2015 05:14:43
เรา (รึแทนตัวเองว่าหนูดีเนี่ย 55) เพิ่งเข้าปีหนึ่งมอนี้เหมือนกัน แต่วิ่งผ่านโค้งสปิริตได้นะ แทบตาย 55555
พระเอกฟันเก่งสินะ หึหึ -.,-
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน \(^O^)/ ฤกษ์ดีวันนี้ลงนิยายใหม่ดีกว่า (23/9/58)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 24-09-2015 06:01:15
ชื่อเรื่องชวนวาบหวิวมากค่ะ  :haun4:
แต่พอพี่หมีพูห์บอกว่าอยู่ชมรมฟันดาบนี่รู้เลย :laugh:
พี่ริวไม่ค่อยเจอสายรหัส เพราะมัวแต่หาเด็กเข้าชมรมใช่มะ :z1:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน \(^O^)/ ฤกษ์ดีวันนี้ลงนิยายใหม่ดีกว่า (23/9/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 24-09-2015 07:27:27
ท่าทางน่ารัก. ริวปิ๊งน้องว่านแน่ๆ.  ชอบจังใสๆ. สบายๆ. ไม่เครียด.  ขอตามค่ะ. 
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน \(^O^)/ ฤกษ์ดีวันนี้ลงนิยายใหม่ดีกว่า (23/9/58)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 24-09-2015 08:08:29
รอ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน \(^O^)/ ฤกษ์ดีวันนี้ลงนิยายใหม่ดีกว่า (23/9/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 24-09-2015 08:17:00
ชื่อเท่มาก ลายเสือ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน \(^O^)/ ฤกษ์ดีวันนี้ลงนิยายใหม่ดีกว่า (23/9/58)
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 24-09-2015 08:52:27
พี่ริวกับน้องว่าน :katai2-1: 
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน \(^O^)/ ฤกษ์ดีวันนี้ลงนิยายใหม่ดีกว่า (23/9/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 24-09-2015 11:03:27
ชมรมฟันดาบได้ยินชื่อละ....หึหึ



จะรออ่านตอนต่อไปเน้อ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน \(^O^)/ ฤกษ์ดีวันนี้ลงนิยายใหม่ดีกว่า (23/9/58)
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 24-09-2015 12:42:37
มหาวิทยาลัยเดียวกันเลย เราก็เคยเดินผ่านชมรมฟันดาบนะ คึคึ นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน \(^O^)/ ฤกษ์ดีวันนี้ลงนิยายใหม่ดีกว่า (23/9/58)
เริ่มหัวข้อโดย: BlackClover ที่ 24-09-2015 15:14:57
เข้ามาเพราะชื่อจริงๆ...  แต่คิดว่าเป็นนิยายแนวพระเอกกระล่อนๆ ออกไปทางสายฮา อะไรแบบนี้ ไม่ได้ เรท 18+ เล้ยย
แต่เอาเข้าจริงเรื่องนี้ก็ นิยายฮา  ละนะ  ฮ่าหมีพูห์สุดๆ ... ตอแหลได้อย่างเลือดเย็นๆ  โถ่ววว  เอาน้ำไปให้แล้วบังคับเข้าชมรม
คิดถึง ฮิรุม่า จาก eyeshield 21  อ่ะ  ประมาณนี้เลย  555 :hao7:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน \(^O^)/ ฤกษ์ดีวันนี้ลงนิยายใหม่ดีกว่า (23/9/58)
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 25-09-2015 21:28:52
 :a5:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน \(^O^)/ ฤกษ์ดีวันนี้ลงนิยายใหม่ดีกว่า (23/9/58)
เริ่มหัวข้อโดย: benzdekba ที่ 25-09-2015 21:46:49
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน \(^O^)/ ของเทคชิ้นแรกจากปู่รหัส (26/9/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 26-09-2015 21:36:51


                                                  พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน

                                                             บทที่ 2

                                                 ของเทคชิ้นแรกจากปู่รหัส


               เสียงบูมดังลั่นตั้งแต่คณะแรกที่เริ่มต้นเดินจากหน้ามหาวิทยาลัย พวกเราปีหนึ่งอยู่ในชุดเสื้อยืดสีแดงเลือดหมู

ยืนนิ่งเป็นระเบียบอยู่ในแถวล้อมรอบไปด้วยเหล่าบรรดารุ่นพี่จากทุกชั้นปีและศิษย์เก่าอีกนับไม่ถ้วนที่ล้วนแต่ใส่เสื้อช็อป

สีน้ำเงินบรรยากาศทำให้ผมตื่นเต้นจนมือชื้นเหงื่อ

               และที่ทำให้อาการหนักกว่าเก่าก็เพราะไอ้ปู่รหัสหน้าดุหนวดเครารกครึ้มใช้ผ้าสีเลือดหมูมัดหน้าผากยืนเด่น

เป็นสง่าอยู่หน้าแถว ท่าทางเอาจริงเมื่อค่อยๆไล่สายตาไปตามแถวของพวกเรา ทุกคนเงียบกริบเพื่อรอฟังคำพูดของพี่ริว

ในฐานะประธานเชียร์ชั้นปีที่สี่


               “ไม่ว่าพวกน้องจะเป็นใคร มาจากไหน แต่ตอนนี้พวกน้องกำลังจะได้เข้ามาอยู่กับพวกเรา วันนี้เป็นวันสุดท้าย

สำหรับการพิสูจน์ตัวเองว่าพวกน้องสมควรที่จะได้ชื่อว่าวิศวะหรือไม่ ท่ามกลางการตัดสินจากรุ่นพี่ทุกคน คิดว่าจะทำได้

ไหม”


               เสียงขานรับดังก้องจากพวกเราปีหนึ่งแม้แต่ผม เสียงนั้นดังจนน่าขนลุก


               “สิบหกกิโลเมตรจากที่นี่ถึงยอดดอยไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเดินขึ้นไปถึง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะก้าวไปด้วยกัน

คนข้างๆคือเพื่อน คือพี่น้อง พากันไปให้หมดเราจะไม่เหลือใครทิ้งไว้แม้แต่คนเดียว จำไว้ว่านี่คือการทดสอบครั้งสุดท้าย

เพื่อสิ่งนี้”


               ฟันเฟืองเล็กคล้องอยู่ในเชือกหนังถูกชูขึ้นสูงด้วยมือของพี่ริว


               “เกียร์วิศวะคือคำตอบว่าพวกน้องสมควรจะได้รับมันหรือไม่”


               คราวนี้เสียงดังลั่นจากรุ่นพี่ทุกชั้นปีที่ยืนรายล้อมกดดันพวกเราจนขาแข้งสั่น ธงคณะโบกพลิ้วอยู่เบื้องหน้ายก

ขึ้นเป็นสัญญาณให้พวกเราเริ่มบูมดังลั่นต่อหน้าศาลาธรรม


               “We Are Entaneer”


               ทันทีที่ประโยคนี้จบลง เหล่ารุ่นพี่ที่ถือธงและเสลี่ยงของคณะก็พากันวิ่งออกจากจุดเริ่มต้น ประเพณีรับน้องอัน

ยิ่งใหญ่ทำให้ผมฮึกเหิมไปกับพวกเพื่อนๆโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยแม้ว่าหนทางเดินขึ้นสู่ดอยสุเทพจะยาวไกลและสูงชัน

แค่ไหน พวกเราก็พากันทั้งเดินทั้งวิ่งสลับกัน ใครที่หมดแรงไปไม่ไหวพวกเราก็จะยกแขนพาดบ่าโดยไม่ทิ้งใครไว้เบื้อง

หลังจนกระทั่งเราไปหยุดพักตรงหน้าสถานีป้องกันไฟป่าซึ่งเป็นจุดพักใหญ่

               เพิ่งรู้สึกว่าเหนื่อยก็ตอนหยุดเดินนี่แหละครับ ผมคว้าขวดน้ำที่รุ่นพี่แจกมาเทเข้าปากแก้คอแห้งอย่างไม่ยั้งจน

กระทั่งมีมือดีกระชากขวดน้ำไปจากผม


               ไอ้พี่ริว ไอ้ลายสือ ไอ้หน้าดุ!


               “แย่งผมทำไมพี่ ผมหิวน้ำ”


               ไอ้พี่ริวยืนหน้าบึ้งจนผมชักจะสยอง


               “แดกเข้าไปแบบนี้พอเริ่มเดินใหม่เดี๋ยวก็จุกตายห่า”


               “ช่างผมเหอะน่า ไม่เห็นต้องสนใจผมเลย พี่เองก็ไม่ได้สนใจผมแต่แรกแล้วนี่นา”


               ผมย่นหน้าใส่เขาพลางดึงขวดน้ำกลับมาดื่มต่อ ดวงตาสองชั้นจ้องมองไม่วางตาเมื่อผมกล้าเถียงก่อนที่พี่ริวจะ

หันหลังเดินหนีผมไป ความรู้สึกผิดที่เผลอต่อว่ารุ่นพี่แวบมาครู่หนึ่งผมได้แต่ยักไหล่ ก็เผลอหลุดปากไปแล้วจะให้เรียก

กลับคืนก็ไม่ได้

               พวกเราเริ่มเดินกันต่อหลังจากที่ผ่านมาหลายกิโลเมตร เดินไปสักพักอาการจุกเสียดก็จู่โจมอยู่ตรงใต้ลิ้นปี่

ทำให้ผมต้องอดทนเดินตัวงอหน้าตาเหยเก


               “เป็นเหี้ยไรวะไอ้ว่าน”


               ไอ้มะตูมที่เดินอยู่ด้านหน้าชะลอฝีเท้าเพื่อรอผมที่เริ่มรั้งท้าย


               “กูแดกน้ำเยอะไปหน่อย จุกชิบหายตอนนี้”


               “ไอ้ตะกละ สมน้ำหน้า มานี่กูช่วย”


               ไอ้มะตูมยกแขนผมพาดบ่าพาเดินให้เร็วขึ้น แวบหนึ่งที่ผมเห็นสายตาห่วงใยจากดวงตาสองชั้นที่หยุดยืนรอให้

แถวผ่านไปจนหมด


               “มึงรู้ได้ไงว่ากูปวดท้อง”


               ผมถามอย่างแปลกใจเพราะไอ้มะตูมมันมีตำแหน่งอยู่ทางหัวแถว


               “พี่ออดี้ลุงรหัสมึงเขาเดินมาบอกกูให้กูมาดูมึงว่ะ”


               นึกซึ้งน้ำใจลุงรหัสปีสามที่สังเกตอาการของผมและไปบอกไอ้มะตูมให้มาช่วย ผมเดินไปอีกสักพักอาการจุก

เสียดก็ทุเลาลงและเริ่มสปีดความเร็วกลับมาได้ดังเดิม จนกระทั่งพวกเราเดินมาถึงโค้งขุนกัน โค้งสุดท้ายแห่งความสูงชัน

เพื่อตรงขึ้นสู่ดอยสุเทพ หรือที่พวกเราเรียกกันว่าโค้งสปิริท


               “โค้งสุดท้ายแล้ว ยังไหวกันหรือเปล่า ถ้าไม่ไหวก็กลับลงไป”


               เสียงว้ากดังขึ้นจากกลุ่มพี่ว้ากตะโกนดังลั่นถนนสูงชัน พวกเราปีหนึ่งยืนเรียงแถวกอดคอกันและกลั้นใจเฮือก

สุดท้ายก่อนจะพากันวิ่งกรูต้านแรงโน้มถ่วงและแสงแดดที่แผดเผามากขึ้นท่ามกลางเสียงเชียร์กระหึ่มของผู้คนที่ยืนอยู่ริม

ถนน

               และในที่สุดพวกเราก็ถึงจุดหมาย

               ผมหอบแฮกเป็นหมาหอบแดดอยู่กับเพื่อนๆ และเป็นอีกครั้งที่ได้สบตากับเขา ชายผู้มีใบหน้าโฉดเป็นอาวุธ

ไม่รู้ว่าเพราะเหนื่อยจัดจนตาพร่าหรือเปล่า แต่ผมคิดว่าผมเห็นรอยยิ้มจากดวงตาคู่นั้น

               หากจะบอกว่าหนทางขึ้นดอยสุเทพสูงชันจนยากที่จะเดินถึงแล้ว แต่บันไดขึ้นไปยังวัดด้านบนยิ่งสูงและยาก

กว่าเมื่อเวลานี้ขาผมล้าไปหมด หลังจากที่พวกเรายืนจัดระเบียบเพื่อบูมอีกครั้งเมื่อเดินมาถึงตรงบันไดหน้าวัดพวกเราก็

ต้องเดินขึ้นบันไดหลายร้อยขั้นเพื่อไปสักการะเจดีย์สีทองที่อวดแสงอร่ามอยู่ด้านบน


               “เก่งนี่หว่าไอ้ว่าน กูนึกว่ามึงจะไม่รอดซะแล้ว”


               พี่ออดี้เดินมากับฝูงเพื่อนกำลังเดินผ่านผมเมื่อถึงบริเวณลานกว้างของวัดหลังจากการสักการะดอยสุเทพสิ้น

สุดลงและเป็นเวลาฟรีสไตล์ให้พักได้ ผมหันไปยิ้มให้อย่างสำนึกบุญคุณ


               “เกือบตายเหมือนกันว่ะพี่ออดี้ดีนะไอ้มะตูมมันมาช่วย ขอบคุณมากพี่ที่ไปบอกมัน พี่ออดี้นี่ช่างสังเกตนะรู้ด้วย

ว่าผมปวดท้องอยู่”


               “เฮ้ย ไม่ต้องขอบใจกูหรอก กูไม่รู้เลยว่ามึงปวดท้องอยู่ โน่นถ้ามึงจะขอบอกขอบใจต้องไปบอกกับพี่ริวเขา

นั่นน่ะเดินเข้ามาบอกกูให้กูไปบอกไอ้มะตูมให้ไปดูมึง”


               ผมยิ้มค้างทันทีทันใด


               ไอ้พี่ริว ไอ้ลายสือ ไอ้หน้าดุ


               คนที่มองเห็นอาการปวดท้องของผม ทำไมถึงกลายเป็นไอ้ปู่รหัสที่ไม่เคยใยดีผมไปได้


               ทรุดตัวลงนั่งทำใจอยู่บนเก้าอี้หินอ่อนใกล้ร้านค้า ขาทั้งสองข้างสั่นพั่บๆเพราะความเหนื่อยล้า คาดว่าคืนนี้ผม

คงนอนปวดขาตะคริวแดกทั้งคืนแน่ ขณะกำลังนั่งเหม่อก็มีขวดนมพาสเจอไรส์เย็นเจี๊ยบลอยละลิ่วตรงเข้าใส่หน้าจนต้อง

รีบยกมือรับไว้ ก่อนจะเห็นหน้าคนโยนมันมาให้ด้วยซ้ำ


               จะใครอีกล่ะถ้าไม่ใช่คุณชายลายสืออันมีหน้าโฉดเป็นอาวุธ

               ผมเหลือบตามองเขาที่ก้าวมาหยุดยืนไม่ไกลนักอย่างสงสัย


               “อะไรพี่”


               นายลายสือเลิกคิ้วกวนตีน


               “ของเทคไง มึงจะได้ไม่ไปเที่ยวบ่นว่ากูไม่เทคอะไรมึง”


               ขวดนมในมือถูกผมยกขึ้นมาระดับสายตา มันเป็นนมสีชมพูครับ


               ของเทคชิ้นแรกจากปู่รหัสเป็นนมรสสตรอเบอร์รี่


               ใบหน้าที่เก๊กดุยามยืนกล่าวสุนทรพจน์ก่อนหน้านี้กลายเป็นหน้ามึนเหมือนเมื่อวานนี้ที่ผมพบเขาเป็นครั้งแรกที่

ชมรมดาบสากลอีกครั้ง พี่ริวยกขวดนมอีกขวดหนึ่งขึ้นดูดจนหมดขวดและสีหน้าฟินถึงขีดสุด


               พ่องงง หน้าอย่างเหี้ยแดกนมรสสตรอเบอร์รี่!


               พี่ริวเอียงคอมองพลางเลิกคิ้ว


               “มองกูอย่างนี้ มึงหมายความว่าไงไอ้หน้าอ่อน”


               ผมยักไหล่เบาๆ


              “ผมแค่แปลกใจ น้ำหน้าเอ๊ย หน้าอย่างพี่ไม่น่าเชื่อว่าจะชอบกินนมรสสตรอเบอร์รี่”


               กลายเป็นไอ้พี่ริวที่มองผมอย่างไม่เข้าใจ


               “ทำไม แปลกตรงไหน นมรสสตรอเบอร์รี่กินแล้วชื่นใจดีออก ไม่เชื่อมึงลองดิ”


               ผมมองหน้าเขาแล้วมองขวดนมในมือ ลองเปิดฝาฟอล์ยออกแล้วกระดกน้ำนมสีหวานเข้าปากจนหมดขวด

ความหอมหวานละลายอยู่ในปากอย่างบอกไม่ถูก


               “ไงล่ะ อร่อยล่ะสิ กูบอกแล้วไม่เชื่อไอ้หน้าอ่อน”


               “ผมชื่อว่าน เรียกให้ถูกๆหน่อย เลิกเรียกว่าไอ้หน้าอ่อนได้แล้วคนเขามีชื่อมีแซ่”


               ผมชักหน้ามุ่ยใส่เขาพลางเงยหน้าสบตาคู่นั้น



               จะว่าแปลกก็แปลก ใบหน้าของพี่ริวยังคงเรียบสนิท แต่ดวงตาโคตรคมกลับวิบวับเหมือนกำลังขำอะไรบาง

อย่างเมื่อมองมายังผม มันทำให้ผมหน้าร้อนซู่โดยไม่รู้สาเหตุ


               ร่างสูงราวร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรลุกขึ้นยืนเหยียดกายเต็มที่พลางบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยขบ


               “หายเหนื่อยแล้วก็ลงดอยไปพักซะ พรุ่งนี้อย่าลืมไปงานมอบเกียร์ แล้วทำหน้าตาให้มันดีหน่อยให้มันสมกับ

สายรหัส เก็บหน้าอ่อนๆของมึงไว้ที่หอนะไอ้...ว่าน”


               เออนะ ก็จำชื่อกูได้นี่หว่า


               แต่เสียงนายลายสือเวลาเรียกชื่อผมมันจั๊กจี้หูดีแฮะ


               ปู่รหัสผมเดินจากไปแล้ว ทิ้งให้ผมนั่งอมยิ้มอยู่กับขวดเปล่าของนมรสสตรอเบอร์รี่จนกระทั่งได้ยินเสียงเรียก

ของไอ้มะตูมและเพื่อนคนอื่นปลุกให้ผมตื่นจากภวังค์







               บรรยากาศวันนี้อบอุ่นผิดกว่าทุกวันที่พวกเราต้องยืนนิ่งเป็นหุ่นอยู่ในห้องเชียร์ พี่ว้ากทั้งหลายถอดคราบความ

ดุออกจนพวกเราปีหนึ่งแทบไม่อยากจะเชื่อว่าเบื้องหลังความโหดจะมีแต่ความเฮฮาเมื่อพวกพี่ๆเล่าให้ฟังว่าพวกเขาต้อง

เก๊กแค่ไหนเวลาที่ว้ากพวกเรา เหล่าอาจารย์นั่งอยู่ด้านหนึ่ง ไม่นานหลังจากนั้นพิธีการก็เริ่มต้นกับการรับขวัญและมอบ

เกียร์ให้กับรุ่นน้องปีหนึ่ง


               ฟันเฟืองทองเหลืองที่มีชื่อชั้นปีสลักไว้อยู่ในกำมือที่ผมกระชับมันไว้อย่างภาคภูมิเมื่องานสิ้นสุดลง ตอนนี้

เหลือแต่ความสนุกสนานที่ทุกคนได้ปลดปล่อย พี่ออดี้กับพี่ฝนที่มารับขวัญตั้งแต่งานเริ่มตอนนี้ก็สนุกอยู่ในงาน ผมไม่

เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องคอยมองหาใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเคราด้วย

               อารมณ์น้อยใจวิ่งหวิวๆอย่างน่าโมโห ผมเดินหนีความวุ่นวายภายในสถานที่จัดงานออกมาสูดอากาศสดชื่น

ภายนอก โชคดีที่ตั้งแต่เมื่อวานไม่มีฝนตกลงมาและวันนี้ดวงจันทร์ก็สว่างอยู่กลางฟ้าเหนือเงาดำของดอยสุเทพ


               เสียงก้าวเดินมาหยุดอยู่เบื้องหลังตามมาด้วยเสียงกวนตีนอันแสนคุ้นหู แต่ความอบอุ่นประหลาดกลับวิ่งไปมา

ผลักไอ้ตัวน้อยใจออกไปจนหมด


               “ได้เกียร์มาแล้วก็รักษาไว้ดีๆ มันเป็นสิ่งมีค่าของพวกเรามึงรู้ใช่ไหม”


               “ผมรู้แล้วน่า”


               เอ่ยปากเถียงตั้งแต่ยังไม่ได้หันกลับไป ผมหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับเขาแต่ภาพที่เห็นมันทำให้ผมต้องอึ้ง


               ใครวะ?


               ใบหน้าสดใสไร้หนวดเครามองเห็นกรอบหน้าคมคางเหลี่ยมนิดๆและจมูกโด่งได้รูป


               หล่อเหี้ยๆ


               “มองหน้าด่าแม่กูหรือไง”


               อ่า...


               เสียงนี้ ดวงตาสองชั้นมองกลับอย่างกวนส้นตีนอย่างนี้ จะมีใครอีกนอกจาก


               “พี่ริว!”


               มีแววเก้อกระดากฉายออกมาวูบหนึ่งก่อนจะเลือนหายอย่างรวดเร็ว พี่ริวเบนสายตาจ้องมือของผม


               “มีอะไรใส่หรือยัง”


               ผมส่ายหน้าเมื่อไม่ได้เตรียมอะไรมาสักอย่าง พี่ริวถอนหายใจอย่างรำคาญแล้วจึงล้วงอะไรบางอย่างออกมา

จากกระเป๋าเสื้อช็อป


               “เอามานี่”


               ผมส่งเกียร์ให้เขาอย่างงงๆ เขารับมันไปและใช้เชือกหนังนิ่มที่ล้วงออกมาเมื่อครู่คล้องไปกับฟันเฟืองทอง

เหลือง ร่างสูงก้าวเข้ามาใกล้จนลมหายใจของผมสะดุดแปลกๆ


               มือเรียวยาวคล้องเชือกหนังห้อยเกียร์รุ่นกับลำคอของผม ผมไม่กล้าสบตาเมื่อเราอยู่ใกล้กันมากเกินไปจน

กระทั่งเขาก้าวถอยหลังออกไปให้ผมพอหายใจได้อีกครั้งและกล้าพอที่จะเงยหน้าสบตา


               แสงระยิบระยับฉายออกมาจนผมตาพร่า


               “แล้วพรุ่งนี้อย่าลืมไปชมรมนะไอ้...ว่าน”



                                                     TBC





               
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน \(^O^)/ ของเทคชิ้นแรกจากปู่รหัส (26/9/58)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 26-09-2015 21:48:03
 :katai2-1:   น่ารักจัง สัมผัสได้ถึงออกร่าวิ้งๆแล้ว
ขอบคุณ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน \(^O^)/ ของเทคชิ้นแรกจากปู่รหัส (26/9/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 26-09-2015 21:49:50
พี่ริวมาให้น้องว่านเห็นหน้าบ่อยๆ นะคะ น้องจะได้ไม่นึกน้อยใจพี่อีก~~ :-[
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน \(^O^)/ ของเทคชิ้นแรกจากปู่รหัส (26/9/58)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 26-09-2015 22:11:53
พี่ริวแปลงร่างแล้ว หล่อจนว่านจำไม่ได้5555
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน \(^O^)/ ของเทคชิ้นแรกจากปู่รหัส (26/9/58)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 26-09-2015 22:21:06
พี่ริวก็ทั้งดุ ทั้งเถื่อนขนาดนี้นะ แต่ว่าบรรยากาศมันหวานมากเลยอ่ะ แอร๊ย :o8:
น้องว่านอย่าลืมไปฟันดาบกับพี่ริว เอ๊ย เข้าชมรมตามที่พี่ริวบอกนะ อิอิ :z1:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน \(^O^)/ ของเทคชิ้นแรกจากปู่รหัส (26/9/58)
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 26-09-2015 22:40:09
พี่ริวน่ารักอ่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน \(^O^)/ ของเทคชิ้นแรกจากปู่รหัส (26/9/58)
เริ่มหัวข้อโดย: KS.F ที่ 26-09-2015 23:02:54
ฟินเลยย
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน \(^O^)/ ของเทคชิ้นแรกจากปู่รหัส (26/9/58)
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 27-09-2015 00:18:17
พี่ริวเป็นเงาะถอดรูปแล้ว   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน \(^O^)/ ของเทคชิ้นแรกจากปู่รหัส (26/9/58)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 27-09-2015 01:11:51
ทำไมพี่ริวมุ้งมิ้ง
น่ารักอ่ะ 55555
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน \(^O^)/ ของเทคชิ้นแรกจากปู่รหัส (26/9/58)
เริ่มหัวข้อโดย: นางสาวกานาเลส ที่ 27-09-2015 01:16:48
หืมมมมมมมม คนแต่งเป็นรุ่นป้า(?) แล้วเหรอคะ 555555 หนูก็เพิ่งเป็นลูกช้างเชือกใหม่อยู่คณะสีเบจค่ะ อิอิ มีเพื่อนเรียนวิศวะเยอะอยู่พอสมควร และหนูก็เป็น FC พี่ปอเชียร์วิศวะเหมือนกันค่ะ พี่เค้าหล่ออออ ยิ่งตอนตัดผมแล้วแบบ หื้มมมม -.,- อ่านปุ๊ปนี่อิมเมจลอยมาเลยยยย เพื่อนเล่าให้ฟังทุกวัน รู้ทุกเรื่อง จนหนูรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งในคณะวิศวะละค่ะ 5555555 หนูจะรอติดตามเรื่องนี้นะคะ ชอบๆ :D
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน \(^O^)/ ของเทคชิ้นแรกจากปู่รหัส (26/9/58)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-09-2015 03:05:55
ตะลึงเลยละซิ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน \(^O^)/ ของเทคชิ้นแรกจากปู่รหัส (26/9/58)
เริ่มหัวข้อโดย: naoai ที่ 27-09-2015 09:11:49
 o13 ทีมพี่ริวเบาๆ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน \(^O^)/ ของเทคชิ้นแรกจากปู่รหัส (26/9/58)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 27-09-2015 10:39:15
รอ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน \(^O^)/ ของเทคชิ้นแรกจากปู่รหัส (26/9/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 27-09-2015 11:14:05
พี่ริวแอบน่ารัก
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน \(^O^)/ ของเทคชิ้นแรกจากปู่รหัส (26/9/58)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 27-09-2015 13:28:02
โดนเสน่ห์รุ่นพี่ซะแล้ว
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน \(^O^)/ ของเทคชิ้นแรกจากปู่รหัส (26/9/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 27-09-2015 13:44:22
นึกสถานที่ออกเลย กำลังเรียนอยู่ เพิ่งขึ้นดอยไปหมาดๆ แต่ได้เกียร์เร็วไปอ่ะะะะ 5555555
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน \(^O^)/ ของเทคชิ้นแรกจากปู่รหัส (26/9/58)
เริ่มหัวข้อโดย: zleep ที่ 27-09-2015 14:51:24
รู้สึกเห็นออร่าสีม่วงแผ่กระจาย
โง้ยยย
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน \(^O^)/ ช่วยตอบโพลด้วยค่ะ (30/9/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 30-09-2015 09:47:58
จากใจคนแต่ง นอกเหนือจากเรื่องนำกีฬาดาบสากลมาใช้แล้วก็ยังไม่ทันคิดเรื่องอื่น
เลยอยากจะมาถามคนอ่านว่าอยากให้เรื่องไปในแนวทางไหน
จะแค่มุ้งมิ้งให้แค่พอฟินหัวใจอิ่มเอิบ หรือชอบแบบนานๆหื่นที
หรือว่าจะชอบแนวโปรหื่นเต็มพิกัด ช่ายตอบกันในโพลด้วย
คนแต่งจะได้กลับไปมโนได้ถูกจ้า


 :L2: :L2:
หัวข้อ: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่3# พี่ริวก็เก่งแหละแต่โหดมากกว่า [8/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 08-10-2015 00:48:35


                                                พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน

                                                          บทที่ 3

                                            พี่ริวก็เก่งแหละแต่โหดมากกว่า



               เสียงจ้อกแจ้กจอแจดังขึ้นที่หน้าชมรมเทควันโดเมื่อบรรดาสมาชิกใหม่ร่วมครึ่งร้อยไปออกันอยู่จนชมรมแทบ

แตก ในขณะที่ชมรมดาบสากลช่างเงียบเหงาราวกับกำลังเป่าลมใส่สากกระเบือหินจากอ่างศิลา ผมนั่งมองหน้ากันไปมา

กับเฟรชชี่ผู้ชายตัวผอมๆใส่แว่นเนิร์ดคนหนึ่งกับผู้หญิงตัวป้อมๆหน้าตาเพ้อๆอีกหนึ่งคน


               “นี่ เราชื่อว่าน”


               ผมตัดสินใจเปิดช่องสนทนา


               “เราเรียนวิศวะ พวกเธอล่ะ”


               เด็กเนิร์ดหัวเกรียนขยับแว่นให้กระชับกับดั้งจมูกพลางแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงเรียบร้อยราวกับผู้ดีอังกฤษ

(ทำไมต้องผู้ดีอังกฤษด้วย อันนี้ผมสงสัยมานานแล้ว มีใครจะเฉลยให้ผมฟังได้บ้างไหม)


               “ผมชื่อปิ๊กเรียนอีค่อน”


               โวะ เท่สาด พวกเด็กอีค่อน


               เราทั้งคู่หันไปหาผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวที่กำลังฉีกยิ้มจนเห็นลึกไปถึงอมัลกั้มที่อุดฟันผุอยู่


               “เราชื่อเบลล่ามาจากฟอร์ค”


               ผมกับปิ๊กหันหน้าสบตากันโดยไม่ได้นัดหมายเมื่อได้ยินคำแนะนำตัวจากเพื่อนใหม่ ผมเลิกคิ้วมองปิ๊กอย่าง

สงสัย


               “ฟอร์คนี่มันที่ไหน มันอยู่ในไทยหรือเซาท์อีสท์เอเชียหรือเปล่า คือเราตกภูมิศาสตร์”


               เด็กเนิร์ดทำตาปริบๆตอบกลับพลางคว้าโทรศัพท์ยี่ห้อผลไม้ถูกกัดแหว่งรุ่นใหม่แกะกล่องออกมา


               “ผมท็อปวิชานี้แต่ผมก็ไม่เคยได้ยินเลย เดี๋ยวจะลองค้นในกูเกิลเอิร์ทดูนะ”


               “พอเลยทั้งคู่” คุณเธอค้อนขวับพลางมองบนใส่พวกผม


               “อะไรกัน นี่ไม่รู้จักเมืองฟอร์คอันแสนโด่งดังจากเรื่องทไวไลท์หรือไง ที่มีผีดิบหน้าตาดีที่สุดในโลกอย่าง

ตระกูลคัลเลนอาศัยอยู่น่ะ นิยายที่สุดแสนจะโรม้านซ์ขายดีที่สุดขนาดนี้ทำไมไม่รู้จัก ความรื่นรมย์น่ะมีกันบ้างไหม”


               ผมอ้าปากหวอฟังเบลล่าพูดเป็นฉากๆสุดท้ายเบลล่าก็จบตรงที่ว่า...


               “เราเรียนพยาบาล”


               อืม อย่างเบลล่านี่จะเดินไปหาคนไข้แล้วเตะเสาน้ำเกลือล้มไหมนะ


               “หืม พยาบาลเหรอแล้วทำไมมาเข้าชมรมดาบสากลล่ะ มันไม่เห็นจะไปด้วยกันได้เลยนะคุณเบลล่าหรือว่า

ชอบเล่นดาบ”


               ไอ้คุณปิ๊กถามตรงประเด็นผมเองก็อยากรู้ว่าทำไมแต่ละคนถึงได้มาเจอกันที่ชมรมร้างเช่นนี้


               “เปล่า ไม่ได้สนใจเล่นดาบแต่สนใจคนเล่นดาบต่างหาก คริคริ”


               ผมหันไปสบตากับปิ๊กโดยไม่ได้นัดหมายอีกครั้งเมื่อไม่รู้เลยว่าคนเล่นดาบที่เบลล่ากำลังพูดถึงเป็นใคร


               “กรี๊ดดดดด พี่ริว”


               สะดุ้งเฮือกขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงตื่นเต้นของเบลล่าพร้อมกับประกายตาวิ้งๆไม่อยากหันไปมองเลยว่าใคร

กำลังเดินตรงมาทางนี้


               “คนที่เธอชอบน่ะคือ...”


               ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบากยากเย็นในขณะที่เบลล่ายังทำตาลอยคว้าง


               “ใช่แล้ว ผู้ชายที่เราชอบน่ะก็พี่ริวไงล่ะ”


               “เบลล่า” ผมป้องปากกระซิบเบาๆ


               “ชอบผู้ชายหน้ามึนแบบนี้เหรอ”


               “เดี๋ยวเหอะ ตัวเองมาว่าผู้ชายในฝันของเค้าได้ไง พี่ริวน่ะเท่จะตายดูเย็นชาเหมือนพวกฝั่งตระกูลผีดิบเลย เค้า

เฝ้ามองพี่ริวมาตั้งแต่ยังวัยละอ่อนต่อนแต่นตอนเรียนมัธยมจนต้องกระเสือกกระสนมาเรียนที่เดียวกับพี่ริวจนได้”


               รสนิยมเบลล่าช่างแปลกประหลาด ผมแปลกใจที่ผู้ชายอย่างไอ้พี่ริวยังอุตส่าห์มีคนแอบปลื้ม ผมไม่เห็นว่าไอ้

คนตัวใหญ่ที่เดินเข้ามาใกล้พวกเราด้วยท่าทางเย็นชามันจะน่าปลื้มตรงไหน ไม่มีวันเสียล่ะที่คนอย่างไอ้ว่านจะปลื้มคน

อย่างนี้


               “มากันแล้วเหรอเฟรชชี่”


               เสียงพี่พูห์ดังแว่วมาพร้อมกับเจ้าตัวที่วิ่งกระหืดกระหอบมาถึง พี่พูห์ยืนกอดอกมองพวกเราอย่างภาคภูมิใจ


               “ไงล่ะ กูเก่งไหมไอ้ริวที่หาสมาชิกใหม่มาเพิ่มได้ถึงสามคน”


               ผมควรดีใจไหมครับที่ได้เข้ามาในชมรมนี้ที่มีสมาชิกรุ่นใหม่ถึงสามคน ในขณะที่ชมรมเทควันโดที่ไอ้มะตูมเริ่ม

ไปวันนี้เหมือนกันกำลังส่งเสียงดังเมื่อพวกนั้นเริ่มซ้อมกันแล้วด้วยสถานที่ที่ดูจะคับแคบไปเลยเมื่อต้องจุคนจำนวนมาก พี่

ริวกวาดสายตามองพวกเราทีละคนก่อนจะมาหยุดที่หน้าผม


               “ก็ดี”


               “ฮ่าๆ เออขอบใจที่ชมกูโว้ย”


               นี่คือชมแล้ว?


               หน้าไอ้พี่ริวไม่เห็นจะเปลี่ยนแปลงสักนิดเมื่อเอ่ยคำพูดออกมาถึงสองพยางค์ถ้วนๆ


               “เอ้า แล้วจะนั่งให้รากแก้วงอกกันหรือไง ลุกๆ เข้าไปในชมรมเร็วเข้า”


               พี่พูห์กวักมือเรียกให้พวกเราลุกแล้วเดินตามเขาเข้าไปในชมรมที่วันนี้เปิดไฟสว่างกว่าวันแรกที่ผมก้าวเข้ามา

ผมมองอุปกรณ์เหล่านั้นอย่างแปลกตาเพราะไม่เคยรู้จัก ส่วนใหญ่ผมก็เล่นกีฬาที่เขาฮิตกันอย่างฟุตบอลหรือบาส นี่เป็น

ครั้งแรกที่ผมรู้จักกีฬาที่ชื่อว่าดาบสากล

               แผ่นกระดานปูด้วยโลหะยกสูงกว่าพื้นกว้างเกือบสองเมตรยาวราวๆสิบกว่าเมตรตั้งอยู่กลางห้องโถง ด้านข้างมี

ตู้ไม้เก่าๆที่ด้านในมีหน้ากากรูปทรงแปลกตาและดาบโลหะแขวนเรียงรายอยู่ภายใน อีกด้านหนึ่งมีหุ่นที่ทำจากยาง

รถยนต์ตั้งอยู่ให้ผมสงสัยว่ามันมีไว้เพื่ออะไร

                เสียงเฮฮาดังแว่วมาจากด้านนอกก่อนที่จะมาใครอีกกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาภายในชมรมราวห้าถึงหกคน ทุกคนดู

ตื่นเต้นเมื่อเห็นสมาชิกใหม่อย่างพวกเรา


               “ว้าว พี่พูห์ นี่ไปต้อนมาได้ตั้งสามคนเลยหรือนี่”


               พี่ผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยชมจนพี่พูห์หน้าบาน


               “เออกูเก่ง ไม่ต้องชมมาก ไอ้พวกเด็กใหม่ถึงเวลามาคำนับศิษย์พี่กันแล้ว”


               พี่พูห์แนะนำพวกเราทีละคนก่อนที่เขาจะแนะนำรุ่นพี่ในชมรม


               “รู้จักพี่กับไอ้ริวแล้วใช่ไหม ไอ้ริวคือประธานส่วนพี่เป็นรองนะพวกพี่อยู่ปีสี่ นี่ไอ้คิม ไอ้หวาน ไอ้ดิวอยู่ปีสาม ที่

เหลือคือไอ้แมวกับไอ้กิ่งอยู่ปีสอง ทั้งชมรมมีอยู่เท่านี้แหละแต่เห็นมีคนน้อยๆอย่างนี้เวลาแข่งกีฬามหาวิทยาลับได้

เหรียญตลอดนะโว้ย”


               ทั้งชมรมมีแค่นี้!


               รวมพวกผมอีกสามก็เป็นสิบคน อบอุ่นดีเนอะ ผมประชดฮะ


               “พี่ครับ แต่ผมไม่รู้จักไอ้ดาบอะไรนี่เลยนะจะเล่นได้เหรอ”


               ผมตั้งคำถามใส่พวกพี่ๆ พี่หวานหันมายิ้มให้และเอ่ยปากออกมา


               “น้องมันไม่รู้จักท่านประธานกับท่านรองก็ช่วยสาธิตให้น้องมันดูหน่อยสิว่าดาบสากลคืออะไร”


               “ว่าไงไอ้ริว เอากันสักเกมไหมล่ะ”


               พี่พูห์หันไปยักคิ้วท้าทาย พี่ริวที่ถูกท้ายังตีหน้ามึนใส่เพื่อน


               “แล้วแต่มึง อยากเอาก็เอา”


               “ใครแพ้เลี้ยงลาบขมประตูท่าแพ”


               มุมปากกดยิ้มลงไปจนผมหมั่นไส้เมื่อได้ยินพี่พูห์ท้า ไอ้พี่ริวก้าวไปที่ตู้เก็บอุปกรณ์แล้วคว้าชุดสีขาวที่กลาย

เป็นสีตุ่นมาใส่ ด้านในมีเกราะอ่อนสวมอยู่และด้านนอกเป็นเสื้อไฟฟ้า เมื่อแต่งตัวเสร็จนักกีฬาทั้งคู่ก็ใส่ถุงมือและหน้ากาก

ก่อนจะก้าวไปยืนบนแผ่นกระดานที่พี่กิ่งพี่ผู้หญิงอีกคนบอกพวกเราว่าดาบสากลต้องแข่งกันบนที่แคบๆที่เรียกว่า “ปรีสท์”


               เบลล่าส่งเสียงกรี๊ดดังลั่นเมื่อพี่ริวก้าวไปยืนฝั่งหนึ่งของปรีสท์ ผมเองยังอึ้งเมื่อเห็นร่างสูงของเขายืนสง่าผิดตา

อยู่ในชุดฟันดาบ พี่พูห์ยืนอยู่อีกฝั่งและมีพี่คิมเป็นกรรมการ


               “ทำความเคารพ”


               พี่คิมขานเสียงดัง นักกีฬายกดาบที่มีโกร่งดาบโค้งปิดมือขึ้นมาแตะปลายดาบเข้ากับหน้ากากก่อนจะสะบัด

แขนลงดังควับต่อหน้ากรรมการและทำเช่นนี้อีกครั้งให้กับคู่ต่อสู้ หัวใจของผมเต้นเร็วขึ้นด้วยความตื่นเต้น


               “อังการ์ด”


               พี่คิมพูดศัพท์แปลกๆที่ผมไม่เคยได้ยิน และเมื่อพูดจบทั้งพี่ริวและพี่พูห์ก็ย่อขาลงและใช้ปลายดาบชี้คู่ต่อสู้


               “อัลเล่”


               ตึง ตึง ตึง โครม


               อะไรกันวะ!


               ระ เร็ว!


               ผมกับปิ๊กอ้าปากค้างท่ามกลางเสียงเชียร์ของสมาชิกรวมถึงเบลล่าที่กรี๊ดคอแตก ภาพที่เห็นและดำเนินต่อ

เนื่องทำให้หัวใจของผมเต้นตึกตักไปหมด

               เสียงโลหะกระทบกันดังเคร้งสองถึงสามครั้ง ฝ่ายหนึ่งบุกฝ่ายหนึ่งถอยรับโดยมีพี่คิมคอยสั่งให้หยุดและสั่งให้

เริ่มแข่งต่อ แม้ว่าผมจะยังนับคะแนนไม่เป็นแต่ท่วงท่าสง่างามยามทะยานเข้าใช้เรียวดาบต่อสู้นั้นทำให้ผมอดชื่นชมไม่ได้

ภาพนักดาบในภาพยนตร์ฉายไปมาในหัวแม้ว่าของจริงจะไม่ได้โอเว่อร์อย่างในหนังก็ตาม


               “สต็อป เกมนะ พี่ริวชนะพี่พูห์สิบห้าต่อสิบเอ็ด”


               “ห่าเอ๊ย เมื่อไหร่กูจะชนะมึงเนี่ยไอ้เหี้ยริว”


               พี่พูห์ทิ้งตัวไปนั่งเหยียดขาอย่างหงุดหงิดพร้อมกันกับที่พี่ริวถอดหน้ากากออก


               ไอ้ว่าน มึงจะตื่นเต้นทำไม


               ผมด่าตัวเองขณะที่จ้องมองใบหน้าคมเต็มไปด้วยเหงื่อจนเส้นผมที่ปรกหน้าเปียกชื้น และผมก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อ

พี่ริวเหลือบแลมาทางผม


               “รู้หรือยังว่าฟันดาบคืออะไร”
               



               พี่กิ่งอธิบายให้ผมฟังทีหลังว่าดาบสากลมีอยู่สามชนิดคือ ฟอยล์ เอเป้และเซเบอร์ ที่พี่ริวกับพี่พูห์แข่งกันคือ

เซเบอร์ที่เน้นการใช้ใบดาบฟันคู่ต่อสู้เพื่อให้ได้คะแนนซึ่งถือว่าเป็นประเภทที่ใช้แรงและถึกที่สุด ส่วนอีกสองประเภทเน้น

ใช้ปลายสุดของดาบแทงร่างกายของคู่ต่อสู้จะใช้แรงน้อยกว่า เอเป้มีกติกาน้อยกว่าคือแทงได้ตั้งแต่หัวจรดเท้าใครแทง

ได้ก่อนก็ได้แต้มไป กติกาหยุมหยิมที่สุดก็คือฟอยล์ที่ต้องมีการใช้สิทธิ์เข้าทำคะแนนมาตัดสินแต้มด้วย


               “แล้วอย่างผมต้องเล่นอะไรล่ะครับพี่กิ่ง”


               “ไม่รู้ดิ เด็กใหม่ต้องรอให้พี่ริวกับพี่พูห์สอบสมรรถภาพก่อน”


               สอบสมรรถภาพ


               นี่คืออะไร


               เพิ่งจะหายปวดขาจากรับน้องขึ้นดอยแต่กลับถูกสั่งให้วิ่งรอบอาคารสามรอบ พวกเราเด็กใหม่ทั้งสามยืนหอบ

แข่งกันเมื่อเรามายืนซี่โครงบานหน้าชมรม


               ไอ้พี่ริวหน้ามึนก้าวเข้ามามองพวกเราทีละคนแล้วออกคำสั่ง


               “กางขา แล้วย่อตัวลงไป”


               เคยดูหนังกังฟูกันไหมครับ นั่นแหละผมในตอนนี้เลย

               ผมยืนกางขาแล้วย่อตัวลงแอ่นอกหลังตึงจนปวดต้นขาไปหมด


                “ว่าน ผมว่าผมไม่ไหวแล้วว่ะ”


               ปิ๊กเด็กอีค่อนเกร็งขาจนปากสั่นแล้วครับตอนนี้ ส่วนเบลล่าร่วงลงไปนั่งพับเพียบเรียบร้อยไปแล้วครับ”


               “เออ กูก็ปวดขาชิบหาย”


               คำสุภาพไม่มีแล้วครับ ตอนนี้เกร็งขาจนปวดมาถึงคอหอย


               “เลิกเลยดีไหมวะปิ๊ก”


               “เขาจะฆ่าเราไหมละครับ รังสีอำมหิตมากเลยตอนนี้”


               ผมหันไปมองร่างสูง สะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นสายตาเอาจริงคู่นั้นที่กำลังก้าวตรงมาหา กลืนน้ำลายลงคอเหนียว

หนับเมื่อพี่ริวโน้มตัวแล้วใช้มือของเขาลูบเบาๆนำหน้าก่อนจะขยำกล้ามเนื้อต้นขาของผม เสียงเรียบดังอยู่ใกล้หูจนผม

ขนลุก


               “ต้นขาน่ะออกกำลังเยอะๆ มันจะได้มีแรงเวลาเข้าฟันคู่ต่อสู้ หรือจะให้พี่สอนน้องว่าทำยังไงกล้ามเนื้อต้นขา

มันถึงจะแข็งแรง หือ ไอ้หน้าอ่อน”


               ไอ้พี่ริว ไอ้ลายสือ ไอ้หน้าดุ

               ปล่อยกูก่อนที่จะขนลุกไปมากกว่านี้นะโว้ย!



                                              TBC


โปรดสมมติว่าคนแต่งชื่อเบลล่า :katai3: :katai3:

กลับมาแล้วค่า หลังจากนี้จะทยอยแต่งนิยายที่ค้างอยู่แล้วนะคะ

ติดตามเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะ

ดีบ้างไม่ดีบ้างก็ช่วยเม้นท์ติชมให้คนแต่งด้วยเถอะ

อย่าลืมตอบโพลด้านบนด้วยน้า        o18 o18 o18          

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่3# พี่ริวก็เก่งแหละแต่โหดมากกว่า [8/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 08-10-2015 01:05:37
พี่ริวแกแอบแต๊ะอั่งป่าวเนี่ย
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่3# พี่ริวก็เก่งแหละแต่โหดมากกว่า [8/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 08-10-2015 01:19:39
 o13
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่3# พี่ริวก็เก่งแหละแต่โหดมากกว่า [8/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 08-10-2015 01:31:41
พี่ริวลูบขาน้องนี่แอบลวนลามน้องรึเปล่า :katai5:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่3# พี่ริวก็เก่งแหละแต่โหดมากกว่า [8/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 08-10-2015 06:10:24
จับขาน้องว่านเพลินเลยนะคะพี่ริว :hao7:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่3# พี่ริวก็เก่งแหละแต่โหดมากกว่า [8/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 08-10-2015 06:25:06
ฉากพี่ริวบีบต้นขาน้องนี่น่าจิ้นเป็นที่สุด

ลาบขมประตูท่าแพ  แถบประตูท่าแพยังมีอะไรที่เป็นพื้นเมืองเหลืออยู่เหรอ?  เจอแต่สตาร์บั๊ก  แมค   อาการพื้นเมืองแบบนี้เดี๋ยวนี้ออกไปทางเส้นสันทรายโน่นแหละค่ะ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่3# พี่ริวก็เก่งแหละแต่โหดมากกว่า [8/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 08-10-2015 06:32:21
ถถถถ  วันแรกก็โดนจับขาอ่อนแระ วันต่อไปจะโดนน๊าาาา
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่3# พี่ริวก็เก่งแหละแต่โหดมากกว่า [8/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 08-10-2015 06:35:11
พี่ริวก็ออกจะหล่อ แต่ทำไมชมรมถึงได้เงียบเหงาล่ะคะ :z1:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่3# พี่ริวก็เก่งแหละแต่โหดมากกว่า [8/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Nanook ที่ 08-10-2015 06:41:11
พี่ริวแกล้งน้องงงง
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่3# พี่ริวก็เก่งแหละแต่โหดมากกว่า [8/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 08-10-2015 10:13:39
พี่ริวอย่าโหดกับน้องมากสิคะ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่3# พี่ริวก็เก่งแหละแต่โหดมากกว่า [8/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Malila ที่ 08-10-2015 11:06:01
คริ   ทำไรง่ะพี่ริว :hao7:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่3# พี่ริวก็เก่งแหละแต่โหดมากกว่า [8/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 08-10-2015 11:20:00
หวัง...ฟัน จริงๆด้วยสินะ  :-[ 
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่3# พี่ริวก็เก่งแหละแต่โหดมากกว่า [8/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 08-10-2015 11:29:17
ติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่3# พี่ริวก็เก่งแหละแต่โหดมากกว่า [8/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 08-10-2015 11:48:06
สอนก็ดีนะพี่ริว อยากรู้ ฮา
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่3# พี่ริวก็เก่งแหละแต่โหดมากกว่า [8/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 08-10-2015 12:56:47
แอร๊ยยยย น่าติดตาม
อ่านไปนี่สงสัยเบลล่าจากคณะพยาบาลนี่คนเขียนรึเปล่า พออ่านจบเจอตรงทอล์คนี่ใช่เลย 555+

รออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่3# พี่ริวก็เก่งแหละแต่โหดมากกว่า [8/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 08-10-2015 22:32:42
วันแรกก็โดนลวนลามซะแล้วๆๆ. จะรอดมั้ยนะ???
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่3# พี่ริวก็เก่งแหละแต่โหดมากกว่า [8/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 08-10-2015 23:37:07
ชอบ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่3# พี่ริวก็เก่งแหละแต่โหดมากกว่า [8/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 09-10-2015 00:19:56
สอนวิธีฝึกกล้ามเนื้อหน่อยสิพี่ :hao7:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่3# พี่ริวก็เก่งแหละแต่โหดมากกว่า [8/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 09-10-2015 10:04:44
กล้ามเนื้อต้นขาพี่ริวต้องแข็งแรงมากแน่เลย -.,-
สอนน้องเลยๆ 5555
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่3# พี่ริวก็เก่งแหละแต่โหดมากกว่า [8/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 09-10-2015 21:50:23
ว่านฝึกกล้ามเนื้อต้นขาเยอะ อิอิ  :hao3:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่3# พี่ริวก็เก่งแหละแต่โหดมากกว่า [8/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 10-10-2015 00:07:02
นานๆทีจะได้เจอ

นิยายที่เกี่ยวกับบ้านเกิดตัวเอง

ก็เลยพลอยให้ชอบให้ติดตามไปด้วย

มาเป็นกำลังใจให้จ้า ชอบๆพี่ริว
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่3# พี่ริวก็เก่งแหละแต่โหดมากกว่า [8/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 10-10-2015 08:09:41
สนุกดีค่ะ มารอดูปู่กะหลานว่าจะพัฒนาความสัมพันธ์ไปถึงไหน 5555
หัวข้อ: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่4#โหด หยิ่ง ปากก็ชิงหมาเกิดนะพี่ริว[19/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 19-10-2015 02:21:59


                                              พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน

                                                        บทที่ 4
 
                                    โหด หยิ่ง ปากก็ชิงหมาเกิดนะพี่ริว



               เหี้ยเอ๊ยยย ปวดต้นขา

               ผมกลับมานอนครางหงิงๆอยู่ในหอพัก ยิ่งอยู่ถึงชั้นสี่ผมก็แทบจะตะกายขึ้นไปนอน ไอ้มะตูมอาบน้ำใส่บ๊อก

เซอร์กับเสื้อกล้ามนอนกระดิกตีนเล่นเกมอยู่ส่วนรูมเมทอีกคนชื่อคิงเรียนเกษตรยังไม่กลับเข้ามา

               เด็กปีหนึ่งทุกคนต้องอาศัยอยู่ในมหาวิทยาลัยครับ ห้องหนึ่งก็อยู่กันสามคน ห้องเราก็มีผม ไอ้มะตูมที่มาจาก

โรงเรียนเดียวกัน ส่วนคิงนี่เป็นเด็กกรุงเทพเพิ่งมารู้จักกันที่นี่แหละแต่เราก็เริ่มจะสนิทกันบ้างแล้ว ไอ้มะตูมเหลือบตามอง

เมื่อตอนที่เห็นผมเดินขาถ่างกลับเข้ามา


               “เดินซะตุ๊ดถูกเปิดซิงเลยเหี้ยว่าน ทำไรมาวะ”


               “ตุ๊ดพ่องดิเหี้ยมะตูม อย่าเพิ่งปากหมากูยิ่งปวดขาอยู่”


                ผมคว้าผ้าเช็ดตัวและอุปกรณ์อาบน้ำไปอาบที่ห้องน้ำรวมจนสดชื่นแล้วจึงกลับมาเล่าให้ไอ้มะตูมฟัง มันนั่งอ้า

ปากหวอเมื่อฟังผมเล่าจนจบ


               “ฮะ ประธานชมรมคือพี่ริว โหแม่งพรหมลิขิตชัดๆ”


               ผมยกมือผลักหัวไอ้มะตูมอย่างหมั่นไส้ พรหมลิขิตเหี้ยไรวะ


               “มึงไม่ชอบก็ไม่ต้องไปดิ ไม่เห็นยาก”


               “ยาก”


               ผมทำท่าขนพองสยองเกล้าเมื่อนึกถึงตอนที่พี่ริวบอกให้พวกเราเลิกยืนท่ากังฟูแพนด้า ไอ้ปิ๊กอีค่อนถึงกับขา

สั่นพั่บๆ


               “พรุ่งนี้พี่หวังว่าจะเห็นทุกคนนะครับ”


               ไอ้พี่ริวฉีกยิ้มขณะที่กวาดตาดุตรงข้ามกับรอยยิ้มมองพวกเราเด็กใหม่


               “หากพี่เห็นไม่ครบทั้งสามคนล่ะก็ คงพอเดาได้ว่าพี่มีมาตรการติดตามตัวยังไงบ้าง โดยเฉพาะน้องว่าน”


               มือหนาๆตบหนักๆมาที่ไหล่ของผมจนแทบทรุด น้ำลายเหนียวคอเลยทีเดียวเมื่อสบตากับไอ้พี่ริวแสนโหด


               “ถ้าน้องว่านไม่มาพี่มีมาตรการเด็ดขาดสำหรับน้องแน่นอน”


               เหี้ย...มโหดมาก


               ผมส่ายหน้าขับไล่ความทรงจำอันแสนเลวร้าย หันเหความสนใจไปฟังไอ้มะตูมที่เล่าถึงชมรมเทควันโดของ

มันว่ารุ่นใหม่ส่วนใหญ่เป็นสาวๆเพราะเกือบจะทุกคนเป็นแฟนคลับของพี่เมฆประธานชมรมที่หน้าตาดีแถมยังอัธยาศัยดี

อีกด้วย ไอ้มะตูมมันเจ็บใจที่น้องลูกแพร์ของมันก็ไปกรี๊ดกร๊าดพี่เมฆด้วย


               “ก็แค่หล่อ แค่ยิ้มเก่ง แค่ได้สายดำเทควันโด แล้วไงวะ กุด้อยกว่าตรงไหนลูกแพร์ถึงไม่ชายตาแลกูสักนิด”


               “ทุกตรงที่มึงพูดมาเลยว่ะ”


               “เหี้ยว่าน ทำร้ายจิตใจกูเกินไปแล้ว”


               มันยังคร่ำครวญไม่เลิกครับ ผมปล่อยให้มันพร่ำรำพันไปคนเดียวเมื่อล้มตัวลงไปนอนแผ่อยู่บนเตียงของผม

พลางหลับตาลงด้วยความเหนื่อย


               แม่งงงง

               ตามมากวนใจแม้กระทั่งจะนอน

               ไอ้กระสือ เอ๊ย ลายสือ

               ขณะหลับตาลงแล้วใบหน้าโฉดและโหดยังตามมาหลอกหลอนอยู่ในความมืดของเปลือกตา


               “มึงเป็นเหี้ยไรวะว่าน” ผมด่าตัวเองในใจ


               “เลิกคิดถึงหน้าไอ้โหดนั่น แล้วนอนซะให้หลับ”


               ผมข่มตาลงและบังคับตัวเองให้หลับอย่างยากเย็น





               ผมมาชมรมตอนเย็นจนได้ เบลล่ามาคนแรกคุณเธอนั่งอ่านนิยายอยู่ที่โต๊ะใต้ต้นไม้ ปิ๊กตามผมมาไม่นานนัก

พวกเราจึงไปนั่งอยู่กับเบลล่า


               “ถามจริงเหอะ ทำไมเธอถึงปลื้มไอ้พี่ริวนักล่ะ เราเห็นผู้หญิงคนอื่นๆเขาแห่กันไปชอบพี่เมฆเทควันโดนี่นา”


               “พี่เมฆอะเหรอ ก็หล่อดีนะแต่ไม่ใช่สเป็คเรานี่ดิ เราเองก็ลำบากใจอยู่ที่ต้องเลือก”


               ต่อมมโนของเบลล่าทำงานหนักอีกแล้ว


               “แต่เราน่ะชอบผู้ชายเย็นชา โหด ดิบ เถื่อนแนวพิศาลรู้จักกันหรือเปล่า พี่เมฆน่ะหล่อเนี้ยบใจดีเราไม่พร้อม

สำหรับพี่เมฆจริงๆ”


               “โหดดิบถื่อนมากเลยหรือครับ พี่ริวเนี่ย”


               ปิ๊กถามตรงกับใจของผม เบลล่าที่เป็นรุ่นน้องโรงเรียนมัธยมของพี่ริวพยักหน้าหงึกๆ


               “ตอนที่เราเข้ามอหนึ่งพี่ริวก็อยู่มอสี่ มีแววรุ่งตั้งแต่ตอนนั้นแล้วล่ะ แข่งกับพี่เมฆกันมาเลยนะเรื่องความป๊อบ”


               ความรู้ใหม่ พี่ริวกับพี่เมฆเรียนโรงเรียนเดียวกันมาก่อนด้วย


               “แต่พี่ริวน่ะทั้งหยิ่งทั้งโหดเลย ไม่เคยสนใจใครสักคนเล่นแต่กีฬา เคยมีเพื่อนเรานี่แหละเอาช็อกโกแลตไปให้

วันวาเลนไทน์ รู้ไหมว่าผลเป็นไง”


               หูผึ่งเลยครับ อยากรู้ผลของคนกล้าหาญคนนั้น


               “พี่ริวด่าเลยจ้า น้องครับนี่มันวัยเรียน มันใช่เวลาเอาเงินพ่อแม่ไปซื้อของราคาแพงมาให้ผู้ชายไหม ถ้าพี่รับ

ของจากน้องแล้วน้องจะเป็นไง จั๊กกะแร้จะขาวขึ้นสองเฉดสีหรือเปล่า”


               ฮึก ไอ้โหด


               ผมนึกหน้าเพื่อนเบลล่าออกเลย


               “เพื่อนเรานะร้องไห้เพราะความอับอายไปหลายวันเชียว หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็ไม่ค่อยมีใครกล้าเข้าใกล้พี่ริว

หรอกแม้ว่าพี่ริวจะหล่อก็เหอะ พี่เมฆเลยได้ตำแหน่งหนุ่มป๊อบประจำโรงเรียนไปแทน”


               “จะคุยกันอีกนานไหม”


               “อีกแป๊บนึง อุ๊ยตายหอยลายผัดพริก พี่ริว!”


               เฮือกกันยกวงสิครับเมื่อต้นเรื่องแห่งการสุมหัวโผล่มาแบบไม่ทันตั้งตัว พวกเราลุกพรวดพราดกันมายืนทำ

หน้าเจี๋ยมเจี้ยมสู้กับตาดุของพี่ริว


               “การไม่ยุ่งเรื่องคนอื่นเป็นยาอายุวัฒนะ”


               เสียงเรียบระดับโมโนโทนแต่พวกเราเสียวสันหลังวาบๆ พี่ริวมองพวกเราทีละคนก่อนจะบอกให้พวกเราไปวิ่ง

วอร์ม วินาทีนี้ความสามัคคีจึงเกิดขึ้นเมื่อเฟรชชี่สามคนวิ่งตับแลบพร้อมกันทันที

               วิ่งจนเหงื่อซกเมื่อกลับมาถึงชมรม พี่ๆที่เริ่มมากันแล้วก็หยิบดาบประจำตัวขึ้นมาซ้อม ชมรมดาบสากลมีรุ่นพี่ผู้

หญิงอยู่แค่สองคนคือพี่หวานกับพี่กิ่งที่เหลือผู้ชายหมด ตอนนี้พี่ริวกำลังซ้อมอยู่กับหุ่นที่ผลิตจากยางนอกรถยนต์


                “งบมันน้อยโว้ยเรามันชมรมเล็กๆ แต่อุปกรณ์เสือกแพงชิบหาย อะไรผลิตกันเองได้ก็ต้องทำ”


               พี่พูห์บอกอย่างนั้นเมื่อเห็นเด็กใหม่มองอย่างแปลกใจ


               ผมหันไปมองพี่ริว ท่วงท่าการเดินแล้วใช้ดาบเข้าฟันหุ่นยางรถยนต์(ที่พี่พูห์เรียกชื่อว่าคุณสมศักดิ์)ดูสวยงาม

และสง่าเหลือเกิน มองเพลินจนสะดุ้งเมื่อพี่ริวหันขวับมาหา เขาเดินตรงเข้ามาหาพวกเราน้องใหม่แล้วมองหน้าทีละคน


               “วันนี้พี่จะให้แต่ละคนเริ่มฝึกจับดาบตามที่เห็นว่าสมควรกับความสามารถและบุคลิกนะ”


               ตื่นเต้นอยู่เหมือนกันนะว่าจะได้เล่นดาบอะไร เซเบอร์อย่างพี่ริวได้หรือเปล่า


               “ปิ๊ก เล่นฟอยล์นะให้หวานกับแมวช่วยสอน”


               “เบลล่าเล่นเอเป้เดี๋ยวให้กิ่งสอนให้”


               “ส่วนไอ้เอ่อ...ว่านเล่นดาบเอเป้แต่ไอ้ดิวช่วงนี้เรียนหนักมาบ่อยไม่ได้เพราะงั้น...”


               ผมยืนตัวแข็งเกร็งไปหมดทั้งตัวเมื่อพี่ริวเดินตรงเข้ามา เขาก้มหน้าลงแล้วพูดกับผมเบาๆ


               “กูจะเป็นคนสอนมึงเองไอ้หลานรหัส”
               





               “ทำไมผมไม่ได้เล่นเซเบอร์”


               ผมถามพี่ริวเมื่อเขายื่นดาบเหล็กที่มีโกร่งทรงวงกลมมาให้ผม น้ำหนักของดาบหนักอยู่เหมือนกัน


               “มึงเตี้ยไป”


               ผมนี่นะเตี้ย ร้อยเจ็ดสิบเจ็ดเซ็นติเมตรมาตรฐานชายไทยนะครัช แต่พอไปยืนเทียบกับพวกพี่ริวพี่พูห์พี่คิมที่

เล่นเซเบอร์ก็ดูเตี้ยจริงๆแหละ พวกนี้สูงกว่าผมเป็นคืบ


               “ต้นขามึงก็อ่อนแอ”


               อันนี้กูขอเถียงหน่อยเหอะ


               “พี่ริวรู้ได้ไงว่าต้นขาของผมอ่อนแอ ดูถูกกันเกินไป๊”


               แวบหนึ่งที่ผมเห็นแววตามึนๆกระจ่างแสงมาวูบหนึ่ง วูบเดียวจริงๆ แล้วมันก็หายไปอย่างรวดเร็ว


               “แค่จับเมื่อวานกูก็รู้แล้วว่ามึงไม่ค่อยได้ใช้งานกล้ามเนื้อต้นขา”


               เหี้ยพี่ริว


               แล้วทำไมหน้าของผมมันถึงวูบวาบแบบนี้วะ


               “แล้วพี่ริวเล่นเอเป้เป็นเหรอ ก็เห็นเล่นเซเบอร์”


               คราวนี้เขามองผมอย่างรำคาญเต็มสองตาเลยครับ


               “กูเล่นเป็นหมดแหละ ดาบไทยกูก็เป็น”


               คร้าบพ่อคร้าบ กูเข้าใจแล้วไม่ต้องดุ


               พิ่ริวจับดาบเอเป้มาอันหนึ่งแล้วลากผมไปหาคุณสมศักดิ์(หุ่นยางรถ) แล้วเริ่มสอนผม


               “ขาข้างถนัดอยู่ด้านหน้าปลายเท้าตรงย่อเข่ามุมหกสิบองศา  ขาอีกข้างอยู่หลังปลายเท้าอยู่ในมุมตั้งฉากกับ

เท้าหน้า ย่อตัวหลังตรง แขนข้างถนัดจับดับใช้นิ้วเป็นจุดหมุน เอเป้จะเน้นกันใช้นิ้วบังคับทิศทางแขนขนานกับพื้น ส่วน

อีกข้างยกสูงลอยหันข้างให้กับคู่ต่อสู้เพื่อลดปริมาณเป้าหมาย”


               พิ่ริวอธิบายท่าเริ่มต้นให้ผม ซึ่งผมก็ทำตามอย่างเก้ๆกังๆ


               “ดาบเอเป้เป็นดาบที่ใช้แทงไม่ใด้ฟันเหมือนเซเบอร์ ที่ปลายดาบจะมีไฟฟ้าเวลาแข่งจริง ถ้าดาบแทงคู่ต่อสู้

ได้ในน้ำหนักที่ไฟฟ้าทำงานก็จะได้คะแนน ใครแทงได้ก่อนได้คะแนนไป เป้าหมายคือได้ทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าหรือ

แม้แต่ซอกนิ้ว เพราะฉะนั้นมึงต้องระวังและตื่นตัวตลอดเวลา”


               “ตอนนี้ที่มึงต้องฝึกคือท่าเดินสเต็ปเบสิค ส้นเท้าหน้ายกแล้วก้าว เท้าหลังยกก้าวตามให้ระยะห่างของเท้าทั้ง

สองกลับมาเท่าเดิม”


               พี่ริวให้ผมเดินเบสิคกลับไปกลับมาอยู่นานจนปวดต้นขา ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงต้องวอร์มท่ากังฟูด้วย

เพราะการแข่งดาบสากลจะต้องย่อขาตลอดเวลา


               “ต่อไปลองจับดาบ เวลาแทงคือใช้ข้อศอกดันออกไป แขนจะต้องเหยียดตรงและดึงกลับมา ลองเดินสเต็ป

เข้าไปหาคุณสมศักดิ์แล้วแทงดูสิ”


               ผมแยกประสาทไม่ออก เท้าต้องเดินสเต็ปเข้าไป แขนก็ต้องเหยียดแทงให้ปลายดาบกระแทกหุ่นซ้อม มันดู

ไม่ลื่นไหลเลยสักนิด


               “แขนมึงไม่ตรงไอ้ว่าน  มึงก้าวสเต็ปเข้าใกล้มากเกินไปแขนมันก็เลยเหยียดแทงได้ไม่เต็มที ลองใหม่อีกยก

สิ”


               ยกของพี่ริวคือยี่สิบครั้ง ผมก็ยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่จนชักจะหงุดหงิดตัวเอง พิ่ริวที่นั่งไขว่ห้างมองลุกขึ้นยืนและ

เดินมาหาผม เข้าก้าวมายืนซ้อนอยู่ด้านหลังพลางใช้ฝ่ามือวางแนบไปกับมือที่จับดาบของผม


               พี่ริวอยู่ใกล้มาก มากจนลมหายใจของเขาเปาเส้นผมของผมอยู่ ไออุ่นประหลาดแทรกซึมเส้นผมเข้ามาจน

ร่างกายของผมร้อนวูบ มือของพี่ริวไม่ได้นุ่มเลยแต่เมื่อสัมผัสอยู่บนหลังมือของผมมันกลับทำให้หัวใจเต้นรัวๆเหมือนไป

วิ่งรับน้องขึ้นดอยมาใหม่ๆ


               “ผมมึงหอมดีนะว่าน ใช้ยาสระผมยี่ห้ออะไรวะ”


               เหี้ย แอบดมผมกูเหรอ


               “ยาสระผมสมุนไพรแถวบ้าน สูตรประคำดีควาย เคยใช้ไหมล่ะพี่ริว”


               เน้นคำว่าควายเต็มๆจนรู้สึกว่าคนข้างหลังหัวเราะเบาๆ


               “เอ้า สเต็ปเดินเข้าไปใหม่ ไม่ต้องกว้างมาก”


               ผมก้าวแล้วแทง มือใหญ่กุมมือผมไว้เกือบมิดเมื่อช่วยบังคับให้ผมเหยียดแขนแล้วแทงเป้า ท่อนแขนแนบชิด

ของเราทำให้ขนแขนแสตนด์อัพไปหมด

               เรานิ่งกันอยู่ในท่านั้นพักหนึ่งก่อนที่พี่ริวจะปล่อยมือของผมออก ความอบอุ่นจากสัมผัสลอยหายไปจนผมนึก

เสียดาย


               “วันนี้พอแค่นี้ก่อน พรุ่งนี้มาฝึกเดินใหม่อีกสิบยก”


               พี่ริวพูดโดยไม่ได้มองหน้าผม เขาเดินกลับเข้าไปในชมรมอย่างรวดเร็ว





               เลิกซ้อมราวๆเกือบสองทุ่ม สมาชิกทุกคนมารวมกันอยู่ริมถนน


               “น้องใหม่ไปกินข้าวกับรุ่นพี่ด้วยนะ ชมรมเรากินข้าวเย็นด้วยกันเกือบทุกวัน”


               พี่พูห์เอ่ยปาก พลางจัดคนให้พอกับพาหนะ


               “ไอ้พวกเฟรชชี่ไม่มีมอไซค์กันใช่ไหม ซ้อนพวกรุ่นพี่ไปกันนะ ไอ้ริวมึงเอาไอ้ว่านน้องคณะมึงไป”


               ไม่นะ


               “มาสิ กูหิวแล้วนะ”


               หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้วตอนที่เดินตามพี่ริวไปที่รถมอเตอร์ไซค์ของเขา และทันทีที่เห็นก็เกือบจะหลุด

หัวเราะออกมา


               ไอ้พี่ริวหน้าโหดชอบกินนมรสสตรอเบอร์รี่ ขี่มอเตอร์ไซค์ฟีโน่

               มันไม่ได้เข้ากับใบหน้าเลยนะพี่ริว

               พี่ริวขึ้นไปนั่งแล้วสตาร์ทรถ เขาหันมามองผมพลางขมวดคิ้วเข้มๆของเขา


               “กูต้องทำหนังสือเรียนเชิญมึงมาซ้อนรถกูไหมไอ้ว่าน”


               ผมแทบจะกระโดดขึ้นซ้อนเลยครับทีนี้ พี่ริวบิดคันเร่งออกไปอย่างรวดเร็วจนผมเกือบจะหงายหลัง


               “เหวอ!”


               “นั่งดีๆสิวะเดี๋ยวก็ร่วงรถหรอก เอามือมานี่”


               เขาหันมาสั่งผม ผมสอดมือไปด้านหน้าอย่างงงๆ พี่ริวจับมือของผมให้เกาะไว้ที่เอวของเขา


               “เกาะไว้จะได้ไม่ร่วง”


               ผมกลั้นหายใจพลางวางมือไปกับเอวของพี่ริว ค่อยๆกระชับมือลงไปจนช่องว่างระหว่างเราลดน้อยลง

               ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมต้องยิ้มด้วยเมื่อมองท้ายทอยของเขาที่อยู่หน้าผม




TBC

               เนื่องจากคนแต่งเล่นเอเป้ ก็เลยฉวยโอกาสให้น้องว่านเล่นเอเป้ตาม :hao3: :hao3:

               

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่4#โหด หยิ่ง ปากก็ชิงหมาเกิดนะพี่ริว[19/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 19-10-2015 02:48:26
น้องว่านหวั่นไหวซะแล้วสิ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่4#โยิ่ง ปากก็ชิงหมาเกิดนะพี่ริว[19/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 19-10-2015 06:28:16
 :o8:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่4#โหด หยิ่ง ปากก็ชิงหมาเกิดนะพี่ริว[19/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 19-10-2015 08:57:41
โอ้ยยยยยย อ่านแล้วเขินนนนนนนน :-[
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่4#โหด หยิ่ง ปากก็ชิงหมาเกิดนะพี่ริว[19/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 19-10-2015 09:16:14
ไม่รู้ว่าเรารู้สึกไปเองรึเปล่านะ
ว่าอิพี่ริวมันเนียนกับน้องอ่ะ o18 o18
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่4#โหด หยิ่ง ปากก็ชิงหมาเกิดนะพี่ริว[19/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 19-10-2015 09:43:57
การไม่ยุ่งเรื่องคนอื่นเป็นยาอายุวัฒนะ :pandalaugh:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่4#โหด หยิ่ง ปากก็ชิงหมาเกิดนะพี่ริว[19/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 19-10-2015 09:48:54
เพราะความใกล้ชิด เลยเกิดอาการหวั่นไหว คึคึ
 :mew3:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่4#โหด หยิ่ง ปากก็ชิงหมาเกิดนะพี่ริว[19/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 19-10-2015 11:49:05
ต่างคนต่างเริ่มใจให้กัน. ว้าว. จีบกัน. รักกันเร็วๆ. อยากฟิน
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่4#โหด หยิ่ง ปากก็ชิงหมาเกิดนะพี่ริว[19/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 19-10-2015 13:16:57
เดี๋ยวๆๆๆ อิพี่ริว มีแอบดมผมน้องว่านด้วยอ่ะ แต่ลุงแก่ๆเอ๊ย :laugh:
ดูไม่ค่อยเป็น แต่คิดว่าเป็นกี่ฬาที่เท่ดีนะคะ แถมต้นขาต้องแข็งแรงมากแน่ๆ นักกีฬาฟันดาบเนี่ย  :m20:
น้องว่านสู้ๆนะ อย่าเพื่งหนีพี่ริวไปซะก่อน ตอนนี้ก็เริ่มจะกุ๊กกิ๊กกันแล้วด้วย :o8:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่4#โหด หยิ่ง ปากก็ชิงหมาเกิดนะพี่ริว[19/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: BlackClover ที่ 19-10-2015 16:19:30
รู้สึกอิพี่ริว แอบเนียนตลอดดด
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่4#โหด หยิ่ง ปากก็ชิงหมาเกิดนะพี่ริว[19/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 19-10-2015 18:54:31
หวั่นไหว ไหวหวั่น ..
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่4#โหด หยิ่ง ปากก็ชิงหมาเกิดนะพี่ริว[19/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 19-10-2015 19:38:28
พี่ริวคิดไรกะน้องว่านป่าว

แปลกๆนะ จีบเลยคนอ่านเชียร์

อยากให้พี่เมฆมาเจอว่านจัง

หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่4#โหด หยิ่ง ปากก็ชิงหมาเกิดนะพี่ริว[19/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 19-10-2015 22:36:48
หวั่นไหว 555
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่4#โหด หยิ่ง ปากก็ชิงหมาเกิดนะพี่ริว[19/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 19-10-2015 23:08:31
แนบชิดจนติดใจเลยใช่ไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่4#โหด หยิ่ง ปากก็ชิงหมาเกิดนะพี่ริว[19/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 20-10-2015 00:05:02
 :-[
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่4#โหด หยิ่ง ปากก็ชิงหมาเกิดนะพี่ริว[19/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 20-10-2015 00:16:48
 :impress2:

แอร้ยยยยย
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่4#โหด หยิ่ง ปากก็ชิงหมาเกิดนะพี่ริว[19/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 20-10-2015 00:34:14
อยากฟันดาบเลย 55
หัวข้อ: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่5# อยู่ใกล้พี่ริวทำไมใจชอบสั่น [30/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 30-10-2015 00:04:13


                                                          พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน

                                                                    บทที่ 5

                                                        อยู่ใกล้พี่ริวทำไมใจชอบสั่น


               พวกพี่ๆพาพวกเราน้องใหม่ไปกินข้าวกันที่ร้านลาบเจ้าประจำ ทันทีที่พวกเราเข้ามาในร้านเล็กๆข้างทาง

เจ้าของร้านก็ส่งเสียงทักทายเซ็งแซ่โดยเฉพาะกับพี่ริวและพี่พูห์ แทบจะไม่ต้องสั่งอาหารเมื่อเจ้าของร้านทำเมนูประจำที่

พวกพี่ๆกินกันมาเสิร์ฟด้วยเวลาไม่นานนัก

               ผมกลืนน้ำลายลงคอเมื่อเห็นหน้าตาของอาหาร สีสันจัดจ้านจนแสบรูตูดตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มกิน ผมมันพวก

ใจเสาะครับกินเผ็ดได้ไม่มากเท่าไหร่แต่ผมก็ไม่อยากประท้วงใดๆเพราะไม่อยากจะทำตัวให้คนอื่นลำบากไปด้วย

               พี่ริวขี่รถชมวิวจนมาถึงทีหลัง เลยเป็นความจำเป็นที่ผมจะต้องนั่งติดกับเขาอยู่ตรงท้ายโต๊ะ เขาหันมามองหน้า

ผมเมื่อเห็นผมยังจดๆจ้องๆเลือกตักอาหารไม่ได้สักจาน


               “อร่อยทุกจานโว๊ย จะแดกอะไรมึงก็ตักๆเอาสิวะ นั่งมองเป็นรจนาเลือกคู่เลยนะมึง”


               ผมทำปากขมุบขมิบด่าคืนพลางตวัดสายตาใส่ มองไปที่ลาบเป็ดที่น่าจะเผ็ดน้อยที่สุดแล้วจึงได้ตักมันมาใส่

จานและควักข้าวเหนียวจากกระติ๊บน้อยเข้าปากพร้อมกับลาบเป็ด


               “แค่กๆ”


               เรียบร้อยสิครับ ความเผ็ดวิ่งเข้าไปในลำคจนสำลักหน้าแดงราวกับจะขาดใจ พี่ริวเหลือบตามองมาแวบหนึ่ง

ก่อนจะส่งแก้วน้ำเย็นมาให้ผม


               “เดี๋ยวก็ขาดใจตายห่ากลายเป็นผีร้านลาบหรอกมึง แดกน้ำตามไปเร็วๆ”


               เขาดุเบาๆ ผมได้แต่รับแก้วน้ำมาแล้วยกดื่มขับไล่ความเผ็ด ทุกคนดูจะไม่สนใจคนท้ายโต๊ะอย่างผมกับพี่ริว

เลยสักนิดเมื่อตอนนี้ความสนใจพุ่งไปที่พี่พูห์ ที่กลายเป็นศูนย์กลางของบทสนทนา


               “มีอะไรที่มึงแดกได้บ้างเนี่ย”


               น้ำเสียงเรียบเช่นเคย ไม่รู้ว่าไอ้พี่ริวมันถามจริงหรือประชด ผมหน้าบึ้งพลางตักต้มแซบขึ้นมา


               “กินได้เหมือนคนกินล่ะน่า ไม่ได้กินอะไรพิสดารหรอก”


               น้ำต้มแซบแตะลิ้น ความร้อนแรงของมันทำให้เหงื่อกาฬแตกพลั่ก ผมนั่งหน้าแดงปากแดงจนไอ้พี่ริวจ้องหน้า

ผมเลยล่ะทีนี้

               ตัวสูงๆลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหาเจ้าของร้าน ผมเหลือบตามองเห็นพี่ริวพูดอะไรกับพี่เจ้าของอยู่พักหนึ่งและเมื่อ

เดินกลับมาก็มีจานใส่เนื้อย่างติดมือมาด้วย เขาวางจานลงตรงหน้าผม


                “แดกซะ”


               สั้นๆ แค่นั้น?


               พี่ริวเดินไปหาเมนูที่ผมกินได้มาให้ทั้งที่ผมยังไม่ได้ร้องขออะไรสักนิด แต่เขากลับรู้ว่าผมต้องการอะไร ผมเม้ม

ปากเงยหน้าขึ้นมองเสี้ยวหน้าด้านข้างที่กำลังตักลาบเป็ดที่ผมกินไม่ได้เข้าปากแบบสบายๆ ทั้งที่เขาไม่ได้มองมาทางผม

สักนิดแต่กระแสความอบอุ่นกลับล้อมอยู่รอบตัวและลอยมาหาผมจนเผลออมยิ้ม


               “ขอบคุณ”


               สั้นๆ เท่ากัน


               ก่อนที่ผมจะใช้ส้อมจิ้มเนื้อย่างเข้าปากตามด้วยปั้นข้าวเหนียวตามเข้าไป เนื้อย่างออกรสขมแต่ทำไมผมกลับ

รู้สึกว่ามาเจือรสหวานได้ก็ไม่รู้สินะ

               เราทั้งคู่นั่งกินกันอย่างเงียบๆท่ามกลางเสียงจอแจของวงสนทนา แปลกที่ผมกลับรู้สึกดีกับความเงียบนั้น ไอ

อุ่นร้อนจากร่างกายผู้ชายตัวโตแผ่ออกมาจนรู้สึกได้ และผมกำลังซึมซับมันช้าๆจนกระทั่งอาหารมื้อค่ำมื้อแรกที่ผมได้กิน

ร่วมกับชมรมจบลง

               ผมเดินตามไปซ้อนท้ายฟีโน่ พี่ริวแค่มองหน้าโดยไม่ต้องพูดผมก็รีบกระโจนขึ้นนั่ง เขาบิดรถไปตามถนนจน

กระทั่งถึงร้านเซเว่นหน้ามอฟีโน่ก็เลี้ยวขวับเข้าไปทันที


                “รออยู่นี่ก่อน”


               บอกใครวะ กูเหรอ


               ผมเลิกคิ้วมองเขาพร้อมประกายตาเควสชั่นมาร์ก คิ้วเข้มของพี่ริวเลยย่นลงนิดนึง


               “กูบอกมึงนั่นแหละ หรือจะให้กูบอกวิญญาณที่นั่งห้อยหัวอยู่บนบ่ามึงไอ้หน้าอ่อน”


               เหี้ยยยยยยย


               บอกกูคำเดียวก็พอไหม ไอ้คำพ่วงท้ายมึงกลืนลงท้องไปก็ได้ครับพี่ริว


               รออยู่ไม่นานพี่ริวก็เดินออกมา เขายื่นขวดนมพาสเจอร์ไรส์มาให้ผมขวดนึง ผมรับมันมาเมียงมองอย่างแปลก

ใจ


               “พี่ริวไม่เทคผมด้วยนมสตรอเบอร์รี่อีกเหรอ”


               ผมทักเมื่อเห็นว่ามันเป็นนมรสช็อกโกแลต


               “มึงคงไม่ชอบนมรสสตรอเบอร์รี่หรอก ใช่ไหม ไม่ชอบอะไรก็ไม่เห็นต้องฝืนทำเลย”


               อึ้ง!


               อ้าปากค้างเมื่อเจอคำคมระดับปรัชญานิกายเซน ผมมองเขาอย่างนึกทึ่ง ทั้งที่เขากำลังดูดนมรสสตรอเบอร์รี่

เข้าปากพร้อมกับใบหน้าแสนฟินของเขา ผมเจาะรูแล้วดูดนมช็อกโกแสตเข้าไปช้าๆพร้อมความสงสัยว่าทำไมพี่ริวถึงได้รู้

ว่าผมชอบกินนมรสนี้

               ขายาวๆก้าวไปนั่งบนฟีโน่ผมรีบกระโดดขึ้นซ้อนทันที พี่ริวขี่มอไซค์กลับเข้ามอท่ามกลางความมืด แต่เขากลับ

พาผมเลี้ยวไปทางอ่างแก้วแทนที่จะกลับหอ


               เขาจอดรถและก้าวไปยังทางเดินริมอ่างเก็บน้ำที่อยู่เชิงดอยสุเทพ ผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินตามแผ่น

หลังกว้างของเขาไปเรื่อยๆจนกระทั่งพี่ริวอยู่เดินและทรุดตัวลงนั่งกับพื้นดิน


               “นั่งดิ”


               พี่ริวตบพื้นข้างๆให้ผมนั่งลงตาม พี่ริวเหยียดขาออกไปและใช้มือยันพื้นเอนกายไปด้านหลัง กรอบหน้าคมของ

เขาเงยขึ้นมองพระจันทร์รูปรักบี้ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าสีดำเหนือเงาทมึนของยอดดอย


               “มานั่งมองอะไรเนี่ยพี่ริว ยุงกัด”


               “มึงช่วยทำอารมณ์สุนทรีตามบรรยากาศหน่อยได้ไหมไอ้ว่าน”


               เบ้ปากกรอกตามองบนเมื่อเจออารมณ์สุนทรีของเขา ผมนั่งตบยุงเปาะแปะอยู่ข้างพ่อศิลปินใหญ่


               “พี่ริว ทำไมชื่อริว เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นเหรอ”


               ผมถามทำลายความเงียบ แม่ง กูอยากกลับไปอาบน้ำแย่แล้วครับพี่ริว


               “เปล่า กูเป็นไทยแท้มีเชื้อลาวนิดหน่อย”


               “อ๊าว แล้วทำไมพ่อแม่พี่ต้องตั้งชื่อพี่เป็นภาษาญี่ปุ่นด้วยล่ะ”


               ผมยังซักเป็นลูกอีช่างซัก พี่ริวเอียงหน้ามามองผมแวบหนึ่ง


               “จริงๆแล้วกูไม่ได้ชื่อริวเฉยๆ”


               ริว จิตสัมผัส!


               ก็ถ้าไม่ใช่ริวเฉยๆแล้วมึงจะเป็นริวเหี้ยไรวะ


               “พ่อตั้งชื่อกูว่าชิริว”


               หือ


               คราวนี้ผมหันไปมองความแปลกประหลาดในตัวผู้ชายคนนี้เต็มๆ


               “บ้านพี่ประหลาดเนอะ ตั้งชื่อจริงลูกซะโคตรไทยเลย แต่ดันตั้งชื่อเล่นไม่ได้เข้ากับชื่อจริงสักนิด”


               ก็ชื่อจริงพี่ริว ลายสือ มันโครตไทยเลยปะ


               “แม่กูเป็นครูภาษาไทย เขาเลยตั้งชื่อกูว่าลายสือ กูมีพี่ชายชื่อลายไทย”


               “แม่พี่ได้ตั้งชื่อจริงให้ลูก แสดงว่าพ่อพี่ต้องได้ตั้งชื่อเล่น พ่อพี่เป็นอะไรอะ”


               ผมเห็นพี่ริวกลั้นขำ


               “แม่กูเป็นครู พ่อกูเป็นโอตาคุ พ่อกูเขาบ้าเซนต์เซย่าเลยตั้งชื่อพี่ชายกูว่าเซย่า ตั้งชื่อกูว่าชิริว”


               ดีนะที่พ่อพี่บ้าเซนต์เซย่า เพราะถ้าพ่อพี่บ้าโปเกม่อนรับรองว่าพี่จะได้ชื่อว่าปิ๊กาจูแน่ๆ


               บรรยากาศเงียบลงอีกครั้ง ผมเงยหน้ามองพระจันทร์รูปร่างตลก ความจริงมันก็สวยดีนะ


               “วันนั้น”


               “วันไหนของมึง”


               “ก็วันรับน้องขึ้นดอยน่ะ พี่รู้ใช่ปะว่าผมปวดท้อง แล้วทำไมพี่ไม่มาดูผมทำไมต้องบอกให้พี่ออดี้ไปบอกไอ้

มะตูมมาดูผมพี่ไม่เป็นห่วงผมบ้างเลยเหรอ”


               ถามจบก็เกือบจะกัดลิ้นตัวเอง นี่ผมคิดอะไรอยู่ถึงได้กล้าถามเขาแบบนั้น พี่ริวหัวขวับกลับมาด้วยสีหน้าจริงจัง

จนผมแอบสะดุ้งอยู่ในใจ


               “กูเป็นประธานเชียร์ กูต้องควบคุมคนไม่ต่ำกว่าพันคน มึงคิดว่ากูจะมีเวลาแสดงความห่วงใยมึงไหม ถ้ากูแสดง

ความห่วงใยมึงที่เป็นสายรหัสเป็นพิเศษ แล้วคนที่เหลือล่ะกูจะทำยังไง”


               ยาวไปแล้ว ผมชักหัวหดเมื่อเจอหน้าโหด ตอนนี้ได้แต่ทำตาปริบๆแค่นั้น


               “การที่กูไม่ได้แสดงออกมันก็ไม่ได้หมายความว่ากูไม่รู้สึกอะไรนะ ไอ้...ว่าน”


               ประโยคล่าสุดกับการลากปลายเสียงให้อ่อนลง มันทำให้ความตกใจของผมมันจางลง ประกอบกับดวงตาที่ก้ม

มาประสานสายตามันทำให้ใบหน้าของผมร้อนเห่อขึ้นมา

               พี่ริวลุกขึ้นยืนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยจนผมลุกตามแทบไม่ทัน


               “กลับกันได้แล้ว”


               ก้าวดุ่มๆไปยังฟีโน่แล้วบิดคันเร่งจนผมแทบร่วง พี่ริวมาส่งผมที่หน้าหอพัก เขาหันมามองพร้อมกดยิ้มลึกอยู่

ตรงมุมปาก


               “เจอกันพรุ่งนี้ที่ชมรมนะ ไอ้หน้าอ่อน”


               รอยยิ้มทิ้งท้ายของพี่ริวทำให้ผมใจสั่นอย่างไม่มีสาเหตุ ผมได้แต่มองตามไฟท้ายฟีโน่ของเขาจนกระทั่งมัน

ลับตา
               






               น่าแปลกที่กลายเป็นว่าผมอยากจะไปชมรมขึ้นมาซะงั้น

               เมื่อมาถึงผมก็ชักชวนปิ๊กกับเบลล่าวอร์มร่างกายโดยที่ไม่ต้องรอรุ่นพี่สั่ง สักพักพี่ริวก็เดินมาหาและส่งถุงมือมา

ให้พวกเราคนละอัน


                “เล่นดาบสากลต้องใส่ถุงมือด้วย เราต้องใส่มันให้ชิน ให้มันเป็นส่วนหนึ่งของเราเหมือนนิ้วเหมือนเนื้อหนัง


               ยื่นถุงมือมาให้ผมที่แบมือรับ แต่แทนที่จะวางไว้บนฝ่ามือพี่ริวกลับดึงข้อมือของผมไปกุมไว้ เขาสวมถุงมือเข้า

ที่มือของผมพลางมองด้วยดวงตาคมๆของเขา


               เหี้ยว่าน ใจมึงเต้นเป็นจังหวะสามช่าเลยทีนี้
               



TBC


 :z1: :z1:

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่5# อยู่ใกล้พี่ริวทำไมใจชอบสั่น [30/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Asakurayo ที่ 30-10-2015 00:30:33
คุณพี่ริวกะน้องว่านเค้าก็ไม่ได้มุ้งมิ้งอะไรกันมาก ทำไมอ่านแล้วยิ้ม ทำไมอ่านแล้วเขิน  :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่5# อยู่ใกล้พี่ริวทำไมใจชอบสั่น [30/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 30-10-2015 02:16:02
ใจพี่ก็เต้น ปากพี่ก็ยิ้ม ตัวพี่ก็บิด เขิลแทนน้องว่านเว้ยยยยย แหมๆๆ พี่ริวดูแลน้องว่านดีจัง :impress2:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่5# อยู่ใกล้พี่ริวทำไมใจชอบสั่น [30/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 30-10-2015 06:01:48
น้องว่านสัมผัสได้. ว่าใจสั่นกับผู้ชายไปแล้ว เขิน :impress2:
อบอุ่นน่ารักแถมฮา ครบรสเลยค่ะ
 :L2:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่5# อยู่ใกล้พี่ริวทำไมใจชอบสั่น [30/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 30-10-2015 06:26:04
พี่ริวขี้อ่อย. ชอบน้องก็รีบบอกเลยเดี๋ยวมีใครมาคว้าไปซะก่อน
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่5# อยู่ใกล้พี่ริวทำไมใจชอบสั่น [30/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 30-10-2015 08:58:47
หัวใจทำงานหนักตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่มฝึกเลยนะคะน้องว่าน :-[ 
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่5# อยู่ใกล้พี่ริวทำไมใจชอบสั่น [30/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 30-10-2015 09:22:28
แหมๆๆๆๆๆๆๆ มีการมานั่งกินลมชมวิวที่อ่างแก้วกันสองคนด้วย :z1:
พี่ริวคนหล่อรู้สึกอะไรกับน้องว่านคะ บอกให้หมดเซ่! แอร๊ยย :o8:
ว่านใจเต้นก็ไม่แปลกนะ ขนาดเค้ายังใจเต้นเลย :-[
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่5# อยู่ใกล้พี่ริวทำไมใจชอบสั่น [30/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 30-10-2015 12:34:43
เดี๋ยวนะ แนบชิด หม่ำข้าว นั่งชมดาว ใส่ถุงมือให้ คืออะไรพี่ริวววววว
น้องว่านใจเต้นเลย
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่5# อยู่ใกล้พี่ริวทำไมใจชอบสั่น [30/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 30-10-2015 14:59:31
เราก็โดนเสน่ห์พี่ริวดาเมจเหมือนว่านเลย *O*
น้องว่านหวั่นไหวหนักเลยนะเนี่ยย กิ๊วๆๆ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่5# อยู่ใกล้พี่ริวทำไมใจชอบสั่น [30/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Gapompom ที่ 30-10-2015 15:30:58
เดี๋ยวๆ อ่อยรึป่าวเนี่ยพี่ริว แค่นี้ว่านก็เริ่มชอบแล้วนะ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่5# อยู่ใกล้พี่ริวทำไมใจชอบสั่น [30/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 30-10-2015 16:12:48
 :man1:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่5# อยู่ใกล้พี่ริวทำไมใจชอบสั่น [30/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 30-10-2015 17:17:50
แอบกรี๊ดเบาๆ กับประโยคนี้ของพี่ริว
  “การที่กูไม่ได้แสดงออกมันก็ไม่ได้หมายความว่ากูไม่รู้สึกอะไรนะ ไอ้...ว่าน”
 :mew3:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่5# อยู่ใกล้พี่ริวทำไมใจชอบสั่น [30/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Snt_z ที่ 30-10-2015 18:06:32
พี่ริว ทำน้องว่านใจเต้นเป็นสามช่าเลยนะ รับผิดชอบด้วยเลยยย อิอิ  :mew3:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่5# อยู่ใกล้พี่ริวทำไมใจชอบสั่น [30/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 30-10-2015 18:51:07
อุ๊ต๊ะ พี่ริวคิดอะไรกับน้องเปล่า ให้น้องใส่ถุงมือเองก็ได้ม้างงง
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่5# อยู่ใกล้พี่ริวทำไมใจชอบสั่น [30/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 30-10-2015 19:19:23
คนหล่อทำดีก็หวั่นไหวเป็นธรรมดา
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่5# อยู่ใกล้พี่ริวทำไมใจชอบสั่น [30/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 30-10-2015 19:20:00
เมื่อไร่พี่ริวจะจับน้องว่านกินซะที

ให้สมกับชื่อเรื่องหน่อย

คนอ่านอยากฟิน
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่5# อยู่ใกล้พี่ริวทำไมใจชอบสั่น [30/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 30-10-2015 23:43:34
พี่ริวนี่อยอบอุ่นเหมือนกันนะครับ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่5# อยู่ใกล้พี่ริวทำไมใจชอบสั่น [30/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 31-10-2015 00:41:52
ไม่เเสดงออกนะฮะ เเต่ทำเลย
หัวข้อ: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 6# ทำไมเรียกผมว่าเด็กพี่ล่ะ [10/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 10-11-2015 00:36:29


                                                    พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน

                                                               บทที่ 6

                                                     ทำไมเรียกผมว่าเด็กพี่ล่ะ               


               แม่งงง เหนื่อยย เมื่อยยย


               ผมกลับไปนอนหายใจพะงาบที่หอจนไอ้คิงที่วันนี้นั่งทำรายงานอยู่ในห้องมองอย่างแปลกใจกับสภาพใกล้

ตายของผมหลังจากที่ผมแทบคลานไปอาบน้ำแล้วซมซานกลับมาพักฟื้นที่เตียงตัวเอง


               “นี่มันต้องออกแรงขนาดนี้เลยรึไงวะ ไอ้ฟันดาบของมึงเนี่ย”


               ผมผงกหัวขึ้นมองพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่


               “เออสิวะ มึงไม่ไปลองเองไม่รู้หรอก มันไม่ได้เหนื่อยเหมือนไปวิ่งไล่เตะบอลนะ แต่คือมึงต้องออกแรงซ้ำไป

ซ้ำมาจนหมดแรงเลยล่ะ”


               ผมทิ้งหัวลงกับหมอนกรอกตามองเพดานเมื่อคิดถึงสภาพตัวเองที่ถูกไอ้พี่ริวสั่งให้เดินเสเต็ปเป็นสิบยก แค่นั้น

ยังไม่สาแก่ใจเมื่อไอ้ประธานชมรมสุดโหดสอนท่าใหม่ให้ผมฝึก


               “ต่อไปกูจะให้มึงฝึกสเต็ปลันจ์”


               พี่ริวจับดาบขึ้นมาแล้วทำท่าให้ผมดูช้าๆ


               “จังหวะแรกมึงเดินสเต็ปเร็วๆแล้วจังหวะสองเหยียดขาหลังพุ่งลำตัวไปข้างหน้าให้น้ำหนักลงที่ขาหน้า มือจับ

ดาบพุ่งแทงออกไปสุดแรงจนแขนเหยียดเป็นเส้นตรงส่วนมือหลังสะบัดออกไปเพื่อช่วยเพิ่มแรงเวลาเข้าทำคู่ต่อสู้”


               สุดยอด!


               เพิ่งเห็นท่วงท่าเวลาเดินสเต็ปของพี่ริวแบบสโลว์โมชั่น มันช่างสง่างามราวกับพระเอกหนังฝรั่งที่เคยดู ผมถึง

กับอึ้งตกตะลึงจนกระทั่งพี่ริวหันมามองและใช้ปลายดาบเคาะหัวเรียกสติ


               “เรียกวิญญาณมึงกลับมาซ้อมด้วยไอ้ว่าน อย่ามัวแต่ยืนเอ๋อแดก”


               นั่นแหละผมถึงกับสะดุ้งเฮือกและหลังจากนั้นผมก็ถูกบังคับให้ทำท่าสเต็ปลันจ์ไม่รู้กี่ยกต่อกี่ยกจนกระทั่งขา

สั่นพั่บๆเมื่อไอ้โหดพี่ริวบอกให้หยุดซ้อมได้ผมถึงกับทิ้งตัวลงไปนั่งเหยียดขาพลางหอบแฮ่กๆเหงื่อออกเต็มตัว


               “อ่อนว่ะ”


               มึงว่าใครไอ้พี่ริว


               “อะไรอ่อนพี่ พูดอย่างนี้เหยียบหน้ากันดีกว่า”


               ผมเงยหน้าขวับขึ้นไปมองหน้าไอ้พี่ริวที่ยืนค้ำหัวอมยิ้มเหมือนผมเป็นตัวตลก


               “เหยียบทั้งตัวเลยก็ได้”


               หมายความว่าไงฟระ


               ไอ้สายตาพราวๆนั่นคือเหี้ยอะไรครับ


               แล้วไอ้อมยิ้มนิดๆบนหน้าอีก พี่ช่วยไขปริศนาให้กระจ่างได้ไหมครับ


               แล้วทำไมกูต้องร้อนวูบวาบด้วยครับ ไอ้เหี้ยว่าน


               ร่างสูงย่อตัวลงนั่งบนปลายเท้าอยู่ข้างตัวผม พี่ริวใช้ปลายนิ้วกดลงมาบนต้นขาของผมแม้มันจะไม่ได้แรงมาก

นักแต่เพราะผมออกแรงจนเหนื่อยล้าแค่แรงบีบเบาๆผมก็ร้องจ๊ากออกมา


               “อู๊ย...เบาหน่อยสิวะพี่ริว”


               “มึงก็อย่าเกร็งสิวะ”


               ดุผมกลับมาแถมยังกดๆบีบๆต้นขาของผมจนเจ็บไปหมด


               “พี่ก็อย่าทำแรงสิ คนมันเจ็บนะโว้ย”


               “พวกมึงทำเหี้ยอะไรกัน”


               เสียงพี่พูห์ดังมาจากอีกมุมหนึ่งกลายเป็นเสียงสวรรค์ที่เข้ามาถีบไอ้ผีกระสือลงนรก ไอ้พี่ริวยักไหล่เมื่อหันไป

มองหน้าพี่พูห์


               “กูแค่นวดคลายเส้นให้ไอ้ว่าน”


               “นี่ถ้ามึงไม่บอกว่านวดคลายเส้นกูคงเข้าใจว่ามึงปล้ำมันอยู่”


               ปล้ำโพ่งงงง


               ผมทำปากขมุบขมิบด่าเพื่อนซี้ต่างคณะอยู่ในใจพลางลุกขึ้นยืนอย่างยากเย็น ดูเหมือนว่าทุกคนจะเลิกซ้อมกัน

แล้ว ผมมองปิ๊กกับเบลล่าทั้งคู่ดูสุขสบายไม่เหมือนผมที่เดี้ยงมันทั้งตัว


               “ไปกินลาบอีกไหม”


               ใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้น ผมนึกขยาดความเผ็ดร้อนขึ้นมาทันที


               “อย่าเลย กินอะไรซ้ำๆกันวะ ไปกินก๋วยเตี๋ยวลุงว้ากหลังมอดีกว่า”


               ว่าแล้วพี่ริวก็รวบดาบกับถุงมือที่ผมวางทิ้งไว้บนพื้นเข้าไปเก็บในตู้ก่อนจะเดินกลับมาแล้วมองผมด้วยสายตา

นิ่งๆนั่นแหละ จริงๆแล้วผมนึกขอบคุณที่เขาไม่พาผมไปกินร้านลาบนั่นอีก


               “ด่ากูอยู่ในใจล่ะสิไอ้หน้าอ่อน”


               “ครับ ใช่ จะด่ายันลูกบวชเลยล่ะ”


               ผมยู่หน้าใส่เขาแล้วสะบัดหน้าเดินนำไปที่รถฟีโน่คันเก่ง ได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วดังแว่วมาจากเบื้องหลัง พี่ริ

วก้าวไปนั่งแล้วสตาร์ทรถพลางเหล่ใส่เมื่อผมขึ้นไปซ้อนช้า เขาบิดคันเร่งออกไปอย่างรวดเร็ว


               “มึงนี่ช้าเป็นเต่าถูกฉีดยาชาเลยนะไอ้ว่าน”


               เสียงที่ต้านลมดังแว่วขณะขี่มอไซค์จนผมฟังไม่ถนัด


               “อะไรนะ ว่าผมช้าเหรอ ช้าเรื่องอะไรล่ะ”


               ผมตะโกนถามอย่างข้องใจ แต่เพราะเสียงที่ดังอู้อี้ของพี่ริวจึงทำให้ความสงสัยของผมยังคงอยู่


               “ทุกเรื่องนั่นแหละ แล้วเมื่อไหร่มึงจะทันความคิดคนอื่นว่าเขาคิดยังไงกับมึงวะ”
               






               “ทำไมถึงเรียกก๋วยเตี๋ยวลุงว้ากล่ะพี่พูห์”


               ผมเอ่ยถามอย่างข้องใจกับชื่อร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำที่อยู่แถวตลาดต้นพยอม พี่พูห์เลยเล่าตำนานให้เด็กต่าง

จังหวัดอย่างผมฟัง


               “เมื่อก่อนผัวป้าคนทำก๋วยเตี๋ยวแกเป็นคนรับออเดอร์ไง มึงมานั่งมึงจะสั่งสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้เพราะลุงเขาจะมารับ

ออเดอร์ตามคิวโต๊ะที่มาก่อน แล้วไม่มีจดนะมึงแกจำเอาไง พอสั่งกันครบแกก็จะตะโกนบอกเมียที่เป็นคนทำก๋วยเตี๋ยว

เสียงดังเหมือนว้ากเกอร์ นี่แหละเลยเรียกว่าลุงว้าก บางทีเมียแกก็ตะโกนด่าว่ามึงสั่งช้าๆกูทำไม่ทันแกก็ตะโกนด่ากลับคน

ฟังก็สนุกกันไป”


               “อ้าว แล้วแกไปไหนแล้วล่ะ”


               “ตายไปนานแล้วโว้ย กูทันตั้งแต่ตอนยังเด็กเลยมึงแต่ป้าก็ยังขายก๋วยเตี๋ยวต่อมาจนทุกวันนี้ คนแถวนี้ก็ยัง

เรียกติดปากว่าก๋วยเตี๋ยวลุงว้าก อร่อยทุกอย่างเลยนะมึงสั่งเร็วๆกูหิว”


               ผมนั่งฟังคนอื่นสั่งกันถ้วนหน้าเหลือแต่ผมที่ยังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะกินอะไรดี


               “เล็กโฟชามนึง”


               ไอ้พี่ริวสั่ง เช่นเคยที่ผมต้องนั่งติดกับเขาเพราะมาถึงทีหลัง เขาหันมามองผมอย่างรำคาญ


               “เอามาให้ไอ้หน้าอ่อนด้วยชามนึง”


               เสือกเรื่องกูจริงๆแม้แต่เรื่องของกิน


               แต่มันก็อร่อยจริงๆแฮะ


               แป้งกรอบที่ใส่มาให้อย่างไม่หวงของทำให้รสชาติอร่อยจนฉุดไม่อยู่ ใกล้จะหมดชามจึงมีเลือดหมูก้อนหนึ่ง

ถูกคีบมาใส่ชามของผม จะใครที่ไหนถ้าไม่ใช่พี่ริว


               “แดกซะเหมือนเด็กอดอยากจากเอธิโอเปีย”


               ให้แล้วยังค่อนขอดกูอีก พี่จะให้โดยไม่ต้องอารัมภบทได้ไหมครับไอ้พี่ริว



               เช่นเคยเมื่อกินกันอิ่มทุกคนก็แยกย้าย พี่ริวแว้นฟีโน่มาส่งผมใต้หอ ผมพึมพำขอบคุณเตรียมหันหลังเดินเข้า

หอแต่เสียงพี่ริวก็ห้ามผมไว้ ผมหันมาเลิกคิ้วแทนคำถาม


               “เอานี่ไปใช้ซะ”


               เขาโยนบางอย่างมาให้ผมรับไว้ มันคือยานวดกล้ามเนื้อนั่นเอง


               “อาบน้ำเสร็จก็นวดขามึงจะได้ไม่เป็นตะคริวตอนดึกแล้วละเมอด่ากู”


               พูดจบก็แว้นรถจากไปปล่อยให้ผมยังยืนอึ้งอยู่กับหลอดยาคลายกล้ามเนื้อ


               ว่าแล้วก็ทาเสียหน่อย เดี๋ยวคนให้จะเสียน้ำใจ


               ผมลุกขึ้นนั่งหยิบหลอดยาบีบเนื้อยาเจลเย็นใส่มือพลางนวดไปที่ต้นขาตัวเอง นึกถึงใบหน้าคนให้แล้วเผลอ

ยิ้มออกมา บางทีหน้าโหดแต่กลับมีมุมเอาใจใส่คนรอบข้างไม่สมกับหน้าสักนิด

               เสียงประตูเปิดโดยไอ้มะตูมที่หน้าตูมสมชื่อก้าวเข้ามา มันทิ้งตัวไปบนเตียงของมันแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่


               “เป็นเหี้ยอะไรครับคุณมะตูม หน้าแม่งยิ่งกว่าตูดเป็ดอีก”


               ไอ้มะตูมยกหมอนขึ้นมาแล้วชกอย่างเจ็บใจ


               “เกลียดหน้าคนโว้ย”


               มันตะโกนลั่นห้องด้วยเสียงเจ็บช้ำ ผมกับคิงหันไปมองมันด้วยความอยากรู้ ดูเหมือนไอ้มะตูมอยากจะระบาย

อยู่แล้วมันเลยเล่าโดยไม่ต้องรอให้ถาม


               “กูแม่งโคตรหมั่นไส้ไอ้พี่เมฆชิบหาย ถือว่าตัวเองหล่อสาวกรี๊ด”


               ไอ้มะตูมเบะปากประกอบการเล่า


               “วันนี้สั่งให้จับคู่เตะไซด์คิก กูเลยขอไปคู่กับมันโว้ย แล้วไงรู้ไหมมันเตะกูเข้าลิ้นปี่จนหงายหลังจุกลุกไม่ขึ้น กู

อับอายสาวๆแค่ไหนพวกมึงรู้ไหม โดยเฉพาะยัยลูกแพร์ตัวดีกรี๊ดกร๊าดซะอย่างกับเห็นซุปตาร์ ส่วนกูกลายเป็นตัวตลกให้

คนอื่นขำ”


               เพื่อนของผมยังคงคร่ำครวญจนผมนึกอยากจะเห็นหน้าคนหล่อสาวกรี๊ดของไอ้มะตูมขึ้นมาทันที








               คาบสุดท้ายอาจารย์ปล่อยช้าเลยทำให้ผมมาที่ชมรมช้าไปด้วย มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมาช้าบ้างแต่ใบหน้า

เจ้าของยาคลายกล้ามเนื้อทำให้ผมไม่อยากทำเช่นนั้น ผมรีบวิ่งผ่านหน้าชมรมอื่นๆเพื่อมาที่ชมรมดาบสากลจนกระทั่งขา

พันกันและสะดุดเชือกผูกรองเท้าของตัวเองจนกระทั่งหกล้ม


               “โอ๊ย เหี้ยว่าน”


               ผมด่าตัวเองพลางยันตัวลุกด้วยความอับอายที่โตเป็นควายแล้วยังจะเสือกหกล้มอีก รู้สึกถึงแรงฉุดที่แขนที่

ช่วยให้ผมลุกขึ้นยืนง่ายขึ้น เมื่อทรงตัวได้แล้วผมจึงรีบเอ่ยขอบคุณ


               “ขอบคุณครับที่ช่วย...เอ่อ...”


               หล่อสัส


               “เป็นอะไรมากหรือเปล่าน้อง”


               เสียงนุ่มชิบหาย


               “ไม่เป็นไรครับพี่ ขอบคุณนะครับที่ช่วย ผมรีบไปหน่อย”


               คลี่ยิ้มน้อยๆด้วยโว้ย อื้อหือออ


               “ปีหนึ่งเหรอ ชื่ออะไรน่ะเรา”


               ผมฉีกยิ้มแทบจะถึงรูหู


               “ชื่อว่านครับพี่อยู่วิศวะ แล้วพี่ล่ะ”


               “พี่ชื่อ...”


               “ไอ้ว่าน ยืนทำเหี้ยอะไรตรงนี้ ทำไมยังไม่ไปซ้อม”


               ผมสะดุ้งเฮือกขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงห้วนจัดมาจากด้านหลัง และเพียงอึดใจเจ้าของเสียงก็เดินมาหยุดยืน

ใกล้กับผมและพี่ผู้ชายคนนั้น

               กระพริบตาปริบๆเมื่อเห็นทั้งสองยืนจ้องตาไม่ลดราวาศอก ระหว่างนั้นผมอดเปรียบเทียบทั้งสองคนไม่ได้

               คนหนึ่งก็หล่อเซอร์ดิบเถื่อน อีกคนหล่อเนี้ยบราวกับนายแบบ แต่ทำไมทั้งคู่กลับมายืนราวกับกำลังต่อสู้กัน

ด้วยสายตาอย่างนี้ล่ะ

               ต้นแขนของผมถูกพี่ริวยึดไว้ทั้งที่เขาก็ยังจ้องตากับพี่ผู้ชายที่ผมยังไม่รู้จักชื่อ พี่ริวพูดเสียงเข้มอย่างที่ผมไม่

เคยได้ยินมาก่อน


               “อย่ามายุ่งกับเด็กกู”


               พี่คนหล่อเลิกคิ้วเข้มๆราวกับท้าทาย


               “ติดป้ายไว้หรือเปล่าว่าห้ามยุ่งกับเด็กมึง”


               “พี่ริว คือผม...”


               แววตากร้าวจ้องกลับจนผมเสียวสันหลัง


               “มึงก็รู้ว่าอะไรที่เป็นของกู กูจะไม่ยอมปล่อย”


               พี่คนหล่อยักไหล่พร้อมหัวเราะเสียงแปลก


               “แล้วถ้าของๆมึงมันอยากหลุดจากมือมึงล่ะ มึงจะทำยังไงไอ้ริว”


               เสียงกัดฟันของพี่ริวดังลอดออกมาจนผมนึกหวั่น มือที่กระชับต้นแขนบีบรัดจนผมนิ่วหน้า


               “มึงอย่าฝันว่าจะคว้าไปได้ กูไม่มีวันปล่อยแน่ๆ ไอ้เมฆ”


               ผมลืมตาโพลงพลางเงยหน้าไปมองอีกครั้ง เขาคือพี่เมฆประธานชมรมเทควันโดงั้นหรือ


               ไม่ทันหายแปลกใจผมก็ถูกลากให้เดินตามแรงควายของพี่ริว ยังรู้สึกถึงสายตาของพี่เมฆที่มองตามมา พี่ริว

ลากผมมาจนพ้นสายตาของพี่เมฆจึงได้ปล่อยผม ตาดุจ้องหน้าผมไม่คลาดสายตา


               “ทำไมพี่ริวทำงั้นล่ะ พี่เมฆเขามาช่วยผมเฉยๆนะ”


               ไม่เข้าใจว่าทำไมผมต้องแก้ตัวด้วยวะ


               และเมื่อสติกลับคืนร่างผมก็ขมวดคิ้วเมื่อนึกถึงบทสนทนาของพี่ริวกับพี่เมฆ


               “แล้วอะไรคือเด็กพี่ ผมไม่เข้าใจ”


               กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นเมื่อสบตากับพี่ริว หน้าโหดกัดกรามจ้องหน้าผมก่อนจะสะบัดหน้าเดินหนี ทิ้ง

ให้ผมยิ่งงงหนักในสิ่งที่เกิดขึ้น
               




               TBC



ก๋วยเตี๋ยวลุงว้ากอร่อยจริงๆ แต่ได้ข่าวว่าป้าใหญ่ย้ายไปจากตลาดจันทร์กุมารแล้ว

ใครรู้บ้างว่าอยู่ไหน เผื่อไปเชียงใหม่จะแวะไปกิน




 :sad4: :sad4: :sad4:







[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 6# ทำไมเรียกผมว่าเด็กพี่ล่ะ [10/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 10-11-2015 01:04:13
ว๊ายๆๆๆๆ  ศึกชิงนาย(ที่ยังไม่รู้ตัว)
ท่าพี่เมฆจะร้าย  พี่ริวต้องรีบแล้วแหละ
มะตูมก็น่ารักนะพี่เมฆ

ก๋วยเตี๋ยวป้าใหญ่-ลุงว๊าก ย้ายไปอยู่ศรีปิงเมืองค่ะ

https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%81%E0%B9%8B%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B5%E0%B9%8B%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88-%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B9%8A%E0%B8%B2%E0%B8%81-%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87/268473513323755

เราไม่ได้ตามเพราะปกติจะทานก๋วยเตี๋ยว - เย็นตาโฟธนาโอชาที่ช้างม่อยมากกว่าค่ะ  ใกล้บ้านมากกว่า   แถวตอนเย็นๆเมื่อก่อนมีเย็นตาโฟผัวเมียปากหมาสี่แยกไนท์บาซาร์  ที่ขายไปด้วยด่ากันไปด้วย  คนกินก็เยอะมากๆ  ไม่รู้ยังอยู่หรือเปล่าเพราะขี้เกียจรอเลยไม่ได้ไปทานค่ะ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 6# ทำไมเรียกผมว่าเด็กพี่ล่ะ [10/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 10-11-2015 01:15:19
 :hao3:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 6# ทำไมเรียกผมว่าเด็กพี่ล่ะ [10/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 10-11-2015 01:48:35
พีาเมฆพี่ริวต้องมีประเด็นอะไราก่อนแน่ๆ ชอบๆสนุกดีเป็นกำลังมจให้ครับ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 6# ทำไมเรียกผมว่าเด็กพี่ล่ะ [10/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 10-11-2015 02:30:13
พี่เมฆคะ น้องมะตูมเถอะค่ะ น้องว่านให้พี่ริวเค้า
 :-[ :-[ :-[
รอติดตามตอนต่อไปค่า ~
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 6# ทำไมเรียกผมว่าเด็กพี่ล่ะ [10/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 10-11-2015 03:02:06
พี่ริวมีคู่แข่งซะแล้ว :katai5:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 6# ทำไมเรียกผมว่าเด็กพี่ล่ะ [10/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 10-11-2015 09:17:29
เอิ่มมมม ดุเดือดค่ะ
พี่เมฆ นี่แอบยกมะตูมให้ได้มั้ย นู่น ค่ะ มะตูมเลยค่ะ
อย่ามายุ่งกับเด็กพี่ริว พี่เค้า หวง!!!
 :mew3:

หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 6# ทำไมเรียกผมว่าเด็กพี่ล่ะ [10/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 10-11-2015 09:22:48
พี่ริวก็เปลี่ยนสถานะจากพี่รหัสไปเป็นแฟนเสียเลยสิคะจะได้มีสิทธิ์หวงน้องว่านได้เต็มที่หน่อย
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 6# ทำไมเรียกผมว่าเด็กพี่ล่ะ [10/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 10-11-2015 09:25:55
การฟาดฟันจริงๆจังๆได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว นอกสนามฟันดาบ ในสนามความรักแทน อิอิ  :mew1: 

เราชอบนะตอนนี้ น้องว่านแบ๊วจนถึงที่สุดเลยอะลูก 
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 6# ทำไมเรียกผมว่าเด็กพี่ล่ะ [10/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 10-11-2015 09:37:09
เจ้าว่านน่ะมันซื่อ(บื้อ) ไม่รู้หรอกนะถ้าพี่ริวไม่บอก ชอบน้องก็บอกๆไปเถอะ ก่อนที่คนอื่นจะมาแย่งไปนะ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 6# ทำไมเรียกผมว่าเด็กพี่ล่ะ [10/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 10-11-2015 10:46:04
ว่านเอ้ยย จะทันใครเค้ามั้ยเนี่ยยย :hao3:
พี่ริวกับพี่เมฆมีเบื้องหลังอะไรกันมาน้ออออ :katai1:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 6# ทำไมเรียกผมว่าเด็กพี่ล่ะ [10/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 10-11-2015 11:18:15
เชียร์เมฆมะตูม. เห็นหลายคู่แล้ว. ยิ่งเกลียดขี้หน้ากันยิ่งรักกัน
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 6# ทำไมเรียกผมว่าเด็กพี่ล่ะ [10/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 10-11-2015 14:05:53
 :ling3:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 6# ทำไมเรียกผมว่าเด็กพี่ล่ะ [10/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 10-11-2015 16:58:51
ไม่ดีเหรอว่านว่าน เป็นเด็กพี่ริวอ่ะ :o8:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 6# ทำไมเรียกผมว่าเด็กพี่ล่ะ [10/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 10-11-2015 19:35:59
ได้ข่าวว่าพี่เมฆชอบแย่งๆของพี่ริวเสมอ

เปิดตัวซะทีนะพี่เมฆ หลังจากที่รอมานาน

ในที่สุดก็ได้เจอนายเอกแล้ว

ดูซิคราวนี้จะแย่งว่านจากพี่ริวยังไง

และที่สำคัญพี่ริวจะทำไง

หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 6# ทำไมเรียกผมว่าเด็กพี่ล่ะ [10/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 10-11-2015 23:44:13
เมฆกับริว เคยมีเรื่องอะไรกันหรอครับ
หัวข้อ: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 7# พี่ริวเป็นคนขี้หวง [18/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 18-11-2015 01:15:58


                                                      พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน

                                                               บทที่ 7

                                                         พี่ริวเป็นคนขี้หวง               


               ตัดเรื่องที่พี่ริวเรียกผมว่าเป็นเด็กของเขาออกไปก่อน ตอนนี้ที่อยากรู้คือทำไมพี่ริวกับพี่เมฆจึงมีท่าทางเหมือน

เกาเหลากันเช่นนั้น และแหล่งข่าวที่ดีที่สุดก็คือเบลล่านั่นเอง ผมแอบพี่ริวเดินไปหาเบลล่าและกระซิบถาม


               “เบลล่า ถามหน่อยดิพี่ริวกับพี่เมฆเป็นไรกัน ทำไมเจอหน้าก็ทำท่าเหมือนจะกระโดดกัดกันล่ะ”


               สาวพยาบาลถือโอกาสอู้ซ้อมทำท่านิ่งคิด


               “จะว่าไปเหตุเริ่มต้นก็คงตั้งแต่ทั้งคู่อยู่มอห้าล่ะมั้ง ตอนนั้นพี่เมฆที่เด่นเป็นเดือนโรงเรียนน่ะไปมีแฟนเป็นสาว

ดาวโรงเรียนสตรี ก็ทำท่ารักกันดีอยู่จนอยู่มาวันหนึ่งข่าวว่านางมาเจอพี่ริวเจอได้ไงไม่รู้อันนี้ข้ามไป แล้วนางแอบปิ๊งความ

เซอร์ของพี่ริวก็เลยทิ้งพี่เมฆมาหาพี่ริวน่ะ แต่อย่างว่าพี่ริวของเราหยิ่งไงก็เลยเชิดใส่แม่สาวสองใจจนร้องห่มร้องไห้ไปขอ

คืนดีกับพี่เมฆ แต่พี่เมฆก็ไม่เอาคืนอีก สรุปว่าไม่มีใครเอานางแต่ก็เป็นชนวนให้ทั้งคู่ไม่ถูกกัน แต่หลังจากนั้นไม่รู้แล้ว”


               “ยังมีหลังจากนั้นอีกเหรอ”


               ไอ้ที่ฟังอยู่นี่ก็ท่าทางจะดุเด็ดเผ็ดมัน ผมนึกสภาพคนหล่อถูกสาวทิ้งของพี่เมฆว่าคงจะเสียหน้าน่าดู


               “ก็มีนะ ได้ข่าวแว่วๆว่ามีเรื่องกันตอนปีสองตอนนั้นเราไม่รู้แล้วล่ะ ลองไปถามพี่พูห์สิ”


               “ชาติที่แล้วไปเผารังนกกระจอกกันมาหรือไง ชาตินี้เลยต้องมายืนซุบซิบกันแบบนี้”


               วงแตก!


               ผมกับเบลล่ากระจายตัวห่างออกจากกันอย่างรวดเร็วเมื่อเสียงเหี้ยมดังก้องมาจากมุมหนึ่งของห้อง การสืบ

ข่าวได้ผลเพียงครึ่งทางแต่อย่างน้อยก็พอจะรู้ที่มา

               ท่าทางพี่ริวหงุดหงิดไม่ใช่น้อย ไม่รู้ว่าเพราะปะทะคารมกับพี่เมฆหรือเปล่าแต่ตลอดเย็นจนถึงตอนหัวค่ำเจ้า

ตัวนั่งเงียบอยู่มุมห้องชมรมไม่ได้ออกมาเคี่ยวเข็ญให้ผมทำโน่นทำนี่อย่างเช่นทุกวัน เมื่อไม่มีคนตัวสูงยืนควบคุมผมเองก็

ชักเหงาเหมือนกัน นี่เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าตลอดเดือนที่ผ่านมาข้างกายของผมจะมีเขาอยู่ใกล้ๆ

               เขาเงียบแม้แต่ตอนที่เราไปกินข้าว นั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์เขาก็บิดฟีโน่โดยไม่สนใจผมจนชักจะน้อยใจแล้วนะ


               “ชาติที่แล้วพี่ไปหยอดกาวใส่หอยตลับมารึไง ชาตินี้ปากถึงได้ไม่ยอมอ้า”


               ผมเอ่ยถามเมื่อเรากินผัดไทยหลังมอกันอิ่มแล้ว ทุกคนแยกย้ายกลับหอเหลือแต่ผมที่ยังไม่ยอมซ้อนท้าย

มอไซค์ของพี่ริว


               “เรื่องของกู”


               ตอบโดยไม่ยอมหันหน้ามามองด้วยซ้ำ ผมไม่เข้าใจไอ้อาการวูบวาบขอบตาร้อนผ่าวของตัวเองเลย

               มึงเป็นเหี้ยอะไรวะ ไอ้ว่าน


                “โอเค ถ้าเป็นเรื่องของพี่ไม่เกี่ยวกับผม ผมก็จะไม่ยุ่ง”


               ผมดึงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงและเปิดหน้าจอ


               “มึงจะทำเหี้ยอะไรไอ้ว่าน”


               “โทรหาไอ้มะตูมให้มันมารับ”


               โทรศัพท์มือถือของผมถูกมือใหญ่ๆของเขาคว้าไปจากมือ ผมเงยหน้ามองพี่ริวด้วยความโมโห


               “เอามือถือของผมคืนมา”


               “กูพามึงมา กูก็ต้องพามึงกลับ”


               พี่ริวเค้นเสียงหน้าตาดุแต่วินาทีนี้ผมไม่นึกกลัว อาจเป็นเพราะน้ำใสๆมันกำลังบดบังการรับรู้ด้วยสายตาจนผม

มองหน้าเขาไม่ชัดก็ได้


               “ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของผม”


               ไม่ทันตั้งตัวแขนของผมก็ถูกกระชากเข้าหาตัวสูงๆของเขา พี่ริวผลักให้ผมขึ้นนั่งด้านหน้าของฟีโน่แล้วเขาก็

ก้าวนั่งด้านหลัง สองแขนที่จับแฮนด์มอไซค์กลายเป็นตัวกันให้ผมหมดอิสรภาพ แล้วพี่ริวก็สตาร์ทรถบิดคันเร่งโดยที่ผม

ไม่มีสิทธิ์ห้าม


               “มึงมันโง่”


               เออ กูโง่


               ผมยังคงไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องน้อยใจพี่ริวด้วย ตอนนี้ขอบตาของผมร้อนผ่าวไปหมดจนต้องวางมือ

เกาะหน้ารถก้มหน้าลงไปบนหลังมือตนเองเพื่อปิดบังน้ำตาที่มันไหลออกมา ไอ้เหี้ยว่าน มึงจะอ่อนไหวเกินไปแล้ว

               อยู่ในท่านั้นจนไม่รู้ว่าพี่ริวบึ่งรถไปทางไหน กว่าจะรู้สึกตัวเงยหน้าขึ้นมาก็ตอนฟีโน่กำลังไต่ขึ้นทางชันระดับ

เจ็บสิบห้าองศาอยู่ในความมืด


               เขาพาผมมาที่อ่างเกษตรตอนนี้เนี่ยนะ

               แต่ผมหยิ่งเกินกว่าจะถามเขาว่าพาผมมาทำไม ผมปล่อยให้พี่ริวแว้นเจ้าฟีโน่มาจอดรถข้างทางและเขาก็ลาก

แขนให้ผมเดินตาม พอใกล้จะถึงทางเข้าผมก็สะบัดแขน


               “เขาไม่ให้เข้าตอนกลางคืนไม่ใช่หรือไง”


               “กูจะเข้า”


               เอากะพ่อสิ บทจะรั้นไม่มีใครสู้

               พี่ริวลากแขนของผมให้เดินเข้ามาตามถนนเส้นเล็กริมอ่างเก็บน้ำที่อยู่ตีนดอยสุเทพ ส่วนอีกฝั่งคือแสงไฟ

ระยิบระยับของตัวเมืองเชียงใหม่เบื้องล่าง แต่วินาทีนั้นผมไม่มีอารมณ์จะชื่นชมดื่มด่ำกับบรรยากาศเลยสักนิด จนกระทั่ง

พี่ริวหยุดเดินผมจึงสะบัดแขนออกจากการเกาะกุม

               เงียบ....

               ยุงกัดแขน....

               ผมยังรักษามาดด้วยกันเชิดหน้าหันไปมองแสงไฟอันงดงามโดยไม่สนใจหน้าดุที่ยืนจ้องหน้าผมอยู่ใกล้ๆ

นี่แหละ


               “มึงไม่เมื่อยหน้ามั่งหรือไง”


               เสือก...


                “หน้าผม ผมเมื่อยเองได้”


               “กูไม่ชอบเห็นมึงหน้าบึ้ง”


               “ทีพี่ล่ะ หน้าเป็นตูดผมยังไม่ว่าสักคำ”


               ทนไม่ไหวเฟ้ย ขอหันไปด่าหน่อยเหอะ

               อ้าว เสือกยิ้ม

               ก็ไม่ได้ยิ้มนะ แต่ดวงตาของพี่ริวมันวิบๆวับๆเหมือนแสงดาวข้างบนฟ้าเลยแฮะ พอสบตาเท่านั้นแหละผมก็ถึง

กับหน้าร้อนวูบวาบคล้ายจะมีไข้

               นี่กูเป็นไข้ทับระดูหรือเปล่าวะ


               “ขอโทษก็ได้ที่หงุดหงิดใส่มึง”


               น้ำเสียงอ่อนโยนเกินไปแล้ว ตาเศร้าเหมือนหมาน้อยตอนรู้ตัวว่าทำผิดจนผมเกือบจะยกโทษให้ตั้งแต่ยกแรก

               ใจแข็งไว้ก่อนไอ้ว่าน เล่นตัวสิวะ


               “พี่ก็น่าจะบอกให้รู้ว่าผมทำอะไรให้พี่หงุดหงิด อยู่ๆก็มาทำหน้าบึ้งใส่ผม”


               หน้าหล่อๆที่เริ่มจะมีไรหนวดสีเขียวจางๆเอียงคอมองผม


               “ความจริงหน้ากูก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วนะ”


               “ก็ใช่ ปกติพี่ก็ทำหน้าเหี้ยๆใส่ผมอยู่แล้ว แต่วันนี้พี่เหี้ยผิดปกติกว่าทุกวันไงครับ”


               ผมชี้แจงนะ ไม่ได้ด่า


               “แล้วผมไม่ใช่นักวิเคราะห์จิตวิทยาจะได้รู้ว่าไอ้ที่พี่ทำน่ะสื่อความหมายว่ายังไง”


               พี่ริวเม้มปากใช้ความคิด แต่ดวงตาของเขาก็ยังไม่ได้ละไปจากใบหน้าของผม


               “กูแค่ไม่ชอบที่ไอ้เมฆมันมายุ่งกับมึง”


               คราวนี้ผมถอนหายใจแล้วสบตากับเขาตรงๆ


               “ฟังนะพี่ริว ผมแค่สะดุดเชือกผูกรองเท้าแล้วหกล้ม พี่เมฆเขาเดินผ่านมาก็เลยช่วยผมลุกจากพื้น แล้วเขาก็แค่

ถามว่าเป็นไงบ้างเท่านั้นเอง”


               พี่ริวกระพริบตาปริบๆก่อนเป็นฝ่ายถอนหายใจบ้าง


               “อือ กูรู้”


               เอ๊า....


               “พี่รู้แล้วพี่จะหงุดหงิดหาฟาเธอร์ทำไมล่ะครับ”


               “ก็กูไม่ชอบให้มันมายุ่งกับมึง”


               ผมยกมือเกาหัว นี่ผมโง่หรือว่าบ้ากันแน่วะ


               “กูไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับอะไรที่เป็นของกู กูหวง”


               เดี๋ยวนะ!


               คราวนี้เลือดในตัววิ่งกันให้พล่านเลยครับท่านผู้ชม


               “เอ่อ...พี่ช่วยขยายความประโยคตะกี้อีกทีได้ไหม คือผมไม่เคลียร์”


               คราวนี้ยิ้มว่ะ ยิ้มจริงๆด้วย

               พี่ริวก้าวเข้ามาใกล้ เขาก้มหน้าลงมาจนจมูกของเราชนกัน พี่ริวนิ่งไปสักสองวินาทีได้ก่อนที่จะยื่นหน้ามาอีก

นิดเดียวและในที่สุดปากของเขาก็ชนกับปากของผม

               นับเวลาไม่ถูกเพราะแม่งตัวแข็งขาแข็งไปหมดแล้วตอนที่เขาขยับห่างออกไป ในขณะที่พี่ริวยืนยิ้มกริ่มแต่ผม

ยืนกลั้นหายใจจนกระทั่งสำลักน้ำลายตัวเอง


               “คราวนี้มึงจะเข้าใจได้หรือยังไอ้ว่าน ว่าทำไมมึงถึงเป็นเด็กกู”




               ผมไม่รู้หรอกว่าพี่ริวกับผมยืนชมทัศนียภาพของเชียงใหม่ยามค่ำคืนนานแค่ไหนและยุงจะกัดผมอีกกี่ตัว

เพราะกว่าจะรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มือใหญ่ของพี่ริวคว้ามือของผมไปกุมไว้และจูงให้ผมเดินตามเขาไปที่ฟีโน่คันเดิม

คราวนี้พี่ริวให้ผมซ้อนท้ายเหมือนเคยแต่เขาดึงมือของผมให้โอบไปรอบเอวของเขา

               เราไม่ได้พูดอะไรกันอีกหลังจากนั้น

               พี่ริวขี่มอเตอร์ไซค์ลงทางลาดชัน ลมหนาวเริ่มจะพัดผ่านตีแสกหน้า มันเย็นจนผมต้องซบหน้าลงกับแผ่นหลัง

ของพี่ริวและออกแรงกอดเอวเขาไว้


               ผมอยากจะให้ทางกลับหอของผมมันไกลกว่านี้จังเลย



TBC

 :กอด1: :กอด1:

               

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 7# พี่ริวเป็นคนขี้หวง [18/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 18-11-2015 02:01:02
โอ้ยยย มุ้งมิ้งดีจัง ตอนนี้ทำไมมันสั้นๆล่ะ อยากอ่านยาวๆ อยากอ่านอีก :katai4:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 7# พี่ริวเป็นคนขี้หวง [18/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 18-11-2015 05:19:05
อิพี่ริวปากแข็ง ไม่บอกชอบน้องว่านเลยอ่ะ แต่จุ๊บเลยแบบนี้ก็เข้าใจง่ายดีใช่ไหมน้องว่าน :o8:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 7# พี่ริวเป็นคนขี้หวง [18/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 18-11-2015 06:02:50
 :-[.  แหม น้องว่าน แต่ป้ากลับอยากให้ขับถึงห้องไวๆจะได้ให้พี่ริวได้ขยายความต่อ
สรุปว่าเลิกแบ๊วหรือยังเนี่ย. พี่ริวก็ซึนจัง ปากหนักได้อีก  ไม่พูดมากเน้นการกระทำ
ตอนนี้สั้นแต่ฟินค่ะ.  :pig4:

หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 7# พี่ริวเป็นคนขี้หวง [18/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 18-11-2015 09:51:52
ได้แต่หวังว่า ว่านจะเข้าใจแล้วนะ
....รึป่าว อย่าประมาทความว่านนี้ 5555555555
 :mew3:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 7# พี่ริวเป็นคนขี้หวง [18/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 18-11-2015 10:21:25
เข้าใจรึยังล่ะว่านนน ถ้ายังไม่เข้าใจก็ให้พี่ริวมากกว่านี้แล้วกันเนอะ~~ :impress2:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 7# พี่ริวเป็นคนขี้หวง [18/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 18-11-2015 14:25:07
ที่เขินนี่น้องว่านเข้าใจแล้วใช่ไหมคะว่าพี่ริวจูบหนูเพราะอะไร :-[
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 7# พี่ริวเป็นคนขี้หวง [18/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 18-11-2015 15:17:52
 :impress2:


แอร้ยยยยยยยยยยย พี่ริวจินจักกะ ของนี่ เอาใจนี่ไปเลย
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 7# พี่ริวเป็นคนขี้หวง [18/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 18-11-2015 17:34:54
ทำดีมากพี่ริว โฮะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 7# พี่ริวเป็นคนขี้หวง [18/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 18-11-2015 19:35:03
พี่ริวขี้หึงมากๆ

นี่ขนาดยังไม่ได้เป็นอะไรนะ

ถ้าเป็นแฟนกันแล้วจะขนาดไหนเอ่ย..

แล้วเมื่อไร่ีพี่ริวจะขอว่านเป็นแฟนสักที

ตอนนี้รู้สึกสั้นมาก แต่ก็ดีที่มาต่อให้
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 7# พี่ริวเป็นคนขี้หวง [18/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: athena_tiew ที่ 18-11-2015 20:16:25
พี่ริวอาการออกนานแล้ว แต่ว่านไปหลงพี่เขาตอนไหน ทำไมยอม 555 ว่านเป็นเด็กว่าง่าย พี่ริวสบายใจได้แน่ๆ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 7# พี่ริวเป็นคนขี้หวง [18/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 18-11-2015 20:50:08
พี่ริวควรชัดเจนแบบนี้ทุกช็อต
น้องจะได้รับรู้แน่ๆว่าพี่คิดย้งไง 555
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 7# พี่ริวเป็นคนขี้หวง [18/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 22-11-2015 17:36:02
น่ารักกกกกกกกกก

 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 7# พี่ริวเป็นคนขี้หวง [18/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 23-11-2015 21:46:49
ตามอ่านทันแล้วค่าาาาเห็นชื่อเรื่องละไม่คิดว่ามันจะมุ้งมิ้งขนาดนี้ นอกจากคู่หลักแล้วแอบเชียร์มะตูมกับพี่เมฆด้วยอะ  :-[
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 7# พี่ริวเป็นคนขี้หวง [18/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 25-11-2015 02:01:13
คิดถึง มช คิดถึงบรรยากาศ
หัวข้อ: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 8# พี่ริวชวนผมไปดูบอลที่ห้องล่ะ [28/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 28-11-2015 00:07:25

                                                   พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน

                                                             บทที่ 8

                                                พี่ริวชวนผมไปดูบอลที่ห้องล่ะ               


                “ว่าน ยืมเครื่องคิดเลขหน่อยสิ”


               “ไอ้ว่าน ยืมเครื่องคิดเลขหน่อยโว้ย”


               “ไอ้เหี้ยว่าน มึงเป็นเหี้ยอะไร ได้ยินกูพูดไหม”


               “ฮะ อะไรนะคิง”


               ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงรูมเมทในประโยคสุดท้าย เมื่อหันไปมองอีกทีไอ้คิงก็กำลังจ้องหน้าผมด้วย

ความสงสัย


               “กูเรียกมึงจนได้ยินไปทั้งหอแล้วมั้ง มึงก็ยังนั่งเป็นหุ่นขี้ผึ้งอยู่เนี่ย ถามจริงเป็นเหี้ยไรวะ”


               ผมถอนหายใจดังเฮือกพร้อมกับมองหน้าไอ้คิงด้วยความสับสน ริมฝีปากยังคงอุ่นๆจนผมต้องเม้มปากไว้


               “ไอ้คิง ไอ้การที่คนเราเอาปากมาชนกัน เขาเรียกว่าจูบหรือเปล่าวะ”


               ไอ้คิงกระพริบตาอย่างงงๆกับคำถามงี่เง่าของผม อันที่จริงผมก็รู้คำตอบแหละแต่อยากหาคนช่วยสนับสนุน


               “ก็ใช่น่ะสิ มึงถามทำไม”


               ดีที่ไอ้คิงไม่ใช่คนช่างยอกย้อนอย่างไอ้มะตูม มันเลยไม่ได้กวนตีนผมมากนัก เมื่อได้คำยืนยันมาแล้วผมจึง

ตัดสินใจถามอย่างต่อเนื่องด้วยคำถามที่เป็นข้อสงสัยจริงๆเสียที


               “แล้วมึงคิดว่าการที่คนเราจะจูบปากกันมันมีจุดมุ่งหมายอะไรวะ”


               “การที่เราจะจูบใครสักคนมันมีจุดมุ่งหมายเดียวเท่านั้นแหละไอ้ว่าน”


               ไอ้คิงทำหน้าราวกับผู้ทรงคุณวุฒิจนผมชักจะนับถือ


               “คือเราคิดจะฟันคนๆนั้น”


               “แค่กๆ” ผมสำลักน้ำลายตัวเองทันที


               “เหี้ย มึงก็พูดเกินไป แค่จูบนี่คือหวังจะฟันแล้วรึไง”


               ไอ้คิงมองผมเหมือนผมเป็นเด็กไร้เดียงสา


               “มึงอย่ามาทำเป็นคุณหนูอ่อนด๋อยเลยไอ้ว่าน มึงยอมรับความจริงสิว่าการจูบกันเป็นก้าวแรกไปสู่การฟาดฟัน

ซึ่งกันและกัน หรือมึงว่าไม่จริง”


               ความดันขึ้นจนหน้าร้อนเห่อเมื่อคิดตามที่ไอ้คิงพูด ใบหน้าเฉยชาของพี่ริวไม่ได้แสดงออกเลยสักนิดว่าเขา

หวังจะฟันผม ไอ้คิงอาจจะมองโลกในแง่ร้ายเกินไปก็ได้

               ความคิดสะดุดลงเมื่อไอ้มะตูมเปิดประตูผลัวะเข้ามา มันเดินมานั่งบนเตียงของมันด้วยสีหน้าเควสชั่นมาร์ค


                “เหี้ยว่าน มึงไปรู้จักไอ้พี่เมฆได้ยังไง”


               มันยิงคำถามใส่ผมโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว


               “อยู่ๆวันนี้โปรยยิ้มใส่กูด้วยโว้ย ทั้งๆที่ผ่านมารอยยิ้มแม่งมีค่าคู่ควรแค่สาวๆที่ยืนตาปรอย พอซ้อมเสร็จก็กวัก

มือเรียกกูไปหาแล้วก็ถามว่ากูรู้จักมึงหรือเปล่า”


               ผมเอ๋อหนักมาก ยกนิ้วชี้ใส่ตัวเองด้วยความแปลกใจ


               “พี่เมฆเนี่ยนะ ถามถึงกู”


               ไอ้มะตูมพยักหน้าหงึกๆ


               “ใช่ มึงนั่นแหละ วิดวะปีหนึ่งจะมีชื่อเหี้ยว่านสักกี่คน พอกูตอบไปว่ารู้จักสิครับ รูมเมทผมเลยล่ะ มึงรู้ไหมว่ามื้อ

เย็นกูแดกข้าวฟรี”


               “เฮ้ย มันไม่น่าเกี่ยวกันนะ คือกูแค่เจอเขาเพราะความซุ่มซ่ามแล้วพี่เมฆก็เข้ามาช่วยแค่นั้นเอง”


               ผมไม่กล้าเล่าเรื่องที่พี่ริวมาเจอและเสือสองตัวงัดข้อกันให้เพื่อนฟัง ผมได้แต่สงสัยว่าทำไมพี่เมฆถึงต้องให้

ความสนใจผมเป็นพิเศษด้วย หรือจะเป็นเพราะคำพูดของพี่ริวที่ประกาศออกไปว่าผมเป็นเด็กของเขา


               “เออ เพราะอะไรก็ช่างมันเหอะ กูก็ไม่อยากจะสนใจมาก นี่กูยังเคืองๆอยู่ที่เสือกหล่อกว่ากู”


               จบการสนทนาเพียงแค่นั้นเมื่อไอ้มะตูมคว้าผ้าเช็ดตัวไปอาบน้ำและไอ้คิงหันกลับไปทำงานต่อ ผมทิ้งตัวลงไป

บนเตียงและมองเพดาน

               น่าแปลกที่มองเห็นใบหน้าของพี่ริวฉายอยู่บนเพดาน ผมมองดวงตาพราวแสงตอนที่เขาก้มหน้าเข้ามาแล้ว

แล้วก็...

               หัวใจสั่นพึบพั่บจนต้องหลับตาปี๋เมื่อคำพูดของไอ้คิงสะท้อนกลับไปกลับมาอยู่ในหัว


               การที่เราจะจูบใครสักคนมันมีจุดมุ่งหมายเดียวเท่านั้นแหละ คือเราคิดจะฟันคนๆนั้น”


               พี่ริวอาจจะหวังให้ผมฟันดาบจนเป็นแชมป์กีฬามหาวิทยาลัยก็ได้นะ ไม่ใช่ฟันอย่างอื่น

               โอย...ไม่คิดแล้ว นอนดีกว่า






               สรุปว่านอนไม่หลับ

               ผมเดินอย่างเซื่องซึมไปเรียนคาบเช้าเมื่อตลอดทั้งคืนได้แต่พลิกไปพลิกมาแม้จะทำทุกวิถีทางแล้ว เอา

หนังสือเรียนที่เบื่อที่สุดมาอ่านก็ยังไม่หลับ นับแกะไปหลายร้อยตัวสมองก็ยังตื่น กว่าจะเคลิ้มได้งีบนึงก็ตอนใกล้สว่าง

และก็ต้องรีบตื่นมาเรียน ตอนนี้สมงสมองไปหมดแล้ว

               ความรู้สึกอบอุ่นยังตามไปก่อกวนถึงกระทั่งในฝัน ผมนึกเคืองไอ้คนต้นเหตุที่ไม่ยอมให้ผมหลับสนิท ความรู้

สึกหวิวๆตรงริมฝีปากที่พี่ริวกดแนบลงมายังไม่จางหายไปแม้แต่นิดเดียว

               ผมนั่งสัปหงกอยู่ในห้องเรียนจนหมดคาบ เดินงัวเงียมาจนถึงโรงอาหารของคณะที่เริ่มจะมีคนมาใช้บริการ

หนาตาเพราะนี่ก็ใกล้สิบเอ็ดโมงแล้ว แต่เพราะความง่วงมากกว่าหิวก็เลยฟุบหน้าลงบนโต๊ะแทนที่จะไปซื้ออะไรมาใส่ท้อง

ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเมื่อได้กลิ่นหอมโชยอยู่ใกล้ๆ

               ไอ้ผีกระสือ รู้ได้ไงวะว่าผมกำลังคิดถึง

               ตัวต้นเหตุที่ทำให้ผมตาค้างตลอดทั้งคืนนั่งคีบเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปากอยู่ตรงกันข้าม เมื่อเห็นผมเงยหน้าขึ้นมาพี่

ริวก็ดันชามหมี่เหลืองน่องไก่อีกชามมาตรงหน้าผม


               “แดกซะ ซื้อมาเผื่อ”


               อะไรคือพี่แม่งปกติสุขมากครับ


               ผมก้มหน้าเหลือบตามองพี่ริวที่เขาไม่ได้มีความผิดปกติเหมือนผมเลยสักนิด ทั้งที่เขาเพิ่งจะจูบผมเมื่อวานนี้

แท้ๆ แต่ท่าทางการคีบก๋วยเตี๋ยวก็ไม่ได้แตกต่างจากเดิม เมื่อพี่ริวไม่เห็นผมแตะชามก๋วยเตี๋ยวเขาก็เลยเงยหน้ามามองผม


               “ปู่รหัสซื้อมาให้จะแดกหรือไม่แดก”


               มาตรการบังคับขู่เข็ญเกิดขึ้น ผมทำปากขมุบขมิบแอบต่อว่าพลางยกชามหมี่เหลืองน่องไก่มาอยู่ตรงหน้าแล้ว

จัดการแก้แค้นด้วยการกินน่องไก่ที่น่าสงสารทันที


               “อยู่นี่กันเองปู่กับหลาน วันนี้คิดไงมานั่งด้วยกันได้”


               เสียงหวานของพี่ฝนพี่รหัสของผมดังมาแต่ไกลก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมาถึงเสียอีก  พี่ฝนเดินปลีกตัวจากกลุ่ม

เพื่อนที่เดินมาด้วยกันเข้ามาหาผมกับพี่ริว


               “ไม่เจอหน้าว่านหลายวันแล้ว ว่าจะเอาชีทเก็งข้อสอบสแตทมาให้ เห็นบอกว่าอยากได้ไม่ใช่เหรอ”


               ผมทำตาโตด้วยความดีใจเมื่อรับชีทจากพี่ฝน


               “โห หาเจอแล้วเหรอพี่ฝน ไหนตอนแรกบอกว่าหายไง ดีเลยใกล้จะสอบมิดเทอมแล้วยังไม่มั่นใจเลยว่าจะ

ทำได้”


               บ่นให้พี่ฝนฟังเพราะผมไม่ค่อยเก่งวิชาสถิติเท่าไหร่ พี่ฝนชี้นิ้วบุ้ยใบ้ไปทางพี่ริวทันที


               “ยากอะไร ให้พี่ริวติวให้สิ รู้หรือเปล่าว่าคนนี้น่ะเอวิชาสแตทนะเฮ้ย”


               สาวห้าวแสนสวยเดินกลับไปหาเพื่อนทิ้งให้ผมเผชิญหน้ากับผีกระสือเอสแตทที่กำลังแคะขี้ฟันหลังกิน

ก๋วยเตี๋ยวหมดชาม


               “มันยากตรงไหนสแตทน่ะ”


               ผมย่นหน้าใส่เขา


               “มันก็ยากเหมือนอ่านใจคนนั่นแหละ”


               “เหมือนกันตรงไหน” พี่ริวเถียงผมกลับ


               “ตัวเลขน่ะมันมีค่าที่แน่นอนตายตัวแต่ใจคนมันเปลี่ยนแปลงกันได้ไม่เคยแน่นอน”


               “เหรอครับ แสดงว่าใจพี่ริวเปลี่ยนได้บ่อยๆงั้นสิ”


               ผมแกล้งกวนเขา แต่พี่ริวกลับนิ่งไปพักใหญ่ และคำตอบของพี่ริวก็ทำให้ผมต้องอึ้ง


               “ที่กูชอบเรียนคำนวนเพราะมันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ค่าของตัวเลขมันมีค่าที่แน่นอนของมัน เหมือนกับใจของกู

เวลาชอบอะไรแล้วกูไม่เคยเปลี่ยนใจ”







               วันนี้พี่ริวจะให้สมาชิกจับคู่ซ้อมด้วยกัน เมื่ออบอุ่นร่างกายแล้วเขาก็บอกให้ผม เบลล่าและปิ๊กแต่งตัว ตื่นเต้น

อยู่เหมือนกันนะที่จะได้แต่งตัวเต็มยศเป็นครั้งแรก


               “ใส่เกราะอ่อนอยู่ด้านในป้องกันแรงกระแทก แล้วใส่เสื้อกับกางเกงชุดนี้ ใส่ถุงมือ ใส่หน้ากาก”


               ประธานชมรมอธิบายให้เด็กใหม่อย่างพวกเราฟังและให้พวกเราทำตามทีละขั้น ร่างสูงก้าวมาหาและส่ง

หน้ากากแสนเก่ามาให้ผมอันหนึ่ง


               “ใส่อันนี้”


               “โหย มันเก่าอะพี่ริว ขอใหม่ๆหน่อยไม่ได้หรือไง”


               ผมประท้วงเพราะอยากได้หน้ากากใหม่ๆที่สนิมยังไม่ขึ้นมากกว่า พี่ริวก้มหน้ามองนิ่งๆตามแบบฉบับของเขา


               “อันนี้อันเก่งของกู กูอยากให้มึงใช้”


               ผมปฏิเสธไม่ออกเมื่อรู้เหตุผล พี่ริวสวมหมวกอันเก่งของเขาเข้ากับหัวของผม ตาข่ายเหล็กทำให้ผมมองอะไร

ไม่ชัดนักแต่ผมกลับมองเห็นดวงตาของพี่ริวที่มองผมชัดเจนจนหน้าผมร้อนไปหมด


               “กูยกให้ รักษาของรักของกูไว้ดีๆนะไอ้หน้าอ่อน”


               ไอ้พี่ริว อ่อยแม่งไม่รู้จักเวล่ำเวลา


               ดีนะที่ใส่หน้ากากอยู่ ไม่งั้นคนทั้งชมรมคงเห็นผมหน้าแดงเถือกล่ะครับ


               ผมได้คู่กับเบลล่าที่เล่นเอเป้เหมือนกัน พี่ริวสั่งให้สลับกันเดินเสต็ปเข้าแทงลำตัวคู่ต่อสู้ เขาสอนให้ฝ่ายรับเดิน

ถอยหลังและหมุนนิ้วที่บังคับให้ปลายดาบปัดดาบคู่ต่อสู้ออกไป


               “ใช้ปลายนิ้วเพื่อให้วงดาบแคบที่สุด เวลาปัดดาบออกแล้วเราจะได้ตวัดปลายดาบกลับเพื่อชิงเป็นฝ่ายบุกเข้า

ทำคะแนน แต่ตอนนี้ฝึกแค่ป้องกันก่อน”


               ผมสลับกับเบลล่าเดินสเต็ปเข้าบุกและป้องกัน ด้วยความเป็นมือใหม่ทั้งคู่บางครั้งก็มีพลาดพลั้ง ผมถูกเบลล่า

แทงเข้าที่รักแร้ที่ไม่มีเกราะอยู่ครั้งนึงถึงกับเจ็บจนร้องไม่ออก ส่วนเบลล่าก็แขนเขียวเป็นจ้ำจากฝีมือของผม


               “โอย ทั้งเหนื่อยทั้งเจ็บ”


               ผมส่งเสียงโอดโอยเมื่อการฝึกซ้อมจบสิ้นลง เหงื่อไหลเต็มตัวเพราะต้องใส่อุปกรณ์หนาๆหลายชิ้น เมื่อถอด

ทุกอย่างออกถึงได้รู้สึกว่าร่างกายเบาหวิว


               “อย่าบ่น ตอนแข่งใส่เยอะกว่านี้อีก”


               วันนี้สมาชิกไม่ได้กินอาหารเย็นร่วมกันเพราะเป็นวันศุกร์และวันจันทร์เป็นวันหยุด หลายคนเดินทางกลับบ้าน

ต่างจังหวัดพี่ริวเลยให้เลิกซ้อมเร็วขึ้น พอซ้อมเสร็จพวกเราจึงแยกย้ายกันไปส่วนผมไปไหนไม่ได้อยู่แล้วเพราะสายตาดุ

อกให้ผมรออยู่กับเขา จนกระทั่งทุกคนไปกันหมดเหลือแค่เราสองคนเพียงลำพังในชมรม


              “ถอดเสื้อซิ”


               “บ้าหรือไง ไม่ถอด”


               ผมขยับตัวหนีมองไอ้ผีกระสือด้วยความไม่ไว้วางใจ พี่ริวคว้าข้อมือผมไว้พลางส่ายหน้าอย่างระอา


               “กูจะดูว่าที่มึงถูกแทงนะเป็นไงบ้าง ไม่ได้จะปล้ำมึงหรอกน่า”


               “แน่นะ”


               ท่าทางนิ่งๆพอจะวางใจได้ ผมยอมถอดเสื้อยืดเปียกเหงื่อออกพลางส่องกระจกที่มีในชมรมอยู่บานหนึ่ง ถึงกับ

ย่นหน้าเมื่อเห็นรอยฟกช้ำสีเขียวอยู่ตรงใต้รักแร้


               “โวะ กี่วันจะหายวะ”


               บ่นพึมพำเมื่อหันกลับมาสบตากับคนที่จ้องผมอยู่ พี่ริวก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากนั่งหายใจอยู่ที่เดิม


               “มานี่ มาใกล้ๆ”


               “ทำไมต้องใกล้”


               ผมเลิกคิ้วถาม แต่ตาดุทำให้ผมต้องหุบปากและเดินเข้าไปหาพี่ริวทันที พี่ริวล้วงยาทาแก้ฟกช้ำออกมาจาก

กระเป๋าสะพายแสนเก่า เขาดึงแขนผมให้เข้าใกล้และทายาให้ตรงรอยช้ำนั้น

               มือเบาจังแฮะ

                ความเย็นของเจลยาซึมเข้าไปตามผิวหนังตรงจุดที่เจ็บแต่กระแสร้อนวูบวาบมันวิ่งวนไปทั้งตัวเมื่อเขาหยุดมือ

และเงยหน้ามาสบตากับผม


               “ใส่เสื้อซะ กูหิวแล้ว”


               ผมเพิ่งได้สติและนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้กำลังเปลือยท่อนบนอวดสายตาเขาอยู่ คราวนี้เลยรีบสวมเสื้อยืดคืนกลับ

อย่างรวดเร็ว พี่ริวเดินนำไปที่ฟีโน่ให้ผมรีบตาลีตาเหลือกตามไป







               พี่ริวพาผมมากินอาหารตามสั่งที่ตลาดฝายหินศูนย์รวมอาหารในมหาวิทยาลัย หากใครแวะมาขอบอกว่าสลัด

ผักที่นี่อร่อยมาก ผักกรอบ สด และน้ำสลัดรสชาติกำลังดี ว่าแล้วผมก็ซัดจนเกลี้ยงจาน ส่วนพี่ริวกินกะเพราไก่ไข่ดาว

อาหารสิ้นคิดและดูดน้ำเฉาก๊วยปั่นจนหมดเหยือก

               ผมไถโทรศัพท์เล่นดูโน่นดูนี่ จนกระทั่งเฟสบุ๊คอัพขึ้นมาจึงได้นึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันสำคัญ


               “เฮ้ย วันนี้มีศึกแดงเดือด”


               ผมโพล่งออกมา พี่ริวเหลือบตามอง


               “มึงดูบอลด้วยเหรอ”


               “โหย พี่ริว นี่แฟนพันธุ์แท้หงส์เลยนะ”


               พี่ริวยิ้มเย้ยหยันอยู่ตรงมุมปาก


               “เป็ดกาก”


               “อ้าว ไอ้พี่ริว พูดงี้ต่อยกันดีกว่า นี่แชมป์ยุโรปห้าสมัยนะโว้ย”


               “แล้วเคยได้แชมป์พรีเมียร์รึยัง”


               ฟายยยย

               เสือกเอาความจริงมาพูด


               “อยากดูอะ ทีวีที่หอแม่งเสือกเสีย”


               ผมทำหน้าเซ็งๆ ที่หอมีโทรทัศน์แค่เครื่องเดียวแถมยังเจ๊งอีกต่างหาก พี่ริวหยิบหนวดปลาหมึกทอดเข้าปาก

เคี้ยวกรุบๆก่อนจะเอ่ยข้อเสนอออกมา


               “ไปดูห้องกูไหมล่ะ กูอยู่หอนอก มีเคเบิ้ลดูแบบไม่มีตัดเข้าโฆษณาด้วยนะ”


               ผมเงยหน้าทำตาโตด้วยความอยากดูบอล ศึกแดงเดือดนี้มันใหญ่หลวงนัก


               “ระหว่างรอบอลเล่น กูจะได้ติวสแตทให้มึงไง”


               ผมกรอกตาไปมา เหตุผลที่พี่ริวพูดก็เข้าท่าดีเหมือนกันแฮะ



                                               TBC




        น้องว่านของเจ้ ไร้เดียงสาเหลือเกิ๊นนน          :katai1: :katai1:
               
               
               

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 8# พี่ริวชวนผมไปดูบอลที่ห้องล่ะ [28/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 28-11-2015 01:39:43
เอ่อ...นะ น้องว่าน   :ling2:
เคยตามพี่ริวทันมั้ย
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 8# พี่ริวชวนผมไปดูบอลที่ห้องล่ะ [28/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 28-11-2015 01:57:14
 :laugh:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 8# พี่ริวชวนผมไปดูบอลที่ห้องล่ะ [28/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 28-11-2015 06:51:55
เกรงว่าจะได้ติวการฟันดาบกับพี่ริวมากกว่านะนุ้งว่าน :hao3:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 8# พี่ริวชวนผมไปดูบอลที่ห้องล่ะ [28/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 28-11-2015 08:03:01
พี่ริวหลอกว่านไปฝึกฟันดาบที่ห้องแน่ๆ!
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 8# พี่ริวชวนผมไปดูบอลที่ห้องล่ะ [28/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 28-11-2015 08:20:25
นังว่านนน แกไม่รู้จุดประสงค์พี่ริวเรอะ 55555
อยากอ่านตอนหน้าเร็วๆ :ling1:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 8# พี่ริวชวนผมไปดูบอลที่ห้องล่ะ [28/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 28-11-2015 08:50:27
เหมือนที่หลายๆคนคิด
ไปถึงห้องก็อาจจะได้ฟัน... แทน
น้องว่านแบ๊วไปนะลูก อิอิ เขินพี่ริวอะ
ขอบคุณคนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 8# พี่ริวชวนผมไปดูบอลที่ห้องล่ะ [28/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 28-11-2015 09:27:24
อีน้องว่านนี่มัน ซื่อได้ใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 8# พี่ริวชวนผมไปดูบอลที่ห้องล่ะ [28/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 28-11-2015 11:12:03
น้องว่านใสซื่อน่ารักมาก  อิอิ
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด  อีพี่ริวนะจ๊ะ
สนุกมากจ้า  น่ารักดี  ชอบจ้า
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 8# พี่ริวชวนผมไปดูบอลที่ห้องล่ะ [28/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 28-11-2015 11:31:56
โอ้ยยย ว่านเอ๊ยยย
ฮาว่านเรียกพี่ริวผีกระสือ ฮ่าาาาาา
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 8# พี่ริวชวนผมไปดูบอลที่ห้องล่ะ [28/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 28-11-2015 12:38:23
พี่ริวกำลังล่อลวงว่านเข้าห้องอยู่สินะ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 8# พี่ริวชวนผมไปดูบอลที่ห้องล่ะ [28/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 28-11-2015 12:52:28
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: ขอปรบมือให้กับความเนียนของอิพี่ริวมันค่ะ น้องว่านจะรอดมั้ยต้องรอติดตามตอนต่อไป ฮ่าๆ  :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 8# พี่ริวชวนผมไปดูบอลที่ห้องล่ะ [28/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: GenZ ที่ 28-11-2015 18:06:43
น่ารักมากๆโลยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 8# พี่ริวชวนผมไปดูบอลที่ห้องล่ะ [28/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 28-11-2015 22:22:24
มีแววว่ามะตูมจะคู่กับพี่เมฆนะ

คนอ่านคนอื่นๆว่าไง

พี่ริวจับว่านทำเมียเลย

หนับหนุนเต็มที่
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 8# พี่ริวชวนผมไปดูบอลที่ห้องล่ะ [28/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 28-11-2015 23:09:04
จะรอดจากพี่ริวมั้ยล่ะว่าน
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 8# พี่ริวชวนผมไปดูบอลที่ห้องล่ะ [28/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 29-11-2015 01:09:44
สงสัยจะไม่ได้ทั้งติว ทั้งดูบอลหรอก น้องว่านใสซื่อขนาดนั้น ส่วนพี่ริวก็รุกเกิ๊น
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 8# พี่ริวชวนผมไปดูบอลที่ห้องล่ะ [28/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 29-11-2015 03:34:23
พี่ริวคนักเจน เราว่าน้องมะตูมไปจบกะพี่เมฆแน่ๆ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 8# พี่ริวชวนผมไปดูบอลที่ห้องล่ะ [28/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 29-11-2015 23:09:30
พี่ริวหลอกล่อน้องว่านเข้าห้องหวังทำมิดีมิร้ายน้องว่านใช่มั้ยบอกมา แหมๆๆทำเป็นชวนมาดูบอล :impress2:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 8# พี่ริวชวนผมไปดูบอลที่ห้องล่ะ [28/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: makone ที่ 04-12-2015 10:02:28
 :z2: ศึกแดงเดือดนี่จะมีแค่ในจอหรือจะออกมานอกจอด้วยไหมน้า  :hao6:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 8# พี่ริวชวนผมไปดูบอลที่ห้องล่ะ [28/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 04-12-2015 15:02:50
ชวนน้องไปห้องแบบเนียนๆ เลยนะคะพี่ริว
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 8# พี่ริวชวนผมไปดูบอลที่ห้องล่ะ [28/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: mink2538 ที่ 04-12-2015 18:07:07
หวังว่าจะได้ติวกันจริงๆจังๆนะค้า
เราไม่ได้คิด(ลึก)อะไรเลยจริงๆน้า
อิอิ
หัวข้อ: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 9# คนแพ้ต้องเป็นแฟนคนชนะ [04/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 04-12-2015 23:20:56


                                                         พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน

                                                                  บทที่ 9

                                                       คนแพ้ต้องเป็นแฟนคนชนะ


               ในที่สุดฟีโน่คันเก่งก็พาผมมาที่หอพักขนาดสี่ชั้นด้านหลังมหาวิทยาลัย พี่ริวพาผมเดินขึ้นบันไดมายังชั้นสาม

และผมก็ได้ก้าวเข้าไปยังห้องพักขนาดพอเหมาะที่มีห้องน้ำในตัวและมีระเบียงเล็กๆสำหรับตากผ้า พี่ริวจัดเตียงขนาดห้า

ฟุตไว้ติดผนังห้องด้านหนึ่ง ตรงกันข้ามกับเตียงมีโทรทัศน์ขนาดไม่ใหญ่นักและเครื่องเล่นเกมเพลย์เสียบค้างวางอยู่กับ

พื้นห้อง ด้านหนึ่งเป็นตู้เสื้อผ้าที่เปิดค้างอวดกองเสื้อผ้ารกและโต๊ะหนังสือที่รกไม่แพ้กันด้วยกองหนังสือการ์ตูนตั้งใหญ่


               “พี่แม่งเป็นโอตาคุเหมือนพ่อพี่แหงๆ”


               “รากมันฝังลึกแล้วโว้ย ถ้ามึงไปเห็นที่บ้านจะตกใจ”


               เจ้าของห้องโยนกระเป๋าเป้ไว้บนโต๊ะอย่างไม่สนใจนัก พี่ริวทรุดตัวลงนั่งกับพื้นพิงหลังกับท้ายเตียงและเปิด

โทรทัศน์ เขาเงยหน้ามองผมพร้อมกับเลิกคิ้ว


               “จะยืนค้ำหัวกูอีกนานไหม”


               ผมเงอะงะขึ้นมาทันที ก็ห้องมันแคบเท่าแมวดิ้นตายขนาดนี้จะให้ผมทำยังไงวะ


               “มานี่สิ”


               มือใหญ่ตบปุๆลงข้างตัวให้ผมนั่งลงข้างๆเขา พี่ริวเปิดเครื่องเพลย์ยิงซอมบี้ยั่วผมจนต้องสะกิดยิกๆ


               “เล่นมั่ง”


               “ข้อสอบเก็งสแตทมึงล่ะ”


               “เล่นแป๊บเดียว”


               “เอาข้อสอบมาดูเดี๋ยวนี้เลยไอ้ว่าน”


               เสียงดุดังลั่นจนผมต้องหัวหดทั้งที่ไอ้คนดุยังบังคับจอยสติ๊กยิงไอ้ตัวซอมบี้อยู่ในจอโทรทัศน์ ผมค้อนดังขวับ

แต่ก็จำใจยอมดึงแผ่นชีทของพี่ฝนออกมาจากกระเป๋า ผมคว้าหมอนใบหนึ่งจากเตียงมาวางกับพื้นแล้วนอนคว่ำหน้าลงไป

รวบรวมสมาธิกับโจทย์ตรงหน้า แต่แม่งโคตรยากเย็นเมื่อไอ้เสียงซอมบี้ถูกยิงยังดังล่ออยู่ และมันก็ขาดผึงทันทีเมื่อไอ้

พี่ริวตะโกนเสียงดังลั่น


              “ผ่านด่านแล้วโว้ย ฮ่าๆ สะใจ”


               ผมดันตัวลุกขึ้นมานั่งทันทีพลางทำหน้าบึ้งใส่พี่ริว


               “ไหนว่าจะติวให้ไง นี่อะไร มาถึงก็มัวแต่เล่นเกม โกหกกันนี่หว่า”


               พี่ริวทำตาปริบๆพลางวางจอยลงอย่างเสียดาย


               “เออ เลิกก็ได้”


               ผมคว้าจอยมาจากพี่ริวทันทีพร้อมยิ้มอย่างได้รับชัยชนะ


               “ให้ผมเล่นบ้าง”


               “แต่มึงต้องอ่านสแตท”


               “โห พี่ริว เวลามีนิดเดียวอ่านไปก็ไม่รู้เรื่องหรอก แล้วอีกเดี๋ยวบอลจะมาแล้วด้วย ให้ผมเล่นเกมรอบอลเล่นดี

กว่าน่า”


               ผมดึงมือหนีพี่ริวที่เอื้อมมือมาจะคว้าจอยไปจากผม รูปร่างสูงใหญ่ของนักดาบเซเบอร์โผเข้ามาหาจนกระทั่ง

ผมหงายหลังลงไปอย่างไม่ทันตั้งตัว


               เชื่อเรื่องบังเอิญไหมครับ

               เมื่อตอนนี้ผมหงายท้องไปนอนแอ้งแม้งโดยมีหมอนหนุนที่ผมเป็นคนคว้ามาเองหนุนอยู่ตรงหัวพอดี และมีไอ้

ตัวหนาๆของพี่ริวล้มตามลงมาทับผมไว้ ใบหน้าของเขาห่างกันอยู่แค่ห้าเซนติเมตรโดยประมาณ และตอนนี้เราทั้งคู่กำลัง

ประสานสายตากันอยู่

                หรือคุณจะเชื่อเรื่องที่ผมแม่งโคตรโง่ตกเป็นเหยื่อไอ้ผีกระสือที่กำลังมองผมตาเชื่อม ในเมื่อตอนนี้ผมสำนึก

แล้วว่ากำลังอยู่กับไอ้พี่ริวสองคนในห้องปิดตายไร้ผู้คนช่วยเหลือโดยการที่ผมก้าวเข้ามาอยู่ในกำมือของพี่ริวด้วยความ

ซื่อบื้อของตัวเอง


               “พะ พี่ริว ปล่อยก่อน อึดอัด”


               ทำใจดีสู้ผีกระสือในคราบหมาป่า หน้านิ่งๆแต่นัยน์ตากลับวาววับเมื่อมองผม พี่ริวไม่ยอมปล่อยแถมยังกด

ใบหน้าลงมาจนความกว้างห้าเซ็นติเมตรมันแคบลงเรื่อยๆ

               5

               4

               3

               2

               1

               แอร้ยย!

               ไม่เหลือช่องว่างอีกต่อไปแล้วเมื่อปากของเขากดแนบลงมาบนปากของผมที่นอนตัวแข็งอยู่บนพื้น มันไม่ได้

หยาบคายเมื่อพี่ริวเพียงสัมผัสนิ่งอยู่ในท่านั้น มือร้อนๆจับอยู่ตรงเอวทำท่าเหมือนอยากจะลากไล้แต่กลับอยู่นิ่งเมื่อพี่ริว

ค่อยๆละปากออกและยกหัวขึ้นออกจากความแนบแน่น ผมที่ยังตกใจในการถูกจูบเป็นครั้งที่สองจ้องมองพี่ริวอย่างค้นคว้า

ในความเงียบ


               “พี่จูบผมทำไมวะ บอกมาดิ๊ หวังฟันผมใช่ไหม”


               ผมเพิ่งหาเสียงตัวเองเจอและก็ต้องตกใจที่มันสั่นเหลือหลาย พี่ริวจ้องตาก่อนจะเลื่อนสายตาลงมาจนมาหยุด

อยู่ที่ปากของผมอีกครั้ง


               “อะไรทำให้มึงคิดว่ากูหวังฟันมึง”


               เกลียดเสียงพี่ริว

               มันเนิบนาบราบเรียบราวกับผิวน้ำนิ่งหากแต่มีรอยสั่นของคลื่นอยู่ใต้น้ำ ยอมรับก็ได้ว่าแม่งโคตรดึงดูดให้อยาก

ฟัง


                “ก็การที่คนเราจะจูบใครสักคน มีจุดมุ่งหมายเดียวเท่านั้นแหละคือคิดจะฟัน”


               คำตอบที่ก๊อปไอ้คิงมาหลุดออกจากปาก เมื่อพูดจบก็อยากจะกัดลิ้นตัวเองเมื่อเห็นนัยน์ตาพราวบนใบหน้าที่

ยังนิ่งเฉยไม่เปลี่ยนแปลง


               “มึงพูดซะกูปฏิเสธไม่ออกเลยไอ้หน้าอ่อน ก็แล้วถ้ากูคิดจะฟันมึงจริงๆขึ้นมามึงจะว่าไง”


               “ผมมันโง่เองที่เชื่อแล้วตามพี่มา ไอ้ผีกระสือ ไอ้หมาป่า พี่เห็นว่าผมโง่แล้วหลอกผม ล้อผมให้ผมขายขี้หน้า

ใช่ไหมปล่อยผมนะ”


               ผมหลับหูหลับตาดิ้นรนอยู่ในอ้อมกอดที่ยังรัดแน่นเมื่อความรู้สึกอับอายแล่นมาเป็นริ้ว ข้อมือทั้งสองข้างถูกยึด

ไว้เพื่อบังคับให้อยู่นิ่ง


               “ที่กูทำดีกับมึงมาทั้งหมด นี่คือมึงคิดว่ากูหลอกฟันมึงเล่นๆงั้นเหรอ มึงจะมองกูในแง่ดีไม่ได้หรือไงว่ากูทำ

เพราะกูกำลังจีบมึงอยู่ หือ ไอ้เด็กโง่”


               ผมหยุดดิ้น นอนนิ่งให้ระบบประสาทประมวลผลแล้วส่งข้อมูลไปยังสมอง สิ่งที่สมองรายงานออกมามันทำให้

เลือดวิ่งมาเลี้ยงอยู่แถวใบหน้า


               พี่ริวจีบผม!

               กรี๊ดดด


               เงยหน้าขึ้นอีกครั้งเพื่อสบตากับพี่ริวขณะที่หัวใจของผมเต้นตุ๊มๆต่อมๆจนกลัวว่ามันจะพุ่งออกมาภายนอก

บรรยากาศมันดูขัดเขินจนกระทั่งเสียงทักทายจากในโทรทัศน์ดังขึ้นมา

               ศึกวันแดงเดือดกำลังจะเริ่มต้น

               พี่ริวกระพริบตาเรียกสติ เขาขยับตัวออกจากการล้มทับอยู่บนตัวผมแล้วฉุดแขนให้ผมลุกนั่งตามขึ้นมา พี่ริว

ลับไปนั่งพิงหลังกับท้ายเตียงแต่คราวนี้เขาดึงผมให้ไปนั่งอยู่ด้านหน้า เขาเหยียดขาวางขนานไปกับขาของผมพลาง

สอดท่อนแขนมาโอบเอวให้ผมเอนกายพิงกับแผงอกล่ำๆของเขา


              “ดูบอลกันดีกว่า คืนนี้เป็ดโดนผีแดกแน่”


               “สลัดฟักทองว่ะพี่ เดี๋ยวคอยดูผีแม่งถูกเชือดคาบ้านสองเม็ดต้องมี”


               ผมหันกลับไปด่าเมื่อทีมรักถูกดูหมิ่น อ้อมกอดตรงเอวยิ่งกระชับแน่นเมื่อคนที่นั่งซ้อนหลังหัวเราะเบาๆ


               “ปลายนวมสักหน่อยไหมล่ะ”


               ผมยักไหล่อย่างไม่แคร์


               “ก็ได้ บอกกติกามาสิ”


               ผมท้าทายพลางจ้องมองเกมในโทรทัศน์อย่างตื่นเต้น พี่ริวไม่ยอมพูดอะไรอีกเมื่อเขาปล่อยให้ผมได้ดูบอล

เต็มที่

               ครึ่งแรกเล่นกันแบบระวังตัวเต็มที่จนกระทั่งจบครึ่งอย่างไร้สกอร์ เกมเพิ่งจะมาดูดีตอนครึ่งหลังเมื่อฆวน มาต้า

ส่งลูกให้ดาลีย์ บรินต์ซัดเต็มข้อเข้าประตูไปแมนยูนำไปหนึ่งลูกในที่สุด เกมเล่นจนครึ่งหลังผ่านไปครึ่งทางผมก็ต้องสบถ

อย่างหงุดหงิดเมื่อไอ้เวรโกเมซซัดลูกที่สองเข้าไป


               “สองเม็ดต้องมี”


               เสียงเยาะเย้ยดังมาจากไอ้พี่ริว ผมหันไปแยกเขี้ยวใส่อย่างหงุดหงิด เกมดำเนินอย่างเสียวไส้ผมเริ่มลุ้นสุดตัว

บลินท์โขกไปเข้าทางเบนเตเก้ที่โชว์โอเว่อร์เฮดคิกตีไข่แตกให้ทีมรัก ผมตะโกนดังลั่นพลางหันไปกอดพี่ริวด้วยความดีใจ

เมื่อยังมีความหวังจะตีเสมอในห้านาทีสุดท้าย แต่ดีใจตดไม่ทันจะหายเหม็นไอ้มาร์คซิยาลเด็กผีเปรตก็ลากบอลยาวเข้า

เขตโทษและยิงปิดสกอร์


               “เหี้ยเอ๊ย!”


               กรรมการเป่านกหวีดด้วยสกอร์แมนยูสามลิเวอร์พูลหนึ่ง ผมเอื้อมมือไปปิดโทรทัศน์ทันทีเพราะไม่อาจทนดู

ภาพบาดใจได้อีก เสียงหัวเราะดังแผ่วมาจากคนนั่งดูเงียบๆอยู่ด้านหลัง ผมเลยขยับตัวหันไปเผชิญหน้าแล้วทุบหน้าอกพี่

ริวดังพลัก


               “หัวเราะทำไมครับ ฟุตบอลนะไม่ใช่โนสอุดม”


               มือที่ทุบลงไปถูกพี่ริวยึดเอาไว้ เขาหัวเราะขำที่เห็นผมหน้าบึ้งเพราะบอลแพ้


               “แพ้ก็ยอมรับว่าแพ้สิว้า จะยากอะไรเดี๋ยวพรุ่งนี้กูซื้อปี๊บไว้ให้มึงคลุมหน้าเอง”


               “เหี้ยพี่ริว เดี๋ยวเหอะ อ๊ะ จะทำอะไร”


               ผมตกใจที่อยู่ๆพี่ริวก็รวบเอวผมแล้วยกไปโยนลงบนเตียง เขาโผเข้ามาคร่อมร่างผมไว้ให้ผมอยู่ในวงแขนของ

เขา


               “แพ้แล้วอย่าฟอร์มลืมหน่อยเลย ตะกี้มึงรับปากพนันกับกูไว้”


               ผมดิ้นขลุกขลักก็เลยถูกยึดแขนตรึงไว้กับที่นอน ผมมองพี่ริวอย่างแค้นเคือง


               “โมฆะโว้ย พี่ไม่ได้บอกกติกาสักคำ”


               พี่ริวก้มหน้ามองผม หน้านิ่งๆแต่ดวงตากลับเป็นประกาย นิ้วมือด้านๆแตะอยู่บนแก้มของผม มันลากมาตาม

กรอบหน้าจนผมใจสั่น


             “แพ้ก็คือแพ้ ยังไงมึงก็ต้องทำตามไอ้ว่าน”


               “อะ อะไรล่ะ พี่จะให้ผมทำอะไร”


               ใบหน้าหล่อๆเริ่มจะใกล้เข้ามาอีกแล้ว และดูเหมือนคราวนี้เขาจะไม่ปล่อยผมไปง่ายๆ นิ้วมือของพี่ริวมาหยุด

อยู่ที่คางของผมและดันมันขึ้นให้ผมยกหน้าสูงขึ้นมา ตอนนี้ในสมองช่างว่างเปล่าไม่มีแม้แต่หงส์แดงทีมรัก


               “มึงแพ้ มึงต้องมาเป็นแฟนกู”


               เสียงนั้นเบาแค่กระซิบเมื่อพี่ริวก้มหน้าลงมากดจูบลงกับปลายคาง ก่อนจะเลื่อนขึ้นเม้มริมฝีปากล่างของผม

เข้าไป ผมตัวสั่นอยู่ในอ้อมกอดที่โอบรอบ น้ำหนักตัวไม่น้อยกดทิ้งลงมาตรึงให้ผมอยู่นิ่งดิ้นไม่หลุดเมื่อพี่ริวเริ่มคลอเคลีย

สูงถึงมุมปากของผม


               “เดี๋ยวสิ แล้วถ้าตะกี้ผมชนะล่ะ”


               ผมโวยวายเสียงดังเมื่อฟังกติกาที่พี่ริวเพิ่งจะมาบอก


               “ถ้ากูแพ้ กูก็จะยอมเป็นแฟนมึงไง ไอ้...ว่าน”


               ปลายเสียงหยุดลงเมื่อพี่ริวทาบปากของเขามาบนปากของผมแนบสนิท ริมฝีปากหยุ่นกดเบียดลงมาด้วยแรง

ที่มากกว่าเดิมเพื่อบังคับให้ผมยอมรับ และเมื่อสติผมเตลิดพี่ริวก็ฉวยโอกาสดันลิ้นชื้นเข้ามาทันที ผมสะดุ้งราวกับไฟช็อต

เมื่อลิ้นของเราแตะกันครั้งแรก

               เย็นชื้นอยู่ตรงปากแต่มันร้อนวูบวาบไปทั้งตัว ร่างกายที่แข็งราวกับหินพลันอ่อนยวบลงทันที พี่ริวค่อยๆลุกล้ำ

ลึกเข้ามาเรื่อยๆ เขาตวัดลิ้นกลับเข้าไปใต้ลิ้นของผมคราวนี้ผมถึงกับผวากอดคอเขาไว้ เมื่อพี่ริวกำลังใช้ความชำนาญ

สอนเชิงไอ้คนอ่อนหัดอย่างผมให้ระเริงไปกับรสจูบจนเมาไปหมด


               “อื้อ...อึก”


               สำลักอากาศจนไอออกมา พี่ริวผละปากออกให้ผมได้หอบกินอากาศเข้าไปในกระพุ้งแก้ม ผมลองพลิกลิ้น

ของเขาบ้างจนได้ยินเสียงในลำคอลึกของพี่ริวอย่างถูกใจ เขาดึงเอวของผมเข้าไปแนบชิดมือสากสอดเข้ามาในเสื้อยืดที่

ผมใส่จนผมร้อนผ่าวไปหมด เสื้อของผมเลิกสูงขึ้นเรื่อยๆจนใกล้จะถึงลำคอเต็มที


               RRRRR


               พากันสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือจากกางเกงวอร์มของผม สติเริ่มกลับคืนมาเมื่อผมผลักไหล่หนา

เบาๆพี่ริวผละปากออกอย่างเสียดายเมื่อผมล้วงโทรศัพท์ขึ้นมารับด้วยมือสั่นเทาและริมฝีปากสั่นระริก พี่ริวยังคงมองผม

ด้วยดวงตาพราวแสงของเขา


               “ว่าไงไอ้มะตูม”


               “เหี้ยว่าน มึงไปไหน กูก็แม่งห่วงมึงชิบหาย ดึกแล้วทำไมไม่กลับหอวะ”


               ผมสูดลมหายใจเข้าปอดด้วยความยากลำบากเมื่อชักจะลืมวิธีหายใจไปแล้ว”


               “กูมาดูบอลห้องพี่ริว”


               “อ้าว เหรอ เออ ทีวีที่หอเสียนี่หว่า บอลจบแล้วนี่โดนไปสามลูกเจ็บเจียนตายสิมึงอะ”


               “อะ...เออ”


               “ดึกแล้วมึงก็ขออาศัยนอนห้องพี่ริวเลยละกัน ไม่ต้องกลับหอหรอกมันอันตราย งั้นกูนอนแล้วพอรู้ว่ามึง

ปลอดภัยกูก็โล่ง นอนแล้วว่ะ”


               “มะตูม เหี้ยมะตูม...”


               ผมปลอดภัยในห้องพี่ริว ไอ้มะตูมมันคงช็อกถ้ารู้ความจริงว่าผมกำลังถูกคุกคามด้วยสายตาอย่างหนัก พี่ริว

มองผมอีกพักใหญ่ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นแล้วเดินไปยังตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าเช็ดตัวกับชุดนอนมาโยนให้ผม


               “ไปอาบน้ำไป เหม็นเหงื่อชิบหาย”


               “....”


               “ไม่ต้องมองกูแบบนั้น หมดอารมณ์ปล้ำมึงแล้วไอ้เหี้ยว่าน”


               ผมรีบเด้งตัวขึ้นวิ่งจู๊ดเข้าห้องน้ำและกลับออกมาด้วยเสื้อยืดกางเกงบอลของพี่ริว จากนั้นพี่ริวก็เข้าห้องน้ำต่อ

จากผม เขาเข้าไปในห้องน้ำนานจนผมที่นอนอยู่บนเตียงหาวหวอดและเผลอหลับไป


               รู้สึกถึงแรงกอดรัดและความอบอุ่นจนผมต้องซุกกายเข้าหา เสียงพึมพำดังแว่วเข้ามาในโสตประสาทอันแสน

งัวเงีย


               “คืนนี้รอดตัวไปนะไอ้ว่าน ต่อไปกูจะไม่ปล่อยมึงเหมือนเมื่อกี้แน่”
               


TBC

       

 :o8: :o8: :o8:        
             
               
               
               
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 9# คนแพ้ต้องเป็นแฟนคนชนะ [04/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 04-12-2015 23:40:42
รักจริงหวังฟันจริง ๆ สินะ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 9# คนแพ้ต้องเป็นแฟนคนชนะ [04/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-12-2015 23:52:08
 :hao6:



รอๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 9# คนแพ้ต้องเป็นแฟนคนชนะ [04/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 05-12-2015 00:08:44
แพ้หรือชนะก็ต้องเป็นแฟนพี่ริวอยู่ดีล่ะว่านเอ้ยยย


เกือบไม่รอดแล้วดิว่านนน   :hao3:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 9# คนแพ้ต้องเป็นแฟนคนชนะ [04/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 05-12-2015 01:09:43
ว้ายยยยยยยยย
รอดไปนะหนูว่านนนน
ไอพี่ริวมันร้ายเว้ยย55555555
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 9# คนแพ้ต้องเป็นแฟนคนชนะ [04/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 05-12-2015 01:38:18
พี่อยากฟันก็บอกมาตรงๆ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 9# คนแพ้ต้องเป็นแฟนคนชนะ [04/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 05-12-2015 05:56:54
พี่ริว อย่าป๊อดเด้ จับหนูว่านปล้ำเลย คนอ่านลุ้นมาก :haun4:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 9# คนแพ้ต้องเป็นแฟนคนชนะ [04/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 05-12-2015 07:02:14
 :katai2-1:   น้องว่านได้แฟนแล้ว อีกไม่นานโดนฟันแน่ๆ
สมใจพี่ริวแล้วเนาะ 555 เอาบอลมาอ้าง ตลกอะ

ขอบคุณที่มาต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 9# คนแพ้ต้องเป็นแฟนคนชนะ [04/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 05-12-2015 09:15:49
อุต๊ะ พี่่ริวยอมปล่อยน้องง่ายจัง อิ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 9# คนแพ้ต้องเป็นแฟนคนชนะ [04/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: makone ที่ 05-12-2015 09:42:58
 :katai2-1: มะตูมช่วยชีวิต เหรอ  :ruready
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 9# คนแพ้ต้องเป็นแฟนคนชนะ [04/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 05-12-2015 11:16:24
แหมมะตูมมมมม

หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 9# คนแพ้ต้องเป็นแฟนคนชนะ [04/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 05-12-2015 12:15:24
แหม ช่างเป็นการพนันที่มีแต่ได้กับได้นะพี่ริว
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 9# คนแพ้ต้องเป็นแฟนคนชนะ [04/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 05-12-2015 12:29:35
เป็นแฟนแล้วนะ
เจ้าว่านมันรู้ตัวยัง
รอดตัวไป เกือบไปแล้ว 5555555  :o8:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 9# คนแพ้ต้องเป็นแฟนคนชนะ [04/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: tukkata bambola ที่ 05-12-2015 14:54:09
เกือบไปแล้วมั้ยล่ะน้องว่าน :hao6: แต่ว่านะพี่ริวเนียนเนอะ :laugh:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 9# คนแพ้ต้องเป็นแฟนคนชนะ [04/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 05-12-2015 18:53:18
เกือบถูกฟันแล้วมั้ยล่ะ ว่าน!!
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 9# คนแพ้ต้องเป็นแฟนคนชนะ [04/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 05-12-2015 22:17:23
ก็ธรรมดา รักเกิด sexก็ตามติดหลังมา อิอิ

เชียร์ให้พี่ริวเผด็ดศึกว่านซะ


หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 9# คนแพ้ต้องเป็นแฟนคนชนะ [04/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 05-12-2015 22:41:09
สองเม็ดต้องมีนี่ว่านเป็นอีเจี๊ยบเหรอ ฮ่าๆๆๆ พี่ริวเข้าห้องน้ำนานเรารู้นะว่าหายไปทำอะไร หึหึ : :hao3: :hao3: :hao3: :z1:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 9# คนแพ้ต้องเป็นแฟนคนชนะ [04/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 05-12-2015 22:43:43
แพ้หรือชนะก็ต้องเป็นแฟนกันอยู่ดีแหละนะน้องว่าน
 :hao3: :hao3:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 9# คนแพ้ต้องเป็นแฟนคนชนะ [04/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 06-12-2015 16:50:19
รอ รอ รอ

 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 9# คนแพ้ต้องเป็นแฟนคนชนะ [04/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: athena_tiew ที่ 06-12-2015 17:22:04
กะแล้วไม่ว่าหงษ์หรือผีแดงจะชนะ ว่านก็ต้องเป็นของพี่ริว ก็พี่ริวจะเอานินะ ถ้าคู่แข่งไม่เผยตัว พี่ริวก็คงจะไม่รวบรัดน้องแบบนี้สินะ กลัวว่านไม่ยอมเป็นแฟนด้วยเหรอ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 9# คนแพ้ต้องเป็นแฟนคนชนะ [04/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 06-12-2015 21:49:02
พี่ริวเข้าห้องน้ำนานเพราะมัวแต่มีความสุขกับน้องนางทั้งห้าใช่มั้ย  :impress2:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 9# คนแพ้ต้องเป็นแฟนคนชนะ [04/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 07-12-2015 11:59:19
555+ เกือบโดนฟันซะแล้วน้องว่าน
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 9# คนแพ้ต้องเป็นแฟนคนชนะ [04/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 07-12-2015 13:44:52
หวุดหวิดมากค่ะมะตูม เกือบได้เพื่อนเขยแล้วล่ะค่ะถ้าโทรมาช้าไปกว่านี้อีกนิด :laugh:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 9# คนแพ้ต้องเป็นแฟนคนชนะ [04/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Malila ที่ 07-12-2015 14:57:57
เกือบไปแล้วววววว :hao7:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 9# คนแพ้ต้องเป็นแฟนคนชนะ [04/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: TR ที่ 07-12-2015 16:20:41
น่าร้ากกกกก น้องว่านใสๆ
มะตูมไม่น่าโทรมาเลยให้ตายสิ! 555
เป็นแฟนกันแล้ว งานนี้ลุงริวรุกเต็มที่
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 9# คนแพ้ต้องเป็นแฟนคนชนะ [04/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 07-12-2015 17:15:01
เจอรุกหนักๆเข้าไป น้องว่านถึงกับไปไม่เป็น 555555 ชอบบบบ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 9# คนแพ้ต้องเป็นแฟนคนชนะ [04/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: bittertam ที่ 07-12-2015 21:28:50
น้องว่านนี่เซอะสึ่งตึงมากเลยค่ะ5555 ล้อเล่นคร๊าบ น้องว่านน่ารัก เกลียดอิพี่ริวคนเนียนนี่ หวังฟันน้อง น้องไม่ประสีประสา ยังไม่บอกรักน้องเลยตั้งท่าจะกดน้องละ อิพี่ริวคนบาป บอกรักน้องก่อนเส้

ชอบรายละเอียดเรื่องกีฬาฟันดาบมากเลยค่ะ ปกติก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเลย แต่ก็เคยๆดูแข่งฟันดาบเหมือนกัน เห็นบางทีเค้าก็สู้กันแบบแทงๆจิ้มๆ บางคู่ก็มีปัดๆฟันๆไรงี้ เพิ่งเข้าใจวันนี้เองว่ามีหลายแบบ อิอิ  o13 ขอบคุณสำหรับข้อมูลแล้วก็เป็นกำลังใจให้จ้า
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 9# คนแพ้ต้องเป็นแฟนคนชนะ [04/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 10-12-2015 03:07:01
โอ๊ยยย เขินนน  :-[
พี่ริวหายไปเข้าห้องน้ำนาน สงสัย...  :hao6:
หัวข้อ: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 10# อ้อมกอดของพี่ริวอุ่นดีนะ [12/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 12-12-2015 12:50:10

                                                  พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน

                                                          บทที่ 10

                                                   อ้อมกอดของพี่ริวอุ่นดีนะ             


                ลืมตาตื่นขึ้นมาตอนแสงแดดแยงตาผมเห็นพี่ริวกำลังเก็บของใส่เป้ใบเก่ง เมื่อพี่ริวเห็นผมหาวหวอดพลางบิด

ขี้เกียจเขาก็ทักทายอย่างอ่อนหวานทันที


               “เหี้ยว่าน นอนดิ้นชิบหาย ตัวมึงมีอยู่แค่นี้นอนแม่งเต็มพื้นที่แถมถีบกูจนเกือบจะร่วงจากเตียง สัส”


               คือเวลาพูดกันอย่างปกติพี่พูดยาวเหมือนตอนด่าเป็นไฟแบบนี้ไหมครับไอ้ผีกระสือ

               ผมส่ายหน้าอย่างรำคาญพลางลุกจากเตียงเดินงัวเงียเข้าไปยืนฉี่อยู่ในห้องน้ำ สมองที่เพิ่งจะตื่นนอนยังคง

ว่างเปล่าจนต้องค่อยๆทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

               ไอ้พี่ริวมันบังคับให้เป็นแฟนมัน

               และมึงก็เกือบจะเสียตัวตั้งแต่มึงยังไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกับเขา ไอ้เหี้ยว่าน

               เยี่ยวเกือบชะงักเมื่อปะติดปะต่อเรื่องราวได้ ผมถึงกับหน้าแดงเถือกเมื่อไปยืนส่องกระจกอยู่ตรงอ่างล้างหน้า

               ผมว่าผมเป็นผู้ชายหน้าตาธรรมดานะและไม่เห็นจะมีอะไรที่น่าดึงดูดใจสักนิด มันทำให้ผมนึกแปลกใจที่คน

อย่างพี่ริวหันมาสนใจผม ทั้งที่เขาจะหาคนอื่นที่ดูดีกว่าผมก็ได้ ทำไมต้องเป็นผมล่ะ

               ถามว่ารู้สึกอย่างไรก็ต้องตอบตัวเองตรงๆว่าไม่ได้รังเกียจแถมยังตื่นเต้นอีกต่างหาก และจูบของพี่ริวก็ทำให้

ผมถึงกับเคลิ้ม งุ้ยยย {{{(>_<)}}}

               หรือว่าผมเองก็จะชอบไอ้ผีกระสือหน้าหยิ่งเข้าเสียแล้ว


               “โอ๊ย หน้ามึงจะแดงอะไรนักหนาวะ”


               ด่าตัวเองก่อนจะเดินออกไปจากห้องน้ำ ตอนนี้ผมเห็นพี่ริวแต่งตัวพร้อมสรรพด้วยเสื้อยืดกางเกงยีนส์และเสื้อ

ยีนส์แขนยาวแสนเก่าด้านหลังคล้องเป้ส่วนมือถือถุงเต็นท์ ผมได้แต่กระพริบตาปริบๆ


               “พี่จะไปไหน”


               “หยุดตั้งสามวัน มึงจะนอนแกร่วอยู่หอหรือไง กูจะไปเที่ยวพักผ่อนนอนริมลำธาร”


               คร้าบ พ่อคนติส หลายฟิลจริงจริ๊ง


               “งั้นไปส่งผมที่หอก่อนพี่ไปเที่ยวนะ แล้วพี่จะไปไหนก็ไป”


               พี่ริวนิ่งมองผม สายตาของเขาทำให้ผมหนาวยิ่งกว่าอากาศยามเช้าเสียอีก


               “กูจะไปส่งมึงที่หอ เพื่อจะให้มึงเก็บของแล้วไปกับกู”


               ชัดถ้อยชัดคำ เน้นๆ

               แต่ผมก็ยังไม่อยากจะเชื่อหูจนกระทั่งร่างสูงก้าวตรงเข้ามาล็อคคอผมไว้ด้วยท่อนแขน


               “มึงเป็นแฟนกูแล้วอย่าลืมสิ แฟนกันไปไหนเขาก็ต้องไปด้วยกัน”


               ครับพี่ครับ!

               ไอ้พี่ริวพาผมนั่งซ้อนฟีโน่ไปยังหอพักของผม เขาปล่อยให้ผมขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและเก็บของใช้โดย

มีเขานั่งกดดันรออยู่ข้างล่าง เมื่อกลับขึ้นไปถึงห้องไอ้มะตูมยังนอนหลับอุตุส่วนไอ้คิงคงกลับบ้านที่กรุงเทพตั้งแต่เมื่อคืน


                “อ้าว ไอ้ว่านเหรอ”


               มะตูมสะลึมสะลือขึ้นมาตอนที่ผมออกจากห้องไปอาบน้ำที่ห้องน้ำรวม เมื่อจัดการตัวเองเสร็จแล้วกลับมาใน

ห้องไอ้มะตูมเพิ่งจะตื่นเต็มตา ผมแต่งตัวและเก็บของใช้พวกแปรงสีฟัน ยาสีฟันใส่กระเป๋าพร้อมๆกับคุยกับมัน


               “กลับบ้านไหมวะ”


               มันชวนผม ผมได้แต่ส่ายหน้า ผมกับไอ้มะตูมอาศัยอยู่จังหวัดใกล้ๆกับเชียงใหม่นี่เองเดินทางสะดวกสบาย


               “ไม่ล่ะ พี่ริวชวนไปเที่ยว”


               ไอ้มะตูมเหลือบตามองผมอย่างแปลกใจเล่นเอาสันหลังหวะวูบๆยังไงก็ไม่รู้


               “เดี๋ยวนี้ตัวติดกับปู่รหัสมึงจังนะทั้งที่เมื่อก่อนด่าเขาชิบหาย เออ มีอีกเรื่องนึง”


               ไอ้มะตูมคว้าถุงคุกกี้ถุงหนึ่งออกมาจากกระเป๋ามันแล้วโยนให้ผม


               “พี่เมฆฝากมาให้มึง”


               ผมมองถุงคุกกี้ในมือด้วยความประหลาดใจ


               “พี่เมฆเนี่ยนะ”


               “เออสิวะ กูก็ยังงงอยู่ เอาให้กูถุงนึงมึงถุงนึง กูว่ามันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแล้วนะ”


               “เหี้ยมะตูม กูถามมึงจริงๆเหอะ มึงโยนความเป็นเพื่อนทิ้งไปก่อนนะแล้วตอบกูที กูนี่มันรูปร่างหน้าตาดีไหม

วะ”


               ตอนแรกมันทำท่าเหมือนจะด่าผมแต่มันก็ไม่ด่า มะตูมเอียงคอมองหน้าพิจารณาแล้วจึงพูดออกมา


               “กูว่ามึงก็พอใช้ได้นะไอ้เหี้ยว่าน หน้ามึงอะบ้านๆแต่พอกูลองแยกชิ้นส่วนมองดีๆ ตามึงก็คมดี จมูกก็โด่งใช้ได้

ปากมึงก็แดง แต่รวมๆแล้วหล่อน้อยกว่ากูว่ะ ฮ่าๆๆ แล้วมึงจะถามให้ได้อะไรขึ้นมาวะ หรือแอบไปสนสาวคณะไหนปรึกษา

กูได้นะมึง”


               “มึงไปจีบน้องลูกแพร์ให้ได้ก่อนเหอะแล้วค่อยมาสอนกู โธ่ ไอ้เวรมะตูม กูไปละไอ้พี่ริวรอข้างล่าง อะ มึงเอา

คุกกี้ไปฝากแม่กูด้วย”


               ผมโยนถุงคุกกี้ในมือคืนให้มันก่อนจะรีบวิ่งลงมาชั้นหนึ่ง ที่มีไอ้พี่ริวนั่งหน้าหงิกรออยู่


               “มึงขึ้นไปเก็บของหรือขึ้นไปนอนต่อกันแน่วะ กูนั่งรอจนรากแก้วงอกแล้วรู้ไหม”


               ผมรีบยิ้มประจบทันที หวังจะใช้ลูกอ้อนสยบมารกระสือ


               “อย่าหงุดหงิดเลยน่า แก่เร็วไม่รู้นะ”


               พอเห็นผมยิ้มสีหน้าพี่ริวก็แอบเปลี่ยน มันไม่มากจนฟอร์มขี้เก๊กหลุดแต่ผมก็พอจะเริ่มมองออกว่าเขาคงเขิน

แต่ต้องคีพลุคไว้ เสร็จผมล่ะ ผมเริ่มจับทางเขาได้บ้างแล้ว ผมหัวเราะเบาๆแล้วลากร่างสูงๆนั่นไปที่ฟีโน่คันเก่ง


               “เอ้า จะไปไหนก็ไป แต่จะไปด้วยมอไซค์เนี่ยนะ”


               “ไปไม่ไกลหรอก ออบขานแค่นี้เอง”


               ออบขานคือสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักมากนัก ไม่ติดท็อปเทนอย่างดอยอินทนนท์หรือดอยสุเทพ

พี่ริวพาผมซ้อนท้ายฟีโน่แล่นลมชมวิวท้าแดดยามบ่ายแก่ๆบนถนนเลียบคลองชลประทานผ่านแม่ะเหียะ สถานที่ฝึกงาน

ของเด็กคณะเกษตรจนเข้าสู่อำเภอหางดงจากนั้นก็เลี้ยวขวาไปทางบ้านน้ำแพร่อีกไม่นานผมก็เริ่มมองเห็นลำธารยาว

เลาะไปตามโขดหินใหญ่น้อย การเดินทางสะดวกสบายมากเพราะถนนลาดยางเข้ามาถึงที่นี่ รวมแล้วแค่ราวๆสามสิบ

กิโลเมตรจากตัวเมืองเท่านั้นเอง


              “วู้ สวยจัง”


               ผมโดดลงจากท้ายรถยืดแข้งยืดขา นักท่องเที่ยวหนาตาในช่วงบ่ายพากันถ่ายรูปตามโขดหิน


               “ที่นี่มันเล็กกว่าออบหลวง และอาจจะไม่สวยเท่าออบหลวงแต่กูชอบเพราะคนเที่ยวมันยังไม่เยอะและมันก็

เงียบดี”


               พี่ริวเปรียบเทียบกับออบหลวงสถานที่ท่องเที่ยวท็อปฮิตอีกแห่งหนึ่งที่มีภูมิประเทศที่คล้ายคลึงกันแต่ใหญ่

กว่านี้จึงได้ชื่อว่าออบหลวง ภาษาเหนือออบแปลว่าที่แคบและหลวงแปลว่าใหญ่ ออบหลวงจึงแปลว่าที่แคบอันยิ่งใหญ่

เออ...แล้วที่แคบมันจะใหญ่ได้ไงวะ ผมกวนตีนตัวเองเล่นๆครับอย่าได้สนใจเลย

               โน่น สนใจคนโน้นดีกว่า พี่ริวเดินไปเลือกทำเลกางเต็นท์ตรงที่ลาดริมลำธารอย่างคุ้นเคยกับสถานที่ เต็นท์

ของพี่ริวเป็นเต็นท์รุ่นใหม่ที่กางง่ายเหลือเกินไม่เหมือนเต็นท์รุ่นเก่าที่ต้องปักหมุดอย่างตอนที่ผมเรียนลูกเสือสามัญ

จัดการเรื่องที่ซุกหัวนอนเรียบร้อยเขาก็กวักมือเรียกให้ผมไปกินอาหารเย็นที่เขาแวะซื้อมาจากตลาด

               ไก่ย่างถูกเผา ไก่ย่างถูกเผา มันจะถูกไม้เสียบ มันจะถูกไม้เสียบ เสียบตูดซ้าย เสียบตูดขวา

               ข้าวเหนียวไก่ย่าง เมนูที่เหมาะสมจะกินกลางป่ากลางดอยเช่นนี้มาก ผมนี่นึกถึงอังกอร์ของลุงหลองเป็นอย่าง

มาก แต่มันก็อร่อยจริงๆนะ กว่าจะกินเสร็จก็ค่ำแล้วคนที่มาเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับก็ทยอยจากไปเหลือแต่พวกค้างคืนที่

กางเต็นท์อยู่ห่างๆกันไม่กี่หลัง พี่ริวก่อกองไฟเล็กไว้ไม่ไกลจากเต็นท์เมื่อพระอาทิตย์ตกดินและยิ่งอยู่ใกล้ลำธารผมเพิ่งรู้

ว่าอากาศมันเย็นจับใจ


               “มานี่สิ”


               พี่ริวกวักมือเรียกผม เขานั่งอยู่บนขอนไม้เตี้ยๆ ผมเดินห่อไหล่เข้าไปหาแล้วทรุดตัวลงนั่งข้างๆพี่ริว พ่อคน

แมนสละเสื้อยีนส์ตัวหนาให้ผมใส่


               “ทำไมมึงถึงไม่เตรียมเสื้อหนาๆมาวะ”


               เขาบ่นเบาๆ ก่อนจะแหงนหน้ามองดาว ผมเลยเงยหน้าไปมองบ้าง ความมืดปราศจากแสงไฟนอกจากกองไฟ

เล็กๆตรงหน้าทำให้ผมมองเห็นดวงดาวชัดเจนจนแทบจะเอื้อมมือไปคว้าได้


               “สวยจังเลย ผมไม่เคยเห็นดาวที่ไหนดวงใหญ่ขนาดนี้”


               นอกจากดาวในดวงตาของพี่ริวเมื่อเขาหันหน้ากลับมามองผม ดวงตาคู่นั้นล้ำลึกจนเกือบหลอมให้ผมละลาย

เมื่อเขายกแขนมาวางพาดบนไหล่ของผมและโอบรั้งเข้าใกล้ ผมกำลังจมอยู่กับภวังค์เมื่อเขาเอียงหน้าเข้าหาและจูบผม

อย่างนุ่มนวล

               บางเบา อบอุ่น จนผมไม่สามารถปฏิเสธเขาได้ ริมฝีปากแห้งของผู้ชายอย่างพี่ริวที่ไม่เคยแม้แต่จะทาลิปมัน

แต่มันกลับชุ่มฉ่ำอยู่ในความรู้สึก ผมเปิดรับให้เขาส่งปลายลิ้นเข้ามา เขาค่อยๆสอนผมให้รู้จักความหวานจนผมมึนงงไป

หมด และเมื่อเขาถอนจูบออกไปกลายเป็นผมที่ผวาจนต้องยกแขนขึ้นดึงรั้งต้นคอของเขาไว้


               “มึงกำลังจะทำให้กุตบะแตก”


               น้ำเสียงสั่นพริ้วบอกให้รู้ว่าพี่ริวกำลังใช้ความอดทนแค่ไหน ผมกระพริบตาปริบๆเมื่อเห็นสภาพตัวเองในตอนนี้


               ชิบหายแล้วไอ้ว่าน!


               มึงเขยิบไปนั่งอยู่บนต้นขาไอ้ผีกระสือจูบสูบวิญญาณตั้งแต่เมื่อไหร่ แถมมึงยังคล้องแขนโอบกอดท้ายทอย

เขาไว้อีก ผมยิ้มแหยพลางขยับตัวแต่พี่ริวกลับเหนี่ยวรั้งเอวผมให้อยู่ท่าเดิมด้วยท่อนแขนล่ำๆของเขา


               “อยู่อย่างนี้ก็ดีเหมือนกันนะ อุ่นดี มึงว่างั้นไหม”


               ผมนิ่งอยู่ในท่าเดิม พี่ริวเกยคางไว้บนกระหม่อม ผมแอบซุกแก้มเข้ากับแผงอกแน่นๆได้ยินเสียงหัวใจของพี่ริว

เต้นดังลอดออกมา


               “พี่ริว”


               “อะไร”


               “หัวใจเต้นเร็วจัง แรงด้วย”


               “ก็อยู่ใกล้มึงนี่”


               “เป็นอย่างนี้มานานแล้วเหรอ”


               “ก็ตั้งแต่แวบแรกที่เห็นมึงที่ชมรม”


               เสียงหัวเราะแผ่วดังมาจากลำคอ เดาว่าตอนนี้เจ้าตัวคงแอบยิ้มแต่ผมไม่อยากเงยหน้าไปดูหรอก ซุกตัวให้

พี่ริวกอดแบบนี้สบายจะตาย


               “ต้องขอบใจไอ้พูห์มันนะที่ส่งมึงมา พอเห็นมึงตอนรับน้องขึ้นดอยกูก็ยิ่งดีใจ”


               ห่ะ ผมนึกใบหน้าของพี่ริววันรับน้องขึ้นดอย คือหน้าแบบนั้นบ้านพี่เรียกดีใจเหรอครับ

               เสียงสายน้ำจากลำธารที่ไหลผ่านโขดหินเซาะกระเซ็นผสานกับเสียงจักจั่น ลมหนาวพัดกรูเข้ามาจนผมต้อง

ดึงเสื้อยีนส์ของพี่ริวให้กระชับ อ้อมกอดของพี่ยิ่งแน่นเข้ามาอีก ความรู้สึกอบอุ่นกำลังทำให้ผมหวั่นไหวกับการกระทำ

ของเขาและความไม่มั่นใจในตัวเองของผม


                “พี่ริว”


               “เหี้ยอะไรอีกไอ้ว่าน มึงจะอยู่นิ่งๆเงียบๆให้โรแมนติกหน่อยไม่ได้ใช่ไหม”


               “ทำไมถึงจีบผมล่ะ หวังฟันแล้วทิ้งหรือเปล่า”


               “หน้าของกูเป็นไอ้พวกฟันแล้วทิ้งรึไง”


               เสียงดุจนผมคอย่น พี่ริวถอนหายใจก่อนจะก้มหน้าลงมาหาผมที่เงยหน้าขึ้นไปสบตาเขาอีกครั้ง นัยน์ตาที่

ทำให้ผมร้อนวาบไปทั้งตัว


               “เออ กูอยากฟันมึงจริงๆนั่นแหละ แต่กูจะฟันเฉพาะคนที่กูรักเท่านั้น”


               หือ

               อะไรนะ

               รัก....

               พรึ่บ

               เลือดวิ่งตูมขึ้นมาระเบิดบนใบหน้าจนร้อนเห่อ คราวนี้ผมได้เห็นรอยยิ้มของพี่ริวเป็นครั้งแรกเมื่อเขาเห็นสภาพ

ใกล้จะขาดใจตายของผม


               “มะ มั่นใจ ละ แล้วเหรอ ถึงได้พูดออกมาแบบนั้น”


               ปากคอสั่นไปหมดเมื่อเอ่ยถาม พี่ริวยกปลายนิ้วมาเขี่ยแก้มผมเล่นเบาๆ


               “คนอย่างกูถ้าไม่มั่นใจกูไม่บุกหรอกไอ้ว่าน นี่มึงไม่รู้ตัวเองจริงๆหรือไงว่ามึงน่ะน่าฟันแค่ไหน”


               ผมส่ายหัวพรืด ใครจะไปรู้วะ


               “มึงน่ะทั้งสดใส ทั้งน่ารักจนกูอดใจไม่อยู่รู้หรือเปล่า”


               ไม่รู้หรอก รู้แต่ตอนนี้ถูกจูบอีกแล้ว พี่ริวเชยคางให้ผมรับจูบเขาได้ถนัด จูบคราวชักจะเพิ่มความหนักหน่วงขึ้น

เรื่อยๆจนผมถึงกับหอบเมื่อเขายอมปล่อย


               “เป็นแฟนกันนะ”


               นุ่มมาก นุ่มโคตรๆ นุ่มชิบหาย


               เสียงพี่ริวนุ่มมากเมื่อเขาเอ่ยปากในขณะที่ผมยังตกอยู่ในห้วงเอ๋อแดกจากจูบสูบวิญญาณ


               “นะว่าน”


               “อื้อ กะ ก็ได้ เป็นก็เป็น”


               กัดปากตัวเองแทบไม่ทันเมื่อปากพูดไปตามหัวใจ ผมจึงเห็นดวงดาวดวงใหญ่ในดวงตาของพี่ริวอีกครั้ง


               “ดีมาก ต่อไปนี้กูจะได้ทำอะไรอย่างที่คนเป็นแฟนเขาทำกัน”


               “ดะ เดี๋ยว พี่ริว”


               ผมเด้งตัวออกจากอ้อมกอดทันที


               “พี่จะทำอะไรผม”




มีต่ออีกนิด................


หัวข้อ: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 10# อ้อมกอดของพี่ริวอุ่นดีนะ [12/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 12-12-2015 13:06:26

ต่อกันตรงนี้.....




               พี่ริวลุกขึ้นยืนพลางใช้เท้ากวาดดินทรายไปดับกองไฟที่มอดจนเหลือแต่ถ่านให้ดับสนิท เขาหันมายิ้มเจ้าเล่ห์

ตอบคำถามผม เห็นแล้วคิดถึงไก่ย่างถูกไม้เสียบตูดขึ้นมาทันควัน


               “แล้วมึงคิดว่าคนเป็นแฟนกันเขาต้องทำอะไรกันบ้างล่ะไอ้เหี้ยว่าน เข้ามาในเต็นท์เร็ว หนาวจะตายห่านั่งจู๋จี๋

กันอยู่ได้”


               เข้าไปนอนในเต็นท์แคบ สองต่อสอง ในบรรยากาศริมลำธารกลางป่าแบบนี้

               เหี้ยวาน อันตรายยิ่งกว่าอยู่บนเตียงเมื่อคืนนี้อีก


               “จะนั่งตากน้ำค้างก็ตามใจมึงนะ กูเข้าไปนอนห่มผ้าให้อุ่นๆดีกว่า”


               เข้าไปจริงๆด้วย กูก็ยืนสั่นพั่บๆสิครับ นี่คนเพิ่งจะเป็นแฟนกันเขาทิ้งกันง่ายๆแบบนี้เลยไง้

               เพราะความหนาวจริงๆนะ ผมจำเป็นต้องตามเข้าไปในเต็นท์ ด้านในมีผ้าผืนบางรองพื้นไว้ ไอ้พี่ริวคลี่ผ้าห่มผืน

ไม่ใหญ่นักออกห่มให้ตัวเอง ผมรีบมุดเข้าใต้ผ้าห่มทันที


                “นึกว่าจะยืนให้แม่งหนาวตาย”


               ผมค้อนขวับตะแคงตัวหันหลังให้ไอ้ผีกระสือปากเสีย สักพักก็รู้สึกถึงวงแขนที่วางพาดมาตรงเอวแล้วดึง

เข้าไปหาอ้อมอกของเขา


               “งอนหรือไง”


               “งอนเหี้ยอะไรครับ”


               “กูเป็นคน ไม่ใช่เหี้ย”


               “คล้ายๆกันครับ”


               “ว่าน”


               “พี่จะเรียกทำไมอีกครับ นอนเฉยๆแล้วหลับไม่ได้หรือไง”


               “อยากเห็นหน้ามึงก่อนนอน หันหน้ามาหน่อยสิ”


               “...”


               “นะว่าน”


               ยอมแพ้ไอ้ปลายเสียงออดอ้อนเหี้ยๆนี่จริงๆ


               ผมพลิกตัวตะแคงหันหน้าเข้าหา ใบหน้าหล่อเหมือนเหี้ยในความมืดกลั้นหัวเราะอย่างยากเย็น พี่ริวดึงผม

เข้าไปกอดจนอุ่น


               “อยากฟันมึงจะแย่แล้ว คืนนี้เลยได้ไหม”


               “พี่ไม่อายผีอายสางก็อายเทวดากับไอ้คนที่นอนอยู่เต็นท์โน้นหน่อยเถอะครับ หื่นชิบหาย”


               “ก็หื่นกับมึงคนเดียว งั้นขอจูบก่อนนอนนะ มึงจะได้หลับฝันดีตื่นมาแล้วอยากให้กูฟัน”


               ไม่รอคำตอบ เขาจูบที่เปลือกตาทั้งสองข้างให้ผมหลับตาลง พี่ริวไล่จูบลงมาที่จมูกมาจบที่ปาก คราวนี้ผมเริ่ม

จะมีภูมิต้านทานพอเมื่อพี่ริวสอดปลายลิ้นเข้ามาคลอเคลีย สติของผมหายไปช้าๆจนกระทั่งผมหลับไปในอ้อมกอดอัน

แสนอบอุ่นท่ามกลางความหนาวเย็นที่กระจายอยู่รอบตัว





                                                                            TBC



นั่นๆ คิดอะไรกันอยู่

ยังไม่ให้น้องว่านเสร็จไอ้พี่ริวง่ายๆหรอก นี่หวงไอ้ว่านๆ 5555

 :katai3: :katai3: :katai3:


พูดถึงออบขานนี่ตอนที่ไปครั้งวัยรุ่น ทางยังเป็นดินแดงๆอยู่เลย

แล้วเกือบไปตายที่นั่นด้วย คือไปตอนหลังฝนตกแล้วพอเราไปน้ำมันแรงมาก

ไอ้เราทำเก่งเล่นน้ำไง ปรากฏว่าลอยไปตามน้ำเลยครัชช

ดีที่เพื่อนคณะวิศวะคว้าหัวแล้วเหวี่ยงเข้าฝั่งเกาะก้อนหินไว้

ไม่งั้นคงไม่รอดมาแต่งไอ้พี่ริวกับน้องว่านแน่ๆ
               
                :katai1: :katai1:
               
               
               
               
               

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 10# อ้อมกอดของพี่ริวอุ่นดีนะ [12/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 12-12-2015 13:39:01
 :hao7: แอร๊ยยยยยยทำไมเขิน? พี่ริวหง่าาาาพี่ทำแบบนี้นอกจากว่านแล้วเราก็ใจไม่ดีนะคะจะละลายแทน ผู้ชายหน้าโหดนี่บทจะละมุนนี่อะไรก็ฉุดไม่อยู่ค่ะ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 10# อ้อมกอดของพี่ริวอุ่นดีนะ [12/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 12-12-2015 13:49:29
โรแมนติกในแบบของพี่ริวเค้าล่ะ

ตอนนี้เป็นนักฟันดาบที่จ้องแต่จะฟันน้องว่านอย่างเดียวเลย

ว่านเอ๊ย.  :mew1:   หลามตัวมาแล้วลูกยอมๆไปเหอะ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 10# อ้อมกอดของพี่ริวอุ่นดีนะ [12/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 12-12-2015 14:25:40
พี่ริวหื่นสุดๆ
โดนฟันในเต้นท์ริมแม่น้ำก็โรแมนติกดีนะ 555
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 10# อ้อมกอดของพี่ริวอุ่นดีนะ [12/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 12-12-2015 14:25:56
คือน่ารัก ชอบพี่ริว ไม่แอ๊บ
ตรงๆ จะฟันก็คือจะฟัน ฮ่าๆ
ชอบๆ มาต่อไวๆนะคะ
ถ้าพี่ริวได้ฟันน้องว่านแล้วอย่าทิ้งน้องเชียวนะ
ทิ้งล่ะน่าดู
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 10# อ้อมกอดของพี่ริวอุ่นดีนะ [12/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 12-12-2015 17:17:55
เดี๋ยวๆนะคะ คืออยากรู้ว่าคว้าหัวยังไงคะ  :a5:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 10# อ้อมกอดของพี่ริวอุ่นดีนะ [12/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 12-12-2015 17:22:39
เดี๋ยวๆนะคะ คืออยากรู้ว่าคว้าหัวยังไงคะ  :a5:


คือไอ้คุณเพื่อนมันอยู่ริมตลิ่งจ้า มันก็คว้าผม 555 ไม่ใช่คว้าหัวสินะแล้วดึงกลับเข้าฝั่่งน่ะ
มันไม่ไกลหรอกแค่ริมๆฝั่งนี่แหละ แต่น้ำเชี่ยวไง ถ้าหลุดไปก็ได้ลอยไปตามน้ำล่ะ

หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 10# อ้อมกอดของพี่ริวอุ่นดีนะ [12/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 12-12-2015 17:55:45
พี่ริวอย่ารีบร้อนดิ  :hao3:

หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 10# อ้อมกอดของพี่ริวอุ่นดีนะ [12/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 12-12-2015 20:06:20
นึกว่าจะเสร็จพี่ริวละ

นี่เป็นแผนหลอกฟันน้องว่านใช่ไหม

พี่เมฆเมื่อไร่จะออกตัวซะที

อยากเห็นพี่ริวหึง อิอิ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 10# อ้อมกอดของพี่ริวอุ่นดีนะ [12/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 12-12-2015 20:07:07
เขามารอให้พี่ฟันน้อง
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 10# อ้อมกอดของพี่ริวอุ่นดีนะ [12/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 12-12-2015 20:35:08
พี่ริวอย่าพึ่งหื่น ครั้งแรกไปทำที่ห้องดีกว่าเนาะ นังน้องว่านจะได้ครางเสียงดังๆได้ ทำบนเตียงหลังก็ไม่เจ็บ กินกันได้หลายยก :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 10# อ้อมกอดของพี่ริวอุ่นดีนะ [12/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 12-12-2015 21:08:31
หมั่นไส้นังว่านนน 5555
พี่ริวน่ารักอ่ะ  :-[
รอตอนต่อไปน้า
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 10# อ้อมกอดของพี่ริวอุ่นดีนะ [12/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 12-12-2015 21:08:59
เคยไปแต่ออบหลวง หนาวมากสั่นแหง่กๆๆ  :katai5:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 10# อ้อมกอดของพี่ริวอุ่นดีนะ [12/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 12-12-2015 22:01:38
พี่ริวเป็นคนตลก :laugh:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 10# อ้อมกอดของพี่ริวอุ่นดีนะ [12/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 13-12-2015 23:44:44
เป็นแฟนกันแล้ววว
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 10# อ้อมกอดของพี่ริวอุ่นดีนะ [12/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: นางสาวกานาเลส ที่ 14-12-2015 00:11:22
งื้ออออ ชอบผู้ชายแบบพี่ริว โหด แต่ละมุน แถมหื่นอีกต่างหาก อยากได้ 555555 ดีแล้วที่ว่านไม่โดนพี่ริวฟันง่ายๆ เราต้องรักนวลสงวนตัว เนอะ  o13
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 10# อ้อมกอดของพี่ริวอุ่นดีนะ [12/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 14-12-2015 02:00:31
 :hao6:



แอร้ยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 10# อ้อมกอดของพี่ริวอุ่นดีนะ [12/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: tukkata bambola ที่ 14-12-2015 09:11:56
พี่ริวคนหื่น&น้องว่านคนน่ารัก :กอด1: #อย่าหวงน้องว่านนานนะคะ :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 10# อ้อมกอดของพี่ริวอุ่นดีนะ [12/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 14-12-2015 11:12:40
สวีทมากค่าาาาาาาาาาา
 :mew3:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 10# อ้อมกอดของพี่ริวอุ่นดีนะ [12/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 15-12-2015 01:08:19
พี่ริวหวังฟันตามชื่อเรื่องจริงๆ หื่นมากจร้าาาา
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 10# อ้อมกอดของพี่ริวอุ่นดีนะ [12/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 16-12-2015 05:49:26
 :z13:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 10# อ้อมกอดของพี่ริวอุ่นดีนะ [12/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 16-12-2015 15:07:46
เป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการอยากจะลวนลามน้องว่านเมื่อไรก็ไม่ลำบากใจเท่าตอนที่ยังไม่เป็นสินะคะพี่ริว :hao7:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 10# อ้อมกอดของพี่ริวอุ่นดีนะ [12/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Youi_chin ที่ 16-12-2015 22:35:39
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #บทที่ 10# อ้อมกอดของพี่ริวอุ่นดีนะ [12/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 17-12-2015 08:55:20
กรี๊ดดดดดฟิน

ป้าชอบบบบบบ
หัวข้อ: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่11#ลูกชายพี่ริวเป็นมังกรหรือหนอนชาเขียว 19/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 19-12-2015 00:59:39


                                                   พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน

                                                            บทที่ 11

                                          ลูกชายพี่ริวเป็นมังกรหรือหนอนชาเขียว               


                 ผมนึกว่าพี่ริวจะนอนชมดาวที่ออบขานอีกสักคืน แต่พอตอนบ่ายจัดๆวันอาทิตย์พี่ริวก็พาผมกลับ เหตุเกิดก็

เพราะแดดร้อนยามเที่ยงและน้ำใสไหลเย็นทำให้ผมอดใจไม่อยู่จนต้องกระโดดลงไปเล่นน้ำในลำธาร เล่นจนตัวจะเปื่อย

จึงได้ขึ้นมาและไอ้ตอนเดินขึ้นจากน้ำนี่แหละที่ทำให้พ่อผีกระสือแฟนหมาดๆของผมหน้างอเป็นตูดเป็ด

               มีฝรั่งกลุ่มหนึ่งเพิ่งจะขี่มอเตอร์ไซค์มาถึงได้พักใหญ่นั่งมองผมว่ายน้ำเล่น ผมเองก็ไม่ได้อะไรหรอกแต่เสื้อยืด

ตัวเก่าที่มันบางและเปียกลู่แนบเนื้อนี่เองที่ดึงดูดสายตาให้หันมามอง และนั่นเองทำให้พี่ริวเดินดุ่มๆเข้ามาลากแขนผม

กลับเต็นท์ทันที


                “เก็บของใส่กระเป๋า กลับเข้าเมืองกันได้แล้ว”


               “อะไรอะพี่ริว ไหนว่าจะนอนอีกคืนแล้วกลับพรุ่งนี้ไง”


               ผมโอดครวญเพราะอยากอยู่ต่อ แต่พ่อลายสือคิ้วชนกันแล้วครับตอนนี้


               “มึงเห็นสายตาไอ้พวกนั้นไหมว่ามองจนแทบจะทะลุเข้าไปถึงลำไส้ใหญ่มึงอยู่แล้วไอ้ว่าน"


               ผมเลิกคิ้วมองพี่ริวด้วยความไม่เข้าใจ


               “มองก็ปล่อยเขาไปสิพี่ ผมกับพวกนั้นก็ผู้ชายมีจู๋เหมือนกันจะแคร์อะไรวะ”


               กลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อเห็นสายตาพี่ริว ตอนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นลูกแกะที่รอหมาป่าขย้ำยังไงก็ไม่รู้


               “ไม่ได้ กูหวงของกู แล้วจู๋ของมึงน่ะคนที่จะมองได้คือกูคนเดียวเท่านั้น”


               ไอ้พี่ริว สาสสส

               ยืนคุมให้ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าในเต็นท์เสร็จเรียบร้อยพี่ริวก็เก็บของแล้วพาผมแว้นเจ้าฟีโน่กลับทันที จนกระทั่งมา

ถึงในเมืองเขาก็แวะหาร้านอาหารเลี้ยงข้าวผมจนอิ่มหนำ พี่ริวซื้อเสบียงหอบใหญ่กลับหอนอกของเขา


                “มึงนอนกับกูคืนนี้นะ”


               “หอผมไม่ได้อยู่ไกลสักหน่อย”


               “ก็กูอยากให้มึงนอนที่นี่ รูมเมทมึงไม่อยู่สักคนไม่ใช่เหรอ”


               “ผมนอนคนเดียวได้ครับ”


               “เดี๋ยวผีหลอกหรอกมึง”


               กูจะกลัวก็ผีกระสือจูบสูบวิญญาณอย่างพี่นี่แหละครับ ไอ้พี่ริว

               อย่านึกว่าจะรู้ไม่ทันนะ คิดจะฟันผมใช่ไหมล่ะ แม่งก็คิดอยู่เรื่องเดียวนี่แหละแต่ผมก็ปฏิเสธไม่ลงเพราะการที่

ได้นอนหลับอยู่ในอ้อมกอดของพี่ริวมันก็ทำให้ผมฝันดี


               พี่ริวปล่อยให้ผมได้สนุกอยู่กับเกมยิงซอมบี้ ส่วนเจ้าของห้องนั่งอยู่ตรงโต๊ะหนังสือรกๆใส่หูฟังเปิดเพลงและ

เปิดโน้ตบุ๊คทำโปรเจ็คงานที่พวกพี่ๆปีสี่ต้องทำก่อนเรียนจบ ผมยิงซอมบี้อยู่สักพักเห็นพี่ริวตั้งใจทำงานก็เลยเกิดความ

ละอายแก่ใจขึ้นมา ผมย้ายที่มานอนคว่ำหน้าใช้หมอนหนุนใต้อกอยู่บนเตียงแล้วหยิบชีทเก็งข้อสอบที่พี่ฝนให้มาฝึกทำ

แต่ตัวเลขที่หลอกหลอนก็ทำให้ผมมัวเมาจนกระทั่งฟุบหลับคาแผ่นชีท


                “ว่าน ไอ้ว่าน มึงนี่น้า ข้อสอบแค่นี้ยังเสือกหลับ”


               หือ เสียงใครหว่าเหมือนเสียงพี่ริวเลย


               “ขยับมาตรงนี้ มานอนดีๆ”


               ความรู้สึกเหมือนโดนลากให้กลับมานอนอยู่กลางเตียง มันเป็นความรู้สึกครึ่งหลับครึ่งตื่นเมื่อตัวของผมถูก

กอดรัดไว้


               “ทำกูหัวปั่นเลยไอ้หน้าอ่อนเอ๊ย”


               “อือ พี่ริว อย่าดิ จะนอน”


               “จูบนิดเดียวเองนะ นะครับว่าน”


               เสียงหวานออดอ้อนดังแว่วเข้ามาในหู และแล้วผมก็ถูกขโมยจูบจนได้ ตอนแรกก็รู้สึกแค่แรงกดแค่เพียงแผ่ว

เบาบนริมฝีปากแต่หลังจากนั้นแรงบดเบียดมันก็เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ


               “ว่าน เปิดปากให้พี่จูบ นิดเดียวจริงๆ”


               ปลายลิ้นแตะอยู่ตรงขอบฟันพลางดันขึ้นให้ผมเปิดทางรับลิ้นหยุ่นชื้นให้แทรกผ่านเข้าไป และเมื่อมันตวัดรวบ

รัดลิ้นของผมนั่นเองที่ปลุกให้ผมตื่นขึ้นมาเต็มสองตา


               “อื้อ พี่ริว”


               เพิ่งเห็นว่าไฟกลางห้องดับสนิท มีเพียงแสงสลัวจากไฟที่ระเบียงลอดเข้ามาภายในห้อง และผมยังมองไม่

เห็นอะไรเมื่อใบหน้าของพี่ริวยังคงแนบสนิทอยู่กับหน้าของผมโดยมีลิ้นของเราทั้งคู่เชื่อมต่อกันเมื่อเรายังคงแลกเปลี่ยน

แลกโตบาซิลลัสไปมาไม่ยอมหยุด จูบครั้งนี้ของพี่ริวหนักหน่วงและเรียกร้องจนผมถึงกับหอบเมื่อเขายอมละปากออกช้าๆ


               “นิดเดียวตรงไหน พี่ทำผมเกือบจะขาดใจตาย”


               ต่อว่ากลบเกลื่อนอาการเขินจัดของตัวเอง เดาว่าตอนนี้หน้าของผมคงจะแดงเถือกหากมีแสงไฟแต่ดีที่ไฟดับ

เอ๊ะ หรือไม่ดีกันแน่หว่า


               “เฮ้ย นี่นิดเดียวจริงๆ”


               นิ้วสากๆแตะลงที่ขมับของผมแล้วลากมาตามกรอบหน้า สัมผัสเพียงบางเบานั้นทำให้ผมผวา พี่ริววางมืออีก

ข้างตรงเอวของผมก่อนจะเหนี่ยวให้พลิกตัวตะแคงเข้าหากัน ผมสบตาวาววามของเขาในเงามืด


               โอย คืนนี้กูจะรอดไหมคร้า คุณกิตติคร้า


               “เพราะถ้ากูจะจูบมึงแบบเยอะๆมันต้องทำแบบนี้”


               เหี้ย...

               จูบสูบวิญญาณ

                จูบโคตรพ่อโคตรแม่มืออาชีพระดับชำนาญการ

               หน้ามึนๆทำไมแม่งจูบเก่งเหี้ยๆแบบนี้วะครับ

               สติสตังเตลิดไปหมดแล้วกับจูบครั้งนี้ พี่ริวเม้มปากผมแล้วปล่อยหลอกล่อให้ผมติดกับจังหวะที่ปลายลิ้นช้อน

เข้าไปใต้ลิ้นของผมยิ่งทำให้ผมตัวสั่น มันร้อนวูบวาบสลับกับหนาวอยู่ในเนื้อตัวจนต้องเบียดเข้าหา มือทั้งสองดูเกะกะไป

หมดเมื่อไม่รู้จะวางไว้ตรงไหนผมเลยวางมันบนบ่าพี่ริว รับรู้ถึงสัมผัสจากมืออุ่นที่กำลังซุกซนอยู่ตรงชายเสื้อยืดและรั้งมัน

ขึ้นทีละนิด


               “พี่ริว ไอ้พี่ริว”


               ผมจิกเล็บลงไปบนบ่าแต่ท่าทางหนังจะหนาเลยไม่รู้สึกรู้สาสักนิด มือปลาหมึกเริ่มขยับดึงเสื้อสูงขึ้นเรื่อยๆจน

อีกเดี๋ยวมันคงจะพ้นคอผมแน่ๆ


               “ชิริว ชิริวครับ ปล่อยว่านก่อนนะครับ”


               อาจเป็นเพราะเจอลูกอ้อนระดับพระกาฬมือนั้นจึงยอมหยุด พี่ริวถอนหายใจหนักๆก่อนจะยอมคืนอิสรภาพให้

ผม แต่ถึงอย่างไรผมก็ยังติดอยู่ภายใต้วงแขนที่โอบรัดผมไว้อยู่ดี


               “ทำไมล่ะว่าน ยอมพี่สักนิดไม่ได้เหรอ”


               กูก็เกือบยอมไปแล้วครับ ไอ้พี่ริวคนหื่นกาม


               “ให้ผมทำใจอีกสักนิดนะครับ โถ่...พี่ริว ผมนี่แมนทั้งแท่งขนาดนี้แค่ตกลงปลงใจเป็นแฟนพี่ผมก็แปลกใจตัว

เองจะแย่แล้ว ขอเวลาให้ผมอีกสักนิดน่านะ”


               พี่ริวมองผมนิ่งนาน จนเขาถอนหายใจออกมาอีกครั้งพลางกดยิ้มขำที่มุมปาก


               “มึงนี่นะ ร้ายชิบหายไอ้ว่าน กูยังไม่ปล้ำมึงก็ได้ปล่อยให้มึงรอดไปก่อน แต่ว่านะ...”


               ยิ้มนั้นเริ่มเจ้าเล่ห์ขึ้นมาเมื่อพี่ริวจ้องหน้าผมตาเป็นมัน


               “ไอ้ลูกชายกูมันตื่นมาเพราะมึงแล้ว มึงจะช่วยกล่อมให้มันนอนต่อได้ไหม”


               ห่ะ ไอ้วายร้าย ไอ้จอมกะล่อน ไอ้ ไอ้ ไอ้ ฮื้อออออ

               ผมหลับตาปี๋เมื่อพี่ริวคว้ามือของผมให้จับหมับกับไอ้ลูกชายของเขา ไอ้มังกรโคโมโดที่ซ่อนอยู่ในกางเกงบอล

เนื้อลื่นมือ มันทำให้ผมยิ่งรู้ชัดไปถึงส่วนเว้าส่วนโค้งของมันแทบจะชัดแจ้ง


               “พะ พี่ริว ทำเหี้ยอะไรครับ”


               ผมชักยิ้มแหยเมื่อมือใหญ่ของพี่ริวที่กระชับอยู่บนหลังมือของผมกำลังบังคับให้ผมลูบคลำเจ้าหนอนน้อยที่

กำลังแปลงร่างเป็นไอ้มังกรตัวโต ผมจะหนีก็หนีไม่ได้เมื่อพี่ริวพาดขาข้างหนึ่งไว้บนตัวของผมเหมือนผมเป็นหมอนข้าง

ของเขา เมื่อมังกรผงาดเต็มที่ผมถึงกับเสียวตูดขึ้นมาทันทีเมื่อคิดว่าไม่วันใดก็วันหนึ่งมันจะต้องเข้ามาอยู่ในตัวผมแน่ๆ


               “ก็ให้แฟนทำความรู้จักกับไอ้ลูกชายไงครับ อีกหน่อยเวลาเจอกันจะได้สนิทสนมคุ้นเคย”


               ตลกตายละ ไม่ต้องทำหน้ากรุ้มกริ่มเลยครับ ไอ้หื่นมหาประลัย!


               “พี่จะ จะให้ผม...”


               “นะครับว่าน นะ...”


               แม่งงงงงง

               ผมเลยต้องจับไอ้ลูกชายตัวดีไว้ในมือครับ เพราะแม่งรู้ทางผมไงเลยทำเสียงตอแหลใส่ผม ผมก็จำเป็นต้อง

ยอมเพราะความสงสารหรอกนะ พี่ริวมองผมด้วยความพอใจตอนนี้เขาปล่อยมือให้ผมได้เป็นคนกอบกุมมันไว้ด้วยมือของ

ผม ความลื่นของกางเกงบอลทำให้ผมจับได้ไม่ถนัดนักผมเลยล้วงมือเข้าไปและจับท่อนเนื้อนั้นไว้ให้ถนัดมือ ผมบีบคอ

ไอ้ลูกชายตัวดีพลางนวดเฟ้นทีละนิด ปลายนิ้วบี้หัวมันเล่นอย่างหมั่นไส้ ไอ้ตัวพ่อหลับตาทำหน้าฟินเมื่อผมขยับมือโยก

ไอ้ลูกชายขึ้นลง


               “เกิดมาก็ไม่เคยทำให้ใครหรอกขนาดตัวเองยังไม่ค่อยได้ทำผมก็ต้องมาทำให้พี่เนี่ยแหละ หมั่นไส้ว่ะ ดูสิ

อย่างกะทาสในเรือนเบี้ย อุ๊บส์”


               เสียงบ่นของผมชะงักทันทีเมื่อไอ้พี่ริวดึงหน้าของผมไปจูบ ลมหายใจของพี่ริวร้อนผ่าวเนื้อตัวเหนียวหนับขณะ

ที่มือของผมยังจัดการไอ้ลูกชายตัวใหญ่ไม่ได้หยุด จูบนั้นทั้งหนักทั้งหน่วงเมื่อพี่ริวสวนเอวเข้าหามือของผมที่เริ่มเร่ง

จังหวะให้ไวขึ้น ได้ยินเสียงทุ้มลึกมาจากในลำคอเมื่อพี่ริวเกร็งหน้าท้องไว้และในที่สุดไอ้ลูกชายตัวดีก็พ่นน้ำใส่มือผมจน

เปียกชุ่ม


               “อื้อออ”


               ผมส่งเสียงอึกอักประท้วงเมื่อพี่ริวยังจูบผมอยู่ รอยฟันกดอยู่รอบปากจนคิดว่ามันน่าจะเจ่อไปหมดแล้วเมื่อพี่ริว

ถอนปากออกไป เขาหอบลึกอยู่พักใหญ่กว่าจะเป็นปกติพลางมองผมตาวาว


               “ถึงแม้ต้นขาของมึงจะไม่แข็งแรง แต่ข้อมือมึงนี่ใช้ได้เลยว่าน มึงจะต้องเป็นนักดาบที่ดีแน่ๆ ขอบใจนะที่ช่วย

คลายเครียดจากโปรเจ็ค ฝันดีนะแฟน”


               เดี๋ยวสิเฮ้ย!

               พี่ริวหลับตาพริ้มและอีกแค่ไม่กี่วินาทีลมหายใจของเขาก็สม่ำเสมอพร้อมกับเสียงกรนเบาๆมันทำให้ผมรู้ว่าเขา

หลับฝันดีไปแล้ว

               แล้วกูล่ะเฮ้ย

               ถูกจูบถูกกอดขนาดนี้คิดว่าผมไม่รู้สึกรู้สาเหรอครับ แต่เป็นเพราะอยากจะรักนวลสงวนตัวก็เลยต้องมานอนทำ

ตาปริบๆอยู่ในอ้อมกอดของคนที่สบายตัวชิงหลับไปก่อน ไม่มีทางอื่นนอกจากค่อยๆพาตัวเองออกจากวงแขนของพี่ริว

แล้วก้าวพรวดๆเข้าไปในห้องน้ำ

               หรือว่าคราวหน้าผมควรจะเลิกทำกระแดะแล้วยอมๆพี่ริวไปซะลูกชายของผมจะได้ไม่เครียดแบบนี้ดีวะ







               พี่ริวพาผมมาส่งที่หอตอนบ่ายๆวันจันทร์วันหยุดวันสุดท้าย เขาไม่ได้ทำอะไรผมอีกนอกจากติวสแตทและจูบ

ผมบ้างเวลาที่ผมต่อล้อต่อเถียง ผมจัดการซักเสื้อผ้าที่สะสมไว้ล้นตะกร้าเมื่อกลับเข้ามาในห้องไอ้มะตูมก็นอนเล่นเกมมือ

ถืออยู่บนเตียงของมันแล้ว


               “กลับมานานยัง”


               มะตูมพยักหน้าหงึกหงักแทนคำตอบ


               “แล้วมึงล่ะ ไปนอนออบขานกี่คืน”


               “นอนคืนเดียวแหละพี่ริวแม่งพากลับมาก่อน”


               “อ้าว งั้นเมื่อคืนมึงก็นอนนี่คนเดียวดิ”


               “เปล่า นอนหอพี่ริว”


               ผมหลุดปากออกไป พลันก็นึกได้ว่าเพื่อนสนิทเป็นคนช่างสังเกต ไม่ทันแล้วครับเพราะตอนนี้ไอ้มะตูมยอมวาง

โทรศัพท์มือถือแล้วเงยหน้ามองผม


               “มึงไปเที่ยวกับเขา ไปนอนหอเขา ไอ้เหี้ยว่าน กูว่ามึงกับพี่ริวสนิทกันดีจังเนอะ”


               “เออ ก็ แบบว่า...”


               “ปกติรุ่นพี่กับรุ่นน้องธรรมดามันก็ไม่น่าสนิทกันขนาดนี้เนอะมึงเนอะ”


               “คือว่า...”


               “มึงจะสารภาพกับกูมาดีๆไหมไอ้ว่าน”


               เพื่อนหรือพ่อครับมึงน่ะไอ้มะตูม


               “คือว่า พี่ริวเขา เขาขอเป็นแฟนกูว่ะเหี้ยมะตูม”


               อึ้งสิครับเพื่อนกู เอ๋อแดกเลยมึง ก็เพื่อนมึงน่ะหน้าตาดีหล่อแมนขนาดนี้ไงไอ้มะตูม


               “คนอย่างมึงนะที่พี่ริวเขาขอเป็นแฟน เพิ่งรู้ว่าพี่เขาชอบของแปลก”


               ผมยกตีนถีบสีข้างเพื่อนสนิทจนมันหัวเราะก๊ากขณะที่ผมนั่งหน้าง้ำ


               “เออ กูขอโทษ แหม ทำหน้าเป็นตูดเชียว กูแค่ช็อกโว้ย มึงให้กูทำใจแป๊บนึงสิวะ”


               “กูเองยังทำใจไม่ทันเลยมะตูมเอ๊ย”


               ไอ้มะตูมขยับนั่งสีหน้าจริงจังขึ้น


               “แล้วมึงตอบพี่ริวว่าไง ตกลงหรือเปล่า”


               คงไม่ต้องตอบมันหรอกเพราะตอนนี้ผมนั่งเขินจนตัวแทบบิด อยู่ๆไอ้มะตูมก็ลุกพรวดขึ้นมาแล้วมองผม มัน

พิจารณาผมอย่างละเอียดก่อนที่มันจะค่อยๆแบะปากยิ้มอย่างน่าเตะ


               “แฟนกันข้าวใหม่ปลามัน ไปนอนเต็นท์ริมลำธารแล้วกลับมานอนเตียงเดียวกันสองต่อสองในหอพัก พร้อมกับ

ปากเจ่อๆและรอยแดงที่คอเช่นนี้แล้ว เพื่อนว่านช่วยตอบหน่อยครับว่าเรียบร้อยโรงเรียนพี่ริวไปแล้วใช่ไหม”


               “สัส ยังโว้ย กูยังซิง”


               ผมยกมือผลักหน้าไอ้มะตูมอย่างหมั่นไส้


               “แต่ก็เกือบไปแล้วล่ะนะ”


               “นั่นไง ใครจะไปอดใจไหวพี่ริวเขาออกจะเพอร์เฟ็คขนาดนั้นมึงก็ต้องหลวมตัวหลวมใจบ้างแหละ ไอ้ว่าน...”


               มะตูมวางมือบนบ่าของผม


               “...จะทำเหี้ยอะไรที่มันเป็นความสุขของมึงก็ทำไปเหอะ ไหนๆก็ตกลงเป็นแฟนกับพี่ริวแล้วนี่ พี่ริวทั้งเก่งทั้งดี

คงจะดูแลมึงได้หรอก มึงจับพี่ริวดีๆนะโว้ย หลุดจากพี่ริวชีวิตนี้จะมีใครหลวมตัวมาจีบมึงอีก เพื่อพี่ริวขวัญใจคณะและเพื่อ

มึงที่เป็นเพื่อนตาย กูจะส่งเสริมความรักของมึงเองเพื่อน เพื่อนของกูจะต้องสมหวังในความรัก ใครหน้าไหนจะมาทำให้

มึงกับพี่ริวแตกกันไม่ได้ กูนี่แหละจะขัดขวางให้ถึงที่สุด”


               มะตูมพูดราวกับเรื่องของผมเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ผมได้แต่ส่ายหน้ากับความโอเว่อร์แอคติ้งของ

มันโดยไม่รู้เลยว่าไอ้มะตูมจะได้ทำในสิ่งที่มันเอ่ยปากในอนาคต







               ชั่วโมงแรกของวันอังคารคือวิชาของคณะสังคม ไอ้มะตูมก็เรียนเหมือนกันเพราะเป็นวิชาบังคับแต่ว่าเรียน

คนละอาจารย์กับผม เราแยกกันที่ลานจอดรถผมเดินแยกไปยังห้องเลคเชอร์ที่ผมเรียนอยู่ กำลังจะก้าวขึ้นตึกผมก็ต้อง

หยุดเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อของผม


               “ไง ว่าน ไม่เจอกันตั้งนานสบายดีไหม”


               ผมยิ้มให้คนที่เดินตรงมาหา เขายิ้มตอบอย่างคนอัธยาศัยดี


               “สวัสดีครับพี่เมฆ”





TBC

หวงว่านไม่นานหรอกน่า



               
                 
               
               
               
               
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่11#ลูกชายพี่ริวเป็นมังกรหรือหนอนชาเขียว 19/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 19-12-2015 02:37:03
พี่ริวมันร้ายยยย
มะตูมม จัดอิพี่เมฆทีดิ๊ หมั่นนนนนนน
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่11#ลูกชายพี่ริวเป็นมังกรหรือหนอนชาเขียว 19/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 19-12-2015 07:14:49
ต้นขาไม่แข็งแรงต้องฝึกกับพี่ริวสิน้องว่าน
อีกไม่นานเชื่อน้องว่านจะได้แก้แค้นมังกรแน่ๆ.  อีพี่ริวมันร้ายจริงๆ
นี่เป็นแผนหลอกล่อน้องอีกแล้วสินะ. มีการปล่อยให้ค้างไปจัดการคนเดียวด้วย.
วานมะตูมลักพาตัวพี่เมฆไปกดที. อิอิ.  :hao6:


 :pig4:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่11#ลูกชายพี่ริวเป็นมังกรหรือหนอนชาเขียว 19/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 19-12-2015 07:59:05
สนับสนุนให้มะตูมจัดการพี่เมฆอีกคน :hao3:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่11#ลูกชายพี่ริวเป็นมังกรหรือหนอนชาเขียว 19/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 19-12-2015 08:06:34
พี่เมฆโผล่มาได้ไงงงงง

พี่ริวรีบๆจัดการว่านนะ อิอิ  :mew1:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่11#ลูกชายพี่ริวเป็นมังกรหรือหนอนชาเขียว 19/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 19-12-2015 09:03:40
เขยิบความสัมพันธ์ไปอีกขั้นแล้วนะ  อิอิ
รอวันรวมร่างนะนังว่าน  พี่ริวซัง 
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่11#ลูกชายพี่ริวเป็นมังกรหรือหนอนชาเขียว 19/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 19-12-2015 09:27:05
สบายตัวคนเดียวเลยนะคะพี่ริว :hao7:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่11#ลูกชายพี่ริวเป็นมังกรหรือหนอนชาเขียว 19/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 19-12-2015 10:25:36
มะตูมเพื่อนรัก จะปกป้องความรักของว่าน โดยเอาตัวเข้าแลกค่ะ ฮ่าาาาาาาาาาาา

หนูว่านรอดไปอีกครั้ง แต่เจ้ว่าคงรอดได้อีกไม่นานหรอกลูก คึคึ
 :mew3:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่11#ลูกชายพี่ริวเป็นมังกรหรือหนอนชาเขียว 19/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 19-12-2015 11:06:43
แหนะ น้องว่าน
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่11#ลูกชายพี่ริวเป็นมังกรหรือหนอนชาเขียว 19/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: kimjuy_o ที่ 19-12-2015 11:12:27
ต้นขาว่านไม่แข็งแรง
พี่ริวก็ฝึกน้องหน่อยสิคะ อิอิ (สายหื่นต้องมา)
พี่ริวนี่นะ ร้ายไม่เบา
มาต่อไวๆนะคะ
เป็นกำลังใจให้ค่า
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่11#ลูกชายพี่ริวเป็นมังกรหรือหนอนชาเขียว 19/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: tukkata bambola ที่ 19-12-2015 12:36:14
พี่ริวจ้องแต่จะกดน้องว่านนะขี้หวงได้อีกขี้หึงได้อีก :laugh: ว่านน่ารักอ่ะ :กอด1: :กอด1:
#มะตูมเอาอิพี่เมฆไปเก็บด่วนเลยนะขอร้อง5555555
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่11#ลูกชายพี่ริวเป็นมังกรหรือหนอนชาเขียว 19/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 19-12-2015 14:22:31
เป็นเพื่อนที่ประเสริฐจริงๆ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่11#ลูกชายพี่ริวเป็นมังกรหรือหนอนชาเขียว 19/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 19-12-2015 14:34:04
 :hao4:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่11#ลูกชายพี่ริวเป็นมังกรหรือหนอนชาเขียว 19/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 19-12-2015 14:44:07
หนูมะตูมก็ไม่น่าจะรอดฮี่ๆ :oo1:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่11#ลูกชายพี่ริวเป็นมังกรหรือหนอนชาเขียว 19/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 19-12-2015 14:57:06
อร๊าย... พี่ริวรุกหนักซะ
ต่อไปมะตูมจะเอาเนื้อ(ตัวเอง)เข้าปากเสือเมฆแล้วชิมิ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่11#ลูกชายพี่ริวเป็นมังกรหรือหนอนชาเขียว 19/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: PaTtO ที่ 19-12-2015 15:19:21
ต้องให้มะตูมจัดพี่เมฆสักที
เหมือนจะเป็นคนดีสุภาพ แต่จริงๆชอบแย่งแฟนชาวบ้านหรือเปล่า
แพ้ทางกันทั้งคู่อ่ะ
พี่ริวก็อ้อน
น้องว่านก็อ้อน
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่11#ลูกชายพี่ริวเป็นมังกรหรือหนอนชาเขียว 19/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 19-12-2015 15:58:58
อุ๊ย พี่ริว  :-[
มะตูมดูท่าจะเสร็จอิพี่พี่เมฆนะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่11#ลูกชายพี่ริวเป็นมังกรหรือหนอนชาเขียว 19/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 19-12-2015 17:08:15
พี่ริวนี่เผลอไม่ได้เลยนะหื้นตลอดๆ ส่วนมะตูมเดี๋ยวก็ได้กลายเป็นองครักษ์พิทักษ์แฟนพี่ริวแล้ว ฮ่าๆๆ พี่เมฆรับมือน้องมะตูมให้ดีนะคะ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่11#ลูกชายพี่ริวเป็นมังกรหรือหนอนชาเขียว 19/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 19-12-2015 18:11:22
น้องว่านคงจะรอดได้อีกไม่นาน พี่ริวรุกขนาดนี้  :hao6:

มะตูมจะช่วยคู่นี้อย่างไรรอดูอยู่นะ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่11#ลูกชายพี่ริวเป็นมังกรหรือหนอนชาเขียว 19/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: nsai.ss ที่ 19-12-2015 19:13:18
สนุกอ่า...เมื่อไหร่ว่านจะเรียบร้อโรงเรียนพี่ริวสักที เมฆคู่กับมะตูมแย่เลย ฮี่ๆ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่11#ลูกชายพี่ริวเป็นมังกรหรือหนอนชาเขียว 19/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 19-12-2015 20:15:39
ดีใจที่มาต่อแล้ว

ขอตัวไปอ่านก่อน
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่11#ลูกชายพี่ริวเป็นมังกรหรือหนอนชาเขียว 19/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 19-12-2015 21:39:31
พี่เมฆมาแล้ว

ไม่ว่าจะมาดีหรือมาร้าย

ก็ขอให้มาเถอะ

ดูซิพี่ริวจะทำอย่างไร และจัดการอย่างไร

คือเอาจริงๆ อยากเห็นพี่ริวหึงๆ ร้ายๆ บ้าง
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่11#ลูกชายพี่ริวเป็นมังกรหรือหนอนชาเขียว 19/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 19-12-2015 23:07:20
ติดตามนะ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่11#ลูกชายพี่ริวเป็นมังกรหรือหนอนชาเขียว 19/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 20-12-2015 00:52:04
 :hao5:


พี่ริวจะทำไรก็รีบน่ะ พ่อคู้นนนนน
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่11#ลูกชายพี่ริวเป็นมังกรหรือหนอนชาเขียว 19/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 20-12-2015 12:35:55
พี่ริวเคลมเร็วมาก 5555
กลีวน้องจะถูกะเมฆงาบไปใช่ไหม
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่11#ลูกชายพี่ริวเป็นมังกรหรือหนอนชาเขียว 19/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 20-12-2015 12:56:43
แอร๊ยๆ พี่ริวนี่รุกหนักนะคะ หึหึ น้องว่านจะรอดดร๊ออออ ส่วนน้องมะตูมน้องได้ทำหน้าที่นั้นแน่ๆค่ะ ไปเป็นเมียพี่เมฆโลดดดด หึหึ

รอตอนต่อไปค่า >///<
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่11#ลูกชายพี่ริวเป็นมังกรหรือหนอนชาเขียว 19/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 20-12-2015 22:35:25
เกือบเสียตัวไปละว่าน
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่11#ลูกชายพี่ริวเป็นมังกรหรือหนอนชาเขียว 19/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: winmania ที่ 27-12-2015 17:20:16
ฮึยยยยย พี่ริววววว สั่งสอนน้องว่านได้ถูกใจมากกกก
ถ้าคราวหน้าไม่อยากให้ว่านน้อยเครียดก็ยอมๆเฮียเค้าไปนะจ๊ะ ละอ่อนน้อย หุหุ
หัวข้อ: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่12# อาการของคนหึงเป็นแบบนี้นี่เอง 31/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 31-12-2015 00:09:46


                                                    พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน

                                                              บทที่ 12

                                                 อาการของคนหึงเป็นแบบนี้นี่เอง


               เพิ่งจะรู้ว่าพี่เมฆเรียนรัฐศาสตร์แต่ที่มาคณะสังคมเพราะมาหาเพื่อน ยืนคุยกับพี่เมฆไปแป๊บนึงผมก็ต้องขอตัว

ไปเรียน พี่เมฆจึงชวนผมเมื่อเรียนเสร็จแล้ว


               “เลิกเรียนแล้วไปกินข้าวกันนะว่าน ที่โรงอาหารคณะก็ได้ เดี๋ยวพี่ไปรอ”


               ไม่ใช่ว่าตั้งใจจะไปหาพี่เมฆแต่เพราะคาบเรียนสองชั่วโมงครึ่งทำให้ผมหิวไส้กิ่ว คลาสของไอ้มะตูมยังไม่เลิก

ผมเลยเดินไปที่โรงอาหารของคณะ เป็นโรงอาหารเล็กๆแค่กวาดสายตาไปหนึ่งรอบก็เห็นพี่เมฆนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะ

ตัวหนึ่ง มีขวดน้ำและจานข้าวที่กินหมดแล้วตั้งทิ้งไว้ ราวกับพี่เมฆมีตาวิเศษพอผมก้าวเดินมาด้านในเขาก็เงยหน้าขึ้นมา

พอดี


               “ว่าน ทางนี้”


               หนุ่มหล่อประธานชมรมเทควันโดกวักมือเรียกให้ผมไปนั่งกับเขา ผมนั่งตรงข้ามกับพี่เมฆเขารีบถามผมทันที


               “อยากกินอะไรล่ะ ไม่เป็นไรพี่ไปซื้อให้ดีกว่า”


               “ไม่ต้องครับพี่เมฆ ผมไปซื้อเองก็ได้”


               พี่เมฆโปรยยิ้ม ผมกับสาวสวยโต๊ะข้างๆถึงกับตะลึงอึ้งกิมกี่ ได้ยินเสียงวี้ดว้ายดังมาจากคุณเธอทั้งหลายพลาง

ซุบซิบกันถึงความหล่อบาดตา ไม่นานนักตรงหน้าผมก็มีข้าวราดแกงพูนจานกับน้ำอัดลมขวดหนึ่งตั้งอยู่


               “เท่าไหร่ครับพี่เมฆ”


               “เฮ้ย ไม่ต้อง พี่เลี้ยง”


               “โห เจ้าบุญทุ่มจังเลยนะครับ”


               ไม่ใช่เสียงผมครับ โน่นครับ เสียงไอ้มะตูมที่เดินมายืนอยู่ด้านหลังของผม มันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทันมอง

เหมือนกันแต่ตอนนี้มันนั่งอยู่ข้างผมและแหกปากยิ้มสู้กับพี่เมฆ


               “ไม่สงสัยเลยว่าทำไมสาวๆถึงคลั่งไคล้พี่เมฆจัง หล่อ เก่ง สปอร์ตแบบนี้นี่เอง”


               เพราะเป็นเพื่อนกันมานานผมจึงจับน้ำเสียงได้ว่าไอ้มะตูมกำลังแดกดันพี่เมฆอยู่  ไม่รู้ว่าพี่เมฆจะรู้หรือเปล่าแต่

เขาก็ยังยิ้มมีแค่สายตาเย็นๆมองไอ้มะตูมที่นั่งลอยหน้าคว้าจานข้าวของผมที่พี่เมฆซื้อมาให้ไปกินแทนหน้าตาเฉย


               “ไหนชิมหน่อยสิวะ เออ กับข้าวที่โรงอาหารคณะสังคมนี่อร่อยใช้ได้เลย อย่างนี้พี่เมฆซื้อเลี้ยงไอ้ว่านทุกวัน

ที่มาเรียนเลยก็ได้นะครับ ผมจะได้อาศัยบุญบารมีของเพื่อนอิ่มท้องบ้าง”


               เหี้ยมะตูมเอ๊ย กูไม่สงสัยเลยว่าทำไมมึงถึงถูกพี่เมฆแบ็คคิกเข้าลิ้นปี่ กวนตีนชิบหาย

               พี่เมฆหน้าตึงขึ้นมาทันที เขาฝืนยิ้มให้ผมก่อนจะลุกขึ้นยืนมองตาขวางใส่ไอ้มะตูม ไอ้ตัวกวนตีนซัดข้าวใส่ปาก

เหมือนไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่างแถมยังคว้าขวดน้ำไปดูดเสียครึ่งขวดในขณะที่ผมยิ้มฝืดเต็มที


               “พี่ไปก่อนนะครับว่าน วันหน้าโอกาสดีกว่านี้เราค่อยคุยกันต่อ”


               สะบัดหน้าเดินจากไป ผมตบหัวไอ้มะตูมดังป้าบ


               “มึงไปหาเรื่องพี่เมฆทำไม”


               “ก็กูแม่งไม่ชอบหน้า”


               “เขาแค่คุยด้วยเฉยๆมึงจะไปเกลียดขี้หน้าเขาเพื่ออะไรวะ พี่เมฆสุภาพจะตาย”


               “เฮอะ” ไอ้มะตูมแค่นเสียงออกมา


               “เสแสร้งน่ะสิ มึงไม่รู้อะไรอย่าพูดดีกว่าเหี้ยว่าน”


               “มึงพูดเหมือนมึงรู้อะไรมางั้นแหละ เล่าให้กูฟังเดี๋ยวนี้เลย”


               “คืองี้” ไอ้มะตูมยืดอกเล่าด้วยความภาคภูมิใจในความเสือกของมัน



               “พอมึงบอกว่าพี่ริวจีบมึงกูก็มาปะติดปะต่อเรื่องราวไงว่าทำไมไอ้พี่เมฆมันถึงถามถึงมึงซื้อของฝากมึง ก็ที่มึง

เคยมาเล่าให้กูฟังว่าสองคนนี้เขาไม่ถูกกันกูก็เลยไปสืบเรื่องมาโว้ย สืบจากพวกรุ่นพี่ปีสี่ที่เขาทันเรื่องนี้ กูก็เลยรู้ว่าตอนปี

สองน่ะพี่ริวเขาเคยมีแฟน แหม มึงไม่ต้องทำหน้าหมาหงอย พี่ริวเขาปีสี่แล้วมันก็ต้องเคยมีแฟนมาบ้างแหละ”


               นั่นสินะ จริงอย่างที่ไอ้มะตูมพูด แล้วทำไมผมต้องเจ็บจี๊ดๆตรงหน้าอกวะเนี่ย


                “เล่าต่อนะ พี่ริวมีแฟนอยู่อีกมหาลัยนึงเจอกันตอนเล่นกีฬามหาลัย แล้วทีนี้ไอ้พี่เมฆมันรู้มันก็อาศัยแอ็คติ้งได้

โล่ไปเอาอกเอาใจแฟนพี่ริว ส่วนพี่ริวมึงก็รู้อยู่แล้วว่าพูดจาหมาไม่แดกแถมไม่ค่อยเอาใจคนอีก ช่วงนั้นเหมือนพี่ริวจะเข้า

แค้มป์ฝึกไปคัดทีมชาติ แม่งก็ยิ่งห่างเหินแฟนไง กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ไปเจอว่าแฟนตัวเองนอนอยู่กับไอ้พี่เมฆในห้อง พี่ริว

ของกูเลยอกหักรักคุดเพราะถูกไอ้พี่เมฆแย่งไป”


               ถ้าเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่เบลล่าเคยเล่าให้ฟัง เมื่อตอนมอห้าแฟนพี่เมฆเคยนอกใจไปหาพี่ริว พอตอนปี

สองแฟนพี่ริวก็นอกใจไปหาพี่เมฆ มันเหมือนหนังที่ฉายวนมาซ้ำที่เดิมเพียงแต่สลับข้างกัน หรือผมจะคิดมากเกินไป


               “แล้วตอนนี้แฟนพี่ริวเขายังคบกับพี่เมฆหรือเปล่าวะ”


               “ไม่แล้วล่ะ พี่เมฆเองก็เลิกกับแฟนพี่ริวหลังจากนั้นไม่นาน ก็เป็นอันรู้กันว่าทั้งสองคนเขาไม่ถูกกันน่ะ”


               มิน่าล่ะ เจอกันวันนั้นแทบจะแยกเขี้ยวใส่กัน เป็นอันว่าผมกระจ่างแจ้งในความหลังถึงความบาดหมางของทั้งคู่

แต่ถึงยังไงผมว่าพวกเขาคงจะไม่ทะเลาะกันอีกครั้งเพราะเรื่องของผมหรอก

                ตอนเย็นหลังเรียนเสร็จผมกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่หอเป็นเสื้อยืดกางเกงวอร์มเพื่อจะไปซ้อมดาบ วันนี้ชมรมคง

ครึกครื้นเหมือนเช่นทุกวัน ปกติผมจะไปชมรมด้วยการเดินมันไม่ไกลเท่าไหร่หรอก วันนี้ก็เหมือนเดิมผมกำลังเลาะริมถนน

อย่างไม่รีบร้อนนัก แต่อยู่ๆก็มีรถยนต์คันหนึ่งบีบแตรและขับตรงเข้ามาเทียบข้างผม เมื่อกระจกรถเปิดผมก็เห็นพี่เมฆที่

เป็นคนขับ


               “จะไปชมรมเหรอ ขึ้นรถไปกับพี่สิพี่ก็จะไปชมรมเหมือนกัน”


               “เอ่อ คือว่า...”


               สองจิตสองใจในการตัดสินใจแค่จะขึ้นรถของพี่เมฆเมื่อเรื่องความขัดแย้งของพี่เมฆกับพี่ริวยังก้องอยู่ในหัว พี่

เมฆหุบยิ้มสีหน้าสลดทันที


               “คงจะไปฟังเรื่องที่เขาล่ำลือกันมาสินะก็เลยไม่ชอบหน้าพี่ ไม่เป็นไร พี่ก็แค่เห็นว่านเดินอยู่เลยอยากให้นั่งรถ

ไปทางเดียวกัน ถ้าว่านไม่อยากไปพี่ก็ไม่ว่า”


               “ไปครับพี่ ผมไม่ได้คิดแบบนั้นสักหน่อย”


               ผมก้าวไปยังที่นั่งข้างคนขับเปิดประตูขึ้นไปนั่งโดยไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าความเกรงใจ สีหน้าของพี่เมฆดี

ขึ้นมาบ้าง เขาชวนผมคุยเรื่องดินฟ้าอากาศอยู่ไม่กี่คำรถของพี่เมฆก็มาจอดที่หน้าอาคาร ผมกำลังจะเปิดประตูแต่แล้วพี่

เมฆกลับเอื้อมมือมาเปิดล็อคให้ผม ผมได้แต่นั่งตัวแข็งเมื่อแขนของพี่เมฆผ่านตัวผมไปนิดเดียว


               “ตัวล็อคมันไม่ค่อยดีน่ะ”


               พี่เมฆยิ้มเหมือนมันเป็นเรื่องปกติ ผมยิ้มแหยแล้วรีบกระโจนลงจากรถเพื่อจะมาเผชิญหน้ากับมัจจุราช

               เฮือกกกก


              “พี่ริว!”


               หน้าดุนิ่งยิ่งดูดุมากกว่าเดิมเมื่อเขาจ้องมองผมตาเขียวอยู่หน้าทางเข้าชมรม ผมนี่เสียวสันหลังวาบๆในขณะที่

พี่เมฆแค่อมยิ้ม


               “ไอ้ริวมันคงจะหวงว่านน่าดูนะ นี่พี่กำลังเหยียบหางมันอยู่หรือเปล่า”


               คนที่กำลังโดนเหยียบหางหมุนตัวขวับก้าวลิ่วๆกลับเข้าไปในชมรมแล้วครับ ผมหันกลับไปยกมือไหว้พี่เมฆ

และรีบวิ่งไปที่ชมรมเพื่อจะเห็นพี่ริวยืนนิ่งและตั้งท่าการ์ดดาบเซเบอร์ก่อนจะรุกเข้าฟันคุณสมศักดิ์หุ่นยางด้วยท่าทาง

หงุดหงิดน่าดู


               “โธ่โว้ย”


               “พี่ริว”


               พี่ริวโยนดาบทิ้งแล้วยกมือเท้าเอวหันหลังให้ผม พี่พูห์ที่เพิ่งจะมาถึงชมรมได้ยินเสียงตะโกนของพี่ริวถึงกับ

เดินมามองหน้าพี่ริวด้วยความสงสัย


               “เป็นอะไรกันวะ เสียงเหมือนจะฆ่ากันตาย”


               พี่ริวหันขวับมามองหน้าผม เขาไม่สนใจพี่พูห์ที่ยืนเป็นบุคคลที่สาม


               “ฟังก่อนสิพี่ริว”


               เขาก้าวสวบๆมาหยุดยืนต่อหน้าและจ้องมองผมด้วยสายตาที่ปะปนไปด้วยความไม่พอใจ เสียใจ และตัดพ้อ

จนผมงงว่าแค่ผมนั่งรถมากับพี่เมฆมันคือความผิดมหันต์


               “ผมแค่...”


               “ถ้ามึงอยากชูคอนั่งรถยนต์มากกว่าซ้อนมอเตอร์ไซค์กระจอกๆทำไมมึงไม่บอกกูตั้งแต่แรก”


               “เฮ้ย นี่มึงสองคนทะเลาะกันเรื่องอะไร กูขอมีส่วนร่วมบ้างได้ไหม”


               “ผมไม่ได้อยากชูคอนั่งรถยนต์นะ ถ้าผมเห็นไอ้ฟีโน่ของพี่กระจอกแล้วไอ้ที่ผมนั่งมาตลอดนั่นคืออะไร”


               น้อยใจว่ะ แม่งไม่ฟังกูเลย

               ขอบตาร้อนผ่าวเลยทีเดียวเมื่อพี่ริวไม่ฟังเหตุผล  พี่ริวเองก็เหมือนจะรู้สึกไม่ต่างกัน


               “มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบให้มึงไปยุ่งกับมัน มึงก็ยังทำ นี่มึงยังจำได้บ้างไหมว่ามึงน่ะเป็นแฟนกู”


               “พี่ริว”


               ขณะที่พี่พูห์อ้าปากค้างกับความรู้ใหม่สดๆร้อนๆพี่ริวก็เดินหนีผมไปทางฟีโน่แล้วสตาร์ทรถขี่มันหนีผมไป

ปล่อยให้ผมยืนอึ้งมองตามหลังไปจนเขาลับสายตา พี่พูห์ที่เพิ่งจะได้สติหันขวับมามองหน้าผมทันที


               “อย่าหนีกูไปอีกคนนะมึง ตกลงมันยังไงมึงกับไอ้ริวเป็นแฟนกันจริงใช่ไหม”


               ผมพยักหน้าอย่างซังกะตายและทรุดตัวลงนั่งอย่างห่อเหี่ยว


               “ผมไม่เข้าใจว่ะพี่พูห์ ผมแค่นั่งรถมากับพี่เมฆเพราะมาทางเดียวกัน ทำไมพี่ริวต้องโกรธขนาดนั้น”


               พี่พูห์หรี่ตามองสภาพหมาไม่แดกของผม เขาหัวเราะอยู่ในลำคอเมื่อเฉลยให้ผมเข้าใจ


               “ไอ้ริวมันหึงมึงไงล่ะ มันคงกลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยแล้วมันจะเสียมึงไปไงไอ้ว่าน”

               






               พี่ริวไม่กลับมาที่ชมรมอีกจนกระทั่งพวกเราซ้อมกันเสร็จ เรื่องที่ผมกับพี่ริวตกลงเป็นแฟนกันถูกพี่พูห์

โพนทะนาให้คนทั้งชมรมฟัง เสียงฮือฮาดังมาจากพวกรุ่นพี่ส่วนเบลล่าอวยพรทั้งน้ำตา


               “ฮือ ในฐานะที่ว่านเป็นเพื่อน เรายอมเสียสละพี่ริวให้ว่าน ขอให้ว่านกับพี่ริวครองรักกันอย่างมีความสุข ส่วนเรา

จะยอมช้ำใจแต่เพียงผู้เดียว ฮือ”


               ไม่รู้จะปลอบใจเบลล่ายังไงเพราะตอนนี้ใจคอผมก็ยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ โทรไปหาพี่ริวเป็นสิบครั้งเขาก็ไม่

ยอมรับ ครั้งสุดท้ายถึงกับปิดเครื่องหนี ผมไปกินข้าวกับคนในชมรมโดยปราศจากพี่ริวมันช่างทรมานความรู้สึกเหลือเกิน

ตอนนี้เองที่ผมเพิ่งจะรู้ตัว

               ผมแม่งรักพี่ริวไปซะแล้ว

               รักผู้ชายหน้าหยิ่งๆด่าเก่งๆแต่แอบเอาใจใส่ในทุกรายละเอียดของผม และตอนนี้ผู้ชายคนนั้นกำลังงอนผมอยู่


               “พี่พูห์ ไปส่งผมที่หอพี่ริวหน่อยสิ”


               “จะไปง้อมันหรือไง”


               พี่พูห์พาผมมาส่งที่หน้าหอของพี่ริวเมื่อกินข้าวเสร็จ เป็นครั้งแรกที่ท่าทางขี้เล่นของพี่พูห์หายไป


               “คบกับไอ้ริวก็ช่วยรักษาแผลมันหน่อย มันเจ็บมาเยอะ ผ่านมาเยอะ กูเอาใจช่วยมึงนะไอ้ว่าน”


               พี่พูห์ขี่มอเตอร์ไซค์จากไปแล้ว ผมเดินขึ้นไปบนหอของพี่ริวจนถึงหน้าห้อง ลองเคาะประตูเรียกก็เงียบกริบ

แสงไฟในห้องก็ยังไม่ลอดช่องประตูออกมา

               พี่ริวยังไม่กลับหอ

               ผมเดินไปเดินมาหน้าห้องจนเมื่อย สุดท้ายก็ต้องทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าและซุกหน้าตัวเองลงไปเพื่อรอคอย

เจ้าของห้อง

               สามทุ่ม

               สามทุ่มครึ่ง

               สี่ทุ่ม

               เกือบจะหลับอยู่แล้วเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าคุ้นหูก้าวตรงเข้ามาก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้า ผมเงยหน้ามองอย่าง

งัวเงียจึงเห็นยักษ์ตัวใหญ่ยืนค้ำหัวและจ้องมองผมด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก

               พี่ริวดึงแขนให้ผมลุกขึ้น เขาไขกุญแจก้าวนำผมเข้าไปในห้องโดยไม่พูดอะไรสักคำ เราเผชิญหน้ากันอยู่ใน

ห้องสี่เหลี่ยมปิดตาย แต่แปลกที่คราวนี้ผมไม่ได้นึกถึงทางหนีทีไล่มากไปกว่าจิตใจของผู้ชายข้างหน้าผม


               “ขอโทษ”


               “ขอโทษ”


               กล่าวออกมาเกือบจะพร้อมกันจนเราต่างสบตา นัยน์ตาดุอ่อนแสงจนเหลือแต่ความสำนึกผิด


               “กูขอโทษที่ไม่ฟังเหตุผลของมึง เสือกทำตัวงี่เง่าอีกต่างหาก”


               “ผมก็ขอโทษทั้งที่รู้ว่าพี่ไม่ชอบก็ยังเสือกทำอีก”


               เพิ่งสังเกตว่าดวงตาของพี่ริวสวยดี เปลือกตาสองชั้นรับกับคิ้วเข้ม เวลามองผมด้วยประกายสว่างแบบนี้มัน

ทำให้ผมเคลิ้มจนลืมเรื่องทั้งหมด ใบหน้าดุช่างมีแรงดึงดูดมหาศาลให้ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขาเรื่อยๆจนกระทั่งไม่มีช่อง

ว่างเหลืออยู่เมื่อพี่ริวก้มหน้าลงมาจนปากเราชนกัน






มีต่ออีกนิด...

หัวข้อ: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่12# อาการของคนหึงเป็นแบบนี้นี่เอง 31/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 31-12-2015 00:17:02
ต่อกันตรงนี้...



                ผมหลับตาลงพร้อมกับยินยอมให้พี่ริวล่วงล้ำปลายลิ้นเข้ามาในปาก มันอ่อนหวานนุ่มนวลเกินกว่าจะผลักไส

ลิ้นอุ่นตวัดทีละน้อยราวกับรอให้ผมอนุญาตให้เขากระทำมากกว่านั้น มันทำให้ผมอึดอัดจนต้องยกสองแขนไปคล้องคอพี่

ริวแล้วโน้มลงมาเพื่อที่ผมจะเป็นฝ่ายสอดลิ้นเข้าไปบ้าง


               “ว่าน...”


               มืออุ่นจนร้อนสากนิดๆวางอยู่ตรงเอวของผม ขยับลูบไล้แผ่นหนังจนมันร้อนตามมือนั่น มันลากขึ้นมาช้าๆ

โดยที่ผมไม่รู้ตัว พี่ริวสอดมือลึกเข้ามาจนเสื้อยืดของผมผ่านหัวไปอย่างง่ายๆโดยที่ผมไม่คิดจะห้าม พี่ริวละจากปากจน

ผมเสียดายแต่แล้วเขาก็ทำให้ผมร้อนวูบวาบเมื่อเขาลากปลายลิ้นมาเม้มปากลงตรงซอกคอ ตอนนี้มือทั้งสองของเขาขยับ

สัมผัสร่างกายของผมทั้งแผ่นหน้าและแผ่นหลัง


               “...นะ”


               อะไรนะ


               “อืม...”


               พี่ริวรวบเอวของผมแล้วพาให้ล้มไปบนที่นอน รู้สึกหนักเมื่อพี่ริวนอนทับอยู่บนตัว พี่ริวกางแขนผมแล้ว

ตรึงไว้กับที่นอนก่อนที่เขาจะพรมจูบไล่ลงจากลำคอต่ำลงมาจนถึงหน้าอก ผมสะดุ้งเมื่อเขาเม้มปากลงบนยอดอกแต่

พี่ริวก็ไม่ยอมปล่อยอีกแล้ว เขาดูดมันราวกับผมเป็นน้ำหวานแสนอร่อย ผมได้แต่ปรือตามองเพดานเมื่อพี่ริวลากปากลง

ช้าๆจนถึงหน้าท้อง


              “พี่ริว อื้อ...”


               ความรู้สึกบางอย่างปั่นป่วนอยู่ในท้องเมื่อเขายอมปล่อยมือที่ตรึงแขนของผมเพื่อจะลูบไล้ไปตามขอบ

กางเกงวอร์มแล้วกระชากมันผ่านสะโพกของผมอย่างรวดเร็ว พี่ริวถีบมันออกจนพ้นปลายเท้า ผมไม่รู้เลยว่าพี่ริวใช้เวลา

ช่วงไหนจัดการตัวเองเพราะรู้สึกตัวอีกทีพี่ริวก็ทาบตัวที่ไม่มีเสื้อผ้าแนบลงมาบนตัวของผม

              ร้อนไปหมดเมื่อเนื้อแนบเนื้อ เราจ้องตากันอีกครั้งด้วยอารมณ์กระเจิดกระเจิง พี่ริวแทรกตัวอยู่ระหว่างขาของ

ผมที่เขาดันออกให้กว้าง เขาก้มหน้าลงมาจูบปากให้ผมลอยละล่องราวกับขนนกอีกครั้ง


               “รัก...”


               อึก

               เจ็บ

               เหงื่อแตกไหลเป็นทางเมื่อสัมผัสแรกที่พี่ริวแทรกเข้ามามันเจ็บเหลือเกิน ผมกลั้นใจรับเขาเข้ามาด้วยความ

ยากลำบาก


               “อย่าเกร็งครับว่าน มองตาพี่นะ”


               เขาดึงความสนใจของผมด้วยดวงตาที่มองอย่างลึกซึ้ง พี่ริวดันเอวเข้ามาช้าๆเป็นจังหวะและในที่สุดเขาก็รวม

ร่างกับผมได้สำเร็จ


               “เก่งมาก หายเจ็บหรือยัง”


               จะว่าหายก็หาย จะว่ายังเจ็บก็เจ็บ

               แต่เพราะเป็นพี่ริวทำให้ผมทนได้ พี่ริวก้มหน้าจูบปากสั่นระริกของผมพลางขยับเอวทีละนิดให้ผิวหนังของเรา

ได้สัมผัสเรียนรู้ เขาทำให้ผมเตลิดไปกับรสรักที่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกของผม


               “อา..พี่ริว อื้อ...”


               “อย่าทนครับว่าน ปลดปล่อยออกมา”


               ผมแอ่นกายขยับเอวรับให้พี่ริวสอดลึกมากขึ้น และมากขึ้น ร่างกายของผมบิดเกร็งไปหมดยามที่พี่ริว

กระชากอารมณ์จนขาดผึงก่อนที่ผมจะหอบหนักอยู่ภายใต้ร่างของพี่ริวที่ไม่ยอมปล่อยผมตลอดทั้งคืน




                                                              TBC


ว่าจะไม่แล้วน้า แต่สงสารพี่ริวไง ก็เลยให้พี่ริวสมหวัง


#ทีมพี่ริว
 :hao3: :hao3:


หายไปนานอย่าเพิ่งลืมกันนะคะ มัวแต่แต่งตอนพิเศษของเพลิงพ่าย

ใกล้จะถึงคิวรวมเล่มแล้ว อย่าลืมเก็บเงินอุดหนุนกันนะคะ

 o18 o18 o18



                                                     Happy New Year 2016
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่12# อาการของคนหึงเป็นแบบนี้นี่เอง 31/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 31-12-2015 00:42:17
อร๊ายยยย เสร็จพี่ริวจนได้นะ.  :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่12# อาการของคนหึงเป็นแบบนี้นี่เอง 31/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 31-12-2015 02:03:12
พี่ริวปล่อยว่านรอนานจังเลย  :m16:
แต่ให้อภัย ก้ากๆๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่12# อาการของคนหึงเป็นแบบนี้นี่เอง 31/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 31-12-2015 02:12:38
โดนกินตับไปแล้ว อุ๊ย

ทำไมเราจิ้น   เมฆ-มะตูมอ๊ะ?
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่12# อาการของคนหึงเป็นแบบนี้นี่เอง 31/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: Aomoto ที่ 31-12-2015 02:36:51
น้องว่านใจอ่อนจังน้าาาา สมใจอิพี่ริวเลย อิ อิ #ทีมพี่ริว
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่12# อาการของคนหึงเป็นแบบนี้นี่เอง 31/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 31-12-2015 03:31:08
ต้องขอบคุณพี่เมฆเหมือนกันนะ ทำให้พี่ริวหึงจนได้เสียเป็นผัวเมียกับน้องว่านสักที
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่12# อาการของคนหึงเป็นแบบนี้นี่เอง 31/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 31-12-2015 06:01:36
ต้องบอกว่าว่านมันทำตัวเองนะเนี่ย ฮ่าๆ มารอถวยตัวเลยอะ
พี่ริวนี่ก็แบบให้น้องมันรอตั้งนานแทนที่จะลากน้องมันกลับมาด้วยกัน เคลียร์ๆกันตัวตัวไปเลย วู้วเสียเวลา
เราหมั่นไส้พี่เมฆมาก ความจริงใจอยู่ไหน แค่อยากแย่งของ อยากแกล้งพี่ริวน่ะสิ มะตูมมอมเหล้าแล้วจับกดโลด
 :hao6:
ขอบคุณค่ะ Happy New Year นะคะคนเขียน
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่12# อาการของคนหึงเป็นแบบนี้นี่เอง 31/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 31-12-2015 08:09:28
เอ้าน้องว่าน...ง้อกันยังไงเนี่ย 5555
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่12# อาการของคนหึงเป็นแบบนี้นี่เอง 31/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 31-12-2015 08:50:02
ง้อกันแบบนี้.  รับรองหายงอนเป็นปลิดทิ้ง.      รอลุ้นคู่เมฆมะตูม
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่12# อาการของคนหึงเป็นแบบนี้นี่เอง 31/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: tukkata bambola ที่ 31-12-2015 10:12:40
 :z1: :z1:อร๊ายยยย พี่ริวน้องวานเค้าเข้าหอกันแล้ว :m25: เค้าง้อกันแบบนี้ใช่มั้ยง้อกันบ่อยๆนะเค้าชอบ :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่12# อาการของคนหึงเป็นแบบนี้นี่เอง 31/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 31-12-2015 10:38:05
ตอนแรกก็เห็นใจพี่ริวนะ คนมีแผล ก็ต้องระแวง ต้องคิดมากเป็นธรรมดา
ส่วนว่านก็นะ รู้ทั้งรู้ว่าเค้าไม่ถูกกัน ยังจะไปกับเค้าอีก

สุดท้าย สมใจพี่ริวแล้วสินะ แหมมมมม ง้อกันแบบนี้  :z1:

  :mc3:HAPPY NEW YEAR 2016!!!  :L2:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่12# อาการของคนหึงเป็นแบบนี้นี่เอง 31/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 31-12-2015 12:32:40
 :mc4:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่12# อาการของคนหึงเป็นแบบนี้นี่เอง 31/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: nsai.ss ที่ 31-12-2015 13:28:46
น้องว่านโดนเข้าให้แล้ว ฮ่าาา~~~
แล้วตกลงพี่ริวหนอนชาเขียวหรือมังกรอ่ะว่าน เอิ๊กกก

สวัสดีปีใหม่ค่า  :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่12# อาการของคนหึงเป็นแบบนี้นี่เอง 31/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 31-12-2015 14:46:04
 :laugh:


หึงกันบ่อยๆๆน่ะ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่12# อาการของคนหึงเป็นแบบนี้นี่เอง 31/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 31-12-2015 14:58:08
ว่านง้อได้ดี พี่ริวใจอ่อนเลย 55555
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่12# อาการของคนหึงเป็นแบบนี้นี่เอง 31/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 31-12-2015 20:53:09
มาตามอ่าน

มาให้กำลังใจจ้า
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่12# อาการของคนหึงเป็นแบบนี้นี่เอง 31/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 31-12-2015 22:53:47
พี่ริวสมหวังแล้ว

ดีใจด้วยนะพี่ริว

การเข้าใจผิดกันโกรธ งอน หรืออะไรก็แล้วแต่ในวันนี้

ก็ทำให้น้องว่านเสร็จพี่ริวไปเรียบร้อยแล้ว 55555

อยากรู้ว่าเมื่อไร่พี่เมฆจะดีแตก ถึงตอนนั้นคงสนุกน่าดู

จับคู่ใส่มะตูมเลย

หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่12# อาการของคนหึงเป็นแบบนี้นี่เอง 31/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: zhai ที่ 31-12-2015 23:10:07
 :oni2:
ดีใจเอ๋ยดีใจ (แบบไม่ปิดอาการ)
ที่นี้จอมเสียบ พี่เมฆ ก็น่าจะเสียบยากขึ้นน่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่12# อาการของคนหึงเป็นแบบนี้นี่เอง 31/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 01-01-2016 01:12:53
เค้าได้กันแล้ววววน้ำตาจิไหล พี่ริวเจอว่านง้อแบบนี้คงหายโกรธไปอีกนานเลยละสิ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน#บทที่12# อาการของคนหึงเป็นแบบนี้นี่เอง 31/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 01-01-2016 18:10:51
วิธีง้อ สุดยอด!!

เค้ารวมร่างกันแล้วววว
หัวข้อ: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน # บทที่13/1 # ผมถูกชิงอนาธิปไตยไปแล้ว 06/01/59
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 06-01-2016 14:27:14


                                                   พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน

                                                           บทที่ 13/1

                                                 ผมถูกชิงอนาธิปไตยไปแล้ว


               ผมนอนกระพริบตาปริบๆมองเพดานเมื่อแสงอาทิตย์ส่องเข้ามาในห้องพร้อมกับทบทวนความทรงจำ อาการ

เมื่อยขบตามเนื้อตัวโดยเฉพาะบริเวณนั้น เอ่อ ตรงรูตูดนั่นแหละที่ยังระบมอยู่บอกให้ผมรู้ว่าทั้งหมดมันเป็นเรื่องจริง

               กรี๊ดดด กูเสียพรมจรรย์ไปให้ไอ้ผีกระสือสูบวิญญาณไปแล้ว

               หันไปมองไอ้คนที่ยังนอนตะแคงหลับตาพริ้มกอดผมอยู่ด้วยความหมั่นไส้ แม่งตอแหลหลอกว่างอนให้ง้อแล้ว

จัดกูซะหนัก โธ่ ไอ้...


               “มองหน้าด่าผัวหรือครับเมีย”


               มือที่วางอยู่ตรงเอวของผมแบบหลวมๆกระชับมือให้ลำตัวผมเข้าไปแนบชิดทั้งที่ไอ้พี่ริวยังนอนหลับตาแต่ปาก

ยิ้มกริ่มนั่นแหละ รู้แน่ๆคราวนี้ว่าทั้งผมทั้งพี่ริวยังไม่มีอะไรติดตัวสักชิ้นนอกจากผ้าห่มหนึ่งผืนที่เอาไว้ห่มกันหนาว เฮี้ย

เหี้ย ถ้ากูตายเพราะปอดบวมกูจะกลายเป็นผีมาหลอกให้หัวโกร๋นเลย


               “ปล่อยเลยพี่ริว”


               ผมง้างมือทุบหัวไหล่ดังอั้ก สะเทือนไปนิดนึงจนพี่ริวต้องลืมตามาคาดโทษผม


               “นี่กล้าทำร้ายกูงั้นเหรอไอ้หน้าอ่อน”


               “ใครกันแน่ทำร้าย ข่าวว่าเมื่อคืนขย่มผมจนเตียงแทบหักนี่ยังจะมีหน้ามายิ้มอีก รู้บ้างสิว่ารูตูดมันระบมแค่ไหน

คิดถึงตอนผมขี้บ้างไหม”


               แว้ดใส่แม่งเลย คราวนี้อีพี่ริวถึงกับหัวเราะเบาๆพลางยกมือบีบจมูกของผมทันที


               “เออ โทษทีที่รุนแรง ก็มึงนี่น้าน่าขย่มแค่ไหนรู้เปล่า ขย่มไปก็ครางงี้ดๆอ่อยกูอีก มึงนั่นแหละที่ผิด”


               ฟายยย

               ทั้งคลำ ทั้งขยำ ทั้งบีบขนาดนั้น มึงไม่ให้กูครางงี้ดๆนี่จะให้กูร้องเพลงทิ้งไว้กลางทางหรือไงครับ


               “ว่าน...”


               เสียงหวานเชียะ


               “มึงเป็นเมียกูแล้วนะ”


               รู้แล้วครับ อย่าย้ำมากเรื่องสูญเสียพื้นที่การครอบครอง เดี๋ยวกูขอคืนพื้นที่ซะเลยนี่


               “มึงห้ามไปยุ่งกับคนอื่นนะ กูหวงของกู”


               ก็เพราะพี่หวงของพี่ไง คราวนี้ผมเลยถูกชิงดินแดน ฮือๆ


               “ว่าน...”


               อะไรอีกล่ะ


               “รักนะ”


               วรั้ยยย

               ผมยกมือผลักหน้าไอ้พี่ริวออกห่างเมื่อเขาเริ่มจะวอแวอยู่แถวแก้มของผมอีกแล้ว


               “รู้แล้วน่า ไม่ต้องย้ำ พี่ริว ชิริว ปล่อยผมก่อนต้องอาบน้ำไปเรียน”


               “หอมแก้มทีนึง”


               ฟัดแก้มผมจนได้ โอ๊ย หอมแก้มแล้วจะยกขามาก่ายตัวกูอีกทำม้าย


               “ชิริวครับ ปล่อยว่านก่อนนะครับ มีเรียนคาบสิบโมงว่านต้องกลับไปอาบน้ำแต่งตัวที่หอก่อนนะครับ นี่ไม่มี

อะไรมาเลย”


               “ย้ายมาอยู่หอกับกูไหม”


               ถามเสียงหื่นเมื่อซุกหน้าลงกับคอของผม โอ๊ย จั๊กจี้


               “ไม่ได้สิพี่ริว นี่จะหมดเทอมแล้ว รอให้จบปีหนึ่งก่อน”


               “ใจร้ายชิบหาย งั้นกูก็ไม่ได้กอดมึงแบบนี้ทุกคืนสิ”


               ปากว่ามือถึง ไอ้กระสือมือยาวสาวมือไปตามตัวจนผมชักจะต้องกลืนน้ำลายเหนียวหนับลงคอ


               “พี่ริว ผมจะกลับหอ”


               เสียงชักสั่นตอนที่พี่ริวมันเริ่มล้วงแคะแกะเกาอีกครั้ง พี่ริวเม้มปากใส่หัวไหล่ของผมคำหนึ่ง


               “อีกแป๊บเดียวนะ”


               “ไม่แป๊บแล้วพี่ เดี๋ยวผมไปเรียนไม่ทัน พี่ริวปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ”





               เฮ้อ รอด

               ซะเมื่อไหร่

               ครับ ผมโดนไอ้กระสือวายร้ายจัดไปอีกดอกแบบซอฟๆเบาๆ แต่ดอกนั้นก็เสียเวลาจนผมกลับไปอาบน้ำแต่ง

ตัวที่หอไม่ทันเลยต้องอาบน้ำที่หอพี่ริว ไอ้เจ้าของห้องยิ้มหน้าบานเพราะจัดการผมได้ต้องหาเสื้อผ้าไซส์เล็กที่สุดมาให้

ผมใส่ แต่ถึงยังไงก็ดูออกแน่ๆว่าไม่ใช่เสื้อผ้าของผม ดีที่วิชาที่ต้องไปเรียนไม่ได้กำหนดว่าให้ใส่ชุดนักศึกษาอย่างเดียว

ผมเลยรอดตัว แต่ที่ไม่รอดก็สายตาของไอ้มะตูมนี่แหละที่เรียนห้องเดียวกันวันนี้เมื่อผมเดินหุบไม่ลงไปทิ้งตัวลงนั่งบน

เก้าอี้เบาะนวมของห้องสโลป


               “อุ๊บ!”


               สะดุ้งโหยงเมื่อมันยังเจ็บหน่วงๆ ไอ้มะตูมมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าพร้อมกับสายตาสอดส่อง


               “ยอมรับไหม”


               สัส เพื่อนเลว


               “เออ!”


               ไอ้มะตูมกลั้นหัวเราะอย่างยากเย็นในขณะที่ผมค้อนมันตาคว่ำ


               “สายรหัสมึงนี่แดกกันเองเนาะ พี่ออดี้ก็เป็นแฟนเจ้ฝน ส่วนมึงก็ต้องตกเป็นเมียปู่รหัส”


               “เอาตะกร้อใส่ปากไหมเพื่อน”


               “แหม กูก็แซวเพราะความรักหรอกเพื่อนว่าน เห็นมึงเป็นฝั่งเป็นฝากูก็ดีใจด้วย แล้วนี่ทำไมถึงยอมพี่ริวล่ะมึง”


               อาจารย์เข้าสอนแล้ว ดีที่ผมกับมะตูมนั่งด้านหลังห้องสโลป ผมเลยแอบกระซิบเล่าให้มันฟังว่าเหตุเกิดเพราะ

พี่ริวโมโหที่ผมนั่งรถไปกับพี่เมฆ


               “กูว่าแล้วเชียว” ไอ้มะตูมสบถเบาๆ


               “นี่คงคิดว่ามึงหลอกง่ายเลยเอารถมาล่อ ทั้งที่ความจริงแล้วมึงก็หลอกง่ายจริงๆแหละเหี้ยว่าน กูเป็นพี่ริวกูก็

โมโห ไอ้พี่เมฆแม่งเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น สงสัยว่ากูต้องระวังมึงให้มากๆแล้วว่ะ”
               



                                                                        TBC



เวลาน้อยนิด จะไม่แต่งเลยก็กลัวแควนๆพี่ริวจะลืม

ว่างแล้วจะมาทยอยแต่งสะสมนะคะ


 :mew5: :mew5:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน # บทที่13/1 # ผมถูกชิงอนาธิปไตยไปแล้ว 06/01/59
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 06-01-2016 15:05:22
 :z6: :z6: :z6: :z6: จัดการไอ้พี่เมฆซะเลย
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน # บทที่13/1 # ผมถูกชิงอนาธิปไตยไปแล้ว 06/01/59
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 06-01-2016 15:33:50
มะตูมจับพี่เมฆกดเลยนะ หมั่นไส้พี่แก มาทำให้พี่ริวโกรธ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน # บทที่13/1 # ผมถูกชิงอนาธิปไตยไปแล้ว 06/01/59
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 06-01-2016 15:40:08
มะตูมกับพี่ริวฉลาดเริ่ด ตบมือแปะๆ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน # บทที่13/1 # ผมถูกชิงอนาธิปไตยไปแล้ว 06/01/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-01-2016 15:44:24
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน # บทที่13/1 # ผมถูกชิงอนาธิปไตยไปแล้ว 06/01/59
เริ่มหัวข้อโดย: nsai.ss ที่ 06-01-2016 15:58:29
 :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน # บทที่13/1 # ผมถูกชิงอนาธิปไตยไปแล้ว 06/01/59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 06-01-2016 16:02:21
 :o8:  ชิริว กินเรียบ

แง้ สั้นจังค่ะ  รอๆๆ  :mew1: 
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน # บทที่13/1 # ผมถูกชิงอนาธิปไตยไปแล้ว 06/01/59
เริ่มหัวข้อโดย: tukkata bambola ที่ 06-01-2016 16:19:16
พี่ริวหวงของขั้นสุดยอด น้องว่านน่ารักอ่ะเรียกชิริวด้วย :-[
ฝากมะตูมจัดการอิพี่เมฆหน่อยหมั่นไส้อ่ะเอาให้หมอบเลยนะ :laugh:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน # บทที่13/1 # ผมถูกชิงอนาธิปไตยไปแล้ว 06/01/59
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 06-01-2016 18:08:45
พี่ริวขี้หวง ว่านก็อย่าทำให้พี่ริวหึงนะ
อิพี่เมฆมันคงไม่หยุดง่ายๆ ว่านก็ระวังตัวไว้บ้าง
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน # บทที่13/1 # ผมถูกชิงอนาธิปไตยไปแล้ว 06/01/59
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 06-01-2016 19:04:04
มะตูมต้องช่วยกันว่านจากพี่เมฆต่อไป   

ตอนนี้สั้นจัง รอตอนต่อไปนะคะ   :3123:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน # บทที่13/1 # ผมถูกชิงอนาธิปไตยไปแล้ว 06/01/59
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 06-01-2016 19:54:50
ว่าเสร็จพี่ริวละ

ดีใจด้วยนะพี่ริว

ชอบไดกันเร็วดี มะตูมจะกันพี่เมฆเหรอ

ระวังนะจะโดนพี่เมฆจับกิน อิอิ

หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน # บทที่13/1 # ผมถูกชิงอนาธิปไตยไปแล้ว 06/01/59
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 06-01-2016 20:24:34
พี่ริวหื่นมากค่ะ 5555 มะตูมดูแลว่านดีๆนะ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน # บทที่13/1 # ผมถูกชิงอนาธิปไตยไปแล้ว 06/01/59
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 06-01-2016 22:31:35
มะตูมไปจัดการพี่เมฆเลย 55555
นังว่านมันยอมพี่ริวแล้วโว้ยยย :hao6:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน # บทที่13/1 # ผมถูกชิงอนาธิปไตยไปแล้ว 06/01/59
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 06-01-2016 23:33:34
โดนจัดไปซะละ 555
หัวข้อ: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน # บทที่13/2 # ผมถูกชิงอนาธิปไตยไปแล้ว 07/01/59
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 07-01-2016 21:44:24


                                                   พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน

                                                            บทที่ 13

                                                 ผมถูกชิงอนาธิปไตยไปแล้ว


               ผมนอนกระพริบตาปริบๆมองเพดานเมื่อแสงอาทิตย์ส่องเข้ามาในห้องพร้อมกับทบทวนความทรงจำ อาการ

เมื่อยขบตามเนื้อตัวโดยเฉพาะบริเวณนั้น เอ่อ ตรงรูตูดนั่นแหละที่ยังระบมอยู่บอกให้ผมรู้ว่าทั้งหมดมันเป็นเรื่องจริง

               กรี๊ดดด กูเสียพรมจรรย์ไปให้ไอ้ผีกระสือสูบวิญญาณไปแล้ว

                หันไปมองไอ้คนที่ยังนอนตะแคงหลับตาพริ้มกอดผมอยู่ด้วยความหมั่นไส้ แม่งตอแหลหลอกว่างอนให้ง้อแล้ว

จัดกูซะหนัก โธ่ ไอ้...


               “มองหน้าด่าผัวหรือครับเมีย”


               มือที่วางอยู่ตรงเอวของผมแบบหลวมๆกระชับมือให้ลำตัวผมเข้าไปแนบชิดทั้งที่ไอ้พี่ริวยังนอนหลับตาแต่ปาก

ยิ้มกริ่มนั่นแหละ รู้แน่ๆคราวนี้ว่าทั้งผมทั้งพี่ริวยังไม่มีอะไรติดตัวสักชิ้นนอกจากผ้าห่มหนึ่งผืนที่เอาไว้ห่มกันหนาว เฮี้ย

เหี้ย ถ้ากูตายเพราะปอดบวมกูจะกลายเป็นผีมาหลอกให้หัวโกร๋นเลย


               “ปล่อยเลยพี่ริว”


               ผมง้างมือทุบหัวไหล่ดังอั้ก สะเทือนไปนิดนึงจนพี่ริวต้องลืมตามาคาดโทษผม


               “นี่กล้าทำร้ายกูงั้นเหรอไอ้หน้าอ่อน”


               “ใครกันแน่ทำร้าย ข่าวว่าเมื่อคืนขย่มผมจนเตียงแทบหักนี่ยังจะมีหน้ามายิ้มอีก รู้บ้างสิว่ารูตูดมันระบมแค่ไหน

คิดถึงตอนผมขี้บ้างไหม”


               แว้ดใส่แม่งเลย คราวนี้อีพี่ริวถึงกับหัวเราะเบาๆพลางยกมือบีบจมูกของผมทันที


               “เออ โทษทีที่รุนแรง ก็มึงนี่น้าน่าขย่มแค่ไหนรู้เปล่า ขย่มไปก็ครางงี้ดๆอ่อยกูอีก มึงนั่นแหละที่ผิด”


               ฟายยย

               ทั้งคลำ ทั้งขยำ ทั้งบีบขนาดนั้น มึงไม่ให้กูครางงี้ดๆนี่จะให้กูร้องเพลงทิ้งไว้กลางทางหรือไงครับ


               “ว่าน...”


               เสียงหวานเชียะ


               “มึงเป็นเมียกูแล้วนะ”


               รู้แล้วครับ อย่าย้ำมากเรื่องสูญเสียพื้นที่การครอบครอง เดี๋ยวกูขอคืนพื้นที่ซะเลยนี่


               “มึงห้ามไปยุ่งกับคนอื่นนะ กูหวงของกู”


               ก็เพราะพี่หวงของพี่ไง คราวนี้ผมเลยถูกชิงดินแดน ฮือๆ


               “ว่าน...”


               อะไรอีกล่ะ


               “รักนะ”


               วรั้ยยย

               ผมยกมือผลักหน้าไอ้พี่ริวออกห่างเมื่อเขาเริ่มจะวอแวอยู่แถวแก้มของผมอีกแล้ว


               “รู้แล้วน่า ไม่ต้องย้ำ พี่ริว ชิริว ปล่อยผมก่อนต้องอาบน้ำไปเรียน”


               “หอมแก้มทีนึง”


               ฟัดแก้มผมจนได้ โอ๊ย หอมแก้มแล้วจะยกขามาก่ายตัวกูอีกทำม้าย


               “ชิริวครับ ปล่อยว่านก่อนนะครับ มีเรียนคาบสิบโมงว่านต้องกลับไปอาบน้ำแต่งตัวที่หอก่อนนะครับ นี่ไม่มี

อะไรมาเลย”


               “ย้ายมาอยู่หอกับกูไหม”


               ถามเสียงหื่นเมื่อซุกหน้าลงกับคอของผม โอ๊ย จั๊กจี้


               “ไม่ได้สิพี่ริว นี่จะหมดเทอมแล้ว รอให้จบปีหนึ่งก่อน”


               “ใจร้ายชิบหาย งั้นกูก็ไม่ได้กอดมึงแบบนี้ทุกคืนสิ”


               ปากว่ามือถึง ไอ้กระสือมือยาวสาวมือไปตามตัวจนผมชักจะต้องกลืนน้ำลายเหนียวหนับลงคอ


               “พี่ริว ผมจะกลับหอ”


               เสียงชักสั่นตอนที่พี่ริวมันเริ่มล้วงแคะแกะเกาอีกครั้ง พี่ริวเม้มปากใส่หัวไหล่ของผมคำหนึ่ง


               “อีกแป๊บเดียวนะ”


               “ไม่แป๊บแล้วพี่ เดี๋ยวผมไปเรียนไม่ทัน พี่ริวปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ”





               เฮ้อ รอด

               ซะเมื่อไหร่

               ครับ ผมโดนไอ้กระสือวายร้ายจัดไปอีกดอกแบบซอฟๆเบาๆ แต่ดอกนั้นก็เสียเวลาจนผมกลับไปอาบน้ำแต่ง

ตัวที่หอไม่ทันเลยต้องอาบน้ำที่หอพี่ริว ไอ้เจ้าของห้องยิ้มหน้าบานเพราะจัดการผมได้ต้องหาเสื้อผ้าไซส์เล็กที่สุดมาให้

ผมใส่ แต่ถึงยังไงก็ดูออกแน่ๆว่าไม่ใช่เสื้อผ้าของผม ดีที่วิชาที่ต้องไปเรียนไม่ได้กำหนดว่าให้ใส่ชุดนักศึกษาอย่างเดียว

ผมเลยรอดตัว แต่ที่ไม่รอดก็สายตาของไอ้มะตูมนี่แหละที่เรียนห้องเดียวกันวันนี้เมื่อผมเดินหุบไม่ลงไปทิ้งตัวลงนั่งบน

เก้าอี้เบาะนวมของห้องสโลป


                “อุ๊บ!”


               สะดุ้งโหยงเมื่อมันยังเจ็บหน่วงๆ ไอ้มะตูมมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าพร้อมกับสายตาสอดส่อง


               “ยอมรับไหม”


               สัส เพื่อนเลว


               “เออ!”


               ไอ้มะตูมกลั้นหัวเราะอย่างยากเย็นในขณะที่ผมค้อนมันตาคว่ำ


               “สายรหัสมึงนี่แดกกันเองเนาะ พี่ออดี้ก็เป็นแฟนเจ้ฝน ส่วนมึงก็ต้องตกเป็นเมียปู่รหัส”


               “เอาตะกร้อใส่ปากไหมเพื่อน”


               “แหม กูก็แซวเพราะความรักหรอกเพื่อนว่าน เห็นมึงเป็นฝั่งเป็นฝากูก็ดีใจด้วย แล้วนี่ทำไมถึงยอมพี่ริวล่ะมึง”


               อาจารย์เข้าสอนแล้ว ดีที่ผมกับมะตูมนั่งด้านหลังห้องสโลป ผมเลยแอบกระซิบเล่าให้มันฟังว่าเหตุเกิดเพราะ

พี่ริวโมโหที่ผมนั่งรถไปกับพี่เมฆ


               “กูว่าแล้วเชียว” ไอ้มะตูมสบถเบาๆ


               “นี่คงคิดว่ามึงหลอกง่ายเลยเอารถมาล่อ ทั้งที่ความจริงแล้วมึงก็หลอกง่ายจริงๆแหละเหี้ยว่าน กูเป็นพี่ริวกูก็

โมโห ไอ้พี่เมฆแม่งเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น สงสัยว่ากูต้องระวังมึงให้มากๆแล้วว่ะ”
               






               วันนี้เป็นวันแรกที่พวกพี่ๆในชมรมซ้อมหนักเพราะอีกแค่สองสัปดาห์ก็จะถึงช่วงกีฬามหาวิทยาลัยแล้ว ถึงแม้

ชมรมดาบสากลจะเป็นชมรมเล็กๆแต่ก็คว้าเหรียญมาให้เป็นเกียรติเป็นศรีทุกปี ชมรมประเภทกีฬาในมหาวิทยาลัยต่างก็

ซ้อมหนักไม่ต่างกัน ผมนึกดีใจว่าจะได้ไปเที่ยวที่อื่นบ้างแต่ความฝันก็ต้องสลายเมื่อพี่ริวบอกว่ามหาวิทยาลัยของเรานี่

แหละที่เป็นเจ้าภาพในปีนี้

               เข้าชมรมตอนเย็นเสียงโห่ฮาแซวก็กระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ทันทีเมื่อผมเดินเข้าไปในชมรมพร้อมกับประธาน แต่

เมื่อเจอรังสีอำมหิตกวาดสายตาแวบเดียวเสียงก็ค่อยๆเงียบลงจนเหลือแต่เสียงหัวเราะคิกๆ


               “ไอ้เหี้ยพูห์เอาเรื่องกูมาโพนทะนาอีกล่ะสิ ห่านี่ มาแข่งกับกูเดี๋ยวนี้”


               เชิญคุณลงทัณฑ์บัญชา ให้สมอุราให้สาแก่ใจ


               พี่พูห์คงอยากจะร้องเพลงนี้เต็มแก่เมื่อกำลังโดนบุกเข้าฟันจนเหงื่อตก เสียงตึงตังอยู่บนปรีสท์ไม่ขาดระยะใน

ขณะที่ผม เบลล่าและปิ๊กก็ต้องซ้อมหนักไม่ต่างกันเพราะต้องเป็นตัวสำรองให้พวกพี่ๆหากเกิดเหตุฉุกเฉิน


               “ปวดฉี่อะ ไปห้องน้ำก่อนนะ”


               ผมถอดหมวกเหล็กและถุงมือแล้ววิ่งไปห้องน้ำ ปลดปล่อยเสร็จแล้วก็เลยอู้เดินทอดน่องกลับชมรม


               “อ้าว ว่าน”


               หืม โจทย์มา


               “ครับพี่เมฆ”


               พี่เมฆเดินกลับมาจากลานซ้อมเทควันโด เหงื่อซกจนผมเปียกลู่อยู่ในชุดเทควันโด้สายตำ เขายิ้มให้ผมที่

กำลังยิ้มแหยตอบเขา


               “ได้เป็นนักกีฬามหาลัยหรือเปล่า”


               คำทักทายง่ายๆอย่างอัธยาศัยดีทำให้ผมไม่กล้าก้าวหนี จำเป็นต้องหยุดคุยกับเขาอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก


               “ตัวสำรองน่ะครับพี่เมฆ ผมยังเล่นไม่เก่งเลย”


               “ปีหน้าอยากเป็นนักกีฬาตัวจริงเท่ๆไหมล่ะ มาเล่นเทควันโดไหมพี่จะสอนให้เป็นพิเศษเลย”


               ถึงขั้นดึงตัวไปแล้วฮะ เนื้อหอมจริงๆเลยนะวีรชนลูกแม่ติ๋ม


               “เอ่อ ไม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวพี่ริวจะโกรธ”


               พี่เมฆหุบยิ้มลงทันที เหลือเพียงดวงตาท้าทายจ้องมองผม


              “ทำไมต้องกลัวมันโกรธด้วยล่ะ ถ้าว่านอยากจะเลือกว่านก็มีสิทธิ์”


               อะไรบางอย่างทำให้ผมว้าวุ่น กระสับกระส่าย อาจจะเป็นเพราะคนที่ผมยอมรับแล้วว่ารักเขากำลังเข้ามาเตือน

ให้ผมคิดถึงความรู้สึกของเขามากๆ


               “ขอบคุณพี่เมฆนะครับที่เสนอทางเลือกให้ผม แต่ว่าต้องขอโทษจริงๆที่ผมเลือกไปแล้วและยังไม่อยาก

เปลี่ยนใจ”


               พี่เมฆอึ้ง สีหน้ายิ้มแย้มแปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงอย่างที่เจ้าตัวปรับไม่ทัน ครู่หนึ่งเขาจึงฝืนยิ้มให้ผมทั้งที่ดวงตา

ของพี่เมฆกำลังบ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังเคืองขนาดหนัก


               “งั้นหรือ อยากรู้จริงๆว่าไอ้ริวมันมีดีอะไรว่านถึงได้เลือกคนอย่างมัน”


               “เสือก!”


               ครับ

               เฮ้ย ผมไม่ได้พูดนะ

               สันหลังเสียววาบๆเมื่อคนพูดจ้ำอ้าวเข้ามา ผมถึงกับคอย่นเมื่อต้องมาอยู่ท่ามกลางสมรภูมิรบอีกครั้ง และครั้งนี้

พี่ริวคงจะไม่ยอมอ่อนข้อให้เหมือนครั้งก่อน เขาก้าวมาหยุดประจันหน้าพลางฉุดแขนให้ผมหลบไปอยู่ด้านหลังของเขา


              “สันดานไม่เคยเปลี่ยนเลยไอ้เมฆ”


               พี่เมฆเบะปากยักไหล่ใส่พี่ริว ผมเพิ่งเคยเห็นท่าทางเหล่านั้นเป็นครั้งแรก มันทำให้ผมรู้ว่าจริงๆแล้วพี่เมฆเป็น

คนที่มั่นใจในตัวเองสูงมาก มากจนน่ากลัว


               “ก็คงเหมือนสันดานหวงของของมึงไงไอ้ริว สันดานหมาหวงก้างไม่เคยเปลี่ยน”


               บึ้มมม

               ระเบิดเป็นโกโกครั้นซ์

               ยังครับ แค่เกือบเท่านั้น พี่ริวกำหมัดแน่นดวงตาคุโชนจนผมต้องเกาะแขนพี่ริวไว้


               “พี่ริว ใจเย็นๆ”


               “มันก็ก้างของกูไหมวะ ดีกว่าหมาบางตัวสันดานชอบแย่งมาแดก”


               ฮือ ใครก็ได้ช่วยกูที สงครามโลกครั้งที่สามใกล้จะเกิดแล้ว!


               “ก้างแม่งเต็มใจร่วงจากปากหมาโง่เอง กูควรจะสงสารหรือสมน้ำหน้าดีวะ”

 
              “ไอ้เมฆ!”


                  ชิบหายแล้วครับ พี่ริวโมโหจนควันออกหู ผมต้องรีบขยับเข้าไปขวางตัวใหญ่ของพี่ริวทันที


              “พี่ริว ไม่เอา ไม่มีเรื่อง กลับชมรมเราเถอะครับ”


               พี่ริวคว้าไหล่ของผมแล้วดึงเข้าหาตัวแสดงความเป็นเจ้าของ หากสายตาจ้องพี่เมฆพร้อมประกาศออกไป

ทันที


               “ไอ้ว่านเป็นคนของกู ใครหน้าไหนก็แย่งไปไม่ได้ กูจะไม่ยอมปล่อยมันไปเด็ดขาด”


               เงียบงันแต่ร้อนระอุเมื่อเสือสองตัวจ้องตาห้ำหั่นคู่ต่อสู้อย่างไม่ยอมแพ้ พักใหญ่พี่เมฆจึงกดยิ้มลึกที่มุมปาก

พร้อมกับสายตาท้าทาย


               “มึงไม่ปล่อยคนของมึง มึงมั่นใจว่าคนของมึงจะไม่เปลี่ยนใจ ก็ดีเพื่อนกูยินดีด้วย แต่ยังไงมึงระวังหน่อยก็แล้ว

กัน บางทีคนที่ปล่อยมืออาจจะเป็นตัวมึงเองก็ได้ไอ้ริว”


               สงครามยังไม่เริ่ม เพิ่มเติมคือกูเกือบตาย


               พี่เมฆหันหลังกลับเดินจากไปแล้วโดยยังไม่เกิดความรุนแรงมากไปกว่าปะทะกันด้วยวาจาเรื่องหมาๆ ผมถอน

หายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอกก่อนจะเงยหน้าไปมองพี่ริวที่ยังกัดฟันแน่น


               “ชิริว ไม่เอาน่า...อย่าคิดมาก”


               ขำไหมครับ โอเคครับ แป้ก


               “พี่ริว หายโมโหเหอะ พี่เมฆเดินไปนู่นแล้ว”


               พี่ริวก้มลงมองผม เราสบตากันพักใหญ่พี่ริวจึงเย็นลงได้ เขาวางมือลงบนหัวของผมแล้วโยกเบาๆ


               “ขอบใจนะไอ้หน้าอ่อนที่เลือกกู”


               พี่ริวคล้องคอลากผมให้เดินกลับไปที่ชมรม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผมคาดหวังว่าการประกาศว่าผมกับพี่ริว

เป็นอะไรกันจะทำให้พี่เมฆเลิกมายุ่งกับผมเสียที






               หลังจากกินอาหารเย็นกันแล้วผมก็ซ้อนท้ายฟีโน่ของพี่ริวเหมือนเดิม แต่เขากลับไม่ได้พาผมกลับหอ ฟีโน่คัน

นั้นวิ่งฉิวรับลมเย็นเข้าไปในเมือง


               “จะไปไหนพี่ริว”


               เช่นเคยเมื่อไม่มีคำตอบกลับมา พี่ริวขี่มอเตอร์ไซค์ไปตามถนนจนกระทั่งมองเห็นแม่น้ำปิงอยู่ข้างหน้า ฟีโน่คัน

เก่งหยุดลงที่ตีนขัวเหล็กหรือสะพานเหล็กที่ขึ้นชื่อของจังหวัด แสงไฟจากสะพานสะท้อนผิวน้ำให้งดงามอยู่ในความมืด

พี่ริวก้าวเดินช้าๆไปบนทางเดินของสะพานโดยมีผมเดินตามไปเงียบๆ

               ร่างสูงหยุดยืนอยู่กลางสะพาน คนที่มาเดินเล่นบางตาเพราะว่านี่ก็สามทุ่มแล้ว พี่ริวเหม่อมองไปตามแม่น้ำปิง

ที่สะท้อนแสงไฟวิบวับจากเมืองใหญ่ ผมยืนเคียงข้างรอจนพี่ริวหันหน้ากลับมามองผม นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นพี่ริวมีสีหน้า

จริงจังแบบนี้


               “ว่าน รักกูบ้างหรือเปล่า”


               แม่ง ถามซะตรงเป็นไม้บรรทัดเลย


               “เอ่อ รักมั้ง”


               “ว่าน กูซีเรียส”


               ผมยกมือวางแนบแก้มเย็นเฉียบของพี่ริว นี่ก็เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่ผมจริงจังแบบนี้


               “ผมเป็นผู้ชายนะพี่ริว แต่ผมยอมให้พี่ริวเอาผมเมื่อคืนนี้ เพราะเป็นพี่ริวผมถึงยอม ใช่ครับ ผมรักพี่ริว”


               พี่ริวนิ่งฟัง ดวงตาจริงจังคิดมากค่อยๆจางหายทดแทนด้วยประกายสว่างที่เรืองแสงขึ้นมา พี่ริววางมือแนบเอว

และยกผมให้ขึ้นไปนั่งอยู่บนขอบสะพานเหล็กหันหน้าเข้าหาเขา ตอนนี้ผมอยู่สูงกว่าพี่ริวจนต้องก้มหน้าลงมา


               “กูยอมรับว่ามึงไม่ใช่คนแรกสำหรับหัวใจของกูแต่นั่นก็เป็นอดีต ตอนนี้มึงคือปัจจุบัน กูไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง

ถึงจะรักษามึงไว้ให้เป็นปัจจุบันของกูตลอดไป”


               ผมยิ้มให้เขา หัวใจเบ่งบานไปด้วยคำพูดที่ไม่ได้หวานหูเท่าไหร่แต่ก็รับรู้ได้ถึงความจริงใจจากผู้ชายที่ชื่อ

ลายสือ


               “ไม่เห็นต้องทำอะไรเลย พี่ริวก็เป็นชิริวแบบนี้ หน้าหยิ่งๆ ด่าเก่งๆ นี่แหละคนที่ผมรัก”


               ดวงตาคู่นั้นพราวแสงจนผมชักเขิน ผมหลบสายตาลงมองอยู่ตรงปลายคางที่ไรหนวดเริ่มขึ้น ผมเห็นว่ามันเริ่ม

เคลื่อนที่มาใกล้ผมเรื่อยๆ


               “ปากดีนักนะมึง”


               มือสากๆจับอยู่ตรงคางของผมและดึงมันลงมาช้าๆ


               “สัญญากับไฟบนสะพานเหล็กนี่เลย ว่ากูจะไม่มีวันเปลี่ยนใจจากมึงเด็ดขาด”


               พูดจบปากพี่ริวก็แตะที่ปากของผมพอดี ผมก้มหน้าลงวางมือลงบนไหล่กว้างปล่อยให้พี่ริวส่งความอบอุ่นผ่าน

มาทางสัมผัสบางเบาบนกลีบปากท่ามกลางแสงไฟระยิบระยับยามค่ำคืน

               

              TBC
               
               

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน # บทที่13/2 # ผมถูกชิงอนาธิปไตยไปแล้ว 07/01/59
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 07-01-2016 22:01:58
ฮิ้วววววว หวานจริงหวานจังน่าอิจฉา แล้วพี่เมฆนี่จะยังไงเดี๋ยวปั๊ดส่งมะตูมมาไฝว้เลยเนี่ย
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน # บทที่13/2 # ผมถูกชิงอนาธิปไตยไปแล้ว 07/01/59
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 07-01-2016 22:09:32
พี่เมฆออกโรงแล้ว

พี่ริวอย่าไปยอมนะ

กลัวเหลือเกินว่าพี่เมฆจะทำลายความรักของพี่ริวกับว่าน

แต่ถ้ารักกันจริงก็จงอย่ากลัวสิ่งใด
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน # บทที่13/2 # ผมถูกชิงอนาธิปไตยไปแล้ว 07/01/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 07-01-2016 22:10:34
หวานตลอดดดดด แต่ว่านไม่ได้หลอกด่าพี่ริวใช่ป่ะ 555
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน # บทที่13/2 # ผมถูกชิงอนาธิปไตยไปแล้ว 07/01/59
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 07-01-2016 22:37:07
ทำอะไรกัน ประเจิดประเจ้อ !!
 :hao7:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน # บทที่13/2 # ผมถูกชิงอนาธิปไตยไปแล้ว 07/01/59
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 07-01-2016 23:37:10
น่ารักไปอีกกกกกกกกกกกกกกกกก

 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน # บทที่13/2 # ผมถูกชิงอนาธิปไตยไปแล้ว 07/01/59
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 09-01-2016 08:35:12
 :z13:  อร๊ายยยย ชั้นตกสำรวจเรื่องนีั้ไปได้ไง  เพิ่งได้อ่านแค่ตอนแรก แต่เดี๋ยวจะขอกลับมาเม้นรวมนะ  :hao6:  :hao7:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน # บทที่13/2 # ผมถูกชิงอนาธิปไตยไปแล้ว 07/01/59
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 09-01-2016 08:51:40
 :laugh:


วีรชนลูกแม่ติ๋ม
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน # บทที่13/2 # ผมถูกชิงอนาธิปไตยไปแล้ว 07/01/59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 09-01-2016 08:55:42
 :z1:   แหมน้องว่าน. หายเจ็บตรูดแล้วเหรอ. อย่าอ่อยมากเดี๋ยวไม่ได้นอน55555
อีพี่เมฆสันดานว่ะ

มะตูมอยู่ไหน ช่วยเพื่อนด้วย
พี่ชิริวเท่ห์อะ.  o13. 
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน # บทที่13/2 # ผมถูกชิงอนาธิปไตยไปแล้ว 07/01/59
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 09-01-2016 09:16:54
เมฆนิสัยไม่ดี
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน # บทที่13/2 # ผมถูกชิงอนาธิปไตยไปแล้ว 07/01/59
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 09-01-2016 11:38:11
ไอ้พี่เมฆนิสัยแย่กว่าที่คิดไว้มาก
เปลี่ยนใจ ไม่ยกมะตูมให้ได้มั้ย
คิดว่าพี่เมฆคงไม่หยุดแค่นี้แน่ๆ มันต้องทำให้ครอบครัวเขาร้าวฉานแน่ๆ ฮึ่ยยยยย :katai1:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน # บทที่13/2 # ผมถูกชิงอนาธิปไตยไปแล้ว 07/01/59
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 12-01-2016 16:06:09
พี่ริวน่ารักอ่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน # บทที่13/2 # ผมถูกชิงอนาธิปไตยไปแล้ว 07/01/59
เริ่มหัวข้อโดย: MissM ที่ 12-01-2016 21:58:20
รออออออออออ  กรี๊ดดดดดพี่ริววววววมาสันยงสันญากรี๊ดหนักมากบอกเลย 55555
มาต่อเร็วๆนะค่ะคิดถึงพี่ริวจะแย่แล้ว :hao7: :mew1:
หัวข้อ: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน # แจ้งข่าวลาพักค่ะ 15/01/59
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 15-01-2016 09:48:22



สวัสดีค่ะ

       วันนี้คนแต่งมาแจ้งข่าวพักนิยายเรื่องนี้ไว้ช่วงหนึ่ง
เนื่องจากมีภารกิจต้องแต่ง X-theme tne series season2 ให้จบโดยเร็ว
เพราะจะรวมเล่มแล้ว และจะต้องแต่งตอนพิเศษเป็นของกำนัลให้แก่คนอ่านเรื่อง
เพลิงพ่ายที่ใกล้ถึงคิวพิมพ์ขาย

      จัดการภารกิจเร่งด่วนเสร็จเมื่อไหร่จะมาต่อเรื่องนี้
กับบัลลังก์รักใต้เงาแค้นได้อย่างเต็มที่ไม่มีขาดตอนแล้ว

อย่าเพิ่งลืมพี่ริวกับน้องว่านกันก่อนนะคะ
Belove

:L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน # แจ้งข่าวลาพักค่ะ 15/01/59
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 15-01-2016 20:00:12
รอค่าาาาาาา o14
หัวข้อ: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่14 #เขากลับมาทำไมใครรู้บ้าง# [26/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 26-01-2016 16:05:24


                                                  พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน

                                                           บทที่ 14

                                                เขากลับมาทำไมใครรู้บ้าง             
         
               เหตุการณ์สงบจนใกล้จะถึงงานกีฬามหาวิทยาลัย ผมสบายใจขึ้นมาบ้างว่าพี่เมฆคงจะไม่มาหาเรื่องพี่ริวอีก

แล้ว ระหว่างนี้ความสัมพันธ์ของผมกับพี่ริวก็ยังคงเดิมตีกันมั่งจูบกันมั่ง ผมไม่ยอมไปนอนหอพี่ริวอีก ผมอยากให้ร่างกาย

ของผมมีค่าสำหรับเขา เดี๋ยวจะหาว่าเราใจง่ายอะนะ


               “เหรียญทองละหนึ่งคืน”


               ผมเสนอของรางวัลให้เขา ไอ้กระสือสูบวิญญาณทำหน้าย่นใส่ผม


               “ขี้เหนียวว่ะว่าน ต่อให้กูลงเต็มที่อย่างมากก็ได้ไม่เกินสามเหรียญ แล้วมึงไม่เผื่อกูพลาดได้เหรียญเงินเหรียญ

ทองแดงบ้างรึไง”


               “เอ๊า พี่ก็ทำให้ได้เหร๊ยญทองสิ อื๊อ อย่าเพิ่งจูบ เดี๋ยวใครมาเห็น...”


               ฟังที่ไหนล่ะครับ คว้าคอผมไปจูบกลางชมรม ดีว่ายังไม่มีใครมา ตั้งแต่เกิดเรื่องที่ผมมาพร้อมพี่เมฆ พี่ริวก็

กลายเป็นคนรับส่งผมมาชมรม จนเรื่องที่ผมคบกับเขาชักจะมีคนระแคะระคายในคณะโดยเฉพาะพี่ฝนพี่รหัสสุดสวยของ

ผมนี่แหละ


               “บอกเจ้มาเดี๋ยวนี้ แกไปทำไงให้พี่ริวมาเทียวรับเทียวส่งแก หือ ไอ้ว่าน”


               เมื่อเช้านี้เองที่โดนพี่ฝนคาดคั้น


               “ทั้งที่เมื่อก่อนกว่าจะหาตัวเจอนี่แทบจะจุดธูปเรียกวิญญาณ แล้วนี่อะไร ทำไมมานั่งติวให้แกด้วย”


               “ก็เจ้บอกให้พี่ริวติวสแตทให้ผมไม่ใช่หรือไง”


               ผมแกล้งทำหน้าเหรอหราใส่พี่รหัส


               “นี่เขาก็มาติวให้แล้ว เจ้จะสงสัยทำไมเนี่ย”


               พี่ฝนหรี่ตาใส่ผม สายตานั่นบอกให้รู้ว่าไม่เชื่อขี้ปากผมหรอก


               “อย่ามาปิดบังนะว่าน เจ้เป็นสาววายขนานแท้นะโว้ย ไอ้เรื่องแบบนี้เจ้จมูกไวมากบอกเลย”


               กว่าจะรอดจากพี่ฝนก็แทบแย่ อันที่จริงผมก็ไม่ได้คิดจะปิดบังใครหรอกเรื่องที่คบกับพี่ริว แต่ขี้เกียจตอบ

คำถามสื่อกระจายข่าว เพราะพี่ริวเองก็เป็นที่รู้จักในสังคมวงกว้างสำหรับสายเถื่อนดิบอยุ่เหมือนกัน อย่างน้อยก็ขอยืด

ระยะเวลาเปิดเผยไปอีกสักพัก ตอนนี้เป็นพี่น้องกันครับ อนาคตยังไม่แน่ขอไม่พูดถึงตอนนี้ อ้าวลืมตัว กูไม่ใช่ดารานี่หว่า

               ไอ้มะตูมเป็นหนอนบ่อนไส้ในชมรมเทควันโด้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้มันยังเก่งกล้าได้เป็นนักกีฬาเทควันโด้

ตัวจริงอีกด้วย นอกจากเล่นเกมจนได้ดีแล้วพอมันมาเล่นกีฬาก็เอาดีได้อีก หุ่นขี้ก้างของมันก็เริ่มจะฟิตมากขึ้น ผมงี้ภูมิใจ

ในตัวเพื่อนบังเกิดเกล้ามากเลยครับ คนนี้ผมเลี้ยงมากับมือ


                “ไอ้พี่เมฆมันเงียบๆไปนะ” ไอ้มะตูมตั้งข้อสงสัย


               “เจอหน้ากูแม่งก็เมินๆ กูว่ามันต้องทำอะไรสักอย่างแน่ๆ”


               “พี่เมฆเขาอาจจะเบื่อหาเรื่องพี่ริวแล้วก็ได้ มึงนี่ก็นะ มองเขาแต่แง่ร้าย”


               “ใช่ซี้ กูมันคนเหี้ย ชอบมองแต่เรื่องร้ายๆ แต่มึงเชื่อกูเหอะไอ้ว่าน มึงเองก็ต้องคอยระวังตัวไว้ให้ดีก็แล้วกัน”


               ไอ้มะตูมเตือนผมอีกครั้ง ผมก็รับฟังนะไม่ใช่ไม่เชื่อเลย แต่ตอนนี้ไอ้ที่ต้องระวังนี่คือไอ้ตัวจูบสูบวิญญาณนี่

มากกว่า


               “คืนนี้ขอคืนนึงนะว่าน”


               เสียงอ่อนเสียงหวานมาเชียวครับท่านผู้ชม


               “หนาวขนาดนี้มึงจะใจร้ายให้กูนอนคนเดียวได้ลงคอเหรอ”


               พี่ริวดึงตัวผมให้ไปนั่งบนตัก ส่วนผมก็ได้แต่ยกมือผลักหน้าที่ก้มมาวอแวอย่างลำบากที่สุด


               “หนาวพี่ก็ห่มผ้าสิครับ หมอนข้างก็มีกอดมันเข้าไปดิ”


               “กูมีเมียแล้วก็ต้องนอนกอดเมียสิว้า มึงจะให้กูนอนกอดหมอนข้างแล้วไถเอารึไง”


               “ไอ้พี่ริว หื่นว่ะ นี่คิดจะฟันอย่างเดียวไง้ ฮื้อ...”


               จนได้สิครับ มือหนึ่งล็อคหัว มือหนึ่งจับท้ายทอยของผมไว้แน่นแล้วก็บดปากลงมาทันที ไอ้ผมเจองี้ก็ระทวย

อยู่บนตักนั่นแหละ ปากของพี่ริวแห้งนิดหน่อยแต่ทำให้ปั่นป่วนดีชะมัดตอนเขาขยี้ลงมา ปลายลิ้นที่แซะเข้ามาในโพรง

ปากก็ตวัดซ้ายขวาอย่างกับงูฉก อื้ยย ขนลุก...


               “เป๊ง หมดยกโว้ย”


               เสียงระฆังดังมาจากพี่พูห์ นึกขอบคุณจากใจที่ต่ออายุให้ผม นึกว่าจะขาดใจตายไปแล้วตอนที่พี่ริวถอนจูบ

ออกไป ผมงี้ตะกายหอบอากาศเข้าไปแทบสำลัก


               “สัส ทำอะไรเห็นใจคนโสดบ้างเหี้ยริว กูเห็นนี่มีเคลิ้มนะโว้ย”


               พี่พูห์ดึงคอเสื้อยืดของพี่ริวให้ลุกเดินตามไป ประธานชมรมด่าขมุบขมิบที่ถูกขัดจังหวะ พี่ริวกับพี่พูห์กำลังช่วย

กันเตรียมอุปกรณ์ที่จะต้องใช้แข่งขันกีฬาซึ่งพิธีเปิดจะมีพรุ่งนี้แล้ว ตอนนี้ทั่วมหาวิทยาลัยครึกครื้นไปด้วยความสวยงาม

ของสถานที่และบรรดานักกีฬาจากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศที่เดินทางมาถึงแล้ว

               เมื่อสมาชิกในชมรมมากันครบพี่ริวก็ประชุมแจงงานเป็นครั้งสุดท้าย ผม ปิ๊กและเบลล่าตื่นเต้นกันมากกับงานนี้

จากนั้นทุกคนก็ช่วยกันย้ายสิ่งของไปที่โรงยิมที่ใช้จัดแข่งฟันดาบด้วยรถกระบะคันเก่งของพี่ดิว พอขนของจนหมดพวก

เราก็ต้องช่วยกันจัดสถานที่กันอีก กว่าจะเลิกก็เกือบสามทุ่มที่พวกเราแยกย้ายกันกลับ


               “ว่าไง ว่าน ไปนอนหอกูนะ คืนนี้กูจะได้มีกำลังใจ”


               ไอ้พี่ริวเดินประกบยกแขนวางพาดบ่า พยายามพูดให้ผมเปลี่ยนใจให้ได้ ผมรีบแยกเขี้ยวใส่เขา


               “ยิ่งไม่ได้ใหญ่เลยพี่ริว เก็บแรงไว้แข่งเอาสามเหรียญทองเหอะ ถ้าได้นะผมจะยอมพี่จนตูดแหกเลย”


               “จริงนะ กลับคำเป็นลูกหมานะโว้ย กูจะฟันมึงให้ยับจนฟ้าเหลืองเลยคอยดู ว่าแต่ตอนนี้ไปหาอะไรกิน...”


               “ริว”


               เสียงเรียกดังจากด้านหลังทำให้เราทั้งคู่ชะงัก พี่ริวหันกลับไปมองทันที

               แปลกนะ

               ผมเห็นแววตาของเขาไหวไปวูบหนึ่ง รอยยิ้มทะเล้นปนหื่นที่เพิ่งจะมีกับผมหายไปจากใบหน้าจนผมอดสงสัย

ไม่ได้ คนเรียกเป็นผู้ชายหุ่นสูงไหล่กว้างเหมือนนักกีฬาว่ายน้ำ เขาใส่ชุดวอร์มของมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังจังหวัดนี้

แหละ ใบหน้าคมจมูกโด่งบอกให้รู้ว่าเขาคงจะมีเชื้อสายตะวันตกอยู่ด้วย พี่ริวหน้าขรึมลงคลี่ยิ้มแค่นิดเดียวเมื่อหันมาหา

ผม


               “รอกูแป๊บนึงนะ”


               พี่ริวเดินเข้าไปหาเขาที่ยิ้มกว้างรับพี่ริวและเป็นฝ่ายครองบทสนทนาไว้โดยที่ริวนานๆถึงจะเอ่ยปากตอบ ครั้ง

หนึ่งที่เขาวางมือที่ต้นแขนพี่ริวอย่างสนิทสนมทำให้ผมเจ็บจี๊ดเหมือนเข็มทิ่มมือ แววตาที่พี่ริวมองเขาเหมือนมีอะไรบาง

อย่างคลุมเครือจนผมนึกอยากเสือกเหลือเกินว่าทั้งคู่เป็นอะไรกัน

               แวบหนึ่งที่พี่ริวมองมาทางผมอย่างลำบากใจ พี่ริวหันไปพูดกับผู้ชายคนนั้นอีกคำสองคำ เขาก็เดินกลับมาหา

ผมโดยที่คู่สนทนายังยืนรออยู่ที่เดิม


               “ว่าน คือ...เพื่อนกูเขาต้องไปธุระแล้วขอให้กูไปด้วย ยังไงเดี๋ยวกูพามึงไปซื้อข้าวแล้วพามึงกลับหอก่อนนะ”


               ผมยืนกระพริบตาปริบๆ พลางเหลือบตามองไปที่ผู้ชายคนนั้น ในใจมันอดเคืองไม่ได้เมื่อกลายเป็นว่าพี่ริวยอม

ไปกับคนอื่นแทนที่จะไปกับผม แต่อีกใจหนึ่งก็เตือนตัวเองว่า มึงอย่าคิดมากเรื่องมากสิไอ้ว่าน พอดีกับที่ผมหันไปเห็นไอ้

มะตูมที่มาซ้อมในโรงยิมเพิ่งจะเดินออกมาผมจึงตะโกนเรียกมันไว้


               “พี่ริวไปกับเพื่อนเหอะ ไม่ต้องห่วงผมหรอก เดี๋ยวผมกลับกับไอ้มะตูม”


               มองเห็นความลำบากใจบนหน้าของพี่ริว ผมจึงฉีกยิ้มแทบถึงหูพร้อมกับยกมือหยิกแก้มพี่ริวเบาๆ


               “ไปเหอะน่า ทำตัวเป็นเจ้าภาพที่ดีหน่อย ผมไปแล้วนะเจอกันพรุ่งนี้เช้า”


               “งั้นคืนนี้เสร็จธุระแล้วกูโทรหา อย่าเพิ่งนอนนะ”


                  ผมพยักหน้ารับก่อนจะหันหลังวิ่งไปหาไอ้มะตูม ใจยังกระวนกระวายแปลกๆจนถึงไอ้มะตูมที่รออยู่กับ

มอเตอร์ไซค์ของมัน


               “พี่ริวไปกะใครอะ” ไอ้มะตูมถามคำถามที่ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน


               “อ้าว ว่าน”


               โจทย์เก่าครับ เดินมาหาพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้มเช่นเคย ผมฝืนยิ้มให้พี่เมฆที่มาหยุดต่อหน้าไม่สนใจไอ้มะตูมที่

ยืนหน้าหงิก


               “ไอ้ริวล่ะ วันนี้มันไม่เฝ้าเราไว้หรือไง”


               เสียงที่ถามถึงก็ฟังดุราบเรียบไม่ได้ติดค่อนขอดเหมือนทุกที ผมเผลอมองแผ่นหลังทั้งสองที่เดินไกลออกไป

ทำให้พี่เมฆต้องมองตาม เขากดยิ้มลึกที่มุมปากเมื่อหันหน้ากลับมาหาผมอีกครั้ง


               “ว่านนี่ใจกว้างดีเนอะที่ยอมให้ไอ้ริวไป”


               พูดแล้วก็หยุดให้ผมคิดตาม ผมเงยหน้าสบตาพี่เมฆเตรียมจะอ้าปากถามไขให้กระจ่างแต่ก็ไม่ทันไอ้มะตูมที่

ชิงถามขึ้นก่อน


               “แหม พี่เมฆพูดจาเหมือนเป็นเสียมเลยครับ นี่กำลังแซะให้แฟนทะเลาะกันอยู่หรือเปล่าครับเนี่ย  บอกมาเลย

ดีกว่าว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร”


               พี่เมฆเลิกคิ้วหน้าตาเหรอหราเมื่อมองผมอีกครั้ง


               “อ้าว นี่ว่านไม่รู้จักจริงๆเหรอ ก็นั่นน่ะชื่อเท็ดดี้ลูกครึ่งออสเตรเลียที่เป็นทีมชาติว่ายน้ำด้วยนะ ที่สำคัญ...”


               ระยะที่เว้นไว้ทำให้ผมนึกอยากจะกระชากพี่เมฆมาตั๊นหน้าเป็นครั้งแรก


               “...มันเป็นแฟนเก่าไอ้ริว คนที่ทำให้ไอ้ริวอกหักไม่เป็นผู้เป็นคนจนไม่ติดทีมชาติไงล่ะ”





               


               “มึงก็อย่าคิดมาก เชื่อใจพี่ริวเข้าไว้ ถ่านไฟเก่าหรือจะมาสู้หลอดนีออนสองร้อยยี่สิบวัตต์อย่างมึงได้”


               ไอ้มะตูมปลอบใจเมื่อแว้นกลับมาถึงหอแล้วผมก็นั่งซึมกระทืออยู่บนเตียงตัวเอง ส่วนไอ้คิงนั่งวิเคราะห์

เหตุการณ์อยู่ที่โต๊ะหนังสือ


               “แต่ที่กูฟังจากที่พวกมึงเล่ามา เขาจบกันไม่ค่อยดีนักไม่ใช่หรือวะ แล้วทำไมพ่อนักว่ายน้ำนั่นถึงได้ระรื่นมาหา

พี่ริววันนี้ได้ล่ะ”


               ตอกย้ำความสงสัยของกูเข้าไปครับไอ้เพื่อนคิง ผมยิ่งหน้าเหี่ยวลงไปอีก


               “เฮ้ย คิง มึงก็คิดมากไปได้ ดูดิไอ้ว่านแม่งหน้าหดหำหดหมดแล้ว พอๆเลิกคุย ดึกแล้วโว้ย นอนๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้

พิธีเปิดแล้วนะมึง”


               ผมล้มตัวลงนอนแต่กลับลืมตาโพลงท่ามกลางความมืด โทรศัพท์มือถือวางอยู่ข้างหูแต่มันกลับเงียบกริบ ผม

ได้แต่รอคอยเผื่อว่ามันจะดังขึ้นสักกริ๊งให้รู้ว่ามีคนโทรหา

               ห้าทุ่ม

               ห้าทุ่มครึ่ง

               เที่ยงคืน

               หมดหวังแล้วครับ ผมเพิ่งรู้ว่าไอ้ความน้อยใจมันเป็นยังไง ในเมื่อตอนนี้มันเอ่อล้นมาพร้อมน้ำตาที่ซึมอยู่ ผม

หลับตาลงทั้งที่รู้ว่าคืนนี้คงนอนไม่หลับ

               RRRRRR

               สะดุ้งสุดตัวและรีบคว้ามารับ ผมผุดลุกนั่งและกรอกเสียงลงไป


               “ครับ”


               มีแต่ความเงียบตอบโต้กลับมา ได้ยินเสียงถอนหายใจบางๆลอดมาให้ได้ยินว่าผมไม่ได้คุยกับวิญญาณ


               “นอนหรือยังว่าน”


               “เกือบแล้วครับ”


               นอนไม่หลับเพราะพี่ไงครับ ไอ้พี่ริว


               “ขอโทษที่ช้าว่ะ พอดีเพิ่งเสร็จธุระ”


               ธุระอะไรของพี่ตอนดึกดึ่นวะครับ


               “ไม่เป็นไรพี่ ผมรอได้”


               “ลงมาข้างล่างหน่อยได้ไหม กูอยู่ใต้หอของมึง”


               ผมออกจากห้องและวิ่งลงบันไดลงไปชั้นหนึ่งพลางมองหาเขา เห็นร่างสูงใหญ่ของพี่ริวในชุดเดิมนั่งรออยู่ที่

โต๊ะหินอ่อนตัวหนึ่ง เมื่อเขาเห็นผมวิ่งไปก็ลุกขึ้นยืนขึ้นทันที


               “กูขอโทษที่ไม่ได้ไปกินข้าวกับมึง”


               นัยน์ตาคู่นั้นสำนึกผิดจริงๆ ผมรีบส่ายหน้าให้เขา


               “แค่เรื่องกินข้าวเอง เราไปกินกันเมื่อไหร่ก็ได้ ขอโทษทำไมครับ”


               เงียบ

               พี่ริวถอนหายใจและดึงมือทั้งสองของผมไปกุมไว้


               “ต้องแข่งดาบแล้ว เป็นกำลังใจให้กูด้วยนะว่าน คณะกรรมการทีมชาติเขาบอกว่าถ้างานนี้กูทำได้ดี อาจจะติด

ชุดสุดท้ายที่คัดตัวทีมชาติ”


               มิน่าล่ะ พี่ริวถึงได้โหมซ้อมขนาดนี้ เป็นเพราะความฝันของเขานั่นเอง ผมจึงรีบยิ้มให้หวานที่สุดส่งให้พี่ริว


               “พี่ริวสู้ๆพี่ริวสู้ตาย ได้อยู่แล้วล่ะน่า แฟนผมเก่งที่สุดอยู่แล้ว”


               พี่ริวหลุดหัวเราะออกมา ใบหน้านั้นดูผ่อนคลายไปเยอะ เขาเชยคางผมขึ้นมาแล้วมองด้วยดวงตาเป็นประกาย


               “ก่อนกลับขอกำลังใจหน่อยนะว่าน แค่จูบเดียว”


               ผมไม่ได้ปฏิเสธคำขอนั้น แถมยังเผยอปากรับจูบเสียด้วย พี่ริวกดจูบแผ่วเบาและเรียกร้องให้ผมจูบตอบ เกือบ

หนึ่งลมหายใจที่เราจูบกันก่อนที่เขาจะดึงผมไปกอดแน่นๆ

               ผมซุกตัวกับแผ่นอกกว้างขวาง กลิ่นเหงื่อพี่ริวลอยเข้าจมูกผมรีบสูดมันเข้าไปพร้อมกับตั้งใจฟังเสียงหัวใจเต้น

               ให้ตายเถอะ

               ตอนนี้ผมเพิ่งรู้ว่ารักพี่ริวมากแค่ไหน









               พิธีเปิดกีฬามหาวิทยาลัยที่สนามกีฬากลางแจ้งจบลงไปแล้วอย่างสวยงาม นักกีฬาแต่ละประเภททยอยเดิน

ออกจากสนามตรงไปสู่สนามแข่งขันของตัวเอง ตอนนี้พวกผมนั่งอยู่ที่สนามแข่งขันดาบเซเบอร์หญิง พี่ริวไปทำหน้าที่พี่

เลี้ยงให้พี่กิ่งที่มาแข่งเซเบอร์เป็นครั้งแรกเพราะปกติพี่กิ่งเล่นเอเป้ ก็บอกแล้วว่าสมาชิกมันน้อย


               “อะไรวะเนี่ย”


               เบลล่าหลุดเสียงออกมาเมื่อกำลังจ้องโทรศัพท์มือถือ ผมเอียงหน้าไปมองตามเสียงของเบลล่า เห็นคุณเธอ

เปิดหน้าเพจที่อัปเดทเรื่องงานกีฬาครั้งนี้ รูปที่เพจนั้นเอาลงทำให้ผมใจแกว่ง


               “อดีตคู่จิ้นเมื่อสองปีที่แล้วโคจรมาพบกันอีกครั้ง ริวดาบสากล-เท็ดดี้ว่ายน้ำ รอยยิ้มของเท็ดดี้บาดใจนัก หรือ

มันจะบอกใบ้ให้แอดมินรู้ว่าถ่านไฟเก่ากำลังจะคุกันน้า”


               “คุบ้าคุบอน่ะสิ ตัวเองเป็นฝ่ายทิ้งพี่ริวไปแท้ๆยังมาทำหน้ายิ้มระรื่นอีก ว่าน อย่าไปสนใจเลยนะ”


               ไม่สนใจไม่ได้แล้ว ก็รูปที่ทั้งสองเดินเคียงคู่กันมาตอนเสร็จงานพิธีเปิดเข้ามาบาดหัวใจของผมจนเจ็บแปล๊บๆ



                                                                                          TBC


               กลับมาแล้วจ้า คิดถึงกันบ้างไหม
               คนแต่งมีนิยายที่แต่งจบแล้วและจะรวมเล่มเดือนหน้า

               ไปอ่านกันได้เลยนะคะ

               X-Theme the series season2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45021.0)

                :pig4: :pig4: :pig4:



               
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #เขากลับมาทำไมใครรู้บ้าง# [26/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 26-01-2016 16:11:04
 :mew2:  ว่านเข้มแข็งอยู่แล้วไม่หวั่นไหวหรอกเนอะ
พวกชอบใส่ไฟมีทุกที่ ปล่อยๆมันไปเหอะ เชื่อคนที่เรารักเนอะน้องหลอดไฟ220วัตต์ ฮ่าๆ
ขอบคุณคนเขียนจ้า เป็นกำลังใจให้
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 14 #เขากลับมาทำไมใครรู้บ้าง# [26/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 26-01-2016 17:13:28
น้องว่านต้องเข้มแข็งนะ ถ่านไฟเก่าถ้าจะคุรีบเอาน้ำไปราดให้มอดสนิทเลยนะ

แสดงตัวให้มันรู้กันไปเลย
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 14 #เขากลับมาทำไมใครรู้บ้าง# [26/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 26-01-2016 17:51:23
เป็นแผนของพี่เมฆรึเปล่า  :katai5:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 14 #เขากลับมาทำไมใครรู้บ้าง# [26/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 26-01-2016 18:31:09
คิดว่าที่พี่ริวยอมไปเพราะเรื่องคัดตัวรึเปล่าคงไม่ได้กลับไปมีใจให้แฟนเก่าหรอก กลัวพี่เมฆมันวางแผนนี่สิ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 14 #เขากลับมาทำไมใครรู้บ้าง# [26/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 26-01-2016 18:41:20
พี่ริวไม่คิดอะไรกับเท็ดดี้หรอก ว่านเชื่อใจพี่ริวนะ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 14 #เขากลับมาทำไมใครรู้บ้าง# [26/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-01-2016 19:53:08
อีพี่ริวนี้นะ ทำให้ว่านเสียใจอีกแระ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 14 #เขากลับมาทำไมใครรู้บ้าง# [26/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: tukkata bambola ที่ 26-01-2016 23:55:38
น้องว่านของเค้าไม่คิดมากนะ ของของเราย่อมเป็นของเราอยู่วันยังค่ำ
ใครว่าอะไรก็อย่าสนใจนะอย่าคิดมากคุยกันให้รู้เรื่องกันไปเลย ว่านสู้ๆ :3123:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 14 #เขากลับมาทำไมใครรู้บ้าง# [26/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 27-01-2016 09:50:37
กอดว่านแน่นๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 14 #เขากลับมาทำไมใครรู้บ้าง# [26/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 27-01-2016 13:37:46
พี่ริวทำไมไม่คุยวะ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 14 #เขากลับมาทำไมใครรู้บ้าง# [26/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 27-01-2016 18:50:55
ถ่านไฟเก่ายังร้อนรอวันรื้อฟื้นนน.  5555
ล้อเล่น. ว่านน่าจะกล้าถามไปเลย ว่ายังไง
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 14 #เขากลับมาทำไมใครรู้บ้าง# [26/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 27-01-2016 19:19:31
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 14 #เขากลับมาทำไมใครรู้บ้าง# [26/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 27-01-2016 19:47:31
ใช่กลับมาทำไม

ถ้าพี่ริวกลับไปคบกับคนเก่านะ

ว่านอย่าไปยอมนะ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 14 #เขากลับมาทำไมใครรู้บ้าง# [26/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nsai.ss ที่ 27-01-2016 19:55:17
แล้วทำไมพี่ริวไม่บอกว่านอ่ะว่าคนนั้นคือใคร...ไม่เข้าใจ

ว่าน...มากอกกันนน
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 14 #เขากลับมาทำไมใครรู้บ้าง# [26/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 27-01-2016 21:22:32
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 14 #เขากลับมาทำไมใครรู้บ้าง# [26/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 27-01-2016 21:34:00
 :a5:

งานนี้อยู่ที่พี่ริวหนักแน่นแล้วล่ะ หึหึ

พลาดไปจะรุมกระทืบให้ :m31:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 14 #เขากลับมาทำไมใครรู้บ้าง# [26/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-01-2016 22:04:33
 :m16:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 14 #เขากลับมาทำไมใครรู้บ้าง# [26/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 28-01-2016 00:10:14
ไม่มีอะไรหรอกมั้ง

ว่านอย่าคิดมาก
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 14 #เขากลับมาทำไมใครรู้บ้าง# [26/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 29-01-2016 23:54:48
พี่ริวมาเคลียร์ให้ว่านฟังก่อนดีมั้ย?
หัวข้อ: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 15 #ของขวัญสำหรับแชมป์# [01/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 01-02-2016 21:20:24


                                                       พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน

                                                                 บทที่ 15

                                                         ของขวัญสำหรับแชมป์               



              “รอบต่อไปต้องชนะให้ได้อย่างน้อยสองแต้ม ทางโน้นกล้ามล่ำกว่าแกนะ ต้องตั้งรับแล้วกระชากสวนกลับ”


               พี่ริวแนะนำพี่กิ่งเมื่อแข่งถึงคนที่สาม การแข่งขันดาบสากลจะแบ่งเป็นสายเก็บคะแนน เมื่อแข่งพบกันครบแล้วจึงจะรู้ว่าสี่คน

สุดท้ายจะเป็นใคร ตอนนี้พี่กิ่งแข่งไปแล้วสามรอบชนะสองแพ้หนึ่งพี่ริวจึงต้องให้คำแนะนำกับเซเบอร์สาวมือใหม่ ส่วนผมน่ะหรือ ฟังบ้าง

ไม่ฟังบ้าง ก็ใจมันมัวแต่จะคิดถึงความเหมาะสมของพี่ริวและพี่เท็ดดี้ รู้สึกถึงความฮอทของทั้งคู่ในหมู่สาวๆใต้ภาพที่ลงในเพจมีแต่คน

กรี๊ดกร๊าด ผมอ่านแล้วก็ยิ่งเหี่ยวลงไปอีก


               “กรี๊ดดด พี่ริวพี่เท็ดดี้ ดีกันแล้วชั่ยม้ายย”

              “ฮือ คิดถึงอดีตที่ทั้งคู่รักกัน กลับมาคบกันเหอะ”

           “อ๋อย อิจแรงมากคร่า อยากมีอย่างนี้บ้าง”

            “พี่เท็ดดี้ยิ้มทีแทบละลาย พี่ริวก็ทั้งเซอร์ทั้งดิบ เหมาะกันเนอะ”

           “ยังจำได้ คู่นี้เค้ารักกันมากนิ”

           “รักกันแล้วเลิกไมอะ เลิกแล้วก็ควรจะจบนะ คิดถึงใจตัวจริงตอนนี้ของพี่ริวมั่งดิว่าจะเป็นไง”


               “เบลล่า”


               ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเพื่อนที่กำลังยิ้มแหยส่งมาให้ ก็ไอ้ข้อความสุดท้ายที่สวนกระแสนั่นฝีมือเจ้าตัวนั่นแหละครับ


               “ก็หมั่นไส้นี่ แหม ทำเป็นยิ้มใสทั้งที่ตัวเองน่ะมีกิ๊กแท้ๆ แล้วพี่ริวก็นะ ไปคุยกับแฟนเก่าทำไมก็ไม่รู้”


               เบลล่าค้อนพี่ริวแทนผม ในขณะที่พ่อลายสือนั่งลุ้นลูกทีมแข่งขันอยู่ข้างปรีสท์ ผมเองยอมรับว่าใจแกว่งไปเหมือนกัน แต่ผมก็

ท่องไว้ว่าต้องเชื่อใจพี่ริว


               เซเบอร์หญิงแข่งเสร็จแล้วในตอนบ่าย พี่กิ่งได้เหรียญเงินเป็นเหรียญแรกสำหรับเซเบอร์ในสนามแรกถือว่าผลงานดีทีเดียว

หลังจากนั้นพี่ริวกับพี่พูห์ก็เริ่มแข่งประเภทเซเบอร์ชายในรอบแบ่งสายเพื่อที่จะหาสี่คนสุดท้ายของสายไปแข่งรอบตัดเชือกและรอบชิง

เหรียญทองในวันพรุ่งนี้ ผมนี่ลุ้นจนจะขาดใจเลยครับ


               “พี่ริวบุกเข้าไปเลย อีกแต้มเดียว โว้ย ชนะแล้ว”


               ผมกับสมาชิกในชมรมเฮกันลั่นเมื่อพี่ริวได้แต้มสุดท้ายของการแข่งขันในวันนี้อย่างสุดมัน พี่ริวได้เป็นที่หนึ่งของสายเพื่อจะไป

แข่งต่อในวันพรุ่งนี้ ร่างสูงของพี่ริวยกดาบตวัดทำความเคารพกรรมการและคู่แข่งก่อนจะถอดหมวกเหล็กออกให้เห็นใบหน้าคมที่มีรอยยิ้ม

น้อยๆปรากฏอยู่ เขายกมือเสยผมเปียกเหงื่อและหันมาส่งยิ้มให้ผม


               “เก่งว่ะพี่ริว”


               ผมกระโดดเข้าหาและกอดคอพี่ริวอย่างลืมตัวเมื่อเขาเดินกลับมายังที่นั่ง พี่ริวโอบเอวผมไว้หลวมๆพลางมองผมตาเป็นประ

กายวิ้งๆ


               “เก่งมากก็ให้รางวัลสิ จัดคืนนี้สักเหรียญนึงก่อนไหม”


               “น้อยๆหน่อยเหอะไอ้ความหื่นเนี่ย เก็บแรงไว้เอาเหรียญมาให้ได้ก่อนดีกว่า”


               ผมหน้าแดงก่ำเมื่อเจอลูกตื๊อ คนอื่นๆในชมรมหัวเราะกิ๊วก๊าวแซวเล่นกันใหญ่ พวกเราคงจะเฮฮากันมากกว่านี้ถ้าไม่มีคนนอก

เดินเข้ามาเสียก่อน


                “ริว”


               เสียงเรียกชื่อพี่ริวจากคนนอกทำให้พวกเราหยุดเสียงลงและหันไปมองพร้อมกัน รอยยิ้มของพวกเราจืดเจื่อนลงโดยเฉพาะผม

พี่ริวหันไปมองต้นเสียงมือชื้นเหงื่อแตะอยู่ตรงเอวผมยังคงที่


               “ว่าไงเท็ด”


               “เก่งจังว่ะ ฝีมือดีขึ้นเยอะเลย ทีมชาติแน่ๆมึง”


               “ขอบใจ”


               “แข่งเสร็จแล้วไปกินข้าวกันไหม”


               ชวนแฟนเก่าซึ่งเป็นแฟนของผมตอนนี้ไปกินข้าว ผมงี้เลือดขึ้นหน้าเลยครับ แต่ดูเหมือนพี่ริวจะรู้เขาจึงกดปลายนิ้วตรงเอว

ของผมให้แรงขึ้น


               “วันนี้คงไม่ได้ว่ะ ต้องไปกินกับแฟนเมื่อวานเบี้ยวนัดทีนึงแล้ว”


               คิ้วสีน้ำตาลเข้มของพี่เท็ดดี้เลิกขึ้นนิดนึง เขาตวัดสายตาผ่านผมไปแวบเดียวก่อนจะกลับไปให้ความสนใจพี่ริวต่ออีกครั้ง


               “แฟน?”


               พี่ริวดันให้ผมเบี่ยงตัวมายืนหน้าเขาพลางยกมือวางบนบ่า เขาแนะนำผมด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำ


               “นี่ไอ้ว่านแฟนกูเอง ส่วนนี่ชื่อเท็ดดี้คงเคยได้ยินชื่อแล้วใช่ไหมว่าน”


               ปลอดโปร่งที่สุด

               ผมยิ้มกว้างใส่นักว่ายน้ำทีมชาติพร้อมกับยิ้มรับสถานะแฟนจากปากของพี่ริว


               “ยินดีที่ได้รู้จักครับพี่เท็ดดี้”


               พี่เท็ดดี้รักษาท่าทีเดิมไว้ได้อย่างเหนียวแน่น เขายังยืนกอดอกนิ่งเมื่อมองหน้าผมเพิ่มอีกแค่แวบหนึ่ง แม่ง โคตรหน้าหมั่นใส่

อย่างที่เบลล่าพูดจริงด้วย


               “เดี๋ยวนี้มึงชอบแนวนี้แล้วเหรอ”


               แนวเหี้ยอะไรของมึงวะ ไอ้พี่เท็ดดี้


               ผมหุบยิ้มทันทีเมื่อได้ยินคำพูดจากเขา ฟังดูแล้วเหมือนกำลังดูถูกผมยังไงก็ไม่รู้สินะ


               “แนวไหนครับพี่เท็ดดี้ แนวพระเอกหนังไทยหรือเปล่า แถวบ้านนี่เรียกณเดชน์สองเลยนะครับ”


               ผมแกล้งขยิบตาให้เขา พี่เท็ดดี้หน้าตึงราวกับเพิ่งไปทำโบท็อกซ์เมื่อก้าวเข้ามาใกล้พี่ริวมากขึ้นเรื่อยๆ


               “ธุระเมื่อวานที่ให้มึงช่วยยังไม่เสร็จเลยริว ไปช่วยกูอีกแป๊บสิ”


               “พี่ริวครับ ผมหิวข้าว”


               ผมพูดเสียงเรียบอย่างไม่เคยทำมาก่อนเมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของพี่ริว พี่เท็ดดี้หันขวับมาจ้องตาผมทันที


               “หิวก็ไปกินเองสิ”


               “พี่ก็ไปทำธุระเองสิ พี่ริว พวกเราหมดนี่หิวข้าวแล้ว จะไปกันได้หรือยังครับ”


               ผมใช้สมาชิกชมรมเป็นตัวประกัน ซึ่งทุกคนก็พร้อมใจพยักหน้าหงึกๆ พี่ริวจึงยอมเอื้อนเอ่ยออกมา


               “วันนี้คงไปด้วยไม่ได้ว่ะเท็ด ขอโทษทีนะ”


               วะ ฮ่า ฮ่า

               เห็นฤทธิ์ไอ้ว่านลูกแม่ติ๋มหรือยังล่ะไอ้หน้าหล่อ เชิญมึงยืนหน้าบูดเป็นตูดลิงอยู่คนเดียวเหอะ

               ผมคล้องแขนพี่ริวแล้วดึงให้เขาเดินตาม ก่อนจะพ้นร่างของพี่เท็ดดี้ที่ยืนกัดฟันจ้องมองผมก็โปรยยิ้มให้เขาไปอีกหนึ่งทีจน

กระทั่งเดินมาถึงเจ้าฟีโน่คันเก่งผมก็แยกเขี้ยวใส่พ่อตัวดีทันที


                “แฟนเก่ามาหาหน่อยละทำหน้าหงอยเชียวนะ”


               “มึงน่ะคิดมาก”


               พี่ริวส่ายหน้า


               “ไม่มีอะไรหรอกน่าจบกันตั้งนานแล้ว เมื่อวานเท็ดมันขอให้ไปช่วยพาไปหาอุปกรณ์ซัพพอร์ตกล้ามเนื้อเท่านั้นแหละ”


               “แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่เมื่อวานล่ะครับ”


             “ก็นึกว่ามันไม่สำคัญไง น่า ว่าน กูไม่มีอะไรกับเท็ดมันหรอกเพราะกูมีมึงแล้วไง ไป ตะกี้บ่นหิวข้าวไม่ใช่หรือไง”


             พี่ริวยิ้มขำเมื่อเห็นผมทำหน้าบึ้ง เขาลากแขนให้ผมตามขึ้นซ้อนฟีโน่คันเก่งตามคนอื่นในชมรมไปกินอาหารเย็น

เมื่อเริ่มเปิดสนามพี่ริวกับพี่พูห์ที่ลงแข่งเซเบอร์ก็เริ่มแข่งรอบตัดเชือกต่อจากเมื่อวาน วันนี้การแข๋งขันยิ่งดุเดือดมากขึ้นเพื่อชิงเหรียญ

ทอง ดีที่ว่าพี่ริวกับพี่พูห์อยู่คนละสายก็เลยไม่ต้องเจอกันเอง ผมกับปิ๊กทำหน้าที่หิ้วกระติกดูแลน้ำดื่มและเครื่องดื่มเกลือแร่ เมื่อใกล้จะ

แข่งจบคู่ผมจึงมองขวดน้ำในกระติก


             “อ้าว เหลือไม่กี่ขวดเอง ไปหยิบน้ำก่อนนะ”


             ผมเดินไปที่จุดบริการน้ำดื่มของนักกีฬา หยิบมาหลายขวดจึงเดินกลับมาแต่เมื่อใกล้ถึงทางเข้าเขตแข่งขันกลับมองเห็นพี่เท็ดดี้

ยืนมองพี่ริวที่กำลังแข่งอยู่ที่ปรีสท์


            “มั่นใจเหรอว่าไอ้ริวไม่ได้เห็นมึงเป็นแค่ตัวแทน”


             เท้าชะงักกึกกับคำถามเสียดแทงใจ ทั้งที่ผมควรจะเดินหนีไปให้ไกลแทนที่จะยืนนิ่งแบบนี้


             “ไม่มั่นใจครับ แต่ก็ไม่ได้คิดมาก คนเราควรจะอยู่กับปัจจุบันมากกว่าจมอยู่กับอดีตเลวร้าย”


              พี่เท็ดดี้ไม่ได้ยิ้มเหมือนตอนอยู่ต่อหน้าพี่ริว ดวงตาคู่นั้นถือดีและมั่นใจมาก


              “ระวังไว้ก็แล้วกัน บางทีไอ้ริวมันอาจจะโหยหาอดีตมากกว่าที่มึงคิด”


               พี่เท็ดดี้ยืนมองพี่ริวที่กำลังชูแขนสองข้างด้วยความยินดีที่เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้ในที่สุด เขาตวัดสายตาใส่ผมก่อนจะหัน

หลังกลับออกไป ผมยืนกัดฟันนิ่งเมื่อเจอคำท้าทายจากแฟนเก่าของพี่ริว

               ไม่สิ ไขว้เขวไม่ได้ ผมต้องมั่นใจ พี่ริวรักผมและจะไม่มีทางทำให้ผมเสียใจเด็ดขาด

และตอนนี้ผมควรจะต้องวิ่งเข้าไปในสนามและเชียร์พี่ริวที่กำลังจะลงแข่งรอบชิงเหรียญทองแรกของเขาในไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ดีกว่า


             “พี่ริวสู้ๆ ตั้งการ์ดไว้”


            “ระวัง โอ๊ย บุกเลย”


            “อีกแต้มเดียว อ๊าก ชนะแล้วโว้ย”


              เสียงเชียร์ดังลั่นโรงยิมเมื่อในที่สุดพี่ริวก็ได้เหรียญทอง ผมวิ่งเข้าไปกอดร่างเปียกเหงื่ออย่างไม่รังเกียจ ความดีใจทำให้ลืม

เรื่องพี่เท็ดดี้ไปหมดแล้ว


               “เก่งว่ะพี่ริว”


               “แฟนมึงเก่งอยู่แล้วไงไอ้หน้าอ่อน ว่าแต่ได้เหรียญทองแล้วนะ มึงสัญญาว่าไง”


               พี่ริวยิ้มกรุ้มกริ่มเมื่อเอียงตัวมากระซิบข้างหู


               “คืนนี้จัดเลยไหม พรุ่งนี้กูไม่มีแข่ง”


               “หื่นชิบหาย เก็บไว้รวดเดียวสิครับ รอให้แข่งเสร็จก่อน”


               ผมผลักหน้าหื่นนั่นออกไปให้พ้นตัว พี่ริวเดินไปที่ห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนชุดแข่งออก ระหว่างนั้นผมเห็นเบลล่านั่งค้อนลมอีกแล้ว


               “เป็นอะไรเบลล่า”


               ผมถามเพื่อนด้วยความอยากรู้ เบลล่ายื่นโทรศัพท์ส่งให้ผมดูเอง


               “นักว่ายน้ำเท็ดดี้เป็นตะคริวก่อนเข้าแตะขอบสระขณะแข่งรอบคัดเลือกว่ายท่าผีเสื้อ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเข้ารอบสุดท้ายไปชิง

เหรียญทอง เห็นใบหน้ายามเท็ดดี้ยามเจ็บปวดแล้วหัวใจของสาวๆคงจะขาดรอนๆ ไม่รู้ว่าจะมีใครมาดูแลสุดหล่อคนนี้หรือเปล่าน้า”


               ไม่นะ

               ไม่ไปหรอกใช่ไหม

               ผมนั่งรอจนทนไม่ไหวและต้องเดินลิ่วๆไปที่ห้องน้ำ แต่มันว่างเปล่าไม่มีใครอยู่เลยสักคนเดียว






               งอน

               น้อยใจ

                คิดมาก

               อาการของคนที่แฟนตัวเองยังมีเยื่อใยกับแฟนเก่า ใครที่เคยเกิดเรื่องนี้กับตัวคงเข้าใจ

               ผมนั่งซึมอยู่ข้างสนามแม้ว่าเบื้องหน้าจะกำลังแข่งขันดาบฟอล์ยกันอยู่อย่างสนุกสนาน แต่ผมแทบจะไม่ได้ดูเลยสักนิดเมื่อ

กำลังคิดว่าที่พี่ริวหายไปหลังจากข่าวพี่เท็ดดี้ได้รับบาดเจ็บคืออะไร


               “บางทีไอ้ริวมันอาจจะโหยหาอดีตกว่าที่มึงคิดก็ได้”


               คำพูดท้าทายนั่นทำให้ผมคิดมาก ถึงแม้พี่ริวจะไม่ได้รักพี่เท็ดดี้แล้ว แต่พี่เท็ดดี้เองก็เคยเป็นคนที่พี่ริวรัก


               โทรศัพท์มือถือสั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกง ผมล้วงมันขึ้นมาดูจึงเห็นว่าเป็นเบอร์ที่ไม่รู้จักส่งข้อความมาให้


               “คนในอดีตกลับมาทวงของคืน”


               รูปถ่ายเด้งตามข้อความขึ้นมา ผมถึงกัดฟันแน่นเมื่อรูปนั้นคือรูปถ่ายด้านข้างของพี่ริวกับพี่เท็ดดี้ที่ยืนใกล้ชิดกัน ใกล้กันมาก

จนผมหวั่นไหว


               “อยากรู้ว่าจริงหรือเปล่า ด้านข้างสระว่ายน้ำ ตอนนี้”


               มันคือคำท้าทายเพื่อเปิดสงคราม แต่วินาทีนี้ใครบ้างจะไม่อยากกระจ่างแจ้งในสิ่งที่เกิดขึ้น ผมผุดลุกอย่างรวดเร็วและวิ่งตรง

ไปยังสระว่ายน้ำที่อยู่ห่างไปไม่มากนัก เดินเกือบครึ่งรอบจึงมองเห็นพี่ริวกับพี่เท็ดดี้ยืนหลบมุมกันอยู่ พี่ริวมองเห็นผมแล้วเมื่อผมก้าว

เข้าไปหา พี่เท็ดดี้มองผมด้วยหางตา


               “ตามติดเป็นเงาเลยนะ”


               ผมไม่เล่นด้วย ตอนนี้วิญญาณแม่จุ๋มตอนไปอาละวาดพ่อกลางวงเหล้ากำลังเข้าสิงลูกชายอย่างผม ผมยกมือถือให้พี่เท็ดดี้ดู


               “ต้องการอะไรจากผมครับ” น้ำเสียงแข็งอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน


               “พี่เก่งจังที่หาเบอร์ผมได้และหาทางส่งรูปนี้มาให้ผม กลัวจะไม่รู้ว่ากำลังจะทำอะไรใช่ไหมครับ”


               พี่ริวขมวดคิ้ว เขาคว้าโทรศัพท์ไปจากมือของผมและจ้องมอง ตาคมโชนแสงดุขึ้นเรื่อยๆเมื่อเงยหน้าจ้องมองพี่เท็ดดี้


               “จะทำอะไรกันแน่เท็ด”


               พี่เท็ดดี้เชิดหน้ามองพี่ริวโดยไม่สนใจว่ายังมีผมอยู่ด้วย


               “กูยังลืมมึงไม่ลงว่ะริว ที่ผ่านมากูผิดกูขอโทษ เรารักกันมากไม่ใช่เหรอ เริ่มต้นใหม่ได้ไหมกูขอร้อง”


               เอาไงล่ะ แฟนเก่ามาขอคืนดีแล้วไอ้กระสือ


               เงียบจนผมเกือบจะขาดใจตายกว่าที่ไอ้พี่ริวจะยอมพูดอีกครั้ง


               “ตอนนั้นมึงทำกูเจ็บ มึงบอกว่าคนอย่างกูเห็นค่าของดาบมากกว่ามึง ทั้งที่กูทำทุกอย่างเพื่อมึงแต่มึงทิ้งกูไปหาคนอื่นแค่

เพราะมันสนองความต้องการของมึงได้”


               พี่ริวพูดด้วยเสียงเรียบ นิ่ง แต่มันช่างเชือดเฉือนอารมณ์ดีแท้


               “ในเวลาที่กูต้องการกำลังใจมึงกลับทิ้งกูไป กูเสียใจว่ะเท็ดแต่สิ่งที่ช่วยกูได้คือเวลา สำหรับกูมึงคือแผลเป็นที่ทิ้งรอยไว้ กู

มองเห็นมึง กูจำความเจ็บปวดได้ แต่กูก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับแผลเป็นนั่นอีกแล้ว”


               พี่ริวคว้ามือผมไปจับไว้ เขายังคงจ้องตากับพี่เท็ดดี้เมื่อพูดประโยคถัดไป


               “แต่ไอ้ว่านมันให้กูทุกอย่างทั้งความรักและกำลังใจตอนที่กูเหนื่อย แล้วมึงคิดว่ากูจะทิ้งเพชรอย่างมันไปหาหินกรวดอย่างมึง

เหรอ และไม่ว่าการที่มึงมาพูดอย่างนี้จะเกิดขึ้นเพราะตัวมึงเองหรือมีคนชักใยเบื้องหลังกูก็ขอบอกไว้เลยว่ากูรักไอ้ว่านและไม่มีทางทิ้ง

มันเด็ดขาด”


               มือที่จับกระชับแขนผมลากให้ผมเดินตามเขาไป ผมไม่ได้หันไปมองด้วยซ้ำว่าพี่เท็ดดี้จะทำหน้าอย่างไรเพราะผมได้แต่ผม

แผ่นหลังของคนที่เดินอยู่ข้างหน้าแล้วยิ้มกับตัวเอง

               กรี๊ดดด ผมนี่เลอค่าขนาดนี้เลยหรือครับท่านผู้ชม


               “ขอบคุณนะครับที่เลือกผม”


               ผมเอ่ยกับแผ่นหลังนั้น ได้ยินเสียงอืออากลับมาพอให้รู้ว่าพี่ริวคงจะนึกเขินอยู่บ้างที่พูดออกไปแบบนั้นจนไม่กล้าหันมามอง

ผม แต่การกระทำทั้งหมดก็ทำให้ผมมั่นใจแล้วว่าเราทั้งคู่รักกันแค่ไหน ขอบคุณนะครับพี่ริว





มีต่ออีกจ้า...

หัวข้อ: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 15 #ของขวัญสำหรับแชมป์# [01/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 01-02-2016 21:28:39
อ่านต่อตรงนี้...





               สองเหรียญทองจากเซเบอร์และเอเป้บุคคลชายกับอีกหนึ่งเหรียญเงินจากเซเบอร์ทีมชายคือผลงานยอดเยี่ยมของพี่ริวเมื่อ

การแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยจบลง ถึงตอนนี้ความลับที่ผมคบกับพี่ริวก็ไม่ใช่ความลับอีกต่อไปเมื่อภาพที่พี่ริววิ่งมาคว้าผมไปกอดหลัง

จากได้เหรียญทองเอเป้ถูกอัพลงในเพจ คนแรกที่ถึงตัวผมก็คือพี่ฝน


               “ไอ้ว่าน ไหนแกบอกว่าไม่ใช่แล้วทำไมมันใช่ แกโกหก”


               ผมยิ้มแหยใส่พี่ฝนหลังจากกลายเป็นคนดังไปแล้ว พี่ฝนบ่นผมเสียหลายกระบุงกว่าจะยิ้มเจ้าเล่ห์


               “แกดังแล้วนะว่าน อาศัยความเป็นสายรหัสเจ้จะตั้งเพจริวว่านแล้วเป็นแอดมินคอยอัพเดทชีวิตคู่ของแกกับเฮียริว”


               พี่ริวเดินมาตบหัวพี่ฝนดังป้าบก่อนจะเทศนาและห้ามพี่ฝนเรื่องเพจ ก็เป็นอันว่าทุกคนรับรู้ว่าผมกับพี่ริวคบกันอยู่


               “มานี่”


               ผมถูกดึงเข้าไปในอ้อมกอดเมื่อก้าวเข้าไปในห้องของพี่ริวหลังจากเสร็จงานเลี้ยงของชมรมฟันดาบชมรมเล็กๆที่ได้มาถึงสี่

เหรียญทอง ผมถึงกับยิ้มแหยเมื่อรู้ว่าจะโดนอะไรบ้างตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับพี่ริว


               “ไปอาบน้ำก่อนได้ปะ นี่ทั้งตัวมีแต่เหงื่อ เหม็นนะ”


               พี่ริวมองผมตาพราว เขาผลักผมให้หงายหลังลงไปบนที่นอนแล้วกระโจนลงมาทับไว้


               “อย่าคิดหนี กูขอเหม็นๆแบบนี้สักรอบนึงก่อนไอ้หน้าอ่อน มึงรู้หรือเปล่าว่ามันอัดอั้นมานานแค่ไหน”


               “อื้อ พี่ริว จั๊กจี้”


               ผมหัวเราะคิกเมื่อถูกจับแก้ผ้าและพี่ริวก็ซุกหน้าลงมากับหน้าอก ลิ้นหยุ่นๆแตะอยู่ตรงยอดเม็ดเล็กก่อนที่เขาจะครอบปากตาม

ลงมา ไอ้ที่จั๊กจี้ก็เริ่มจะกลายเป็นดีดดิ้นเพราะความเสียว พี่ริวกดน้ำหนักลงมาจนรู้สึกถึงไอร้อนจากท่อนเนื้อที่เสียดสีอยู่ตรงหว่างขา เขา

ตั้งท่าก่อนแทงดาบบุกเข้ามาทีละนิด


               “ซี้ด ตั้งการ์ดรับกูเชียวนะมึง”


               “ก็ อึก มันเสียวอะพี่ริว อื้อ...”


               พี่ริวกระหน่ำลิ้น ขยี้มือ และควงดาบทะลุทะลวง ผมดิ้นพล่านพลางยกขาเกี่ยวเอวพี่ริวไว้โดนบุกไม่กี่ครั้งผมก็พ่ายแพ้แต่พี่ริวก็

ยังไม่หยุดโจมตี เขาดึงผมให้ลุกขึ้นยืนแล้วจับโก้งโค้งอยู่บนพื้นเพื่อจะกระหน่ำปลายดาบเข้ามาในร่างผมจนแทบจะขาดใจ


               “ฮัก ฮัก โอ๊ย พี่ริว ตรงนั้นกำลังดีเลย”


               ผมร้องลั่นเมื่อจุดยุทธศาสตร์ถูกโจมตีถึงกับอ้าขากว้างและจับขอบหน้าต่างเป็นหลักยึด พี่ริวคว้าเอวผมไว้แน่นเมื่อเขาซอย

เอวเข้าใส่อย่างกับติดสปริง


               “ว่าน มึง ตอดมาก เยี่ยมที่สุด”


               พี่ริวเองก็พูดไม่เป็นคำแล้ว เขาคว้าไอ้หนูของผมไปบีบเบาๆผมก็ร้องลั่นและนำเข้าเส้นชัยไปอีกรอบ ในขณะที่พี่ริวกัดฟันเด้ง

เอวถี่ยิบก่อนที่เขาจะกระตุกจนผมรู้สึกได้และปล่อยขุมพลังออกมาในร่างของผม เราพากันหอบและลากสังขารกลับมาทิ้งตัวลงไปบน

เตียงทั้งที่เขายังฝังดาบไว้นี่แหละ พี่ริวพรมจูบไปตามไหล่ของผม


               “รักมึงจัง”


               “โห มีบอกรักด้วย”


               ผมหันไปทำตาโตใส่เขา


               “นึกว่าจะฟันอย่างเดียว”


               พี่ริวกระแทกเอวใส่ผมหนึ่งที


               “พี่รักจริงแต่หวังฟันด้วยครับ”


               ผมหัวเราะคิกและเด้งเอวใส่พี่ริวหนึ่งที ก่อนที่เราจะพากันบอกรักตลอดทั้งคืน





               ไม่ได้กลับหอทั้งเสาร์และอาทิตย์หลังจบงานกีฬาเพราะถูกพี่ริวทวงสัญญาจนคุ้มเหรียญที่ได้ กว่าจะซมซานไปเรียนได้ก็

สายๆของวันจันทร์ แปลกที่ผมไม่เจอไอ้มะตูมเลยเมื่อเข้าไปเรียนและไม่เจอมันจนกระทั่งหมดวัน

               ผมไปชมรมในตอนเย็นเป็นปกติแม้ว่าพี่ริวจะให้ทุกคนหยุดซ้อมได้ เมื่อผมลงจากฟีโน่ไอ้มะตูมก็เดินลิ่วมาหาหน้าตายุ่งยาก


               “เหี้ยมะตูม หายหัวไปไหนทั้งวัน”


               ผมเอ่ยถามเพื่อนที่เพิ่งจะเจอหน้า


               “กูตามหาพี่เมฆอยู่”


               ผมเอียงคอมองไอ้มะตูมอย่างสงสัย แต่ไม่ทันที่จะถามมะตูมก็ลุกลี้ลุกลนเมื่อเห็นรถยนต์ของพี่เมฆขับมาจอดไม่ไกลนัก มัน

รีบตรงดิ่งเข้าไปหาทันทีและเมื่อพี่เมฆก้าวออกจากรถมันก็รีบถาม


               “พี่เมฆ หายไปไหนมาทั้งวัน ผมโทรไปก็ไม่รับ”


               พี่เมฆไม่ยิ้มสักนิด หน้าเขาบึ้งและจ้องไอ้มะตูมเหมือนจะบีบคอมันให้ได้


               “เสือก”


               คำตอบสั้นและห้วนจนผมแหยงแทน แต่ไอ้มะตูมก็ยังตื๊อผิดธรรมชาติ


               “ผมต้องเสือกสิ อย่าลืมว่าพี่น่ะเป็นเมียผมแล้วนะ”


               พลัก!


               โป้งเดียวจอด


               หมัดของนักเทควันโดสายดำเหรียญทองกีฬามหาวิทยาลัยส่งไอ้มะตูมเพื่อนของผมลงไปนอนวัดพื้นถนนทันที


                                                 

                         ------------------จบภาคริวกับว่าน--------------------


      ต่อจากตอนนี้จะเปลี่ยนชื่อเรื่อง และเปลี่ยนนักแสดงนำเป็นมะตูมกับเมฆ ในชื่อเรื่องว่า
                                         น้องมันบ้า กล้าหวังฟันพี่

                                      :pigha2: :pigha2: :pigha2: :pigha2:






[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 15 #ของขวัญสำหรับแชมป์# [01/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 01-02-2016 21:33:31
 o13.   ทะลวงฟันไม่ยั้ง
มะตูมแน่มากไม่เสียแรงที่เชียร์. รอค่ะ.  :pig4:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 15 #ของขวัญสำหรับแชมป์# [01/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 01-02-2016 21:41:12
เอ้าาาาา มะตูมฟันพี่เมฆไปแล้วเหรอเนี่ย

ปล. พี่ริวแซ่บเหมือนเคย อิอิ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 15 #ของขวัญสำหรับแชมป์# [01/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 01-02-2016 22:00:56
ริวได้ทีนี่เล่นซะคุ้มเลยน้าาาาาาาา

เมฆเสร็จมะตูมจนได้ อิๆๆๆ :haun5: :haun5:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 15 #ของขวัญสำหรับแชมป์# [01/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 01-02-2016 22:35:19
พี่ริวมีจุดยืนมากรักจริงหวังฟัน  :katai2-1: ชอบๆๆๆ

มะตูมไปไงมาไงนี่นึกว่าจะได้เป็นเมียพี่เมฆนะนี่
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 15 #ของขวัญสำหรับแชมป์# [01/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-02-2016 22:41:15
อุต๊ะ. มะตูมนี้ทำอีท่าไหนได้พี่เมฆเป็นเมียเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 15 #ของขวัญสำหรับแชมป์# [01/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 01-02-2016 22:45:23
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 15 #ของขวัญสำหรับแชมป์# [01/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 01-02-2016 22:57:59
คู่ต่อไปแซ่บน่าดู ได้กันก่อนจะจีบอีก 555
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 15 #ของขวัญสำหรับแชมป์# [01/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 01-02-2016 23:15:48
จบเร็วไปนะครับ. แต่พี่ริวนี่สุดยอดจริงๆ รักจริง

รอดูคู่ต่อไป
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 15 #ของขวัญสำหรับแชมป์# [01/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 01-02-2016 23:21:51
 :impress2:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 15 #ของขวัญสำหรับแชมป์# [01/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 01-02-2016 23:23:39
สะใจมากๆเลยที่ตอกอีเท็ดดี้ไปแบบนั้น

พี่ริวก็หนักแน่นมากๆ ชอบผู้ชายแบบนี้

อยากได้อะว่าน ขอได้ปะ อิอิ

จบแล้วเหรอถามจริง

นี่มันเพิ่งเริ่มไม่ใช่เหรอคนเขียน
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 15 #ของขวัญสำหรับแชมป์# [01/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 01-02-2016 23:28:41
พี่ริวทะลวงดาบใส่ว่านไม่ยั้งเลยจริงๆ คุ้มกับเหรียญที่ได้เลยมั้งเนี่ย :z1:  รอตอนต่อไปของพี่เมฆกับมะตูมนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 15 #ของขวัญสำหรับแชมป์# [01/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 01-02-2016 23:35:52
มะตูมไปทำอีท่าไหนเข้าล่ะนั่น
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 15 #ของขวัญสำหรับแชมป์# [01/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 01-02-2016 23:50:54
เอ๊ะ สาวที่มะตูมจะจีบชื่อไรนะ
เมฆโผล่มา ลืมหมดล่ะ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 15 #ของขวัญสำหรับแชมป์# [01/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: zzzzzz ที่ 02-02-2016 00:02:57
อ่าวพี่ริวกะน้องว่านไปซะและ555555555555 น่ารักจังค่ะชอบๆ

น้องมะตูมนี่ใช่เล่นน้าา o3 o3 พี่เมฆไม่รอด  :laugh: :laugh: :laugh::laugh:



หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 15 #ของขวัญสำหรับแชมป์# [01/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nsai.ss ที่ 02-02-2016 17:20:12
โดนพี่ลายสือกระซวกซะว่าน 555+

เอ้า!!! ทำไมกันทำไมมะตูมฟันพี่เมฆได้
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 15 #ของขวัญสำหรับแชมป์# [01/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 02-02-2016 21:08:58
เท็ดทุเรศ. ทำริวเจ็บยังหาเรื่องอีก. เกลียดพวกชอบเล่นกับความรู้สึกคนอื่น   ถ้าเมฆอยู่เบื้องหลังนี่ก็สมควรแล้วที่โดนมะตูมจัดสักหน่อย. มะตูมดัดนิสัยเสียเมฆ. เอาให้หงอไปเลย
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 15 #ของขวัญสำหรับแชมป์# [01/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 03-02-2016 06:57:02
บ๊ะ! มะตูมรุกเหรอเนี่ย สารภาพว่านึกว่านางจะรับ
รอคู่ต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 15 #ของขวัญสำหรับแชมป์# [01/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 03-02-2016 13:04:37
เรียกว่าจบไปแบบสวยงาม  :katai2-1:
พี่ไม่ได้หวังฟันอย่างเดียว รักด้วย คึคึ

แต่!! เดี๋ยวนะ พี่เมฆเป็นเมียจริงดิ!!! 
รอติดตาม
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 15 #ของขวัญสำหรับแชมป์# [01/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 03-02-2016 13:26:18
ไม่นึกไม่ถึงว่ามะตูมจะ.... :ling2:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 15 #ของขวัญสำหรับแชมป์# [01/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MissM ที่ 05-02-2016 20:47:37
อุ๊ต๊ะ!พี่เมฆเป็นเมียเค้าเฉยเลย อุตส่าห์เชียร์ให้พี่รุกมะตูมเลยนะเนี่ย แต่ไม่เป็นไรค่ะรับได้5555
อย่ามาม่ามากนะค่ะ แต่ดูพี่ริวจะมั่นคงดี สู้ๆนะว่าน
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 15 #ของขวัญสำหรับแชมป์# [01/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 07-02-2016 02:45:30
คุ้มเลยสินะพี่ริว ฮึๆ  :z1: ส่วนมะตูมนี่ผิดคาดมากนึกว่าจะรับซะอีก โถวว อุตส่า์เชียร์
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน บทที่ 15 #ของขวัญสำหรับแชมป์# [01/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 07-02-2016 12:11:30
อึ้งไปเลย ผิดคาดสุดๆ พี่เมฆเนี่ยนะเป็นเมีย เอิ๊กกกก
หัวข้อ: น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 1#สุราทำให้สมรรถภาพทางเพศลดลงจริงเหรอ#[08/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 08-02-2016 00:16:15


                                                                น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่

                                                                         บทที่ 1

                                                     สุราทำให้สมรรถภาพทางเพศลดลงจริงเหรอ             



                หากจะถามว่าต้นเหตุของเรื่องที่ทำให้ผมต้องมานอนนับดาววิบๆวับริมถนนอย่างนี้คืออะไร ก็คงต้องตอบว่า “เหล้า”


               “ไอ้เมฆ กูบอกแล้วว่าอย่าแดกเหล้าเยอะ”


               เสียงพี่พลรุ่นพี่ในชมรมเทควันโด้ดังขึ้นพร้อมกับไปยืนเท้าเอวมองประธานชมรมอย่างพี่เมฆที่ฟุบลงไปกับโต๊ะหลังจากที่ยก

เหล้าใส่ปากแค่ไม่กี่แก้ว พอเสร็จงานกีฬามหาวิทยาลัยพวกเราก็ยกขบวนกันมาฉลองเหรียญรางวัลกันที่ผับแห่งหนึ่ง สมาชิกก็มีแต่พวก

ที่เล่นเทควันโด้จริงจัง ส่วนพวกที่มาสมัครเพราะคิดว่ามันเท่นั้นแทบจะไม่เหลือแล้วโดยเฉพาะยัยลูกแพร์สาวแมสคอมที่ผมเล็งไว้ เห็นพี่

เมฆมันติดหล่อแบบนี้แต่เวลาฝึกพี่แกก็โหดเอาการอยู่จนสาวๆที่มาสมัครเพราะอยากใกล้คนหล่อวงแตกหมดแล้ว

               ส่วนผมทำไมยังมาซ้อมและอยู่ในชมรมนี้น่ะเหรอ คงเพราะว่าเล่นๆไปมันก็สนุกดีล่ะมั้ง รวมถึงต้องคอยสอดส่องระแวดระวัง

ไอ้พี่เมฆไม่ให้ไปยุ่งกับไอ้ว่าน และอีกอย่างนึงอยู่กวนตีนประธานชมรมเล่นก็สนุกดีออก

               ตั้งแต่มาถึงผับพี่เมฆนั่งเก๊กหล่ออยู่ที่โต๊ะนั่นแหละ ไม่เห็นเจ้าตัวจะดีใจสักนิดที่ได้เหรียญทองมา ส่วนผมน่ะเหรอดีใจจนแทบ

จะยกขวดเหล้าเทใส่ปากได้ละมั้งกับเหรียญทองแดงแรกในชีวิต แม้จะได้แค่ที่สามแต่สำหรับคนที่เอาแต่เล่นเกมจนไม่ค่อยจะได้เล่น

กีฬาจริงจังมันเป็นความสำเร็จจนอยากจะดีดดิ้นกับพื้น พวกเราเมามันกันอยู่ในผับค่อนคืนผมถึงได้เห็นพี่เมฆเริ่มเลื้อยลงไปกับโต๊ะ พี่พล

ที่สนิทกับพี่เมฆที่สุดในชมรมถึงกับเดินไปมองเพื่อนอย่างระอา


                “ไอ้ห่า มึงลืมไปแล้วรึไงว่ามึงน่ะแพ้เหล้า แถมเวลาเมาก็ทั้งเรื้อนทั้งเลื้อย”


               พี่เมฆยกหัวจากโต๊ะขึ้นมาแสยะยิ้มชี้นิ้วสั่นๆใส่หน้าพี่พล ผมละกลัวไอ้ขี้เก๊กจะร่วงจากเก้าอี้เหลือเกิน


               “ไอ้พล เมิง ทามมายมีสองหัวว้า เมิงเป็นนกสองหัวเหรอ”


               “เออ เอาเข้าไป เมาจนได้ไอ้คออ่อนเอ๊ย เฮ้ย กลับกันได้แล้ว ดึกแล้ว แถมประธานชมรมพวกมึงหมดสภาพแล้วว่ะ”


               “โหย พี่พล อีกหน่อยไม่ได้เหรอ กำลังมันเลยอะ”


               ผมประท้วงนิดหน่อยแต่ก็ยอมเดินตามพี่พลที่ยกแขนพี่เมฆคล้องคอแล้วลากพี่เมฆออกไปที่ลานจอดรถ ไอ้คนถูกหามน่ะ

คอพับคออ่อนไปแล้วครับ


               “เดี๋ยวกูขับรถให้ไอ้เมฆไปที่หอมันเอง พวกมึงกลับกันได้ใช่ไหม”


               พี่พลหันมาถามอย่างเป็นห่วงแต่พวกผมที่เหลือโบกมือว่าไม่ต้องเป็นห่วง พี่พลจึงได้เปิดประตูรถและยัดพี่เมฆใส่ที่นั่งข้างคน

ขับ แต่ไม่ทันจะปิดประตูตามเสียงโทรศัพท์มือถือของพี่พลก็ดังขึ้น


               “จ้า ว่าไงจ๊ะที่รัก โอ๊ย อย่าเพิ่งด่า...”


               พี่พลดึงโทรศัพท์ห่างหูเมื่อเสียงจากอีกฝั่งดังลั่น


               “...มากับน้องๆในชมรม ชิบหายแล้วกูลืม”


               พี่พลหันหน้าซีดเผือดมาหาผมพลางทำท่าเหมือนจะร้องไห้


               “เหี้ยแล้วไง กูลืมวันเกิดแฟน แม่ด่าจนกูหูชา”


               “โห พี่พล ลืมได้ไงวะ อย่างนี้แฟนพี่ไม่โกรธตายห่าไปแล้วเหรอ”


               ผมยังตกใจแทนพี่พลเลยเพราะรู้ว่าแฟนพี่พลนั้นดุยิ่งกว่าหมาตำรวจอีก พี่พลละล้าละลังกลืนน้ำลายอึกใหญ่


               “เอางี้ มึงขับรถยนต์ได้ใช่ไหมไอ้มะตูม งั้นมึงน่ะขับรถไปส่งไอ้เมฆที่หอ เออ มึงนั่นแหละ แล้วกูขอยืมมอไซค์ของมึงแว้นไป

หาแม่ทูนหัวของกูหน่อยก่อนที่มันจะโกรธยิ่งกว่านี้ ฮัลโหลที่รัก เค้าไปแล้วจ้า”


               พี่พลเดินมาคว้ากุญแจรถของผมไปและยัดกุญแจรถของพี่เมฆใส่มือของผมที่ยังยืนงงอยู่”


               “ห้องไอ้เมฆอยู่สามศูนย์เก้านะโว้ย กุญแจห้องอยู่ในรถมันตรงที่วางแก้วน้ำ กูไปละ ขอบใจมากมะตูม”


               “เดี๋ยวสิพี่พล”


               ไม่ทันแล้วครับ เพราะความกลัวเมียทำให้พี่พลคว้าเจ้าแดงเฉิดโฉมของผมไปแล้ว ผมมองกุญแจในมืออย่างละเหี่ยใจ

               ทำไมมันต้องเป็นกูด้วยวะเนี่ย

               ผมส่ายหน้าพลางก้าวเท้าไปปิดประตูฝั่งพี่เมฆที่หลับคอพับอยู่ที่เบาะก่อนจะก้าวไปยังที่นั่งคนขับ เสียวจะโดนตำรวจโบกให้

เป่าอยู่เหมือนกันเพราะฟาดไปไม่น้อย แต่โชคดีที่ทางปลอดโปร่งจนมาถึงหอของพี่เมฆ ผมคว้ากุญแจห้องที่พี่พลบอกแล้วจึงลงรถเดิน

อ้อมไปคว้าพี่เมฆออกมา

               แม่ง ตัวหนักชิบหาย

               บ่นไปงั้นแหละแต่ก็ต้องแบกไอ้คนคออ่อนให้เดินมาอย่างทุลักทุเล ดีว่าหอหรูหรามีลิฟท์ใช้ผมเลยไม่ต้องแบกขึ้นบันได ผม

เปิดประตูเข้าไปในห้องพี่เมฆและเทเขาลงบนเตียง


               “โอย กว่าจะถึง”


               ผมบ่นอุบอิบกับภารกิจที่ต้องทำพลางมองพี่เมฆที่หมดสภาพคนหล่อขี้เก๊กอย่างสิ้นเชิง เจ้าตัวนอนหงายแผ่หรากลางเตียง

หน้าตาแดงก่ำผมชื้นเหงื่อนอนหลับตาพริ้ม

               ถ้าไม่นับเรื่องขี้เก๊กใส่ผม เรื่องเล่นเทควันโดก็น่าทึ่งอยู่หรอก เวลาพี่เมฆสอนท่ารำเทควันโดให้สมาชิกใหม่ดูมันก็เท่มาก ผม

เคยตะลึงมองจนละสายตาไม่ได้ แต่ก็นั่นแหละไม่รู้ว่าเขาจงเกลียดจงชังอะไรพี่ริวนักหนาถึงได้จ้องหาเรื่องกะอีแค่ทะเลาะกันเพราะผู้

หญิงตอนมอปลาย


               “กลับดีกว่า แต่กูจะกลับไงล่ะ”


               หอในมออยู่ไกลที่นี่พอควร และรถของผมก็ถูกพี่พลชิงไปแล้ว ไอ้ครั้นจะเดินกลับก็เมื่อยตีนอีก


               “อืม คัน”


               เสียงพี่เมฆอืออาขึ้นมา เขาเริ่มเกาแขนสองข้างที่ขึ้นผื่นสีแดงจางๆ มือเรียวของพี่เมฆยกมาเกาที่ลำตัวจนเสื้อยืดเริ่มถลกขึ้น

สูงมองเห็นแผ่นเนื้อสีขาวที่ผื่นแดงกระจายเป็นวงกว้าง


               “ลมพิษเหรอ นี่แพ้เหล้าจิงเหรอเนี่ยนึกว่าพี่พลอำเล่น พี่เมฆอย่าเพิ่งเกาแรงเดี๋ยวเป็นแผล”


               แดงจนน่าเป็นห่วง ผมเดินไปที่ห้องน้ำมองหาผ้าขนหนูผืนเหมาะมือชุบน้ำบิดหมาดแล้วเดินกลับมาที่เตียง พยายามถอดเสื้อ

พี่เมฆออกอย่างทุลักทุเล จัดแจงเช็ดไปตามตัวให้พี่เมฆเพราะไม่รู้จะทำอะไรได้ดีกว่านี้ ไอ้พี่เมฆนอนกระสับกระส่ายก่อนจะผงกหัวขึ้นมา

อย่างรวดเร็ว


               “เฮ้ย พี่เมฆ อย่าเพิ่งนะกลั้นไว้ก่อนเดี๋ยวผมหาถุงมารอง...”


               พรวด!!

               เหี้ย

               ใครจะซวยขนาดกูบ้างครับ

                อ้วกสิครับ ทั้งเศษอาหารทั้งเศษเหล้ากระจายกันอยู่เต็มเสื้อของผมนี่แหละ ผมนั่งนับหนึ่งถึงสิบแต่ยังไม่ครบก็ยกมือฟาดไป

ที่ต้นแขนของพี่เมฆอย่างดัง


               “บอกให้กลั้นไว้ก่อนไงล่ะ โอ๊ย แม่ง”


               ผมต้องเดินกลับไปที่ห้องน้ำใหม่แล้วถอดเสื้อตัวเองซักน้ำผึ่งลมไว้ก่อนจะเดินกลับออกมา


               “แล้วนี่จะกลับยังไงวะเสื้อก็ไม่มี พี่เมฆนะพี่เมฆ นอนแม่งที่นี่แหละวะ”


               ผมยกเท้าถีบๆพี่เมฆให้ขยับไปอีกฝั่งของเตียงแล้วจึงเอนตัวลงนอนอยู่ขอบเตียงนั่นแหละ ปิดตาลงเกือบจะหลับอยู่แล้วแต่ก็

ต้องสะดุ้งเมื่อท่อนแขนพี่เมฆฟาดลงมาบนหน้าอกของผม


               “พี่เมฆ มึงจะดิ้นอะไรขนาดนี้วะ เจ็บนะโว้ย”


               พี่เมฆพลิกตัวมานอนตะแคงกอดผมไว้พลางยิ้มทั้งที่หลับตาอยู่


               “เมี้ยว มานี่ซิสังข์ทอง มาให้พ่อกอดหน่อย คิดถึงจังเลย”


               “พี่เมฆ ปล่อย นี่ผมมะตูมนะไม่ใช่แมว หยึย”


               “สังข์ทองของพ่อตัวใหญ่ขึ้นเยอะเลยนะ ไหนดูซิกลิ่นยังหอมอยู่หรือเปล่า”


               ว่าแล้วก็จูบลงมาบนไหล่ของผมแถมยังกอดผมไว้แน่นราวกับเป็นหมอนข้าง ตอนนี้ผมเชื่อพี่พลแล้วว่าพี่เมฆเมาแล้วเรื้อน

จริงๆ


               “พี่เมฆ ลืมตามาดูก่อนผมเป็นคนโว้ย ไม่ใช่แมว”


               “ตัวใหญ่อย่างนี้ก็ดี พ่อจะได้กอดถนัด มามะพ่อจะกล่อมให้นอน


               สลัดสังข์ทอง!


               มือเริ่มลูบไปตามตัวที่ไม่มีเสื้อ ผมถึงกับตัวแข็งอยู่ในอ้อมกอดของพี่เมฆ ท่อนขาของเขาพาดมาบนตัวกระแทกกล่องดวงใจ

ดังอั้ก


               “เหี้ย กูเจ็บ”


               น้ำตาปริ่มเลยครับ ยังไม่พอแค่นั้น พ่อเจ้าประคุณคลึงท่อนขาไปมาอยู่บนตัวของผม ปากแม่งก็เสือกอมหูของผมเข้าไปจนผม

สะดุ้งสุดตัว

               ซวยระดับพรีเมี่ยม จู๋ผมเสือกโด่ขึ้นมาพร้อมกับอาการมวนท้องผมถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ไม่ได้การ มันชิดใกล้และหวั่น

ไหวเกินไปแล้ว ผมเค้นแรงผลักพี่เมฆให้พลิกหงายกลับไป แต่เพราะมือเหนียวยิ่งกว่าตุ๊กแกที่กอดผมไว้ดึงให้ผมพลิกตามขึ้นไปนอน

คร่อมทับพี่เมฆไว้ด้วยความบังเอิญ และเชื่อเหอะว่าบังเอิญจริงๆที่ปากของเราพลิกมาทับกันพอดี


                “พี่เมฆ ปล่อยก่อน อืม...”


               ร้อนวูบวาบเพราะฤทธิ์เหล้าของตัวเองหรือจากปากของพี่เมฆก็ไม่รู้ สติของผมไม่อยู่กับตัวแล้วตอนนี้เมื่อผมฉกลิ้นเข้าไปตาม

รอยแยกของฟัน ทันทีที่ลิ้นของเราทั้งคู่แตะกันมันก็เหมือนดูดไว้ไม่ยอมปล่อย ท่อนบนเปลือยเหนียวหนับด้วยเหงื่อจากเมื่อตอนกลางวัน

ก็ทำให้เนื้อตัวแนบชิดและร้อนขึ้นเรื่อยๆ


               โอย ไม่ไหวจะทน วูบวาบไปทั้งตัว


               “จะปล่อยหรือไม่ปล่อย ถ้าไม่ปล่อยผมจะไม่ทนแล้วนะพี่เมฆ”


               “อือ อึก”


               มีแต่เสียงอืออากระเส่าจิตดังลอดมาจากลำคอ พี่เมฆปรือตามองแดงเยิ้มและนั่นทำให้ผมตบะแตก


               “กูไม่ทนละโว้ย”


               ถลกกางเกงวอร์มของพี่เมฆลงไปที่ปลายเท้าแล้วผมก็ถีบมันออกจนพี่เมฆเหลือแต่ตัวล่อนจ้อน ผมมองอย่างอิจฉาเมื่อมอง

เห็นร่างกายสีขาวไปทั้งตัวมีกล้ามเนื้อพอดีตัวไม่ได้ใหญ่ล่ำก้ามปูจนน่ากลัวแต่มันกำลังดีเหลือเกิน พี่เมฆเงยหน้าสูงยกมือไขว่คว้าเมื่อ

ผมกำลังถอดกางเกงวอร์มตัวเองเหวี่ยงทิ้งลงพื้น


               “สังข์ทองมาหาพ่อ พ่อหนาว”


               สัส สังข์ทองก็สังข์ทอง ไอ้เงาะจะถอดรูปเป็นสังข์ทองบัดเดี๋ยวนี้


               ผมทิ้งน้ำหนักลงไปอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีอะไรมาขวางกั้นอีกแล้วเมื่อเนื้อตัวเปล่าๆเสียดสีกันไปมา ความต้องการของผมพุ่ง

พรวดๆจนต้องจับต้นขาของพี่เมฆให้อ้ากว้างพลางแหย่ไอ้ลูกชายเข้าไปที่ปากทางเพื่อลองเชิง


               “แน่นชิบ”


               ผมกัดฟันเมื่อเสียวหัวรบอยู่ไม่น้อย ไม่เคยแหย่เข้าไปในช่องทางที่คับแคบอย่างนี้ แต่เพราะตอนนี้ความหน้ามืดครอบครอง

หมดแล้ว อะไรก็ยั้งไม่อยู่เมื่อผมดันมันเข้าไปช้าๆ


               “โอ๊ย เจ็บ เหี้ยอะไรวะ”


               เมื่อสอดเข้าไปค่อนลำจนถึงจุดที่กว้างที่สุด ก็ราวกับสติกลับคืนมาสู่พี่เมฆ เขาร้องลั่นกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น พี่เมฆผงกหัว

ขึ้นมามองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างตกใจ


               “ไอ้มะตูม มึง อึก เบาๆ กูเจ็บ”


               พี่เมฆร้องลั่นเมื่อผมดันเอวเข้าไปสุดตัว ผมรีบคว้าข้อมือของพี่เมฆตรึงไว้กับที่นอนทันที ความคับแน่นข้างในสร้างความร้อน

ผ่าวจนผมถึงกับหอบ พี่เมฆเกร็งตัวรับการเสียดสีจนผมร้องลั่น


               “พี่เมฆ ใจเย็นพี่ ไหนๆก็เข้ามาแล้ว ขอให้เสร็จกันทั้งคู่นะพี่นะ”


               “ไอ้มะตูม มึง กูจะฆ่ามึง อื้อ”


               ผมก้มหน้าลงไปครอบปากไว้กับปากของพี่เมฆพลางตวัดลิ้นดึงความสนใจขณะที่ดึงเอวออกช้าๆแล้วแทงกลับเข้าไปใหม่

อาศัยช่วงที่พี่เมฆยังงงอยู่ผละปากออกและก้มหน้าไปที่ยอดอกเม็ดเล็กที่เม้มปากลงไป พี่เมฆถึงกับสะดุ้งแอ่นตัวขึ้นมา ผมรับรู้ถึงความ

ต้องการของเขาเมื่อภายในช่องทางเริ่มชื้นไปด้วยน้ำหล่อเลี้ยงจึงรีบฉวยโอกาสนั้นสาวเอวเข้าออกเร็วขึ้นเรื่อยๆ


               “ไอ้มะตูม ไอ้เหี้ย กูเสียว”


               พี่เมฆเผลอเด้งเอวรับ มือทั้งสองข้างที่ผมยึดไว้คว้าผ้าปูที่นอนมากำไว้ในมือ ผมยิ่งได้ใจโยกเอวเต็มแรงพลางไล่ดูดหน้าอก

พี่เมฆทั้งสองข้าง รู้สึกถึงการเกร็งกล้ามเนื้อรอบช่องทางที่บีดรัดผมมากยิ่งขึ้น


               “โอ๊ย ไม่ไหวแล้วไปพร้อมกันเหอะพี่เมฆ”


               ผมปล่อยข้อมือของเขาและเลื่อนมาเจ้าหนูของพี่เมฆไว้ในมือ อีกข้างก็ขยำหน้าอกจนแดงก่ำ พี่เมฆปล่อยเสียงครางลั่นบิดตัว

ไปมาจนน้ำทะลักล้นฝ่ามือของผม ผมยิ่งเร่งเอวเข้าใส่จนหน้ามืด


               “พี่เมฆ โอยแตก”


               ดึงออกมาแทบไม่ทัน น้ำสีขาวไหลเป็นทางอยู่ตรงต้นขาพี่เมฆและเปียกรดไปถึงที่นอนด้านล่าง เราพากันหอบยิ่งกว่าตอน

แข่งเทควันโด ยังไม่ทันหายหอบผมก็ลอยร่วงจากเตียงไปกองกับพื้น

             พลัก

             พี่เมฆถีบผมร่วงเตียงสิครับ จะเหลือหรือไง

              ผมตะกายจากท่านอนวัดพื้นขึ้นมานั่งพับเพียบหน้าละห้อย


              “พี่เมฆ ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้ว”


            “ไอ้เด็กนรก ไอ้ชิบหาย มึงกล้าฉวยโอกาสฟันกู”


             เหมือนจะหายเมาแล้วฮะท่านผู้ชม พี่เมฆลุกมายืนจังก้าไม่อายฟ้าดินว่าเพิ่งเสร็จกิจกามกันมา เขาจิกหัวของผมให้ลุกตาม

แล้วเปิดประตูผลักผมออกไปหน้าห้องทั้งที่ผมยังนุ่งลมห่มฟ้าอยู่เลย ดีว่ามันดึกแล้วเลยไม่มีใครเดินผ่านไปมา


              “เดี๋ยวสิพี่เมฆ ฟังผมก่อน เปิดประตูให้ผมเหอะ”


              ผมเคาะประตูห้อง ใจชื้นเมื่อประตูเปิดออก แต่กลับมีเพียงกางเกงวอร์มกับกางเกงในที่ลอยละลิ่วมาโปะหน้าของผม


               “ไปซะก่อนที่กูจะฆ่ามึงไอ้เหี้ยมะตูม”


              ปึง!

              ประตูปิดใส่หน้าอีกครั้ง คราวนี้ผมคอตกทั้งคอบนคอล่างเมื่อรู้ว่าตัวเองผิดจริงๆและพี่เมฆจะต้องโกรธมาก ผมได้แต่ใส่

กางเกงเปลือยท่อนบนเดินลงมาจากหอพัก ดีที่ว่าโทรศัพท์มือถืออยู่ในกางเกงก็เลยโทรปลุกไอ้คิงให้แว้นมารับได้

               ระหว่างรอไอ้คิงผมได้แต่แหงนหน้าไปมองหน้าต่างห้องของพี่เมฆที่ไฟยังเปิดอยู่ด้วยความสำนึกผิด ถึงพี่เมฆจะเคยทำไม่ดี

กับเพื่อนของผมแต่เขาก็ไม่ควรที่จะต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ ผมกัดปากตัวเองด้วยความเสียใจ

              ผมจะทำอย่างไรดีให้พี่เมฆยกโทษให้ผม






              ผมไม่เจอหน้าพี่เมฆอีกเลยทั้งเสาร์และอาทิตย์ ไปขอเบอร์จากพี่พลโทรไปพอรู้ว่าเป็นผมเขาก็ตัดสายทิ้งและปิดโทรศัพท์

หนี มันทำให้ผมยิ่งหงุดหงิดโดยที่ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไม จนกระทั่งถึงเย็นวันจันทร์เมื่อผมไปรอป้วนเปี้ยนอยู่หน้าชมรมพี่ริวกับไอ้ว่าน

ซ้อนมอเตอร์ไซค์กันมาท่าทางหวานชื่นจนน่าอิจฉา


              “เหี้ยมะตูม หายหัวไปไหนทั้งวัน”


              “กูตามหาตัวพี่เมฆอยู่”


              ผมตอบอย่างขอไปที และเมื่อเห็นรถยนต์ของพี่เมฆเลี้ยวเข้ามาผมก็ใจชื้น ผมวิ่งไปที่รถของเขาโดยไม่สนใจพี่ริวกับไอ้ว่าน

อีก


              “พี่เมฆ หายไปไหนมาทั้งวัน ผมโทรไปก็ไม่รับ”


             พี่เมฆมองผมราวกับจะหักคอจิ้มน้ำพริก


             “เสือก”


              สั้นๆง่ายๆได้ใจความ แต่คิดเหรอว่าคนหน้าด้านอย่างผมจะสะเทือน


              “ผมต้องเสือกสิ อย่าลืมว่าพี่น่ะเป็นเมียผมแล้วนะ”


           พลัก!


              หมัดซ้ายหรือหมัดขวาผมก็ยังไม่ทันมอง รู้สึกตัวอีกทีมันก็ซัดเข้าที่โหนกแก้มเต็มแรง ผมร่วงไปนอนแผ่วัดพื้นมองเห็นแต่

ดาวระยิบระยับเต็มไปหมด



           “มึงอยากตายก็ลองพูดอีกสิไอ้มะตูม กูจะกระทืบให้ตายคาตีนกูเลยไอ้เด็กนรก”

       

                                      TBC
             

                                  :hao6: :hao6:



หัวข้อ: Re: น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ (พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน) บทที่ 1 [08/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 08-02-2016 05:51:56
อิอิ สงสารมะตูมขึ้นมาซะแล้วสิ. เมียสายดำ ?
หัวข้อ: Re: น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ (พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน) บทที่ 1 [08/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 08-02-2016 08:51:48
Liked Liked Liked

 :hao3:  :hao3:  :hao3:  :hao3:

 :pig4:  :pig4:  :pig4:  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ (พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน) บทที่ 1 [08/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-02-2016 09:32:40
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ (พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน) บทที่ 1 [08/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 08-02-2016 16:13:43
โหดมาก คู่นี้
หัวข้อ: Re: น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ (พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน) บทที่ 1 [08/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 08-02-2016 18:25:23
อ่อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง
พี่เมฆน่าเห็นใจ แต่ที่ผ่านมา พี่ทำหนูหมั่นไส้ 555

ยังไม่ขอเลือกทีม ตอนนี้ขอ #ทีมเผือก ไปก่อน
หัวข้อ: Re: น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ (พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน) บทที่ 1 [08/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 08-02-2016 20:46:42
มะตูมสู้สู้ เป็นผัวพี่เมฆต้องอดทน
หัวข้อ: Re: น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ (พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน) บทที่ 1 [08/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 08-02-2016 23:50:54
 :hao6:
หัวข้อ: Re: น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ (พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน) บทที่ 1 [08/02/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 09-02-2016 01:25:01
โอยน่วมแน่ เจอนักเทควันโดเข้าไป
หัวข้อ: น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 2/1 ทำยังไงพี่เมฆถึงจะหายโกรธนะ [21/02/29]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 21-02-2016 00:05:37


                                                          น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่

                                                                   บทที่ 2/1

                                                     ทำยังไงพี่เมฆถึงจะหายโกรธนะ


               โหนกแก้มช้ำแดงเห่อจากฤทธิ์หมัดสะท้านโลกันตร์ของพี่เมฆทำให้ผมต้องนั่งหน้ามุ่ยอยู่กับไอ้ว่านและพี่ริว เพื่อนสนิทมอง

หน้าผมตาขุ่นในขณะที่พี่ริวแฟนไอ้ว่านและพี่คณะของผมนั่งกลั้นยิ้มอยู่ ยิ้มของพี่ริวชัดเจนขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นเงยหน้าหัวเราะก๊าก

อกมา


             “พี่ริว หัวเราะอะไรขนาดนั้น”


               ไอ้ว่านตีไหล่พี่ริวดังป๊าบ พี่ริวพยายามกลั้นหัวเราะจนตัวสั่น


               “เออๆขอโทษ กูแค่ขำเฉยๆ แต่กูขอชมมึงเลยนะมะตูม แม่งเหี้ยสุดๆกูล่ะนับถือจริงๆ”


               “โถ่ พี่ริว” ผมโอดครวญ “ก็ไม่ได้กะว่าจะทำแบบนั้น แต่พี่เข้าใจแมะว่าคนมันเมา”


               “น่าสงสารพี่เมฆเค้านะ ป่านนี้คงจะสูญเสียความมั่นใจไปหมดแล้ว”


               ไอ้ว่านตอกย้ำความผิดของผมให้เลวร้ายเข้าไปอีก  ยิ่งคิดผมก็ยิ่งรู้สึกผิดทั้งที่เคยหมั่นไส้พี่เมฆอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่เคยคิด

โค่นเขาด้วยวิธีการนี้เลยเป็นความสัตย์จริง


               “เออ กูแม่งเหี้ยเอง แล้วจะเอาไงต่อดีวะ พี่เมฆไม่ยอมมองหน้ากูเลย กูควรจะทำไงให้พี่เมฆยกโทษให้กู”


               อย่างน้อยถ้าพี่เมฆเข้าใจว่าผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เขารู้สึกแย่แบบนั้นก็ยังดี ผมไม่อยากรู้สึกผิดว่าสร้างตราบาปให้ผู้ชายอก

กว้างเกินสามศอกอย่างพี่เมฆไปตลอดชีวิต


               “มึงต้องอดทน” ไอ้ว่านให้กำลังใจ “อดทนยื่นหน้าไปขอโทษพี่เมฆบ่อยๆเดี๋ยวเขาก็คงยกโทษให้มึงเข้าสักวันแหละ”


               “เหี้ยว่าน ยื่นหน้าเข้าไปให้พี่เมฆมันต่อยกูอีกแบบตะกี้เหรอ มึงคิดว่าเบ้าหน้ากูใส่หน้ากากไอออนแมนเอาไว้รึไงถึงจะทนหมัด

ของพี่เมฆได้ มึงลองมาโดนเองเอาไหม”


               “ทำไมกูต้องโดน กูไม่ได้เหี้ยเหมือนมึงนี่ คนทำผิดก็ต้องยอมรับโทษสิวะ”


               ไอ้ว่านว้ากใส่ ตั้งแต่เป็นเมียพี่ว้ากนี่แม่งเสียงดังขึ้นทุกที


               “ไม่รู้ล่ะ มึงต้องทำให้พี่เมฆยกโทษให้มึงให้ได้ ไม่งั้นกูตัดมึงออกจากกองมรดก”


               เพื่อนสนิทขู่ผมยิ่งกว่าพ่อเสียอีกมันทำให้ผมต้องกลับมาครุ่นคิดว่าทำอย่างไรดีถึงจะให้พี่เมฆยอมให้อภัยในสิ่งที่ผมทำลงไป

ผมว่าผมคงต้องหาตัวช่วย และตัวช่วยที่ดีที่สุดก็น่าจะเป็นพี่พล เพื่อนที่สนิทที่สุดของพี่เมฆ นั่นเองที่ทำให้ผมย่องไปหาพี่พลเมื่อเขามา

ถึง


               “พี่พล ถามไรหน่อยสิ พี่พลเป็นเพื่อนพี่เมฆมาตั้งแต่มอปลายเลยปะ”


               “เออ แล้วทำไม” พี่พลมองผมแบบงงๆเมื่อเปิดประเด็น


               “คืองี้ ผมน่ะเป็นเพื่อนไอ้ว่านมัน แล้วพี่ก็รู้แล้วใช่ไหมว่าเพื่อนผมมันคบอยู่กับพี่ริว ทีนี้ผมเห็นพี่ริวกับพี่เมฆไม่ค่อยถูกกันก็เลย

อยากรู้ที่มาน่ะว่าเรื่องมันเป็นไง ได้ข่าวว่ามันเริ่มจากเรื่องผู้หญิงไม่ใช่เหรอ”


               ผมสาธยายโดยใช้ชื่อเพื่อนมาอ้าง พี่พลพยักหน้าหงึกๆ


               “จะว่างั้นมันก็มีส่วนถูกแต่มึงก็ต้องเข้าใจไอ้เมฆมันด้วยว่าทำไมมันถึงแค้นไอ้ริวนัก ก็ตอนเรียนมอปลายน่ะไอ้เมฆมันไม่ใช่

แบบนี้นะมึง มันเนิร์ดจะตายห่า ผมงี้หวีแสกกลางใส่แว่นหนาเตอะผมแห้งเหมือนไม้เสียบลูกชิ้น”


               เดี๋ยวนะ พี่เมฆเนี่ยนะเนิร์ด

               ผมเท้าคางอ้าปากหวอฟังพี่พลเล่าอย่างคาดไม่ถึง


                “วันๆเอาแต่เรียน กีฬาก็เล่นไม่เป็นสักอย่าง ทีนี้ก็มีผู้หญิงย้ายมาจากโรงเรียนอื่นไง ย้ายมาอยู่ห้องกูกับไอ้เมฆมานั่งข้างมัน ผู้

หญิงเขาเรียนหนังสือไม่ทันไอ้เมฆก็ช่วยสอนให้ ไปๆมาๆก็สนิทกัน แล้วก็กลายเป็นแฟนกันไปซะงั้น”


               พี่พลเล่าได้อย่างมีอรรถรส ผมตั้งใจฟังจนเกือบลืมหายใจ


               “แต่อย่างว่า ส่วนใหญ่ผู้หญิงแม่งชอบพวกดิบๆเซอร์ๆ พอถึงวันกีฬาสีแฟนไอ้เมฆมันก็ได้เจอกับไอ้ริวที่อยู่คนละห้อง ไอ้ริวมัน

เด็กเล่นกีฬาเก่งอยู่แล้ว แฟนไอ้เมฆเห็นเข้าก็เสือกชอบไอ้ริวแล้วก็ตัดรอนไอ้เมฆว่าที่ผ่านมาไม่ได้รักไอ้เมฆสักหน่อย แต่เพราะไม่มี

เพื่อนก็เลยต้องคบกับมันไปก่อน ไอ้เมฆมันเสียใจมากเพราะเป็นรักครั้งแรก หลังจากนั้นมันเลยลุกมาเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ เริ่มฝึกเล่น

เทควันโด เริ่มแต่งตัวดูแลตัวเองจนกระทั่งกลายเป็นงี้แหละ”


               ความหลังของพี่เมฆก็น่าสงสารนะ


               “แต่พี่ริวก็ไม่ได้ผิดนี่พี่พล เขาก็ไม่ได้คบกับผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่หรือไง พี่เมฆก็ไม่น่าเกลียดพี่ริวขนาดนั้นนี่นา”


               ผมยังเสือกเรื่องของพี่เมฆต่อ


               “มันก็ใช่ แต่มึงเข้าใจไหมไอ้คำว่าไม่ถูกชะตา อะไรนะ ศรศิลป์ไม่กินกันน่ะ ไอ้ริวหน้ามันหยิ่งๆไม่ค่อยแยแสคนอื่นไง ไอ้เมฆ

มันก็เลยหมั่นไส้ก็แค่นั้นแหละ”


               “แล้วไอ้เรื่องที่พี่เมฆเคยแย่งแฟนพี่ริวที่เป็นนักว่ายน้ำคนนั้นล่ะ”


               พี่พลเบ้ปากเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ท่าทางพี่พลจะไม่ค่อยชอบคนที่ชื่อเท็ดดี้สักเท่าไหร่


               “ไม่ได้แย่งแต่ไอ้เหี้ยเท็ดดี้มันมาอ่อยเอง นี่ไม่ได้เข้าข้างเพื่อน กูนะไม่อยากจะพูด คันไงผัวเอาแต่ซ้อมกีฬาแล้วไอ้เมฆมันก็

ไม่อยากเสียศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย ไอ้เท็ดดี้มันเสนอไอ้เมฆมันก็สนองให้ หลายครั้งอยู่นะมึงที่เอากันแต่อยู่มาวันนึงไอ้ริวมันเสือกมาเจอก็เลย

โป๊ะเชะ จากนั้นต่างคนก็ต่างเขม่นกัน”


               เรื่องที่พี่พลเล่าทั้งหมดทำให้ผมเข้าใจพี่เมฆมากขึ้นกว่าแต่ก่อน จริงๆแล้วพี่เมฆก็เป็นแค่คนที่สร้างความมั่นใจขึ้นมาเพื่อกลบ

อดีตของตัวเอง มันทำให้ผมยิ่งเห็นใจเขา


               “มึงรู้แล้วจะทำอะไรได้วะไอ้มะตูม” พี่พลถามอย่างสงสัย ผมเลยได้แต่ยิ้มแห้งๆตอบกลับ


               “พี่พล คืองี้” ผมขยับเข้าไปใกล้แล้วกระซิบเบาๆ


               “รู้แล้วเหยียบนะพี่ คือว่าวันที่เราไปผับกันแล้วพี่ให้ผมไปส่งพี่เมฆที่หอ ผมน่ะเผลอปล้ำเขาไปน่ะสิ”


               “เออ เหรอ ฮะ ว่าไงนะ!”


               พี่พลตกใจจนหน้าตื่น เขาหันขวับมาจ้องหน้าผมทันที


               “มึงปล้ำไอ้เมฆ”


               “ก็พี่เมฆแม่งเมาแล้วโคตรเรื้อนเลยอะ แล้วผมก็แดกไปเยอะเหมือนกัน”


               สีหน้าของผมมันคงสลดจนพี่พลเห็นใจ


               “ป่ายกันไปป่ายกันมาผมก็เลยทนไม่ไหวเสียบเข้าไป แล้วจะให้ทำไงก็มันเสียบเข้าไปแล้วมันก็ต้องทำให้มันเสร็จใช่ปะ”


               “แล้วเสร็จไหมวะ” พี่พลถามเสียงแห้ง


               “ก็เสร็จสิพี่ จากนั้นผมก็ถูกถีบตกเตียงเลย”


               ผมอยากจะร้องไห้เมื่อเห็นพี่พลทำหน้าเหมือนกินยาขม


               “ตอนนี้พี่เมฆยิ่งเกลียดขี้หน้าผมหนักกว่าเดิมอีก ทำไงดีล่ะพี่พล ผมสำนึกผิดจริงๆนะ ทำไงให้พี่เมฆถึงจะยกโทษให้”


               “ยาก บอกเลย” พี่พลพูดทำร้ายจิตใจของผม


               “เหี้ยเมฆ บอกแล้วอย่าแดกเหล้า ไงล่ะเสียซิงให้รุ่นน้องซะงั้น มึงนี่ก็เนาะไอ้มะตูม”


               “อย่าด่าเยอะสำนึกผิดไม่ทันแล้วพี่พล ในฐานะเป็นเพื่อนพี่เมฆ พี่ต้องช่วยผมนะ ช่วยกล่อมให้พี่เมฆหายโกรธที”


               ผมเกาะแขนขอร้อง พี่พลถอนหายใจเฮือกใหญ่


               “ก็ได้ กูจะลองช่วย แต่ไม่รับปากนะโว้ยมึงเองก็ต้องหาทางช่วยเหลือตัวเองแล้วล่ะไอ้มะตูม”






               เมื่อไปถึงลานซ้อมเทควันโด ผมเห็นพี่เมฆกำลังยืนโปรยยิ้มให้สาวๆกลุ่มใหม่ที่เพิ่งจะมาสมัครเข้าชมรม มันเป็นควันหลงจาก

กีฬามหาวิทยาลัยที่ใครๆก็อยากจะเข้าใกล้นักกีฬาเหรียญทอง ผมคิดว่าพี่เมฆเห็นผมเดินเข้าไปแล้วเพราะสายตาของเขาชะงักไปจังหวะ

หนึ่งก่อนจะหันไปสอนพวกสาวๆด้วยยิ้มมหาเสน่ห์โดยที่ไม่สนใจผมสักนิด

               ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันกับความรู้สึกเจ็บจี๊ดๆเคืองๆเหมือนตอนที่ถูกน้องชายแย่งของเล่นไปตอนเด็ก ความรู้สึกหวงของมัน

วิ่งมาเป็นริ้วจนอยากจะเข้าไปกระชากไหล่พี่เมฆออกมาจากกลุ่มสาวๆแล้วตะโกนใส่หน้าว่าพี่เป็นของผมแล้วนะ แต่ไอ้ที่ทำได้คือเดิน

เข้าไปรวมกลุ่มแล้วฉีกยิ้ม


                “ท่าเตะพื้นฐานของเทควันโด้ที่ต้องฝึกคือฟร้อนท์คิกนะครับน้องๆ จะเตะข้างไหนก็ยกเข่าข้างนั้นให้สูงแล้วย่อเข่าอีกข้างลง

เพื่อทรงตัว เหยียดขาข้างที่เตะให้เต็มที่ใช้กำลังเราจะสะโพกและใช้หลังเท้าเป็นอาวุธ จากนั้นก็ให้รีบพับขากลับมาให้เร็ว เคล็ดลับคือยิ่ง

ยกเข่าเร็วมากเท่าไหร่เราก็จะเตะเร็วขึ้นเท่านั้น”


               พี่เมฆในชุดเทควันโดคาดสายสีดำกำลังทำท่าเตะฟร้อนท์คิกให้ดูเป็นตัวอย่าง สาวๆกรี๊ดเบาๆเมื่อเห็นท่าเตะเท่ๆ ผมงี้ยิ่งหมั่น

ไส้ ไม่รู้จะเนื้อหอมไปถึงไหนสิน่า


               “ให้ผมช่วยถือเป้าให้ไหมครับพี่เมฆ เธอๆพวกนี้เขาจะได้ดูชัดๆว่าฟร้อนท์คิกต้องทำไง”


               เสนอตัวเข้าไปทันที หรือพวกคุณๆจะเรียกว่าเสือกก็ได้นะครับ ผมไม่ถือ คริคริ


               พี่เมฆมองหน้า ตาโคตรดุ แต่กดยิ้มลึกที่มุมปากเมื่อมองผม
               
               

               TBC


เวลาไม่มี มาสั้นๆก่อน


ตอบโพลข้างบนด้วย



อยากให้จบแบบไหน


 :katai4: :katai4:


หัวข้อ: Re: น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 2/1 ทำยังไงพี่เมฆถึงจะหายโกรธนะ [21/02/29]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-02-2016 00:19:24
อร๊ายย. อีมะตูมเจอพี่เมมฆิตะนาวมแน่ๆ อาสาเป็นเป้าให้อีก  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 2/1 ทำยังไงพี่เมฆถึงจะหายโกรธนะ [21/02/29]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 21-02-2016 00:29:12
เสนอตัวถือเป้าก็คงเข้าทางพี่เมฆล่ะสิ ทีนี้ก็โดนไม่ยั้งแน่ๆมะตูมเอ๋ย
หัวข้อ: Re: น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 2/1 ทำยังไงพี่เมฆถึงจะหายโกรธนะ [21/02/29]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-02-2016 01:18:07
 :katai1:
หัวข้อ: Re: น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 2/1 ทำยังไงพี่เมฆถึงจะหายโกรธนะ [21/02/29]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-02-2016 01:25:57
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 2/1 ทำยังไงพี่เมฆถึงจะหายโกรธนะ [21/02/29]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 21-02-2016 06:43:59
งานนี้อาจจะมีพลิกนะ. สลับๆกันก็ได้นี่นา ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 2/1 ทำยังไงพี่เมฆถึงจะหายโกรธนะ [21/02/29]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 21-02-2016 16:42:07
มะตูมจัดหนักเลย หมั่นไส้คนชอบใช้กำลัง
หัวข้อ: Re: น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 2/1 ทำยังไงพี่เมฆถึงจะหายโกรธนะ [21/02/29]
เริ่มหัวข้อโดย: pachth ที่ 21-02-2016 19:57:00
เสนอตัวเป็นเป้าเดี๋ยวโดนพี่เมฆเตะตาเหลือกหรอก
หัวข้อ: Re: น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 2/1 ทำยังไงพี่เมฆถึงจะหายโกรธนะ [21/02/29]
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 21-02-2016 19:58:52
หนุกดีค่ะชอบ :mew1:
หัวข้อ: น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 2 ทำยังไงพี่เมฆถึงจะหายโกรธนะ [21/02/29]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 21-02-2016 20:48:03


                                                      น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่

                                                                 บทที่ 2

                                                  ทำยังไงพี่เมฆถึงจะหายโกรธนะ


               โหนกแก้มช้ำแดงเห่อจากฤทธิ์หมัดสะท้านโลกันตร์ของพี่เมฆทำให้ผมต้องนั่งหน้ามุ่ยอยู่กับไอ้ว่านและพี่ริว เพื่อนสนิทมอง

หน้าผมตาขุ่นในขณะที่พี่ริวแฟนไอ้ว่านและพี่คณะของผมนั่งกลั้นยิ้มอยู่ ยิ้มของพี่ริวชัดเจนขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นเงยหน้าหัวเราะก๊าก

อกมา


              “พี่ริว หัวเราะอะไรขนาดนั้น”


               ไอ้ว่านตีไหล่พี่ริวดังป๊าบ พี่ริวพยายามกลั้นหัวเราะจนตัวสั่น


               “เออๆขอโทษ กูแค่ขำเฉยๆ แต่กูขอชมมึงเลยนะมะตูม แม่งเหี้ยสุดๆกูล่ะนับถือจริงๆ”


               “โถ่ พี่ริว” ผมโอดครวญ

   
               “ก็ไม่ได้กะว่าจะทำแบบนั้น แต่พี่เข้าใจแมะว่าคนมันเมา”


               “น่าสงสารพี่เมฆเค้านะ ป่านนี้คงจะสูญเสียความมั่นใจไปหมดแล้ว”


               ไอ้ว่านตอกย้ำความผิดของผมให้เลวร้ายเข้าไปอีก  ยิ่งคิดผมก็ยิ่งรู้สึกผิดทั้งที่เคยหมั่นไส้พี่เมฆอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่เคยคิด

โค่นเขาด้วยวิธีการนี้เลยเป็นความสัตย์จริง


               “เออ กูแม่งเหี้ยเอง แล้วจะเอาไงต่อดีวะ พี่เมฆไม่ยอมมองหน้ากูเลย กูควรจะทำไงให้พี่เมฆยกโทษให้กู”


               อย่างน้อยถ้าพี่เมฆเข้าใจว่าผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เขารู้สึกแย่แบบนั้นก็ยังดี ผมไม่อยากรู้สึกผิดว่าสร้างตราบาปให้ผู้ชายอก

กว้างเกินสามศอกอย่างพี่เมฆไปตลอดชีวิต


               “มึงต้องอดทน” ไอ้ว่านให้กำลังใจ


                “อดทนยื่นหน้าไปขอโทษพี่เมฆบ่อยๆเดี๋ยวเขาก็คงยกโทษให้มึงเข้าสักวันแหละ”


               “เหี้ยว่าน ยื่นหน้าเข้าไปให้พี่เมฆมันต่อยกูอีกแบบตะกี้เหรอ มึงคิดว่าเบ้าหน้ากูใส่หน้ากากไอออนแมนเอาไว้รึไงถึงจะทนหมัด

ของพี่เมฆได้ มึงลองมาโดนเองเอาไหม”


               “ทำไมกูต้องโดน กูไม่ได้เหี้ยเหมือนมึงนี่ คนทำผิดก็ต้องยอมรับโทษสิวะ”


               ไอ้ว่านว้ากใส่ ตั้งแต่เป็นเมียพี่ว้ากนี่แม่งเสียงดังขึ้นทุกที


               “ไม่รู้ล่ะ มึงต้องทำให้พี่เมฆยกโทษให้มึงให้ได้ ไม่งั้นกูตัดมึงออกจากกองมรดก”


               เพื่อนสนิทขู่ผมยิ่งกว่าพ่อเสียอีกมันทำให้ผมต้องกลับมาครุ่นคิดว่าทำอย่างไรดีถึงจะให้พี่เมฆยอมให้อภัยในสิ่งที่ผมทำลงไป

ผมว่าผมคงต้องหาตัวช่วย และตัวช่วยที่ดีที่สุดก็น่าจะเป็นพี่พล เพื่อนที่สนิทที่สุดของพี่เมฆ นั่นเองที่ทำให้ผมย่องไปหาพี่พลเมื่อเขามา

ถึง


               “พี่พล ถามไรหน่อยสิ พี่พลเป็นเพื่อนพี่เมฆมาตั้งแต่มอปลายเลยปะ”


               “เออ แล้วทำไม” พี่พลมองผมแบบงงๆเมื่อเปิดประเด็น


               “คืองี้ ผมน่ะเป็นเพื่อนไอ้ว่านมัน แล้วพี่ก็รู้แล้วใช่ไหมว่าเพื่อนผมมันคบอยู่กับพี่ริว ทีนี้ผมเห็นพี่ริวกับพี่เมฆไม่ค่อยถูกกันก็เลย

อยากรู้ที่มาน่ะว่าเรื่องมันเป็นไง ได้ข่าวว่ามันเริ่มจากเรื่องผู้หญิงไม่ใช่เหรอ”


               ผมสาธยายโดยใช้ชื่อเพื่อนมาอ้าง พี่พลพยักหน้าหงึกๆ


               “จะว่างั้นมันก็มีส่วนถูกแต่มึงก็ต้องเข้าใจไอ้เมฆมันด้วยว่าทำไมมันถึงแค้นไอ้ริวนัก ก็ตอนเรียนมอปลายน่ะไอ้เมฆมันไม่ใช่

แบบนี้นะมึง มันเนิร์ดจะตายห่า ผมงี้หวีแสกกลางใส่แว่นหนาเตอะผอมแห้งเหมือนไม้เสียบลูกชิ้น”


               เดี๋ยวนะ พี่เมฆเนี่ยนะเนิร์ด


               ผมเท้าคางอ้าปากหวอฟังพี่พลเล่าอย่างคาดไม่ถึง


               “วันๆเอาแต่เรียน กีฬาก็เล่นไม่เป็นสักอย่าง ทีนี้ก็มีผู้หญิงย้ายมาจากโรงเรียนอื่นไง ย้ายมาอยู่ห้องกูกับไอ้เมฆมานั่งข้างมัน ผู้

หญิงเขาเรียนหนังสือไม่ทันไอ้เมฆก็ช่วยสอนให้ ไปๆมาๆก็สนิทกัน แล้วก็กลายเป็นแฟนกันไปซะงั้น”


               พี่พลเล่าได้อย่างมีอรรถรส ผมตั้งใจฟังจนเกือบลืมหายใจ


               “แต่อย่างว่า ส่วนใหญ่ผู้หญิงแม่งชอบพวกดิบๆเซอร์ๆ พอถึงวันกีฬาสีแฟนไอ้เมฆมันก็ได้เจอกับไอ้ริวที่อยู่คนละห้อง ไอ้ริวมัน

เด็กเล่นกีฬาเก่งอยู่แล้ว แฟนไอ้เมฆเห็นเข้าก็เสือกชอบไอ้ริวแล้วก็ตัดรอนไอ้เมฆว่าที่ผ่านมาไม่ได้รักไอ้เมฆสักหน่อย แต่เพราะไม่มี

เพื่อนก็เลยต้องคบกับมันไปก่อน ไอ้เมฆมันเสียใจมากเพราะเป็นรักครั้งแรก หลังจากนั้นมันเลยลุกมาเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ เริ่มฝึกเล่น

เทควันโด เริ่มแต่งตัวดูแลตัวเองจนกระทั่งกลายเป็นงี้แหละ”


               ความหลังของพี่เมฆก็น่าสงสารนะ


               “แต่พี่ริวก็ไม่ได้ผิดนี่พี่พล เขาก็ไม่ได้คบกับผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่หรือไง พี่เมฆก็ไม่น่าเกลียดพี่ริวขนาดนั้นนี่นา”


               ผมยังเสือกเรื่องของพี่เมฆต่อ


               “มันก็ใช่ แต่มึงเข้าใจไหมไอ้คำว่าไม่ถูกชะตา อะไรนะ ศรศิลป์ไม่กินกันน่ะ ไอ้ริวหน้ามันหยิ่งๆไม่ค่อยแยแสคนอื่นไง ไอ้เมฆ

มันก็เลยหมั่นไส้ก็แค่นั้นแหละ”


               “แล้วไอ้เรื่องที่พี่เมฆเคยแย่งแฟนพี่ริวที่เป็นนักว่ายน้ำคนนั้นล่ะ”


               พี่พลเบ้ปากเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ท่าทางพี่พลจะไม่ค่อยชอบคนที่ชื่อเท็ดดี้สักเท่าไหร่


               “ไม่ได้แย่งแต่ไอ้เหี้ยเท็ดดี้มันมาอ่อยเอง นี่ไม่ได้เข้าข้างเพื่อน กูนะไม่อยากจะพูด คันไงผัวเอาแต่ซ้อมกีฬาแล้วไอ้เมฆมันก็

ไม่อยากเสียศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย ไอ้เท็ดดี้มันเสนอไอ้เมฆมันก็สนองให้ หลายครั้งอยู่นะมึงที่เอากันแต่อยู่มาวันนึงไอ้ริวมันเสือกมาเจอก็เลย

โป๊ะเชะ จากนั้นต่างคนก็ต่างเขม่นกัน”


               เรื่องที่พี่พลเล่าทั้งหมดทำให้ผมเข้าใจพี่เมฆมากขึ้นกว่าแต่ก่อน จริงๆแล้วพี่เมฆก็เป็นแค่คนที่สร้างความมั่นใจขึ้นมาเพื่อกลบ

อดีตของตัวเอง มันทำให้ผมยิ่งเห็นใจเขา


               “มึงรู้แล้วจะทำอะไรได้วะไอ้มะตูม” พี่พลถามอย่างสงสัย ผมเลยได้แต่ยิ้มแห้งๆตอบกลับ


               “พี่พล คืองี้”


               ผมขยับเข้าไปใกล้แล้วกระซิบเบาๆ


               “รู้แล้วเหยียบนะพี่ คือว่าวันที่เราไปผับกันแล้วพี่ให้ผมไปส่งพี่เมฆที่หอ ผมน่ะเผลอปล้ำเขาไปน่ะสิ”


               “เออ เหรอ ฮะ ว่าไงนะ!”


               พี่พลตกใจจนหน้าตื่น เขาหันขวับมาจ้องหน้าผมทันที


               “มึงปล้ำไอ้เมฆ”


               “ก็พี่เมฆแม่งเมาแล้วโคตรเรื้อนเลยอะ แล้วผมก็แดกไปเยอะเหมือนกัน”


               สีหน้าของผมมันคงสลดจนพี่พลเห็นใจ


               “ป่ายกันไปป่ายกันมาผมก็เลยทนไม่ไหวเสียบเข้าไป แล้วจะให้ทำไงก็มันเสียบเข้าไปแล้วมันก็ต้องทำให้มันเสร็จใช่ปะ”


               “แล้วเสร็จไหมวะ” พี่พลถามเสียงแห้ง


               “ก็เสร็จสิพี่ จากนั้นผมก็ถูกถีบตกเตียงเลย”


               ผมอยากจะร้องไห้เมื่อเห็นพี่พลทำหน้าเหมือนกินยาขม


               “ตอนนี้พี่เมฆยิ่งเกลียดขี้หน้าผมหนักกว่าเดิมอีก ทำไงดีล่ะพี่พล ผมสำนึกผิดจริงๆนะ ทำไงให้พี่เมฆถึงจะยกโทษให้”


               “ยาก บอกเลย” พี่พลพูดทำร้ายจิตใจของผม


               “เหี้ยเมฆ บอกแล้วอย่าแดกเหล้า ไงล่ะเสียซิงให้รุ่นน้องซะงั้น มึงนี่ก็เนาะไอ้มะตูม”


               “อย่าด่าเยอะสำนึกผิดไม่ทันแล้วพี่พล ในฐานะเป็นเพื่อนพี่เมฆ พี่ต้องช่วยผมนะ ช่วยกล่อมให้พี่เมฆหายโกรธที”


               ผมเกาะแขนขอร้อง พี่พลถอนหายใจเฮือกใหญ่


               “ก็ได้ กูจะลองช่วย แต่ไม่รับปากนะโว้ยมึงเองก็ต้องหาทางช่วยเหลือตัวเองแล้วล่ะไอ้มะตูม”









               เมื่อไปถึงลานซ้อมเทควันโด ผมเห็นพี่เมฆกำลังยืนโปรยยิ้มให้สาวๆกลุ่มใหม่ที่เพิ่งจะมาสมัครเข้าชมรม มันเป็นควันหลงจาก

กีฬามหาวิทยาลัยที่ใครๆก็อยากจะเข้าใกล้นักกีฬาเหรียญทอง ผมคิดว่าพี่เมฆเห็นผมเดินเข้าไปแล้วเพราะสายตาของเขาชะงักไปจังหวะ

หนึ่งก่อนจะหันไปสอนพวกสาวๆด้วยยิ้มมหาเสน่ห์โดยที่ไม่สนใจผมสักนิด

               ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันกับความรู้สึกเจ็บจี๊ดๆเคืองๆเหมือนตอนที่ถูกน้องชายแย่งของเล่นไปตอนเด็ก ความรู้สึกหวงของมัน

วิ่งมาเป็นริ้วจนอยากจะเข้าไปกระชากไหล่พี่เมฆออกมาจากกลุ่มสาวๆแล้วตะโกนใส่หน้าว่าพี่เป็นของผมแล้วนะ แต่ไอ้ที่ทำได้คือเดิน

เข้าไปรวมกลุ่มแล้วฉีกยิ้ม


                “ท่าเตะพื้นฐานของเทควันโด้ที่ต้องฝึกคือฟร้อนท์คิกนะครับน้องๆ จะเตะข้างไหนก็ยกเข่าข้างนั้นให้สูงแล้วย่อเข่าอีกข้างลง

เพื่อทรงตัว เหยียดขาข้างที่เตะให้เต็มที่ใช้กำลังเราจะสะโพกและใช้หลังเท้าเป็นอาวุธ จากนั้นก็ให้รีบพับขากลับมาให้เร็ว เคล็ดลับคือยิ่ง

ยกเข่าเร็วมากเท่าไหร่เราก็จะเตะเร็วขึ้นเท่านั้น”


               พี่เมฆในชุดเทควันโดคาดสายสีดำกำลังทำท่าเตะฟร้อนท์คิกให้ดูเป็นตัวอย่าง สาวๆกรี๊ดเบาๆเมื่อเห็นท่าเตะเท่ๆ ผมงี้ยิ่งหมั่น

ไส้ ไม่รู้จะเนื้อหอมไปถึงไหนสิน่า


               “ให้ผมช่วยถือเป้าให้ไหมครับพี่เมฆ เธอๆพวกนี้เขาจะได้ดูชัดๆว่าฟร้อนท์คิกต้องทำไง”


               เสนอตัวเข้าไปทันที หรือพวกคุณๆจะเรียกว่าเสือกก็ได้นะครับ ผมไม่ถือ คริคริ


               พี่เมฆมองหน้า ตาโคตรดุ แต่กดยิ้มลึกที่มุมปากเมื่อมองผม


               “เอาสิครับน้องมะตูม ถ้าน้องมะตูมอยากจะเป็นเป้าพี่ก็จะช่วยสนอง”


               ผมยักไหล่ก่อนจะเดินไปคว้าเป้าเตะมาสวมที่แขนทั้งสองข้าง สาวๆที่มาเข้าชมรมใหม่รีบพากันเดินออกไปนั่งล้อมวงรอบนอก

ตั้งตาดูพี่เมฆโชว์ท่าเตะ ประธานชมรมสุดหล่อดึงชายเสื้อให้เข้าที่ เขาตั้งการ์ดและส่งเสียงเรียกพลังและจากนั้นเขาก็บุกเข้ามา


               เดี๋ยวสิ เฮ้ย!


               ไหนบอกจะสาธิตฟร้อนท์คิกไงวะ แล้วทำไมถึงเต้นฟุตเวิร์กเข้ามาหาผมแบบนี้ล่ะ


               แววตาเหี้ยมจ้องหน้าผมพร้อมกระตุกยิ้ม พี่เมฆสับเท้าหลอกแล้วยกขาซ้ายฟร้อนท์คิกทันที ดีที่ผมฉากหลบได้ทัน เสียงเชียร์

ของสาวๆดังวี้ดว้ายอยู่รอบๆยิ่งทำให้ผมนึกเคืองพี่เมฆตงิดๆ


               “พี่เมฆ นี่หาเรื่องกันใช่ไหม”


               ผมสืบเท้าฟุตเวิร์กเข้าใกล้แล้วถามเขาเสียงเข้ม พี่เมฆเลิกคิ้วเย้ยหยันจนผมหมั่นไส้


               “แล้วแต่มึงจะคิด ไอ้เหี้ยมะตูม”


               ไอ้คนหน้าไหว้หลังหลอก ทีตะกี้ต่อหน้าสาวๆเรียกกูน้องมะตูมทุกคำ พอคนอื่นไม่ได้ยินเรียกกูไอ้เหี้ย ฮึ่ยยย


               “พี่คิดจะแก้แค้นผมใช่ไหมที่ผมฟันพี่ เอาดิ จะเตะผัวให้คว่ำต่อหน้าคนอื่นก็ลองดู”


               ผมยักคิ้วท้าทาย ส่วนไอ้พี่เมฆน่ะเหรอ เหอะเหอะ ควันออกหูแล้วครับท่านผู้โช้ม


               พี่เมฆส่งเสียงคำรามดังลั่นลานซ้อม เขาบุกเข้ามาเหมือนตอนกำลังแข่งขัน ผมรีบตั้งเป้าเตะขึ้นการ์ดรับได้อย่างทันท่วงที

หลายกระบวนท่า เห็นอย่างนี้ก็ได้เหรียญทองแดงมานะครับอย่าคิดว่ากระจอก ไอ้พี่เมฆยิ่งหงุดหงิดเมื่อทำอะไรผมไม่ได้ เสียงสาวๆกรี๊ด

กร๊าดหนักมากขึ้นเมื่อเห็นพวกเราทั้งสองสู้กันอย่างดุเดือดราวกับจะชิงดินแดนประเทศราช มันทำให้ผมได้ใจจนกระทั่งพี่เมฆต้องกลับไป

หยุดยืนตั้งการ์ดอีกครั้ง ตอนนี้ใบหน้าหล่อๆกำลังเดือดเลยฮะ แล้วผมจะทำอะไรได้นอกจากยิ่งเติมเชื้อไฟเข้าไปอีก


               “คิดจะล้มผัวมันไม่ง่ายนะครับพี่เมฆ ยิ่งเป็นผัวที่พี่เมฆสั่งสอนมากับมืออย่างผมแล้วล่ะก็ ไม่งั้นจะได้เหรียญทองแดงมาเหรอ

ผมว่าทางที่ดีพี่เมฆควรจะ...”


               ผลัวะ!!


               ฟร้อนท์คิกระดับเร็วกว่าแสงที่คุณอาจมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า มันพุ่งเข้ามาโดยที่คุณตั้งตัวไม่ทันแม้แต่ตั้งการ์ด ฟร้อนท์คิก

ของนักกีฬาที่ครั้งหนึ่งเคยติดทีมชาติไปแข่งซีเกมส์มาแล้ว

               รู้สึกตัวอีกทีคือนอนแผ่สองสลึงอยู่กลางลานซ้อม จะร้องก็ร้องไม่ออกเพราะหลังตีนหนักๆกระแทกเข้าที่ลิ้นปี่แบบไร้ความ

ปรานี เป้าเตะที่แขนกระเด็นกระดอนคนละทิศละทางในขณะที่ผมกำลังนอนนับดาวทั้งที่ยังไม่ได้หลับ เสียงอุทานของพี่พลที่เพิ่งมาที่

ลานซ้อมดังแว่วเข้าหูก่อนจะวิ่งมาประคองผม ส่วนไอ้เมียสายโหดหันไปโปรยยิ้มให้สาวๆที่เพิ่งจะส่งเสียงกรี๊ดอีกครั้งเมื่อหายตกใจแล้ว


               “เห็นไหมครับน้องๆ แค่ท่าพื้นฐานที่สุดเราก็สามารถจัดการคนที่มากวนใจเราได้  เพราะฉะนั้นเดี๋ยวเรามาฝึกฟร้อนท์คิกกันดี

กว่านะครับ”








               ผมกลับมาเยียวยาตัวเองที่หอด้วยความกรุณาจากพี่พลที่บ่นผมเป็นกระบุงตอนแว้นมอเตอร์ไซค์มาส่ง ผมงี้ฟังจนหูชา


               “ไอ้เวรมะตูม ไหนบอกจะขอโทษให้ไอ้เมฆมันยกโทษให้ แล้วไหงไปกวนประสาทให้มันเตะโชว์สาวอีกวะ”


               “แม่งเล่นทีเผลอ ใครจะมองทันล่ะพี่พล จุกชิบหาย นี่ยืดตัวตรงไม่ได้เลย”


               “กูควรจะสมน้ำหน้ามึงดีไหม เล่นกับใครไม่เล่นไปเล่นกับไอ้เมฆ ไป ถึงหอมึงแล้ว อาบน้ำเสร็จก็หาน้ำใบบัวบกแดกแก้ช้ำใน

ซะล่ะ”


               ซมซานเดินขึ้นบันไดไปยังห้องที่เสือกอยู่ชั้นสี่ ทุกทีก็ไม่อะไรนะ แต่วันนี้ทรมานยิ่งกว่าเดินขึ้นดอยสุเทพวันรับน้องขึ้นดอย

เสียอีก เข้าไปเจอไอ้คิงที่สิงอยู่ในห้องมันถึงกับตกใจเมื่อเห็นสารรูปของผม รูมเมทไล่ให้รีบไปอาบน้ำก่อนจะมาแผ่หราให้มันทายาคลาย

กล้ามเนื้อแก้ฟกช้ำ สักพักไอ้ว่านก็กลับมาจากกินข้าวกับพี่ริวพอมันเห็นก็รีบซักไซ้ว่าเกิดอะไรขึ้น

               ผมเล่าเรื่องให้เพื่อนฟัง คราวนี้ไอ้คิงเลยรู้ไปด้วยว่าวันที่มันไปรับผมที่หอพี่เมฆแล้วผมมีแต่กางเกงกลับมานั่นคือวันที่ผม

เผด็จศึกประตูหลังคนดังของมหาวิทยาลัยมาสดๆ มันถึงกับตาเหลือก


                “คุณพระก็ไม่ช่วยมึงแล้วไอ้มะตูม” ไอ้คิงครางเสียงหลง


               “แล้วก็เสือกไปยั่วโมโหเขา โธ่ ไอ้ปากหมา” นี่คือคำปลอบโยนของไอ้ว่าน


               “ไหนบอกว่าจะทำให้พี่เมฆเขายกโทษที่มึงไปทำเหี้ยไว้ แล้วนี่อะไร มึงก็รู้สันดานว่าพี่เมฆเขาแม่งฆ่าได้หยามไม่ได้ แล้ว

อย่างนี้เขาจะยกโทษให้มึงไหม”


               ผมก้มมองรอยตีนฝากรักบนหน้าอกเขียวช้ำ ความจุกเสียดที่ยังคงมีอยู่แม้ว่าจะเบาลงไปบ้างแล้วช่วยตอกย้ำให้ผมครุ่นคิด

ความยโสโอหังที่ปรากฏบนใบหน้าของพี่เมฆทำให้ผมตัดสินใจ


               พี่เมฆหลงตัวเองเกินไปแล้ว เขาทำทุกอย่างเพื่อความสะใจโดยไม่แคร์ว่าคนอื่นจะรู้สึกอย่างไร มันไม่เป็นผลดีต่อเขาในระยะ

ยาวสักนิด น่าแปลกที่ผมไม่นึกโกรธ แต่กลายเป็นว่าผมอยากจะทำให้เขาหันมาสนใจความรู้สึกของคนอื่นบ้าง ผมเชิดหน้าผายอกโดยที่

ลืมว่าตัวเองยังเจ็บอยู่


               “กู อ๋อย เจ็บว่ะ เอาใหม่ กูเปลี่ยนใจแล้วไอ้ว่าน กูจะไม่ทำงั้นแล้ว”


               ผมพูดด้วยความตั้งใจจริงเป็นการสัญญากับตัวเอง


               “กูจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้พี่เมฆเอ่ยปากยอมรับว่ากูน่ะเป็นผัวและยอมอยู่ในโอวาทของผัวที่ดีอย่างกูให้ได้ ถ้ากูทำไม่ได้ กูจะ

ยอมให้มึงเอาดาบไล่จิ้มกูเลยไอ้ว่าน”



              TBC



Hard Sale

ขายนิยายจ้า

ช่วยกันซื้อหน่อย เรื่องสั้น 6 เรื่อง 6 รส สุดแสนอีโรติก

อ่านกันได้ที่นี่เลย


X-Theme the series Season2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45021.0)


               
                :pig4: :pig4: :pig4:
               

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 2/2 ทำยังไงพี่เมฆถึงจะหายโกรธนะ [21/02/29]เต็มบท
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 21-02-2016 20:59:49
สู้ๆนะมะตูม  พี่เมฆต้องกลับไปเอ๋อเหมือนเดิมซะบ้าง
บางทีนั่นอาจเป็นตัวตนจริงๆของพี่เขา
หัวข้อ: Re: น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 2/2 ทำยังไงพี่เมฆถึงจะหายโกรธนะ [21/02/29]เต็มบท
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 21-02-2016 21:27:08
เรื่องรุก/รับนี่ควรจะต้องตกลงกันทีหลังป่ะ
ประเด็นคือทำยังไงให้พี่เมฆยกโทษให้มะตูม แล้วทำยังไงให้สองคนนี้รักกัน
หัวข้อ: Re: น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 2/2 ทำยังไงพี่เมฆถึงจะหายโกรธนะ [21/02/29]เต็มบท
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-02-2016 21:33:02
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 2/2 ทำยังไงพี่เมฆถึงจะหายโกรธนะ [21/02/29]เต็มบท
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 21-02-2016 21:33:23
เห็นทีมะตูมจะต้องพลีกายถวายชีวิตเสียแล้ว
ขอขมาเลย แต่ไปคิดมาดีๆว่าจะเซ่นสังเวยด้วยอะไร
หัวข้อ: Re: น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 2/2 ทำยังไงพี่เมฆถึงจะหายโกรธนะ [21/02/29]เต็มบท
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 22-02-2016 13:08:15
ท้ายที่สุดใครจะง้อใครนะ อยากรุ้
หัวข้อ: Re: น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 2/2 ทำยังไงพี่เมฆถึงจะหายโกรธนะ [21/02/29]เต็มบท
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 22-02-2016 14:29:57
จะรอดไหม คงไม่ช้ำในก่อนนะ
หัวข้อ: Re: น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 2/2 ทำยังไงพี่เมฆถึงจะหายโกรธนะ [21/02/29]เต็มบท
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 22-02-2016 17:58:30
 :pig4:
หัวข้อ: Re: น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 2/2 ทำยังไงพี่เมฆถึงจะหายโกรธนะ [21/02/29]เต็มบท
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 22-02-2016 18:08:52
กว่าเมียจะอยู่ในโอวาท มะตูมไม่ต้องไปหยอดน้ำข้าวต้มที่โรงพยาบาลก่อนรึงัย :laugh:
หัวข้อ: Re: น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 2/2 ทำยังไงพี่เมฆถึงจะหายโกรธนะ [21/02/29]เต็มบท
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 25-02-2016 12:17:50
สู้ๆนะมะตูม
อย่าเพิ่งช้ำในตายก่อนล่ะ
หัวข้อ: Re: น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 2/2 ทำยังไงพี่เมฆถึงจะหายโกรธนะ [21/02/29]เต็มบท
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 25-02-2016 13:05:41
มะตูมสู้ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 2/2 ทำยังไงพี่เมฆถึงจะหายโกรธนะ [21/02/29]เต็มบท
เริ่มหัวข้อโดย: jillongame ที่ 27-02-2016 16:20:44
 :ling1: มะตูม กำหลาบเลยเอาให้อยู่หมัด เอาให้ครางใต้ตัวเราให้ได้ อืมมะหื่นไปใช้มะอิอิ
หัวข้อ: น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 3 #คำท้าทายจากพี่เมฆทำให้ของขึ้น# [9/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 09-03-2016 15:40:28


                                                            น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่

                                                                       บทที่ 3

                                                       คำท้าทายจากพี่เมฆทำให้ของขึ้น             


               คนอย่างไอ้มะตูมไม่ชอบความคลุมเครือครับ

               การให้โอกาสพี่เมฆด้วยการเคลียร์ปัญหาให้จบอาจเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด ดังนั้นผมจึงฝืนตื่นนอนตั้งแต่เช้าแล้วแว้นไป

หลับรอที่ใต้หอของพี่เมฆ ผมรอจนกระทั่งมองเห็นเป้าหมายเดินออกจากหอตรงไปที่รถยนต์ของเขา


               “พี่เมฆ”


               ผมบุกเข้าไปที่ประตูด้านข้างคนขับทันทีที่พี่เมฆก้าวเข้าไปนั่งแล้ว ผมรีบเชิญตัวเองเข้าไปนั่งข้างพี่เมฆโดยที่เจ้าของรถยัง

ตั้งตัวไม่ทัน ผมมั่นหน้าพอที่จะทำไม่รู้ไม่ชี้ใส่พี่เมฆที่มองผมตาเขียว


               “ลงไป”


               “คุยกันก่อนดิพี่”


               “กูจะรีบไปเรียน วันนี้กูยังอารมณ์ดีพอที่จะไม่ถีบมึงร่วงรถไอ้มะตูม เพราะฉะนั้นมึงลงไปซะ”


            “พี่รีบก็ขับรถไปดิ ผมอาศัยไปด้วยน้ำมันรถพี่ก็ไม่ได้เผาผลาญเพิ่มสักเท่าไหร่หรอก ยังไม่รีบไปอีก มีเรียนคาบเช้าไม่ใช่เหรอ”


               ไอ้เรื่องหน้าด้านไว้ใจไอ้มะตูมเหอะ


               พี่เมฆมองผมตาขุ่น แต่เพราะนี่ใกล้จะถึงเวลาเรียนคาบแรกแล้วก็เลยจำใจขับรถออกจากหอโดยมีผมติดรถมาด้วย


               “พี่เมฆ”


               “หุบปาก”


               “ถามจริงเหอะ ถ้าไม่นับเรื่องที่ผมเป็นเพื่อนไอ้ว่านซึ่งมันเป็นแฟนพี่ริวที่พี่ไม่ชอบหน้า แล้วก็เรื่องที่ผมกวนตีนพี่บ้างในบาง

ครั้งเนี่ย ทำไมพี่ถึงเกลียดขี้หน้าผมนักวะ”


               พี่เมฆอึ้งไปเหมือนกันเมื่อเจอคำถามของผม แม้ว่าสายตาของเขาจะยังจ้องไปยังถนนข้างหน้า


               “ผมทำอะไรผิดวะพี่เมฆ ถึงแม้ว่าจะมาเข้าชมรมเพราะกะหลีสาว แต่พอสาวหนีไปที่อื่นผมก็ยังอยู่ต่อนะครับพี่ แถมยังตั้งใจ

ฝึกไอ้ที่พี่สอนทุกอย่างอะ เหรียญทองแดงกีฬามหาลัยไม่ใช่ได้มาเพราะฟลุคนะพี่”


               สีหน้าครุ่นคิดของพี่เมฆทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาบ้าง บางทีคำพูดของผมอาจจะไปสะกิดต่อมโพสเทสแกรนด์ของพี่เมฆก็ได้

(หือ โพสเทสแกรนด์คือต่อมลูกหมากเหรอ ต่ายห่ะ นึกว่าต่อมใต้สมองมาตั้งนานแล้วกู)


               “กูบอกให้มึงหุบปากไอ้มะตูม”


               เสียงเหี้ยมชัดถ้อยชัดคำ พี่เมฆกัดฟันกรามจนเห็นชัดอยู่ตรงแนวคาง ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ทำใจดีสู้เสือ


               ตายเป็นตายโว้ย มะตูมสู้ๆ


               “แล้วไอ้เรื่องวันนั้นน่ะมันเป็นเพราะเหล้าหรือเปล่าครับ ใช่ว่าผมจงใจจะกดพี่สักหน่อย ผมก็เมาพี่ก็เมา แล้วพี่น่ะเมาแล้วโคตร

เรื้อนมากอดผมอีกต่างหาก เรียกผมว่าสังข์ทองนู่นนี่นั่น โหพี่ จู๋ผมน่ะของจริงไม่ใช่ปลัดขิกถูกจู่โจมมากๆมันก็ลุกทำงานนะครับ แต่จะว่า

จริงๆแล้วเราก็ฟินด้วยกันแบบวินๆทั้งคู่ไม่ใช่เหรอ พี่น่าจะเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติ...”


               “ไอ้เหี้ยมะตูม!”


               พี่เมฆหันขวับมาทันที ตาแม่งดุอย่างกับเสือจนผมสะดุ้งงับปากตัวเองแทบไม่ทัน


               “พี่เมฆ มองถนนสิ...”


               “ถ้ามึงพูดอีกคำเดียว กูจะฆ่ามึง”


               “เหวอ พี่เมฆ ระวังมอไซค์!”


               โครมมม!!


               ไม่ทันแล้วครับท่านผู้ชม

               เพราะมัวแต่หันหน้ามาด่าผมพี่เมฆไม่ทันได้มองรถมอเตอร์ไซค์ที่เลี้ยวซ้ายตีโค้งกว้างออกมาจากซอย และเพราะความตกใจ

พี่เมฆเลยหักพวงมาลัยหลบ ผลคือไม่ได้ชนไอ้มอเตอร์ไซค์คันที่ว่าแต่รถกลับพุ่งไปชนเกาะกลางถนนแทน ไอ้คนขี่มอเตอร์ไซค์บิดรถ

หนีไปแล้วตอนที่ผมโงหัวขึ้นมา ดีที่ว่าคาดเข็มขัดนิรภัยหัวเลยไม่ไปชนกับกระจก


               “โอ๊ย!”


               “พี่เมฆ!”


               เสียงครางเบาๆของคนที่นั่งข้างๆเรียกสติของผมกลับคืนมาได้ ผมหันไปมองพี่เมฆอย่างตกใจ พี่เมฆกัดฟันครางอ๋อยๆเมื่อ

หน้าผากกระแทกคอนโซลรถและแขนขวากระแทกกับประตูรถที่ยุบเข้ามา


                “เป็นไงบ้างพี่”


                 คราวนี้ผมนึกเป็นห่วงขึ้นมาจริงๆเมื่อเห็นเลือดที่ขมับของใบหน้าหล่อๆ พี่เมฆใช้มือซ้ายประคองแขนขวาตัวเองด้วยความ

เจ็บปวด


               “อย่ามายุ่งกับกูอีก ไอ้ตัวซวย”


              เจ็บขนาดนี้พี่เมฆยังหยิ่งในศักดิ์ศรีจนผมโมโหตวาดใส่เขาบ้าง


             “พี่โยนศักดิ์ศรีที่ค้ำคออยู่ทิ้งไปก่อนเหอะน่า เจ็บจะตายห่าอยู่แล้ว ย้ายที่นั่งเดี๋ยวนี้ ผมจะขับรถพาพี่ไปโรงพยาบาล”





             ผมพาพี่เมฆมาถึงห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยในอีกสิบนาทีต่อมา ดีที่ว่ารถของพี่เมฆไม่ได้เป็นอะไรมาก

นอกจากประตูฝั่งคนขับบุบเล็กน้อย พอมาถึงพวกพี่ๆพยาบาลห้องฉุกเฉินก็รีบพาพี่เมฆเข้าไปทันที ส่วนผมก็ต้องติดต่อเรื่องเอกสารให้พี่

เมฆ ระหว่างนั้นผมก็รีบโทรไปหาพี่พลเล่าให้ฟังคร่าวๆว่าเกิดอะไรขึ้น พี่พลตกใจมากรีบมาที่โรงพยาบาลทันที


                “ไอ้เมฆเป็นไงมั่ง”


                 พี่พลถามเมื่อเขามาถึงและเจอกับผมที่นั่งรอพี่เมฆอยู่ด้านนอกห้องฉุกเฉิน ผมส่ายหน้ากับพี่พลแทนคำตอบ รู้สึก

กระวนกระวายและเป็นห่วงพี่เมฆอย่างไม่น่าเชื่อ

               เราทั้งคู่ผุดลุกขึ้นยืนเมื่อพี่เมฆถูกเข็นออกมาจากห้องฉุกเฉินด้วยรถเข็นนั่ง ดวงตาของพี่เมฆดูอิดโรย ที่ขมับมีผ้าก็อซปิดอยู่

และแขนขวาของเขามีเฝือกสีขาวหุ้มอยู่


                  “ญาติคุณเมฆ กุลพงศ์ค่ะ”


                พี่พยาบาลที่เดินตามมาประกาศเรียก ผมรีบก้าวเข้าไปแสดงตัว


              “ผมครับ ผมเป็นเอ่อ..ญาติ”


              พี่พยาบาลส่งประวัติการรักษาของพี่เมฆให้ผมพร้อมกับอธิบายให้ฟัง


            “หัวแตกเย็บสามเข็ม อย่าให้แผลเปียกน้ำนะครบเจ็ดวันมาตัดไหม ส่วนแขนส่งไปพบหมอกระดูกแล้วจ้ะ กระดูกไม่ได้หักแต่มี

รอยร้าวนิดเดียว คุณหมออยากให้พักแขนไว้ก่อนก็เลยใส่เฝือกให้กระดูกติดสักเดือนนึง ระหว่างนี้คอยดูอาการของคนไข้ด้วย ถ้าปลาย

นิ้วซีดบวมหรือว่าปวดมากก็พามาโรงพยาบาลนะ นี่ใบสั่งยาไปเบิกที่ห้องยาก่อนกลับ พี่เพิ่งจะฉีดยาแก้ปวดให้ พาเขาไปนอนพักก่อน

เถอะ”


                      พี่พยาบาลพูดจบก็เดินจากไป พี่พลมองพี่เมฆอย่างเห็นใจและเป็นห่วง


                    “ไงล่ะมึง ซวยชิบหาย ไปทำบุญอาบน้ำมนต์ล้างซวยบ้างนะ”


                   พี่พลพูดขึ้นมาเกริ่นนำให้พี่เมฆมองผมด้วยความโมโห


                    “ไม่ต้องอาบน้ำมนต์เหี้ยไรหรอก แค่มึงถีบไอ้เด็กเวรนี่ไปจากชีวิตกูก็พอแล้ว”


                   คราวนี้ผมหัวหดจริงๆครับ ได้แต่ส่งยิ้มแหยสู้ตาดุของพี่เมฆ พี่พลถอนหายใจแล้วเอ่ยถามเพื่อนสนิท


               “แขนมึงใส่เฝือกแบบนี้จะอยู่หอคนเดียวไหวเหรอ กลับไปอยู่บ้านมึงก่อนไหม”


                  “กูไม่กลับ” พี่เมฆปฏิเสธทันควัน


                  “กูจะอยู่หอ”


                 “แต่มึงกำลังเจ็บ หัวมึงแตก แขนมึงก็หัก”


                “แค่กระดูกร้าวไม่ใช่ใกล้ตายสักหน่อย”


                  “แล้วมึงจะอยู่ได้ไงคนเดียว ไหนจะขี้จะเยี่ยวจะแดกโน่นนี่นั่นอีกล่ะไอ้เมฆ”


                 ผมมองพี่พลกับพี่เมฆยืนเถียงกันอยู่พักหนึ่ง ดูท่าทางพี่เมฆจะรั้นไม่ยอมกลับไปบ้านด้วยสาเหตุอะไรผมก็ไม่รู้หรอก แต่

อะไรบางอย่างแวบเข้ามาในหัว


                  “ผมจะไปอยู่กับพี่เมฆเอง”

                   .....

                  เงียบ...


                   ทำไมต้องมองหาผมพร้อมกันแบบนี้ล่ะฮะ ไม่เข้าใจเลย ผมมันเด็กไร้เดียงสา


                  ผมตีหน้าเหรอหราขณะที่พี่พลค่อยๆเบะปากยิ้มออกมา พี่พลยกมือตีไหล่ผมแปะๆ


                 “เออ ทำไมกูมองข้ามมึงไปได้นะไอ้มะตูม”


                “เลิกเสือกเรื่องของกูเสียทีได้ไหม”


                 พี่เมฆกัดฟันขู่กรอด เขาไม่กล้าเสียงดังมากเพราะคงอายคนที่เดินผ่านไปมาในโรงพยาบาล ผมยักไหล่อย่างไม่แยแสคำด่า

ของเขา


                 “อย่าตีค่าน้ำใจของผมเป็นคำว่าเสือกสิครับพี่ พี่จะหาใครที่เสียสละตัวเองไปดูแลพี่อย่างผมได้ล่ะ”


                “ใช่ ไอ้เมฆ มึงก็อย่าทิฐิมานะให้มันมาก แวร์แวร์อิสแวร์แวร์ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว มึงกับไอ้มะตูมก็ตกร่องปล่องชิ้นกันไปแล้วนี่”


                 กระทืบเท้าห้ามปากพี่พลไม่ทัน พี่เมฆเบิกตากว้างเมื่อได้ยินพี่พลพูด หน้าขาวเปลี่ยนสีแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด


                 “มึงรู้เรื่องนี้ได้ไงไอ้พล”


                 สะดุ้งเฮือกกันทั้งพี่ทั้งน้องสิครับ พี่พลยกมือเกาหัวยิ้มแหยยกมือเขกหัวผมแก้เขิน


                “ก็ไอ้มะตูมมันกลุ้มใจไง มันเลยมาปรึกษากูว่าจะทำไงให้มึงหายโกรธ น่า มึงก็อย่าคิดมาก ให้ไอ้มะตูมมันไปอยู่เป็นเพื่อนที่

หอก็ดีแล้ว หรือว่ามึงอยากจะกลับไปอยู่บ้าน”


              พี่พลตัดบทเป็นคำตอบสุดท้ายก่อนจะบอกให้ผมไปเบิกยาให้พี่เมฆ ส่วนพี่พลก็เข็นรถเข็นของพี่เมฆไปที่รถยนต์ ไม่รู้ว่า

ระหว่างนั้นพี่พลพูดอะไรกับพี่เมฆ แต่เมื่อผมหิ้วถุงยากลับมาถึงรถพี่เมฆที่นั่งเหยียดขาอยู่ด้านหลังก็หลับตานิ่งและไม่ได้ว่าอะไรอีกเมื่อ

พี่พลขับรถไปส่งที่หอพัก





                  ในที่สุดผมก็หอบข้าวของมาอยู่ที่หอพักเลิศหรูอลังการดาวล้านดวงของพี่เมฆ

                 โทรศัพท์ไปเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ไอ้ว่านฟัง มันด่าจนผมหงอยว่าผมเป็นต้นเหตุให้พี่เมฆบาดเจ็บ ไอ้เพื่อนบังเกิดเกล้าย้ำนัก

ย้ำหนาว่าไปอยู่กับพี่เมฆก็ต้องดูแลพี่เมฆให้ดี อะไรวะ นี่เพื่อนผมกำลังแปรพักตร์ไปอยู่ข้างพี่เมฆหรือไง

                  นั่งรถกลับมาพร้อมพี่พล ผมก็แว้นมอเตอร์ไซค์กลับไปหอพักในมอแล้วยัดเสื้อผ้าและหนังสือใส่เป้ก่อนจะแว้นกลับมา

ระหว่างนี้พี่พลรับหน้าที่อยู่เป็นเพื่อนพี่เมฆจนกระทั่งผมไปถึง เมื่อเปิดประตูเข้าห้องก็เห็นเพื่อนสนิทสองคนคุยกันด้วยสีหน้าเครียด


                “แขนเดาะใส่เฝือกไปอีกเป็นเดือนแบบนี้ แล้วไอ้เรื่องแข่งชิงแชมป์ประเทศไทยทำไง”


                พี่พลมองพี่เมฆอย่างเห็นใจ


                 “มึงซ้อมไม่ได้อยู่แล้ว ต่อให้ถอดเฝือกทันแต่มันกระชั้นชิดเกินไปที่จะลงแข่ง”


               “แม่งเอ๊ย!”


               พี่เมฆสบถอย่างหงุดหงิด ใบหน้าหล่อเครียดจัดจนคิ้วแทบจะชนกันอยู่แล้ว


               “แต่ก็สมัครจนได้โควตาลงแข่งแล้วนะ ถ้ามึงจะสละสิทธิ์โควตาก็น่าเสียดาย”


               พี่พลที่มีตำแหน่งรองประธานชมรมเองก็เครียดไม่แพ้กันกับเรื่องการแข่งขันเทควันโดที่จะจัดในอีกสองเดือนข้างหน้า


               “กูอุตส่าห์อยากจะได้เหรียญอีกสักเหรียญก่อนเรียนจบ ชีวิตกูนี่มันจะเหี้ยอะไรขนาดนี้วะ”


               “มีอยู่อีกทางที่จะรักษาโควตาไว้”


               พี่พลเสนอความเห็น


               “หาใครมาแข่งแทนมึง”


               พี่เมฆนิ่งคิด ใบหน้าหล่อเหลาที่มีผ้าก็อซแปะหัวเงยหน้ากรอกตาไปมาก่อนจะสบตากับพี่พลเหมือนรู้กัน


               “กูไม่ยอม”


               “มันเป็นคนเดียวนะไอ้เมฆที่ลุ้นขึ้นที่สุด”


               ใครวะ?

               อยากรู้ว่าพูดถึงใครที่ทั้งคู่จะให้แข่งแทนพี่เมฆ


               “แต่ว่า...”


               “แยกเรื่องส่วนตัวออกจากเรื่องส่วนรวมหน่อย มันถึงคราวจำเป็นแล้วนะ”


               พี่เมฆอึ้งกับคำพูดเตือนสติของพี่พล เขาก้มหน้าเม้มปากแน่นจนทั้งห้องเงียบงัน และเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งพี่เมฆก็

ถอนหายใจยาวยืดเหมือนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง อยู่ๆเขาก็หันขวับมามองหน้าผม


               “ไอ้เหี้ยมะตูม”


               มะตูมเฉยๆนะ ตอนพ่อตั้งชื่อให้ไม่เห็นบอกว่ามีเหี้ยเลย


               “เพราะมึงเป็นต้นเหตุที่ทำให้กูเป็นแบบนี้ มึงต้องรับผิดชอบ”


               เปิดมีดดดดด

               เหมือนกูยืนลุ้นอยู่ที่ศาลไคฟงเลยวุ้ย


               “มึงต้องทำน้ำหนักขึ้นแล้วมาแข่งแทนกู”




มีต่ออีกนิด...

หัวข้อ: น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 3 #คำท้าทายจากพี่เมฆทำให้ของขึ้น# [9/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 09-03-2016 15:49:09


ต่อกันตรงนี้...




                พี่พลกลับไปแล้วหลังจากซื้อเสบียงมายัดใส่ตู้เย็นไว้ให้ ส่วนผมยังอึ้งอยู่กับคำสั่งที่ให้ผมไปแข่งชิงแชมป์ประเทศไทยแทน

พี่เมฆ โดยสัดส่วนร่างกายแล้วพี่เมฆสูงร้อยแปดสิบสี่หนักเจ็ดสิบห้ากิโลกรัมเขาจึงแข่งอยู่ในรุ่นเวลเธอร์เวท ส่วนผมสูงร้อยแปดสิบสอง

หนักเจ็บสิบกิโลกรัมอยู่ในรุ่นไลท์เวทที่ต่ำกว่าพี่เมฆลงไปหนึ่งรุ่น ถ้าหากพี่เมฆจะให้ผมไปแข่งแทนพี่เมฆก็หมายความว่าผมต้องทำน้ำ

หนักให้ขึ้นไปอีกอย่างน้อยสองกิโลกรัม

               แต่ที่สำคัญนี่คือการแข่งขันชิงแชมป์ประเทศไทยนะครับ ไม่ใช่เทควันโดกีฬาสีโรงเรียนวัด


               “พี่เมฆ คิดดีแล้วเหรอที่จะให้ผมแข่งแทน”


               ถึงเวลาที่ผมต้องเสียงอ่อยแล้ว ความมั่นใจหายไปไหนหมดก็ไม่รู้


               “ผมเล่นเทควันโด้มายังไม่ถึงปีเลยนะ ถ้าจะให้ผมไปแข่งรายการใหญ่ผมว่า...”


               พี่เมฆที่นั่งอยู่ปลายเตียงทิ้งตัวลงไปนอนแผ่ ดวงตาของเขาจ้องมองเพดานและกรอกไปมาอย่างใช้ความคิด


               “มึงเรียกร้องการยอมรับจากกูไม่ใช่เหรอไอ้มะตูม”


               เออ งวดนี้ไม่มีเหี้ยนำ


               “มึงอยากรู้ไหมล่ะว่ากูชอบคนแบบไหน กูชอบคนเก่งไงล่ะ ถ้ามึงอยากให้กูยกโทษให้มึง ยอมรับมึง มึงก็ลองทำตัวให้กู

ยอมรับสิวะ”


               ท้าทายผมเหรอพี่เมฆ


               “พี่กำลังท้าผมอยู่นะ”


               พี่เมฆกดยิ้มที่มุมปากตอนที่หันมามองผม สายตาของเขากึ่งเหยียดหยามกึ่งท้าทาย


               “ใช่ กูท้ามึงอยู่ ลองทำให้กูรู้สิว่าน้ำหน้าอย่างมึงยังมีดีอย่างอื่นนอกจากปากดีชวนโดนตีนของมึง”


               ศักดิ์ศรีของมะตูมพุ่งวาบเลยสิฮะ


               ผมตรงเข้าไปนั่งอยู่บนเตียงก้มหน้าลงไปสบตาพี่เมฆ เราประสานสายตากันนิ่งนาน


               “ผมรับคำท้า”


               พี่เมฆจะต้องยอมรับในตัวผม


               “ผมจะไปแข่งแทนพี่และเอาเหรียญมาให้พี่ดูเป็นขวัญตา แต่ผมขอเรียกร้องโค้ชเป็นพิเศษ”


               คิ้วเข้มของพี่เมฆขมวดลงอย่างสงสัย คราวนี้ผมเป็นฝ่ายคลี่ยิ้มอย่างได้เปรียบบ้างเมื่อใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าอกของพี่เมฆ


               “ในฐานะที่พี่เป็นประธานชมรม พี่ต้องเป็นโค้ชให้ผม พี่ต้องสอนผมให้เก่งโดยเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นคนขายขี้หน้าต้องเป็นพี่ที่

สอนให้ผมชนะไม่ได้”


               พี่เมฆหรี่ตามองผม


               “มึงกำลังท้ากูอยู่นะ”


               ผมยักคิ้วให้พี่เมฆแทนคำตอบว่าสิ่งที่เขาเข้าใจนั้นถูกต้องแล้ว


               “ได้มะตูม กูรับคำท้าของมึง”



               TBC


 :hao3: :hao3:
               

แม่ค้าขายของจ้า

เปิดขายนิยายนะคะ สนใจไปอ่านในลิงค์นี้ X-theme season 2 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45021.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45021.0)

อุดหนุนกันเยอะๆนะคะ
หัวข้อ: Re: น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 3 #คำท้าทายจากพี่เมฆทำให้ของขึ้น# [9/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 09-03-2016 15:53:17
 :katai2-1:  ท้ากันไปกันมาระวังจะได้กันอีกรอบนะพี่เมฆ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #ภาคน้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 3# [9/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 09-03-2016 21:30:29
 :laugh:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #ภาคน้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 3# [9/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-03-2016 22:15:18
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #ภาคน้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 3# [9/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 09-03-2016 22:23:56
มะตูมสู้สู้ เอาเหรียญมาให้พี่เมฆให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #ภาคน้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 3# [9/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 10-03-2016 08:02:44
เอ้า...ผลัดกันท้า งั้นก็ขอผลัดกันชนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #ภาคน้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 3# [9/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 10-03-2016 11:06:12
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #ภาคน้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 3# [9/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 10-03-2016 11:14:28
ต่างคนต่างท้ากัน
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #ภาคน้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 3# [9/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 10-03-2016 13:45:31
มะตูมสู้ๆ  :ped149:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #ภาคน้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 3# [9/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 10-03-2016 19:24:12
 o13
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #ภาคน้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 3# [9/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 12-03-2016 16:18:34
 :o8: จะว่าไปพี่เมฆก็น่ารักเหมือนกันนะเนี่ย  :-[
หัวข้อ: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #ภาคน้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 4# [14/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 14-03-2016 23:12:35

                                                         น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่

                                                                  บทที่ 4

                                                   บางทีพี่เมฆก็ทำตัวให้น่าเป็นห่วง             


                แต่ก่อนจะไปถึงเรื่องที่เราต่างรับคำท้าซึ่งกัน ผมว่าเราควรจะผ่านคืนนี้ที่ต้องอยู่ด้วยกันเป็นคืนแรกไปให้ได้ก่อนดีกว่า วันนี้

ผมและพี่เมฆจำเป็นต้องโดดเรียนทั้งวันเพราะเรื่องยุ่งๆที่เกิดขึ้น ช่วงเช้าไปโรงพยาบาลกว่าจะกลับมาหอก็บ่ายจัด หลังจากนั้นพี่เมฆก็ยัง

ต้องลงไปด้านล่างเพื่อคุยกับเจ้าหน้าที่จากบริษัทประกันรถ

               ผมยืนมองเขาอยู่ห่างออกไป พี่เมฆที่คุยเรื่องความเสียหายของรถมีสีหน้าอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด เขาขยับยกแขนขวาข้างที่

หักบ่อยๆคงเป็นเพราะปวดมาก คิ้วเข้มๆของพี่เมฆแทบจะชนกันจนกระทั่งเสร็จเรื่อง เจ้าหน้าที่ประกันขับรถของพี่เมฆไปไว้ที่อู่รถให้

ท่าทางที่คุยกับพี่เมฆดูนอบน้อมเหลือเกิน

               ผมเดินตามร่างสูงของพี่เมฆเข้าไปในลิฟท์เพื่อกลับห้อง พี่เมฆหลับตาลงและพิงหลังไปกับลิฟท์จนผมนึกเป็นห่วงอย่างบอก

ไม่ถูก


               “ปวดมากหรือเปล่าพี่เมฆ ปวดแผลที่ขมับหรือแขนที่หักล่ะ”


               เขาลืมตาขึ้นมามองพลางขยับปากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เมื่อสบตากับผมเขากลับเงียบไปเฉยๆ


               “อือ ปวดว่ะทั้งหัวทั้งแขนนี่แหละ”


               เป็นครั้งแรกที่พี่เมฆพูดกับผมด้วยน้ำเสียงที่ปกติที่สุด ไม่ยียวนหยิ่งยะโสหรือดูถูกเหยียดหยาม มันทำให้ผมสบายใจและมอง

พี่เมฆในแง่ดีขึ้นมาอีกสามสิบเปอร์เซ็นต์ขณะเดินตามหลังเขาออกจากลิฟท์กลับเข้าไปที่ห้อง


               “มีเรื่องยุ่งๆจนถึงตอนเย็น หิวหรือยังพี่เมฆ”


               โครกกก ครากกก


               ไม่ต้องถามซ้ำ เสียงท้องร้องดังลั่นออกมาเป็นคำตอบจนหน้าหล่อๆชักเปลี่ยนสี ผมต้องแอบยิ้มเพราะเริ่มเรียนรู้ว่าคนอย่างพี่

เมฆไม่ชอบให้ใครมองเป็นตัวตลก จากนั้นก็จัดแจงคว้าข้าวกล่องที่พี่พลซื้อมาไว้ให้วางลงบนโต๊ะตัวเล็กฟากหนึ่งของห้อง


               “พี่เมฆมากินข้าวจะได้กินยาแก้ปวดแล้วนอนพัก หน้าพี่ตอนนี้เหลือแค่สองขีดเองนะ”


               ไม่ดื้อแฮะ สงสัยหิวจัด


               เจ้าของห้องเดินมานั่งอยู่ตรงกันข้ามพลางจ้องมองอาหารในกล่องแล้วถอนหายใจเบาๆหนึ่งเฮือก สงสัยแม่งอยากกินซูชิ

มากกว่ากะเพราะไข่ดาวที่วางอยู่ตรงหน้า แต่พี่เมฆก็ใช้มือซ้ายคว้าช้อนมาตักข้าวเข้าปากในที่สุด

               เพราะไม่ถนัดมือซ้ายข้าวจึงเข้าปากช้าๆหกบ้างเลอะบ้างอย่างกับเด็กสามขวบตักข้าวกิน ไอ้มะตูมนั่งมองแล้วเกิดอาการทน

ไม่ไหวสิฮะ กว่ามึงจะกินหมดข้าวแม่งเกลื่อนโต๊ะแน่


               “ผมช่วยดีกว่า”


               คว้าช้อนจากมือซ้ายของพี่เมฆมาแล้วตักข้าวป้อนเข้าปาก พ่อเจ้าประคุณเหลือบตามองหนึ่งแวบก่อนจะอ้าปากรับข้าวไป

เคี้ยวตุ้ยๆแป๊บเดียวหมดกล่อง เมื่อเขาเคี้ยวคำสุดท้ายกลืนลงท้องจึงเอ่ยปากถามผม


               “แล้วมึงไม่กินหรือไงไอ้มะตูม มึงเองก็ยังไม่ได้กินอะไรเหมือนกูนี่”


               แหม เพิ่งจะสนใจกูนะครับพี่เมฆ ไม่เป็นไร กูยกให้พี่วันนึง อยากให้พี่เมฆกินอิ่มนอนหลับหายปวดก่อนแล้วผมค่อยจัดการตัว

เอง


               “เดี๋ยวค่อยกินก็ได้ ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่หรอกน่า”


               “ไม่หิวก็ต้องแดก แดกเยอะๆด้วย เวย์โปรตีนที่กองอยู่ตรงโน้นน่ะแดกซะ อย่าลืมว่ามึงต้องทำน้ำหนักสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมาอีก

สองกิโลนะ”


               อ้อ ที่แท้ห่วงเพราะเรื่องนี้

               น่า ช่างแม่ง ยังไงก็นับว่าห่วงนั่นแหละ

               ผมหยิบเม็ดยาแก้ปวดที่พิมพ์ฉลากหน้าซองว่ากินหลังอาหารทันทีมายื่นให้พี่เมฆกิน เขาก็ไม่อิดออดนะคงปวดจริงๆ


               “อาบน้ำแล้วนอนเลยไหม หน้าตาพี่เพลียระดับสิบเลเวล”


               พยักหน้าเห็นด้วย พี่เมฆเดินไปที่โต๊ะกระจกแล้วจึงคว้ากล่องเล็กๆที่วางอยู่ขึ้นมา


               “กูต้องถอดคอนแทคเลนส์”


               อ้าว พี่เมฆใส่คอนแทคเหรอเนี่ย ความรู้ใหม่


               เขาขยับยกแขนทั้งสองข้างถอดคอนแทคเลนส์อย่างเก้ๆกังๆโดยที่ผมไม่สามารถช่วยได้เลย กว่าจะถอดออกได้ทั้งสองข้างพี่

เมฆก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่


               “ใส่คอนแทคไม่ถนัดเลย สงสัยช่วงนี้คงต้องใส่แว่นไปก่อน”


               ว่าแล้วก็ใช้มือคลำกล่องแว่นที่วางอยู่ไม่ไกลเพื่อคว้ามาใส่ พอพี่เมฆหันหน้ากับมาผมก็ขำพรืดจนกลั้นไม่อยู่


               “หัวเราะเหี้ยอะไรไอ้มะตูม”


               ไอ้ที่พี่พลเคยเล่าให้ฟังว่าพี่เมฆเคยเป็นเนิร์ดมาก่อนคงจะเป็นเรื่องจริง เมื่อตอนนี้ใบหน้าหล่อสาวกรี๊ดวัวตายควายล้มกลับมา

แว่นสายตาทรงกลมอันใหญ่ประดับอยู่ มันทำให้ประธานชมรมเทควันโดแสนเท่กลายเป็นไอ้หนุ่มหน้าจืดขึ้นมาทันที


               “ไม่มีอะไรพี่เมฆ ว่าแต่พี่มีแว่นอันอื่นอีกไหมเนี่ย”


               “ไม่มี ก็หลังจากเปลี่ยนไปใส่คอนแทคก็ไม่ได้ตัดแว่นใหม่อีกเลย อันนี้คืออันสุดท้ายตั้งแต่มัธยม”


               “สั้นเท่าไหร่อะพี่” ผมถามตอนที่กำลังเมียงมองความหนาของแว่น


               “สี่ร้อย”


               มิน่าล่ะ แว่นถึงได้หนาขนาดนั้น

               แต่บางทีผมว่าพี่เมฆใส่แว่นแบบนี้ก็น่ารักไปอีกแบบนะ

               ชิบหายละ นี่กูคิดว่าพี่เมฆน่ารักได้ไงวะ!


               “มึงจะมองหน้ากูอีกนานไหมไอ้เหี้ยมะตูม”


               ไอ้เหี้ยเพื่อนสนิทนำหน้าเรียกสติจนผมต้องยิ้มแหยและพุ่งตัวไปคว้าผ้าเช็ดตัวของพี่เมฆที่แขวนอยู่ที่ราวตากผ้าตรงระเบียง

มาส่งให้พี่เมฆ


               “เดี๋ยวสิ พี่พยาบาลคนสวยที่ห้องฉุกเฉินบอกว่าห้ามแผลที่หัวเปียกน้ำ เฝือกที่แขนก็ห้ามเปียกนะพี่เมฆ”


               “อาบน้ำมันก็ต้องเปียกไหมวะ บ้านมึงอาบน้ำไม่เปียกหรือไง”


               ผมชักย่นคิ้วใส่เมื่อพี่เมฆเริ่มกวนตีนผมอีกครั้ง


               “ไม่ได้ ไม่ได้ ถ้าแผลพี่เปียกมันก็หมักหมม พอแผลหมักหมมก็จะติดเชื้อ ติดเชื้อเสร็จพี่ก็อาจตายก่อนที่จะเห็นผมได้เหรียญ

ชิงแชมป์เปี้ยนโลกนะพี่”


               “กูว่าเอาให้ไม่โดนเขาเตะสลบที่งานชิงแชมป์ประเทศไทยก่อนไหม แล้วชิงแชมป์โลกค่อยว่ากัน”


               ดับฝันบรรเจิดของกูซะย่อยยับเลยครับไอ้พี่เมฆ ฮึ่ยย


               “ผมจะช่วยพี่อาบน้ำ”


               “มึงจะบ้ารึไง!”


               ถามสวนกลับมาเสียงดังลั่นห้อง พี่เมฆมองผมอย่างกับเห็นผีปอบ


               “กูแค่หัวแตกและแขนหัก กูไม่ได้เป็นง่อยนะ”


               “แต่มันก็ลำบากที่จะทำเองไง ในเมื่อตอนนี้มีผมช่วยแล้วพี่อย่าอิดออดให้มากเรื่องเลย ถอดเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้”


               สีหน้าไม่ไว้วางใจยังไม่คลายลงไปจนผมชักจะโมโห


               “แค่ผมกดพี่ทีเดียวตอนเมาอย่าเอามาเป็นปมด้อยในชีวิตดิพี่ ตอนนี้สติพี่ก็ครบไม่เมาไม่แฮงค์แล้วผมจะไปทำอะไรพี่ได้ไง

ผมยังไม่อยากเป็นเป้าให้พี่ถีบเล่นตอนนี้หรอก ว่าไง จะถอดหรือไม่ถอด”


               “มึงมันเหี้ย”


               พี่จะต้องตอกย้ำทำไมนักหนาครับ กูรู้แล้วครับ

               พี่เมฆถอดเสื้อนักศึกษาที่ใส่ตั้งแต่เช้าออก ผมช่วยตอนที่แขนเสื้อติดเฝือก ไม่นานร่างสูงที่หน้าอกมีกล้ามแน่นๆก็เหลือแค่

ผ้าเช็ดตัวห่อไข่ เอ๊ย ห่อท่อนล่างไว้พลางสะบัดสะบิ้งเดินเข้าไปในห้องน้ำ


                “มานี่ผมช่วย”


               จัดแจงบีบยาสีฟันใส่ให้ก่อนยืนมองไอ้หน้าเนิร์ดยืนสีฟัน หลังจากนั้นควรจะเป็นหน้าที่ของผมที่ลงทุนมานอนที่นี่เสียที

               ขยับเข้าใกล้พี่เมฆแล้วดึงแว่นเนิร์ดออกวางไว้ ผมวักน้ำล้างหน้าให้พี่เมฆโดยไม่ให้แผลที่ไรผมเปียกน้ำก่อนจะบีบ    โฟม

ล้างหน้ากลิ่นผู้ชายใส่มือแล้วค่อยๆนวดไปที่ใบหน้าของพี่เมฆที่ยอมยืนนิ่งให้ผมได้ทำ ดวงตาที่จ้องมองมาทางผมคงจะมองอะไรไม่ชัด

แต่ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นมันเริ่มทำให้หัวใจของผมเต้นผิดจังหวะ

               ไม่ได้ ไอ้มะตูม นี่มึงกำลังหวั่นไหว

               ผมเรียกสติกลับมาพลางล้างโฟมออกด้วยน้ำเปล่า จากนั้นก็ถึงขั้นตอนสำคัญ


               “เอาผ้าเช็ดตัวออกสิพี่ ไปอาบน้ำกันได้แล้ว”


               “กูทำเองได้”


               หยิ่งอีกนะไอ้พี่เมฆ


               “เออๆ ผมรู้พี่เก่งแต่มือพี่จะยาวจนถึงถูหลังตัวเองได้ไหม อ้อ แล้วไอ้ที่ใส่เฝือกช่วยยกสูงๆด้วยครับพี่”


               พี่เมฆละล้าละลังแต่ก็ดึงผ้าเช็ดตัวโยนออกไปอีกทางเหลือแต่ตัวล่อนจ้อน เมื่อผมเห็นเต็มตาด้วยสติสัมปชัญญะเต็มเปี่ยมก็

ถึงกับกลืนน้ำลาย


               อื้อ ก็นะ


               “เอางี้ เดี๋ยวผมใช้ฝักบัดรดน้ำให้พี่ ข้างหน้าพี่ก็จัดการตัวเองไป ล้วงแคะแกะเกาก็เอามือซ้ายจัดการ ข้างหลังเดี๋ยวผมช่วย”


               ตกลงกันได้แล้วผมก็คว้าฝักบัวมาเปิดน้ำให้สายน้ำละเอียดรดลงไปบนตัวของพี่เมฆ คว้าขวดสบู่เหลวมากดใส่ฝ่ามือพ่อตัวดี

ให้ถูด้านหน้า ส่วนผมก็กดสบู่แล้วถูไปกับแผ่นหลังแน่นปั๋งของพี่เมฆ


               “ถ้าจับตูดกูมึงตายแน่”


               แหม กำลังจะทำเลยครับ


               อุตส่าห์มองไอ้สองลูกแน่นๆ กะว่าจะละเลงสบู่เสียหน่อยเสือกห้ามเสียก่อน ไม่งั้นไอ้มะตูมจะลองบีบเล่นว่าจะมันมือแค่ไหน


               “จะรีดไอ้จู๋อ๊ะป่าว ให้ผมช่วยก็ได้นะ”


               “เสือก!”


               นั่นล่ะฮะ ท่านผู้ชม

              ชอบข่าวมะตูมโดนด่า(ที่สุด)


               ผมทำปากขมุบขมิบแล้วใช้น้ำล้างสบู่ออกจนหมดก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดอย่างประชดประชัน แต่เมื่อเงยหน้ามองพี่เมฆ

อีกครั้งหัวใจก็เต้นตึกตักเมื่อเห็นเขาอมยิ้มน้อยๆ


               “เอ้า เสร็จแล้ว”


               “เดี๋ยว มะตูม”


               เสียงนุ่มไปไหมฮะ ผิดธรรมชาตินะครับคุณเมฆ


               “หยิบแว่นให้กูด้วย”


               พี่เมฆที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่างกับแว่นตาอันโตและเฝือกที่แขนขวาเป็นเครื่องประดับเดินออกไปจากห้องน้ำ เขาเปิดตู้

เสื้อผ้าคว้าชุดนอนยับๆมาใส่ก่อนจะทิ้งตัวลงไปบนเตียงแล้วหลับตาพริ้ม อาจเป็นเพราะฤทธิ์ของยาแก้ปวดที่กินไปก่อนหน้าทำให้พี่เมฆ

หลับลงไปอย่างง่ายดาย เมื่อเห็นว่าพี่เมฆหลับแล้วผมจึงเริ่มจัดการตัวเอง กินข้าว อาบน้ำ และล้มตัวลงนอนเคียงข้างเขา

               ผมตะแคงตัวนอนใช้มือหนุนหัวตัวเองเพื่อจะมองพี่เมฆ ใบหน้าถือดียามหลับสนิทลมหายใจสม่ำเสมอกลายเป็นใบหน้าของ

ผู้ชายที่ไร้พิษสง คิ้วเข้มย่นเข้าหากันนิดหน่อยคงจะเป็นเพราะปวดแขน ผมจึงขยับแขนขวาของเขาแล้วให้หมอนรองข้างใต้ให้มันสูงขึ้น

เปลือกตาของพี่เมฆขยับไปมาก่อนจะปรือตาอย่างง่วงงุน


               “ขอบใจนะมะตูม”


               เสียงนั้นแผ่วเบาราวกับเสียงละเมอจนผมต้องจ้องมองคนที่หลับอยู่ด้วยจิตใจลิงโลด อย่างน้อยในจิตใต้สำนึกของพี่เมฆอาจ

จะไม่ได้เกลียดผมมากเท่าที่ผมคิดก็ได้

               ผมจ้องมองใบหน้านั้นแล้วหลับตาลงด้วยความอิ่มเอม







               ภาพแปลกตาในเช้าวันรุ่งขึ้นคืออดีตเดือนคณะรัฐศาสตร์ที่ตอนนี้เป็นประธานชมรมเทควันโดนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์คันเก่งของ

ผมเข้ามาในมหาวิทยาลัย เพราะพี่เมฆไม่มีรถยนต์ขับก็เลยต้องให้ผมแว้นมาส่งที่คณะของเขาก่อนที่ผมจะไปเรียนที่คณะของผม แถม

สภาพที่หนุ่มสุดหล่อใส่แว่นสายตาปิดบังใบเสียครึ่งหน้าก็กลายเป็นที่โจษจันกันในหมู่สาวๆโลกโซเชียลทันที


               “เลิกเรียนกี่โมงก็โทรหาผมนะ จะได้มารับไปชมรม”


               “เหี้ย ข้าวใหม่ปลามันกันนะพวกมึง”


               พี่พลที่เดินมาหาเพราะห่วงเพื่อนเอ่ยปากแซว พี่เมฆหันไปแยกเขี้ยวใส่แล้ววิ่งไล่เตะตูดพี่พลทำให้ผมนึกขำ ความจริงถ้าพี่

เมฆไม่เก๊กเขาก็เหมือนคนธรรมดาที่จับต้องได้อย่างเราๆนี่เอง

               หมดกังวลเรื่องพี่เมฆแล้วผมก็ขี่มอเตอร์ไซค์ไปคณะวิดวะ ผมเห็นไอ้ว่านนั่งอยู่กับพี่ริวและพี่ฝนเจ้าแม่สาววายอยู่ที่โต๊ะหิน

อ่อนใต้ต้นไม้ผมจึงเดินเข้าไปรวมกลุ่ม


                “แหมๆๆๆ เดี๋ยวนี้เป็นสารถีให้หนุ่มหล่อนะมะตูม”


               พี่ฝนเอ่ยปากแซวทันทีที่ผมหย่อนตูดนั่ง เมื่อผมทำหน้าเหรอหราผู้หญิงคนเดียวของโต๊ะก็ชูรูปในมือถือให้ดูทันที


               “ก็พี่เมฆคณะรัฐศาสตร์นั่งซ้อนท้ายไอ้แก่ของแกมาไม่ใช่เหรอ”


               “รถพี่เมฆเข้าอู่ ผมเลยอาสารับส่งช่วงนี้น่ะ”


               ไม่อยากบอกว่าขนเสื้อผ้าข้าวของไปอยู่ด้วยกันที่หอแล้ว เดี๋ยวคนงามปากลำโพงจะเอาไปขยายความอีก นี่แค่เรื่องไอ้ว่านกับ

พี่ริวเป็นแฟนกันพี่ฝนก็ตั้งตัวเป็นผู้สื่อข่าวประจำกลุ่มชายได้ชายคือนิพพานแล้ว ไม่อยากจะคิดเรื่องตัวเองกับพี่เมฆเลยว่าถ้าหลุดไปถึงหู

พี่ฝนจะเนื้อเต้นแค่ไหน


               “มึงก็เก่งนะไอ้มะตูม” พี่ริวมองผมอย่างนับถือ


               “ทำให้ไอ้คุณชายอย่างไอ้เมฆมันลดตัวมาติดดินได้”


               คุณชายเหรอ เท่าที่เห็นแล้วก็จริงอย่างที่พี่ริวพูด เพราะไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้หรือเสื้อผ้าของพี่เมฆเห็นธรรมดาเสื้อกล้าม

กางเกงขาสั้นแบบนั้นของแบรนด์เนมทุกชิ้นนะครับ ผมงี้โคตรอายไอ้กางเกงสามตัวร้อยของผมจริงๆ


               “ทำไมไปเรียกเขาคุณชายล่ะพี่ริว นี่แอบด่าพี่เมฆอีกแล้วอะสิ”


               ไอ้ว่านถามได้ดี ผมเองก็สงสัยที่พี่ริวพูด


               “นี่ไม่ได้ด่ามัน พูดเรื่องจริงนะเนี่ย อ้าว ไม่รู้กันเหรอว่าไอ้เมฆน่ะมันคุณหนูของแท้ ตระกูลของมันเป็นตะกูลของเจ้าผู้ครอง

นครสมัยก่อนโน้น แล้วตอนนี้พ่อของมันก็มาเล่นการเมืองท้องถิ่นไงล่ะ บ้านไอ้เมฆรวยอย่างกับพระราชวัง ว่างๆก็ลองให้มันพาไปสิ ถ้า

มันยังอยากจะกลับบ้านอยู่น่ะนะ”





มีต่ออีกนิด....

หัวข้อ: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #ภาคน้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 4# [14/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 14-03-2016 23:18:57


ต่อกันตรงนี้...



                 มันเป็นความรู้อีกเรื่องที่ต้องจดจำเอาไว้ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมายกับเรื่องอดีตของพี่เมฆมากกว่าเรื่องที่เขาบาดเจ็บ

และเรื่องเทควันโด พอถึงตอนเย็นผมก็ขี่มอเตอร์ไซค์ไปรับพี่เมฆที่คณะเพื่อไปที่ชมรม และวันนี้เป็นวันแรกที่พี่เมฆกับพี่พลช่วยกัน

วางแผนเรื่องการฝึกซ้อมและการขุนน้ำหนักให้ผม ผมก็เลยเหนื่อยแทบตายเมื่อเจอตารางซ้อมมหาโหด

               จนกระทั่งซ้อมเสร็จและแวะกินข้าวกันแล้วผมกับพี่เมฆจึงกลับมาถึงหอในตอนค่ำ พอมาถึงหน้าหอพี่เมฆก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป

เมื่อเห็นรถยนต์หรูคันหนึ่งจอดอยู่ สีหน้าของพี่เมฆขรึมลงเมื่อก้าวไปยังรถยนต์คันนั้นที่มีผู้ชายวัยกลางคนใบหน้าคล้ายพี่เมฆรออยู่

               พี่เมฆยืนนิ่งเป็นฝ่ายรับฟัง ผมเดาจากรูปร่างหน้าตาก็น่าจะเป็นพ่อของพี่เมฆนั่นแหละ แม้จะไม่ได้ยินบทสนทนาแต่ผมมอง

ออกว่าพี่เมฆกดดันอยู่ไม่น้อยจากสีหน้าของเขาซึ่งผมก็ทำได้เพียงยืนลุ้นอย่างเป็นห่วง

               พักใหญ่กว่าพ่อของพี่เมฆจะก้าวขึ้นรถแล้วขับกลับไป พี่เมฆยืนซึมอยู่ที่เดิมจนผมต้องเดินเข้าไปหา


               “พี่เมฆ เป็นอะไรหรือเปล่า”


               ใบหน้าซึมกระทือหมดอาลัยตายอยากหันมามองผม พี่เมฆเม้มปากแน่นก่อนก้าวเดินนำขึ้นไปบนห้องพัก เขาทรุดตัวนั่งลงที่

ปลายเตียงแล้วทิ้งตัวลงไปนอนมองเพดานกรอกตาเป็นเลขแปดหัวคิ้วขมวดเข้าหากันจนหน้าย่น


               “พี่เมฆ หน้าย่นเป็นคนแก่เลยว่ะ”


               อยากจะถามว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ผมก็ยังรู้จักกาลเทศะว่าเป็นเรื่องในครอบครัวก็เลยไม่ได้เอ่ยปากถาม ทำได้แค่นั่งใกล้ๆแล้วยื่น

นิ้วโป้งกับนิ้วชี้ไปขยายรอยย่นตรงหัวคิ้ว


               “มะตูม” เสียงพี่เมฆดูเหนื่อยๆ เขาหันมาสบตากับผมก่อนจะหลับตาลง


               “มึงเคยรู้สึกกดดันมากๆกับคำว่าหวังดีของคนอื่นไหมวะ”


               ผมอึ้งกับคำถาม รู้สึกเหมือนเจอความกดดันถาโถมมาใส่พร้อมกับพี่เมฆ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วจึงดันตัวเองลุกขึ้นมา


               “เฮ้อ อย่าสนใจเลยวะ กูก็ถามอะไรมึงไปเรื่อยเปื่อย เหนียวตัวว่ะอยากอาบน้ำแล้ว”


               เขาคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ


               “มึงจะช่วยกูอาบน้ำหรือเปล่าไอ้เหี้ยมะตูม”


               ผมลุกขึ้นเดินตามแผ่นหลังนั้นไป อาการของพี่เมฆทำให้ผมนึกเป็นห่วง


               บางทีพี่เมฆอาจจะไม่ได้เข้มแข็งอย่างที่คนอื่นๆคิดก็ได้นะ



                                      TCB
 

              อ่านมาถึงตรงนี้ก็คงจะรู้จักพี่เมฆกันมากขึ้นแล้วเนอะ

               รักพี่เมฆกันเถอะน้า
                :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #ภาคน้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 4# [14/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 14-03-2016 23:46:50
 :hao6:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #ภาคน้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 4# [14/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 14-03-2016 23:58:55
มะตูมดูแลพี่เมฆอย่างดีเดี๋ยวพี่เมฆก็ใจอ่อน
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #ภาคน้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 4# [14/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-03-2016 03:08:54
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #ภาคน้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 4# [14/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 15-03-2016 05:23:12
มะตูมสู้ตายๆๆๆ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #ภาคน้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 4# [14/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 15-03-2016 20:07:57
 :hao6: อยากอยู่ด้วยตอนมะตูมช่วยพี่เมฆอาบน้ำ :hao6:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #ภาคน้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 4# [14/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 16-03-2016 11:19:35
สู้ๆนะ ทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน #ภาคน้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 4# [14/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 17-03-2016 00:33:36
มะตูมเข้าใกล้พี่เมฆอีกนิดละ
หัวข้อ: น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ #บทที่ 5# ทำไมพี่เมฆถึงทำกับผมได้ลงคอ [22/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 22-03-2016 18:39:59


                                                                 น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่

                                                                          บทที่ 5

                                                             ทำไมพี่เมฆถึงทำกับผมได้ลงคอ               


               “ไอ้เวรมะตูม มึงทำเหี้ยอะไรไว้”


               หลังจากที่ผมมาเกาะพี่เมฆอยู่ในหอพักสุดหรูเว่อร์วังอลังการได้อาทิตย์นึงความสัมพันธ์ของเราก็ดีขึ้นครับ (เหรอ)

               เมื่อได้อยู่ด้วยกันหลายๆวันผมก็เรียนรู้ว่าพี่เมฆเป็นคนมีระเบียบ ข้าวของต้องวางให้ตรงที่ พอมีผมมาอยู่ด้วยพี่เมฆก็กลายเป็น

ตาแก่ขี้บ่นและชอบลงมือลงไม้กับร่างกายของผมเป็นประจำเวลาที่ผมทิ้งโน่นทิ้งนี่กองไว้ นี่ไม่รู้ว่าลืมไปแล้วหรือเปล่าว่าผมน่ะเป็นผัว

               ส่วนผมน่ะต้องอยู่ในสายตาของพี่เมฆตลอดเวลา พี่เมฆควบคุมแกมบังคับให้ผมกินแต่โปรตีนและคาร์โบไฮเดรต แถมยังจัด

ตารางซ้อมให้ผมจนหืดขึ้นคอ ถึงแม้ว่าแขนจะหักแต่พี่เมฆก็ยังฝึกผมได้แถมยังให้ผมซ้อมสู้กับพวกพี่ๆที่เขาเล่นกันมานานอีกด้วย จน

ตอนนี้คนให้ชมรมล้อกันใหญ่ว่าผมกลายเป็นศิษย์คนโปรดของประธานชมรม แหม สมควรจะยืดไหมล่ะ นี่ถ้ารู้ว่าผมควบอีกตำแหน่งนึงน่ะ

นะ คนในชมรมยิ่งต้องกราบตีนผมแน่ๆ

               วันนี้ครบเจ็ดวันแล้วที่เกิดอุบัติเหตุ ตอนกลางวันผมพาพี่เมฆไปตัดไหมแผลที่ขมับตามนัด แผลเรียบร้อยดีครับ ต้องชมผมนะ

ที่คอยดูแลจนแผลไม่ติดเชื้อ นี่ถ้าพี่เมฆไม่ได้ผมนะแผลเน่าตายไปนานแล้ว เนี่ย ต้องสำนึกบุญคุณกันบ้าง ไม่ใช่ไม่พอใจก็ใช้แต่กำลัง

ไอ้ผมน่ะไม่อะไรหรอกที่ไม่ตอบโต้เพราะไม่อยากทำร้ายคนพิการแขนหัก ฮ่าๆๆๆ

             พอตกเย็นเราก็ไปชมรมเพื่อซ้อมเทควันโดตามปกติและกลับหอพี่เมฆหลังกินอาหารเย็นแล้ว ผมก็รีบชิงเข้าไปอาบน้ำก่อน

เพราะเหนียวตัวจากคราบเหงื่อตอนซ้อม หลังจากนั้นก็มานอนพังพาบเล่นเกมเศรษฐีอยู่บนเตียงรอให้คุณพ่อเมฆที่เข้าห้องน้ำต่อเรียกให้

ไปช่วยหากจำเป็น อันที่จริงพี่เมฆก็ปรับตัวกับไอ้เฝือกที่กลายเป็นเครื่องประดับแขนได้แล้ว ผมก็ควรจะกลับหอตัวเองแล้วปะ แต่ทำไม

ไม่รู้ที่ทำให้ผมเกิดไม่อยากจะกลับ การได้อยู่กวนตีนพี่เมฆกลายเป็นความคุ้นชินในชีวิตประจำวัน แต่พี่เมฆก็ยังไม่ได้ไล่ผมด้วย เพราะ

ฉะนั้น ผมไม่กลับ!

                  แต่ตอนนี้ ผมควรจะรับมือกับเสียงตะโกนที่ดังออกมาจากห้องน้ำก่อนน่ะนะ ไม่รู้จะเอะอะเอ็ดตะโรทำไม


                “อะไรอีกล่ะพี่เมฆ”


                ผมทำเสียงเหนื่อยหน่ายตอบกลับ แค่ชั่วอึดใจพี่เมฆก็วาร์ปจากในห้องน้ำมายืนปลายเตียงค้ำหัวผมอยู่ด้วยสภาพนุ่ง

ผ้าเช็ดตัวผืนเดียว


               “มึงทำเหี้ยอะไรไว้ที่ผนังห้องน้ำ”


               กระพริบตาปริบๆนึกว่าตัวเองทำเหี้ยอะไรไว้สิครับ เมื่อพอจะนึกออกก็ตีหน้าซื่อหัวเราะแหะๆออกมา


               “อ๋อออ ตะกี้เผลอปล่อยลูกๆออกมาชมโลกแรงไปหน่อยน่ะพี่”


              ก็ แหม ฮอร์โมนวัยพลุ่งพล่านนี่ครับ รีดแป๊บเดียวก็พุ่งออกมาจนลูกๆนับล้านตัวของผมรดอยู่กับผนังห้องน้ำแสนงดงาม แล้ว

ทีนี้ลืมเอาน้ำล้างออกไง


              “สัส”


              เน้นๆชัดถ้อยชัดคำ


              “แล้วทำไมมึงไม่ล้างออก ปล่อยเป็นคราบติดผนังแบบนั้น ใครจะล้าง”


             “พี่เมฆก็ล้างให้หน่อยไม่ได้ไง้ ตัวเองเป็นเมียนะก็ต้องดูแลผัวบ้าง นี่อะไร ให้ผัวทำให้ทุกอย่าง ซักผ้า ล้างจาน ขัดตูด อ๊ะ เหี้ย

พี่เมฆ ทำอะไร”


              ตกใจจริงๆเมื่อพี่เมฆทำหน้าถมึงทึงจนแว่นที่ใส่อยู่กระดิกริกๆอยู่บนดั้งจมูก พี่เมฆกระโจนขึ้นมาบนเตียงคร่อมอยู่บนตัวผม เขา

ใช้เฝือกปูนค้ำคอผมไว้จนดิ้นไม่หลุด


             “กูรำคาญปากมึงชิบหายไอ้มะตูม พูดมากปากพล่อยที่สุด กูพลาดให้มึงแค่ครั้งเดียวเพราะกูเมาแต่มึงเสือกเอามาเป็นเยาะเย้ย

จนกูทนไม่ไหว”


            “พะ พี่เมฆ ปล่อยผมก่อน หะ หายใจไม่ออก แคกๆ”


            พี่เมฆทับผมไว้ทั้งตัว เฝือกก็ค้ำอยู่ตรงคอจนหายใจไม่ออก แต่ตอนนี้เหมือนพี่เมฆจะโมโหจนหยุดไม่อยู่ไปแล้ว


           “กะแค่ผมว่าวใส่ผนังห้องน้ำ ไม่เห็นต้องโกรธขนาดนี้เลย”


             ไม่รู้ว่าที่ผมเข้าใจมันถูกต้องหรือเปล่า แต่แค่เรื่องนี้จะทำให้เขาฆ่าผมแล้วแล่เนื้อเป็นชิ้นยัดใส่ชักโครกหรือไม่ เราต้องติดตาม

กันต่อไปนะครับคุณผู้ชมครับ


            “เหี้ยเอ๊ย โง่จนกูจะเรียกว่าควายกูยังสงสารควาย แค่ว่าวใส่ผนังห้องน้ำเหรอ แค่ฮอร์โมนวัยพลุ่งพล่านเหรอ พลุ่งพล่านนักใช่

ไหม ได้ กูจะจัดให้มึงจนหายพลุ่งพล่านเลยไอ้เหี้ยมะตูม”


              กรี๊ดดด

             เหี้ยจริงๆแล้วไง!


            ไอ้ที่หายใจไม่ออกเพราะถูกเฝือกกดตรงคอตอนนี้ก็ยิ่งหายใจไม่ออกหนักเข้าไปอีกเมื่อพี่เมฆกดหน้าลงมาจูบปากของผม มัน

แรงจนเจ็บรอบปากไปหมดแต่ไอ้โหดก็ไม่ปรานีสักนิด ผมพยายามผลักพี่เมฆออกไปแต่เพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้เองว่าเขาแข็งแกร่งมากจากการ

ออกกำลังกายมานาน และชั้นเชิงของพี่เมฆมีมากกว่าที่ผมคิดไว้

               เขานอนทับแขนข้างหนึ่งของผม และกดน้ำหนักลงไปด้วยร่างกายของเขา มือของพี่เมฆอีกข้างก็ยึดมือของผมแน่นหนายิ่ง

กว่ากาวตราตุ๊กแก และพอผมพยายามจะใช้แขนข้างนั้น พี่เมฆก็จัดการดึงแขนของผมให้สอดเข้าไปที่เอวของผมเองและใช้น้ำหนักตัว

ผมเองนี่แหละกดทับลงไป กลายเป็นว่าตอนนี้ผมไม่มีทางต่อสู้ได้เลย และด้วยอากาศที่ใกล้จะหมดทำให้ผมผวาอ้าปาก ทันใดนั้นไอ้งู

ร้ายชื่อพี่เมฆก็ฉกลิ้นตามเข้ามาทันที

              พี่เมฆดึงแว่นสายตาแสนเกะกะของตัวเองแล้วเหวี่ยงทิ้ง ลิ้นของพี่เมฆตอนกวาดต้อนให้ผมจนมุมแม่งโคตรเชี่ยว และมันกำลัง

ทำให้ผมถึงกับเคลิ้มโดยไม่ได้ตั้งใจเมื่อเผลอตวัดลิ้นสู้ ช่วงล่างตอนนี้กำลังถูกโจมตีด้วยการทิ้งตัวกดทับให้ไอ้น้องชายถูกบดเบียดจาก

เอวของพี่เมฆ ทุกอย่างที่เขาทำอยู่ทำให้ผมสติกระเจิดกระเจิง


               “อื้อ อึก อี้เอ้ก อ่า อีบ แอง” (พี่เมฆอย่าบีบแรง ...คนแต่งแปลให้ หุหุ)


              สะดุ้งสุดตัวเมื่อไข่โดนบีบ พี่เมฆกำมันไว้ทั้งอุ้งมืออยู่นอกบอกเซอร์บางๆที่ผมใส่อยู่ เขาเค้นมือคลึงอยู่แป๊บนึงก็เลื่อนมาที่ไอ้

น้องชายสุดหล่อแล้วบี้หัวรบทันทีทันใด


              “อ๊างงงง”


             หมดฤทธิ์เหมือนปิดก๊อกเลยสิครับงานนี้ ผมได้แต่ระทดระทวยอย่างกับขี้ผึ้งถูกไฟลน ได้ยินเสียงพี่เมฆหัวเราะอยู่ในลำคอให้

เจ็บใจเล่นเมื่อเขายอมปล่อยปากของผมแต่ไม่ยอมปล่อยส่วนอื่น พี่เมฆงับลงไปที่ซอกคอจนผมผวา


              “พี่เมฆคร้าบ พี่เมฆจ๋า อย่าทำผมเลย”


              อ้อนวอนเสียงอ่อนระโหยโรยแรงเมื่อทำท่าว่าจะไม่รอดแน่แล้วงานนี้ พี่เมฆกดน้ำหนักลงไปที่หว่างขาของผมแล้วแหกขา

กางเกงบอกเซอร์ออกโดยที่ไม่รอถอดออกด้วยซ้ำ ส่วนพี่เมฆน่ะเหรอ ไอ้ผ้าเช็ดตัวผืนปะติ๋วนั่นมันหลุดออกไปนานแล้วครับ และไอ้ปลา

ช่อนปลาชะโดของพี่เมฆก็กำลังจ่ออยู่ที่ตูดของผม


             “เสียใจว่ะมะตูม”

       
             พี่เมฆตอบมาด้วยเสียงสั่นๆให้ผมร้าวราน


             “กูก็กำลังพลุ่งพล่านยิ่งกว่ามึงอีก ยอมกูเถอะนะมะตูม อย่าให้ถึงขั้นเสียเลือดเสียเนื้อกันเลย”


             พูดจบก็บีบน้องชายผมเสียอีกหนึ่งทีแต่คราวนี้ไม่ยอมผ่อนน้ำหนักมือแล้วครับ พี่เมฆดึงมือชักเย่อไอ้น้องชายผมอย่างเมามัน

จนผมถึงกับสูดปาก พี่เมฆใช้คางร่นขอบแขนที่เว้าโค้งของเสื้อยืดตราห่านที่ผมใส่อยู่จนเห็นร่องอกแล้วเขาก็งับหัวนมของผมเข้าไปทึ้ง

เล่น


                “เหี้ยเอ๊ย ไอ้พี่เมฆ กูยอมแล้วครับ มึงจะทำอะไรก็ทำเหอะ”


                ผมตะโกนลั่นอย่างร้าวรานที่ต้องตกเป็นเบี้ยล่างของชายโฉด ฮือๆ แต่คิดว่าจะทำให้พี่เมฆยอมอ่อนข้อให้เหรอครับ

                โนเวย์!


               “จ๊ากกก พี่เมฆ กูจะฆ่ามึงงง”


             สะดุ้งสุดตัวเมื่อปลาชะโดตัวใหญ่แทงทะลุเข้ามาให้ข้องน้อยของผม เจ็บจริงๆให้ดิ้นตาย ถึงขั้นน้ำตาไหลพรากของแท้ พี่เมฆ

ที่กำลังพยายามจะกดมันเข้าไปถึงกับหงุดหงิดงุ่นง่าน คราวนี้เขายอมมองหน้าของผมเสียที


            “อย่าเกร็งสิวะ กูอุตส่าห์ออมแรงแล้วเนี่ย”


             ออมเหี้ยอะไร ตูดกูกำลังจะฉีกอยู่แล้ว


             เขาโน้มใบหน้าลงมาแล้วจูบผมอย่างนุ่มนวลกว่าครั้งแรก เอวหยุดขยับเพื่อรอให้ผมปรับสภาพได้ และตอนนี้ผมก็กำลังเงยหน้า

รับจูบ พี่เมฆใช้มือข้างที่ใส่เฝือกช้อนเข้าใต้คอของผมให้จูบของเราบดเบียดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มืออีกข้างลูบคลำไปตามเนื้อตัว เดี๋ยวก็

เลื้อยเข้าไปในเสื้อกล้ามสีขาวตุ่นเดี๋ยวก็ลงไปบีบไอ้น้องชายของผมให้ยอมจำนน พี่เมฆกำลังทำให้ผมจนมุมถึงขึ้นหอบลึกและยินยอม

ให้เขากดเอวเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุด...


              “เหี้ย กว่าจะสุด”


               เขาสบถอยู่ในลำคอเมื่อดันส่วนกว้างที่สุดผ่านเข้ามาได้ แม้จะอยู่ในห้องแอร์เย็นฉ่ำแต่เหงื่อของพี่เมฆก็ชื้นเต็มแผ่นหลัง แต่

ผมรู้ได้ไงเหรอ อ้าว ชิบหายละ นี่ผมเผลอยกแขนกอดพี่เมฆตั้งแต่เมื่อไหร่?


            “พี่เมฆ เบาๆนะ”

     
             “เออ กูรู้แล้วน่า”


              ร้องขอชีวิตจนพี่เมฆชักจะสงสาร เขาขยับแยกขาของผมออกให้กว้างเพื่อรับท่วงท่าที่กำลังจะเริ่มต้น ผมนิ่วหน้าเมื่อมันถูกดึง

ออกมาเสียครึ่งค่อนแล้วกดคืนเข้ามาอย่างรวดเร็ว


             “อื้อ พี่เมฆ”


               กัดฟันรับเมื่อมันเสียดสีกันจนรู้สึกร้อนวูบวาบ ทั้งเจ็บทั้งเสียวจนไม่รู้ว่าจะครางหรือจะร้องไห้ดี พี่เมฆก้มหน้ามาจูบอีกครั้ง

พร้อมกับยกเอวของผมเพื่อรับกับความสั่นสะเทือนระดับเก้าจุดแปดริกเตอร์ ตอนนี้แหละครับที่สึนามิถาโถมจนผมเริ่มจะต้องขยับสวนไป

บ้าง


                “เหี้ย ไอ้มะตูม เสียวชิบ”


               ตับ ตับ ตับ แชะ แชะ แชะ

               นี่ผมกับพี่เมฆไม่ถูกกันอยู่ไม่ใช่หรือไงวะ

              แต่ทำไมตอนนี้เราทั้งสองคนถึงได้เข้ากันได้ดีเหลือหลายเมื่อความเจ็บปวดหายไปทิ้งไว้แต่ความต้องการที่จะไปให้ถึงเป้า

หมาย พี่เมฆแม่งก็พุ่งชนไม่ยอมหยุดในขณะที่ผมเองก็ไม่ยอมนอนนิ่งเฉย ผมกอดก่ายพี่เมฆเป็นลูกลิงเมื่อร่างกายกำลังจะแตก


             “อ้างงง พี่เมฆ มันโคตรๆ ขอตรงนั้นแจ่มๆเลยพี่”


               ผมปรือตาขมวดคิ้วจือปากด้วยความเสียว พี่เมฆเห็นดังนั้นก็ซอยเอวไม่ยั้ง แข็งแกร่งเกินไปแล้วครับไอ้พี่เมฆ


              “ไอ้มะตูม กูจะทำให้มึงรู้ว่าสวรรค์มีจริงโว้ย”


                ตะโกนใส่หน้าส่งเสียงดังลั่นห้องก่อนจะกระซวกเข้ามาจนผมหน้ามืด น้ำคาวทะลักออกมาทันทีแม้ว่าจะเพิ่งรีดตัวเองออกไป

ในห้องน้ำก่อนหน้าถูกปล้ำ เมื่อพี่เมฆเห็นผมตาลอยคว้างเขาก็หัวเราะอย่างย่ามใจ เขาถือโอกาสตอนผมยังมึนจับผมกพลิกคว่ำทันที


              “หะ เหี้ยอะไรอีกวะ พี่เมฆ”


             ผมอุทานอย่างตกใจ พี่เมฆก้มหน้าลงมากระซิบข้างหู


            “กูยังไม่หายพลุ่งพล่านเลย ขออีกยกนะโว้ย มะตูม”


             สายตาสั้นสี่ร้อยแต่ไอ้เรื่องลูบๆคลำๆทำไมมันโดนจังวะ หรือเพราะกิจกรรมเข้าจังหวะมันไม่ต้องอาศัยสายตา พี่เมฆดึงให้ก้น

ผมลอยสูงแล้วเขาก็จัดการผมต่อ ขนาดว่าแตกไปแล้วเขาก็เสือกปลุกผมได้อีกรอบ


             “โอย พี่เมฆ สุดๆ”


               ครางอยู่กับหมอนที่ซุกหน้าลงไปเมื่อบั้นท้ายถูกโจมตีขนานใหญ่ พี่เมฆสอดมือมาปลุกปั่นไอ้น้องชายของผมให้สู้มือจนมัน

แตกอีกครั้ง คราวนี้เขาจึงกระแทกมาไม่มียั้งก่อนที่ผมจะอุ่นวาบอยู่ในช่องทางเมื่อพี่เมฆดึงออกมาไม่ทัน ได้ยินเสียงคำรามต่ำดังแว่วมา

แต่ตอนนี้ผมหมดแรงทุกสิ่งอย่างแล้วแม้แต่ตอนที่พี่เมฆดึงปลาชะโดออกมาจนน้ำหกเรี่ยราด

               ผมคว่ำหน้าอยู่กับหมอน รู้สึกถึงแรงยวบด้านข้างเมื่อพี่เมฆทิ้งตัวลงมานอนเคียงข้าง เขาคว้าแว่นสายตาที่เหวี่ยงทิ้งอยู่บน

เตียงขึ้นมาใส่จนกลายเป็นเด็กเนิร์ดอีกครั้ง

              เนิร์ดเหี้ยอะไร ตะกี้ล่อกูโครมๆ!

                ผมตวัดสายตาด่าเพราะไม่มีแรงจะพูดอะไรอีกแล้วนอกจากหอบหนักๆพี่เมฆมองหน้า สบตา แม่ง อย่ามาทำตาพราวใส่กูครับ

กูไม่ถูกกับมึง


               “มะตูม”


               อย่ามา...

              ทำกระแดะจับคางกูเล่นทำไมครับ


               “ถ้ารู้ว่าเอามึงแล้วมันแซบแบบนี้ กูคงไม่ปล่อยมึงไว้เป็นอาทิตย์หรอก”


                กวนตีน


               ผมยกเท้าขึ้นมาหวังจะถีบไอ้คนที่กำลังดึงผมไปกอด แต่พอยกเท้ามารูก็ระบมทันที


              “โอ๊ย!”


                เจ็บจี๊ดถึงใจ ไอ้ที่เคยล้อเลียนไอ้ว่านไว้ตอนที่มันตกเป็นของพี่ริวใหม่ๆกลับมาตกเป็นของผมแล้วทีนี้ ผมใช้มือคลำตูดตัวเอง

อย่างเจ็บใจ

                 แล้วตอนเช้ากูจะขี้ยังไงวะ


                 “ทำไมพี่ถึงทำผมได้ลงคอ พี่เมฆ พี่เกลียดขี้หน้าผมมากนักหรือไง”


                  ประท้วงพลางผลักแม่งออกจากตัว ไม่ต้องมายุ่งกับกูเลยครับ แต่ยิ่งผลักไอ้พี่เมฆแม่งก็ยังเฉยแถมยังยิ้มอย่างที่ผมไม่เคย

เห็นมาก่อน


                  “เฮ้อ มะตูม มึงนี่ก็นะ คนเกลียดกันเขาเอากันขนาดนี้เลยหรือวะ”


                  แล้วไงอะ พูดแบบนี้หมายความว่าไง


                “บางทีกูก็นึกว่ามึงโง่ แล้วมึงก็โง่จริงๆนั่นแหละ”


                อ้าวยิ่งพูดกูยิ่งโง่มั้งเนี่ย


                 “ไปอาบน้ำดีกว่า เหนียวตัวจัง”


                พี่เมฆยิ้มพราวให้ผม แถมยังหยิกแก้มผมอีก ไปไป๊ จะไปไหนก็ไป


               “ผัวไปอาบน้ำก่อน และจะมาช่วยเมียอาบน้ำนะเมียนะ ฮ่าๆๆ”


               ไปแล้วครับ เดินอวดปลาชะโดเข้าห้องน้ำไปแล้ว ทิ้งผมให้พลิกกลับมานอนหงายตามองเพดาน

               ตกลงกูจะเป็นผัวหรือกูจะเป็นเมีย

               คิดแล้วกลุ้ม

              ผมคว้าหมอนมาปิดหน้าเพราะไม่อยากจะคิดอะไรอีกแล้ว พี่เมฆนะพี่เมฆ ทำผมลงคอได้ไงวะ ฮึ่ยยย
   
                     TBC


สมน้ำหน้าอีมะตูม

ชอบแหย่เสือ วะ ฮ่ะ ฮ่า

 :laugh: :laugh: :laugh:

โปรโมทนิยายใหม่จ้า

แนวเทพอียิปต์นะ ใครสนใจอ่านกันได้เลย
     
อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52544.0)

           
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่งฯ#น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่5#ทำไมพี่เมฆถึงทำกับผมได้ลงคอ22/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 22-03-2016 19:20:11
 :oo1:   มะตูมจ๋าแบบไหนถึงใจกว่าล่ะจ๊ะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่งฯ#น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่5#ทำไมพี่เมฆถึงทำกับผมได้ลงคอ22/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 22-03-2016 20:49:00
อ้าวววว มะตูม
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่งฯ#น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่5#ทำไมพี่เมฆถึงทำกับผมได้ลงคอ22/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-03-2016 20:57:58
5555 พี่เมฆ้อาจนได้ อิอิ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่งฯ#น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่5#ทำไมพี่เมฆถึงทำกับผมได้ลงคอ22/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 22-03-2016 21:35:24
555555 กวนเขาไว้เยอะ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่งฯ#น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่5#ทำไมพี่เมฆถึงทำกับผมได้ลงคอ22/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 22-03-2016 21:45:58
 :a5: ไหงมะตูมโดนพี่เมฆเสียบซะงั้น
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่งฯ#น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่5#ทำไมพี่เมฆถึงทำกับผมได้ลงคอ22/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 22-03-2016 21:52:32
แง้ สงสารเมฆ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่งฯ#น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่5#ทำไมพี่เมฆถึงทำกับผมได้ลงคอ22/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: jillongame ที่ 22-03-2016 23:31:04
 o18 เหอะ สะใจอีช้อยนัก เหอะๆ อืมพลัดกันหนุกดีน่าอิอิ หรือจะกลายเป็นแบบนี้ตลอดไปดีน่า แต่ท่าทางพี่เค้าจะรุกเก่งนะอิอิ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่งฯ#น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่5#ทำไมพี่เมฆถึงทำกับผมได้ลงคอ22/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 23-03-2016 00:11:14
คดีพลิก!!!

หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่งฯ#น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่5#ทำไมพี่เมฆถึงทำกับผมได้ลงคอ22/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-03-2016 00:13:52
 :hao6:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่งฯ#น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่5#ทำไมพี่เมฆถึงทำกับผมได้ลงคอ22/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 23-03-2016 10:31:58
โอ้ยย มะตูมเอ๊ยยย
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่งฯ#น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่5#ทำไมพี่เมฆถึงทำกับผมได้ลงคอ22/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 23-03-2016 11:13:09
เสมอกันแล้ว...
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่งฯ#น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่5#ทำไมพี่เมฆถึงทำกับผมได้ลงคอ22/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 23-03-2016 12:22:15
อย่างนี้ต้องผลัดกันรบ ;))))
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่งฯ#น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่5#ทำไมพี่เมฆถึงทำกับผมได้ลงคอ22/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 23-03-2016 14:21:33
แน่ใจนะมะตูมว่าไม่ได้สมยอม
หัวข้อ: น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่6 #คนไม่ถูกกันเขาทำกันแบบนี้เหรอ# 28/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 28-03-2016 23:02:36


                                                         น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่

                                                                    บทที่ 5

                                                     คนไม่ถูกกันเขาทำกันแบบนี้เหรอ               


               เดินผิวปากหวือนัยน์ตาใสวิ้งออกมาจากห้องน้ำเลยนะครับ ไอ้เหี้ยพี่เมฆ

               ผมขมุบขมิบปากแอบด่าเมื่อร่างสูงของพี่เมฆเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าเช็ดตัวผืนเดิมที่เกาะเกี่ยวหมิ่นเหม่ อยู่ตรง

เอว แว่นตาอันโตเปียกหยดน้ำอยู่นิดหน่อยตอนที่เขามองมาทางผมอย่างเวทนา ใช่สิ กูยังลุกไม่ขึ้นเลยครับ


               “ไหวไหมวะมะตูม”


               ถามหาพ่องงง


               “กูช่วยดีกว่า”


               พี่เมฆเดินมาที่เตียง เขาดึงแขนให้ผมลุกนั่ง ผมงี้หน้าเหยเกยิ่งกว่าตอนเริ่มซ้อมเทควันโด้ใหม่ๆเสียอีก


               “ไม่ต้อง ผมไหวน่าอย่ามาดูถูก จ๊าก ตูดกู”


               พอลุกนั่งเท่านั้นแหละความเจ็บระบมก็มาเยือนทันที พี่เมฆที่เท้าเอวมองอย่างระอาในความดื้อของผมหลุดยิ้มออกมาเมื่อเห็น

สภาพย่ำแย่


               “แค่นั่งยังไม่ไหว มานี่ ขี่โก่งกูไปล้างในห้องน้ำ”


               ว่าแล้วคนหยิ่งผยองอย่างพี่ก็เมฆกลับหันหลังย่อตัวให้ผม ไอ้ผมก็อึ้งสิครับเมื่อเจอมุกนี้ ใครจะนึกว่าในชีวิตจะมีโอกาสได้ทำ

เช่นนี้กับคุณชายในตระกูลเจ้าอย่างพี่เมฆ ผมจะเก็บเรื่องนี้ไปเล่าให้เป็นเกียรติเป็นศรีแก่วงศ์ตระกูลแน่ๆ

               พี่เมฆให้ผมขี่หลังเข้าไปในห้องน้ำแล้ววางผมลงที่ชักโครก เขาทำท่าคว้าสายยางจะมาชำระล้างคราบคาวและคราบเลือดที่

กรังอยู่ให้ผม ผมรีบหยุดมือนั้นไว้ด้วยความละอาย


               “พี่เมฆ ให้ผมทำเองดีกว่า”


               พี่เมฆเงยหน้ามาสบตา ดวงตาที่มองผ่านเลนส์แว่นทอแสงอบอุ่นเป็นครั้งแรกที่ผมเคยเห็น มันทำให้ผมตะลึงจนไม่อยากละ

สายตา


               “กูล้างให้มึงเอง ไอ้ที่มึงเป็นงี้ก็เพราะฝีมือกูนี่หว่า แล้วกูจะได้ตอบแทนมึงด้วยที่มึงมาช่วยกูตอนที่กูเจ็บ”


               แมนไปแล้วม้างพี่เมฆ


               ก็เพราะมัวแต่ตะลึงนั่นแหละพี่เมฆจัดแจงล้างตัวให้ผมจนสะอาดเอี่ยมอีกรอบ จากนั้นเขาก็ให้ผมขี่หลังกลับมาที่เตียงแล้วใส่

บอกเซอร์กับเสื้อกล้ามคืนให้ ผมที่ยังปรับสภาพไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้แต่นอนกรอกตาแล้วพูดในสิ่งที่คิด


               “พรุ่งนี้ผมจะกลับไปนอนหอผม”


               พี่เมฆที่ใส่ชุดนอนยืนหวีผมอยู่หน้ากระจกชะงักมือทันที เขาหันขวับมามองด้วยตาดุ


               “ทำไมต้องกลับไปหอมึงด้วย”


               ดุกูทำเหี้ยอะไรครับ ก็พี่ปล้ำผมนะโว้ย


               “เราไม่ถูกกันไม่ใช่หรือไง พี่ไม่ชอบหน้าผมที่ผมมาวุ่นวายกวนใจพี่ ผมก็จะกลับแล้วพี่ควรจะดีใจสิ”


               พี่เมฆเหวี่ยงหวีไว้ที่โต๊ะกระจกแล้วก้าวอาดๆมาที่เตียง เขาล้มตัวลงนอนและดึงให้ผมตะแคงตัวมาเผชิญหน้ากับเขา เรา

สบตากันพักหนึ่งก่อนที่พี่เมฆจะยิ้มขำ

               ขำพ่องงง กูไม่ใช่เท่งเถิดเทิงนะไม่ต้องขำเลยครับ


               “มึงแหยงกูใช่ไหมไอ้มะตูมที่กูฟันมึงตะกี้แทนที่มึงจะได้ฟันกูอย่างที่มึงวางแผนมาเกาะกูอยู่ที่นี่”


               ฉึก!

               แทงใจดำ

               พี่เมฆหลุดหัวเราะเป็นครั้งแรก วันนี้มันเป็นวันอะไรวะ ครั้งแรกตลอด พูดดีกับกูครั้งแรก ยิ้มให้กูครั้งแรก หัวเราะครั้งแรก แถม

กูยังเสียซิงครั้งแรกอีกต่างหาก


               “ถ้ากูไม่ให้มึงกลับไปล่ะ”


               ถ้าไม่รักอย่ารั้ง อย่าให้ความหวังด้วยการหักหลังตอบแทนใจ เอ้า...ซู้ดด...เพลงมา


               “แล้วทำไมผมจะกลับไม่ได้ล่ะ พี่ก็น่าจะดีใจสิที่ไม่ต้องมีใครอยู่กวนตีนพี่อีกแล้ว”


               เฮ้ย นี่ผมกำลังตัดพ้อเขาอยู่ใช่ไหมเนี่ย เกิดอะไรขึ้นฮะท่านผู้ชม


               พี่เมฆนิ่งมอง มือที่ไม่ได้ใส่เฝือกเอื้อมมาวางอยู่ตรงหลังเอวของผม รู้สึกอบอุ่นแปลกๆแฮะ


               “อย่าลืมว่ามึงต้องอยู่ในสายตาของกูจนกว่าจะไปแข่งชิงแชมป์ประเทศไทย และที่สำคัญ กูว่าการที่มีมึงอยู่กวนตีนกูแบบนี้

ทำให้กูหายเหงาดีนะ เพราะฉะนั้นกูไม่ให้มึงไป”


               คิ้วเข้มของเขาเลิกขึ้นแบบเท่ๆ แถมน้ำเสียงยังนุ่มเกินกว่าที่ผมจะคัดค้านได้อีก และเมื่อใบหน้าของเราใกล้ชิดกันหัวใจของ

ผมแม่งก็เสือกรัวซะเร็วเลย ห่านจิก!


               “งั้นมาทำข้อตกกลงกันใหม่ ถ้าพี่จะให้ผมอยู่กับพี่ ห้ามพี่แม่งจับผมกดอีก พี่ก็รู้ว่าการที่ผมตูดแหกบ่อยๆมันมีผลต่อการซ้อม

นะพี่ และถ้าผมซ้อมไม่ได้บ่อยๆผมจะชนะได้ไง”


               เขามองจนผมชักเขิน นี่กำลังสงสัยว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่ถึงได้หน้าร้อนวูบๆชอบกล ยิ่งเวลาพี่เมฆค่อยๆคลี่ยิ้มพร้อมกับ

ดวงตาวาววับนั่นอีก ผมชักไม่กล้าสบตาด้วยแล้วนะ


               “ก็ได้ กูสัญญา”


               แถมยังยื่นนิ้วก้อยขึ้นมา ทำอย่างกับผมเป็นเด็กน้อย โถ่ ไอ้พี่เมฆ

               แล้วกูยกมือไปเกี่ยวก้อยด้วยทำไมวะเนี่ย


                “ใครผิดสัญญาเป็นลูกหมาด้วย”


               ผมสะบัดมือหนีแล้วพลิกตัวหันหลังให้เขาพร้อมกับหลับตาลง ได้ยินเสียงพี่เมฆเดินไปปิดไฟจนห้องมืดมิดและแรงยวบของ

ที่นอนเมื่อเขากลับมาทิ้งตัวนอนเคียงข้างอย่างเช่นทุกคืนที่ผมมาอาศัยพี่เมฆอยู่ แต่คืนนี้มันมีอะไรที่พิเศษกว่านั้นเมื่อมีวงแขนหนาสอด

มาที่เอวและรั้งให้ผมเข้าไปอยู่ใกล้จนชิดกับแผงอกหนาของพี่เมฆ

               ไม่กล้าเขยิบออกห่างเพราะมันไม่ได้จาบจ้วงแต่กลับทำให้ผมต้องแอบยิ้มอยู่ในความมืด และความอ่อนเพลียที่ผ่านศึกหนัก

ทำให้ผมเคลิ้มหลับอย่างรวดเร็ว

               รู้สึกถึงสัมผัสเบาๆที่แก้มตอนครึ่งหลับครึ่งตื่นพร้อมเสียงกระซิบข้างๆหูก่อนที่สติของผมจะปิดลงในคืนนี้


               “หลับซะ ไอ้ตัวกวนตีนของกู”
               





               ร้าวระบมไปจนถึงตอนเช้าสิครับ คือมันเดินได้แต่ก็เสียวก้นกบโดยเฉพาะเวลาที่ซ้อนมอเตอร์ไซค์ที่วันนี้พี่เมฆกลายเป็นคนขี่

มาส่งผมที่ตึกเรียนรวม ผมเดินกระย่องกระแย่งเข้าไปในห้องเรียนที่ไอ้ว่านนั่งอยู่ก่อนแล้ว เมื่อผมทรุดตัวลงนั่งข้างมันพร้อมกับท่าทาง

แปลกๆ ไอ้เพื่อนเหี้ยจ้องมองผมด้วยสายตาของผู้อาบน้ำร้อนมาก่อนอย่างโชกโชน


               “ว่าไงเพื่อนมะตูม”


               กูละเกลียดสายตารู้ทันของมึงซะจริง ไอ้เพื่อนสารเลว


               “โดนฉมวกแทงตูดมาเหรอ”


               เหี้ย!


               “จะสารภาพเลยไหม หรือจะให้กูต้องตั้งคำถามกับจำเลยก่อน”


               “สัสว่าน มึง เออ ชิบหายนี่อย่าย้ำให้กูเจ็บกว่านี้จะได้ไหม”


               ไอ้เหี้ยว่านทำตาโตยกมือปิดปากหัวเราะคิกๆ เห็นแล้วอยากจะยกตีนถีบจริงๆถ้าไม่ติดว่าตูดระบมอยู่


               “เฮ้ย มันยังไงวะ ก็ตอนแรกมึงไปปล้ำเขาเพราะเมาแล้วมึงก็วางแผนจะไปปราบเขาให้ได้ไม่ใช่เหรอ แล้วนี่ยังไง ทำไมกลับ

ไปเสียท่าพี่เมฆได้ล่ะ สมน้ำหน้าว่ะ ฮ่าๆๆ”


               ผมยกมือผลักหน้าไอ้ว่านอย่างหมั่นไส้


               “อย่าตอกย้ำให้มาก คนอย่างไอ้มะตูมนะโว้ยเสียท่าก็ยอมรับว่าเสียท่า ก็แม่งพอไม่เมาไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหน กูแค่แม่ง

เผลอว่าวใส่ผนังห้องน้ำหน่อยเดียว มึงคิดดูสิเหี้ยว่าน โทษทัณฑ์ที่ได้รับมันถึงขนาดนี้เลยเหรอวะ ฮะ มึงตอบกูซิ”


               ผมดราม่าใส่ไอ้ว่านที่ยังนั่งขำกับการสูญเสียพรมจรรย์ของเพื่อนสนิทอย่างผมไม่เลิก ไอ้ว่านกลั้นหัวเราะพยักหน้าหงึกหงัก


               “สมควรแล้วมึง กูว่าพี่เมฆเขาทนมึงมานานแล้วไง มึงรู้จักฟางเส้นสุดท้ายปะ พอมันระเบิดตู้มมึงก็กลายเป็นโกโก้ครันซ์ สะใจ

โว้ย”


               ผมได้แต่แอบด่ามันเพราะอาจารย์เดินเข้ามาในห้อง เลยต้องนั่งเงียบตั้งใจฟังสอนจนกระทั่งเรียนจบคาบ ไอ้ว่านแม่งรู้ทันพอ

อาจารย์ปล่อยปุ๊บมันก็รีบวิ่งหนีผมออกไปจากห้อง ส่วนผมก็มัวแต่ก้าวเดินอย่างขัดๆตามไปเจอมันหยุดยืนคุยกับพี่เมฆอยู่ที่หน้าตึกเรียน


               “เพิ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้เพื่อนผมมีสารถีกิตติมศักดิ์”


               กูเกลียดมึง ไอ้เหี้ยว่าน


               “ก็ช่วยกันครับว่าน มะตูมช่วยพี่ พี่ก็ช่วยมะตูม”


               แหม ไอ้...กูไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาอธิบายจริงๆ พออยู่ต่อหน้าคนอื่นนี่แม่งเก๊กหล่ออมยิ้มน้อยๆโปรยเสน่ห์ อยู่กับกูนี่ด่ากูทุก

คำ


               “อ๋อ ครับพี่เมฆ อาศัยอยู่ด้วยกันก็แบบนี้แหละครับ ก็ต้องให้ความอบอุ่นกันด้วยเนอะ หุหุ”


               “เหี้ยว่าน จะไปไหนก็ไปไป๊”


               “เดี๋ยวนี้ไล่เพื่อนนะครับมะตูม นี่พอคุณมีคนขี่มอไซค์ให้คุณถีบหัวเพื่อนส่งแบบนี้ใช่ไหมครับ”


               ไอ้ว่านกวนตีนทำหน้าทะเล้นใส่ ผมง้างตีนใส่มันอย่างหมดความอดทน แต่มันหัวเราะร่าวิ่งหนีผมไปอย่างรวดเร็วปล่อยให้ผม

ง้างเท้าค้างจนกระดูกสะโพกลั่นกร๊อบ


               “โอ๊ย!”


               “เป็นไรมึง”


               พ่อคนดีคว้าแขนผมไว้ อีตอนนี้ผมชักหน้าเจื่อนเมื่อตกเป็นเป้าสายตาของสาวๆที่เดินผ่านไปมา เพราะไอ้เรื่องที่ผมไปไหนมา

ไหนกับพี่เมฆมาตลอดสัปดาห์กลายเป็นที่พูดถึงในวงการโซเชียลของมหาวิทยาลัยอยู่ไม่น้อย


               “ปล่อยน่าพี่เมฆ อายคนอื่นเขามั่งดิ”


               “อ๋อ เดี๋ยวนี้หน้าบาง”


               ค่อนขอดกูอีก


               “เดี๋ยวกูจับจูบแม่งหน้าตึกเรียนรวมซะดีไหม”


               ไอ้...

               สรุปคือได้แต่ส่ายหน้าแล้วเดินหนีสิครับ พ่อคุณชายหัวเราะเบาๆแล้วเดินตาม ไอ้พี่เมฆพอถึงบทเอาจริงขึ้นมาผมนี่ถึงกับยอม

แพ้เลยสิครับ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมซ้อนมอเตอร์ไซค์ตัวเองไปกับพี่เมฆจนได้






               มีต่ออีกนิด...

หัวข้อ: น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่6 #คนไม่ถูกกันเขาทำกันแบบนี้เหรอ# 28/3/59
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 28-03-2016 23:09:40


ต่อกันตรงนี้...




               ความสัมพันธ์ของผมกับพี่เมฆก็ยังลุ่มๆดอนๆมาเรื่อยๆจนเวลาผ่านไปเดือนนึง พี่เมฆไปที่โรงพยาบาลตัดเฝือกออกเป็นที่

เรียบร้อย ผลการตรวจกระดูกติดดีไม่ต้องผ่าตัดซ้ำ พี่เมฆถึงกับถอนหายใจโล่งอกกับความเบาสบายของแขนหลังจากที่ต้องยกเฝือก

หนักๆมาตลอดเดือน

               พี่พลเพื่อนสนิทพี่เมฆเป็นอีกคนที่รู้เรื่องของเราหลังจากวันที่ผมโดนพี่เมฆจับปล้ำไปไม่นานนัก ท่าทางพี่พลไม่แปลกใจเท่า

ไหร่ที่รู้เรื่องนี้


               “ขอให้ถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร อ้าว ไม่ใช่เหรอ”


               พี่พลขำกลิ้งในวันที่ถามพี่เมฆแล้วเขายักคิ้วแทนคำตอบว่าเผด็จศึกผมไปแล้ว


               “กูคิดไว้แล้วโว้ยว่ายังไงผลมันก็ต้องออกมาอีแบบนี้ ไหนๆก็ไหนๆไง มึงก็คอยดูแลเพื่อนของกูต่อไปเหอะไอ้มะตูม”


               ฝากฝังเรียบร้อยเลยฮะ ถามกูหรือยังว่าสมยอมหรือเปล่า


               แต่ว่านะ พี่เมฆแกก็รักษาสัญญาดีอยู่หรอก เมื่อตลอดเดือนที่ผ่านมาเขาก็ไม่ได้จับผมกดให้ช้ำตูดเล่นอีก ก็อย่างที่บอกว่าพี่

เมฆจริงจังเรื่องการแข่งขันมาก เขาทุ่มเทสอนและเป็นคู่ซ้อมให้ผมจนผมเองก็เริ่มจะนับถือใบหน้ายามเอาจริงของเขา ใกล้ถึงวันแข่งน้ำ

หนักของผมขึ้นมาสองกิโลกว่าพร้อมกล้ามเนื้อฟิตแอนด์เฟิร์มพอดีกับรุ่นของพี่เมฆที่ให้ผมแข่ง แถมยังได้ความสูงมาอีก ตอนนี้ผมว่าผม

จะสูงพอกับพี่เมฆแล้วนะ

               มาถึงตอนนี้เหลืออีกแค่อาทิตย์เดียวสำหรับเวลาเตรียมตัว หลังจากนั้นผมและคนในชมรมที่สมัครแข่งขันไว้ก็ต้องเดินทางไป

ที่กรุงเทพแล้ว พวกเราซ้อมกันหนักโดยมีพี่เมฆเป็นคนคุม ผมนี่กลับถึงหอเว่อวังอลังการดาวล้านดวงก็สลบเป็นตายทุกวัน

               รถยนต์ของพี่เมฆซ่อมเสร็จแล้ว ช่วงนี้ผมเลยได้โอกาสชูคออยู่ในรถของพี่เมฆกลับหอในตอนเย็น วันนี้ก็เช่นกันเมื่อเรากินมื้อ

เย็นกันเสร็จพี่เมฆก็ขับรถกลับมาที่หอ แต่วันนี้มันมีความไม่ปกติเกิดขึ้นเมื่อมีรถยนต์ที่ผมคลับคล้ายคลับคลาแต่จำไม่ได้ว่าเคยเห็นตอน

ไหนจอดอยู่ที่ลานจอดรถ พอพี่เมฆมองเห็นสีหน้าของเขาก็บึ้งตึงทันทีเมื่อก้าวลงจากรถ

               จำได้แล้ว รถพ่อพี่เมฆนั่นเอง ชายวัยกลางคนที่ยืนพิงรถสูบบุหรี่หน้าเคร่งนั้นจ้องมองพี่เมฆที่ก้าวตรงไปหา ส่วนผมที่เพิ่งจะ

ลงจากรถเตรียมหลบฉากเมื่อเห็นสีหน้าบึ้งตึงของพ่อพี่เมฆที่หันขวับมามองผม


                “มะตูมจะไปไหน”


               “เอ่อ ให้ผมกลับห้องก่อนก็ได้ครับ”


               เรียบร้อยขึ้นมาสิครับกู บรรยากาศมาคุจนผมยืนตัวลีบอยู่ระหว่างเสือกับสิงห์ที่หน้าคล้ายกันอย่างกับแกะ แล้วตกลงจะเป็น

แกะหรือเสือหรือสิงห์วะ


               “ไม่ต้องไป อยู่นี่แหละ”


               เสียงดุของพี่เมฆหยุดเท้าของผมไว้ได้ พ่อพี่เมฆยิ่งมองตาเขียวหนักกว่าเดิมอีกครับตอนนี้


               “เมฆ เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวเหลวไหลเสียชื่อเสียง”


               พ่อพี่เมฆเปิดฉากเสียงเข้ม พี่เมฆยืนกัดฟันฟังพ่อตัวเองต่อว่าด้วยความอดทน


               “ไอ้เรื่องชอบผู้ชายด้วยกัน พ่อคิดว่าเมฆจะเลิกเมื่อเมฆโตขึ้น แต่นี่เมฆก็ยังทำตัวเหมือนเดิมอีก รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่นว่า

ในตระกูลเรามีคนเป็นเกย์”


               โหย พ่อครับ แรงเว่อร์


               สงสารพี่เมฆขึ้นมาจับใจเมื่อเห็นเขากัดกรามจนขึ้นเปนแนว


               “แล้วไอ้เรื่องเทควันโดบ้าบอนี่อีก มันทำให้ผลการเรียนเสียลงเพราะมัวแต่เอาเวลาไปทุ่มเทให้มันเกินไป แล้วเห็นหรือเปล่า

ว่าผลเป็นไง เกียรตินิยมอันดับสองยังทำไม่ได้เลย รู้หรือเปล่าว่าพ่อขายหน้าคนอื่นเขาแค่ไหน”


               เกินไปแล้วนะครับ


               พี่เมฆก้มหน้ากัดฟัน ดวงตาแดงก่ำ แถมมือยังกำแน่นเพราะไม่อยากตอบโต้คนเป็นพ่อทำให้ผมหมดความอดทน ผมใช้ตัว

เข้าไปขวางระหว่างเขากับพ่อ


               “ขอโทษนะครับคุณลุง ผมว่าคุณลุงกำลังทำร้ายลูกของคุณลุงเองนะครับ”


               “มึงอย่าเสือกเรื่องของคนในครอบครัว”


               พ่อพี่เมฆชี้หน้าด่าผม


               “มึงรู้ไหมว่ากูเป็นใครไอ้เด็กกระจอก”


               “คุณลุงยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครแล้วผมจะรู้ได้ไงล่ะครับ ผมรู้แต่ว่าคุณลุงทำให้คนในครอบครัวของคุณลุงเสียใจ พี่เมฆน่ะเวลา

ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักเขามีความสุขมากๆ คุณลุงไม่ดีใจเหรอครับที่เห็นลูกมีความสุข”


               ผมเถียง จะหาว่าก้าวร้าวก็ยอมแล้ว


               “แล้วเรื่องชอบผู้ชาย ก็ทำไมล่ะ มันก็เรื่องความรักปกตินี่แหละ เพียงแต่คนที่ชอบเป็นเพศเดียวกันมันผิดตรงไหน”


               “ไอ้เด็กบ้า”


               พ่อพี่เมฆโมโหจัดที่ผมเถียง เขาเงื้อมือสูงและฟาดลงมาโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว

            เพียะ

                เต็มๆครับ แต่ไม่ใช่ผม

               ฝ่ามือนั้นฟาดไปที่ใบหน้าของลูกชายตัวเอง พี่เมฆผลักผมออกห่างและก้าวมารับฝ่ามือของพ่อจนใบหน้าสีขาวซีดเผือดแดง

ไปซีกหนึ่ง บรรยากาศเงียบราวกับป่าช้า


            “พอใจแล้วใช่ไหมครับพ่อ”


              เสียงพี่เมฆเบาเหลือเกิน


              “ถ้าพอใจแล้วผมขอตัวก่อน ไป มะตูม กลับขึ้นไปบนห้อง”


             พี่เมฆคว้าแขนให้ผมเดินตามเข้าไปในหอพักโดยไม่ได้สนใจพ่อตัวเองอีก แต่ผมรู้ว่าเขาเสียใจมากแค่ไหน

   
            นี่สินะที่เคยได้ยินพี่ริวบอกว่า พี่เมฆไม่อยากกลับบ้านของตัวเอง มาถึงตอนนี้ผมได้แต่สงสารพี่เมฆที่ดึงแขนให้ผมเดินตาม



              TBC


            ตอนหน้าก็จบแล้วนะ

                :กอด1: :กอด1: 
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่งฯ#น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่6#คนไม่ถูกกันเขาทำกันแบบนี้เหรอ 28/3
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 28-03-2016 23:15:47
จะจบแล้วเหรอ เรื่องพ่อยังไม่เคลียร์เลยนะ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่งฯ#น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่6#คนไม่ถูกกันเขาทำกันแบบนี้เหรอ 28/3
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 28-03-2016 23:52:59
ดราม่าตอนท้าย. เมื่อไหร่พ่อพี่เมฆจะเข้าใจนะ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่งฯ#น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่6#คนไม่ถูกกันเขาทำกันแบบนี้เหรอ 28/3
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-03-2016 00:12:24
 :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่งฯ#น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่6#คนไม่ถูกกันเขาทำกันแบบนี้เหรอ 28/3
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 29-03-2016 00:14:51
สงสารพี่เมฆ  :mew4:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่งฯ#น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่6#คนไม่ถูกกันเขาทำกันแบบนี้เหรอ 28/3
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 29-03-2016 00:24:27
กลัวพ่อแบบนี้จัง
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่งฯ#น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่6#คนไม่ถูกกันเขาทำกันแบบนี้เหรอ 28/3
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 29-03-2016 05:57:02
ว้าก. พ่อพี่เมฆแรงอะ
ทำหน้าที่(ผัว)เมียให้ดีนะจ๊ะมะตูม
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่งฯ#น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่6#คนไม่ถูกกันเขาทำกันแบบนี้เหรอ 28/3
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 30-03-2016 22:22:08
 :o8: พี่เมฆมะตูม มะตูมพี่เมฆ ยังไงก็ได้จัดมาเถอะ :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่งฯ#น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่6#คนไม่ถูกกันเขาทำกันแบบนี้เหรอ 28/3
เริ่มหัวข้อโดย: jillongame ที่ 03-04-2016 14:06:15
 :mew2: จะจบแล้วว่าแต่จะมีNCทิ้งท้ายมะ555
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่งฯ#น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่6#คนไม่ถูกกันเขาทำกันแบบนี้เหรอ 28/3
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 03-04-2016 23:36:03
แง้ อย่าเพิ่งจบบบ
มะตูมยังไม่ได้พี่เมฆอีกรอบเลยยยย
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่งฯ#น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่6#คนไม่ถูกกันเขาทำกันแบบนี้เหรอ 28/3
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 04-04-2016 10:58:39
ถ้าเกลียดคุณป๋าจะมีใครว่ามั้ย
หัวข้อ: น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ บทที่ 7#แค่ชนะใจพี่เมฆผมก็ดีใจแล้ว# 6/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 06-04-2016 17:17:52

                                                 น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่

                                                           บทที่ 7

                                             แค่ชนะใจพี่เมฆผมก็ดีใจแล้ว


               บุคคลน่าสงสารแห่งปีทิ้งตัวลงนอนบนเตียงยกมือก่ายหน้าผากพลางจ้องเพดานอย่างที่เขาชอบทำเวลามีเรื่องต้องคิด มาถึง

ตอนนี้ผมไม่กล้ากวนตีนพี่เมฆแม้แต่คำเดียวเมื่อเห็นสภาพคนที่เคยมีท่าทางมั่นใจในตัวเองอยู่ตลอดเวลายามอยู่ต่อหน้าบุคคลอื่นแต่

ตอนนี้ดวงตาของเขากำลังแดงและเอ่อไปด้วยหยดน้ำที่พร้อมจะร่วงลงมาตลอดเวลา

               และแล้วมันก็ร่วงลงมาไหลลงเปียกไรผม มันทำให้ใจของผมหล่นตุ๊บตามไปด้วย ก็ได้แต่ขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆและยกมือลูบ

แก้มข้างที่แดงเป็นปื้นเพราะฝ่ามืออรหันต์ของพ่อตัวเอง


               “เจ็บหรือเปล่าพี่เมฆ ขอบคุณนะที่เข้ามาบังผมไว้ และก็ขอโทษที่เข้าไปเสือกเรื่องของพี่กับพ่อ”


               พี่เมฆหันหน้ามา ดวงตาแดงก่ำสบตากับผมให้มองลึกเข้าไปในหัวใจดวงน้อยของผู้ชายตัวใหญ่ที่ต้องทนเก็บกดมาเนิ่นนาน


               “ถึงมึงไม่เข้ามาเสือก เรื่องของกูกับพ่อก็คงจะไม่ได้ดีกว่านี้สักเท่าไหร่หรอก”


               พี่เมฆยิ้มเยาะตัวเอง น้ำตาหยดที่สองร่วงตามลงมา


               “กูมันลูกที่ทำให้เขาไม่เคยได้ดั่งใจทั้งที่กูก็พยายามแล้ว บางทีกูก็พยายามจนไม่รู้ว่าทำแล้วกูมีความสุขหรือเปล่า กูต้องตั้งใจ

เรียนตั้งแต่เด็กเพื่อให้ได้เกรดดีๆ ไม่ขายขี้หน้าคนอื่น กูต้องเรียนรัฐศาสตร์เพราะจบไปจะได้สานต่องานด้านการเมือง กูจะต้องทำโน่นทำ

นี่ให้คนที่บ้านพอใจโดยที่กูไม่รู้เลยว่าคนที่บ้านกูเขาจะรู้หรือเปล่าว่าสิ่งที่ตัวกูเองพอใจมันคืออะไร”


               โธ่ พี่เมฆ

               ผมไม่รู้จะทำยังไงดีเพื่อช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้น ได้แต่ล้มตัวลงไปนอนเคียงข้างและตะแคงตัวเข้าหาเพื่อจะได้วางมือโอบกอดที่

เมฆไว้ ไม่นานหลังจากนั้นพี่เมฆก็พลิกตัวหาผมแล้วเขาก็ร้องไห้

                มันมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร กับความสัมพันธ์ระหว่างผมกับพี่เมฆ

               ใครจะนึกว่าผมจะได้มารู้จักชีวิตของผู้ชายที่ชื่อเมฆ และรู้ว่าจริงๆแล้วเขาอ่อนแอแค่ไหนภายใต้เปลือกแข็งๆที่เขามีไว้ปิดบัง

คนอื่น ความหมั่นไส้ที่เคยมีเมื่อก่อนหายวับไปหมดเหลือไว้แต่ความสงสารและอยากจะทำให้ผู้ชายคนนี้รู้จักคำว่าความสุขอย่างเช่นคน

อื่นบ้าง


               “ร้องออกมาให้พอนะครับพี่เมฆ ไอ้มะตูมคนนี้จะอยู่ใกล้ๆกับพี่เวลาที่พี่เมฆอยากได้ใครสักคนมาอยู่ด้วย”


               ผมกดจูบอย่างตั้งใจลงไปที่เปลือกตาทั้งสองข้างของเขา ดูดซับหยดน้ำที่ไหลรินเปียกแพขนตาเอาไว้ เสียงสะอื้นเบาๆดัง

ลอดออกมาจากริมฝีปากที่เคยยกยิ้มด้วยความมั่นใจ แต่ตอนนี้พี่เมฆกำลังกัดมันไว้จนสั่นไปหมด ผมค่อยๆไล่ซับน้ำตาจนกระทั่งมาถึงมัน

ก่อนที่ผมจะแนบปากตัวเองลงไปบนปากของพี่เมฆ

               พี่เมฆขยับหนีจังหวะหนึ่งแต่ผมก็ตามติดไปขบเม้มริมฝีปากนั้นจนได้ อาจเป็นความเห็นใจและผูกพันที่ได้อยู่กับเขามาเกือบ

สองเดือนทำให้ผมไม่ย่อท้อที่จะแสดงความรู้สึกเหล่านั้นออกมา ในที่สุดพี่เมฆก็ยินยอมให้ผมได้ล่วงล้ำปลายลิ้นเข้าไปและในที่สุดเรา

ทั้งคู่ก็จูบกัน

               มันเป็นจูบที่เต็มไปด้วยความห่วงหาอาทรและพร้อมที่จะยอมรับความรู้สึกทั้งหมดที่เราต่างมีให้อีกฝ่าย ไม่มีการเอาชนะใดๆ

ซึ่งกันอีกแล้ว จูบนั้นหวานมาก มากจนผมยังไม่อยากให้เราผละออกจากกันจนต้องรั้งพี่เมฆเข้ามาหาตัวพร้อมกับขยับยกขากอดเกี่ยวไว้

ใกล้ชิด และความหวานนั้นมันทำให้ผมอยากจะแสดงความรู้สึกที่มีกับเขาให้มากกว่านี้


               “...นะ พี่เมฆ”


               ถอนปลายลิ้นออกมาอย่างเสียดายเพื่อที่จะกระซิบเบาๆที่ข้างหูแล้วงับมันไว้ด้วยความต้องการท่วมท้น ปลายนิ้วของผมที่

แนบเอวพี่เมฆดึงรั้งเสื้อยืดที่ใส่ซ้อมกีฬาของเขาขึ้นไปช้าๆ ดวงตาที่ไม่มีน้ำตาอีกแล้วมองผมด้วยความสับสนในใจ


               “แต่ว่า...มึงต้องแข่ง...”


               “ก็ให้ผม...นะครับ...”


               ออดอ้อนพลางมองออเซาะ พี่เมฆเม้มปากตัดสินใจแต่ผมก็ไม่ปล่อยให้เขาคิดอีกเมื่อจัดแจงดึงเสื้อยืดผ่านหัวของเขารวมทั้ง

ของตัวเองด้วย มัดกล้ามของผมที่เริ่มเด่นชัดมากขึ้นหลังจากถูกบังคับให้ฟิตซ้อมอย่างหนักกำลังเบียดไปกับแผงอกเฟิร์มของพี่เมฆ และ

ในที่สุดผมก็ซุกหน้าลงไปกับซอกคอของเขา

               ป่ายมือไปกับเนื้อตัวแน่นๆจนถึงขอบกางเกงวอร์ม ผมล้วงมือเข้าไปโดยไม่ขออนุญาต รู้สึกถึงความตื่นตัวที่ซ่อนอยู่ภายในนั้น

ผมจึงกวาดต้อนมันออกมาพร้อมกับดึงขอบกางเกงวอร์มให้พ้นต้นขา มาถึงตอนนี้พี่เมฆกลับเป็นฝ่ายถีบมันออกไปจากปลายขาตัวเอง

แถมยังดึงกางเกงวอร์มของผมลงอีกด้วย สติของเราทั้งคู่เตลิดกันแล้วเมื่อเหลือเพียงร่างกายที่เข้าบดเบียดกันอยู่กลางเตียง


               “เหี้ย เบาๆ”


               พี่เมฆประท้วงเมื่อลูกชายของเขาตกเป็นตัวประกันอยู่ในอุ้งมือของผม จะบีบก็ตาย ถ้าคลายก็เรื่องอะไรล่ะ ผมเค้นคลึงเล่นๆ

ปลุกจนมันตั้งชันขณะที่ผมโจมตีสองจุดเล็กกลางแผ่นอกเรียบด้วยปลายลิ้น พี่เมฆหายใจลึกพลางเป่าออกมาด้วยความอุ่นร้อนเตือนให้

ผมรู้ว่าเขาพร้อมแล้วที่จะให้ผมแสดงความรู้สึกในใจออกไป


               “ผมว่าผมรักพี่เมฆว่ะ”


               ดันเอวตัวเองเข้าไปช้าๆให้พี่เมฆรับรู้ ช่องทางนั้นโอบกอดตอบรับให้ผมขยับลึกเข้าไปได้เรื่อยๆ พี่เมฆขยับขาเปิดทางกว้าง

คราวนี้เขาคงจะเต็มใจให้ผมได้รวมร่างกับเขาโดยที่ไม่ใช่เพราะความไร้สติอีกแล้ว


               “ทำไมถึงรัก ในเมื่อตอนแรกมึงเกลียดกูอย่างกับขี้”


               เขามองผมสายตาพราวพร้อมกับสูดหายใจเข้าหนักๆเมื่อผมดันตัวเองเข้าไปครั้งสุดท้ายให้ฝังลึกอยู่ในทางแคบหมดตัว ผม

เอียงคอมองเขาอมยิ้มแก้มตุ่ย


               “ไม่รู้สิ สงสัยเกลียดอย่างไหนมักจะได้อย่างนั้นละมั้ง อย่ามัวชวนคุย จะเริ่มแล้วโว้ย”


               ผมเอื้อมมือบีบจมูกโด่งอย่างมันเขี้ยวก่อนจะโน้มหน้าลงไปจูบแลกลิ้นเพื่อไม่ให้พี่เมฆถามอะไรที่มันตอบยากๆอีก มือทั้งสอง

เท้าอยู่บนที่นอนคร่อมร่างของพี่เมฆไว้ ผมคุกเข่าแล้วเริ่มต้นบุกทะลวงยกแรกใส่พี่เมฆทันที


               “อึก อือ เหี้ยมะตูม โอย เสียวว่ะ”


               พี่เมฆกัดฟัน เม้มปากแน่น แรงเสียดสีกับสัมผัสทำให้เราทั้งคู่เบียดรัดจนแทบไม่เหลือช่องว่าง ผมโหมกระหน่ำสาดแรงเข้าใส่

จนแทบหน้ามืดเมื่อช่องทางนั้นตอดถี่ขึ้นทุกที


               “พะ พี่เมฆ โอ๊ย อย่าตอดแรง”


               เกือบจะล่มปากอ่าวแล้วไอ้มะตูมเอ๊ย

               ถึงกับต้องดึงไอ้ลูกชายออกมาก่อนเพื่อรักษามันไว้  พี่เมฆยกมือเขกกะโหลกผมอย่างขัดใจ ก่อนที่เอวของเขาจะกดตามลง

มา ผมคว้าไอ้ช่อนตัวใหญ่ของพี่เมฆเอาไว้แล้วขูดเกล็ดมันด้วยมือของผมพร้อมๆกับที่ผมกลั้นใจกดตัวเองเข้าไปอีกครั้ง


               “ซี้ดด เหี้ย อย่างนั่นแหละ เสียวชิบ”


               มาถูกทางแล้วฮะ คราวนี้ได้ยินเสียงครางลั่นจากพี่เมฆที่เด้งเอวรับ ผมรุกอย่างได้ใจจนรู้สึกถึงความสั่นสะเทือนที่มากขึ้นอยู่

ในช่องทางนั้น คราวนี้ผมเลยบุกโจมตียกสุดท้าย


               “มะตูม ตรงนั้น เออ เหี้ย ไม่ไหวแล้ว”


               ฟู่

               ไอ้ช่อนพ่นพิษคามือพร้อมกับความบีบคั้นจนหน้ามืด ผมเร่งเอวอีกไม่กี่ทีท้องน้อยก็บิดมวนไปหมด ผมดึงมันออกมาแทบ

ไม่ทันจนมันพุ่งออกมารดอยู่กับต้นขาของพี่เมฆขณะที่เราหอบหายใจใส่หน้ากัน


                “เป็นแฟนกันนะพี่เมฆ”


               ผมเอ่ยชวนง่ายๆเหมือนชวนไปกินข้าว พี่เมฆผลักหัวผมจนหน้าหงาย


               “สัส ฟันกูก่อนแล้วค่อยขอเป็นแฟนนะมึง”


               ด่าผมแต่ว่ายิ้มจนตาย่น มันหมายความว่าไงครับ ผมแกล้งถอนหายใจแล้วเมินหน้าไปทางอื่น


               “อยากโดนฟันแล้วทิ้งหรือไง นี่อุตส่าห์ยอมให้แล้วนะ”


               “คิดว่ากูจะง้อ?”


               แน่ะ เสือกเลิกคิ้วถามกูอีก


               “แล้วง้อไหมล่ะ”


               ไอ้พี่เมฆหัวเราะเบาๆ เขาผลักให้ผมร่วงจากตัวลงไปนอนแผ่จากนั้นเขาก็เป็นฝ่ายขึ้นคร่อมบนตัวผมบ้าง


               “ง้อสิวะ จะมีใครเหมือนมึงได้อีกวะมะตูม พูดมากปากเสีย กวนตีนก็ที่หนึ่ง แต่แม่ง กูเสือกรักคนอย่างมึงอีก เหี้ยเอ๊ย”


               พูดจบพี่เมฆก็จูบผม พักใหญ่กว่าจะยอมปล่อย ดวงตาที่ตอนนี้กลับมาใส่คอนแทคเลนส์แล้วมองผมจนแม่งเขิน


               “นี่ถ้าไม่ติดว่าต้องไปแข่งอีกไม่กี่วันนี้ กูจะฟันให้มึงคลานลงเตียงเลยเหี้ยมะตูม”


               ผมเงยหน้าหัวเราะร่าอย่างได้เปรียบ พี่เมฆมองอย่างหมั่นไส้เต็มที ผมหยุดหัวเราะแล้วยกแขนคล้องคอพี่เมฆไว้


               “นี่ตอนนี้เราเป็นแฟนกันแล้วใช่ไหมพี่เมฆ”


               พี่เมฆไม่ตอบได้แต่ยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะปิดปากของผมลงอีกครั้ง



               



               “น้ำหนักมึงน้อยกว่ามัน เพราะฉะนั้นอย่าคลุกวงใน”


               พี่เมฆเตือนให้ระวังในการแข่งขันรอบสุดท้ายซึ่งเป็นรอบที่สำคัญที่สุด เพราะถ้าหากชนะมันหมายถึงเหรียญทอง ไม่อยากจะ

เชื่อเหมือนกันว่าผมจะเดินทางมาได้ไกลขนาดนี้ให้การแข่งขันระดับประเทศครั้งแรก


               “มึงสูงกว่ามัน เล่นรอบนอกไว้ เล่นท่าเตะเน้นไปที่หัว เข้าใจไหมมะตูม”


               ตื่นเต้นชิบหาย

               หัวใจเต้นเร็วจนเกือบจะหลุดมานอกทรวงอก พี่เมฆตรวจสอบการ์ดให้ผมเป็นครั้งสุดท้ายในฐานะโคชเมื่อกรรมการก้าวขึ้นไป

บนเวที


               “พี่เมฆ”


               ผมรั้งเขาไว้ พี่เมฆหันกลับมา เขายิ้มให้ผมและมองผมอย่างให้กำลังใจ


               “มึงเป็นคนเก่ง มึงทำได้มะตูม เมื่อไหร่ที่มึงไม่มั่นใจให้มึงมองมาตรงนี้ กูจะอยู่รอมึง เข้าใจไหม”


               พี่เมฆยกมือตบไหล่และดึงผมไปกอดอีกครั้งก่อนจะปล่อยให้ผมก้าวไปบนลานต่อสู้


               เสียงเชียร์ดังลั่นขอบสนามเมื่อการแข่งขันเริ่มต้น ผมสูดลมหายใจเข้าปอดเรียกความมั่นใจพร้อมกับตั้งการ์ด เมื่อสัญญาณเริ่ม

ต้นดังขึ้นผมก็ฟุตเวิร์คเข้าไปทันที

               พี่เมฆเคยสู้กับคู่ต่อสู้ของผมเมื่อปีที่แล้ว เมื่อรู้ว่าผมได้เข้าชิงกับคู่แข่งคนเดิมพี่เมฆก็ให้คำแนะนำจุดอ่อนจุดด้อยจนผมจำ

แทบไม่หมด แม้ว่าคู่แข่งจะเคยแพ้พี่เมฆเมื่อปีที่แล้วแต่พี่เมฆก็ไม่ประมาท

               เก่งจริงๆด้วย

               เหลืออีกยกเดียว คะแนนเราเท่ากัน ผมกลับมานั่งหอบที่เก้าอี้ พี่เมฆใช้ผ้าเย็นเช็ดหน้าให้ผม


               “ฟังนะมะตูม”


               เสียงนั้นเอาจริงเอาจังมาก


               “มาถูกทางแล้ว ห่างไว้และใช้ความสูงของมึงให้เป็นประโยชน์ ไม่ต้องชนะเยอะ กูขอแค่แต้มเดียว แค่แต้มเดียวที่มึงจะได้

แชมป์”


               กรรมการเรียกแล้ว ผมลุกขึ้นยืนเตรียมตัว พี่เมฆจ้องตาผม


               “จำไว้ กูรักมึงนะมะตูม”


               กำลังใจมาอีกโขเลยครับ ผมยิ้มคืนให้พี่เมฆแล้วจึงกลับไปยังสังเวียนการต่อสู้ที่ไม่ได้มีแค่ผมที่แข่งขัน แต่มันรวมถึงพี่เมฆที่

อยู่เบื้องหลัง  ผมพยายามตั้งสติในการเล่นเต็มที่จนกระทั่งเหลือเพียงสามสิบวินาทีสุดท้าย

               ผมขยับฟุตเวิร์คเข้าไป ตั้งใจจะใช้แบล็คคิกเข้าที่หน้า โป้งเดียวจอดแน่ๆ แต่ผมนึกไม่ถึงว่าคู่แข่งจะเดาทางได้ เขาเอี้ยวตัว

แค่นิดเดียวก็หลบพ้นก่อนที่เขาจะใช้ท่าชอปคิกเตะลงมาใส่เป้ากลางตัวของผมในห้าวินาทีสุดท้าย

               เสียงสัญญาณการแข่งขันเตือนหมดเวลาดังขึ้น คู่แข่งของผมตะโกนลั่นด้วยความดีใจในแต้มสุดท้าย ส่วนผมได้แต่ทิ้งตัวลง

ไปนอนแผ่อยู่บนสังเวียนอย่างเสียใจและเสียดายที่พ่ายแพ้

               ใครคนหนึ่งเดินมาหยุดยืนที่ปลายเท้า เขายื่นมือให้ผมจับและดึงผมให้ลุกขึ้นยืน ผมมองพี่เมฆที่ดวงตาไม่สามารถปิดบัง

ความผิดหวังได้


               “พี่เมฆ ผมขอโทษ”


               “อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย ไปกลางเวทีก่อนเถอะ”


               ผมเดินคอตกไปที่กลางเวทีเพื่อให้กรรมการชูมือให้คู่แข่ง ไม่นานหลังจากนั้นผมก็ขึ้นไปรับเหรียญเงินคล้องคอกลับมายัง

ที่พักนักกีฬาที่พวกผมนั่งกันอยู่ พี่เมฆยังมีรอยยิ้มรอรับผมอยู่จนผมไม่กล้าสบตาเขา


               “ผมทำไม่สำเร็จ”


               เสียใจจริงๆนะ มันไม่ใช่แค่ผมที่แพ้ ผมรู้ว่าพี่เมฆหวังกับเหรียญนี้มากแค่ไหน


               “ผมรู้ว่าพี่เมฆเสียใจ ผมขอโทษ”


               “ใครบอกมึงว่ากูเสียใจ”


               น้ำเสียงนั้นร่าเริงจนผมต้องเงยหน้ามองเขา


               “แค่นี้กูก็ภูมิใจมากแล้วที่มึงมาได้ไกลขนาดนี้ ขอบใจนะมะตูมที่มึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อกู”


               มือใหญ่วางแนบมาบนบ่า ใบหน้าพี่เมฆเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มจนผมดีใจ ความเสียใจที่พ่ายแพ้หายไปหมดเมื่อรู้ว่าในที่สุดผม

ก็ชนะใจพี่เมฆ

               ผมดึงเหรียญเงินออกจากคอแล้วคล้องใส่คอพี่เมฆ


               “ผมให้พี่ มันคือความสำเร็จแรกของผม”


               พี่เมฆก้มลงมองเหรียญเงินที่คอตัวเอง พอเขาเงยหน้าขึ้นมาพี่เมฆก็ดึงผมเข้าหาตัวและจูบผม


               “ไอ้เหี้ยเมฆ”


               เสียงพี่พลดังแว่วมาจากเก้าอี้


               “เบาๆหน่อยเหอะมึง เขามองพวกมึงสองตัวกันเป็นตาเดียวแล้ว อิจฉาโว้ย”


               พี่เมฆยอมปล่อยและเมื่อผมเป็นอิสระแล้วเหลียวมองรอบๆก็เห็นแทบทุกคนในสนามแข่งขันหัวเราะกันคิกคักโดยเฉพาะสาวๆ

พี่เมฆหันไปโปรยยิ้มเจ้าเสน่ห์ทันที


               “ขอโทษนะครับ พอดีว่าอยากบอกรักแฟนก็เลยลืมตัวไปหน่อย”


               “ไอ้พี่เมฆ หน้าด้านว่ะ”


               ผมหัวเราะเมื่อเจอความหวานจนเลี่ยนจากพี่เมฆ เขาดึงผมเข้าไปและกระซิบเบาๆ


               “หัวเราะไปเหอะมึง คืนนี้กูจะกดมึงให้จมที่นอนจนคลานลงเตียงไม่ไหวเลยไอ้เหี้ยมะตูม”


               กลัวตายละครับ แล้วจะคอยดูว่ากูจะคลานไหวหรือเปล่า


               ผมแลบลิ้นใส่พี่เมฆก่อนที่พวกเราจะช่วยกันเก็บของเดินทางกลับ ขณะที่ผมเดินตามหลัง พี่เมฆก็ชลอฝีเท้าให้ผมเคียงข้าง

มือใหญ่สอดประสานมาที่มือของผม

               บางทีผมก็นึกแปลกใจที่ผมมาถึงจุดนี้

               จุดที่ผมและเขาต่างรักกันมากจนลืมไปแล้วว่าเคยเขม่นกันแค่ไหน

               แต่ตอนนี้ผมคงต้องนึกหาวิธีที่จะได้เป็นฝ่ายฟันเขาให้ได้ ก่อนที่เขาจะฟันผมล่ะนะ

               ขอให้ผมเป็นฝ่ายชนะ

               โชคดีนะครับทุกคน

               สวัสดีครับ


 :man1: :man1: :man1:    

                                 ไชโย จบแล้ว 555 ดีใจหลายๆ             
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่งรักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้าหาเรื่องฟันพี่ #จบแล้ว ย้ายห้องได้ค่ะ 6/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 06-04-2016 18:00:09
ทั้งคู่ชนะแล้ว. ในสังเวียนรักครั้งนี้อะนะ
น่ารักทั้งสองคนเลย
พี่พลกับน้องว่านก็เป็นแรงใจที่สำคัญ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่งรักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้าหาเรื่องฟันพี่ #จบแล้ว ย้ายห้องได้ค่ะ 6/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 06-04-2016 18:02:24
มันต้องสลับสิลูกมะตูม  มันต้องฟินทั้งคู่เข้าใจป่าว
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่งรักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้าหาเรื่องฟันพี่ #จบแล้ว ย้ายห้องได้ค่ะ 6/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 06-04-2016 18:19:03
พี่เมฆคนอวดแฟน :-[
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่งรักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้าหาเรื่องฟันพี่ #จบแล้ว ย้ายห้องได้ค่ะ 6/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 06-04-2016 18:25:58
น่ารักที่สุด  อิอิ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่งรักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้าหาเรื่องฟันพี่ #จบแล้ว ย้ายห้องได้ค่ะ 6/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: ohm ที่ 06-04-2016 18:49:23
ชอบคู่พี่เมฆกับมะตูมมากๆ เลย
ขอบคุณคับ แล้วมาต่ออีกน้า^^
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่งรักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้าหาเรื่องฟันพี่ #จบแล้ว ย้ายห้องได้ค่ะ 6/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 06-04-2016 20:03:55
จบแล้วเหรอ ไม่อยากให้จบอ่ะ ขอขอบแถมหน่อยยย :man1:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่งรักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้าหาเรื่องฟันพี่ #จบแล้ว ย้ายห้องได้ค่ะ 6/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 06-04-2016 20:37:50
ฮิ้ววววววววววว
 :mew1:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่งรักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้าหาเรื่องฟันพี่ #จบแล้ว ย้ายห้องได้ค่ะ 6/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-04-2016 22:43:12
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่งรักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้าหาเรื่องฟันพี่ #จบแล้ว ย้ายห้องได้ค่ะ 6/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 06-04-2016 23:56:05
จบแล้วหรอ มาต่อตอนพิเศษบ่อยๆนะครับ
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่งรักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้าหาเรื่องฟันพี่ #จบแล้ว ย้ายห้องได้ค่ะ 6/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 07-04-2016 00:14:11
 :impress2:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่งรักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้าหาเรื่องฟันพี่ #จบแล้ว ย้ายห้องได้ค่ะ 6/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 07-04-2016 10:10:36
 :pig4:  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่งรักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้าหาเรื่องฟันพี่ #จบแล้ว ย้ายห้องได้ค่ะ 6/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 08-04-2016 02:46:59
 :katai5: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่งรักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้าหาเรื่องฟันพี่ #จบแล้ว ย้ายห้องได้ค่ะ 6/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: jillongame ที่ 08-04-2016 12:22:46
 :z2: เย้ ๆ จบน่ารัก อืมชอบสลับกันจริงๆด้วยอืมดีงามเรียกว่าคุ้มได้สองอย่างเบยยย
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่งรักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้าหาเรื่องฟันพี่ #จบแล้ว ย้ายห้องได้ค่ะ 6/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 08-04-2016 12:35:11
สนุกกกกก
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่งรักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้าหาเรื่องฟันพี่ #จบแล้ว ย้ายห้องได้ค่ะ 6/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 09-04-2016 14:10:30
 o13
หัวข้อ: Re: พี่ไม่หยิ่งรักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้าหาเรื่องฟันพี่ #จบแล้ว ย้ายห้องได้ค่ะ 6/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: darkside8 ที่ 09-04-2016 15:25:04
สนุกมากครับ :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ >>
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 10-04-2016 10:24:16
จบแล้วหรอ
อยากได้ตอนพิเศษของพ่อพี่เมฆอ่ะ
อยากอ่านศึกพ่อตากับลูกสะใภ้(ลูกเขย)
คู่นี้น่าจะมันส์ แรงทั้งคู่
จะมีตอนพิเศษเพิ่มหรือป่าว
แต่ยังไงก็จะเข้ามาอัพเดทเรื่อยๆน้า
หัวข้อ: Re: <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ >>
เริ่มหัวข้อโดย: iaum ที่ 10-04-2016 14:03:14
ชอบว่าน :impress2: :impress2: ว่านน่ารัก :-[  :o8: ชอบความรักที่มั่นคงของพี่ริวมาก  :กอด1: :กอด1: เยี่ยมมาก o13 o13
หัวข้อ: Re: <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน+น้องมัจบแล้วหรอ ยังไม่รูหนบ้า หาเรื่องฟันพี่ >>
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 10-04-2016 14:35:59
จบแล้วหรอ ยังไม่รู้เลยว่ามะตูมจะคลานหรือไม่คลาน  :hao6:
หัวข้อ: Re: <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ >>
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 10-04-2016 19:29:41
สนุกมาก  :pig4:
หัวข้อ: Re: <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ >>
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 11-04-2016 10:28:28
ชอบสองคู่เลย โดยเฉพาะคู่หลัง ขอให้สลับกันตลอดไป 555 ขอบคุณผลงานครับ
หัวข้อ: Re: <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ >>
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 12-04-2016 09:53:35
ขอบคุณค่ะ น่ารักทั้งสองคู่เลย แต่ แอบเสียดายที่สุดท้ายมะตูมไม่ได้เหรียญทอง
หัวข้อ: Re: <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ >>
เริ่มหัวข้อโดย: changemoo ที่ 12-04-2016 17:29:35
กิกิ พึ่งอ่านตอนแรก น่ารักดีค่ะ
เราว่าการรับน้องขึ้นดอย ฮ่าา พึ่งเริ่มต้นของการรับน้องอันแสน...มากกว่า กว่าจะได้เจอสายรหัส == กว่าจะได้รุ่นแทบกระอักเลือด ฮ่าาา นี่แอบเข้ามาบ่นเบาๆ  แต่รับได้ เพราะพี่ๆหล่อ อินนะเนี่ย

ปล. ปีที่แล้วเราก็อยู่ชมรมฟันดาบนะ แต่ของคณะ ไม่ได้ของสโม จะได้เจอว่าน กับ ลายสือ รึเปล่า เนี่ย ^^ 
      เราอาจจิรู้จักกันก็ได้นะเนี่ย คนแต่ง ฮ่าา
หัวข้อ: Re: <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่ >>
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Evil ที่ 13-04-2016 09:44:44
โอ้ยยยยย ชอบคู่มะตูม น่ารักฟินไปอีก  :mew1:
หัวข้อ: <พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่>สุขสันต์วันสงกรานต์13/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 13-04-2016 19:34:14


                                                 พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน

                                            บทพิเศษ สุขสันต์วันสงกรานต์


               “ถ้าช้าอีกสิบวินาที เชิญมึงนอนต่อเลยนะครับไอ้เหี้ยว่าน กูไม่พามึงไปไหนละ”


               ก็เพราะคำขู่จากโทรศัพท์มือถือเลยครับทำให้ผมต้องวิ่งลงมาจากหอพักชั้นสี่ในมอเพื่อลงมาหาไอ้พี่ริวที่จอดฟีโน่รออยู่ข้าง

ล่าง แม่งชอบขู่ไง นี่ถ้าไม่อยากไปเที่ยวสงกรานต์นะกูไม่แหกขี้หูขี้ตาวิ่งลงมาหรอกครับ


               “มาแล้ว มาแล้ว ช้านิดช้าหน่อยบ่นเป็นตาแก่ไปได้”


               มายืนหอบต่อหน้าไอ้ผีกระสือ มันยืนมองผมอย่างพอใจที่เห็นผมเชื่อฟังทำตามคำสั่งโดยการใส่เสื้อลายดอกสีสดประแป้งบน

หน้าลายพร้อยแทนที่จะใส่เสื้อบางๆในวันสงกรานต์


               “ไม่มีใครเขามองหรอกน่า พี่ริวก็คิดมาก”


               “ไม่ได้ กูต้องกันไว้ดีกว่าแก้ กูหวงของกูนี่หว่า”


               บ้า บ๊า  บ้า

               พอเจอคำหวานแบบเถื่อนๆกูก็เขินสิฮะ เลยต้องยอมทำตามคำสั่งหน่อยเดี๋ยวถูกจัดหนักอีก โดนจัดทีไรขาเป๋ไปเป็นวัน


               “ไปเร็ว”


               ผมกระโดดซ้อนรถฟีโน่คันเก่งอย่างคุ้นเคย พี่ริวเบิ้ลคันเร่งจนมอเตอร์ไซค์คันเก่งวิ่งฉิวออกจากมหาวิทยาลัยตรงเข้าไปในเมือง

รอบคูเมืองเริ่มมีคนมาเล่นน้ำแล้วแต่ยังไม่เยอะเพราะตอนนี้ยังเป็นช่วงสายๆ พี่ริวบอกว่าอีกสักพักคนจะแน่นจนการจราจรติดขัด ผมตื่น

เต้นมากเพราะมันเป็นสงกรานต์หรือที่คนเมืองเรียกว่าปี๋ใหม่เมืองครั้งแรกของผมที่นี่

               พี่ริวพาผมซ้อนท้ายมาถึงวัดแห่งหนึ่งกลางเมืองเชียงใหม่ ผู้คนมากมายหลั่งไหลกันเดินเข้าออกลายหูลายตา ภายในวัด

ตกแต่งด้วยตุง(ธง)แบบล้านนาเหมือนทุกวัดในแถบนี้ มีสลุงหลวง(ขันน้ำใบใหญ่) ตั้งไว้ให้ประชาชนสรงน้ำพระที่ตั้งอยู่หน้าวิหาร หน้าวัด

บอกชื่อให้ผมรู้ว่า ที่นี่คือวัดเจดีย์หลวง


               “ไปสรงน้ำพระกัน”


               จอดรถเสร็จก็ชวนผมไปไหว้พระสิครับ แหม่ ตอนคนตัวใหญ่ๆก้มกราบพระท่าทางเรียบร้อยนี่ดูดีมีสกุลขึ้นมาเชียว ทำให้ผม

พอจะเชื่อแล้วว่าพี่ริวมีแม่เป็นคุณครู หลังจากนั้นเขาก็พาผมเดินออกจากวิหารหลวงเก่าแก่ที่ด้านหน้ามีพญานาคเลื้อยอยู่หน้าประตูแล้ว

เดินมาด้านข้าง


               “วัดเจดีย์หลวงนี่เก่าแก่มากนะมึง สร้างตั้งแต่สมัยเชียงแสน”


               ไกด์กิตติมศักดิ์เล่าให้ผมฟังตอนที่เราเดินทอดน่องอยู่หน้าฐานเจดีย์ที่ไม่มียอด แต่แค่เห็นฐานผมก็ตื่นตาตื่นใจแล้วกับความ

ยิ่งใหญ่ อดจินตนการไปถึงอดีตไม่ได้ว่ายามที่เจดีย์นี้สมบูรณ์ที่สุดจะใหญ่โตและงดงามแค่ไหนในอดีต

               พี่ริวยกฝ่ามือมาบังแดดที่ส่องหน้าให้ผมพลางชี้ให้ดูรอบฐานเจดีย์


                “สร้างตั้งแต่สมัยพญาแสนเมืองมา เป็นพันปีแล้วนะมึง คิดดูสิในอดีตที่มีแต่ป่าละเมาะ คนเราต้องมีจิตศรัทธาแค่ไหนถึงจะ

สร้างเจดีย์ที่ใหญ่ขนาดนี้ได้ แต่น่าเสียดายเมื่อสักห้าร้อยปีก่อนเกิดฝนตกหนักแผ่นดินไหวด้วย ยอดเจดีย์ก็หักโค่นลงมา แล้วก็หมกตัว

อยู่ในป่าอีกนานกว่าจะมีคนมาเจอและบูรณะขึ้นมาใหม่”


               “น่าเสียดายอะพี่ริว แค่ฐานยังกว้างใหญ่ขนาดนี้”


               “ใช่ เป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดเลยชื่อว่าเจดีย์หลวงไงล่ะ วัดนี้เป็นวัดที่สำคัญมากเลยนะ มึงเห็นด้านหน้าที่เราผ่านมาใช่ไหม นั่น

น่ะเป็นเสาหลักเมืองด้วยนะ เขาเรียกกันว่าเสาอินทขิลสร้างสมัยพญาเม็งราย เดี๋ยวเดือนพฤษภาจะจัดงานใส่บาตรดอกไม้บูชาเสาอิน

ทขิลกูจะพามึงมาอีกรอบ”


               เดินวนชมช้างรอบๆฐานเจดีย์อีกพักใหญ่จนตะวันใกล้จะตรงหัวพี่ริวก็คว้าแขนผมให้เดินกลับมาด้านหน้า


               “ร้อนแล้ว ไปกันเหอะ”


               เราออกจากวัดเจดีย์หลวงก่อนเที่ยงเล็กน้อย พี่ริวพาผมมาตามถนนรอบคูเมืองก่อนจะเลี้ยวเข้าไปยังซอยเล็กๆซอยหนึ่ง ผมนี่

เปียกตั้งแต่หัวจนถึงหำล่ะครับงานนี้แต่ไอ้หน้าโหดคนขี่กลับไม่ค่อยเปียก หรือว่าตอนสาดน้ำกันเขาเลือกเบ้าหน้าด้วยนะว่าควรจะสาด

ใคร ฮ่าๆๆๆ

               พี่ริวจอดรถหน้าบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ชานเมืองออกไป ภายในรั้วบ้านนั้นมีพื้นที่กว้างขวางเต็มไปด้วยต้นไม้ดอกไม้แทบจะเต็ม

พื้นที่หน้าบ้าน พี่ริวพยักเพยิดให้ผมลงรถก่อนที่เขาจะเดินไปเปิดประตูรั้วเหมือนเป็นบ้านตัวเอง


               “พี่ริว บ้านใคร”


               “บ้านกูไง”


               เหี้ยแล้วไง พากูมาบ้านไม่บอกให้กูเตรียมตัวสักคำ


               “เข้ามาเร็วๆ ป่านนี้แม่รอกินข้าวแล้ว”


               ฉุดแขนผมให้เดินเข้าไปในประตูรั้วผ่านโรงจอดรถที่มีรถยนต์จอดอยู่สี่คัน แต่ไอ้พี่ริวเสือกขี่ฟีโน่


               “มีรถของพี่ป่ะ”


               “นั่นไงรถกู”


               ชี้ไปทางรถญี่ปุ่นกลางเก่ากลางใหม่คันหนึ่งที่จอดนิ่งสนิท ผมงี้หันไปมองเจ้าของมันแล้วนึกอยากจะกระโดดเตะ


               “เออดี มีรถยนต์ใช้แต่ขี่แม่งแต่ฟีโน่ที่วันดีคืนร้ายก็เสือกสตาร์ทไม่ติด”


               ไอ้พี่ริวยักไหล่สายตาพราว


               “ขี่มอไซค์มันก็ดีนะ อย่างน้อยมันก็ใกล้ชิดกว่าเวลากูพามึงซ้อน”


               ไอ้หื่น คิดแต่เรื่องหาเศษหาเลยกับกูนะครับไอ้พี่ริว

               เห็นหน้าผมแล้วพี่ริวก็อมยิ้ม เขาพาดแขนวางบนบ่าของผมเพื่อบังคับให้ผมเดินเข้าไปในบ้านสองชั้นที่สร้างมานานแล้ว บ้าน

หลังใหญ่มีนอกชานยื่นออกมาและสถานที่นั้นกลายเป็นที่ชุมนุมของสมาชิกในบ้าน ทุกคนหันขวับมามองเมื่อผมกับพี่ริวปรากฏตัวขึ้น

                แหม รู้สึกเหมือนยืนอยู่บนเวทีร้องเพลงแล้วแสงไฟสาดส่องหน้า ผมถึงกับยืนขาแข็งฝืนยิ้มออกไปด้วยความตื่นเต้นเมื่อพี่ริว

พามาหาครอบครัวโดยไม่ได้บอกกล่าว


               “เอ้า เดินไปสิไอ้หน้าอ่อน จะหยุดยืนทำเหี้ยอะไร”


               พี่ริวรุนหลังให้ผมเดินตาม เขาโน้มตัวกอดและหอมแก้มผู้หญิงวัยกลางคนที่ผมเดาว่าเป็นแม่ของเขา


               “คิดถึงแม่จัง”


               “คิดถึงแต่ไม่ค่อยจะกลับบ้านหรอกไอ้ตัวดี แล้วนั่นพาใครมาด้วย มานี่สิลูก”


               กวักมือเรียกอย่างอัธยาศัยดีจนผมแทบจะวิ่งเข้าไปยืนรายงานตัว พี่ริวอมยิ้มพร้อมกับแนะนำทีละคน


               “นี่แม่กู โน่นพ่อสุดหล่อ แล้วนั่นที่เพิ่งเดินมาเป็นพี่ชายกูชื่อไอ้เหี้ยเซย่า”


               ผมยกมือไหว้กราด พ่อของพี่ริวร่างท้วมหน้าตาอารมณ์ดี ส่วนพี่เซย่าพี่ชายพี่ริวก็หน้าตาคล้ายกันแต่ไม่ค่อยโหดเท่าน้องชาย

รูปร่างสูงใกล้เคียงแต่ผอมกว่า พี่เซย่าอุ้มเด็กผู้ชายอายุสักขวบนึงอยู่ พอพี่เซย่าเดินมาถึงพี่ริวก็รีบคว้าตัวเด็กมาอุ้มแล้วหอมแก้มอย่าง

มันเขี้ยว


               “หลานกูโว้ย ลูกไอ้เหี้ยย่า ซนอย่างกับลิง”


               พี่เซย่าเดินเข้ามาจ้องหน้าผมจนชักเขินก่อนที่เขาจะหันไปหาพี่ริวแล้วเอ่ยถามง่ายๆ


               “แฟนมึงเหรอริว นี่มึงเปลี่ยนสายไปแนวโชตะแล้วรึไงถึงได้หาแฟนหน้าอ่อนขนาดนี้ จบมอต้นหรือยังเนี่ย เดี๋ยวโดนพรากผู้

เยาว์กูไม่เอาโอเลี้ยงไปส่งมึงที่คุกนะโว้ย”


               “ผมอายุเกินสิบแปดแล้วครับพี่ เรียนมหาลัยใกล้จะจบปีหนึ่งไม่ใช่เด็กมอต้นฮะ”


               กลืนน้ำลายลงคอตอบคำถาม ในขณะที่ไอ้ตัวดียืนหัวเราะ พี่ริวจูงมือให้ผมไปนั่งใกล้ๆพ่อกับแม่


               “พ่อครับ แม่ครับ แฟนริวเอง ชื่อว่าน”


               ผมยกมือไหว้พ่อกับแม่อีกครั้ง พี่เซย่าเดินตามเข้ามาพูดกับพี่ริวเสียงไม่ดังนัก


               “เด็กมึงก็ดูเหมาะกับมึงดีนะริว ดีกว่าไอ้เหี้ยเท็ดดี้ที่มึงเคยคบตั้งเยอะ”


               พูดได้ดีมาก เอาไปสิบคะแนนครับพี่เซย่า


               พ่อกับแม่ของพี่ริวรับไหว้ และผมกำลังถูกคุณแม่ซักประวัติ


               “บ้านอยู่ไหนจ๊ะว่าน แล้วเรียนคณะอะไร ทำไมไปเจอกับชิริวได้ล่ะ”


               ผมตอบคำถามอย่างนอบน้อม แบบว่าแม่สอนมาดีไงฮะ เวลาเจอผู้ใหญ่ให้มืออ่อนปากอ่อนเข้าไว้ เสร็จผมทุกรายแหละ


               “ที่บ้านทำอะไรกันล่ะ”


               พ่อซักบ้าง หน้าตาก็สมกับที่พี่ริวบอกว่าเป็นโอตาคุเลยครับ ในมือยังมีหนังสือการ์ตูนเรื่องดังถืออยู่เลย


               “ทำสวนลำไยครับพ่อ”


               “โอ้โห บุพเพอาละวาดแท้ๆ”


               พี่เซย่าอุทานออกมา ผมจึงหันไปมองหน้าพี่ริวแทนคำถาม


               “เออ กูก็เพิ่งรู้ว่าบ้านมึงทำสวนลำไย พ่อกูเนี่ย นอกจากจะเป็นโอตาคุแล้ว ยังเป็นเจ้าของโรงงานทำลำไยอบแห้งส่งขายจีน

ด้วยนะมึง”


               โห สบายผมสิครับ มีตลาดส่งลำไยเจ้าใหม่แล้วโว้ย

               ยิ้มกว้างเลยสิฮะ จากนั้นแม่พี่ริวก็ชวนทุกคนไปกินมื้อเที่ยงกันในบ้าน พี่ริวแนะนำให้ผมรู้จักพี่สะใภ้ที่ยืนจัดโต๊ะอยู่ และบอกว่า

พี่เซย่าเป็นช่างตัดผมชื่อดัง เออแฮะ บ้านนี้นี่ปล่อยลูกให้ทำอะไรได้ตามใจหลายเรื่องเลยนะ

                ช่วงบ่ายพี่เซย่าก็เป็นคนนำขบวนรดน้ำดำหัวพ่อกับแม่ ผมเองก็ได้ตักน้ำใส่ส้มป่อยดำหัวพ่อแม่พี่ริวด้วย ได้รับศีลรับพรไป

ยกใหญ่ จากนั้นพวกเราก็นั่งสังสรรกันอีกพักนึงจนกระทั่งเย็นๆพี่ริวถึงได้พาผมกลับไปหอพักของเขา


               “โอ๊ย ตีกูทำไม”


               เมื่อได้อยู่กันลำพังในห้องผมก็ฟาดเผียะๆใส่พี่ริวที่ได้แต่ปัดป้อง ผมนี่ยืนขึ้นเท้าเอวมองหน้าเลยสิครับ


               “จะทำอะไรเซอร์ไพร้ส์ก็อย่าเยอะ พาไปหาผู้ใหญ่สภาพนี้เนี่ยนะ เขาจะมองว่าผมบ๊องเหมือนพี่รู้เปล่า”


               ใส่เสื้อลายดอกสงกรานต์ไปหาพ่อแม่แถมยังมีแป้งที่สาวๆสาดใส่หน้าจนขาวเป็นปื้น มันใช่ไหมครับไอ้พี่ริว


               “ทำไมวะ น่ารักดีออก พ่อแม่กูเขาชอบมึงจะตาย”


               ยิ้มแป้นอย่างกับแป๊ะยิ้ม พี่ริวฉุดผมให้นั่งลงบนตักของเขา


               “น่านะ อย่างอนสิวะ มึงไม่ดีใจเหรอที่กูพาไปบ้านมึงจะได้รู้ว่ากูจริงจังกับมึงแค่ไหน”


               ก็จริงอย่างพี่ริวพูด การที่เขาพาไปหาพ่อกับแม่ทำให้รู้ว่าพี่ริวไม่ได้คิดจะหลอกผม


               “บ้านพี่เขาไม่ว่าเหรอที่พี่ชอบผู้ชาย”


               พี่ริวยักไหล่อย่างไม่เห็นสำคัญ


               “ก็อึ้งๆตอนแรกที่รู้ว่ากูคบไอ้เท็ด เขาก็ถามแหละว่าคิดดีแล้วเหรอ แต่มันเป็นความสุขของกูไง ก็กูไม่ชอบผู้หญิงกูชอบแมนๆ

เตะบอลกันนี่หว่า”


               “งั้นก็ไปเตะบอลสิ”


               ผมผลักหน้าที่เริ่มวนเวียนเข้ามาใกล้ทุกที แถมเอวก็ยังถูกกอดไว้แน่นจนดิ้นไม่หลุด ชักรู้ชะตากรรมตัวเองว่าอีกสักพักกูต้อง

สูญเสียอนาธิปไตยอีกแน่ๆ

               และแล้วไอ้พี่ริวก็เหวี่ยงผมลงไปบนเตียง จากนั้นไอ้คนตัวใหญ่ก็กระโจนลงมาทับตัวผมจนดิ้นไม่หลุด


               “พี่ริว อย่าดิ”


               “กูไม่เตะบอล วันนี้กูจะเล่นมวยปล้ำกับมึง”


               พูดพลางมองสายตาพราว กูนี่หนาวเลยครับ พี่ริวจูบผมดังฟอดก่อนจะออดอ้อนให้ผมใจอ่อน


               “น่านะ ว่านครับ อุตส่าห์แสดงความจริงใจพาไปรดน้ำดำหัวพ่อกับแม่ ว่านจะไม่ให้รางวัลพี่ริวหน่อยเหรอ”


               ก็ แบบว่า ... พี่ไม่ต้องอ้อนขนาดนี้ผมก็ยอมตั้งนานแล้วไหม


               “ก็ ...ก็ได้”


               พูดยังไม่ทันจบก็โดนปิดปากด้วยจูบสูบวิญญาณสิครับ มือก็ช่วยกันปลดกระดุมเสื้อลายดอกเป็นระวิง สมน้ำหน้า กูบอกแล้ว

ให้ใส่เสื้อยืดก็ไม่เชื่อ

               ไม่นานนักก็โดนจับแก้ผ้าล่อนจ้อนสิครับ พี่ริวทาบตัวลงมาบนตัวชื้นน้ำของผม เขาวนจูบอยู่แถวซอกคอและใช้มือลูบไล้ไป

ทั้งตัวจนผมสะบัดร้อนสะบัดหนาว


               “อื้อ พี่ริว”


               ปลายนิ้วนวดวนอยู่ข้างล่างบังคับให้ผมต้องแยกขาเปิดทางให้เขา และอีกแค่ไม่กี่วินาทีไอ้ลูกชายตัวใหญ่ของพี่ริวก็ค่อยๆ

สอดเข้ามาจนผมเสียววูบ


               “ว่านครับ ขยับนิด อ้าอีกหน่อย พี่จะได้เข้าลึกสุดๆ”


               กระซิบอยู่ข้างหูนี่แหละ แถมยังแม่งแหย่ลิ้นเข้ามาในรูหูกูอีก ขี้หูกูอร่อยนักหรือไง


               “เบาๆพี่ริว อูย เสียว”


               สุดทางแล้วสิ เพราะต้นขาของเรากระแทกใส่กันแล้ว ไอ้ช่อนตัวใหญ่แทงลึกเข้ามาสุดตัว แม่งกูจะยำปลาช่อนเสียให้เข็ด

               ผมยกท่อนขาเกี่ยวเอวพี่ริว หลังจากมีกิจกรรมเข้าจังหวะกันบ่อยๆ ผมก็ชักจะเก่งขึ้นแล้วฮะ ตอนนี้ผมเลยแกล้งตอดไอ้ช่อน

จนพี่ริวร้องโอย


                “ไอ้หน้าอ่อน เดี๋ยวนี้บังอาจแกล้งผัว มึงคอยดูกูจะทำให้มึงครางอ๋อยเลย”


               ก็ลองดูสิพี่ ผมคงยอมให้พี่แกล้งหรอก

               ผมผลักพี่ริวที่มัวแต่พล่ามให้พลิกไปนอนหงายโดยที่ผมตามไปนั่งบนตัวของเขา จากนั้นผมก็ยักคิ้วให้และเป็นฝ่ายขยับบด

เอวลงไปบนตัวพ่อไอ้ช่อน พี่ริวถึงกับเงยหน้าเป่าปากมองผมตาพราว


               “เก่งใหญ่แล้วมึง ทำกูเสียวชิบหาย”


               มือใหญ่คว้าลูกชายของผมไว้เป็นตัวประกันก่อนสาวมือไปมา ตอนนี้ผมเป็นฝ่ายสูดปากบ้างเมื่อถูกโจมตีทั้งหน้าและหลัง


               “พี่ริว อูย จะแตก ซี้ด”


               “มึงยังไม่ได้รดน้ำดำหัวกูที่เป็นปู่รหัสมึงเลยนะว่าน”


               เสียงกระเส่าดังมาจากพี่ริวที่กำลังเร่งมือใส่ผม ผมนี่ถึงกับบิดตัวไปมาและต้องกระแทกตัวลงไปบนเอวของพี่ริวเมื่อกล้ามเนื้อ

กำลังบีบตัว

               พรวด!!!

               พุ่งน้ำใส่มือพี่ริวให้เขารูดออกไปจนหมด ผมนี่หอบหนักเมื่อถูกเขาบังคับให้รดน้ำใส่มือ พี่ริวหัวเราะเบาๆก่อนจะเด้งเอวเข้าใส่

อีกไม่กี่ทีปืนฉีดน้ำของพี่ริวก็อัดน้ำใส่ผมบ้าง

               ผมทิ้งตัวลงไปซบหน้าพักเหนื่อยอยู่บนบ่าของเขา พี่ริวดึงหน้าผมไปจูบแล้วกระซิบข้างหูผมอีกครั้ง


               “สุขสันต์วันสงกรานต์ว่ะ กูรักมึงนะไอ้หน้าอ่อนของกู”

               


                                     จบตอนพิเศษ พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน

                     ป.ล. แฟนพี่เมฆกับมะตูมรอก่อน เดี๋ยวให้พี่เมฆพามะตูมไปเที่ยววันที่ 15เมษานะจ๊ะ ^^





[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: <พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่>สุขสันต์วันสงกรานต์13/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 13-04-2016 19:45:56
พี่ริวเทรนมาดีนะฮะ ลูกศิษย์ขึ้นครูเลย เย้ยยยย  :hao7:
หัวข้อ: Re: <พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่>สุขสันต์วันสงกรานต์13/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 13-04-2016 19:55:08
 :m25:
หัวข้อ: Re: <พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่>สุขสันต์วันสงกรานต์13/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 13-04-2016 20:00:49
 :haun4:   เล่นปืนฉีดน้ำแบบเสียวววว.
พี่ริวนี่สุดๆ. เทรนว่านมาดี
หัวข้อ: Re: <พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่>สุขสันต์วันสงกรานต์13/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 13-04-2016 20:24:00
รดน้ำดำคามือปู่รหัสเลยนะเนี่ย

แง๊...สงกรานต์คิดถึงบ้าน   ไม่ได้เล่นสงกรานต์มา 20 กว่าปีแล้วนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: <พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่>สุขสันต์วันสงกรานต์13/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 13-04-2016 20:33:26
 :pig4:
หัวข้อ: Re: <พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่>สุขสันต์วันสงกรานต์13/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 14-04-2016 03:22:42
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: <พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่>สุขสันต์วันสงกรานต์13/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 14-04-2016 08:06:14
กำลังคิดถึงริวกะว่านพอดีเลย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่>สุขสันต์วันสงกรานต์13/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-04-2016 11:43:55
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่>สุขสันต์วันสงกรานต์13/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 14-04-2016 21:07:44
รดน้ำเสร็จ สาดน้ำต่อเลยนะพี่ริววว
หัวข้อ: Re: <พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่>สุขสันต์วันสงกรานต์13/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 15-04-2016 00:41:38
เพิ่งว่างได้มาอ่านคู่หลัง ตอนแรกแอบช็อกที่มะตูมเป็นฝ่ายกด แต่พอมาสลับกันเออก็ดอเคนะแต่จริงๆอยากให้มะตูมรับมากกว่าอะ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: <พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่>สุขสันต์วันสงกรานต์15/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 15-04-2016 13:38:19


                                                                 น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่

                                                            บทพิเศษ สุขสันต์วันสงกรานต์


               “เป็นอะไรถึงทำหน้าเหมือนถูกบังคับให้แดกยาถ่าย”


               มันเป็นไงวะไอ้หน้าแบบนั้น


               ผมก้มลงมองใบหน้าตัวเองที่กระจกรถยนต์ของพี่เมฆ มันก็หล่อเหมือนเดิมนี่หว่า จะว่าไปก็หล่อมากกว่าเดิมด้วยซ้ำเพราะผม

เผ้าถูกเซ็ตมาอย่างดีผิดกับทุกครั้งที่ไม่เคยทำ แถมเสื้อผ้ายังดูดีมีชาติตระกูลเหมือนคุณชายในละครหลังข่าวอีกต่างหาก วันนี้ไอ้มะตูม

หล่อเต็มที่นะเว้ยเฮ้ย

               แต่ไอ้ที่มีสีหน้าพิลึกอย่างที่พี่เมฆว่านั่นก็เพราะจุดประสงค์ที่พี่เมฆพาผมมาด้วยในวันนี้ต่างหาก

               ผมเงยหน้าขึ้นมองป้ายผ้าผืนใหญ่ที่แขวนอยู่เหนือทางเข้าวัดสวนดอก อันที่จริงวัดนี้ผมก็แว้นผ่านบ่อยเพราะอยู่ใกล้

มหาวิทยาลัยแต่ก็ยังไม่เคยเลี้ยวเข้ามาสักที น้ำหน้าอย่างไอ้มะตูมนะจะเข้าวัด เข้าไปก็ร้อนตายสิครับ ส่วนที่ว่าทำไมวันนี้มาได้ก็คงเป็น

เพราะตัวหนังสือบนป้ายผ้าที่บอกว่าวันนี้เป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่ง


                                       “พิธีสักการะกู่เจ้าหลวง”


               “ถ้าจะให้เล่ามันก็ยาวล่ะนะ สรุปง่ายๆคือ พระราชชายาเจ้าดารารัศมีท่านทรงรวบรวมอัฐิของเจ้าผู้ครองนครมาไว้รวมกันที่วัด

สวนดอก ทางการท่องเที่ยวกับทางจังหวัดจึงจัดงานสักการะเจ้าเมืองที่ผ่านมาเป็นประจำทุกปีไงล่ะ”


               พี่เมฆอธิบายให้ฟังตอนที่เขาบอกว่าต้องไปงานนี้


               “ตอนเช้าจะเป็นพิธีทำบุญของคณะลูกหลานเจ้านายฝ่ายเหนือ พอตอนค่ำก็จะมีขบวนแห่มาที่นี่ของหน่วยงานทั้งรัฐและ

เอกชน และมีการแสดงแสงสีเสียงใหญ่โตเลยนะมึง”


               “แล้วไงพี่”


               ผมยังทำหน้าเอ๋อฟังพี่เมฆเล่าเป็นฉากๆ


               “กูต้องไปงานทำบุญตอนเช้า”


               “อือ พี่ก็ไปดิ”


               “มึงต้องไปกับกูด้วย”


               หา กูเอ๊ย ผมนี่นะ ต้องไปออกงานกับพี่ โนเวย์


               “มึงไม่ไปก็ได้”


               เฮ้อ ค่อยยังชั่วหน่อย


               “แต่กูก็จะน้อยใจ พอกูน้อยใจกูก็จะโกรธและถีบมึงออกจากห้อง ถ้ามึงมาง้อกูก็ไม่หายโกรธ จากนั้นกูจะมีแฟนใหม่ ส่วนมึงก็

กลายเป็นหมาหัวเน่าไม่มีใครเอาต้องไปโดดแม่น้ำปิงตายไปโดยไม่มีใครสนใจ”


               พูดขนาดนี้กูยอมก็ได้ครับ พี่เมฆก็เลยจับผมแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตสีสุภาพกางเกงสแลคสีดำรองเท้าหนังขัดเป็นเงาวับ โดย

ทั้งหมดนี่พี่เมฆรูดบัตรเปย์ให้ทั้งหมด แหม  ป๋าจริงๆแฟนผม และพอได้ขัดสีฉวีวรรณตัดผมแต่งตัวครบผมก็หล่อขึ้นมาทันตาเห็น แต่ถึง

จะหล่อจนสาวดีดดิ้นขาดใจตายผมก็ยังไม่ค่อยสบายใจที่พี่เมฆจะพาผมไปด้วยอยู่ดีขนาดว่าตอนนี้อยู่หน้าทางเข้าวัดกับพี่เมฆแล้วก็ตาม


               “พี่เมฆมั่นใจเหรอที่จะพาผมไปด้วย มันเท่ากับพี่เปิดตัวผมต่อหน้าสาธารชนคนตระกูลพี่เลยนะ แล้วพี่จะโดนมองยังไงบ้าง พี่

เมฆไม่กลัวเหรอที่จะถูกมองว่าเป็นกบฎของครอบครัว”


               “กลัว”


               หน้าหล่อที่ชนะผมไปแค่คะแนนเดียวถอนหายใจออกมา พี่เมฆเดินเข้ามาหาและสอดมือประสานกันไว้กับมือของผม ใบหน้า

ยามสบตากันจริงจังจนผมไม่กล้าเอ่ยอะไรออกไปอีก


               “กูยอมรับว่ากูมันคนเห็นแก่ตัวว่ะมะตูม กูอาจจะอยู่ได้ด้วยตัวเองเวลาที่กูมีความสุขหรือมีชีวิตที่เป็นปกติ แต่ในเวลาที่กูอยาก

จะเอาชนะความกลัวในใจ กูขอแค่ให้มีใครสักคนอยู่ใกล้ๆตอนที่กูอ่อนแอที่สุด เท่านั้นเองมะตูม”


               ผมได้แต่กระชับมือของผมเข้ากับมือของเขา ถึงแม้ว่าผมจะเป็นแค่คนธรรมดาไม่ใช่ซุปเปอร์ฮีโร่อย่างในหนัง แต่ผมก็อยากจะ

เป็นคนที่ปกป้องพี่เมฆเมื่อเขาพบกับความอ่อนแอที่ถาโถมเข้ามา


               “โอเคพี่เมฆ ไอ้มะตูมคนนี้จะคอยปกป้องพี่เมฆเอง ไป เข้าไปในงานได้แล้ว ไม่ว่าข้าศึกจะเป็นใคร ไอ้มะตูมจะสู้สุดใจไม่หวั่น

แม้วันมามาก”


               พี่เมฆหลุดหัวเราะออกมา เขายกมือผลักหน้าผมจนหงายหลัง


               “มึงนี่น้า ล้นได้ตลอดเวลาไอ้มะตูม”


               เขาดึงมือผมให้เดินตามไปจนถึงหน้าปะรำพิธีที่มีผู้ใหญ่ยืนอยู่เต็มไปหมดแต่พี่เมฆก็ไม่ยอมปล่อยมือจนกลายเป็นเป้าสายตา

ให้เกือบทุกคนหันมามองโดยเฉพาะพ่อพี่เมฆที่ยืนตาเขียวรออยู่แล้ว


               “ไอ้เมฆ แกจะทำตัวเหลวไหลให้พ่อกับแม่ขายขี้หน้าไปถึงเมื่อไหร่”


               พ่อพี่เมฆกัดฟันด่าแบบเสียงไม่ดังนักด้วยความอับอายโดยมีผู้หญิงวัยกลางคนแต่งชุดพื้นเมืองยืนกระหนาบข้าง ผมเดาว่าน่า

จะเป็นแม่พี่เมฆจึงได้ดึงมือออกจากมือของพี่เมฆขึ้นมาไหว้ทั้งพ่อและแม่ของเขา


               “พ่อ ไม่เอาน่า ลูกมันโตแล้วก็เพลาๆลงบ้าง เมฆก็เหลือเกินนะลูกเมื่อไหร่จะเลิกทำตัวหัวแข็งต่อต้านพ่อเขาเสียที”


               “ผมไม่ได้ต่อต้านครับแม่ แต่มะตูมคือคนที่ผมรัก การพามะตูมมาวันนี้ก็เท่ากับผมให้เกียรติคนรักของผม”


               “แกจะรักมันก็รักไป แต่แกก็ไม่ควรจะเปิดเผยว่าเป็นเกย์ให้คนในครอบครัวเขาต้องอับอายไปด้วย”


               “ผมนึกว่าสิ่งที่น่าอายคือทำชั่วทำเลวทำผิดกฎหมายเสียอีก ไม่นึกว่าการที่ผมมีคนรักเป็นผู้ชายแล้วต้องอายด้วย”


               “พี่เมฆใจเย็น”


               ผมยกมือลูบแขนพี่เมฆเมื่อเห็นว่าการงัดข้อกันระหว่างพ่อกับลูกเริ่มจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ผมถือโอกาสที่คนเริ่มจะเตรียมตัว

ต้อนรับผู้ว่าราชการที่เป็นประธานดึงแขนพี่เมฆออกห่างพ่อของเขา 


               “วิถีกบฎเริ่มอีกแล้วรึไงเมฆ”


               เสียงญาติที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับพี่เมฆทักทาย พี่เมฆยักไหล่พร้อมกับส่ายหน้าก่อนที่เขาจะแนะนำผมกับบรรดาญาติเหล่า

นั้นที่ก็พูดคุยกับผมเป็นปกติทำให้ผมพอเบาใจได้บ้างว่าไม่ใช่ทุกคนที่เห็นแก่ชื่อเสียงเกียรติยศเพียงอย่างเดียว

               งานช่วงเช้าดำเนินไปอย่างเรียบง่ายจนแล้วเสร็จก่อนเที่ยง จากนั้นก็มีการรับประทานอาหารร่วมกันก่อนไปเตรียมงานยิ่งใหญ่

ในช่วงบ่าย ขบวนแห่จะเริ่มจากหอศิลปวัฒนธรรมมาจนถึงวัดสวนดอกในยามค่ำ จากนั้นที่นี่ก็จะเต็มไปด้วยแสงไฟงดงามกับการแสดง

ระลึกถึงอดีตที่ผ่านมา


               คณะลูกหลานเจ้าเมืองฝ่ายเหนือมีขบวนเป็นของตัวเองด้วย พี่เมฆเองก็เริ่มมีใบหน้าสดใสขึ้นเมื่อได้พูดคุยกับญาติๆรุ่น

เดียวกัน ผมเองก็เริ่มจะคุ้นเคยกับหลายๆคนจึงไม่เก้อเหมือนตอนเช้า แต่พอใกล้ถึงเวลาที่ขบวนแห่จะเริ่มต้น พ่อพี่เมฆก็เดินตรงเข้ามา

หาผมด้วยใบหน้าบึ้งตึง


               “มึงออกไปจากขบวนเดี๋ยวนี้”


               ไล่แม่งอย่างกะหมูกะหมา นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นพ่อพี่เมฆนะ ฮึ่ม

               ลืมไป ไอ้มะตูมเก่งแต่บนสังเวียนเทควันโด้เท่านั้นครับ ชีวิตจริงกูเก่งแต่กับผู้หญิง คนแก่และเด็กเท่านั้น


                “รอให้พี่เมฆไล่ผมก่อนครับ”


               ผมตอบกลับด้วยเสียงที่กดให้เรียบที่สุดเท่าที่จะทำได้


               “เขาเป็นคนพาผมมา ดังนั้นผมให้สิทธิ์เขาไล่ผมได้คนเดียว”


               พี่เมฆที่กำลังยืนคุยกับคนอื่นหันมาเห็นเข้า เขารีบก้าวยาวๆเข้ามาทันที


               “ทำไมครับพ่อ”


               “แกต้องพามันออกไปจากขบวน ที่นี่มีแต่คนที่เป็นเจ้านายสูงส่ง ส่วนมันไม่ควรจะเผยอหน้ามาร่วมเดินด้วย”


               หันมามองกันเป็นตาเดียวสิครับงานนี้ ไอ้มะตูมดังอีกแล้ว


               “สูงแค่ไหนครับ ร้อยแปดสิบสองเซ็นนี่ยังไม่สูงพอหรือครับ หรือว่าจะต้องให้เพิ่มความสูงขนาดเปรตวัดสุทัศน์คุณลุงถึงจะ

พอใจ”


               “ไอ้!”


               “ถ้าพ่อด่าหรือลงมือกับมะตูม ผมจะพามะตูมไป”


               “ดี เอามันไปไกลๆ”


               “แต่ผมจะไปด้วย”


               “ไอ้เมฆ!”


               “ผมคงไม่สูงส่งพอที่จะเดินไปพร้อมกับพ่อหรอกครับ”


               “มึงท้ากูใช่ไหม ไอ้ลูกสารเลว ส่วนมึง มึงทำให้พ่อลูกเขาแตกกัน”


               คำหลังหันมาด่าผมครับ ผมนี่ชักจะขึ้นที่คุยกับคนแก่หัวดื้อไม่รู้เรื่อง พี่เมฆคว้าแขนผมทันที


               “มะตูม กลับ”


               ดีครับ อยู่แล้วคัน

               ผมหันหลังก้าวไปพร้อมพี่เมฆ แต่ก่อนกลับออกไปผมหันไปหาพ่อพี่เมฆอีกครั้ง


               “ไม่มีใครทำให้คุณลุงกับลูกแตกกันหรอกครับ นอกจากตัวคุณลุงเอง”


               ในที่สุดผมกับพี่เมฆก็เดินออกจากขบวนแห่อันยิ่งใหญ่ แต่พี่เมฆก็ยังไม่ได้กลับหอ เขาอยู่ร่วมงานที่วัดสวนดอกเหมือนชาว

บ้านคนอื่นที่ตั้งใจมาสักการะแด่เจ้าเมืองทุกคนจนกระทั่งจบงาน พี่เมฆยกมือไหว้ไปที่เหล่าเจดีย์ของบรรพบุรุษ ผมรู้ว่าพี่เมฆเคารพและ

ระลึกถึงท่านเหล่านั้นเพียงแต่ในวันนี้เขาไม่ได้ร่วมขบวนในฐานะลูกหลานอย่างเช่นเคย
               




               กว่าจะกลับถึงหอพักของพี่เมฆก็เกือบเที่ยงคืน ผมงี้แผ่หราลงไปกลางเตียงเพราะความเมื่อยขาที่ต้องยืนดูการแสดงอยู่นาน

ไอ้พี่เมฆที่เดินตามมาทิ้งตัวลงนอนทับผมทันที

               แอ้ก แม่งทับมาได้


               “เมื่อยเนอะ”


               “ลงไปเลย หนักชิบหาย”


               ผมผลักพี่เมฆที่ยักคิ้วใส่ผม


               “มึงนี่ปากหมาว่ะเล่นซะพ่อกูจ๋อย”


               ชักจะสำนึกผิดแล้วแฮะ แม่สอนว่าอย่าเถียงผู้ใหญ่ ฮือ


               “เพราะพี่เลย ทำให้ผมกลายเป็นคนปากหมา”


               “ไม่ใช่หมาอยู่แล้วเหรอวะ ไหนดูหน่อยมีหมากี่ตัว”


               มือแข็งอย่างกับคีมบีบให้ผมอ้าปาก พี่เมฆมองตาพราวก่อนปิดปากทับลงมา โดนจูบสิครับงานนี้


               “ขอบใจนะมะตูม มีมึงอยู่ข้างๆนี่ดีชะมัด”


               พี่เมฆกระซิบข้างหู  ส่วนมือก็ดึงชายเสื้อออกจากขอบกางเกงและล้วงเข้าไปด้านใน


               “ขอบใจเฉยๆก็ได้ม้าง มือเหี้ยนี่ก็ซนจริง”


               ผมโต้เสียงสั่น ก็หัวนมถูกเขี่ยเล่นจนชักจะอยากถอดเสื้อให้มันรู้แล้วรู้รอด พี่เมฆยิ้มตาใสตอนที่เขาปลดเข็มขัดหนังของผม

ออกตามด้วยปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ดอย่างใจเย็น

               อ่อยชิบหาย

               รู้ว่าแม่งหื่นแต่ลีลาเยอะไงไอ้พี่เมฆน่ะ

                แต่ก็เร้าใจโคตรๆกว่าที่เราจะกอดก่ายกันอยู่กลางเตียง


               “ตะกี้บ่นเมื่อยไม่ใช่เหรอ มาสิ กูนวดให้”


               พี่เมฆอาสาทำดีฮะ เขาลุกนั่งระหว่างขาของผมและดึงขาผมไปนวดเฟ้นตั้งแต่ปลายเท้าไล่นิ้วมาจนถึงโคนขา เวลาที่นิ้วร้อน

สัมผัสเนื้ออ่อนใกล้ทางแยกแต่ละที ผมงี้สะดุ้งวาบๆ


               “พี่เมฆ นี่ไม่ใช่นวดเฉยๆแล้ว พี่จะนาบผมใช่ไหม”


               ไม่ตอบฮะ แต่ทิ้งตัวลงมานอนคว่ำอยู่ตรงหน้าขาของผม และงับเบาๆ เสียวท้องน้อยไปหมดตอนที่เขาซุกหน้าเข้าไปหาช่อง

ว่างและใช้ลิ้นแหย่เข้าไป


               “อูย พี่เมฆ จะเอายังเนี่ย”


               ผมครางออกมาดังลั่น เอวงี้ไม่ติดที่นอนแล้วฮะเมื่อถูกลิ้นพิฆาตเล่นงานหนักข้อ พี่เมฆปั่นไอ้ลูกชายของผมจนหัวหมุนก่อนที่

เขาจะดันตัวขึ้นเพื่อที่จะผลักเอวเข้ามาแทนปลายลิ้น

               พี่เมฆหลับตาพริ้มตอนที่เขาดันสะโพกลึกเข้ามา ร่างกายของผมคุ้นเคยตอบรับให้เขาผ่านสะดวก หลังๆนี่แม่งชิงกดผมบ่อย

ไง ไม่ได้การ งวดหน้าต้องกดพี่เมฆให้ได้ แต่งวดนี้ยกให้ก็แล้วกัน


               “ท่าไหนดีวันนี้”


               แน่ะ ยังมีหน้ามาถามกูอีก มึงจะเอาท่าไหนก็เอาเถอะครับ ตอนนี้สมองไม่แล่น


               “ตะแคงไหมพี่เมฆ ยังไม่เคย”


               อ้าว แล้วกูเสือกเสนอทำไมครับ พี่เมฆกดยิ้มที่มุมปากแทนคำยินยอมรับข้อเสนอ เขาค่อยๆพลิกตัวผมและขยับซ้อนไปอยู่

ด้านหลังทั้งที่ไอ้ลูกชายยังเสียบคาอยู่นั่นแหละ


               “เสียวว่ะ”


               พี่เมฆยกขาที่อยู่ด้านบนของผมขึ้นเพื่อเปิดทางให้กว้าง  จากนั้นก็สตาร์ทเครื่องให้ลูกสูบทำงานช้าๆ ท่อนเนื้อสอดลึก

กระแทกโครมๆแรงขึ้นเรื่อยจนผมหน้ามืดต้องคว้าหมอนข้างมากอดและถูไถเจ้าลูกชายตัวเองไปกับมัน


               “มะตูม มันดีว่ะมึง”


               ได้ยินเสียงครางต่ำดังมาจากพี่เมฆทางด้านหลัง เมื่อใกล้จะแตกกันทั้งคู่พี่เมฆก็ผงกหัวขึ้นมาและจับหน้าผมให้หันมารับจูบ

ของเขา

               เราจูบแลกลิ้นเปียกชุ่ม ด้านล่างก็ฉ่ำแฉะ พี่เมฆเร่งเครื่องอีกไม่กี่ทีเราทั้งคู่ก็หอบแฮกซบกันอยู่กลางเตียง

                เดี๋ยวยกยอดไปอาบน้ำตอนเช้านะ วันนี้ตื่นเช้าแถมยังเหนื่อยอีกต่างหาก ไม่ไหวแล้ว ตาปิดลืมไม่ขึ้น

               หลับดีกว่า

              และผมก็ยังหวังว่ารอบหน้าผมจะกดพี่เมฆให้ครางฮือ ใต้ร่างของผมบ้าง

               แต่ตอนนี้ผมหลับลงพร้อมกับกอดพี่เมฆไว้แน่นตลอดทั้งคืน



                                                                     จบตอนพิเศษ



               งานสักการะกู่เจ้าหลวงในปีนี้ตรงกับวันที่ 17 เมษายน

               คนแต่งก็ว่าจะลงเรื่องนี้วันนั้น แต่ไม่ว่างไงเลยลงวันนี้แทน

               วันงานไปเที่ยวกันก็อย่าลืมมองหาพี่เมฆกับมะตูมนะคะ

                o18 o18 o18





[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: <พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่>สุขสันต์วันสงกรานต์15/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 15-04-2016 15:28:38
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษค่ะ ครอบพี่ริวน่ารักทั้งครอบครัวเลยดีใจกับว่านด้วย แต่ครอบครัวพี่เมฆโดยฌฉพาะคนพ่อนี่สิดีนะที่เป็นมะตูมผู้ไม่ยอมใคร ฮ่าๆๆเจอไฝว้กลับซะ ส่วนตัวเราชอบมะตูมรับอะคิดว่ามันเหมาะดี ฮ่าๆๆ พี่เมฆชิงกดมะตูมให้ได้ตลอดๆนะ
หัวข้อ: Re: <พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่>สุขสันต์วันสงกรานต์15/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 15-04-2016 15:51:32
 :hao7: :hao7: :hao7: พี่เมฆกะมะตูม
หัวข้อ: Re: <พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่>สุขสันต์วันสงกรานต์15/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 15-04-2016 16:25:42
เมึยอึด. เป็นเมียพี่เมฆต้องอดทนแบบนี้แหละมะตูม
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษค่ะ
มีความหวังต่อไปนะมะตูมทั้งที่มันแสนจะริบหรี่ก็เถอะ
หัวข้อ: Re: <พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่>สุขสันต์วันสงกรานต์15/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 15-04-2016 20:26:54
 :L2: :3123: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่>สุขสันต์วันสงกรานต์15/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: am_am ที่ 16-04-2016 03:00:16
ชอบเรื่องนี้จังเลย สมจริงมาก มีภาพประกอบด้วย
ชอบทั้ง 2 คู่เลยยยย  :-[
หัวข้อ: Re: <พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่>สุขสันต์วันสงกรานต์15/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: Nbear ที่ 16-04-2016 23:07:31
ชอบมากเลย สนุกดีจัง
หัวข้อ: Re: <พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่>สุขสันต์วันสงกรานต์15/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 17-04-2016 02:50:12
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่>สุขสันต์วันสงกรานต์15/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 17-04-2016 12:36:02
สุดยอดเลยครับ แต่ละคน สายหื่นทั้งนั้น
หัวข้อ: Re: <พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่>สุขสันต์วันสงกรานต์15/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: clairon ที่ 20-04-2016 18:08:40
 :กอด1:

น่ารักมากกกก
คู่ชิริวกะน้องว่าน ฟินเฟ้อยย น่ารักมากกก

คู่พี่เมฆกะน้องมะตูมก็เอาฮานะกล้ามชนกล้าม งื้ออ
 
ชอบพี่คนแต่งแต่งแนวนี้ก็น่ารักดีค่ะ อยากให้เป็นเรื่องยาวจัง คงจะดี

 :L2:
หัวข้อ: Re: <พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน+น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่>สุขสันต์วันสงกรานต์15/4/59
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 23-04-2016 18:47:01
 :pig4: ชอบทั้งสองคู่เลยน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน + น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่>>
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 30-04-2016 20:55:12
เค้าได้กันแล้วว ตับๆๆๆๆ :o8: :-[
หัวข้อ: Re: <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน + น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่>>
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 30-04-2016 21:20:33
ไม่รู้สิ เราว่าเราไม่ค่อยเคลียร์ที่ีริวยังอะไรๆกับแฟนเก่าอยู่ ถามหน่อยถ้าว่านไม่ตามไปเคลียร์กับไอ้เท็ดที่สระ ไม่เอาโทรศัพท์ที่ไอ้เท็ดส่งข้อความมาให้ริวอ่าน ต่อไปถ้าไอ้เท็ดสร้างเรื่องนั่นนี่เพื่อหาเรื่องใกล้ชิดริว ริวจะกล้าตัดใยมั้ย คือคนเลิกกันไปแล้วไม่สมควรที่จะติดต่อหรือไปไหนมาไหนกับแฟนเก่าไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรป่ะริว  :katai1:
หัวข้อ: Re: <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน + น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่>>
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 01-05-2016 08:07:09
มะตูมพูดถูกต้องละ ในเมื่อเสียบไปแล้วมันก็ต้องซอยให้เสร็จ :oo1: :laugh:
หัวข้อ: Re: <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน + น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่>>
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 01-05-2016 08:37:13
จะไม่ให้ขาดดุลการค้าเลยใช่ม้ายเมฆ :hao3:
หัวข้อ: Re: <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน + น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่>>
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 03-05-2016 19:18:52
กรี๊ดดดด เรื่องนี้น่ารักมาก
ชอบทั้ง2คู่เลย
หัวข้อ: Re: <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน + น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่>>
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 01-06-2016 11:14:25
สนุกทั้งสองเรื่องเลย

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน + น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่>>
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 17-06-2016 21:13:14
เรน่าก็... เข้ามาอ่านเพราะชื่อเรื่อง 555  :laugh:

พี่ริวรุกเร็วมากกกก ตอนแรกนึกว่าแฟนเก่าพี่ริวเป็นผู้หญิง เลยงงอยู่พักนึงว่าทำไมอยู่ๆถึงได้มาชอบน้องว่าน

อยากให้มีตอนที่พี่ริวกับพี่เมฆเคลียร์กันค่ะ ประมาณว่า มาดหยิ่งทั้งคู่ แต่ในใจคิดว่า เออ อีกฝ่ายมันก็ไม่ได้เลวร้ายนี่หว่า แต่ก็ยังวางท่ากันต่อไป ให้น้องว่านกับน้องมะตูมงงเล่น ฮี่ๆ
หัวข้อ: Re: <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน + น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่>>
เริ่มหัวข้อโดย: Coffeeblack ที่ 18-06-2016 12:56:19
สนุกมากๆๆ ถึงพี่ริวจะโหด เถื่อน
แต่ก็รักและจริงใจกับน้องว่าน
ไม่ฟันแล้วทิ้ง คิคิ
 เลิฟๆๆๆ

 o13

หัวข้อ: Re: <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน + น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่>>
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 02-11-2016 00:48:49
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน + น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่>>
เริ่มหัวข้อโดย: TiwAmp_90 ที่ 03-11-2016 22:08:22
 :mew1:
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วสบายๆ บรรยากาศไม่เครียดไป ชอบบบ!
คู่พี่ริวกับน้องว่านน่ารักมากกก...มีง้องแง้ง เถียงกันบ้าง แต่หวานตลอด
ส่วนคู่พี่เมฆกับมะตูมนี่ออกแนวลิ้นกับฟัน กัดกันมันดี 5555
เป็นคู่แรกจริงๆที่มีสลับบทแล้วเรายังชอบได้อยู่ ปกติอ่านแบบนี้ไม่ค่อยได้ไง แต่คู่นี้แบบ...เออ มันดีอ่ะ! ไม่ได้รู้สึกแปลกๆอะไร
หัวข้อ: Re: <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน + น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่>>
เริ่มหัวข้อโดย: ASAMENG ที่ 05-11-2016 22:07:44
 :katai2-1: ทั้งสองเรื่องเราว่าอ่านสบายดีนะ ไม่เครียดและหน้าติดตามตลอด ถึงเนื้อหาจะสั้นไปนิดนึงก็เถอะ  :laugh: เป็นกำลังใจให้  :กอด1:
หัวข้อ: Re: <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน + น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่>>
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 06-11-2016 16:47:16
อยากอ่านตอนพิเศษอีกจัง
หัวข้อ: Re: <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน + น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่>>
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 11-11-2016 15:27:57
ไอ้ย่าาาาพี่เมฆมาแบบเบาๆ55555555555555 :hao6:
หัวข้อ: <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน + น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่>> #แจ้งข่าวดี ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 23-07-2017 19:56:41



แจ้งข่าวดีจ้า


จะตีพิมพ์แล้วจ้า


กับสำนักพิมพ์ Writer book


อย่าลืมอุดหนุนนะคะ



 :วู้วว1: :วู้วว1: :วู้วว1: :วู้วว1: :วู้วว1:




หัวข้อ: Re: <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน + น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่>> #แจ้งข่าวดี ^^
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 25-07-2017 16:00:26
เรื่องนี้ทำให้คิดถึง มช. ถึงแม้จะไม่ค่อยได้ไปฝั่งสวนสักเท่าใหร่ :-P
หัวข้อ: Re: <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน + น้องมันบ้า หาเรื่องฟันพี่>> #แจ้งข่าวดี ^^
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 26-07-2017 13:14:33
อ้ายยยย คือเรื่องดีอ่ะ ผู้ชายเรื่องนี้หื่นทุกคน 555555
สงสารพี่พูห์กับพี่พล อิจฉาเพื่อนจนตาร้อน ขอให้ได้กันมั้งน้าา
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน>> #เปิดเผยโฉมหน้าคู่รอง ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 27-10-2017 14:37:55

#เปิดตัวคู่รองจ้า
แฟนคลับพี่เมฆกับมะตูมขอเสียงหน่อย
ยลโฉมชัดๆ วันนี้ แล้วอีกไม่นาน คู่พี่ริวกับน้องว่านจะตามมาจ้า


พิมพ์กับ สนพ. Writer books น้า


 :m4: :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน>> #เปิดเผยโฉมหน้าคู่รอง ^^
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 04-11-2017 09:09:17
 :pighaun:
หัวข้อ: Re: <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน>> #เปิดเผยโฉมหน้าคู่รอง ^^
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 09-11-2017 19:14:35
บ้าจริง ฉันผ่านเรื่องนี้ของbelieve ไปได้จะได๋
กรี๊ดดดดด.  อยากได้ผช. ในเรื่องนี้จริงๆ 555+
ชอบทุกคู่เลยจริงๆ :mew1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน>> #เปิดเผยโฉมหน้าคู่รอง ^^
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 20-11-2017 13:37:03
สนุกดีค่ะอยากได้ตอนพิเศษอีกจัง
น่ารักทั้งสองคู่เลย
หัวข้อ: <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน>> #Pre order 28ธ.ค.60-5ก.พ.61#
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 29-12-2017 02:20:04
เปิดPre order แล้วจ้า กับผลงานใส ๆ แทบจะเรื่องเดียวของ Belove


ชื่อเรื่อง พี่ไม่หยิ่งรักจริงหวังฟัน

ราคา 350 บาท

สำนักพิมพ์ Writer book   https://www.facebook.com/writerbookyaoi (https://www.facebook.com/writerbookyaoi)

ระยะเวลา 28 ธันวาคม 2560 – 5 กุมภาพันธ์ 2561

รายละเอียดการจอง อ่านที่นี่ -> https://goo.gl/forms/ajNV3BQquJwJl4Yj2 (https://l.facebook.com/l.php?u=https%3A%2F%2Fgoo.gl%2Fforms%2FajNV3BQquJwJl4Yj2&h=ATOqSNJP7dBnB_b4AnYjXZoecFFOFRIWKLJoxHhM-0z53r5Fw1GM12ZqBisxwXfzCayYVh6hcwTpu7VxC1TKS5i3akECSAve2exHDrww7Il_ijfF-ef6bHU7pvvfrnDrTHk6Wcrh_rYgqzSApIHrgdhr0jjIROW8qzXlYJDmfzvhvKvILQOcbAYD0RcM5E30tuHIY1QaJsPyYooYgnjuS8KnyqOvKzGRxphLYQ7bwZ6Pe_mmpOVEKTxQvZMzvBwNINhiF7sudZSNamakcSvZRi4JrMvmoQw0ZWXYflwW)


คำโปรย


ใครจะคาดคิดว่าผมต้องมาเผชิญกับผู้ชายหื่นกามคนนี้ตั้งแต่เป็นเฟรชชี่ในรั้วมหาวิทยาลัย

ผู้ชายที่ทำให้ผมไม่กล้าหลบตาเวลาเขามองผมตาวาว


“พี่จูบผมทำไมวะ บอกมาดิ๊ หวังฟันผมใช่ไหม”


พี่ริวจ้องตาก่อนจะเลื่อนสายตาลงมาจนมาหยุดที่ปากของผมอีกครั้ง


“อะไรที่ทำให้มึงคิดว่ากูหวังฟันมึงวะไอ้ว่าน”


เกลียดเสียงพี่ริว


มันเนิบนาบราวกับผิวน้ำนิ่งหากแต่มีรอยสั่นของคลื่นอยู่ใต้น้ำ ยอมรับก็ได้ว่าโคตรดึงดูดให้อยากฟัง


ผมตอบกลับไปด้วยความรู้สึกที่วกวนอยู่ในหัวใจ


“ก็การที่เราจูบใครสักคน มีจุดมุ่งหมายเดียวเท่านั้นแหละคือคิดจะฟัน”

 :z12: :z12: :z12: :z12: :z12: :z12: :z12:










หัวข้อ: Re: <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน>> #Pre order 28ธ.ค.60-5ก.พ.61#
เริ่มหัวข้อโดย: benji ที่ 30-12-2017 14:21:36
โอ้โห คู่มะตูมพี่เมฆพี่เมฆมะตูม นี่แซ่บนำหน้าคู่พี่ริวไปไกลเลยนะ แต่บรรยากาศ2ครอบครัวก็แตกต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยเนอะ ยอมรับว่าตอนแรกหมั่นพี่เมฆมาก แต่พออ่านจบเรื่องแล้ว รู้สึกเห็นใจพี่เมฆมากกว่า สู้ๆนะคะพี่เมฆ เราเชื่อว่ามะตูมมันคือผู้ชนะสิบทิศ ศัตรูหน้าไหนก็ต้องพ่ายให้ความล้นของมัน 555555
หัวข้อ: Re: <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน>> #Pre order 28ธ.ค.60-5ก.พ.61#
เริ่มหัวข้อโดย: KittybabymApi ที่ 20-04-2018 12:13:56
ขอบคุณมากค่ะไร้ท์ สนุกสุดฮาอีกเรื่อง น้องว่านว่าน่ารักฮาๆแล้วเจอมะตูมเข้าไปนี่ฮาจนล้น555 ชอบมากที่มีสลับเปลี่ยนกะกันได้ รักกันจริงต้องแบบเน้ ติดตามผลงานต่อนะคะไร้ท์
หัวข้อ: Re: <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน>> #Pre order 28ธ.ค.60-5ก.พ.61#
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 06-07-2018 16:06:23
ซานุกชอบๆ
หัวข้อ: Re: <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน>> #Pre order 28ธ.ค.60-5ก.พ.61#
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 20-07-2018 23:31:37
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ
ชอบตอนพิเศษมากๆ  :-[
หัวข้อ: Re: <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน>> #Pre order 28ธ.ค.60-5ก.พ.61#
เริ่มหัวข้อโดย: zysygy ที่ 30-07-2018 20:52:59
 :mew1:
หัวข้อ: Re: <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน>>
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaWikit ที่ 07-01-2019 13:43:31
ไล่อ่าน เกือบทุกเรื่องแล้ว
แต่ชอบ 2 เรื่องนี้นะคะ น่ารักมากค่ะ
ตอนนี้ ไล่ตามอ่านของใหม่ แล้วละค่ะ
ชอบที่งานเขียน ไม่มี drama มากนัก
อ่านแล้วสบายใจดีค่ะ
ชอบที่มี สารบัญ ด้วยค่ะ อ่านง่ายดี
เจอกันนะคะ
หัวข้อ: Re: <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน>>
เริ่มหัวข้อโดย: Charmy ที่ 11-01-2019 21:46:49
 :hao6:
หัวข้อ: Re: <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน>>
เริ่มหัวข้อโดย: zysygy ที่ 24-01-2019 22:06:46
มาอ่านอีกรอบ คิดถึง
หัวข้อ: Re: <<พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน>>
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 13-03-2024 20:16:43
ดีแทค ระบบเติมเงิน โปรเน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว (ราคารวมภาษี 7% แล้ว)
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 803บ./90วัน กด *104*591*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 1,284บ./180วัน กด *104*592*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 1,926บ./365วัน กด *104*593*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 1,069บ./90วัน กด *104*594*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 1,498บ./180วัน กด *104*595*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 2,675บ./365วัน กด *104*596*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 236บ./7วัน กด *104*388*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 696บ./30วัน กด *104*389*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 1,711บ./90วัน กด *104*598*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 2,139บ./180วัน กด *104*578*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 3,745บ./365วัน กด *104*579*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 354บ./7วัน กด *104*398*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 1,188บ./30วัน กด *104*597*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 139บ./7วัน กด *104*77*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 535บ./30วัน กด *104*97*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 246บ./7วัน กด *104*78*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 696บ./30วัน กด *104*98*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 375บ./7วัน กด *104*79*8488034#
เน็ตดีแทค 8 Mbps(เม็ก) 95บ./8วัน กด *104*897*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *104*798*8488034#
เน็ตดีแทค 2 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 380บ./30วัน กด *104*237*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 470บ./30วัน กด *104*236*8488034#
เน็ตดีแทค 12 Mbps(เม็ก) 193บ./7วัน กด *104*841*8488034#
เน็ตดีแทค 12 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *104*842*8488034#
ยกเลิกเน็ต  กด  *103*0# โทรออก
ดีแทค  เช็คเน็ต คงเหลือ กด *101*1# โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง กด *102# โทรออก
ยกเลิก SMS กินเงิน กด *137 โทรออก
เช็คเงิน คงเหลือ กด *101# โทรออก 
ติดต่อ คอลเซ็นเตอร์ กด 1678 โทรออก
เน็ตไม่อั้น ไม่ลดสปีด  โปรรวม
สมัครง่ายๆ กดตามได้เลยค่ะ
#โปรเน็ตสุดฮิต  DTAC
โปรที่คุ้มที่สุดของการใช้เน็ต
#โปรเสริมเน็ตวันนี้ #โปรเน็ตสุดฮิต #เน็ตไม่อั้นไม่ลดสปีด #โปรเน็ตดีแทค #เน็ตดีแทคเติมเงิน #โปรดีแทครายสัปดาห์ #โปรดีแทครายวัน #โปรแทครายเดือน #โปรเน็ตDTAC #เน็ตไม่จำกัด #เน็ตไม่ลดสปีด #โปรเน็ตไม่อั้นรายวัน #โปรเน็ตไม่อั้นรายสัปดาห์ #โปรเน็ตไม่อั้นรายเดือน #DTAC #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีดี #โปรเสริมDTAC #โปรเสริมดีแทค
https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368 (https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368)


เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I (https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=xgJOI7_4_vg (https://www.youtube.com/watch?v=xgJOI7_4_vg)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.facebook.com/share/p/sTA3Vv6dxR4GnW6x/?mibextid=qi2Omg (https://www.facebook.com/share/p/sTA3Vv6dxR4GnW6x/?mibextid=qi2Omg)


ดีแทค ระบบเติมเงิน Dtac เน็ตไม่อั้น เร็ว 12 Mbps เม็ก หมดเขต 30 เมษายน 2567
https://www.youtube.com/watch?v=-u5Ua409XKc (https://www.youtube.com/watch?v=-u5Ua409XKc)


ดีแทค ระบบเติมเงิน เน็ตไม่อั้น เร็ว 30 Mbps(เม็ก) นาน 30 วัน ราคา 350 บาท แถมโทรฟรีทุกค่าย
https://www.youtube.com/watch?v=9ATbQS3gVwA (https://www.youtube.com/watch?v=9ATbQS3gVwA)