Yours and Mine EP.24 :: It's a small world. (โลกมันกลม) [60%]เช้าวันถัดมาตอนเกือบเก้าโมงเช้าออสตินก็มารับเราสองคนกลับบ้าน นับถือใจออสตินยิ่งนัก เมื่อคืนขับกลับไปนอนบ้านใหม่ เช้าอีกวันก็ต้องขับกลับมารับเราสองคนที่โรงพยาบาล และก็ตามเคย เขาชิล เขาทำได้ เพราะเขาได้ตังค์ ตอนที่เรากำลังจะกลับ พยาบาลก็อุ้มสองแฝดตัวจ้ำม่ำเข้ามาในห้องเพื่อให้เจ้าตัวน้อยได้มาดูดหน่มน้มคุณแม่ ผมเลยอ้อยอิ่งต่ออีกแปบ
“สองคนนี้เป็นนักร้องนำประจำห้องพักเลยละค่ะ” ผมทำหน้าประหลาดใจตอนที่พยาบาลร่างท้วมบอกด้วยรอยยิ้มขำขัน
“ยังไงเหรอครับ”
“ถ้าหนึ่งในสองคนร้อง อีกคนจะร้องตาม แล้วสักพัก เด็กในห้องพักเด็กอ่อนก็จะร้องตามเขาทั้งสองคน” ผมกับไวโอล่าหัวเราะ มองเจ้าสองแฝดที่ดูดนมจ๊วบๆ แบบไม่สนใจคำนินทาของพวกเรา
“ขอโทษด้วยนะครับ” พยาบาลรุ่นแม่ยกมือโบกหนึ่งที สีหน้าของเธอไม่ได้เครียดหรือรำคาญ
“เป็นเรื่องปกติสำหรับพวกฉันมาก ยังดีที่สองหนุ่มเขาเปิดการแสดงร้องประสานเสียงไม่เกินสิบห้านาที” ผมหัวเราะด้วยความเอ็นดู ยกมือลูบหัวสองหนุ่มน้อยคนละที ดูดนมท่าทางเอร็ดอร่อยเชียว จะว่าไปไวโอล่าก็ให้นมลูกชิลมากเลยนะ ไม่อายพี่ ไม่อายบอดี้การ์ดของพี่ชายเลย
“วันนี้จะมีขลิปอวัยวะเพศให้ทั้งสองคนนะคะ” ชั่วขณะหนึ่งผมลืมตัวว่ามันเป็นเรื่องปกติของผู้ชายเลยเผลอทำตาโตตกใจ แต่พอนึกขึ้นได้ว่าตัวเองก็เคยทำเลยเปลี่ยนเป็นยิ้มแทน
“จะเจ็บมั้ยคะ” ไวโอล่าถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล แต่ก็ไม่ใช่ว่าเครียด เหมือนเธอไม่รู้ขั้นตอนการขลิปมากกว่าเลยอาจเป็นเรื่องน่ากังวลใจสำหรับเธอ
“ทำตั้งแต่ตอนนี้แหละดีแล้ว ไปทำตอนโตจะเจ็บกว่า เพราะมันเริ่มจับความรู้สึกเป็น” วิคเตอร์ที่นอนเล่นมือถืออยู่บนโซฟาพูดขึ้นมาลอยๆ เขานอนแบบนั้นตั้งแต่พยาบาลเดินเข้ามา นอนอืดเหมือนเป็นบ้านตัวเอง
“เพื่อความสะอาดน่ะไวโอล่า” ผมยิ้มแช่มชื่นให้เธอคลายกังวล ไวโอล่าพยักหน้าแบบไม่ค่อยมั่นใจนัก ผมว่าเธอคงห่วงว่าลูกยังเล็กมากก็จะโดนมีดหมอกรีดลงบนร่างกายแล้ว
“ช่าย เพื่อความสะอาด แมทรู้ดีว่าถ้าของสะอาดก็จะทำให้ง่ายต่อการคลุกคลีมากขึ้น”
“ชะ…” ผมที่กำลังยิ้มแย้มและกำลังจะไหลตอบรับคำไอ้ยักษ์ถึงกับชะงักเพราะสติเตือนทันว่าเขาพูดอะไร ผมหันควับไปมองไอ้ผมยาวที่คลี่ยิ้มทะเล้น ผมเบิกตากว้างมองเขาเป็นเชิงปราม แต่ถามว่าไอ้ยักษ์มันรู้สึกอะไรมั้ยเหรอ หึ นอนยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่นั่นไง ผมหันกลับมามองพยาบาล เธอกำลังพยายามกลั้นยิ้มขำ
“ยังไงก็ฝากด้วยนะครับ” ผมตีเนียนเปลี่ยนประเด็น เธอรับคำและเดินยิ้มออกไปจากห้อง ออสตินนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ชิลๆ ขานั้นเขาคุ้นเคยกับความลามกของเจ้านายตัวเองดี ส่วนไวโอล่าก็อมยิ้มกรุ้มกริ่มแต่ก็ไม่ได้ล้อเลียนอะไร
“งั้นเดี๋ยวฉันกับวิคเตอร์กลับบ้านก่อนนะ แล้วตอนเย็นจะกลับมาใหม่” ไวโอล่าเงยหน้าขึ้นมอง เธอเลื่อนสายตาไปมองพี่ชายตัวเองที่ดันตัวลุกขึ้นนั่งเตรียมรอกลับบ้าน
“นี่พี่ไม่มีงานทำจริงๆ เหรอ สองอาทิตย์แล้วนะที่พี่มานอนเฝ้าฉันเนี่ย”
“เฮ้ๆ ใจเย็น พูดซะอย่างกับฉันตกงาน ช่วงนี้ก็ช่วงพักฉันบ้างสิ” ไวโอล่าเลิกคิ้วขึ้นแล้วหันมามองผมเป็นเชิงถามว่าจริงมั้ย ผมพยักหน้าหงึกๆ
“เดี๋ยวเดือนหน้าเขาก็กลับไปถ่ายหนังแล้ว คราวนี้ยาวข้ามปีเลยละ ปั๊มเงินเพื่อแฝดไง” ผมยิ้มปริ่มใจแต่สักพักยิ้มก็หุบวืด
“ใครบอก ฉันเลี้ยงแค่ตัวเองกับนายแค่นั้นแหละ” ผมหันควับไปมองไอ้ยักษ์ที่ลุกเดินมายืนซ้อนด้านหลังผมแล้วยื่นสองมือไปขยี้หัวสองแฝดจนเจ้าแฝดที่กำลังเพลินกับการดูดนมแม่อยู่ถึงกับหยุดแล้วร้องไห้
“แอว๊ แอว๊ แอ๊”
“ไอ้ยักษ์!!” ผมหันไปดุไอ้หนวดดกครึ้มอย่างกับคนไร้บ้าน เขาเลิกคิ้วขึ้นและตีหน้ามึนตามเคย ผมหันกลับไปมองสองแฝดที่แหกปากร้องราวกับจะด่าลุงตัวเองว่าสาระแนนัก (คิดเอง)
“โอ๋ๆ เอานมปิดปากได้มั้ย” ไวโอล่าก็เอาแต่ยิ้มขำ ออสตินก็ให้เกียรติไวโอล่าด้วยการไม่เงยหน้าขึ้นมอง มีแต่ผมนี่แหละที่ตื่นตระหนกตกใจ ผมช่วยไวโอล่ายกสองแฝดให้ปากไปอยู่ในระดับเดียวกับเต้านม พอจุกหน่มน้มเข้าปาก เจ้าลูกหมูทั้งสองตัวก็เงียบกริบ ผมถอนหายใจโล่งอก หันไปมองไอ้ยักษ์ตาขวาง
“นิสัย!! กับเด็กก็ยังแกล้งได้ สร้างศัตรูไว้สองคนเลยนะ!”
“สองคนนั้นไม่เท่าไหร่ ไอ้คนนี้ที่ยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดต่างหากที่โอเวอร์ยิ่งกว่า ฉันแค่ลูบหัวเอง”
“ก็ลูบเบาๆ สิ ลูบอย่างกับจะกระชากหัวเด็กอย่างงั้นแหละ เด็กนะไม่ใช่เครื่องทุ่นแรง” วิคเตอร์มองผมด้วยความหมั่นไส้ เขาตาโตใส่ผม สักพักก็ยกมือขวาขึ้นขยี้หัวผมแรงๆ ก่อนกดมือไว้บนหัว และยกมือซ้ายขึ้นตีหลังมือเขาเองจนสะเทือนมาถึงหัวผม
“โอ๊ยยย อียักษ์!”
“ปกป้องมันจังนะ เดี๋ยวเถอะ ฉันจะเอามันสองคนใส่ตะกร้าไปทิ้งไว้บนยอดเขา” คราวก่อนก็จะเอาหลานไปลอยน้ำ คราวนี้ถึงขั้นจะเอาไปทิ้งไว้บนยอดเขา โอ๊ย เนาะอีพ่อเอ๊ย
“ฉันว่าแฮคเตอร์กับเฮคเตอร์ชอบให้เธอสองคนทะเลาะกันนะ ดูสิ เงียบกริบเหมือนกำลังแอบฟังอยู่เลย” ผมมองแฝดตัวจ้ำม่ำที่นอนดูดนมแม่อย่างเรียบร้อยแล้วคลี่ยิ้มเอ็นดู
“แผนสูงนักนะไอ้แฝดผี คิดจะยุให้ฉันสองคนแตกกันละสิ” เพี้ยนไม่เพี้ยนคิดดู ออสตินที่นิ่งๆ ยังหลุดขำพรืด ไวโอล่าอยากจะหัวเราะแรงๆ แต่คงกลัวนมกระฉอกออกจากปากลูก ผมหันไปทำหน้าเอือมใส่ไอ้ยักษ์ เด็กเกิดมายังไม่ทันครบอาทิตย์ มันตั้งตัวเป็นปรปักษ์ด้วยแล้ว
ผมจะเทรนสองแฝดให้มาต่อกรกับอียักษ์ให้ได้ เอาให้ไอ้ลุงนี่หงายเงิบวันละหลายเวลา
“ไอ้ยักษ์ผี” วิคเตอร์เบิกตากว้างใส่ผม ยกมือขวาบีบหัวผมไว้
“องครักษ์พิทักษ์แฝดผีงั้นเหรอ เฮอะ?” วิคเตอร์ว่าพลางบีบหัวผมแรงๆ
“โอ๊ย วิคเตอร์อะ ไอ้บ้านี่” ผมขมวดคิ้วและพยายามดึงมือวิคเตอร์ออกจากหัวตัวเอง ได้ยินเสียงไวโอล่าหัวเราะแบบที่พยายามไม่หัวเราะแรงๆ
“นี่ๆ จะกลับบ้านก็กลับกันได้แล้ว เวลาที่ทะเลาะกันไปคือใกล้ถึงบ้านแล้วนะ” วิคเตอร์ยอมปล่อยมือออกจากหัวผม และเพียงแค่นั้นออสตินก็ลุกขึ้นเตรียมพร้อมทันที ผมหันไปมองเจ้าแฝดที่ยังคงดูดนมจุ๊บๆ ไม่หยุดด้วยความเอ็นดู ไม่แปลกใจว่าทำไมออกมาเหมือนยางมิชลินขนาดนี้
“อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ยไวโอล่า”
“ไม่ล่ะ อาหารโรงพยาบาลอร่อยมากจริงๆ นะ” เธอยักคิ้วหลิ่วตา ผมยิ้มกว้าง ยื่นมือแตะปลายจมูกจิ้มลิ้มของสองแฝดคนละที
“เดี๋ยวเจอกันนะแฮคและเฮคเตอร์” ผมหันไปพยักหน้าให้เตอร์ตัวพ่อ เขาไม่ได้พูดอะไรกับน้องสาวและหลานชาย พาผมเดินออกไปจากห้องโดยมีออสตินเดินตามหลังมา
“แวะกินอาหารเช้าก่อนแล้วกัน” ผมพยักหน้า จริงๆ ผมแอบง่วงนอนด้วย อยากนอนสักงีบก่อนกลับมาที่โรงพยาบาล เมื่อคืนผมกังวลเป็นห่วงสองแฝดกับไวโอล่า กว่าจะได้นอนก็ปาไปจะตีสามแล้ว ส่วนไอ้ยักษ์หลับปุ๋ย คงคุ้นเคยกับโซฟาโรงพยาบาลเป็นอย่างดี
“ออสติน ไปหาไดอาน่ามั้ย” ผมหันไปถามพ่อหัวเกรียนหน้าเฉย เขาทำหน้าที่ตัวเองดีแบบดีมาก จนบางทีผมนึกอยากให้เขามีเวลาส่วนตัวกับคนรักบ้าง
“โทรคุยกันไปแล้วครับ เดี๋ยวเธอจะแวะมาเยี่ยมไวโลอ่าตอนที่เรากลับมาถึง”
“พ่อไดอาน่ายังขัดขวางอยู่มั้ยอะ” ออสตินไม่ได้มีท่าทีเศร้าหรือท่าทีหนักใจอะไรเลย เขาแค่กะพริบตาปริบๆ สองสามที
“ผมไม่แน่ใจ” ผมยิ้มกว้างขำขัน หันกลับไปมองวิคเตอร์ก็เห็นเขาหน้านิ่วคิ้วย่นก้มมองโทรศัพท์ในมือขวาตัวเอง ส่วนมือซ้ายก็กำลังคล้องคอผมอยู่ ผมยื่นหน้าไปดูหน้าจอมือถือของเขา เห็นเขากำลังเปิดเว็บเว็บนึงที่มีรูปรถเข็นเด็ก
“รถเข็นเด็กเหรอ” เขาหันมามองผมทั้งที่คิ้วยังย่นอยู่ สักพักเหมือนเขานึกได้ว่าโดนจับได้อะไรประมาณนั้น เขาก็คลายคิ้วออกและทำหน้าเหวอนิดหน่อย
“เปิดเจอพอดี ก็เลยจะลองหาให้ไอ้แฝดผี” ผมอมยิ้ม มองใบหน้าอึกอักของลุงยักษ์รูปหล่ออย่างแซวๆ
“แหม จะซื้อของขวัญให้หลานล่ะซี่” วิคเตอร์มองคล้ายว่ากำลังจิกตาใส่ผมอยู่ เขากดล็อคมือถือ เก็บมันไว้ในกระเป๋ากางเกง และทำเนียนเดินนิ่งต่อไป ผมหัวเราะอุอิ แต่สักพักก็เปลี่ยนเป็นร้องอุ้ยหน้าเหวอเพราะวิคเตอร์ยกมือตีหัวผมแรงมาก
“เดี๋ยวฉันจะสั่งวีลแชร์มาให้นายนั่ง” หยุดแซวก่อนละกัน ยังไม่อยากนั่งวีลแชร์
เราแวะกินอาหารเช้าที่ร้านอาหารเช้าก่อนเข้าบ้าน เป็นร้านอาหารที่เปิดถึงแค่สิบเอ็ดโมงเท่านั้น หลังจากนั้นก็จะปิดร้าน เลยเรียกแบบตรงตัวว่าร้านอาหารเช้า เพราะไม่มีอาหารมื้อเที่ยง มื้อเย็นหรือมื้อไหนๆ ให้กินแล้ว เรายังคงต้องอาศัยอยู่ที่บ้านพ่อวิคเตอร์อีกสักสามหรือสี่วัน ที่จริงวิคเตอร์ก็จะเลือกออกไปเช่าโรงแรมนอนระหว่างรอบ้านเสร็จเพื่อตัดปัญหาการทะเลาะกับพ่อ แต่เนื่องด้วยปัญหาของการชิงตัวแฝดยังไม่จบสิ้นดี วิคเตอร์เลยเลือกอยู่ที่นี่ด้วยเหตุผลที่ว่าถ้าทะเลาะอะไรกันจะได้ทะเลาะกันทันท่วงที
ถึงจะชอบขู่เอาไปลอยน้ำบ้าง เอาไปวางทิ้งบนเขาบ้าง แต่เขาก็ไฟต์เพื่อจะเอาหลานไปอยู่ด้วย ผมก็ได้แต่หวังว่าที่เขาทำไปไม่ใช่เพียงเพราะอยากเอาชนะพ่อตัวเองเท่านั้น ซึ่งจริงๆ มันก็คงมีความอยากเอาชนะปนอยู่ด้วยนั่นแหละ
“พ่อคุณจะออกไปจากบ้านยัง” ผมหันไปกระซิบถามเขาตอนที่เรากำลังจะเดินขึ้นบันไดหน้ามุกของบ้าน วิคเตอร์ยักไหล่และยกฮอทดอกที่เหลือจากอาหารเช้าที่ร้านขึ้นมากิน เป็นคำตอบที่รู้กันว่าถามไปก็เท่านั้น ที่ผมถามเพราะผมจะได้ไม่ไปเฉียดโซนที่เขาอยู่
“โอ๊ะ…” ถามถึงพ่อวิคเตอร์ แต่พอเปิดประตูเข้าไปด้านในดันเจอกับเมียเก่าไอ้ยักษ์นั่งจิบชากินคุกกี้อย่างเพลิดเพลินที่โซนรับแขกโซนแรกของบ้าน เธอส่งยิ้มมาให้หลังจากจิบชาไปหนึ่งจิบ ผมกลอกตาแล้วหันไปหาวิคเตอร์ เป็นจังหวะที่เขาเดินเข้ามาถึงตัวผมพอดีและมีออสตินเดินผ่านเลยพวกเราไป เขากำลังจะอ้าปากพูดอะไรสักอย่างแต่พอหันไปเห็นลิซ่าเขาก็เงียบและมองเธอแบบงงๆ
“ฉันแวะมา ไม่ต้องไล่หรอก เดี๋ยวฉันก็กลับแล้ว” เหมือนแวะมาดื่มชากับกินคุกกี้ฟรีงี้ป่ะ แต่จะว่าเธอก็ไม่ได้ เธอคุ้นเคยบ้านหลังนี้มากกว่าผมอีก
“ตามสบาย อยากอยู่ก็อยู่” วิคเตอร์พูดแค่นั้นและดันผมให้เดินไปด้านหน้าพร้อมกัน ผมก้าวเท้าเดินไปตามแรงดันไม่หันไปสนใจลิซ่า
“เอาขนมในตู้เย็นก่อน เดี๋ยวตามเข้าไปในห้องนะ”
“เอาไวน์ให้ฉันด้วย” ผมพยักหน้าและแยกเดินไปทางครัวและบาร์เล็กที่เอาไว้สำหรับทำเครื่องดื่มและอาหารว่างให้สำหรับแขกหรือคนในบ้านที่มานั่งดูทีวีชิลๆ ตรงโซนนี้ มันเป็นโซนบรรยากาศดี มีชานระเบียงยื่นออกไปข้างนอกเห็นวิวภูเขากับทุ่งหญ้ากว้าง
“เธอสบายดีนะ” ลิซ่าถามขึ้นมาตอนที่ผมกำลังมองหาขนมหวานๆ ในตู้เย็น ผมเลือกหยิบช็อกโกแล็คจากสวิสเซอร์แลนด์ที่คุณลุคซื้อมาแล้วไม่กินสักที แต่ผมแอบกินจนจะหมดแล้ว
“แฮปปี้ดีครับ”
“เห็นว่าก่อนหน้านี้มีปัญหากับวิคเตอร์เรื่องงานเหรอ” ผมย่นคิ้วตอนที่แกะฟลอยด์สีเงินที่ห่อช็อคโกแล็ตออกและจับก้อนสี่เหลี่ยมสีน้ำตาลเข้มเข้าปากพร้อมกับหันไปมองลิซ่า เธอยิ้มมุมปากน้อยๆ แล้วหยิบคุกกี้ขึ้นมากิน
“วิคเตอร์เล่าให้คุณฟังเหรอ” ผมถามทั้งที่ยังเคี้ยวช็อคโกแล็ตในปากหงุบหงับๆ และหยิบชิ้นที่สองมาแกะรอ เธอส่ายหัวน้อยๆ และมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า จังหวะที่ผมยัดชิ้นที่สองเข้าปาก ประตูชานระเบียงก็เปิดกว้าง ลมหนาวพัดผ่านเข้ามาด้านในให้สั่นนิดหน่อย ผมมองร่างสูงใหญ่หนาของผู้ชายผิวสีเข้มที่ใส่เสื้อกันหนาวสีเขียวขี้ม้าคนหนึ่งด้วยความคุ้นตา
“It’s lovely! (สวยดี!)” เขายิ้มให้ลิซ่า เธอแหงนหน้าไปรับจูบจากผู้ชายคนนั้น
“I told you. (ฉันบอกแล้วเธอจะต้องชอบ)” ผมย่นคิ้ว มองผู้ชายคนนั้นด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนจากคุ้นตามาเป็นคล้ายว่าจะคุ้นเคย แต่คงเคยแบบสั้นๆ
“That’s him. (เขาไง)” ลิซ่ายกคางมาทางผม ผู้ชายผิวเข้มหน้าตาคมเงยหน้าขึ้นมองผมแล้วส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรมาให้
“Hey, remember me? (เฮ้ จำฉันได้มั้ย)” นั่นไง! เราต้องเคยเจอกันหรือรู้จักกันมาก่อน แต่ผมยังนึกไม่ออกทันทีว่าไปรู้จักผู้ชายคนนี้จากที่ไหน
“I just thinking. (ผมกำลังนึกอยู่)” นึกไปด้วยกินช็อคโกแล็ตไปด้วย น่าจะช่วยได้
“I’m friend of Sebastian. We met at Emily office. I’m Loic. (ฉันเป็นเพื่อนกับเซบาสเตียนไง เราเคยเจอกันที่ตึกของเอมิลี่… โลอิค)” ผมอ้าปากค้างทั้งที่ยังเคี้ยวช็อคโกแล็ตไม่หมด ผู้ชายคนนั้นยิ้มขำ ผมมองหน้าเขาแบบค้างไว้และเรียกความทรงจำกลับคืนมาแบบรวดเร็วก่อนที่ผมจะ
“Ahhh, I got it. (อ๋อออ ผมจำได้แล้ว)” เขาคือนายแบบของเอมิลี่ที่มาพร้อมกับเซบาสเตียนในวันแรกที่เรารู้จักกัน เหตุการณ์เพิ่งผ่านมาได้สามสี่เดือนเอง แต่เองที่ว่านั้นก็ไม่ได้ทำให้ผมนึกถึงเขาในทันทีจนเขาต้องแนะนำตัวทวนความจำผมนั่นแหละ
“And, how did you come here? (อ้าว แล้วคุณมาอยู่นี่…)” ผมกำลังจะถามต่อ แต่หัวสมองก็รีรันภาพที่สองคนนั้นจูบกันขึ้นมาทันที ผมเลยทำหน้าอ้อเข้าใจอย่างถ่องแท้ แต่เรื่องแบบนี้เข้าใจแล้วก็ต้องถามนะ
“Are you her cushion, oh, I mean are you guys in relationship? (…คุณกิ๊กกับลิซ่า เอ่อ ผมหมายถึงว่าคุณคบกันเหรอ)” ผมมองทั้งสองคนสลับกันไปมา ลิซ่ายิ้มขำมุมปาก ยังคงวางมาดสง่าเหมือนเดิม
ชิ งามสง่า งามเฒ่า!
“Are we? (เราคบกันมั้ย)” โลอิคหันไปถามลิซ่าด้วยท่าทางขำๆ เธอไหวไหล่พร้อมกับยักคิ้วสวยๆ หนึ่งที เห็นทำท่าทำทางน่าตบแบบนี้ก็คงกิ๊กกันจริงแล้วละ
“โอ่…” ผมอ้าปากหวอ จะว่าอึ้งก็ไม่เต็มอึ้งนักเพราะก็รู้กันอยู่แล้วว่ายัยแม่เลี้ยงของสามีผมชอบกินเด็ก และเด็กคนแรกที่เขากินคือใครล่ะ ผัวตูนี่ไง แต่พ้อยท์ในตอนนี้คือ โลอิคอายุน่าจะเท่ากับเซบาสเตียนและลิซ่าก็สี่สิบติ่งๆ แล้ว โอ้ว มายก็อช! โคแก่กินหญ้าอ่อนที่แท้ทรู นางต้องฟิตและมีของดีของเด็ดแน่ๆ เด็กขนาดโลอิคถึงติดใจนางแบบนี้
“How long? (…นานยังอะ)” เอาละ ผมเผลอถามไป ก็แอบตกใจกับตัวเองนิดหน่อย แต่ในเมื่อหลุดปากถามไปแล้ว ก็ถือว่าเป็นเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้น โลอิคเอามือยันกับขอบโซฟาไว้แล้วหัวเราะเบาๆ
“Eight month. Maybe. (แปดเดือนได้แล้วมั้ง)” หูย ยัยลิซ่าทรงเสน่ห์มาก แต่ที่เริ่ดกว่าเสน่ห์ของนางคงต้องบอกว่าคือช่องคลอด อายุปานนี้แต่นางมัดใจเด็กหนุ่มรุ่นลูกรุ่นหลานได้อยู่หมัด แว้บหนึ่งผมคิดไปถึงช่วงที่เธอคบกับวิคเตอร์ เธอคงเด็ดดวงมากอะ ไม่งั้นวิคเตอร์ไม่หลงอยู่เป็นปีสองปี แถมยังวกกลับมาหาอีก
บางทีก็นึกอยากดูคลิปที่นางถ่ายไว้กับวิคเตอร์นะว่าเด็ดปานใดถึงไปมัดใจเด็กรุ่นลูกคนนั้นคนนี้ได้
“แฮะๆ ประหลาดใจเหมือนกันนะที่นายมาคบกับ เอ่อ คนใกล้ตัวของพ่อของแฟนฉัน” ใช้คำนี้แล้วกัน ดูห่างเหินนิดๆ แต่ก็ไม่มากไป และดูไม่ได้เผยเรื่องราวอะไรเยอะไป ผมแอบจิกตาใส่ยัยลิซ่าที่ทำท่ายิ้มเยาะอ่อนๆ
“ตอนฉันรู้ว่านายเป็นแฟนกับวิคเตอร์ลูกเลี้ยงของลิซ่า ฉันก็ว่าโลกมันกลมดี…” โลอิคยิ้ม ผมขมวดคิ้ว เขาว่าเขารู้ เออ ใช่ เขาไม่ได้มีท่าทีแปลกใจหรือประหลาดใจเลยตอนเจอผมยืนกินช็อคโกแล็ตอยู่ในบ้าน เขาทักทายตามปกติมากเถอะ
“…ไอ้เซบมันมัดใจนายไม่สำเร็จจริงๆ สินะ” ผมเลิกคิ้วขึ้นและยักไหล่ขวาขึ้นหนึ่งที
“ทั้งเพื่อนนายและตัวนายเองก็รู้ว่าฉันมีแฟน แล้วมันจะสำเร็จได้ยังไง…” ผมเลื่อนสายตาไปมองลิซ่าที่นั่งจิบชาชิลๆ ผมรู้นะว่าที่นี่ก็เป็นบ้านของเธอเมื่อครั้งหนึ่งนานมาแล้ว แต่เกลียดการชิลลี่ของนางมาก
“..ฉันไม่ใช่คน
แบขาให้ใครง่ายๆ แบบนั้นนะ” ผมเน้นเสียงและลากเสียง โดยเฉพาะตรงคำว่าแบบนั้นที่เน้นสายตามองแม่กระดังงาลนไฟเป็นพิเศษ ยัยแม่เลี้ยงตวัดตามามอง ผมยิ้มบาง ทำตาใสแจ๋ว
อยากกัดมากนานละ ขอนิดนึงเถอะ ได้ทีต้องรีบขี่แพะไล่ฟาด
“เพื่อนฉันก็เลยอกหักและ…” พ่อหนุ่มผิวสีหน้าหล่อเก๋หันไปยิ้มขำกับแฟนสาว (เหลือน้อย) ของตัวเอง ลิซ่าเบ้ปากเบาๆ และยักไหล่ขวาอย่างมีลีลา (น่าโดนตบ) โลอิคหันกลับมามองผมและส่ายหัวเบาๆ
“…ล้มเหลว” ผมขมวดคิ้ว มองทั้งสองคนด้วยความข้องใจ พูดแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน พูดแบบรู้กันเอง มันทำให้ต่อมเสือกถูกกระตุ้นนะ แล้วมาทำท่ามีซัมติงอีก เสียมารยาทจริงๆ ทิ้งให้คนอื่นอยากรู้แล้วจากไปเนี่ย
“น่าเสียดาย” ผมหันไปมองยัยลิซ่าตาขวางเล็กๆ กับสีหน้าท่าทางของเธอที่ดูจะเสียดายตามที่พูดจริงๆ ไม่รู้ว่าหล่อนเสียดายอะไร แต่เอาไว้เสียดายชีวิตหล่อนเองเถอะ
วันนี้เกรี้ยวกราดเว้อ ขอวันนึงละกัน ก่อนหน้านั้นไม่เคยได้ตั้งตัวเลย ยิ่งพอนึกถึงว่านางชอบส่งรูปส่งคลิปเรื่องราวเก่าๆ มาหาวิคเตอร์ยิ่งรู้สึกกับตัวเองว่า สมควรแล้วที่เกรี้ยวกราดแบบนี้
“ไม่สำเร็จ ไอ้เซบคงเข็ดผู้ชายไปอีกนาน” โลอิคหัวเราะพลางลงไปนั่งข้างเมียแก่ของตัวเอง เห็นแล้วหงุดหงิดใจนัก ไม่ได้อิจฉานะ แต่เกลียดท่าทางเรารู้กัน รู้เลยนะว่าทำแบบนี้เพราะอยากให้ผมค้างคากับการเสือกไม่สุด
“แมท ทำอะไรอยู่” ผมหันไปมองไอ้ยัษที่เดินหัวฟูออกมา เขาหันไปมองทางลิซ่ากับโลอิคแปบหนึ่งก่อนจะหันกลับมามองผมแบบหน้ามึนๆ
“มัวแต่กิน ฉันรอไวน์เหงือกแห้งแล้ว” เขาย่นคิ้วแล้วเปิดตู้เย็นหยิบไวน์ขวดสีเขียวอ่อนออกมาหนึ่งขวด เอื้อมแขนซ้ายไปหยิบแก้วสำหรับดื่มไวน์บนชั้นวางแก้ว
“ไป เข้าห้อง จะไปอาบน้ำ ไปนอนก็เร็วๆ เดี๋ยวต้องกลับไปโรงพยาบาลอีก” วิคเตอร์เดินออกไปก่อนโดยที่เขาไม่หันไปสนใจลิซ่ากับหญ้าอ่อนของนางเลย ผมเห็นว่ายัยแม่เลี้ยงมีสีหน้าหมองก็เลยยิ้มสะใจเล็กๆ
“เอาละ คำถามสุดท้าย คุณแวะมาจิบชากับกินคุ้กกี้และชมวิวรอบบ้านแค่นั้นจริงเหรอ” โลอิคยิ้มชิล ลิซ่าทำเป็นพ่นลมหายใจเบาๆ
“ฉันก็เคยอยู่ที่นี่ ก็แค่คิดถึง อยากกลับมาหา” เธอมองผมตาวาวด้วยความร้ายกาจที่สัมผัสได้ ผมยิ้มกริ่มพลางยัดช็อคโกแล็ตเข้าปากหนึ่งก้อนก่อนพูด
“งั้นก็จงคิดถึงไปอีกครึ่งชีวิตที่เหลืออยู่เลยนะ” ผมฉีกยิ้มให้ยัยแม่เลี้ยงที่หน้าตึงมองผมตาขวาง ผมเดินหอบช็อคโกแล็ตตัวปลิวกลับเข้าไปกินในห้องด้วยความสบายใจและสะใจ
ขอบคุณที่มาให้แซะถึงที่ เหมือนได้ปลดปล่อยหลังจากที่คาใจคาปากอยากแซะนางมานาน
เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้

แฝดเหมือนรู้ว่าใครอุ้มแล้วไม่ปลอดภัยกับตัวเอง 55555 ไม่ถูกกันตั้งแต่ยังไม่ถึงเดือนเลยนะคะลุงยักษ์ ศึกนี้ยิ่งใหญ่นัก ศึกกับเด็กอายุสามสี่วัน
หลังจากคันปากมานาน นุ้งแมทก็ได้กัดแซะยัยแม่เลีย้ง เมียเก่าผัวตัวเอง ปากคอเราะร้าย ไม่เบานะยะนังเอเลี่ยน แมทจะทุบ ทุบ ทุบ! ลิซ่าเลยโดนทุบหลังดังอัก อยู่ๆ ก็มานั่งให้เขากัดถึงบ้าน
โลกกลม แต่ไม่พรมลิขิต ก็เป็นความงงและสงเสือก เอ้ย สงสัยของเอเลี่ยนว่ามันยังไงกัน สองคนนั้นพูดแบบนี้ ใจร้ายกับแมทมาก นางเสือกไม่สุด
ใครพรีฯ หนังสือไว้ ติดตามการอัปเดตได้ที่เพจตลอดๆ เด้อ ตอนนี้ต้นฉบับเสร็จแล้ว รอคนจัดหน้าแก้อีกนิดนึง ก็จิส่งโรงพิมพ์แล้นแน้ คุคริๆ
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตและคอมเม้นทุกคอมเม้นนะคะ ขอบคุณมากๆ เป็นกำลังใจ เป็นพลังใจที่ดีต่อคนเขียนจริงๆ ค่ะ อ่านคอมเม้นต์แล้วก็ปลื้มมม เห็นคะแนนโหวตแล้วก็เปรมมม
แท็กเรื่องนี้ #LoveNoBoundaries