V
v
v
ตกดึกศึกสงบ ไม่มีการรบตบตีเกิดขึ้น เพราะช่วงหัวค่ำก่อนแฝดเข้ามานอนด้วยก็กระหน่ำกันจนเตียงแทบพัง ไม่ได้มีอะไรกันนะ ตีกันสองคนอยู่ในห้องด้วยหมอน ตีจนเหนื่อยก็พากันไปอาบน้ำแล้วก็ไปรับแฝดมานอนด้วย ตามเคยว่าวิคเตอร์ไม่อุ้มแฝด ไม่รู้จะขี้เกียจอะไรนักหนา ดีนะมีรถแล้ว เลยจับใส่รถเข็นจากห้องคุณแม่มาห้องนอนตัวเอง
“แมทร้องเพลงไม่เป็นนะแฝด”
“อือ อือ แหะ” แฮคเตอร์ทำปากบุ๋งๆ น่าเอ็นดู ผมยิ้มขำ ยื่นมือไปหยิกแก้มเจ้าตัวอ้วนเบาๆ
“แออออ๊!!” ผมหันไปมองเฮคเตอร์ที่กำลังย่นคิ้ว สายตามองด้านบนของตัวเอง ผมมองตามสายตาของมิชลินเบอร์หนึ่งก็เจอลุงยักษ์กำลังเกาะคอกมองหน้ามึน
“ไล่เหรอ นี่เจ้าของบ้านโว้ย” เฮคเตอร์คลายคิ้วแล้วมองหน้าวิคเตอร์ด้วยความสนใจ มืออ้วนป้อมชูขึ้นและกำๆ แบๆ แบบแบบไม่สุด ผมหอมแก้มแฮคเตอร์หนึ่งที ขยับตัวขึ้นนั่งมองหลานคนโตคุยกับลุงยักษ์ผ่านสายตา
“ระวังหน้ามึนเหมือนลุงยักษ์นะเฮคเตอร์” วิคเตอร์ยื่นนิ้วชี้ข้างขวาไปให้เฮคเตอร์จับ เจ้าตัวเล็กจับแล้วก็หันหน้ามามองผมเหมือนกำลังจะบอกว่าหนูจับมือลุงยักษ์อยู่ พอผมยิ้มขำ เฮคเตอร์ก็ยิ้มหวานแล้วส่งเสียงร้องอ้อแอ้
“แออออ้” พอได้ยินพี่ชายส่งเสียงร้อง เจ้าน้องชายก็ส่งเสียงตอบกลับ ผมขยับเฮคเตอร์มานอนใกล้น้องชาย หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปกับคลิปเก็บไว้
“อ๊า น่ารักอ้า” ผมครางเสียงสองเมื่อน้องชายหันไปหาพี่ชายแล้วปากชนแก้มของอีกคนพอดี เป็นโมเม้นต์น่ารักตามจริตและธรรมชาติของเด็กอันไร้การปรุงแต่ง อยากอัปลงโซเชียล แต่ก็รู้สึกเกรงใจไวโอล่า เพราะตอนนี้เธอไม่ลงรูปลูกๆ เลย
“วิคเตอร์ ถ่ายรูปกับแฝดหน่อยสิ”
“ไม่”
“ไม่ถ่าย ไม่จับยักษ์น้อยนะคืนนี้อะ” วิคเตอร์ย่นคิ้วแว้บหนึ่งพร้อมกับจิ๊ปาก ก่อนจะลุกขึ้นปีนเข้ามาในคอกแล้วนอนตะแคงใกล้กับเฮคเตอร์ ผมลุกขึ้นนั่งตัวตรงๆ ตั้งกล้องเป็นแนวนอนแล้วกดถ่ายภาพลุงยักษ์กับหลานๆ ไปหลายภาพ
“ลุงยักษ์ยิ้มหน่อย” ผมเปลี่ยนเป็นโหมดถ่ายวิดีโอ ไอ้ยักษ์ผมยาวสลวยย่นคิ้วมองมาที่กล้องเหมือนกำลังจ้องหาเรื่อง
“เรียกลุงเดี๋ยวยึดบัตรเครดิตหรอก” ผมหัวเราะคิกคัก
“AaaChaaa!”
“Oh no.” แฮคเตอร์จามตัวสั่น เฮคเตอร์สะดุ้งตกใจเสียงน้องชายจามดังอัชช่า! เลยอุทาน Oh no ออกมาเสียงเล็กๆ เบาๆ น่ารัก สองแฝดหันมองผมตาแป๋วสีหน้างงงวยเหมือนไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ผมหัวเราะลั่นด้วยความขำ วิคเตอร์ยังขำไปด้วย เด็กวัยนี้กับการพูด Oh no นั้นช่างน่าเอ็นดูเหลือเกิน
“You guys are so cute, piggy twins. (พวกหนูน่ารักมาก แฝดลูกหมู)”
“นายสอนมันพูดกันเหรอ” ผมสั่นหัวทั้งที่ยังคงขำไม่หยุด
“สงสัยได้ยินผมพูดบ่อย แล้วคงตกใจเลยพูดออกมาได้” ผมมองสองแฝดที่กำลังทำหน้ามึนเหมือนลุงไม่มีผิด วิคเตอร์ยิ้มขำก้มลงมองสองแฝดที่กำลังมองไปเรื่อยแบบไม่ได้โฟกัสที่ไหน ผมกดให้หน้าจอกล้องมาอยู่ด้านหน้าแล้วถ่ายให้เห็นหน้าตัวเองกับแบ็คกราวด์ยักษ์สามตนด้านหลัง มียักษ์ใหญ่กับยักษ์จิ๋วสองตนนอนพยายามกลิ้งตัวไปมาเบาๆ สักพักวิคเตอร์เงยหน้าขึ้นมองกล้องแบบหน้ามึนๆ ผมแกล้งทำตาโตตกใจแต่ก็ไม่พูดอะไร
“ต่อยตาแตก” ผมหัวเราะร่วน ลดมือถือลงแล้วก็กดปิดเลิกบันทึกวิดีโอ
“คุณร้องเพลงเป็นมั้ยอะ แฝดอาจจะนอนรอฟังเพลงอยู่”
“โอ้ย ร้องไม่เป็นหรอก” ผมทำหน้าบู้ มองแฝดที่ยังนอนตาแป๋ว นมกินแล้ว อึไปแล้ว ตอนนี้กำลังสบายตัวเลย สงสัยต้องใช้จุกนมล่อลวงให้หลับอีกครั้ง
“งั้นคุณไปนอนก่อน เดี๋ยวพอแฝดหลับผมจะตามไป” วิคเตอร์ไม่ตอบอะไรแต่ดันตัวลุกขึ้นแล้วปีนออกจากคอก เดินอ้อยอิ่งไปที่เตียง ผมเอื้อมมือไปหยิบจุกนมในตะกร้ามาให้แฝดดูดจุ๊บๆ พอจุกนมเข้าปากก็มองผมตาแป๋ว ผมยกมือลูบหัวทั้งสองคน แล้วก็พึมพำทำนองเพลงที่ไวโอล่าชอบร้องให้สองแฝดฟังก่อนนอนเบาๆ แบบที่ไม่ใช่การร้องเพราะพริ้งอะไร แค่จะกล่อมให้แฝดคล้อยหลับบ้างเท่านั้นเอง
“Sleepyhead, close your eyes, for I'm right beside you…” สองมิชลินหันหน้ามามองผมแล้วนอนนิ่งราวกับจะฟังต่อ ผมคลี่ยิ้มบางเบา เสียงเราคงไม่แย่มากละมั้ง
“Lullaby, and sleep tight, my darling sleeping…” สองแฝดมองผมตาแป๋ว ผมคิดว่าพาเขาหลับได้อยู่นะ
“…On sheets white as cream, with the head full of dreams. Sleepyhead, close your eyes, I'm right beside you…” สองแฝดนิ่งราวกับโดนมนต์สะกด สงสัยจะชอบฟังเพลงนี้ก่อนนอนจริงๆ แต่ด้วยความเป็นเด็กคงยังแยกไม่ค่อยออกละมั้งว่าอันไหนเสียงเพราะอันไหนเสียงพังอย่างผม นึกแล้วก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะขยับปากร้องต่ออย่างเชื่องช้า
“…Lay thee down, now and rest. May your slumber be blessed…” แล้วผมก็ลืมเนื้อร้อง เลยฮึมฮัมเป็นจังหวะของเพลงแทน สองมือก็ลูบหัวแฝดไปด้วยเบาๆ แล้วก็วนร้องท่อนที่จำได้อีกครั้งนึงแบบช้าๆ ด้วยเสียงกระซิบอีกสองรอบ แฝดก็หลับตาปุ๋ย จุกนมคาปาก ผมยิ้มด้วยความเอ็นดู ค่อยๆ ดึงจุกนมของทั้งสองคนออกเอาไปวางไว้ในตะกร้า จัดการขยับร่างตัวอ้วนป้อมทั้งสองร่างนอนบนหมอนใครหมอนมัน ก่อนจะปีนออกจากคอกอย่างเงียบเชียบ
ผมเดินไปปิดไฟในห้องนอน เหลือแต่ไฟในเตาผิงให้ความสว่างในโทนอบอุ่น ยิ่งห้องนอนเป็นหินสีน้ำผึ้งยิ่งเข้ากัน ผมเดินไปที่เตียงไม้สีน้ำตาลเก่าแก่แต่ราคาไม่ได้เก่าตาม เป็นเตียงไม้ที่แข็งแรงมาก วัดได้จากเวลามีอะไรกันบนเตียง สงบนิ่ง ไม่ไหวติง แข็งแรงสุดอะไรสุด ผมดึงผ้านวมสีขาวขึ้น กำลังจะสอดตัวเข้าไปนอน แต่รู้สึกได้ว่าตัวเองปวดฉี่ เลยหมุนตัวเดินไปเข้าห้องน้ำก่อน
ตึก!
หัวใจผมกระตุกวาบเมื่อคิดว่าตัวเองได้ยินเสียงเหมือนของหนักหล่นลงพื้นอย่างแรง ผมชะงักมือที่กำลังจะกดชักโครก รอฟังว่าจะมีเสียงอะไรเกิดขึ้นอีกหรือไม่ พอเสียงเงียบลงผมก็กดชักโครกแล้วรีบวิ่งออกไป แต่ก็วิ่งไปแบบย่องเบากันแฝดตื่นขึ้นมา
“วิคเตอร์… วิคเตอร์…” ผมกระซิบข้างหูเจ้าของชื่อพร้อมกับเขย่า เขาลืมตาขึ้นมองแบบงงๆ
“อะไร”
“ชู่…” ผมยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปาก หัวใจยังคงเต้นตึกตัก
“…ผมคิดว่ามีคนเข้ามาในบ้านเราอีกแล้ว” วิคเตอร์นิ่งเงียบ ดันตัวลุกขึ้นช้าๆ เขาไม่ถามผมซ้ำ แต่หันไปหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะข้างหัวเตียงฝั่งเขาขึ้นมา ผมเห็นว่าเขากำลังกดโทรหาออสติน ฝ่ายนั้นตัดสายทิ้งเหมือนกับรู้
“ล็อคห้องให้ดี” ผมพยักหน้า วิคเตอร์ลงจากเตียงเดินผ่านคอกนอนแฝดไปที่ประตู เปิดออกไปอย่างเงียบๆ ผมลุกตามไปใส่กลอนด้วยอาการใจเต้นตุ้มต่อม ไม่มีกะจิตกะใจจะนอนเลยทีนี้ เลยเลือกจะเดินวนอยู่บริเวณประตู เดินวนอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งผมเห็นแสงไฟลอดเข้ามาจากใต้ประตูผมจึงหยุดนิ่งด้วยอาการใจเต้น ผมเดินไปดูแฝดก่อนว่าสะดุ้งตื่นขึ้นมารึเปล่า แต่สองหนุ่มก็หลับปุ๋ยสบายกายดี
ก๊อกๆ
เสียงประตูถูกเคาะเบาๆ ผมมองประตูด้วยความไม่แน่ใจ ครึ่งนึงคิดว่าวิคเตอร์แหละ อีกครึ่งก็คิดว่าวิคเตอร์ถูกใครบังคับให้มาเคาะประตูเรียกรึเปล่า ผมหันซ้ายหันขวาสักแปบ ก่อนเดินไปหยิบไม้ฟืนหนึ่งอันที่จับถนัดมือมาจากตะกร้าใส่ฟืน แล้วเดินกลับไปที่ประตู ตั้งสติว่าถ้าเห็นใครถือปืนหรือมีดจี้วิคเตอร์อยู่ ฟาดหัวมันให้แบะอย่ายั้งมือ พอรวบรวมความกล้าได้ ผมก็ดึงกลอนออกแล้วดึงประตูเข้ามา ใบหน้านิ่งของวิคเตอร์ปรากฎอยู่ตรงหน้า ผมมองเขาด้วยความรู้สึกตื่นๆ จนเขาทำหน้างง
“เป็นอะไร” ผมยื่นหน้าออกไปมองซ้ายมองขวาแต่ว่าไม่เห็นใครอื่นอีก
“ไม่ได้มีใครบังคับคุณอยู่ใช่มั้ย” วิคเตอร์มองหน้าผมประมาณว่าอะไรของมึงก่อนจะสั่นหัว
“เอากุญแจห้องออกมา ล็อคห้องให้เรียบร้อย” ถึงจะยังงงๆ อยู่แต่ผมก็หยิบกุญแจห้องนอนที่แขวนอยู่ข้างประตูมาใส่กระเป๋ากางเกง วางไม้ฟืนไว้บนหลังตู้โชว์ เดินออกไปนอกห้องแล้วปิดประตูตามหลังเบาๆ
ผมเดินตามวิคเตอร์ไปทางห้องโถงใหญ่ตรงกลางบ้าน ผมเห็นไวโอล่ายืนร้องไห้ก็ตกใจ พอเลื่อนสายตาไปมองบนพื้นห้องโถงผมก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจกว่าเดิม
“คริสเตียน…” ใบหน้าตอบซูบผอมและโทรมหันมามองผมนิ่ง ออสตินยืนคุมเชิงอยู่ตรงเตาผิง คริสเตียนนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น หน้าตาไร้อารมณ์ใดๆ
“…ทำไมเขามาอยู่นี่”
“เงาที่นายเห็นตอนนั้น คือไอ้คริสเตียน” ผมเบิกตากว้างตะลึง มองคริสเตียนด้วยความงง หันไปมองไวโอล่า เธอก็กำลังน้ำตาไหลพราก
“ออสติน โทรหาตำรวจ” ผมหน้าตื่นตกใจ ไวโอล่าเดินเข้ามาหาพี่ชาย
“พี่ อย่า ฉันขอร้อง ปล่อยคริสเตียนไป…” ไวโอล่ามองด้วยสายตาอ้อนวอน วิคเตอร์มองตอบนิ่ง ไวโอล่ามีสีหน้าอึดอัดเหมือนไม่อยากพูด แต่สุดท้ายก็พูดออกมาเพราะโดนสายตานิ่งของพี่ชายมองอย่างกดดัน
“…เขาแค่อยากมาหาลูก”
“และเธอก็ยังติดต่อกับมันอยู่ตลอดใช่มั้ย” ไวโอล่าเม้มปาก น้ำตาคลอมองพี่ชายด้วยสายตาหวาดกลัว แม้วิคเตอร์จะไม่ได้ทำหน้าดุหรือหน้านิ่วคิ้วขมวด แต่การที่เขามีสีหน้าเรียบเฉยมันอาจจะสร้างความกดดันให้ไวโอล่าได้
“ไม่ตลอด… แต่ก็…” เธอพูดติดๆ ขัดๆ น้ำตาหยดลงบนแก้ม ผมเริ่มพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมช่วงนี้เธอดูอิดโรย ดูเหนื่อยๆ
“…คริสเตียนอยากเจอลูก แต่ฉันไม่อยากและ…” ไวโอล่าสะอื้น ผมมองเธอด้วยความเห็นใจ วิคเตอร์ยังคงมองน้องตัวเองนิ่ง
“…อยากให้เขาเจอ”
ฉันไม่อยากให้ลูกมีสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย
เสียงของเธอดังก้องอยู่ในหัวของผม ต่อให้เธอจะมองโลกในแง่ดีขนาดไหน เป็นคนเข้มแข็งยังไง แต่เรื่องหัวใจมันก็คงไม่ง่ายนักที่จะตัดคนที่เรารักทิ้ง ผมไม่รู้ว่าไวโอล่ารักคริสเตียนมากจนเป็นแบบนี้ หรือเพราะสงสารเขาที่อยากเจอลูกจนต้องแอบเข้ามาหา หรือจะเพราะอย่างอื่นผมก็ไม่อาจจะรู้ได้
“วี มันติดยา ค้ายา และตอนนี้มันมีแก๊งอันธพาลของมัน ทำงานผิดกฎหมาย มีนายจ้างเส้นใหญ่ เธออยากให้ผู้ชายคนนี้เป็นพ่อของลูกเธอเหรอ” ไวโอล่าส่ายหน้า สีหน้าของเธอเจ็บปวด ผมว่าเธอคงขัดแย้งกับตัวเองจนแทบจะจิตตกแล้วมั้ง
“เขาบอกว่าแค่อยากอุ้มลูก” ไวโอล่าน้ำตาไหล ผมน้ำตาคลอตามไปด้วย ผมเลื่อนสายตามองคริสเตียนที่นั่งเงียบ ผมมองใบหน้าซูบโทรมของเขาและยังคงตั้งคำถามเหมือนเดิมว่าผู้ชายคนนี้อยากมีลูกจริงๆ เหรอ
แต่พอได้ยินคำว่า แค่อยากอุ้มลูก ผมรู้สึกใจอ่อนแทนไวโอล่าเลย
“วิคเตอร์ เป็นไปได้มั้ยที่จะให้เขาอยู่นี่ก่อน รอตอนเช้าให้แฝดตื่นแล้วค่อยให้พวกเขาพบกัน” วิคเตอร์หันมามองผมนิ่ง ผมพยักหน้ายืนยันด้วยความรู้สึกเศร้าในอก ยิ่งมองไวโอล่าที่กำลังร้องไห้เงียบๆ ก็ยิ่งรู้สึกเศร้า
“แกมาคนเดียวใช่มั้ย” วิคเตอร์ก้มลงถามคริสเตียน
“เพื่อนฉันมาส่ง แต่ป่านนี้คงเผ่นไปแล้ว” คริสเตียนตอบอย่างเรื่อยเปื่อย วิคเตอร์ขบกรามแน่นก่อนเงยหน้าขึ้นมองออสติน
“ออสติน เฝ้ามันไว้” ผมคลี่ยิ้มด้วยความดีใจ ไวโอล่ายิ้มทั้งน้ำตาแล้วโผกอดพี่ชาย ผมไม่รู้ว่ามันจะช่วยไวโอล่าได้มั้ย แต่ถ้ามันปลดความสับสนและความขัดแย้งในใจเธอได้ก็น่าจะลองดู ถ้าเธอเห็นภาพคริสเตียนกอดเด็กๆ แล้วเธออาจจะสบายใจมากขึ้น ไม่คิดว้าวุ่นไปมาจนสภาพย่ำแย่แบบนี้
“พี่คงปล่อยให้เธอนอนกับมันสองต่อสองไม่ได้ ไม่อยากให้ไอ้แฝดลูกหมูมีน้องตอนนี้” ไวโอล่าหัวเราะน้ำตาไหล ผมขำน้ำตาคลอ ไวโอล่าพยักหน้าเร็วๆ ก่อนจะก้มลงนั่งตรงหน้าคริสเตียน ทั้งสองคนมองหน้ากัน ดวงตาสีเทากับสีฟ้าประสานกันสักพักก่อนที่ไวโอล่าจะคลี่ยิ้ม คริสเตียนกระตุกยิ้มเพียงเล็กน้อย ไวโอล่ายื่นมือซ้ายไปจับมือขวาคริสเตียนไว้
“นอนที่นี่ก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยเจอลูกนะ” คริสเตียนพยักหน้า ไวโอล่ายื่นหน้าไปจูบหน้าผากคริสเตียนหนึ่งที ผมน้ำตาร่วงกับภาพที่เห็น มันทั้งซาบซึ้งใจ ดีใจและเศร้าใจไปกับทั้งสองคน
ไม่ใช่แค่วิคเตอร์หรอกที่ไม่อยากให้ทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน ตัวไวโอล่าเองก็ต้องใจแข็งตัดคริสเตียนออกไปจากชีวิตให้ได้เพื่อลูก
“นอนที่ห้องโถงนี่แหละ ฝากด้วยนะออสติน” พ่อบอดี้การ์ดพยักหน้า วิคเตอร์หันมาพยักหน้าให้ผมเดินตามเขาไป ผมมองไวโอล่ากับคริสเตียนนั่งคุยกันสักแปบก่อนที่จะเดินตามวิคเตอร์กลับไปทางห้องนอน
“เตอร์ของแมทใจดีที่สุด” คนใจดีที่ผมชมกลอกตาหน้าเซ็งๆ ผมยิ้มกว้าง เข้าไปควงแขนขวาของเขาแล้วเดินกลับไปทางห้องนอนพร้อมกัน
ไอ้ยักษ์ขี้โมโหคนนั้นหายสาบสูญไปแล้ว…
…หายไปกับคนอื่นนะ แต่กับผม… เหมือนเดิม
เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้
แว้บมาอัปอีกวัน ต้องไปจมกองหนังสือต่อแล้นค่ะ แต่ก็ใกล้จะเสร็จแล้ววว ยงไงฝากคนอ่านเม้าท์กันอีกสักตอนสองตอนเนาะ เดี๋ยวมาเม้าท์โด้ยยย ขอบคุณมากๆ ลเยนะคะสำหรับคอมเม้น จะมากจะน้อยแค่ก็ขอบคุณคนที่เม้นให้มากๆ ค่ะ เป็นกำลังใจดีๆ ของคนเขียนในยามนี้จริงๆ