Yours and Mine EP.20 :: Almost. (เกือบไป) [50%]ผมเปิดประตูรถอูเบอร์ที่เรียกให้ไปรับที่สนามบินออกแล้วก้าวเท้าลงจากรถอย่างเร็ว หันไปแบกกระเป๋าเป้กับกระเป๋าลากลงจากรถอย่างทุลักทุเล ไม่สนใจว่าคนขับจะมาช่วยหรือไม่ พอลากกระเป๋าใบใหญ่ลงมาอยู่บนพื้นถนนได้สำเร็จ ผมก็ปิดประตูรถ ก้าวเท้าเร็วๆ ไปทางบันได ออกแรงยกกระเป๋าลากสีดำลอยพื้นเพื่อความเร็วในการขึ้นบันไดหน้าบ้าน พอมาถึงหน้าประตูผมก็กดกริ่งรัวสามทีติดกัน ยืนรอแบบกระสับกระส่ายสักแปบประตูก็เปิดออก
“ออสติน!” ผมพยายามหยุดอาการหัวหมุนและการคิดอะไรรวดเร็วจนทำให้รวนเร ตั้งมั่นสมาธิให้อยู่กับที่และชี้ไปที่กระเป๋าเดินทาง ก่อนจะแทรกตัวเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้ออสตินจัดการแบกกระเป๋าเข้ามา ผมเดินไปห้องโถงของบ้าน เห็นร่างใหญ่ยักษ์ของวิคเตอร์นอนถอดเสื้อดูทีวี มือขวาหยิบแอปเปิ้ลเข้าปาก เขาหันมามองผมด้วยสายตาแปลกใจ ปากที่กำลังเคี้ยวแอปเปิ้ลหยุดนิ่ง
“แมท” ผมน้ำตาร่วงทันทีที่เขาเรียกชื่อผมเบาๆ ทั้งรู้สึกใจเสียและรู้สึกโล่งใจ ผมเดินเข้าไปหาเขา วิคเตอร์ยืนขึ้นรับผมเข้าไปในอ้อมกอด ผมซุกตัวกับเนื้ออุ่นๆ ของเขา กลิ่นอันคุ้นเคยนั้นชัดเจนในโสตประสาท หัวใจที่อกซ้ายเต้นตุบๆ นั่นแสดงว่าเขายังอยู่ เขายังหายใจไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง
“เฮ้…” ผมแหงนหน้ามองเขาทั้งน้ำตา สำรวจใบหน้าของเขาว่าเป็นยังไง สีหน้าเขาปกติดี มีเลือดฝาดบนแก้มจางๆ ไม่ซีดเผือด ผมไล่สายตาสำรวจร่างกายในส่วนอื่นของเขา แล้วก็เห็นว่าแขนซ้ายมีผ้าก็อตพันแผลสีขาวพันรอบต้นแขนหนาอยู่ น้ำตาร่วงออกมาอย่างห้ามไม่ได้เมื่อคิดว่าเขาเพิ่งโดนยิงมา โดนยิงตรงหน้าบ้านตัวเอง ภัยคุกคามมาหาเขาถึงที่ ผมยกมือซ้ายขึ้นจับกรอบหน้าเขาที่หนวดเครายังคงกินพื้นที่ไปเยอะเหมือนเคยแม้จะไม่ได้เจอหน้ากันแบบตัวต่อตัวเป็นเดือนๆ
“หมอเขาไม่ให้…ฮึก… นอนโรง… ฮึก… บาลเหรอ” ผมสะอื้นฮึกๆ วิคเตอร์คลี่ยิ้ม ยกมือขวาขึ้นเช็ดน้ำตาที่อาบสองแก้มของผมก่อนจะเลื่อนไปจับมือซ้ายผมและดึงไปจูบหลังแหวนนิ้วนางข้างซ้าย
“ฉันนอนวันเดียวก็พอแล้ว เพิ่งออกมาเมื่อเช้านี้ไง” มันมีความสับสนวุ่นวายในหัวเยอะมากตอนที่รู้ว่าเขาถูกยิง ความรู้สึกหนึ่งคือรู้สึกเหมือนฝัน รู้สึกว่ามันเกินจริงกับการถูกยิงในเมืองนิวยอร์ก แล้วเป็นการยิงโดยมือปืนที่น่าจะถูกจ้างมาด้วย มันแบบว่าเฮ้ย อะไรนะ กับนักแสดงคนนึงเนี่ยเหรอ ไอ้ยักษ์ไปทำอะไรให้ ทำไมถึงคิดแผนการจริงจังขนาดนี้
เพราะผมเหมือนเป็นไบโพล่าว่าอยากคุยกับเขาดีหรือไม่ดี โทรหาเขาแล้วก็กดวางสายหนีไปครั้งนึง สักพักใจอยากคุยก็เลยโทรไปอีกรอบแล้วถึงได้รู้ว่าเกิดเหตุการณ์ผีบ้าผีบอนี้ขึ้น สมองดับวูบไปเลยตอนออสตินบอกว่าเขาโดนยิง ไม่ได้เป็นลมล้มพับนะ แต่ผมนิ่งไม่ขยับเลยเพราะช็อคจนร่างชา ทีมงานคนอื่นเข้ามาสอบถาม ปลอบโยนจนผมดีขึ้น แล้วผมก็ร้องไห้ เล่าให้เจสันฟังแบบรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างว่าวิคเตอร์โดนยิง เขาปลอบผมอยู่นานจนผมตั้งสติได้ และคุยกันว่าผมจะบินกลับมานิวยอร์กก่อน ทิ้งงานให้เจสันทำไปในระหว่างที่ผมกลับมาหาวิคเตอร์ วันรุ่งขึ้นผมก็เก็บของ หาซื้อตั๋วแบบฉุกละหุกแล้วก็ได้ไฟลท์เย็น ผมก็ต้องยอมเพราะมันไม่มีเร็วกว่านั้นแล้ว ใจจะขาดให้ได้ตอนรอให้ถึงเวลาบิน
“ทำไมโดนยิงได้ โดนยิงในนิวยอร์กเนี่ยเหรอ” วิคเตอร์หัวเราะเบาๆ และพาผมนั่งลงบนโซฟา เขายกมือขวาเช็ดน้ำตาออกจากแก้มผมให้อีกที
“ที่ไหนก็โดนยิงได้ทั้งนั้นแหละ” ผมทำหน้าสับสน ความรู้สึกคือมันไม่อยากจะเชื่อ แต่พอมองต้นแขนซ้ายของเขาที่มีผ้าพันแผลบวกกับเสียงของออสตินที่บอกว่าเขาโดนยิงยังก้องหู มันก็ต้องเชื่อ
“แต่ในนิวยอร์กเนี่ยนะ…” ผมเม้มปาก นึกภาพการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นในเมืองนี้แล้วก็พ่นลมหายใจเบาๆ คือตั้งแต่ผมมาอยู่ที่นี่ ยังไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ไง ที่รู้มาก็เป็นประเภทโจรปล้น ดักทำร้ายร่างกาย ซื้อขายยาเสพติด อาชญากรรมทั่วไป แต่การลอบยิงแบบส่งมือปืนมาจริงจังคือมึงกะว่ามันขลังเหรอหรือยังไงถึงได้ทำแบบนี้ มือปืนลอบยิงเนี่ยนะ นึกว่าประธานาธิบดีเหอะ
“…แล้วทำไมคุณถึงโดน คุณไปมีเรื่องอะไรกับใครมา” วิคเตอร์เลื่อนสายตาไปมองตรงทางเข้าห้องโถง ผมหันไปมองตาม ออสตินยืนอยู่ตรงนั้นก่อนเปิดปากอธิบาย
“โจชัวรับเรื่องนี้ไปแล้ว กำลังตามสืบอยู่ครับ เดี๋ยวเราคงได้รู้กันว่าทำไมมันถึงมายิงคุณเรย์มอนด์” ผมหันกลับมามองวิคเตอร์ มองใบหน้าหนวดเคราครึ้มของเขา ผมเพ้าเขายุ่งเหยิง วิคเตอร์มองหน้าผมตาใสเหมือนเด็ก ผมเลื่อนสายตาไปมองผ้าพันแผลสีขาวแล้วรู้สึกทั้งใจชื้นและแปลกใจ คืออีคนส่งมือปืนมามึงดูละครไทยใช่มั้ยมึงถึงทำแบบนี้
“แล้วคนแถวนี้เขาไม่แตกตื่นกันหมดเหรอ” ผมพูดขึ้น มองหน้าวิคเตอร์ทีและหันไปมองออสตินทีก่อนจะกวักมือให้ออสตินมานั่งบนโซฟาตัวเล็กที่อยู่เยื้องๆ กัน เขาเดินมานั่งอย่างว่าง่าย
“ปืนเก็บเสียงครับ มีคนเห็นเหมือนกัน แต่ผมรีบพาคุณเรย์มอนด์ขึ้นรถไปโรงพยาบาลก่อนที่จะมีคนมามุง” ผมดีใจนะที่วิคเตอร์ปลอดภัยแล้ว แต่มันยังไม่หมดห่วง เพราะเราไม่รู้ว่าใครทำนี่แหละ เหมือนเราอยู่ในที่แจ้งแล้วมันอยู่ในที่มืดคอยมองเราตลอดเวลา จะกลับมาทำอีกเมื่อไหร่ก็ได้
“มันเกิดขึ้นได้ยังไงวิคเตอร์…” ผมมองเขาด้วยความรู้สึกเป็นห่วงและเป็นกังวล ผมไม่ได้จะมาจี้ถามเอาความ แต่ผมแค่อยากรู้ต้นสายปลายเหตุ วิคเตอร์ทำหน้ามึนตอบกลับมา
“…มีเรื่องไรเกิดขึ้นเหรอ” วิคเตอร์เบะปากแล้วสั่นหัว หน้าตาบอกว่าไม่รู้จริงๆ ผมรู้สึกเป็นกังวล ยิ่งเขาไม่รู้แบบนี้คือยิ่งน่ากังวล วิคเตอร์ยกแขนขวามาโอบตัวผมไปนอนบนอกเขา ผมหันไปมองออสตินอย่างต้องการคำอธิบายเพิ่มเติมว่าเรื่องราวมันยังไงกันแน่
“คือจู่ๆ พวกนั้นก็มายิงวิคเตอร์เนี่ยนะ”
“เรากำลังตามสืบอยู่ครับคุณแมท ว่ามันเป็นใครและมีเจตนาอะไร” ผมรู้สึกไม่ดีเลยจริงๆ นี่มันคือการยิงกันอะ มันคือการเอาอุปกรณ์ที่เรียกว่าปืนมาปล่อยกระสุนใส่คนๆ นึงโดยมีมือปืนเป็นจริงเป็นจัง มันอาจไม่ใช่มือปืนมืออาชีพ แต่มันก็ถือปืนมายิงคนอื่นไง
“ผมไม่ได้จะดูถูกนะ แต่คิดว่าจะเจอตัวมันมั้ย มันยิงคนกลางมหานครใหญ่โตขนาดนี้ ผมว่ามันต้องไม่ธรรมดา”
“ถ้ามันไม่ได้มาจากนอกโลก ผมว่ามันก็คนเหมือนเรานี่แหละครับ” ออสตินว่านิ่งๆ ผมได้ยินวิคเตอร์หัวเราะเบาๆ พอหันไปมองเขากำลังยิ้มด้วยความพึงพอใจอยู่ ผมหันกลับหาออสตินอีกทีแล้วกระตุกยิ้มน้อยๆ
“ผมเชื่อใจคุณ ผมแค่กังวลว่ามันจะย้อนกลับมาอีก”
“ย้อนกลับมาก็ดีสิครับ จะได้จับมันได้เลย” ผมนอนซบอกเปลือยของวิคเตอร์ กลิ่นเนื้ออุ่นที่คุ้นเคยลอยเตะจมูกอ่อนๆ วิคเตอร์ใช้มือขวาลูบแขนผมเบาๆ
“จะใช่พวกฌอณรึเปล่า” ผมเอ่ยอย่างเลื่อนลอย ทั้งที่ก็ไม่มั่นใจ เพราะนึกถึงฌอณเวอร์ชั่นใหม่ก็รู้สึกว่าเขาห่างไกลกับการกระทำนี้มาก แล้วถ้าจะทำจริง ทำไมถึงทิ้งระยะเวลานาน แรงแค้นขนาดนั้น ไม่น่าปล่อยพวกผมมานานขนาดนี้
“เดี๋ยวเราจะได้รู้กันครับว่าเป็นใคร” ผมพยักหน้าน้อยๆ ออสตินก้มหัวลงให้หนึ่งทีแล้วเดินออกไปจากห้องโถง เสียงทีวีดังเลยทำให้ห้องไม่เงียบจนเกินไป ผมยกหัวตัวเองออกจากอกวิคเตอร์มองหน้าเขาอีกที ไอ้ยักษ์หน้ามึนแต่ดวงตาเขาเปล่งประกาย ผมมองหน้าเขาและบอกตัวเองว่าวิคเตอร์ปลอดภัยแล้วจริงๆ
“ไม่เจ็บเลยเหรอ” วิคเตอร์ยกแขนขึ้นนิดหนึ่งพร้อมกับก้มลงมองก่อนเงยหน้ามามองผมตามเดิม
“ก็เจ็บ แต่ก็ไม่ใช่เจ็บจนทนไม่ไหว ตอนแรกฉันเข้าใจว่ามันฝันลึก แต่คงเพราะออสตินผลักฉันทัน มันเลยฝังไม่ถึงเนื้อชั้นใน ฉันเลยยังไม่ตาย” ผมขมวดคิ้วแล้วน้ำตาก็คลอ ยกกำปั้นซ้ายทุบแขนขวาเขาดังอั้กจนวิคเตอร์มีสีหน้าตกใจ
“เอ้า อะไรเนี่ย?!”
“พูดว่าตายได้ยังไง คนไทยถือนะ ถึงคุณไม่ใช่คนไทย แต่เมียคุณเป็นคนไทยคุณก็ต้องถือด้วย ห้ามพูดสิ รู้มั้ยเนี่ยว่าใจไม่ดีขนาดไหน” ผมพูดเสียงสั่น น้ำตาไหลแหมะๆ วิคเตอร์คลี่ยิ้มกว้างก่อนจะหัวเราะขำขันแล้วดึงผมเข้าไปกอด ผมสะอื้นไห้ฮึกๆ เพราะนึกไปไกลว่าถ้าออสตินไม่เห็นภาพจากกล้องวงจรปิดว่าวิคเตอร์ไม่ไปสักที เขาอาจจะไม่ลงมาและมาผลักวิคเตอร์ไม่ทัน ดูแล้วมันเล็งที่หัวใจชัดๆ ถ้าออสตินไม่ช่วยไว้ ป่านนี้ไอ้ยักษ์คงไม่มานั่งหัวเราะอยู่แบบนี้
“โอ๋ๆ ขอโทษน่า ไม่ตายหรอก ฉันยังต้องอยู่เลี้ยงเอเลี่ยนน้อยให้ตัวโตกว่านี้…” เขาผลักผมออกเบาๆ ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วยกคิ้วข้างขวาขึ้นกวนๆ
“…หรือว่านี่คือโตเต็มที่แล้ว” เขาทำหน้าล้อ ผมยกมือซ้ายผลักหน้าเขาและยกมือขวาเช็ดน้ำตาออกจากแก้มตัวเอง เขาหัวเราะเบาๆ แม้จะร้องไห้แต่ผมก็ดีใจที่ผมได้ยินเสียงเขาหัวเราะ
“ต้องเป็นใครสักคนที่เกลียดคุณมากแน่ๆ ผมบอกแล้วไงว่าให้ทำตัวดีๆ กับคนรอบข้าง” ผมสูดจมูกฟึดๆ หลังจากเช็ดน้ำตาจนหมดแก้ม วิคเตอร์เบะปาก ลอยหน้าลอยตาว่าไม่สนใจ ผมกัดริมฝีปากล่างแน่น ยกมือซ้ายไปดึงผมเขาแรงๆ หนึ่งที ไอ้ยักษ์ร้องโอ๊ยแบบเสแสร้ง
“เพราะแบบเนี้ยแหละ นี่ถ้าพ่อรู้ พ่อคงเอาปืนมาช่วยยิงด้วย”
“ต่าแก๊นั่นอีกแล้วหลอ สวกจริงๆ” ผมตาโตใส่เขา ไอยักษ์ส่ายหัวทำหน้าอ่อนอกอ่อนใจ ไม่ติดว่าเพิ่งโดนยิงมาจะทุบให้แรงกว่านี้ วิคเตอร์เปลี่ยนเป็นยิ้มทะเล้น ดึงผมไปนอนบนอกเปลือยเปล่า นี่ถ้าไม่ได้ไฟในเตาผิงช่วย เขาคงหนาวตายในบ้านไปละมั้ง อากาศเริ่มเย็นแล้วยังมาเปลือยอีก
“หิวมั้ย” ผมถามเขาพลางยกมือขวาลูบรอยสักบนอกเขาเบาๆ วางลงบนหัวใจของเขาเพื่อเช็กให้ชัวร์อีกทีว่าเขายังมีลมหายใจ ยังมีร่างกายให้ผมกอดจริงๆ ไม่ใช่ฝัน
“ไม่…” วิคเตอร์ก้มลงหอมกลางกระหม่อมของผมสามสี่ทีก่อนจะยกมือขวาลูบหัวผมเบาๆ
“…เรื่องคลอเดีย ถ้าฉันขอโทษอีก มันจะซ้ำซากไปมั้ย” ผมนิ่งไป ไม่ใช่เพราะเคืองหรือปลง แต่ผมลืมเรื่องนี้ไปเลยตั้งแต่รู้ว่าเขาถูกยิง
“ผมก็อนุญาตแล้วไง”
“แต่ฉันทำก่อนที่นายจะอนุญาต” ผมพ่นลมหายใจออกทางจมูกเบาๆ ดันตัวเองออกจากอกของเขา เรามองตากัน สายตาและสีหน้าของวิคเตอร์คล้ายคนอมทุกข์หนักมานานปี
“คุณรู้สึกผิดกับเรื่องนี้มั้ย เอาตรงๆ” วิคเตอร์เงียบ หลุบตาลงต่ำมองพื้นครู่หนึ่งก่อนจะกลับมามองผมตามเดิม
“ตอนนั้นฉันอยากมีอะไรกับเธอจริงๆ แต่แค่อยากมีอะไรด้วยแล้วก็จบ…” ผมกลืนน้ำลายลงคอ มันจุกอกนิดๆ นะ แต่ในกรณีนี้มันมีปัจจัยที่มาจากตัวผมด้วย จะโกรธจะเกลียดเคียดแค้นเขา ความรู้สึกมันก็ไปไม่ถึงขนาดนั้น มันครึ่งๆ กลางๆ อยู่ในอก
“…มันไม่รู้สึกผิดชอบชั่วดีอะไรเลยตอนนั้น” เขายอมรับด้วยสีหน้าที่แสดงออกถึงความอึดอัด ผมเองก็อึดอัดนะ ถึงจะไม่ร้องไห้ ไม่โศกาฟูมฟาย แต่การที่มานั่งฟังสามีตัวเองเล่าว่าเกือบเอากับคนอื่นมันคงน่าชื่นตาบานไม่ได้ เลเวลผมไม่อาจเท่าแฟนแซ็คจริงๆ
“ถ้าเกิดตอนนั้นมันถลำลึกไป คุณก็จะไม่ใช้ถุงยางกับเธอน่ะเหรอ” วิคเตอร์ก้มหน้า ใบหน้าเขาสลดลง ผมหลับตาพร้อมกับพ่นลมหายใจเบาๆ ประเด็นนี้ต่างหากที่ผมรู้สึกแย่ได้เต็มที่จริงๆ
“เกิดคุณเอากับเธอ จริงอยู่ว่าเอาเสร็จมันก็จบ แต่คุณไม่ป้องกัน ถ้ามันไม่จบเพราะเธอท้องล่ะ…” วิคเตอร์ยังคงนั่งก้มหน้า เขาเหมือนเด็กทำผิดที่กำลังก้มหน้ารับฟังคำสอนของผู้ใหญ่
“…ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เบื่อผมแล้ว คิดถึงผู้หญิง ผมดูแลคุณไม่ดีพอ แต่ผมไม่รู้ว่าอนาคตคุณจะอยากไปมีอะไรกับใครอีกมั้ย” ผมเริ่มปากสั่นน้อยๆ ความรู้สึกจุกขยับขึ้นมาอยู่ตรงคอหอย
“ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอมากไปกว่าอยากปลดปล่อยจริงๆ นะ”
“คุณควรคิดให้มากกว่านั้น อยากปลดปล่อยแต่ไม่ป้องกัน ไม่ลูกก็โรคติดต่อที่ผมจะได้เป็นของแถมมาจากผู้หญิงที่คุณไปนอนด้วย…” น้ำตาผมเอ่อคลอเบ้าตา ไม่ใช่ว่าผมรู้สึกไม่ดีวิคเตอร์ หรือโกรธเคืองเขานะ แต่ผมแค่กลัวว่าความรักของเรามันจะไปได้อีกนานแค่ไหน
“…ป้องกันนะวิคเตอร์ ผมไม่รู้ว่าจะใจกว้างได้มากขนาดไหน แต่ป้องกันเถอะนะ เพื่อตัวคุณเอง” น้ำตาผมร่วงเผาะ วิคเตอร์ยื่นมือขวามาจับมือซ้ายผมไว้ ผมยิ้มทั้งน้ำตา ก้มหน้าหลบสายตาของเขา ผมยกมือเช็ดน้ำตาออก พอเหลือบมองเขาก็เห็นว่าวิคเตอร์เองก็ร้องไห้แบบเงียบๆ ไม่สะอึกสะอื้น แต่น้ำตาไหลอาบแก้ม
“ฉันรักนายคนเดียวนะแมท” ผมเม้มปาก หลับตาลงด้วยความเจ็บปวดเล็กๆ น้ำตาไหลออกมาราวกับเม็ดฝน
“ผมรู้ ผมรู้ข้อนี้ดีที่สุด ผมสัมผัสความรักนั้นได้เสมอ คุณให้ผมเต็มที่จริงๆ และผมดีใจ…” เสียงผมหายเข้าไปในลำคอเพราะก้อนสะอื้น วิคเตอร์เขยิบตัวมาใกล้ผม ดึงผมเข้าไปกอด ผมกอดตอบเขา วิคเตอร์ยกมือขวาลูบหัวผมเบาๆ
“ฉันผิดสัญญาที่เคยให้ไว้ว่าจะไม่มีอีก” ผมสูดจมูกฟึดฟัด กลืนน้ำลายลงคอ มองผนังห้องโถงอย่างเหม่อลอย
“ถ้างั้นอย่าสัญญาอะไรอีก คุณไม่ต้องกลัว ผมจะไม่ไปจากคุณ ถ้าคุณไม่ทิ้งผมก่อน” เพราะผมไม่คิดทิ้งหรือหนีเขาไปไหน เพราะผมรักเขา อยากใช้เวลากับเขาให้คุ้มค่าที่สุด คนเราจะตายวันตายพรุ่งไม่รู้เลย มันทำให้ผมอยากตักตวงปัจจุบันเอาไว้ให้เยอะๆ
เพราะผมละทิ้งปัจจุบันของตัวเองกับวิคเตอร์ไปช่วงนึงจนเกือบเสียอนาคตร่วมกันไป ทั้งแบบเสียเป็นและเสียตาย
“ทิ้งนายฉันก็โดนตาแก่นั่นยิงทิ้งสิ…” ผมหัวเราะทั้งน้ำตาอีกครั้ง วิคเตอร์ดันตัวผมออก เราสองคนน้ำตาไหลอาบแก้มกันทั้งคู่ วิคเตอร์มองผมด้วยดวงตาที่เศร้าเหลือเกิน
“…ฉันยอมรับว่านายกลายเป็นคนน่าเบื่อเพราะทำงาน เห็นแล้วรู้สึกแห้งเหี่ยวไม่มีชีวิตชีวา ฉันเลยคิดหาที่ระบาย” ผมหน้านิ่งและพยักหน้าอย่างยอมรับ
“ผมขอโทษ”
“ฉันก็ขอโทษ ขอโทษมากกว่า เพราะความผิดฉันร้ายแรงกว่า” ผมยกมือขวาเช็ดน้ำตาออกจากแก้มจนหมดไป กระแอมคอให้โล่งและว่าต่อ
“ต่อไป ถ้าผมน่าเบื่อยังไง บอกผมได้มั้ย ผมอาจจะลืมตัว ผมอาจจะมองข้ามอะไรไป ถ้าผมดื้อ ผมไม่เปิดใจ ดุผม ตักเตือนผมนะ ผมจะได้รู้ว่าควรทำตัวยังไง” น้ำตาวิคเตอร์ทะลักออกมา เขาหลับตาลง สีหน้าเจ็บปวด ผมยกมือซ้ายไปเช็ดน้ำตาให้เขา
“เป็นเอเลี่ยนน้อยของฉันนั่นแหละ…” เขาลืมตาขึ้น ดวงตาสีน้ำผึ้งข้นมองผมด้วยความอ่อนโยน
“…ฉันรู้ว่านายมีความฝัน แต่พอนายอยู่กับฝัน นายทิ้งฉันทุกที ฉันรู้ว่าครั้งนี้นายพยายามมากที่จะอยู่กับฉันและงาน แต่มันทำให้นายเหนื่อยเกินไปรึเปล่าแมท ทั้งฝันของนาย และฉัน” ผมรู้สึกกลวงโบ๋ในอก มองใบหน้าน้อยใจของวิคเตอร์ด้วยความรู้สึกหวิวๆ
“ผมควรเลือกใช่มั้ย” วิคเตอร์ผ่อนลมหายใจออกทางจมูกเบาๆ
“ฉันอยากให้นายมีความสุขกับความฝันของนาย…” เขากระตุกยิ้มเศร้าพอๆ กับดวงตา
“…แต่ฉันอยากให้นายอยู่กับฉันมากกว่า…” ผมยิ้มบาง ยื่นมือซ้ายไปจับมือขวาของเขาแล้วบีบเบาๆ
“…ฉันคิดถึงเอเลี่ยนน้อยคนเดิม ฉันรู้ว่าคนเราต้องโตขึ้น แต่ฉันก็อยากให้นายโตขึ้นนิดเดียว” ผมหัวเราะเบาๆ เอ็นดูกับพูดคำจาของเขาที่สรรหามาพูด วิคเตอร์คลี่ยิ้มละมุน ผมยื่นหน้าไปหอมแก้มเขา วิคเตอร์หลับตาลงสีหน้าผ่อนคลาย ผมเลื่อนขึ้นไปจูบหน้าผากเขาอีกทีด้วย วิคเตอร์คลี่ยิ้ม
“ผมขอจบงานนี้ แล้วผมจะไม่ทำงานอีกแล้ว” เขากะพริบตาปริบๆ มองผมด้วยความเป็นกังวล ผมกระตุกยิ้มและพยักหน้าเบาๆ
“แล้วความฝันนายล่ะ”
“บางครั้งความฝันกับความเป็นจริงมันก็ต่างกัน ถ้าต้องเลือก ผมก็ต้องเลือกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมก่อนและอยู่กับผมมานานแล้ว…” วิคเตอร์ยิ้มดีใจ ผมยิ้มอ่อนตอบกลับไป
“…ผมไม่ได้กลัวว่าคุณจะมีคนใหม่…” ผมย่นคิ้ว “…ก็กลัวแหละ แต่ที่กลัวกว่าคือผมจะใช้ชีวิตกับคุณไม่คุ้มค่า ผมกลัวมากรู้มั้ยตอนคุณถูกยิง ชีวิตคนเราจะหายไปจากร่างเราตอนไหนไม่รู้”
“ถ้ารู้อนาคตล่วงหน้าได้ว่าจะเป็นแบบนี้ ฉันจะจ้างมือปืนมายิงตัวเองเร็วๆ” ผมย่นคิ้ว ยกมือตีแขนเขาเบาๆ
“ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะวิคเตอร์ นี่มันชีวิตคุณนะ” วิคเตอร์หัวเราะ ยกสองแขนมาอุ้มผมไปนั่งบนตัก เขาย่นคิ้วตอนที่แขนซ้ายยกขึ้นสูง ผมเลยช่วยขยับตัวเองให้นั่งดีๆ บนตักเขา
“ฉันปล่อยนายไปไม่ได้หรอก นายผลาญเงินฉันกับการกิน ไอ้สติชท์ ไอ้ปิกาจู ไอ้ชอปเปอร์ไปตั้งเยอะ แบบนี้ทิ้งไม่ได้ ต้องจับเอาไว้ใช้หนี้” เขากดจมูกลงบนแก้มผมแล้วหอมดังฟอดยาวๆ ผมยิ้มกว้าง ยกสองแขนกอดเขา มือขวาลูบแผ่นหลังเขาเบาๆ
“งั้นคงต้องใช้ทั้งชีวิต เพราะหนี้ผมเยอะมาก”
“ใช่ ทั้งชีวิตนายเลย” ผมยิ้มบาง อบอุ่นตัวและหัวใจเหมือนเช่นทุกครั้งที่ได้อยู่ในอ้อมกอดนี้
ไม่ใช่ผมไม่คิดเรื่องที่เขาเผลอใจทำผิดพลาดไป แต่ผมดีใจที่ผมยังได้กอดเขาตัวเป็นๆ แบบนี้มากกว่า
เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้

มาแว้วววว ช่วงนี้ดูเงียบหาย เพราะปั่นต้นฉบับอยู่ค่ะ สมองวกวนอยู่กับสิ่งนั้นติดกันมาหลายวัน ซึ่งก็ใกล้ความเป็นจริงเข้าไปทีละนิดแล้ว TT__TT
แต่ก็มาต่อแล้นนนน ฮี่ๆ พี่ยักษ์ยังไม่ตายค่า พี่แกยังอยู่ยงคงกระพันให้คนรุมด่าพี่แกต่อไปอีกนาน 55555
ทางที่แมทจะเลือก ก็เป็นทางเลือกที่พี่ยักษ์เองก็คาดหวังไว้มาตั้งแต่ต้น แต่จะตัดใจเด็ดเลยมั้ยต้องคีพว้อทชิ่งน้องแมทกันต่อไป แต่ตอนนี้ได้กลับมากอดพี่ยักษ์ นางก็อุ่นใจที่หลัวยังไม่ตาย หลัวยังอยู่เปย์ให้นาง อ้าว 555555
สำหรับใครที่ตามอ่านพี่แซ็คอยู่ พรุ่งนี้เจอกันแล้วนะคะ กรี๊ดดดด

ไฟนอลลี่ก็คัมแบ็ค คือถ้าใครตามเพจขุ่นเจ้อยู่จะรู้ว่าหาข้อมูลอยู่ค่ะ ซึ่งได้มาแล้วววว จากคนอ่านที่เคยไปเที่ยวแอลเอและที่อยู่แอลเอเลยก็มี รู้สึกมีบุญบารมีม้ากกก ทูมอร์โร่วพบกันกับพี่แซ็คนะคะ
สำหรับใครที่พรีออเดอร์หนังสือพาร์ทนี้ไว้ อ่านความคืบหน้าและคำอธิบายล่าสุดได้ที่เพจขุ่นเจ้เลยนะคะ ปักหมุดโดพสต์นั้นไว้ให้เรียบร้อยค้าาา
ขอบคุณทุกคอมเม้น ขอบคุณทุกอินเนอร์ค่าาา ขอบคุณกำลังใจดีๆ ที่คอยให้กำลังใจกันในทุกๆ กรณีเลย แล้วก็ขอบคุณโหวตที่มีให้บ้างไม่มีบ้าง แต่ก็ขอบคุณมากๆ ค่าาา เจอกันครึ่งหน้าแน้จ๊ะ