Yours and Mine EP.30 :: We [have to] live with that. (เราก็ [ต้อง] ยอมรับมันแหละ)
“Wowww! The Michelin twins already has their own stroller! (ว้าววว ในที่สุด แฝดมิชลินก็มีรถเข็นเป็นของตัวเองแล้ววว)” ผมนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นห้าง ส่งยิ้มกว้างให้สองแฝดที่ตอนนี้นอนอยู่ในรถเข็นคันใหม่แบบฟูลออพชั่นที่สุดเท่าที่ผมเลือกมาแล้วว่าดีที่สุด ใช้คุ้มสุดและใช้ได้ทนนานที่สุด และแพงสุด เพราะเป็นเงินของหลัว
“You don’t have to stay in the basket anymore. (หนูไม่ต้องอาศัยอยู่ในตะกร้าอีกละเนอะ)” ผมยิ้มกว้างล้อแฝดอ้อแอ้ มองเด็กน้อยจ้ำม่ำในชุดซานตาคลอสสีแดงที่กำลังชูมือขึ้นเหวี่ยงเล่นไปมา ผมเลือกให้เฮคเตอร์เป็นสีน้ำเงินดำ ของแฮคเตอร์เป็นสีแดงดำ ทั้งสองคันมีหลังคาเลื่อนปิดเปิดอัตโนมือได้ด้วย จะปรับให้เป็นนอนเหยียดขายาวก็ได้ หรือจะปรับให้เป็นแบบนั่งก็สบายมาก
“And you have the GPS on your car! (แล้วก็ยังมีระบบ GPS บนรถอีกด้วยนะ)”
“แอ๊อออ” เฮคเตอร์ยิ้มตาหยีราวกับกำลังบอกว่าถูกใจของขวัญชิ้นใหม่เหลือเกิน ส่วนแฮคเตอร์กำลังนอนพ่นน้ำลายบุ๋งๆ ผมเลยยกผ้าอ้อมไปเช็ดน้ำลายให้เขา
“You have to say thank you to our big bankkkkkk! (ต้องขอบคุณธนาคารใหญ่ของเราาา)” ผมผายมือไปทางไอ้ยักษ์ที่มัดผมจุก ใส่แว่นดำและกำลังก้มลงมองสองแฝดนิ่ง ถึงจะทำนิ่งแบบนี้แต่ก็จ่ายให้หลานทั้งสองคนแบบไม่มีอิดออด แถมยังเป็นคนเสนอไอเดียเรื่อง GPS ติดบนรถด้วย เผื่อเอาไว้ฉุกเฉินใดๆ เดี๋ยวนี้ต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในการเลี้ยงลูกด้วย แต่ก็ต้องปรับใช้ให้พอเหมาะพอควร
“แฮ แฮ่ะ” แฮคเตอร์อ้าปากยิ้มและยกกำปั้นป้อมๆ ข้างขวาขึ้นชูโบกไปมาตรงหน้า ผมอ้าปากหัวเราะเบาๆ
“อ๊า อะๆๆ มิชลินเบอร์สองขอบคุณลุงยักษ์เหรอครับ” ผมหันไปมองวิคเตอร์ที่ยังหน้านิ่งหน้ามึนแล้วก็หัวเราะเพราะความคอนทราสกันของลุงกับหลาน ผมแหงนหน้ามองไวโอล่าที่กำลังถ่ายวิดีโอพวกเราไว้อยู่ ผมยกมือแฮคเตอร์ขึ้นโบกให้กล้อง
“Did you like it, mother? (ชอบมั้ยครับคุณแม่)”
“Yeah, it’s free. (ชอบสิ ของฟรีนี่)” ผมหัวเราะ ก้มลงฟัดแก้มสองแฝดคนละที เฮคเตอร์ส่งเสียงฮื่อๆ เหมือนเป็นการขู่ ผมหัวเราะจนรู้สึกคอจะแห้ง
“จะทำอะไรกันต่อ” วิคเตอร์ถามแบบอึนๆ ผมหันมองไวโอล่า เธอหยุดกดถ่ายวิดีโอ เก็บมือถือไว้ในกระเป๋าใบเล็ก
“ฉันว่าจะพาแมทไปซื้อของขวัญวันเกิด พี่ไปด้วยกันมั้ย”
“ไม่ล่ะ เดี๋ยวไปหาที่นั่งรอแล้วกัน”
“เอาแฝดไปอยู่เป็นเพื่อนมั้ย”
“อยู่คนเดียวน่าจะดีกว่า” ไวโอล่ายิ้มขำ ผมมองค้อนวิคเตอร์ไปที เราออกมากันแค่ห้าคน ออสตินขับรถไปส่งอาดอมินิก แล้วเดี๋ยวต้องกลับไปเฝ้าบ้าน เขาอาสาเอง เพราะเป็นห่วงบ้านเนื่องจากเพิ่งเกิดเหตุการณ์ไอ้เงาดำบุกบ้านมาหมาดๆ
“งั้นคุณไปหาร้านนั่งก่อน เสร็จแล้วผมจะโทรหานะ” วิคเตอร์พยักหน้าหนึ่งทีก่อนจะหมุนตัวเดินไปแบบชิลๆ ดูเขาจะผ่อนคลายกว่าตอนอยู่นิวยอร์กเยอะเลย หรืออีกนัยหนึ่งคือคนจำเขาได้น้อยมาก เขาเลยดูไม่กังวลอะไรเท่าไหร่
“จริงๆ เธอควรไปซื้อแล้วมาเซอร์ไพร์สฉันนะ จะได้ตื่นเต้นไง”
“ไม่เอาหรอก ฉันอยากให้เธอเลือกเอง จะได้ถูกใจสุดๆ” ผมคลี่ยิ้มและพยักหน้าหงึกๆ หน้าตาไวโอล่าสดใสขึ้นเพราะเครื่องสำอาง พอโบกลงไปก็ทำให้เธอดูฉ่ำไม่หน้าช้ำแบบที่เห็นกันเมื่อเช้า แต่ก็ไม่ได้โบกลงแน่น เธอแต่งแนวลุคซ์ธรรมชาติพิงค์ๆ ส้มๆ อะไรแบบนั้น ทำให้หน้าเธอดูสดใสขึ้นดีนะ
“งั้นฉันจะเลือกของที่แพงที่สุดในห้างนี้แล้วกัน” ไวโอล่าทำตาโต เพราะเงินที่จะซื้อเป็นเงินเก็บของเธอเอง ผมหัวเราะ
“อะๆ แอๆๆ” ผมก้มลงมองสองแฝด สองหนุ่มยิ้มและหัวเราะเสียงเล็กๆ น่ารัก เห็นแล้วก็ยิ่งทำให้หัวเราะตามไปด้วย
“อยากมีส่วนร่วมเหรอครับ ฮึ”
“แอออ๊” ผมหัวเราะเสียงดังแต่ก็ไม่ใช่ดังลั่นแบบที่ทั้งห้างจะหันมามอง
“สงสัยจะคึกที่ได้ออกนอกบ้าน ไม่ยอมนอนเลย คืนนี้หลับปุ๋ยแน่ๆ” ไวโอล่าว่าพลางก้มลงขยับหมวกซานต้าให้เฮคเตอร์
“ไปกัน ปล่อยพี่ชายเธออยู่คนเดียวนานๆ เดี๋ยวคนอื่นไม่ปลอดภัย” ไวโอล่ายิ้มขำ เข็นรถของแฮคเตอร์เดินนำไปก่อน ผมเข็นรถเฮคเตอร์เดินตามหลังเธอไปแบบที่ยังไม่รู้ว่าจะไปซื้ออะไรที่ร้านไหนดี เพราะผมเพิ่งเคยมาห้างนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ย้ายมาอยู่อังกฤษ
Westfield เป็นห้างขนาดใหญ่ในใจกลางลอนดอน ก็ไม่ถึงกับกลางมาก แฉลบออกมาข้างๆ นิดหน่อย (มันเป็นยังไง?) แต่คือก็อยู่ในโซนลอนดอน แบบใจกลางเมืองหลวงเนี่ยแหละ เป็นห้างตัวอักษรสีแดง ตัวห้างใหญ่มาก มีทุกอย่างเลยรึเปล่าผมก็ไม่แน่ใจเพราะไม่เคยมา แต่ห้างใหญ่มากๆ ขนาดนี้ ผมว่าของน่าจะเยอะและน่าจะครบครันในทุกๆ ด้านของชีวิต ของกิน ของใช้ เสื้อผ้า หน้าผมต่างๆ ขาช้อปน่าจะถูกใจที่นี่ไม่ยาก
เราเดินเข็นรถของแฝดไปเรื่อยๆ แบบที่ผมก็ยังนึกไม่ออกว่าอยากได้อะไร ไม่ใช่ว่ามีครบทุกอย่างแล้ว แต่มันคิดไม่ทัน ไวโอล่าบอกตอนเช้า พอจัดการธุระเรื่องทะเบียนสมรสและกินข้าวกับอาดอมินิกเสร็จ เราก็พากันออกมา ซึ่งระหว่างทางก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะอยากได้อะไร ในหัวตอนนี้มีของตีกันวุ่นว่าเอาอะไรดี เสื้อผ้าหรือเครื่องประดับสำหรับผมดูจะเชยไปแล้วในการเลือกเป็นของขวัญ เพราะมันซื้อได้ในชีวิตประจำวันแบบไม่ต้องมีเทศกาลก็ได้
“หรือเราจะออกไปเดินดูตลาดข้างนอกมั้ย เธออาจจะปิ๊งไอเดียของที่อยากได้” ไวโอล่าบอกหลังจากเราเดินเข็นสองแฝดมาจนทั่วชั้นที่เราอยู่ ผมหันไปยิ้มขำแห้งๆ แล้วก็นึกแบบล่องลอย ลอยไปเรื่อยจนกระทั่งสะดุดกับภาพตลาดแห่งนึงในหัว
“ฉันอยากไปตลาด Notting hill อะ”
“อ๋อ ตลาด Portobello Road Market อะเหรอ”
“ไม่แน่ใจเหมือนกัน เรียกชื่อนี้ตามหนังจนติดปากไปแล้ว”
“ได้สิ ของน่ารักๆ เยอะแยะเลย”
“ฉันนึกถึงของพวกวินเทจอะไรแบบนี้ น่าจะเข้าทางฉันมากกว่าของหรูในห้าง คือก็ชอบของในห้าง แต่คิดว่าถ้าจะหาของแนวนั้นน่าจะต้องไปพวกตลาดหรือเปล่า” ผมกำลังนึกถึงของที่ทำจากไม้หอมๆ สีน้ำตาลอ่อน น้ำตาลเข้มจำพวกนั้น
“จากตรงนี้เดินไปก็ประมาณครึ่งชั่วโมง ถ้านั่งรถก็สักสิบห้านาที แต่เราจะบอกพี่มั้ย”
“บอกตรงๆ แหละ มารู้ทีหลังว่าโกหก ฉันซวยอีก” ผมทำหน้าขยาด ไวโอล่าขำ ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าสะพายข้างใบเล็ก หยิบขึ้นมากดโทรหาวิคเตอร์ แค่สัญญาณเดียวเขาก็รับสายแล้ว
“ยักษ์ อยากไปตลาดที่ถ่ายหนัง Notting Hill อะ… ไม่ๆ ยักษ์นั่งรออยู่นี่ก็ได้นะ เดี๋ยวเราว่าจะเดินไปกัน ผมอยากชมลอนดอนด้วยอะ… จริงเหรอ หูย ใจดีจัง…”
[ให้แค่วันนี้วันเดียว วันเกิดนาย พ้นเที่ยงคืนไปก็ห้ามดื้อกับฉันอีก เดี๋ยวฉันแวะไปซื้อของสดเข้าบ้านให้แล้วจะตามไป ส่งลิสต์มาในวอทสแอพแล้วกัน] ผมทำปากยื่น แต่อย่างน้อยเขาก็ปล่อยให้อิสระตั้งวันนึง ซึ่งจริงๆ เดี๋ยวนี้วิคเตอร์ไม่ค่อยคอนโทรลอะไรผมมากแล้วนะ เพราะผมชินกับชีวิตแบบนี้ไปแล้ว เลยไม่คิดดื้อคิดดิ้นรนอีกเลย ถือว่าไอ้ยักษ์ฉลาด บังคับจนผมติดเป็นนิสัย เอ๊ะ ไม่ฉลาดสิ เขาเรียกว่าบ้าอำนาจ
“ก็ยังดี งั้นเดี๋ยวเจอกันนะ”
[ไม่เจอก็ไม่เป็นไร ดูจีพีเอสจากไอ้ลูกหมูสองตัวนั่นก็ได้]
“โอ๊เข่!” ผมกดสายจากวิคเตอร์แล้วหันไปพยักหน้ายิ้มกริ่มให้กับไวโอล่า เธอทำหน้าประหลาดใจ ผมยักไหล่สองข้างและแสร้งทำหน้าเบื่อหน่ายเล็กๆ
“วันเกิดฉันน่ะ เขาเลยใจดี”
“เข้าใจละ” เราสองคนหัวเราะ ก่อนจะเข็นรถของสองแฝดไปทางบันไดเลื่อนเพื่อลงไปตรงประตูหน้าห้างแล้วจะได้เดินออกไปตามถนนหนทางในลอนดอน ผมว่าการเดินมันก็ไกลมากแหละ แต่การเดินครึ่งชั่วโมงในลอนดอนที่อากาศเย็น (มาก) แบบนี้ กับเดินในไทยด้วยระยะเวลาเท่านี้แล้วอากาศร้อน (มหาศาล) แบบนั้น น่าจะไม่เหมือนกัน อันนี้อาจจะหนาวหน่อย แต่พอเอาลอนดอนที่หิมะไม่ค่อยตกไปเทียบกับบ้านนอกของเราที่ตกจนขาวสว่างแล้วนั้น ผมว่าพอใส่เสื้อกันหนาวมาแบบฟูลออพชั่นแบบนี้ ก็น่าจะสู้ไหวอยู่ ถ้าขาแข็งขึ้นมาจริงๆ ก็แท็กซี่แล้วกันนะ
ก่อนออกจากห้างเราจัดการห่มผ้าห่มที่เตรียมมาให้แฝดเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้สองหนุ่ม พอเดินออกมานอกตัวห้าง อากาศเย็นแบบที่ไม่ใช่เย็นเพราะลมก็ถาโถมเข้ามา ช่วงสักเกือบสิบนาทีแรกคืออยากจะวิ่งกลับเข้าไปในห้างมาก แต่พอเดินไปสักพักมันก็เริ่มอยู่ได้ และเดินไปได้เรื่อยๆ ระหว่างที่เดินผมก็ส่งลิสต์ของที่จะซื้อเข้าบ้านไปให้วิคเตอร์ ฝากไวโอล่าเข็นรถคนเดียวก่อนสักพัก
“ฉันเองก็ไม่ได้มาเดินในลอนดอนนานแล้วนะเนี่ย” ผมได้ยินเสียงไวโอล่าพึมพำแต่ยังไม่ได้ตอบโต้ทันที เพราะกำลังพิมพ์หาวิคเตอร์อยู่ จนพอพิมพ์ของอย่างสุดท้ายเสร็จก็ปิดวอทสแอพแล้วเก็บโทรศัพท์เข้าไปในกระเป๋า
“ครั้งล่าสุดมาเมื่อไหร่เหรอ” ผมถามพลางคว้ารถเข็นของเฮคเตอร์มาเข็นต่อ ไวโอล่านิ่งเงียบไปพักนึงก่อนตอบเสียงเรียบ
“ก่อนจะรู้ว่าท้องน่ะ” ผมหันไปมองเธอ ไวโอล่ากระตุกยิ้มอ่อน แต่เป็นยิ้มอ่อนออกไปทางเศร้าจนผมนึกงงในแว้บแรก แต่สักพักก็เดาเอาเองว่าน่าจะเป็นตอนที่เธอยังคบกับแฟนอยู่
เอาเป็นว่าไม่ถาม ไม่พูดถึงแล้วกัน เราจะไม่ดันกระทู้นี้ขึ้นมาอีก
“อ้อ ถ้าเดินตลาดนอทติ้งฮิลล์แล้วยังไม่เจอของถูกใจ วันนี้มีตลาดที่ลอนดอนบริดจ์ด้วยนะ เผื่อเธออยากจะไปเดิน ฉันว่าตอบโจทย์เธอทั้งสองที่” ไวโอล่าสลัดท่าทีหมองๆ นั้นออกไปแล้วเปลี่ยนเป็นยิ้มสดใสตอนที่แนะนำเรื่องตลาดอีกแห่งให้ฟัง ผมยิ้มกว้าง พยักหน้าตอบรับกับคำแนะนำอันกระตือรือร้นนั้น
ลอนดอนคือเมืองที่เจริญแล้วและอังกฤษก็คือประเทศที่พัฒนาแล้ว เป็นเมืองที่เจ.เค.โรว์ลิ่งใช้เป็นโลเคชั่นหลักในการเขียนนิยายอมตะเรื่องแฮร์รี่ พ็อตเตอร์ เป็นเมืองแห่งความน่าเที่ยวมาก มันสวยงามด้วยบรรยากาศ ด้วยอากาศช่วงปลายปี และยิ่งพอเรามาช่วงเทศกาลคริสต์มาส โอ้ว พระเจ้า แทบจะทุกซอกทุกมุมทุกหลืบทุกรูของเมืองนี้ อินกับคริสต์มาสมากกก มันรื่นเริง ครื้นเครงไปหมด มองไปทางไหนแลมีแต่ความสนุกสุขสันต์ ตึกรามบ้านช่องจากที่สวยคลาสสิคด้วยสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่อยู่แล้ว พอประดับประดาความคริสต์มาสเข้าไป มันยิ่งรู้สึกฟินซะเหลือเกิน ถ้าจะเทียบกับเทศกาลบ้านเรา ผมว่าคล้ายๆ กับสงกรานต์นะ ที่ผู้คนจะมีแต่ความสุขสนุกเฮฮา บรรยากาศทั่วประเทศคือมีสีสันและความชุ่มฉ่ำ
“มีเทศกาลฤดูหนาวช่วงกลางคืนด้วยนะ เป็นสวนสนุกมาเปิดในลอนดอน มีร้านขายของกินเยอะแยะมาก ฉันเคยมาปีก่อน สนุกดี แต่คนเยอะ”
“พี่ชายเธอจะยอมอยู่รึเปล่า”
“มันยังอยู่ในช่วงวันเกิดเธออยู่นี่ ฉันว่าพี่ยอม” ก็เป็นไปได้ เพราะเขาก็พูดเองว่าถ้าพ้นเที่ยงคืนไปผมต้องกลับเข้าสู่โหมดเชื่อฟังเขาตามเดิม เทศกาลคงไม่เริ่มตอนเที่ยงคืนหรอกนะ
“งั้นอยู่กันเถอะ ฉันอยากเห็น เนอะแฝดเนอะ” ผมก้มลงไปมองสองแฝด แฮคเตอร์หนังตาย้อยแล้ว ส่วนเฮคเตอร์ยังคงมองไปเรื่อยเปื่อย ตลอดทางที่เดินมาสองหนุ่มฮ็อตมากเลยนะ คนส่งยิ้มให้แทบไม่ขาดสาย
เราเดินกินลม (หนาว) ชมวิวสวยๆ ทั้งจากบรรยากาศโดยปกติของลอนดอนและบรรยากาศที่ตกแต่งขึ้นมาในช่วงเทศกาลวันคริสต์มาส ผมถ่ายรูปเก็บไว้ในโทรศัพท์บ้างเป็นบางจุด ถ่ายลงสตอรี่อินสตาแกรมไปสามอัน ไม่อยากถ่ายเยอะจนกลายเป็นตะเข็บผ้า
“นึกออกรึยังล่ะว่าอยากได้อะไร” ไวโอล่าถามตอนที่เราเดินผ่านสวนสาธารณะแห่งหนึ่งที่มีต้นคริสต์มาสต้นใหญ่มากตั้งอยู่ใกล้ริมรั้วและถูกประดับประดาอย่างสวยงาม
“ฉันอยากได้กล่องดนตรีไม้แหละ แต่อยากได้เสียงเพลงที่เธอร้องกล่อมแฝดนอนอะ เผื่อวันไหนเธอหลับก่อนหรือไม่สะดวกมาร้อง ฉันจะได้เปิดกล่องดนตรีแทนเสียงเธอ”
“เพลง Braham lullaby อะเหรอ” ผมพยักหน้ารัวๆ ไวโอล่าคลี่ยิ้มและมีสีหน้าสนใจร่วมด้วย
“เก๋ดี ฉันคิดว่าสั่งทำได้นะ” พอเจ้าถิ่นอังกฤษว่าแบบนั้นผมก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย เพราะผมขี้เกียจคิดแล้วว่าอยากจะได้อะไร
เราเดินเข็นรถของสองหนุ่มที่ตอนนี้หลับไปแล้วไปต่อตามทางที่ไวโอล่าพอจะจำได้ กะว่าจะพามาเดินชมบรรยากาศในลอนดอนสักหน่อย นึกว่าวันนี้จะไม่หลับแล้วนะ สงสัยเจออากาศเย็นๆ เลยอยากหลับมากกว่ามองวิว
แล้วพอครบครึ่งชั่วโมง เราก็มาถึงทางเข้าตลาด Notting Hill มันเป็นตรอกตรอกหนึ่งที่ตรงกลางตรอกจะมีร้านค้าตั้งเรียงรายยาวไปจนสุดตรอกได้เลยมั้งนั่น สองข้างตรอกก็จะเป็นร้านต่างๆ ที่อยู่ใต้ตึก ทั้งขายของ ขายอาหาร ขายเครื่องดื่ม ผมมองบรรยากาศชิลๆ ของตลาดแล้วก็ยิ้มอย่างตื่นเต้น ตึกสองข้างทาสีสันสดใส จำพวกสีน้ำเงิน เหลือง ชมพู แบบนี้ ทาสลับกันไป บวกกับเป็นช่วงเทศกาลคริสต์มาสยิ่งทำให้ดูมีสีสันกว่าเดิมอีก
V
v
v