V
v
v
“เขามาเยี่ยมหลานใช่มั้ย ไม่ได้มาเหยียดฉันใช่ป่ะ” ผมถามไวโอล่าอย่างขำๆ ตอนกำลังกินอาหารมื้อเช้าของเราสองคน หลังจากปลุกปล้ำกับแฝดมิชลินจนหลับปุ๋ยไปสักชั่วโมงนึงแล้ว รออีกสักสองสามชั่วโมงค่อยไปสู้รบปรบมือกันใหม่
“เขาอาจจะอยากมาดูงานเลี้ยงลูกน่ะ แฟนใหม่ แม่เลี้ยงฉันที่อายุเท่าเธอก็จะมาด้วย” ผมฉีกยิ้มแบบยิงปากหนึ่งทีแล้วยกชากุหลาบขึ้นดื่ม ที่อังกฤษกินอะไรมักจะต้องมีชาเคียงข้างเสมอ มันคือวิถีคลาสสิค
“กินทุกอย่างตามที่หมอบอกแล้ว รู้สึกถึงน้ำนมมั่งมั้ย” ไวโอล่าทำหน้าไม่แน่ใจก่อนจะตอบ
“ฉันว่าฉี่เยอะกว่าน้ำนม ยิ่งช่วงนี้อากาศหนาวด้วย กินน้ำเยอะ ฉี่เลยเยอะตาม”
“แต่ถือว่าดีขึ้นใช่มั้ย”
“ฉันยังไม่รู้สึกนะ อาจเพราะเพิ่งเริ่มทำได้อาทิตย์เดียวเอง คงต้องรอดูอีกสักพัก” ผมพยักหน้าและยิ้มให้กำลังใจเธอ ไวโอล่าเองก็เครียดเรื่องน้ำนมไม่พอให้ลูก อะไรที่หมอบอกว่ากินแล้วจะช่วยได้ เธอก็กินหมด อย่างกินน้ำในหน้าหนาว ซึ่งหนาวของที่อังกฤษกับเมืองไทยไม่เหมือนกัน มันส่งผลให้น้ำพวกนั้นขับออกมาทางปัสสาวะซะเยอะ ไม่รู้ไปช่วยเรื่องผลิตน้ำนมมั่งหรือเปล่า
“ถ้านมเธอไม่พอ ขอนมจากแม่เลี้ยงเธอสิ จากที่เห็นเธอค่อนข้าง…” ผมเอาสองมือวนตรงอกเป็นรูปกลมกลึงและยกนิ้วโป้งทั้งสองมือขึ้นว่าเยี่ยม ไวโอล่าเก็ตและขำพรืด ใจผมจริงๆ คือจะชมนะ ว่าเธอน่าจะน้ำนมเยอะ แต่เรื่องแบบนี้พูดยังไงก็ดูออกจะเฉไปทางคิดลึกอยู่เรื่อย
จะว่าไปแล้ว ครอบครัวนี้ก็มีแม่เลี้ยงแบบอินเซ็บชั่นซับซ้อนดีเหลือเกิน แม่วิคเตอร์เป็นแม่เลี้ยงไวโอล่า ยัยลิซ่าเป็นแม่เลี้ยงวิคเตอร์แล้วยังควบตำแหน่งเมียวิคเตอร์อีก และตอนนี้วิคเตอร์กับไวโอล่ากำลังจะมีแม่เลี้ยงคนเดียวกัน ซึ่งแม่เลี้ยงคนนั้นอายุเท่าผม เท่ากับว่าเป็นน้องวิคเตอร์อีกทีด้วยนะ ซับในซับในซับ
และวันนี้แม่เลี้ยงคนนั้นก็กำลังจะมาเยี่ยมเราสองคนกับแฝดพร้อมกับคุณลุค ตอนนี้เธอคนนั้นท้องได้จะสองเดือนแล้ว ผมเคยเจอครั้งเดียวตอนที่เธอมาเยี่ยมไวโอล่าก่อนวันออกจากโรงพยาบาลหนึ่งวัน ท่าทางเธอดูเป็นผู้หญิงเรียบๆ ไม่หวือหวา แต่ว่าดูเป็นมิตร อันนี้เลยทำให้เธอน่าคบค้าสมาคมอยู่เหมือนกัน ที่สำคัญผมว่าเธอดูไม่ตะเกียกตะกายด้วย ดูใช้ชีวิตปกติสุขดี อันนี้ผมก็คิดเองจากการเจอเธอครั้งแรกและครั้งเดียว ถ้าได้ทำความรู้จักกันมากกว่านี้ ผมอาจจะเปลี่ยนความคิดก็ได้
“เดี๋ยวฉันเข้าไปนอนรอกับแฝดนะ พ่อมาถึงคงพอดีกับที่แฝดตื่น” ผมพยักหน้าและยกมือขึ้นว่าโอเค ไวโอล่าลุกขึ้นเดินออกไปจากโซนห้องกินข้าวที่อยู่เชื่อมกับห้องครัวใหญ่ของบ้าน ผมยังกินอาหารไม่หมดเพราะค่อยๆ กินไปดูโซเชียลที่นานๆ ครั้งจะได้มาเล่นแบบนี้ ตอนนี้ผมกำลังย้อนดูข่าวเรื่องรูปภาพในอินสตาแกรมของวิคเตอร์ ภาพวันที่เรานอนดูเน็ตฟลิกซ์และชิลด้วยกัน
ก็ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่หรอก ผมแค่ย้อนอ่านสไตล์เขียนข่าวของแต่ละสำนักเฉยๆ ก็เดากันไปต่างๆ นาๆ เช่นเคย พอลองนั่งดูการสะกดรอยตาม การทายต่างๆ ของเหล่านักข่าวและชาวเน็ตผมว่าก็สนุกดีนะ เจอคอมเม้นไหนร้ายๆ หน่อยก็เบ้ปากเอา แต่น่าจะเป็นความโชคดีและแต้มบุญสูงของผมหน่อยที่ส่วนมากเจอคนคอมเม้นในเชิงบวกมากกว่า ไม่รู้ว่าเพราะยังไม่รู้ว่าผมเป็นใครชัวร์ๆ หรือสนับสนุนความรักทุกรูปแบบหรือยังไง แต่อ่านแล้วก็ดีต่อใจแหละ
ข่าวในไทยดูคึกคักดี ผมว่านักสืบเว็บบอร์ดของไทยมาเป็นคู่แข่งเชอล็อกโฮมได้เลย ย้อนไปแคปรูปในอินสตาแกรมวิคเตอร์ เอามาเรียบเรียงไทม์ไลน์กันเอง บางคนที่แคปรูปผมนอนแนบอกวิคเตอร์ตรงรอยสักไว้ได้สมัยที่ผมยังไม่ล็อคไอจีก็เอามาเทียบกันต่างๆ สนุกสนานมาก ครั้งนี้การสืบมันจริงจังขึ้นเพราะรูปที่วิคเตอร์ลงล่าสุดมันค่อนข้างล่อแหลมและเหมือนจะเป็นสัญญาณการเปิดตัวผมมากขึ้น คือเปิดตัวจริงๆ เพราะไม่เปิดหน้า คนที่เก่งเรื่องสระรีระและบวกกับข้อมูลของคนจำพวกเก่งเรื่องปรับสีภาพก็ฟันธงว่าเป็นผู้ชายแน่นอน แต่ก็นั่นแหละ มันมีแค่การสืบกันเองไง ยังไม่มีอะไรออกจากปากวิคเตอร์เลย แถมรอยสักบนอกเขาก็ยังไม่เคยมีสื่อไหนจับภาพได้ด้วย อันนี้อัศจรรย์มากที่พวกปาปาราซซี่จับช็อตที่สามารถเผยเรื่องราวไม่ได้สักที แต่สามีผมถ้าอยู่ในที่สาธารณะก็หวงเนื้อหวงตัวพอสมควรนะ ใส่เสื้อปกปิดมิดชิด
เขาชอบแก้ผ้าก็จริง แต่ผมว่าลึกๆ เขารู้แหละว่าถ้าอยู่ในโซนตาแมวตาเหยี่ยวทั้งหลายต้องทำตัวยังไงในการไม่เผยเนื้อในตัวเอง
“โฮ่ง!” ผมหยุดอ่านโซเชียลบนจอมือถือแล้วหันไปมองไมเคิลที่เดินมานั่งใกล้ๆ ผมยิ้มกว้างแล้วยกมือขึ้นลูบหัวมัน พอเงยหน้าขึ้นก็เจอกับออสตินที่แบกถุงสีน้ำตาลมาเต็มสองแขนล่ำๆ ผมลุกขึ้นไปช่วยเขาเอาของลงบนโต๊ะใหญ่ในครัว
“ไมเคิลเหมือนจะเจอสาวที่ถูกใจครับ” ผมเลิกคิ้วขึ้นในขณะที่เอาถุงใส่กับข้าวและเครื่องปรุงต่างๆ ที่ออสตินออกไปซื้อมาสำหรับเก็บไว้ตุนวางเรียงบนโต๊ะ
“หมายถึงปิ๊งหมาตัวเมียอะเหรอ” ออสตินพยักหน้านิ่ง ผมหันไปมองไมเคิลที่ไปนอนแผ่ตัวอยู่ตรงประตูเรือนกระจกในห้องโถงใหญ่ของบ้านที่เดินออกไปจะเป็นสวนแล้วหันกลับมามองออสตินอีกที
“แล้วมันได้เข้าไปทำความรู้จักกับสาวคนนั้นมั้ย”
“เข้าไปครับ มันยืนดมกันอยู่นานมาก ผมเลยได้มีโอกาสคุยกับเจ้าของ เขายินดีให้ทับนะครับถ้าคุณแมทกับคุณเรย์มอนด์ต้องการ” ผมตาโตเป็นประกาย หันไปมองไมเคิลอีกที มันกำลังนอนหงายท้องสบายอารมณ์
“ไมเคิลจะมีเมียแล้ววว”
“พวกเขาอยู่อีกหมู่บ้านนึง บอกว่าถ้าอยากให้มันจู๋จี๋กันไปหาที่บ้านได้ พวกเขาให้นามบัตรผมมาด้วย” กับการใช้คำว่าจู๋จี๋นั้น ช่างน่ารักน่าชังเหลือเกินพ่อบอดี้การ์ดหน้านิ่ง
“แล้วพวกเขาจะแบ่งลูกๆ ไมเคิลกับหมาผู้หญิงตัวนั้นกับเราเหรอ”
“ครับ ก็ดูตามจำนวนอีกที เขากับภรรยาก็อยากได้ลูกมันเหมือนกัน” ออสตินยื่นนามบัตรที่เก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อกันหนาวสีดำมาให้ ผมรับมาอ่าน ชื่อบนบัตรเป็นชื่อของผู้ชายคนหนึ่ง
“เขาอายุเท่าไหร่เหรอเจ้าของหมาอะ” ออสตินสั่นหัว
“ไม่ทราบครับ แต่ถ้าให้เดาคงรุ่นเดียวกับคุณเรย์มอนด์ละมั้งครับ” ผมทำปากว่าอ้อและพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะอมยิ้มเขินที่ไมเคิลตกหลุมรัก ตอนอยู่นิวยอร์กมันก็มีดมๆ สนใจๆ ตัวเมียนะ แต่ก็ไม่ได้ไล่ตามหรือจ้องจะทับเขา อันนี้ยืนคลอเคลียกันนานตามคำบอกของออสตินผู้ไม่เคยโกหกก็คงจะปิ๊งรักแล้วละ
ผมกับออสตินช่วยกันจัดของใส่ตู้ ทั้งตู้กับข้าวและตู้เย็นจนเสร็จเรียบร้อย บ้านเราจะซื้อวัตถุดิบสำหรับทำอาหารทุกอาทิตย์ ซื้อมาทีก็ตุนไว้ให้พอสำหรับหนึ่งอาทิตย์ สิ่งไหนเหลือก็เก็บเอาไว้ใช้ในครั้งต่อไปได้ คนทำกับข้าวของบ้านก็เป็นผมกับออสตินสลับกันไป มีไวโอล่าทำด้วยบางครั้ง แต่ผมไม่อยากรบกวนเธอเท่าไหร่ เพราะเลี้ยงลูกก็เหนื่อยแล้ว
“เดี๋ยวพ่อวิคเตอร์จะมา แต่เผื่อผมไม่รู้ว่าเขามา ผมกับไวโอล่าอยู่ในแฟมิลี่รูมนะ” ออสตินพยักหน้าแล้วเดินกลับไปทางห้องนอนตัวเอง ห้องนอนของออสตินอยู่ใกล้กับประตูหน้าบ้านและห้องรับรองแขก ใครไปใครมาเจอเขาก่อนเลย ห้องกว้างมาก วิคเตอร์จัดให้น้องชายต่างสายเลือดสุดพลัง เพราะห้องนอนที่นิวยอร์กมันเล็กสำหรับคนตัวใหญ่อย่างออสติน พอมาบ้านใหม่วิคเตอร์เลยจัดฟูลออพชั่นในห้องนั้น ให้มีความเป็นส่วนตัวสำหรับบอดี้การ์ดคนเก่งของบ้านเรา น่าจะยกเว้นแค่ครัวที่ไม่ได้ยกเข้าไปไว้ให้
ผมแวะไปห้องสมุดของบ้านที่มีทั้งหนังสือไทยหนังสือเทศ อภินันทนาการโดยสามีหน้ายักษ์สุดที่รัก หนังสือภาษาไทยก็ใช้ให้ไอ้แชมป์กับไอ้วอร์มไปหาซื้อมาให้ตามลิสต์ของผมแล้วส่งตรงมาจากเมืองไทย เทสต์การทำห้องสมุดของวิคเตอร์ดีมากเลยแหละ ก็คงรูปแบบของห้องไว้เหมือนเดิมคือหินสีน้ำผึ้ง แต่เพิ่มหน้าต่างเพื่อให้ความโล่งและสว่างเข้าไป เพราะห้องเดิมเป็นห้องสี่เหลี่ยมทรงยาวทึบๆ มีหน้าต่างกระจกสี่เหลี่ยมบานใหญ่ที่มองเห็นวิวทุ่งหญ้าสีเขียวของบ้านด้านนอก ตรงนั้นมีโซฟาสำหรับนั่งและนอนอ่านหนังสือ อยากพักสายตาก็เงยหน้ามองความเขียวขจีของหญ้าและสีสันของดอกไม้ตามขอบสนามหญ้า มุมนี้จะอ่านหนังสือเพลินแบบลืมวันและเวลามากๆ
ตู้หนังสือสีน้ำตาลอ่อนตัดกับผนังหินสีเข้มถูกติดตั้งไว้เต็มผนังจนเกือบติดเพดานจะเว้นช่องประตูกับช่องหน้าต่างไว้ แต่เขาก็เข้าใจจัดให้มีลูกเล่นด้วยการเว้นบางช่องแล้วใส่ของประดับแทนหนังสือเพื่อไม่ให้รู้สึกแอดอัดจนเกินไป พื้นด้านล่างก็เป็นพื้นปูนเปลือยปูพรมสีขาวนุ่มนิ่มให้สำหรับนั่งและนอนอ่านหนังสือได้อีกโซน ในห้องมีโต๊ะเขียนหนังสือตรงข้ามกับหน้าต่างบานใหญ่
นี่ก็เป็นอีกห้องที่ผมชอบมาขลุก แต่ก็ไม่บ่อยเท่าแฟมิลี่รูม ผมเลือกหยิบนิยายแฟนตาซีของนักเขียนไทยมาหนึ่งเล่มแล้วเดินออกจากห้องอ่านหนังสือ พอเข้าไปที่ห้องประจำของสองแฝดก็เห็นสามแม่ลูกหลับปุ๋ย บรรยากาศห้องนี้มันชวนหลับจริง ขนาดออสตินยังเคยเผลอหลับในห้องนี้ตอนมาเฝ้าแฝดแทนผมเลย
สองแฝดยังไม่มีห้องนอนของตัวเอง อาศัยนอนกับไวโอล่าไปก่อน แต่ก็มีคอกกันกระแทกสีฟ้าขาวสำหรับเด็กเป็นเตียงนอนสำหรับสองแฝด ช่วงที่วิคเตอร์อยู่ผมก็ใช้วิธีการแวะไปหาเอา แต่พอวิคเตอร์ไปทำงาน ผมก็ไปนอนห้องไวโอล่าบ้าง หรือบางทีถ้าไวโอล่าเหนื่อยจัดๆ ผมก็เอาสองแฝดมานอนที่ห้องตัวเอง ยกคอกอันนั้นมาแล้วผมก็ลงไปนอนด้วย
ครืดดด
โทรศัพท์สั่นตอนที่ผมกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาคนละฝั่งกับที่ไวโอล่านอน ผมหยิบขึ้นมาดูก็เป็นวิคเตอร์ส่งรูปหน้าเขาโชกเลือดมาให้ ผมใจหายวาบ รีบกดโทรหาเขาในวอทสแอพทันที รอไม่นานวิคเตอร์ก็กดรับ
“เป็นอะไรน่ะ?!” ผมลุกออกจากโซฟา เดินออกไปข้างนอกแล้วเลื่อนปิดประตูตามหลัง
[เลือดออก]
“รู้แล้ว แต่ทำไมเลือดออก ไปทำอะไรมา เป็นอะไรมากรึเปล่าเนี่ย”
[โดนช่างเอฟเฟ็กต์เอาเลือดปลอมเทใส่หัว] ผมชะงักไปแปบก่อนจะคิดขึ้นได้ว่าเขาอำ เลยกลอกตาเอือมๆ แต่ก็โล่งใจในเวลาเดียวกัน
“ไอ้ยักษ์เลี้ยงแกะ เดี๋ยวครั้งหน้าเป็นจริงขึ้นมาจะปล่อยให้เลือดไหลหมดตัว”
[นายไม่ทำแบบนั้นหรอก]
“อ๋อ ใช่ เพราะถ้าคุณตายไป ผมจะไม่ได้อะไรเลย รีบกลับมาทำพินัยกรรมให้ก่อน”
[กลับไปเมื่อไหร่ฉันจะเอาเข็มขัดฟาดก้นนายตามความปากดี]
“แต่ตอนนี้ก็ทำได้แค่ขู่เท่านั้นแหละ แค่นี้นะ ไอ้ยักษ์!” ผมกดวางสาย เขาไม่โทรกลับมาหรอก เหมือนเขาเหงา เขาว่างเลยต้องหาเรื่องให้ผมตื่นเต้นเล่นๆ เดี๋ยวก่อนผมนอนเขาถึงจะคอลมา บางวันไม่รู้จะคุยอะไรกันก็มองหน้ากันจนผมหลับเขาถึงวางสายไป วันไหนที่ผมนอนกับแฝดเขาก็ทะเลาะกับแฝดและทิ้งให้ผมหลับไป
ผมกำลังจะเดินกลับเข้าห้องก็เห็นออสตินเดินมาพอดี เขาพยักหน้าหนึ่งครั้ง ตอนแรกผมงงว่าเรียกผมเหรอ แต่สักพักก็นึกได้ว่าผมบอกเขาให้เตือนเรื่องคุณลุค ผมพยักหน้าหงึกๆ เปิดประตูเข้าไปในห้องแฟมิลี่ ย่องเบาผ่านแฝดที่กำลังหลับปุ๋ยใต้ผ้านวมไปสะกิดไวโอล่า เธอลืมตาขึ้นแบบงงๆ
“พ่อเธอมาแล้ว”
“อ๋อ” ผมเดินนำออกไปก่อน หยิบเสื้อกันหนาวมาสวมทับเสื้อลองจอนสีเทาของตัวเองอีกชั้น ออสตินเดินพาคุณลุคกับภรรยาคนใหม่ของเขาเดินเข้ามาในบ้าน ตรงมาที่โซนนั่งเล่นและเป็นโซนรับแขกของบ้านชั้นนอก ไวโอล่าเดินเข้าไปกอดทักทายพ่อตัวเอง ส่วนผมยืนเงียบๆ ในมุมของตัวเอง ยังดีที่ภรรยาของคุณลุคหันมายิ้มให้ผมเลยได้ขยับยิ้มตอบกลับไป
“สองแฝดนั่นล่ะ”
“หลับค่ะ พ่ออยู่กินอาหารเย็นกับเราสิ เดี๋ยวแฝดคงตื่น” คุณลุคเหลือบสายตามามองผมอย่างไร้อารมณ์ ผมก็ทำหน้าไร้อารมณ์ตอบกลับเขาไป
“ก็ดี ตีน่ามีเรื่องจะถามเกี่ยวกับเด็กด้วย” ไวโอล่าหันไปยิ้มให้กับแม่เลี้ยงที่อายุน้อยกว่าตัวเอง ก่อนหันมามองทางผมพร้อมชี้มือมาทางนี้
“ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเลี้ยงดูถามแมทได้เลยค่ะ แมทดูแฝดได้ดีกว่าฉันซะอีก” แม่เลี้ยงของไวโอล่าหันมายิ้มด้วยความประหลาดใจ
“จริงเหรอคะ” ผมยิ้มแห้งๆ ก่อนตอบ
“ผมถามแม่ผมมาอีกทีน่ะครับ ก็จำๆ มาใช้กับแฝด” แม่กับพ่อผมรู้เรื่องแฝดแล้ว เพราะผมโทรไปขอความรู้เรื่องการเลี้ยงเด็กบ่อยมากจนเขานึกสงสัย ผมเลยเล่าให้ฟัง ผมเคยส่งรูปแฝดไปให้เขาดูแล้วทางไลน์ สองตายายกรี๊ดแฝดมิชลินมาก
“ทำไมเธอไม่เลี้ยงเองล่ะไวโอล่า เด็กๆ จะได้ซึมซับสิ่งที่ถูกที่ควรจากคนเป็นแม่จริงๆ” บรรยากาศแทบจะกริบทันควัน ผมกระตุกยิ้มมุมปาก ในใจคืออยากกลอกตาและทำหน้าเบื่อโลกแรงๆ กับการจิกกัดแบบเดิมๆ
“แมทเป็นแม่ทูลหัวของแฝดค่ะพ่อ หนูยกตำแหน่งนี้ให้เอง” คุณลุคเลิกคิ้วขึ้นและยิ้มเยาะน้อยๆ
“เรียกใครสักคนว่าแม่ คนๆ นั้นต้องเป็นผู้หญิงรึเปล่า”
“คุณลุคคะ…” ตีน่ามีสีหน้าอึดอัดใจ อย่างหนึ่งที่ผมน่าจะแน่ใจได้ในตอนนี้แล้วคือภรรยาคนนี้ของพ่อวิคเตอร์ไม่ใช่คนก๋ากั๋นจัดจ้าน
“มันควรจะเป็นไปในแบบที่ธรรมชาติสร้างมา เกิดเด็กซึมซับพฤติกรรมที่ไม่ถูกไม่ควรของคนเลี้ยงเข้าไปจะทำยังไง”
“พ่อคะ ถ้าพ่อจะมาเพื่อว่าแมท หนูว่าไม่โอเค” ไวโอล่ามีสีหน้าไม่พอใจ คุณลุคไหวไหล่ขึ้นทั้งสองข้าง ผมเห็นแบบนั้นก็อดว่ากลับไม่ได้
“เช่นพฤติกรรมความก้าวร้าวที่วิคเตอร์เคยมีรึเปล่าครับ…” ไม่ได้คิดเอาผัวมาอ้างหรอก ไม่ได้จนตรอกด้วย แต่ผมต้องตอกหน้าเขาด้วยความเป็นจริงที่เขาเคยผ่านมาแล้ว
และอันที่จริงพฤติกรรมนั้นของผัวก็ไม่ได้เคยมีนะ ปัจจุบันก็ยังมีอยู่
“…บางครั้งอะไรที่ธรรมชาติสร้างมาก็ถูกธรรมชาตินั่นแหละทำลายจนพังย่อยยับ” พ่อของวิคเตอร์มองผมตาลุกวาว ตีน่ามีท่าทีลำบากใจ ไวโอล่าสีหน้าไม่สบายใจนัก ผมไม่ได้อยากให้เกิดบรรยากาศแบบนี้ แต่จะให้ผมยืนนิ่งและปล่อยให้เขาด่างี้เหรอ ไม่ได้สิ นี่แมทนะ ไม่ใช่พิมพ์ไม่สู้คนค่ะ
“พ่อไม่อยากให้ไอ้คนนี้เลี้ยงหลาน เกิดเด็กสองคนนั้นเป็นแบบมันขึ้นมาจะทำยังไง” เขาเริ่มก้าวร้าวขึ้น เนี่ยๆๆ พูดไม่ทันพ้นห้านาทีเลย แสดงพฤติกรรมนั้นออกมาแล้ว
“พ่อคะ สิ่งที่แมทเป็นไม่ใช่โรคติดต่อ ไม่ใช่พันธุกรรมใดๆ ด้วย และไม่ใช่สิ่งผิดปกติ แมทใช้ชีวิตตามปกติ และแฝดก็มีความสุขมากด้วยที่ได้แมทคอยดูแล”
“เธอไม่ควรมาอยู่ที่นี่เลยจริงๆ โดนพี่ชายเธอล้างสมองไปอีกคนแล้วงั้นเหรอ” ไวโอล่าพ่นลมหายใจ หน้าตาเหนื่อยหน่ายกับพ่อตัวเอง
“งั้นมั้งคะ…” เธอทำตาโตแล้วตามด้วยกลอกตาเซ็งๆ
“…และหนูอาจจะโดนล้างหนักมากด้วย เพราะหนูคิดว่าจะยกแฝดให้เป็นลูกของพี่กับแมท” คุณลุคตะลึง และไม่ใช่แค่คุณลุคหรอก ผมก็ด้วย ตีน่าเองยังอ้าปากค้างเบาๆ เลย ผมหันไปมองไวโอล่า เธอไม่ได้มีทีท่าล้อเล่น แต่ผมกำลังคิดว่าเธอกำลังประชดพ่อตัวเองอยู่หรือเปล่า
“เธอจะยกให้มันได้ยังไง เธอเป็นแม่ของเด็กนะ” คุณลุคว่าหน้านิ่วคิ้วขมวด ผมรู้สึกงงๆ เอ๋อๆ มองไวโอล่าที่ยักไหล่สบายๆ ก่อนตอบชิลๆ
“หนูพอใจจะยกให้” อันนี้ผมว่าเธอน่าจะประชดพ่อแล้วละ
ลูกคนนะไวโอล่า ไม่ใช่ลูกไมเคิลนะนี่
เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้ ก็จะชิลๆ อยู่บ้านเลี้ยงหลาน ผัวก็เปย์ไปค่ะ ชีวิตคุณนายเอเลี่ยนก็จะดีนิดนึง แต่ก็อาจจะดูไม่มีอะไร แบบโล่งๆ 55555 อย่างที่บอกไปตอนที่แล้วว่า หลังจากนี้มันจะเล่าเรื่องการใช้ชีวิตครอบครัวของทั้งสองคน เล่าเรื่องครอบครัวของทั้งสองคนแล้วน่ะค่ะ อาจจะเรื่อยๆ ชิลๆ ไม่แน่ใจว่าเหตุการร์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปมันจะมีอะไรตื่นเต้นอีกมั้ย แต่ถือว่าช่วยแมทเลี้ยงหลานแล้วกันเนอะ คริๆ
ตอนนี้เป็นต้นไป จะอัปแบบเต็ม 100% ทุกตอนไปยันจบแล้วค่ะ ยังไงอ่านแล้วก็คอมเม้นเป็นฟีดแบ็คให้กำลังใจกันหน่อยแล้วกันเนอะ