.
.
กว่าอาหารเย็นจะเสร็จสรรพก็ผ่านไปนานพอสมควรจนผมชักหิวขึ้นมาซะแล้ว เลยเดินไปดูในครัวเสียหน่อยว่าไปถึงไหนแล้ว
“อาหารเย็นจะได้กินไหมแม่”ผมเดินไปดู ก็พบว่าคุณชายกำลังหันผักอยู่ ผมมองแล้วขำ ส่วนแม่กำลังคนทัพพีอยู่เหนือหม้อต้ม คุณชายเงยหน้ามองผมแล้วยิ้ม
“หิวแล้วหรอไงครับ”
“อือ หิวแล้ว ทำไมนานจังล่ะครับ”ผมเดินเข้าไปช่วย โชคดีที่ไม่ได้กลิ่นเหม็นอะไร แม่หันมามองผมเลยบ่นเบาๆ
“มาทำอะไรตรงนี้ ไปนั่งรอไป แม่จะให้ลูกเขยโชว์ฝีมือ...ซึ่ง ไม่ได้เรื่องได้ราว แม่ถึงต้องลงมือเอง”คุณชายได้แต่หัวเราะเจื่อนๆ น่าสงสาร
“น่าๆ ผมหิวแล้วอ่ะ มาช่วยทำดีกว่า นี่คุณทำอะไรน่ะ”ผมเข้าไปยืนข้างๆ “สลัดผักกับผลไม้ไงครับ จานนี้ของกี้เลย”คุณชายบอกแล้วยิ้มๆ ผมย่นหน้า ปกติไม่ทานสลัดผักเท่าไหร่แต่น้ำสลัดมันอร่อยดี ผมเลือกทานผักที่ชอบเท่านั้นเอง
“งั้นเหรอ เอาข้าวโพดเยอะๆหน่อยสิคุณ”ผมบอกแล้วหยิบมะละกอมาปอกเปลือก ผมสงสัยว่านอกจากพวกสลัดแล้วคุณชายทำอะไรเป็นบ้าง
“ครับๆ...กี้ ทำไมแม่คุณดุจัง”คุณชายกระซิบกระซาบ ผมย่นคิ้ว แม่ผมเนี่ยนะดุ หึๆ แม่ผมนี่ใจดีสุดแล้วนะ
“ไม่เห็นดุ แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรคุณจริงจังเลยนี่”แค่ประชดเฉยๆเอง คุณทำเสียงไม่เห็นด้วย
“ก็นั่นแหละ ผมก็เลยเกร็งๆ เฮ้อ ผมหวั่นๆยังไงไม่รู้ กี้ว่าผมเกาะคุณกินหรือไง”คุณชายพูดเบาๆหน้านิ่วคิ้วขมวด ผมหัวเราะหึๆ
“แม่ผมก็ว่าไปงั้นแหละ ก็ตอนนี้คุณทำอะไรที่ไหนกัน”ผมตอบ คุณชายถอนหายใจ แม่ผมมาเยี่ยมนี่ก็ดีเหมือนกันนะทำเอาคุณชายเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาได้ ไม่ค่อยกวนประสาทผมนัก
“ก็นั่นแหละครับ กี้ถอยไปเถอะ เดี๋ยวผมทำเอง”คุณชายดันตัวผมออกห่าง ผมเลยเดินไปหาแม่แทน
“ทำอะไรอ่ะ หอมดีนะ”ผมพูด แม่มองหน้าผมด้วยสายตาจิกกัด
“ใครใช้ให้มาตรงนี้ ยุ่งจริงๆเลยแกนี่...ฉันก็ทำแกงเลียงให้แกน่ะสิ...อันที่จริงฉันกำลังสงสัยอยู่ว่าแกคงไม่มีน้ำนมให้ลูกแน่ๆ”แม่พูดซะผมอาย ถ้ามีนี่ผมคงลาตายแน่ๆ
“หมอบอกว่ามีน้ำนมสำหรับให้ลูกหลังคลอดแล้ว อาจจะสารอาหารน้อยกว่าแต่ก็ไม่อันตรายอะไรหรอก”ผมจำได้ว่ามีเคสยืนยันรับประกันว่าน้ำนมของศูนย์วิจัยฯสามารถให้เด็กดื่มได้มีคุณค่าสารอาหารที่ครบถ้วนถึงจะเทียบไม่ได้กับน้ำนมของแม่จริงๆ เคสนั้นลูกของเขาอายุ10ขวบแล้วด้วย
“อืม ก็ดี แม่ล่ะเป็นห่วงกลัวหลานออกมาแล้วจะไม่สมบูรณ์น่ะสิ นี่แม่ไม่ได้พูดให้แกเครียดนะ แต่ในฐานะที่แม่เป็นแม่คนแล้ว มีอะไรก็บอกแม่ด้วยล่ะ จะได้ช่วยดูให้”แม่บอกผมอย่างห่วงใย ผมล่ะซึ้ง
“ขอบคุณนะแม่”
“พอๆไปไกลๆมาเกาะแกะแม่อยู่ได้ ไปช่วยผัวแกโน่น”โถ่แม่ หุบยิ้มแถมไม่ทัน
“เชอะ ไปก็ได้”ผมจำต้องถอยห่างจากผู้เป็นแม่แล้วหันไปหาคุณชายแทนที่กำลังจัดการตอกไข่สามสี่ฟองอยู่
“ทำไข่ตุ๋นน่ะ”ไม่ทันที่ผมจะอ้าปากถามคุณชายชิงตอบผมก่อน
“แม่กี้พูดดีนะ หึๆ”ผมทำปากยื่นปากยาวหยิบส้มมาแกะเปลือก อ่านในหนังสือคุณแม่มือใหม่บอกว่าน้ำส้มคั้นดีต่อท้องในระยะแรก
“ช่างเถอะ...ผมกำลังคิดว่าแม่ผมอาจจะเป็นเก่าของแม่คุณนะ จบจากโรงเรียนเดียวกันซะด้วย”ผมพูดไปแกะส้มไป คุณชายพยักหน้า “คงอย่างงั้นแหละครับ คงเป็นเรื่องดีใช่ไหม”คุณชายพูดอย่างไม่แน่ใจ
“คงต้องรอดูแหละครับ”
.
เมื่ออาหารเสร็จครบถ้วนแล้วแม่ก็ร่ายยาวเรื่องอาหารสำหรับการท้องอ่อนๆให้คุณชายฟัง ที่ทำหน้าที่แค่พยักหน้าและพูด ‘ครับ’เป็นอย่างเดียว
“ในช่วงระยะแรกก็ยังคงทานอาหารได้ปกตินั่นแหละ แต่ก็เน้นพวกผักหน่อยล่ะ ไอ้กี้มันจะได้แข็งแรงๆช่วยระบบขับถ่าย...ส่วนถ้ามีอาการแพ้ท้องก็คงต้องใช้ของเปรี้ยวนั่นแหละ นอกนั้นก็ดูแลเรื่องของสุขภาพจิตใจ อารมณ์ของคุณแม่หน้าหล่อนั่นด้วย”
แทบพ่นข้าวใส่หน้าคุณชาย
“ครับ ผมจะดูแลกี้เป็นอย่างดีเลยครับ”คุณชายหันมายิ้มกับผม
“ดีแล้ว อย่าให้อารมณ์มันไม่ดีมาก แม่รู้ว่าเราก็ไม่อยากอารมณ์เสียหรอก แต่ก็พยายามอย่าทำอะไรที่มันขัดใจหรือชวนให้หงุดหงิดนักล่ะ แล้วก็ไม่ต้องมาเกาะแกะวุ่นวายห้ามนู่นห้ามนี่มากนัก คนท้องนะ ไม่ใช่คนพิการ แค่ระมัดระวังให้มากขึ้น นอกนั้นก็เดินเหินได้ปกติ”แม่ถอนหายใจเหนื่อยๆก่อนจะจิบน้ำตาม
“เหนื่อย!”แม่พูดกับคุณชาย
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมเข้าใจดี ยังไงผมก็เป็นพ่อของเด็กในท้อง ผมจะดูแลเป็นอย่างดีเลย”คุณชายยิ้มกับแม่ผม
ก่อนจะได้โอกาสทานมื้อเย็นเสียทีเพราะต้องคอยฟังแม่ผมพูดเสียนาน
“แล้วก็อย่าลืมบอกทางบ้านนั้นด้วยล่ะว่าแม่จะไปคุยธุระล่ะพ่อลูกเขย”คุณชายหูผึ่งทันทีตกปากรับคำหน้าชื่นตาบาน
“...ถึงยังไง บ้านนั้นก็คงทำอะไรเราไม่ได้แล้ว เพราะเรามีตัวประกันที่ดีที่สุดอยู่แล้ว ...พรุ่งนี้เช้าก็เตรียมตัวเตรียมใจกันหน่อยนะ เพราะแม่จะสวมวิญญาณเก่า ฉันคือนางสาวกระรัตตรี ดาวโรงเรียนเลยนะแก รู้ไหม
ไอ้กี้”แม่ยิ้มกว้าง ใบหน้าแดงระเรื่อ ผมส่ายหน้าไม่เคยรู้มาก่อนเลย
“ไม่รู้อ่ะ ไม่เคยบอกผมนี่ แม่เนี่ยนะ”ผมหัวเราะแกล้งแม่ ใครว่าแม่ผมสวยนะจะบอกให้
“ไอ้กี้ แกนี่มัน... นี่ลูกเขย แกรู้ไหมว่าแม่หล่อนน่ะ ย้ายเข้ามาโรงเรียนเดียวกันตอนม.5 ฉันเลยเสียตำแหน่งไป โอย อยากจะบ้าตาย แต่ก็นั่นแหละนะ พวกนักเรียนรุ่นนั้นมักเห่อของใหม่กัน แต่ฉันนี่สวยอมตะคงกระพันนะจะบอกให้ แต่ยังไงฉันก็สอบได้ที่หนึ่งของสายชั้นเสมอ ภูมิใจจริงจริ๊ง”
ผมกับคุณชายเลยปล่อยให้แม่ระลึกความหลังไปคนเดียว เห็นลางเล็กๆว่าแม่ผมกับแม่คุณชายเคยประทะกันมาก่อนสมัยเรียนสินะ อืม โลกกลมจริงๆ
.
.
.
เมื่อได้เวลาเข้านอน
.
.
ในเมื่อแม่ผมมานอนค้างที่นี่ ปกติแล้วผมจะให้แม่นอนบนเตียงแล้วผมจะสละตัวเองมานอนที่โซฟายาวพับได้ซึ่งก็เป็นที่นอนได้ แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป
“ไม่เอาน่าไอ้กี้ แม่นอนตรงนี้ได้ แกก็นอนกกกะผัวแกบนเตียงนั่นแหละ หึๆ ถ้าไม่ได้ท้องไส้อยู่นะ แม่ไม่มีวันมานอนในห้องแกในขณะที่มีลูกเขยอยู่หรอก คงบัดสีน่าดู”แม่หัวเราะชอบใจแล้ววางหมอนลงกับโซฟายาว
“โธ่แม่ ...แม่แก่แล้วไปนอนที่น้อยๆแบบนั้น เดี๋ยวปวดหลังหรอก”ผมพูด ให้ผมนอนบนเตียงกับแม่ก็ได้แล้วคุณชายไปนอนที่โซฟาแทน
“พูดจาน่าตบ ฉันยังเฟิร์มอยู่นะ หาพ่อใหม่ให้แกได้ก็แล้วกัน”แม่พูดเสียงขุ่นแล้วนั่งลงบนโซฟา “ไอ้ชายลากไอ้กี้ไปนอนบนเตียงได้แล้ว ไปๆ ไม่ต้องห่วงฉันหรอก เรื่องแค่นี้”แม่หันมามองแล้วโบกมือไล่ ในขณะที่ตัวเองกำลังทาโลชั่นบำรุงผิว
คุณชายแค่ยิ้มและดึงแขนผมไปนอนบนเตียง
“น่ากี้ คุณแม่คุณพูดถึงขนาดนี้แล้ว อีกอย่างท่านไม่ได้แก่ขนาดนั้นเสียหน่อย”คุณชายบอก ผมเลยจำต้องยอมขึ้นไปนอนบนเตียง
“นอนแล้วนะแม่ กู๊ดไนท์ ปิดไฟให้ผมด้วยนะ”ผมบอกแม่ เพราะแม่เป็นคนนอนดึกอยู่แล้ว คุณชายดึงผ้าห่มผืนบางมาห่มให้ผม
“เออๆ รู้แล้ว แกสองคนนอนได้แล้วไป ไม่ต้องมามองแม่ตาแป๋วๆเลย ...แม่ขอบำรุงผิวมาร์กหน้าหน่อย พรุ่งนี้เช้าจะได้เด้งๆใสๆ”แม่ยิ้มอยู่คนเดียว
ผมได้แต่มองแม่แล้วนอนหลับไปพร้อมๆกับคุณชาย
………………………………………………………..
ในเช้าวันรุ่งขึ้น ผมปวดท้องนิดหน่อยเป็นปกติตั้งแต่ตั้งท้อง ผมเลยอารมณ์ฉุนๆนิดหน่อย
“คุณไม่ต้องฉีดน้ำหอมนะ ผมเหม็น”
“ครับผม ผมก็ไม่คิดจะใส่น้ำหอมหรอก รู้น่าว่ากี้เหม็น”คุณชายยิ้ม แล้วหยิบเสื้อสีเดียวกันมาสองตัวแล้วยื่นให้ผม
“ใส่สีเดียวกันนะครับ”ผมรับเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนมามอง “ไปซื้อมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันครับ”ผมถามขณะมองคุณชายสวมเสื้อสีเดียวกันแต่ไซน์ใหญ่กว่า
“ก็ตอนที่ย้ายมาอยู่กับกี้ไง คิดไว้ว่าเผื่อได้ใส่เสื้อคู่ออกงาน”คุณชายหัวเราะเบาๆ ผมเลยไม่อยากขัดความสุขเล็กๆของเขา หันไปเจอแม่ที่กำลังแต้มครีมลงบนหน้าตัวเองอย่างละเมียดละไม
โธ่แม่ หน้าผมเป๊ะเชียว อยากกับว่าจะไปออกเดทยังไงยังงั้นแหละ
“ไอ้กี้แกว่าชุดแม่ โอเคหรือยัง แขวนอยู่หน้าตู้แกน่ะ”แม่พูด ผมเหลือบไปมองชุดเดสแขนยาวสีฟ้าอ่อนสีสวยออกทะเลกระโปรงเป็นจีบแขวนอยู่ โห่ ลดอายุลงไปเยอะ
“ก็สวยดีนะแม่ ว่าแต่แม่ใส่สีเดียวกับผมเลย ตั้งใจป่ะเนี่ย”ผมเหลือบมองคุณชายที่แต่งหล่ออยู่
“หืม... ก็เปล่าหรอกนะ แต่พอเห็นไอ้ชายมันเลือกเชิ้ตสีฟ้าไว้แม่ก็เลยปิ๊งไอเดีย ใส่สีใกล้เคียงกัน แม่นั่นจะได้รู้ว่า แม่อยู่ทีมเดียวกับแกสองคนไง ดีไหมจ๊ะลูกชาย”แม่หันมายิ้มสวย ใบหน้าเนียนขึ้นเพราะเมคอัพบางๆ
“คุณแม่สวยใสเหมือนวัยรุ่นเลยครับ”คุณชายพูดแทรกมา ไม่ยักรู้ว่าผมบ้ายอ เห็นยิ้มกว้างปากจะฉีกไปถึงหูแล้ว
“ใช่ไหมล่ะ แม่สวยขนาดนี้ ลูกทำไมจะไม่สวย”
“หล่อมั้งแม่”ผมแก้ให้ใหม่ แม่หัวเราะเบาๆ
“ถ้าหล่อแล้วทำไมไม่มีเมียล่ะยะ หาผัวทำไม”จึก จึก กลางใจผมเลย แม่หันมาจิกสายตาให้
โอ้โห คำพูดทิ่มแทงผมมาหลายดอกแล้วนะตั้งแต่มา แบบนี้ก็ได้ใจไอ้คุณชายมันเลยสิ
“ไม่คุยด้วยแล้ว งอน”ผมเดินหนีไปห้องนั่งเล่นเตรียมเอกสารยืนยันการตั้งท้องใส่กระเป๋า คุณชายเดินตามออกมา
“นี่กี้ครับ ถ้าหากว่าคุณแม่ผมเลิกทดสอบแกล้งกี้แล้ว ผมว่าจะขอกี้แต่ง---”
“หยุดพูดเลยนะ ห้ามพูดอะไรบัดสี”ผมรีบปิดปากคุณชายบ้า
“โธ่ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ผมเองก็อยากสวมแหวนแต่งงานให้กี้นะ ไม่อยากได้หรอครับ”ไม่ต้องมาทำเสียงอ้อนแบบนี้ เดี๋ยวผมใจอ่อน คือผมมันก็ผู้ชาย จะมาทำตัวเป็นเจ้าสาว!!!? มันก็ไม่ใช่เรื่อง น่าอายจะตายไป
“ก็...จะบ้าหรอคุณ จะทำให้มันเอิกกระเริกทำไมกัน”
“งั้นแต่งเงียบๆกันก็ได้ใช่ไหมครับ ผมไม่อยากรอนาน”คุณชายพูด
“ไม่ต้องเลย เลิกคิดเรื่องนี้ไปก่อน สนใจเรื่องวันนี้กันก่อนเถอะ แล้วค่อยว่ากัน”ผมพูดได้แค่นี้ แต่คุณชายมันยิ้มกว้างไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
“ครับผม ว่าแต่กี้ก็สนิทกับคุณแม่ดีนะครับ น่ารักดี”
“ก็แหงสิคุณ ผมกำพร้าพ่อมาตั้งแต่เด็ก ก็ต้องสนิทแม่ เหมือนเป็นหลายๆอย่างสำหรับผมเลย เป็นเพื่อน เป็นพี่สาว เป็นแม่ ผมไม่ค่อยมีคนสนิทมากมายในชีวิตผมหรอกครับ นอกจากเพื่อนอีกสามคนแค่นั้นเอง”ผมพูดเบาๆ นึกถึงเพื่อนที่มีจำนวนน้อยแล้วก็เศร้าใจนิดหน่อย
“...ไม่เคยรู้มาก่อนเลย ผมเองก็ไม่ได้สังเกตุ”คุณชายทำหน้านิ่งๆไป ผมเลยตีแขนไปแรงๆ “ไม่ต้องมาดราม่าได้ไหมครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรมากมาย”ผมยิ้มบอก แต่ก็รู้สึกดีนะ ที่มีคนเป็นห่วงความรู้สึก
“ฮ่ะๆครับผม ต่อไปนี้ผมจะอยู่ข้างกี้เองครับ”
ยังมีหน้ามาหยอดผมอีก แต่ก็ดี ผมไม่อารมณ์เสีย
หลังจากนั้นไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงคุณแม่ผู้งามเลิศในปฐพีนี้ก็เดินออกมาจากห้อง
“แจ่มไปเลยแม่ สวยสุดยอด ไปกันได้ยังครับ รอแม่คนเดียวเนี่ย”ผมเดินไปถือกระเป๋าราคาแพงของแม่ไว้
“ย่ะ พ่อคุณ รีบซะเหลือเกิน ให้ทางนั้นเขารอบ้างจะเป็นไรไป”แม่ไม่ได้ถือสาอะไรก่อนจะพากันเดินออกไปยังชั้นล่างลานจอดรถ
.
.
“ว่าแต่แม่เธอมีลูกกี่คนล่ะ”แม่ถามคุณชายจากเบาะหลังขณะที่รถกำลังเคลื่อนไปตามถนนใหญ่
“สองคนครับมีผม แล้วก็พี่ชายอีกหนึ่งคน”คุณชายตอบ
“อ๋องั้นเหรอ ท่าทางได้ผัวรวยนะ”แม่พึมพำแล้วกรอกตา ผมแอบขำท่าทีของแม่
เมื่อรถเลี้ยวเข้าไปยังซอยของหมู่บ้านจัดสรรราคาแพงเพื่อเข้าไปยังบ้านคุณชาย ระหว่างทางแม่ก็เอาแต่พูดถึงความฟุ้งเฟ้อของคนในหมู่บ้านนี้ คุณชายได้แต่ขำ
เมื่อรถเลี้ยวผ่านรั้วบ้านเข้าไปในบ้านได้ คราวนี้เป็นคุณเชนพี่ชายของคุณชายเดินออกมาต้อนรับ
“สวัสดีครับคุณกี้ แล้วก็สวัสดีคุณน้าด้วยครับ”คุณเชนยกมือไหว้แม่ผม ที่แค่พยักหน้ารับเท่านั้น คุณเชนหันไปซุบซิบกับคุณชายกันสองคน
“ไปกันเถอะครับ”คุณชายบอกแล้วเดินนำเข้าไปยังห้องรับแขกใหญ่
“ยัยพิมพ์นั่น ตอนนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ”แม่พูดข้างๆผม แล้วจัดการจัดทรงผมเป็นลอนให้เข้าที่เข้าทาง เมื่อเดินมาถึงห้องรับแขกแล้วก็พบว่าคุณพ่อคุณชายนั่งอยู่ก่อนแล้ว ผมเลยทักทายท่านไป
“ไง สวัสดีกี้ ...นั่นคงเป็นคุณแม่ของกี้สินะครับ ยินดีที่ได้พบครับผม ชินวุฒิครับ”คุณพ่อยืนขึ้นแล้วกล่าวทักทายแม่ผม แม่ยิ้มรับ
“สวัสดีค่ะ ดิฉัน กระรัตค่ะ ยินดีที่ได้พบเช่นกันค่ะ”
คุณเชนเดินมายืนข้างผู้เป็นพ่อ ส่วนคุณชายเดินมายืนข้างๆผม
“นี่ลูกชายคนโตครับ ชื่อเชน”คุณพ่อแตะไปที่แขนคุณเชนที่สวัสดีแม่ผมอีกรอบ คุณพ่อยิ้มกว้างมองสีเสื้อของผม คุณชายและแม่
“จ๊ะๆ ไม่ต้องมากพิธีรีตอง ดิฉันเป็นคนสบายๆน่ะค่ะ”ผมกับแม่นั่งลงบนโซฟา
“คุณแม่คุณล่ะ”ผมเอนหน้าไปกระซิบ คุณชายส่ายหน้าแล้วตอบว่าไม่รู้
นี่คิดจะเปิดศึกกับแม่ผมจริงๆน่ะเหรอ ถึงได้ไม่ไว้หน้ากันขนาดนี้ แม่ผมหันซ้ายหันขวาก่อนจะถอนหายใจเชิดหน้าอย่างอารมณ์เสีย
"...มีเรื่องอะไรด่วนหรอ ไอ้ชาย"พ่อของคุณชายถาม
"คุณแม่อยู่ไหนล่ะครับ…นี่เป็นเรื่องสำคัญมากเลยนะครับ ผมไม่อยากเสียเวลาแล้วทำเหมือนกับว่าล้อเล่นเป็นเด็กๆ"คุณชายไม่วายแขวะแม่ตัวเองอีก คุณพ่อได้แต่ยิ้มแล้วขยับแว่น
“เดี๋ยวก็คงมานั่นแหละ ไม่นานหรอกครับ”
แม่นั่งนิ่งยกนาฬิกาขึ้นมามองหลายครั้งเพื่อให้สองพ่อลูกที่นั่งฝั่งตรงข้ามเห็นและตระหนักถึงว่ามันเกินเวลานัดมาหลายนาทีแล้ว
“ดิฉันเองก็สละเวลางานของฉันมา ไม่นึกว่าต้องมานั่งเสียเวลาคอยกันอีก ทางดิฉันเองก็แจ้งเตือนไปก่อนแล้วแท้ๆ เรื่องของลูกดิฉันไม่สำคัญพอที่จะกระตือรือร้นให้ตรงต่อเวลาเลยหรอคะ”แม่พูดช้าๆบาดใจคนฟัง
“ต้องขอโทษแทนภรรยาผมนะครับ เธอเป็นคนแบบนี้แหละครับ”คุณพ่อส่งสายตาไปที่คนรับใช้ที่ยืนอยู่มุมห้อง คงจะให้ไปตามคุณนายล่ะมั้ง
“อ้อค่ะ ฉันเข้าใจดีค่ะ เป็นธรรมดาของหล่อนอยู่แล้วเรื่อง ชักช้าพิรี้พิไร”ไม่วายจิกดัดต่อไป สองพ่อลูกมองหน้ากันเหมือนสงสัยว่าแม่รู้จักคุณนายประจำบ้านนี้ด้วยหรือ
"นั่นไง มาแล้วครับ"คุณเชนพูดเบาๆ
"ขอประทานโทษที่ทำให้เสียเวลามานั่งรอคอยดิฉันนะคะ..."เสียงวางอำนาจดังเข้ามาพร้อมกับร่างเฉิดฉายของคุณหญิงแม่ของคุณชาย แน่นอนว่าวันนี้เธอมาเต็ม เสื้อผ้าหน้าผมเป๊ะพอๆกัน
“สมควรที่จะต้องขอโทษแล้วล่ะเธอ...ว่าไงแม่พิมพ์วิไล”แม่ผมปรายตายิ้มให้คุณหญิงแม่พิมพ์วิไล ดูเหมือนว่าเธอจะตกใจกับเสียงของแม่ผม ก่อนจะเดินเข้ามามองแม่ผมให้ชัดๆ
"เอ๊ะ...นั่นใช่กระรัตตรีหรือเปล่าเนี่ย"คุณหญิงอุทาน
"จ๊ะ ฉันเอง...กระรัตเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ไงจ๊ะ"แม่ยิ้มหวานเคลือบยาพิษไปให้
"..โอ้ยตาย..ทำไมโลกกลมแบบนี้"คุณหญิงเอามือกุมอกแล้วมองหน้าผมแบบไม่อยากเชื่อสายตา
“คุณสองคนรู้จักกันหรอครับ”คุณพ่อเป็นฝ่ายพูด
“แน่นอนสิคะ เมื่อก่อนเราเคยเป็นเพื่อนร่วมห้องกันน่ะคะ แต่ก็นานมาแล้สมัยเรียนมัธยมปลายนู่นแหนะ”แม่ผมหัวเราะเบาๆ คุณเชนทำหน้าเหมือนจะขำ
“เป็นเรื่องดีใช่ไหมครับคุณแม่”คุณชายพูดแล้วยิ้มกับคุณพ่อเขาอย่างรู้กัน
“...เอ้อ ใช่ แน่นอน เป็นเรื่องที่ดีมาก ไม่ได้เจอกันตั้งนานแหนะ สวยขึ้นเป็นกองเลยนะจ๊ะ ไม่นึกว่าเป็นแม่ของหนูกี้เขา”คุณหญิงมองมาทางผมราวกับว่าจะมองให้เห็นถึงความเหมือนกันของแม่ลูก
“ใช่จ๊ะ ฉันเองก็ไม่นึกว่า...เธอ...จะเป็นแม่ย่าของไอ้กี้มัน นึกไม่นึกเลยจริงๆนะ แล้วก็ไม่นึกว่านั่นคือลูกชายของเธอเหมือนกัน หน้าตาไม่คล้ายเธอเลย ค่อนไปทางพ่อซะมากกว่า”แม่ยิ้มแล้วมองคุณชาย
“เอาเถอะ ...ว่าแต่มีธุระสำคัญอะไรกัน ถึงได้นัดแนะกันมาพร้อมหน้าพร้อมตา”
“เรื่องนี้ให้ลูกชายสุดที่รักของเธอเป็นผู้อธิบายไขข้อสงสัยให้ฟังก็แล้วกันนะจ๊ะ”แม่แค่ยิ้มแล้วพยักเพยินให้คุณชายเล่าเรื่อง
“ผมจะขอพูดคร่าวๆแบบรวบรัดเลยแล้วกันนะครับ...เอาเอกสารที่ไปดูกันก่อน”คุณชายยื่นเอกสารไปให้คุณแม่เขา ไม่ทันที่จะเปิดอ่าน “...กี้เขาท้องครับ”...
สั้นๆ เข้าใจง่าย และเสียงดังฟังชัด
ทั้งสามคนเงยหน้าอุทานพร้อมกันเหมือนนัดแนะ
"ท้อง!!!!"
เป็นปฏิกิริยาที่ผมคาดไว้แล้ว ทั้งสามคนทำหน้าไม่เชื่อ แต่ก็ต้องก้มอ่านเอกสารที่มีอยู่ ความเคลือบแคลงสงสัยปรากฏขึ้นแล้วก็หายไป กลายเป็น...อึ้งๆ เสียมากกว่า
"นี่...นี่ มันไม่น่าเชื่อเลยนะ...ท้องจริงๆหรอกี้"คุณหญิงเงยหน้ามาถามผมเสียงสั่น สายตาเหมือนไม่อยากยอมรับความจริง ผมหันไปมองแม่ผมที่ได้แต่นั่งนิ่งๆ
“ครับ ผมท้อง จริงๆ”ผมยืนยัน
"โครงการนี้ยังดำเนินอยู่อีกเหรอ"เสียงคุณเชนดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ทั้งหมดหันไปสนใจคุณเชนแทน
"หมายความว่าไงตาเชน"คุณพ่อเป็นฝ่ายถาม
"เพื่อนผมเคยพูดถึงเมื่อหลายปีก่อนน่ะครับ...อันที่จริงโครงการนี้ก็มีมานานแล้ว ประมาณเจ็ดแปดปีได้แล้วมั้ง แต่ผู้เข้าร่วมโครงการก็มีจำนวนไม่มากเท่าปัจจุบันนี้หรอกครับ...”คุณชายกล่าวเบาๆแล้วมองหน้าผม
“กี้ไม่ได้เป็นสมัครหรอกครับ...เป็นความบกพร่องของทางศูนย์วิจัยฯ ที่อยากได้ยอดผู้เข้าร่วมโครงการเลยจัดโครงการอื่นบังหน้า...พูดง่ายๆก็เข้าข่ายหลอกลวงกี้เขาน่ะครับ...”
“ผมเองก็ไม่ได้ต้องการท้อง หรืออยากมีลูกได้เองหรอกครับ ผมก็ผู้ชายคนนึง...แต่ในเมื่อเกิดสถานการณ์แบบนี้ขึ้นแล้ว ผมก็ต้องทำใจยอมรับ...ว่า มีเด็กกำลังจะเติบโตในท้องผม”ผมพูดเบาๆ เรื่องแบบนี้ผมไม่อยากพูดซ้ำ มันทำร้ายผมไม่น้อยเหมือนกันนะ แม่มีโอกาสพูดต่อ
“ฉันเองก็เพิ่งรู้ แน่นอนฉันตกใจมาก ...แต่ฉันมีลูกชายคนเดียว จะให้รังเกียจรับไม่ได้ นั่นไม่ใช่คนเป็นแม่อย่างแน่นอน ฉันรักลูกของฉัน และแน่นอนดีใจอย่างน้อยก็มีหลานให้ได้อุ้ม มันเป็นเรื่องดีๆไม่ใช่หรือคะ”
“ผมก็ว่าอย่างนั้นนะครับ”คุณเชนพูดสนับสนุน เหลือแต่คุณพ่อคุณแม่ที่ยังคงเงียบ
“อันที่จริงต้องโทษลูกชายของคุณนะคะ ที่ไม่ได้...ป้องกัน คงเข้าใจที่ดิฉันพูดนะคะ เรื่องก็เลยกลายเป็นแบบนี้ แต่แน่นอนฉันไม่ได้รังเกียจลูกเขยของฉันแหมือนอย่างที่ใครบางคนทำกับลูกชายฉัน”แม่กอดอกมองคุณแม่ของคุณชายนิ่งๆ เหมือนทั้งสองคนสู้รบกันทางสายตา
...
.
.
.
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบจนกระทั่งคุณพ่อเอ่ยขึ้นมา
"แบบนี้บ้านเราก็มีหลานแล้วน่ะสิ ดีไหมคุณ"คุณพ่อหันไปยิ้มกับคุณหญิงที่ทำหน้าแปลกๆ
"ใช่ค่ะ”เธอยิ้ม แต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไรออกมา แม่ผมก็รีบพูดขึ้นซะก่อน
"อะแฮ่ม ที่ดิฉันมาวันนี้ ก็เพื่อมาชี้แจงว่า หาก หล่อน...นางพิมพ์วิไล..ไม่ยอมรับกี้ลูกฉัน..เรื่องหลาน หยุดคิดไปได้เลย ดิฉันจะเลี้ยงเองกับลูกชาย... แล้วก็เอาลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของหล่อนคืนไปซะ..เชอะ โอเคนะ Understand? "
ทั้งบ้านเงียบไป...คุณแม่คุณชายทำหน้าเหมือนโดนสวนด้วยหมัดฮุกซ้ายขวา
"...ใครบอกว่าฉันขัดขวางกัน ฉันแค่จะพิสูจณ์ ตากี้ เพื่อทดสอบเท่านั้นเอง"เธอรีบชี้แจง
"หรอ ไม่รู้สินะ ลูกชายของเธอน่ะเป็นฝ่ายต้องรับผิดชอบ... แล้วไหนล่ะ ความตั้งใจรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น หืม นอกจากมาเกาะลูกฉันน่ะ งานการก็ไม่ทำ อยู่ให้รกหูรกตา กวนประสาทคนท้องคนไส้ อยู่ได้"
แม่พูดได้ดี ผมยิ้มขำ คุณชายสะกิดผมแรงๆ
"แม่กี้ก็พูดเกินไป"
"จริง"ผมหยิกแขนเขาแรงๆ
"ป่ะ ไอ้กี้กลับบ้าน ย้ายออกจากคอนโดนั่นซะ แล้วไปอยู่กับฉัน"แม่ฉุดแขนผมให้ลุก
อ้าว เล่นไม้นี้เลยหรอครับแม่
"..แต่แม่..."ผมอึกอักแล้วมองหน้าคุณชาย
“คุณแม่ครับ เดี๋ยวสิ...”คุณชายยังคงมึน
"ไปสิ ...มาทำหน้าอาลัยอาวรณ์อีก"ผมรีบหุบปากแล้วเดินตามแม่ออกไป ก่อนจะเหลียวไปมองทางด้านหลัง
“นี่แม่ ทำเกินไปหรือเปล่า”ผมพูดกับแม่ เมื่อเดินมาถึงบริเวณหน้าบ้าน แม่แค่ยิ้มแบบผู้มีชัยเพราะเสียงเรียกจากด้านหลังของคุณหญิง
"ดะ...เดี๋ยวๆ หยุดก่อน....ยัยกระรัต..."คุณแม่คุณชายเดินขวางทางไว้
"มีอะไรจ๊ะ"แม่ยิ้มกว้างกว่าเดิม ผมว่าคุณหญิงคงนึกหมั่นไส้แม่ผมแน่นอน
"โอเค ก็ได้ๆ ฉันจะไม่ทดสงทดสอบอะไรแล้วล่ะ แล้วก็อย่าน่าพูดจาน่าหมั่นไส้แบบนั้นสิ เพื่อนเก่าเพื่อนแก่กันแท้ๆ"คุณหญิงพูดก่อนจะเชิดหน้านิดๆแบบไว้เชิง
"หมายความว่า..."
"ย่ะ ฉันเปิดทาง ต่อไปนี้ฉันจะไม่เข้ามายุ่งระหว่างหนูกี้กับตาชายอีก โอเคไหม ส่วนเรื่องหลานฉันก็จะเลี้ยงด้วย"แม่ผมหัวเราะพอใจ
“โอเคจ๊ะ โอเค เอาแบบนี้ ฉันว่าเรามาปรึกษาหารือกันเรื่องนี้กันดีกว่าไหม”แม่พูดเป็นจริงเป็นจัง คุณหญิงเห็นด้วย เลยกลับเข้าไปพูดคุยกันต่อที่ห้องรับแขก ยกเว้นผมกับคุณชาย
“ทำไมล่ะแม่”ผมถาม
“เอาน่า ให้ผู้ใหญ่เขาคุยกันจะดีกว่านะ แกสองคนเดินเล่นกันไปก่อนนะ เสร็จเรื่องแล้วจะไปตาม”แม่บอกผมกับคุณชาย
“ไปเถอะน่ากี้ บางทีผู้ใหญ่ท่านอาจจะมีเรื่องคุยกันต่อ”คุณชายพูดยิ้มๆ เรื่องคุยกันต่อนี่หมายถึงอะไรกัน หวังว่าจะไม่ใช่....เรื่องแต่งงแต่งงานหรอกนะ
“เรื่องออกมาแบบนี้ดีใจจนเนื้อเต้นเลยล่ะสิ”ผมอดแขวะไม่ได้
“แล้วกี้ไม่ได้ใจหรอครับ เรื่องออกมาง่ายกว่าที่คิดแบบนี้”คุณชายพาผมไปเดินเล่นในสวนเย็นๆสบายตา มีบ่อน้ำพุเล็กๆ กับปลาหลายตัว ผมเดินเข้าไปนั่งในศาลาเล็กๆ ที่ตกแต่งด้วยกล้วยไม้และไม้ประดับอื่นๆ
“ก็เบาใจไปหน่อยนะครับ ผมก็คิดอยู่ว่าแม่ผมเล่นเอาหลานมาขู่แบบนี้ ใครๆจะไปยอมกัน แต่ผมกังวลอย่างนึงว่าคนในบ้านนี้จะยอมรับเด็กคนนี้จริงๆน่ะเหรอ เรื่องทวดของคุณอีก”เพราะทางคุณทวดของเขายังไม่ได้ติดต่อมาว่าจะกลับมาวันไหน
“บอกแล้วไงครับ ว่าท่านไม่ดุ ผมเคยอยู่กับท่านสมัยเด็กๆ ท่านตาใจผมจะตายไป อีกอย่างท่านคงไม่อยากมาข้องเกี่ยวอะไรมากนักท่านแก่มากแล้ว คงอยากเห็นหลานๆเหลนๆมีความสุขมากกว่า หัวอกคนแก่คนชราน่ะครับ”
“ท่านจะเข้าใจเรื่องลูกของเราหรอ”ผมถาม คุณชายยิ้ม
“แน่นอนสิครับ ผมจะอธิบายกับท่านเอง ...ผมหวังว่าท่านจะย้ายมาอยู่ที่บ้านนี้ท่านจะได้ไม่เหงา อย่างน้อยๆก็มีเด็กตัวน้อยๆเป็นสีสันให้ท่าน ไม่ดีหรือครับ”
ผมได้แต่คิด ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีนะสิ บ้านคงสงบแล้วก็มีแต่ความสุข มีไม่มากหรอกที่ครอบครัวใหญ่ๆจะมีอยู่พร้อมหน้าไม่มีเรื่องให้ขัดแย้ง ผมว่าคงเป็นความใฝ่ฝันของพวกคนรวยๆที่ญาติพี่น้องไม่ต้องมาตีกัน
@@@@@@@@@@@@@@@@@TBC@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
มาต่อที่เหลือแล้วค่ะ ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจในทุกคอมเม้นต์ค่ะ
ต่อไปนี้คณชายมันคงกวนประสาทกี้ให้น้อยลงไม่งั้นมีหวัง แม่ยายคงต้องออกโรงปราบแน่
ติดตามตอนต่อไปกันนะคะ ขอบคุณค่ะ