ตอนที่ 8 (ต่อ)
นั่งเล่นสักพัก ..โทรศัพท์ผมก็สั่นขึ้นมา คุณชายมองหน้าผมเหมือนตั้งคำถาม 'ไอ้ต้อย' มันโทรมามีธุระอะไรด่วนหรือเปล่า
"ฮัลโหล ว่าไงมึง"ผมรับสาย พอพูดจบมันก็พูดแทรกผมทันที สงสัยจะเป็นเรื่องด่วนน่าดู
"เออไอ้กี้ มึงไม่อยู่คอนโดหรอวะ"ไอ้ต้อยถาม หมายความว่ามันไปหาผมที่คอนโดมาเหรอ
"เปล่า กูมาพักผ่อนกับแม่ ตอนนี้อยู่ชะอำ"ผมบอกมันไป
"อ้าว แล้วก็ไม่บอก พี่บิ๊กเขามาหามึงที่คอนโดแต่ไม่เจอใคร ก็ไอเรื่องที่สัมภาษณ์มึงไง”
"เออ ฝากไว้ที่มึงก็ได้นะเว้ย เดี๋ยวก็ไปเอาที่มึงเอง โอเคไหม"
"อืม แล้วแต่ แล้วนี่มึงจะกลับวันไหนวะ พอดีมีเรื่องจะคุยด้วยว่ะ"มันทำเสียงซีเรียส
"ด่วนไหมวะ คุยตอนนี้เลยก็ได้"
"..เอ่อ..ๆ นัดวันมาดิ.."
"อืม มึงกลับมาวันไหนวะ กูจะได้แวะไปหาที่คอนโด..."ผมเงียบไป...เรื่องนผมกับคุณชาย เพื่อนผมไม่มีใครรู้สักคน ผมเองก็คงปิดไว้ได้ไม่นาน คงต้องรู้เข้าสักวัน ผมเองก็สนิทกับไอ้ต้อยเมื่อตอนม.ปลาย มันบอกผมได้ทุกเรื่องผมเลยกังวลนิดหน่อยกลัวมันจะโกรธที่ผมไม่เคยบอกอะไรมันเลย
"...ก็อีกสองวันจะกลับแล้ว ...เออ แล้วงานเป็นไงบ้าง"
"ก็ดี ...เฮ้อพักนี้มึงกับกูไม่เคยได้คุยได้เจอกันเลยว่ะ..มีเรืองอะไรปิดกูหรือเปล่าเนีย"ผมสะดุ้งเบาๆ
"รอคุยกันวันที่กูกลับก็แล้วกัน...โอเคไหมวะ"ผมบอกไอ้ต้อยมันตอบตกลงแล้ววางสายไป ผมถอนหายใจ
"ใครกันครับ"คุณชายถามอย่างสนใจ
"ไอ้ต้อยน่ะ มันอยากมาหาผมที่คอนโด"ผมบอกเสียงจริงจัง คุณชายเข้าใจเรื่องได้เร็ว
"แล้วกี้พร้อมไหมล่ะครับ..."
"..ผมก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามเรื่องตามราวแหละครับ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ผมไม่อยากปิด"
"..อืม ถ้ามีอะไรกังวลใจก็บอกผมมานะครับ อย่าเก็บไว้คนเดียว"เขาพูดให้กำลังใจผม
"ครับ..."ผมพึมพำ
ผมไม่ทันได้สังเกตุว่าคุณแม่กับคุณหญิงเดินมาจากด้านหลัง
"ไอ้ชายไอ้กี้ มานั่งทำเอ็มวีไม่อายฟ้าดิน"เสียงแม่ผมดังขึ้นขัดซีนซึ้งๆ ผมหันไปมองแม่กับคุณหญิงที่เดินมานั่งที่เก้าอี้ผ้าใบ คนละตัว
ผมกับคุณชายลุกไปหาคนทั้งสองคน
"โอย ฉันชักปวดขาแล้วสิ"คุณหญิงบ่นแล้วนวดๆขาไปมาหน้านิ่วคิ้วขมวด ในขณะที่แม่ยิ้มเหมือนมีความสุข
"ไปหาหมอไหมคะ?"แม่ถาม
"ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก"
"มานี่สิกี้ ...เฮ้อ มาพักผ่อนทั้งที แกกับแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกันเท่าไหร่ มัวแต่ตัวติดอยู่กับไอ้ชาย"แม่ดึงมือผมไปนั่งเก้าอี้อีกตัว แน่นอนว่าต้องเสียเงินค่าเก้าอี้อีก ส่วนคุณชายก็ไปนั่งข้างๆคุณหญิง คุยกันตามประสาแม่ลูก
“แม่กำลังคิดอยู่ว่าจะย้ายมาอยู่ที่คอนโดเดียวแกดีไหม เพราะจากนี้ไปแม่จะได้มาดูแลแกได้สะดวก อะๆ อย่าเถียง ฟังให้จบก่อน คือแบบนี้ แม่เป็นห่วงแกไงไอ้กี้ เผื่อไอ้ชายมันทำอะไรไม่รู้เรื่องรู้ราวจะแย่เอา ก็เพื่อความสบายใจของแม่เองน่ะ แกคงไม่ขัดนะ”ผมเข้าใจความรู้สึกของแม่ คงเป็นห่วงผมหลายๆเรื่อง
“ตามใจแม่เถอะครับ มีแม่อยู่ใกล้ๆก็ดี ผมจะได้อุ่นใจขึ้นอีก”ผมยิ้ม แม่จับมือผมบีบเบาๆด้วยความอ่อนโยน
“แล้วนี่แกมีอาการแพ้ท้องหรือยัง หมายถึงอ้วกน่ะ”
“ยังเลยแม่ บางทีผมอาจจะไม่อ้วกก็ได้นะ”
“ไม่หรอก มันเป็นปฏิกิริยาของร่างกายเมื่อมีท้องอยู่แล้ว แพ้ท้องแต่ละคนเหมือนกันที่ไหน”แม่บอก ผมเลยเก็บเอามาคิดว่าคงอีกหลายสัปดาห์นู่นล่ะมั้งกว่าจะมีอาการ
นั่งรับลมเล่นไปได้ไม่นานคุณหญิงเกิดอยากทานอาหารทะเลสดและเลยต้องเอารถจักรยานไปคืนแล้วนั่งรถตู้ส่วนตัวไปยังบริเวณหาดชะอำใต้ รู้แบบนี้เอารถส่วนตัวมาน่าจะสะดวกกว่า หาดแถบนี้จะเป็นโซนประมงพื้นบ้าน จะมีอาหารทะเลสดๆให้เลือก เมื่อได้ร้านก็สั่งอาหารอย่างปูนึ่ง หอยเชลล์อบเนย ยำปลาหมึก คุณชายยังมีอารมณ์สั่งเบียร์มาหนึ่งขวดยั่วน้ำลายผมอีก
คุณหญิงกับแม่ผมก็อยากไปเยี่ยมชมพระราชนิเวศน์มฤคทายวันที่อยู่เลยหาดชะอำไปไม่ไกลมากนัก คุณชายขัดคุณหญิงไม่ได้เลยต้องไปด้วย ผมก็เออออหอหมกตามน้ำไป จนกระทั่งมาถึงลานจอดรถของที่นี่ น่าแปลกคุณหญิงกับแม่ผมไม่เถียงกันเหมือนเคย ช่วงนี้ดูเข้ากันได้ดีจนน่ากลัว ผมเลยปล่อยให้แม่กับคุณหญิงเลือกซื้อของฝากกันไป ส่วนผมกับคุณชายเดินไปดูความสวยงามร่มรื่นของธรรมชาติและตัวพระราชนิเวศน์
“ไปปั่นจักรยานกัน”คุณชายชวน เฮ้อ ไม่พ้นจักรยานอีกแล้ว ดันเลือกให้แบบสองที่นั่ง ที่ผมต้องปั่นด้วยเนี่ยสิ กลัวปั่นไม่เป็น ฮ่าๆ คุณชายดูระริกระรี้น่าหมั่นไส้อีกตามเคย บรรยากาศที่นี่สวยมาก วิวทะเลก็สุดยอด คุณชายแย้มๆมาว่าน่าจะมีช่างกล้อง ถ่ายรูปคู่ หึๆ ประมาณว่าพรีเวดดิ้ง
………………………………………………
เมื่อจบทริปชะอำ
ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่โหมดปกติ เผชิญหน้าต่อสู้กับวงศาคณาญาติของคุณชายต่อไป รถตู้แวะมาส่งแม่ ผมและคุณชาย คืนนี้แม่คงต้องพักอยู่คอนโดผมก่อนเพราะนั่งรถมาเพลียๆ ผมเข้าอาบน้ำชำระล้างร่างกายก่อนจะส่องกระจกมองภาพสะท้อนของตัวเอง...
"เราก็ยังเป็นเราเสมอไม่เปลี่ยนแปลง"ผมลูบท้องก่อนจะรู้สึกปวดมวนท้องอย่างรุนแรง อาการแบบนี้ระบุไว้ในเอกสารของศูนย์วิจัย ผมเดาว่านี่คงได้ 4 สัปดาห์เต็มแล้วแหละครับ 1 เดือนพอดี ผมเดินออกมาที่ห้องนั่งเล่นเห็นคุณชายกำลังนั่งทำอัลบั้มรูปอยู่ เขาเงยหน้ามามองผม
"มาดูนี่สิกี้ "คุณชายกวักมือ ผมเดินเข้าไปดู ก็เห็นว่าคุณชายแปะภาพอัลตร้าซาวด์กับรูปคู่ผมลงในอัลบั้มรูป
"เห่อจังครับ"ผมหัวเราะ
"หึๆ คนเป็นพ่อก็แบบนี้แหละครับ”คุณชายพูดไปยิ้มไป ถ้ารู้เพศนี่ไม่บ้าเหมือนคนสูบกัญชาเลยหรือไง
“แล้วคุณจะกลับไปทำงานที่บริษัทหรือยังครับ”ผมถาม เพราะคุณหญิงคืนตำแหน่งให้คุณชายเรียบร้อยแล้ว เขาส่ายหน้า
“ช่วงนี้ยังไม่เข้าไปบริษัทหรอกครับ มีคุณพ่อกับพี่เชนดูแลอยู่ ตอนนี้ผมขอดูแลกี้ไปก่อนครับ ผมอยากมีเวลาให้ครอบครัวเยอะๆไง ไม่ดีเหรอ”คุณชายมองหน้าผม
“ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ครับ”
"เดี๋ยวคุณทวดผมก็จะมาเมืองไทยแล้วนะ กี้ไปรับท่านที่สนามบินด้วยกันไหมครับ"คุณชายเอ่ยถึงคุณทวดขึ้นมา ดูเหมือนว่าอีกไม่กี่วันท่านจะกลับมาอยู่เมืองไทยแล้ว ผมไม่มั่นใจเลยสักนิดว่าคุณทวดของคุณชายท่านจะเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้น...
"..ไม่ดีกว่าครับ คุณไปกับครอบครัวดีกว่า มันดูไม่ควรนะผมว่า"ถึงจะยอมรับกันได้แล้วสำหรับพ่อแม่ของคุณชายแต่จะให้ผมเสนอหน้าไปด้วยคงไม่ไหว
"ก็ได้ครับ ไว้รอท่านไปค้างที่บ้านผมเลยดีกว่า ค่อยพาไปแนะนำให้ท่านรู้จัก...อันที่จริงไปรู้จักคุณย่าผมด้วยก็ดีนะครับ"
อืม จะหนักกว่าเดิมไหมนะ คุณทวดก็ว่าแย่แล้ว เจอคุณย่าอีกหรือไง
"คุณย่าผมท่านดูแลคุณทวดที่ฮ่องกงน่ะครับ ผมคิดว่าคุณแม่น่าจะบอกเรื่องนี้ให้ท่านทราบแล้ว"คุณชายพูดเบาๆแล้วถอนหายใจ
"ฟังดูน่ากลัวนะครับ"
"...ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าคุณย่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไร...”
"คงจะไม่ง่ายเหมือนคุณหญิงด้วยสิ"ผมทำหน้าเครียด...คุณชายส่ายหน้า
"อย่าเครียดสิครับ... ผมจะอธิบายให้คุณย่าเข้าใจเอง”
"ครับ ช่างเถอะ วันนี้มาเคลียร์เรื่องไอ้ต้อยเพื่อนผมดีกว่า ตอนเย็นๆ คงจะแวะมาหาผมนั่นแหละครับ"ผมเปลี่ยนเรื่อง ไอ้ต้อยมันมีเรื่องอะไรมาคุยกับผมนะ ถึงต้องถ่อมาถึงคอนโด คุณชายนั่งติดรูปต่อไปอย่างอารมณ์ดี
ผ่านไปไม่ถึงยี่สิบนาที เสียงออดจากด้านนอกก็ดังขึ้น ผมหวั่นใจเล็กน้อยก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้มัน ไอ้ต้อยมาตัวเปล่า มันทำหน้าอยากรู้อยากเห็นมองไปที่รองเท้าเบอร์ใหญ่กว่าของผมและรองเท้าผู้หญิงของแม่ผม
“แม่มาหรอ”ไอ้ต้อยทำหน้างง “เออ นอนหลับอยู่น่ะ เข้ามาดิ”ผมบอกแล้วเดินนำมันเข้ามา เมื่อเดินเข้าในห้องนั่งเล่น ผมเห็นว่ามันชะงักเมื่อเห็นคุณชายนั่งอยู่หน้าทีวี
ไอ้ต้อยมองหน้าผมแล้วหันกลับมองคุณชายด้วยสายตานิ่งๆ
"มีเรื่องอะไรสำคัญวะต้อย"ผมถามแล้วเดินไปนั่งโซฟา ไอ้ต้อยนั่งข้างๆผม ตายังมองคุณชายที่ไม่ได้สะทกสะท้านอะไร แค่หันหน้ามายิ้มกว้างให้ไอ้ต้อยมัน
"อยากคุยกับมึงส่วนตัวว่ะ"ไอ้ต้อยพูดเสียงดัง จนคุณชายเงยหน้ามามอง ก่อนจะเหลือบมามองหน้าผมอีกที
“ได้ครับ งั้นผมไปซื้อของที่เซเว่น กี้เอาอะไรไหมครับ”คุณชายใจดีถามผม “ไม่ล่ะครับ”แล้วคุณชายเลยต้องลงไปซื้อของด้านล่างเพื่อหลีกเลี่ยงสายตาน่าอึดอัดจากไอ้ต้อย น่าสงสาร
"เออมีอะไรว่ามา"ผมหันหน้าไปมองมัน ก่อนจะเห็นว่าคุณชายบ้ามันไม่ได้เก็บรูปที่ถ่ายคู่กันสองสามใบไว้ในอัลบั้ม ไอ้ต้อยมองตาไม่กระพริบ
"ตอบกูมาตรงๆนะไอ้กี้ มึงกับพลอยเลิกกันเพราะผู้ชายคนนั้นหรอวะ"ไอ้โยนคำถามมาใส่ผมทันที ผมชะงักอึ้งๆไป ดูเหมือนว่ามันจะรู้เรื่องแล้วเสียด้วย
"เปล่า ไม่ใช่เว้ย กูเลิกกับพลอยก่อนจะมาเจอคุณชายอีก"ผมรีบบอกมันทันที
"มึงแย่งผู้ชายคนนั้นมาจากพลอยหรือเปล่า...เพราะพลอยเลิกกับมึง แล้วไปคบกับไอ้คนเมื่อกี้ แต่ตอนนี้มึงเอาเขามาอยู่ด้วย"
"ถ้ามึงเป็นเพื่อนกู มึงก็น่าจะรู้ว่ากูเป็นคนยังไง"ผมไม่พอใจนิดหน่อย ที่ถูกตราหน้าว่าแย่งคุณชายมาจากพลอย
"...พักนี้มึงกับกูก็ไม่ได้ติดต่อกัน...กูเลยคิดว่ามึง…"ไอ้ต้อยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจและไม่สบตากับผม
"เฮ้ย มึงคิดว่ากูเป็นคนแบบนั้นเลยเหรอไง...”ผมโมโหไอ้ต้อยที่มันพูดแบบนี้ออกมากับผม
“กูจะบอกให้มึงรู้ไว้ ว่าเรื่องกูกับคุณชายมันไม่ได้เป็นแบบที่มึงคิด ...จะว่ายังไงดี ที่คุณชายมันยกเลิกงานแต่งก็เพราะเขาไม่อยากแต่งกับคนที่ไม่ได้รัก มึงก็รู้ว่าการแต่งงานที่เกิดขึ้นเพราะพวกผู้ใหญ่ อีกอย่าง มึงก็เห็นว่ากูไม่ใช่ไม่เสียใจที่พลอยเลิกกับกู ตอนนั้นกูก็เสียใจ มึงก็รู้ดีอยู่แก่ใจ”
“แล้วมึงจะให้กูคิดยังไงได้วะ เป็นใครๆก็ต้องคิดแบบกู ยกเลิกงานแต่งแล้วมาคบกับมึงต่อเนี่ยนะ...”
“ไอ้ต้อย มึงเป็นเพื่อนสนิทกูนะเว้ย ถ้ามึงคิดแบบนี้ กูก็เสียใจ”ผมถอนหายใจ เสียความรู้สึกไปกับคำพูดของไอ้ต้อย แต่ก็โทษมันไม่ได้ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นจะว่าไปคุณชายก็มีส่วนผิด ผมก็มีส่วนผิดอยู่บ้าง เฮ้อ คิดแบบพระเอกๆน่ะนะ
“...กูแค่ตกใจ พลอยมาหากู แล้วก็อารมณ์เสียด่ามึงยกใหญ่”
พลอยโวยวายเอากับไอ้ต้อยสินะ ผมเองก็ลืมคิดถึงฤทธิ์ของพลอยไปได้ยังไงกัน ไอ้ต้อยขมวดคิ้วส่ายหน้า
“มึงจะเชื่อพลอยหรือว่าเชื่อกูกันล่ะ”
“ถ้ากูเชื่อพลอยป่านนี้กูไม่มาหามึงที่นี่หรอก”ไอ้ต้อยว่าแล้วยิ้มขึ้นมานิดนึง ผมโล่งใจถึงคำพูดมันจะใจร้ายกับผมไปหน่อยก็เถอะนะ
“เออ ดี อย่างน้อยก็ไม่ฟังความข้างเดียว หึๆ กูล่ะเครียดอยู่ ว่าพลอยจะทำเรื่องอะไรไหม”
“..คงไม่หรอกมั้ง ถึงได้มาโวยวายกับกูเอาแบบนี้”ไอ้ต้อยหัวเราะ “แต่กูไม่คิดนะว่ามึงจะกลายมาเป็นแบบนี้ กูหมายถึง มึงคบผู้ชายด้วยหรอวะ”
“เออ กูก็เพ่งคบเขาคนแรกนี่แหละ มึงอย่าพูดบ่อยให้กูจักกะจี้สิวะ แล้วไหนนิตยสารที่พี่บิ๊กฝากมาน่ะ”ผมทวง ไอ้ต้อยมองหน้าผมแปลกๆ
“พี่บิ๊กบอกจะเอามาให้มึงเอง เห็นบอกว่ามีเรื่องจะคุย ...กูว่าแม่งๆแล้วว่ะ”ผมแปลกใจที่ไอ้ต้อยพูดเรื่องนี้ขึ้นมา พี่บิ๊กเนี่ยนะ
“หรอวะ พี่แกอาจจะอยากคุยกับกูเรื่องหนังสือ”ผมลองนึกหาเหตุผลอื่นดู ไอ้ต้อยส่ายหน้า
“กูไม่รู้ว่ามาดีมาร้ายว่ะ มึงระวังก็ดี”
“พี่แกเป็นบรรณาธิการนิตยสารมีสาระไม่ใช่พวกซุบซิบซะหน่อย กูต้องระวังอะไร”
“ไม่รู้ดิ พี่แกเป็นคนวงใน อาจจะขายข่าวให้พวกก็อตซิปก็ได้นะโว้ย แกมีเพื่อนทำพวกหนังสือประเภทนี้เยอะ”ไอ้ต้อยออกปากเตือน ครอบครัวคุณชายเองก็มีหน้ามีตาทางวงการธุรกิจพอตัว
“เออๆ กูจะระวัง มึงก็คอยดูพี่เขาไว้ด้วยแล้วกัน...”เรื่องที่ผมท้องได้คงต้องปิดให้สนิท ผมยังไม่กล้าบอกมัน แค่นี้มันก็ตกใจพอแล้ว ไว้รออีกสักพัก
ว่าแต่คุณชายไปเซเว่นนานไปหน่อยนะ
“อืม...นี่มึงกับคุณชายอะไรนั่น ถึงขั้นให้แม่รู้แล้วหรอวะ โห โคตรใจเลยว่ะ”ไอ้ต้อยทำหน้าแปลกๆเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
“เออดิวะ แล้วนี่เรื่องนี้มึงห้ามบอกใครนะเว้ย”ผมกำชับมันไปอีกรอบ ไอ้ต้อยพยักหน้าก่อนจะเหลียวมองไปรอบๆห้อง โชคดีที่คุณชายบ้านั่นไม่ได้ทิ้งพวกหนังสือคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ไว้บนโต๊ะเดี๋ยวก็เป็นประเด็นขึ้นมาอีกจนได้
“..เออไอ้กี้ เดือนหน้า ประมาณวันที่ 23 เพื่อนเรามันนัดเลี้ยงรุ่นว่ะ มึงต้องมาให้ได้นะรอบนี้ เพราะมึงไม่เคยมาสักรอบกูรำคาญพวกมันถามเว้าซี้ถึงมึงอยู่ได้ มึงก็ว่างอยู่แล้วนี่”ไอ้ต้อยทำหน้าเหมือนพึ่งนึกออก ผมใจหายวูบ เดือนหน้า ก็หมายความว่าผมท้องเข้าระยะที่7 - 8 สัปดาห์แล้วสิ ผมกลัวว่าขนาดท้องผมจะทำให้คนจับสังเกต แต่ใครจะไปคิดกันว่าท้อง อาจจะล้อผมเล่นว่าลงพุงมากกว่า ท้องได้2 เดือน ท้องก็ยื่นแล้วนะ ถึงจะไม่มากก็เถอะ
“...เออ ก็ได้วะ ไปก็ไป มึงไปกับกูด้วยนะ”ผมต้องรับคำเพราะก็เบี้ยวมาหลายครั้ง ถ้าครั้งนี้ไม่ไปคงจะน่าเกลียด ไอ้ต้อยทำหน้าดีใจ
“เออเยี่ยมๆ...แล้วแฟนมึงทำไมยังไม่มาอีกวะ”ผมนึกถึงคุณชายแล้วขำในใจ ผมคุยกับไอ้ต้อยอยู่สักพักมันก็ขอตัวกลับ ตอนแรกมันจะอยู่เจอแม่ผมแต่ท่านยังคงนอนยาวไม่ตื่นเอาง่ายๆแน่ ไอ้ต้อยก็เลยกลับแถมยังกำชับเรื่องพี่บิ๊กอีกก่อนจะออกจากห้องไป
ผมเดินมาเก็บอัลบั้มรูปไปไว้ที่โต๊ะเก็บของ เดี๋ยวคุณชายจะต้องเซ้าซี้เรื่องชื่อลูกแน่ๆเลย ผมเดินไปเข้าห้องน้ำอีกรอบ ผมเริ่มปัสสาวะบ่อยแล้วก็มีอาการปวดมวนท้องอีกแล้ว นี่ผมจะต้องเป็นแบบนี้ไปอีกหลายสัปดาห์ หนักเอาการเลยแฮะ ผมเองก็อยากจะควบคุมอารมณ์หงุดหงิดแปรปรวนของตัวเองให้ได้ ไม่อยากไปพาลใส่คุณชายบ่อยๆเดี๋ยวจะน้อยใจเอา หึๆ แต่ก็ช่วยไม่ได้มันเป็นเรื่องของฮอร์โมน
หลังจากที่คุณชายกลับมาจากเซเว่น เขาได้ขนมปังกับนมมาให้ผม แม่ก็ตื่นจากการหลับใหลเดินผมกระเซิงเล็กน้อยออกมา
“ฮ้าววว แกไม่เหนื่อยหรือไงไอ้กี้ แม่ชักไม่ไหวแล้วสิ ไม่อยากแก่เลยจริงๆ”แม่บ่นแล้วเดินมานั่งข้างๆผม ก่อนจะคุยกับคุณชาย ผมแค่เพลียนิดหน่อยแต่ก็ยังไหวอยู่
“นี่ ได้ข่าวว่าคุณทวดกับคุณย่าจะกลับมาแล้ว แกจะเคลียร์เรื่องนี้ยังไง แม่ล่ะเหนื่อยแทนจริงๆ ก่อนจะให้ไอ้กี้ไปเจอ แกควรเข้าไปคุยชี้แจงให้ชัดเจนก่อนนะ ท่านจะได้เตรียมใจได้ทัน เฮ้ แกสองคนกำลังทำร้ายคนแก่ๆ ถ้าเกิดเป็นลงเป็นลมขึ้นมาจะว่ายังไง”แม่ยังจะพูดติดตลกได้อยู่ คงไม่คิดมาก
“ครับคุณแม่ แล้วจะไปกับผมไหมครับ ผมก็เสียวๆอยู่เหมือนกัน”คุณชายพูดเบาๆกับแม่ที่เงยหน้ามองคุณชายด้วยสายตาเย็นชา
“อะๆ ไม่ได้นะจ๊ะ เรื่องนี้ แกต้องเป็นคนพูดเอง ด้วยตัวของแกเอง ทำตัวให้สมกับเป็นฝ่ายชายหน่อยสิ ไหนว่าคุณทวดใจดียังไงล่ะ ทีตอนนี้ทำมากลัว เชอะ”แล้วผมไม่ใช่ฝ่ายชายหรือไงแม่ เหอะๆ
คุณชายยิ้มเจื่อนๆ
“ก็แหม พอใกล้เวลาแล้วมันก็อดคิดมากไม่ได้นี่ครับคุณแม่”
“นี่ๆ จะบอกเคล็ดลับให้นะจ๊ะ ในฐานะที่เคยผ่านน้ำเดือดน้ำร้อนมาก่อน ถึงแม้ว่าจะไปถึงขั้นคุณทวด แต่เรื่องปู่ย่าเนี่ย แกไอ้กี้ก็ทำตัวนอบน้อมให้ดูไร้เดียงสาเข้าไว้ อย่าลืมเตรียมพวกมาลัยไปขอขมาด้วยก็ดีเพราะแกสองคน..ช่าง...เอาเถอะ ละไว้ในฐานที่รู้ๆกันอยู่
...ส่วนแกไอ้ชาย แกจะต้องค่อยๆพูดเกริ่นๆก่อน ไม่ใช่หุนหันพันแล่นบอกไปโต้งๆ มันต้องมีศิลปะและชั้นเชิงหน่อย พอบอกสาเหตุที่ยกเลิกการแต่งงานครั้งนั้นไปเพราะอะไรก็บลาๆ แล้วก็ค่อยแย้มๆเรื่องไอ้กี้ขึ้นมา อาจจะพาไปบ้านไปพูดไปคุยให้คุ้นหน้าก่อน พยายามแสดงให้ท่านเห็นว่าสนิทชิดเชื้อกันเข้าไว้ แล้วท่านจะสงสัย...พอสงสัยท่านก็เดาเรื่องออกเองแหละ เชื่อแม่นะ”
ผมกับคุณชายฟังแม่ร่ายยาว แน่ใจนะว่าจะได้ผลดีๆกลับมา ผมฟังแล้วก็ทะแม่งๆอยู่นะ คุณชายทำตาประกายแล้วพยักห้า
“นั่นสิครับ ผมว่าพอคุณทวดกับคุณย่ามาพักที่บ้าน ผมจะพากี้ไปอยู่ที่บ้านผมก่อน...ดีไหมกี้ อย่างน้อยให้ท่านเห็นถึงความสัมพันธ์ของเราไปก่อน อาจจะไม่ชัดเจน แต่ก็ทำให้ท่านยอมรับและคุ้นชินกับกี้ได้นะ”คุณชายพูดเหมือนตื่นเต้น ต่อมความรู้สึกของเขานี่มันตื้นมากเลยสินะ ถึงได้เดี๋ยวจริงจังเดี๋ยวอารมณ์ดี
“...ก็ตามนั้นแหละครับ แต่อย่ามาประเจิดประเจ้อต่อหน้าผู้ใหญ่ก็เป็นพอ...ผมเองก็รู้ว่าจะเข้าหาผู้ใหญ่อย่างไง”ผมบอก ว่ากันว่าประจบเข้าไว้ ดูแลชวนท่านคุยมากๆก็น่าจะชอบใจเพราะคนชราอายุเยอะๆชอบที่จะมีคนคุยด้วยแก้เหงา
แม่ยิ้มชอบใจกับแผนการของตัวเอง
คราวนี้ผมกับคุณชายจะไม่เร่งรีบ จะค่อยๆระมัดระวังมัดใจเอาชนะคุณทวดกับคุณย่าได้อย่างแน่นอน......ในเมื่อมีแบล็กดีสนับสนุนจากฝ่ายครอบครัวของคุณชายแบบนี้แล้ว ก็คงไม่ไกลเกินเอื้อม
@@@@@@@@@@@@@@TBC@@@@@@@@@@@@@@@@
ผ่านมาหลายตอนคุณทวดไม่ออกโรงสักที
ตอนหน้าเจอะคุณทวดแน่นอนจ้า
มีเรื่องให้วุ่นวายและเฮฮาตามประสาครอบครัวใหญ่อีกแล้ว
ป.ล.ตอนหน้าจะมายาวๆกว่านี้ รู้สึกว่าตอนนี้สั้นอีกแล้ววว
ขอบคุณทุกคนค่ะ