ตอนที่10 ระเบิดลง
2สัปดาห์สำหรับการย้ายเข้ามาอยู่ในรั้วบ้านของคุณชาย ส่วนมากผมใช้เวลาไปกับการอยู่คุยเล่นกับคุณทวด ส่วนมากท่านชอบอ่านเรื่องซุบซิบของพวกดาราแล้วก็ขำคนเดียว ไอ้ผมก็พอจะคุยเป็นเพื่อนได้ ส่วนแม่ผมก็แวะเวียนมาหาผมอาทิตย์ละครั้ง ส่วนมากถ้าอยู่คุยกับผมเสร็จก็จะแวะไปหาคุณหญิงไม่รู้ว่าไปญาติดีกันตอนไหน แต่เอ...ทั้งสองก็เคยเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กันนี่นะ
สำหรับการตั้งครรภ์ของผมก็ครบสองเดือน ผมเองก็ลืมเรื่องนัดเลี้ยงรุ่นไปเลย ไอ้ต้อยก็โทรมาบอกข่าวเรื่องพี่บิ๊กบ้าง แน่นอนว่าคงติดต่อผมไม่ได้อีกนาน ไอ้ต้อยมันก็บ่นๆว่ามันมาหาผมไม่ได้เพราะการย้ายมาบ้านใหญ่ของคุณชายทำให้ผมไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ยังเกรงใจอยู่ถึงแม้ว่าคุณชายจะบอกว่าให้เต็มที่เหมือนอยู่บ้านตัวเอง กำหนดนัดตรวจครรภ์จะมาถึงในสัปดาห์หน้าแล้ว อาการแพ้ท้องของผมมาเป็นช่วงๆไม่บ่อยทั้งวัน ส่วนมากแค่คลื่นไส้อาเจียน เหม็นอาหารเป็นบางอย่างไม่ถึงขั้นทานไม่ได้แต่ก็นั่นแหละครับ ถ้าเหม็นก็ไม่อยากจะทานอะไร คุณชายบ้านับวันก็ยิ่งเห่อลูกมากขึ้นไปอีก
“นี่คุณจะทำอะไรน่ะ”ผมขมวดคิ้วถามเมื่อคุณชายพยายามจะเลิกชายเสื้อผมขึ้นและมีสายวัดอยู่ในมือ
“ผมอยากรู้ว่าท้องโตกี้นิ้วกี่เซ็นแล้ว น่านะ อยู่นิ่งๆหน่อย”คุณชายหันมาดุ ก่อนจะใช้เส้นวัดรอบท้องผม ผมเองก็สังเกตว่าท้องเริ่มขยายขึ้นมาแล้ว แต่ก็ยังมองไม่ออกหรอก
“เป็นไง เท่าไหร่ล่ะครับ”ผมถาม
“อืม เพิ่มขึ้นมา 4 เซ็นต์แหนะกี้ ลูกเราเริ่มโตแล้วสิเนี่ย น่ารักจังเลย”ผมหัวเราะกับความบ้าของคุณชายก่อนจะดึงชายเสื้อลง
“สัปดาห์หน้าต้องไปที่ศูนย์วิจัยแล้วนะ”
“ครับ ผมตื่นเต้นจริงๆนะ อยากบอกทวดเร็วๆ จะได้มาเห่อเหลนเห่อลื่อด้วยกัน”คุณชายพูด
ส่วนเรื่องคุณย่านั้นก็ยังคงตึงๆกับผมอยู่
"หึๆ เดี๋ยวก็ถึงเวลาล่ะครับ คุณย่าเองก็เริ่มเอะใจกับอารแพ้ท้องของผมบ้างแล้ว ...อีกอย่างถ้าท้องโตขึ้นเรื่อยๆก็คงปิดไม่ได้"
"นั่นสิครับ ว่าแต่ทำไมเพื่อนกี้ไม่แวะมาบ้างล่ะครับ ไม่เห็นต้องเกรงใจเลย"
"ให้ผมปรับตัวหน่อย ..อีกอย่างช่วงนี้ผมแพ้ท้องบ่อย เดี๋ยวมันจะสงสัยเอา..แล้วก็วันที่27เดือนนี้ผมต้องไปงานเลี้ยงรุ่นนะครับ "
"อยากไปด้วยจัง "คุณชายทำหน้าอ้อน
"ผมยังไม่อยากเปิดตัวมาก คุณเองก็พอมีชื่อเสียงอยู่ ถ้าเกิดมีข่าวไม่ดีๆจะส่งผลกระทบเอานะครับ"
"...โถ่...ก็ได้ครับผมเข้าใจ ยังไงก็ระวังเรื่องแพ้ท้องด้วยนะครับ"
"ครับผม"
"พูดดีจัง ผมชอบ ฮ่ะๆ"คุณชายยิ้มก่อนจะยื่นหน้ามาหอมแก้มผมเต็มฟอด ผมแค่หัวเราะ
"หรือจะให้ด่าล่ะครับ "
"แบบนี้ดีแล้วครับ ..จะครบสองเดือนแล้ว มาตั้งชื่อลูกกันเถอะครับ ..กี้คิดไว้หรือยัง"
"คิดไม่ออกน่ะครับ "ผมบอก อันที่จริง ชื่อที่คิดได้มันไม่เวิร์คแล้วอีกอย่างเพราะคุณชายต้องการชื่อที่มีตัวอักษร ช.กับก. เท่านั้น
“โถ่ ผมอุตส่าห์คิดมาหลายวัน พอผมเสนอกี้ก็ไม่ชอบอีก”
“ก็ชื่อที่คุณคิดเอามาใช้ได้จริงที่ไหน”ผมพูดความจริง คุณชายเงียบไป คงจะงอนผมเพราะเขาเดินหนีไปอีกทาง
“...”
“...ก็ผมคิดได้แค่ชื่อเดียว เรายังไม่รู้เลยว่าลูกผู้ชายหรือผู้หญิง”ผมพูดต่อ เพราะคุณชายทำเป็นยืนกอดอกมองออกไปนอกหน้าต่างไม่พูดไม่จา ไร้สาระจริงๆ
“ก็บอกไปแล้วไงว่าคิดมาทั้งสองแบบเลย จะผู้หญิงผู้ชายค่อยว่ากันอีกที”คุณชายพูดห้วนๆเหมือนไม่พอใจเท่าไหร่ ผมชะงักไป นี่เป็นครั้งแรกที่เขามีท่าทีแบบนี้กับผม
เหมือนผมโดนตบหน้ากลายๆ
“ตามใจ”ผมบอก เริ่มหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้วเดินออกจากห้องไปทันที ไม่อยากเสวนาและมองหน้าคุณชายมันอีก เซ้าซี้น่ารำคาญ ทำเหมือนกับว่าผมเป็นฝ่ายผิดอย่างนั้นแหละ
ผมเดินออกมาบริเวณสวนหน้าบ้าน ใกล้ๆกับศาลาไม้ เดินไปดึงใบไม้กิ่งไม้ระบายอารมณ์
“เอ้าๆ ต้นไม้ใบหญ้ามันไปทำอะไรให้เราไม่พอใจหรือ”ผมสะดุ้งทันทีเมื่อได้ยินเสียงคุณทวด พอหันไปก็พบว่าคุณทวดนั่งอยู่บนรถเข็นใกล้กับอ่างน้ำพุ ดูเหมือนว่าท่านจะนั่งอยู่ก่อนแล้วแต่ผมไม่ทันได้สังเกตอะไร
“สวัสดีครับคุณทวด ออกมานั่งเล่นอยู่ก่อนแล้วเหรอครับ ฮ่ะๆ ผมไม่ทันสังเกตเลยแหนะครับ”ผมเดินไปหาคุณทวดแล้วไปหยิบเก้าอี้มานั่ง “...พอดีว่า...”ผมกำลังจะตอบคำถามก่อนหน้านั้นของคุณทวด
“อะๆ ไม่ต้องบอกก็พอรู้ กระฟัดกระเฟียดออกมาจากบ้านแบบนั้น ไอ้ชายมันทำให้หงุดหงิดใจล่ะสิท่า”คุณทวดพูดด้วยน้ำเสียงรู้ทัน แต่ท่านก็เก่งจริงๆ มองผมออกได้ง่ายๆ
“ก็นิดหน่อยล่ะครับ เรื่องเล็กน้อย”ผมบอกแล้วหัวเราะ คุณทวดส่ายหน้า ก่อนจะเงยหน้ามองต้นไม้ไปพลาง
“คนเราใช้อารมณ์คุยกันมันก็ไม่มีวันเข้าใจกันได้ ต่างคนต่างคิด ฉันถูกแกผิด...ถ้าคิดกันอยู่อย่างนี้ ก็คงอยู่กันยาก ชีวิตคู่แค่ความรักอย่างเดียวมันไม่พอหรอก มันต้องพูดคุยกันด้วยเหตุผลและความเข้าใจต่อกันมันถึงจะยั่งยืน”คุณทวดยิ้มก่อนจะมองผมด้วยสายตาเอ็นดู
“ครับ...ผมจะจำคำของคุณทวดให้ขึ้นใจเลย”แต่ปัญหาของผมกับคุณชายก็ไม่ได้ร้ายแรงเสียหน่อย แต่ผมไม่ชอบให้เขามาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงแบบนั้น ปกติก็ไม่เคยเป็นอย่างนี้ อันที่จริงผมอยากตะโกนใส่หน้าเขาว่าไม่มีสิทธ์มาขึ้นเสียงใส่ผม พอมาเจอก็เลย...เฟลนิดๆ
“ดีๆ ว่าแต่เราอาการป่วยดีขึ้นแล้วนะ เห็นแม่พิมพ์เข้าบอกว่าอาการยังไม่ค่อยดี”
ผมได้แต่ยิ้ม คุณหญิงจะช่วยกลบเกลื่อนตลอดไปก็ไม่ได้ คุณย่าเองก็เป็นคนฉลาด อาการเหล่านี้ท่านเองก็เคยผ่านมาก่อน ขึ้นอยู่ว่าคุณย่าจะกล้าคิดหรือไม่ก็เท่านั้นเอง
“เดี๋ยวก็หายแล้วล่ะครับ ผมก็เป็นแบบนี้ล่ะครับเป็นๆหายๆ”ผมหัวเราะแก้เก้อ เพราะคุณทวดมองหน้าผมอยู่นาน
“แต่ก็แปลกนะ ไม่สบายแท้ๆแต่กลับมีน้ำมีนวลผิวพรรณเปล่งปลั่งดี ไม่ซีดไม่เซียว ดีแล้วล่ะ”คุณทวดบอก ทำเอาผมสะท้านไปถึงทรวงเลยทีเดียว คุยกันได้ไม่นานคุณย่าก็เดินถือถาดน้ำชากับของหวานมาด้วย
“น้ำชามาแล้วค่ะคุณพ่อ”คุณย่าพูดกับคุณทวด ไม่ได้เหลียวหน้าสายตามองมาทางผมเลย เหมือนผมไม่มีตัวตน ผมหน้าแห้งเหี่ยวทันที
“อืม ดีๆ กลิ่นหอมเชียว แล้วเราล่ะ จะลองดื่มชาดูไหม ทวดติดดื่มชาร้อนจนชินไปเสียแล้ว”คุณทวดถามผม ผมเหลือบไปมองคุณย่าที่ถือกาน้ำชาไว้
“เออ ไม่ดีกว่าครับ ไม่แย่งคุณทวด”ผมหัวเราะพูดเล่นกับคุณทวด ที่แค่ยิ้มแล้วยกแก้วน้ำชาขึ้นดื่ม คุณย่านั่งลงข้างๆคุณทวด แล้ววางจานขนมหวานสองสามอย่างลงกับโต๊ะ
ผมนิ่งไป...
มีขนมผิง ขนมหม้อแกงพม่า แล้วก็บัวลอยไข่หวาน
ผมได้กลิ่นฉุนจากบัวลอย โดยเฉพาะกลิ่นส่วนผสมจากไข่ มันแรงกว่าปกติ ผมมองหน้าคุณย่าที่จ้องหน้าผมอยู่แล้ว
“ทำหน้าแบบนั้นทำไม เสียมารยาทจริงๆ”คุณย่าเอ็ดเบาๆ
ผมแค่เก็บอาการเหม็นของหวานพวกนี้ไว้ จะหาโอกาสลุกออกไปไม่ให้ดูน่าเกลียดยังไงดี ถ้าหากผมลุกออกไปตอนนี้เดี๋ยวคุณย่าก็จะว่าเอาได้ คุณทวดเงยหน้ามามองผมกับคุณย่า
“เอ้า ทานกันซะสิ ทั้งสองคนเลย ทวดทานคนเดียวไม่ไหวแน่ๆ”
อาการขยักขยอกอยากอาเจียนกลับมาอีกครั้ง แย่จริงๆทำไมต้องมาแพ้ท้องเอาตอนนี้ ทุกครั้งทำไมคุณย่าต้องอยู่ร่วมเหตุการณ์ด้วยเสมอ
มวลอาเจียนกำลังตีขึ้นมาจุกที่คอ กับกลิ่นฉุนที่เพิ่มอาการของผมเข้าไปอีก
“...เอ่อ...ผมไม่ค่อยทานของหวานน่ะครับ คุณย่าทานเถอะครับ”ผมฝืนยิ้มแล้วเลื่อนจานไปทางคุณย่า พยายามทำตัวดีๆกับท่านให้มากๆ คุณย่าแค่มองผมก่อนจะหยิบช้อนมาตักในถ้วยบัวลอยสีสันน่ากินนั่น
“..อึก!”ผมกลั้นก้อนสะอึกไว้ น้ำตาซึมๆนิดหน่อย ทั้งสองหันมามองผม
“เธอเป็นอะไรอีก...อย่าบอกนะว่าจะไปอ้วกแตกอ้วกแตนอีกน่ะ พอฉันจะกินอะไรก็ทุกครั้งเลยนะ เป็นอะไรของเธอกัน”
“...ข...ขอตัวก่อนนะครับ”ในที่สุดก็ต้องลุกหนีจากคนทั้งสองไปยังห้องน้ำที่ใกล้ที่สุดแต่เหมือนจะไม่ทัน ผมเลยวิ่งไปทางสวนหญ้าริมรั้วบ้าน ตรงนั้นมีก๊อกน้ำอยู่ ผมอ้วกออกมาทันทีเพราะอดกลั้นไม่ไหวแล้ว
“โอ้กกกก”
ผมโก่งตัวเพื่อเอาสิ่งที่ดันออกจากกระเพราะออกมา ก็แค่น้ำย่อยเหมือนๆทุกครั้งที่อาเจียน ผมน้ำหูน้ำตาน้ำมูกไหล สภาพน่าเกลียดจริงๆ ผมเปิดน้ำแล้วล้างหน้าบ้วนปากทิ้ง รู้สึกว่าผมเริ่มขมปากไปหมดแล้ว
“เฮ้อ...”ผมถอนหายใจ รู้สึกแย่จริงๆ แทบหมดแรง อาเจียนออกมาก็แทบจะหมดไส้หมดพุงแล้ว ผมลุกขึ้นยืนแล้วหันกลับมาก็ตกใจสะดุ้งเฮือกทันที
“คุณย่า”
“อ้วกจริงๆด้วย... ไปหาหมอบ้างหรือเปล่า”คุณย่าถาม มีสีหน้าสงสัย ผมแค่ยิ้มเจื่อน
“ครับผมไปหาหมอมาแล้ว ก็ได้พวกวิตามินแล้วก็ยาแก้เวียนหัวมา”ผมโกหกไป อันที่จริงยาพวกนี้คงช่วยอาการแพ้ท้องไม่ได้หรอก ก็แค่ทุเลาลงเท่านั้น
“อืมดีแล้ว เห็นว่าคลื่นไส้อาเจียนบ่อย ได้ยินพวกคนรับใช้ในบ้านพูดกันน่ะ...ทำตัวอย่างกับคนท้อง”คุณย่าจ้องหน้าผมนิ่งๆ ผมอึกอักขึ้นมา พวกคนใช้ก็ชอบซุบซิบคงเห็นผมอ้วกบ่อยๆล่ะมั้ง ผมไม่แน่ใจว่าคุณย่าท่านรู้หรือไม่ว่าผมขอให้แม่บ้านเอาผลไม้รสเปรี้ยวมาแช่ในตู้เย็นที่บ้านของคุณชายด้วย
“...ฮ่าๆ ผมแค่ป่วยๆเท่านั้นเองครับ”ผมโกหกท่านไป ผมไม่กล้าบอกความจริงคุณย่าแม้แต่นิดเดียว ผมกลัวใจท่านจริงๆ ท่านไม่ชอบผมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยังจะมามีเรื่องผมท้องได้อีกคงจะสับสน
“...ถ้าแค่นั้นจริงๆก็ดี เป็นอะไรขึ้นมาเดี๋ยวจะหาว่าคนบ้านนี้ไม่ดูแล”คุณย่าพูด ก่อนจะมองสำรวจไปทั่งตัวของผม ในใจนึกระแวงขึ้นมา คุณย่าจะสงสัยอะไรหรือเปล่า เพราะเห็นสายตาของคุณย่าจ้องเขม็งมาที่บริเวณท้องของผม
“อ้าว คุณย่าครับ มาคุยกับกี้อยู่ตรงนี้เอง”เสียงขึ้นชายดังขึ้น ทำให้คุณย่าละสายตาไปส่งยิ้มให้เขา
“เปล่าจ๊ะ ย่าแค่เห็นว่าเพื่อนเราท่าทางไม่ดีน่ะ เห็นอ้วกๆอยู่ก็เลยมาดูเท่านั้นเองแหละจ๊ะ”
“กี้ แพ—อ้วกอีกแล้วหรอครับ แหม ทานยาไปแล้วแท้ๆ”คุณชายกลบเกลื่อนได้ทันที คุณย่าไม่ได้ข้องใจสงสัยอะไรกับคำพูดเมื่อกี้ของคุณชาย
ผมอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาทันทีที่เห็นหน้าคุณชายบ้านั่น
“งั้นย่าไปก่อนนะ ปล่อยคุณทวดคนเดียวที่สวน”คุณย่ามองหน้าผมอีกครั้งแล้วเดินกลับไปตามทางเช่นเดิม คุณชายถอนหายใจแล้วเดินมาหาผม
“โอเคไหมกี้ ช่วงนี้แพ้ท้องบ่อย กลับไปในบ้านเถอะ”คุณชายพูดกับผมทำท่าจะเข้ามาใกล้ ผมส่ายหน้า ไม่อยากอยู่กับคุณชาย
“ไม่เอา ผมไม่ชอบขี้หน้าคุณ ผมว่าผมจะกลับไปอยู่คอนโดแล้ว”คุณชายมีสีหน้าตกใจกับคำพูดผม เขารู้ว่าผมพูดจริงและแน่นอน มีความรู้สึกผิดเกาะอยู่บนหน้าของเขา ผมแค่ถอนหายใจแรงแล้วเดินหนีหน้าของคุณชายออกห่างจากเขา
“ไม่นะกี้ ...ผมขอโทษที่อารมณ์เสียใส่คุณ แต่ผมแค่หงุดหงิดมากไปหน่อย”
“อือ คุณหงุดหงิดมันก็ไม่ผิดหรอก เหมือนๆกับผมนี่ไง”ผมตอบกลับไป อารมณ์ตอนนี้ไม่อยากเสวนากับคุณชายมากนัก กลัวจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ คุณชายเดินเข้ามาดักทางด้านหน้าผมไว้
“...ผมรู้ว่าคุณโกรธ แต่ผมก็แค่อยากเห็นว่าคุณดีใจกับลูกที่กำลังจะเกิดออกมาก็เท่านั้น ผมเห็นกี้แค่บอกว่าดีใจ แต่คุณทำเหมือนไม่ยินดียินร้ายอะไร ไม่กระตือรือร้น คุณแค่--”
“นี่คุณชาย การที่ผมไม่แสดงออกว่าดีใจนักหนา ก็ไม่ได้หมายความว่าผมไม่ดีใจกับเด็กที่อยู่ในท้องของผมนะ...”
“คุณเรียกลูกในท้อง ว่าเด็กเสมอ ทำเหมือนกับว่านั่นไม่ใช่ลูกของเราอย่างนั้นแหละ”คุณชายไม่ยอมแพ้เถียงผมกลับมาอีก บางครั้งผมก็เริ่มหมดความอดทน ไหนบอกว่าเข้าใจความรู้สึกของผม
“...หยุดพูดเถอะ ที่ผมเป็นอยู่นี่ยังไม่หนักพอหรือไงครับ ผมเหนื่อยนะที่ต้องแพ้ท้อง เหม็นนู่นเหม็นนี่ตลอด คุณก็แค่เอาแต่พูด เคยทำอะไรให้ผมดีขึ้นบ้างหรือเปล่า”ผมถอนหายใจ เหมือนหมดแรงไปกับการพูดให้คุณชายได้เข้าใจบ้าง เขาแค่เงียบมองหน้าผมนิ่งๆ
“...ผมไม่อยากทะเลาะกับคุณเลยนะกี้”คุณชายทำหน้าเสียใจ เขาขยับมาใกล้ผม
“แล้วใครล่ะที่เริ่ม...”
พอผมพูดจบ ผมก็นึกถึงหน้าคุณทวดขึ้นมาและคำสอนของคุณทวดก็ดังขึ้นมา
“ผมเข้าใจว่ากี้--”
“อย่าพูดว่าคุณเข้าใจ เพราะคุณไม่ได้เข้าใจอะไรทั้งนั้น ...แล้วคุณจะบอกเรื่องนี้กับคุณทวดกับคุณย่าตอนไหน ...ผมทนสภาพนี้ไม่ไหวหรอกนะ คุณย่าต้องสงสัยแน่นอน ...รีบๆบอกความจริงไปซะ ผมจะได้ไปอยู่ที่คอนโดของผม”ผมยังคงยืนยันคำเดิม คุณชายส่ายหน้าไม่ยอมรับสิ่งที่ผมพูด
“...เราไม่อยากเร่งรีบไม่ใช่หรอไงครับ...”
“ก็ใช่ แต่ผมแพ้ท้องมากขึ้นเรื่อยๆ ความอดทนของผมเริ่มต่ำลงนะคุณชาย...”ผมมองหน้าเขา
ผมไม่โกรธหรอกที่เขาจะคิดแบบนั้น แต่ในตอนนี้ผมแค่เหนื่อยกับการแพ้ท้อง ส่วนคุณชายก็ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้น ผมรับภาระจากการตั้งครรภ์ ผมก็เริ่มจะท้อๆเหนื่อยๆขึ้นมา ไม่ใช่เพราะคุณย่า แต่เป็นเพราะคุณชายต่างหากที่ทำให้ผมเหนื่อยมากกว่า
“ผมขอโทษครับ”ผมรู้ว่าเขารู้สึกผิดตามน้ำเสียงที่เปล่งออกมา
“อืม”ผมรับรู้สิ่งที่เขาเอ่ย ผมเดินกลับเข้าไปในบ้านแล้วหาอะไรทานลองท้อง ปล่อยให้ท้องว่างไม่ได้เพราะจะทำให้คลื่นไส้อาเจียนขึ้นมาอีก แต่คราวนี้ก็ต้องมาดูกันล่ะว่าผมจะทานอะไรได้บ้าง ผมเดินไปเปิดตู้เย็น นอกจากน้ำเสาวรสแล้วก็มีพวกขนมปัง แครกเกอร์ นม และผักผลไม้ ผมกวาดตามองแล้วไม่รู้สึกว่าอยากทานอะไรทั้งนั้น
คุณชายเดินเข้ามาในบ้านเงียบๆ เห็นเขานั่งลงและนั่งคิดอะไรอยู่คนเดียว ผมมองคุณชาย รู้สึกเห็นใจเขานิดหน่อย...
ผมก้มมองแหวนที่มือซ้าย...ความรู้สึกที่ชะอำในตอนนั้นผมยังจำได้ดี แต่ผมก็ไม่ผิดซะหน่อย พอคิดแบบนี้เสียงของคุณทวดก็ดังขึ้นมาให้ได้ยินอีก คุณทวดที่สุดยอดจริงๆ
ชีวิตคู่นี่มันยากจริงๆ ถ้าหากว่าผมกับคุณชายทะเลาะกันบ่อยๆก็คงไม่ดีนัก ผมเองก็ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลย แล้วผมก็นึกถึงคำพูดของคุณชายที่หาดชะอำตอนที่เขาให้แหวนผม
ที่ว่าจะทำให้ผมรักเขาให้ได้ ...ผมสงสัย ว่าจะทำได้จริงๆน่ะเหรอ การที่ผมมีลูกกับคุณชายได้นั้นไม่ได้เป็นเครื่องชี้วัดว่าผมจะต้องรักเขาตอบมากๆ หรืออยู่กับเขาตลอดไป
หรือว่าผมคิดมากเกินไป ในขณะที่คุณชายคิดน้อยกว่าผม? หรือว่าไม่ได้คิดกัน? แต่คงไม่ใช่หรอก คุณชายเองก็มีวุฒิภาวะมากพอแล้ว...
“...ผมไม่อยากให้คุณย้ายไปคอนโด ในเมื่อเราก็มีบ้านแล้วไงครับ...อีกอย่างอยากอยู่กับคุณนะกี้ ผมอยากดูแลคุณ”
นี่ไง...ประโยคเด็ด
“ผมอยู่กับคุณ แล้วคุณดูแลผมได้ดีกว่าแม่ผมหรอครับ”ไม่รู้ว่าผมพูดแรงไปหรือเปล่า แต่ทำให้คุณชายหน้ามองหน้าผมนิ่งและซีดลง ผมไม่ได้สบตากับเขา เดี๋ยวผมใจอ่อนอีก
“...มันก็จริงอย่างที่คุณพูด ผมยังดูแลคุณไม่ดีพอเลย แน่นอนว่าไม่เท่าแม่กี้หรอก”คุณชายพูดเหมือนจะประชดประชัน แต่คงไม่ใช่เพราะน้ำเสียงของเขาดูอ่อนแรง
ผมนึกไปถึงคำพูดของคุณชายอีกแล้ว
“..ผมคิดไว้ตั้งแต่รู้ว่ากี้ท้อง ว่าครอบครัวเราจะต้องสมบูรณ์ ผมไม่ยอมให้อะไรที่ต่างจากค่านิยมไทยๆ มาทำให้เรารู้สึกขาด แน่นอนครับ ลูกเราก็ด้วย ...ผมพูดจริงนะ ไม่ยอมให้อะไรมาทำลายความสุขของลูก” ทำไมบรรยากาศตอนนั้นช่างขัดกับตอนนี้จริงๆ เหมือนหนังคนละม้วน คงเพราะบรรยากาศดีๆกับคำพูดดีๆด้วยล่ะมั้ง
“...ผมแค่เบื่อตัวเองน่ะครับ ผมอยากให้คุณทำความเข้าใจเรื่องการท้องหรือแพ้ท้องให้มากๆ ไอ้เล่มนั้นคุณอ่านจบหรือยังล่ะครับ” คุณพ่อมือใหม่น่ะ อ่านแล้วก็น่าจะทำตามหนังสือบ้าง
“...เกือบจบแล้ว”
“ก็ช่วยเอามาปฏิบัติกับผมให้ดีๆกว่านี้สิครับ ถ้ายังอยากดูแลผมน่ะ”ผมเดินไปหาคุณชาย แล้วกอดเขาแน่นๆ
“หมายความว่ากี้จะไม่ย้ายออกจากบ้านแล้วใช่ไหม..”คุณชายถามขณะที่ยังกอดผมอยู่
“ก็ใช่น่ะสิ สงสารหมา”ผมหัวเราะเยาะ เวลาคุณชายมันเศร้าแล้วเหมือนน้องหมาหน้ามึนๆมองเจ้าของน่ะ
“หึๆ เห็นผมเป็นหมาเลยหรอครับ แต่ก็ได้หมดแหละครับ ถ้ากี้อยากให้ผมเป็นอะไร”
แหวะ น้ำเน่าได้ทุกสถานการณ์ ผมผละออกจากกอด แล้วนั่งลงข้างๆคุณชาย
“พักนี้คุณต้องทนผมให้ได้ เพราะผมคงจะอาละวาดอีกหลายรอบ ผมขมปากขมคอไปหมด กลัวเหมือนกันว่าจะกินจะทานอะไรไม่ได้ แบบนั้นคุณย่าจะยิ่งสงสัย”ผมบอกเขา แล้วหยิบน้ำเปล่ามาดื่มกลับแย่กว่าเก่า เพราะมันยิ่งขมปากเข้าไปอีก
“ครับ ผมจะเข้าใจกี้ให้มากๆกว่านี้ ส่วนเรื่องชื่อ...”ผมนึกแล้วว่าเขาต้องยกประเด็นนี้มา เพื่อความสบายใจ
“คุณจัดการเถอะ ...ผมยอบรับได้หมดแหละ ผมเชื่อว่าคุณจะไม่ทำร้ายลูกเรา”ผมบอกแล้วหัวเราะเบาๆไปด้วย
“โธ่กี้ ผมรู้น่า ว่าชื่อไหนเหมาะกับคนน่ะ”คุณชายทำหน้ายู่ เพราะผมก็คิดนะว่าหากเขาตั้งชื่อที่ไม่เหมาะกับชื่อคน หมายถึงเหมือนชื่อน้องๆหมามากกว่า
“ก็ดีแล้วนี่ครับ...”
“ส่วนเรื่องคุณทวดกับคุณย่า...กี้พร้อมตอนไหนล่ะครับ...”คุณชายถาม ผมนิ่งคิด ผมว่าจะค่อยๆเกริ่นเรื่องการมีทายาทของบ้านนี้ไปก่อน รอดูปฏิกิริยาของคุณทวดและคุณย่า
เพราะผมเองไม่สามารถไปโอ้กอ้ากคลื่นไส้อาเจียนระหว่างเวลาอาหารได้ทุกมื้อ มื้อเย็นทุกวันก็ต้องทานอาหารร่วมกันทั้งครอบครัวอีก มันจะผิดสังเกตมากๆถ้าผมมีอาการแพ้ท้องแบบนี้ไปเรื่อยๆ
“รอให้ผ่านการตรวจครรภ์เดือนนี้ไปก่อนแล้วค่อยลองพูดถึงเรื่องหลานๆกับคุณพ่อคุณแม่ดู ผมว่าปัญหาน่าจะอยู่ที่คุณย่า”ผมบอก คุณย่า ท่านจะกีดกันผมหรือไม่นะ ท่านไม่ชอบผมแต่กับเหลนแล้วจะทำใจรักลงได้ไหมนะ
“อืม...ท่านอยากเลี้ยงเหลนน่ะ ตอนที่มีข่าวว่าผมจะแต่งงานกับพลอยคุณย่าท่านก็ดีใจมากๆ โทรมาหาผมบอกว่าให้มีเหลนให้อุ้มก่อนท่านตายเสียก่อน ฮ่าๆ แต่ตอนนี้ก็มีแล้วผมว่าท่านไม่น่าจะใจร้ายไม่เอ็นดูเหลนน้อยๆในท้องของกี้”คุณชายบอกจับมือผมเหมือนปลอบใจ
“ผมก็หวังให้เป็นอย่างนั้น ผมไม่ว่าหรอกถ้าท่านจะเกลียดแค่ผมน่ะ”
“ไม่เอาน่ากี้ ท่านไม่ได้เกลียดคุณหรอก"คุณชายรีบพูดทันที ผมถอนหายใจ
"จะเกลียดไม่เกลียดค่อยดูกันต่อไปเถอะครับ...แต่เย็นนี้ต้องทานกับครอบครัวอีกแล้ว...ผมกลัวว่าจะคลื่นไส้ขึ้นมาอีก"
"...ไปทานข้างนอกไหมกี้ ผมจะไปบอกป้านิ่มกับคุณย่าให้"คุณย่าตอนนี้ก็มาดูแลอาหารในครัวเพราะคุณทวดทานอาหารได้ไม่มากนัก ต้องมีเมนูแยกอีกชุดนึงท่านเลยมากำกับงานเอง
"ก็ดีนะครับ... แต่ท่านจะไม่เข้าใจผิดๆหรอครับว่าผมหลบหน้าท่านอะไรประมาณนั้น"
"คิดมากน่ากี้... งั้นแบบนี้ดีไหมครับ ไปหาคุณแม่ที่บ้านเลย กี้เองบ่นอยากเจอท่านอยู่เหมือนกันนี่ครับ"คุณชายเสนอ เป็นความคิดที่ดีจริงๆ ผมพยักหน้าเห็นด้วย "โอเค ...ไปบอกในครัวก่อน จะได้ไม่ทำอาหารเผื่อ"