[จบแล้ว] ระหว่างเราคือ...??? บทพิเศษ เรื่องของเด็กๆ [24-10-2017]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว] ระหว่างเราคือ...??? บทพิเศษ เรื่องของเด็กๆ [24-10-2017]  (อ่าน 41828 ครั้ง)

ออฟไลน์ nicksrisat

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 948
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
Re: ระหว่างเราคือ...??? [22-11-2014]
«ตอบ #150 เมื่อ23-11-2014 03:11:35 »

รอติดตามตอไปครับ

ออฟไลน์ โชติกา บุญเติม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ระหว่างเราคือ...??? [22-11-2014]
«ตอบ #151 เมื่อ23-11-2014 03:19:34 »

 :เฮ้อ: อิเล่ ทุกอย่างมันสายไปตั้งแต่อ้อนท้องแล้ว
กลับไปคบกัน ไหนว่าแคร์สังคมไง

ออฟไลน์ nicksrisat

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 948
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
Re: ระหว่างเราคือ...??? [22-11-2014]
«ตอบ #152 เมื่อ23-11-2014 04:46:54 »

อ่านแล้วก็ชวนให้ติดตามครับ มาต่อเร็วๆนะครับ ผมรออยู่

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
Re: ระหว่างเราคือ...??? [22-11-2014]
«ตอบ #153 เมื่อ23-11-2014 14:55:36 »

เฮ้อ ปมปัญหาวุ่นวายมากมาย
ทุกคนก็ผิดด้วยกันทั้งนั้น

ให้อารมณ์ชีวิตจริงมากๆ เวลาที่อะไรๆมันไม่เป็นไปตามที่เราคิด และเราก็ทำอะไรไม่ได้
ต้องปล่อยให้เวลาแก้ปัญหาของมันเอง

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: ระหว่างเราคือ...??? [22-11-2014]
«ตอบ #154 เมื่อ24-11-2014 22:22:36 »

“สุขสันต์วันเกิด...มีความสุขมากๆนะ”เค้าพูดพร้อมกับยิ้มให้ผม

“กลับไปเถอะ”ผมตอบกลับไปเพียงสั้นๆ แล้วไม่หันกลับไปมองเค้าอีก  พอผมเข้าบ้านปิดประตูสักพัก เสียงรถของเค้าก็เริ่มดังและห่างออกไปเรื่อยๆ “ขอบคุณนะ”ผมบอกกับเค้าในใจ ขอบคุณที่มาอวยพรวันเกิดให้ผม เมื่อก่อนมันอาจจะเป็นเรื่องธรรมดา แต่ครั้งนี้มันอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็ได้

“คนนี้ใช่ไหมครับที่ทำให้พี่ไม่ยอมมีใครสักที”เสียงนึงที่ฟังดูเครียดๆ แว่วเข้ามากระทบโสตประสาทผมทันทีที่ก้าวเข้าถึงห้องรับแขก ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้ เพราะตอนนี้ในบ้านก็มีแค่นายน้องอ้วนเท่านั้น ผมจะผิดไหมถ้าจะตัดสินใจทำอะไรบางอย่างลงไป

“เรามาคบกันไหม”ผมไม่ได้ตอบคำถามเค้าแต่ผมกำลังจะใช้เค้าตัดปัญหาวุ่นวายที่อาจจะตามมามากมายหาก ตอนนี้ผมยังไม่มีใคร อีกอย่างน้องอ้วนเองก็ไม่ได้เสียหายอะไร ถ้าลองคบกันดู วันนึงผมอาจจะชอบหรือรักเค้าขึ้นมาก็ได้ แต่ทำไมเหมือนนายน้องอ้วนจะไม่ได้รู้สึกยินดีเท่าไหร่ที่ได้ยินผมบอกออกไปแบบนั้น เพราะดูสีหน้าและแววตาแล้ว มันเหมือนคนที่กำลังจะโมโหเสียมากกว่า

“พี่จะทำแบบนี้เพื่อประชดใครหรือเปล่าครับ”น้ำเสียงเหมือนจะดูถูกผมอยู่ในที

“เปล่าซะหน่อย”ผมปฏิเสธเสียงแข็งเพื่อยืนยัน อีกฝ่ายนิ่งไปและจ้องมองมาที่ผม และตัวผมก็ถูกดึงเข้าไปหาเค้า  ริมฝีปากที่เพิ่งจะถูกประกบจากอีกคนที่กลับไปแล้ว ตอนนี้มันกำลังถูกนายน้องอ้วนทับรอยลงไปอีกครั้ง ด้วยสัญชาตญานทำให้ผมเกิดการต่อต้านและ ผลักเค้าออกอย่างแรง ผมถอยออกห่างจากเค้ามาทันที

“หึ...มันก็ชัดเจนแล้วนี่ครับว่าพี่ไม่ได้ชอบผมเลย แล้วจะมีเหตุผลอะไรที่พี่จะอยากมาคบกับผมถ้าไม่ใช่อยากจะประชดใครหรือไม่ก็กำลังคิดจะใช้ผมเป็น เครื่องมือบางอย่าง”คำพูดของเค้าทำเอาผมอึ้งไปเหมือนกัน ใช่แล้วผมนี่มันแย่จริงๆ ที่ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของเค้าบ้าง ผมเอาแต่จะตัดปัญหาของตัวเอง แต่ไม่แคร์ว่าคนอื่นเค้าจะรู้สึกยังไง

“พี่ดูถูกความรักของผมมากเลยนะครับ”แววตาของเค้าที่มองมายังผม ทั้งเหมือนน้อยใจ เสียใจ เสียความรู้สึกกับผมมากๆ นี่ผมทำให้เค้ารู้สึกขนาดนั้นเลยเหรอ

“พี่...ขอโทษ”ผมมันก็พูดได้แค่นี้แหละครับ ทั้งที่น่าจะพูดอะไรให้มันดีกว่านี้หน่อย แต่ผมก็คิดไม่ออก

“เซอร์ไพร์ส”เสียงของใครบางคนดังขึ้น ซึ่งผมก็จำได้ว่าเป็นเสียงของไอ้แชมป์กับเฟิร์นนั่นเอง ผมกับน้องอ้วนหันไปตามเสียงนั้นทันที ก็เห็นคนทั้งคู่ ถือกล่องของขวัญใบหนึ่งเข้ามา



“สุขสันต์วันเกิดคะพี่แฟ้ม”เฟิร์นเป็นคนถือกล่องมาให้ผม ไอ้แชมป์เองก็บอกอวยพรวันเกิดให้ผมด้วยเหมือนกัน ทั้งสองคนคงไม่ได้สังเกตุว่าอารมณ์ของผมกับนายน้องอ้วนเป็นยังไง

“ผมขอตัวก่อนนะครับพี่แชมป์ กลับก่อนนะเฟิร์น”เค้าหันไปบอกลาผู้มาใหม่ทั้งสองโดยไม่ได้หันมาบอกลาผม แล้วเค้าก็เดินออกไปเลย ทั้งแชมป์และเฟิร์นเลยงงไปตามๆ กัน ว่าเกิดอะไรขึ้น

“อ้วนมันเป็นไรเหรอพี่แฟ้ม”น้องสาวผม ไม่ทนเก็บความสงสัยไว้นาน

“เฟิร์นตามไปดูเพื่อนหน่อยไป”ผมบอกเชิงขอร้องกลายๆ เพราะอย่างน้อยมีคนอยู่เป็นเพื่อนหน่อย น้องอ้วนจะได้รู้สึกดีขึ้นบ้าง เฟิร์นยังคงไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไม แต่ก็ยอมตามอ้วนออกไป


“เกิดอะไรขึ้น”หลังจากเฟิร์นออกไป ไอ้แชมป์ก็ถามผมขึ้น

“โอเล่มา”ผมบอกออกไปตามตรง ดูไอ้แชมป์เองก็ไม่ได้ตกใจอะไรเท่าไหร่ แล้วผมก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้กับแชมป์ฟัง

“รู้ไหมทำไมกรูถึงพยายามเชียร์น้องอ้วนให้มรึงนักหนา”หลังจากฟังผมพูดจบ ไอ้แชมป์ก็ถามขึ้น ผมเองก็พอจะรู้ว่าทั้งไอ้แชมป์และเฟิร์นต่างก็พยายามเชียร์น้องอ้วนกับผมให้เป็นแฟนกัน เฟิร์นนี่คงเพราะเห็นผมไม่มีใครมานานแล้วอีกอย่างน้องอ้วนก็เป็นเพื่อนเฟิร์น แต่สำหรับไอ้แชมป์ถ้ามาถามผมแบบนี้ คงมีเหตุผลอื่นด้วยแน่ๆ ผมส่ายหน้าปฏิเสธเพราะคงเดาใจแชมป์มันไม่ถูกหรอก

“เพราะกรูกลัวว่ามันจะมีวันนี้ไงละ กรูรู้มานานแล้วว่าอ้อนกับโอเล่มีปัญหากัน กรูเคยจะพยายามบอกมรึง แต่มรึงก็บ่ายเบี่ยงไม่รับฟังมาตลอด รวมทั้งเรื่องที่สองคนนั้นจะเลิกกันก็ด้วย แต่ความจริงเค้าก็แยกกันอยู่มานานแล้วแหละ ตอนนี้มันเหมือนขีดสุดชีวิตคู่ของทั้งสองมันจะจบลงแล้วจริงๆ มันคงเกินเยียวยาแล้วแหละ”มันเพราะผมใช่ไหมที่ทำให้เกิดเรื่องราวแบบนี้ขึ้นมา

“กรูควรทำยังไงดีแชมป์”ผมจนปัญญาจริงๆ ที่จะคิดแก้ปัญหาในเรื่องนี้

“ตอนนี้มรึงทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ เพราะกรูเองเพิ่งเจอกับอ้อนมา ยังไงเสียอ้อนก็จะหย่าอย่างแน่นอน”การตัดสินใจทำอะไรโดยไม่คิดถึงคนอื่นก่อนของผม แม้มันจะผ่านมาเนิ่นนานแล้ว แต่ตอนนี้ผลของการกระทำนั้น มันกำลังเล่นงานใครๆ หลายคน ผมดึงใครมากมายเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้



“ตกลงว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่พี่แฟ้ม”เสียงน้องสาวผมตะโกนเข้ามา ผมบอกให้เค้าไปดูน้องอ้วนหน่อยไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมย้อนกลับมาเร็วแบบนี้

“อ้วนเป็นไงบ้าง”ผมอดที่จะห่วงเค้าไม่ได้เหมือนกัน แม้ผมจะไม่รักเค้า แต่ผมก็ยังเป็นห่วงเป็นใยในฐานะพี่ชายคนนึงอยู่เหมือนกัน น้องอ้วนก็เป็นอีกคนที่ต้องเข้ามารับความเจ็บปวดกับสิ่งที่ผมก่อขึ้นมา

“ก็ไม่เป็นไรมากหรอกมั้ง แค่ดูหงอยๆ แล้วก็บอกอยากอยู่คนเดียว”น้องอ้วนเองก็คงต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะทำใจได้ หวังว่าสักวันเค้าจะเจอคนที่ดีกว่าผม จากนี้ไปไม่รู้เค้าจะโกรธเกลียดผมไปเลยหรือเปล่า

ผมตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดให้กับเฟิร์นฟัง เพราะถ้าไม่ยอมน้องสาวผมก็คงจะตื้อจนถึงที่สุดเพื่อจะให้ผมเล่าอยู่ดี แต่ใจจริงก็กลัวเหมือนกันว่าเฟิร์นเองอาจจะมองผมเป็นคนเลว แต่ความจริงผมก็เป็นคนเลวอยู่แล้วนี่นา ทำร้ายคนบริสุทธิ์มาตั้งกี่คนแล้ว

“เฟิร์นไม่รู้จะสงสารใครดี ทำไมเรื่องราวมันซับซ้อนวุ่นวาย อีรุงตุงนังได้ขนาดนี้ละพี่แฟ้ม”เฟิร์นส่ายหัว อย่างเคร่งเครียดกับเรื่องราวที่ได้รับฟังจากผม  แม้จะพยายามคิดหาทางออกให้เรื่องนี้ที่ดีที่สุด แต่พอลองคิดดูแล้วตอนนี้แต่ละทางมันก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไหร่เลย

ผมกับเฟิร์นแล้วก็ไอ้แชมป์ พูดคุยกันสักพัก พ่อผมก็โทรมาแจ้งข่าว ว่าแม่ผมเข้าโรงพยาบาล ตอนแรกผมก็ตกใจกลัวว่าจะเป็นอะไรมากหรือเปล่า แต่พ่อก็บอกว่าตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว เห็นว่าอาหารเป็นพิษ หมอจะให้อยู่โรงพยาบาลประมาณสองสามวันเพื่อดูอาการ ผมกับแชมป์และเฟิร์นเลยว่าจะกลับเข้าไปกรุงเทพฯ กัน ผมนะไม่เท่าไหร่หรอกแต่แชมป์กับเฟิร์นนี่สิ เพิ่งจะมาถึงต้องกลับเข้ากรุงเทพฯ อีกแล้ว





พอถึงกรุงเทพฯ พวกผมทั้งสามคนก็ตรงไปยังโรงพยาบาลที่แม่ผมรักษาตัวทันที พอถึงโรงพยาบาล ผมก็ต้องตกใจอีกครั้ง ไม่รู้วันนี้มันวันอะไรกันนักหนา ผมต้องเตรียมรับสถานการณ์อะไรอีกหรือนี่ ภายในห้องของโรงพยาบาล ที่แม่ผมนอนอยู่บนเตียง มีสายน้ำเกลือให้เหมือนคนป่วยปกติ ดูท่านท่าทางอ่อนแรง นั่นคงเป็นผลมาจากอาการที่เป็น นอกจากพ่อของผมที่เป็นคนเฝ้าไข้แล้ว ยังมีบุคคลอื่นอีกอยู่ภายในห้องนี้ ผมกับแชมป์หันสบตากันเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปเพื่อทักทาย อย่างปกติที่สุด เพราะผมคิดว่าอย่างน้อยพ่อแม่ผมคงยังไม่รู้ถึงปัญหาที่ผมเผชิญอยู่ตอนนี้

“อ้อนมาได้ไงเนี่ย”ไอ้แชมป์ทักทายอย่างเป็นกันเอง ให้ดูปกติเสมือนว่าพวกผมทุกคนยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ผมยิ้มให้อ้อนอย่างจริงใจ ซึ่งอ้อนเองก็ยิ้มตอบกลับมา อ้อนไม่ได้มาคนเดียว แต่พาเด็กน้อยสองคนมาด้วย ถึงผมจะไม่เคยเจอเด็กสองคนนี้ แต่ก็พอจะเดาได้ว่าเด็กสองคนนี้คงเป็นลูกแฝดของอ้อนกับโอเล่นั่นเอง

“พอดีเล่เค้าแวะมาเยี่ยมเพื่อนนะ เลยมาเจอคุณลุงพอดีเลยรู้ว่าคุณป้าไม่สบาย”อ้อนบอกอย่างมีไมตรี ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าอ้อนเล่นละครอยู่หรือแสดงออกมาจากใจจริง แต่อาจจะมาจากใจจริงๆ เพราะแม้อ้อนอาจจะเกลียดผม แต่กับพ่อแม่ผมอ้อนคงแยกแยะออก และคงอยากมาเยี่ยมแม่ผมจริงๆ เมื่อก่อนอ้อนเองก็แวะเวียนไปที่บ้านผมบ่อยๆ จนรู้จักมักคุ้นกับพ่อแม่ผมเป็นอย่างดี เพิ่งจะมาห่างเหินกันไปตอนที่อ้อนแต่งงานนั่นแหละ

ว่าแต่โอเล่เองก็กลับมาก่อนพวกผมไม่นาน นี่เค้ารีบมาเยี่ยมเพื่อนเลยหรือไงกัน เพื่อนเค้าสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ

“แล้วโอเล่ตอนนี้ไปเยี่ยมเพื่อนอยู่เหรอ”แม้จะไม่อยากถาม แต่ผมก็ต้องเอ่ยออกไป เพื่อไม่ให้พ่อกับแม่ผิดสังเกต อ้อนเองก็ชะงักไปเล็กน้อย

“เห็นว่าขอคุยกับเพื่อนอีกหน่อยเดี๋ยวจะตามมา พอดีว่าอาการเพื่อนเค้าเพิ่งดีขึ้นนะ”อ้อนอธิบาย

“อ้าวลืมเลย ลูกอั๋น ลูกอิ๋ง ไหว้อาๆ เร็วลูก นี่อาแฟ้ม อาแชมป์ แล้วก็อาเฟิร์น”อ้อนบอกลูกๆ ซึ่งทั้งสองคนก็ยกมือไหว้พวกผมทุกคนพร้อมกับกล่าวสวัสดี ท่าทางน่ารักเชียว เห็นแล้วผมก็จุกในอก นี่ผมกำลังจะทำให้เด็กสองคนนี้ต้องมาเห็นพ่อแม่แยกทางกันอย่างนั้นหรือ

“เดี๋ยวยังไงอ้อนกลับก่อนดีกว่านะ มานานแล้วเดี๋ยวคุณป้าจะได้พักผ่อน”อ้อนบอกกล่าวลาพ่อกับแม่ผม ก่อนจะหันมาร่ำลาพวกผม

“ไปส่งเพื่อนหน่อยสิแฟ้ม”พ่อผมเตือนให้ผมอย่าลืมมารยาท ทำให้ผมต้องเดินออกไปส่งอ้อนกับลูกๆ

“น้องอั๋นมาเดี๋ยวอาอุ้ม”ผมเดินตามไปอุ้มน้องอั๋นที่เดินตามอ้อนซึ่งอุ้มน้องอิ๋งไว้ น้องอั๋นมองผมตาแป๋ว คงยังไม่ค่อยคุ้นกับคนแปลกหน้าเท่าไหร่

“ผมเคยเห็นรูปคุณอาด้วย”เด็กน้อยจ้องหน้าก่อนจะพูด

“เคยเห็นที่ไหนครับ”ผมแกล้งถามอย่างเป็นมิตรทั้งที่ในใจมันเจ็บจี๊ดขึ้นมา เพราะผมได้ทำร้ายเด็กน้อยผู้นี้ไปแล้ว ทำร้ายเค้าตั้งแต่เค้ายังไม่เกิดมาด้วยซ้ำ

“เห็นในรูปแต่งงานของพ่อเล่กับแม่อ้อนครับ”เด็กน้อยบอกเสียงใส โลกของเค้ายังสดใสนัก แล้วถ้าเค้ารู้ว่าพ่อกับแม่กำลังจะแยกทางกันเค้าจะรู้สึกยังไง ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ ให้กับหนูน้อย เค้าคงไม่รู้หรอกว่าคนที่อุ้มเค้าอยู่เป็นคนเลวร้ายแค่ไหน

พอเดินมาตามทางเดินได้สักพัก คนที่ผมได้เจอเมื่อเช้าก็เดินมา ดูเค้าเองแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นผมมาพร้อมอ้อน แต่เราก็ไม่ได้พูดหรือทักทายใดๆ กัน อ้อนให้โอเล่พาลูกๆ ไปรอที่รถ ส่วนตัวอ้อนเองขอคุยกับผมก่อน ครั้งนี้มันเป็นครั้งที่สองแล้วสินะที่เราจะต้องมาคุยกัน ซี่งก็คงเป็นเรื่องเดิม  ผมไม่รู้ว่าครั้งนี้อ้อนจะว่ายังไง แต่ดูเหมือนอ้อนไม่ได้เกรี้ยวกราดเหมือนครั้งที่แล้วเท่าไหร่

“อ้อนจะเลิกกับเล่แล้วนะ”เธอบอกเสียงราบเรียบไม่ได้แสดงอาการยินดียินร้ายอะไรกับเรื่องที่พูดออกมา ผมเองก็ไม่ได้ตกใจมากนักเพราะโอเล่ก็พูดแล้วว่าอ้อนขอแยกทาง

“ทบทวนดูอีกทีไหม”ผมยังอยากให้พวกเค้าลองปรับเข้าหากันอีกครั้ง อย่างน้อยก็เห็นแก่ลูกๆ

“มันสายไปแล้วละแฟ้ม อ้อนบอกตรงๆ เลยนะว่าอ้อนทำใจไม่ได้หรอก พยายามมามากพอแล้ว แต่ในเมื่อยิ่งฝืนมันก็ยิ่งแย่ สู้เราถอยห่างออกมาดีกว่า”น้ำเสียงของอ้อนฟังดูหม่นหมองไม่น้อย

“ขอโทษจริงๆ สำหรับเรื่องราวทั้งหมด แม้คำขอโทษมันจะไม่ได้ช่วยอะไร แต่แฟ้มก็อยากจะบอกอ้อนว่า ตอนนี้แฟ้มเองก็ไม่ได้มีความสุขเลยแม้แต่นิดเดียวกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้”ถ้าตอนนี้ให้ผมทำอะไรผมก็ยอมถ้ามันจะช่วยให้เรื่องราวในตอนนี้มันดีขึ้นมาบ้าง

“ไม่ต้องโทษตัวเองหรอก เรื่องมันผ่านไปแล้ว เราไม่มีทางจะกลับไปแก้ไขอะไรได้อีก จากนี้ไปถือว่าเราไม่ติดค้างคาใจอะไรต่อกันอีกแล้ว แต่อ้อนขอแฟ้มอย่างนึงได้ไหม”สายตาที่มองมายังผม มีแววสับสนเหมือนกำลังตัดสินใจอย่างยากลำบากอยู่ในที

“ได้สิ”ผมตอบกลับไปอย่างหนักแน่น

“ถึงตอนนี้แล้วอ้อนไม่ได้รังเกียจแฟ้มหรอกนะ แต่เมื่อก่อนตอนรู้เรื่องแรกๆ อ้อนยอมรับว่าทั้งโกรธและเกลียด พอมาถึงตอนนี้อ้อนไม่รู้ว่าจะยังโกรธเกลียดกันทำไมในเมื่อยังไงก็คงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้อีกแล้ว เพียงแต่อ้อนอยากให้แฟ้มเห็นแก่ลูกๆ ของอ้อน”ผมตั้งใจฟังสิ่งที่อ้อนกำลังพูดและเริ่มเดาได้แล้วแหละว่า อ้อนต้องการขออะไรจากผม

“อ้อนขอร้องนะ...แฟ้มอย่ากลับไปคบกับโอเล่ จะได้ไหม"

แวะมาต่อคร๊าบบบบ

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
อ้อมเอ๊ย   ขอไม่ให้แฟ้มกลับไปคบโอเล่ ก็คือแก้แค้นทั้งคู่โดยเฉพาะโอเล่  ไม่ได้กะไว้เลยนะว่าโอเล่มันอาจจะได้คนใหม่ก็ได้  แต่ก็นะ ตลอดเวลาที่ผ่านมาอิเล่มันก็ไม่ได้มีคนอิ่นนอกจากแฟ้ม แฟ้มเองก็มีแต่โอเล่คนเดียวมาตลอด เห็นใจคู่นี้ก็ตรงนี้แหละ จะยังไงก็รักกันมานานถึงจะอิรุงตุงนังก็เถอะ เราว่าเราเป็นส่วนน้อยมากๆที่ยังเชียร์อิเล่กับแฟ้มอยู่นะ ฝรั่งว่ากันว่าผู้ชายร้ายๆจะเป็นสามีที่เยี่ยมสุดๆตอนที่กลับตัวกลับใจแล้ว (แม่สามีบอกมาอ๊ะ)

แต่ตัดปัญหาก็เริ่มต้นใหม่กับน้องอ้วนไปเถอะถ้าหากว่าสิ่งนี้จะทำให้แฟ้มมีความสุขที่แท้จริงได้ แต่เราว่าแฟ้มเองก็ยังไปไม่ถึงจุดนั้นหรอกถ้าหากว่ายังไม่เริ่มเคลียร์ใจตัวเอง

รักคนเขียนนะ เมนท์ๆไปตามความรู้สึก สนุกมากค่ะ  :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-11-2014 23:01:49 โดย Kano Jou »

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
ถ้าไม่กลับไปคบ
เรื่องคงจะไม่ยุ่งยาก

ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเหอะแฟ้ม,,,

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
ถ้าแฟ้มกลับไปคบเล่อีกก็เลวเกินทนแล้วแหล่ะ แต่ก็ดีนะจะได้ฟินกันทั้งคู่เลยที่ทำลายครอบครัว 1 ครอบครัวลงด้วยมือตัวเองทั้งคู่

ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ชั้นจะไม่อ่านเรื่องนี้แล้วววว อิฟายแฟ้ม
อิเลวเล่ ครองรักกันอยู่ในหลุมสองตัวละกัน
เกลี้ยดดด เกลียด (อินไปมั้ย)  :beat:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
แฟ้มก็ไม่ได้คิดที่จะกลับไปคบกับเล่
เหมือนเดิมมาตั้งนานแล้วนี่
จะห้ามให้เลิกรักก็คงไม่ได้
แต่คงรักแบบไม่ครอบครอง

ระหว่างเราคือ.....เพื่อนเก่า คนรักเก่า

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
กร๊ากกกก แอบสมน้ำหน้าโอเล่ ห่วงหน้าตาตัวเองดีนัก อยู่คนเดียวไปเต๊อะ

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
“อ้อนขอร้องนะ...แฟ้มอย่ากลับไปคบกับโอเล่ จะได้ไหม อ้อนไม่อยากให้ลูกต้องมารับรู้ว่าพ่อของพวกแกมีความรักให้กับผู้ชายด้วยกัน เด็กๆ คงยังไม่สามารถเข้าใจความรักในแบบนี้ได้หรอก คิดเสียว่าเห็นแก่เด็กมันเถอะนะ”แม้อ้อนไม่ขอ ผมก็คงทำแบบนั้นอยู่แล้ว ผมคงไม่สามารถจะกลับไปหาโอเล่ได้อยู่แล้ว เพราะความจริงผมก็ตั้งใจจะตัดขาดจากเค้าไปตั้งนานแล้ว

“เราจะไม่ทำอย่างนั้นเด็ดขาด เราสัญญา”ผมให้คำมั่นสัญญา

“หวังว่าแฟ้มจะรักษาสัญญานะ”อ้อนทิ้งทายก่อนจะเดินจากผมไป แน่นอนอยู่แล้วว่าผมจะไม่มีทางผิดสัญญา ผมต้องทำให้ได้

แม่ผมต้องนอนพักที่โรงพยาบาลสองวันหมอก็อนุญาตให้กลับบ้านได้ แต่ผมก็ยังอยู่ดูแล่ที่บ้านต่ออีกหน่อย จนเห็นว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ผมก็กลับต่างจังหวัดพร้อมกับเฟิร์น ไอ้แชมป์ไม่ได้ตามไปด้วยเพราะติดงาน เฟิร์นเองใกล้จะเปิดเทอมเต็มทีแล้ว นั่นหมายความว่าร้านผมจะกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังจากเงียบเหงาไปในช่วงปิดเทอม เราสองพี่น้องช่วยกันจัดร้านเพียงสองคน ไม่มีคนคอยมาช่วยเหมือนแต่ก่อน

น้องอ้วนหายเงียบไปเลย ไม่ส่งข่าวคราว เฟิร์นบอกว่าโทรหาก็ไม่ยอมรับสาย จนเฟิร์นนึกกลัวว่าจะเป็นอะไรไปแล้วหรือเปล่า แต่มีเพื่อนคนอื่นในกลุ่มของเฟิร์นยืนยันว่าน้องอ้วนยังปลอดภัยดี แม้จะทรุดโทรมลงไปบ้างก็เถอะ

“ไอ้อ้วน...นึกว่าตายไปแล้วนะเนี่ย”ผมหันไปตามเสียงที่น้องสาวตะโกน ก็เห็นภาพของชายหนุ่มที่บัดนี้หนวดเคราเฟิ้มเพราะน่าจะไม่ได้โกนมาหลายวันแล้ว ขอบตาที่ดูคล้ำไปมาก ผมเผ้าที่กระเซอะกระเซิงเพราะคงไม่ได้ใส่ใจจัดแต่งให้ดูดี

“ก็เกือบไปแล้วแหละ”เค้าบอกพร้อมกับสายตาที่หันมาทางผม

“พี่แฟ้มครับ...ผมขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม”เค้าค่อยๆ ก้าวเดินเข้ามายืนตรงหน้าผม

“ได้สิ”ผมตอบรับออกไป ในใจยังรู้สึกผิดอยู่นิดหน่อยที่ตอนนั้นคิดจะดึงเค้าเข้ามาพัวพันกับปัญหาของผม

“งั้นเดี๋ยวเฟิร์นกลับไปเอาของที่บ้านก่อนนะ เดี๋ยวกลับมา”เหมือนจะรู้งานน้องสาวผมหาทางปลีกตัวออกไป เพราะคงพอจะเข้าใจว่าน้องอ้วนอยากคุยกับผมเพียงลำพัง

แต่พอเฟิร์นออกไปแล้วเค้าก็เอาแต่เงียบไม่ยอมปริปากพูดอะไร ผมเองก็กะว่าจะรอให้เค้าเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อนเพราะเค้าเป็นคนมาขอคุยกับผม ก็แสดงว่าต้องมีเรื่องอะไรที่จะพูดอยู่แล้ว แต่นี่ทำไมเอาแต่เงียบกันละ

“ผมขอโทษนะครับ ที่วันนั้นโมโหใส่พี่ไป”ในที่สุดเค้าก็ยอมเปิดปากเสียที

“พี่ต่างหากที่ต้องเป็นคนขอโทษ”ใช่แล้ว เค้าไม่ได้ผิดอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ผมต่างหากที่จะใช้เค้าเป็นเครื่องมือ

“พี่แฟ้มคงรักเค้ามากเลยสินะครับ”

แววตาตัดพ้อนั้นจ้องมองมาที่ผมอย่างหาคำตอบ ผมควรจะเล่าเรื่องของผมให้เค้าฟังดีหรือเปล่า ถ้าเค้ารู้เค้าอาจจะเกลียดผมไปเลยหรือเปล่าที่ผมเป็นคนไปทำให้ครอบครัวคนอื่นแตกแยก แต่บางอย่างบอกผมว่าควรเล่าให้เค้าฟัง ผมเลยเล่าเรื่องราวตั้งแต่ต้น จนถึงตอนนี้ ว่าระหว่างผมโอเล่และอ้อน มีเรื่องราวอะไรต่อกันบ้าง

“พี่คงเลวมากเลยใช่ไหม”หลังจากเล่าให้เค้าฟังจนจบเค้าเองก็เอาแต่เงียบ

“ไม่หรอกครับ ทุกคนก็ต้องมีเหตุผลด้วยกันทั้งนั้น”เค้ายิ้มให้ผมอย่างจริงใจ ขอบคุณเค้าจริงๆ ที่เข้าใจผมทั้งที่ผมเองยังไม่ค่อยจะเข้าใจตัวเองเท่าไหร่เลย

“พี่เคยมีสักนิดไหมครับที่หวั่นไหวกับผมบ้าง”เค้าถามเสียงแผ่ว แต่สายตายังเปี่ยมไปด้วยความวิงวอนที่ส่งมาถึงผม

“ไม่รู้สิ”ผมตอบไม่ได้จริงๆ ว่าระหว่างผมกับเค้ามันจะพัฒนาไปได้อีกหรือไม่ ผมไม่สามารถจะตอบรับหรือปฏิเสธเค้าได้อย่างเต็มปากเต็มคำ

“แสดงว่าโอกาสของผมแทบไม่เหลืออยู่เลย”เค้าพูดพร้อมกับแสร้งหัวเราะเล็กน้อยเหมือนเป็นเรื่องตลก แต่ภายในใจเค้ามันคงไม่ได้รู้สึกเป็นเรื่องตลกแม้แต่น้อย

“ทำไมคิดแบบนั้นละ”เพราะคำพูดของผมเหรอที่ทำให้เค้าตีความเช่นนั้น แต่ผมเองยังไม่รู้เลยว่าต้องการสื่อให้เค้าเข้าใจแบบไหน

“ก็ที่พี่พูดมันก็แค่การรักษาน้ำใจผมเท่านั้นแหละ ที่จริง ผมน่าจะรู้ตั้งแต่ตอนที่เราทำข้อตกลงเรื่องคะแนนที่พี่จะให้ผมแล้ว ว่าผมคงไม่มีทางที่คะแนนจะเป็นบวกไปได้หรอก ใช่ไหมครับ”จากคนที่เคยดูร่าเริง ตอนนี้น้องอ้วนดูซึมๆ ลงไปอย่างเห็นได้ชัด

“มาเริ่มนับศุนย์ใหม่ดูไหม”ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมบอกออกไปแบบนั้น น้องอ้วนเองมองผมด้วยความไม่เข้าใจ เค้าคงยังคลางแคลงว่าผมจะให้เค้าอยู่ในฐานะอะไรกันแน่

“ผมพร้อมเสมอแหละครับ แต่พี่จะพร้อมหรือเปล่า ผมอยากให้พี่ลองทบทวนดีๆ ว่าในที่สุดแล้วพี่จะยอมรับผมในฐานะอย่างที่ผมต้องการได้หรือเปล่า”เรื่องของวันข้างหน้า ผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะเป็นยังไง

“พี่เองก็ไม่รู้หรอกนะว่าถ้าพี่ลองให้โอกาสอ้วนอีกครั้ง แล้วผลจะออกมาแบบไหน สุดท้ายเราสองคนจะเป็นแฟนกัน หรือพี่จะทำให้อ้วนต้องเจ็บ”ผมพูดอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้ตัวน้องอ้วนเองเป็นคนตัดสินใจว่าเค้าจะเลือกตัดใจจากผมไปเลย หรือยังจะมาเสี่ยงกับผม

“พี่แฟ้มครับ”น้ำเสียงที่ดูจริงจังของเค้าทำให้ผมต้องหันไปมองหน้าคนพูด ซึ่งเค้าก็จ้องมาที่ผมอยู่ก่อนแล้ว ผมเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าเค้าเรียกชื่อผมทำไม

“เรื่องที่พี่เคยพูดตอนครั้งที่เราไปเกาะเสม็ดกันนะครับ พี่ยังจำได้ไหม”แล้วมันเรื่องอะไรกันละเนี่ย เรื่องที่พูดคุยกัน มีตั้งหลายเรื่อง ตอนนั้นผมเผลอไปสัญญาอะไรกับเค้าไว้หรือเปล่า

“เรื่องไหนละ”เมื่อคิดไม่ออกผมก็เลยถามกลับไป

“เรื่องพระจันทร์นะครับ”เรื่องพระจันทร์งั้นเหรอ ผมพยายามนึกย้อนไปเมื่อครั้งที่ไปเกาะเสม็ด อ๋อใช่แล้ว

“ที่พี่ถามอ้วนว่า รู้หรือเปล่าว่าทำไมพระจันทร์ถึงต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวใช่ไหม”เค้าพยักหน้าว่าผมเข้าใจในเรื่องเดียวกับที่เค้าเอ่ยถามแล้ว

“แล้วตกลงมันเพราะอะไรเหรอครับ”ทำไมกันนะทั้งที่คนที่ถามอยู่ตรงหน้าคือน้องอ้วน แต่ผมกลับนึกถึงอีกคนกับคำตอบสำหรับเรื่องนี้

“เพราะการจะอยู่ด้วยกันมันช่างยากเหลือเกิน”ผมตอบออกไปเสียงสั่น เพราะในใจหวนนึกถึงวันเก่าๆ โดยไม่รู้ตัว วันที่ผมยังจำได้ดี ถึงครั้งที่เราตัดสินใจว่าจะไม่เจอกันอีก  ใช่แล้วถ้าผมตัดสินใจว่าจะไม่เจอกันอีก ถ้าผมต้องการตัดอีกคนจากชีวิตจริงๆ ผมก็ควรจะต้องเริ่มใหม่ได้แล้ว

“หมายถึงพี่แฟ้มกับเค้าใช่ไหมครับ”น้ำเสียงหม่นๆ ของน้องอ้วนถามออกมาอย่างขื่นๆ เค้าคงจะพอเดาความหมายในเรื่องของผมออกบ้างแล้ว ผมไม่ได้ตอบเค้าออกไป แต่ในเมื่อไม่ปฏิเสธมันก็เหมือนเป็นการยอมรับกลายๆ นั่นแหละ

“งั้นเรื่องการดูพระอาทิตย์ขึ้นพี่ก็คงมีความทรงจำอะไรกับเค้าอีกเหมือนกันใช่ไหมครับ”

“พี่ไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าพี่ยังตัดเค้าออกจากใจได้ไม่หมด แต่มันก็แค่อดีต อดีตที่พี่ตัดสินใจจะลืมและสักวันพี่ต้องทำให้ได้”ประโยคหลังเหมือนผมบอกกับตัวเองมากกว่า เพื่อเป็นการย้ำเตือนว่าเหตุผลอะไรที่ผมมาอยู่ที่นี่

“พี่รู้ไหมว่าผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าการที่พยายามตัดใจจากใครสักคนมันจะยากเย็นและทรมานขนาดนี้ จนตอนนี้ที่ผมต้องพยายามตัดใจจากพี่ ตอนแรกที่รู้จักพี่ผมก็แค่เห็นว่าพี่เป็นคนที่ดูน่าค้นหา น่าสนใจคนนึง เลยเผลอแอบมองพี่บ่อยๆ มันทำให้ผมได้เห็นบางมุมที่พี่ดูมีความเศร้าบางอย่าง และนั่นมันคงเป็นจุดเริ่มต้นที่ผมรู้สึกว่า ผมอยากทำให้พี่หายเศร้า อยากเห็นพี่มีแต่ความสุข ซึ่งผมคิดว่าถ้าให้เลือกระหว่างถอยหลังแล้วเจ็บไปอีกนาน กับเดินหน้าแล้วอาจจะมีความสุขตลอดไป ผมเลือกที่จะเดินหน้าครับ”จากที่เค้าพูดมานี่หมายความว่าเค้ายังอยากจะขอโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์กับผมต่ออย่างงั้นเหรอ

“จริงๆ ผมก็ตั้งใจว่าจะตัดใจจากพี่ แต่คิดดูอีกทีตราบใดที่พี่ยังโสดผมก็มีหวังจริงไหมครับ”ชายหนุ่มฉีกยิ้มกว้าง แม้มันอาจจะไม่ได้ดูเป็นยิ้มที่มีความสุขมากนักก็ตามที

เราพูดคุยกันอีกเล็กน้อยก่อนที่น้องอ้วนจะกลับออกไป โดยที่เราทั้งคู่ตกลงกลับมาอยู่ในสถานะเรียนรู้ศึกษาดูใจกัน ตามที่น้องอ้วนว่าอ่ะนะครับ แม้ผมอาจจะยังไม่รู้ว่าผมจะรักเค้าได้ไหม แต่ครั้งนี้ผมรู้ว่าผมให้โอกาสเค้าอย่างแท้จริง และให้โอกาสตัวผมเองที่จะลองเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน

“ได้ข่าวว่ากำลังจะมีแฟนเด็ก”คำทักทายตามสายโทรศัพท์จากคุณเพื่อนแชมป์ของผม

“ก็แค่ลองดูๆ กันไป ยังไม่ใช้คำว่าแฟน”ผมตอบขำๆ ออกไป

“ตอบยังกะเซเล็ปเลยนะเพื่อนกรู”หลังประโยคนี้ของไอ้แชมป์ทำเอาทั้งผมและมันหลุดขำกันยกใหญ่ แต่ไม่นานผมก็ต้องชะงักเมื่อมีใครคนนึงเดินเข้ามาในร้านผม

“เดี๋ยวกรูโทรกลับนะแชมป์”ผมบอกปลายสายก่อนจะกดวางพร้อมหันมาเผชิญหน้ากับอีกคน



“มาทำไม”พอเห็นหน้าของเค้า คำสัญญาที่ผมให้กับอ้อนไว้มันก็ดังก้องขึ้นมาทันที แต่บางทีได้เคลียร์กันให้มันชัดๆ ไปเลยก็ดีเหมือนกัน

“เล่เลิกกับอ้อนแล้วนะ”เค้าบอกผมด้วยใบหน้าเรียบเฉย ส่วนผมเองไม่ได้รู้สึกดีเลยแม้แต่น้อยที่ได้ยินเรื่องนี้ แต่ความจริงผมก็พอรู้อยู่แล้วว่าเค้าทั้งคู่คงร่วมทางกันต่อไปไม่ได้ แต่ผมยังมองไม่เห็นความจำเป็นว่าทำไมเค้าต้องมาบอกผมถึงที่นี่

“แล้วยังไง”ผมยังคงถามออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“เรากลับมาคบกันได้ไหม”นี่เค้าได้ลองคิดทบทวนดูบ้างหรือเปล่ากับสิ่งที่พูดออกมา เค้าคิดว่าเรื่องทุกอย่างมันง่ายดายไปเสียหมดหรืออย่างไร เมื่อก่อนเค้าแคร์สายตาคนรอบข้าง แล้วตอนนี้ละเค้าไม่คิดจะแคร์ความรู้สึกคนอื่นๆ บ้างเลยหรือ

“กลับไปเถอะ”


ก็ยังคาราคาซังกันต่อกับแฟ้มนะครับ

ก็อดใจรออีกนิด เรื่องราวใกล้จะจบแล้วแหละครับ

ต้องรอดูว่าจะออกมายังไง

ก็ขอบคุณทุกๆ คนที่ติดตามกันมาตลอดนะครับ

ทั้งคนที่สงสารเห็นใจ หมั่นไส้ เกลียด หรือจะสาปส่ง อิเล่กับแฟ้ม 555

แต่แค่เห็นคนอ่านอิน คนแต่งก็ฟินตัวแตกแล้วคร๊าบบบบ

ส่วนจะจบถูกใจหรือเปล่าก็ต้องรอดู

อย่างที่บอกเรื่องนี้แต่งไว้นานแล้ว แต่ก่อนเอามาลงที่นี่ก็มีปรับเปลี่ยนบ้างเล็กน้อย

ตามอารมย์คนแต่งนี่แหละ 555

คือก่อนจะลงก็อ่านอีกรอบ พออ่านแล้วจุดไหนรู้สึกขัดใจก็แก้ไป แต่ที่แก้ไขก็ไม่เยอะมากยังคงแบบเดิมจากที่เคยแต่งไว้แต่ต้น

ยังไงก็ขอบคุณทุกคนอีกครั้งที่ติดตามกันมาตลอดนะครับ

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
 :katai1:  ทึ้งปลอกหมอน   ค้าง  อยากรู้ว่าแฟ้มจะจัดการยังไง  หนทางสำหรับอนาคตท่าทางจะเคลียร์แล้ว

้เราอินกับเรื่องนี้นะ  เข่้ามารีเฟรชอ่านตอนต่อไปตลอด

อยากให้มีตอนที่มองจากมุมมองของโอเล่จัง อยากรู้ว่าโอเล่คิดยังไง

รักที่มีมาเป็นสิบปีของทั้งโอเล่กับแฟ้มนี่มันยาวนานจริงๆ ถึงจะเป็นรักที่เห็นแก่ตัวและสร้างปัญหาให้คนอิ่นก็เถอะ  ยังไงก็ขอให้จบแบบดีๆถึงไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ตาม (จะโดนด่าไหมเนี่ย ดันชอบไม่เหมือนชาวบ้านเขา) :ling3:

จุ๊บๆ คนเขียนค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
เพราะการจะอยู่ด้วยกันมันช่างยากเหลือเกิน...

 :sad4:

แต่การลืมใครสักคน มันยากยิ่งกว่า

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
ดีนะที่แกปฏิเสธ
ถ้ากลับไปคบกับอิเล่ ก็เลวกว่าเดิมอีก กลายเป็นทำร้ายเด็กๆทางอ้อมเลยนะ
ส่วนตอนนี้ไม่อยากให้อ้วนมายุ่งกับแล้ว

อยู่คนเดียวกันไปเถอะนะ อิลเล่ อิแฟ้ม  :เฮ้อ: จนกว่าพวกแกจะเริ่มเอาใจเขามาใส่ใจเรา

ออฟไลน์ AMINOKOONG

  • ฝากติดตามนิยายด้วยนะคราฟฟฟฟ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-12
เป็นนิยายเรื่องแรกนะที่เราอ่านแล้วนั่งเฝ้ารอความหายนะของนายเอกกับพระเอก
คือถึงแม้ว่าสองคนนี้จะมีความสุขแต่เราก็ปลื้มปริ่มหรือฟินด้วยไม่ลงกับคนเห็นแก่ตัวทั้งสองคน

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
ไล่กลับไปเลย

อิเล่ย์น่ะ

ไล่ไปไกลๆ

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
“เรากลับมาคบกันได้ไหม”นี่เค้าได้ลองคิดทบทวนดูบ้างหรือเปล่ากับสิ่งที่พูดออกมา เค้าคิดว่าเรื่องทุกอย่างมันง่ายดายไปเสียหมดหรืออย่างไร เมื่อก่อนเค้าแคร์สายตาคนรอบข้าง แล้วตอนนี้ละเค้าไม่คิดจะแคร์ความรู้สึกคนอื่นๆ บ้างเลยหรือ

“กลับไปเถอะ”

“เล่รู้ว่าการทำแบบนี้มันไม่ควร แต่ทำไมเราต้องฝืนกันอยู่แบบนี้ ในเมื่อเราสองคนก็ยังรักกัน”แค่คำว่ารัก มันไม่เพียงพอหรอก เพราะเราไม่ได้อยู่บนโลกนี้แค่เพียงสองคน ก็อย่างที่อ้อนขอผมไว้ ถ้าผมไม่เห็นแก่ใครเลยก็ควรจะเห็นแก่เด็กน้อยตาดำๆ สองคนที่ไม่สมควรต้องมารับรู้เรื่องราวแบบนี้

และอีกอย่างผมตัดสินใจที่จะเริ่มต้นใหม่แล้ว จากนี้ไปเรื่องราวระหว่างผมกับเค้ามันก็ควรจะจบลงจริงๆ เสียที เราต่างคนต่างมีชีวิตที่มันคงกลับมาบรรจบกันได้ยาก

“เล่ฟังนะ ระหว่างเราสองคนมันมาไกล ไกลเกินกว่าจะกลับไปเหมือนเมื่อก่อนได้อีกแล้ว”ผมพยายามจะอธิบายให้เค้าเข้าใจ ผมไม่รู้หรอกว่าจริงๆ เค้าคิดทบทวนไตร่ตรองมาดีแล้วหรือเปล่า แต่สำหรับผม ผมกลับไปคบกับเค้าอีกไม่ได้แล้วจริงๆ

“ทำไมละแฟ้ม แฟ้มจะบอกว่าไม่ได้รักเล่อีกแล้วงั้นเหรอ หรือแฟ้มมีคนอื่น ไอ้เด็กนั่นเหรอ”

“มันไม่ใช่รักหรือไม่รัก แต่อยากให้เล่ลองคิดดูดีๆ คิดว่าถ้าเรากลับไปคบกันมันจะมีความสุขจริงๆ เหรอ เอาแบบเห็นแก่ตัวเลยนะ ไม่ต้องแคร์สังคม ไม่ต้องแคร์คนอื่น ไม่ต้องคิดว่าใครจะต้องเจ็บปวดหากเราสองคนกลับไปคบกัน ลองคิดดูว่าเราจะมีความสุขไหม”แน่นอนว่าถ้าเหตุผลอย่างคนดีๆ เค้าคิดผมเองควรเห็นแก่ลูกๆ ของเค้าที่ต้องมาไม่เข้าใจในสถานะของผมกับพ่อของพวกเค้า หรือตัวอ้อนที่แม้อ้อนจะบอกว่าไม่ได้โกรธเกลียดผมแล้ว แต่ผมว่าลึกๆ อ้อนเองก็ทำใจไม่ได้หรอกที่จะเห็นผมกลับไปคบกันอย่างเปิดเผยกับอดีตสามีของตัวเอง

“แค่เราสองคนรักกันมันก็น่าจะพอแล้วนิแฟ้ม”

“ความรักที่ทำร้ายคนอื่นนะเหรอถ้าสำหรับเล่มันพอ แต่สำหรับเรา เราทำไม่ได้ ไม่รู้จะมีความสุขได้ยังไง เพราะทุกครั้งที่เห็นหน้าเล่ เราจะเห็นหน้าลูกๆ ของเล่ หน้าของอ้อน ซ้อนขึ้นมาย้ำเตือนเราทุกครั้งว่าเคยได้ทำร้ายพวกเค้าไว้แค่ไหน”ผมพยายามอธิบายด้วยเสียงขื่นๆ เพราะเรื่องราวในอดีตที่เคยผิดพลาดระหว่างผมกับเค้ามันยังวนเวียนย้ำเตือนผมเสมอมา

“แล้วเราต้องทรมานกันอยู่อย่างนี้เหรอ”

“มันก็อาจเป็นผลจากสิ่งที่เราเคยทำ และต้องยอมรับมันแหละมั้ง จากนี้ไปเรื่องระหว่างเราอยากให้มันจบจริงๆ” ผมตัดสินใจบอกออกไป แม้ในใจจะเจ็บ แต่ในเมื่อต้องการให้มันจบผมเองก็ต้องเด็ดขาด

“มันต้องจบแบบนี้จริงๆ ใช่ไหม”เค้าเอ่ยถามเสียงเบา พร้อมกับดึงตัวผมเข้าไปกอด รู้สึกว่าตัวเค้าสั่นๆ

“เล่อย่าลืมสิเล่ยังมีน้องอั๋นกับน้องอิ๋ง ที่ต้องดูแล ต้องให้ความรักกับพวกแกสองคน ไม่ให้ทั้งคู่รู้สึกว่ามีปมที่พ่อแม่แยกทางกัน พวกแกสองคนต้องโตมาเป็นเด็กดีให้ทั้งเล่และอ้อนภูมิใจ เราสองคนอาจเคยทำเรื่องที่ผิดพลาดอดีตมันอาจแก้ไขไม่ได้ แต่จากนี้ไปเราทำให้มันดีขึ้นได้”ผมสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นที่ไหล่ของผม เค้าร้องไห้ แต่แปลกที่ผมกลับไม่มีน้ำตา

“เล่รักแฟ้มนะ”เค้าบอกพร้อมกับกอดกระชับผมเข้าไปอีก เหมือนพยายามจะให้ผมรับรู้ว่าเค้ารักผมมากขนาดไหน แต่ก็อย่างที่ผมบอก ตอนนี้แค่ความรักสำหรับผมมันคงไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น

“เล่กลับไปเถอะนะ เราก็โตๆ กันแล้วหวังว่าเล่จะเข้าใจในสิ่งที่เราตัดสินใจนะ”ขอค่อยขืนตัวออกจากเค้า ทำให้เห็นใบหน้าที่ยังมีน้ำตาอาบสองแก้มนั้น”

“นี่คือทางที่ดีที่สุดสำหรับเราสองคนแล้วเหรอ”

“ไม่มีใครตอบได้หรอกว่าทางไหนมันดีที่สุด แต่นี่จะเป็นทางที่เราเลือก จริงๆ เราสองคนก็เลือกแยกจากกันตั้งแต่วันที่เล่จะแต่งงานแล้ว ซึ่งถ้าว่ากันตามตรงวันนี้เราไม่ควรต้องมาคุยเรื่องนี้กันอีกเลยด้วยซ้ำ”ผมบอกออกไปอย่างที่คิด

“ถ้าเล่เพียงแต่จะยอมรับเรื่องระหว่างเราให้ได้เร็วกว่านี้ มันก็คงดีเนอะ”มันก็จริง แต่ในเมื่อมันก็กลายเป็นแค่อดีตไปแล้ว จะมีประโยชน์อะไร

“ไม่หรอก เรื่องนี้เราก็ปล่อยให้มันยุ่งยากด้วยกันทั้งคู่นั่นแหละ”ถ้าเพียงแต่ว่าในเมื่อรู้ว่าเค้าเองไม่ชัดเจน แล้วผมยอมถอยออกมาเสียตั้งแต่ต้น เรื่องราวมันคงไม่มาถึงขั้นนี้ หรือจริงๆ จุดเริ่มต้นมันอาจจะมาจากผมเองที่บอกความรู้สึกในใจกับเค้าไป ถ้าวันนั้นผมไม่พูดออกมา ทุกวันนี้เราอาจจะยังเป็นแค่เพื่อนกันธรรมดา อาจจะมีแค่ผมคนเดียวที่อาจจะต้องทนเก็บความรู้สึกไว้ว่าแอบรักเพื่อนสนิท แต่มันก็อาจจะดีกว่าที่เป็นตอนนี้หลายเท่าเลยทีเดียว

“แฟ้มอยากรู้ไหมว่าเล่รักแฟ้มตอนไหน”

“ไม่อยากรู้หรอก เพราะมันไม่สำคัญอีกแล้ว”ใช่แล้วเค้าจะรักผมตอนไหนยังไง รู้ไปตอนนี้มันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอีกแล้ว

“แต่เล่อยากบอก”

“...”ผมเงียบแทนการตอบโต้ เพราะไม่รู้จะพูดอะไรกับเค้าอีก ในใจตอนนี้แค่อยากให้เค้าออกไปจากที่นี่ เรื่องราวมันจะได้จบๆ เสียที

“ตอนที่แฟ้มมาบอกว่าชอบเล่ ตอนนั้นเล่ตกใจนะ คือไม่คิดว่าแฟ้มจะมาคิดอะไรแบบนี้กับเล่”เค้าพูดยิ้มๆ พร้อมกับหันมามองผม แต่ผมก็ยังคงนิ่งเงียบไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกไปว่ารู้สึกยังไง

“แต่ตอนนั้นแค่รู้สึกว่าไม่อยากเห็นแฟ้มเศร้า เลยตัดสินใจว่าจะลองคบกันดู ทั้งที่ในใจก็ไม่ได้คิดว่าเล่จะรักแฟ้มแบบคนรักได้เลย จนเรื่องราวมันเลยมาถึงเรามีอะไรกัน ตอนนั้นเล่เองก็เห็นมันเป็นแค่ความสุขอย่างนึง เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่”ยิ่งฟังเค้ามันยิ่งทำให้ผมสมเพชตัวเอง ว่าเรื่องราวที่มันเกิดขึ้นทั้งหมด มันก็เริ่มจากผมนี่แหละ ตัวเค้าเองก็เหมือนเล่นมาตามเกมๆ นึงที่ผมเป็นคนเริ่มและทำให้เค้าตกกระไดพลอยโจนมาด้วย

“พอเถอะ อย่าเล่าต่อเลย”ผมบอกเสียงเรียบ

“เดี๋ยวสิ ฟังต่ออีกหน่อย”แต่ดูเหมือนเค้าจะไม่ได้สนใจในคำพูดของผม

“จนตอนที่แฟ้ม ย้ายของหนีออกไปไง ตอนนั้นเล่ถึงรู้สึกว่า ไม่อยากให้แฟ้มห่างไป อยากอยู่ด้วยกันทุกวัน อยากทำให้แฟ้มมีความสุข แต่เล่ก็ทำไม่ได้ และคงไม่มีโอกาสได้ทำมันอีกแล้ว”น้ำเสียงเค้าหม่นลงอีกครั้ง แต่น่าแปลกที่ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับสิ่งที่เค้าเล่าเลย มันอาจจะเพราะเรื่องราวเหล่านี้มันไม่ได้ช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นได้ จากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้

เพราะในเมื่อเรื่องราวมันเดินมาจนถึงตอนนี้ ยังเสียเราทั้งคู่ก็สร้างบาดแผลใหญ่ให้กับอ้อนไปแล้ว ซึ่งมันยังพ่วงมาถึงลูกๆ ของเค้าอีกด้วย ก็ได้แต่หวังว่าจากนี้เราจะช่วยทำให้มันดีขึ้นบ้าง และทางที่ดีที่สุดก็คงไม่พ้นการที่เราต่างฝ่ายต่างต้องแยกกันให้ห่าง และไปมีชีวิตของใครของมันอย่างชัดเจนเสียที

“จบแล้วใช่ไหม”ผมเอ่ยออกไปเสียงเรียบ

“ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เราสองคนจะมาคุยเรื่องนี้กันนะ เรื่องระหว่างเราให้มันจบที่วันนี้จริงๆ เราต่างมีสิ่งที่ต้องทำ ก็ควรดำเนินชีวิตไปในแบบที่มันควรจะเป็น ลาก่อนนะ”ผมปิดท้ายเป็นเชิงเตือนว่าเค้าควรจะกลับไปเสียที

“ขอกอดอีกทีนะ”โดยไม่รอคำอนุญาตจากผม อ้อมแขนนั้นก็กอดกระชับผมเข้าอีกรอบ ไม่มีคำพูดใดๆ จากเราสองคนอีก ผมทำเพียงแค่กอดตอบเค้าเช่นเดียวกัน ระหว่างเราสองคนที่เริ่มจากการเป็นเพื่อน เป็นแฟน เป็นคนรัก เป็นพวกเห็นแก่ตัว แต่จากนี้ไปมันก็คงเหลือแค่ความทรงจำดี อันไหนที่เป็นเรื่องดีผมก็คงเก็บไว้ ส่วนอะไรที่ร้ายๆ ก็คงถือเป็นบทเรียนให้ไม่ทำผิดพลาดอีก





“แล้วมรึงพร้อมจะเริ่มใหม่แล้วจริงๆ เหรอ”เป็นคำถามจากไอ้แชมป์หลังจากฟังผมเล่าทั้งเรื่องของโอเล่และเรื่องของน้องอ้วน



แวะมาต่อคร๊าบบบบบ

อีกนิดนึงก็จะจบแล้วนะครับ

ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาตลอดครับ

ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
รอตอนจบละกันนะ หล่อนทำถูกแล้วแฟ้ม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
 :hao5:

สองผึ้งหนุ่ม ซุ่มชิน บินเคียงคู่
หนึ่งผึ้งรู้ รักแน่ ไม่แปรผัน
แต่อีกหนึ่ง ผึ้งรู้ ไม่เท่ากัน
หลบเลี่ยงหัน เหหัก ไม่พักพอ

บินไปเจอ ผีเสื้อ เชื้อแสนสวย
แถมยังรวย เสน่ห์นัก จึงรักขอ
บินเป็นคู่ ชู้ชื่นใจ ให้ผึ้งรอ
กลายเป็นรัก สามเส้าต่อ ขอไปที

ระหว่างเรา เขาเธอฉัน พลันจึงแย่
ระหว่างเรา ทุกคนแพ้ ต้องแห่หนี
ระหว่างเรา ควรจบลง ปลงซะที
ระหว่างเรา พอแค่นี้ หนี้กรรมเวร


End of Loves
 :mew2:
ขอบคุณ..คนแต่ง

ซาบซึ้งมาก
บวกเป็ด และ 1 ให้เลย

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
คำถามของแชมป์ตรงประเด็นมากๆ  แต่แฟ้มทำดีแล้วคือนี่คือการกระทำที่ใคร่ครวญที่สุดแล้วที่จะไม่กระทบคนอึ่นๆ

จากนี้แฟ้มก็น่าจะเริ่มต้นใหม่ได้ถ้าหากว่าน้องอ้วนโอเคนะ   โอเล่เองก็เริ่มต้นใหม่ได้กับคนใหม่และเรียนรู้จากประสบการณ์ อาจจะเริ่มต้นใหม่กับผู้หญิงคนใหม่ได้เพราะว่าเรื่องคาราคาซังระหว่างตัวเองกับแฟ้มจบแล้ว  ความเป็นเกย์ของโอเล่อาจจะเริ่มและจบที่แฟ้ม ไม่ก็คราวต่อไปก็ออกตัวไปเลยว่าเป็นเกย์ (ซึ่งก็ไม่น่าใช่เพราะว่าอิเล่ไม่ได้ไปมีอะไรกับผู้ชายคนอิ่นนอกจากแฟ้ม)

รอตอนต่อไป ขอบคุณมากค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
อยู่ต่อไปนะเล่
มันต้องมีสักวัน สักคน สักสิ่ง
ที่ทำให้ชีวิตกลับมากระชุ่มกระชวยได้อย่างแท้จริง

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
สู้ๆ นะแฟ้ม ไหนๆ ก็ตัดสินใจไปแล้ว ทำให้ได้นะ

ชีวิตต้องเดินไปข้างหน้าเนอะ

(ชูป้ายไฟน้องอ้วนต่อไป 5555)

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
ช่างแก้ตัวนะอิเล่ รู้ว่ารักแฟ้มตอนแฟ้มมันหนี
แต่พอหลังจากแฟ้มหนีแกก็ยังคบกับอ้อน พูดตรงๆไม่เชื่อออออออออออออออออ  :m31:
สเตอเบอรี่มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ โชติกา บุญเติม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :katai2-1: เยื่อมมากแฟ้มอย่าไปสนอิเล่มัน

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
“แล้วมรึงพร้อมจะเริ่มใหม่แล้วจริงๆ เหรอ”เป็นคำถามจากไอ้แชมป์หลังจากฟังผมเล่าทั้งเรื่องของโอเล่และเรื่องของน้องอ้วน

“อ้าวก็ไหนมรึงเชียร์น้องอ้วนให้กรูอยู่ไม่ใช่รึไง”

“มันก็ใช่ แต่ก็ถามดูให้แน่ใจ ว่ามรึงคิดดีแล้วจริงๆ เห็นเด็กมันจริงจังก็อยากให้มันสมหวัง”นี่ตกลงมันห่วงน้องอ้วนมากกว่าเพื่อนอย่างผมแล้วใช่ไหมเนี่ย

“อายุอานามกรูก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว นี่อาจจะเป็นรถด่วนขบวนสุดท้าย จะคิดนานทำไม อีกอย่างนี่คือการเรียนรู้ศึกษาดูใจกัน ถ้าเกิดวันนึงมันไม่น่าจะไปกันได้จริงๆ ก็คงต้องแยกย้ายกันไป เรื่องนี้กรูตกลงกับน้องอ้วนแล้ว”ใช่แล้วครับวันข้างหน้ามันไม่มีใครรู้หรอกว่าจะเป็นยังไง แต่ตอนนี้ผมก็อยากจะลองเปิดใจดูสักครั้ง ว่าระหว่างผมกับนายน้องอ้วนเนี่ยมันจะเป็นไปได้หรือเปล่า

ไอ้แชมป์วางสายไปแล้วแต่ผมก็ยังคงทบทวนกับตัวเอง ว่าผมตัดสินใจถูกหรือเปล่ากับเรื่องของนายน้องอ้วน ผมไม่แน่ใจว่าวันนึงผมจะรักเค้าได้ไหม และผมก็ไม่ปฏิเสธว่าในใจยังตัดอีกคนได้ไม่หมด แต่ในเมื่อผมไม่คิดจะกลับไปคบกับเค้าอีกแล้วผมก็ควรจะเริ่มใหม่


 “พี่แฟ้มคร๊าบบบบบ”ตายยากเหลือเกินพ่อคุณ เพิ่งพูดถึงหยกๆ ก็โผล่มาเลย

“ว่ายังไงคร๊าบบบบ น้องอ้วนนนนน”ผมแกล้งทำเสียงล้อเลียนเค้าด้วยความหมั่นไส้

“มาชวนไปทานข้าวคร๊าบบบบบ”นายน้องอ้วนก็ยังเป็นนายน้องอ้วนเหมือนเดิม จนผมอดคิดไม่ได้ว่าจริงๆ ไม่ควรให้น้องมันมาเสียเวลากับผม เพราะบางทีคนอย่างผมอาจจะเหมาะที่ต้องอยู่คนเดียวเสียมากกว่า ในเมื่อเราเองยังมีคนอื่นติดค้างอยู่ในใจ มันก็อาจจะดูไม่แฟร์กับอีกคนที่เข้ามาหาเรา ผมเองก็คิดเรื่องนี้วกไปวนมาหลายรอบอยู่เหมือนกัน

“ใกล้จะเปิดเทอมอยู่แล้ว เพื่อนๆ ยังไม่กลับมากันเหรอ ถึงยังต้องมาชวนพี่กินข้าวด้วยนิ”จริงๆ นี่ก็ใกล้วันเปิดเทอมแล้ว คิดว่าน้องๆ นักศึกษาคงเริ่มทยอยกันกลับมาอยู่หอกันแล้ว แต่ยกเว้นแม่น้องสาวผมนะครับ รายนั้นคงมาแบบเปิดเรียนวันไหนมาวันนั้น

“ก็มีเพื่อนมาบ้างแล้วครับ แต่อยากทานพี่แฟ้ม เอ๊ย อยากทานกับพี่แฟ้มมากกว่า”ผมได้แต่ส่ายหน้าอย่างปลงๆ ให้กับเค้า นี่ผมว่าถ้าเค้าไปจีบคนอื่น เค้าอาจจะมีความสุขสมหวังไปแล้ว ไม่ต้องมาเสียเวลากับผมแบบนี้

“แล้วอยากกินอะไร”ผมถามกลับอย่างไม่ได้จริงจังนัก

“อะไรก็ได้ ให้พี่แฟ้มเลือกเลย ผมรู้ว่าพี่ทานแต่ของอร่อยๆ แต่จริงๆ ตัวผมก็อร่อยนะ พี่แฟ้มจะลองกินไหมครับ”โอ๊ยไอ้เด็กลามก นี่ทุกประโยคมันต้องวนมาเรื่องนี้ให้ได้เลยรึไง

“ทะลึ่ง เดี๋ยวไม่ไปกินด้วยเลยนิ”ต้องปรามๆ ไว้บ้างครับ เดี๋ยวจะไปกันใหญ่ พูดจามาแต่ละอย่างดูเอาเถอะครับ

ก็เป็นอันว่าเราเลือกทานอะไรง่ายๆ อย่างก๋วยเตี๋ยว เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำ เจ้าอร่อยของผมเลยแหละ แต่อยู่ค่อนข้างไกลจากร้านผม ช่วงนี้เลยไม่ค่อยได้กิน วันนี้เลยกะมากินให้หายอยากเสียหน่อย

“ทำไมพี่แฟ้มชอบกินเส้นหมี่ครับ”พอถึงร้านพ่อยอดชายนายน้องอ้วนก็มีคำถามอีกจนได้ครับ การแค่เลือกเส้นก๋วยเตี๋ยวนี่มันต้องมีเหตุผลอะไรมากมายด้วยเหรอ

“ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษนะ”ผมตอบอย่างขอไปที

“แต่เท่าที่ผมจำได้ เวลาสั่งก๋วยเตี๋ยวพี่สั่งเส้นหมี่ตลอดเลย”นี่ทำวิจัยชีวิตผมมารึไงเนี่ย รู้ลึกรู้จริงเกินไปแล้วพ่อคุณ

“ก็พี่เป็นคนกินช้า ถ้าเป็นเส้นเล็กมันจะอืด ไม่อร่อย แต่เส้นหมี่มันไม่อืดนิ กินช้าก็ไม่เป็นไร”จริงๆ ผมก็กินได้หมดทุกเส้นทุกแบบแหละครับ แต่ถ้าจะหาเหตุผลให้ตัวเองก็คงเป็นเหตุผลนี้

“แค่นี้เองเหรอครับ”นายน้องอ้วนทำท่าเหมือนจะไม่เชื่อ

“ก็แล้วจะให้มีอะไรอีก แล้วอ้วนล่ะทำไมสั่งเส้นใหญ่”ไหนขอฟังเหตุผลของเค้าหน่อยสิว่ามันจะมีอะไรพิเศษขนาดไหนเชียว

“ก็เส้นใหญ่มันให้ความรู้สึก แข็งแกร่ง เป็นผู้นำ ดูแลคนอื่นได้ไงครับ”

“มันขนาดนั้นเลยเหรอ”ผมแทบจะอดหัวเราะกับเหตุผลของเค้าไม่ได้ มันจะมีใครมาสนใจวิเคราะห์คนจากการกินก๋วยเตี๋ยวเนี่ย

“ใช่แล้วพี่ อย่างเส้นหมี่ของพี่นะ มันก็จะให้อารมณ์แบบ คนที่น่าดูแลทนุถนอม อะไรแบบนี้ไง”

“ใครบอกมาเนี่ย”ชักจะไปกันใหญ่ครับ เพราะเวลากินก๋วยเตี๋ยวบางคนก็สั่งสลับกันทั้งนั้นแหละบางที เส้นเล็ก เส็นหมี่ เส้นใหญ่ มันจะไปมีตำราไหนมาทายบุคลิกจากการทานก๋วยเตี๋ยวเนี่ย

“ผมคิดขึ้นมาเองแหละพี่”นั่นไง ดูเจ้าตัวจะภูมิใจเสียด้วย ยิ้มใหญ่เชียว แต่ผมได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอาเลยครับ

“นี่ก็เทอมสุดท้ายแล้ว หลังจากเรียนจบวางแผนไว้ยังไงบ้างล่ะหือ”ผมเปลี่ยนเรื่องชวนคุย เพราะถ้าปล่อยให้เค้าเป็นคนเลือกบทสนทนา ผมคงต้องกุมขมับ แถมคงต้องได้ฟังเรื่องราววกวนไปเกี่ยวกับเรื่องใต้สะดืออีกแน่ๆ

“ยังไม่ได้คิดเลยพี่”เค้าตอบกลับมาอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก

“คิดได้แล้ว”ผมบอกออกไปด้วยน้ำเสียง เชิงตำหนินิดหน่อย เพราะเทอมสุดท้าย มันก็เหลืออีกไม่กี่เดือนของชีวิตมหาวิทยาลัยแล้ว อาจจะไม่ต้องถึงขนาดว่าจะให้วางแผนอะไรที่จริงจัง แต่ควรจะคิดๆ ไว้บ้างว่าอยากจะทำอะไรต่อ ไม่ว่าจะเรียนต่อ หรือทำงานให้ตรงตามที่ร่ำเรียนมา คือก็อยากให้เค้าลองๆ คิดไว้หน่อย เพราะอย่างเฟิร์นน้องสาวผมเอง ก็เคยคุยๆ แล้วผมว่าอยากให้น้องเรียนต่อ แต่เจ้าตัวอยากลองทำงานก่อน

“จริงๆ ผมก็อยากทำงานเลยแหละครับ จะได้เก็บตังค์สร้างเนื้อสร้างตัว รีบมาขอพี่แฟ้ม”นั่นไง ยังไม่วายวนมาเรื่องนี้อีกจนได้

“แล้วคิดจะเรียนต่อด้วยไหม”จริงๆ ที่ถามเพราะรู้สึกว่าทุกวันนี้ถ้าเรายังสามารถที่จะเรียนในระดับที่สูงขึ้นไปอีก มันน่าจะเป็นการเพิ่มมูลค่าของตัวเอง อันนี้ในมุมมองของผมนะ แต่แม่น้องสาวผมบอกว่า ทำงานไปสักพักแต่งงานก็คงต้องออกมาเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูก ไม่เรียนดีกว่า ดูความคิดน้องผม

“จริงๆ ที่บ้านผมก็อยากให้เรียนต่อเลยแหละครับ แต่ผมอยากทำงานหาเงินเรียนเองมากกว่า จะได้ให้พี่แฟ้มเห็นด้วยว่าผมเป็นผู้ใหญ่ ไม่อยากให้พี่มองผมเป็นเด็กที่ยังขอตังค์พ่อแม่ใช้”โห แล้วผมเกี่ยวอะไรกับชีวิตเค้าละเนี่ย

“พี่จะไปคิดแบบนั้นทำไม จริงๆ พี่ว่าเรียนต่อเลยก็ดี มันจะได้ต่อเนื่อง บางทีถ้าเว้นช่วงไป กว่าจะปรับโหมดมาเรียนมันจะต่อลำบาก แต่ก็แล้วแต่อ้วนแหละ ยังพอมีเวลาคิด ตัดสินใจอีกหลายเดือนอยู่”ผมก็แค่เกริ่นๆ มาไม่ได้คิดว่าจะให้น้องมันเอาผมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจในชีวิตน้องเค้า

“พี่แฟ้มครับ ถ้าผมเรียนจบ ผมขอคำตอบจากพี่ได้ไหมครับ”อยู่ๆ ก็ปรับโหมดมาเสียจริงจังจนผมแทบจะปรับตามไม่ทันกันเลยทีเดียว

“คำตอบ???”แม้จะพอรู้ว่าเค้าหมายถึงเรื่องอะไร แต่ก็ไม่อยากจะเข้าใจผิดเลยต้องย้ำให้มันชัดเจน

“พอเรียนจบ พี่ช่วยบอกผมด้วยนะครับว่า ผมควรหยุดหรือเดินหน้าต่อไปในเรื่องความสัมพันธ์ของเราสองคน”





แวะมาต่อและขอบคุณทุกคนอีกครั้งคร๊าบ

ขอบคุณที่ตามอ่านกันมา เห็นคนอ่านอิน คนเขียนก็ฟิน o13


ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
 :katai2-1: ปรบมือค่ะ ปรบมือ  แฟ้มขา คุณแม่ปลึ้มมาก  ในที่สุดหนูก็คิดตกได้แล้วนะคะ  เลือกสิ่งที่ดีให้ตัวเอง

น้องอ้วนมีการเตรียมตัวมาดี  อนาคตรุ่งค่ะ

จุ๊บๆคนเขียน  :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
ทำไมในใจไม่ค่อยอยากให้อ้วนต้องมาลงเอยกับแฟ้ม(ตอนนี้)เลย อยากให้ไปเจอคนอื่นมากกว่า

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
“แล้วเรายังจะอยู่ที่นั่นต่อหรือเปล่าละลูก”คำถามจากแม่ทำให้ผมต้องคิดหนักเหมือนกัน แม้จริงๆ จะคิดทบทวนมาบ้างแล้วก็เถอะ กับการที่ผมจะยังทำกิจการที่นี่ต่อหลังจากเฟิร์นเรียนจบ หรือผมจะย้ายกลับไปอยู่กับพ่อแม่ที่กรุงเทพ

คือผมก็ได้คุยเรื่องนี้กับที่บ้านไปหลายรอบแล้วละครับ ทุกครั้งทั้งพ่อและแม่ก็จะบอกแล้วแต่ผม แต่ลึกๆ ผมก็รู้แหละว่าพวกท่านอยากให้ผมกลับไปอยู่ด้วย เพราะนี่ผมก็ปล่อยพวกท่านอยู่กันสองคนมาหลายปีแล้ว อีกอย่างเฟิร์นเองยังไงสักวันก็ต้องแต่งงานออกไปอยู่กับไอ้แชมป์แน่ๆ จริงๆ ก็เคยพูดเล่นๆ กับไอ้แชมป์นะครับว่าให้แต่งเข้าบ้านผม แต่มันดันด่าผมว่าทำไมผมไม่กลับไปอยู่ดูแลพวกท่าน

“ก็คงเคลียร์อะไรอีกสักพัก อาจจะย้ายกลับไปอยู่บ้านเราแหละมั้งครับ”ผมเอ่อยออกไปในที่สุด คิดว่ามันน่าจะเป็นทางที่พ่อกับแม่ผมต้องการ แม้ผมจะไม่ใช่ลูกที่ดีนัก แต่ในเมื่อยังพอมีอะไรที่ผมทำให้พวกท่านได้ ได้กลับไปดูแลพวกท่านมันก็น่าจะดีกว่าการอยู่ห่างๆ กันแบบนี้

“ก็ดีลูก ถ้าอยากทำร้านต่อก็ลองมาดูที่ทางแถวๆ บ้านเราดู หรืออยากทำอะไรก็มาทำแถวนี้เนอะ น้องก็จบแล้วแม่ก็ไม่อยากให้อยู่ที่นั่นคนเดียว”คิดๆ แล้วก็น่าใจหายเหมือนกันนะครับ อยู่มาตั้งหลายปี พอจะต้องย้ายมันก็ใจหวิวๆ เหมือนกัน

ผมคุยกับแม่อีกนิดหน่อย ก่อนจะดับเครื่องลงจากรถ วันนี้ผมนัดกับไอ้แชมป์ เฟิร์นแล้วก็นายน้องอ้วน มาฉลองสอบเสร็จให้กับนักศึกษาปีสุดท้าย ที่ตอนนี้ก็แทบจะเรียกว่าเรียนจบแล้วแหละมั้ง เพราะวันนี้เป็นวันพรีเซนต์โปรเจคจบของทั้งคู่ ถือว่าเป็นวิชาสุดท้าย แม้ผลสอบ เกรดจะยังออกไม่หมดทุกวิชา แต่จากผลการเรียนของทั้งคู่ก็ไม่น่าจะเป็นห่วง

“น้องๆ ยังไม่มาเหรอ”ผมเอ่ยถามไอ้แชมป์ที่นั่งอยู่คนเดียว เพราะนี่ก็น่าจะเวลานัดแล้วแต่อีกสองคนยังไม่มา

“ใกล้แล้วละ เห็นเฟิร์นว่างั้นนะ”ผมพยักหน้าก่อนจะนั่งลงที่ตรงข้ามกับไอ้แชมป์

“กรูเพิ่งคุยกับแม่ว่าจะกลับไปอยู่กรุงเทพ”ผมเปิดบทสนทนา ที่เคยปรึกษามันไว้เมื่อครั้งก่อน

“ก็ดีแล้ว จะได้ไม่ลำบากพ่อกับแม่มรึง นี่เป็นลูกแต่ให้พ่อแม่เป็นคนต้องมาหา หัดเป็นลูกที่ดีแบบนี้ค่อยน่าคบหน่อย”ไอ้แชมป์พูดสบายๆ อย่างไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก คงเพราะพอจะเดาได้อยู่แล้วว่าผมจะตัดสินใจแบบนี้

“แล้วนี่เรื่องมรึงกับน้องอ้วนสรุปจะยังไง เห็นน้องมันว่าวันนี้จะขอคำตอบจากมรึงแล้ว”นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ผมคิดยังไม่ตกเท่าไหร่ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบไอ้แชมป์ เพราะเฟิร์นกับน้องอ้วนมาถึงพอดี

“โล่งเป็นที่สุด”แม่น้องสาวผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ทันทีที่นั่งลง

“อ้วนละเป็นไงบ้าง”ผมเอ่ยถามอีกคนที่นั่งลงข้างผม

“ก็ดีครับ”ดูไม่ค่อยร่าเริงแบบนี้ สงสัยคงทำได้ไม่ดีเท่าไหร่

“เอ้า ทานข้าวกันก่อน วันนี้ป๋าแชมป์กับป๋าแฟ้มเลี้ยงเต็มที่”ไอ้แชมป์ตัดบทสนทนาด้วยการชวนทุกคนทานข้าว แต่ผมรู้สึกว่าตอนนี้ทุกคนดูเกร็งๆ กันยังไงบอกไม่ถูก ซึ่งคาดว่าน่าจะมากจากเรื่องของผมกับนายน้องอ้วนนี่แหละ เพราะทั้งไอ้แชมป์ทั้งเฟิร์นเองก็มักจะถามผมอยู่บ่อยๆ ว่าตกลงผมจะคบน้องอ้วนต่อไปในฐานะอะไร ส่วนนายน้องอ้วนเอง แม้จะได้พูดถึงเรื่องนี้บ่อย แต่วันนี้ก่อนมาเค้าก็โทรย้ำเตือนผมว่า วันนี้เค้าอยากจะฟังคำตอบจากผม

ก็ดูทุกคนพยายามให้บรรยาการศมันดูปกติขึ้น รวมทั้งผมเองด้วย ก็ทานกันจนอิ่มแปล้ แล้วไอ้แชมป์กับเฟิร์นก็ขอปลีกตัวออกไป แม้จะอ้างเหตุผลข้างๆ คูๆ ที่ดูยังไงก็ฟังไม่ขึ้น แต่ผมก็ไม่ได้ทักท้วงเพราะผมเองก็อยากจะคุยเรื่องนี้กับนายน้องอ้วนเพียงลำพังเช่นกัน เรื่องราวที่ผมคิดทบทวนมาตลอดหลายเดือนนี้

“วันนี้ทำไมกลายเป็นคนเงียบๆ ซะละ”ผมเอ่ยแซวขำๆให้กับหนุ่มรุ่นน้อง เพราะปกติเค้าจะมีเรื่องพูดที่แอบหยอดผมได้ตลอด แต่วันนี้กลับดูเงียบขรึมผิดปกติ

“พี่แฟ้มบอกผมมาเถอะครับ ไม่ว่าผลจะเป็นยังไงผมก็ยินดีรับมัน”พอได้ยินเค้าพูดแบบนี้กลับกลายเป็นผมเสียเองที่พูดไม่ออก ผมรู้สึกดีที่มีเค้าเข้ามาป่วนในชีวิต แต่มันก็ไม่มากพอที่ผมจะคบกับเค้าในฐานะคนรัก แม้จะไม่อยากให้เค้าต้องเจ็บ แต่บางทีจบเรื่องนี้เสียแต่ตอนนี้มันอาจจะดีกว่า

“พี่ให้อ้วนได้แค่น้องชายจริงๆ”ผมตัดสินใจพูดออกไปในที่สุด แต่ดูเค้าก็ไม่ได้มีทีท่าแปลกใจกับคำตอบของผม

“ผมก็คิดไว้อยู่แล้วแหละครับ แม้จะแอบหวังอยู่ลึกๆ แต่ที่ผ่านมาผมก็พอจะเดาได้ แม้จะพยายามทำเหมือนไม่รู้ว่าจริงๆ ในใจพี่ยังตัดใครบางคนออกไปไม่หมด”น้ำเสียงเศร้าๆ นั้นทำให้ผมต้องเอื้อมมือไปกุมมือเค้าเอาไว้

“มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกอ้วน”แม้มันจะจริงที่ว่าผมตัดใครบางคนออกจากใจได้ไม่หมด แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่ผมตัดสินใจแบบนี้

“ผมเข้าใจครับพี่ เรื่องของหัวใจมันบังคับกันไม่ได้หรอก บางทีพอรักใครไปแล้วทั้งใจมันก็ยากที่จะมีใครเข้ามาแทนที่”

“พี่ขอโทษ”พอเห็นเค้าเศร้าผมก็ยิ่งรู้สึกผิด ผิดที่เคยให้ความหวังเค้า แต่สุดท้ายก็ทำลายมันลง

“พี่ไม่ผิดจะมาขอโทษผมทำไมละครับ จริงๆ ตอนแรกผมกะว่าถ้าพี่ปฏิเสธผม ผมจะยืดเวลาให้ตัวเองด้วยการเรียนต่อ แล้วใช้เป็นข้ออ้างว่าจะรอคำตอบจากพี่ตอนที่เรียนจบ แต่ในเมื่อยังไงผมก็ไม่มีหวังแล้ว ก็ควรหยุดมันเสียตอนนี้จริงไหมครับ”

“สักวันอ้วนต้องเจอคนที่ดีกว่าพี่แน่นอนเชื่อสิ”ใช่แล้ว จริงๆ ผมควรปล่อยให้เค้าไปเจอคนอื่นตั้งนานแล้ว ไม่ควรให้เค้ามาเสียเวลากับผมอยู่อย่างนี้

“ผมขอตัวก่อนนะครับ”เค้าบอกกับผมก่อนนะรีบลุกออกไปเลย ก็ได้แต่หวังว่าเค้าจะไม่คิดมากจนเกินไป ผมยังอยากที่จะเป็นพี่ชายของเค้าอยู่ แต่ก็พอรู้ว่าต้องให้เวลากับเค้า


จากวันนั้นนายน้องอ้วนก็หายไป ผมก็โดนทั้งไอ้แชมป์ทั้งเฟิร์น หาว่าเป็นคนใจร้าย ทำกับนายน้องอ้วนได้ลงคอ แต่ผมก็อธิบายเหตุผลของผมไป ว่าในเมื่อผมรักน้องเค้าไม่ได้จริงๆ แล้วจะให้ฝืนคบกันเหรอ มันก็จะดูใจร้ายกับน้องเค้าเกินไป

ส่วนร้านผมตอนนี้ก็เหมือนจะเป็นการปิดอย่างถาวรแล้วละครับ เพราะนี่น้องๆนักศึกษาสอบกันเสร็จก็ปิดเทอมใหญ่กัน ผมก็เลยถือโอกาสปิดยาวเลยแล้วกัน ก็กะว่าค่อยกลับไปเคลียร์ของอีกที วันนี้ผมอยู่ที่กรุงเทพแล้ว แม่น้องสาวก็วุ่นๆ กับการหางานทำ ส่วนน้องอ้วนก็เห็นเฟิร์นบอกว่าน้องเค้าเตรียมจะไปเรียนต่อที่เมืองนอก ก็ได้แต่หวังว่าน้องเค้าจะโอเคขึ้นแล้ว แล้วไปตั้งใจเรียนจริงๆ

“ถึงรึยังไอ้แฟ้ม”ทันทีที่ผมกดรับโทรศัพท์ อีกเสียงที่บ่งบอกว่าไม่ค่อยจะพอใจก็ตะโกนมาตามสายทันที ผมนัดกับไอ้แชมป์ มานั่งที่ลานเบียร์แก้เบื่อครับ

“กำลังจ่ายตังค์แทกซี่เนี่ย อีกห้านาทีมรึงนั่งแถวไหน”ผมรีบจ่ายเงินพี่คนขับ วันนี้ทั้งผมและไอ้แชมป์ไม่ได้เอารถมาทั้งคู่ ถือคติว่าเมาไม่ขับ และหลังจากรู้ว่าไอ้แชมป์อยู่ตรงไหนผมก็รีบเดินไปตามทาง แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อสายตาไปประสานกับใครคนนึงที่อยู่ห่างออกไป

ผมหยุด ตัวเค้าเองก็หยุด แล้วค่อยๆ คลี่ยิ้มส่งมาที่ผม ผมก็ทำเพียงแค่ยิ้มตอบ ผมเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ารู้สึกยังไงที่เจอเค้า ระหว่างเรามันก็คงยังต้องมีระยะห่างอย่างนี้ตลอดไปแหละมั้ง แม้ผมจะไม่ปฏิเสธว่าผมยังรักเค้า แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าอยากเข้าไปหาเค้ามากกว่านี้ ผมเริ่มก้าวเดินแต่เป็นการเดินเลี่ยงไปอีกทาง และไม่ได้มองกลับไปดูอีก จนเจอกับไอ้แชมป์ที่โบกมือเรียกผม

“เป็นไรว่ะทำหน้ายังกะเจอผีมางั้นแหละ”ไอ้แชมป์เอ่ยทักเมื่อเห็นท่าทีแปลกๆ ของผม

“กรูเจอโอเล่”ไอ้แชมป์ทำตาโต

“แล้ว”

“ก็ไม่ยังไง แค่ยิ้มให้แล้วก็เดินมานี่”ผมตอบออกไปตามความจริง

“มรึงรู้ไหมบางทีกรูก็คิดนะ ว่าอยากให้มรึงกลับไปคบกับโอเล่มันให้รู้แล้วรู้รอดไป”ไอ้แชมป์ยกเบียร์ขึ้นดื่มอย่างไม่ได้จริงจังกับคำพูดที่บอกกับผมสักเท่าไหร่

“ทำไมว่ะ”

“ก็อยากเห็นมรึงมีความสุขไง”ก็พอเข้าใจนะครับว่าไอ้แชมป์มันเป็นเพื่อนที่หวังดีกับผมเสมอมา ส่วนบทสนทนาตอนนี้ก็พอรู้ว่ามันไม่ได้จริงจังหรอก

“กลับไปคบกันมันก็ไม่แน่เสมอไปหรอกว่าจะมีความสุข”

“แล้วไม่คิดอยากเปิดใจให้ใครใหม่บ้างเหรอ”วกไปวนมาก็จะมาเรื่องนี้อีกจนได้

“ชีวิตกรูอาจจะเหมาะกับการไม่มีคู่ก็ได้มั้ง อยู่แบบนี้ก็ดีแล้วแหละ แค่ครั้งนึงกรูเคยได้มีความรักมันก็โอเคแล้ว แม้มันจะเป็นความรักที่แปลกๆ หน่อยก็เหอะ จากนี้ไปกรูก็คงต้องเดินต่อไป อยู่กับพ่อกับแม่ กับเฟิร์น กับมรึงด้วย แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว”ผมยกแก้วเบียร์ขึ้นชนกับไอ้แชมป์พร้อมยิ้มอย่างจริงใจ ผมว่าผมเลือกทางที่ดีที่สุดแล้ว และผมก็มีความสุขในแบบของผมได้ โอเล่ก็จะยังอยู่ในใจผม แค่ให้ได้รู้ว่าครั้งนึงเราเคยรักกันแค่นั้นมันก็พอแล้ว

End
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-12-2014 07:16:08 โดย norita_boyV2 »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด