[จบแล้ว] ระหว่างเราคือ...??? บทพิเศษ เรื่องของเด็กๆ [24-10-2017]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว] ระหว่างเราคือ...??? บทพิเศษ เรื่องของเด็กๆ [24-10-2017]  (อ่าน 36883 ครั้ง)

ออฟไลน์ domeloly

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-4
Re: ระหว่างเราคือ...??? [1-11-2014]
«ตอบ #30 เมื่อ01-11-2014 20:00:45 »

โอเล่แอบมีคนอื่นนอกจากแฟ้มกับอ้อนแหงๆ

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: ระหว่างเราคือ...??? [1-11-2014]
«ตอบ #31 เมื่อ01-11-2014 20:06:10 »



“เราห่างกันสักพักดีไหม”ผมเอ่ยออกมาหลังจากที่อ้อนวางสายไปแล้ว เพราะคิดทบทวนดูแล้ว ถ้าตัวเค้าเองก็ยังไม่พร้อมที่จะตัดอ้อนออกไปจากชีวิต ผมก็อยากให้เค้าดีกับอ้อนมากขึ้นหน่อย ผมไม่รู้ว่ามันจะมีวิธีไหนจะเป็นทางออกที่ดีกว่านี้อีกแล้ว

“ไม่ต้องห่างหรอก เดี๋ยวกรูอยู่กับอ้อนจันทร์ถึงศุกร์ แล้วเสาร์อาทิตย์ก็มาหามรึง”เค้ายังคงดึงดันที่จะให้ผมอยู่ในสภาพ เราสามคนแบบนี้ต่อไปอีกงั้นหรือ

“แล้ววันหยุดที่จะมาหากรูมรึงจะบอกกับอ้อนว่ายังไงกัน”เพราะถ้าไม่มีเหตุผลอ้อนก็ต้องสงสัยอยู่ดีว่า วันหยุดทั้งทีทำไมไม่ไปเที่ยวกันแบบแฟนบ้าง

“ก็บอกว่ากลับบ้านไปหาพ่อกับแม่ไง”ผมไม่รู้ว่าเหตุผลแบบนั้นจะดีพอหรือเปล่า แต่ผมก็คิดอะไรไม่ออกแล้วเหมือนกัน มันเริ่มจะเหมือนกับว่าเรื่องนี้มันใกล้มาถึงทางตันเต็มแก่แล้ว มันคงใกล้จะถึงวันแตกหักแล้วแหละ

“อย่าเพิ่งสนใจเรื่องอื่นเลย ตอนนี้มาสนเรื่องของเราสองคนดีกว่า”เค้าพูดพร้อมกับจับผมนอนหงายลงบนเตียงก่อนเค้าจะขึ้นมาคร่อมบนตัวผม แล้วมันก็เหมือนทุกครั้งที่เคยเป็นมา เมื่อก่อนผมก็คิดว่าแค่ผมมีความสุขอยู่แบบนี้มันก็เพียงพอแล้ว แต่ตอนนี้เรื่องราวมันจะเริ่มไปทำร้ายคนอื่นเสียแล้ว แต่เมื่อความต้องการมันยังคงอยู่เหนือเหตุผล ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธในความสุขที่ผมและเค้าต่างมอบให้กันและกัน

และแล้วเรื่องราวระหว่างเราสามคนก็ยังคงวนเวียนอยู่แบบนี้ต่อไป เค้าไปไหนมาไหนกับอ้อนตลอดสัปดาห์ ก่อนจะมาขลุกอยู่กับผมในวันหยุด มันเป็นแบบนี้มาสามเดือนแล้วสินะ

“วันนี้ไปไหนกับไอ้แชมป์มา”เค้าโทรหาผมในตอนเย็นของวันหนึ่ง ผมไม่รู้ว่าเค้ารู้ได้ยังไงว่าผมไปกับไอ้แชมป์มา วันนี้บังเอิญผมแวะมาทำธุระแถวๆ ที่ไอ้แชมป์ทำงานเลยชวนมันออกมากินข้าวด้วยนิดหน่อย เพราะผมกับไอ้แชมป์พักนี้ก็ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ ผมมาทำธุระซึ่งเสร็จแล้ว และคงไม่กลับเข้าไปทำงานอีก ไอ้แชมป์เลยลางานช่วงบ่าย ชวนผมไปนั่งดื่มเบียร์ในร้านออกแนวคันทรี่ๆหน่อย ที่อยู่ในห้างใกล้ๆ ที่ทำงานมันนั่นแหละ

ผมก็อธิบายไปตามความจริง แต่เหมือนเค้าจะไม่ค่อยพอใจในคำตอบของผมเท่าไหร่ซึ่งผมก็ไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ แล้วเค้าก็ตัดบทอย่างไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าไหร่

“แค่นี้แหละ ไว้เจอกันวันเสาร์”เสียงจากปลายสายบอกผมก่อนจะเงียบไป วันเสาร์งั้นเหรออีกไม่กี่วันเองนี่เนอะ เดี๋ยวก็จะได้เจอกันแล้วนี่นา ผมไม่ควรคิดมากหรอกใช่ไหม

ใช่ถ้าเกิดว่าไม่ได้รู้อยู่เต็มอกว่าระหว่างที่ไม่ได้เจอกันนั้น เค้ามีคนอื่นอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่รู้แบบนี้แต่ผมก็ยังยอมทำตัวเป็นคนที่เหมือนจะไร้ค่า เพราะอะไรนะเหรอ เพราะผมรักเค้าไงล่ะ

แล้วพอวันเสาร์มาถึงมันก็เหมือนกับทุกครั้งที่เค้ามา เราสองคนไม่ได้ออกจากห้องไปไหน ต่างถาโถมเข้าหากันอย่างหื่นกระหาย การที่ได้เจอกันเพียงแค่อาทิตย์ละสองวันมันทำให้เราสองคนเหมือนเสี้ยนยา เรามีบทรักที่เร่าร้อนไปกี่รอบต่อกี่รอบก็ไม่รู้ พอผ่านพ้นวันเสาร์เข้าสู่เช้าวันอาทิตย์ ก็มีสิ่งที่ทำให้ผมต้องแปลกใจแต่เช้า(จริงๆก็ไม่เช้าหรอกมันจะเที่ยงอยู่แล้ว) เมื่อมีโทรศัพท์เข้ามาหาผม

“พี่แฟ้ม”เสียงเหมือนจะสะอื้นหน่อยๆ ออกมาจากปลายสาย ผมพยายามแกะมือของอีกคนออกก่อนจะถามกลับไปอย่างเป็นห่วง นี่อ้อนเป็นอะไรไปหรือเปล่าทำไมทำเหมือนจะร้องไห้แบบนี้

“อ้อนเป็นไรหรือเปล่า”ผมถามด้วยความห่วงใย

“เดี๋ยวไปถึงแล้วจะเล่าให้ฟัง อ้อนใกล้ถึงอพาร์ทเม้นท์พี่แฟ้มแล้ว”

“หะ”คำพูดของอ้อนทำเอาผมสะดุ้งสุดตัว อ้อนจะมานี่ไม่ได้เด็ดขาด ก็โอเล่อยู่นี่แล้วจะให้อ้อนมาเจอว่าแฟนเธออยู่กับผมไม่ได้ เพราะถึงเราจะเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่วันหยุดโอเล่บอกอ้อนว่ากลับบ้านไปหาพ่อกับแม่ ไม่ได้บอกว่าจะมาค้างกับเพื่อนอย่างผม

“อ้อนถึงไหนแล้วนะ”ผมถามออกไปอย่างลนลานพร้อมกับพยายามจะคิดหาวิธี หาทางออก

“อีกสักยี่สิบนาทีน่าจะถึงแล้วละ”อ้อนเหมือนกำลังพยายามข่มอารมณ์ที่เหมือนกับว่าตอนนี้คงต้องมีเรื่องใหญ่อะไรสักอย่างเกิดขึ้นกับเธอเสียแล้ว แต่ทางผมเองก็มีเรื่องใหญ่เหมือนกัน เพราะถ้าอ้อนมาที่นี่ตอนนี้ คงได้แตกหักกันไปข้างอย่างแน่นอน

“อ้อนคือพอดีตอนนี้พี่ออกมาข้างนอกแล้ว ว่าจะไปหาไรกินนะ ยังไงไปเจอกันที่ร้าน...นะ รู้จักไหม”ผมรีบบอกที่นัดหมายก่อนจะรีบผละออกจากอีกคนแล้วรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็วเพราะต้องไปถึงก่อนอ้อนหรือในเวลาใกล้เคียงกันจะได้ไม่ผิดสังเกต

“ทำไมไม่ให้เค้ามานี่เลยละ”อยู่ๆเค้าก็พูดขึ้น ที่พูดมานี่เค้าคิดบ้างหรือเปล่า เพราะเค้าเองไม่ใช่เหรอที่ยังไม่พร้อมที่จะเปิดเผยเรื่องนี้ แล้วถ้าให้อ้อนมาที่นี่เค้าคิดบ้างไหมว่าอะไรจะเกิดขึ้น ในเมื่อเค้าบอกเธอว่าจะกลับบ้าน แต่แล้วทำไมมาอยู่กับผม

ผมไม่ได้พูดอะไรกับเค้า แต่รีบออกจากห้องมาแล้วก็บึ่งตรงไปยังที่หมายที่นัดกับอ้อนไว้ในทันที โชคดีที่ผมถึงก่อนอ้อนเพราะกะไว้แล้วว่าถ้านัดร้านนี้อ้อนจะต้องเสียเวลาในการไปกลับรถไกลหน่อยซึ่งก็จริง ผมนั่งรออยู่ไม่ถึงห้านาทีอ้อนก็เดินตรงเข้ามาหาผม พอมาถึงเธอก็เดินเข้ามาสวมกอดผมทันที ผมตกใจทำอะไรไม่ถูก เพราะหลังจากกอดเธอก็ร้องไห้อย่างไม่อายสายตาทุกคู่ภายในร้านที่จ้องมองมาที่เราสองคน

“อ้อนเป็นอะไร ใจเย็นๆก่อนนะ”ผมลูบหลังเธอเพื่อปลอบประโลม แต่เธอก็ยังคงซุกหน้าร้องไห้กับอกของผมอยู่นานพอดู จนพนักงานของทางร้านเดินเข้ามาถามว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า ผมก็ได้แต่บอกว่าไม่มีอะไร ก่อนจะดึงให้อ้อนนั่งลงที่เก้าอี้และผมก็นั่งลงข้างๆ เธอ น้ำตาของอ้อนหายไปหมดแล้ว แต่ยังคงสะอื้นอยู่เล็กน้อย ผมไม่รู้จะเริ่มพูดยังไงเลยได้แต่รอให้เธอพร้อมที่จะพูดดีกว่า

“พี่แฟ้มรู้จักที่ทำแท้งไหม”คำพูดแรกของอ้อนทำเอาผม อึ้งไปอีกรอบ หมายความว่ายังไงกัน เกิดอะไรขึ้นกันแน่

“อย่าบอกนะว่า..”

“อ้อนท้อง”ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน

“กับโอเล่ใช่ไหม”ผมกลั้นใจถามออกไปทั้งที่ก็น่าจะเป็นแบบนั้นอยู่แล้วเพราะอ้อนเองก็ไม่ได้คบใครคนอื่น แต่ว่าแล้วอ้อนจะอยากทำแท้งทำไมกัน ผมพยายามตั้งสติให้อยู่เพราะตอนนี้ในใจผมเองก็กำลังร่ำร้องเหมือนกัน เมื่ออ้อนพยักหน้าเป็นเชิงยอมรับ

“แล้วทำไมต้องอยากจะเอาเด็กออก”ผมถามอย่างสงสัยอีกครั้ง ถึงแม้สีหน้าแววตาผมตอนนี้จะยังปกติดี แต่ภายในใจผมมันแหลกสลายไปหมดแล้ว เพราะตอนนี้อ้อนกับเค้ากำลังจะมีลูกด้วยกันแล้ว

“อ้อนกลัว ไม่รู้จะไปปรึกษาใครแล้ว อ้อนเพิ่งรู้วันนี้ว่าท้อง อ้อนอยากคุยกับเค้า แต่โทรหาก็ไม่ติด อ้อนไปหาที่บ้านตามที่เค้าบอกว่าจะกลับบ้านก็ไม่เจอ แถมพ่อแม่เค้ายังบอกอีกว่าเค้าไม่ได้กลับมาบ้านนนานแล้ว”พอถึงตอนนี้เหมือนมีก้อนแข็งๆ มาจุกที่อกผม ก็แน่ละที่เค้าไม่ได้กลับบ้านเลยเพราะอยู่กับผม

“มันทำให้อ้อนเริ่มมั่นใจว่าเค้าน่าจะมีคนอื่น อีกอย่างเวลาพูดเรื่องแต่งงานเค้าก็บ่ายเบี่ยงมาตลอด อ้อนไม่อยากให้พ่อแม่เสียใจนะว่าท้องไม่มีพ่อ หรือท้องก่อนแต่ง”แล้วเธอก็เริ่มมีน้ำตาอีกครั้ง

“นี่ไอ้คนเป็นพ่อมันยังไม่รู้ใช่ไหม”ผมถามด้วยเสียงเย็นรู้สึกว่าครั้งนี้ผมเริ่มเห็นว่าเค้าไม่ดีเป็นครั้งแรก

“อ้อนว่าจะไม่บอกเค้าเพราะกลัวเค้าจะไม่รับผิดชอบ”นี่มันทำให้อ้อนไม่มั่นใจในตัวมันขนาดนี้เชียวหรือ

“ถ้ามันจะไม่อยากรับผิดชอบแล้วทำไมมันไม่รู้จักป้องกันละ”ผมอดที่จะตำหนิไม่ได้ ทั้งตัวอ้อนเองและโอเล่ถ้าทั้งคู่จะยังไม่พร้อมก็ควรจะรู้จักป้องกันให้ดีกว่านี้ ถึงแม้ตอนนี้ผมจะรู้สึกท้อแท้เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ถ้ามองดีๆแล้วคนที่ต้องแบกปัญหาใหญ่ที่สุดก็คืออ้อน

“วันนั้นเค้าเมา น่าจะเป็นวันนั้นแหละมั้ง”อ้อนพึมพำเบาๆ

“ยังไงมันก็ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้เดี๋ยวพี่ช่วยพูดเรื่องนี้เอง”คงถึงเวลาแล้วสินะที่ผมจะถอยห่างออกจากเค้าทั้งสองคน

ผมอาสาเป็นคนโทรหาโอเล่ให้อ้อนเอง เพราะถ้าเค้าปิดมือถือ แต่มันก็มีอีกทางที่ผมจะติดต่อเค้า ผมกดโทรเข้าไปที่เบอร์อพาร์ทเม้นท์ของผม แต่เค้าไม่รับซึ่งผมก็กะอยู่แล้วว่าเค้าไม่น่าจะรับ แต่โทรศัพท์เมื่อไม่มีคนรับมันก็จะเข้าระบบฝากข้อความ ซึ่งยังไงเค้าก็ต้องได้ยิน ผมบอกให้เค้าโทรกลับหาผมด่วน และรอเพียงไม่นานเค้าก็โทรกลับมาหาผม

ผมบอกให้เค้าออกมาหาที่ร้านที่ผมอยู่กับอ้อน โดยที่ยังไม่ได้บอกว่ามีเรื่องอะไร บอกแค่ว่ามีเรื่องด่วนและสำคัญมากๆ ตอนแรกเค้าก็บ่ายเบี่ยง แต่เมื่อจับได้ว่าน้ำเสียงของผมค่อนข้างจริงจังและซีเรียสเค้าจึงยอมออกมา

“อ้อนไม่กล้าคุยกับเค้า”อ้อนเริ่มจะไม่มั่นใจเมื่อรู้ว่าเค้าจะออกมาพบ ทำไมกันน้าทั้งที่ทั้งสองคนก็คบกันมานานแต่ทำไมอ้อนถึงได้เหมือนไม่มั่นใจในตัวของเค้าเลยละ

“ใจเย็นๆน่า ยังไงมันก็ต้องมีทางออกที่ดีอยู่แล้ว”ผมยังต้องทนปลอบโยนคนที่อยู่ตรงหน้า ทั้งที่ในใจของผมเอง มันก็บอบช้ำไม่ต่างจากเธอเลยแม้แต่น้อย คนที่ผมเฝ้ารัก และรอเค้ามาตลอด ยอมที่จะเป็นแค่คนรักที่ไม่มีใครรู้ ยอมแม้กระทั่งทำตัวเหมือนเป็นชู้กับคนที่มีแฟนอยู่แล้ว เพราะผมยังมีความหวังเสมอมา แต่วันนี้ ตอนนี้ มันจะไม่เป็นแบบนั้น ไม่มีทางกลับไปเป็นแบบนั้นได้อีกแล้ว

“ไปคุยกันที่เงียบๆ กว่านี้ดีกว่าไหม”อ้อนเอ่ยปากออกความเห็นเมื่อโอเล่มาถึง ตอนนี้อ้อนกำลังพยายามปรับอารมณ์อยู่ โอเล่เองก็กำลังสงสัยอยู่ไม่น้อยว่ามีอะไรเกิดขึ้นกันแน่

รถของอ้อนและผมถูกจอดทิ้งไว้ที่ร้าน เราสามคนอยู่บนรถของโอเล่ ที่กำลังวิ่งไปตามท้องถนนโดยที่ยังไม่มีจุดหมายว่าจะไปที่ไหนกันดี และต่างคนต่างเงียบ เหมือนจะรอให้ถึงที่หมายก่อนแล้วค่อยคุยกันอีกครั้ง

สถานที่ที่โอเล่พาเราทั้งสามไปก็คือ บ้านของเค้านั่นเอง แต่วันนี้มีเพียงพี่ชายของเค้าอยู่บ้านเพียงคนเดียวเพราะคนอื่นๆ พากันออกไปข้างนอกหมด ก่อนที่พวกผมจะมาถึงไม่นาน เราสามคนทักทายพี่ชายของเค้าเล็กน้อย ก่อนพวกผมจะแยกตัวออกไปที่สวนหลังบ้าน ซึ่งมีศาลานั่งพักผ่อน บรรยากาศร่มรื่น เมื่อก่อนผมเคยมาที่นี่บ่อยๆ เป็นเหมือนลูกของบ้านนี้อีกคน แต่เมื่อผมกับเค้าเกินเลยมากไปกว่าเพื่อน และเมื่ออ้อนก้าวเข้ามา ผมก็แทบจะไม่ได้มาที่นี่อีกเลย บางครั้งพ่อแม่ของเค้าก็ถามถึงผมบ้าง แต่ผมก็อ้างนู่นอ้างนี่ตลอดมา รวมถึงตัวเค้าเองด้วยที่ไม่ค่อยได้กลับมาบ้าน เพราะที่ทำงานค่อนข้างจะห่างจากบ้านเยอะ เลยทำให้หาที่พักอยู่ใกล้ๆ จะสะดวกกว่า

“มีใครจะพูดอะไรไหม”เค้าเอ่ยถามทำลายความเงียบ เมื่อทั้งผมและอ้อนเองก็ไม่มีใครพูดอะไรออกไป ผมเองอยากให้อ้อนเป็นคนบอกเค้าเอง ความจริงผมแทบอยากจะให้เค้าคุยกันสองคนเสียด้วยซ้ำ

“งั้นกรูรอในบ้านนะ คุยกันดี   ๆแล้วกัน”ผมว่าเค้าเองก็คงมีความรับผิดชอบพอในเรื่องนี้ เพียงแค่อ้อนตัดความกังวลออกไป เรื่องของทั้งคู่อาจจะไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลย ทั้งสองจะได้แต่งงาน มีลูก เป็นครอบครัวเดียวกัน ผมต้องพยายามสกัดกั้นน้ำตาอย่างสุดความสามารถ ผมจะต้องแสดงความยินดีกับทั้งคู่สินะ ถึงจะถูกต้อง

“พี่แฟ้ม ไหนว่าจะช่วยพูดให้อ้อนไง”อ้อนเริ่มน้ำตาปริ่มๆ ทำท่าจะร้องไห้อีกแล้ว สายตาอ้อนวอนและดูเศร้าสร้อย แตกต่างจากอ้อนสาวน้อยร่าเริง ขี้เล่น ที่ผมเคยรู้จักอย่างสิ้นเชิง ยังไงเสียเธอก็ยังเป็นผู้หญิงที่ต้องการคนดูแลอยู่ดี

“ตกลงมีอะไรกันเนี่ย”น้ำเสียงของอีกคนเริ่มจะไม่พอใจเสียแล้ว ผมหันไปส่งตาขวางให้เค้า เพราะต้นเหตุของเรื่องนี้มันเป็นเค้าเองนั่นแหละ

“มรึงคิดว่ามรึงเป็นคนมีความรับผิดชอบแค่ไหน”ผมหันไปถามเค้าอย่างจริงจัง ด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะซีเรียสพอสมควร เค้าหันมองหน้าอ้อน แต่อ้อนก็ก้มหลบสายตาของเค้า ตอนนี้อ้อนคงมีแต่ความกังวลเป็นแน่ อย่างที่เธอบอกผมว่ากลัวพ่อแม่ว่าอีก แต่ผมคิดว่าเรื่องแบบนี้ถึงแม้จะท้องก่อนแต่ง แต่สุดท้ายได้แต่งมันก็คงดีกว่า ที่จะไม่ได้แต่งแล้วไปเอาเด็กออก

“กรูรับผิดชอบกับทุกเรื่องที่กรูทำอยู่แล้ว”เค้าตอบกลับมาอย่างมาดมั่น แต่ผมกลับรู้สึกคัดค้านอยู่ในใจ เพราะที่เป็นอยู่ตอนนี้ไม่เห็นว่าจะสามารถรับผิดชอบได้หมดนิ เค้าคงรับผิดชอบได้แค่ฝ่ายเดียวแค่นั้นแหละ ซึ่งก็คงไม่ใช่ฝ่ายผมอย่างแน่นอน

“งั้นก็ดี เพราะมรึงกำลังจะเป็นพ่อคนแล้ว”ผมพยายามพูดช้าๆ เพราะน้ำเสียงผมเริ่มจะสั่นๆ แล้ว เค้ามีสีหน้าที่ตกใจอยู่มากทีเดียว ก่อนจะหันไปหาอ้อนอีกครั้ง

“ไม่จริงใช่ไหม”เค้าเหมือนพึมพำมากกว่าที่จะถาม แต่อ้อนก็พยักหน้าเป็นการยืนยัน เค้าเอามือกุมศรีษะ เหมือนไม่อยากจะรับรู้เรื่องที่เพิ่งได้ยิน

“อ้อน...เล่ ยังไม่พร้อม”

ออฟไลน์ heroza

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 307
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: ระหว่างเราคือ...??? [1-11-2014]
«ตอบ #32 เมื่อ01-11-2014 21:29:40 »

จ๊ะๆ เอาที่สบายใจเลย
ถ้าสนใจแค่หลงคำลวงกับเรื่องบนเตียง วงจรก็คงไม่หมุนไปไกล อีกคนมั่ว อีกคนมัวเมา
ถ้าคนมันรักจริงคงไม่ทำให้เจ็บช้ำมาหลายปี

สงสารน้องจริงๆ ต้องหลงกลมาเป็นเครื่องมือให้ผู้ชายไม่มีความคิดสองคน

ออฟไลน์ hembetaro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
Re: ระหว่างเราคือ...??? [1-11-2014]
«ตอบ #33 เมื่อ01-11-2014 21:51:51 »


แฟ้มเอ๊ยยยยยยย  :z3:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
Re: ระหว่างเราคือ...??? [1-11-2014]
«ตอบ #34 เมื่อ01-11-2014 22:39:12 »

 :a5:

ระหว่างเรา เธอฉันเขา เท่านั้นหรือ
เป็นอยู่คือ ขึ้นชื่อรัก ยิ่งนักหนา
เหมือนหนมปัง ทั้งสามแผ่น แน่นเชื้อรา
มัวรอคอย กาลเวลา คร่าทิ้งไป

เพราะมัวเมา เต่าตุ่น หมกมุ่นรัก
เพราะโฉดเขลา ยิ่งนัก ยากผลักไส
เพราะติดหล่ม ขย่มย้ำ ช้ำหัวใจ
เมียสองคน เลยเจอภัย พิษรักลวง



โฮะ..โฮะ อ่านเรื่องนี้แล้วถูกใจจริงๆ
ตามหาอ่านเรื่องแนวนี้มานานแสนนาน

 :z2: อิอิ..เจอแล้ว

+1 ให้คนแต่ง
รักนะ..จ๊วบบบบ

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: ระหว่างเราคือ...??? [1-11-2014]
«ตอบ #35 เมื่อ01-11-2014 23:13:29 »

สงสารอ้อนที่ต้องมาเจอคนเลวสองคน
และสงสารที่ต้องมาท้องกับคนเลว :katai1:

พวกท้องถึงรับผิดชอบเห็นอยู่ไปพักนึงก็มีปัญหาตลอด
ขอให้อิโอเล่ได้รับผลกรรมด้วยเถอะ แฟ้มด้วยนะ พฤติกรรมกินลับหลังเนี่ยรับไม่ได้จริงๆ

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: ระหว่างเราคือ...??? [1-11-2014]
«ตอบ #36 เมื่อ02-11-2014 11:57:11 »

“ไม่จริงใช่ไหม”เค้าเหมือนพึมพำมากกว่าที่จะถาม แต่อ้อนก็พยักหน้าเป็นการยืนยัน เค้าเอามือกุมศรีษะ เหมือนไม่อยากจะรับรู้เรื่องที่เพิ่งได้ยิน

“อ้อน...เล่ ยังไม่พร้อม”แทบไม่อยากจะเชื่อว่าคำพูดนี้จะออกมาจากปากเค้า ยังไม่พร้อมงั้นเหรอ แล้วเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้วจะให้อ้อนทำยังไง

“อ้อนเอาเด็กออกได้ไหม”สิ้นคำพูดนั้น น้ำตาอ้อนร่วงเป็นสายอีกครั้ง ส่วนเค้าลงไปกองกับพื้นเป็นที่เรียบร้อย เพราะผมประเคนหมัดของผม ที่แม้ว่าผมไม่ใช่นักมวยหรือคนหมัดหนักอะไร แต่ผมก็ปล่อยออกไปเต็มแรง มันทำให้เค้าเลือดกลบปากพร้อมกับทรุดลงกับพื้นศาลา เพราะไม่ได้ตั้งตัว

“มรึงพูดออกมาได้ยังไง กรูไม่คิดเลยมามรึงจะเป็นคนไม่รับผิดชอบแบบนี้”ผมตามลงไปซัดเค้าอีกหลายหมัด จนมือผมเจ็บไปหมด แต่เค้าไม่ได้ตอบโต้อะไรผมเลย ปล่อยให้ผมต่อยจนสาแก่ใจ

“พี่แฟ้ม พอแล้ว พอแล้ว อ้อนจะเอาเด็กออก”อ้อนเป็นคนมาห้ามผมด้วยเสียงที่สะอื้น

“เล่เป็นไรมากไหม”หลังจากแยกผมออกมาได้ อ้อนก็หันไปสนใจอีกคน

“ถ้ามรึงไม่รับผิดชอบเรื่องนี้ กรูจะถือว่าไม่เคยรู้จักคนอย่างมรึง”ผมยังคงหันไปต่อว่าเค้า เค้ามองผมด้วยสายตาตัดพ้อ เหมือนจะเสียใจ แต่ในเรื่องนี้มันไม่ได้มีแค่เค้าหรอกที่เสียใจ

“แล้วมรึงจะให้กรูทำยังไงแฟ้ม ให้กรูทำยังไงถึงจะถูกใจมรึง”เค้าตะโกน เสียงดังใส่ผม จนอ้อนเองก็คงตกใจไม่น้อย ว่าทำไมเค้าต้องมาตวาดผมด้วย

“มรึงไม่รู้จริงๆ เหรอว่าทำไมกรูถึงยังไม่พร้อม”เค้าหันมาตะโกนใส่หน้าผมก่อนจะหันกลับไปมอง อ้อน ผมไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองหรอกนะ ว่าที่เค้าไม่พร้อมเพราะเค้ารักผมจริงๆ แต่ถึงยังไงผมก็ไม่อยากให้อ้อนได้รับรู้เรื่องระหว่างผมกับเค้า เพราะอ้อนเห็นผมเป็นเหมือนพี่ชายคนนึง แล้วถ้าเธอรู้ผมไม่อยากจะคิดเลยว่ามันจะเป็นยังไงต่อ

“กรูไม่รู้หรอก ว่ามรึงไม่พร้อมเพราะอะไร แต่เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว ถ้ามรึงยังเป็นลูกผู้ชายพอมรึงก็ต้องแต่งงานกับอ้อนให้เร็วที่สุด”ผมสูดลมหายใจเข้าปอดจนสุดหลังจากพูดจบ แต่ละคำที่ผมกล่าวออกไปมันช่างบาดลึกลงในจิตใจผมเหลือเกิน ทั้งๆ ที่ผมเคยคิดว่าจะรอวันนึงที่เค้ากับอ้อนจะเลิกกัน วันที่เค้าพร้อมจะคบกับผมในฐานะแฟนจริงๆ เสียที แต่พอเอาเข้าจริง ผมก็ทำไม่ได้หรอกที่จะให้เค้าทำร้ายอ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนนี้

“ช่างมันเถอะ ถ้าเล่ยังไม่พร้อม อ้อนเอาเด็กออกก็ได้”อ้อนหันไปบอกเค้าด้วยน้ำตานองหน้า ผมว่าถึงเธอจะพูดแบบนั้นแต่ในความจริงอ้อนเองก็คงจะเสียใจไม่น้อยเลยทีเดียว

“เด็กที่จะเกิดมา เค้าทำผิดตรงไหนกัน ถึงจะฆ่าเค้าตั้งแต่ยังไม่ได้ลืมตาดูโลกแบบนี้ คิดดูดีๆแล้วกัน”ผมพูดเหมือนตำหนิอ้อนอยู่ในที แต่สายตาจ้องมองอีกคน ที่จ้องผมไม่วางตาเช่นกัน แววตาของเค้าก็ไม่ได้ต่างอะไรจากผมมากนัก มันดูสับสนว้าวุ่น ผมอยากจะพูดอยากจะคุยอะไรกับเค้าอีกมากมาย ในเรื่องระหว่างผมกับเค้า อยากจะบอกว่าผมพร้อมที่จะหลีกทางให้เค้าได้มีครอบครัว ปกติที่ไม่แตกต่างจากคนหมู่มาก อยากบอกว่าไม่ต้องมากังวลอะไรกับผม ผมจะถือว่าทุกสิ่งที่เค้าเคยบอกว่ารักผมมันคือความจริง และผมจะเก็บไว้เป็นความทรงจำที่ดี

“ถ้างั้นเราแต่งงานกันนะอ้อน  เมื่อกี้โทษทีที่เล่พูดออกไปแบบนั้น แค่เล่กำลังตกใจและก็ตั้งตัวไม่ทัน ก็อย่างที่ไอ้แฟ้มมันบอก ในเมื่อเราทำให้เค้ามีตัวตนขึ้นมา เราก็ไม่ควรจะทำร้ายเค้า เราจะแต่งงานกันให้เร็วที่สุด”เค้าดึงอ้อนเข้าไปกอดแนบอก ส่วนสายตายังคงจับจ้องมาที่ผม

เราพาโอเล่เข้ามาทำแผลข้างในบ้าน พี่ชายเค้าถามไถ่ว่าเกิดอะไรขึ้น พอทราบเรื่องทั้งหมดก็ต่อว่าผม ว่าทำไมไม่ต่อยให้หนักกว่านี้ พี่แกแสดงความยินดีเสียด้วยซ้ำที่น้องชาย จะเป็นฝั่งเป็นฝา คนอื่นๆ ดูจะมีความสุขดี แล้วผมละ ผมจะมีความสุขกับเรื่องนี้ได้อย่างไรกัน อ้อนจะอยู่รอคุยเรื่องนี้กับพ่อแม่ของโอเล่ด้วย และบอกให้ผมอยู่คุยด้วย แต่ผมปฏิเสธที่จะไม่อยู่รอเพราะผมไม่อยากจะอยู่ในสถานะ ส่วนเกินของครอบครัวเค้า

“เดี๋ยวกรูนั่งแทกซี่กลับเลยแล้วกัน จะได้แวะไปเอารถด้วย”ผมบอกปฏิเสธเค้าที่จะออกมาส่ง เพราะตอนนี้ผมอยากให้เค้าดูแลอ้อนเสียมากกว่า อีกอย่างผมเองก็ต้องการเวลาให้กับตัวเองเพื่อทำใจกับเรื่องนี้ด้วย

“งั้นเล่ก็นั่งรถไปกับพี่แฟ้ม แล้วขับรถอ้อนกลับมาแล้วกัน”ข้อเสนอของอ้อนมันทำให้ยากต่อการที่ผมจะปฏิเสธ เราสองคนออกมาขึ้นแทกซี่และไปยังที่ที่รถจอดทิ้งไว้ที่ร้าน ระหว่างทางไม่มีคำพูดใดๆ ออกจากปากของผมและเค้า ผมเพิ่งเข้าใจว่าน้ำตาตกในมันเป็นยังไงก็วันนี้เอง มันช่างทรมานที่ต้องเจ็บอยู่ข้างใน แต่น้ำตาไม่มีจะไหลออกมาให้เห็นถึงความเจ็บปวดที่เรามีอยู่เลย พอถึงที่หมายผมรีบเดินตรงไปยังรถของผมเองแทบจะทันที

“เราจะไม่คุยกันหน่อยเหรอ”เค้าเดินตามมาดึงฉุดแขนผมไว้

“ขอเวลากรูหน่อยนะ มรึงควรกลับไปคิดเรื่องระหว่างมรึงกับอ้อนดีกว่า”ผมพยายามแกะมือเค้าออกโดยไม่มองหน้า

“กรูเสียใจที่เรื่องมันกลายเป็นแบบนี้”น้ำเสียงเค้าดูอ่อนโยนกว่าทุกครั้งที่ผมเคยได้ยิน แต่ผมจะต้องตัดเค้าให้ขาดตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อตัวผมเองในวันข้างหน้า

“มันไม่ใช่เรื่องน่าเสียใจเลยสักนิด มันเป็นเรื่องน่ายินดีต่างหาก ที่มรึงกำลังจะมีลูก มีครอบครัว”ผมหันไปสบตาเค้าพร้อมกับกล่าว ด้วยรอยยิ้มอย่างจริงใจให้เค้า

“ถ้ามรึงต้องการแบบนี้ กรูก็จะทำให้มรึง”พูดจบเค้าก็เดินหันหลังไปหารถของอ้อน หึทำให้ผมงั้นเหรอ มันสายไปแล้วละที่จะมาทำอะไรเพื่อผมในตอนนี้ ถ้าคิดอยากจะทำเพื่อผมจริงๆเค้าน่าจะทำตั้งนานแล้ว แต่เรื่องนี้จุดเริ่มต้นมันก็มาจากผมเอง ถ้าผมไม่บอกว่าชอบเค้าในตอนนั้น ตอนนี้ผมอาจจะไม่เจ็บขนาดนี้ ตอนนี้เราอาจจะยังเป็นเพื่อนกันธรรมดา ตอนนี้ผมอาจจะทำใจได้แล้วว่าเราควรเป็นเพื่อนกันเท่านั้น

ผมขับรถออกจากตรงนั้น แต่ไม่ได้ตรงกลับไปที่ห้องแต่อย่างใด ผมไม่อยากกลับไปในที่ที่มีความทรงจำของผมและเค้า ห้องผมมันเหมือนเป็นที่ ที่เราสองคนมีความทรงจำด้วยกันมากมายเหลือเกิน ตอนนี้ผมไม่อยากอยู่คนเดียว ผมกลัว กลัวว่าผมเองจะไม่เข้มแข็งพอและอาจจะทำร้ายตัวเอง ผมพยายามนึกหาคนที่จะอยู่เป็นเพื่อนผมได้ ซึ่งตอนนี้ก็เหลือเพียงคนเดียวเท่านั้น ไอ้แชมป์


“ไปเป็นแฟนกันไหม”

ออฟไลน์ hembetaro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
Re: ระหว่างเราคือ...??? [2-11-2014]
«ตอบ #37 เมื่อ02-11-2014 20:22:20 »


สงสารแชมป์กะอ้อน  สมเพชแฟ้มอ่ะ พยายามจะเป็นคนดี โอเล่ยอมแต่งกับอ้อน แฟ้มคงไม่สำลักความฟินจากการยกผัวให้อ้อนหรอกนะ  :m16:

ออฟไลน์ domeloly

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-4
Re: ระหว่างเราคือ...??? [2-11-2014]
«ตอบ #38 เมื่อ02-11-2014 20:55:52 »

อยากต่อยไอ้โอเล่ซักที แม่มมมม

ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: ระหว่างเราคือ...??? [2-11-2014]
«ตอบ #39 เมื่อ02-11-2014 21:25:43 »

โอเล่นั่นแหละผิดเต็มประตู
ไม่ชัดเจนกับความรู้สึกตัวเอง
รักไม่เป็น ก็ต้องเจ็บ ยอมรับซะ
สุดท้ายก็ไม่มีใครเลยที่มีความสุข :เฮ้อ:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ระหว่างเราคือ...??? [2-11-2014]
« ตอบ #39 เมื่อ: 02-11-2014 21:25:43 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: ระหว่างเราคือ...??? [2-11-2014]
«ตอบ #40 เมื่อ02-11-2014 23:10:53 »

ปัญญาอ่อนไอ้โอเล่ แกทำตัวเองทั้งนั้น ทั้งนอกใจไปจีบอ้อน
ทั้งกลับมาหาแฟ้มแบบลับหลัง

แฟ้มเองก็ปล่อยให้มันคาราคาซัง ถ้าอ้อนไม่พร้อมก็ไม่ยอมบอกความจริง ไม่ยอมถอย

แฟ้มได้โปรด อย่าดึงแชมป์เข้ามาเกี่ยวด้วยเลย อย่าใช้เพื่อนมาเป็นเครื่องมือ!!!

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: ระหว่างเราคือ...??? [2-11-2014]
«ตอบ #41 เมื่อ03-11-2014 17:28:35 »

ผมขับรถออกจากตรงนั้น แต่ไม่ได้ตรงกลับไปที่ห้องแต่อย่างใด ผมไม่อยากกลับไปในที่ที่มีความทรงจำของผมและเค้า ห้องผมมันเหมือนเป็นที่ ที่เราสองคนมีความทรงจำด้วยกันมากมายเหลือเกิน ตอนนี้ผมไม่อยากอยู่คนเดียว ผมกลัว กลัวว่าผมเองจะไม่เข้มแข็งพอและอาจจะทำร้ายตัวเอง ผมพยายามนึกหาคนที่จะอยู่เป็นเพื่อนผมได้ ซึ่งตอนนี้ก็เหลือเพียงคนเดียวเท่านั้น ไอ้แชมป์


“ไปเป็นแฟนกันไหม”ทันทีที่ผมเจอกับเพื่อนที่แสนดีของผม นั่นคือสิ่งแรกที่ผมพูดออกไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มเหมือนไม่ได้มีเรื่องราวอะไรในใจ ไอ้แชมป์ดูมึนๆ งงๆ ที่อยู่ๆผมก็มาหามันแบบนี้ แต่คำพูดนี้เราสองคนก็เข้าใจกันดีว่ามันหมายถึงการชวนอีกฝ่ายไปดูพระอาทิตย์ตก ถึงแม้ไอ้แชมป์จะเป็นคนที่รู้เรื่องราวความรักแสนรันทดของผม และผมสามารถที่จะเล่าทุกอย่างหรือระบายความในใจให้มันฟังได้ แต่ผมเลือกที่จะไม่ให้มันต้องมาเป็นทุกข์กับผม ผมจะขอแค่ให้มันอยู่เป็นเพื่อนผมแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว แม้ตอนนี้ในใจของผมมันจะบอบช้ำเพียงใดผมก็ต้องผ่านมันไปให้ได้

“เลิกกับไอ้คนเห็นแก่ตัวนั้นแล้วรึไงถึงได้มาขอกรูเป็นแฟนเนี่ย”ไอ้แฟ้มพูดติดตลกอย่างไม่ได้คิดอะไร แต่คำพูดของมันทำเอาผมชะงัก เจ็บจี๊ดในใจ เพราะเรื่องของผมกับอีกคนมันคงจบลงแล้วจริงๆ นั่นแหละ

“จะไปไม่ไป”ผมพยายามตอบแบบกวนๆ เหมือนที่เราเคยคุยกัน ซึ่งต้องใช้ความอดทนอย่างสูงที่จะข่มอารมณ์ภายในใจของผมไว้ เพราะตอนนี้ผมเหมือนมีหลายความรู้สึกมันตีบตันอยู่บริเวณอกข้างซ้าย

“แต่กรูเบื่อบางแสนแล้ว เราไปที่อื่นกันไหม”ข้อเสนอของมันไม่ค่อยจะดีนักในความคิดผม เพราะเราคงไปไหนไกลกว่านี้ไม่ได้หรอก พรุ่งนี้ก็วันอาทิตย์วันมะรืนก็ต้องทำงานกันแล้ว

“ไปที่อื่นมันก็ไกลนะ แล้วเราจะไปค้างคืนได้หรือไงกันเดี๋ยววันมะรืนก็ต้องกลับไปทำงานกันเหมือนเดิมแล้ว

“ไม่เห็นจะยากเลย เราก็ลางานซิ สักวันสองวัน”ดูมันพูดง่ายเหลือเกิน การจะลางานมันก็ต้องแจ้งกันล่วงหน้าบ้าง ไม่ใช่จะมาบอกแบบนี้เพราะกว่าจะแจ้งลางานก็คงเป็นวันจันทร์โน่นแล้ว

“แล้วจะลางานว่ายังไง”ผมเกิดอาการคิดไม่ออกชั่วคราว ทั้งที่ปกติเหตุผลของการขาดงาน ลางาน มันมีตั้งร้อยแปด แต่วันนี้สมองผมมันคงยังเบลอจนคิดอะไรไม่ออกเสียแล้ว ตอนนี้ไม่รู้ว่าสีหน้าแววตาผมเป็นยังไงแล้ว แต่คิดว่าคงจะไม่สู้ดีนักเสียแล้วมั้งเพราะเหมือนไอ้แชมป์จะเริ่มสังเกตเห็นแล้ว

“งั้นก็ไปแค่บางแสนนี่ก็ได้”น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปทำให้ผมคิดว่า แชมป์เองก็คงเริ่มจะรู้แล้วว่าผมต้องมีเรื่องอะไรในใจ

“เอารถกรูไปก็ได้ แต่มรึงขับนะ”ผมบอกออกไป ก่อนเราจะพากันเตรียมตัว ออกเดินทาง ซึ่งผมก็ไม่ได้เตรียมอะไรมากหรอก ส่วนไอ้แชมป์ก็แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าไม่ให้เป็นชุดอยู่บ้านอย่างที่มันเป็นอยู่ตอนนี้

ระหว่างทางที่ไอ้แชมป์เป็นคนขับรถ ผมบอกว่าของีบหน่อยเพราะรู้สึกเพลียๆ แต่ในความเป็นจริงคือผมกลัวจะข่มอารมณ์ไว้ไม่ไหว ยิ่งพูดยิ่งคุยผมก็จะยิ่งแสดงความอ่อนแอออกมาเรื่อยๆ ผมเลยต้องตัดบทสนทนาโดยการปิดเปลือกตา ทั้งที่ตลอดการเดินทางนั้นผมไม่ได้หลับเลยสักนิด ความคิดภายในมันเอาแต่วนเวียนคิดถึงเรื่องราวระหว่างผมกับอีกคน

ภาพต่างๆ ระหว่างผมกับโอเล่มันยังชัดเจนในความคิดมโนภาพของผม ตั้งแต่เริ่มที่เราได้เจอกัน ในฐานะเพื่อนใหม่ เค้าในฐานะเด็กต่างถิ่นที่ย้ายเข้ามาเรียนโรงเรียนแถวบ้านผม ภาพของเด็ก ม.ต้น ที่บ้าๆ บอๆ ที่ผมเคยมองเค้าเป็นตัวตลกในวิชาเรียน หรือตอนที่ผมกับเค้าและเพื่อนๆ แอบโดดเรียนด้วยกัน พากันไปหัดดื่มแอลกอฮอล์แต่เล็กแต่น้อย หรือแม้กระทั่งภาพที่เค้าเคยโดนอาจารย์จับได้ว่าทุจริตในการสอบ และอีกหลายๆเรื่อง ที่เป็นความทรงจำมิตรภาพระหว่างเพื่อนที่เราเคยมี

จนไปถึงวันเวลาที่ผมเริ่มมองเค้าเปลี่ยนไป ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงมองเค้าในฐานะอื่นนอกจากเพื่อนไปได้ก็ไม่รู้ ผมเริ่มหวั่นใจในตอนแรกว่าไม่ควรรู้สึกกับเพื่อนแบบนั้น แต่แล้วเมื่อครั้งที่ผมและเค้าได้นอนอยู่ในผ้าห่มผืนเดียวกันเมื่อครั้งที่ต้องไปเข้าค่าย มันทำให้ผมแน่ใจในความรู้สึกที่ผมมีต่อเค้า แต่ผมก็เลือกที่จะเก็บไว้เป็นการรักเค้าเพียงข้างเดียว ซึ่งถ้าผมยอมที่จะทำแบบนั้นตลอดมา เรื่องวันนี้มันก็คงไม่เกิดขึ้น

ถ้าผมไม่บอกออกไปว่าคิดยังไงกับเค้า ถ้าเราสองคนไม่ไปเรียนมหาวิทยาลัยที่เดียวกัน พักที่เดียวกัน และไม่ปล่อยให้ความสัมพันธ์มันเกินเลยไปไกลขนาดนั้น ตอนนี้ก็คงไม่ต้องทนทุกข์ทรมานขนาดนี้ ผมว่าการที่ได้แอบรักบางทีมันอาจจะเจ็บ แต่มันคงไม่เจ็บเท่าการที่เหมือนจะได้คอบครองแต่แล้วสุดท้ายก็ต้องสูญเสียอย่างที่เป็นอยู่แบบนี้

ภาพต่างๆ มันช่างชัดเจนเหลือเกิน และตอนนี้แม้ผมจะหลับตาอยู่แต่ก็เริ่มรู้สึกได้ว่ากำลังจะมีบางอย่างไหลออกมาจากดวงตาที่ปิดสนิทนั้น ผมพลิกหันหลังให้กับคนขับ เพื่อไม่ให้เค้าเห็นว่าผมมีน้ำตาไหลออกมา แล้วก็พยายามปาดน้ำตาโดยไม่ให้เค้าเห็น



พอถึงจุดหมาย ผมเดินตรงสู่ชายหาดทันทีโดย ให้อีกคนตามมาห่างๆ จนผมหยุดอยู่ที่ชายหาดไอ้แชมป์ก็ตามมายืนเคียงข้าง ผมไม่ได้พูดอะไรทำเหมือนกำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศ แม้ว่าทะเลที่นี่จะไม่ได้สวยมากนัก แต่มันก็เป็นบรรยากาศที่ผ่อนคลายได้อยู่มากเลยทีเดียว ผมกับไอ้แชมป์เดินไปตามชายหาด ปล่อยให้คลื่นซัดเข้ามาโดนจนกางเกงเปียก

“ทะเลาะกันเหรอ”อยู่ๆ ไอ้แชมป์ก็พูดขึ้น มันคงสังเกตเห็นอาการของผมเลยเดาไปว่าผมมีปัญหาทะเลาะกับโอเล่มาหรือเปล่า

“เปล่าหรอก”เพราะครั้งนี้มันไม่ใช่เรื่องของการทะเลาะกัน แต่มันมีอะไรที่ซับซ้อนเกินกว่าที่ผมจะอธิบายออกไป เพราะผมคงอดทนอธิบายจนจบไม่ไหว

“คราวนี้เรื่องอะไรกันอีกละ”เหมือนว่าไอ้แชมป์คงไม่เชื่อคำปฏิเสธของผมหรอก สงสัยผมมันโกหกไม่เก่งมั้งเนี่ย

“เบียร์หน่อยไหม”ผมเองก็ไม่ใส่ใจในคำถามของไอ้แชมป์เท่าไหร่ ทั้งที่รู้ว่าเพื่อนถามเพราะเป็นห่วง ที่ผมว่าไม่อยากให้มันห่วงนั้นคงจะไม่จริง เพราะคิดว่าแค่ผมมาหามันกะทันหันแบบนี้ แค่นี้มันก็คงกังวลกับผมอยู่พอควรแหละมั้ง นี่ถ้าไอ้แชมป์เองมีแฟนเป็นตัวเป็นตนที่มันเองก็ต้องคอยเอาใจใส่ดูแล เวลาแบบนี้ผมจะหันไปหาใครอีกได้ไหมน้า

“เฉไฉนะ ทำเป็นมาชวนดื่มเบียร์อีก กรูต้องขับรถกลับเดี๋ยวก็เจอเป่ากันพอดี”มันส่ายหน้าอย่างระอากับผมที่ยังไม่ยอมรับกับมันว่าผมมีเรื่องในใจจริงๆ

“ไม่เป็นไรหรอกดื่มนิดหน่อย เพราะเค้าพิสูจน์มาแล้วว่าดื่มเบียร์ไม่เกินสองกระป๋องเป่าแล้วปริมาณแอลกอฮอล์ไม่เกิน มรึงก็ดื่มไปแค่นั้นแหละ จากนั้นก็นั่งดูกรูดื่ม”ก่อนที่ไอ้แชมป์จะได้ต่อรอง ปฏิเสธหรือซักอะไรผมอีก เลยรีบเดินไปยัง เซเว่นที่ใกล้ที่สุดเพื่อซื้อสิ่งที่ต้องการโดยให้ไอ้แชมป์รออยู่ที่เดิม

“ขับรถมาแบบนี้ เหนื่อยไหมว่ะ”ผมส่งเบียร์ให้ไอ้แชมป์พร้อมกับนั่งลงข้างๆ หลังจากได้เบียร์มา สองแพ๊คๆละ 4 กระป๋อง

“ถ้าคิดว่ากรูจะเหนื่อยแล้วยังจะชวนกรูมาอีกนะ”มันหันมายิ้มๆให้ผม

“งั้นคราวหลังจะไม่รบกวนแล้ว”พูดไปงั้นแต่ความจริงผมว่าคงจะได้รบกวนมันอีกแน่นอน และหลังจากนี้อาจจะต้องชวนมันไปไหนมาไหนบ่อยขึ้นเสียด้วยซ้ำไปเพราะจากนี้ผมคงไม่ค่อยจะมีใครอีกแล้ว

“แหมถึงจะเหนื่อยแต่ถ้าเพื่อนมีเรื่องไม่สบายใจกรูก็พามาได้เสมอแหละ แต่เพื่อนกรูนี่สิ ไม่ยอมระบายให้ฟังว่ามีเรื่องอะไร ทั้งที่ดูเหมือนอกจะแตกตายอยู่แล้วแท้ๆ”คำพูดที่ดูไม่ได้ซีเรียส จริงจังมากมาย แต่ก็เป็นการแสดงความห่วงใยที่ผมซึ้งใจในตัวเพื่อนคนนี้เหลือเกิน

“ร้องเพลงให้ฟังหน่อยสิ”ผมทำเหมือนไม่สนใจในคำพูดของเพื่อน แต่ทำเป็นหาหัวข้อสนทนาอื่นแทน

“ร้องไงอ่ะ กีตาร์อะไรก็ไม่มี”นั่นสินะ แต่ก็อยากฟังนี่นา ร้องเพลงแข่งกับเสียงคลื่น อาจจะช่วยปลุกหัวใจที่เหมือนจะหยุดเต้นของผมได้บ้างก็ได้

“ก็ร้องเปล่าๆ นี่แหละ ร้องได้เปล่า เพลงอะไรก็ได้เดี๋ยวกรูช่วยร้อง”อาจจะดูทำตัวไร้สาระ งี่เง่าอะไรก็แล้วแต่ แต่ตอนนี้ผมอยากทำอะไรก็ได้ให้ลืมเรื่องที่ผมเพิ่งรับรู้มา ผมอยากจะคิดว่า ผมกับโอเล่จากกันไปแล้วตั้งแต่ตอนเรียนจบมัธยม อยากจะคิดว่าเราต่างคนต่างแยกย้ายกันไปเรียน ทำงานตามทางเลือกของแต่ละคน ไม่ได้วนมาพบเจอกันอีก อยากให้มันเป็นแบบนั้นจริงๆ จะได้ไม่ต้องทุกข์ใจแบบนี้ เป็นทุกข์ที่ผมรักเค้า ทั้งที่ความรักมันคือสิ่งสวยงาม มันคือความสุข จากนี้ไปผมคงต้องหัดมองความรักของผมในมุมที่มีความสุขเสียแล้ว ความรักก็ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ด้วยกันตลอดไปนี่นา แค่รู้ว่าครั้งนึงเราเคยมีความสุขร่วมกันก็เพียงพอแล้ว

“ตั้งใจฟังนะกรูจะร้องรอบเดียวพอ”ไอ้แชมป์ทำท่าตั้งอกตั้งใจยังกะจะขึ้นเวทีประกวดร้องเพลงงั้นแหละ

“ให้เธอแชร์ความช้ำในหัวใจมาให้ฉัน

แบ่งมันมาจนเธอนั้นสบายใจ

และจะแชร์ความรักไปให้เธอเก็บไว้

ใส่มันลงแทนที่ในหัวใจที่เธอปวดร้าว”

“อ้าวร้องแค่นี้เองเหรอ”ผมที่กำลังตั้งใจฟังถามขึ้น เพราะไอ้แชมป์หยุดร้อง ผมกำลังตั้งใจฟังว่าเพลงเหมือนจะมีความหมายดีทีเดียว

“โทรศัพท์มรึงดังนิ ทำไมไม่รับ”ผมไม่ต้องดูก็พอจะรู้ว่าคือใครที่โทรเข้ามา แต่ผมทำเพียงปิดเสียงเท่านั้น ไม่ได้ตัดสายทิ้ง ไม่ได้กดรับ และก็ไม่ปิดเครื่อง

“ไม่สำคัญหรอก”ผมบอกอย่างไม่ใส่ใจ เพราะผมยังไม่พร้อมจะคุยกับคนที่กำลังโทรกระหน่ำเข้ามาหา ผมยังไม่รู้จะพูดยังไง ไม่รู้จะเข็มแข็งพอไหม

“สรุปว่างอนกันอยู่จริงๆ”ไอ้แชมป์พูดยิ้มๆ แต่ดูแววตาฉายแววหม่นหมองอย่างเห็นได้ชัด ไอ้แชมป์เองก็คงเหนื่อยและอาจจะหงุดหงิดรำคาญผมที่เป็นบ้าเป็นบออยู่แบบนี้

“พระอาทิตย์จะตกแล้ว ดูพระอาทิตย์ตกดีกว่า”ผมชี้ไปยังขอบฟ้าที่บรรจบกับน้ำทะเลที่ตอนนี้ดวงอาทิตย์กำลังจะลับลงไป

“วันนี้นั่งแบบนี้นะ ขี้เกียจลุก”เสียงพูดจากคนข้างๆ บอกผมพร้อมกับเอื้อมมือมากุมมือผมไว้

“กรูเคยดูหนังเรื่องนึง มีฉากที่เค้าบอกว่าช่วงเวลาที่ท้องฟ้าสวยที่สุดคือช่วงที่พระอาทิตย์ตก”คำพูดลอยๆเหมือนจะเล่าให้ฟังของไอ้แชมป์บอกให้ผมได้ยินในขณะที่สายตาของเราต่างก็มองตรงไปยังเส้นขอบฟ้านั้น

“แต่มันก็เป็นช่วงเวลาสวยงามที่แสนจะสั้น”เมื่อสิ้นคำพูดนี้ของไอ้แชมป์ทำเอาผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เพราะสิ่งที่มันพูดช่างคล้ายกับความรักของผมตอนนี้เหลือเกิน การมีความสุขในเวลาที่ไม่นานของผมก็คงเหมือนช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ทำให้ท้องฟ้ามีช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดนั่นเอง แต่มันก็เป็นเพียงเวลาสั้นๆ

“ครั้งนี้คงไม่ใช่ทะเลาะกันหรืองอนกันเล็กๆน้อยๆ แล้วใช่ไหม”ไอ้แชมป์หันมามองหน้าผมที่น้ำตาไหลอาบสองแก้ม ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของมันให้ผมดูเบอร์ของอีกคนที่กำลังโทรเข้ามา

“มันแทบจะไม่เคยโทรหากรูเลยด้วยซ้ำ แต่วันนี้มรึงเหมือนคนจะขาดใจตายมาหากรู แล้วไอ้คนเห็นแก่ตัวนี่ก็กำลังโทรมาหากรู”ชื่อของโอเล่อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ของไอ้แชมป์ ผมได้แต่จ้องนิ่งๆ ภาพมันค่อนข้างพร่ามัวเพราะม่านน้ำตาที่ไหลออกมา

“จะให้กรูบอกว่าไง”ไอ้แชมป์ทำท่าเหมือนจะกดรับ ใจจริงผมอยากจะบอกว่าอย่ารับดีกว่า แต่อีกใจก็คิดว่าน่าจะให้รับๆไปเสียดีกว่าเพราะถ้าไม่รับโอเล่อาจจะกระหน่ำโทรให้แชมป์มันรำคาญใจได้ เพราะโอเล่เองคงคิดว่าเพื่อนที่ผมสนิทและสามารถปรึกษาได้ทุกเรื่องคงไม่พ้นไอ้แชมป์

“อยากบอกไรก็บอกไปเหอะ”คิดซะว่าให้เพื่อนตัดสินใจเอง เพราะถึงเค้าจะพูดอะไรหรือรู้ว่าผมอยู่ไหนในตอนนี้มันก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหรือเลวร้ายลงไปกว่านี้อีกแล้ว

ผมไม่ค่อยอยากจะรับรู้สิ่งที่ไอ้แชมป์จะคุยกับเค้าเท่าใดนัก เลยเดินลุกบอกไอ้แชมป์ว่าจะไปห้องน้ำ กะว่าไปล้างหน้าล้างตาด้วย เพราะตอนนี้หน้าตาคงดูไม่ค่อยได้เท่าไหร่นัก ผมเดินมาถึงห้องน้ำ จ้องมองภาพตัวเองในกระจก นี่ทำไมผมถึงอ่อนแอได้ถึงเพียงนี้ ดูทรุดโทรมลงไปอย่างเห็นได้ชัด คงเพราะไม่ค่อยดูแลตัวเอง ไหนจะเรื่องดื่มแอลกอฮอล์อีก ทำให้แก่ไปจมเลยนะเนี่ย จากนี้ไปคงต้องใส่ใจดูแลตัวเองให้เพิ่มมากขึ้นกว่าเก่า


-----------------------------------------------------
แวะมาต่อคร๊าบบบบ

ดูคนอ่านแต่ละคนก็อินกันนะเนี่ย 555

ก็ต้องตามต่อไปว่าท้ายที่สุด ความสัมพันธ์มันจะไปจบที่ตรงไหน

ขอบคุณที่ติดตามครับ ยังไงก็ฝากติชมด้วยนะคร๊าบบบบ

 o22

Singleman

  • บุคคลทั่วไป
Re: ระหว่างเราคือ...??? [3-11-2014]
«ตอบ #42 เมื่อ03-11-2014 18:26:59 »

พูดไม่ออกกับความรักนี้จังเลยยย

ออฟไลน์ youuue

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
Re: ระหว่างเราคือ...??? [3-11-2014]
«ตอบ #43 เมื่อ03-11-2014 18:34:13 »

   เจ็บไหน เท่า คนที่เรารัก เจ็บ :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:  เชียเฮียแชมป์ขาดใจ :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ hembetaro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
Re: ระหว่างเราคือ...??? [3-11-2014]
«ตอบ #44 เมื่อ03-11-2014 19:21:08 »


โอเล่เห็นแก่ตัวมาก แฟ้มดูท่าว่าจะหายโง่หรือเปล่าเท่านั้น  :z13:

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: ระหว่างเราคือ...??? [3-11-2014]
«ตอบ #45 เมื่อ03-11-2014 19:37:48 »

ตัดสินใจว่าจะจบของจริงสักทีเหอะ เลิกทำตัวไร้ค่าเป็นของตายได้แล้ว

ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: ระหว่างเราคือ...??? [3-11-2014]
«ตอบ #46 เมื่อ03-11-2014 21:15:41 »

ไม่เศร้าร่วมกะแกแระ เบื่อ เลิกทำตัวงี่เง่ากันซะที(อินไปมั้ย555) :z6:

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: ระหว่างเราคือ...??? [3-11-2014]
«ตอบ #47 เมื่อ04-11-2014 16:49:51 »

ผมไม่ค่อยอยากจะรับรู้สิ่งที่ไอ้แชมป์จะคุยกับเค้าเท่าใดนัก เลยเดินลุกบอกไอ้แชมป์ว่าจะไปห้องน้ำ กะว่าไปล้างหน้าล้างตาด้วย เพราะตอนนี้หน้าตาคงดูไม่ค่อยได้เท่าไหร่นัก ผมเดินมาถึงห้องน้ำ จ้องมองภาพตัวเองในกระจก นี่ทำไมผมถึงอ่อนแอได้ถึงเพียงนี้ ดูทรุดโทรมลงไปอย่างเห็นได้ชัด คงเพราะไม่ค่อยดูแลตัวเอง ไหนจะเรื่องดื่มแอลกอฮอล์อีก ทำให้แก่ไปจมเลยนะเนี่ย จากนี้ไปคงต้องใส่ใจดูแลตัวเองให้เพิ่มมากขึ้นกว่าเก่า

“มรึงโทรไปคุยกับมันหน่อยไหม”ไอ้แชมป์พูดขึ้นแทบจะทันทีที่ผมกลับไปนั่งข้างๆมัน ผมมองหน้ามันอย่างไม่เข้าใจ ก็พอจะรู้ว่าโอเล่คงเล่าเรื่องทั้งหมดให้มันฟังแล้ว แต่ทำไมมันถึงคิดว่าผมควรจะโทรไปคุยกับโอเล่กัน

“ถ้ามรึงอยากจะจบจริงๆ ก็ควรบอกควรเคลียร์กับเค้าให้มันเด็ดขาดไปเลย ไม่ใช่หนีแบบนี้มันเหมือนยังอยากให้เค้าตามมาง้อมรึงอยู่”คำพูดของไอ้แชมป์ทำเอาน้ำตาผมเริ่มปริ่มๆ อีกครั้ง นั่นสินะ ผมยังไม่พร้อมจริงๆแหละ ที่ไม่พร้อมคือไม่พร้อมที่จะอยู่โดยไม่มีเค้า

“กรูยังไม่พร้อมจะคุยตอนนี้ ไว้อีกสักพักกรูจะไปคุยกับเค้าเอง แต่ยังไงเรื่องมันก็ต้องจบอยู่แล้วละ”ผมพูดออกไปตามที่รู้สึก คิดว่าไอ้แชมป์น่าจะรับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว

“มรึงโอเคนะ”มือของไอ้แชมป์เอื้อมมากุมมือผมไว้ พร้อมกับมองมาที่ใบหน้าอันเต็มไปด้วยน้ำตาอีกครั้งของผม

“ไม่...ไม่โอเคเลยสักนิด”เสียงตอบพร้อมกับอาการสะอื้นหน่อยๆ ของผมเปล่งออกไปได้แค่นั้น

“ถ้ามันอัดอั้นมากก็ร้องออกมาเถอะ”พร้อมกับกอดผมให้ซบกับไหล่ของมัน คราวนี้เหมือนสิ่งที่อัดอั้นอยู่ข้างในจะพังทลายออกมาจนหมด ผมร้องอย่างไม่อายใคร ถึงจะมีคนผ่านไปมาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่สนใจแล้ว มันทั้งเจ็บ ทั้งสับสน ไม่รู้จะต้องทำยังไงแล้ว




“จะค้างกะกรูไหมหรือจะกลับ”พอผมกับไอ้แชมป์กลับมาถึงที่พักพิงของไอ้แชมป์มันก็เปิดประเด็นด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย เพราะสภาพผมอาจจะยังไม่พร้อมอยู่คนเดียวเท่าไหร่ ถ้าเป็นคนอื่นเค้าอาจจะอยากใช้เวลาอยู่คนเดียวแล้วคิดทบทวนเรื่องที่ผ่านมา แต่สำหรับผม ผมคิดคนเดียวมานานมากแล้ว และบทสรุปมันอย่างที่เห็นว่าผมไม่เคยสามารถตัดอีกคนออกไปจากชีวิตได้เลย

“ขอรบกวนแล้วกัน”

ไอ้แชมป์ไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่ก็พยักหน้ารับรู้ในเจตนาของผม ก่อนเราสองคนจะพากันขึ้นไปบนอพาร์ทเม้นท์ ไอ้แชมป์หาเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นที่ผมพอจะใส่ได้มาให้ เพื่อจะได้อาบน้ำชำระร่างกาย ถึงรูปร่างเราจะต่างกันอยู่บ้างแต่ก็ไม่มากนัก ทำให้ใส่เสื้อผ้าของอีกฝ่ายไม่ยากนัก  ผมขออาบน้ำก่อนเพราะรู้สึกเหนียวตัวเหลือเกิน พอผมเรียบร้อยไอ้แชมป์ก็เข้าไปอาบต่อ ดีที่พวกเราแวะหาอะไรทานระหว่างทางเรียบร้อยแล้ว จะได้ไม่ต้องออกไปหาอะไรทานอีก

หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จผมก็นั่งดูทีวีไปเรื่อยเปื่อย แต่ถึงแม้สายตาจะจ้องมองอยู่บนหน้าจอแต่ในใจมันก็ยังวนเวียนคิดเรื่องอื่นอยู่ดี จากนี้ผมจะทำยังไงต่อไปดี ใช่อยู่ว่าผมต้องตัดขาดจากโอเล่อย่างแน่นอน แต่เวลาที่ต้องพบเจอกันละ ผมจะทนได้ไหม แน่นอนว่ายังไงมันก็ต้องได้เจอกันอยู่แล้ว ถ้าอยากตัดเค้าออกไปจากชีวิตเลยไม่พบ ไม่เจอกันอีกผมควรจะยังไงดี ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูสายที่ไม่ได้รับ เค้าโทรมาหลายสายเหมือนกัน ยังไงผมก็คงต้องคุยกับเค้าอีกครั้งเพื่อยืนยันว่าผมจะยุติความสัมพันธ์กับเค้าเป็นการถาวร ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากจะเจอกันอีกเลย เพราะถ้ายังต้องเจอกันอีก คนที่จะตัดไม่ได้มันก็คือผมเอง

“เบียร์อีกหน่อยไหม”เสียงเจ้าของห้องแว่วมาปลุกผมจากห้วงความคิด เป็นคำถามว่าจะดื่มเพิ่มจากที่ชายหาดอีกหรือเปล่า สงสัยไอ้แชมป์เองอยากจะดื่มซะละมั้งเพราะที่อยู่บางแสนมันดื่มไปนิดเดียวด้วยความที่ต้องขับรถ

“เอาสิ”แม้ใครหลายคนจะบอกว่าเวลาแบบนี้แอลกอฮอล์มันไม่ใช่ทางออกหรอกนะ แต่สำหรับผมถือคติที่ว่า “เหล้าไม่ใช่คำตอบ แต่มันช่วยให้ลืมคำถาม” แม้มันจะลืมได้แค่เสี้ยวเวลาก็อยากจะมีช่วงเวลาที่ไม่ต้องจำนั้น

“ไปหยิบมาดิ อยู่ในตู้เย็น เดี๋ยวกรูใส่เสื้อผ้าก่อน”

ผมจัดแจงเบียร์ที่แช่อยู่ในตู้ออกมาสองสามขวด ไอ้นี่ก็แปลกปกติเค้ามีแต่แช่เป็นกระป๋องไว้นี่เล่นยกลังมาไว้ที่ห้อง แล้วทยอยแช่เป็นขวดไว้อีก แต่ก็ดีวันนี้ก็เอาให้มึนๆ เมาๆ หน่อยๆก็ดีจะได้หลับลง ไม่ต้องคิดมาก มีพวกของขบเคี้ยวอีกเล็กน้อยให้ผมหยิบมาใช้เป็นกลับแกล้ม

“มรึงจะเอาไงต่อไป”บทสนทนาเริ่มขึ้นอีกครั้งแม้ผมจะอยากหลีกเลี่ยง แต่ยังไงมันก็คงหลีกไม่พ้นหรอกมั้ง

“มรึงคิดว่ากรูควรทำไง”ผมย้อนถามออกไป ทั้งที่จริงผมก็มีคำตอบของผมอยู่แล้ว แต่ก็อยากรู้ในมุมมองของเพื่อนคนนี้ดูบ้าง

“ก็น่าจะรู้นิว่า กรูไม่ได้เห็นด้วยกับการที่มรึงทำแบบนี้มาตั้งแต่ต้น”นั่นสินะไอ้แชมป์มันก็บอกให้ผมเลิกกับโอเล่ ไม่ก็ให้ผมบอกกับอ้อนตั้งแต่เรื่องราวมันยังไม่มาไกลเท่าตอนนี้ แต่ผมก็ไม่ทำยังกลับให้มันเลยเถิดมาจนถึงตอนนี้

“ไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่ได้ห้ามใช่ไหม”ผมพูดยิ้มๆ ไม่ได้คิดตำหนิเพื่อนหรอก แต่ไม่อยากให้บรรยากาศมันเครียด เพราะเดี๋ยวผมเองนี่แหละจะเริ่มไม่ไหว อาจจะบ่อน้ำตาแตกอีกก็เป็นได้

“ก็มันเป็นชีวิตมรึง มรึงก็ต้องเลือกเองกรูไปบังคับให้มรึงทำอย่างที่กรูคิดไม่ได้หรอก จริงไหม”

“จากนี้กรูคงต้องทำอย่างมรึงแล้วละมั้ง ที่ต้องทำใจมีความสุขกับการได้มองคนที่เรารักมีความสุข”คำพูดที่ไอ้แชมป์เคยพูดกับผมว่ามันเองขอแค่ได้เห็นคนที่มันรักมีความสุขมันก็สุขใจแล้ว ผมหวังว่าผมจะทำอย่างนั้นได้นะ ไม่ช้าก็เร็วผมต้องทำให้ได้

“แค่รักให้เป็นเราก็มีความสุขแล้ว เลือกที่จะเป็นผู้ให้มันย่อมมีความสุขกว่าการที่จะรอเป็นผู้รับอยู่แล้ว”ดูเป็นพ่อพระดีเหลือเกินเพื่อนผม ชักเริ่มอยากจะรู้ขึ้นมาเสียแล้วว่า คุณพ่อพระเนี่ยชอบใครกัน ทำไมไม่เคยเล่าให้ฟังบ้าง

“ถามจริงๆนะ มรึงชอบใครว่ะ”ผมถามออกไป พร้อมกับคิดว่าดีแล้วที่วันนี้ผมค้างกับไอ้แชมป์ เพราะถ้าผมอยู่คนเดียวตอนนี้คงฟุ้งซ่าน อาจจะกำลังร้องห่มร้องไห้อยู่ก็เป็นได้ แต่การได้มีเพื่อนคุยแบบนี้ อย่างน้อยๆก็พอให้เราไม่มีเวลามาคิดฟุ้งซ่านเท่าไหร่

“อยากรู้เหรอ”ผมหันไปตามเสียงของไอ้แชมป์อย่างอยากรู้อยากเห็น ไอ้แชมป์ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะถามผมย้ำอีกครั้ง

“อยากรู้จริงๆเหรอ”ผมพยักหน้าอยากรู้เต็มที่

“อยากรู้มากไหม”

“เออ”ผมกระแทกเสียงเมื่อรู้ว่ากำลังโดนกวนประสาทอยู่ ไอ้แชมป์หัวเราะสนุกสนานใหญ่ก่อนจะปรับสีหน้าเข่งขรึม หันมาทางผม พร้อมทำท่าทางจริงจัง ผมเองก็ตั้งใจฟังเต็มที่ อยากรู้มากเหมือนกันนะ ว่าใครกันนะเป็นผู้โชคดีคนนั้นที่เพื่อนผมยอมแม้กระทั่งเป็นฝ่ายที่มองเค้าอยู่ห่างๆ แบบนี้





“อยากรู้ก็ไม่บอกหรอก”แล้วมันก็หัวเราะออกมาเสียงดัง อย่างชอบอกชอบใจ ที่ได้แกล้งผม มันคงอยากให้ผมรู้สึกดีขึ้นมั้งเนี่ย เพราะผมว่าเรื่องของมันเองก็คงเศร้าเหมือนกัน แม้จะบอกว่ามีความสุขแล้วกับการที่ได้เห็นคนที่รักมีความสุข แต่ยังไงในใจมันก็ต้องมีสักนิดแหละ ที่ทำไมคนที่เรารักนั้นไม่มามีความสุขร่วมกับเราแต่เป็นคนอื่น ไม่รู้ไอ้แชมป์มันจะคิดเหมือนผมไหม แต่ผมคงยังทำไม่ได้ 100 % หรอกกับการที่จะเป็นผู้ให้

“อะไรว่ะแค่นี้ก็ต้องปิดกันด้วย เพื่อนกันหรือเปล่านิ”แสร้งทำเป็นไม่พอใจนิดหน่อยครับ เผื่อมันจะยอมเล่าให้ฟังบ้าง ได้สอดรู้สอดเห็นเรื่องคนอื่นนี่มันก็ช่วยให้หายเศร้าได้เหมือนกันนะเนี่ย

“ที่เรื่องของมรึงกับไอ้โอเล่ถ้ากรูไม่รู้เองมรึงก็คงไม่บอกกรูหรอกใช่ไหม”คำพูดมันทำเอาผมชะงักอีกแล้ว ไม่ใช่แค่ผมหรอกเพราะไอ้แชมป์เองก็คงจะรู้สึกว่าไม่ควรพูดเรื่องนี้เท่าไหร่

“ก็มันเรื่องไม่สมควรให้คนอื่นรู้นิ”ผมพยายามปรับสีหน้าให้เพื่อนเห็นว่าไม่ถือกับสิ่งที่มันเผลอพูดออกมาหรอก และก็อย่างที่ผมบอก คือเรื่องของผมกับโอเล่มันเป็นเรื่องที่อีกฝ่ายไม่อยากให้เปิดเผยกับคนอื่น ผมเลยต้องปกปิดไว้

“เรื่องของกรูมันก็อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้นิ”น้ำเสียงที่ฟังดูหม่นๆ ของไอ้แชมป์แสดงว่ามันเองก็อาจจะเป็นทุกข์ใจอยู่เหมือนกันกับเรื่องของมันเอง และมันคงไม่อยากเล่า คนเรามันก็คงมีทางออกของแต่ละคน บางคนอาจจะอยากระบายแต่บางคนอาจจะอยากเก็บไว้คนเดียว อย่างตอนนี้แชมป์มันคงไม่อยากให้ผมรับรู้ ผมก็ต้องเคารพการตัดสินใจของมัน วันนึงที่มันอยากเล่าอยากบอกมันก็คงบอกเอง

“เออๆ ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอกหรอก กรูไม่ได้จะเซ้าซี้มรึงหรอก อย่ามาตีหน้าเศร้าเหมือนคนอกหัก กรูปลอบไม่เป็นเพราะกรูก็ใจสลายไม่ต่างกัน”ผมพยายามปรับสถานการณ์ไม่ให้ดูตึงเครียด

“โอเค ว่าแต่มรึงอยากรู้ไหมว่าโอเล่มันคุยไรกับกรู”อุตส่าห์ว่าไม่อยากคุยเรื่องนี้แล้วแต่มันก็ยังวกเข้ามาอีกจนได้สิน่า หรือนี่จะเป็นการเพิ่มภูมิต้านทานให้ผมว่าต้องทนกับเรื่องของคนๆนี้ให้ได้

“ไม่อยากรู้ ถ้าอยากรู้ก็ฟังมรึงคุยตั้งแต่ตอนอยู่บางแสนแล้ว”ผมบอกผ่านอย่างไม่ได้ใส่ใจเท่าใดนัก

“แต่กรูอยากเล่า”อ้าวไอ้นี่จะอะไรของมันอีกเนี่ย

“ไหงงั้น”ผมทำท่าเซ็งๆ แบบมรึงจะเอาไงก็เอาเหอะ  มาถึงขนาดนี้แล้วคงไม่สามารถเจ็บไปมากกว่านี้แล้วละ จะรับรู้อะไรกับเค้าอีกหน่อยคงไม่เป็นไรหรอก ถึงยังไงตอนนี้ผมก็ยังตัดเค้าไม่ได้ เอาไว้วันไหนที่ผมคิดว่าจะตัดให้ได้อย่างจริงจัง วันนั้นผมหวังว่าจะไม่มีใครเอาเรื่องของเค้ามาเล่าให้ผมฟังอีก แน่นอนวันที่ว่านี้คงอีกไม่นานแล้ว

“มันให้กรูช่วยบอกให้มรึงรีบพร้อมไปคุยกับมันเสียที มันบอกมีหลายเรื่องหลายอย่างที่ อยากจะพูดกับมรึง”งั้นเหรอ หลายเรื่องที่อยากจะคุยกับผม แต่ผมคิดว่าสำหรับผมแล้วมันมีแค่เรื่องเดียวเท่านั้นแหละที่ยังจะต้องคุยกับเค้า

ผมแหงนหน้ามองเพดานเพราะเหมือนน้ำตามันจะไหลออกมาอีกแล้ว นี่ผมเป็นคนเจ้าน้ำตาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ไอ้แชมป์เอื้อมมือมาแตะไหล่ผมเบาๆเหมือนต้องการปลอบประโลม แต่มันช่วยผมได้ไม่มากนักหรอก คงต้องใช้เวลาอีกพอสมควรกว่าที่ผมจะทำใจกับเรื่องนี้ได้

“คุยตั้งนาน บอกแค่นี้เองเหรอ”หลังจากที่พยายามกลั้นน้ำตาไว้ได้ ผมก็ปรับสีหน้าให้ดีขึ้น พร้อมกับถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่ยังดูสั่นๆ อยู่เล็กน้อย

“อยากให้เล่าต่อจริงเหรอ”ผมได้แต่พยักหน้า และยิ้มบางๆ ให้เพื่อนรับรู้ว่าผมยังไหวน่า ก็ยังมีมันเองนี่นาที่อยู่เป็นเพื่อนผม ไม่คิดเหมือนกันนะว่าผมกับมันจะคบกันมาได้นานขนาดนี้ เพื่อนคนอื่นๆ นี่ห่างกันไปเกือบจะหมดแล้ว นี่แหละมั้งที่เค้าบอกว่าคนเราต้องมีเพื่อนรู้ใจสักคน ผมว่าไอ้แชมป์นี่แหละที่รู้ใจผมที่สุด แต่ไม่รู้ว่าผมเองรู้ใจมันมากแค่ไหนนะ

“ก็ไม่มีไรมากหรอก มันก็พร่ำเพ้อแต่คำแก้ตัวของมันนั่นแหละ ว่าไม่ได้อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ มันไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น แล้วก็...”แชมป์หยุดเว้นระยะก่อนจะหันมามองผม เหมือนจะพูดต่อ แต่กลับหันไปยกเบียร์ดื่ม แล้วไม่เล่าต่อซะงั้น

“แล้วก็...อะไรเล่า”แม้ผมจะพอรู้ว่าโอเล่จะพูดอะไรทำนองนี้ แต่ว่ามันมีอะไรอีกเหรอที่แชมป์มันไม่ยอมพูด

“มันบอกว่ามันรักมรึงจริงๆ”ไอ้แชมป์พูดแล้วก็ดื่มอีก ไอ้แชมป์มันคงกำลังคิดว่าโอเล่ไม่ได้รักผมจริงๆ อย่างที่พูดแน่ๆ ส่วนผมนะเหรอ มันก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าคำคำนี้มันคือความจริง หรือแค่ลมปากของคนที่โกหกจนเป็นนิสัย ผมเคยเห็นเค้าโกหกอ้อน ต่อหน้าต่อตาผม แล้วคำที่เค้าพูดกับผมเล่า เค้าจะไม่เคยโกหกผมบ้างรึไง แต่คำนี้ผมก็ยังยอมโง่คิดว่ามันคือความจริงมาตั้งนานนี่เนอะ

“งั้นเหรอ”ผมยกเบียร์ขึ้นดื่มอีกระลอกใหญ่ จนตอนนี้เริ่มตึงๆ บ้างแล้วละ เพราะดื่มมาตั้งแต่บางแสน จนมานั่งดื่มอยู่นี่อีก ผมว่าแอลกอฮอล์นี่มันเป็นตัวเร่งน้ำตาหรือเปล่านะ เพราะเหมือนยิ่งดื่ม ยิ่งกลั้นไว้จะไม่ไหว แต่ตอนนี้ยังไม่เมามีสติดี นี่ถ้าเมาสงสัยผมบ่อน้ำตาแตก เขื่อนทลายอีกแน่ๆ

“แล้วมันไม่เคยบอกกับมรึงรึไง ทำไมต้องมาบอกผ่านกรูด้วย”ท่าทางเหมือนไอ้แชมป์จะไม่ชอบขี้หน้าโอเล่มากกว่าเดิมเสียละมั้งเนี่ย ปกติก็ไม่ค่อยชอบอยู่แล้วยิ่งมาเป็นแบบนี้ มันคงยิ่งเจ็บแค้นแทนผมเลยมั้งเนี่ย

“ช่างเหอะ มันจะพูดอะไรตอนนี้มันก็ไม่สำคัญอีกแล้ว จริงไหม”ผมยกแก้วชนกับกับไอ้แชมป์

“ฉลองความโสดกันดีกว่า คราวนี้กรูก็โสดเป็นเพื่อนมรึงแล้ว”ผมกระเซ้าไอ้แชมป์อีกรอบให้มันผ่อนคลายขึ้นบ้างเพราะเห็นมันยังขรึมๆ ไม่โต้ตอบกับผม

“มรึงเคยไม่โสดด้วยเหรอ”คำพูดของไอ้แชมป์ทำผมสะอึกอีกแล้วนะ ตอกย้ำเหลือเกินนะกรูอุตส่าห์จะผ่อนคลายบรรยากาศแล้วนะ ยังไม่ยอมเลิกอีก

“อ้าว ไอ้นี่ พอได้แล้ว เลิกพูดเรื่องนี้กันดีกว่า วันนี้เรามาเมาให้ลืมทุกอย่างไปเลยดีกว่า พรุ่งนี้ตื่นมากรูก็จะเป็นคนใหม่ ไม่เหลือไอ้แฟ้มผู้โง่เขลาอีกแล้วละ”ผมบอกอย่างยิ้มแย้ม ผมต้องเริ่มเข้มแข็งได้แล้ว พยายามบอกตัวเองเอาไว้ แม้จะยังทำไม่ได้ก็เถอะ แค่พยายาม สักวันมันคงทำได้แหละน่า จริงไหม

“มีอีกเรื่องที่โอเล่มันบอกกรู”

“กรูบอกว่าพอแล้ว”ส่งสายตาขวางๆให้มันรู้สึกว่าผมไม่อยากฟังอีกแล้วจริงๆ พอสักที

“อันนี้สุดท้ายแล้ว สำคัญมาก”ผมได้แต่ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย เริ่มจะไม่เข้าใจกับมันแล้ว ว่าเพื่อนผมจะอะไรกันอีก เหมือนจะช่วยปลอบ แต่ก็เหมือนจะตอกย้ำให้เจ็บ หรือมันต้องการให้ผมระลึกได้เสียที ว่าผมต้องทนทรมานมานานแค่ไหนกับผู้ชายคนนี้ และถึงเวลาที่ต้องเจ็บแล้วก็คงต้องเจ็บให้ถึงที่สุดก่อนจะจบทุกอย่างไว้แค่นั้น เจ็บครั้งเดียวให้พอ อย่าได้เก็บไปเจ็บอีกเป็นอันขาด

“สุดท้ายแน่นะ”อดที่จะมีน้ำเสียงตำหนิไม่ได้เพราะ เริ่มไม่ค่อยอยากคุยเรื่องนี้แล้ว

“มันบอกว่าฝากกรูดูแลมรึงด้วย”ไอ้แชมป์วางแก้วเบียร์ก่อนจะหันมามองผมนิ่ง ผมมองแววตาที่เพ่งมายังผมอย่างไม่เข้าใจมันเท่าไหร่ โอเล่จะมาฝากมันดูแลผมทำไม แล้วจู่ๆ ไอ้แชมป์ก็ขยับเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ จนจะชิดอยู่แล้ว ก่อนจะจับมือผมไปกุมไว้

“ให้กรูดูแลมรึงนะ”หมายความว่ายังไงกัน ทำไมมันทำอะไรแปลกๆ แบบนี้สายตาที่ยากจะเข้าใจนั้นยังคงมองมาที่ผม อย่างกับว่ารอคอยคำตอบอะไรบางอย่าง

“กรูว่ามรึงเมาแล้วป่ะเนี่ยไอ้แชมป์ กรูดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องมีใครมาดูแลหรอก โตขนาดนี้แล้ว พูดแปลกๆ เมาใช่ไหมเนี่ยมรึง”ผมพูดออกไปอย่างพยายามที่จะไม่คิดอะไร พยายามจะคิดว่าเพื่อนผมแค่เมามันไม่ได้มีอะไรแอบแฝง แต่ไอ้แชมป์ก็ยังคงเงียบอยู่พักใหญ่ จนผมเริ่มชักจะอึดอัด

“สงสัยกรูจะเมาจริงๆ ละมั้ง งั้นกรูไปนอนก่อนแล้วกัน”อยู่ๆ มันก็ปล่อยมือผมลุกออกไปดื้อๆ ตกลงวันนี้มันเป็นไรของมันเนี่ย

ผมเก็บข้าวของจนเรียบร้อยก่อนจะเดินเข้าห้องนอนตามเพื่อนไป ไอ้แชมป์นอนอยู่ฝั่งนึงของเตียงซึ่งกว้างพอที่ผมจะนอนอีกฝั่ง ไม่รู้มันหลับไปรึยังแต่ผมก็นอนลงอย่างเบาที่สุด ซึ่งก็คงไม่เบาพอเพราะจากที่ไอ้แชมป์นอนตะแคงอยู่หันมานอนหงาย ก่อนผมจะรู้สึกได้ว่ามือของมันมาจับมือผมไว้

“ยังไม่หลับเหรอ”ผมเอ่ยออกไปเบาๆ ซึ่งแตกต่างจากแรงบีบมือที่คนข้างๆผมกระทำต่อมือของผมที่เหมือนจะแรงขึ้นเรื่อยๆ

“รู้ไหมมรึงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกรูเลยนะ”เป็นคำพูดที่มาจากใจจริงของผม ไม่มีใครจะหวังดีกับผมมากไปกว่ามันอีกแล้วนอกจากพ่อกับแม่ของผม แต่ตอนนี้ผมเริ่มจะเจ็บมือเพราะแรงบีบของมันเสียแล้ว

“แชมป์...”ผมเรียกชื่อพร้อมกับหันหน้ามองคนที่อยู่ข้างๆ แม้มันจะมืดแต่ผมก็พอรู้ว่าอีกฝ่ายก็มองผมอยู่เหมือนกัน

“นอนเถอะ ง่วงแล้ว อีกอย่างพรุ่งนี้ตื่นมาอย่าลืมเป็นคนใหม่นะ”ไอ้แชมป์บอกเพียงเบาๆ ก่อนจะปล่อยมือผมพร้อมกับหันหลังให้ผม ผมมองแผ่นหลังนั้นอยู่เพียงครู่เปลือกตาก็ปิดลง

---------------------------------------

ดูๆ แล้วตัวเอกเรื่องนี้คงโดนหมั่นไส้กันยาวๆ เลยทีเดียว 555

แวะมาต่อคร๊าบบบบ ถ้าไม่ได้ไปไหนช่วงนี้ก็คงมาต่อเรื่อยๆ ทุกวันนะคร๊าบบบบ มาติดตามกันได้

 o13 :bye2:

ออฟไลน์ hembetaro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
Re: ระหว่างเราคือ...??? [4-11-2014]
«ตอบ #48 เมื่อ04-11-2014 20:01:38 »


แฟ้มแมร่งงงงก็โง่เกิ๊นนนน  :m16:

ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: ระหว่างเราคือ...??? [4-11-2014]
«ตอบ #49 เมื่อ04-11-2014 20:25:48 »

 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: หน่วงงงง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ระหว่างเราคือ...??? [4-11-2014]
« ตอบ #49 เมื่อ: 04-11-2014 20:25:48 »





ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
Re: ระหว่างเราคือ...??? [4-11-2014]
«ตอบ #50 เมื่อ04-11-2014 21:46:41 »

อ่านแล้วชักจะหวั่นๆ
กลัวว่าเรื่องโอเล่กับอ้อน

สุดท้ายแล้ว..กลับหน้ามือเป็นหลังมือ
คดีพลิก

มวยล้มต้มคนอ่าน
เหรออออออ
อิอิ

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: ระหว่างเราคือ...??? [4-11-2014]
«ตอบ #51 เมื่อ04-11-2014 23:34:13 »

อย่างโอเล่เนี่ยนะฝากแชมป์ดูแลแฟ้ม เหลือเชื่อมากกกกกก  :katai1:
ว่าแต่ตัวละครเรียนจบทำงานตอนไหน :a5: นี้เราอ่านข้ามอะไรไปเปล่าเนี่ย

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: ระหว่างเราคือ...??? [4-11-2014]
«ตอบ #52 เมื่อ05-11-2014 17:57:33 »

“ขับรถดีๆ นะ มีอะไรไม่สบายใจก็โทรหากรูได้นะ”แชมป์บอกกับผมในตอนที่กำลังจะกลับ หลังจากคลุกอยู่ห้องของไอ้แชมป์อีกเกือบทั้งวัน ผมอดที่จะขำกับมันไม่ได้ที่ทำเป็นล่ำลา เหมือนผมจะจากไปไหนยังงั้นแหละ แต่ก็พอเข้าใจว่ามันคงยังห่วงผมอยู่นั่นเอง เลยพูดคุยล่ำลากันอีกนิดหน่อย ก่อนจะขับรถกลับ เพื่อเตรียมพร้อมเผชิญกับความเป็นจริงที่ผมต้องยอมรับ เพียงไม่นานนัก รถของผมก็เคลื่อนที่ถึงลานจอดรถอพาร์ทเม้นท์ที่ผมพักพิง 

“เฮ้อ...เข้มแข็งไว้ไอ้แฟ้ม”ถอนหายใจยาวๆ พร้อมกับบอกตัวเอง สงสัยผมต้องหาเวลาแวะกลับไปหาพ่อกับแม่บ้างแล้วละมั้ง เพราะนี่ก็ไม่ค่อยได้ไปหาท่านเท่าไหร่เลย  ผมเป็นลูกคนเดียว แต่ว่าที่บ้านผมรับหลาน ที่เป็นลูกของน้าผมมาอยู่ด้วยอีกคน เพราะครอบครัวของน้าสาวผม กับน้าเขย แยกกันอยู่ตั้งแต่ลูกยังเล็กๆ ผมเลยเหมือนมีน้องสาวอีกคน พ่อแม่ผมก็รักเธอเหมือนลูกสาวแท้ๆ ที่ผมไม่ค่อยกลับบ้านก็เลยหายห่วงพวกท่านไปบ้าง เพราะยังมีน้องสาวอีกคนที่อยู่เป็นเพื่อนท่านทั้งสอง แต่หลังจากนี้ผมคงได้มีโอกาสได้กลับบ้านบ่อย ขึ้นแล้วละมั้ง

“กลับมาแล้วเหรอ”ทันทีที่ก้าวลงจากรถผมก็ต้องสะดุ้งเพราะมีอีกคนมายืนอยู่ตรงหน้า

“ท...ทำไมมาอยู่ตรงนี้”ผมพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่แสดงอาการใดๆ ออกไป มันเร็วเกินไปไหมที่ผมจะต้องเผชิญหน้ากับเค้า ถึงผมจะตัดสินใจแล้วว่าจะจบความสัมพันธ์ระหว่างผมกับโอเล่ แต่การที่ต้องมาเจอกับเค้าโดยไม่ทันได้ตั้งตัวแบบนี้ ผมก็ค่อนข้างจะเหวอไปเหมือนกัน

“มารอแฟ้มไง”คำพูดเสียงแผ่วมาพร้อมกับอ้อมกอดที่เค้าสวมกอดจากทางด้านหน้าของผม คำพูดของเค้าอาจจะฟังดูแปลกไปนิดหน่อยเพราะปกติเราก็ยังเรียกกันมรึงกับกรูมาตลอดแต่วันนี้เค้ามาเรียกชื่อผม มันเลยรู้สึกแปลกๆ ออกไปจากทุกครั้ง

“ปะ...ปล่อยเถอะ”ผมพยายามดันตัวเค้าให้ออกห่าง ด้วยเหตุผลหลายๆอย่างบอกกับผมว่าไม่ควรทำแบบนี้อีกแล้ว

“มานี่มีอะไรหรือเปล่า”น้ำเสียงราบเรียบที่ผมพูดออกไปทำให้เค้ามีแววตาขุ่นเคืองอยู่เล็กน้อย เค้าเพ่งมองมาที่ใบหน้าของผม โดยไม่ได้พูดอะไร เหมือนเค้าต้องการค้นหาบางอย่างจากผม ซึ่งผมก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าเหตุผลที่เค้ามาที่นี่เพราะอะไร แต่ที่ถามออกไปเพราะมันไม่รู้จะพูดอะไรกับเค้าต่างหาก

“ขอขึ้นไปคุยบนห้องได้ไหม”หลังจากเงียบอยู่นานเค้าก็เอ่ยปากขึ้นมา จริงๆเค้าก็ยังมีกุญแจห้องผม แล้วทำไมไม่ขึ้นไปรอบนห้องให้มันรู้แล้วรู้รอดไป ไม่ต้องมาทำมารยาทดีขออนุญาตจากผมหรอก

“ทุกทีก็ขึ้นไปเองได้นิ ทำไมวันนี้ต้องมารอตรงนี้หละ”ออกจะประชดประชันนิดๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะอยากให้เค้ามารอผมบนห้องหรอกนะครับ แต่เหมือนเค้าจะตีความอย่างนั้น เพราะมีรอยยิ้มน้อยๆที่มุมปากนั้น เหอะตอนนี้เค้ายังมีกะใจยิ้มออกอยู่อย่างนั้นเหรอ

“ก็รู้ว่าแฟ้มไม่อยู่ สู้รออยู่ตรงนี้ถ้าแฟ้มกลับมาก็จะได้เจอเร็วกว่ารออยู่บนห้อง”คำพูดแบบนี้ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมคงจะรู้สึกดีไม่น้อย แต่ตอนนี้มันไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้วที่จะมาพูดเอาป่านนี้ ในตอนที่เราเคยอยู่ด้วยกันสมัยที่ยังเรียนอยู่ ในตอนที่เค้ายังไม่ได้คบกับผู้หญิงคนไหน ในตอนที่เค้ายังไม่ได้เป็นแฟนกับอ้อน ถ้าเป็นช่วงเวลาเหล่านั้นผมจะมีความรู้สึกดีกว่านี้อีกหลายร้อยเท่า

“มีอะไรก็ไปคุยกันบนห้อง”ผมรีบตัดบทเมื่อเค้าพยายามจะเข้าถึงตัวผมอีก เพราะนี่มันอยู่ในที่ไม่เหมาะไม่ควรเท่าไหร่ กับการจะมาเคลียร์ปัญหากันในลานจอดรถแบบนี้



“แฟ้ม...เล่รักแฟ้มนะ”ทันทีที่เค้าปิดประตูตามผมเข้าภายในห้องพัก เค้าก็สวมกอดผมมาจากทางด้านหลัง ผมได้แต่นิ่งรอฟังว่าเค้าจะพูดอะไรต่อ และไม่ได้ขัดขืนเค้าเพราะในส่วนลึกแล้วผมยังคงต้องการอ้อมกอดนี้อยู่ มันคงจะไม่ผิดถ้าผมจะขอสัมผัสกับอ้อมกอดนี้อีกเป็นครั้งสุดท้าย

“เล่น่าจะรู้ใจตัวเองให้เร็วกว่านี้ ขอโทษนะแฟ้มที่ทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้”ผมพยายามกลั้นน้ำตาอย่างสุดความสามารถ ไม่อยากจะร้องออกมา อย่างที่บอกว่าทุกอย่างที่เค้ามาพูดเอาตอนนี้มันไม่สำคัญอีกแล้ว ไม่ว่าเค้าจะพูดจากใจจริงหรือเค้ากำลังคิดทำอะไรอยู่ก็ตาม ผมหันหลังกลับเพื่อเผชิญหน้ากับเค้า

“ไม่ต้องขอโทษ ไม่ต้องเสียใจ มรึง...”เค้าเอานิ้วมาแตะที่ริมฝีปากผมเหมือนให้หยุดพูด

“จากนี้เราจะไม่พูดกรูกับมรึงอีกแล้ว โอเคไหม”มันจะแตกต่างกันตรงไหน ในเมื่อจากนี้เราก็อยู่ในฐานะเพื่อนกันแค่จะพูดกรูกับมรึงมันก็ไม่ได้แปลกอะไรนี่นา ก็ใช้คำนี้มาตั้งนาน แต่ผมก็ไม่อยากยุ่งยากในเมื่อเค้าต้องการแบบนั้นก็จะทำให้ ให้มันจบๆไป

“ฟังนะ มันเป็นเรื่องที่น่ายินดี จากนี้เล่จะมีครอบครัว จะมีลูก อีกไม่นานก็ต้องแต่งงานแล้ว เรื่องของเราสองคนมันก็แค่ความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้น จากนี้ไปเราสองคนก็ต้องทำให้มันถูกต้อง”เค้าจ้องหน้าผมนิ่งแววตาฉายแววเสียใจอย่างเห็นได้ชัดถ้าผมไม่ได้คิดไปเองนะ แต่มันไม่ใช่แค่เค้าหรอกที่จะเสียใจกับเรื่องนี้ ผมเองก็เสียใจเหมือนกัน และถ้าผมกับเค้ายังไม่จบเรื่องระหว่างเราสองคน คนที่ต้องเจ็บปวดกับเรื่องนี้มันต้องมีเพิ่มขึ้นอีกอย่างแน่นอน

“เล่ทำร้ายแฟ้มมาตลอด ถึงจะอยากขอโทษอยากจะแก้ไข ตอนนี้มันก็คงไม่ทันแล้วใช่ไหม”มือของเค้าลูบไล้ไปบนใบหน้าของผม ทำไมกันนะ ทำไมผมถึงยอมปล่อยให้เรื่องราวมันมาจนถึงวันนี้ ที่จริงผมน่าจะหยุดมันได้ตั้งนานแล้ว เพราะรู้ว่าสักวันต้องมีวันนี้

“กรู...เอ่อเราไม่เป็นไรเลย เราโอเค เล่ก็เห็นนิถ้ากังวลเรื่องนี้ก็ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น ตอนนี้ทุกคนต้องทำในสิ่งที่มันถูกต้อง”ผมพูดได้แค่นั้น ริมฝีปากร้อนของอีกคน ก็ประกบเข้ามาที่ริมฝีปากของผมก่อนที่ลิ้นอุ่นๆ นั้นจะแทรกเข้ามาในปากของผม สองมือของเค้าเองก็ไม่ได้อยู่นิ่งมันแทรกสอดเข้ามาภายใต้เสื้อของผม มันทำให้ผมอ่อนระทวยไปทั้งตัว ริมฝีปากเค้าเริ่มเลื่อนมาที่ซอกคอ เสื้อผ้าผมถูกเลิกสูงขึ้นเรื่อยๆ

“ยะ...อย่าทำแบบนี้”ผมรวบรวมสติผลักเค้าออกก่อนที่อะไรมันจะเลยเถิดไปกว่านี้ ถ้าคิดจะหยุดความสัมพันธ์มันก็ต้องเริ่มตั้งแต่ตอนนี้ ผมยืนหอบอยู่ไม่ห่างจากเค้านัก ตัวเค้าเองมีแววตาสงสัยในการกระทำของผมอยู่ไม่น้อย

“เราจะไม่ทำแบบนี้กันอีก”ผมบอกด้วยความมุ่งมั่น

“ครั้งสุดท้าย...ได้ไหม”แววตาวิงวอนจนผมแทบจะใจอ่อนแต่ไม่มีทาง ผมจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกแล้ว

“อย่าดีกว่า”ผมบอกออกไปเสียงแผ่ว แน่นอนผมยอมรับว่าตัวเองก็มีความต้องการเหมือนกัน อยากที่จะสัมผัส อยากให้เค้าเข้ามาภายในร่างกายของผมอีกสักครั้ง แต่มันไม่ถูกต้อง ผมต้องหักห้ามใจเสียตั้งแต่ตอนนี้

“โอเค...แต่ยังไงคืนนี้ขอค้างด้วยนะ”ผมเลิกคิ้วด้วยความสงสัยว่าในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว และเราก็คุยกันน่าจะรู้เรื่องแล้วว่าต้องจบเรื่องนี้ เค้าเองก็ไม่มีความจำเป็นใดที่จะต้องค้างที่นี่

“ขอแค่นอนกอดเฉยๆ ได้ไหม”แววตาวิงวอนนั้นที่แฝงไปด้วยความหงอยเหงาเศร้าสร้อย ทำให้ผมเริ่มใจอ่อน ผมชักเริ่มเกลียดตัวเองมากขึ้นเสียแล้ว ที่ยังยอมใจอ่อนให้ผู้ชายคนนี้อีก ทั้งที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเค้าทำให้ผมเจ็บตั้งเท่าไหร่แล้ว

“พรุ่งนี้ก่อนกลับก็คืนกุญแจห้องด้วยนะ”ผมบอกออกไปเสียงเรียบ อีกฝ่ายยิ้มตอบกลับมา แต่มันเป็นยิ้มที่ดูไม่ค่อยจะมีความสุขเท่าใดนัก

โอเล่ยังไม่ได้ทานอะไรมา ซึ่งในห้องผมก็พอจะมีแค่เพียงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเท่านั้น ส่วนผมเองเหมือนร่างกายมันไม่อยากอาหารเอาเสียเลย ผมปล่อยให้เค้าหาอะไรทานเองเพราะเค้าก็คุ้นเคยกับข้าวของทุกอย่างที่นี่อยู่แล้ว ส่วนผมปลีกตัวออกมาอาบน้ำชำระร่างกาย สายน้ำจากฝักบัวที่ไหลรินลงมาที่ร่างเปลือยเปล่าของผมมันไม่ได้ช่วยให้ความคิดในใจผมสงบลงแม้แต่น้อย จากนี้ไปผมจะต้องอยู่โดยไม่มีเค้าแล้ว บอกตามตรงว่าผมยังไม่พร้อมเลยสักนิดกับการที่ไม่มีเค้า เค้าทำให้ผมเสพติดเค้าเสียแล้วแม้ว่าผมจะไม่ได้ครอบครองเค้าเพียงคนเดียว แต่เมื่อก่อนผมก็จะได้มีช่วงเวลาที่น่าจะดีกับเค้าอยู่บ้าง แต่จากนี้ไปมันจะไม่มีอีกแล้ว ถึงจะยังไม่พร้อมแต่ผมก็ต้องทำ น้ำตาผมเริ่มไหลแข่งกับน้ำจากฝักบัว เวลาผ่านไปนานจนน้ำตาผมเหือดแห้งผมจึงเช็ดเนื้อเช็ดตัวออกจากห้องน้ำ

“นึกว่าจะนอนในห้องน้ำซะแล้ว”ทันทีที่ออกมาก็มีอีกคนมาแซวแทบจะทันที

“กินเสร็จแล้วเหรอ”ผมถามออกไปอย่างไม่ได้ต้องการคำตอบเท่าใดนัก

“เรียบร้อยแฟ้มจะกินไหมเดี๋ยวทำให้”ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ เพราะมันเหมือนจะกินไม่ลงจริงๆ

“เดี๋ยวจะนอนแล้ว ตามสบายนะ”ผมบอกก่อนจะเดินเข้าห้องนอนเพื่อหาเสื้อผ้าใส่นอนโดยไม่ได้หันไปมองหรือพูดคุยใดๆ กับเค้าอีก ผมเข้าห้องเช็ดผมจนแห้งใส่ชุดนอน ทาครีมบำรุงผิวเล็กน้อย ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงที่คุ้นเคย เตียงนอนที่บางวันมีคนมานอนเคียงข้าง ผมพยายามข่มตาหลับแต่มันก็ไม่ยอมหลับเสียที คงเพราะนี่มันยังแค่หัวค่ำอยู่นั่นเอง

ผมผล็อยหลับไปตอนไหนไม่รู้แต่มารู้สึกตัวอีกทีตอนที่รู้สึกว่าเหมือนตัวเองกำลังอยู่ในอะไรที่กำลังเคลื่อนที่ ผมลืมตาขึ้นช้าๆ พยายามปรับสายตา มองไปรอบๆตัวแล้วก็ต้องเบิกตาโพลง นี่มันอะไรกัน

“จะไปไหน”ผมถามอีกคนที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งคนขับ ใช่แล้วครับตอนนี้ผมนอนอยู่เบาะหลังของรถ ซึ่งมีโอเล่ขับ พยายามมองสองข้างทางว่าคือที่ไหน แต่ดูแล้วเหมือนจะไม่ใช่แถวๆ ที่ผมอยู่แสดงว่าออกมาไกลมากแล้ว นี่ผมหลับไม่รู้เรื่องขนาดนี้เลยเหรอ เค้าลากผมออกมาตั้งแต่ตอนไหนกัน แล้วนี่เค้าจะพาผมไปไหน

“นี่...ถามว่าจะไปไหนได้ยินหรือเปล่า”ผมถามย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไม่ยอมตอบคำถาม

“หนีไง หนีไปด้วยกันนะ”คำตอบของเค้าทำเอาผมอึ้ง นี่เค้าคิดอะไรของเค้ากัน บ้าหรือเปล่า
--------------------------------

ก็เดากันไปครับว่าคู่นี้จะเป็นยังไงต่อ 555

ความน่าหมั่นไส้มันยังไม่จบเพียงเท่านี้ :hao7:

ส่วนที่ว่าตัวละครเรียนจบกันตอนไหน มีกล่าวถึงนิดนึงนะครับ แค่ไม่ถึงบรรทัด 555 อาจจะไม่สะดุดตาเท่าไหร่ เพราะโพสต์ติดๆ กันมาเลย

ยังไงก็ติดตามกันต่อนะคร๊าบบบ อย่าเพิ่งเบื่อกันล่ะ o13

พรุ่งนี้ลอยกระทงขอให้สนุกกับการลอยกระทงนะคร๊าบบบบ

ถ้าไม่กลับดึกมากจะมาต่อเหมือนเคยนะ

 :bye2: :bye2: :bye2:

ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: ระหว่างเราคือ...??? [5-11-2014]
«ตอบ #53 เมื่อ05-11-2014 18:12:44 »

เยอะนะ นังโอเล่ รู้สึกตัวช้าไปมั้ย
ทีตอนสร้างเรื่องเสียกไม่คิด
ไปนอนเน่าให้หนอนกินเลยแก ย้ากกกกก!!! :z6: :z6:

ออฟไลน์ domeloly

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-4
Re: ระหว่างเราคือ...??? [5-11-2014]
«ตอบ #54 เมื่อ05-11-2014 20:14:32 »

เป็นแชมป์จะปล้ำไอ้แฟ้มแม่มเลย

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: ระหว่างเราคือ...??? [5-11-2014]
«ตอบ #55 เมื่อ05-11-2014 22:44:09 »

อ่านทันแล้ว และจะรออ่านตอนต่อๆไป
เรื่องนี้ ทำคนอ่านน้ำตาร่วงแทบทุกตอนเลย

ออฟไลน์ heroza

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 307
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: ระหว่างเราคือ...??? [5-11-2014]
«ตอบ #56 เมื่อ05-11-2014 22:48:21 »

เดาว่าโอเล่พอลงจากรถแล้วโดนนักเลงรุมตีค่ะ5555

(อิฉันหมั่นไส้โอเล่จนมีความคิดออกทุกทะเล)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ระหว่างเราคือ...??? [5-11-2014]
«ตอบ #57 เมื่อ05-11-2014 23:10:19 »

 :z6:

ออฟไลน์ hembetaro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
Re: ระหว่างเราคือ...??? [5-11-2014]
«ตอบ #58 เมื่อ06-11-2014 05:15:41 »


สรุปโอเล่แมร่งเห็นแค่ตัวเองเท่านั้นสินะ

อ้อนกับลูกในท้องก็ไม่แคร์ ความต้องการจะเลิกของแฟ้มก็ไม่สน  :z6:  :z6:

bnnjng

  • บุคคลทั่วไป

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด