[จบแล้ว] ระหว่างเราคือ...??? บทพิเศษ เรื่องของเด็กๆ [24-10-2017]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว] ระหว่างเราคือ...??? บทพิเศษ เรื่องของเด็กๆ [24-10-2017]  (อ่าน 36890 ครั้ง)

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: ระหว่างเราคือ...??? [5-11-2014]
«ตอบ #60 เมื่อ06-11-2014 17:30:21 »

“นี่...ถามว่าจะไปไหนได้ยินหรือเปล่า”ผมถามย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไม่ยอมตอบคำถาม

“หนีไง หนีไปด้วยกันนะ”คำตอบของเค้าทำเอาผมอึ้ง นี่เค้าคิดอะไรของเค้ากัน บ้าหรือเปล่า

“หยุดรถเดี๋ยวนี้ คิดอะไรบ้าๆ จะหนีไปไหน หนีไปได้ยังไง สมองนะคิดบ้างหรือเปล่าว่าผลที่ตามมามันจะเป็นยังไง ทำไมถึงทำอะไรไม่รู้จักคิดแบบนี้ กลับเดี๋ยวนี้นะ กรูไม่ไปกับมรึงหรอกนะ”ผมโวยวายอย่างเหลืออดก็ใครจะไปคิดทำบ้าๆแบบนี้กับเค้ากันละ

“เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไม่พูดกรูมรึงกันแล้ว”เค้ายังคงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนไม่ได้สะทกสะท้านอะไรกับสิ่งที่ผมเพิ่งจะพูดออกไป ผมพยายามข้ามจากเบาะหลังเพื่อไปยังที่นั่งข้างคนขับ

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”ผมบอกพร้อมกับแย่งพวงมาลัยกับคนขับ

“เฮ้ยๆ ทำอะไรเนี่ย”เค้าเบรกรถหยุดแทบจะทันทีเพราะรถเสียหลัก โชคดีที่ไม่ได้เสียหลักไปชนอะไรเข้า แค่หัวคะมำนิดหน่อยเอง จริงๆผมก็กลัวตายอยู่นะแต่ในเมื่อเค้าไม่ยอมหยุดรถก็ต้องทำแบบนี้แหละ

“อยากตายรึไงเนี่ย”เค้าหันมาตวาดผม

“ใช่ ถ้าจะให้หนีไปแบบนี้ ตายเสียยังจะดีกว่าอีก คิดดูหน่อยสิว่าคนอื่นๆเค้าจะเป็นยังไงกันบ้างถ้าเราหนีไปแบบนี้”ผมจ้องหน้าเค้าอย่างเอาเรื่อง นึกโมโหตัวเองที่หลับไม่รู้เรื่องปล่อยให้เค้าพาออกมาได้ไกลขนาดนี้ โมโหเค้าด้วยที่ทำไมไม่รู้จักคิดมาทำเรื่องแบบนี้

“แค่สองสามวัน ขอแค่นี้ได้ไหม”น้ำเสียงที่อ่อนโยนต่างจากเมื่อสักครู่กับสายตาที่กำลังอ้อนวอนผม แต่ผมยังไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่เค้าพูดเท่าไหร่ ว่ามันหมายความว่ายังไง

“หมายความว่ายังไง”

“ก็หนีไปด้วยกันสองคน ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแค่เราสองคนแค่ไม่กี่วัน ขอแค่นี้ได้ไหม”อยู่ด้วยกันแค่สองคนงั้นเหรอ แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรละ เราควรจะยอมรับความจริงกันน่าจะดีกว่า

“พรุ่งนี้เราต่างก็ต้องทำงานไม่ใช่เหรอ เรามีหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบนะ”ผมพยายามเตือนสติเค้าไม่ให้คิดทำอะไรแบบนี้อีก

“ลางานสองสามวัน ไม่เป็นไรหรอก นะเพราะนี่มันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้อยู่ด้วยกันแล้ว”เค้าเอื้อมมือมาจับที่มือผมเป็นการขอร้อง ครั้งสุดท้าย ครั้งสุดท้าย สมองผมกำลังคิดทบทวนอย่างหนัก แล้วผมก็พ่ายแพ้เค้าอีกจนได้





“ทำไมต้องมาถึงนี่ด้วย”ผมเอ่ยถามคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เรามาถึงตอนเช้ามืดและนอนพักกันอยู่ในรถพักนึงตอนนี้แสงแดดเริ่มทอแสง ผมและเค้ากำลังมองไกลออกไปในท้องทะเล ใช่แล้วตอนนี้เค้าพาผมมาทะเล เรากำลังจะข้ามไปเกาะเสม็ดกัน ตอนนี้อยู่ที่บ้านเพนั่นเอง

“อยากมาไกลๆ จะได้ไม่มีใครรู้จักอยากทำอะไรก็ทำ ที่นี่เราจะเป็นคู่รักที่ไม่ต้องแคร์ใครอีกไงละ เพราะไม่มีใครรู้จักเรา”หึในที่สุดแล้วเค้าก็ยังแคร์กับการที่จะอยู่กับผมเพียงลำพัง แต่เอาเถอะมาถึงนี่แล้วผมเองก็จะคิดเสียว่าให้มันเป็นไปหลังจากกลับไปแล้วเราจะจบเรื่องทุกอย่างโดยสิ้นเชิง

เรารอจนมีเรือที่จะข้ามไปเกาะ ก่อนจะเอาของไปเก็บที่พัก เค้าเก็บเสื้อผ้ามาให้ผมเรียบร้อย เราหาที่พักไม่ยากนักเพราะช่วงนี้มันไม่ใช่วันหยุด นักท่องเที่ยวก็พอจะมีบ้างแต่ไม่มากเท่ากับช่วงที่เป็นวันหยุดยาว ผมเคยมาสมัยเรียนกับเพื่อนๆ ตอนมหาวิทยาลัยตอนนั้นมาช่วงวันหยุดยาว คนเยอะมากๆ แถมตอนนั้นพักอยู่หาดทรายแก้วอีกต่างหาก คนยังกะฝูงมด ดีที่ครั้งนี้เลือกหาดที่คนไม่เยอะเท่าไหร่ดูสงบเงียบ ใช้ได้ โอเล่เป็นคนเลือกเค้าบอกว่าเคยมากับเพื่อนๆ เหมือนกันตอนเรียนมหาวิทยาลัย ตอนนั้นเราเรียนกันคนละคณะเลยไม่ได้มาด้วยกัน

หลังจากเก็บของเสร็จก็อาบน้ำล้างหน้าล้างตา หาข้าวกิน ตอนแรกเค้าชวนผมเล่นน้ำ แต่ผมอยากพักมากกว่าเดินทางมาทั้งคืน เค้าเองก็เหมือนกันยังไม่ได้หลับเลย ตอนนี้ผมคิดว่ายังไงซะก็ใช้เวลาที่จะได้อยู่ด้วยกันครั้งสุดท้ายให้เต็มที่แล้วกัน เพราะยังไงตอนนี้ผมก็ยังใจไม่แข็งพอจะต่อต้านเค้าหรอก

ผมตื่นมาอีกทีก็บ่ายคล้อยแล้ว ตัวผมเองอยู่ในอ้อมกอดของเค้า ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจะอยู่ใจอ้อมกอดนี้ตลอดไปนะ แต่ก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ผมค่อยๆ ขยับตัวออกจากอ้อมกอดนั้น ก่อนจะเดินออกมาสูดอากาศภายนอก กลิ่นไอทะเลทำให้รู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก ผมนั่งลงบนพื้นทรายบริเวณที่ต้นไม้ยังแผ่ร่มเงามาถึง มองไปตางน้ำทะเล ที่ผู้คนกำลังเล่นน้ำอยู่อย่างสนุกสนาน มีทั้งมาเป็นครอบครัว หรือกลุ่มเพื่อนๆ และแบบคู่รัก ที่เล่นน้ำกันอยู่สองคน ซึ่งก็มีทั้งชาวไทยเราเอง และชาวต่างชาติ ตอนแรกกะจะลงเล่นน้ำอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ได้เปลี่ยนชุดมาเลยไม่เอาดีกว่า

“ไม่เห็นปลุกกันบ้างเลย”ไม่นานนักเค้าก็ตามผมออกมา เค้านั่งลงข้างๆผมก่อนจะเอื้อมมือมาโอบผมให้พิงเข้าหาเค้า ผมไม่ได้ขัดขืน เพราะตั้งใจไว้แล้วว่าขอแค่ช่วงเวลานี้ครั้งสุดท้าย แม้จะรู้สึกผิดต่ออ้อน แต่ก็ใช่ว่าผมไม่เคยทำแบบนี้ ในเมื่อผมเองก็เคยทำผิดมาแล้วผิดอีกสักนิดก็คงไม่ต่างกันหรอก ใครจะว่าผมไม่ดีผมก็ยอม

“เห็นหลับอยู่ เมื่อคืนก็ขับรถมาทั้งคืน อยากให้นอนพักนะ”บอกออกไปโดยที่สายตายังคงจ้องมองท้องทะเลเบื้องหน้า

“เล่นน้ำไหม”เค้าเอ่ยถามเมื่อเห็นผมยังคงเอาแต่จ้องมองอยู่อย่างนั้น

“ไม่ละ”ผมปฏิเสธก่อนจะชวนเค้าไปหาที่นั่งบริเวณชายหาดในร้านสักร้านเพราะตอนนี้ผมเริ่มจะหิวอีกแล้ว มาทะเลทั้งทีขอกินอาหารทะเลให้พุงกางไปเลยดีกว่า พอได้ร้านผมก็สั่งเหมือนอดยากมาจากไหน รอไม่นานนักอาหารก็ทยอยออกมา ผมกับเค้าไม่ได้พูดคุยกันมากนัก ผมนะมันเหมือนจะพูดไม่ออกเท่าไหร่จะพูดอะไรออกไปมันก็ทำให้นึกถึงเรื่องราวต่อจากนี้ทุกที เค้าเองก็คงพอจะดูออก เลยได้แต่มองนู่นมองนี่ไปเรื่อย

“ไม่กินเหรอ มองอยู่ได้”ผมเกิดอาการเขินขึ้นมาเมื่อเค้าเอาแต่จ้องผมกิน แต่ตัวเองกลับไม่ยอมกิน นี่เหมือนจะเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำที่ผมได้มาเที่ยวสองคนกับเค้าแบบนี้ เมื่อก่อนเวลาไปเที่ยวก็ต่างคนต่างไปเพื่อนใครเพื่อนมัน หรือไม่ก็ไปกลุ่มเพื่อนผม แต่เค้าจะมาในฐานะแฟนของอ้อน

“ดูแฟ้มกินก็มีความสุขแล้ว เฮ้อ...อยากอยู่ที่นี่ไปตลอดเลยเนอะ”เค้าละสายตาจากผมเหม่อมองออกไปรอบๆ เค้าไม่ค่อยทานอะไรเท่าไหร่ เพียงแค่จิบเบียร์เล็กน้อยเท่านั้นเอง ส่วนอาหารที่สั่งมา ก็โดนประสิทธิภาพการทำลายล้างจากผมเรียบ

“เออนี่ ไปดูพระอาทิตย์ตกกันนะ”ผมเอ่ยปากชวน เพราะผมเองก็เคยคิดนานแล้วว่าสักวันจะได้ดูพระอาทิตย์ตกกับคนที่ผมรักบ้าง และตอนนี้ก็เริ่มจะใกล้เย็นเต็มทีแล้ว

“ทำไมอยากดูพระอาทิตย์ตกละ”

“ก็ท้องฟ้าตอนพระอาทิตย์ตกนะสวยออก เค้าบอกว่าท้องฟ้าเวลาพระอาทิตย์ตกนะสวยที่สุด ถึงแม้มันจะเป็นช่วงเวลาที่สั้นๆก็ตามที”เสียงผมแผ่วลงเล็กน้อยเมื่อพูดประโยคท้ายๆ เพราะนึกเปรียบเทียบกับความรักของผมเองที่จะมีความสุขได้แค่ในช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น อย่างเช่นในตอนนี้

“เป็นไรหรือเปล่า”เค้าเอื้อมมากุมมือผมไว้พร้อมกับถามอย่างอ่อนโยน

“ไม่มีไรก็แค่อยากดูพระอาทิตย์ตกกับคนที่เรารักไง โรแมนติกดีออกว่าไหม ขนาดไม่ได้ดูกับคนที่รักยังสวยแล้วถ้าได้ดูกับคนรักท้องฟ้ามันจะสวยแค่ไหนคิดดูสิ”ผมนึกถึงตอนที่ดูพระอาทิตย์ตกกับไอ้แชมป์ มันก็รู้สึกดีอยู่หรอกที่ได้ดูกับเพื่อนแต่ผมก็อยากดูพระอาทิตย์ตกกับเค้าเหมือนกันนะ

“เคยดูกับคนอื่นด้วยเหรอ”เค้าถามอย่างสงสัย

“ก็ดูกับไอ้แชมป์ไง”ผมตอบไปอย่างไม่ได้คิดอะไร แต่ดูเค้าชะงักไปเล็กน้อย

“ไปดูบ่อยไหมกับแชมป์นะ”น้ำเสียงเค้าเองก็เริ่มดูแปลกๆ แต่คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง

“ไม่หรอกก็นานๆ ทีที่มีเรื่องไม่สบายใจ แชมป์มันชอบชวนไปดูพระอาทิตย์ตกที่บางแสนนะ”ผมพูดไปยิ้มไปเมื่อนึกถึงเพื่อนอีกคน เพื่อนที่คอยอยู่เคียงข้างผมมาตลอด

“งั้นเล่ไม่ดูพระอาทิตย์ตกกับแฟ้มหรอก”

“อ้าวไหงงั้น”ผมไม่เข้าใจกับท่าทีของเค้า เค้าทำเหมือนงอนอะไรผมสักอย่างแล้วผมไปทำอะไรเค้ากันเล่า นี่ไม่ใช่เพิ่งจะรู้จักกันนะจะได้มาทำงอนโกรธกันแบบนี้ อายุอานามก็พอสมควรแล้ว อีกอย่างเค้าเองก็จะเป็นพ่อคนในอีกไม่ช้าแล้ว

“ก็แฟ้มเคยดูพระอาทิตย์ตกกับคนอื่นแล้ว เล่อยากให้เรามีความทรงจำที่แตกต่างจากคนอื่นเอาเป็นว่าเรานั่งดูพระจันทร์กันคืนนี้ดีกว่า”เป็นงั้นไปแต่จริงๆ สำหรับผมแล้วอะไรก็ได้หรอก แค่ได้มีเค้าอยู่เคียงข้างแม้จะเวลาสั้นๆ แค่นี้มันก็มีความหมายสำหรับผมแล้ว ผมรู้ว่าเค้าเองไม่ใช่คนดีอะไร แต่ทำไงได้ก็ผมรักเค้านี่นา แต่ผมก็จะรักเค้าได้อีกไม่กี่วันแล้ว

เมื่อยามค่ำคืนมาถึง ผมและเค้ามีเบียร์กระป๋องเล็กน้อยติดไม้ติดมือ ก่อนจะพากันเดินออกไปยังสะพานที่ยื่นออกไปในทะเลจากชายหาดแห่งนี้ น่าจะเรียกว่าสะพานปลา แต่ที่นี่คงไม่ได้หาปลากันหรอกมั้ง อีกอย่างก็ดูเป็นสะพานเล็ก ๆ มีนักท่องเที่ยวจับจองที่นั่งเป็นระยะๆ ทั้งที่เป็นคู่และเป็นกลุ่ม ผมกับโอเล่เลือกที่ว่างจุดนึงนั่งลง หย่อนขาบนสะพานนั้น เค้าขยับนั่งชิดผมก่อนจะดึงตัวให้พิงที่ไหล่ของเค้า ก่อนจะเปิดเบียร์สำหรับเค้าและผมคนละกระป๋อง เราเหม่อมองไปบนท้องฟ้า ที่วันนี้ไม่ค่อยมีดวงดาวมากนักเพราะเป็นข้างขึ้นพระจันทร์เกือบจะเต็มดวง ส่องแสงกลบดวงดาวอื่นๆเสียเกือบหมด

“สวยไหม”เค้าเอ่ยถามผมเสียงเบา จริงๆก็คงไม่เบามากแต่มันโดนเสียงคลื่นกลบไปเสียมากกว่า

“สวยสิ สวยมากเลยไม่เคยเห็นพระจันทร์ที่ไหนสวยเท่าที่นี่มาก่อนเลย”ผมพูดติดตลกเหมือนเป็นเรื่องยิ่งใหญ่เสียเหลือเกิน เค้าค่อยๆเอื้อมมือมาเชยคางผมขึ้นก่อนจะประกบริมฝีปากลงมา เนิ่นนานเหมือนมีแค่เราสองคน จนผมนึกขึ้นได้ว่าที่นี่มีคนอื่นอีกผมจึงผลักให้เค้าถอนริมฝีปากออก

“อายคนอื่นบ้าง”ผมปรามเบาๆ ด้วยความที่เกรงใจคนอื่น ไม่อยากทำอะไรประเจิดประเจ้อแบบนี้เท่าไหร่นัก

“ไม่มีใครสนใจเราหรอก”เค้าเหมือนจะไม่ใส่ใจแต่กอดกระชับผมเข้าไปอีก เมื่อเค้าไม่สนใจผมก็เลยปล่อยไป หันไปสนใจบรรยากาศดีกว่า

“น่าสงสารพระจันทร์เนอะ ต้องอยู่โดดเดี่ยวโดยไม่มีใครเคียงข้าง”ผมเอ่ยออกมาลอยๆ พระจันทร์เองก็อาจจะเหมือนผมอีกแหละที่จากนี้ไปก็คงต้องอยู่เพียงลำพัง ไม่มีใครอีกแล้ว โอเล่ไม่ได้พูดอะไรเค้าคงกำลังคิดหาคำพูดอยู่มั้ง แต่ผมว่าเค้าคงคิดไม่ออกหรอกกับการจะหาคำใดมาปลอบผม ถึงแม้เราสองคนจะไม่อยากเอ่ยถึงแต่เราทั้งคู่ก็รู้ดีอยู่แล้วว่าหลังจากนี้ไปมันจะเป็นยังไง

“รู้ไหมทำไมพระจันทร์ถึงต้องอยู่เพียงลำพัง”ผมถามออกไปเสียงแผ่ว อย่างไม่ได้ต้องการคำตอบ แต่ต้องการจะบอกให้เค้าฟังมากกว่า เค้ากระชับอ้อมกอดที่โอบผมไว้ ก่อนจะหันมามองหน้าผมสลับกับพระจันทร์ เค้าจะรู้บ้างไหมว่าพระจันทร์ที่โดดเดี่ยวนั้นมันจะอ้างว้างขนาดไหน แต่ผมคิดว่าผมคงกำลังจะรู้แล้ว

“ทำไมเหรอแฟ้ม”เค้าทำท่าอยากรู้ในสิ่งที่ผมตั้งคำถาม

“เพราะการจะอยู่ด้วยกันมันช่างยากเหลือเกิน”ผมกล่าวออกไปช้าๆ พร้อมกับน้ำตาที่ไม่อาจกลั้นไว้ได้อีกต่อไป ใช่แล้วละการที่จะอยู่เคียงข้างกับใครสักคนที่เรารัก มันช่างยากเย็นเหลือเกิน ไม่มีคำพูดใดๆ ออกจากปากของเราทั้งสองอีก มีเพียงอ้อมกอดที่แนบแน่นที่เราต่างมีให้กัน เนิ่นนาน จนน้ำตาผมเริ่มเหือดแห้ง ผมว่าช่วงนี้ถ้าหาอะไรมารองน้ำตาผมคงได้ไปหลายถังแล้วละมั้ง มือของเค้าค่อยๆ บรรจงเช็ดคราบน้ำตา ก่อนที่เราสองคนจะแหงนหน้ามองท้องฟ้าอีกครั้ง มีเพียงเสียงคลื่นที่ยังคงดังอยู่เป็นระลอก ตอนนี้หลายๆ คนที่นั่งอยู่บริเวณสะพานเริ่มทยอยกลับไปที่พักกันแล้วเพราะตอนนี้น่าจะดึกพอสมควรแล้ว

“ดาวตก”เราพูดขึ้นพร้อมกัน พร้อมๆกับที่หันมองหน้ากันและกัน เห็นเค้าว่ากันว่าถ้าอธิฐานตอนดาวตก คำอธิฐานนั้นจะเป็นจริง แต่ผมไม่รู้จะอธิฐานอะไรดี

“อธิฐานกันไหม”เค้าเอ่ยปากชวนผม คงเพราะคิดเหมือนหลายๆคนนั่นเองว่าอธิฐานแล้วคำขอจะเป็นจริง ผมเพียงพยักหน้า แต่คิดว่าคงไม่ขออะไรจากดวงดาวหรอก เพราะสิ่งที่ผมยังต้องการมันคงไม่ดีแน่ถ้ามาอยู่กับผม เพราะมันจะทำร้ายคนอื่นอีก แต่ดูอีกคนคงกำลังตั้งใจอธิฐานอยู่ ผมไม่อยากรู้หรอกว่าเค้าขออะไร จริงๆผมก็ไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้สักเท่าไหร่แต่ก็ไม่ได้คิดว่างมงายหรอก ผมคิดว่าความจริงถ้าเราอยากได้อะไรหรือต้องการอะไรก็ต้องใช้ความพยายามหาทางที่จะให้ได้ตามที่หวังไอ้การที่มาขอพรแบบนี้มันก็แค่ช่วยให้เราสบายใจขึ้นนั่นเอง

โอเล่ไม่ได้บอกผมว่าอธิฐานว่าอะไร แต่ผมเองก็คงไม่ถามหรอก ผมจ้องมองไปที่มือของเค้าที่นิ้วนางข้างซ้าย แวนวงที่ผมซื้อให้เค้าเมื่อนานมาแล้ว มันยังคงอยู่ที่เดิม แวนวงที่เค้าเคยโมโหผมที่เอาไปฝากไว้ที่ไอ้แชมป์ ผมดีใจนะที่เค้ายังเก็บรักษาไว้ ผมเคยบอกให้เค้าถอดออกตอนที่คบกับอ้อนเพราะกลัวว่าอ้อนจะสงสัย อ้อนเองก็เคยเห็นแหวนวงนี้ในวันที่ผมซื้อและบอกว่าจะฝากไว้ที่ไอ้แชมป์ โอเล่เองไปโกหกอ้อนว่าเห็นผมมีแหวนแบบนี้แล้วสวยดีเลยไปซื้อมาใส่บ้าง โชคดีที่อ้อนไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร แต่จากนี้ไปเค้าคงไม่จำเป็นต้องสวมแหวนวงนี้อีกแล้ว

“ขอแหวนวงนี้คืนได้ไหม”ผมชี้ไปที่มือของเค้าพร้อมกับจะถอดแหวนออกแต่เค้าชักมือกลับ

“ให้แล้วให้เลยใครเค้าขอคืนกันละ”

“แต่เดี๋ยวเล่ก็ต้องใส่แหวนแต่งงาน”คำพูดที่ออกมาแต่ละคำมันช่างบาดลึกในใจผมเหลือเกิน เค้ากำลังจะแต่งงาน การแต่งงานซึ่งเป็นเป้าหมายของใครหลายๆ คน แต่คงไม่ใช่สำหรับผมเพราะคงไม่มีแม้แต่โอกาสจะคิดหรอกว่าชีวิตนี้จะได้แต่งงาน แต่ผมไม่เสียใจนะเพราะทำใจไว้ตั้งนานแล้วว่าการมีชีวิตแบบผมมันก็ต้องไม่มีการแต่งงานเกิดขึ้นอยู่แล้ว

“ถึงอาจจะไม่ได้ใส่แหวนวงนี้อีก แต่ก็ยังเก็บไว้ได้นี่นา”เค้ายิ้มให้ผม ก่อนจะเอ่ยปากชวนกลับที่พักเพราะอากาศเริ่มจะเย็นแล้ว

ภายในห้องพักของเราแม้เตียงนอนจะเป็นขนาดที่นอนได้สองคนอย่างสบายๆ แต่เราสองคนกลับเว้นที่ว่างเหลืออีกมากพอดู เราไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางกายมากไปกว่าการจูบหน้าผากเพียงเบาๆ จากเค้าส่งมาถึงผมก่อนที่ผมจะซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดนั้น มันช่างเป็นอ้อมกอดที่อบอุ่น ที่ผมต้องรีบตักตวงไว้ให้มากที่สุด ผมหลับลงอย่างเหนื่อยอ่อนเพราะความล้าไม่ใช่จากทางร่างกาย แต่เป็นจิตใจต่างหากที่อ่อนล้าเต็มที

--------------------------------------------------------
แวะมาต่อก่อนไปลอยกระทงคร๊าบบบบ

ขอให้สนุกกับวันลอยกระทงทุกคนน้าาาาา o13 o13


ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: ระหว่างเราคือ...??? [6-11-2014]
«ตอบ #61 เมื่อ06-11-2014 23:04:15 »

เอาอิโอเล่ใส่กระทงลอยไปไกลๆเลยได้มั้ย :serius2:

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: ระหว่างเราคือ...??? [6-11-2014]
«ตอบ #62 เมื่อ06-11-2014 23:21:37 »

อ่านแล้วต้องอุทานว่า"เลวทั้งคู่"
แฟ้มเหมือนจะดี แต่ความจริงก็ทำความต้องการของตัวเองอยู่ดี
ถึงจะรักกันมาก่อน แต่แอบคบลับๆเอาผู้หญิงบังหน้ากันเนี่ย เลวมาก
แถมบอกจะเลิกๆ แต่ยังมาระริกกับโอเล่ที่กำลังจะแต่งงานอีก ไปๆมาๆเริ่มรู้สึกว่าสมกันดีแล้ว เลวทั้งคู่
ก็คงสมกับที่ต้อง ทรมานกันอย่างนี้ ทำตัวเองทั้งนั้น แถมยังคอยลากคนอื่นมายุ่งอีก

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: ระหว่างเราคือ...??? [6-11-2014]
«ตอบ #63 เมื่อ08-11-2014 15:34:01 »



“แฟ้มๆ...ตื่นได้แล้ว”เสียงของใครบางคนปลุกผมจากการหลับใหล ผมพยายามลืมตาขึ้นรู้สึกได้ถึงมือที่ตบเบาๆ บริเวณใบหน้าเพื่อปลุกผมตื่น สายตาผมพยายามปรับให้เข้ากับแสงสว่างที่อีกคนคงเปิดไว้ นี่มันเช้าแล้วเหรอ คือสิ่งที่เกิดขึ้นในความคิดของผม ก่อนจะพยายามมองหานาฬิกา และผมก็ต้องแปลกใจเพราะมันเป็นเวลาตีห้าเท่านั้นเอง นี่เค้าจะปลุกผมทำไมกัน

“ปลุกทำไม...หือ”ผมถามออกไปเสียงงัวเงียก่อนจะดึงผ้าห่มคลุมโปงเพราะยังอยากที่จะนอนต่อ ที่นี่ไม่ใช่กรุงเทพฯที่ผมจะต้องรีบตื่นแต่เช้าอาบน้ำแต่งตัวออกไปผ่าการจราจรเพื่อไปทำงาน ถ้าผมจำไม่ผิดนี่ผมยังอยู่ที่เกาะเสม็ดอยู่ไม่ใช่หรือ แต่ดูท่าอีกฝ่ายที่มาปลุกผมจะไม่ยอมละความพยายามเพราะเค้าดึงผ้าห่มออกจากผมไป แล้วผมก็รู้สึกว่าตัวเองลอยขึ้นจากเตียง พอลืมตามองก็เห็นว่าเค้ากำลังอุ้มผมไปยังห้องน้ำ

“ล้างหน้าล้างตาเร็วเข้า”เค้าวางผมลงที่หน้าประตูห้องน้ำพร้อมกับออกคำสั่ง อีกทั้งไม่ยอมให้ผมได้อิดออดเพราะเค้าเล่นยืนเฝ้าผมเลย ผมจำต้องทำตามคำสั่งเค้าอย่างเสียไม่ได้ พอเสร็จปุ๊บเค้าก็ลากผมออกไปยังชายหาดทันที ผมตามไปด้วยอาการที่ยังตื่นไม่เต็มที่ เค้าพาผมมายืนอยู่ตรงชายหาด ตอนนี้เริ่มพอจะรู้แล้วว่าเค้าคงจะพาผมมาดูพระอาทิตย์ขึ้นนั่นเอง

“ถึงเวลาแล้วบอกด้วยนะ”ผมซบลงที่ไหล่ของเค้าก่อนจะหลับตาอย่างไม่ค่อยจะสนใจ จริงๆ ก็รู้สึกดีอยู่ไม่น้อยที่เค้าจะชวนมาดูพระอาทิตย์ขึ้นแบบนี้ แต่รู้สึกอยากแกล้งเค้านิดหน่อยที่เมื่อวานผมชวนดูพระอาทิตย์ตกเค้าไม่ยอมดูกับผม แล้วยังบอกว่าเปลี่ยนเป็นดูพระจันทร์เมื่อคืนแล้วอีก ทีนี้ทำเป็นจะอยากมาดูพระอาทิตย์ขึ้น

“เล่อยากให้แฟ้มจำไว้นะ ว่าเวลาเห็นพระอาทิตย์จงคิดอยู่เสมอว่าเรายังมีกันเสมอ แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ตาม”จากตอนแรกที่ผมตั้งใจจะแกล้งไม่สนใจเค้า แต่คำพูดของเค้าทำให้ผมต้องลืมตาขึ้นมองและยิ้มบางๆให้กับเค้าก่อนจะตั้งตารอพระอาทิตย์ที่โผล่พ้นขึ้นมาจากขอบฟ้า ไม่นานนักแสงแรกแห่งวันใหม่ก็ค่อยๆ ทอแสงเจิดจ้าขึ้นมา ท้องฟ้าที่ได้รับแสงอาทิตย์ยามเช้าก็สวยไม่แพ้ท้องฟ้าตอนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าหรอก แต่มันให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน ท้องฟ้ายามพระอาทิตย์ตกสำหรับผมมันให้ความรู้สึกเหงา เหมือนที่จะสูญเสีย แต่ท้องฟ้ายามเช้ามันกลับทำให้เรารู้สึกว่ามันมีหลายสิ่งที่กำลังรอให้เราเผชิญต่อไป ชีวิตเรามันยังคงต้องเดินต่อไป ใช่แล้วละจากนี้ไปแม้ผมและเค้าจะไม่ได้อยู่เคียงข้าง แต่เค้าก็จะยังอยู่ในใจผมเสมอ ผมไม่จำเป็นเลยที่จะต้องลืมเค้า อาจจะไม่ได้พบได้เจอได้พูดคุย แต่ความรู้สึกดีๆ เราก็ยังคงมีให้กันได้เสมอ

เราสองคนสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะกลับห้องพักทำธุระส่วนตัวของแต่ละคน จากนั้นก็ทานอาหารเช้ากัน เราจะยังอยู่ที่นี่อีกคืน คิดว่าพรุ่งนี้เช้าค่อยเดินทางกลับ เพื่อจะไปพบกับโลกของความเป็นจริงที่เราต้องแยกกันเดินคนละเส้นทาง

“เล่นน้ำกันไหม”เค้าเอ่ยปากชวนตอนสายๆ ที่ท้องฟ้าแจ่มใส ผมเองก็ไม่ปฏิเสธเพราะมาทะเลทั้งทีน่าจะได้ลงเล่นน้ำทะเลบ้าง เราเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นใส่กางเกงขาขั้นกับเสื้อกล้าม ผมคงไม่มั่นใจใส่กางเกงว่ายน้ำเหมือนฝรั่งเค้าหรอกครับ มันรู้สึกเขินๆ ยังไงไม่รู้ที่ต้องใส่กางเกงในตัวเดียวเล่นน้ำต่อหน้าคนอื่นแบบนั้น เราเล่นน้ำได้สักพักใหญ่ๆ ก็เริ่มเหนื่อย สงสัยจะอายุมากแล้วเลยชวนกันกลับไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัว

“ขออาบก่อนนะ”ผมเอ่ยปากเมื่อมาถึงห้องเพราะมีห้องน้ำเพียงห้องเดียว และผมก็ไม่ชอบอยู่ในสภาพเปียกๆ เช่นนี้นานๆ

“อาบพร้อมกันดีกว่า”อีกฝ่ายพูดขึ้นและผมไม่ทันที่ผมจะได้เอ่ยปากห้ามเค้าก็ดันตัวผมเข้าห้องน้ำปิดประตูทันที

“ทำอะไรเนี่ย”ผมทักท้วงอย่างเกร็งๆ เพราะเวลาอยู่ในห้องน้ำด้วยกันสองคนแบบนี้มันทำให้นึกถึงเวลาที่เราเคยอาบน้ำด้วยกันและมันจะไม่ได้แค่อาบน้ำเพียงอย่างเดียว แค่คิดก็รู้สึกหน้าร้อนผ่าวเสียแล้ว

“เขินเหรอ”อีกฝ่ายจ้องหน้าผมพร้อมกับทำหน้าทะเล้น ผมหันหน้ามองทางอื่นขณะที่เค้าถอดเสื้อผ้าออกก่อนจะเปิดฝักบัวให้สายน้ำชำระร่างกาย แต่ผมยังคงอยู่ในสภาพชุดเดิม และเค้าคงจะขัดใจกับท่าทีอิดออดของผมเลยเป็นฝ่ายถอดเสื้อผ้าผมเสียเอง ร่างเปลือยเปล่าของเราสองคนยืนเผชิญหน้ากันอยู่ภายใต้สายน้ำจากฝักบัว ใบหน้าของเค้าค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาหาผมช้าๆ แล้วริมฝีปากของเราทั้งสองก็สัมผัสกัน แน่นอนว่าการอาบน้ำครั้งนี้มันต้องมีกิจกรรมอื่นเข้ามาอย่างแน่นอน

ไม่มีคำพูดใดๆจากเราทั้งสอง มีเพียงสัมผัสจากร่างกายที่เราต่างมอบให้แก่กันและกัน เนิ่นนานและเร่าร้นจนแม้แต่สายน้ำที่ไหลรินก็ไม่อาจดับความเร่าร้อนของเราได้ จากห้องน้ำสู่เตียงนอน ครั้งแล้วครั้งเล่า เหมือนยิ่งเรามอบความสุขแก่กันมากเท่าใด มันกลับยิ่งทำให้เราโหยหาที่จะอยากได้มากขึ้น ตลอดบ่ายจรดเย็นเราแทบไม่ได้ก้าวออกจากเตียงนอนกันเลย อาหารมื้อเย็นเราก็สั่งมาทานที่ห้อง

และหลังจากมื้อเย็นเราก็ยังคงใช้เวลาของการอยู่ร่วมกันในคืนสุดท้ายอยู่บนเตียงนอนนั่นเอง

“ถ้าเป็นไปได้อยากจะกลืนกินแฟ้มเสียให้หมด”เสียงแตกพร่าของเค้ากระซิบบอกผมในระหว่างบทรักอันเร่าร้อนของเราสอง กว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปค่อนคืน ผมหลับเป็นตายรวดเดียวถึงเช้า เมื่อยามเช้ามาถึงเราต่างรู้ดีว่าเวลาระหว่างเราสองคนได้หมดลงแล้ว เราเดินทางกลับในเช้านั้นเอง ระหว่างทางไม่มีบทสนทนาใดๆ เกิดขึ้นเพราะเราต่างรู้ดีว่าแต่ละคำพูดที่จะเอ่ยออกมามันช่างยากเย็น ระยะทางที่ไม่ใช่ใกล้เท่าใดนักจากเกาะเสม็ด มาถึงอพาร์ทเม้นท์ของผม แต่ผมกลับรู้สึกว่าทำไมมันถึงเร็วเหลือเกิน อยากให้รถติดอยากให้ระยะทางไกลขึ้นกว่าเดิม เพื่อที่ผมจะได้อยู่ใกล้เค้าอีกสักนิดก็ยังดี

“ขออะไรอย่างได้ไหม”บทสนทนาเริ่มขึ้นโดยผมเป็นคนเอ่ยขึ้นก่อน ตอนนี้เรายังคงต่างนั่งนิ่งอยู่บนรถที่จอดสนิทในลานจอดรถอพาร์ทเม้นท์ของผม เค้าหันมามองผมก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับว่าให้ผมขอได้

“งานแต่งเล่...แฟ้มขอเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวได้ไหม”ผมบอกออกไปเสียงสั่น ไม่รู้เพราะอะไรผมถึงพูดออกไปแบบนั้น ทั้งๆที่แน่นอนการทำแบบนั้นคนที่จะยิ่งเจ็บเข้าไปอีกก็คือผมเอง

“ไม่ได้”เค้าบอกเสียงหนักแน่นจนเกือบจะเป็นตะคอกผมเสียด้วยซ้ำ

“ทำไมถึงไม่ได้...เราไม่ได้เป็นเพื่อนกันเหรอ”ใช่แล้วจากนี้เราก็จะเป็นแค่เพียงเพื่อนที่เคยรู้จักกัน

“แฟ้มไม่ใช่เพื่อนเล่...เข้าใจไหม”เค้าเอื้อมมือมาลูบไล้ไปตามใบหน้าของผม ผมแหงนหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อกลั้นน้ำตาเอาไว้ ในเมื่อเค้าไม่อยากให้ผมเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวในงานแต่งก็ไม่เป็นไร ส่วนคำพูดของเค้าที่บอกมาตอนนี้มันไม่มีความหมายอีกต่อไปแล้ว

“ขับรถกลับดีๆนะ” ผมค่อยๆ หยิบกระเป๋าเสื้อผ้าและเปิดประตูรถลง เพราะมันไม่มีทางให้ไปต่อสำหรับเราสองคนอีกแล้ว

“แฟ้ม”เค้าส่งเสียงเรียกแผ่วเบา เพียงแค่นั้นก็เรียกความสนใจให้ผมหันไปมองอย่างตั้งใจได้แล้ว คงถึงเวลาที่เค้าจะต้องกล่าวคำล่ำลากับผมแล้วละมั้ง แน่นอนว่าผมกับเค้าอาจจะยังได้เจอกันอีก อย่างน้อยๆก็งานแต่งของเค้าซึ่งอาจจะเป็นครั้งสุดท้าย การล่ำลาในเรื่องความสัมพันธ์ของเรามันคงต้องจบที่วันนี้ ตรงนี้ และก็ตอนนี้

“เราสองคนยังคบกันแบบเดิมได้ไหม”คำพูดเพียงสั้นๆ แต่ความหมายมันช่างเป็นเรื่องที่ใหญ่โตเหลือเกิน แน่นอนว่าผมเข้าใจที่เค้าพูด มันหมายความว่าเราสองคนจะยังคงมีความสัมพันธ์กันทั้งกายและใจเหมือนที่เคยเป็นมา ต่างออกไปก็แค่อ้อน...อีกหนึ่งคนที่มีส่วนต้องเผชิญชตากรรมกับเราเปลี่ยนสถานะจากแฟนของเค้ามาเป็นภรรยาและเป็นแม่ของลูกเค้าแล้ว ทำไมเหตุการณ์นี้มันทำให้ผมนึกถึงจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้กันนะ

จุดเริ่มต้นที่ผมบอกกับเค้าว่าผมชอบเค้า เค้าในตอนนั้นก็เงียบเหมือนผมในตอนนี้ และตัดสินใจบางอย่าง ใช่แล้วตอนนี้ผมก็กำลังตัดสินใจ ว่าผมควรจะจบเรื่องนี้หรือจะดำเนินเรื่องยุ่งยากนี่ต่อไปอีก


-----------------------------

คาดว่าอ่านจบคงมีคนอยากด่า 2 คนนี้ชัวร์ๆ

555

ด่าได้เต็มที่เลยครับ แล้วมารอดูต่อว่าจะเป็นยังไง

 o13 o13

ออฟไลน์ hembetaro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
Re: ระหว่างเราคือ...??? [8-11-2014]
«ตอบ #64 เมื่อ09-11-2014 00:13:58 »


เม้นไม่ออก ไม่รู้ว่าควรโกรธหรือสงสารสองคนนี้ดี  :เฮ้อ: สุดท้ายอ้อนกับลูกโคตรซวยอ่ะ

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
Re: ระหว่างเราคือ...??? [8-11-2014]
«ตอบ #65 เมื่อ09-11-2014 01:46:27 »

 :katai1: จุก พูดไม่ออก ปวดตับ

ขอบคุณที่อัพตอนใหม่อย่างเร็ว  เดี๋ยวรอเมนท์หลังจากบิวท์ความหนักหน่วงก่อน

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: ระหว่างเราคือ...??? [8-11-2014]
«ตอบ #66 เมื่อ09-11-2014 11:23:31 »

สงสารแฟ้มว่ะ
แฟ้มมาก่อน
มานานแล้ว
รอนานแล้ว
พยายามแล้ว
พยายามอีกนิดนะ
จะหลุดพ้นความรู้สึกผิด

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
Re: ระหว่างเราคือ...??? [8-11-2014]
«ตอบ #67 เมื่อ09-11-2014 21:04:56 »

สงสารแฟ้มว่ะ
แฟ้มมาก่อน
มานานแล้ว
รอนานแล้ว
พยายามแล้ว
พยายามอีกนิดนะ
จะหลุดพ้นความรู้สึกผิด

ขอ copy เม้นท์นี้อีกต่อนึงนะ
ถูกใจตรงกับใจที่อยากจะเม้นท์เหมือนกัน

+1 ให้ครับ

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: ระหว่างเราคือ...??? [8-11-2014]
«ตอบ #68 เมื่อ09-11-2014 21:52:15 »



“แฟ้ม”เค้าส่งเสียงเรียกแผ่วเบา เพียงแค่นั้นก็เรียกความสนใจให้ผมหันไปมองอย่างตั้งใจได้แล้ว คงถึงเวลาที่เค้าจะต้องกล่าวคำล่ำลากับผมแล้วละมั้ง แน่นอนว่าผมกับเค้าอาจจะยังได้เจอกันอีก อย่างน้อยๆก็งานแต่งของเค้าซึ่งอาจจะเป็นครั้งสุดท้าย การล่ำลาในเรื่องความสัมพันธ์ของเรามันคงต้องจบที่วันนี้ ตรงนี้ และก็ตอนนี้

“เราสองคนยังคบกันแบบเดิมได้ไหม”



“นี่พวกมรึงเอาสมองส่วนไหนคิดหะไอ้แฟ้ม”ไอ้แชมป์เหมือนระเบิดลงทันทีที่ผมเล่าถึงตรงนี้ วันนี้เป็นวันงานแต่งของอ้อนกับโอเล่ เป็นวันที่ผมจะได้เจอกับเค้าอีกครั้งหลังจากที่กลับจากเกาะเสม็ดครั้งนั้น ไอ้แชมป์ขับรถมารับผมไปพร้อมกัน วันนี้เพื่อนๆสมัยเรียนของพวกเราคงจะไปกันเยอะพอสมควร หลายคนไปในฐานะเพื่อนฝ่ายเจ้าบ่าว หลายคนไปในฐานะเพื่อนฝ่ายเจ้าสาว ส่วนผมตามหน้าฉากแล้วก็ไปในฐานะของเพื่อนทั้งสองฝ่าย

“ถ้าพวกมรึงไม่เห็นแก่อ้อนก็น่าจะเห็นแกเด็กที่กำลังจะเกิดมาบ้าง มรึงคิดเหรอว่าเรื่องนี้มันจะเป็นความลับไปได้ตลอดถ้าพวกมรึงยังคงคบกันอยู่แบบนี้ จากนี้ไปเค้าแต่งงานกันแล้วก็ต้องอยู่ด้วยกันตลอด มันต้องมีสักวันที่อ้อนมันจะเริ่มระแวงและสงสัย แล้วทีนี้มรึงลองคิดดูถ้าเด็กที่เกิดมา ต้องมารับรู้เรื่องระหว่างมรึงกับพ่อของเค้า เด็กมันจะรู้สึกยังไง กรูไม่คิดเลยนะว่ามรึงจะ...”

“หยุดก่อน”ผมรีบบอกกับไอ้เพื่อนตัวดี ก่อนที่มันจะว่าผมไปมากกว่านี้ เพราะมันยังฟังผมไม่จบด้วยซ้ำ แต่มันตีความเอาเองไปหมดเสียทุกอย่าง ไอ้แชมป์หยุดทันทีไม่เพียงแค่หยุดพูดแต่มันยังหยุดรถและจอดข้างทางหันมาจ้องผม ที่มันคงกำลังคิดว่าผมต้องกำลังหาข้อแก้ตัวให้กับตัวเองอย่างแน่นอน

“มรึงฟังกรูจบหรือยังถึงได้ว่ากรูปาวๆ เนี่ย”ผมไม่ได้โกรธที่มันว่าหรอกครับ แต่แค่อยากให้มันเข้าใจผมใหม่แค่นั้นเอง

“แล้วมรึงคิดว่ามรึงทำแบบนี้มันถูกแล้วเหรอ”เหมือนมันจะยังไม่ยอมรับฟังในสิ่งที่ผมกำลังอยากจะบอก

“เมื่อกี้กรูเล่าถึงไหน”ผมย้อนให้มันคิดดูหน่อยว่าผมเล่าให้มันฟังถึงไหนแล้ว ผมบอกมันไปหรือยังว่าผมตัดสินใจยังไงกับเรื่องนี้

“ก็...ก็”มันอ้ำอึ้งทำเป็นคิด ผมได้แต่ส่ายหน้าก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวให้มันฟังอีกครั้ง

“เราสองคนยังคบกันแบบเดิมได้ไหม”ประโยคนี้เหมือนดังก้องวนไปมาอยู่ในสมองของผม เหมือนให้ผมคิดทบทวนเรื่องราว ทั้งที่ความจริงผมทบทวนและตัดสินใจเรื่องนี้ลงไปแล้วไม่มีความจำเป็นที่จะต้องคิดหรือตัดสินใจใหม่เลยด้วยซ้ำไป แต่ในส่วนลึกความเห็นแก่ตัวที่ผมเชื่อว่าทุกคนก็คงต้องมี จะมากจะน้อยแตกต่างกันออกไป สำหรับผมเองเมื่อก่อนมันคงมีมากพอเห็นได้จากการที่ผมทำร้ายอ้อนลับหลังมาเป็นเวลาแสนาน แต่ตอนนี้ผมต้องข่มความเห็นแก่ตัวนั้นกดมันลงไปให้จมอยู่ที่ก้นบึ้งของหัวใจได้เลยยิ่งดี มันถึงเวลาที่ผมจะชดใช้ในสิ่งที่ได้กระทำกับอ้อนไว้แล้ว จากนี้ผมต้องรับความเจ็บปวดนั้นไว้เอง เพราะผมเองก็ไม่อาจคาดเดาได้เหมือนกันว่าถ้าอ้อนรู้ความจริงขึ้นมามันจะเป็นยังไง

“เล่...บางครั้งความรักก็เข้ามาหาเราเพื่อให้เรียนรู้ มิใช่ให้ครอบครอง”ผมบอกออกไปช้าๆ พร้อมกับจ้องมองใบหน้าของเค้า พยายามจะจ้องจดจำทุกรายละเอียดของใบหน้านั้น ผมคงไม่ลืมเค้าหรอก และแน่นอนผมคงยังต้องเจอเค้าอีก แต่โอกาสที่จะได้จ้องมองหรืออยู่ใกล้ๆ กับเค้าเพียงลำพังแบบนี้ มันจะไม่มีอีกแล้ว

“ขอบใจที่เตือนสตินะ ตอนนี้เราคงต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เรา...ไม่สิมันน่าจะเกิดจากตัวเล่คนเดียวมากกว่าที่ทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้”สายตาของเรายังคงจ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่วางตา

“มันคือความรับผิดชอบของเราทั้งคู่”ใช่แล้วถ้าจะผิดมันก็คือความผิดของเราทั้งสองคน เพราะถ้าอีกฝ่ายไม่ร่วมมือด้วยเรื่องในวันนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น

“จากนี้ไปถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เราอย่าเจอกันอีกเลยนะ”ผมหันหลังให้เค้าก่อนจะเดินห่างออกจากตรงนั้น ไม่หันกลับไปมองเค้าอีก ไม่มีเสียงเรียกจากเบื้องหลัง ผมเดินต่อจนถึงห้อง พอเปิดประตูเข้าในห้องได้ผมก็ทรุดลงตรงนั้นพิงประตู น้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง จบแล้วจริงๆ สินะ



“กรูขอโทษ”ไอ้แชมป์บอกออกมาอย่างสำนึกผิด แต่อย่างที่บอกผมไม่ได้โกรธมัน ผมเช็ดน้ำตาที่ซึมออกมานิดหน่อย ก่อนจะยิ้มให้กับไอ้แชมป์ เสมือนบอกว่าผมไม่เป็นไรแล้ว

“ไปต่อเถอะ”

ผมกับไอ้แชมป์มาถึงที่โรงแรมจัดงานช้านิดหน่อยเพราะไอ้แชมป์มันหยุดรถฟังผมเล่าเรื่องนั่นแหละ พอถึงหน้างานก็เห็นบ่าวสาวรอต้อนรับแขกเหรืออยู่แล้ว

“โอเคนะ”ไอ้แชมป์ยื้อผมไว้ก่อนจะเดินเข้าไปหาคู่บ่าวสาว ทำให้ผมต้องหันหน้ากลับแล้วให้มันมองหน้าผมอีกครั้ง

“หน้ากรูเหมือนคนที่รู้สึกยินดีหรือยัง”ผมปรับสีหน้ายิ้มแย้มให้เหมือนคนจะมาร่วมแสดงความยินดีกับเพื่อนรัก ไอ้แชมป์เองก็เหมือนพยายามปรับสีหน้าอยู่เหมือนกัน พอคิดว่าโอเคแล้วเราสองคนก็เดินหน้าต่อ คิดว่าเค้าคงเห็นผมกับไอ้แชมป์แล้ว เหมือนจะชะงักนิดนึง แต่ก็ยังพยายามไม่ให้ผิดสังเกต ผมเข้าไปกล่าวแสดงความยินดีกับคนทั้งคู่ มีการถ่ายรูปกับบ่าวสาวเล็กน้อย จากช่างภาพที่ทางโรงแรมเค้าจัดมาให้ ผมได้พูดคุยกับทั้งโอเล่และอ้อนเพียงไม่นานเนื่องจากมีแขกกำลังทยอยมาเยอะพอสมควร ซึ่งก็เป็นการดีที่ผมไม่ต้องทนปั้นหน้ายิ้มแย้มอยู่ตรงนั้นนานๆ

ทั้งที่ในใจเฝ้าบอกตัวเองว่าต้องรู้สึกยินดีกับคนทั้งคู่ แต่ผมก็ยังทำได้ไม่เต็มที่อยู่ดี เอาน่าอย่างน้อยๆ ผมก็ยังเลวไม่พอที่จะทำร้ายอ้อนต่อไปละน่า งานนี้เหมือนเป็นงานรวมรุ่นตอนเรียนมหาวิทยาลัยเลยก็ว่าได้ เพราะเพื่อนๆที่เคยเรียนด้วยกันมากันอย่างล้นหลาม การแต่งงานของอ้อนกับโอเล่ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจสำหรับเพื่อนๆ เพราะต่างก็รู้ว่าทั้งคู่เป็นแฟนกันมาตั้งแต่ตอนเรียนแล้ว งานดำเนินไปเรื่อยๆ รวมทั้งพิธีการต่างๆ ผมอยู่จนงานจบแม้ในใจอยากจะออกไปให้พ้นๆ แต่เพื่อไม่ให้ผิดสังเกตที่ผมเป็นเพื่อนสนิทของทั้งสองคน เลยจะปลีกตัวออกไปก่อนได้ค่อนข้างลำบาก โชคดีที่งานนี้เพื่อนๆมากันเยอะทำให้ผมไม่ต้องเผชิญหน้ากับทั้งอ้อนและโอเล่มากนัก

แล้วเรื่องราวทุกอย่างมันก็จบลงที่นั่น หลังจากงานแต่งของทั้งคู่ผมลาออกจากที่ทำงาน บอกกับที่บ้านว่าขอเวลาผมสักพัก พ่อกับแม่ผมออกจะแปลกใจอยู่เล็กน้อยแต่ผมก็บอกไปว่ารู้สึกว่างานที่ทำอยู่มันไม่เหมาะกับผม ผมอยากทำอะไรอย่างอื่น เลยขอเวลาศึกษาข้อมูลอีกหน่อย แต่ผมก็ไม่ได้ทำอะไรเลยปล่อยเวลาให้ผ่านไปวันๆ

จนกระทั่งน้องเฟิร์น น้องสาวที่พ่อแม่ผมรับดูแลต่อจากครอบครัวของน้าที่ต้องแยกจากกัน เฟิร์นกำลังจะเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษาและมหาวิทยาลัยที่เฟิร์นจะเข้าอยู่ต่างจังหวัด ผมถือโอกาสบอกกับพ่อแม่ว่าจะไปอยู่กับเฟิร์นสักพัก ถึงในตอนแรกท่านจะไม่ค่อยเห็นด้วยเพราะไม่อยากให้ผมทำตัวล่องลอยอยู่แบบนี้อีกแล้ว แต่ผมก็ไหลไปได้น้ำขุ่นๆ ว่ากำลังคิดจะทำธุรกิจบางอย่างและกลุ่มเป้าหมายสำหรับธุรกิจของผมคือ เหล่านักศึกษานั่นเอง เลยกะว่าจะไปดูทำเลที่ทางเพื่อศึกษาข้อมูลดู แม้จะฟังไม่ค่อยขึ้นแต่พ่อกับแม่ก็ยอมตามใจผม

แม้ครอบครัวผมจะไม่ได้รวยล้นฟ้าแต่ก็ยังพอมีเงินให้ผมผลาญเล่นโดยที่ไม่ทำงานแบบนี้อยู่ได้อีกหลายปี แต่ผมก็ไม่ได้คิดจะผลาญหรอกผมกำลังคิดจะทำธุรกิจบางอย่างจริงๆ เพียงแต่อยากห่างจากที่เดิมๆ เพื่อเป็นหลักประกันหน่อยว่าผมจะไม่กลับไปสร้างปัญหาอะไรเกี่ยวกับเค้าอีกแล้ว ที่ต้องอยู่ให้ห่างเพราะผมกลัวใจตัวเองที่อาจจะหักห้ามใจไว้ไม่ได้ ผมเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ โดยบอกเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นให้รับรู้ ผมกับน้องเฟิร์นเช่าบ้านที่อยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยของเฟิร์นมากนัก

จากการประเมินที่ทางบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยของเฟิร์นดูแล้ว มีอย่างนึงที่ผมคิดว่าจะทำได้ดีและน่าจะเข้ากับผม ไม่ใช่อะไรที่ดีสักเท่าไหร่เพราะผมกำลังคิดจะเปิดร้านเหล้า แม้อาจจะมองว่าเป็นการมอมเมาเยาวชนหรือเปล่าที่มาเปิดร้านของมึนเมาใกล้สถานศึกษาแบบนี้ แต่เค้าก็ทำกันเยอะอยู่นะ อีกอย่างผมมองว่าในฐานะที่ผมเองก็เคยผ่านวัยเรียนนี้มา และก็ดื่มเครื่องดื่มพวกนี้ ผมเชื่อว่าคนที่เป็นนักดื่มก็มีความรับผิดชอบเหมือนกัน ถึงจะทำตัวเป็นขี้เหล้าเมายาแต่ก็ไม่เคยละทิ้งการเรียน ผมไม่ได้จะบอกว่าการทำตัวแบบนี้เป็นสิ่งที่ดี แต่บางทีมันก็ถือเป็นการผ่อนคลายอย่างนึงละน่า

ไม่กี่เดือนต่อมาผมก็มีร้านเล็กๆ บรรยากาศสบายๆ สำหรับพบปะสังสรรค์เปิดที่หน้ามหาวิทยาลัยแห่งนี้ ผมแทบไม่กลับเข้ากรุงเทพฯ อีกเลย พ่อกับแม่แวะมาเยี่ยมผมกับน้องบ้าง ส่วนกับโอเล่และอ้อนหรือเพื่อนคนอื่นๆ ผมขาดการติดต่อโดยสิ้นเชิง

“ว่าไงอาเสี่ย”ใครบางคนทักผมขึ้นในช่วงหัวค่ำของวันนึง ซึ่งลูกค้ายังไม่มากนัก ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับมีอยู่เพียงคนเดียวที่ยังคงอยู่เคียงข้างผมเรื่อยมา เพื่อนที่ดีที่สุดของผมคนนี้ ไอ้แชมป์นั่นเอง

“มาอีกแล้วเหรอ”ผมทักทายออกไป เพราะมันมาบ่อยจนผมเริ่มชักจะเบื่อขี้หน้ามันแล้วละครับ ผมได้ข่าวจากไอ้แชมป์แล้วว่าโอเล่กับอ้อนได้ลูกแฝดชาย-หญิง ทั้งคู่ถามหาผมจากไอ้แชมป์เหมือนกันแต่ผมให้บอกว่าผมยุ่งกับการเริ่มต้นทำร้าน เลยไม่ได้ไปร่วมแสดงความยินดี

“มาเป็นลูกค้าให้นี่ไม่ดีเหรอ”ไอ้ดีมันก็ดีหรอกนะครับ แต่ที่นี่กับกรุงเทพฯมันไม่ใช่ขับรถ 10 นาทีถึงแล้วมันจะถ่อมาทำไมบ่อย ผมปล่อยให้มันบริการตัวเองเอาเลยครับขี้เกียจสนใจ ส่วนผมก็จัดเตรียมข้าวของต่อไป แต่ทำไปได้สักพักผมก็รู้สึกได้ว่ากำลังถูกจับจ้องในทุกการกระทำของผมอยู่ ผมหยุดและหาที่มาของสายตาที่ผมรู้สึก

“มานี่สิ”พอสบตากับเจ้าของสายตาผมก็เรียกให้เจ้าตัวมานั่งหน้าเคาท์เตอร์ที่ผมอยู่ ผมสังเกตมานานและคิดว่ามันถึงเวลาที่ผมต้องพูดอะไรสักอย่างแล้ว ผมจ้องไอ้แชมป์ที่มานั่งตรงหน้าก่อนตัดสินใจพูดอะไรออก

“กรูว่ากรูรู้แล้ว”แต่พอจะเริ่มพูดผมก็ต้องเว้นระยะหยุดพักสักครู่เพราะผมว่ามันอาจจะไม่สมควรพูดออกไปก็ได้ ถ้ามันไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิดหรือถ้ามันเป็นอย่างที่ผมคิด ผลที่ออกมาหลังจากที่ผมพูดออกไป มันจะเป็นยังไง

“รู้อะไรของมรึง”อีกฝ่ายจ้องผมอย่างสนอกสนใจ ผมถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะกล่าวออกไปช้าๆ ชัดๆ

“กรูคิดว่ากรูรู้แล้วว่ามรึงชอบใครอยู่”

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
Re: ระหว่างเราคือ...??? [9-11-2014]
«ตอบ #69 เมื่อ09-11-2014 22:40:51 »

ขอบคุณที่อัพเร็วทันใจ  :pig4:

ถึงเวลาแล้วสินะแฟ้มที่จะตัดใจแล้วเริ่มต้นใหม่ได้  :katai2-1:

เอาใจช่วยนักเขียน  :กอด1:


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ระหว่างเราคือ...??? [9-11-2014]
« ตอบ #69 เมื่อ: 09-11-2014 22:40:51 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: ระหว่างเราคือ...??? [9-11-2014]
«ตอบ #70 เมื่อ09-11-2014 23:00:29 »

อร้ากกกกก!!!!! อยากอ่านต่อ :hao7:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
Re: ระหว่างเราคือ...??? [9-11-2014]
«ตอบ #71 เมื่อ10-11-2014 17:42:01 »


https://www.youtube.com/v/dUMwuGPspsg

คนนึง บอกว่า "ยังรัก" .. ทั้งๆ ที่ "เปลี่ยนไป" 
อีกคน ก็ทำเป็น "เชื่อใจ" .. ทั้งๆ ที่ รู้ว่าอีกฝ่าย "ไม่เหมือนเดิม"

ยังจะเศร้าอีกไหม?

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: ระหว่างเราคือ...??? [9-11-2014]
«ตอบ #72 เมื่อ10-11-2014 19:45:00 »

เริ่มต้นใหม่ให้มันจริง ๆ เหอะ

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: ระหว่างเราคือ...??? [9-11-2014]
«ตอบ #73 เมื่อ10-11-2014 21:57:17 »

“กรูคิดว่ากรูรู้แล้วว่ามรึงชอบใครอยู่”ไอ้แชมป์ชะงักไปทันทีแสดงว่าที่ผมคิดไว้คงไม่ผิดหรอก ทำไมผมไม่ฉุกคิดให้เร็วกว่านี้ ที่มันไม่มีใคร หรือที่มันไปแอบชอบใครคนนึงมันมีเหตุผลอะไรละที่จะไม่บอกให้เพื่อนสนิทอย่างผมรับรู้

“แล้วมรึงคิดว่าเค้าคิดยังไงกับกรู”ไอ้แชมป์มองมาที่ผมอย่างกล้าๆกลัวๆ เหมือนทั้งอยากรู้และไม่อยากรู้ในคำตอบของผม ทำไมกันทำไมผมไม่รู้ให้เร็วกว่านี้ว่าคนที่มันชอบคือผม

“เค้าไม่เคยคิดกับมรึงเกินคำว่าเพื่อนเลยสักนิด”ถ้าผมรู้ให้เร็วกว่านี้ ผมจะไม่ทำร้ายมันมานานขนาดนี้ ผมจะให้มันตัดใจและเลิกสนใจอะไรในตัวผมอีก เพราะยังไงมันก็ไม่มีวันจะเป็นไปได้

“แล้วมรึงคิดว่ากรูควรทำยังไงดี”น้ำเสียงของไอ้แชมป์เริ่มสั่นๆ นี่ผมหักดิบมันเกินไปหรือเปล่า แต่ผมก็คิดเรื่องนี้มาสักพักแล้วว่าควรจะบอกออกไปตรงๆเสียที ไอ้แชมป์จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลากับผมแบบนี้ ผมอยากให้มันเปิดใจรับคนอื่นมากกว่า

“แชมป์...กรูว่ามรึงรู้นะว่าจะทำยังไงต่อไป”ผมไม่รู้หรอกครับว่าจะปลอบมันยังไง ผมรู้แค่ว่าควรบอกมันออกไปตามตรงว่าผมไม่มีทางคิดกับมันเป็นอื่น ถ้าผมไม่บอกยังไม่ตัดความคิดของมัน มันก็จะยังคงมีความหวังต่อไป ผมว่าที่มันคอยมาสนใจเอาใจใส่ดูแลผมแบบนี้ มันก็คงต้องหวังบ้างแหละ แม้จะน้อยนิดก็เหอะ อีกอย่างตอนนี้ผมไม่มีใครเลยยิ่งเหมือนว่าความหวังของมันอาจจะมีมากขึ้น

“มรึงให้กรูได้แค่นี้จริงๆ ใช่ไหม”หน้าตาของไอ้แชมป์ดูเศร้าสร้อยอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน การที่รักใครสักคนแล้วเค้าไม่รักตอบมันก็คงจะเศร้าไม่น้อย แต่สักวันแชมป์มันจะต้องเจอคนที่มันรักและก็รักมัน ผมเชื่ออย่างนั้น และการพยักหน้าตอบรับคำพูดของมัน ทำให้ไอ้แชมป์ลุกพรวดขึ้นทันที

“กรูกลับก่อนแล้วกัน”มันหุนหันออกไปโดยที่ผมไม่ทันได้ทัดทาน ได้แต่หวังว่ามันจะเข้าใจผมและกลับมาเป็นเพื่อนกันอย่างที่เราเคยเป็น

“พี่แฟ้ม”เสียงน้องสาวคนสวยของผมดังขึ้น ผมเงยหน้าขึ้นยิ้มให้กับเธอ เฟิร์นก็มาช่วยที่ร้านผมแทบทุกวัน แต่ผมก็ไม่ได้ให้อยู่ช่วยจนดึกดื่นมากนักยกเว้นในช่วงสุดสัปดาห์ จริงๆลูกค้าผมส่วนหนึ่งก็เพื่อนๆ ของเฟิร์นนี่แหละ ผมไม่ได้สอนให้น้องๆดื่มกันนะครับ น้องๆเค้าก็ดื่มกันเป็นอยู่แล้ว แต่ผมก็ต้องคอยเตือนให้ห่วงเรื่องเรียนกันด้วย

“เพื่อนพี่แฟ้มเป็นไรอ่ะ รีบไปไหนรึเปล่า เฟิร์นทักก็ไม่ตอบ”นี่เฟิร์นคงจะสวนกับไอ้แชมป์ตอนออกไปพอดี

ไอ้แชมป์หายไปเลยไม่แวะเวียนมาหาผม โทรศัพท์ที่เคยคุยกันบ้างแปรเปลี่ยนเป็นไม่มีเลย หลังจากวันนั้นมันยอมรับโทรศัพท์ผมแค่ครั้งเดียว ผมโทรไปเพราะเป็นห่วงมันว่าจะเป็นไรหรือเปล่า และมันก็บอกกับผมว่าขอเวลาสักพัก อาจจะนานหน่อยขออย่าได้โทรหามันหรือพยายามติดต่ออีก ไว้มันพร้อมเมื่อไหร่จะมาหาผมเอง แต่นี่ก็ปาเข้าไป 5-6 เดือนแล้วที่มันหายไปเลย สงสัยมันคงยังทำใจไม่ได้ การตัดใจจากใครสักคนมันคงต้องใช้เวลาสักหน่อย ตรงจุดนี้ผมเองก็น่าจะรู้ซึ้งดี เพราะผมเองก็กำลังพยายามตัดใจจากใครบางคน และอาจต้องใช้เวลาทั้งชีวิตของผมก็เป็นได้ที่จะต้องหนีจากความรู้สึกนี้ให้ได้

“พี่แฟ้ม...ตกลงว่าพี่กับไอ้พี่แชมป์ทะเลาะกันเหรอ”อยู่ๆ น้องเฟิร์นก็พูดขึ้นวันนี้เฟิร์นไม่มีเรียนช่วงบ่ายเลยมาช่วยผมเตรียมของที่ร้าน เร็วกว่าปกติและเราสองพี่น้องก็จัดแจงได้เร็วกว่าปกติเยอะ ผมก็อ่านหนังสือเล่นๆ ส่วนแม่น้องสาวตัวดีตอนแรกก็ดูตำราเรียนอยู่หรอก แต่ตอนนี้คงขี้เกียจอ่านแล้วเลยหาเรื่องคุย ว่าแต่ไหงมาถามเรื่องผมกับไอ้แชมป์กัน

“ทำไมคิดงั้นละหือ”ผมถามออกไปอย่างไม่ได้คิดว่าน้องสาวคนนี้ละลาบละล้วง เพราะผมก็ไม่ได้มีความลับอะไรกับน้องสาวคนนี้อยู่แล้ว

“ก็ตั้งแต่วันที่เฟิร์นเห็นพี่เค้าหุนหันออกจากร้านไปวันนั้น นี่ก็หลายเดือนแล้วพี่เค้าก็ไม่เคยแวะมาที่นี่อีกเลย”ช่างสังเกตจริงๆน้องผม แต่ถึงไม่สังเกตก็รู้สึกได้อยู่แล้วแหละมั้ง

“พี่เค้ากำลังใช้เวลาทบทวนบางอย่างอยู่นะ”ผมตอบเลี่ยงๆ เพราะไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องบอกรายละเอียดทั้งหมดออกไป เพราะเรื่องนี้มันเป็นเรื่องของคนอื่นด้วยไม่ใช่แค่เรื่องของผมเพียงคนเดียว ถ้าเป็นเรื่องผมเพียงคนเดียวผมคงเล่าให้น้องฟังได้หมดแต่อันนี้ผมก็ไม่ควรเล่าเรื่องเพื่อนให้บุคคลที่สามฟัง

“พี่แฟ้มบอกเลิกพี่เค้าเหรอ”หา...ผมตกใจจนต้องรีบยันตัวที่นอนอ่านหนังสืออยู่ลุกขึ้นนั่งเมื่อได้ยินคำถามของแม่น้องสาวตัวดี ไม่คิดว่าเธอจะถามออกมาแบบนี้ นี่เฟิร์นเข้าใจว่าผมกับไอ้แชมป์เป็นอะไรกัน


“พี่กับไอ้แชมป์เป็นเพื่อนกัน ทำไมต้องบอกเลิกกันด้วยละ”ผมยังทำเป็นตอบออกไปอย่างเรียบๆ

“ไม่ต้องมาปิดเฟิร์นหรอกน่า ความรักมันไม่ใช่เรื่องไม่ดีซะหน่อย จะเพศไหนยังไงก็รักกันได้หมดแหละ ทุกวันนี้โลกเรามันเปิดกว้างจะตายไป อีกอย่างนะสายตาที่พี่แชมป์มองพี่มันก็ออกจะชัดเจนปานนั้น แถมความเป็นห่วงเป็นใยที่พี่สองคนมีให้กันอีก เป็นใครก็มองออกหรอกว่าคิดอะไรกันอยู่”เหอๆ นี่ขนาดน้องผมเจอไอ้แชมป์ไม่นานยังดูออกขนาดนี้ แต่ไอ้ผมนี่สิไม่เคยฉุกคิดเรื่องไอ้แชมป์บ้างเลย แบบนี้เรียกบื๊อของแท้เลยตุ

“ฟังพี่นะ...พี่ยอมรับว่าพี่เองชอบผู้ชายด้วยกัน แต่พี่กับไอ้แชมป์เนี่ยเป็นแค่เพื่อนกันไม่มีอะไรเกินเลยไปมากกว่านั้น”พยายามที่จะอธิบายให้น้องสาวได้เข้าใจในเรื่องระหว่างผมกับไอ้แชมป์ใหม่ ถึงแม้ไอ้แชมป์มันจะชอบผมมากกว่าเพื่อน แต่ผมเชื่อว่าสักวันมันต้องคิดได้ว่าแท้จริงแล้วมันคิดยังไงกับผมกันแน่

“แสดงว่าพี่แชมป์อกหักจากพี่แฟ้มใช่ไหม”สรุปว่ายังไงแม่น้องสาวของผมก็ปักใจเชื่อไปแล้ว แต่ก็นับว่าเดาเรื่องราวได้เก่งเหมือนกันนะเนี่ย ผมได้แต่ส่ายหน้าอย่างปลงๆกับน้องสาวคนนี้

“ว่าแต่เราเหอะ มาสนใจเรื่องของพี่เนี่ย เรื่องของตัวเองละ นี่น้องสาวพี่มีหนุ่มๆ มาขายขนมจีบบ้างหรือเปล่าหือ”ผมได้ทีสวนกลับน้องบ้าง เจอคำถามนี้ของผมเข้าไปแม่น้องสาวตัวดีก็เขินไปเหมือนกันนะเนี่ย

“เฟิร์นไม่สนใจหรอก ตอนนี้ขอตั้งใจเรียนก่อน”แต่ทำไมผมว่าคำพูดกับอาการมันออกจะสวนทางกันอยู่น้า

“หรือว่าน้องสาวพี่ไปแอบปิ๊งหนุ่มที่ไหนไว้ บอกมาซะดีๆ”ผมจ้องคาดคั้นเอากับแม่น้องสาวตัวดี เพราะน้องผมก็จัดว่าเป็นผู้หญิงสวยคนนึงเหมือนกันนะเนี่ย น่าจะมีคนมาชอบอยู่เหมือนกัน แต่ที่ยังไม่ลองคบใครดูนี่คงเพราะมีคนที่ชอบอยู่แล้วแน่ๆ นี่ผมต้องสวมบทพี่ชายหวงน้องสาวหรือเปล่านะ

“สองพี่น้องเล่นอะไรกันอยู่เหรอครับ”เสียงใครบางคนมาขัดจังหว่ะการซักฟอกน้องสาวของผม เราสองพี่น้องหันไปตามเสียงของผู้มาใหม่ ก่อนจะได้พบกับรอยยิ้มของใครบางคนที่ผมคุ้นเคย

“ตายยากจริงๆเลยพี่แฟ้ม ดูสิเพิ่งพูดถึงก็มาเลย”เฟิร์นกระซิบกับผมเบาๆ ใช่แล้วคนที่มาถึงไม่ใช่ใครที่ไหนแต่คือไอ้แชมป์นั่นเอง หลายเดือนที่ผ่านมาเราไม่ได้เจอกันเลย ดูมันซูบไปเล็กน้อย ผมยิ้มตอบก่อนจะเอ่ยปากทักทาย

“ไปไงมาไงเนี่ย ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ สบายดีเปล่า”ผมเอ่ยออกไปแต่ออกจะยังเกร็งๆอยู่เล็กน้อย ถึงแม้จะพยายามเหมือนไม่เคยมีอะไรกระทบความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนของเรา แต่มันก็ยังตงิดอยู่ในใจเล็กน้อยอยู่ดี

“ก็ดี สบายดี ว่าแต่กิจการมรึงไปได้สวยนิ เดี๋ยวคงรวยแล้วมั้งนิ”เราพูดคุยกันอีกนิดหน่อย แล้วเฟิร์นก็ขอตัวออกไปทำธุระสักครู่ก่อนร้านจะเปิด จริงๆผมว่าเฟิร์นคงตั้งใจเปิดโอกาสให้ผมกับไอ้แชมป์อยู่ด้วยกันสองคนมากกว่า เพราะคงรู้แหละว่าไอ้แชมป์น่าจะมีอะไรต้องคุยกับผมตามลำพัง

“มรึงโอเคแล้วนะ”ผมเอ่ยปากทำลายความเงียบของเราสองคน ผมไม่รู้ว่าตอนนี้มันเป็นยังไงบ้างแล้ว

“ก็ใกล้จะเห็นมรึงเป็นเพื่อนแล้วละ”แสดงว่านี่มันยังตัดใจจากผมได้ไม่หมด แต่ก็อย่างว่าแหละเวลาแค่นี้มันกลับมาเผชิญหน้าผมได้ก็ถือว่าดีแล้ว เราใช้เวลาอยู่พักใหญ่กว่าที่จะพูดคุยกันโดยไม่เคอะเขิน ความที่ห่างกันไปหลายเดือนและเหตุผลที่ทำให้เราไม่ได้เจอกัน มันเลยต้องใช้เวลาจูนคลื่นความเป็นเพื่อนกันนิดหน่อย

“กลับมาแล้ว....นะคะ”แม่น้องสาวผมตะโกนมาแต่ไกล แม่คนนี้ชอบทำอะไรไม่ค่อยจะเข้ากับหน้าตาสักเท่าไหร่เลย หน้าตาก็ดีหรอกแต่ทำตัวกะโปโลเหลือเกิน พอมาถึงก็มาทำตาเจ้าเล่ห์ใส่ผมทันที แถมมองผมกับไอ้แชมป์สลับไปมาอย่างจะจับผิด นี่ตกลงไม่เชื่อที่ผมบอกว่าผมกับไอ้แชมป์เป็นเพื่อนกันใช่ไหมเนี่ย

“พี่แชมป์หายไปนานเลยนะเนี่ย”เฟิร์นพูดคุยถามไถ่อย่างสนิทสนมเพราะสองคนนี้ก็ได้รู้จักกันในระดับนึงแล้ว จะว่าสนิทกันก็พอได้อยู่ เฟิร์นซื้อของกินมาด้วยก่อนจะนำไปจัดแจงออกมาวางที่โต๊ะ แล้วเราสามคนก็ทานกันไปพูดคุยกันไป วันนี้ไอ้แชมป์จะมาค้างกับผมด้วย

“พี่ๆ ถามไรหน่อยดิ”เฟิร์นสะกิดจะถามไอ้แชมป์ดูกิริยาแล้วไม่งามเท่าไหร่ออกจะห้าวหาญเกินหญิงไปนิด ผมเลยต้องส่งสายตาตำหนินิดๆ ให้น้องสาวมีสัมมาคารวะหน่อย เพราะไอ้แชมป์ก็อายุมากกว่าน้องผมหลายปีเหมือนกัน (ก็ห่างเท่ากับผมนั่นแหละ)

“ว่าไงมีไรจะถาม”แต่ดูไอ้นี่ก็ไม่ได้ถือสาอะไรหรอกครับ คงอยากให้ดูเป็นกันเองด้วยมั้งละเนี่ย

“พี่เป็นเกย์ป่ะ”เอาแล้วไงแม่น้องสาวของผมเล่นอะไรอีกละเนี่ย ทั้งผมทั้งไอ้แชมป์แทบจะสำลักกันเลยทีเดียว

“เฟิร์น...ไม่เล่นนะ”ผมบอกอย่างปรามๆ น้องสาว

“อย่าไปว่าน้องเลย ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย”ไอ้แชมป์แสดงอาการว่าไม่ได้ถือสาที่น้องสาวผมเหมือนจะละลาบละล้วงมากเกินไป ส่วนแม่น้องสาวตัวดีก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ให้ผมที่ส่งสายตาดุๆ ให้ไป

“พี่ก็ยังชอบผู้หญิงปกตินะ แต่เคยรู้สึกดีๆให้ผู้ชายคนนึงอยู่เหมือนกัน”ไอ้แชมป์พูดพร้อมกับชายตามองมาที่ผม เอาแล้วไงแม่น้องสาวของผมยิ่งคิดว่าเราเป็นอะไรกันอยู่แล้วด้วย

“แต่ก็เคยรู้สึกกับเค้าแค่คนเดียวนะ บางทีมันอาจจะเป็นแค่ความรู้สึกดีๆกับเพื่อนคนนึงก็ได้ เพราะพี่ก็ยังสนใจเพศตรงข้ามอยู่ แบบนี้เฟิร์นว่าพี่เป็นเกย์ไหม”ไอ้แชมป์ทำเป็นพูดทีเล่นทีจริง แบบไม่ได้ถือสาหาความกับแม่น้องสาวผม ซึ่งแม่ตัวดีก็ทำเป็นตั้งอกตั้งใจฟังเหลือเกิน นี่กะจะเก็บข้อมูลไปทำวิจัยเลยรึไงกัน

“แล้วพี่แชมป์มีแฟนรึยัง”น่านๆน้องผมได้คืบจะเอาศอก เห็นเค้าไม่ถือสาหน่อยเอาใหญ่เลย ผมกำลังจะอ้าปากดุแล้วเชียวแต่ไอ้แชมป์ชิงตอบก่อนอย่างไม่ถือสา แต่ยังไงผมคงต้องสอนมารยาทให้คุณน้องสาวหน่อยเสียแล้ว

“พี่ยังไม่มีแฟนครับ ถามอะไรอีกไหม”ไอ้แชมป์ยิ้มให้แถมตอบเหมือนพูดับเด็กๆ อีกต่างหาก

“อีกคำถามนึงนะสุดท้ายละ”น้องผมศอกนึงไม่พอต้องต่อเป็นวา

“เฟิร์นจีบพี่แชมป์ได้ป่ะ”คำถามของเฟิร์นทำเอาช้อนผมร่วงจากมือ ส่วนไอ้แชมป์นะเหรอถึงกับสำลักกันเลยทีเดียว เราสองคนอึ้งกิมกี่กับคำถามนั้นของเฟิร์น แต่แม่ตัวดียังคงยิ้มแป้นแล้นอย่างไม่สะทกสะท้าน

“ล้อเล่นหรอกน่า ไม่ขำกันเหรอ”แล้วเฟิร์นก็หัวเราะชอบใจที่ได้เห็นอาการเหวอรับประทานของพวกผมสองคน ตกลงโดนน้องอำเล่นจริงๆ หรือมันยังไงกันแน่

“คราวหลังไม่เล่นแบบนี้นะครับน้องเฟิร์น เฟิร์นไม่คิดแต่พี่คิดนะ เกิดเอาจริงขึ้นมาจะว่าไง”ไอ้แชมป์เล่นมุกกลับแบบขำๆ แต่คราวนี้เหมือนเฟิร์นเองที่ดูจะขำแบบฝืนๆ

วันนี้ร้านผมดูจะคึกคักพอสมควร เพื่อนๆของเฟิร์นมากันหลายคน แล้วก็แขกอื่นๆอีก ทำให้วันนี้วุ่นวายพอดู ดีที่ได้ไอ้แชมป์มาช่วยอีกแรง กว่าจะปิดร้านเก็บของเสร็จก็เล่นเหนื่อยเอาการเหมือนกันนะเนี่ย พออาบน้ำอาบท่าเสร็จจะนอนแม่น้องสาวตัวดีก็มาลากให้ผมไปนอนเป็นเพื่อน ปล่อยให้ไอ้แชมป์อยู่เพียงลำพัง

“พี่แฟ้ม...สรุปว่าพี่แชมป์เค้าชอบพี่ใช่ป่ะ”ทั้งที่ผมสลึมสลือจะหลับอยู่แล้วแต่คุณน้องของผมก็ยังจะชวนคุย วันนี้เป็นอะไรนักหนาสนใจเรื่องผมกับไอ้แชมป์เหลือเกิน หรือว่าอย่าบอกนะว่านี่น้องผมเกิดสนใจไอ้แชมป์ขึ้นมาจริงๆ

“นี่ตกลงสนใจอะไรในตัวไอ้แชมป์นักหนาหือ”เมื่อคิดได้ว่าคงไม่ได้นอนแน่ๆ ก็เลยหันมาตั้งใจคุยกับคุณน้องสาวให้รู้เรื่องรู้ราว

“ไม่ได้ชอบพี่เค้าแล้วกันน่า”แนะมีร้อนตัวด้วยครับ นี่ถ้าน้องผมชอบไอ้แชมป์จริงๆ ผมนี่แหละจะสนับสนุนเต็มที่ ได้เพื่อนรักมาเป็นน้องเขยก็น่าจะดีเหมือนกันนะ อีกอย่างถ้าไอ้แชมป์มีใครเข้ามาบ้าง มันก็จะตัดใจจากผมได้เร็วยิ่งขึ้น

“ชอบก็ได้นะเดี๋ยวพี่ช่วยเชียร์ เอาไหมเพื่อนพี่คนนี้ดีที่สุดแล้ว เอาเปล่า”ผมแกล้งพูดล้อๆ น้องสาวและก็ได้ผลครับเหมือนเฟิร์นจะเกิดอาการเขินจนถามต่อไม่ได้

“ไม่ถามแล้วก็ได้ ถามดีๆทำไมต้องมาแกล้งกันด้วย”น้ำเสียงงอนๆทำให้ผมเริ่มมั่นใจว่าเฟิร์นคงอาจจะเริ่มสนใจในตัวเพื่อนของผมเข้าให้แล้ว

“มีพิรุธนะเนี่ย”ผมยังคงแกล้งแซวต่อไปเพื่อดูปฏิกิริยา

“เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้วพี่แฟ้ม...เออว่าแต่แล้วพี่แฟ้มเคยมีแฟนป่ะ บอกมาซะดีๆ ว่าพี่เขยของเฟิร์นเป็นใคร แต่เฟิร์นก็ไม่เคยเห็นพี่แฟ้มคบใครนี่นา ที่เห็นเข้าเค้าหน่อยก็มีแค่พี่แชมป์ แต่พี่แฟ้มก็บอกว่าไม่ได้คิดอะไรกับเค้า แล้วตัวจริงของพี่แฟ้มนี่ใครอ่ะ”ตัวจริงงั้นเหรอ ตอนนี้มันไม่มีแล้วละ

“นอนเถอะ”ผมบอกออกไปเสียงเรียบแต่มันคงเรีบเกินไปจนเฟิร์นจับความผิดปกติได้

“เฟิร์นขอโทษที่ละลาบละล้วงมากไป”คุณน้องผมคงคิดว่าผมโกรธเธอเสียแล้วมั้ง

“ไม่มีอะไรหรอก นอนเถอะดึกแล้ว”ผมปิดเปลือกตาลงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาเมื่อนึกถึงใครบางคน
---------------------------------------------------------


แวะมาต่อคร๊าบบบบ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามเช่นเคยนะคร๊าบบบบ

ส่วนเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อก็ต้องคอยลุ้นกันแหละเนอะ  o13

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: ระหว่างเราคือ...??? [10-11-2014]
«ตอบ #74 เมื่อ10-11-2014 22:25:17 »

อ่านแล้วเริ่มกลัวหักมุมว่าเด็กไม่ใช่ลูกโอเล่ หรือโอเล่มันเลิกกับอ้อน หรือหนักๆก็อ้อนตาย
แค่นี้ก็หนักใจกับตัวละครมากแล้วล่ะ

แค่แฟ้มเป็นอยู่ตอนนี้ก็โอเคแล้วนะ
แล้วค่อยหาคนรักซักคน

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: ระหว่างเราคือ...??? [10-11-2014]
«ตอบ #75 เมื่อ10-11-2014 23:01:39 »

นานเท่าไรแล้วนะ
ที่แฟ้มหยุดให้ความหวังตัวเอง
รอลุ้นต่อไปว่า ระหว่างเราคือ....???
รอลุ้นว่าจะสามารถมีสถานะที่ชัดเจนหรือไม่

ออฟไลน์ พิรุณสีเงิน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: ระหว่างเราคือ...??? [10-11-2014]
«ตอบ #76 เมื่อ11-11-2014 00:17:09 »

ก็ยังดีที่สุดท้ายแฟ้มก็เลือกที่จะเดินออกมาอย่างจริงจัง
อ่านๆมาตั้งแต่ต้น เราสงสารแชมป์กับอ้อนมากที่สุดนะ
แต่เราไม่สงสารแฟ้มเลย คือทำร้ายตัวเองยังไม่พอยังเป็นการทำร้ายอ้อนด้วยอีกทาง

ส่วนโอเล่ นั้นก็นะ ละไว้ในฐานที่เข้าใจแล้วกัน
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดยังไงไม่รู้เนอะ 555

ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: ระหว่างเราคือ...??? [10-11-2014]
«ตอบ #77 เมื่อ11-11-2014 00:30:03 »

 :a5: จะจบไงเนี่ยเรื่องเนี่ย ลุ้นๆ

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: ระหว่างเราคือ...??? [10-11-2014]
«ตอบ #78 เมื่อ11-11-2014 21:03:18 »

สามปีผ่านไปไวเหมือนโกหก






“แฟ้มเรื่องไอ้โอเล่กับอ้อนนะ...”

“บอกแล้วไงว่าเราจะไม่พูดเรื่องของเค้าสองคนอีก”ผมบอกกับไอ้แชมป์อีกครั้งเป็นการย้ำเตือนให้มันรู้ว่าผมไม่ต้องการรับรู้เรื่องราวใดๆ ของคนทั้งคู่อีก แต่มันก็ยังอยากที่จะบอกเรื่องราวของทั้งสองคนนั้นให้ผมฟัง นี่มันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว ผมไม่มีอะไรที่จะต้องเกี่ยวของกับสองคนนั้นอีกแล้ว แม้แต่ความเป็นเพื่อนก็เหมือนว่าเราจะขาดกันไปแล้วเสียด้วยซ้ำ เพราะไม่ได้ติดต่อกันเลย อ้อนอาจจะงงๆ อยู่บ้างที่ผมขาดการติดต่อมาแบบนี้ แต่ผมคิดว่าผมทำดีที่สุดแล้ว

“คุยอะไรกันหน้าเครียดเชียว”เสียงของอีกคนดังมา ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับก็แม่น้องสาวของผมนั่นแหละ ปีนี้ก็เรียนอยู่ปี 4 แล้วดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะแล้ว อีกอย่างเฟิร์นกับไอ้แชมป์ก็เริ่มจะสปาร์กกันบ้างแล้ว จากการส่งเสริมของผมเอง เฟิร์นนั้นยอมรับกับผมว่าสนใจในตัวไอ้แชมป์อยู่บ้าง แต่ยังไม่ถึงกับชอบหรือคิดอะไรเกินเลย อีกอย่างเพราะคิดว่าผมกับไอ้แชมป์เป็นกันมากกว่าเพื่อน แต่เมื่อผมยืนยันอย่างนักแน่น บวกกับตัวไอ้แชมป์เองที่เริ่มตัดใจจากผมได้แล้ว สองคนนี้เลยเหมือนจะเป็นแฟนกันไปโดยไม่รู้ตัวแล้วมั้งเนี่ย แต่อาจจะยังไม่มีอะไรเกินเลยกันไปมากเพราะเฟิร์นมีพี่ชายอย่างผมประกบแจ

พูดถึงไอ้แชมป์ผมว่าตอนนี้มันคงตัดใจอยากผมได้อย่างเด็ดขาดแล้ว และคงจะได้เป็นน้องเขยผมเร็วๆนี้แหละ รออีกไม่นานน้องผมก็จะเรียนจบแล้ว พอจบอาจจะต้องรีบแต่งเลยก่อนเพื่อนผมจะแก่เกินไป

“พูดเรื่องอดีต คนแก่ก็งี้แหละชอบพูดเรื่องความหลัง”ไอ้แชมป์ตอบไป

“เออนี่พี่แชมป์รู้เปล่าว่าทำไมพี่แฟ้มเค้าไม่มีแฟนสักที เฟิร์นละกลัวพี่ชายคนนี้ขึ้นคานจริงๆเลย”เอาอีกแล้วครับ ช่วงหลังๆ มานี่เฟิร์นถามผมบ่อยขึ้นๆ ว่าทำไมผมไม่มีแฟน หรือทำไมไม่สนใจใครเลย เพราะการที่ผมไปเปิดร้านแบบนั้นก็มีน้องๆ มาแซวมาจีบเยอะเหมือนกัน ผมไม่ได้หลงตัวเองนะแต่ที่ร้านผมคนเข้าเยอะนี่หน้าตาเจ้าของร้านอาจจะมีส่วนช่วยดึงดูดลูกค้า แต่ก็นั่นแหละมันทำให้น้องสาวผมอดที่จะแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมผมไม่ยอมมีใคร

“ก็ไอ้แฟ้มมันดันหลงรักพี่จนตัดใจไม่ได้ แต่พี่ดันมาปิ๊งกับน้องสาวแสนสวยของมัน มันเลยตรอมใจไม่ยอมมีใครแบบนี้ ถ้าน้องเฟิร์นไม่อยากให้พี่ชายของเฟิร์นขึ้นคานก็ยกพี่คืนให้แฟ้มมันเถอะนะ”ไอ้แชมป์ทำเป็นพูดติดตลก นี่ถ้าเป็นคนอื่นเค้าจะเข้าใจมันเหมือนเฟิร์นหรือเปล่านะ เพราะเฟิร์นก็รู้ว่ามันเคยชอบผม แต่ก็ยังยอมเปิดใจที่จะเรียนรู้ซึ่งกันและกันอย่างไม่มัวมาระแวงที่ไอ้แชมป์ยังคงสนิทกับผมอยู่

“รู้สึกที่พูดมาเมื่อกี้ มันน่าจะเปลี่ยนเป็นพี่เองไม่ใช่เหรอที่มาหลงพี่แฟ้มของเฟิร์น แหมได้ทีนี่หาช่องเลยนะ พี่แฟ้มเค้าไม่ใจอ่อนกับตัวหรอกน่า อีกอย่างตัวเองก็ไม่ได้หล่อเลือกได้ซะหน่อย อย่ามาทำเป็นรักพี่เสียดายน้องอยู่เลย อย่างพี่แชมป์นี่ถ้าเฟิร์นไม่ยอมคบด้วยจะมีใครที่ไหนเหลียวแลไหมก็ไม่รู้”นั่นแหละครับน้องผมดูพูดเข้า ตัวเองก็ชอบเค้าอยู่ยังมาทำฟอร์มปากดีอีก ไอ้แชมป์เองก็เหมือนกัน

“นี่ตกลงพี่กะเฟิร์นเป็นแฟนกันแล้วใช่ไหม”ไอ้แชมป์ทำเป็นถามอย่างงงๆ จนเฟิร์นงอนแก้มป่องไปแล้ว

“พี่แฟ้มเอาคืนไปเลยนะอีตาผู้ชายพรรค์นี้เฟิร์นไม่อยากได้แล้ว”น้องสาวผมหันมาหาพรรคพวกแล้ว แต่จริงๆคู่นี้ก็เป็นแบบนี้มาตลอดหลายปีนี้แหละครับเถียงกันอีกเล็กน้อยก่อนเฟิร์นจะขอตัวขึ้นห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า

“รู้ไหมเมื่อก่อนเวลากรูอยู่ใกล้ๆ มรึงหรือเวลาคุยกันแบบนี้กรูใจสั่น แบบรู้สึกหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะทุกที”ไอ้แชมป์พูดขึ้นหลังจากที่เฟิร์นออกไปแล้ว

“ขนาดนั้นเลยเหรอ”ผมถามออกไปยิ้มๆ นึกขำที่มีคนเคยรู้สึกกับผมแบบนั้นด้วยแถมยังเป็นคนใกล้ตัวแบบนี้อีก

“ใช่เมื่อก่อนเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่ตอนนี้มันไม่มีอาการแบบนั้นอีกแล้ว ตอนนี้กรูเห็นมรึงเป็นแค่เพื่อนคนนึงแล้ว”เราสองคนยิ้มให้แก่กันในมิตรภาพที่เรามี มิตรภาพระหว่างเพื่อนที่ไม่มีวันจางหาย มันมั่นคงกว่าการที่จะรักกันฉันท์ชู้สาวเป็นไหนๆ

“กรูยังเปิดใจใหม่รับเฟิร์นเข้ามาได้ แล้วมรึงละแฟ้ม เมื่อไหร่จะลองเปิดใจรับใครเข้ามาบ้าง”เป็นคำถามที่ตอบได้ไม่ยากเลยสำหรับผมแต่คนที่รับฟังคงไม่ชอบใจเท่าไหร่มั้ง เพราะหัวใจผมมันปิดไปแล้วและคงไม่เปิดรับใครขึ้นมาอีกเป็นแน่แท้

“กำลังพยายามอยู่นะ”ผมบอกออกไปอย่างไม่เต็มเสียงนัก แต่ใจจริงก็อยากทำอย่างที่พูดเหมือนกันนะ แต่มันยังทำไม่ได้สักทีนี่สิ มันเหมือนยิ่งอยากจะเปิดใจมีใครเข้ามา แต่มันกลับเหมือนยิ่งเปิดความรู้สึกเดิมๆ ที่เคยมีกับเค้าขึ้นมาอีกครั้ง คงด้วยความที่ผมเคยมีเค้าแค่คนเดียว ไม่เคยคบคนอื่นอีก นี่ถ้าผมเคยคบกับคนอื่นบ้างมันน่าจะลองรับใครอีกสักคนเข้ามาบ้างก็ได้

“พี่แชมป์...พี่แฟ้มสวัสดีครับ”เสียงใครอีกคนดังเข้ามาทักทายพวกเราสองคน เค้าคือเพื่อนที่เรียนด้วยกันกับเฟิร์นนั่นเอง ชื่ออ้วน อ้วนเป็นหนุ่มตี๋พิมพ์นิยม ตามแบบที่คนทั่วไปตอนนี้ชอบๆ กัน เฟิร์นชอบเรียกเพื่อนคนนี้ว่า อ้วน รังสิต ตอนแรกผมก็งงว่าเค้าเป็นคนรังสิตเหรอ ที่ไหนได้คือมันเหมือนชื่อดาราคนนึงต่างหาก สงสัยผมไม่ค่อยได้สนใจดารานักร้องเท่าไหร่แล้ว เลยไม่ค่อยรู้จัก แต่พอน้องบอกเหมือนดาราก็เข้าใจว่าหน้าตาเหมือนหรือเปล่า แต่พอได้ดูจากรูปที่แม่น้องสาวเอามาให้ดู ก็ไม่เหมือนกันเท่าไหร่ เพราะน้องอ้วนนี้แม้จะตี๋ๆ แต่ออกแนวเข้มๆ หน่อยประมาณตี๋เซอร์นั่นแหละครับ

ผมรู้จักเพื่อนของเฟิร์นเกือบทั้งหมดเพราะต่างแวะเวียนมาเป็นลูกค้าประจำร้านผมกันทั้งนั้น แต่กับอ้วนนี้รู้สึกจะมาบ่อยเป็นพิเศษ ตอนแรกเลยผมนึกว่ามาชอบพอกันกับแม่น้องสาวของผม แต่ทั้งสองก็ยืนยันหนักแน่นว่าเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น และก็คงจะจริงเพราะน้องสาวผมก็ตกร่องปร่องชิ้นกับไอ้แชมป์ไปแล้ว ส่วนนายน้องอ้วนนี่ก็เห็นเฟิร์นบอกว่ากิ๊กเยอะแยะไป แต่ก็แปลกที่ไม่ยักกะเคยเห็นเค้าพาแฟนมาที่ร้านนี่บ้างเลย แต่ก็ช่างเหอะมันไม่ใช่เรื่องของผมนี่นา

“มาหาเฟิร์นเหรอ”ผมเอ่ยถามออกไปหลังจากที่กล่าวคำทักทายตอบไปแล้ว คิดว่าเค้าคงไม่ได้มานั่งดื่มหรอกเพราะมาคนเดียวแบบนี้น่าจะไปสังสรรค์ กับเพื่อนๆที่อื่นมากกว่า และคงจะมารับแม่น้องสาวของผมนั่นเอง ปกติจริงๆ ผมกับเฟิร์นจะนอนที่บ้านซึ่งเป็นคนละที่กับร้าน แต่เฟิร์นก็ขนข้าวของบางส่วนมาไว้ที่นี่เหมือนกัน เพราะบางทีเลิกเรียนถ้ากลับไปบ้านจะไกลกว่าที่ร้านเลยมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่นี่บ้าง แต่ก็กลับไปนอนที่บ้านอยู่ดี ยกเว้นวันไหนที่เพื่อนๆ ของเฟิร์นมากันเยอะๆ ร้านปิดแล้วยังพากันดื่มต่อข้างในนี้ ภายในร้านของผมก็จะแปรสภาพเป็นแคมป์เล็กๆ ให้พวกน้องๆ สนุกกันแหละครับ ดีที่ถ้าปิดร้านแล้วเสียงไม่ค่อยดังออกไปภายนอกและแถวๆ นี้พอร้านปิดก็ไม่ค่อยมีใครอยู่หรอก เลยไม่ได้สร้างความรบกวนคนอื่นเท่าไหร่

“ครับ...พอดีวันนี้มีเพื่อนเลี้ยงวันเกิด แต่เจ้าของวันเกิดดันอยากจะจัด party No L เลยจะพากันไปฉลองความแก่ที่ร้านนมสดนะครับ เลยไม่ได้มาอุดหนุนร้านพี่แฟ้มเลย แต่ไม่เป็นไรไว้ดื่มนมเอียนแล้วอาจจะมาต่อที่นี่ก็ได้ครับ”หนุ่มรุ่นน้องบอกอย่างยิ้มแย้ม คำพูดเค้าเหมือนจะพูดเอาใจผมแต่เพื่อนๆ ทุกคนของเฟิร์นก็ชอบพูดแบบนี้แหละ เหมือนกลัวว่าผมจะงอนที่หนีไปสนุกกันที่อื่น แต่ผมเองไม่ได้คิดอะไรหรอก เพราะน้องๆ เองก็คงเบื่อกันบ้างแหละถ้าต้องมาแต่ร้านเดิมๆ อีกอย่างวันเกิดไม่ดื่มแอลกอฮอล์กันก็ดีเหมือนกันนะ คนเจ้าของวันเกิดนี่เข้าใจคิดนะเนี่ย

“ไปดื่มนมกันบ้างก็ดี เพื่อสุขภาพ เหล้า-เบียร์นะเพลาๆ บ้างก็ได้ ร้านพี่ไม่เจ๊งหรอกถ้าพวกอ้วนไม่มานะ”ได้ทีขอโม้ร้านตัวเองหน่อยครับ แต่จริงๆ ร้านผมก็มีลูกค้าอยู่เรื่อยๆ และครับเยอะบ้างน้อยบ้างแล้วแต่วัน แต่ไม่เคยถึงกับเงียบนะ เพราะถ้าเงียบผมกับเฟิร์นสองพี่น้องก็สร้างเสียงอึกทึกกันเองเหอๆ

“อ้าว...มาแล้วเหรอไอ้อ้วน”ดูเรียกเพื่อนเข้าครับ น้องผม ถ้าได้ยินแต่เสียงนี่ผมคงคิดว่าคนที่ถูกเรียกนี่ต้องหุ่นแบบสมบูรณ์สุดๆ เป็นแน่ แต่กลุ่มเพื่อนก็แบบนี้แหละครับอาจจะพูดจาไม่ค่อยไพเราะต่อกัน แต่เวลาพูดกับผู้หลักผู้ใหญ่พวกนี้ก็มีสัมวาคารวะดีนะครับ

“วันนี้ขออนุญาตควงเฟิร์นสักวันนะครับพี่แชมป์”นายน้องอ้วนหันไปขออนุญาตเพื่อนผม เพราะรู้ดีว่าสองคนนี้คลิ๊กกันอยู่ แต่แม่น้องสาวผมเบ้ปากพร้อมกับยิ้มเหยียดๆ ให้กับไอ้แชมป์ก่อนจะพูดอย่างประชดประชัน

“ไปขอเค้าทำไม ชั้นไม่ได้เป็นอะไรกับเค้าซะหน่อย ถ้าจะขอนะขอพี่แฟ้มยังจะดีกว่าอีก แต่จริงๆชั้นว่าเรามาลองกิ๊กกันดูบ้างไหม สนใจเปล่า”สงสัยจะยังงอนไอ้แชมป์ไม่หายเลยแกล้งพูดเล่นกับเพื่อนแบบนี้ บทจะงอนนี่ก็เอาเรื่องเหมือนกันนะครับน้องผม

“ไม่เอาหรอก เดี๋ยวแฟนคลับก็หายหมดกันพอดี”นายน้องอ้วนทำทีปฏิเสธอย่างไม่แยแสในข้อเสนอของน้องสาวผม ส่วนแม่ตัวดีพอไม่มีใครเข้าข้างก็หน้าหงิก ฮึดฮัดใหญ่เลยละครับ ทำตัวยังกะเด็กๆ หนอน้องเรา

“ย่ะ...ชั้นไม่ได้พิศวาสนายหนักหรอกนะ พ่อ อ้วน รังสิต ปทุม ลำลูกกา คลองธัญญะ”เฟิร์นพูดอย่างงอนๆ แถมยกชื่อสถานที่มาต่อท้ายให้เพื่อนเสร็จสรรพ จากที่น่าจะเป็นดารา กลับกลายเป็น สายรถเมล์ ซะละมั้งนั่น

“เอ้าไปกันได้แล้วมั้ง แล้วทำตัวดีๆละ พี่เป็นห่วงนะ”ไอ้แชมป์เอ่ยปากออกมาเหมือนจะเป็นการง้อหน่อยๆ เพราะคงจะรู้ว่าน้องผมงอนนั่นเอง และก็เหมือนจะได้ผลน้องผมเกิดอาการเขิน แต่ก็ยังคงทำโวยวายกลบเกลื่อน

“ห่วงอะไรกัน เป็นอะไรกันหรือก็เปล่า”บอกออกมาอย่างพาลๆ จนผมและนายน้องอ้วน อดที่จะขำไม่ได้ในท่าทีน้องผู้หญิงคนนี้

“พี่ห่วงเพื่อนๆ เฟิร์นนะ กลัวเค้าเป็นบาดทะยักกัน เพราะยังไม่ได้ฉีดยาให้เฟิร์นเลย”เอ้าจากตอนแรกเหมือนจะดีกัน แต่ไหงกลับมากัดกันอีกแล้ว ช่วงนี้รู้สึกไอ้แชมป์กวนโมโหเฟิร์นบ่อยเหลือเกิน ผมเคยถามมันก็บอกว่าเวลาเฟิร์นฟึดฟัดแล้วน่ารักดี ดูมีชิวิตชีวา

“ไอ้พี่...”เฟิร์นพูดได้แค่นั้นก็โดนนายน้องอ้วนปิดปากลากออกไปอย่างทุลักทุเล แต่แม่ตัวดียังชี้มือชี้ไม้หมายจะเอาเรื่องเพื่อนซี้ผมไว้อย่างคาดโทษ ส่วนผมสองคนนะเหรอได้แต่นั่งหัวเราะกับท่าทางนั้น

“หึงบ้างไหมเห็นเฟิร์นไปกับเพื่อนผู้ชายแบบนี้”ผมถามออกไปหลังจากที่สองคนนั้นลับตาไปแล้ว ที่ถามเพราะมันน่าจะมีบ้างที่ต้องเห็นแฟนตัวเองไปกับคนอื่นแบบนี้ แต่ดูไอ้แชมป์ไม่ได้มีทีท่าอะไรเลย ถ้าเป็นผมคงแอบคิดบ้างถึงจะไม่มากก็เหอะ

“ไม่หรอก เพราะน้องอ้วนนั่นเค้าชอบคนอื่นอยู่ ไม่มีทางหันมาสนใจเฟิร์นของกรูหรอก”ไอ้แชมป์พูดอย่างมั่นอกมั่นใจจนผมอดสงสัยไม่ได้ว่าอะไรทำให้มันมั่นใจขนาดนั้น

“พูดยังกะรู้ว่าน้องมันชอบใครอยู่งั้นแหละ”เร็วเท่าความคิดปากผมก็ทำงานทันที

“รู้สิ”ไอ้แชมป์หันมาตอบผมพร้อมกับยิ้มอย่างมีเลศนัย

“น้องเค้าชอบมรึงนั่นแหละไอ้แฟ้ม ไอ้ประสาทรับรู้ช้า”คำตอบไอ้แชมป์ทำเอาปลงๆ กับมันครับ เพราะคิดว่ามันกำลังผมอำผมเล่นเสียมากกว่า มันไม่ได้มีความเป็นไปได้เลยสักนิด น้องเค้าจะมาชอบผมได้ยังไงกัน ไม่เห็นมีทีท่าอย่างนั้นเลยสักนิดเดียว

“ไม่มีอะไรจะเล่นแล้วใช่ไหมเนี่ย กรูต้องขำกับมุขนี้ของมรึงไหมหือ”ผมได้แต่ส่ายหน้า อย่างระอากับมันครับ

“มรึงเชื่อกรูสิแฟ้ม สายตาที่น้องมันมองมรึงนะ ไม่ได้ต่างจากที่กรูเคยมองเมื่อก่อนเลย”นี่มันชักยังไงๆ แล้วนะไอ้แชมป์จะอำผมมากไปหรือเปล่าเนี่ย

“ตกลงนี่มรึงพูดจริงหรือพูดเล่น”

---------------------------------------

เรื่องเวลาดูโดดๆ ไปหน่อย เนอะ 3 ปีผ่านไปเร็วเกิ๊น 555

แต่จริงๆ คือตั้งใจอยากให้ดูชัดขึ้นว่าแฟ้มพยายามจะตัดโอเล่ออกจากชีวิตจริงๆ

ส่วนตัวละครใหม่ที่เพิ่มมาก็ต้องดูต่อไปว่าจะมาแนวไหน

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามเช่นเคยคร๊าบบบ  o13

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
Re: ระหว่างเราคือ...??? [11-11-2014]
«ตอบ #79 เมื่อ11-11-2014 21:39:33 »

ระหว่างเรา
จบลงจริงๆนะ

..ไม่เชื่อ..
คนแต่งไม่ต้องมาหลอก
 :serius2:


ดำคู่ขาว ดาวคู่เดือน เพื่อนคู่อยู่
ดำรับรู้ ดาวรับฟัง เพื่อนครั้งไหน
ขาวดำรง เดือนคงคืน เพื่อนเรื่อยไป
ถึงห่างไกล ไม่ไปลับ วกกลับมา


..ตราบใดที่ยังรัก ก็ยังมีความหวังรออยู่..
กลับมานะ
 :impress:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ระหว่างเราคือ...??? [11-11-2014]
« ตอบ #79 เมื่อ: 11-11-2014 21:39:33 »





ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: ระหว่างเราคือ...??? [11-11-2014]
«ตอบ #80 เมื่อ11-11-2014 21:55:09 »

ผ่านมาหลายปีแล้ว อยากรู้จัง ว่าแฟ้ม
เคยมีจินตนาการ อะไรบ้างมั้ยเกี่ยวกับโอเล่

ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: ระหว่างเราคือ...??? [11-11-2014]
«ตอบ #81 เมื่อ12-11-2014 00:28:44 »

3 ปี ผ่านไปอิเล่ยังไม่ไปผุดไปเกิด ใช่มั้ย
เฮ้อออ!!!!   :z3: :z3: :z3: :z3:
แฟ้มเอ๋ย เลิกเคี้ยวเอื้องได้แล้วลูก ขุ่นแม่ขอร้อง

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
Re: ระหว่างเราคือ...??? [11-11-2014]
«ตอบ #82 เมื่อ12-11-2014 01:30:20 »

อย่าบอกว่านะ พี่ตี้แฟนเก่าเค๊กของเรื่อง (ไม่)รักได้ไงจะเข้ามามีบทบาทหรือเปล่า?

อิเล่เอ๊ย  :beat: ไปผุดไปเกิดเหอะ อย่ามาหลอกหลอนแฟ้มอีกเล๊ย

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: ระหว่างเราคือ...??? [11-11-2014]
«ตอบ #83 เมื่อ12-11-2014 21:08:06 »

“มรึงเชื่อกรูสิแฟ้ม สายตาที่น้องมันมองมรึงนะ ไม่ได้ต่างจากที่กรูเคยมองเมื่อก่อนเลย”นี่มันชักยังไงๆ แล้วนะไอ้แชมป์จะอำผมมากไปหรือเปล่าเนี่ย

“ตกลงนี่มรึงพูดจริงหรือพูดเล่น”ผมถามเพื่อความมั่นใจว่าเพื่อนไม่ได้แกล้งอำเล่นๆ แต่ผมก็ยังไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่มันพูดเท่าใดนัก ก็อยู่ๆ จะให้เชื่อได้อย่างไรว่าจะมีคนมาคิดกับผมแบบนั้น อีกอย่างนายน้องอ้วนนั้นกับผมก็แค่รู้จักกันธรรมดาในฐานะพี่น้องธรรมดา ยังไม่เห็นวี่แววของเรื่องนี้เลย

“ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร ยังไงมรึงก็ลองสังเกตดูเองแล้วกัน ที่พูดนี่เพราะเห็นน้องมันเหมือนจะยังไม่กล้าจะรุกเท่าไหร่ ถ้าปล่อยไว้แบบนี้คงไปไม่ถึงไหน ส่วนทางมรึงนะคงจะไม่รู้สึกตัวง่ายๆ หรอกว่ามีคนรู้สึกดีๆด้วย กรูเลยต้องเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้มรึงไง มรึงจะได้เริ่มเปิดใจมองน้องมันบ้าง จะได้ไม่เหมือนเรื่องของมรึงกับกรูที่เราเริ่มมองกันในฐานะเพื่อนมาตลอดความรู้สึกมรึงมันเลยค่อนข้างเปลี่ยนลำบาก แต่มรึงกับน้องอ้วนถ้าให้มรึงรู้แต่เนิ่นๆ อย่างนี้จะได้มองน้องเค้าในฐานะอื่นบ้างไง”ผมพยายามคิดตามที่ไอ้แชมป์มันพูด เรื่องของผมกับมันนี่ผมเข้าใจนะเพราะผมมองมันเป็นเพื่อนมาตลอดยังไงๆ ก็คงมองในฐานะอื่นไม่ได้ แต่ส่วนเรื่องนายน้องอ้วนนี่ ผมก็ยังไม่ได้คิดอะไร อยู่ๆ จะให้ผมไปนึกชอบพอด้วยมันคงไม่ใช่เรื่องอะไรที่จะเกิดขึ้นปุบปับแน่ๆ

“ที่พูดไปนี่เข้าใจบ้างไหม”ผมได้แต่ส่ายหน้าให้กับคำสาธยายของไอ้แชมป์มัน

“มรึงก็ออกจะฉลาดทำไมเรื่องแค่นี้ไม่เข้าใจว่ะ”

“ก็ความรักมันเข้าใจยากไง”ผมตอบออกไปก่อนจะหัวเราะออกมา ความรักมันก็เป็นสิ่งที่ดี สวยงามแต่ไม่จำเป็นว่าต้องรักกันแบบชู้สาวนิ ตอนนี้ผมก็มีความสุขดีแล้ว ยังไม่อยากไขว่คว้าอะไรเท่าไหร่หรอก แค่มีความรักให้เพื่อน ให้น้อง ให้พ่อกับแม่ มันมีมีความสุขดีอยู่แล้วนิ ทำไมต้องหาเรื่องทุกข์ใจเพิ่มเข้ามาอีก

“ยังไงก็ลองให้โอกาสน้องมันดูบ้างแล้วกัน”นึกว่าจะจบแล้วนะครับเรื่องนี้ แต่ไอ้นี่ยังยังไม่ยอมละความพยายาม ไม่รู้ว่าไอ้แชมป์คิดยังไงถึงมาเชียร์ให้ผมลองเปิดใจให้นายน้องอ้วนนี่ มีดีอะไรนักเชียว

“กลัวกรูขึ้นคานรึไงเนี่ย อยากจะจับคู่ให้กรูจัง”ผมแกล้งว่าอย่างไม่ได้ถือสาอะไรนัก เราสองคนหัวเราะกันเบาๆ งงๆด้วยกันทั้งคู่แหละว่าทำไมต้องมาคุยเรื่องนี้กันด้วย แต่ผมดีใจนะที่ไอ้แชมป์มันคิดกับผมแค่เพื่อนแล้ว แถมยังมาเป็นว่าที่น้องเขยผมอีก

“เออ มรึงไม่ได้กลับกรุงเทพฯ นานแค่ไหนแล้วเนี่ย”อยู่ๆ ไอ้แชมป์ก็เอ่ยถามขึ้น ทั้งๆที่มันก็น่าจะรู้ว่าผมก็ไม่ได้กลับไปเลยตั้งแต่มาอยู่ที่นี่นั่นแหละ ก็แปลกดีเหมือนกันนะ ที่ไม่ได้กลับบ้านเลย ตั้งหลายปีแล้วทำยังกับว่ามันไกลกันเหลือเกินทั้งที่ขับรถไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงแล้ว แต่นี่ผมทำเหมือนอยู่กันคนละซีกโลก จะเดินทางแต่ละทีแสนยากลำบากเสียเต็มประดา

“ไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งไม่รู้ว่ะ”ผมตอบออกไปเสียงหม่นๆ ไม่รู้ทำไมผมต้องคิดเรื่องที่มันเป็นเหตุให้ผมต้องมาอยู่ที่นี่จนได้สิน่า เรื่องมันก็นานมากแล้ว แต่ทำไมความรู้สึกผมมันยังไม่เปลี่ยนไปสักที มันเหมือนทุกอย่างเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ผมกลัวการที่จะกลับไปกรุงเทพฯ กลัวเจอเค้า ที่กลัวที่สุดคือการเจออ้อน ผมกลัวจะทำให้อ้อนสังเกตเห็นความผิดปกติ กลัวไปหมด เลยทำตัวเหมือนเป็นเพื่อนเก่าคนนึงที่ไม่มีความจำเป็นต้องพบเจอพวกเค้าอีก

“ไม่ห่วงพ่อกับแม่บ้างเหรอ”ใช่แล้วพ่อกับแม่ของผมซึ่งอายุก็มากขึ้นทุกวัน ต้องอยู่กันสองคน แต่ผมก็ใกล้จะหายห่วงแล้ว เพราะอีกไม่นานเฟิร์นก็จะเรียนจบแล้ว พอจบก็คงกลับไปหางานทำอยู่กับพ่อและแม่ เกิดถ้าเฟิร์นแต่งงานแต่งการไปก็คงให้สามีของเฟิร์นย้ายเข้าบ้านพวกผมแน่นอน ยิ่งถ้าเป็นไอ้แชมป์นี่ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่

“เวลาพวกท่านเหงาก็แวะมาเยี่ยมกรูกับเฟิร์นที่นี่ออกจะบ่อย มรึงก็รู้”ใช่แล้วปกติพ่อกับแม่ผมก็แวะมาที่นี่บ่อย หรือไม่ถ้าวันหยุดยาวหรือปิดเทอม เฟิร์นก็กลับบ้านที่กรุงเทพฯเป็นประจำ และถึงผมไม่ได้กลับไปเลยแต่ก็โทรหาพวกท่านตลอด

“มรึงนี่ทำบาปคนแก่นะเนี่ย ให้พวกท่านเดินทางมาหาลูกอย่างมรึง แทนที่มรึงจะเป็นคนไปหาพวกท่าน”ไม่ต้องให้มันมาตอกย้ำ ผมก็รู้สึกผิดอยู่แล้ว เพียงแต่ผมยังอ่อนแอเกินไปที่จะต้องกลับไปเท่านั้นเอง

“ไว้กรูจะกลับไปบ้างแล้วกัน มรึงนี่เล่นมาพูดยังกะกรูจะเป็นลูกอกตัญญูซะงั้นแหละ”มันคงจะถึงเวลาแล้วละมั้งเพราะเรื่องราวต่างๆ มันก็นานพอควรอีกทั้งโอเล่กับอ้อนก็คงมีความสุขดีอยู่แล้ว ผมกลับไปบ้านก็ใช่ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับพวกเค้าเสียเมื่อไหร่

วันนี้ผมกับไอ้แชมป์ก็รอจนดึกดื่นกว่าแม่น้องสาวตัวดีของผมจะกลับมา แถมพอกลับมาก็เมาแอ๋กันมาเลย นายน้องอ้วนเมานี่ไม่เท่าไหร่หรอกครับช่างมันแถมเป็นผู้ชายอีกไม่น่าห่วงเท่าไหร่ แต่แม่น้องสาวของผมนี่สิ หัดทำตัวเป็นเมรีขี้เมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทุกทีก็เคยเห็นดื่มอยู่หรอกแต่ไม่ได้เมามายขนาดนี้ แล้วไหนบอกว่าพากัน party No L ไหงกลับมาสภาพนี้กัน พอลองถามไถ่ก็ได้รับคำตอบเสียงอ้อแอ้จากนายน้องอ้วนนี่ว่าที่ร้านนมสดนั่นนะเค้ามีเบียร์ขายด้วย แต่แรกจะดื่มกันนิดหน่อย แต่พอดื่มแล้วชักเบรกไม่อยู่ เลยกลับมาในสภาพแบบนี้ ผมละโล่งใจที่พากันขับรถกลับมาได้

“เอาไงดี”ไอ้แชมป์หันมาถามความเห็นจากผมว่าจะจัดการขี้เมาสองคนนี้ยังไงดี เฟิร์นนี่ไม่ห่วงเท่าไหร่เพราะผมพากลับไปบ้านเช็ดหน้าเช็ดตาให้หน่อย ก็ปล่อยกองไว้ที่เตียงในห้องนอนได้แล้ว แต่นายน้องอ้วนนี่สิ ดูท่าจะขับรถกลับไม่ไหวแน่ๆ แถมถ้าจะไปส่งผมกับไอ้แชมป์ก็ไม่รู้ว่าน้องมันพักที่ไหน

“เดี๋ยวกรูพาเฟิร์นกลับบ้าน มรึงก็ช่วยดูแลน้องอ้วนมันหน่อยแล้วกัน”ผมออกความเห็นเพราะถ้าจะพากลับบ้านไปด้วยก็ไม่มีที่หลับที่นอนที่ดีกว่าที่น้องมันนอนอยู่ตอนนี้หรอก แต่ไอ้ครั้นจะปล่อยทิ้งไว้คนเดียวก็กะไรอยู่

“แล้วทำไมต้องเป็นกรู มรึงก็อยู่ไปสิเดี๋ยวกรูดูแลเฟิร์นให้เองก็ได้”แหมทำเป็นพูดดี แต่ไม่ทางซะหรอก ยิ่งน้องผมเมาๆ แบบนี้ไม่อยากให้มันเกินเลย ความจริงผมก็ไม่ได้ถือเรื่องนี้เท่าไหร่หรอกนะครับ พอจะรู้จะเข้าใจว่าคนเราคบกันมันก็ต้องมีความต้องการเรื่องอย่างนั้นบ้าง แต่ที่วันนี้ผมไม่ยอมเพราะผมเองไม่อยากอยู่เป็นเพื่อนนายน้องอ้วนนี่ต่างหาก

“งั้นก็ปล่อยมันไว้นี่แหละ ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวก็ปิดล็อคประตูไว้ เราก็กลับเลยแล้วกัน”ถึงแม้จะไม่ค่อยเห็นด้วยความความคิดไอ้แชมป์ แต่เราก็ปิดล็อคประตูจากด้านนอกขังนายน้องอ้วนไว้ในร้านของผม ยังไงซะพรุ่งนี้ค่อยมาดูอีกที คงยังไม่ตายหรอกแค่เมาเอง อย่างมากตื่นมาอาจจะงงนิดหน่อยที่ถูกขัง แต่ในร้านผมก็มีอะไรให้ครบทุกอย่าง ไม่ลำบากหรอก แล้วผมกับไอ้แชมป์ก็ช่วยกันประคองเฟิร์นขึ้นรถกลับบ้าน

เช้าวันนี้ผมตื่นค่อนข้างสายเพราะคิดว่าไม่มีธุระอะไร แต่แล้วผมก็นึกขึ้นได้ ว่าผมขังเพื่อนของเฟิร์นไว้ที่ร้านนี่หว่า คิดได้ก็รีบลุกอาบน้ำแต่งตัวทันที ส่วนแม่น้องสาวผมกับพ่อเพื่อนสนิท ยังไม่ตื่นกันหรอกครับ ยังคงพากันเฝ้าพระอินทร์กันต่อไป ผมรู้สึกกังวลกับนายน้องอ้วนนิดหน่อยเพราะเผื่อเค้ามีความจำเป็นต้องไปทำธุระอะไร แต่ยังติดอยู่ในร้านผม ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ ไอ้ร้านผมมันก็มีทางออกทางเดียวซะด้วยสิ ปกติถ้าพวกอ้อนและเพื่อนนอนที่ร้านจะมีคนปิดล็อคจากด้านใน แต่กรณีนี้มันไม่มีใครมาล็อคเลยต้องปิดจากด้านนอก

ผมเปิดประตูเข้าไปภายในร้านแต่สำรวจหลายซอกมุมก็ไม่เห็นสิ่งมีชีวิตคล้ายคน ตนใดอยู่ กำลังนึกอยู่ว่ามันหายไปไหนได้ยังไง แต่ก็พลันได้ยินเสียงฮัมเพลงดังแว่วออกมาจากห้องน้ำ สงสัยตื่นแล้วลุกไปอาบน้ำนั่นเอง ขณะที่ผมกำลังยืนอยู่หน้าห้องน้ำนั่นเองจู่ๆ ประตูห้องน้ำก็เปิดออก ภาพที่ผมได้เห็นทำเอาต้องอ้าปากค้างกันเลยทีเดียว

ชายหนุ่มหน้าตี๋ ที่มีหยดน้ำเกาะตามกล้ามเนื้อแกร่งยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องน้ำ มีทีท่าตกใจไม่แพ้ผมเลยสักนิด จะไม่ให้ตกใจได้อย่างไรกันเล่า ก็เค้าเล่นเปิดประตูออกมาทั้งที่ร่างเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ใดๆ ห่อหุ้ม สายตาผมเหลือบมองบางอย่างโดยอัตโนมัติ ก่อนจะเงยหน้ามองเค้าที่คงกำลังอึ้งไม่คิดว่าผมเข้ามาที่ร้านแล้ว

“ก..กะ..กลับเข้าไปก่อนดีไหมเดี๋ยวพี่หยิบผ้าเช็ดตัวให้”ผมพูดติดๆ ขัด ก็ใครมันจะไปตั้งตัวทันกัน ไม่ได้คิดไว้ว่าต้องมาเจอสถานการณ์แบบนี้ หัวใจเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ ไอ้นายน้องอ้วนจะรู้ไหมว่าทำผมเกือบหัวใจวาย แถมภาพน้องชายของเค้ายังติดตาหลอกหลอนผมอีก


อย่างที่เคยบอกตอนต้นว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวกะอีกเรื่องนึง นิดหน่อย

ซึ่งก็ลงในอีกเรื่องแล้วว่า อิ๊เล่ที่เริ่มหายไปจากเรื่องนี้ ยังไม่ไปผุดไปเกิดแต่ตามไปโผล่ที่อีกเรื่อง  :z3:

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
Re: ระหว่างเราคือ...??? [12-11-2014]
«ตอบ #84 เมื่อ12-11-2014 21:15:54 »

น้องอ้วนขา  เป็นปู้จายดีๆหน่อยนะ ป้าจะได้เชียร์หนูให้พี่แฟ้มมัน   

กลับไปอ่านอีกเรื่อง โอ๊ย อีเล่ ยังมาหลอนอีกเหรอ ถ้าลอกลายไม่หมดไปจากสันดานก็อย่ามาใกล้แฟ้มเลยนะ

ขอบคุณค่าที่อัพรวดเร็วทันใจ :pig4:


ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: ระหว่างเราคือ...??? [12-11-2014]
«ตอบ #85 เมื่อ13-11-2014 18:18:47 »

“โทษทีนะครับ พอดีผมลืมหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าไปด้วยแล้วก็ไม่นึกว่าจะมีคนมาเร็วขนาดนี้ นึกว่าจะโดนขังลืมซะอีก”นายน้องอ้วนพูดอย่างเขินๆ แต่ก็ยังแอบกวนๆ อยู่เล็กน้อย ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าเฟิร์นเป็นคนมาดูเพื่อนตัวเองแล้วมาเจอแบบนี้จะเป็นไง แต่รายนั้นคงไม่เป็นไรเพราะถ้ามาไม่เจอเพื่อนคงตำโกนจนลั่นและคนในห้องน้ำคงจะรู้ตัว

ตอนนี้นายน้องอ้วนยังยืนคุยกับผมด้วยชุดผ้าขนหนูผืนเดียวมันทำให้ผมไม่กล้าสบตาเค้าเลยเวลาพูด ก็ไอ้ภาพเมื่อกี้มันยังติดตานี่สิ แม้เค้าจะมีผ้าพันกายท่อนล้างแล้ว แต่ผมไม่ต้องจินตนาการเลยว่าภายใต้ผ้าผืนนั้นมันเป็นยังไง

“มีเสื้อผ้าเปลี่ยนไหมเนี่ย”ผมพยายามหาบทสนทนาเพื่อลำลายบรรยากาศกระอักกระอ่วนเมื่อครู่ ก่อนจะหันไปหาพวกเสื้อยืดของผมมาให้เค้าเพราะถ้าให้ใส่เสื้อตัวเดิมคงจะไม่ไหว มีทั้งกลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่

“เสื้อน่าจะพอใส่ได้ แต่กางเกงพี่ว่าอ้วนคงต้องทนใส่ตัวเดิมไปก่อน เพราะคงใส่กางเกงพี่ไม่ได้”พร้อมกับยื่นเสื้อยืดที่คิดว่าเค้าน่าจะใส่ได้ให้ ก่อนจะต้องสาละวนกับการล้วงหาโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ไม่ใช่ใครที่ไหน ไอ้แชมป์นั่นเองโทรมาถามว่าผมอยู่ไหน พอผมบอกไปก็หัวเราะชอบใจใหญ่ มันบอกให้ผมตามสบายเดี๋ยววันนี้ขอเอาตัวน้องสาวผมไปออกเดทหน่อย

“ยังไงซะก็อย่าเพิ่งรวบหัวรอบหางน้องมันละ เดี๋ยวเด็กมันจะเสียขวัญ เตลิดหนีไปก่อน”ยังไม่ทันที่ผมจะได้คิดคำด่าไอ้แชมป์ก็ชิงวางสายทันที ผมได้แต่ฮึดฮัดในใจ ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้น้องเขย พอหันหลังกลับมาก็เจอนายน้องอ้วนยืนจ้องผมอยู่แล้ว ตอนนี้เค้าแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ด้วยกางเกงยีนส์ตัวเดิมจากเมื่อคืนกับเสื้อยืดของผมที่ดูมันจะเล็กไปหน่อยแต่ก็ไม่ถึงกับใส่แล้วดูน่าเกลียด จากท่าทางที่เห็นนายน้องอ้วนนี่คงยังเขินๆ กับเรื่องที่แก้ผ้าโชว์ผมอยู่ไม่น้อย แต่ไอ้ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไงดี เอาเป็นว่าแกล้งลืมๆ มันไปนี่แหละอย่าไปพูดถึงเลย ผมไม่พูดเค้าไม่พูดเดี๋ยวก็ลืมไปเองแหละ
“ผมนึกว่าวันนี้จะโดนขังลืมจนเย็นซะแล้ว”เค้าเป็นคนเริ่มบทสนทนา คงเพราะไม่รู้จะคุยเรื่องอะไรมั้งเลยพูดแบบนี้มาอีกทั้งที่เค้าก็บอกผมไปแล้วรอบนึงนะว่ากลัวถูกขังลืมนี่

“รีบไปไหนหรือเปล่าละ ถ้ารีบจริงๆ โทรเข้าเบอร์เฟิร์นไปบอกพี่มาเปิดประตูให้ก็ได้นะ”ผมตอบออกไปเพราะถ้าจะบอกว่าให้โทรหาผมเค้าก็ไม่ได้มีเบอร์ผม แต่เบอร์เฟิร์นเค้าต้องมีอยู่แล้วก็เพื่อนกันนี่นา

“พอดีแบตโทรศัพท์ผมหมดนะครับ แต่จริงๆก็ไม่ได้รีบไปไหนหรอกครับ เพราะนี่ก็ยังมึนๆ หัวอยู่เลยครับ สงสัยจะเมาค้างซะแล้วมั้งครับ”เค้าพูดพร้อมกับเอาผ้าขยี้เช็ดหัวที่ยังไม่แห้งเบาๆ ทำให้น้ำจากผมที่ยังไม่แห้งของเค้ากระเด็นมาโดนผม แต่เค้าคงไม่รู้ตัว ดูๆไปหมอนี่ก็ดูดีนะเนี่ยยิ่งผมเปียกยังแห้งไม่สนิทแบบนี้ ก็น่ารักดี แต่ก็เท่านั้นแหละครับอย่าเพิ่งคิดอะไรไปไกลอย่างที่ไอ้แชมป์มันพูดเลย

“ไปหาไรกินกันไหม เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง”ผมเอ่ยปากชวนตามมารยาทเพราะนี่ก็สายจวนเจียนจะเที่ยงอยู่แล้ว ชักหิว ยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า ซึ่งจริงๆก็ไม่ค่อยทานข้าวเช้าอยู่แล้ว ปกติจะทานเที่ยง เย็น แล้วก็ดึก ยังไงก็ครบสามมื้อเหมือนกันแหละเนอะ นายน้องอ้วนรีบพยักหน้ารับในคำชวนของผม ดูเหมือนคนกำลังดีใจจนออกนอกหน้าหรือเปล่า แหมบอกว่าจะเลี้ยงแค่นี้ไม่ต้องดีใจมากก็ได้ รายได้พี่มันก็มาจากเงินของน้องๆ นั่นแหละ ฮ่าๆๆ

เป็นอันว่าเราเลือกร้านอาหารอิสาน แถวใกล้ เพราะนี่น่าจะเป็นมื้อเที่ยง ไม่มีอะไรน่าอร่อยไปกว่า ข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่าง อีกแล้ว ผมได้กินอาหารแบบนี้บ่อยๆ เพราะแม่น้องสาวตัวดี ชอบทานส้มตำเป็นชีวิตจิตใจ พอผมต้องกินกับน้องบ่อยมันเลยเหมือนเป็นความเคยชิน กับอาหารรสจัดๆ เดี๋ยวนี้เลยทานอะไรจืดไม่ค่อยได้เลย ก็อาหารอิสานนี่มีแต่แซ่บๆ ทั้งนั้น

“เค้าบอกว่าดื่มนี่แล้วช่วยลดอาการเมาค้างได้บ้าง”ผมชี้ไปที่แก้วน้ำอัดลมสีดำที่เค้าถืออยู่ ผมไม่รู้ว่ามันได้ผลจริงไหมนะ ว่าการดื่มน้ำอัดลมจะช่วยให้หายเมาค้างได้ เพราะไม่เคยลองสักที แต่ได้ยินเค้าบอกมาแบบนั้น แต่ผมว่ามันคงช่วยให้สดชื่นขึ้นมั้ง ส่วนชายหนุ่มที่มากับผมนั้นรีบยกดื่มอย่างว่านอนสอนง่ายเหลือเกิน

“ลืมถามเลย ทานอาหารแบบนี้เป็นหรือเปล่าเนี่ย”ไอ้ผมก็ชวนเค้ามาทานข้าวแต่ก็ลืมคิดไปเลยว่าน้องเค้ากินได้หรือเปล่า เพราะผมเคยมีเพื่อนบางคนที่ทานอาหารพวกนี้ไม่เป็นเลย และก็ไม่ชอบ

“เป็นครับเป็น”เค้ารีบตอบและเหมือนกลัวว่าผมจะไม่เชื่อเลยถือโอกาสตักอาหารเข้าปากโชว์ผม ทำตัวยังกะเด็กๆ แนะ

“ดูเกร็งๆ นะ อึดอัดเหรอที่มากับพี่”ที่ต้องถามออกไปตรงๆ เพราะอยากให้เค้าทำตัวสบายๆ ไม่ใช่เหมือนเกรงๆ กลัวๆ แบบนี้ ปกติเวลาเค้าไปที่ร้านผมกับเพื่อนๆ หรือไปหาเฟิร์นดูเค้าก็พูดคุยปกติไม่เห็นเป็นแบบนี้นี่นา หรือว่าเค้ายังคิดเรื่องนั้นอยู่อีก ให้ตายสิพอนึกขึ้นมาภาพนั้นก็ชัดขึ้นมาในมโนภาพผมทันที อุตส่าห์เกือบลืมไปแล้วนะเนี่ย

“เอาตรงๆนะพี่ ผมยังเขินๆ เรื่องตอนออกจากห้องน้ำนะครับ”นั่นไงละ ว่าแล้วไม่น่าเลยผม พอเค้าพูดออกมาทีนี้มันเลยเกร็งๆ กันทั้งคู่เลยแหละครับ

“ไม่เป็นไร พี่ไม่ถือ อ้วนเองก็ไม่ต้องเก็บมาคิดมากหรอก”เค้าพยักหน้าเข้าใจก่อนจะก้มหน้าก้มตากิน ผมเองก็เลิกคุยเพราะท้องผมเริ่มประท้วงให้รีบยัดอะไรลงกระเพราะได้แล้ว น้ำย่อยทำงานรอนานแล้ว และไม่นานอาหารที่สั่งมาก็เรียบไม่มีเหลือ

“พี่แฟ้มมีแฟนรึยังครับ”อยู่ๆ เค้าก็ถามผมขึ้น อย่าบอกนะว่าจะเป็นเหมือนที่ไอ้แชมป์พูดจริงๆ แต่ก็ไม่แน่เค้าอาจจะแค่สงสัยเฉยๆ ก็ได้ อย่างเช่นแม่น้องสาวของผมนั่นประไร ที่สงสัยเรื่องนี้มานานแล้ว

“ถามทำไมเหรอ จะจีบพี่หรือไง”ซะหน่อยครับ จะได้พิสูจน์ว่าที่ไอ้แชมป์พูดมันจะมีมูลขึ้นมาบ้างหรือเปล่า เค้าไม่ตอบแต่ยิ้มเจ้าเล่ห์ยังไงบอกไม่ถูกเหมือนกัน ส่งกลับมาให้ผมแทน

“ตอนนี้พี่ไม่มีแฟนหรอก แล้วนี่จะอยากรู้ไปทำไม”เค้ายกมือขึ้นเกาหัวแกร็กๆ เหมือนจะเขิน เด็กหนอเด็กแบบนี้ถ้าชอบผมจริงๆ แล้วจะกล้าจีบผมไหมนั่น ไหนเฟิร์นเคยบอกว่าเค้ามีแฟนคลับตรึม แล้วทำไมดูหงอๆ อย่างนี่เล่าน้องเอ้ย

“ก็แค่คิดว่าคนอย่างพี่ไม่น่าจะอยู่เป็นโสดได้นี่นา”อ้าวแล้วคนอย่างผมมันเป็นยังไงถึงจะอยู่เป็นโสดไม่ได้

“พี่แฟ้มออกจะน่ารักขนาดนี้ ใครกันน้าช่างโง่เขลาปล่อยพี่แฟ้มหลุดมือมาได้”การที่เค้าเอ่ยพาดพิงถึงใครอีกคน แม้เค้าจะไม่ได้ระบุว่าคือใคร แต่มันก็ทำให้ผมชะงักไปได้เหมือนกัน

“ทำไมคิดแบบนั้นละ คิดว่าพี่ถูกทิ้งมาเหรอ”

“ก็คนที่ครองตัวเป็นโสดนานๆ มันมีอยู่แค่สองกรณี คือต้องทนเป็นโสดเพราะไม่มีใครเอา กับคนที่ไม่เอาใครเพราะยังฝังใจกับรักครั้งก่อนอยู่ แล้วอย่างพี่แฟ้มคงไม่ใช่ไม่มีใครเอาหรอก แต่น่าจะมีความหลังที่ไม่ค่อยดีนักซึ่งถ้าพี่เป็นคนทิ้งเค้าพี่ก็น่าจะสนใจคนอื่นไปแล้วแต่นี่พี่”เค้าหยุดคำพูดแค่นั้นเมื่อเห็นสีหน้าผมที่เปลี่ยนไปไม่สู้จะดีนัก

“ผมขอโทษครับ ไม่ได้ตั้งใจจะวิจารณ์ เรื่องของพี่นะครับ ขอโทษจริงๆ”เค้ารีบระร่ำกล่าวขอโทษขอโพย เพราะคิดได้ว่าได้กล่าวอะไรที่ล้ำเส้นเกินไปแล้ว แต่ผมก็ไม่ได้ถือสามากมายหรอก แต่ที่สีหน้าผมเปลี่ยนไปเพราะทุกอย่างที่เค้าพูดออกมา มันคือความจริงทั้งนั้น แม้ว่าผมจะเป็นฝ่ายเลือกถอยออกมา แต่ความจริงมันก็คือผมถูดทิ้งนั่นแหละ ถูกทิ้งให้เป็นส่วนเกินระหว่างพวกเค้าสองคน

“พี่ไม่เป็นไรหรอก ไม่ถือ ว่าแต่อ้วนเถอะเห็นว่ามีสาวๆ เยอะเลยไม่ใช่เหรอ”ผมปรับอารมณ์ให้เป็นปกติเหมือนมีอารมณ์ขันเล็กน้อย

“ใครบอกกันพี่ นี่ผมไม่มีใครแล้วนะตอนนี้ เพราะกำลังคิดว่าผมน่าจะเจอตัวจริงแล้ว”

“ถามจริงๆนะ อ้วนชอบพี่เหรอ”ชักอยากรู้ขึ้นมาจริงๆ ว่าไอ้นายน้องอ้วนนี่คิดกับผมแบบที่ไอ้แชมป์มันว่าจริงๆ หรือเปล่า

“โหพี่ เล่นกันแบบนี้เลยเหรอ เหมือนจะไม่ปล่อยให้ผมได้จีบเลยนะเนี่ย”ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมอาจจะไม่กล้าพูดเรื่องแบบนี้กับใครตรงๆ แต่ตอนนี้มันคงเพราะเหมือนเราเป็นผู้ใหญ่ขึ้นอยากให้อะไรมันชัดเจนไปเลย ว่าเค้าอยากจะคบกับเราในฐานะอะไร แต่ว่าความสัมพันธ์มันจะพัฒนาไปในทางไหนก็ต้องค่อยๆ ดูกันไปอีกที

“ตกลงไม่ได้ชอบพี่ใช่ไหม พี่จะได้ไปบอกไอ้แชมป์ว่ามันเข้าใจอ้วนผิดไป”แต่ถ้าเค้าไม่ได้คิดอะไรกับผม ผมก็ไม่ได้อะไรมากมายหรอกนะตอนนี้เพราะผมก็ยังไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นกับเค้าเลย

“แล้วผมชอบพี่ได้หรือเปล่าละครับ”น้ำเสียงหนักแน่นจนผมต้องหันไปมองเค้า ดูแววตาที่มุ่งมั่นนั่นแล้วมันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ เหมือนกัน ตกลงนี่เป็นอย่างที่ไอ้แชมป์ว่าไว้จริงๆ งั้นเหรอ

“ชอบนะชอบได้ แต่พี่จะชอบอ้วนหรือเปล่านี่ไม่รู้นะ”ผมบอกยิ้มๆ ทีเล่นทีจริง แต่ก็หมายความอย่างที่พูดนั่นแหละ

“แสดงว่าผมจีบพี่ได้ใช่ไหมเนี่ย”ดูจะดีใจออกนอกหน้าไปไหมน้อง

“แต่พี่ไม่ค่อยชอบเด็กเท่าไหร่นะ”ด้วยความหมั่นไส้ผมเลยแกล้งบอกออกไป เพราะจริงๆน้องเค้าก็ไม่ใช่เด็กๆ อะไรแล้วแหละอีกไม่นานก็เรียนจบทำงาน เข้าสู่วัยผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว

“เดี๋ยวผมจะทำตัวเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้ให้ดูครับ”แนะรับมุกซะด้วยนะเนี่ย ผมไปบอกเมื่อไหร่กันว่าอยากให้เค้าทำตัวเป็นผู้ใหญ่

“คนเจ้าชู้แฟนคลับเยอะๆ พี่ก็ไม่ชอบนะ ไม่อยากแย่งของใครนะ”รู้สึกเจ็บนิดๆ กับประโยคนี้เพราะผมเองก็เคยใช้คนรักร่วมกับคนอื่นมาแล้ว แต่ผมจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว

“ผมบอกแล้วนิครับว่าตอนนี้ผมไม่มีใครแล้ว”

“ไอ้พวกชอบโชว์ แก้ผ้าให้คนอื่นดู พี่ก็ไม่ชอบอีกเหมือนกัน”ผมบอกอย่างล้อๆ พร้อมกับหัวเราะน้อยๆ กับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น

“อ้าวนึกว่าพี่ชอบซะอีก เห็นจ้องน้องชายผมตาโตเชียว”เค้าตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงยั่วเย้า แหมได้ทีนี่เอาใหญ่เชียวนะ ไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ซะแล้วไอ้น้อง ผมถลึงตาใส่ด้วยความหมั่นไส้ แต่เค้ากลับหัวเราะชอบอกชอบใจใหญ่



แวะมาต่อให้พิจารณาน้องอ้วนกันนะคร๊าบบบ  o13

ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: ระหว่างเราคือ...??? [13-11-2014]
«ตอบ #86 เมื่อ13-11-2014 19:00:59 »

เอาๆ อนุมัติ น้องอ้วนน่ารัก :-[

ออฟไลน์ ReiSei

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1379
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-5
Re: ระหว่างเราคือ...??? [13-11-2014]
«ตอบ #87 เมื่อ13-11-2014 19:02:20 »

ปวดตับกะโอเล่มากมาย ชอบมันเพราะอะไรเนี่ยย  :beat:
เปิดใจให้กับคนใหม่ ๆ บ้างก็ดีนะ  สงสารแชมป์สุดเลย คนดีไม่มีที่อยู่

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: ระหว่างเราคือ...??? [13-11-2014]
«ตอบ #88 เมื่อ13-11-2014 20:37:32 »

ถ้าแฟ้มโสดแล้วสุข
ก็อยากให้โสดต่อไปนะ

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: ระหว่างเราคือ...??? [13-11-2014]
«ตอบ #89 เมื่อ13-11-2014 22:27:47 »

พระเอกตัวจริงมาแล้วใช่มั้ย  :katai2-1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด