[จบแล้ว] ระหว่างเราคือ...??? บทพิเศษ เรื่องของเด็กๆ [24-10-2017]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว] ระหว่างเราคือ...??? บทพิเศษ เรื่องของเด็กๆ [24-10-2017]  (อ่าน 36960 ครั้ง)

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: ระหว่างเราคือ...??? [17-11-2014]
«ตอบ #120 เมื่อ17-11-2014 23:37:55 »

ทุกอย่างมันสายไปจริงๆ

มันถลำลึกเกินไป

ทำให้เจ็บปวดทุกคน,,,

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
Re: ระหว่างเราคือ...??? [17-11-2014]
«ตอบ #121 เมื่อ18-11-2014 00:15:42 »

อึอม์ก็เช้าใจนะว่ามันเจ็บปวด แต่ว่าแม่คุณเอ๋ย มาจนป่านนี้แล้วยังไม่รู้จักแก้ไขหรือหาทางออกก็ต้องโทษตัวเองที่ทู่ซี้อยู่ต่อไป
จะมาบอกว่าทนเพื่อลูก อย่าเลย อย่าเอาคำว่าลูกมาอ้าง  นึกเหรอว่าอยู่ด้วยกันแล้วลูกมันจะมีความสุขที่ๆบ้า่นมีแต่ความตึงเครียด
ได้เวลาหยุดแล้วก็ถอยออกมาตั้งสติว่าจะเอาอย่างไรต่อไปต่างหาก รักลูกจริงก้ต้องทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก ต่อให้เลิกลาหย่าร้างกันไป ก็รักลูกสิทำเพิ่อลูกให้เวลากับลูกเป็นที่พึ่งทางใจให้ลูก อย่าเอาตัวเองอยู่ในฐานะของคนที่ถูกกระทำเลย เสียใจสักช่วงโอเคนะ แต่นานๆไปน่าสมเพทอ่ะ  ว่าไปแล้วอ้อมนี้ไม่เคยพยายามทำอะไรเองเลยนะ อยากได้อิเล่ก็มาพูดกับแฟ้ม ท้องขื้นมาก็แฟ้มพูดกับอิเล่ให้ มาตอนนี้ก็มาลงกับแฟ้มกะให้แฟ้มไปซัดอิเล่ๆจะได้กลับมาลูกหาเมียอีกสิงั้นก็  ดีอ๊ะมีที่ลงทางอารมณ์ อะไรปิดมาก็โทษคนอิ่นได้ ไม่นับเลยว่าตัวเองก็โตแล้ว ตอนที่ตัดสินใจอะไรก็ตัดสินใจด้วยตัวเองด้วยส่วนหนึ่ง ไปโทษคนอิ่นอย่างเดียวไม่ได้หรอก นี่ยังอดนึกไม่ได้เลยนะว่าที่นางท้องตอนนั้นนางกะจับอิเล่หรือเปล่า

ส่วนอิเล่ก้ไม่มีอะไรจะพูด ทำเองผูกเอง พันหลักตัวเองไม่พอก็ทำคนอิ่นพัวพันไปด้วย   ส่วนแฟ้มนั้นเราว่าแฟ้มพยายามแล้วนะ ในเมื่อตอนนั้นอิเล่เองก็ไม่ได้ให้ทางออกอะไรเลยนอกจากสนองนี๊ดตัวมันเองด้วยการรับผิดชอบอ้อมแล้วก็เก็บแฟ้มไว้ไซด์ไลน์
เข้าใจว่าอิเล่มันกลัวคนอิ่นจะรู้ว่าชอบผู้ชาย  แฟ้มเองก็รู้ว่าอิเล่มันไม่นับว่าตัวเองเป็นแฟนจะไปออกนอกหน้าห้ามอิเล่ไม่ให้คบอ้อมได้หรือ ดูยังไงก็เป็น Friend with benefit ต่างไปแค่ตัวเองรักอิเล่

รอดูไปว่าแฟ้มจะทำยังไงต่อ อาจจะไปเจออิเล่แล้วตัดให้ขาด พูดให้อิเล่กลับไปหาลูกหาเมียหรือไปหาคนอิ่น ทำให้สภาพกลึนไม่เข้าคลายไม่ออกนี้จบไป ทำไปเถอะหนุเอ๊ย จะไปสับอิเล่ให้เละ แล้วมาเริ่มต้นใหม่กะน้องอ้วน หรือจะไปสับอิเล่ให้เละแล้วยื่นคำขาดให้มันรับความจริงว่ามันเป็นเกย์แล้วประกาศกับสังคมไปเสียก่อนจะเริ่มต้นใหม่ก็เอา  เรารอคนเขียนมาเซอร์ไพรซ์ค่ะ (ตัวเลือกอิ่น)  :katai1:

ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: ระหว่างเราคือ...??? [17-11-2014]
«ตอบ #122 เมื่อ18-11-2014 02:19:15 »

 :z3: :z3: :z3: :z3: เห้ออออ!!!! อิเล่จะรีเทรินเหรอ ไม่นะะะะ!!!  :katai1:

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: ระหว่างเราคือ...??? [17-11-2014]
«ตอบ #123 เมื่อ18-11-2014 12:10:23 »

“พี่แฟ้ม...เป็นไงบ้างครับ”นี่ผมเกือบลืมเค้าไปแล้วนะ แต่ผมคงกินข้าวกับเค้าไม่ได้แล้ว เพราะมันคงจะกินอะไรไม่ลงแล้วล่ะ

“พี่คงไม่มีวาสนาพอได้ชิมอาหารอร่อยของอ้วนแล้วมั้ง จะเป็นไรไหมถ้าพี่จะขอกลับเลย”ผมบอกกับเค้าอย่างยิ้มแย้ม ทั้งที่ในใจมันกำลังสับสน ระคนกับเสียใจ

“ไม่เป็นไรครับ เรากลับกันเลยก็ได้”นี่ผมต้องบวกคะแนนให้เค้าหรือเปล่าที่ทำตัวว่านอนสอนง่ายขนาดนี้

“แล้วทำไมผู้หญิงคนนั้นต้องทำแบบนั้นด้วยครับ”เค้าคงจะเก็บความสงสัยไว้ไม่ได้จริงๆ

“เค้าเป็นเพื่อนพี่เองแหละ แต่ว่าพี่เคยทำเรื่องไม่ดีมากๆ กับเพื่อนพี่คนนี้ เค้าก็เลยโมโหพี่ไง”ผมยังคงบอกออกไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่ทำไมนายน้องอ้วนทำหน้าแบบนั้นกันล่ะ เอะใช่แล้ว น้ำตาผมคงไหลออกมาแล้วนั่นเอง ผมรีบเช็ดน้ำตาออกไป

“ผมขับให้ดีกว่าครับ เดี๋ยวไปบ้านพี่เลยแล้วกัน”

“แล้วจะกลับออกมายังไง”เอ่ยถามด้วยความสงสัยเพราะผมกะว่าจะไปส่งเค้าก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน

“เดี๋ยวผมออกมาพร้อมพี่แชมป์ก็ได้ครับ คือ...พี่แฟ้มคงไม่ว่าอะไรนะครับที่ผมโทรไปเล่าให้เฟิร์นฟังแล้วว่ามีคนมาตบหน้าพี่แฟ้ม แล้วทีนี้พี่แชมป์เลยไปรอที่บ้านพี่แล้วละครับตอนนี้”พอฟังเค้าเล่ามาผมเลยเปลี่ยนให้เค้ามาเป็นสารถีให้ผม

“พี่คงไม่ตัดคะแนนผมนะที่เอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่นแบบนี้”อะไรจะจริงจังกับเรื่องคะแนนขนาดนี้กัน

“บวกให้ห้าสิบแล้วกัน”ผมบอกออกไปยิ้มๆ

“หา...พี่อย่ามาล้อผมเล่นดีกว่า”เค้าทำเหมือนไม่ค่อยจะเชื่อ แต่ผมพยักหน้าบอกว่าให้จริงๆ วันนี้ผมรู้สึกขอบคุณเค้าจริงๆ ถ้าผมมาเจออ้อนเพียงลำพังโดยไม่มีเค้ามาพูดคุยเหมือนตอนนี้ผมอาจจะแย่กว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ได้ อีกอย่างที่รู้สึกขอบคุณเค้าก็คือเรื่องที่ไอ้แชมป์รอผมอยู่ที่บ้านนั่นเอง ผมอยากระบายกับใครสักคนที่รับรู้และเข้าใจผมในเรื่องนี้

“บวกอีกห้าสิบ งั้นผมก็เหลือลบแค่สี่สิบแล้วสิ”คนขับรถของผมยังคงพึมพำกับสิ่งที่ได้รับ อย่างไม่คาดฝัน อย่างน้อยๆ ผมก็ยังมีเค้าอีกคนใช่ไหม นับว่านายน้องอ้วนนี่ก็ไม่เซ้าซี้ดีเหมือนกันนะ ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะอยากรู้ไปถึงว่าผมไปทำอะไรไว้กับอ้อนถึงมามีเรื่องมีราวกันแบบนี้ แต่นี่เค้าไม่ได้ซักไซร้อะไรผมมากนัก



“ขอพี่คุยกับไอ้แชมป์ตามลำพังสักครู่นะ”พอกลับมาถึงบ้าน ผมก็บอกกับน้องสาวแล้วก็นายน้องอ้วน ขอความเป็นส่วนตัวสักนิดคือผมก็ไม่ได้อยากจะให้ใครมารับรู้เรื่องนี้เพิ่มมากขึ้นหรอกนะ แม้ว่าเฟิร์นเองก็น้องสาวผมแต่เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องน่ายินดีหรือน่าภาคภูมิใจที่จะให้ใครมารับรู้เพิ่มอีก ทั้งสองคนแยกตัวออกไปอย่างเข้าใจ

“เป็นไงบ้างละ”ไอ้แชมป์เอ่ยเรียบๆ แต่ก็ยังแฝงไปด้วยความห่วงใย ที่ผมอยากคุยกับมันเพราะผมรู้ว่ายังไงมันก็ยังอยู่ข้างผม แม้มันเองจะรู้สึกว่าผมเป็นคนผิดในเรื่องนี้ก็เถอะ แต่จะว่าไปมันเองก็คงรู้สึกผิดกับอ้อนเหมือนกันที่เป็นคนรู้เรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ต้นซึ่งมันก็ปกปิดเรื่องราวช่วยผมมาตลอด

“เป็นไงนะเหรอ ก็เจ็บสิว่ะ โดนตบนะมรึงจะลองดูไหมล่ะ”ผมยังทำเป็นพูดเล่น ทั้งที่เราสองคนก็เริ่มกังวลกันแล้วว่า ตอนนี้เรื่องต่างๆ อาจจะมียุ่งยากขึ้นมาอีกครั้ง

“กรูเจ็บ...แต่มันคงไม่เท่ากับสิ่งที่อ้อนต้องเผชิญอยู่หรอก กรูนี่มันน่ารังเกียจเนอะ”น้ำตาผมเริ่มปริ่มๆ ขึ้นมาอีกแล้ว ทำไมนะทั้งที่คิดว่าทุกอย่างมันจะจบไปแล้ว แต่มันก็ยังไม่จบอีก

“ไม่หรอกแฟ้ม...มรึงจำที่เราเคยคุยกันได้ไหม มรึงบอกกับกรูว่าทุกคนมันต้องมีความเห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น...เห็นแก่ตัวจนยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ แต่ตอนนี้แฟ้ม...มรึงไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง มรึงถอยห่างออกมาแล้วกรูว่ามรึงก็ทำได้ดีที่สุดแล้วสำหรับตอนนี้ อดีตที่ผ่านมาแล้วเรากลับไปแก้ไขมันไม่ได้อีกแล้ว”ไอ้แชมป์พยายามพูดปลอบใจผม แต่มันก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเท่าไหร่นักหรอกนะครับ

“ถ้ากลับไปแก้ไขได้ก็ดีสินะ กรูจะทำตามที่มรึงบอกว่าไม่ควรดึงอ้อนเค้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ตั้งแต่ต้น”ใช่แล้วถ้าวันนั้นผมบอกกับอ้อนไปตามตรงว่าผมกับโอเล่เป็นอะไรกัน ตอนนี้เรื่องราวมันอาจจะไม่เลวร้ายอย่างตอนนี้ ในตอนนั้นผมอาจจะมีปัญหากับโอเล่ แต่คนที่จะเสียใจในตอนนั้นมันก็มีแค่ผม แล้วทำไมผมไม่ทำ มันเพราะอะไรกัน ถ้าไม่ใช่เพราะความเห็นแก่ตัวของผมเองเท่านั้น

“เมื่อมรึงไม่ได้เลือกทางนั้นตั้งแต่แรกก็อย่าไปพูดถึงมันอีกเลย ยังไงมรึงก็ต้องเดินทางนี้ต่อไป”มันก็คงต้องเป็นอย่างนั้นแหละครับ เพราะผมก็คงไม่มีทางที่จะกลับไปแก้ไขอะไรได้อยู่แล้ว

“กรูก็คิดอยู่แล้วละว่าสักวันอ้อนก็ต้องรู้ กรูถึงได้หนีไปอยู่ไกลๆ อย่างนั้นไง เผื่อบางทีมันอาจจะช่วยให้อะไรดีขึ้น แต่มันก็ไม่ได้ดีขึ้นจริงๆ ใช่ไหม”ผมหันไปหาไอ้แชมป์เพื่อขอความเห็น

“ตอนนี้ที่มรึงทำได้ดีที่สุดก็คงแค่หลีกให้ห่างจากทั้งสองคนนั้น เพราะคงทำอย่างอื่นไม่ได้แล้ว”มันก็จริงอย่างที่ไอ้แชมป์มันว่านั่นแหละครับ

“เดี๋ยวพรุ่งนี้กรูคงกลับไปที่ร้านเลยแล้วกัน”

“ก็แล้วแต่มรึงแล้วกัน”เราจบบทสนทนาก่อนจะ เดินไปหาเฟิร์นกับอ้วน ทั้งคู่มีแววสงสัยใคร่รู้ แต่ผมว่าอย่าให้พวกเค้ารับรู้มันน่าจะดีกว่า แชมป์กับอ้วนแยกตัวกลับไปแล้ว เหลือแม่น้องสาวที่ยังตามผมเข้ามาในห้องนอนอีก คงทั้งสงสัยและข้องใจว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นนั่นเอง

“มันเป็นเรื่องที่เฟิร์นไม่ควรรู้ใช่ไหม”น้องสาวผมถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่ผมก็ไม่ได้แสดงออกว่าอยากเล่าหรือไม่อยากเล่า มันเลยทำให้เฟิร์นเองคงจะลังเลว่าควรถามหรือไม่ควรถามดี

“พี่กับอ้อนมีเรื่องบาดหมางกันนิดหน่อยนะ”ผมบอกได้แค่นี้จริงๆ ไม่อยากให้น้องสาวต้องมารับรู้พฤติกรรมในอดีตของผม

“พูดเหมือนพี่แชมป์เลย แต่เฟิร์นก็ไม่เข้าใจอยู่ดี พี่แฟ้มกับพี่อ้อนเป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน ครั้งสุดท้ายก็ยังเห็นพี่แฟ้มไปงานแต่งเค้าอยู่เลย แล้วไปมีเรื่องบาดหมางกันตั้งแต่เมื่อไหร่”ช่างสังเกตอีกแล้วน้องผม

“เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะกลับไปเปิดร้านแล้วนะ ส่วนเฟิร์นก็อยู่กับพ่อ แม่ อีกสักระยะใกล้ๆ เปิดเทอมค่อยกลับไปนะ”ใจจริงอยากจะอยู่บ้านกับพ่อแม่ต่อ แต่อีกใจก็กลัว เมื่ออ้อนมาเจอแล้ว ผมกลัวว่าต้องเจอกับอีกคน อย่างน้อยๆ แม้ร้านผมจะไม่ใช่ที่หลบหนีที่พวกเค้าจะไม่รู้แต่มันก็ยังรู้สึกว่าไม่ได้อยู่ใกล้ๆ พวกเค้าแบบนี้

“งั้นเดี๋ยวเฟิร์นบอกอ้วนไปอยู่เป็นเพื่อนแล้วกัน”แล้วจะไปบอกทำไม เดี๋ยวเปิดเทอมก็ต้องเจออยู่แล้วแหละ ขอไม่เจอสักพักจะได้ไหม แต่เถียงกับน้องสาวผมไปก็เท่านั้น เพราะยังไงก็คงจะคิดวางแผนอะไรกันอีกแน่ๆ


แวะมาต่อคร๊าบบบบ

เอาจริงๆ เรื่องนี้ทุกตัวละคร มันไม่ได้แบบมีคนดี คนไม่ดี

เพียงแต่ทุกคนอยู่บนพื้นฐานที่เข้าข้างตัวเอง พยายามหาเหตุผลรองรับว่าทำไมตัวเองทำแบบนั้น

ในมุมตัวละครเองอาจจะคิดว่ามันถูก มันควร แต่มุมมองจากคนอื่นๆ อาจจะไม่ใช่

ตอนแต่งก็เครียดนะเนี่ยกับเรื่องนี้ 5555

Singleman

  • บุคคลทั่วไป
Re: ระหว่างเราคือ...??? [18-11-2014]
«ตอบ #124 เมื่อ18-11-2014 12:43:09 »

สงสาร แฟ้ม  เห็นใจ อ้อนน

มาต่ออีกนะครับ

ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: ระหว่างเราคือ...??? [18-11-2014]
«ตอบ #125 เมื่อ18-11-2014 15:53:40 »

ใช่แฟ้มแกมันเห็นแก่ตัว ส่วนอิเล่อะมันเลว  :z6:
อดีตแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว เหลือแต่อนาคตเท่านั้น
เดินหน้ามุ่งสู่การเป็นอมตะต่อไป น้องอ้วนรออยู่ :laugh:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: ระหว่างเราคือ...??? [18-11-2014]
«ตอบ #126 เมื่อ18-11-2014 16:57:54 »

เข้าใจคนเขียนค่ะ
เพราะเพราะทุกตัวละคร
ก็สามารถพบได้ทั่วไปในสังคม

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: ระหว่างเราคือ...??? [18-11-2014]
«ตอบ #127 เมื่อ18-11-2014 21:47:49 »

เห้อ!!!

เรื่องมันเศร้า,,,,

เป็นกำลังใจให้แฟ้มแล้วกันนะครับ,,,

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: ระหว่างเราคือ...??? [18-11-2014]
«ตอบ #128 เมื่อ18-11-2014 22:35:33 »

เหตุผลที่เอามารองรับสิ่งที่ผิด คือข้ออ้างนะคู๊ณณณณณณณ
ถ้าอิเล่กลับมาหาแฟ้มแล้วแฟ้มเล่นด้วยที่แบบ........ :katai1:

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
Re: ระหว่างเราคือ...??? [18-11-2014]
«ตอบ #129 เมื่อ19-11-2014 00:41:52 »

ยากที่จะเปิดรับรักครั้งใหม่
พยายามเข้านะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ระหว่างเราคือ...??? [18-11-2014]
« ตอบ #129 เมื่อ: 19-11-2014 00:41:52 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: ระหว่างเราคือ...??? [18-11-2014]
«ตอบ #130 เมื่อ19-11-2014 22:32:09 »

“พี่แฟ้มคร๊าบบบบ”แค่วันเดียวครับที่ผมกลับมาร้าน นายน้องอ้วนก็ตามมาแล้ว ผมละสงสัยจริงๆ พ่อแม่เค้าไม่อยากให้อยู่บ้านหรือไง ปิดเทอมทั้งทีน่าจะอยากให้ลูกอยู่บ้านไม่ใช่ปล่อยมาล่องลอยอยู่แบบนี้

“เรียกทำไมเสียงดัง”เห็นแล้วแหละว่ามา

“ก็คิดถึงนี่ครับ”มากไปๆ แค่ไม่ได้เจอกันกี่วันเนี่ย

“รีบมาทำอะไรอีกตั้งหลายวันไม่ใช่เหรอกว่าจะเปิดเทอม”อดที่จะตำหนิไม่ได้ครับเพราะนี่อาจจะหลอกพ่อแม่ว่าไปค่ายหรือไปทำกิจกรรมอะไรที่เกี่ยวกับการเรียนแน่ๆ แต่ความจริงกลับมานั่งเฝ้าผมแบบนี้

“รีบมาทำคะแนนครับ ตอนนี้ผมต้องรีบให้คะแนนเป็นบวกก่อนจะเปิดเทอมให้ได้”ไม่พ้นเรื่องนี้อีกจนได้สินะ อย่าได้หวังเลยว่าจะได้หลุดจากการติดลบ ยิ่งตอนนี้เฟิร์นก็ไม่ได้อยู่นี่ ไม่มีคนคอยหนุนหลังหรอกนะ

“ทำยังไงพี่แฟ้มถึงจะให้คะแนนผมบ้างน้า”นั่นสินะผมมีเกณฑ์ที่จะให้เค้าบ้างหรือเปล่า หรือมีแต่เกณฑ์จะลบ เพราะดูเหมือนกติกาจะมีแต่ถ้าผมไม่ชอบผมก็หักได้ตามใจ แต่อันไหนอย่างไหนละที่จะเป็นหลักประกันว่าเค้าทำแล้วจะได้คะแนนแน่ๆ

“งั้นอ้วนก็ปัดกวาดเช็ดถูร้านให้สะอาดสะอ้าน ขัดห้องน้ำให้พี่ด้วย ล้างถ้วยล้างชาม ล้างแก้ว เดี๋ยวพี่ให้คะแนน”อยากได้นักใช่ไหมไอ้คะแนนนี่นะ ดูสิว่าจะทำได้หรือเปล่า

“จริงเหรอครับ แล้วจะให้ผมกี่คะแนนถ้าผมทำทั้งหมดนั่น”ดูตาลุกวาวเลยนะพอได้ยินแบบนี้ แต่คิดเหรอว่าผมจะให้คะแนนง่ายๆ แบบนั้น

“ให้หนึ่งคะแนนแล้วกัน”พอได้ยินผมบอกแบบนั้นไอ้หน้าตาตื่นเต้นของเค้าก็แปรเปลี่ยนทันที

“โหไรอ่ะพี่แฟ้ม แบบนี้ผมไม่เอาก็ได้หรอก”อ้าวไม่เอาก็ไม่เอาสิ ใครเค้าจะไปบังคับนายกันล่ะอ้วนเอ้ย

“แหมทำเป็นดูถูก คะแนนเล็กๆ น้อยๆ คิดว่าให้ทำงานตั้งเยอะมันไม่คุ้มละสิ”ผมแกล้งตำหนิเค้ากลายๆ

“ผมไม่ได้ดูถูก แต่ไอ้เรื่องที่พี่บอกให้ผมทำ อันนั้นผมทำให้พีฟรีๆ ก็ได้ แต่ขอค่าตอบแทนเป็นไปดูหนังกับผมสักเครื่อง ทานข้าวเย็นสักมื้อ ขอนอนค้างด้วยสักคืน แล้วก็...แค่นี้ก่อนก็ได้เพราะถ้ามากกว่านี้พี่คงไม่ให้ผมแล้ว”เค้าบอกพร้อมกับทำหน้าทะเล้น ไอ้เรื่องทานข้าวกับดูหนังนี่พอจะให้ได้อยู่นะแต่ไอ้ขอนอนค้างนี่ไม่น่าจะผ่านการพิจารณานะ

“ขอดูผลงานก่อนได้ไหม ว่าจะทำได้ดีแค่ไหน ถ้าทำดีมากๆ อาจจะมีโบนัสพิเศษให้ก็เป็นได้นะ”ไม่รู้ทำไมผมถึงนึกอย่างเล่นเกมนี้กับเค้าไปเรื่อยๆ เหมือนยิ่งเล่นมันก็สนุกดี เพราะยังไงเสียผมก็คงไม่ใช่ผู้แพ้ในเกมนี้อยู่แล้ว

“งั้นผมเริ่มงานเลยดีกว่า”เค้ารีบไปกุลีกุจอ ปัดกวาดร้านให้ผมอย่างแข็งขัน ผมได้แต่มองตามอย่างขำๆ ดูแล้วนายน้องอ้วนนี่จะเป็นเอามากนะเนี่ย ผมก็จัดของอะไรไปเรื่อย ปิดร้านไปหลายวันก็ต้องเตรียมอะไรเยอะ หน่อย นี่ผมยังไม่ได้เปิดร้านนะครับ จริงๆ ก็ยังขี้เกียจอยู่อีกอย่างช่วงนี้ก็ยังไม่ค่อยมีลูกค้าเท่าไหร่หรอก เลยกะว่าอีกสักสองสามวันก่อนแล้วกันค่อยเปิดร้าน

“พี่แฟ้ม...วันเสาร์วันเกิดพี่แฟ้มเหรอครับ”เสียงของอีกคนตะโกนแว่วมาให้ได้ยิน

“รู้ได้ไง”ผมถามกลับไปเพราะมันก็คือวันเกิดผมจริงๆ นั่นแหละ แต่เค้าไปรู้มาจากไหนกันล่ะหรือว่าเฟิร์นบอก น่าจะเป็นไปได้เพราะเห็นวางแผนการช่วยกันตลอดนิ

“ก็ในปฏิทินนี่ เขียนไว้นี่ครับ”ผมเดินตามไปดูก็เห็นเป็นลายมือของเฟิร์น เขียนเอาไว้ วันเกิดผมช่วงหลังๆ มานี่ก็มีแค่เฟิร์นกับไอ้แชมป์เท่านั้นแหละที่มาฉลองด้วยกัน แล้วค่อยไปทำบุญในตอนเช้า มันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากวันทั่วไปเท่าไหร่นักหรอกครับ

“พี่แฟ้มอยากได้อะไรเป็นพิเศษไหมครับ”เค้าหันมาถามผมอย่างมุ่งมั่นเหมือนกับว่าถ้าผมบอกว่าอยากได้อะไรเค้าจะหามาให้ยังงั้นแหละ แต่ผมก็ไม่ได้อยากได้อะไรเลยนี่นา จริงๆ ใครให้อะไรมาก็รับอย่างเต็มใจทั้งนั้นแหละครับ

“แล้วแต่คนให้แล้วกัน อยากให้อะไรก็ให้ หรือจะไม่ให้อะไรพี่ก็ไม่ได้ซีเรียส สิ่งของมันไม่ใช่เรื่องสำคัญกับพี่เท่าไหร่”ผมอธิบาย เพราะไม่อยากให้เค้าสิ้นเปลืองด้วย เค้ายังขอเงินพ่อแม่ใช้อยู่ จะมาสิ้นเปลืองแบบนี้คงไม่ดีนัก

“อะไรก็ได้ใช่ไหมครับ...งั้นผมยกตัวเองให้พี่แฟ้มไปทดลองใช้เป็นแฟนแล้วกันครับ”ช่างคิดไปได้ของขวัญวันเกิดแบบนี้ก็มีด้วยเหรอ ใครจะไปอยากได้กันเล่า หาประโยชน์ให้ตัวเองชัดๆ เลยนะเนี่ย ผมส่งสายตาดุๆ ใส่เค้าแต่เค้ากลับไม่ใส่ใจ ลอยหน้าลอยตาไปปัดกวาดเช็ดถูต่อ



ตลอดหลายวันนี้ผมแทบไม่ได้อยู่อย่างเป็นสุขเลย เพราะนายน้องอ้วนเล่นมากวนประสาท ผมอยู่ทุกวัน แต่เดี๋ยวนี้ไม่ยักกะเรียกร้องขอคะแนนจากผมสักเท่าไหร่ ทั้งที่วันก่อนยังบอกว่าจะรีบทำคะแนนให้เป็นบวกอยู่เลย คงเพราะช่วงนี้ไม่มีอะไรที่จะทำให้ผมพอใจถึงกับจะให้คะแนนได้ และเค้าเองก็ไม่ได้ขวางหูขวางตาผมมาก จนต้องตัดคะแนนอะไร

“พี่แฟ้ม...ไปดูหนังกันดีกว่า”เสียงคุ้นเคยที่ช่วงนี้มารบกวนผมบ่อยเหลือเกินเอ่ยขึ้น เพราะถึงแม้ว่าตอนนี้ร้านผมจะเปิดทำการแล้ว แต่ลูกค้าก็ยังไม่โผล่มาเลย ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรในเมื่อลูกค้าผมส่วนใหญ่คือบรรดาน้องๆ นักศึกษา แล้วตอนนี้พวกน้องๆ ก็ยังปิดเทอมกันอยู่ ร้านผมก็เลยกลายเป็นป่าช้าอย่างที่เห็น

“จะไปดูเรื่องอะไร”จะว่าไปผมก็ไม่ค่อยได้ดูหนังเลย นานแล้วเหมือนกัน เพราะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ก็จะยุ่งๆ อยู่กับร้าน เวลาเฟิร์นชวนไปดูก็ไม่ค่อยได้ไปด้วยเท่าไหร่เพราะผมเห็นว่ามีแต่เพื่อนๆ ของเค้า อยากปล่อยให้เด็กๆ เค้าไปสนุกกันตามประสาเพื่อนดีกว่า คนแก่อย่างผมไปด้วยเดี๋ยวน้องๆ เค้าจะไม่สนุก

“ไว้ไปถึงแล้วค่อยเลือกก็ได้ครับว่าจะดูเรื่องอะไร พี่แฟ้มอยากดูเรื่องอะไรผมตามใจหมดเลย”นายน้องอ้วนพูดพร้อมยิ้มจนตาหยี นี่เค้าไม่เบื่อบ้างรึไงนะ ที่มาคอยตามเฝ้าเอาใจผมแบบนี้ หรือเพื่อคนที่รักแล้วเค้าจะยอมทำให้ได้ทุกอย่าง แต่นี่มันก็ไม่แน่หรอกเค้าอาจจะกำลังแค่รู้สึกหลงหรืออยากเอาชนะผมอยู่ก็เป็นได้ ใครจะไปรู้ ผมว่าคนเราต่อให้รักใครแค่ไหน วันนึงมันก็ต้องมีเบื่อ มีอยากเปลี่ยนใจกันบ้าง ถ้ามีคนใหม่ๆ เข้ามาในชีวิต แล้วผมละ ผมจะมีวันที่รู้สึกเบื่อใครอีกคนที่ผมเคยรักบ้างหรือเปล่า หรือผมจะมีวันไหนไหมที่จะเปิดรับคนอื่นเข้ามาในชีวิต หวังว่าผมคงจะมีวันนั้นนะ

เป็นอันว่าผมตกลงจะไปดูหนังกับนายน้องอ้วน ซึ่งดูเหมือนจะดีใจจนออกนอกหน้าไปนิด เค้าบอกว่าดีใจที่จะได้ออกเดทกับผม นั่นสินะก็เค้ากำลังจีบผมอยู่นี่นา ผมไม่ได้ต่อปากต่อคำอะไรกับเค้ามากนัก ปล่อยให้เค้าเพ้ออะไรไปคนเดียวนั่นแหละ คิดเสียว่ามาเที่ยวกับน้องชายแล้วกันครับ

เพียงไม่นานผมกับนายน้องอ้วนก็เดินทางมาถึงห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในจังหวัดที่พวกเราอาศัยอยู่ พอถึงคุณน้องอ้วนท่านก็บ่นว่าหิวครับ บอกขอหาอะไรทานกันก่อนแล้วค่อยไปดูรอบหนังกัน ซึ่งก็ดีเหมือนกันเพราะผมเองก็ชักหิวแล้วหน่อยๆ บรรยากาศการมาเดินห้างแบบนี้ มันทำให้ผมอดจะนึกถึงใครอีกคนไม่ได้จริงๆ วันเวลาเก่าๆที่ผมเคยมีกับใครอีกคนในลักษณะนี้ มันเริ่มเด่นชัดขึ้นในมโนภาพของผม แม้ว่าสถานที่ตอนนี้กับในตอนนั้นมันจะไม่ใช่ที่เดียวกัน แต่บรรยากาศแบบนี้มันช่างคุ้นเคยเหลือเกิน มาดูหนัง มากินข้าว เดินเที่ยวห้าง ทว่ามันคงกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว ผมยังไม่อยากไปทำลายครอบครัวของใคร

มาคิดๆ ดูแล้วผมเองก็เห็นแก่ตัวเหมือนกันนะที่หนีจากปัญหามาแบบนี้ เพราะผลดีมันก็คงมีแค่กับผมเพียงคนเดียว และมันคงไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด แต่ผมก็ทำได้เพียงเท่านี้จริงๆ

“พี่แฟ้ม...พี่แฟ้มครับ”เสียงคนที่มากับผมปลุกให้ผมหยุดความคิดเหล่านั้นไว้ก่อนจะหันมา มองหน้าเค้าพร้อมเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าเค้ามีอะไร ตอนนี้เราอยู่ในร้านสุกี้แบบบุฟเฟต์ร้านนึง ทานกันจนจะหมดร้านเค้าอยู่แล้วละตอนนี้

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ เห็นเงียบๆ คิดอะไรอยู่เหรอครับ”

“พี่กำลังคิดอยู่ว่าพ่อแม่อ้วนเลี้ยงไหวได้ยังไง ดูดิกินจุขนาดนี้ วันนี้ร้านเค้าคงขาดทุนน่าดูที่มีลูกค้าอย่างอ้วนมากิน”ผมพยายามปรับอารมณ์ก่อนจะพูดแซวเค้าออกไป มันก็น่าแซวอยู่หรอกครับ ดูจากหลักฐานที่มีอยู่แล้วก็พอจะเดาได้ว่าประสิทธิภาพในการทำลายล้างของเค้ามันมากขนาดไหน

“โหพี่ก็พูดเกินไป พี่กลัวเลี้ยงผมไม่ไหวหรือไงครับ”ใครไปบอกตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าจะรับเลี้ยงนาย ไอ้น้องนี่ขี้ตู่นี่นา

“ไม่กลัวหรอก เพราะไม่คิดว่าจะรับไปเลี้ยง”คำพูดผมทำเอาเค้าหุบยิ้มแทบไม่ทัน แต่ก็แค่แวบเดียวก็เปลี่ยนเป็นยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนเดิม

“พี่ไม่ต้องเลี้ยงผมหรอก เดี๋ยวผมเลี้ยงพี่เองก็ได้ แต่ผมคงต้องขยันทำงานเยอะๆ นะเนี่ยเพราะพี่แฟ้มเองก็กินน้อยเสียเมื่อไหร่”ว่าแล้วเชียวต้องวนมาแนวนี้อีกจนได้ ผมได้แต่ส่ายหน้าให้กับเค้าอย่างไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่

“พรุ่งนี้แชมป์กับเฟิร์นบอกว่ายังไม่กลับมานะ”ผมเปลี่ยนเรื่องคุยไม่อยากคุยประเด็นนี้นานเพราะเดี๋ยวจะพาลเลี่ยนเอาได้

“แบบนี้พี่แฟ้มก็ต้องฉลองวันเกิดกับผมสองคนสิเนี่ย”จริงๆ ตอนแรกในวันพรุ่งนี้ที่เป็นวันคล้ายวันเกิดของผมเราตกลงกันว่าจะมีปาร์ตี้เล็กๆ กันสี่คน คือผม ไอ้แชมป์ เฟิร์นแล้วก็นายน้องอ้วนนี่ ส่วนพ่อแม่ผมคงไม่มาร่วมด้วยซึ่งก็ไม่แปลกอะไรหรอกครับทุกปีก็จะคล้ายๆ แบบนี้แหละ แต่พ่อกับแม่ผมจะย้ำให้ไปทำบุญหน่อยแค่นั้นเอง

ทั้งที่ตกลงกันไว้ดิบดีแล้วว่าจะมาแต่แม่น้องสาวตัวดีกับคุณเพื่อนแสนประเสริฐของผมก็ยกเหตุผลล้านแปดมาอ้าง ว่ามาไม่ได้จริงๆ ไว้จะตามเอาของขวัญมาให้ผมทีหลัง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่างานนี้คงวางแผนกันมาอีกแล้วนั่นเอง

“ใครว่าพี่จะฉลองกับอ้วน พี่ว่าไว้รอสองคนนั้นมาเมื่อไหร่ค่อยฉลองกันก็ได้ เดี๋ยวคงไปทำบุญตักบารตอะไรตอนช่วงเช้าแค่นั้นก็พอแล้ว”คิดเหรอว่าผมจะยอมทำตามแผนตื้นๆ แบบนี้ง่ายๆ ถึงจะวางแผนกันมาแบบสามรุมหนึ่งแบบนี้ แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก แล้วจะได้รู้กันว่างานนี้ใครจะถอดใจก่อน หรือใครจะใจอ่อนก่อนกันแน่

“โห...พี่ฉลองไม่ตรงกับวันเกิดแล้ว มันจะเป็นการฉลองวันเกิดตรงไหนกัน”เมื่อไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ก็เริ่มจะโวยวายแล้วครับ

“อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้นะ...ว่าทำไมเฟิร์นกับไอ้แชมป์ถึงไม่มา”อย่าเชียว อย่าได้เผลอ ไม่งั้นเจอตัดแต้มอีกแน่นายน้องอ้วน

“แหะๆ...พี่แฟ้มนี่รู้ใจผมอีกแล้ว”สงสัยจะภาษาไทยไม่แข็งแรงรึไงเนี่ย ผมก็เคยบอกแล้วนี่นาว่าแบบนี้เค้าเรียกรู้ทัน ไม่ได้เรียกรู้ใจ




ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: ระหว่างเราคือ...??? [19-11-2014]
«ตอบ #131 เมื่อ19-11-2014 23:26:31 »

เมื่อไหร่จะลืมเล่ได้ซะทีนะ

เชียร์อ้วนๆๆๆ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: ระหว่างเราคือ...??? [19-11-2014]
«ตอบ #132 เมื่อ19-11-2014 23:37:55 »

จะอยู่เป็นเพื่อนแฟ้มไปเรื่อยๆ นะ

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
Re: ระหว่างเราคือ...??? [19-11-2014]
«ตอบ #133 เมื่อ19-11-2014 23:48:05 »

ยากที่จะหักใจลา

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: ระหว่างเราคือ...??? [19-11-2014]
«ตอบ #134 เมื่อ21-11-2014 12:35:33 »

“อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้นะ...ว่าทำไมเฟิร์นกับไอ้แชมป์ถึงไม่มา”อย่าเชียว อย่าได้เผลอ ไม่งั้นเจอตัดแต้มอีกแน่นายน้องอ้วน

“แหะๆ...พี่แฟ้มนี่รู้ใจผมอีกแล้ว”สงสัยจะภาษาไทยไม่แข็งแรงรึไงเนี่ย ผมก็เคยบอกแล้วนี่นาว่าแบบนี้เค้าเรียกรู้ทัน ไม่ได้เรียกรู้ใจ

“งั้นเรารีบไปดูหนังดีกว่าครับ นั่งอยู่นี่นานๆ เดี๋ยวคะแนนผมจะตกลงไปอีก”สงสัยจะเริ่มรู้ตัวแล้วครับ เลยรีบชวนผมจ่ายเงินแล้วออกจากร้าน ก่อนจะมุ่งไปยังโรงหนัง

“ดูเรื่องนี้แล้วกันนะครับ”นายน้องอ้วนหันมาขอความเห็นจากผมหลังจากที่พิจารณาเลือกว่าจะดูเรื่องไหน ผมให้เค้าเป็นคนเลือกเพราะด้วยความที่ผมไม่ค่อยได้ติดตามพวกข้อมูลหนังมาเท่าไหร่เลยคิดว่าให้เค้าเลือกดีกว่า อีกอย่างผมก็ดูได้หมดทุกแนวอยู่แล้ว เลือกเรื่องอะไรมาก็คงดูได้อยู่ดีไม่ติดขัด

“ทำไมถึงอยากดูเรื่องนี้ล่ะ”ผมถามเค้าหลังจากที่เราได้ตั๋วหนังมาแล้ว มันเป็นหนังผีแนวสยองขวัญ ตอนยืนรอตั๋วก็เห็นตัวอย่างหนังเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน น่าดูทีเดียวเชียวแหละ

“ก็เวลาดูเผื่อพี่ตกใจกลัวจะได้มาซบผมไงล่ะครับ”เข้าใจคิดนะ แต่ฝันไปเถอะเพราะผมไม่ใช่คนขี้ตกใจแบบนั้น ถึงจะกลัวบ้าง ตกใจบ้างเวลาดูหนังแนวนี้ แต่ไม่ถึงกับขนาดต้องหาที่พึ่งพิงแบบนั้น เรารออยู่ไม่นานนักก็ได้เวลาเข้าชมภาพยนตร์ของพวกเรา

หนังเริ่มขึ้นมาอย่างตื่นเต้นทีเดียว มีฉากตกใจประปราย ผมก็เพลินกับการดูหนังไปประมาณครึ่งเรื่อง ไอ้คนข้างๆ ผมเกิดเริ่มเป็นอะไรขึ้นมาไม่รู้ เห็นเหมือนจะตกใจบ่อย แล้วก็เอียงตัวมาหาผมจนจะนั่งที่เดียวกันอยู่แล้ว

“ทำอะไรเนี่ย”ผมหันไปกระซิบเบาๆ

“ก็ผมกลัวนี่นา”เค้าทำเสียงออดอ้อนแต่ผมว่ามารยาเสียมากกว่า สงสัยคงเพราะไม่เป็นไปตามที่คิดว่าผมจะไปซบเค้า คราวนี้เลยแกล้งกลัวเสียเองแล้วจะมาซบผม ที่ผมว่าเค้าแกล้งเพราะตอนแรกไม่เห็นทีท่าว่าเค้าจะมีอาการกลัวเลยสักนิด แล้วอยู่ดีๆ ทำไมจะมาเริ่มกลัวเอาตอนกลางเรื่องนี่ล่ะ

“นั่งดูดีๆ”ผมหันไปกระซิบเสียงดุๆ อีกครั้งก่อนจะตั้งใจดูหนังต่อไป แต่คนข้างๆ ก็คอยแต่จะยุกยิกๆ อยู่นั่นแหละ ผมต้องหันไปมองด้วยสายตาตำหนิหน่อยๆ พร้อมกับขู่ว่าถ้าไม่ทำตัวดีๆ คราวหลังจะไม่มาด้วยอีกแล้ว อีกอย่างคือกลัวเป็นการรบกวนคนอื่นเค้าด้วย นั่นแหละครับกว่าจะยอมนั่งเฉยๆ  ดูๆไปแล้วเหมือนผมพาลูกพาหลานมาดูหนังยังไงไม่รู้ เล่นทำตัวงอแงยังกะเด็ก

“รู้งี้ไม่ดูเรื่องนี้ดีกว่า”คุณน้องท่านเริ่มโอดครวญอีกแล้วครับ คราวนี้จะมามุกไหนอีกละ ตอนนี้เราดูหนังจบแล้วกำลังว่าจะกลับครับ ก็เดินคุยกันไปตามทางเดินเรื่อยๆ มีแวะดูข้าวของที่น่าสนใจบ้างประปราย แต่ส่วนมากจะเป็นเค้าดูเสียมากกว่า ผมไม่ค่อยอยากได้อะไรเลยไม่ได้สนใจเท่าไหร่

“ไม่สนุกเหรอพี่ก็ว่าสนุกดีนะ”ผมตอบไปอย่างไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่นัก เพราะคิดว่าถึงจะพูดอะไรออกไป นายน้องอ้วนนี่ต้องหาทางวกเข้าเรื่องระหว่างผมกับเค้าอีกแน่ๆ

“ก็สนุกดีอยู่ แต่นึกว่าจะมีคนตกใจกลัวมาซบอกผมบ้างแต่ก็ไม่มี...น่าจะดูเรื่องที่มันโรแมนติกดีกว่าเผื่อพี่จะอยากทำซึ้งกับผมบ้าง”พล่ามเข้าไป พูดอะไรนี่ไม่ได้สนใจคนรอบข้างเลย เมื่อกี้ผมสังเกตเห็นว่ามีคนที่เดินอยู่ใกล้ๆ พวกผมหันมามองด้วยตอนที่ได้ยินคำพูดของเค้า ก็แน่ละ ผู้ชายสองคนจะมาอยากทำซึ้งกันมันคงน่าเอาไปป่าวประกาศหรอกนะ

“ปะๆ รีบกลับกันดีกว่า”ผมเปลี่ยนเรื่องพูดเป็นชวนเค้ากลับจะได้เลิกเพ้อเจ้อเสียที ผมรีบเดินนำหน้าเค้าโดยไม่ได้สนใจ แต่คุณน้องท่านอยู่ๆ ก็คว้าแขนผมให้หยุด ก่อนจะลากเข้าไปในร้านๆ นึง

“อะไรอีกล่ะ”ผมหันไปมองหน้าเค้า อย่างเริ่มที่จะเซ็งๆ จะอะไรกันนักกันหนากับผม เค้าไม่ได้ตอบแต่ทำเป็นบุ้ยใบ้ให้ผมดูภายในร้าน มันเป็นร้านเสื้อผ้าธรรมดา แบบเสื้อยืดที่วัยรุ่นทั่วไปใส่ให้เห็นบ่อยๆ ซึ่งดูเหมือนจะเลยวัยผมแล้วนะเนี่ย ผมก็งงๆ ว่าร้านนี้มีอะไรน่าสนใจมันก็แค่ร้านเสื้อยืดธรรมดา เลยกะว่าจะเดินออก

“พี่แฟ้มดูนี่ก่อนสิ”เค้ายังฉุดผมไว้ก่อนจะหยิบเสื้อมาสองตัวยื่นให้ผมดู คราวนี้ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่า เสื้อผ้าร้านนี้มันมีจุดขายอย่างอื่น ที่แปลกกว่าเสื้อยืดธรรมดา เพราะมันเป็นลักษณะเสื้อคู่ คือคำหรือรูปภาพที่สกรีนบนเสื้อจะเป็นสิ่งที่ต้องไปในทางเดียวกัน แต่ไอ้เสื้อสองตัวที่เค้าหยิบมานี่สิ

“โคแก่...หญ้าอ่อน”ผมอ่านทวนข้อความจากเสื้อทั้งสองตัว ที่ตัวนึงสกรีนว่าโคแก่ อีกตัวสกรีนว่า หญ้าอ่อน อย่าบอกนะว่าจะมาชวนผมซื้อ ผมว่านายน้องอ้วนต้องมาไม้นี้อีกแน่ๆ หนอยมาว่าผมเป็นโคแก่งั้นเหรอ แถมเจ้าตัวเค้านี่ยิ้มระรื่นเหลือเกิน

“อ้าวนี่อ้วนจะไปพรากผู้เยาว์ ที่ไหนเหรอ พี่เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าอ้วนคิดจะกินเด็กกับเค้าเหมือนกัน”แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องแบบนี้แหละครับ ดูสิว่าจะมายังไงอีก

“โหย...พี่แฟ้มอ่ะ ผมอยากเป็นหญ้าอ่อนต่างหาก พี่แฟ้มจะได้เคียวง่ายๆ ไง ผมยอมให้พี่แฟ้มกินทั้งตัวเลย”ไอ้เด็กทะลึ่งนี่ไม่มีสำนึกเลย ดูพูดจาเข้า ขนาดคนขายเสื้อเค้ายังแอบยิ้มเลย นี่คนขายเค้าจะคิดว่าผมกับนายน้องอ้วนนี่เป็นอะไรกันน้า

“นี่หาว่าพี่แก่งั้นเหรอ”ผมทำหน้าซีเรียสพร้อมกล่าวเสียงดุๆ หน่อย ถึงผมจะอายุมากกว่าเค้าหลายปีอยู่ แต่ผมก็ยังไม่กับถึงแก่มากมายซะหน่อย มาหาว่ากันแก่แบบนี้ มันก็มีเคืองเหมือนกันนะ

“ผมไม่ได้หมายความว่างั้นซะหน่อย ถ้าพี่แฟ้มไม่ชอบอันนี้เอาอันอื่นก็ได้”เค้ารีบกุลีกุจอ หาเสื้อคู่อื่นมาให้ผมดู แต่ผมไม่เอาหรอก ไม่ได้คิดว่าจะต้องมาใส่เสื้อคู่กับเค้าเสียหน่อย ผมเลยปฏิเสธไป ก่อนจะชวนเค้ากลับ ด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกอารมณ์ว่าเริ่มจะมีน้ำโหแล้ว

“พี่แฟ้มโกรธผมเหรอครับ”ทีแบบนี้ละมาทำเป็นตีหน้าเศร้านะ แต่จริงๆ ผมก็ไม่ได้โกรธอะไรเค้าหรอกครับ แค่อายคนขายเท่านั้นเอง แม้ว่าผมจะไม่ได้ปิดบังว่าชอบผู้ชายด้วยกัน แต่ผมก็ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องไปป่าวประให้ทุกคนรู้ เพราะเราไม่รู้ว่าคนอื่นจะมองเราในแบบไหน

“เปล่าหรอก”ผมกล่าวออกไปเรียบๆ แต่น้ำเสียงคงยังฟังดูไม่ดีเท่าไหร่เพราะนายน้องอ้วนยังดูหงอยๆ อยู่ แล้วเราก็ต่างคนต่างเงียบระหว่างทางที่กลับ

“นี่ผมอุตส่าห์ว่าจะซื้อเป็นของขวัญวันเกิดพี่นะเนี่ย”หลังจากเงียบกันอยู่พักใหญ่ คนข้างๆ ผมก็พูดขึ้น ผมพอจะเข้าใจอยู่หรอกว่าเค้าหมายถึงเสื้อที่ดูตอนก่อนออกมา แต่ทำเป็นไม่เข้าใจ นึกขำเค้านิดหน่อย เพราะปกติซื้อของขวัญให้มันต้องมีแบบเซอร์ไพร์สนิดหน่อย แต่นี่เล่นชวนผมเลือกอีก ถึงปกติผมก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องพวกนี้ แต่ถ้าเราจะซื้อของให้คนที่เราชอบเป็นใครก็คงต้องอยากให้แปลกใจบ้างแหละ แล้วนี่ผมอยากให้เค้าทำเซอร์ไพร์สผมหรือไงกัน

“หมายถึงอะไร”ผมแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจในคำพูดของเค้า และก็พยายามทำเสียงให้ดูปกติ ไม่ได้แสดงว่าไม่พอใจเค้าแต่อย่างใด ไอ้แชมป์เคยบอกผมว่า ผมนะไปข่มนายน้องอ้วนจนน้องมันจะหง๋อหมดแล้ว จริงๆ ผมก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่หรอกครับ แต่บางทีมันก็สงสารเด็กมันเหมือนกัน

“ก็เสื้อคู่นั่นไงครับ ผมว่ามันน่ารักดีนะ แต่ถ้าพี่ไม่ชอบก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมหาอย่างอื่นให้พี่ก็ได้”พอเห็นเหมือนผมพูดดีด้วยคราวนี้ก็กลับสู่โหมดเดิมของเค้าอีกแหละครับ บางทีก็น่าเอ็นดูเหมือนเด็กๆ เหมือนมีน้องเพิ่มมาอีกคน แต่บางทีก็น่าหมั่นไส้ นี่ถ้าผมสั่งหัวใจตัวเองได้ผมอาจจะลองสั่งให้รักเค้าดูหน่อยนะเนี่ย แต่ก็อย่างว่าเรื่องแบบนี้มันทำได้ที่ไหนกันล่ะ

“อ้าวแล้วไม่ยกตัวอ้วนมาให้พี่ลองใช้งานแล้วเหรอ”ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมนึกอยากแซวเค้าเรื่องนี้กัน แต่ผมไม่ได้คิดอะไรนะครับ แค่พูดแซวน้องมันเล่นเฉยๆ แต่นายน้องอ้วนนี่สิ ดูจะจริงจังขึ้นมาทันที

“พี่แฟ้มจะเอาจริงๆ ไหมล่ะครับ”เค้าตอบผมกลับมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง จนผมรู้สึกหวั่นๆ ยังไงบอกไม่ถูกเหมือนกัน

“ไม่เอาหรอก”ผมแกล้งพูดติดตลก แต่เห็นเค้ามีแววตาหม่นลงเล็กน้อย ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นกลับมาอารมณ์ดีเหมือนเดิม

“ไม่เป็นไรครับ ตัวผมไม่ถือว่าเป็นของขวัญแล้วกัน แต่ถือว่าเป็นของแถมจะเอาไปต้มยำทำแกงอะไรก็ตามสบายเลยแล้วกัน”เค้าพูดพร้อมทำหน้าตาทะเล้นใส่ผม ทำเป็นพูดดีไปเดี๋ยวปัดจับทำต้มข่าไก่ไปถวายพระเสียเลยนี่ แต่ไม่เอาดีกว่าเดี๋ยวจะบาปเปล่าๆ ที่เอาอะไรไม่รู้ไปให้พระท่านฉันท์

“ลงไปได้แล้ว ถึงหอแล้วเนี่ย”ผมรีบไล่ให้เค้าลงจากรถเพราะนี่ผมก็ขับมาส่งเค้าถึงหอพักเรียบร้อยแล้ว

“อ้าวนึกว่าจะให้ไปค้างเป็นเพื่อนเสียอีก”ยังกวนไม่เลิกครับงานนี้ ผมได้แต่ไล่ด้วยสายตาต่อ กว่าคุณน้องท่านจะเสด็จลงไปได้ก็อ้อยอิ่งเสียเหลือเกิน

หลังจากส่งนายน้องอ้วนเสร็จผมก็กลับบ้านเตรียมตัวนอนตามปกติ แต่หลังจากอาบน้ำอะไรเสร็จกลับนอนไม่หลับเสียอย่างนั้น พรุ่งนี้เป็นวันเป็นวันเกิดของผมแล้ว ปีนี้อาจจะแปลกไปหน่อยที่คงไม่ได้ฉลองอะไรเหมือนทุกปีแถมวันเกิดต้องอยู่คนเดียวเสียอีก ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ก็คงไปทำบุญตอนเช้าแค่นั้นก็พอแล้ว อ้าวจริงสิ ลืมชวนนายน้องอ้วนเลยว่าพรุ่งนี้จะไปทำบุญ อย่างน้อยๆ มีเพื่อนไปด้วยสักคนก็คงดีเหมือนกัน แต่ถ้าเค้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรหรอก เพราะไม่ได้ทำอะไรมากมาย

ผมเหลือบดูเวลา ห้าทุ่มกว่าแล้วแต่ยังไม่ค่อยง่วงเท่าไหร่เลย ไม่มีอะไรทำเลยรื้อหาหนังสือมาอ่าน ปกติว่างๆ ผมก็ชอบอ่านหนังสือนะ แต่พักหลังๆ เจอหนังสือถูกใจก็มีแต่ซื้อมาเก็บไว้ ไม่ค่อยได้อ่านเลย ที่รื้อๆ ดูนี่ก็มีอีกหลายเรื่องเลยที่ผมยังไม่ได้อ่าน ผมหยิบหนังสือมานั่งอ่านไป สักพักจนเพลิน มองนาฬิกาอีกที อ้าวจะเที่ยงคืนแล้ว แต่ก็ไม่แปลกหรอก เพราะตอนแรกมันก็ห้าทุ่มกว่าแล้ว กะว่าอ่านถึงสักตีสองก็จะนอนเพราะเดี๋ยวถ้าดึกกว่านั้น พรุ่งนี้จะไม่ตื่นไปทำบุญ คิดได้ก็เลยกะว่าไปหาอะไรมากินเล่นหน่อย เลยเดินว่าจะไปในครัวหาของกินในตู้เย็น แต่แล้ว

อยู่ๆ ทุกอย่างก็อยู่ในความมืด ไฟดับงั้นเหรอ ดับได้ไงกันเนี่ย ฟ้า ฝนก็ไม่ได้มีเสียหน่อย ผมพยายามปรับสายตาให้มองในความมืดได้ถนัดหน่อย ไม่นานสายตาผมก็เริ่มชิน ผมค่อยๆ เดินไปที่หน้าต่างเพื่อมองดูว่าบ้านข้างเคียงมีหลังไหนไฟดับเหมือนผมหรือเปล่า คือเคยได้อ่านมาว่าถ้าไฟดับนี่ต้องมองบ้านข้างๆ ด้วยถ้าบ้านข้างๆ ไฟไม่ดับ อันดับแรกต้องเริ่มคิดได้แล้วว่าอาจมีบุคคลอื่นเข้ามาในบ้านเราหรือเปล่า พอผมมองออกไปข้างนอกก็ต้องใจเต้นเพราะ บ้านอื่นเค้าไม่เห็นดับกันเลย อาจมีบางบ้านที่ปิดไฟนอนแต่ไฟรั้วบ้านหรือหน้าบ้านก็ยังติดอยู่นี่นา แต่บ้านผมมันเล่นดับไปทั้งหลังเลย หรือจะมีขโมยขึ้นบ้านกันเนี่ย ตายละหว่าไอ้ผมก็ไม่ถนัดเรื่องศิลปะห้องกันตัวสักเท่าไหร่ สายตาพยายามมองหาอะไรที่จะเป็นอาวุธได้ แต่ในความมืดแบบนี้ผมมองไม่เห็นเลยว่าจะหาอะไรมาสู้กับขโมยได้

ในขณะที่ผมกำลังกังวลอยู่ว่ามีขโมยขึ้นบ้านผมจริงๆ หรือเปล่าก็มีเสียงฝีเท้าที่เดินใกล้เข้าเรื่อยๆ ตามด้วยแสงบางอย่างเหมือนแสงไฟจากเปลวเทียน แล้วเสียงเพลงก็เริ่มดังขึ้น

“Happy Birthday to you…happy birthday…”นั่นแหละครับเพลงที่เรามักจะได้ยินเป็นประจำในงานวันกิด ภาพของชายหนุ่มคนนึงที่ถือเค้กวันเกิดพร้อมกับร้องเพลงเบาๆ ใกล้ผมเข้ามาเรื่อยๆ

“สุขสันต์วันเกิดนะครับพี่แฟ้ม...อธิษฐานสิครับ”นายน้องอ้วนนั่นเองครับ นี่คงกะเซอร์ไพร์สผมแน่ๆ แต่เล่นเอาตกอกตกใจหมด นึกว่าขโมยขึ้นบ้านเสียแล้ว ผมหลับตาเหมือนอธิษฐานแต่ความจริงไม่ได้ขออะไรหรอกครับ ไม่รู้จะขออะไรดี ก่อนจะเป่าเค้กที่เค้ายื่นมาให้

“เข้ามาได้ยังไงเนี่ย”


แวะมาต่อคร๊าบบบบ

ขอบคุณทุกๆ คนที่ติดตามอ่านเช่นเคยนะคร๊าบบบบ

ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: ระหว่างเราคือ...??? [21-11-2014]
«ตอบ #135 เมื่อ21-11-2014 12:59:45 »

 :-[ น้องอ้วนน่ารักมวากกกก

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
Re: ระหว่างเราคือ...??? [21-11-2014]
«ตอบ #136 เมื่อ21-11-2014 13:07:50 »

เอาใจพี่เค้าให้ได้นะ

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: ระหว่างเราคือ...??? [21-11-2014]
«ตอบ #137 เมื่อ21-11-2014 19:34:07 »

“สุขสันต์วันเกิดนะครับพี่แฟ้ม...อธิษฐานสิครับ”นายน้องอ้วนนั่นเองครับ นี่คงกะเซอร์ไพร์สผมแน่ๆ แต่เล่นเอาตกอกตกใจหมด นึกว่าขโมยขึ้นบ้านเสียแล้ว ผมหลับตาเหมือนอธิษฐานแต่ความจริงไม่ได้ขออะไรหรอกครับ ไม่รู้จะขออะไรดี ก่อนจะเป่าเค้กที่เค้ายื่นมาให้

“เข้ามาได้ยังไงเนี่ย”ผมเอ่ยถามเสียงดุ เพราะไม่ใช่ว่างัดบ้านผมเข้ามาแล้วมาตัดไฟบ้านผมนะ เดี๋ยวจะฟ้องข้อหาบุกรุกเสียให้เข็ดเลย ไม่เห็นต้องมาทำอะไรแบบนี้ก็ได้ ผมไม่ใช่คนที่จะมานึกโรแมนติกอะไรมากมายให้คนมาทำเซอร์ไพร์สหรอกนะ

“เฟิร์นให้กุญแจมาครับ”เค้าชูให้ผมดู นี่แสดงว่าวางแผนกันมาแล้ว แหมร่วมมือกันดีนักนะ

“ไปเปิดไฟได้แล้ว มองไม่เห็น”ผมออกคำสั่งเพราะรู้ว่าเค้าต้องเป็นคนตัดไฟ จึงสมควรที่จะเป็นคนไปเปิดให้เรียบร้อย

“พี่ถือนี่หน่อย”เค้ายื่นเค้กส่งให้ผมก่อนจะควานหาอะไรบางอย่าง สักพักแสงสว่างจากเทียนเล่มใหญ่อีกอันที่เค้าเตรียมมาก็สว่างขึ้น ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่าเค้าหอบข้าวของอย่างอื่นมาด้วย

“ตกลงว่าจะไม่ไปเปิดไฟใช่ไหม”หลังจากมองการกระทำของเค้าสักพักก็เอ่ยทักขึ้น เพราะเห็นเค้าจัดแจงเอาอะไรต่อมิอะไรวางบนโต๊ะที่ผมนั่งอ่านหนังสือเมื่อสักครู่พร้อมกับตั้งเทียนไว้ตรงกลาง นี่กะจะมาทำซึ้งใต้แสงเทียนกับผมรึไงเนี่ย

“เสร็จแล้ว...นั่งสิพี่ เจ้าของวันเกิดต้องตัดเค้กก่อน”เค้าลุกมาเลื่อนเก้าอี้ให้ผมนั่ง ก่อนจะกลับไปเปิดไวน์รินใส่แก้วสำหรับผมและเค้า

“พี่ไม่ชอบดื่มไวน์นะ”ผมบอกไปพร้อมกับตัดเค้กออกเป็นชิ้น มีอยู่สองคนแค่นี้ทำไมต้องซื้อเค้กก้อนใหญ่ด้วยก็ไม่รู้ อีกอย่างไวน์นี่ก็เหมือนกัน ถึงผมจะดื่มอะไรก็ได้ แต่ผมว่าไวน์มันไม่ค่อยเข้ากับผมหรอก อีกอย่างใครเค้าดื่มไว้กับกินเค้กกันเล่า

“นานๆ ทีน่าพี่ จะได้ดูโรแมนติกหน่อย”ใครเค้าจะอยากโรแมนติกด้วยกันเล่า ผมตัดเค้กแค่สองชิ้นเล็กๆ แล้วให้เค้าเอาที่เหลือไปใส่ตู้เย็นไว้ ผมหยิบแก้วไวน์มายกรวดเดียวโดยไม่ได้สนใจเลยว่าเค้าจะมีวิธีการดื่มไวน์กันอย่างไร ก็ปกติผมมันดื่มเป็นแต่เบียร์นี่หว่า

“แพงหรือเปล่าเนี่ย”อดที่จะถามไม่ได้เมื่อเค้าเดินกลับมา เพราะเท่าที่ดูมันคงไม่ใช่พวกไวน์หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ประเภทขวดละแปดสิบบาทแน่ๆ(พูดเหมือนเคยซื้อมากิน รู้ราคาอีก)  แต่มันคงเป็นไวน์ที่มีราคามากกว่านั้น

“ไม่กี่บาทหรอกครับ”ไอ้ไม่กี่บาทนะมันเงินพ่อแม่นะน้อง ตัวเองหาตังค์ใช้เองได้แล้วที่ไหนกัน แต่พูดไปก็เท่านั้นแหละครับ เพราะเค้าซื้อมาแล้วนี่นา

“อันนี้ ของขวัญวันเกิดครับ”เค้ายื่นกล่องเล็กๆ ใบหนึ่งให้ผม หวังว่านี่คงไม่ใช่อะไรแพงๆ อีกนะ เพราะแค่นี้ผมก็เกรงใจเค้าพอแล้วที่มาทำอะไรแบบนี้ให้ผม เค้ายังเรียนอยู่ ขอเงินพ่อแม่ใช้ จะมาฟุ่มเฟือยกับเรื่องแบบนี้มันไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่

“แกะเลยได้ไหม”ผมหันไปขออนุญาตเพราะเผื่อบางทีเค้าอาจจะอายที่ผมเปิดต่อหน้าก็ได้ แต่สำหรับผมผมไม่ถืออยู่แล้ว เมื่อเค้าพยักหน้าอนุญาตผมก็แกะกล่องใบเล็กนั้นเปิดออก ภายในบรรจะขวดโหลแก้วใสๆ ใบนึง ผมมองหน้าเค้างงๆ ว่าเค้าให้โหลเปล่าๆ ใบเล็กๆ นี้กับผมทำไม กัน ผมชูขึ้นดูพร้อมกับมองหน้าเค้า ว่ามันหมายความว่ายังไง

“ดูนี่นะครับ”อยู่ๆ เค้าก็ดับเทียนที่ใช้เป็นแสงสว่าง ห้องทั้งห้องมืดลงอีกครั้ง แต่เพียงไม่นานผมก็ต้องแปลกใจเมื่อมีแสงสีส้มๆ ค่อยๆ ทอประกายออกมาจากโหลที่เค้าให้ผมมา มันเหมือนกับดวงตะวันกำลังทอแสงยังไงยังงั้นเลยทีเดียว สิ่งที่เห็นทำเอาผมประหลาดใจไม่น้อยเลยทีเดียวที่โหลขวดแก้วธรรมดาแบบนี้ มันส่องแสงได้ มันคืออะไรกัน

“ทำได้ไงอ่ะ”ผมถามออกไปด้วยความสงสัย นี่เค้าไปหาของแบบนี้มาจากไหนกัน สงสัยคงหลายตังค์อีกแน่ๆ

“เค้าเรียก Sun Jar ครับเป็นโหลเก็บแสงอาทิตย์ ผมว่ามันเหมาะกับพี่ดี เห็นพี่ชอบดูพระอาทิตย์ขึ้น เลยซื้อนี่ให้พี่  กลางวันพี่ก็เอาไปวางไว้กลางแจ้งให้มันรับแสงอาทิตย์ พอเวลากลางคืนหรืออยู่ในที่มืดๆมันก็จะเรืองแสงแบบนี้แหละ ทีนี้พี่ก็จะมีพระอาทิตย์ดูเวลากลางคืนด้วยไง”เข้าใจคิดเหลือเกินนะพ่อคุณ

“ขอบใจนะ”ผมกล่าวขอบคุณจากใจจริง ไม่ว่าเค้าจะให้อะไรผมก็ยินดีรับอยู่แล้วแหละ แต่ต้องยอมรับว่าที่เค้าหามานี่ก็ถูกใจผมไม่น้อยเลยทีเดียว ผมชอบที่มันเป็นอะไรแปลกใหม่มั้ง ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ผมว่าไอ้เจ้า Sun Jar นี่มันก็โอเคนะ

“เวลาพี่เห็นพระอาทิตย์ดวงน้อยๆ นี่พี่จะได้คิดถึงผมไง”มันควรจะเป็นอย่างนั้นใช่ไหม แต่ผมกลัวว่าพอเห็นอะไรที่ออกแนวพระอาทิตย์ผมจะคิดถึงใครอีกคนมากกว่า

“อย่าดื่มมากละ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปทำบุญตอนเช้ากัน”ผมเอ่ยปากชวน ซึ่งคนที่ได้รับคำชวนก็ยิ้มกว้างเลยทีเดียว

“งั้นคืนนี้ก็ให้ผมค้างที่นี่ได้ไหมครับ พรุ่งนี้จะได้ไปแต่เช้า...นะครับ นะนะนะ”แล้วผมจะปฏิเสธได้ไหมล่ะนี่ก็ดึกมากแล้วด้วย จะไล่เค้ากลับก็จะดูใจดำไปหน่อย งั้นก็ให้นอนนี่แล้วกัน ตอบแทนกับที่เค้าทำอะไรให้ผมในวันเกิดวันนี้

“งั้นอ้วนนอนห้องพี่ก็ได้...เดี๋ยวพี่ไปนอนห้องเฟิร์นเอง”แต่จะให้นอนร่วมห้องด้วยก็คงจะมากไป เพราะไม่รู้เค้าจะยังว่านอนสอนง่ายเหมือนเมื่อครั้งที่ไปเสม็ดอยู่หรือเปล่า

“ไม่เอาอ่ะ นอนห้องเดียวกันไม่ได้เหรอครับ ผมไม่ทำอะไรพี่หรอก ทำยังกะเราไม่เคยนอนเตียงเดียวกันงั้นแหละ”แล้วตอนนั้นมันมีทางเลือกที่ไหนกันละ เหมือนกันที่ไหน อันนี้มีทางเลือกใครจะอยากไปนอนร่วมห้องกับนายกันไอ้น้อง

“จะนอนนี่หรือจะกลับหอ เดี๋ยวพี่ไปส่งเอาไหม”ผมเริ่มพูดเสียงจริงจังขึ้น

“ทำไมพี่แฟ้มใจร้ายนักละครับ ผมอุตส่าห์ทำขนาดนี้ แค่ผมขอค้างด้วยแค่นี้ก็ไม่ได้เหรอครับ”ก็จะให้ค้างไงแต่คนละห้องมันยากนักหรือไงกัน แต่น้ำเสียงหม่นๆ กับแววตาเศร้าๆ นั้นก็ทำเอาผมรู้สึกใจไม่ดีเหมือนกันนะ เค้าพยายามทำให้ผมพอใจมากมาย แต่ผมจะตอบแทนเค้าแบบนี้อย่างนั้นหรือ

“เอาๆ นอนด้วยกันนี่แหละ แต่ห้ามทำรุ่มร่ามเด็ดขาดไม่งั้นเจอดีแน่”อาจเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์จากไวน์ที่ผมไม่คุ้นเคยหรือเปล่าทำให้ผมพูดออกไปแบบนั้น ส่วนคนที่ได้ยินคำพูดผมนั้นยิ้มจนตาหยี เราดื่มกันอีกสักพักก็เก็บข้าวของ แล้วแปรงฟันเล็กน้อยก่อน เตรียมตัวเข้านอน ผมนั้นอยู่ในชุดนอนอยู่แล้ว เพราะอาบน้ำเตรียมเข้านอนตั้งแต่กลับมาแล้ว แต่นายน้องอ้วนนี่สิ ชุดนอนของเค้า คือ กางเกงบอกเซอร์ตัวเดียว ผมต้องบังคับอยู่นานกว่าจะยอมสวมเสื้อยืดอีกตัว

“พี่แฟ้ม...หลับยัง”เสียงคนที่นอนข้างๆ เรียกผม ผมเพียงส่งเสียงตอบเบาๆ ว่าใกล้หลับเต็มที

“พี่รู้ไหม ว่าทำไมผมมาเซอร์ไพร์สวันเกิดพี่วันนี้”เค้าเอ่ยถามเสียงใส แต่ผมนะง่วงเต็มทีแล้ว ผมไม่ค่อยสนใจเรื่องที่เค้าพูดเท่าไหร่นักหรอก แม้ว่าปกติผมก็จะฉลองวันเกิดเป็นเย็นของอีกวันซึ่งถ้าเป็นปีนี้ก็คงเป็นเย็นพรุ่งนี้ แต่นี่เค้าเล่นมาตั้งแต่เที่ยงคืนเลย คงกะมาเซอร์ไพร์สแค่นั้นแหละมั้ง จะมีอะไรอีก

“ไม่รู้หรอก ทำไมเหรอ”ผมพูดออกไปอย่างไม่ใส่ใจเท่าใดนัก

“ก็ผมจะได้เป็นคนแรกที่ได้อวยพรวันเกิดให้พี่ไง ผมขอให้พี่มีความสุขในชีวิต มีแฟนเด็กๆ จะได้กระชุ่มกระชวยนะครับ”ดูคำอวยพรมันจะแปร่งๆ อยู่นะ

“นอนได้แล้วพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า”ผมรีบตัดบทสนทนาก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทรา






“พี่ลงไปรอข้างล่างนะอ้วนรีบๆ เข้าละเดี๋ยวไม่ทัน”ผมบอกอีกคนที่ยังแต่งตัวไม่เสร็จ เช้านี้เราจะไปทำบุญที่วัดใกล้ๆ นี้แต่ก็เกือบจะสายแล้ว เพราะมัวแต่เถียงกันอยู่ ก็จะไม่ให้เถียงกันได้ไง พอตื่นเช้ามาจากที่ตอนเมื่อคืนเราต่างคนต่างนอน แต่ตอนตื่นเค้าดันดึงผมไปกอดไว้นี่สิ เลยมีการขัดขืนจากผมเกิดขึ้นในตอนเช้า และการปะทะฝีปากกันอีกนิดหน่อย นี่ถ้าไม่ติดว่าจะรีบไปทำบุญ ผมจะเฉ่งเค้าอีกสักรอบ วันนี้ถือว่าโชคดีรอดตัวไปเพราะถือเป็นวันดีของผม ครบรอบวันเกิดทั้งทีนี่นา จะมามัวแต่อารมณ์เสียไม่ได้หรอก

“เร็วๆ นะถ้าช้าไม่รอจริงๆด้วย”ผมยังคงตะโกนบอกพร้อมกับลงมาชั้นล่าง เปิดประตูเตรียมเอารถออก ได้ยินเสียงเค้าตะโกนตอบกลับมาแว่วๆ ว่ากำลังรีบอยู่

“เฮ้...”เสียงหนึ่ง เรียกความสนใจผมให้หันไปตามเสียงนั้น ก่อนจะพบกับภาพของใครคนนึงยืนพิงรถอยู่หน้าบ้านผม เค้าส่งยิ้มจางๆ มาที่ผม

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
Re: ระหว่างเราคือ...??? [21-11-2014]
«ตอบ #138 เมื่อ21-11-2014 20:47:49 »

 :katai1: อย่าบอกนะว่าอิเล่มา

ถ้าเป็นอิเล่จริงก็เอาให้จบนะแฟ้ม  น้องอ้วนรุกมาขนาดนี้แล้ว

วุ๊ย คนอ่านค้าง   ใจหนึ่งก็อยากให้แฟ้มสมใจได้อิเล่กลับมาอยู่ใต้บาทา (หลังจากจัดการให้รากเลือด)  อีกใจก็อยากให้เริ่มต้นใหม่กับน้องอ้วน  ไม่เป็นแฟ้มก็ไม่รู้หรอกว่าตัดสินใจยากขนาดไหน เราเชียร์มันทั้งสองทางแหละ  รู้สึกเหมือนแฟ้มเป็นลูกสาวเลยแฮะ

ขอบคุณสำหรับตอนใหม่ กับ การมาอัพติดต่อกันเสมอๆ ไม่ขาดตอนค่ะ  :L1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-11-2014 23:31:56 โดย Kano Jou »

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: ระหว่างเราคือ...??? [21-11-2014]
«ตอบ #139 เมื่อ21-11-2014 20:57:40 »

น้องอ้วนน่ารักๆ มากๆๆๆเลยนะครับ,,,,,

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ระหว่างเราคือ...??? [21-11-2014]
« ตอบ #139 เมื่อ: 21-11-2014 20:57:40 »





ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: ระหว่างเราคือ...??? [21-11-2014]
«ตอบ #140 เมื่อ21-11-2014 22:46:53 »

อิเล่เรอะ  o22

ออฟไลน์ โชติกา บุญเติม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ระหว่างเราคือ...??? [21-11-2014]
«ตอบ #141 เมื่อ21-11-2014 23:42:32 »

ไม่เอาอิโอเล่นะ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: ระหว่างเราคือ...??? [21-11-2014]
«ตอบ #142 เมื่อ22-11-2014 12:07:42 »

รอลุ้นว่าใครมาแต่เช้าแบบนี้

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: ระหว่างเราคือ...??? [21-11-2014]
«ตอบ #143 เมื่อ22-11-2014 17:47:39 »

“เฮ้...”เสียงหนึ่ง เรียกความสนใจผมให้หันไปตามเสียงนั้น ก่อนจะพบกับภาพของใครคนนึงยืนพิงรถอยู่หน้าบ้านผม เค้าส่งยิ้มจางๆ มาที่ผม

“โอเล่”คนที่ผมไม่สมควรจะเจอตอนนี้ กำลังยืนอยู่ตรงหน้าผม เค้ามาได้ยังไงกันนะ ไอ้แชมป์ก็ไม่น่าจะบอกเค้าว่าผมอยู่ที่นี่ หรือแม้เค้าจะรู้ว่าเฟิร์นเรียนที่นี่ แล้วเดาว่าผมอาจจะมาอยู่ที่นี่ แต่ก็ไม่น่าจะรู้ว่าบ้านที่ผมอยู่คือตรงไหน แสดงว่าต้องมีคนบอกเค้า ถึงได้มาถูก

“สุขสันต์วันเกิดนะ โทษทีไม่ได้ติดของขวัญมาด้วย แล้วนี่จะไปทำบุญใช่หรือเปล่า ยังไงก็ขอไปด้วยคนนะ”เค้าพูดเหมือนกับว่าที่ทำอยู่นี้คือเรื่องปกติ ทำเหมือนเรายังติดต่อกันมาตลอด ยังคงมีความสนิทสนมกลมเกลียวกันเหมือนเดิม  ทั้งที่ความจริงแล้วมันไม่ใช่เลยสักนิด ผมไม่ได้รู้สึกยินดี ที่เค้ายังอุตส่าห์จดจำวันเกิดของผมแล้วมาอวยพรถึงนี่แม้แต่น้อย

“มาได้ยังไงเหรอ”ผมถามออกไปเสียงเรียบ ไม่ได้สนใจจะตอบรับหรือปฏิเสธในคำพูดของเค้า

“ขับรถมานี่ไง”เค้าพูดยิ้มๆ พร้อมกับชี้ที่รถของเค้าให้ผมดู ผมก็ไม่ได้โง่ถึงขนาดจะไม่รู้หรอกนะว่าเค้าขับรถมา แต่ผมหมายถึงว่ามาถูกได้ยังไง และเค้าเองก็คงเข้าใจที่ผมถาม แต่ดันตอบกวนประสาทผมกลับมาแบบนี้

“ไม่ตลกนะ”ผมหันไปบอกกับเค้าด้วยน้ำเสียงจริงจัง สายตาผมจึงหันไปประสานกับเค้าพอดี เค้าจ้องมองลึกลงมาในแววตาของผม เหมือนเค้ากำลังค้นหาบางอย่าง ผมเองก็มองตอบกลับไปเหมือนกัน มันเหมือนกับว่าเราสองคน ต่างมีเรื่องราวมากมาย ที่อยากจะพูดคุยถามไถ่ หรือบอกกล่าว แต่มันเหมือนไม่มีคำพูดใดๆ ที่จะเพียงพอต่อความรู้สึกนั้น

“พอดีไปถามที่อยู่จากพ่อกับแม่ของแฟ้มนะ ไม่ได้ไปเยี่ยมพวกท่านเสียนาน เลยพาลูกๆ ไปไหว้พวกท่านด้วย”ทีแท้ก็ไปหลอกถามมาจากพ่อแม่ผมนี่เอง แน่นอนว่าพ่อแม่ผม ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของเราเป็นอย่างไร อีกทั้งแม้แต่เฟิร์นเองก็คงไม่ระแคะระคายถ้าคนตรงหน้าผมไปบอกว่าอยากจะติดต่อเพื่อนเก่าอย่างผม แต่บางทีคนฉลาดอย่างเฟิร์นอาจจะปะติดปะต่อกับเรื่องที่ อ้อนมาตบหน้าผมไปแล้วก็ได้

“แล้วมานี่ทำไม”แม้ในใจผมจะไม่ปฏิเสธว่าดีใจที่ได้เจอเค้า แต่ในเมื่อมันไม่ถูกต้อง ผมก็ต้องทำอย่างนี้

“เราไม่ได้เจอกันนานเนอะ”คำพูดไม่ได้ตรงกับที่ผมถามเลย เค้ายังทำตัวปกติ ไม่ได้แสดงว่าสลดหรือเสียใจ ที่การมาของเค้าต้องมาเจอปฏิกิริยาแบบนี้ของผม

“เราไม่ควรเจอกันอีกเลยต่างหาก”ผมทำถูกแล้วใช่ไหม ผมไม่ควรจะพูดดีๆ กับเค้าแม้เราจะไม่ได้เกลียดกัน แต่นี่มันก็เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว เพราะในเมื่อก่อนจากกันเราก็ทำความเข้าใจกันแล้วว่าผมต้องอยู่ตรงไหน และเค้าควรจะทำหน้าที่ใด แต่ดูเหมือนสิ่งที่เค้าต้องรับผิดชอบมันกำลังจะพังลงเสียแล้วละมั้ง แต่ผมยังอยากให้เค้าลองปรับความเข้าใจกับอ้อนอีกครั้ง แม้ไม่รู้ว่าอ้อนจะยอมรับได้มากน้อยแค่ไหนกับเรื่องที่รับรู้มา แต่ลูกๆ ของพวกเค้าละ ถ้าต้องมารับรู้เรื่องที่เคยเกิดขึ้นในอดีต หรือต้องมาเจอว่าพ่อแม่ของพวกเค้ากำลังจะไปด้วยกันไม่ได้ แค่นี้มันก็เป็นเหตุผลที่มากพอว่าผมกับเค้าไม่ควรจะเจอกันอีก

“แค่เจอหน้าพูดคุยกัน มันก็ไม่ได้มีอะไรที่ผิดไม่ใช่เหรอ”น้ำเสียงเค้าเริ่มหม่นลงแล้ว ไม่ได้ดูอารมณ์ดีเหมือนตอนแรกแล้ว ผมได้แต่ลอบถอนหายใจเบาๆ อย่างรู้สึกเหนื่อยในใจ

“ใครกันละเป็นคนตัดสินว่ามันถูกหรือมันผิด บางอย่างเราอาจจะคิดว่ามันไม่ผิด แต่คนอื่นอาจจะไม่คิดเหมือนเราก็ได้นี่นา”ผมย้ำเตือนให้เค้าได้คิดทบทวนดูอีกที ว่าการมาครั้งนี้ของเค้ามันถูกต้องแล้วเหรอ

“แล้วทำไมจะต้องสนใจความคิดของคนอื่นด้วยล่ะ”เค้าจะรู้ไหมว่าคำถามนี้เค้าเองนั่นแหละที่ตอบได้ดีที่สุด ไม่ใช่เพราะเค้าสนใจความคิดคนอื่น แคร์คนอื่นๆ รอบข้างหรอกเหรอ เรื่องของผมกับเค้าถึงได้ดำเนินมาแบบนี้ เค้าลืมไปแล้วหรืออย่างไร

“คำตอบนี้เล่ก็น่าจะรู้อยู่แล้วนะ”ผมบอกออกไปเรียบๆ เหมือนเดิม เรียบจนดูคล้ายเมินเฉยต่อเค้า ผมต้องพยายามข่มความรู้สึกที่แท้จริงให้มันจมอยู่ในใจ ไม่แสดงออกมาว่าแท้จริงแล้วผมเองก็รู้สึกยินดีเพียงใดที่ได้เจอกับเค้าอีก

“ดูแฟ้มเย็นชากับเล่จังนะ”น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความน้อยใจ กับสายตาที่ตัดพ้อถูกส่งมาที่ผม ก็แล้วจะให้ผมทำยังไง ต้องตื่นเต้นดีใจที่ได้เจอเค้าอีกครั้ง ต้องดีใจที่ผมได้ทำลายชีวิตครอบครัวของคนอื่นอย่างนั้นหรือ จะต้องรู้สึกยินดีที่อาจจะทำให้เด็กน้อยสองคนเห็นพ่อแม่แยกทางกัน เค้าอยากให้ผมทำแบบนั้นหรือ

“พี่แฟ้ม...ไปยัง ผมเสร็จแล้ว เดี๋ยวสายๆ”เสียงของอีกคนส่งมาก่อนที่เจ้าตัวจะตามมา โอเล่มองไปยังเด็กหนุ่มที่ออกมาจากบ้านผม สายตาที่เค้ามองนายน้องอ้วนยากที่จะคาดเดาว่าจะรู้สึกเช่นใดที่เห็นผู้ชายอีกคนออกมาจากบ้านผม

“เอ้าพี่แฟ้มมีแขกเหรอครับ”เค้าถามอย่างซื่อๆ เมื่อเห็นคนแปลกหน้าสำหรับเค้า

“นี่เพื่อนพี่เอง มาจากกรุงเทพฯ ชื่อโอเล่พอดีเค้าผ่านมาเลยแวะมาทักทายนะ”ผมแนะนำให้เค้าได้รู้จัก นายน้องอ้วนยกมือไหว้สวัสดี เมื่อรู้ว่าอีกคนอายุมากกว่า โอเล่ยกมือรับไหว้ตามมารยาท รอยยิ้มอย่างขอไปทียิ้มตอบกลับให้นายน้องอ้วนที่ยิ้มให้กับเค้า

“นี่น้องอ้วน เพื่อนของยัยเฟิร์นนะ”โอเล่มีสายตาคลางแคลงใจอย่างเห็นได้ชัด เค้าคงจะสงสัยว่าเพื่อนของเฟิร์นแล้วทำไมดูสนิทสนมกับผมนัก แล้วยังเหมือนจะอยู่ที่นี่กับผมเสียอีก แล้วนี่เค้าเองไปที่บ้านก็น่าจะรู้ว่าเฟิร์นยังอยู่ที่บ้าน แล้วเพื่อนของเฟิร์นอย่างนายน้องอ้วนนี่จะมาทำอะไรที่นี่กัน เค้าคงกำลังคิดแบบนี้อยู่แน่ๆ

“จะไปทำบุญกันใช่ไหม...ขอพี่ไปด้วยคนแล้วกันนะ”คำพูดเหมือนจะขออนุญาตจากนายน้องอ้วน แต่สายตาจดจ้องอยู่ที่ผม เหมือนนายน้องอ้วนเองก็จะจับความผิดสังเกตได้บ้างแล้วเหมือนกัน เพราะเห็นเค้ามีแววตาสงสัยอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน

“เล่ขับรถตามมาแล้วกัน รีบไปเถอะเดี๋ยวจะสาย...ป่ะอ้วนขึ้นรถ”ถ้าผมจะปฎิเสธไม่ให้เค้าไปด้วยจะยิ่งดูผิดปกติเข้าไปใหญ่ว่าทำไมไม่ยอมให้เพื่อนไปทำบุญด้วย

“ไปคันเดียวกันดีกว่าจะได้ประหยัดน้ำมัน”อยู่ๆ โอเล่ก็ตามมาที่รถผมและเปิดเข้าไปนั่งตรงที่ข้างคนขับทันที นายน้องอ้วนหันมามองหน้าผมอย่างไม่เข้าใจ แต่ผมก็เพียงพยักเพยิดให้เค้าเข้าไปนั่งเบาะหลัง และผมเข้าประจำตรงที่คนขับ ก่อนจะมุ่งตรงไปยังจุดหมาย ระหว่างทางเต็มไปด้วยความอึดอัด ต่างคนต่างเงียบเหมือนกำลังใช้ความคิด ผมเองก็เหมือนกัน ผมกำลังคิดว่าตอนนี้นายน้องอ้วนอาจจะกำลังคิดว่าผมกับโอเล่ต้องเป็นอะไรกันที่มากกว่าแค่เพื่อนธรรมดา ส่วนโอเล่ก็ต้องคงกำลังคิดว่านายน้องอ้วนคงไม่ใช่แค่เพื่อนของน้องสาวธรรมดาๆ แน่ ๆ แต่ผมไม่ค่อยชอบบรรยากาศแบบนี้เลย

“อ้อนเป็นไงบ้าง”ผมเริ่มบทสนทนาเพื่อทำลายความเงียบ ผมเลือกที่จะพูดกับคนข้างๆ แทนที่จะคุยกับคนที่นั่งอยู่ด้านหลัง นั่นเพราะผมอยากจะตอกย้ำให้คนที่นั่งข้างๆ ผมว่าเค้ายังมีอีกคนที่ต้องนึกถึง ไม่สิอีกสามคนเพราะรวมถึงลูกๆ ของพวกเค้าด้วย

“ก็สบายดี...ต้องขอโทษแทนอ้อนด้วยนะกับเรื่องที่เกิดขึ้น”แสดงว่าเค้าคงรู้แล้วว่าผมได้เจอกับอ้อน

“ช่างมันเถอะ ก็แค่เรื่องเล็กน้อย ถ้าเทียบกับสิ่งที่อ้อนต้องแบกรับไว้เรื่องแค่นี้มันยังไม่ถึงเศษเสี้ยวเลยมั้ง”ผมพูดออกไปโดยลืมไปว่า มีอีกหนึ่งคนที่กำลังตั้งใจฟังบทสนทนาระหว่างผมกับโอเล่

“ไว้คุยเรื่องนี้ทีหลังดีกว่านะ”เค้าตัดบทเหมือนจะไม่อยากพูดให้นายน้องอ้วนรับรู้นั่นเอง

ไม่นานนักเราก็ถึงวัดทำบุญเสร็จก็ ขับรถกลับไปที่บ้านผม บรรยากาศก็ยังเหมือนตอนที่มาไม่มีผิดคือค่อนข้างจะเงียบ มีพูดคุยบ้างเล็กน้อย นายน้องอ้วนก็ดูสงบปากสงบคำจนผิดปกติ

“พี่โอเล่รู้จักกับพี่แฟ้มนานแค่ไหนแล้วครับ”นายน้องอ้วนเอ่ยถามโอเล่หลังจากกลับมาจากทำบุญแล้ว ตอนนี้ทั้งสองคนนั่งอยู่ที่โต๊ะรับแขกบ้านผม ส่วนผมกำลังหาน้ำหาท่าตามประสาเจ้าของบ้าน และก็เตรียมโจ๊กที่แวะซื้อมาตอนกลับใส่ถ้วยสำหรับเราทั้งสามคน

“ก็รู้จักกันตั้งแต่ตอนเรียน ม.1 ลองเอาไปบวกลบดูแล้วกันว่ากี่ปีมาแล้ว”น้ำเสียงที่ผมได้ยินเหมือนจะพูดจาข่มๆ อยู่ในที หรือผมอาจจะคิดมากไปเองก็ได้

“แล้วสนิทกันมากไหมครับ”น้ำเสียงนายน้องอ้วนนี่ก็เหมือนจะแปร่งๆ ดูเหมือนกำลังท้าทายอยู่ในที

“ไปถามแฟ้มดูเอาเองแล้วกัน”โอเล่ตอบกลับอย่างผู้ที่กำลังถือไพ่เหนือกว่า แต่ผมว่าถึงเค้าไม่บอกให้นายน้องอ้วนมาถามผม ยังไงน้องมันก็ต้องมาถามผมอยู่แล้ว นี่สองคนนั่นไม่รู้เหรอว่าทุกคำพูดของพวกเค้ามันไม่ได้รอดพ้นจากหูของผมเลย

“แล้วทำไมหลายปีมานี่ผมไม่เคยเห็นพี่แฟ้มติดต่อกับพี่เลยละครับ เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานขนาดนั้น อีกอย่างดูแล้วพวกพี่ก็น่าจะสนิทกันพอสมควร แต่กลับไม่ติดต่อกันเลยเหรอครับพวกพี่มีเหตุผลอะไรถึงไม่ติดต่อกันละครับ”น้ำเสียงที่ฟังดูยั่วยุ แบบนี้ผมว่าสองคนนั่นคงกำลังเขม่นกันเข้าให้แล้วละมั้ง

“ไม่คิดว่าถามละลาบละล้วงเกินไปหน่อยเหรอ”เอาแล้วไหมละ ฝ่ายโอเล่ก็เหมือนน้ำเสียงจะแข็งๆ ขึ้นมาแล้ว ผมเลยต้องรีบจัดแจงโจ๊กโดยเร็ว ก่อนที่สองคนนั้นจะไม่แค่ปะทะคารม

“ผมก็แค่ถามเรื่องทั่วๆ ไปนี่ครับไม่ได้ละลาบละล้วงอะไรสักหน่อย”เหมือนฝ่ายนายน้องอ้วนเองก็จะไม่ยอมแพ้เช่นกัน

“สนเรื่องตัวเองดีกว่ามั้ง ไม่ต้องอยากรู้เรื่องของพี่หรอก เป็นเพื่อนเฟิร์นไม่ใช่เหรอ แล้วมาวุ่นวายอะไรกับแฟ้มละ”รู้สึกมันจะแรงๆ ขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะเนี่ยกับคำพูดของทั้งสองคน ผมรีบยกถาดหอบโจ๊กวางลงที่โต๊ะเพื่อให้ทั้งสองยุติคารม และดูเหมือนจะได้ผล เพราะเงียบไปทั้งสองคน ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก ที่เห็นว่าทั้งสองคนไม่ได้ลุกขึ้นมาตีกัน

“รีบๆ ทานสิ เดี๋ยวเย็นแล้วมันจะไม่อร่อย”ผมบอกกับทั้งคู่ รู้สึกแปลกๆ เหมือนกันที่ต้องอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ใจจริงผมอยากจะบอกให้โอเล่กลับไปตั้งแต่กลับมาจากทำบุญ แต่เหมือนเจ้าตัวเค้าจะไม่ยอม ก็เลยปล่อยให้อยู่มาจนตอนนี้ แต่ยังไงก็ช่างมันเถอะ เพราะเราก็ไม่ได้ทำอะไรที่เสียหาย ในเมื่อเค้าแค่มาทักทาย ก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรมาก อีกอย่างผมก็ไม่ได้แอบเจอกับเค้าสองต่อสอง ยังมีนายน้องอ้วนอยู่ด้วยอีกคน แค่นี้มันคงไม่ผิดมากหรอกใช่ไหม

ตอนนี้ผมเพิ่งได้สังเกตเค้าใกล้ๆ เพราะเมื่อเช้าผมแทบไม่กล้ามองหน้าเค้า กลัวเค้าจะรู้ว่าผมยังมีความรู้สึกดีๆ กับเค้าอยู่ ผมอยากให้เค้าคิดว่าผมตัดใจจากเค้าได้แล้ว จะว่าไปการที่เค้ามาแล้วเจอผมอยู่กับนายน้องอ้วนนี่ก็ดีเหมือนกัน ให้เค้าเข้าไจผิดไปเลยก็ได้ในเรื่องความสัมพันธ์ของผมกับนายน้องอ้วน ผมไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองและเข้าใจผิดไปเองหรอกนะว่าเค้าเองคงยังรู้สึกดีๆ กับผม เพราะครั้งนั้นอ้อนก็พูดกับผมแล้ว อีกอย่างที่เค้ามาเจอผมตรงนี้ มันมีเหตุผลอะไรกันละ แต่ผมจะต้องหยุดมันไว้แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวที่จะเจอเค้าอีก

“พี่โอเล่ทานเสร็จแล้วจะกลับเลยหรือเปล่าครับ”อ้าวๆ นายน้องอ้วนเริ่มอีกแล้ว โอเล่เองก็เงยหน้าจากโจ๊กขึ้นมองเจ้าของเสียงอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน ก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ

“พี่ไม่รีบหรอก...กะว่าจะค้างที่นี่สักคืน ไม่ได้เจอกับแฟ้มตั้งนานมีอะไรที่อยากจะคุย อยากรำลึกถึงวันเก่าๆ เสียหน่อย”โอเล่เน้นเสียงคำว่าวันเก่าๆ อย่างผู้ที่เป็นต่อ แถมมีชำเลืองหางตามามองผมอีก แต่ผมคงไม่อยากจะไปรำลึกอะไรกับเค้านักหรอกนะครับ เดี๋ยวเรื่องราวต่างๆ มันจะยุ่งวุ่นวายเข้าไปอีก

“รีบกลับไปจะดีกว่า”ผมบอกออกไปอย่างเย็นชา เพราะไม่อยากให้เค้าก้าวพลาดอีกเป็นครั้งที่สอง เรื่องระหว่างผมกับเค้าแม้เราสองคนจะยังมีความรู้สึกดีๆ ให้กันและกัน แต่มันก็จบลงไปนานแล้ว จากนี้ไปเราทั้งสองต้องเดินตามเส้นทางที่เราเคยเดินกันมาต่อไป

โอเล่ชะงักไปเล็กน้อย แต่นายน้องอ้วนดูจะรอยยิ้มเยาะอยู่เล็กน้อย ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมอาจจะหมั่นไส้นายน้องอ้วนไปแล้วก็ได้ แต่ครั้งนี้ผมกลับอยากให้เค้ายิ้มแบบนี้ เพราะจะได้เป็นการตัดสัมพันธ์ของผมกับอีกคนได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

“อยากให้กลับจริงๆ เหรอ”น้ำเสียงเศร้าๆ พร้อมกับแววตาที่ตัดพ้อของเค้าเกือบทำผมใจอ่อน ผมได้แต่หลบแววตานั้นที่จ้องมายังผม ก่อนจะพยักหน้าเป็นการยืนยันในสิ่งที่เค้าถาม

“จะไม่ออกไปส่งหน่อยเหรอ”เค้าลุกขึ้นยืนเตรียมที่จะกลับ แต่เมื่อเห็นว่าผมเป็นเจ้าบ้านที่ค่อนข้างเสียมารยาทเพราะไม่ยอมออกไปส่ง เค้าก็เลยหันกลับมาหาผมอีก ผมเลยต้องเดินออกมาส่งเค้าที่หน้าบ้าน พร้อมกับน้องอ้วนที่ตามออกมาด้วย

“ขอคุยเป็นการส่วนตัวสักครู่...จะได้ไหม”พอออกมาถึงข้างนอกเค้าก็พูดขึ้นกับผม แต่สายตามองไปยังนายน้องอ้วน ที่จ้องมองตอบอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน ผมเห็นแล้วละกลัวจริงๆ ว่าสองคนนี้จะวางมวยกัน ผมหันไปพยักหน้าให้นายน้องอ้วนว่ากลับเข้าไปในบ้านก่อนผมจะดีกว่า แม้จะอิดออดเล็กน้อย แต่น้องอ้วนก็ยอมกลับเข้าไป

“มีอะไรก็ว่ามา”หลับหลังจากน้องอ้วนผมก็เอ่ยถามเค้าขึ้น เพราะไม่เห็นเค้าพูดอะไร เอาแต่จ้องมองผมด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดาว่าเค้ากำลังคิดอะไรอยู่ ผมกับเค้าไม่ได้เจอกันมานานมากแล้ว การต้องมาเผชิญหน้ากันแบบนี้มันเลยทำผมรู้สึกเกร็งๆ อย่างบอกไม่ถูก

“เดี๋ยวนี้กินเด็กแล้วเหรอ”คำพูดที่ฟังเหมือนประชดประชัน และรอยยิ้มเหยียดๆ ของเค้า ทำเอาผมรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกน้อยใจเล็กเริ่มก่อตัวขึ้น แม้ผมจะไม่ได้ต้องการอยากจะกลับไปรักกับเค้าเหมือนเดิม แต่ก็ไม่ได้อยากจะมารับรู้หรือรับฟังคำพูดเสียดสีแบบนี้ของเค้าหรอกนะ แต่เอาเถอะ เค้าจะพูดอะไรก็ปล่อยเค้าไป

“แค่นี้ใช่ไหม”ผมไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธคำถามของเค้า แต่ดูเหมือนเค้าเองก็ไม่ได้ต้องการคำตอบนักหรอก และเมื่อเห็นว่าเค้าเหมือนจะไม่ได้มีอะไรจะพูดกับผม ผมเลยหันหลังจะเดินกลับเค้าบ้าน กะว่าจะไม่สนใจเค้าอีก เพราะยังไงเราก็ไม่ควรจะพบกันอยู่แล้ว

“เดี๋ยวก่อนสิแฟ้ม”เค้าตามมาฉุดยื้อข้อมือผมไว้ น้ำเสียงเค้าดูอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

“อ้อนเค้าขอเลิกกะเล่”สิ่งที่ได้ยินทำเอาผมตกใจไม่น้อย ทำไมเรื่องราวมันกลายมาเป็นแบบนี้กันละ

“แล้วยังไงเหรอเล่...เล่เลยจะยอมเลิก จะยอมให้ลูกๆ เห็นว่าพ่อแม่แยกทางกันงั้นสิ”ผมตอบกลับไปอย่างฉุนๆ เพราะแบบนี้หรือเปล่าเค้าถึงกล้ามาหาผมถึงที่นี่ หรือคิดว่าถ้าเค้าเลิกกับอ้อนแล้วผมจะอยากกลับไปคบกับเค้าอย่างนั้นหรือ ถ้าผมทำแบบนั้นผมจะยิ่งรู้สึกไม่ดีเข้าไปใหญ่


“ครั้งสุดท้ายที่เราเคยตกลงกัน เล่จำได้ไหมว่าเราตกลงกันว่ายังไง”ผมพยายามจะให้เค้าลองคิดทบทวนดูดีๆ ว่าเราทั้งสองได้เลือกทางเดินกันไปแล้วว่าผมจะอยู่ในที่ทางของผม และเค้าเองก็ต้องมีครอบครัวต่อไป แต่ตอนนี้มันเหมือนครอบครัวนั้นจะไม่เป็นไปในทางที่เราวางไว้เสียแล้ว

“เล่กลับไปเถอะ”เค้าไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก แต่ผมก็พอจะรู้ว่าเค้าเองก็คงกำลังสับสนว่าจะทำยังไงต่อไป แต่ผมเชื่อว่าเค้าคงมีความรับผิดชอบพอต่อลูกๆ ของเค้า ผมหันหลังกลับอีกครั้ง เพื่อจะกลับเข้าบาน แต่เดินได้แค่เพียงไม่กี่ก้าว ผมก็ถูกกระชากกลับอย่างแรง

ผมหันกลับมาเผชิญหน้ากับเค้าอีกครั้ง กำลังจะถามว่ามีอะไรอีก แต่ผมก็ช้ากว่าเค้าเพราะ สองมือเค้าคว้าเค้าที่ขมับทั้งสองข้างของผม ก่อนที่ริมฝีปากของเค้าจะประกบลงมาหาผม ซึ่งพอดีกับจังหวะที่ผมจะเอ่ยปากถาม มันเลยเหมือนผมปล่อยให้เค้าสอดลิ้นเข้ามาในปากของผม ความปั่นป่วนใจกายผมเริ่มก่อให้เกิดอาการตอบสนองจากเค้า ผมลืมตัวเผลอจูบตอบเค้า สองมือผมยกขึ้นคล้องที่คอของเค้า เพื่อเป็นหลักยึดเหนี่ยว เพราะเรี่ยวแรงเหมือนจะไม่มี ความโหยหาในสิ่งที่ขาดหายไปนานทำให้ผมขาดสติไป

แต่เมื่อเรียกสติกลับมาได้ ผมก็รีบผลักเค้าออก พร้อมกับก้าวถอยหลังให้ห่างจากเค้า

“สุขสันต์วันเกิด...มีความสุขมากๆนะ”เค้าพูดพร้อมกับยิ้มให้ผม

“กลับไปเถอะ”


แวะมาต่อคร๊าบบบบ

เรื่องราวก็ส่อแววจะยังคงอีรุงตุงนังกันต่อไป เหอๆ

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
Re: ระหว่างเราคือ...??? [22-11-2014]
«ตอบ #144 เมื่อ22-11-2014 19:05:40 »

มารอความอิรุงตุงนังตอนต่อไป  :hao6:

แฟ้มเนี่ยยังมีความรู้สึกหลงเหลือให้กับโอเล่มากอยู่นะ  เห็นได้ชัดเลยว่าตอนนี้ใช้น้องอ้วนเป็นตัวกัน

ถ้าอิเล่มันกลับตัวกลับใจก็ยังพอทำใจได้นะ แต่ถ้าไม่นี่ก็.........

สงสัยและหวังว่าอิเล่มันได้ไปเรียนรู้เรื่องดีๆมาจากคู่เกี๊ยงกับเค้กบ้างนะ   :เฮ้อ:

ขอบคุณมากค่ะ  คนเขียน :กอด1:


Singleman

  • บุคคลทั่วไป
Re: ระหว่างเราคือ...??? [22-11-2014]
«ตอบ #145 เมื่อ22-11-2014 19:42:03 »

เห็นแก ตัวมาก โอเล่ เกลียดว่ะ

เชียร์ น้องอ้วนนนนน

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
Re: ระหว่างเราคือ...??? [22-11-2014]
«ตอบ #146 เมื่อ22-11-2014 19:46:02 »

แฟ้มอย่าไปคิดเรื่องครอบครัวเขาเลย
พ่อแม่มันไม่รักกัน จะฝืนยังไงได้ ลูกมันรับรู้ได้นะ เจ็บกว่าพ่อแม่บอกเองเยอะ

ตอนนี้แฟ้มแค่เลือกทางของตัวเองว่าจะเอาทางไหนก็พอ

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
Re: ระหว่างเราคือ...??? [22-11-2014]
«ตอบ #147 เมื่อ22-11-2014 21:39:00 »

https://www.youtube.com/v/0B59Oupo4Go


รัก..คงยังไม่พอ

 :mew6:

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: ระหว่างเราคือ...??? [22-11-2014]
«ตอบ #148 เมื่อ22-11-2014 21:50:04 »

ถ้าอิแฟ้มมันกลับมาโลเล เล่นตามเกมส์อิเล่
ฉันจะจับมาตีก้นสามทีเพี๊ยะๆๆ แล้วยุให้น้องอ้วนหนีไป

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: ระหว่างเราคือ...??? [22-11-2014]
«ตอบ #149 เมื่อ23-11-2014 02:53:55 »

อิเล่ย์

จะก่อเรื่องอีกแล้วหรอ??

ลูกๆล่ะไม่สงสารหรือไง???

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด