[จบแล้ว] ระหว่างเราคือ...??? บทพิเศษ เรื่องของเด็กๆ [24-10-2017]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว] ระหว่างเราคือ...??? บทพิเศษ เรื่องของเด็กๆ [24-10-2017]  (อ่าน 36908 ครั้ง)

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ

เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

...
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-10-2017 20:12:50 โดย norita_boyV2 »

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: ระหว่างเราคือ...???
«ตอบ #1 เมื่อ28-10-2014 15:32:04 »

เกริ่นก่อนนิดนึงนะครับว่าจะมีตัวละครจากเรื่องนี้ไปโผล่ที่อีกเรื่อง คือเรื่องนี้

(ไม่)รักได้ไง http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44195.0

จะอ่านหรือไม่อ่านอีกเรื่องก็ได้ เพราะเนื้อหาค่อนข้างแยกกันชัดเจน แต่การที่ตัวละครจากเรื่องนี้ไปโผล่ในอีกเรื่อง

ก็จะมีอีกมุมที่ให้เราได้รู้ว่าตัวละครตัวนี้คิดอะไรอยู่ แต่ก็โผล่นิดเดียวตอนท้ายๆ ของเรื่องแค่นั้นนะครับ

ส่วนเรื่องนี้ก็ เป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ที่คลุมเครือ ของคนสองคนที่เริ่มจากเพื่อน จนปล่อยให้มันคาราคาซังกันไป และในที่สุดมันจะเป็นยังไงก็ต้องลองอ่านกันดูนะคร๊าบบบบ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-11-2014 17:19:41 โดย norita_boyV2 »

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: ระหว่างเราคือ...???
«ตอบ #2 เมื่อ28-10-2014 15:36:21 »

ระหว่างเราคือ...???

“แค่นี้แหละ ไว้เจอกันวันเสาร์”เสียงจากปลายสายบอกผมก่อนจะเงียบไป วันเสาร์งั้นเหรออีกไม่กี่วันเองนี่เนอะ เดี๋ยวก็จะได้เจอกันแล้วนี่นา ผมไม่ควรคิดมากหรอกใช่ไหม

ใช่ถ้าเกิดว่าไม่ได้รู้อยู่เต็มอกว่าระหว่างที่ไม่ได้เจอกันนั้น เค้ามีคนอื่นอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่รู้แบบนี้แต่ผมก็ยังยอมทำตัวเป็นคนที่เหมือนจะไร้ค่า เพราะอะไรนะเหรอ เพราะผมรักเค้าไงล่ะเรื่องนี้มันเริ่มจากตรงไหนกันนะ






“โอเล่กรูมีอะไรจะบอก”ผมบอกกับเพื่อนสนิทขณะที่อยู่ในห้องน้ำของโรงเรียน เค้าเป็นเพื่อนสนิทผมเอง เรารู้จักกันตั้งแต่ ม.1 เค้าเป็นคนต่างถิ่นที่เพิ่งย้ายมาอยู่แถวนี้ตอนมัธยมนี่เอง ผมสนิทกับเค้าค่อนข้างเร็วเพราะเค้าเป็นคนบ้าๆ บอๆ กวนประสาทผมอยู่บ่อยๆ เลยกลายเป็นสนิทกันไปโดยปริยาย พอตอนนี้วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการสอบ และเราเพิ่งจะออกจากห้องสอบวิชาสุดท้ายของชีวิตมัธยมกันแล้ว ผมเลยกะว่าจะบอกอะไรบางอย่างกับเค้า ผมรู้ว่าถ้าบอกออกไปแล้วแล้วเค้าอาจจะเกลียดผมก็เป็นได้

ความรู้สึกที่ผมมีต่อเค้ามันเริ่มเปลี่ยนจากคำว่าเพื่อนมาตั้งแต่ ม.5 แล้ว ผมไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่ตอนไหน แต่ช่วงตั้งแต่ม.5 มาผมรู้สึกว่าการมาโรงเรียนในแต่ละวันที่ได้มาเจอเค้ามันเป็นความสุขอย่างหนึ่งของผม

“มีอะไรวะ”มันยังยืนส่องกระจกจัดทรงผมให้ตั้งๆ เหมือนพวกเด็กมัธยมทั่วๆไป อยู่โดยไม่ได้หันมามองผม

“เรารู้จักกันมานานเท่าไหร่แล้วมรึงจำได้ไหม”ผมยืนพิงผนังห่างออกมาจากมันไม่มากเท่าไหร่ ถามมันออกไป มันหันมามองผมแวบนึงเหมือนจะข้องใจว่าถามทำไม

“ไม่รู้สิ ก็รู้จักกันตั้งแต่ ม.1 ตอนนี้ก็ 5-6 ปีแล้วมั้ง ถามทำไมเหรอ”แล้วมันก็หันกลับไปส่องกระจกอีกเหมือนเดิม

“ถ้ากรูพูดอะไรออกไป ยังไงเราก็จะยังเป็นเพื่อนกันอยู่เหมือนเดิมใช่ไหม”ผมกลัวว่าถ้าบอกมันออกไปแล้ว มันจะรังเกียจผมและไม่คบผมเป็นเพื่อนอีกต่อไป

“มีเรื่องอะไรวะ”คราวนี้มันหันมาจ้องหน้าผม

“ไม่ว่าจะยังไงเราจะยังเป็นเพื่อนกันอยู่นะ”ผมย้ำอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ แต่ถึงมันจะยืนยันหรือเปล่าผมก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดีว่าความสัมพันธ์ของเราจะออกมาแบบไหนหลังจากที่ผมสารภาพออกไป

“เออน่า มีอะไรก็ว่ามา”เหมือนมันจะเริ่มรำคาญที่ผมอ้ำอึ้งไม่บอกออกไปเสียที ผมถอนหายใจแล้วก็สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะตัดสินใจบอกออกไป

“กรูชอบมรึง”ใช่แล้วในที่สุดผมก็พูดออกไปจนได้ แล้วผลที่จะตามมาละ

ไอ้โอเล่มีสีหน้าตกใจไม่น้อย แล้วมันก็เงียบ เงยหน้าจ้องมองกระจก แต่ไม่ได้พูดคำใดๆ ออกมา ผมเริ่มรับรู้ได้แล้วว่าความเป็นเพื่อนของเราที่ผมยังอยากให้มีอยู่หลังจากที่ผมบอกว่าชอบเค้า เค้าอาจจะไม่เหลือความเป็นเพื่อนให้ผมอีกแล้วก็ได้

“ตกลงเราจะยังเป็นเพื่อนกันอยู่เหมือนเดิมใช่ไหม”ผมถามออกไปเสียงแผ่ว เพราะมันรู้สึกจุกๆ ที่ลำคอเหมือนมันตีบตันขึ้นมา ทั้งที่เตรียมใจมาแล้วว่า ยังไงเค้าก็ไม่ได้คิดอะไรกับผมอยู่แล้ว แต่ผมก็แค่อยากบอกให้เค้ารับรู้ไว้ และผมก็ยังอยากจะเป็นเพื่อนกับเค้าอยู่ แต่ดูจากอาการแล้วแค่ความเป็นเพื่อนเค้าก็คงจะไม่มีเหลือให้ผมเสียแล้ว

“เราจะยังเป็นเพื่อนกันได้ไหม”ผมย้ำออกไปอีกครั้งเมื่อเห็นเค้าเอาแต่นิ่งเงียบ

“ไม่รู้สิ”เหมือนเค้าจะพึมพำกับตัวเองเบาๆ แต่มันก็ดังพอที่ผมจะได้ยิน ผมต้องแหงนหน้าขึ้นมองเพดานเพราะเหมือนน้ำตามันจะไหลออกมา คำว่า “ไม่รู้สิ” ของเค้า ไม่ต้องแปลผมก็พอจะรู้ว่ามันหมายความว่าเราจะไม่เหมือนเดิมกันอีกแล้ว จากนี้ไปผมจะไม่ได้เป็นแม้แต่เพื่อนของเค้าอีกแล้ว

“งั้นเหรอ แค่มรึงทำตัวเป็นเพื่อนกับกรูเหมือนเดิมมันก็คงเป็นไปไม่ได้อีกแล้วสินะ”เค้าไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าผม เค้ายังคงสงบนิ่ง ไม่ได้แสดงอาการใดๆ ออกมาอีก

ผมบอกกับตัวเองว่าไม่เป็นไร เพราะยังไงเราก็คงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว ถ้าเค้าจะเกลียดผมก็ไม่เป็นไร แค่ผมได้บอกออกไปนี่ก็ดีแล้ว จากนี้ไปเราก็คงจะต้องต่างคนต่างไปมีชีวิตของตัวเอง ผมเลือกที่เรียนเรียบร้อยแล้วว่าผมจะเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยไหน ส่วนเค้ายังไม่ได้ตัดสินใจ แต่ก็คงจะเป็นคนละที่กับผมอยู่แล้ว

ผมค่อยๆ ก้าวเดินออกจากห้องน้ำอย่างช้าๆ หันมองเค้าอีกครั้งผมอยากจะจดจำเค้าไว้ จะจดจำไว้ให้ลึกสุดใจ จากนี้ไปเราคงไม่ได้เจอกันอีกแล้วผมค่อยๆ จดจำใบหน้านั้นบันทึกมันลงในความทรงจำ เค้าไม่หันมามองผมแม้แต่น้อย ผมละสายตาจากเค้าและก้าวออกจากห้องน้ำนั่น แต่ละย่างก้าวมันช่างยากลำบาก

นี่สินะอาการของคนอกหัก มันเหมือนลอยๆ ใจมันโหวงๆ อยากจะร้องไห้ แต่ทำไมน้ำตามันเหมือนจะไม่ไหลแล้ว ทั้งที่เมื่อกี้มันยังอยากจะไหลแต่ตอนนี้กลับ ไม่มีเลย การที่เค้าไม่ชอบผมในแบบที่ผมชอบเค้า มันไม่ได้ทำให้ผมเสียใจมากเท่าไหร่ เพราะผมเตรียมใจมาแล้ว แต่ที่ผมเสียใจมากกว่าคือ ความสัมพันธ์แบบเพื่อนที่เรามีให้กันมานานนั่นต่างหาก แต่ผมจะไม่โทษเค้าเลย ที่ตัดความเป็นเพื่อนกับผม เพราะผมเป็นคนเริ่มที่จะทำลายมิตรภาพนั้นเอง

“แฟ้ม”เสียงหนึ่งตะโกนมาจากเบื้องหลังผม ผมหันกลับไปมอง ก็เห็นคนที่เพิ่งอยู่กับผมในห้องน้ำเมื่อสักครู่ ยืนจ้องมองมาที่ผม ผมหยุดยืน เค้าวิ่งตามมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม

ผมทำได้แค่ฝืนยิ้มเจื่อนๆให้กับเค้า ส่วนเค้านั้นมีใบหน้าเรียบเฉย จนไม่สามารถเดาได้เลยว่าเค้ากำลังคิดอะไรอยู่ ผมจ้องมองเค้านิ่งรอฟังว่าเค้ารั้งผมไว้ด้วยเหตุผลอะไร

“ลองคบกันดูไหมล่ะ”แล้วเค้าก็พูดในสิ่งที่ผมไม่ได้คาดคิดมาก่อน บอกตรงๆว่าถึงแม้ผมจะทำใจมาแล้วว่ายังไงเค้าก็คงไม่ชอบผม แต่ในส่วนลึกแล้ว ผมก็ยังคงมีหวัง แม้จะเป็นความหวังอันน้อยนิดก็เถอะ

แต่พอผมมาได้ยินเค้าพูดแบบนี้ ผมกลับไม่รู้สึกยินดีสักนิด ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไม ทั้งที่ถ้าเค้ามาบอกแบบนี้ผมควรจะยินดีไม่ใช่หรือ แต่ทำไม ทำไมกัน ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่เหรอ ที่ผมเฝ้ามองมานาน จากความเป็นเพื่อน จนความห่วงหาและอาทรได้แปรเปลี่ยนไป และมีคำว่ารักเพิ่มเข้ามา

“คิดดีแล้วเหรอ”ผมถามออกไปเสียงเรียบพร้อมกับจ้องมองลึกลงไปในดวงตานั้น ผมไม่เข้าใจว่าเค้าจะทำแบบนี้ทำไม ผมมั่นใจว่าเค้าคงไม่ได้รักได้ชอบผมแน่นอน คงด้วยเพราะเหตุนี้ผมเลยไม่รู้สึกยินดีที่เค้าจะมาคบกับผม

เค้าพยักหน้ายืนยัน แต่ผมยังคงเต็มไปด้วยความข้องใจ สงสัยว่าคนตรงหน้านี้กำลังคิดจะทำอะไรอยู่

“กลับบ้านกันเถอะ”เค้าเอ่ยปากอีกครั้งเมื่อเห็นผมยังคงนิ่ง เงียบ ผมเดินตามเค้าออกไปเงียบๆ ไม่มีคำพูดระหว่างเราอีก ผมและเค้าออกมานั่งรอรถที่เดิมเหมือนทุกวัน สายตาผมมองเหม่อไปบนถนนที่รถวิ่งสวนไปมา ตอนนี้ในใจของผมคงเหมือนกับรถที่อยู่ในถนน วิ่งสวนกันไปมา สับสนปนเปกันไปหมด

“ถ้าคบกันนี่ต้องทำยังไงบ้างเหรอ”อยู่ๆ เค้าก็ถามผมขึ้น ผมหันไปมองหน้าเค้า ไม่ค่อยเข้าใจว่าเค้าถามทำไม

“ก็กรูยังไม่เคยคบใคร เลยไม่รู้ว่าคนเป็นแฟนกันเค้าต้องทำยังไงบ้าง”เค้าพูดอย่างอายๆ จริงสินะไอ้เพื่อนผมคนนี้มันก็ยังไม่เคยมีแฟนเลยนี่นา ผมเองก็เหมือนกันแหละ เพราะเราอยู่ด้วยกันตลอด ไม่ใช่แค่อยู่ด้วยกันสองคนหรอกครับ แต่อยู่กันเป็นกลุ่มเพื่อนหลายคน แต่เราสองคนจะสนิทกันเป็นพิเศษแค่ในฐานะเพื่อนเท่านั้น

ผมยิ้มให้เค้าโดยไม่ได้ตอบอะไรออกไป และนั่นมันคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมถลำลึกลงไปเรื่อยๆ

TBC

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: ระหว่างเราคือ...???
«ตอบ #3 เมื่อ28-10-2014 21:36:57 »

แบบนี้น่าจะเจ็บปวดมากกว่าบอกปฏิเสธอีก เดี๋ยวพออยู่ๆไปดันมีคนที่ชอบขึ้นมาล่ะ
ได้กินมาม่าเป็นโหลแน่  :hao5:

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: ระหว่างเราคือ...???
«ตอบ #4 เมื่อ28-10-2014 22:26:09 »



“แฟ้มๆ ไปดูหนังกัน”ตอนนี้เราเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยแล้ว เค้าเข้าเรียนที่เดียวกับผมแต่คนละคณะ จากวันที่ผมบอกว่าชอบเค้าและเค้าก็บอกว่าให้ลองคบกันดู แต่ดูเหมือนความสัมพันธ์ของเรามันก็ไม่ได้แตกต่างอะไรจากเดิมเท่าไหร่เลย เราออกมาอยู่หอพักด้วยกัน มาเรียนพร้อมกัน กลับพร้อมกัน เว้นแต่ว่าวันไหนที่มีใครอีกคนไม่ว่าง วันหยุดก็มีออกไปเดินเที่ยวห้างกันบ้าง ดูๆไปอาจจะเหมือนเป็นแฟนกันอยู่บ้าง แต่ในความเป็นจริงเราก็ยังอยู่กันแบบเพื่อนเหมือนที่เคยเป็นมา

“ไปดูเรื่องอะไร”ผมถามออกไป วันนี้เป็นวันเสาร์ และเราก็ไม่ค่อยจะมีอะไรทำเท่าไหร่

“ไม่รู้เหมือนกัน ไปก่อนแล้วกันค่อยตัดสินใจ”เราสองคนจะเป็นแบบนี้เสมอคือไปก่อน แล้วเวลาเหมาะจะดูเรื่องอะไรก็ค่อยดู เหมือนเค้าจะดูเรื่องอะไรก็ได้ทั้งนั้น ส่วนผมนะเหรอ แค่ได้ไปกับเค้าแค่นั้นผมก็มีความสุขแล้ว

เป็นอันว่าเราสองคนแต่งตัวออกมาที่ห้างเป็นที่เรียบร้อย แต่ปรากฏว่าด้วยความที่ไม่ได้เช็คดูหนังมาก่อน ไอ้หนังที่เราจะไม่ต้องรอนานนั้นมีแต่เรื่องที่พวกเราดูไปแล้วทั้งนั้น เพราะเราก็ดูหนังบ่อยกันเหลือเกิน ส่วนเรื่องที่เรายังไม่ได้ดูก็ต้องรออีกหลายชั่วโมง เราเลยไม่รู้จะทำอะไรต่อเพราะไม่ได้คิดกันมาก่อน

“จะรอดูหนังไหม”ผมเอ่ยถาม

“ไม่ดีกว่า เรื่องนี้กรูก็ไม่ค่อยจะอยากดูเท่าไหร่”อ้าวนึกว่าดูได้ทุกเรื่องเสียอีก

“งั้นก็กลับ”ผมบอกเพราะไม่รู้จะทำอะไรต่อดี จะเดินเล่นก็ขี้เกียจ จะซื้อของก็ไม่ได้อยากได้อะไร และเค้าก็เห็นด้วยกับผม

“แฟ้มๆ เดี๋ยวๆ ดูนี่ก่อน”เค้าฉุดแขนผมให้หยุดเดินที่ร้านขายพวกเครื่องเงิน ผมยืนมองว่าเค้าจะซื้ออะไร แต่ก็ไม่เห็นจะหยิบอันไหนเลยสักอัน

“ไอ้เชี่ยแฟ้ม มาทำไรวะ”อยู่ๆ ก็มีคนมาเบิดกะโหลกผม พอหันไปมอง ตอนแรกกะจะเอาเรื่องแต่พอเห็นว่าเป็นเพื่อนที่คณะเลยปล่อยไปเพราะเราเล่นกันแบบนี้บ่อยๆ ผมหันออกมาคุยกับเพื่อน ปล่อยให้โอเล่เลือกดูของคนเดียว

“ว่าจะมาดูหนัง แล้วมรึงละมาทำไร”ผมทักทายเพื่อนพร้อมกับมองหาว่ามันมากับใคร แต่ก็ไม่เห็นใครที่ดูเหมือนว่าจะมากับมันเลย

“มาดูหนังเหมือนกัน นี่กรูดูเรื่องนี้ เหลืออีกครึ่งชั่วโมงเลยกะจะเดินเล่นฆ่าเวลา แล้วมรึงมาดูเรื่องอะไร”มันบอกพร้อมกับหยิบตั๋วหนังออกมาดชว์ให้ผมดู ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมดูไปแล้วเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้า

“กรูไม่ดูแล้วกำลังจะกลับ”บอกเพื่อนไปตามความจริง แต่ไม่ได้บอกหมดหรอกว่าเพราะมันไม่มีเรื่องไหนจะให้ดูอีกแล้ว จะรอเรื่องที่ยังไม่ได้ดูก็ไม่ชอบรอ ยิ่งไอ้คนที่มากับผมนั่นยิ่งแล้วใหญ่ รู้สึกจะไม่ชอบการรอคอยเอาเสียเลย แต่เรื่องปล่อยให้คนอื่นคอยนี่ถนัดนักแล

“เหรอ ไม่ดูเรื่องนี้เป็นเพื่อนกรูหน่อยละถ้ายังไม่คิดจะดูเรื่องอื่น”แสดงว่านี่มันคงจะมาคนเดียวละมั้ง

“เรื่องนี้กรูดูแล้ว แล้วนี่มรึงมาคนเดียวเหรอวะ ไมไม่หนีบฟงแฟนมาด้วย”ผมแหย่เพื่อน ผมไม่รู้หรอกว่ามันมีแฟนหรือยัง ถึงจะสนิทในระดับนึง แต่ส่วนใหญ่ก็เจอกันแค่ตอนที่เรียน หลังจากนั้นก็มีไปกันเป็นกลุ่มบ้าง แต่ผมก็ไม่ค่อยได้สนใจว่าใครจะมีแฟนหรือยังไม่มี

“กรูมาคนเดียว ฟงแฟนยังไม่มีหรอก ใครจะไปเหมือนมรึงที่มีเป็นตัวเป็นตนตามติดกันแบบนั้น”คุณเพื่อนของผมพูดพร้อมกับบุ้ยใบ้ไปทางคนที่มากับผม ที่ตอนนี้กำลังจ่ายตังค์ สงสัยจะได้ของที่ต้องการแล้ว

“เฮ้ย นั่นนะเพื่อนกัน มรึงก็ว่าไป”ผมไม่รู้จะตอบเพื่อนว่าอย่างไรในสถานะที่ผมและโอเล่นั้นเป็นอะไรกัน ตามความรู้สึกผมยังไงเราก็ยังเป็นแค่เพื่อนกันอยู่ดีนั่นแหละ

“แฟ้ม กรูจะกลับแล้ว มรึงจะกลับไหม”ก็ดูการพูดคุยของเราเอาเถอะว่ามันน่าจะอยู่ในสถานะไหน แล้วนี่เค้าเป็นอะไรอีกล่ะถึงเหมือนอารมณ์บูดแบบนี้ ผมบอกลาเพื่อนก่อนจะเดินตามเค้าออกไป ระหว่างทางกลับห้องเราไม่ได้พูดคุยกันเลย จนกลับมาถึงห้อง

“สนิทกันมากเหรอ”เค้าเริ่มพูดขึ้นเมื่อผมนั่งลงบนโซฟาหน้าทีวี ส่วนเค้าก็นั่งอยู่ก่อนผมแล้ว

“อะไรเหรอ”ผมถามย้ำอีกครั้งว่าเค้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร

“ก็ไอ้คนเมื่อกี้ไง”คนเมื่อกี้ อ๋อ เพื่อนผมนะเหรอ

“ไอ้แชมป์นะเหรอ ก็เพื่อนที่คณะ ทำไมเหรอ”ผมว่าเค้าก็น่าจะเคยเห็นเพื่อนผมคนนี้มาบ้างแล้วนี่นา

“เปล่าหรอก อ่ะให้”เค้ายื่นของบางอย่างให้ผม ผมรับมาอย่างงงๆ พร้อมกับเปิดดู ก็เห็นว่าเป็นแหวนเงิน เค้าคงซื้อมาจากร้านที่หยุดดูเมื่อกี้

“ไม่รู้ว่าชอบแบบไหน เพราะจะให้เลือกก็มัวแต่คุยกับคนอื่นอยู่”น้ำเสียงประชดประชันดังขึ้น ผมหันไปมองเค้าที่ไม่ได้หันมาหาผมแต่มองไปทางอื่น นี่เค้าซื้อแหวนให้ผมงั้นเหรอ อดที่จะดีใจไม่ได้ ผมลองใส่ ไม่รู้ว่าจะพอดีหรือเปล่า เพราะผมก็ไม่ได้ลองก่อน และเค้าก็คงไม่รู้ขนาดที่พอดีกับนิ้วผมหรอก และก็จริง เพราะมันใส่ได้ไม่พอดีสักนิ้ว นิ้วที่พอจะใส่ได้ก็มีแค่นิ้วนางข้างซ้าย แต่ก็หลวมอยู่นิดหน่อย

“แบบไหนก็ชอบหมดแหละ ถ้าตั้งใจจะให้”ผมตอบออกไปพร้อมกับชูนิ้วที่สวนแหวนให้เค้าดู

“หลวมไปเหรอ เอาไปเปลี่ยนไหม”เค้าจับมือผมไปขยับแหวนดู ทำเอาใจผมเต้นรัว เพราะถึงเราจะอยู่ด้วยกัน แต่น้อยครั้งมากที่เราจะถูกเนื้อต้องตัวกัน ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม เหมือนเค้าเองก็จะระวังตัวอยู่ตลอดเวลา ไม่เหมือนสมัยมัธยมที่เราเป็นเพื่อนกัน ที่กอดคอเฮไหนเฮนั่นกัน

“ไม่...เป็นไรอันนี้ก็ดีแล้วแหละ”ผมบอกออกไปเสียงสั่นเพราะเค้ายังไม่ได้ปล่อยมือจากมือผม และพอเค้าหันหน้าขึ้นมาประสานสายตากับผม เค้าคงจะสังเกตเห็นสีหน้าที่ผิดปกติของผม เค้าจึงปล่อยมือผมก่อนจะหันไปมองทางอื่น

“กรูซื้อให้มรึงแล้ว มรึงก็ซื้อให้กรูด้วยนะ”มีแบบนี้ด้วย แต่ถึงเค้าไม่พูดผมก็กะว่าจะซื้อให้เค้าเหมือนกันแหละ ถือเป็นการแลกกัน เราจะได้มีอะไรที่เป็นของกันและกันบ้าง

“ได้สิ”ผมตอบออกไป

“ดูดีวีดีกันไหม”เค้าพูดพร้อมกับไปรื้อค้นที่ชั้นเก็บดีวีดี ก่อนจะหยิบออกมาแผ่นนึง ผมไม่รู้ว่าเรื่องอะไร เพราะไม่ค่อยได้สนใจของพวกนี้เท่าไหร่ เพราะส่วนมากเค้าจะเป็นคนซื้อมา แล้วถ้าวันไหนจะดูเค้าก็เป็นคนเลือก

“เฮ้ย”ผมร้องอุทานเมื่อเครื่องเล่นดีวีดีทำงาน และภาพบนหน้าจอปรากฏ เพราะไอ้หนังที่เค้าเปิดมันหนังโป๊นี่นา ถึงผมกับเค้าจะเคยดูหนังแบบนี้ด้วยกัน แต่มันก็เป็นการดูพร้อมเพื่อนอีกหลายคน สมัยมัธยม และก็จะดูกันแบบขำๆ มากกว่าเพราะพวกเพื่อนๆ จะพากันวิพากษ์วิจารณ์จนไม่มีใครเกิดอารมณ์ร่วมหรอก แต่นี่ให้ดูกับเค้าสองคนแบบนี้ มันจะดีเหรอ

“ทำไมก็อยากดู ดูไม่ได้เหรอ”เค้าหันมาบอกผมก่อนจะหันไปสนใจภาพบนหน้าจอต่อ ผมกลืนน้ำลายลงอย่างยากลำบาก ก็ไอ้ของสงวนของฝรั่งในเรื่องมันช่างอลังการณ์งานสร้างเหลือเกิน ความแตกต่างทางด้านสรีระที่ผมก็พอรู้ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกถึงความตึงเขม็งที่กางเกงเสียแล้ว

“มรึงว่าเวลาผู้ชายกับผู้ชาย มีอะไรกันมันจะเหมือนแบบนี้ไหม”อยู่ๆเค้าก็หันมาถามผม แต่ผมไม่ได้ตอบ เพราะตอนนี้กำลังพยายามข่มอารมณ์ตัวเองอย่างหนัก ทำไมดูเค้าไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย

“มรึงเคยจูบไหม”เค้ายังคงถามต่อ ผมหันไปมองเค้า แต่สายตาเค้าก็ยังจับจ้องที่ภาพบนจออยู่เหมือนเดิม

“มะ...ไม่เคย”ผมตอบออกไปอย่างตะกุกตะกัก

“อ่อนว่ะ แค่นี้ก็ไม่เคย”อ้าวก็จะให้กรูไปเคยกับใครกันเล่าไอ้นี่นิ

“แล้วมรึงเคยรึไง”ผมย้อนถามเค้าบ้าง

“เคยสิ สอนให้เอาไหม”เค้าบอกผมยิ้มๆ เออก็แปลกดีนะแม้จะเคยบอกว่าจะลองคบกันดู แต่มันก็แค่ครั้งนั้น จากวันนั้นมาเราก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีกเท่าไหร่เลย อยู่กันมาแบบเพื่อนมาตลอด

และไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรเค้าก็ขยับเข้ามาหาผม ก่อนจะค่อยๆ โน้มหน้าเข้ามาหาผม ก่อนจะประกบริมฝีปากของเค้าเข้ามาหาผม ผมได้แต่อึ้งๆ ทำอะไรไม่ถูก มันเหมือนตัวชาไปชั่วขณะ ผมกำลังจะเอ่ยปากให้เค้าหยุดเพราะเหมือนจะหายใจไม่ออก แต่พอผมขยับปาก ลิ้นอุ่นๆ ของเค้าก็สอดเค้ามาในปากผม มันลิ้มเลียพร้อมกับหยอกล้อกับลิ้นของผม ผมรู้สึกเหมือนตัวเองหมดเรี่ยวแรง ตัวอ่อนระทวยไปหมด

“แฮ่กๆๆ”ผมหายใจหอบเมื่อเค้าถอนริมฝีปากออก ทำไมเค้าดูชำนาญเรื่องนี้นัก นี่เค้าไปทำกับใครมา

“ไปต่อที่เตียงไหม”เค้าขยับเข้ามากระซิบที่ข้างๆหูผม ก่อนจะไซร้ไปตามซอกคอ มือก็ความนเข้าไปใต้เสื้อของผม

“เดี๋ยว...เดี๋ยวก่อน”ผมเอ่ยทักท้วงด้วยน้ำเสียงสั่น เค้าเงยหน้าขึ้นมามองอย่างขัดใจ

“ก็เราคบกันอยู่ไม่ใช่เหรอ”เค้าเอ่ยออกมาอย่างขัดใจ นี่เค้ายังคิดว่าเราสองคนคบกันอยู่เหรอ ผมนึกว่าเค้าทนอยู่กับผมเพราะอยากรักษาน้ำใจเพื่อนอย่างผมเสียอีก

“ถ้าคบกันมันก็ต้องทำแบบนี้กันไม่ใช่เหรอ”เค้าพูดพร้อมกับช้อนตัวผมขึ้น เพื่อพาไปที่เตียงในห้องนอนผมใจเต้นแทบจะระเบิด ก็ใครมันจะไปตั้งตัวทันนี่เค้าจะมาไม้ไหนกันแน่

เค้าวางผมลงที่เตียงก่อนจะคร่อมตัวเค้าอยู่ด้านบน แล้วก็ประกบปากลงมาหาผมอีกครั้ง ก่อนจะปลดเปลื้องเสื้อผ้า ของผมและเค้าออก ริมฝีปากร้อนนั้นค่อยๆ ละเลียดไปแทบจะทุกส่วนบนตัวผม และดูเหมือนจะหยอกเย้าอยู่กับยอดเล็กๆ สีชมพูบนหน้าอกผมนานเป็นพิเศษ พร้อมกับที่มือแกร่งของเค้ากอบกุมส่วนอ่อนไหวของผมไว้ ความเสียวซ่านทำให้ผมต้องจิกมือลงบนผ้าปูที่นอน เค้าเลื่อนขึ้นมาประกบปากกับผมอีกครั้งพร้อมกับมือที่เร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆ จนผมเริ่มปวดมนที่บริเวณท้องน้อยก่อนจะปล่อยของเปลวขุ่นๆ ออกมาก ผมครางเสียงกระเส่าด้วยความเหนื่อยหอบ เค้าดึงร่างผมไปกอดไว้แน่น ปล่อยให้ผมพักได้เพียงครู่เดียว

“ทำให้บ้างสิ”เค้าบอกพร้อมกับดึงมือผมไปจับที่แกนกลางลำตัวของเค้าที่ตอนนี้ตื่นตัวเต็มที่ ผมสัมผัสได้ถึงความร้อนของมันเหมือนกับว่ามันจะแผดเผาผมเสียให้มอดไหม้ยังไงยังงั้น

ผมเริ่มขยับมือขึ้นลงเหมือนที่เค้าทำให้กับผม แต่เหมือนเค้าจะไม่ค่อยพอใจ เพราะเหมือนเค้าจะต้องการอะไรที่มากกว่า เค้าพยายามดันศีรษะผมให้ต่ำลงไปหาส่วนที่ผมกำลังเกาะกุมอยู่

“ทำเหมือนในหนังเมื่อกี้ให้หน่อยสิ”ผมหน้าร้อนฉ่า เพราะในหนังที่ดูเมื่อสักครู่ฝ่ายหญิงเค้าใช้ปากให้กับฝ่ายชาย เค้าสบตาผมอย่างวิงวอน

ผมค่อยๆ ครอบปากลงไปอย่างทุลักทุเล เนื่องจากความไม่คุ้นเคย ก็คนมันไม่เคยทำแบบนี้ให้ใครมาก่อน ผมพยายามนึกถึงภาพที่เคยเห็นจากในหนังที่เคยดู แล้วผมก็เริ่มได้ใจเมื่อเห็นเค้าครางเบาๆ กับสิ่งที่ผมทำให้ ผมทำไปได้สักพักเค้าก็บอกให้ผมหยุดก่อนจะดึงผมไปจูบอีกครั้ง

“ขอนะ”เสียงแตกพร่ากระซิบที่ข้างหูก่อนจะกัดเบาๆ ที่ซอกคอผม พร้อมกับมือที่บีบบั้นท้ายผม ผมพยักหน้ารับอย่างอายๆ ทั้งกลัวทั้งอาย แต่ก็ยอมเพราะผมรักเค้านี่นา ถึงผมจะไม่รู้ว่าเค้ารักผมหรือเปล่าก็เถอะ

เค้าหยิบโลชั่นที่วางอยู่ข้างๆ เตียงมาทาที่ปากทางที่เค้ากำลังจะรุกล้ำเข้ามา ดูเค้าช่ำชองเหลือเกิน นี่เค้าไปฝึกหรือเคยไปทำแบบนี้กับใครมาก่อนหรือเปล่า ผมเริ่มรู้สึกวิตก แต่แล้วผมก็ไม่มีเวลาคิดนานเพราะรับรู้ได้ถึงบางอย่างที่เริ่มคืบคลานเข้ามาในตัวผม ผมต้องใช้มือยันเค้าไว้ให้นิ่งไว้ก่อน เค้าประกบปากมาจูบกับผมอีกครั้งพร้อมกับค่อยๆ ดันมันเข้ามา จนในที่สุดมันก็เข้ามาจนหมด ผมจิกมือลงบนแผ่นหลังของเค้าเพราะมันทั้งจุกเจ็บเหมือนร่างจะฉีกออกเป็นเสี่ยงๆ ก็นี่มันครั้งแรกของผม แต่ผมก็ดีใจที่เค้าเป็นคนแรกของผม

เค้าเริ่มขยับเข้า-ออก อย่างช้าๆ จนเมื่อเห็นว่าผมคลายความเจ็บปวดลงแล้วถึงได้เริ่มเร่งความเร็วและแรง เพิ่มขึ้น สองกายของเราสอดประสานอย่างเร่าร้อน ผมรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นอันหนึ่งเดียวกันกับคนที่ผมรัก

“เราน่าจะทำแบบนี้กันตั้งนานแล้วเนอะ”เค้าพูดขึ้นหลังจากที่เราเสร็จกินกันไปเป็นรอบที่สามแล้ว ตอนนี้ผมนอนอยู่ในอ้อมกอดของเค้า

“แล้วทำไมเพิ่งคิดอยากจะทำละ”ผมถามออกไป ไม่ใช่ว่าผมหื่นอยากทำมาตั้งนานหรอกนะ แต่เพียงแค่คิดว่าเค้าเองก็น่าจะมีความต้องการ แล้วทำไมถึงไม่คิดจะทำ

“ก็ไม่รู้นี่นาว่าผู้ชายด้วยกันมันทำยังไง แต่พอทำแล้วมันก็ไม่ได้ยากอะไร มันก็เป็นไปตามธรรมชาติที่เราต้องการอยู่แล้ว ดูจะมีความสุขมากกว่าที่มีอะไรกับผู้หญิงเสียอีก”คำพูดของเค้าทำเอาผมชะงักไป แสดงว่าที่เค้าไม่เคยคิดจะทำอะไรผมเพราะเค้าเองคงจะไปทำกับคนอื่นอยู่แล้ว และนี่ที่มามีอะไรกับผมอาจเป็นเพราะไม่มีที่ระบายก็เป็นได้

ผมได้แต่นิ่งเงียบที่เริ่มคิดได้ว่าผมอาจจะเป็นได้แค่เพียงที่ระบายอารมณ์ของเค้าหรือเปล่า
และก็เหมือนจะจริงเพราะหลังจากวันนั้นเวลาว่างของเราสองคนแทบจะอยู่บนเตียงตลอดเวลา แต่ละครั้งมันช่างเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ ชีวิตผมดำเนินไปแบบนี้จนผมเคยชิน และคิดว่าถ้าเค้าต้องการ และผมตอบสนองเค้าได้ เค้าอาจจะไม่คิดไปหาคนอื่นก็เป็นได้ ผมไม่เคยปริปากถามเรื่องที่เค้าเคยพูดอ้างถึงการมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่น เราค่อนข้างจะไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวกันเท่าไหร่ ที่มหาวิทยาลัยเค้าจะมีกลุ่มเพื่อนของเค้า ผมก็มีเพื่อนของผม

ซึ่งจริงๆผมก็ไม่เคยปิดเรื่องอะไรของผมกับเค้าเลย ผมจะเล่าให้เค้าฟังบ่อยๆ แต่สำหรับเค้าผมแทบจะไม่รู้เลยว่าช่วงเวลาที่ผมไม่เห็นเค้าในสายตา เค้าจะไปกับใครยังไงบ้างและเค้าก็ไม่เคยเล่าอะไรให้ผมฟังเลยแม้แต่น้อย

“นั่งเหม่ออะไรวะไอ้แฟ้ม”เพื่อนผมทักทายขึ้นที่โต๊ะประจำหน้าคณะที่เรานั่งกันทุกวัน วันนี้ผมมาแต่เช้า คนเดียวเพราะโอเล่ไปค้างหอเพื่อนตั้งแต่เมื่อคืน ตอนเช้าก็ไม่ได้เข้าไปอาบน้ำ ถึงผมจะพยายามไม่คิดอะไร แต่ใจมันก็อดที่จะนึกไม่ได้ว่าเค้าไปค้างกับเพื่อนคนไหน เพื่อนจริงๆ หรือเปล่า ผมชักไม่แน่ใจ เพราะความสัมพันธ์ของเรามันก็ดูคลุมเครือเหลือเกิน เหมือนเค้าอยู่กับผมเพราะอยากที่จะรักษาน้ำใจ และผมก็ต้องตอบแทนเค้าด้วยการเป็นที่ระบายอารมณ์ให้แก่เค้า

“เปล่า”ผมตอบไอ้แชมป์เพื่อนสนิทคนหนึ่งของผมออกไป

“เปล่าอะไรของมรึง ทำหน้ายังกะอกหัก แฟนมรึงมีชู้รึไงว่ะ”ไอ้แชมป์เหมือนมันจะปักใจว่าผมกับโอเล่เป็นแฟนกัน เพราะมันจะพูดทำนองนี้กับผมบ่อยมาก แต่ผมก็ปฏิเสธไปทุกครั้ง เพราะความจริงจะเรียกว่าผมกับโอเล่เป็นแฟนกันมันก็ไม่ถูก เพราะเค้าไม่ได้รักผมเลย แต่ถึงจะเป็นจริงๆ ผมก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะเอามาป่าวประกาศให้คนอื่นรับรู้

“กรูบอกตั้งกี่ครั้งแล้วไอ้แชมป์ว่านั่นนะเพื่อนกรู ทำไงมรึงถึงจะเชื่อ”ผมตอบเสียงเนือยๆ อย่างรำคาญ

“ถ้าไม่ใช่แฟนก็ดีไป เพราะถ้ามรึงสองคนไม่ได้เป็นแค่เพื่อนกัน แต่เป็นมากกว่านั้นสิ่งที่กรูรู้มามันคงจะไม่ดีเท่าไหร่”คำพูดแบบเหมือนจะมีอะไรสักอย่างแต่คนพูดดันทำเป็นไม่บอกมาให้หมด แบบนี้มันน่าหักคอจริงๆ

“กรูกับมันไม่ได้เป็นอะไรกันหรอก ก็แค่สนิทกันมาตั้งแต่มัธยมแค่นั้นแหละ”ผมฝืนตอบออกไป แค่เพื่อนกันเท่านั้นเองสินะ

“งั้นก็ดีไป แต่เพื่อนมรึงนี่แมร่งเจ้าชู้ว่ะ เมื่อก่อนกรูเห็นไปป้อหญิงแถวๆ หอที่กรูอยู่บ่อยๆ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห็นแล้ว สงสัยไปติดหญิงที่อื่น อย่างว่าแหละเนอะ มันหน้าตาดีนี่หว่า ถ้ากรูหล่อสู้มันกะว่าจะไปจีบหญิงแข่งกับมันเหมือนกันนะเนี่ย”ไอ้แชมป์พูดพล่ามไปเรื่อย แต่ผมไม่ค่อยได้ฟังหรอก สมองมันมึนๆ เบลอๆ

“นี่มรึงฟังอยู่หรือเปล่า”ไอ้แชมป์สะกิดเรียกผม

“ฟังอยู่”ผมตอบผ่านๆ เพราะกำลังคิดเรื่องอื่นอยู่

“เออว่าแต่วันนี้เพื่อนเราไปไหนหมดวะ ทำไมไม่มีใครมาเลย”

“โอ๊ย”ผมร้องอุทานเพราะไอ้แชมป์ดันวางกระเป๋าทับลงบนมือผม มันก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากมายหรอกแค่ตกใจนิดหน่อย

“เป็นไรมากไหมมรึง”มันดึงมือผมไปดู

“ไม่เป็นไรหรอก”ผมบอกพร้อมกับจะดึงมือกลับแต่ไอ้แชมป์ไม่ปล่อย

“มือมรึงสวยดีว่ะ”ไอ้แชมป์บอก ผมเลยมองดูมือตัวเอง มันก็ปกติเหมือนมือคนอื่น ทั่วๆไปนั่นแหละผมไม่เห็นว่ามันจะสวยกว่ามือชาวบ้านเค้าเท่าไหร่เลย แต่เมื่อมองดีๆ ผมก็ต้องตกใจ

“แหวน”ผมพึมพำออกมาเบา

“แหวนอะไรของมรึง”ไอ้แชมป์ทำหน้าแปลกใจ

“แหวนที่กรูใส่ทุกวันไง มันไปไหนว่ะ”ผมชักเริ่มกังวลใจ เพราะปกติผมจะใส่ไว้ตลอด แหวนที่โอเล่ซื้อให้ผม แต่วันนี้มันไปไหนแล้วเมื่อวานผมจำได้ว่ามันยังอยู่นะ หรือมันจะหล่นหายไปหรือเปล่า หรือผมไปลืมถอดทิ้งไว้ในห้องน้ำ ผมเริ่มเป็นกังวลกลัวเค้าจะโกรธผมหรือเปล่าถ้าผมทำแหวนหายจริงๆ จนลืมเรื่องของเค้าที่ไอ้แชมป์เล่าให้ฟังไปเสียเกือบหมด

TBC

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: ระหว่างเราคือ...??? [28-10-2014]
«ตอบ #5 เมื่อ28-10-2014 22:59:22 »

 :a5: ช็อค คบเป็นแฟนกันอยู่แต่ โอเล่ก็ไปมีอะไรกับคนอื่น
แล้วยังมีการไปจีบคนอื่นด้วย
นี่มันโตระดับมหาลัยแล้วมันไม่รู้เหรอว่าไม่ควรนอกใจแฟน

จัดการด่วน!!!  :z6:

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: ระหว่างเราคือ...??? [28-10-2014]
«ตอบ #6 เมื่อ29-10-2014 06:50:01 »

ช่วงแรกๆ อาจจะโดดๆ ไปบ้างนะครับแบบปูให้เห็นความสัมพันธ์ของตัวละคร ตั้งแต่มัธยม มหาวิทยาลัย ไปจนวัยทำงาน



“แหวนที่กรูใส่ทุกวันไง มันไปไหนว่ะ”ผมชักเริ่มกังวลใจ เพราะปกติผมจะใส่ไว้ตลอด แหวนที่โอเล่ซื้อให้ผม แต่วันนี้มันไปไหนแล้วเมื่อวานผมจำได้ว่ามันยังอยู่นะ หรือมันจะหล่นหายไปหรือเปล่า หรือผมไปลืมถอดทิ้งไว้ในห้องน้ำ ผมเริ่มเป็นกังวลกลัวเค้าจะโกรธผมหรือเปล่าถ้าผมทำแหวนหายจริงๆ จนลืมเรื่องของเค้าที่ไอ้แชมป์เล่าให้ฟังไปเสียเกือบหมด

“ลืมไว้ที่ไหนหรือเปล่ายังไงก็ลองกลับไปหาดีๆก่อนแล้วกัน”ไอ้แชมป์พยายามปลอบใจผม แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้นเลย แล้วไหนจะที่ผมเคยบอกว่าจะซื้อแหวนให้เค้าผมก็ยังไม่ได้ให้เค้าเลย วันนี้ทั้งวันเล่นเอาผมเรียนไม่รู้เรื่องเลย พอเลิกเรียนผมก็รีบกลับไปหาดู แต่มันก็ไม่มีแสดงว่ามันคงหล่นหายไปแล้วจริงๆ เพราะแหวนมันออกจะหลวมอยู่หน่อยๆ

“อาบน้ำกัน”เค้าตรงเข้ามากอดผมทันทีที่กลับเข้ามา ก่อนจะเอ่ยชวนให้อาบน้ำพร้อมกัน ซึ่งนั่นมันหมายความว่าเค้าขอมีอะไรกับผมในห้องน้ำนั่นเอง

“เดี๋ยวก่อน”ผมขืนตัวออกพร้อมกับมองหน้าเค้าอย่างรู้สึกผิด ที่ผมทำของที่เค้าให้ไว้หายไป

“คือแหวนที่มรึงเคยให้กรูไว้”ผมเอ่ยเสียงตำกุกตะกัก สรรพนามที่เราใช้คุยกัน ยังเป็นฉันท์เพื่อนเหมือนที่เคยเป็นมา

“ทำไมเหรอ”เค้ายังคงพยายามดึงตัวผมเข้าหาเหมือนไม่ค่อยสนใจฟังในสิ่งที่ผมพูด

“คือ...คือ...คือแหวนมันหายไปไหนไม่รู้”ในที่สุดผมก็ตัดสินใจพูดออกไป

“งั้นเหรอ”เค้ารับคำสั้นๆ ก่อนจะปล่อยตัวผม พร้อมกับนิ่งไปแสดงว่าเค้าน่าจะโกรธผม

“โกรธเหรอ”ผมรู้สึกผิดจริงๆที่ ทำไม่ถึงไม่รู้สึกเลยนะว่ามันหล่นหายไปตอนไหน

“ช่างมันเถอะ ไว้ค่อยไปซื้อใหม่ก็ได้ เดี๋ยวขอตัวอาบน้ำก่อนนะ”แล้วเค้าก็เดินออกไปเลย แสดงว่ากำลังโกรธผมอยู่ ผมรีบเดินตามเข้าไปกอดเค้าจากด้านหลัง

“อาบด้วยนะ”ผมบอกออกไปหวังจะให้เค้าหายขุ่นเคืองผมบ้าง

“วันนี้อยากอาบคนเดียว”น้ำเสียงเย็นชานั้นทำเอาผมชะงักพร้อมกับปล่อยมืออย่างอัตโนมัติ เค้าโกรธผมมากขนาดนั้นเลยเหรอ ผมก็ไม่ได้อยากให้มันหายเสียหน่อย อารมณ์น้อยใจที่เค้าโกรธผม (ไม่ได้สำนึกผิด) อีกทั้งยังเคืองๆ เค้ากับเรื่องที่ไอ้แชมป์เล่าให้ผมฟัง เย็นนี้เราสองคนเลยแทบจะไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย

ตอนเช้าเค้าออกไปแต่เช้าโดยไม่รอผมเลย ผมก็ออกมาด้วยอารมณ์หงุดหงิดไม่แพ้กัน แต่พออารมณ์เริ่มเย็นลงหน่อยก็ได้คิดว่าจริงๆผมผิดนี่นา ส่วนเรื่องที่ไอ้แชมป์เล่าให้ผมฟังมันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ เค้าอาจจะเป็นแค่เพื่อนกันธรรมดาก็เป็นได้ ผมเลยคิดว่าเลิกเรียนแล้วจะไปซื้อแหวนให้ใหม่แล้วก็จะซื้อให้เค้าด้วย

“ที่ลากกรูมานี่จะมาซื้อแหวนนี่นะ”ไอ้แชมป์เริ่มบ่นให้ผมที่ตอนแรกชวนมันมาเดินห้าง โดยที่ผมบอกกับมันว่าวันนี้อารมณ์ดีจะเลี้ยงไอศกรีมมันเพราะไอ้นี่ชอบทานเหลือเกิน ตอนแรกมันก็ระริกระรี้ดีแต่พอทานเสร็จ ผมจะมาซื้อแหวนทำไมเหมือนมันไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่ ซึ่งก็ไม่เข้าใจมันเหมือนกันว่าเป็นอะไร

“ก็แหวนกรูหาย ก็จะมาซื้อใหม่นี่ไง”ผมตอบผ่านๆก่อนจะเลือกดูแหวนแบบเดิมที่เค้าเคยซื้อให้ผม วงนึงผมลองให้พอดีกับนิ้ว อีกวงผมเลือกให้ใหญ่ขึ้นอีกนิดเพราะจำได้ว่านิ้วเค้าจะใหญ่กว่าผมเล็กน้อย

“ทำไมต้องซื้อสองวง”ไอ้แชมป์เอ่ยถามผมอย่างสงสัย

“ก็เผื่อทำหายอีกจะได้มีสำรองไง”ผมโกหกออกไป แต่ไอ้เพื่อนตัวดีก็ช่างสังเกต

“แล้วทำไมต้องซื้อคนละไซส์”นั่นไงช่างสงสัยเหลือเกิน

“ก็ใส่คนละนิ้วไง นี่อันนี้ใส่นิ้วนาง อันนี้นิ้วชี้”โชคดีที่แหวนอีกวงดันพอดีกับนิ้วชี้ผม เลยถือโอกาสแถไปเรื่อย ไอ้แชมป์พยักหน้าอย่างเหมือนจะเข้าใจ

“เฮ้ยไอ้แฟ้ม ดูนั่นสิ เพื่อนมรึงไม่ใช่เหรอ”ไอ้แชมป์ชี้ให้ผมดูใครคนนึง ก็เห็นผู้หญิงคนนึงที่เป็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนที่คณะของผมเองนั่นแหละครับ

“ก็แล้วอ้อนไม่ใช่เพื่อนมรึงด้วยรึไงถึงได้บอกว่าเพื่อนกรู”ผมหันกลับมาถามด้วยความสงสัยเพราะ ผมกับไอ้แชมป์ก็สนิทกับอ้อนพอๆ กัน อ้อนเป็นคนอัธยาศัยดีเข้ากับคนง่าย ถือเป็นผู้หญิงที่น่ารักคนนึงเลยแหละ และก็ถือว่าอ้อนจะสนิทกับผมที่สุดเลยด้วยมั้งเพราะผมไม่ค่อยแกล้งเธอ เพื่อนคนอื่นๆ จะเห็นว่าอ้อนลุยๆ เลยชอบแกล้งเหมือนจะลืมไปว่าอ้อนก็ผู้หญิงนะไม่ใช่ผู้ชายอย่างพวกมัน เธอชอบทำตัวเหมือนเด็กๆ เหมือนเป็นน้องสาวผมคนนึง

“กรูไม่ได้หมายถึงอ้อน แต่กรูหมายถึงนั่นๆ คนนั้นต่างหาก”ไอ้แชมป์ชี้ให้ผมดูผู้ชายอีกคนที่ตอนแรกผมมองไม่เห็นเพราะมีป้ายบังอยู่ตรงจุดที่ผมมองไป ผมมองชายหนุ่มคนนั้นอย่างไม่กระพริบตา ดูท่าทางสนิทสนมของทั้งสองคนเหมือนรู้จักมักคุ้นกันมาเป็นอย่างดี นี่เค้าไปรู้จักกันตอนไหน เค้าหันมาสบตาผมพอดี ดูเค้าจะชะงักไปเล็กน้อย แต่ผมนี่รู้สึกเหมือนมีใครเอาค้อนฟาดลงมาอย่างแรง นี่แสดงว่าที่ไอ้แชมป์เคยพูดว่าเค้าเจ้าชู้เที่ยวจีบหญิงไปทั่วนี่ มันคือความจริงสินะ ทั้งสองคนเดินใกล้เข้ามาทางที่ผมกับไอ้แชมป์ยืนอยู่ อ้อนโบกมือให้พวกผม เธอคงมองเห็นเราแล้ว ผมได้แต่ฝืนยิ้มแห้งๆให้ ไอ้แชมป์โบกมือตอบ

“หวัดดีพี่แฟ้ม มาทำไรอ่ะ”อ้อนจะชอบเรียกผมว่าพี่เพราะเธออยากมีพี่ชาย และผมก็มักจะทำตัวเหมือนพี่ชายคอยปกป้องเธอจากบรรดาเพื่อนๆ ผู้ชาย(ขี้แกล้ง)เสมอ

“มาซื้อแหวนนะ”ผมตอบออกไปพร้อมกับยิ้มออกไปอย่างให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด

“แล้วเธอละใยลูกอุรังอุตัง มาทำอะไร”ไอ้แชมป์เรียกอ้อนในแบบที่เพื่อนๆ ผู้ชายชอบเรียกกันเพราะเธออยู่ไม่ค่อยสุข ร่าเริงตลอดจนเพื่อนๆ บอกว่าสงสัยจะเป็นลูกลิง

“ก็มาดูหนัง กำลังจะกลับแล้ว แล้วนี่นายจะพาพี่ชายชั้นไปไหนอีกหรือเปล่า”อ้อนไม่ได้ใส่ใจกับคำเรียกของไอ้แชมป์เท่าไหร่

“จะกลับแล้ว จะกลับพร้อมกันหรือเปล่า”อยู่ๆ บุคคลอีกหนึ่งที่จ้องผมไม่วางตาก็พูดขึ้น ไอ้แชมป์ดูจะไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะรู้อยู่แล้วว่าผมพักที่เดียวกับโอเล่ แต่อ้อนดูจะแปลกใจหน่อย เพราะถึงแม้จะรู้ว่าโอเล่เป็นเพื่อนผม แต่อ้อนคงไม่รู้ว่าเราพักที่เดียวกัน

“มรึงกลับไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวว่าจะไปหาอะไรกินกับเพื่อนก่อน”ผมตอบออกไปพร้อมกับหันไปมองไอ้แชมป์ที่ทำหน้าเหรอหรา เพราะจริงๆ เราไม่ได้คิดจะกินอะไรกันต่อหรอก

“จะไปหาไรกินเหรอ งั้นอ้อนไปด้วยนะพี่แฟ้ม โอเล่จะกลับแล้วใช่ไหม ไว้เจอกันนะ”อ้อนทำผมแปลกใจเล็กน้อยว่าทำไมเธอไม่ไปกับเค้าเล่าจะอยากมากับพวกผมทำไม

“ถ้าอ้อนจะไปเดี๋ยวเราไปด้วยแล้วกัน คงไม่มีใครมีปัญหานะ”เค้าพูดขึ้นพร้อมกับจ้องหน้าผมอย่างท้าทาย เป็นอันว่าเราทั้งสี่ต้องมาอยู่ที่ MK ด้วยกัน ผมนั่งข้างกับไอ้แชมป์ ปล่อยให้เค้านั่งข้างกับอ้อนเพราะเค้าน่าจะต้องการเช่นนั้น

“ไหนพี่แฟ้มเอาแหวนมาดูหน่อยสิ สวยเปล่า”อ้อนเอ่ยถามอย่างเริงร่าหลังจากสั่งรายการอาหารเสร็จ ดูเธอจะมีความสุขกับทุกเรื่องจริงๆ เพราะผมไม่เคยเห็นเธอเป็นทุกข์กับอะไรเลย ผมหยิบแหวนสองวงออกมาให้เธอดู

“ทำไมซื้อสองวงละ”เธอถามด้วยความแปลกใจแบบเดียวกับไอ้แชมป์ ไอ้แชมป์เลยตอบแทนผม

“ก็มันเพิ่งทำแหวนหายไป เลยซื้อไว้สองวง เป็นแหวนสำรองเผื่อมันหายอีกไง”ไอ้แชมป์บอกเหมือนที่ผมเคยบอกมัน ผมเห็นโอเล่ทำหน้างงๆ เล็กน้อย

“แล้วทำไมต้องซื้อไซส์ไม่เท่ากันด้วยละ”ไอ้แชมป์หัวเราะออกมาคงเพราะอ้อนสงสัยในสิ่งที่มันเคยสงสัยเหมือนกันเลย ส่วนคนที่อยู่ข้างๆ อ้อนอมยิ้มก่อนจะหันมองมาทางผม เหมือนเค้าจะรู้ว่าผมซื้ออีกวงเพื่อจะให้ใคร แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจไปเสียแล้ว

“ก็กะว่าใส่คนละนิ้วนะ แต่นี่ว่าจะฝากไอ้แชมป์ไว้อยู่เพราะถ้าเก็บเองกลัวจะหายพร้อมกันสองวง”ไอ้แชมป์ทำหน้างงๆ ที่วันนี้ผมพูดจาโยนงานให้มันสองรอบแล้ว แต่มันก็ยังคงเก็บความสงสัยเอาไว้

“อ้าวเหรอ พี่แฟ้มฝากอ้อนไว้ดีกว่า อย่าไปฝากนายนี่เลย”เธอยังคงมองแหวนโดยลืมสนใจไปว่าเธอพาอีกคนที่นั่งข้างๆมาด้วยซึ่งตอนนี้เหมือนจะทำหน้าบอกบุญไม่รับเหลือเกิน

“ก็วงนี้มันน่าจะพอดีกับนิ้วไอ้แชมป์มากกว่าไง ไหนเอามาลองสิ”ผมพูดพร้อมกับเอาแหวนมาลองสวมไว้ที่นิ้วของไอ้แชมป์

“เห็นไหมพอดีเลย แล้วทีนี้ก็จะให้มันเก็บรักษาให้ ถ้ามันทำหายเมื่อไหร่ มันจะต้องชดใช้คืนเป็นสองเท่า”ผมพูดจาติดตลกกับเพื่อนทั้งสองคนโดยที่ไม่ได้สนใจอีกคนที่ดูเหมือนจะเป็นส่วนเกินของวงสนทนาไปแล้ว ด้วยอารมณ์ที่เหมือนจะน้อยใจผมเลยทำเป็นเมินเค้า

“ได้ไงวะ แบบนี้มรึงปล้นกรูไปเลยดีกว่า”ไอ้แชมป์โวยวาย เราสามคน ผม อ้อนและไอ้แชมป์หัวเราะกันสนุกสนานแต่อีกคนไม่เลย แล้วอยู่ๆ เค้าก็ลุกพรวดขึ้น พวกผมสามคนเงียบโดยอัตโนมัติก่อนจะหันไปมองเค้า

“พอดีนึกขึ้นได้ว่าต้องไปทำธุระ งั้นเดี๋ยวเรากลับก่อนนะอ้อน”เค้าบอกอ้อน โดยที่ไม่หันมามองฝั่งผมกับไอ้แชมป์เลย

“งั้นไว้เจอกันนะ”อ้อนโบกมือให้กับเค้า

“แมร่งประจำเดือนมาไม่ปกติหรือเปล่าว่ะจะมาก็มาจะไปก็ไป อารมณ์แปรปรวนเหลือเกิน”ไอ้แชมป์พูดขึ้นหลังจากที่เค้าเดินออกไปแล้ว

“นายก็ไปว่าเค้า”อ้อนตีมือไอ้แชมป์เหมือนจะปรามอยู่ในที

“ไม่ต้องเลยยัยลูกลิง นี่ไปรู้จักกับไอ้หนุ่มต่างคณะนี่ได้ยังไง”ไอ้แชมป์ถามพร้อมกับชำเลืองมองมาทางผม

“เออว่าจะถามพี่แฟ้มอยู่พอดีเลย”อ้อนทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้

“อะไรเหรอ”ผมตัดสินใจถามออกไป

“ก็โอเล่เป็นเพื่อนกับพี่แฟ้มใช่ไหมอ่ะ เล่าให้ฟังหน่อยดิว่าเค้าเป็นไง เหมือนเค้าจะมาจีบอ้อนนะ ก็พอรู้ว่าเป็นเพื่อนพี่แฟ้ม แต่อ้อนเพิ่งได้คุยกับเค้าแค่อาทิตย์กว่าๆนี่เอง”เธอเล่าอย่างอายๆ แสดงว้าอ้อนน่าจะสนใจเค้าอยู่ไม่น้อย มันทำให้ผมจุกขึ้นมาถึงลำคอเหลือเกิน

“อะไรกันยัยลูกลิง รู้จักกันแค่อาทิตย์เดียวแต่ยอมมาดูหนังกับเค้าแล้ว เธอนี่มันใจง่ายจริงๆ”แล้วทั้งสองคนก็ปะทะคารมกันชุลมุนวุ่นวาย แต่ผมไม่ได้ห้ามเพราะไม่ได้ฟังเสียด้วยซ้ำ เค้ามาจีบอ้อนงั้นเหรอ ทำไม ทำไมกัน ทั้งที่เค้าก็น่าจะรู้ว่าผมรักเค้า แล้วเค้าจะมาทำให้ผมเห็นทำไม เมื่อก่อนเค้าอาจจะเคยจีบใครต่อใครหรือเปล่าผมไม่รู้ แต่ในเมื่อผมไม่เคยเห็นผมก็จะได้คิดว่าเค้าไม่ได้ทำแบบนั้น แต่นี่ผู้หญิงทั้งมหาวิทยาลัยมีตั้งเยอะแยะ ทำไมต้องมาจีบคนที่เรียนคณะเดียวกับผม เท่านั้นไม่พอยังเป็นเพื่อนในกลุ่มผมอีก ที่แย่ไปกว่านั้นอ้อนยังเป็นเพื่อนผู้หญิงที่ผมสนิทที่สุดอีกด้วย

“ชั้นไม่เถียงกับนายแล้ว พี่แฟ้มตกลงโอเล่เค้ามีแฟนอยู่แล้วหรือเปล่า”อ้อนเรียกผมให้หลุดจากความคิด ผมหันมองหน้าเธอที่ตอนนี้จ้องผมอย่างรอคอยในคำตอบ

“ก็ยังไม่เห็นเค้าคบใครจริงจังนะ”ผมตอบแบบเลี่ยงๆ เพราะไม่รู้จะว่ายังไงดี

“แล้วเค้าเป็นคนดีหรือเปล่า”อ้อนยังคงอยากจะรู้รายละเอียด นี่แสดงว่าอ้อนสนใจในตัวเค้าจริงๆสินะ

“เค้าก็เป็นเพื่อนที่ดีนะ แต่จะเป็นแฟนที่ดีหรือเปล่าอันนี้ไม่รู้เหมือนกัน ยังไงอ้อนก็ลองดูไปเรื่อยๆ ก่อนก็ได้ ไม่มีอะไรต้องรีบร้อนหรอกน่า จริงไหม”ผมบอกออกไปอย่างยิ้มแย้มทั้งที่ในใจน้ำตามันคงตกในไปเรียบร้อยแล้ว

“ถ้าพี่แฟ้มพูดแบบนี้แสดงว่าเค้าต้องดีแน่ๆ งั้นเดี๋ยวอ้อนจะลองดูๆเค้าไปก่อนแล้วกัน”เธอบอกเสียงใสตามประสาของเธอ

“นี่ยัยลูกลิงตกลงว่าชอบเค้าแล้วใช่ไหมล่ะ”ไอ้แชมป์แกล้งล้ออ้อนที่อายจนหน้าแดง ก่อนที่จะเปิดฉากเถียงกันอีกรอบ ผมได้แต่ยิ้มฝืนๆให้กับทั้งสองคน

จนเราจัดการกับทุกอย่างที่สั่งมาจนหมดเกลี้ยง อ้อนแยกตัวออกไปก่อนไม่ต้องไปส่งเพราะเธอไปเองได้ ไอ้แชมป์บอกจะไปส่งผมที่อพาร์ทเม้น ไอ้นี่มีรถขับตั้งแต่ตอนเรียนเลยครับ บ้านมันค่อนข้างมีฐานะอยู่พอควร ส่วนบ้านผม ก็พอๆกับมันนั่นแหละ แต่เค้าไม่ยอมให้ผมเอารถมาใช้ อยากให้ผมใช้ชีวิตสมถะดูบ้าง อยากเห็นลูกลำบากว่างั้นครับบ้านผม

“เอานี่คืนไป”ไอ้แชมป์ถอดแหวนคืนให้ผม

“เก็บไว้นั่นแหละ ก็บอกแล้วว่าฝากไว้”ผมยื่นคืนให้มันเหมือนเดิม

“ไม่ใช่ตั้งใจจะซื้อให้ใครเหรอ”เหมือนมันจะจี้ตรงจุดดีเหลือเกิน

“ก็บอกแล้วว่าฝากไว้ ไม่ได้จะเอาไปให้ใครหรอก เก็บให้เพื่อนแค่นี้ไม่ได้รึไง”ผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงประชดเล็กๆ

“ถ้าจะเอาแบบนั้นจริงๆ ก็ได้ แต่ให้มาแล้วเกิดกรูชอบขึ้นมากรูไม่คืนนะ”มันพูดแปลกๆ

“ถ้าไม่คืนกรูก็จะยกให้เลย แค่นี้กรูให้ได้อยู่แล้ว”ผมบอกออกไปเพราะผมก็ไม่คิดจะเอาคืนอยู่แล้ว

“ถ้ากรูอยากได้มากกว่าแหวนละ”มันพูดพร้อมกับหันหน้ามาจ้องผม ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่มันพูดหรอก แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมากเพราะนี่ก็ถึงที่หมายแล้ว ผมกล่าวขอบคุณก่อนจะลงจากรถ

ผมยืนถอนหายใจอยู่หน้าห้องเป็นนานสองนาน ไม่อยากจะเข้าไปเผชิญหน้ากับเค้าเลย เอาว่ะเป็นไงเป็นกัน

ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: ระหว่างเราคือ...??? [29-10-2014]
«ตอบ #7 เมื่อ29-10-2014 16:04:36 »

ทำตัวแบบนี้รับไม่ได้จริงๆ แต่จะว่าไปก็ไม่ชัดเจนกันทั้งคู่นะ
พูดแล้วหงุดหงิด แต่ก็อยากอ่านต่อนะ 555555555 :laugh:

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: ระหว่างเราคือ...??? [29-10-2014]
«ตอบ #8 เมื่อ29-10-2014 21:15:41 »

ผมยืนถอนหายใจอยู่หน้าห้องเป็นนานสองนาน ไม่อยากจะเข้าไปเผชิญหน้ากับเค้าเลย เอาว่ะเป็นไงเป็นกัน

“มานี่”ทันทีที่ผมก้าวเข้าห้องเค้าก็ฉุดกระชากลากผมไปที่เตียงเลย

“ปล่อยนะ ทำอะไรเนี่ย”ผมพยายามสะบัดข้อมือออก แต่ก็เหมือนจะสู้แรงเค้าไม่ได้

“อย่ามาดีดดิ้นเลย มรึงชอบกรูไม่ใช่เหรอ นี่ไงกรูก็จะมอบความเป็นผัวให้มรึงเหมือนทุกวันไง”เค้าตวาดผม

“แต่วันนี้กรูไม่มีอารมณ์ กรูไม่อยากทำ”ผมพยายามดิ้น

“แต่กรูมี”เค้าพูดเสียงดังใส่ผมพร้อมกับถาโถมเข้าหา ผมสู้แรงเค้าไม่ได้ เลยได้แต่ปล่อยให้เค้า กระทำตามใจซึ่งมีแต่ความรุนแรง ไม่มีความอ่อนโยนต่อผมเหมือนหลายครั้งที่เคยเป็นมา







“เจ็บไหม”เค้าถามผมหลังจากที่ได้กระทำจนพอใจแล้ว เจ็บไหมงั้นเหรอ ที่เค้าทำแบบนี้มันไม่เจ็บเท่าไหร่หรอก แต่เรื่องของอ้อนต่างหากที่มันทำให้ผมเจ็บ

“คิดยังไงกับอ้อน”ผมเอ่ยปากถามออกไป เมื่อก่อนผมไม่เคยคิดจะถามเรื่องส่วนตัวอะไรของเค้าเลย แต่กับเรื่องนี้ผมอดใจไว้ไม่ไหวจริงๆ

“ทำไมหึงเหรอ”เหมือนเค้าไม่ได้ใส่ใจจะตอบเท่าไหร่เลย

“กรูถามว่าคิดยังไงกับอ้อน”ผมเอ่ยซ้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่จริงจัง

“ก็น่ารักดี”นั่นสินะผมก็น่าจะรู้คำตอบอยู่แล้ว ยังจะอยากได้ยินจากปากเค้าอีกทำไมกัน หรือเพื่อจะตอกย้ำให้ผมยิ่งเจ็บเข้าไปอีกกันนะ

“ทำไมต้องเป็นคนนี้”ผมพึมพำ เพราะถ้าเลือกได้ อย่างน้อยผมก็อยากให้เค้าไปหาคนที่ไกลตัวกว่านี้จะดีกว่า ถึงแม้ตอนนี้ผมเริ่มคิดจะถอยห่างออกจากเค้า เพื่อให้เค้าได้ใช้ชีวิตในแบบที่เค้าอยากจะเป็น ไม่ต้องมาคอยรักษาน้ำใจผมหรอก แต่ถ้าผมเปิดทางให้อ้อนเต็มที่ ผมก็ยังจะต้องพบเจอกับเค้าอีกเหมือนเดิม แต่ถ้าเป็นคนอื่น ผมอาจจะแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง แกล้งรับรู้แค่เพียงว่าเค้ายังอยู่กับผม

“ทำไมเป็นคนนี้แล้วมันยังไง แล้วไหนแหวนที่ซื้อมานะ”น้ำเสียงเค้าเริ่มแข็งขึ้นมาอีกครั้ง

“ไม่ได้ยินเหรอว่าฝากไว้ที่เพื่อน”ผมบอกออกไปเพราะคิดว่าเค้าน่าจะจำได้ว่าผมฝากแหวนไว้ที่ไอ้แชมป์ อีกอย่างเค้าไม่เห็นจะต้องมาสนใจผมอีกก็ได้นี่นา ถ้าในเมื่อเค้าจะไปรักคนอื่นอยู่แล้ว แค่คนบำบัดความใคร่อย่างผม เค้าจะมาสนใจทำไม

“เพื่อนแน่เหรอ หรืออยากได้มันเป็นผัวใหม่จนตัวสั่น”เค้าตะคอกผมเสียงดัง ผมหันไปมองเค้ากลับด้วยท่าทางเอาเรื่อง เค้ามีสิทธิ์อะไรมาว่าผมแบบนี้

“มันเรื่องของกรู”อารมณ์ผมก็เริ่มจะเดือดขึ้นมาเหมือนกัน ถึงผมจะรักมันแต่ผมก็ไม่ได้จะยอมมันเสียซะทุกอย่างหรอกนะ

“เดี๋ยวนี้มีขึ้นเสียงด้วยเหรอ”ทีตัวมันเองขึ้นเสียงใส่ผมละ

“เรื่องส่วนตัวมรึงกรูเคยยุ่งไหม เพราะงั้นเรื่องของกรูมรึงก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่งเหมือนกัน”ผมบอกด้วยสายตาท้าทาย จริงๆ เรื่องผมกับไอ้แชมป์มันก็ไม่มีอะไรหรอก แต่เหมือนจะเปล่าประโยชน์ที่จะอธิบาย และผมก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพูดดีกับเค้าอีกแล้ว ผมเหนื่อยมาพอแล้ว

“แต่กรูจะไม่ยอมให้มรึงไปเป็นของใครเด็ดขาด”พอพูดจบมันก็จับผมกดอีกครั้ง ผมปล่อยให้มันทำจนพอใจ อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะเพราะนี่ผมจะยอมมันเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว






“ลุกไหวไหม”ไอ้โอเล่มาสะกิดปลุกผมในตอนเช้า ผมส่ายหน้าปฏิเสธเพราะแทบไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว

“จะไปเรียนหรือเปล่า”มันยังคงถามต่อ และผมก็ส่ายหน้าเหมือนเดิม

“งั้นกรูอยู่เป็นเพื่อน”มันนั่งลงข้างๆ ผมพร้อมกับเอามือแตะที่หน้าผาก

“ไม่เป็นไร กรูไม่ได้เป็นอะไรมาก หรอกแค่ยังขี้เกียจอยู่แค่นั้นแหละ”ผมปฏิเสธเพราะอยากจะอยู่คนเดียวมากกว่า วันนี้ผมมีบางอย่างที่ต้องจัดการ เหมือนโอเล่จะไม่ยอมไปเรียนง่ายๆ แต่ผมก็หาทางบ่ายเบี่ยงไม่ให้มันอยู่จนสำเร็จ พอโอเล่ออกไปได้สักพัก ผมก็โทรหาไอ้แชมป์ทันที

“นี่มรึงจะให้กรูขนหมดนี่เลยเหรอ”ไอ้แชมป์เริ่มลังเลเมื่อเห็นข้าวของทั้งหมดของผม ซึ่งก็มีมากพอสมควรอยู่ดีที่มันเอารถไปเปลี่ยนเป็นกับพี่มันที่ใช้รถกระบะ มาช่วยผมย้ายของ ผมได้ตัดสินใจแล้วว่าจะย้ายออกไปอยู่ที่อื่นดีกว่า ไม่อยากต้องทนรับอารมณ์ของเค้าอีกต่อไปแล้ว

“แล้วทำไมมรึงจะย้ายออกกะทันหันแบบนี้ละ”ไอ้นี่ช่างเป็นคนขี้สงสัยเหลือเกิน แต่ผมก็ห้ามไม่ให้มันสงสัยไม่ได้หรอก

“อยากออกไปอยู่คนเดียวบ้าง จะได้เป็นส่วนตัวไง”ผมตอบเลี่ยงๆ ไม่ค่อยอยากจะบอกอะไรมันมาก

“แล้วเพื่อนมรึงไม่คิดจะช่วยขนของเลยเหรอวะ นี่มันรู้หรือเปล่าว่ามรึงจะย้ายออก”เหมือนไอ้แชมป์จะเริ่มระแคะระคายบางอย่าง แต่ผมก็ตอบเลี่ยงๆ เหมือนเดิมพร้อมกับบอกให้รีบช่วยกันจะได้เสร็จเร็วๆ ไม่นานนักก็เรียบร้อย ของที่เป็นของผมไม่มีหลงเหลืออยู่ที่อพาร์ทเม้นท์นี้อีกแล้ว มันเหลือแค่ข้าวของของเค้าเท่านั้น ผมเริ่มกังวลเรื่องที่อยู่ใหม่เพราะยังไม่ได้หาเลย โชคดีที่ไอ้แชมป์บอกว่าอพาร์ทเม้นท์ที่มันอยู่ คนที่อยู่ข้างห้องมันเพิ่งย้ายออก ผมเลยย้ายมาที่อพพาร์ทเม้นท์เดียวกับไอ้แชมป์ ไอ้นี่จริงๆ บ้านมันก็อยู่ไม่ได้ไกลจากมหาวิทยาลัยเลย แต่อยากออกมาอยู่คนเดียว ไม่อยากเป็นลูกแหง่

“อยากกินไรเดี๋ยววันนี้ป๋าเลี้ยงเอง”ผมบอกไอ้แชมป์หลังจากมันช่วยผมจัดห้องใหม่จนเสร็จ ซึ่งตอนนี้ก็จะสามทุ่มแล้ว เหนื่อยทั้งวันเลยวันนี้ กะว่าจะเลี้ยงตอบแทนมันหน่อย

“เหนื่อยแบบนี้ ไปกินหมูกระทะกันดีกว่า กรูจะกินให้พุงกางเลย”ไอ้แชมป์ออกความเห็น และผมก็เห็นด้วย ไม่นานนักเราสองคนก็ถึงที่หมาย เป็นร้านประจำของเพื่อนๆ ในคณะผมเองแหละครับ พวกเราชอบมาสังสรรค์กันบ่อยๆ วันนี้คนดูจะเยอะเป็นพิเศษเพราะเป็นวันศุกร์ ผมกับไอ้แชมป์เลยสั่งเบียร์สดด้วย จะได้มาช่วยย่อย

“กรูถามจริงๆ นะ ตอบตามตรงด้วยถ้ามรึงยังคิดว่ากรูเป็นเพื่อน”ไอ้แชมป์พูดขึ้นหลังจากที่ยัดของกินลงไปได้ครึ่งท้องแล้วมั้ง

“ว่ามา”ผมคิดว่ามันคงจะถามเรื่องผมกับโอเล่เป็นแน่ แต่กะว่าจะไม่ปิดอะไรมันแล้วแหละ หวังว่ามันคงไม่รังเกียจผมนะที่ชอบผู้ชายด้วยกัน แต่จากที่รู้จักกันมาในระดับหนึ่งแล้ว มันไม่น่าจะเป็นคนที่แอนตี้เรื่องแบบนี้

“ตกลงมรึงกับไอ้โอเล่นั่นเป็นอะไรกัน”

“กรูไม่รู้จะตอบยังไงว่ะ”ผมตอบออกไปตามความจริง เพราะไม่รู้จะนิยามความสัมพันธ์ของผมสองคนยังไง ถ้าจะบอกว่าเป็นเพื่อน มันก็มีอะไรที่เกินเพื่อนไปแล้ว แต่ถ้าจะบอกว่าเป็นแฟนมันก็เหมือนจะใช้คำนี้ไม่ได้ และคงไม่มีโอกาสจะเป็นไปได้อีกแล้ว

“เอ้า ก็ง่ายๆ ตกลงมรึงคิดยังไงกับมัน”ไอ้นี่ดูจะอยากรู้เหลือเกินนะ

“ช่างเหอะวะ เรื่องนี้กรูขอไม่ตอบแล้วกัน เอาเป็นว่าจากนี้ไปกรูกับมันก็เป็นแค่คนรู้จักกันธรรมดา แค่นั้นแหละ”ใช่สินะจากนี้ไประหว่างเรามันจะเป็นไปได้แค่นี้เท่านั้น

“เรื่องนี้เกี่ยวกับยัยลูกลิงด้วยหรือเปล่า”ดูไอ้นี่จะเดาอะไรได้เก่งเหลือเกิน คาดว่าผมจะปิดอะไรมันไม่ได้เลย ผมไม่ได้ตอบเหมือนจะบอกมันเป็นนัยๆ ว่าไม่อยากจะพูดเรื่องนี้อีก แล้วเราก็กินกันต่อ จนเริ่มดึกก็ออกจะมึนๆ กันพอควรเพราะกินเบียร์ด้วย

“ทำไมไม่รับ”ไอ้แชมป์ถามเมื่อเห็นผมหยิบดูโทรศัพท์ที่มีสายเข้าขึ้นมาดู แต่กดเสียงให้เงียบแทนที่จะรับสาย ก็เพราะไอ้คนที่ผมยังไม่อยากจะคุยได้โทรเข้ามานั่นเอง

สงสัยจะกลับไปถึงห้องแล้ว และก็คงจะเห็นแล้วว่าผมย้ายของออกมาหมด เค้ากระหน่ำโทรมาเป็นสิบสาย แต่ผมก็ไม่ได้รับก่อนจะปิดเครื่อง ไอ้แชมป์มีแววตาสงสัยอยู่ในที แต่ผมก็ไม่ได้บอกอะไร เราอยู่ต่ออีกไม่นานก็พากันกลับ

“ไม่กลับห้องละ”ผมถามไอ้แชมป์ที่ยังมานั่งสบายใจอยู่ที่ห้องผม

“พรุ่งนี้ไปเที่ยวกันไหม”มันถามผม

“เออว่าจะถามหลายทีแล้ว มรึงไม่มีแฟนเหรอวะ ทำไมวันก่อนก็เคยเห็นไปดูหนังคนเดียว แล้วนี่วันหยุดยังจะมาชวนเพื่อนไปเที่ยวอีก แทนที่จะไปกับแฟน”ไอ้แชมป์หันมามองผม ผมก็เลิกคิ้วเป็นเชิงย้ำอีกครั้ง

“ก็ยังไม่เจอคนถูกใจ แล้วมรึงจะไปเที่ยวกับกรูบ้างไม่ได้หรือไง”คำพูดนเหมือนจะออกอาการน้อยใจอยู่ไม่น้อย แต่ที่น่าแปลกคือ อย่างไอ้แชมป์นี่นะยังไม่มีแฟน ไม่ค่อยน่าเชื่อเท่าไหร่เลย หน้าตาก็จัดว่าดีทีเดียว อีกอย่างบ้านก็มีฐานะแถมไปเรียนก็ขับรถไปเรียนอีก น่าจะมีคนมาชอบเยอะอยู่ อย่างวันก่อนมันยังเคยพูดว่าเห็นโอเล่มันเจ้าชู้แล้วบอกถ้าหน้าตาดีมันยังอยากทำบ้าง แต่ผมว่าถ้ามันจะทำตัวแบบนั้นมันก็ทำได้นะ เพราะผมคิดว่าคงจะมีคนชอบมันเยอะอยู่เหมือนกัน อีกทั้งนิสัยมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร

“ไปก็ไป ถามแค่นี้ทำเหมือนจะน้อยใจ ขี้ใจน้อยด้วยเหรอมรึงอ่ะ”ผมตอบออกไปอย่างไม่ได้ซีเรียสอะไร ออกไปเที่ยวกับเพื่อนแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าชีวิตผมต้องมีแต่ไอ้โอเล่มันคนเดียวเสียเมื่อไหร่กัน

“งั้นกรูกลับห้องก่อนแล้วกัน เจอกันพรุ่งนี้”ไอ้แชมป์ลุกขึ้นบอกก่อนจะเดินจากไป

ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดเครื่องอีกครั้ง พอเครื่องเปิดปุ๊บ มันก็แผดเสียงทำงานทันที ผมจ้องมองดูเบอร์ที่โทรเข้ามา นี่เค้าโทรอยู่ตลอดเลยหรือไงกันถึงได้ติดแทบจะทันทีทันใด ที่ผมเปิดเครื่องแบบนี้ ผมเพ่งมองอย่างตัดสินใจว่าจะเอายังไงดี ผมควรจะรับหรือผมจะเงียบไว้แบบนี้ แต่อีกใจก็อยากจะพูดเคลียร์กันให้จบๆ ไปเลยจะดีกว่า

“แฟ้ม แฟ้ม...อยู่ไหน”น้ำเสียงเค้าถามออกมาอย่างร้อนรน จนมันเกือบจะทำให้ผมใจอ่อนเสียแล้ว

“มีอะไรหรือเปล่า”ผมถามออกไปเสียงเรียบ ไม่แสดงอาการว่ากำลังรู้สึกเช่นไร

“ทำไมต้องย้ายออกไป แล้วนี่ไปอยู่ไหน ทำไมไม่บอกกันบ้าง กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมนะ กรูเป็นห่วงมากรู้ไหมที่อยู่ๆ ก็หายไปแบบนี้ โทรไปก็ไม่รับ กรูกลับมาเจอสภาพห้องแล้วกรูกระวนกระวาย ทำอะไรไม่ถูก ตอนนี้มรึงอยู่ไหน”ทุกถ้อยคำที่เค้าเอ่ยออกมา น้ำเสียงนั้นมันเหมือนเค้าห่วงใยผมจริงๆ จากที่ผมเคยรู้จักเค้ามา ก็อย่างที่ผมเคยบอกอ้อนไป ว่าเค้าเป็นเพื่อนที่ดี โอเล่จะคอยเป็นห่วงเป็นใยเพื่อนเสมอ นั่นเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ผมชอบเค้า แต่ที่ผมทำใจยอมรับได้ค่อนข้างยากคือสิ่งที่เราเป็นกันอยู่ตอนนี้

เค้าทำเหมือนจะให้ความหวังลมๆแล้งๆกับผม แต่ในความเป็นจริงเค้ากลับยังไปคบหากับคนอื่นอีกมากหน้าหลายตา เค้าไม่ได้มีจิตพิศวาสผู้ชายเหมือนกับผม แต่เค้ายังมีใจให้กับเพศตรงข้ามอยู่เหมือนเดิม ส่วนกับผม มันอาจเป็นแค่ความสุขทางเพศที่แปลกใหม่และตื่นเต้น น่าลิ้มลองเพียงชั่วคราวเท่านั้น ผมเลยคิดว่าถ้าจะให้ผมเป็นแค่นั้น สู้ให้ผมถอยออกมาจะดีกว่า

“กรูไม่เป็นไรหรอก แค่อยากออกมาอยู่คนเดียวดูบ้าง”ผมพยายามข่มอารมณ์เอาไว้เพราะไม่รู้ทำไมเวลาคุยกับเค้าแบบนี้ เรื่องราวต่างๆที่เราเคยมีด้วยกัน ไม่ว่าจะในแบบเพื่อนหรือในเรื่องบนเตียงที่เรามีด้วยกัน แม้จะเป็นช่วงเวลาไม่นาน แต่พอคิดว่าผมจะไม่มีโอกาสได้เป็นแบบนั้นอีกแล้ว มันก็ใจหายพาลน้ำตาจะไหลเสียให้ได้

“มรึงอยู่ไหน กรูไปหาได้ไหม”เค้ายังคงส่งเสียงที่ดูจะหม่นๆ นั้นมาตามอุปกรณ์สื่อสารที่เราใช้

“มันดึกแล้วไม่ต้องมาหรอก ไว้เจอกันที่มหาลัยก็ได้ จากนี้ไปมรึงคงไปที่คณะกรูบ่อยอยู่มั้ง”ผมเจ็บจี๊ดในใจเมื่อนึกขึ้นได้ว่า เค้ากำลังจีบอ้อนอยู่

“กรูคิดถึงมรึงจัง”ทำไมเวลาอยู่ด้วยกันมันไม่พูดจากับผมดีๆ แบบนี้บ้าง มาพูดตอนนี้มันจะไปมีประโยชน์อะไร แล้วพูดผ่านโทรศัพท์แบบนี้มันยิ่งรู้สึกแปลกๆ เพราะเราไม่ค่อยได้คุยโทรศัพท์กันเท่าไหร่เลย ก็อยู่ด้วยกันอยู่แล้วเลยไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องโทรหากันนี่นา

“มรึงจะคิดถึงกรูทำไม เมื่อเช้าเราก็เพิ่งเจอกัน แล้ววันก่อนๆ ก็อยู่ด้วยกันมามากพอแล้ว จากนี้ไปเราก็ลองใช้ชีวิตของใครของมันดูบ้างแล้วกัน”ผมพยายามทำเสียงให้นิ่งที่สุดเพื่อไม่แสดงอาการหรืออารมณ์ใดๆให้เค้าจับได้ว่าจริงแล้ว ผมไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้เลย

“กรูก็แค่อยากให้พรุ่งนี้ตื่นมาแล้วเจอมรึงเหมือนทุกวันที่ผ่านมา”แล้วใครว่ากรูไม่อยากให้เป็นแบบนั้นกัน แต่มันคงเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว

“แค่นี้ก่อนนะ ง่วงแล้ว”ผมบอกตัดบทเพราะไม่อยากจะคุยต่อแล้ว เพราะเดี๋ยวผมจะใจอ่อนกลับไปอยู่กับเค้าอีก

“งั้นก็ราตรีสวัสดิ์ หลับฝันดีนะครับ”เค้าวางสายไปแล้วปล่อยให้ผมงุนงงกับคำว่าครับที่เค้าบอก ตั้งแต่รู้จักกันเค้าไม่เคยพูดกับผมเพราะๆ แบบนี้เลย แล้วยังมีบอกให้หลับฝันดีนี่ยิ่งแล้วใหญ่เลย ทำไมนะบางทีเค้าถึงทำเหมือนจะให้ผมคิดว่าผมเป็นคนพิเศษ แต่บางทีเค้าก็ทำเหมือนไม่สนใจผม

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: ระหว่างเราคือ...??? [29-10-2014]
«ตอบ #9 เมื่อ29-10-2014 21:54:28 »

ใจแข็งเข้าไว้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ระหว่างเราคือ...??? [29-10-2014]
« ตอบ #9 เมื่อ: 29-10-2014 21:54:28 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
Re: ระหว่างเราคือ...??? [29-10-2014]
«ตอบ #10 เมื่อ29-10-2014 22:18:03 »

เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึนมาก อึมครึมสุด
เล่นกับอารมณ์ตัวละครและนักอ่านได้แบบ.... โอ๊ยยยยยยย กลั้นใจอ่าน ไม่กล้าหายใจแรง
อยากวิ่งไปบีบคอตัวเอกทั้ง2 ตัวเขย่าแรงๆ


ฮือออออออ ทำร้ายตัวเองด้วยการอินกับเนื้อเรื่องค่ะ

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: ระหว่างเราคือ...??? [29-10-2014]
«ตอบ #11 เมื่อ29-10-2014 22:33:53 »

ถ้ายังไม่ชัดเจนทั้งคู่ก็เลิกกันไปเถอะ  :ling2:
ถ้าคบกันแล้วยังไปจีบคนอื่นก็เลิกไปเถอะ อย่าเห็นอีกคนเป็นของตาย

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
Re: ระหว่างเราคือ...??? [29-10-2014]
«ตอบ #12 เมื่อ29-10-2014 23:18:41 »

 :z3: :ling2: :ling1: :katai4: :katai4: :pig4:

ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: ระหว่างเราคือ...??? [29-10-2014]
«ตอบ #13 เมื่อ29-10-2014 23:59:37 »

เง้อ!!!!! อะไรขอหล่อนเนี่ย หงุดหงิด
เวลาอยู่ใกล้ตัวดันไม่ใส่ใจ :z6: รมเสีย

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: ระหว่างเราคือ...??? [29-10-2014]
«ตอบ #14 เมื่อ30-10-2014 13:08:57 »


“ไอ้แฟ้ม มรึงว่าวันนี้เราไปไหนกันดีว่ะ”ไอ้แชมป์มาคลุกอยู่ห้องผมตั้งแต่เช้าเลยครับ ไอ้ผมก็ตกปากรับคำว่าจะออกไปเที่ยวกับมันแต่ไม่คิดว่าจะไปแต่เช้าแบบนี้ ผมเลยทำตัวอ้อยอิ่งไม่ยอมอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่แรก แต่ก็ทนการกวนประสาทจากไอ้แชมป์ไม่ไหว เลยต้องรีบทำภารกิจส่วนตัวให้เรียบร้อย

“มันจะมีที่ไหนให้ไปได้นอกจากห้างสรรพสินค้า”ผมตอบในสิ่งที่คนในวัยของผมหรือคนอื่นๆ ที่ใช้ชีวิตในเมืองใหญ่แบบนี้ ว่าวันหยุดจะไปไหนได้นอกจาก ไปเดินห้าง ดูของซื้อของบ้าง ดูหนัง หาอะไรกินตามประสา ถ้าเป็นครอบครัวเค้าก็ไปกันเป็นวันครอบครัว ถ้าคนเป็นแฟนเค้าก็ไปออกเดทกันนั่นแหละ หรือจะเป็นกลุ่มเพื่อนก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่

“งั้นเราก็ไปดูหนังสักเรื่อง แล้วค่อยไปหาซื้อเสื้อกรูอยากได้เสื้ออยู่พอดี จากนั้นมรึงต้องไปกินไอศกรีมเป็นเพื่อนกรูด้วย”ไอ้นี่ก็แปลกดีชอบไอศกรีมเหมือนเด็กๆ เลย ผมพยักหน้าไม่ได้โต้แย้งกับมันเพราะผมไม่ได้อยากไปทำอะไรเป็นพิเศษ มันจะไปทำอะไรก็ปล่อยมันไป ผมแค่จะไปเป็นเพื่อนมันแค่นั้นแหละ

เราไปถึงห้างประมาณ 11 โมงก็เลยหาอะไรกินกันก่อน แล้วกะว่าค่อยไปดูรอบหนัง ดีที่เป็นไอ้แชมป์ เพราะถ้าเป็นโอเล่รายนั้นจะต้องไปดูรอบหนังก่อน แล้วค่อยเอาเวลาที่พอจะมีเหลือเล็กน้อยก่อนหนังฉาย ไปกินอย่างเร่งรีบ ซึ่งผมไม่ค่อยชอบเลยเพราะปกติจะชอบมีความสุขกับการกินมากกว่า ไม่ใช่ต้องรีบไม่มีเวลาซึมซับรสชาติอาหารเลย

วันนี้เนื่องจากเป็นวันหยุดคนเลยดูจะเยอะเป็นพิเศษ หลังจากทานข้าวเสร็จผมกับไอ้แชมป์ก็ขึ้นไปหาชั้นที่โรงหนัง เมื่อได้เรื่องและรอบที่จะดูแล้วก็ไปเข้าคิวรอซื้อ แต่เหมือนจะต้องรอนานหน่อยเพราะคนเยอะเหลือเกิน แถมเค้ายังมีโปรโมชั่นเหมือนจะอยากขายบัตรอะไรสักอย่าง มันเลยทำให้พนักงานขายตั๋วเหมือนจะทำงานน้อยเป็นพิเศษ ตอนแรกไอ้แฟ้มบอกจะรอซื้อตั๋วคนเดียวให้ผมไม่ต้องมาเข้าคิวก็ได้ แต่ผมไม่อยากยืนอยู่คนเดียวเลยตามมันมาด้วย

เรายืนรออยู่จนเกือบจะถึงคิวแล้วเหลืออีกประมาณสามถึงสี่ก็ถึงพวกผมแล้ว โทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น ผมหยิบขึ้นดูเป็นเบอร์ของอ้อนนั่นเอง ผมรับสายแล้วก็ต้องแปลกใจเมื่ออ้อนบอกให้หันหลังไปมอง ผมทำตามก็เห็นอ้อน มากับผู้ชายอีกคนซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน โอเล่นั่นเอง อ้อนโบกมือให้ผม แต่ไม่ได้เดินเข้ามาหาเพราะคงเข้ามาไม่ได้ อ้อนบอกว่าจะดูหนังซึ่งก็คือเรื่องเดียวกับที่ผมกับไอ้แชมป์จะดู เลยบอกว่าซื้อตั๋วให้ด้วย ผมรับคำอย่างเสียไม่ได้ หันไปบอกไอ้แชมป์ไอ้แชมป์เองก็เหมือนจะดูไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่

“นี่ใยลูกลิง วันก่อนก็เพิ่งมาดูหนังไม่ใช่เหรอ แล้วนี่วันนี้ก็มาอีกแล้ว”ไอ้แชมป์ถามขึ้นพร้อมกับยื่นตั๋วให้กับอ้อน

“อ้าวก็ช่วงนี้หนังเข้าใหม่เยอะก็เลยอยากมาดู”คำพูดเหมือนเวลาโอเล่ชวนผมมาดูหนังบ่อยๆ ออกมาจากปากของอ้อน ผมหันไปมองคนที่มากับอ้อนที่เหมือนเค้าจะมองมือไอ้แชมป์ตั้งแต่ตอนที่ ไอ้แชมป์ยื่นตั๋วให้อ้อนแล้ว ผมมองตามก็เห็นว่า วันนี้ไอ้แชมป์มันใส่แหวนที่ผมซื้อวันก่อนมาด้วย โอเล่หันมาจ้องผมเขม็ง แต่ผมแสร้งเหมือนไม่เห็น และไม่สนใจ

เราทั้งสี่คุยกันอีกสักพัก พนักงานก็ประกาศว่าเรื่องที่เราจะดูพร้อมจะฉายแล้วเชิญเข้าโรงภาพยนตร์ได้ ผมปล่อยให้โอเล่กับอ้อนเดินล่วงหน้าไปก่อนเพราะตั๋วที่ผมให้ไปจะอยู่ด้านใน ส่วนของผมกับไอ้แชมป์จะถัดออกมาจากเค้าสองคน ผมคิดว่าโอเล่น่าจะนั่งก่อนแล้วอ้อนคงนั่งถัดออกมาผมจะได้นั่งถัดจากอ้อน แต่พอเดินตามแถวนั้นเข้าไป เค้ากลับให้อ้อนนั่งด้านในแล้วเค้านั่งต่อมา แล้วผมก็ต้องนั่งต่อจากเค้าเพราะไอ้แชมป์ก็นั่งลงที่นั่งที่ถัดจากผมไปแล้ว

ผมต้องนั่งลงข้างๆ เค้าอย่างเสียไม่ได้ แต่เค้าก็หันไปพูดคุยกับอ้อน ไม่ได้สนใจผมที่อยู่ข้างๆหรอก แบบนี้มันก็ดีแล้วแหละ ผมอย่าไปใส่ใจเลย ไม่นานหนังก็เริ่มขึ้นผมพยายามจดจ่ออยู่กับหนัง แต่มันก็ทำไม่ค่อยได้ เพราะเหมือนใจมันมัวแต่คิดเรื่องต่างๆ เลยดูไม่ค่อยรู้เรื่อง จนอยากจะลุกออกไปเสียให้ได้ แต่ก็กลัวเสียมารยาท

แล้วอยู่ๆ ผมก็ต้องตกใจเมื่อรู้สึกได้ว่ามีมือมากุมมือผมไว้จากทางด้านที่โอเล่นั่ง ผมมองลงดูก็รู้ว่าเป็นมือของเค้านั่นเอง ผมเงยหน้าขึ้นมองเค้า เค้าไม่ได้หันมามองผม แต่ผมเห็นรอยยิ้มเกิดขึ้นบนมุมปากนั่น ก่อนเค้าจะบีบมือผมเบาๆ ผมมองผ่านไปยังอ้อน ก็เห็นว่ากำลังตั้งใจดูหนังไม่ได้สนใจคนข้างๆ  ไอ้แชมป์เองก็เหมือนกัน ผมพยายามจะชักมือกลับออกจากการเกาะกุมของเค้า เพราะกลัวใครจะสังเกตเห็น แต่เหมือนเค้าจะไม่ยอมปล่อย ผมเลยได้แต่อยู่นิ่งๆ เพราะถ้ายิ่งยุกยิก ก็จะยิ่งเป็นที่สังเกต

กว่าเค้าจะยอมปล่อยมือผมก็ตอนที่หนังจบ เป็นอันว่าผมดูหนังไม่รู้เรื่องเลย เพราะมัวแต่กังวลไปหมด อีกทั้งไม่เข้าใจว่าเค้าทำแบบนี้ทำไม

“หนังสนุกดีเนอะ อย่างฉากนั้นนะ...”อ้อนเปิดฉากพูดถึงหนังที่เพิ่งดูมาเมื่อสักครู่ พร้อมกับพูดถึงหลายๆ ตอนที่เธอชื่นชอบ ผมได้แต่เออออเพราะดูไม่รู้เรื่องเลย ดีที่ไอ้แชมป์โต้ตอบกับอ้อน อ้อนเลยมีคนเมาท์ด้วย เพราะอีกคนก็เหมือนจะไม่ค่อยพูดเหมือนกัน

“แล้วนี่จะไปไหนกันต่อหรือเปล่า”อ้อนถามไอ้แชมป์พร้อมกับหันมามองผม ผมกำลังจะตอบเพราะว่าที่วางแผนไว้นั้นผมกับไอ้แชมป์จะไปเดินหาซื้อเสื้อผ้า แล้วก็ไปกินไอศกรีมต่อ แต่ไอ้แชมป์เป็นคนแย่งผมตอบก่อน

“เดี๋ยวว่าจะกลับเลย ไม่รู้จะทำอะไรต่อ”คำตอบของไอ้แชมป์ทำเอาผมแปลกใจไม่น้อย แต่ก็คิดว่ามันคงมีเหตุผล ผมเลยไม่ได้แย้งเพราะวันก่อนตอนมาซื้อแหวนฝ่ายผมเองก็ทำลักษณะนี้เหมือนกัน

“เหรองั้นไว้เจอกันที่มหาลัยแล้วกัน ไว้เจอกันนะพี่แฟ้ม”อ้อนบอกลาพร้อมกับหันไปหาโอเล่

“เดี๋ยวกรูเข้าห้องน้ำก่อนนะ มรึงจะเข้าเปล่า”ผมบอกไอ้แชมป์ แต่ไอ้แชมป์ส่ายหน้าก่อนจะบอกว่าเดี๋ยวรออยู่แถวๆ นั้น

ผมทำธุระเสร็จกำลังจะออกจากห้องน้ำ อยู่ๆโอเล่ก็โผล่เข้ามาขวางผมไว้ ตอนนี้ในห้องน้ำไม่มีคนอื่นเลย ผมจ้องมองหน้าเค้าว่ามีอะไรหรือเปล่า

“ขอโทษนะ”คำพูดเสียงแผ่วออกมาจากปากของเค้า

“เรื่องอะไร”ผมถามเหมือนไม่ได้ใส่ใจ เพราะคิดว่ายังไม่อยากคุยกับเค้าเท่าไหร่ด้วย

“ทุกเรื่องที่กรูเคยทำไม่ดี”แววตาที่เค้าจ้องมองผมเหมือนจะกำลังอ้อนวอนผม ทำไมนะทั้งที่เหมือนผมยิ่งพยายามหลีกหนีจากเค้า แต่เหมือนกลับทำได้ยากเย็นเหลือเกิน แล้วยิ่งเค้ามาทำเป็นเหมือนดีกับผมแบบนี้ ผมยิ่งรู้สึกสับสน

“กรูไม่เคยโกรธมรึงหรอก”ผมบอกออกไปตามความเป็นจริง เพราะผมไม่เคยโกรธอะไรเค้าเลย ไม่ว่าเค้าจะทำอะไรกับผมยังไง แต่ผมเพียงแค่เหนื่อยเท่านั้นเอง มันเหมือนผมวิ่งตามเค้ามาตลอด เมื่อก่อนไม่ว่าเค้าจะอยากให้ผมทำอะไร ผมยินดีทำทุกอย่าง แต่ผลที่ได้รับกลับมาละ

“งั้นเรากลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมนะ กรูคิดถึงมรึงมากรู้ไหม”เค้าขยับเข้ามากระซิบที่หูผม ก่อนจะขบลงเบาๆ ที่ติ่งหูของผม ทำให้ผมต้องรีบถอยห่างออกเพราะกลัวมีใครเข้ามาเห็น แต่เค้ากลับดึงผมเข้าไปกอด

“ปล่อยเถอะ เดี๋ยวใครเข้ามาเห็น”ผมพยายามผลักเค้าออก เค้าค่อยๆ คลายอ้อมกอดออก

“ห่างกันดูสักพักนะ”ผมบอกย้ำกับเค้าอีกครั้ง เหมือนเค้าจะไม่ค่อยพอใจในคำตอบของผมเท่าไหร่ เพราะท่าทางที่ไม่ค่อยจะสบอารมณ์พร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่

“งั้นกรูขอแหวนวงนั้นได้ไหมละ”เค้าพูดถึงแหวนซึ่งผมก็พอจะรู้ว่าหมายความถึงอันที่ผมให้ไอ้แชมป์

“อันนั้นให้เพื่อนไปแล้ว ไว้เดี๋ยวซื้อให้ใหม่แล้วกัน”ผมบอกออกไปเพราะคิดว่าวงนั้นให้ไอ้แชมป์ใส่ไปแล้ว เอามาให้เค้าคงไม่ดีเท่าไหร่ และที่ให้ไอ้แชมป์ไปผมก็กะว่าจะให้เลย เพราะไม่คิดจะให้ไอ้คนตรงหน้านี้อีกแล้ว

“ไม่กรูจะเอาวงนั้น ถ้าไม่ได้ละก้อ...คอยดูแล้วกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น”เค้าบอกเสียงเหี้ยมก่อนจะเดินออกไป นี่มันจะอะไรกันแน่เดี๋ยวก็ดีเดี๋ยวก็ร้าย นี่ตกลงประจำเดือนมาไม่ปกติเหมือนที่ไอ้แชมป์ว่าหรือเปล่าเนี่ย



“ตกลงมรึงกับไอ้นั่นไม่ได้เป็นแค่เพื่อนกันธรรมดาใช่ไหม”เสียงหนึ่งดังขึ้นทันทีที่ผมออกมาถึงหน้าห้องน้ำ ไอ้แชมป์นั่นเอง นี่มันจะได้ยินอะไรบ้างนะ แล้วมันเห็นอะไรอีกหรือเปล่า เห็นผมกับโอเล่กอดกันไหม แต่มาถึงขั้นนี้ผมก็คิดว่าคงไม่ปิดมันแล้ว

“มรึงคิดว่ายังไงละ”ผมย้อนถามกลับไป อยากจะรู้เหมือนกันว่ามันจะมีความเห็นอย่างไรในเรื่องนี้ เพราะผมเองก็กำลังสับสนว่าจะเอายังไงดี แน่นอนว่าผมรักเค้า แต่เค้าละ เค้ากำลังเล่นอะไรกับผมอยู่กันแน่ เค้าทำเหมือนว่าจะให้ความหวังกับผม แต่เค้าก็ยังตามจีบอ้อนอยู่ มันหมายความว่ายังไงกัน

“ถ้าพวกมรึงแค่กำลังไม่เข้าใจกันอยู่ ก็ควรบอกให้อ้อนมันรู้ตั้งแต่ตอนนี้ ก่อนที่อ้อนมันจะถลำตัวกลายเป็นแค่หมากตัวนึงในเกมของพวกมรึง”ไอ้แชมป์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ครั้งนี้ดูมันพูดเป็นการเป็นงานเหลือเกิน ปกติไอ้แชมป์จะเป็นคนที่ชอบพูดเล่นไปเรื่อย ไม่นึกว่าเรื่องนี้มันจะจริงจังได้ขนาดนี้ ถูกอย่างที่มันว่าที่อ้อนเหมือนจะกลายเป็นหมากในเกม แต่ผมเองก็ไม่ได้ต่างจากอ้อนหรอก เกมนี้คนที่วางหมากคือ โอเล่ต่างหาก ถ้าจะทำให้เรื่องนี้ไม่เป็นไปตามที่เค้าวางผมก็ต้องเป็นคน ออกจากเกมนี้

“มรึงไม่ต้องห่วงหรอก เพราะกรูกำลังจะถอนตัวออกจากเกมนี้”ผมหันกลับไปบอกไอ้แชมป์อย่างจริงจัง และหมาดมั่นว่าจะต้องทำเช่นนั้นให้ได้ ไอ้แชมป์ค่อยๆ ถอดแหวนที่ผมให้มันออกมา ก่อนจะส่งมาให้ผม

“เอาคืนให้เค้าไปเถอะ ถ้าเค้าอยากได้นัก”แสดงว่ามันได้ยินที่โอเล่คุยกับผม

“มรึงไม่ได้ตั้งใจจะให้กรูอยู่แล้ว ถ้าเค้าอยากได้ก็ให้เค้าไปเถอะ อีกอย่างกรูว่ามรึงถอนตัวออกจากเกมนี้ไม่ได้หรอก ทางที่ดีน่าจะรีบบอกอ้อนมันจะดีกว่า”ไอ้แชมป์ยัดแหวนใส่มือผมก่อนจะเดินนำออกไป ผมต้องวิ่งตามเพราะมันเดินเร็วเหลือเกิน

“มรึงไม่กินไอติมแล้วเหรอ”ผมตะโกนตามหลังเมื่อเห็นว่าเค้ากำลังจะออกไปทางลานจอดรถแล้ว เข้าใจว่าที่มันไม่บอกโอเล่กับอ้อนว่าจะไปไหนต่อคงเพราะไม่อยากให้สองคนนั้นตามไปด้วยเสียอีก ไม่คิดว่ามันจะกลับจริงๆ แบบนี้

“ไม่มีอารมณ์แล้ว กลับดีกว่า”มันเป็นไรของมันเนี่ย หรือโกรธที่ผมปิดเรื่องนี้ หรือโกรธที่ผมไม่ยอมบอกกับอ้อนถึงเรื่องระหว่างผมกับโอเล่ ผมตามไอ้แชมป์ไปขึ้นรถเงียบๆ โดยไม่ถามอะไรมันอีก มันเองก็ไม่พูดอะไรอีกเลย ผมกำลังใช้ความคิดคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ อีกครั้ง ส่วนไอ้แชมป์เองก็เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่เหมือนกัน และเพราะมัวแต่คิดอะไรเพลินๆ เลยไม่ทันรู้ตัวว่านี่ไอ้แชมป์ได้ขับรถออกนอกเส้นทางที่เราจะกลับห้อง

“จะไปไหน”ผมหันไปถามคนขับ

“เดี๋ยวก็รู้ กรูไม่พามรึงไปฆ่าหมกป่าที่ไหนหรอก”มันพูดด้วยน้ำเสียง ที่ผ่อนคลายขึ้นไม่ได้ดูซีเรียสเหมือนในตอนแรกที่คุยกับผมที่หน้าห้องน้ำ ผมหันมองสองข้างทางอีกครั้ง ว่านี่ผมอยู่ไหนแล้ว ถนนเส้นที่ไอ้แชมป์กับลังพาผมไปนั้นคือ ถนนบางนา-ตราด นั่นเอง ผมว่าผมเริ่มจะรู้แล้วว่ามันจะไปที่ไหน ผมและไอ้แชมป์นั่งเงียบไปตลอดการเดินทาง และเพียงเวลาไม่นานนัก เราก็ถึงที่หมาย

“มรึงชอบทะเลไหม”มันหันมาถามผมหลังจากหาที่จอดรถเสร็จเรียบร้อย ไอ้แชมป์ขับรถพาผมมาจนถึงบางแสน แต่ผมไม่ค่อยชอบทะเลที่นี่เท่าไหร่นัก ก็อย่างที่รู้ๆ ว่าน้ำทะเลบางแสนมันค่อนข้างแย่แล้ว เพราะนักท่องเที่ยวที่ไม่ค่อยมีจิตสำนึกนี่แหละ

“ก็ชอบนะ แต่น่าจะบอกกันก่อนจะได้เตรียมเสื้อผ้ามาเล่นน้ำด้วย”ผมมองไปทะเลที่อยู่ด้านหน้า ถึงจะไม่คิดจะเล่นน้ำจริงๆ แต่ก็พูดไปให้เหมือนกับว่าได้มาทะเลหน่อย

“ไม่เห็นยาก ก็ถอดเสื้อผ้า เล่นเลย ไม่เห็นยาก”มันหันมาบอกพร้อมกับยิ้มกวนๆ ให้ผม ผมมองดูรอบๆ วันนี้คนเยอะพอสมควรเพราะวันหยุดด้วยมั้ง ปกติที่นี่ก็คนค่อนข้างเยอะอยู่แล้วแหละ แต่วันนี้วันหยุดเลยยิ่งเยอะขึ้นไปอีก ผมกับไอ้แชมป์มาถึงตอนเกือบจะเย็นแล้ว

“แล้วนี่นึกยังไงพากรูมาทะเลเนี่ย อารมณ์ไหนของมรึง”ผมถามออกไปพร้อมกับถอดรองเท้าถือก่อนจะเดินไปตามชายหาด

“เห็นนั่นไหม”ไอ้แชมป์ชี้ให้ผมมองออกไปที่ตรงขอบฟ้าบรรจบกับน้ำทะเล ที่ตอนนี้ดวงอาทิตย์กำลังคล้อยต่ำลงจะถึงจุดที่บรรจบนั่นแล้ว

“อืม เห็นแล้วมันมีอะไรเหรอ”ผมไม่เข้าใจว่าเกี่ยวอะไรกับการที่มันพาผมถ่อมาถึงที่นี่ ผมก้มลงพับขากางเกงขึ้นเพราะตอนนี้เราเดินเลียบไปตามคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง

“ก็กรูอยากดูพระอาทิตย์ตกไงถึงพามรึงมานี่”อารมณ์ไหนของมันฟร่ะเนี่ย อยากมาดูพระอาทิตย์ตกนี่นะ มันมีอะไรน่าดูนักหนา ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย วันไหนๆ ที่ไหนๆมันก็มีพระอาทิตย์ตกกันทั้งนั้น เหมือนกันอีกต่างหาก

“ไอ้บ้า อยากดูพระอาทิตย์ตก มรึงไม่ต้องหอบสังขารมาถึงนี่ก็ได้ ที่ไหนพระอาทิตย์มันก็ตกทิศตะวันตกเหมือนกันนั่นแหละ ใช่ว่าที่นี่มันจะตกทิศตะวันออกที่ไหนกัน”ผมพูดกลั้วหัวเราะให้มัน เพราะไม่คิดว่ามันจะขับรถพาผมมาถึงที่นี่เพราะเรื่องแค่นี้

“มรึงนี่ไม่โรแมนติกเอาซะเลย พระอาทิตย์ตกแต่ละที่มุมมองมันสวยแตกต่างกัน กรูชอบมองพระอาทิตย์ตกที่ทะเล มันเหมือนทะเลกำลังรอคอยพระอาทิตย์อยู่ เหมือนกรูที่กำลังรอใครสักคนไง”อะไรของมันวะไม่เห็นจะเข้าใจเลย แต่ผมก็ไม่ได้โต้แย้งหรือพูดจาขัดมันหรอกครับ เพราะมันอุตส่าห์อยากมาชื่นชมพระอาทิตย์ตกถึงที่นี่ ผมแค่มาเป็นเพื่อนที่ดีให้มันก็พอแล้ว

“แต่ถ้าจะให้โรแมนติก มันต้องมาดูกับแฟนนะ”ไอ้แชมป์พูดต่อ พร้อมกับเหม่อมองออกไปที่ท้องทะเล

“แล้วดันชวนกรูมาทำไม ไมไม่พาแฟนมาเล่า”ผมพูดแซวออกไป เพราะถ้าจะอยากทำซึ้งจริงๆ อย่างที่มันว่าก็คงต้องมากับแฟนนั่นแหละ ไม่ใช่ลากเพื่อนมาแบบนี้

“ก็กรูยังไม่มีแฟนนี่หว่า งั้นมรึงเป็นแฟนกรูให้หน่อยนะ”ผมหันไปจ้องหน้ามันนิ่ง ว่าอยู่ดีๆ ทำไมมันพูดแบบนี้ มันพูดเล่นหรือจะสื่ออะไรกันแน่

ไอ้แชมป์ยิ้มให้ผมก่อนจะพูดต่อ

“แค่ไม่กี่นาทีเอง กรูจะได้มีแฟนดูพระอาทิตย์ตกไง พอพระอาทิตย์หายไปเราก็กลับมาเป็นเพื่อนกันอย่างเดิม”ดูความคิดมันแปลกๆ ดีเหมือนกัน แต่ผมก็คลายความข้องใจไปได้บ้าง ว่ามันไม่ได้คิดอยากจะเป็นแฟนกับผมจริงๆ เพราะถ้ามันเป็นแบบนั้น ผมก็คงให้มันไม่ได้ แต่ผมก็คงไม่อยากให้มันเสียใจ ใช่สินะ เหมือนตอนที่ผมบอกว่าผมชอบโอเล่ เค้าก็อาจจะกำลังรู้สึกแบบผมตอนนี้ก็ได้ คือไม่ได้คิดเกินเพื่อน แต่ก็ไม่อยากให้เพื่อนเสียใจ นี่หรือเปล่าที่เป็นเหตุผลให้เค้าเอ่ยปากให้ผมกับเค้าลองคบกันดู ถึงทำให้เรื่องต่างๆ เลยเถิดมาจนถึงเดี๋ยวนี้

“ได้สิ”ผมตอบพร้อมกับยิ้มให้มันเหมือนกัน ไอ้แชมป์เอื้อมมือมาจับมือผมก่อนจะหันหน้าไปมองพระอาทิตย์ที่เคลื่อนต่ำลงเรื่อยๆ ผมก้มมองมือที่มันจับมือผมไว้

“ก็เป็นแฟนกันก็ต้องจับมือกันดูพระอาทิตย์ตกด้วยกันสิ หรืออยากจะให้กอดจ๊ะที่รัก”มันแกล้งทำเสียงทะเล้น ผมได้แต่ส่ายหน้าให้กับความกวนของมัน แล้วเราสองคนก็ทอดสายตามองไปยังท้องทะเลทอดยาวไปบรรจบกับท้องฟ้านั้น ซึ่งมีพระอาทิตย์ที่กำลังลับหายไป ผมสัมผัสได้ถึงเหงื่อที่เปียกชื้นบนมือของไอ้แชมป์ นี่มันมีเหงื่อที่มือด้วยเหรอวะ ผมอดที่จะสงสัยไม่ได้

“ปล่อยได้แล้ว หมดเวลาเป็นแฟนกันแล้ว”ผมบอกเมื่อพระอาทิตย์ได้ลับตาเราไปหมดแล้ว ไอ้แชมป์หันมายิ้มให้ผมอีกครั้งก่อนจะบีบมือผมเบาๆ แล้วปล่อยการเกาะกุมออก

“วันหลังมาเป็นแฟนกันอีกนะ”มันพูดก่อนจะเดินนำหน้าผมไปโดยไม่รอ ผมเข้าใจว่ามันน่าจะหมายถึงว่า วันหลังมาดูพระทิตย์ตกเป็นเพื่อนมันอีกนะ มันคงจะหมายความว่าแบบนั้น แต่ทำไมมันต้องทำเหมือนมันเขินด้วยละ ปกติไม่เคยเห็นมันเขินเลยสักครั้ง ก็ตลกดีเหมือนกัน

“มรึงรู้ไหม ว่าความรักนะ มันต้องมีทั้งคนที่สมหวัง และคนที่ผิดหวัง”อยู่ๆ ไอ้แชมป์ก็หยุดเดินแล้วพูดขึ้น ผมก็เดินเข้าไปหามันเพื่อจะฟังว่ามันจะว่าไงต่อ มันนั่งลงบนพื้นทรายตรงนั้น ตอนแรกกำลังจะห้ามว่าเดี๋ยวเปื้อนแต่มันก็นั่งลงไปแล้ว ผมเลยนั่งลงข้างๆมัน

“โทษทีที่กรูว่ามรึงว่าดึงอ้อนเข้าไปเป็นหมากตัวหนึ่งในเกมของพวกมรึง กรูขอโทษนะ กรูน่าจะรู้ว่าทุกคนก็ต้องมีเหตุผลของตัวเองอยู่แล้วที่ทำแบบนั้น”นี่มันคิดว่าผมจะโกรธที่มันพูดแบบนั้นเหรอ ทำไมมันคิดมากจัง ผมไม่ได้โทษมันเลย

“คนเราทุกคนมันก็เห็นแก่ตัวกันทั้งนั้นแหละ ยอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้มาในสิ่งที่ต้องการ แม้มันจะทำให้คนอื่นเจ็บปวดก็ตาม หรือแม้กระทั่งทำร้ายคนอื่น เพื่อสนองความต้องการของตัวเอง”ผมพูดออกไปตามที่คิด เพราะผมเองคิดว่าผมก็อาจจะทำแบบนั้นได้เหมือนกัน แม้จะคิดที่จะยอมให้ตัวเองเจ็บ แต่ผมก็คิดว่าผมยังทำไม่ได้หรอก เพราะถ้าเค้ามาทำดีกับผม ผมก็คงกลับไปหาเค้าอีกเหมือนเดิม

“มันก็ไม่ทุกคนหรอก มรึงเชื่อสิว่ายังมีคนที่แค่อยากเห็นคนที่รักมีความสุขแค่นั้นเค้าก็มีความสุขแล้ว”ไอ้แชมป์ยังคงเหม่อมองออกไปยังท้องทะเลที่มืดมิด พร้อมกับที่แย้งผมออกมา ว่าไม่ใช่ทุกคนเสมอไปที่จะเป็นอย่างที่ผมพูด แต่คนแบบที่มันว่าก็คงจะมีไม่มากนักหรอก

“แล้วมรึงทำแบบนั้นได้ไหม”ผมลองถามมันดูเห็นว่ามาแบบนี้ แล้วตัวมันเองทำได้หรือเปล่าน้า

“ไม่รู้สิ”ไอ้แชมป์บอกพร้อมกับหัวเราะออกมา เหมือนมันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะทำแบบที่มันพูดได้หรือเปล่า เราสองคนหัวเราะให้กันอย่างสนุกสนาน ผมอยากบอกมันว่าขอบคุณนะ ที่ทำให้วันที่เหมือนจะเลวร้ายของผม ผ่านไปได้อย่างไม่หนักหนานัก มันเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผมเลยนะเนี่ย








ผมกับไอ้แชมป์กลับมาถึงอพาร์ทเม้นท์ตอนที่ค่อนข้างดึกแล้ว เพราะกว่าจะหาอะไรกิน กว่าจะเดินทางกลับมา พอมาถึงอพาร์ทเม้นท์ผมก็ต้องแปลกใจ ที่ได้เจอหนึ่งคนที่รอผมอยู่

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
Re: ระหว่างเราคือ...??? [30-10-2014]
«ตอบ #15 เมื่อ30-10-2014 13:43:24 »

แชมป์ T_________T นายเป็นคนดีเกินไปแล้ว

ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: ระหว่างเราคือ...??? [30-10-2014]
«ตอบ #16 เมื่อ30-10-2014 15:04:33 »

อยากอ่านต่อแระ เกลียดแกไอโอเล่ :angry2:

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
Re: ระหว่างเราคือ...??? [30-10-2014]
«ตอบ #17 เมื่อ30-10-2014 20:24:49 »

รักแชมป์ นายใจหล่อมาก  :กอด1: :impress2: o13

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: ระหว่างเราคือ...??? [30-10-2014]
«ตอบ #18 เมื่อ30-10-2014 22:48:15 »

ผมกับไอ้แชมป์กลับมาถึงอพาร์ทเม้นท์ตอนที่ค่อนข้างดึกแล้ว เพราะกว่าจะหาอะไรกิน กว่าจะเดินทางกลับมา พอมาถึงอพาร์ทเม้นท์ผมก็ต้องแปลกใจ ที่ได้เจอหนึ่งคนที่รอผมอยู่

“มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ ห้องกรูก็อยู่ข้างๆมรึง”ไอ้แชมป์บอกก่อนจะเดินขึ้นอพาร์ทเมนต์ไป ผมหันมองคนที่มารอผม ดูมีแววตาไม่พอใจผมกับเพื่อนอยู่ไม่น้อย

“มาได้ไง”ผมถามออกไปเพราะเค้าไม่น่าจะมาหาผมเจอได้ง่ายขนาดนี้

“ก็เห็นมากับไอ้เพื่อนสนิทนั่นเมื่อกลางวัน เลยคิดว่าอาจจะอยู่ที่นี่หรือเปล่าก็เลยลองมาดู ถามทางพี่ผู้จัดการที่นี่เค้าก็บอกว่าอยู่ที่นี่จริงๆ”ใช่สินะไอ้แชมป์เคยบอกว่าเคยเห็นเค้ามาจีบผู้หญิงแถวนี้นี่นา

“มีอะไรหรือเปล่าถึงมา”ผมถามออกไปโดยที่ยังไม่ขึ้นห้องเพราะไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องให้เค้าขึ้นไปด้วย

“ไม่คิดจะให้กรูขึ้นไปข้างบนหน่อยเหรอ นี่ก็ดึกแล้ว กรูไม่ได้มีรถมาเองนะ แถวนี้ดึกๆ แทกซี่ก็ไม่มี”เค้าส่งสายตาอ้อนวอนมาให้ผม ซึ่งในที่สุดผมก็ใจอ่อน ยอมให้เค้าตามขึ้นไปที่ห้อง และคิดว่าวันนี้เค้าคงจะขอค้างด้วยอย่างแน่นอน

“นึกว่าจะมาอยู่ห้องเดียวกับไอ้นั่นเสียอีก”น้ำเสียงประชดประชันเอ่ยขึ้นเมื่อก้าวเข้ามาในห้อง นี่ถ้าจะมาหาเรื่องกันก็อย่ามาจะดีกว่าไหม ผมไม่ตอบโต้ใดๆ เพราะถ้ามีปากเสียงหรือทะเลาะกัน คนที่จะเจ็บตัวมันคือผมเอง ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าจะอาบน้ำเพราะ เนื้อตัวยังมีทรายติดอยู่เยอะพอสมควร

“ขอบใจนะ”ผมหันไปตามเสียงพร้อมกับเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าอะไร เค้าชู้แหวนที่ผมเพิ่งเอาวางไว้ที่โต๊ะ แหวนที่ไอ้แชมป์เพิ่งคืนผมมา เค้าเอาแหวนนั้น สวมไปที่นิ้วของเค้าซึ่งก็เหมือนจะพอดี เค้ายิ้มให้ผมก่อนจะเดินมาหา พร้อมกับจูบผม ผมพยายามดิ้นออกห่างจากเค้า

“จะอาบน้ำ”ผมบอกพร้อมกับเบี่ยงตัวออกเดินเข้าห้องน้ำ ล็อคประตูกลัวเค้าตามผมเข้ามา ยังไงผมก็คงหนีเค้าไม่พ้นใช่ไหม ไม่ใช่หนีไม่พ้นหรอก แต่ผมเองต่างหากที่ไม่กล้าพอที่จะตัดเค้าออกไปจากชีวิต

หลังจากผมออกจากห้องน้ำ เค้าถาโถมเข้าหาผม แทบจะในทันทีโดยที่ไม่ยอมให้ผมตั้งตัว ครั้งนี้ผมไม่ได้ขัดขืนใดๆ เลย และเค้าก็ไม่ได้รุนแรงกับผม แต่มันช่างเร่าร้อนเหลือเกิน มันเหมือนผมโหยหาเค้าเหลือเกินทั้งที่ เราเพิ่งจะห่างกันเพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้น ผมแทบจะลืมเรื่องของอ้อนไปเสียหมด

เช้าวันต่อมาโอเล่กลับไปย้ายของจากที่เดิมมาที่อพาร์มเม้นท์ผมจนหมด ผมไม่มีโอกาสได้ห้ามอะไรเค้าเลยแม้แต่น้อย เค้ากลับไปรบเร้าที่บ้านเพื่อจะเอารถมาใช้ด้วย และก็กลับไปเหมือนเดิมอีกแล้ว ผมกับเค้าอยู่ด้วยกัน ความสัมพันธ์ทางกายของเราเกิดขึ้นแทบจะทุกวัน ผมเหมือนเสพติดสิ่งนั้นไปโดยปริยาย เค้าเองก็เหมือนจะเช่นกัน แต่ทว่าการคบหาระหว่างเค้ากับอ้อนก็ยังคงดำเนินไป เหมือนจะเป็นไปในทางที่ดีเสียด้วย หลายคนเริ่มจับตามองโอเล่และอ้อน เพราะโอเล่ก็เป็นที่รู้จักในมหาวิทยาลัยอยู่พอสมควร ส่วนอ้อนด้วยความเป็นคนอัธยาศัยดี จึงค่อนข้างเป็นที่รักของใครหลายๆ คน

จริงอยู่ที่ผู้ชายในคณะหลายคนชอบว่าชอบแหย่ชอบแกล้งอ้อน แต่ความจริงแล้วคือคนเหล่านั้นได้หลงเสน่ห์ของเธอแล้วต่างหาก ด้วยเหตุนี้การที่ทั้งสองคนหันมามีความใกล้ชิดกัน หลายคนก็เลยจับตามมองเป็นพิเศษ เพราะถ้าสองคนนี้ตกลงปลงใจเป็นแฟนกันจริงๆ คงจะมีอีกหลายคนที่ต้องเสียใจ ส่วนผมนะเหรอจะอยู่ในฐานะอะไรได้ ก็ยังอยู่กับโอเล่เหมือนเดิม แต่ต่อหน้าอ้อนผมก็ตีหน้าซื่อว่าเห็นดีเห็นงามที่เค้าสองคนจะคบกัน

ผมไม่เคยขัดขวาง ไม่เคยซักไซ้ถามเรื่องนี้กับโอเล่เลย เพราะอะไรนะเหรอ เพราะผมกลัว กลัวว่าถ้าผมถามออกไป แล้วเกิดให้เค้าเลือกจริงๆ ระหว่างผมกับอ้อน ผมกลัวว่าเค้าจะไม่เลือกผม เหมือนเค้ายังอยากมีภาพพจน์ที่ดูว่าเป็นผู้ชายปกติที่ทั่วไป ไม่ได้อยากให้ใครมองว่าเค้ามีอะไรกับผู้ชายด้วยกัน

“มรึงคิดว่าที่เป็นอยู่แบบนี้มันดีแล้วใช่ไหม”ไอ้แชมป์ถามผมขึ้นในวันหนึ่ง วันนี้เราผ่านชีวิตมหาวิทยาลัยมาถึงปีที่ 3 แล้ว ซึ่งชีวิตผมก็ยังคงวนเวียนเป็นอยู่เช่นเดิม แต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปก็คือ โอเล่กับอ้อน เปิดตัวเป็นแฟนกันแล้ว และไอ้แชมป์คือคนเดียวที่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับโอเล่อยู่ในขั้นไหน

“กรูกำลังเป็นคนเห็นแก่ตัวอย่างที่กรูเคยพูดไว้ใช่ไหม”ผมหันไปบอกกับไอ้แชมป์ถึงเรื่องที่เราเคยคุยกันเมื่อครั้งที่เราไปบางแสนกัน ถึงมันจะนานมากแล้ว แต่คิดว่ามันเองก็น่าจะยังจำได้ดี

“ไม่หรอก ตอนนี้มรึงกำลังเป็นคนที่ถูกเอาเปรียบ เพราะไม่มีใครรู้ว่ามรึงกับไอ้โอเล่เป็นอะไรกัน แล้วถ้าสักวันนึงที่โอเล่มันเลือกขึ้นมา กรูว่าคนที่จะเสียใจไม่น่าจะใช่อ้อน เพราะดูจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ อย่าหาว่ากรูไม่ให้กำลังใจมรึงเลยนะ”นั่นเพราะไอ้แชมป์ไม่ได้รู้เรื่องราวจริงๆ ทั้งหมด อย่างที่ผมรู้ เพราะว่า

“กรูว่ากรูรักมรึงว่ะ”โอเล่พูดกับผมในวันหนึ่งก่อนที่เค้าจะตัดสินใจตกลงเป็นแฟนกับอ้อน ผมไม่รู้ว่าเค้าพูดจริง หรือเป็นเพียงแค่คำโกหกเพื่อที่จะให้ผมช่วยบำบัดความใคร่ของเค้าต่อไปเท่านั้น แต่ผมเลือกที่จะเชื่อคำพูดนั้น ถึงมันจะจริงหรือหลอก แต่คนเราก็ต้องเลือกเชื่อในสิ่งที่เรามีความสุขอยู่แล้ว

“แล้วอ้อนละ”ผมตัดสินใจออกไปถ้าเค้าบอกว่าเค้ารักผม แล้วเค้าจะคบอ้อนเพื่ออะไร

“กรูก็แค่คบเค้าบังหน้า กรูยังไม่พร้อมที่จะให้คนอื่นมองด้วยสายตาที่เหยียดหยามว่าวิปริตผิดเพศ กรูขอเวลาอีกหน่อยนะ”ผมนิ่งฟังในสิ่งที่เค้าพูด กำลังคิดว่าที่ทำอยู่มันถูกต้องแล้วเหรอ

“มรึงคงคิดว่ากรูเลวสินะที่ใช้อ้อนเป็นเครื่องมือแบบนี้ แต่สักวันนึงอ้อนเองต้องเข้าใจ มรึงรอวันที่กรูพร้อมหน่อยนะ”การกระทำของเค้าถ้าคนอื่นรู้คงว่าเป็นคนที่ชั่วช้า แต่ผมละอาจจะเป็นคนที่เลวกว่าเค้าเสียด้วยซ้ำเพราะผมเป็นคนที่รู้อยู่เต็มอกแต่ไม่คิดจะห้ามปรามหรือคิดแก้ไขให้เรื่องนี้มันดีขึ้น นี่แหละที่ผมเคยบอกว่าคนเรามันต้องมีความเห็นแก่ตัวกันทุกคน ยอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้ครอบครองในสิ่งที่ต้องการ แม้จะเป็นการทำร้ายคนอื่นก็ตามที

“ที่กรูทำแบบนี้เพราะกรูรักมรึง แต่กรูก็ยังต้องการเวลาถึงต้องใช้อ้อนเป็นเครื่องมือแบบนี้ มรึงจะรอวันที่กรูพร้อมได้ไหม”เพราะคำพูดนี้มันทำให้ผมยอมอยู่ในสถานะแบบนี้ตลอดมาเหมือนติดอยู่ในบ่วงของความหวังนั้น วันเวลาเลยผ่าน จนเราเรียนจบมหาวิทยาลัย

ต่างคนต่างต้องไปทำงาน ในแต่ละอย่างที่ต่างได้เลือกเรียนมา เวลาล่วงเลยมา แต่เค้าก็ยังไม่พร้อมที่จะคบผมอย่างเปิดเผย ดูเหมือนเค้ากับอ้อนยิ่งจะยิ่งมีสิ่งที่ผูกมัดเข้าหากันมากขึ้น ชีวิตการทำงานมันยิ่งเป็นอะไรที่สังคมที่จะยอมรับคนที่รักเพศเดียวกันได้น้อยลงไปอีก แน่นอนต่อหน้าทุกคนอาจจะทำเหมือนไม่ได้รังเกียจ แต่ลับหลังละจะเหมือนกับต่อหน้าที่เค้าพูดกับเราหรือเปล่า

 เค้าบอกกับผมว่าไม่สามารถที่จะยอมรับกับเพื่อนร่วมงานได้ว่า เค้ารักผู้ชายด้วยกัน เพราะเพื่อนร่วมงานแต่ละคนมักจะพูดถึงเพื่อนร่วมงานคนอื่นที่เปิดเผยว่ามีรสนิยม ชมชอบในเพศเดียวกัน ให้เค้าฟังในทำนองที่ไม่สู้จะดีนัก อยู่เสมอ และทุกคนต่างรับรู้ว่าเค้าเป็นแฟนกับอ้อน อีกอย่างพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย ตอนนี้ก็รับรู้เรื่องราวของเค้าทั้งสองคนแล้ว นี่ก็เร่งคืนเร่งวันให้ทั้งสองแต่งงานกันเร็วๆ เสียแล้ว

แต่ผมก็ยังคงมีความหวังอยู่เช่นเดิม เพราะลมปากของเค้าที่เฝ้าบอกกับผมเสมอมา อีกทั้งความสุขบนเตียงที่เรายังมีให้กันเสมอ แม้ตอนนี้มันจะไม่ได้บ่อยเหมือนเมื่อก่อน เพราะเราทำงานกันคนละที่

“วันนี้ไปไหนหรือเปล่า”เค้าโทรหาผมในเย็นวันหนึ่ง จริงๆ เย็นนี้ไอ้แชมป์ชวนผมไปเที่ยวผับ ปล่อยแก่สักวัน แชมป์เป็นเพื่อนในไม่กี่คนที่ผมยังติดต่อมาตลอดหลังจากที่เรียนจบมาแล้ว ผิดกับหลายคนหลังจากจบก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกันอีกเท่าใดนัก ผมตอบเค้าออกไปถึงสถานที่ที่ไอ้แชมป์ชวนไป แต่ผมบอกว่ายังไม่แน่ใจว่าจะไปหรือเปล่า

“ไปด้วยได้ไหม”เค้าถามผมกลับมา แต่ผมยังไม่แน่ใจว่าจะไปดีหรือเปล่า เพราะรู้สึกไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่ แต่ถ้าเค้าบอกจะไปด้วยผมก็อยากเจอเค้าเหมือนกัน เพราะช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้เจอกับเค้าเท่าใดนัก เนื่องจากต่างคนต่างงานค่อนข้างจะยุ่ง ผมเลยบอกไปว่าไว้โทรไปบอกอีกทีแล้วกันว่าจะไปไหม

พอเย็นเค้าก็โทรหาผมอีกว่าเค้าอยากไปเที่ยวผับกับผม ตกลงผมจะไปหรือเปล่า แต่อารมณ์ไม่ค่อยอยากจะไปเท่าไหร่เลยปฏิเสธไป แต่ดูเค้าจะยังดึงดันที่จะชวนผมไปให้ได้อยู่ดี

“ทำไมจะไม่ไปละแฟ้ม ไปนะนี่กรูอุตส่าห์โทรบอกเพื่อนกรูแล้วด้วยว่าจะไปเจอกันที่ผับนั้น”อ้าวตกลงจะไปกับเพื่อนนี่นาแล้วจะอยากให้ผมไปด้วยทำไม

“ก็มีเพื่อนไปแล้วนิ อยากไปก็ไปเถอะ”ผมตอบออกไปแบบไม่ค่อยจะใส่ใจนัก เพราะถึงจะอยากเจอ แต่วันนี้ผมก็ไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่นัก

“กรูไม่ได้จะไปกับเพื่อน แค่จะแวะไปทักทายเพื่อนนิดหน่อย แต่กรูอยากเจอมรึงเข้าใจไหม กรูคิดถึงมรึงนะ”น้ำเสียงที่ผมได้ยิน มันทำให้ผมเริ่มคิดเปลี่ยนใจจะไปเที่ยว และในที่สุดผมก็ใจอ่อนยอมไปเที่ยวจนได้

ตอนประมาณสามทุ่มกว่าๆ ในขณะที่ผมรอไอ้แชมป์อยู่ เค้าโทรมาหาผมอีกครั้ง ถามว่าผมอยู่ไหนแล้ว นี่เค้าจะเข้าไปในผับแล้ว ผมก็งงๆนิดหน่อยเพราะตอนแรกเห็นว่าจะตามไปทีหลังดึกๆ หน่อย แต่เค้าก็บอกว่าพอดีติดรถเพื่อนออกไปด้วย ผมก็บอกงั้นไว้เจอกันที่ผับเพราะอีกสักครึ่งชั่วโมงผมกับไอ้แชมป์ก็คงถึง ไอ้แชมป์บอกให้ผมสั่งโอเล่จองโต๊ะรอไว้เลย เพราะวันสุกสัปดาห์แบบนี้คนจะเยอะเดี๋ยวไม่มีโต๊ะ

ไอ้แชมป์แวะไปทำธุระก่อนจะไปผับ ทำให้เราสองคนไปช้ากว่าเดิมพอสมควร วันนี้ไอ้แชมป์นัดพวกเพื่อนๆ มาอีกสองสามคน แต่ทุกคนก็ยังไม่มีใครมาเลย ไอ้แชมป์บอกให้ผมโทรหาโอเล่ดูซิว่าอยู่ตรงไหน เพราะถ้าจะเดินเข้าไปหาคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะหากันเจอ

“แฟ้มวันนี้คนเยอะมากเลย โต๊ะน่าจะเต็มหมดแล้ว นี่โต๊ะกรูกับเพื่อนก็สิบกว่าคน ไม่มีที่จะเบียดอยู่แล้ว พวกมรึงจะมีโต๊ะอยู่ไหมนะ”แล้วเสียงที่มันตะโกนแข่งกับเสียงเพลงผ่านมาทางโทรศัพท์ก็เงียบหายไป ผมอึ้งไปเล็กน้อยว่านี่มันอะไรกัน ก็ไหนมันมาตั้งแต่ตอนร้านเพิ่งเปิดตอนหัวค่ำนี่นา ที่ผมบอกว่าให้ช่วยจองโต๊ะไว้หน่อย ซึ่งก็น่าจะยังพอมีโต๊ะให้ แต่มันไม่ได้จองไว้ เหรอ แล้วถ้าไม่มีโต๊ะจริงๆ ทำไมไม่โทรบอกกันแต่เนิ่นๆ จะได้ไม่มา แล้วทำไมมันพูดเหมือนกับว่าถ้าผมกับไอ้แชมป์จะไปขออาศัยโต๊ะที่มันอยู่ตอนนี้งั้นแหละ นี่นะเหรอที่มันบอกว่าคิดถึงอยากให้ผมมาเจอ แค่ผมโทรไปมันยังคุยกับผมแค่ไม่กี่ประโยค แถมมันไม่ได้รอฟังว่าผมจะว่ายังไงต่อเสียด้วยซ้ำ เพราะมันวางไปเสียดื้อๆ

“มันว่าไงบ้าง”ไอ้แชมป์หันมาหาผมพร้อมกับเอ่ยปากถามอย่างสงสัย ผมได้แต่ส่ายหน้าว่าไม่รู้ และเหมือนแชมป์มันจะพอเข้าใจว่าไอ้คนที่อยู่ในผับนั้นน่าจะไม่ได้จองโต๊ะไว้ให้เรา แต่แชมป์มันดูจะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ เพราะมันก็พาผมเข้าไปด้านใน ผมเห็นมันคุยกับเด็กในร้านสักพัก เค้าก็พาเราสองคนไปโต๊ะที่อยู่ข้างๆ บู๊ทดีเจ ผมสงสัยไม่น้อยว่าไอ้แชมป์มันรู้จักมักคุ้นกับเค้าขนาดนั้นเลยเหรอ เพราะไหนโอเล่บอกว่าโต๊ะเต็มแต่นี่ทำไมไอ้แชมป์ยังหาโต๊ะได้กันละ

“กรูมาที่นี่บ่อย ปกติเค้าจะสำรองที่แถวนี้ไว้ให้กรูเสมอแหละ แต่ที่ให้แฟนมรึงจองไว้ให้เพราะเผื่อจะได้ที่หน้าๆ แถวๆ ที่เค้าเล่นดนตรีสดไง มันจะสนุกกว่าอยู่แถวๆนี้”ไอ้แชมป์เฉลยให้ฟังในที่สุด ไอ้นี่จะเรียกผมกับโอเล่ว่าแฟนกันตลอด มันบอกว่าจะได้ช่วยให้ผมยังรู้สึกว่าเป็นแฟนกับโอเล่อยู่บ้าง เพราะมุมมองของคนอื่น ผมก็เป็นแค่เพื่อน

“แล้วไม่โทรบอกมันหน่อยเหรอว่าอยู่ตรงนี้”ไอ้แชมป์ตะโกนแข่งกับเสียงเพลงถามผม แต่ผมส่ายหน้าเพราะชักเคืองๆ เค้าหน่อยๆ เสียแล้ว ถ้าเค้าคิดว่าวันนี้จะอยู่กับเพื่อน ผมเองก็ควรจะอยู่กับเพื่อนเช่นเดียวกัน อย่าไปใส่ใจเลย

เราสองคนสั่งเครื่องดื่มเสร็จเรียบร้อยก็ดื่มกันอยู่สองคน เพราะไอ้แชมป์บอกเพื่อนอีกสามคนคงมาดึกๆหน่อย ดึกของมันนี่จะขนาดไหนเพราะนี่ก็ค่อนข้างดึกแล้วเหมือนกัน ผมกับไอ้แชมป์ก็ดื่ม ก็สนุกกันอยู่สองคน สายตาผมมองกวาดไปรอบๆ และผมก็มองเห็นเค้า ถึงจะอยู่ค่อนข้างไกล และไฟสลัวๆ แต่ผมก็จำเค้าได้ เค้าอยู่แถวๆ ด้านหน้าเวที ดูท่าทางกำลังสนุก ถ้าเป็นครั้งก่อนๆ ผมอาจจะเดินเข้าไปหา แต่ครั้งนี้หลายอย่างที่ผมคิดสั่งผมว่า อย่าคิดแม้แต่จะไปให้เค้าเห็น ถ้าเค้ายังนึกแคร์เราบ้าง เค้าควรจะเป็นฝ่ายมาหาเรา

ไม่นานนักมีสายโทรเข้ามาหาผมซึ่งก็คือเค้านั่นเอง ผมมองเค้าที่ยืนโทรศัพท์อยู่ตรงโต๊ะที่เค้าอยู่ นี่เค้าคิดอะไรของเค้าถ้าจะคุยกันในนี้มันจะได้ยินอะไร ผมกดรับแต่แน่นอนเราต่างฝ่ายต่างฟังกันไม่รู้เรื่องไม่นานนักเค้าก็วางสายไป

แล้วก็มีข้อความส่งจากเค้าเข้ามาหาผม

“อยู่ไหน เจอกันหน้าห้องน้ำ”แทนที่ผมจะไปเจอเค้าที่หน้าห้องน้ำ ผมกลับส่งข้อความตอบกลับไปว่าผมอยู่ตรงไหน และผมก็รอว่าเค้าจะมาหาไหม แต่รออยู่นานก็ไม่เห็นมา และผมก็ไม่เห็นเค้าด้วยว่าไปไหนแล้ว

“ไม่เจอ ออกมาข้างหน้า”สักพักต่อมาเค้าก็ส่งข้อความหาผมอีกครั้ง เค้าหาผมไม่เจองั้นเหรอ มันหายากนักหรือไงกะอีแค่ บู๊ทดีเจ  ผมว่ามันดูเป็นส่วนที่มองจากจุดไหนก็มองเห็นนะ ตกลงว่าเค้ามองหาผมบ้างหรือเปล่า แต่คิดไปก็เท่านั้น จะยังไงก็ช่างเหอะถ้าอยากให้ผมออกไปเจอด้านนอกนั่นก็ไป ผมเริ่มรู้สึกดีขึ้นมาหน่อยที่อย่างน้อยๆ ก็เหมือนเค้าจะมาดื่มกับผมที่โต๊ะเดียวกัน

ผมเดินออกไปด้านนอกซึ่งจะเป็นที่สูบบุหรี่ มีคนที่ออกมาสูบบุหรี่เยอะพอสมควร ผมมองหาเค้าเห็นนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่ง พอเรียกเค้าก็หันมายิ้มให้ผม แค่นั้นแหละครับ มันเหมือนความขุ่นข้องหมองใจที่มีกับเค้าเมื่อสักครู่จะหายไปหมด

“กรูนึกว่ามรึงอยู่ด้านหน้าเวที”เค้าเอ่ยอีกครั้งหลังจากที่ผมถามว่าทำไมไม่ไปหาผมที่บู๊ทดีเจ แต่คำพูดของเค้านี่มันแบบว่าจะฟังขึ้นดีไหม เพราะสถานที่สองที่ที่ผมและเค้าบอกนี่มันอยู่คนละฟากกันเลย

แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะตอนนี้เค้าก็อยู่กับผมที่โต๊ะแล้ว เราไม่ได้คุยอะไรกันเท่าไหร่เพราะเสียงข้างในนี้มันดังมาก เค้าก็แค่ถามว่าเพื่อนคนอื่นของผมยังไม่มาเหรอ ผมก็บอกไปว่าอีกสักพักน่าจะมา แล้วก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก ต่างคนต่างดื่มและขยับโยกตามจังหวะเพลง แต่ทว่าเพียงไม่นานเค้าก็กระซิบบอกในสิ่งที่ทำให้ผมต้องแปลกใจอีกครั้ง

“กลับไปหาเพื่อนก่อนนะ เดี๋ยวจะแวะมาใหม่”ผมหันมองหน้าเค้า หมายความว่ายังไงกันก็ไหนว่าจะมาเที่ยวด้วยกัน อยากให้ผมมานักหนา แต่ที่พูดนี่มันหมายความว่าเค้าจะอยู่กับเพื่อน แค่แวะมาทักทายผมแค่นั้นใช่ไหม ก่อนมาเค้าไม่ได้พูดไว้แบบนี้นี่นา ผมได้แต่งงๆ เลยไม่ได้ตอบอะไรเค้าออกไป ได้แต่พยักหน้าให้ แล้วเค้าก็เดินจากไป

“มันไปไหนว่ะ”ไอ้แชมป์โน้มหน้าเข้ามาถามผม ผมได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธ คือขี้เกียจจะพูด อารมณ์มันเริ่มจะน้อยใจขึ้นเรื่อยๆ นี่นะเหรอคนที่เคยบอกว่ารักผม ดูเหมือนเค้าไม่ได้แคร์ผมสักนิดเลย ตอนนี้เริ่มไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่แล้ว จนผ่านไปนานพอสมควรเพื่อนผมอีกสามคนก็ตามมาสมทบ ไอ้แชมป์ออกไปรับเพื่อนที่ด้านนอกเพื่อพามาที่โต๊ะ ทำให้เหลือผมแค่คนเดียว

“ไอ้แชมป์ไปไหนละ”โอเล่เดินเข้ามาหาผมที่โต๊ะอีกครั้ง ผมตอบแค่ว่าออกไปพาเพื่อนเข้ามา แล้วก็ไม่คุยอะไรกับเค้าอีก เค้าก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกับผม จนไอ้แชมป์พาเพื่อนๆ ผมเข้ามาก็ทักทายกันเล็กน้อย ก่อนจะดื่มกันต่อ แล้วเค้าก็แยกตัวออกไปอีกครั้ง ตอนนี้ผมเริ่มคิดแล้วว่าวันนี้ไม่น่ามาเลย ความตั้งใจที่มาคือคิดว่าจะได้อยู่กับเค้าแต่นี่มันไม่ใช่เลย จริงๆถ้าเค้าจะมาเที่ยวกับเพื่อน ผมไม่มาก็ได้ และตอนนี้เค้าก็อยู่กับผมแค่พักเดียวก็ออกไปหาเพื่อนเค้าต่อ

ผมก็พยายามไม่คิดอะไรมากคิดซะว่าอย่างน้อยวันนี้ก็ได้เจอหน้าเค้า หลังจากที่ไม่ได้เจอกันมาสักพักใหญ่แล้ว มีแต่ได้ยินเสียงผ่านทางโทรศัพท์ ผมก็ทำตัวให้ปกติมากที่สุดเพราะเดี๋ยวเพื่อนจะพลอยไม่สนุกไปด้วย คนอื่นๆ คงไม่ได้สังเกตเห็น แต่ไอ้แชมป์คงพอจะเริ่มเอะใจในอารมณ์ผมอยู่เหมือนกัน เพราะมันก็ถามว่าผมเป็นไรหรือเปล่า แต่ผมก็ปฏิเสธว่าไม่มีอะไรหรอก จนเกือบผับจะปิด โอเล่เดินมาหาผมอีกครั้งเพราะเพื่อนๆของเค้าจะกลับกันหมดแล้ว

“จะกลับตอนไหน”เค้าเข้ามาถามผมใกล้ๆ ด้วยเสียงที่ต้องแข่งกับเสียงเพลง

“ไม่รู้...ก็คงผับปิดนั่นแหละ”ผมตอบแบบเสียไม่ได้ คืออารมณ์มันน้อยใจอยู่ ก็พอจะรู้ว่าที่เค้ามาถามนี่อาจจะชวนกลับด้วลหรือเปล่า แต่ด้วยความที่วันนี้เคืองที่เค้าบอกอยากมาเที่ยวกับผมแต่พอมาแล้วไม่สนใจกันเลยแบบนี้ ผมเลยกะว่าจะไม่สนใจเค้าบ้าง กะจะอยู่สนุกกับเพื่อนๆ จนผับปิดดีกว่า

“ผับปิดแล้วไปกินข้าวเป็นเพื่อนหน่อยได้ไหม เดี๋ยวรอข้างนอกนะ”เค้าพูดแบบนี้กับสายตาที่อ้อนวอนแบบนี้ทำให้ผมใจอ่อนมันทุกที เลยพยักหน้าตอบรับเค้าไป แล้วเค้าก็เดินออกไป น่าจะนั่งรอผมอยู่ด้านนอก

ประมาณเกือบตีสาม ผับจะปิดแล้วคนต่างทยอยออกมาด้านนอก ผมกับไอ้แชมป์และเพื่อนๆ ก็เหมือนกัน ผมมองหาโอเล่ว่ารอผมอยู่ตรงไหน จริงๆ ก็ไม่คิดว่าจะหาเจอหรอกครับ เพราะคนเยอะเหลือเกิน เลยโทรหาแต่พอเค้ารับโทรศัพท์ผมก็ต้องแปลกใจอีกครั้ง

“อยู่ไหน”ผมถามออกไปพร้อมกับพยายามมองหา เริ่มแปลกใจเล็กน้อยว่าทำไมเสียงมันเงียบจังเพราะที่ผมอยู่ คนเยอะๆ แบบนี้เสียงคนเมาคุยกันปนกันไปหมดดังพอสมควรอยู่เหมือนกัน แต่ทำไมทางเค้าเหมือนเสียงเงียบๆ

“กลับแล้ว”คำตอบของเค้าทำเอาผมอึ้ง ก็ไหนมาชวนผมไปกินข้าว

“ก็ไหนว่าจะไปกินข้าว”น้ำเสียงผมคงเริ่มขุ่นๆแล้ว เพราะเคืองตั้งแต่ที่มาแล้วไม่สนใจกัน แล้วนี่มาชวนเราไปกินข้าวแต่ดันกลับก่อน

“ก็มรึงช้ากรูขี้เกียจรอ”นี่เหรอเหตุผล

“แล้วทำไมไม่บอกว่าจะกลับก่อน”ตอนนี้จากน้อยใจมันเริ่มโมโห และเสียความรู้สึกมากกว่า เพราะถ้าวันนี้เค้ากลับไปเลยไม่ได้มาบอกลาผม ไม่ได้มาชวนไปกินข้าว ผมก็จะคิดว่าก็ช่างมันเพราะวันนี้เค้าก็ไม่ได้สนใจผมอยู่แล้ว แต่นี่เค้ามาชวนผมกินข้าวทำไมถ้าจะกลับก่อนแบบนี้ อีกอย่างถ้าจะไม่รอก็น่าจะบอกกันสักนิด

“ไม่รู้ว่ะ แล้วนี่มรึงกลับกันหรือยัง”เค้าพูดเหมือนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนจะยังไม่รับรู้ว่าน้ำเสียงผมแปลกไปหรือเปล่า เค้าแกล้งไม่รู้หรือไม่รู้จริงๆกันแน่ว่าตอนนี้ผมเริ่มโมโหเค้าแล้ว

เพื่อนคนอื่นๆ แยกย้ายกันกลับไปแล้ว ส่วนผมกับไอ้แชมป์ก็มุ่งตรงสู่คอนโดของไอ้แชมป์เหมือนกัน ผมยังคงคุยโทรศัพท์อยู่ อย่างไม่สบอารมณ์คือมันเหมือนเสียความรู้สึกมากกว่า ว่านี่เค้าแคร์ผมสักนิดไหม

“แฟ้ม”หลังจากผมเงียบไปพักนึงเค้าก็เอ่ยด้วยเสียงเรียบเรียกผม มันฟังดูจริงจังเหมือนกับมีบางอย่างที่สำคัญจะบอกกับผม ผมได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างตัดสินใจ ผมยังคงนิ่งเงียบรอฟังว่าเค้าจะพูดอะไร

“เหนื่อยไหม”นั่นคือสิ่งที่เค้าพูดออกมา มันอาจจะฟังดูไม่น่าจะเข้าใจว่าหมายความว่ายังไง แต่ผมเข้าใจว่าเค้าหมายถึงที่ผมต้องทนอยู่ในสภาพตอนนี้มันน่าเหนื่อยใจขนาดไหน ผมแทบไม่กล้าจะสู้หน้าอ้อนเสียด้วยซ้ำ ผมพยายามหลบอ้อนให้มากที่สุด ผมไม่รู้ว่าผมรู้สึกผิดที่มีความสัมพันธ์กับแฟนของเธอ หรือรู้สึกอิจฉาที่อ้อนได้เป็นแฟนกับเค้าอย่างเปิดเผย หรือผมจะโกรธเกลียดเธอเพราะทั้งที่เธอมาทีหลังผม มาแย่งสิ่งที่เคยเป็นแค่ของผม ไปร่วมครอบครอง ผมยอมรับว่าผมไม่ใช่คนดีที่จะเสียสละและยอมถอยออกมาอีกแล้ว

ผมถลำมาไกลเกินกว่าที่จะกลับตัวได้แล้ว ถ้าเกิดวันนึงที่ต้องมีคนล่าถอย คงจะไม่ใช่ผมเพราะผมคงจะลุกขึ้นมาแย่งชิงอย่างแน่นอน แต่ก็นั่นแหละ ผมก็ทำได้แค่คิด เพราะในความเป็นจริงผมจะกล้าทำอะไรแบบนั้นหรือเปล่า ผมเองก็ยังไม่แน่ใจ อีกอย่างเรื่องนี้คนที่มีสิทธิ์จะเลือกว่าให้เรื่องนี้ดำเนินไปทางใด มันไม่ใช่ผมที่เป็นคนกำหนด แต่มันคือเค้าต่างหาก

“เหนื่อยสิ ท้อด้วย”ผมตอบออกไปตามความจริง ด้วยน้ำเสียงสั่นๆ  จนไอ้แชมป์ต้องหันมามอง

“แฟ้ม...กรูมีเรื่องจะบอก”เค้าถอนหายใจอีกครั้ง ผมชักไม่แน่ใจว่าอยากจะรู้เรื่องที่เค้าจะบอกผมหรือเปล่า ผมกลัว กลัวว่าถ้าเค้าจะยุติความสัมพันธ์ของเราละ ไม่ใช่ผมไม่รู้หรอกนะ ว่าทำไมเค้าถึงได้บอกกับผมว่ายังไม่พร้อมที่จะเลิกกับอ้อนและมาคบกับผมอย่างเปิดเผย ผมว่าจริงๆ แล้วเค้าไม่ได้เคยคิดจะเลิกกับอ้อนเลยต่างหาก เค้าแค่รอเวลาที่เค้าจะพร้อม ที่จะทำร้ายผมเท่านั้นเอง และนี่มันอาจจะใกล้ถึงเวลานั้นแล้วก็ได้ ผมรู้ว่าเค้ายังอยากมีครอบครัว อยากแต่งงานเหมือนคนอื่นๆ ทั่วไป

“ไว้คุยกันวันหลังดีกว่านะ”ผมชิงตัดบทก่อนจะวางสายไป

“มรึงโอเคนะ”ไอ้แชมป์หันมาถามผมหลังจากผมวางสายไป ผมเพียงตอบไปเบาๆ ว่าไม่เป็นอะไร ไอ้แชมป์ถามต่ออีกว่าจะหาอะไรทานก่อนไหม ผมปฏิเสธ และวันนี้ผมก็ค้างที่คอนโดของไอ้แชมป์

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: ระหว่างเราคือ...??? [30-10-2014]
«ตอบ #19 เมื่อ30-10-2014 23:08:19 »

ปล่อย โอเล่ไป ไม่ต้องให้มันมายุ่งอีก 'หมาหวงก้าง'ชัดๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ระหว่างเราคือ...??? [30-10-2014]
« ตอบ #19 เมื่อ: 30-10-2014 23:08:19 »





ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: ระหว่างเราคือ...??? [30-10-2014]
«ตอบ #20 เมื่อ30-10-2014 23:11:23 »

แฟ้มโง่ จะเจ็บก็สมควร

ออฟไลน์ hembetaro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
Re: ระหว่างเราคือ...??? [30-10-2014]
«ตอบ #21 เมื่อ31-10-2014 06:24:02 »


แฟ้มทึ่มไปนะ แชมป์นายก็แสนดีเกินไป  :เฮ้อ:

อิโอเล่แมร่งโคตรเห็นแก่ตัวเลย  :z6:

เรื่องนี้สงสารนีน้อยน้องอ้อน ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรกับเค้าเล้ยยยยย  :z13:

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: ระหว่างเราคือ...??? [30-10-2014]
«ตอบ #22 เมื่อ31-10-2014 06:38:35 »


“วันนี้ไปเป็นแฟนกรูหน่อยได้ไหม”ไอ้แชมป์พูดขึ้นหลังจากเราทานอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว วันนี้เราตื่นค่อนข้างจะสายทีเดียวหลังจากที่ไปเที่ยวมา กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวออกมาทานข้าวกัน นี่ก็ปาเข้าไปจะบ่ายสองอยู่แล้ว ผมเลิกคิ้วเป็นเชิงถามเพื่อนตัวดีว่ามันหมายความว่ายังไง แต่มันไม่ได้ตอบยังคงยิ้มแบบมีเลศนัยอย่างกวนอารมณ์ของผม

“หมายความว่าไง”ผมถามย้ำเมื่อเจ้าตัวมันไม่ยอมตอบ

“เอ้านี่มรึงจำไม่ได้เหรอ ว่าที่เราเคยเป็นแฟนกันนะ”ผมลองนึกทบทวนว่ามันกำลังเล่นอะไรกันแน่ พอนึกดีๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าผมกับไอ้แชมป์เคยไปดูพระอาทิตย์ตกที่บางแสนกันนี่นา แล้วมันก็ให้ผมเป็นแฟนจำเป็นดูพระอาทิตย์ตกกับมัน จำได้ว่าตอนนั้นมันขอผมว่าวันหลังให้ไปเป็นแฟนกับมันอีก นี่ผมเกือบจะลืมไปแล้วเสียด้วยซ้ำเพราะ ผมก็ไม่เคยไปดูพระอาทิตย์ตกเป็นเพื่อนมันอีกเลย แล้วจนป่านนี้ไอ้นี่ก็ยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนเสียที หรือมันไปแอบมีไว้ที่ไหนผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะ เพราะมันก็ไม่ค่อยได้เล่าเรื่องส่วนตัวให้ผมฟังสักเท่าไหร่

“จะไปดูพระอาทิตย์ตกเหรอ”ผมย้อนถามเพื่อความแน่ใจ ไอ้แชมป์ยิ้มตอบพร้อมกับพยักหน้ารับ

“นี่มรึงยังหาคนดูด้วยไม่ได้อีกเหรอ”ผมแกล้งแหย่มันอีก ไอ้แชมป์หุบยิ้มทันที

“ก็คนที่กรูอยากพาไปดู เค้าคงไปดูกับกรูไม่ค่อยได้หรอก”มันตอบเสียงเศร้าๆ นี่ตกลงอกหักมาหรือไงเพื่อนเรา

“งั้นก็รีบไปเหอะเดี๋ยวจะไม่ทันดู”ผมรีบเร่งเพราะนี่ก็บ่ายแล้วกว่าจะไปถึงอีก

โอเล่โทรหาผมระหว่างที่ผมกับไอ้แชมป์กำลังไปบางแสน ผมไม่ได้รับโทรศัพท์เค้า เค้าโทรเข้ามาหลายรอบ แต่ผมก็ยังคงไม่รับ ผมยังไม่อยากจะคุยอะไรกับเค้าในตอนนี้  เมื่อผมไม่รับเค้าก็ส่งข้อความเข้ามา

“โทรกลับหน่อยมีเรื่องจะคุยด้วย”

ผมกดปิดหลังจากอ่านข้อความนั้นจบ ก่อนจะเดินตามไอ้แชมป์ไปที่ชายหาด เรามาถึงตอนเกือบจะเย็นแล้ว แต่ก็คงอีกสักพักใหญ่ๆ กว่าพระอาทิตย์จะตก ผมกับไอ้แชมป์เลยหาที่นั่งที่ร้านตรงชายหาด สั่งเบียร์มานั่งจิบกันเล็กน้อย ลมเย็นๆ จากทะเลพัดมาเรื่อยๆ ได้มาทะเลแบบนี้ก็รู้สึกผ่อนคลายดีเหมือนกันนะ แต่ผมไม่เคยมากับเค้าเลยสินะ ผมจะมีโอกาสได้มากับเค้าสองคนบ้างไหมนะ

“มรึงว่าเราทุกคนเกิดมาต้องมีคู่ไหมวะ”คล้ายๆว่าตอนมาครั้งที่แล้วมันก็มีเรื่องอะไรบางอย่างคุยกับผมเหมือนกันนะ แล้วนี่มันจะถามทำไมอีกเนี่ย แต่คำถามมันก็น่าคิดเหมือนกันนะ ทุกคนเกิดมาจะมีคู่หรือเปล่า อย่างผมเองละผมจะเป็นคู่กับคนที่ผมรักหรือเปล่า

“ไม่ทุกคนหรอกมั้ง ไม่งั้นจะมีคนโสดเหรอ”ผมกำลังคิดอย่างที่พูดเพราะถ้าบอกว่าทุกคนต้องมีคู่ แล้วคนที่เค้าเป็นโสดอยู่คนเดียวมันหมายความว่ายังไงกันละ

“งั้นกรูก็คงไม่มีคู่สินะ”น้ำเสียงหม่นๆ ของไอ้แชมป์ทำให้ผมต้องหันไปมอง ผมสังเกตมานานแล้วเหมือนกัน ว่าถึงแม้ภายนอกมันจะทำตัวร่าเริง สนุกสนาน แต่ก็เหมือนมันกำลังเก็บความเศร้าไว้ภายใน ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันคือเรื่องอะไร

“เหงาเหรอ”บางทีการที่มันไม่มีใครอาจจะทำให้มันรู้สึกว้าเหว่หรือเปล่า

“ก็กรูมันไม่มีใครเอาเป็นแฟนนี่หว่า”มันพยายามปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ แต่จะบอกว่าไม่มีใครอยากจะคบกับมันคงจะไม่ใช่แล้วล่ะ เพราะผมเห็นมีคนสนใจมันออกจะเยอะแยะไป แต่ดูเหมือนตัวมันเองต่างหากที่เป็นคนปฏิเสธคนอื่นๆ ซึ่งไอ้อาการแบบนี้ มันน่าจะมีคนที่หมายตาไว้แล้ว แต่ใครกันละที่ไอ้แชมป์มันชอบ เพราะไม่เคยเห็นมันแสดงออกมาว่าสนใจใครที่ไหนเลยนี่นา หรือผมไม่ได้สังเกตเองหว่า เพราะปกติก็มีแต่เรื่องของผมเองมาปรึกษามัน แต่ไม่เคยสนใจไต่ถามเรื่องราวของเพื่อนคนนี้เท่าไหร่

“ไม่มีใครเอาหรือไม่เอาคนอื่นกันแน่”

“ก็คนที่ชอบเรา เราก็ไม่ชอบเค้า ส่วนคนเราชอบเค้าก็ไม่เคยสนใจเรา ความรักมันก็เข้าใจยากแบบนี้แหละ”ไอ้แชมป์พูดพร้อมกับเหม่อมองออกไป ทอดสายตาไกลออกไปกับท้องทะเล นี่มันไม่แอบชอบคนที่มีแฟนอยู่แล้วหรือเปล่าถึงได้เป็นแบบนี้

“บางทีการไม่ได้ครอบครองคนที่เรารัก อาจจะดีกว่าก็ได้นะ ถ้าได้ครอบครองแล้วเป็นอย่างกรูตอนนี้”ผมเริ่มจะคิดว่าถ้าเราได้แอบมองดูใครสักคนอยู่ห่างๆ บางทีเราอาจจะมีความสุข ที่ได้เห็นเค้ามีความสุข ผิดกับการที่เราบอกออกไปว่าชอบใครสักคน แล้วผลที่กลับมามันไม่รู้ว่าจะทำให้เราสุขหรือทุกข์ดี

“มรึงจำได้ไหมที่กรูเคยบอกว่ายังมีคนที่แค่เห็นคนที่เค้ารักมีความสุข เค้าก็สุขใจแล้ว”ก็เพราะคำพูดนี้แหละที่ทำให้ผมเริ่มคิดทบทวนอะไรดูใหม่อีกครั้ง

“จำได้สิ”ผมตอบออกไป

“ตอนนี้กรูกำลังทำแบบนั้นอยู่”ผมหันไปหาไอ้แชมป์ก่อนจะยิ้มให้มัน ผมอยากทำอย่างมันได้จัง ถ้าผมทำได้ ผมก็คงถอยห่างจากโอเล่ออกมานานแล้ว คงจะเฝ้ามองเค้ามีความสุขกับอ้อน แต่นี่ผมยังทำไม่ได้เลย

“ปะ ได้เวลาเป็นแฟนกันแล้ว”ไอ้แชมป์ลุกขึ้นยืนก่อนจะยื่นมือมาทางผม ผมส่งมือให้มันกุมไว้ก่อนเราจะเดินออกไปตรงที่คลื่นซัดเข้ามา พระอาทิตย์กำลังจะตกแล้ว นี่ถ้าผมได้มาทำอะไรแบบนี้กับคนที่ผมรักบ้างมันก็คงจะมีความสุขไม่น้อย แม้จะเย็นมากแล้วแต่ผู้คนก็ยังมีอยู่ประปราย แต่เราสองคนก็ไม่ได้สนใจกับสายตาและความคิดของคนอื่นว่าจะมองผู้ชายสองคนที่มายืนจับมือกันแบบนี้แล้ว จะคิดไปถึงไหนต่อไหน ผมเคยถามไอ้แชมป์เหมือนกันนะหลังจากที่มาครั้งก่อน ว่ามันไม่อายคนอื่นเหรอ มันก็ตอบว่าไม่มีใครรู้จักเราหรอก อีกอย่างเค้าก็แค่มองแค่คิด พอผ่านไปเดี๋ยวเค้าก็ลืม แล้วเราจะไปสนใจทำไม

ไอ้การที่มันพูดแบบนี้บางทีผมยังอดสงสัยไม่ได้ว่าตกลงมันเคยคิดชอบผู้ชายด้วยกันบ้างไหม เพราะขนาดผมเองบางทีผมก็ยังแคร์สังคม แคร์คนรอบข้างบ้าง แต่ไอ้นี่เหมือนจะไม่สนใจอะไรเลย

“อยากมาที่นี่ทุกวันเลยเนอะ”ผมบอกออกไปหลังจากที่ไอ้แชมป์ปล่อยมือ คือผมเห็นว่าวันไหนเครียดๆ กับการทำงานมารับลมเย็นๆ แบบนี้ มันก็ช่วยผ่อนคลายได้เหมือนกัน

“อ้าว นี่มรึงอยากเป็นแฟนกับกรูทุกวันเลยเหรอ”นั่นแหละครับเพื่อนผมกวนได้ตลอด นึกว่าวันนี้มันจะมาบทซึ้งเสียอีก

“ไว้ถ้ากรูเลิกกะโอเล่เมื่อไหร่จะ พิจารณามรึงเป็นคนแรกเลยแล้วกัน”ผมพูดพร้อมกับหัวเราะไม่ได้คิดอะไร แบบมันกวนมาก็รับมุขมันเสียหน่อย แต่สิ่งที่มันตอบกลับมาเล่นเอาผมอึ้งไปเหมือนกัน

“กรูจะรอวันนั้นนะ”แววตาจริงจังของไอ้แชมป์กำลังมองมาที่ผม นี่มันคงไม่ได้หมายความอย่างที่ผมกำลังคิดหรอกนะ

“ตกใจอะไร กรูหมายความว่า กรูจะรอวันที่มรึงหลุดพ้นจากไอ้คนเห็นแก่ตัวนั่นเสียที”ผมชักเริ่มงงๆ กับมันเสียแล้วว่าอันไหนมันพูดจริงกันแน่ แต่คงจะเป็นอย่างที่มันอธิบายนั่นแหละ เพราะไอ้แชมป์ก็บอกผมตรงๆ แล้วว่ามันไม่ชอบโอเล่ มันบอกว่าเค้าเป็นคนเห็นแก่ตัว ไม่จริงใจ สารพัดเหตุผลที่ไอ้แชมป์ไม่ชอบขี้หน้าเค้า มันก็ยังคงยุให้ผมเลิกกับเค้ามาตลอด

“อย่างที่มรึงบอก ความรักมันเข้าใจยากว่ะ  ถึงเค้าจะไม่ดียังไงในสายตาคนอื่น แต่ยังไงกรูก็ยังรักเค้าอยู่ดี”

“กรูเข้าใจ”ไอ้แชมป์บอกเสียงราบเรียบ เราคุยกันเรื่องนี้มาหลายทีแล้ว และบทสรุปก็ยังคงเหมือนเดิมเสมอ

ขากลับไอ้แชมป์ขับรถมาส่งผมที่อพาร์ทเม้นท์เพราะวันก่อนที่ไปเที่ยวผมนั่งแทกซี่ไปหามันไม่ได้เอารถไป กว่าจะกลับมาถึงก็สี่ทุ่มเกือบจะห้าทุ่มอยู่แล้ว

“ขอบใจที่มาส่ง ขับรถกลับดีๆ ละ แล้วเจอกัน”ผมบอกลาก่อนจะเดินขึ้นห้อง

พอมาถึงห้องผมก็เห็นบางอย่างที่แปลกไป ที่ชั้นวางรองเท้ามีรองเท้าของใครอีกคนเพิ่มเข้ามา ไฟในห้องเปิดสว่างอยู่ ทั้งที่ตอนออกจากห้องไปผมมั่นใจว่าปิดไฟเรียบร้อยแล้ว เสียงจากในห้องน้ำแว่วมาให้รู้ว่ามีคนกำลังอาบน้ำอยู่ แม้ผมจะอยู่ที่นี่คนเดียว แต่ผมก็ไม่แปลกใจหรอกที่จะมีอีกคนเข้ามา เพราะผมได้ให้กุญแจไว้กับใครคนนึง ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: ระหว่างเราคือ...??? [31-10-2014]
«ตอบ #23 เมื่อ31-10-2014 13:00:45 »

ที่ทำอยู่มันถูกแล้วเหรอไม่มีใครทำร้ายแฟ้มหรอก ทำตัวเองทั้งนั้นเลือกจะเจ็บเอง เบื่อคนแบบนี้

ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: ระหว่างเราคือ...??? [31-10-2014]
«ตอบ #24 เมื่อ31-10-2014 20:49:30 »

แฟ้มเอ๊ยยย เลิกทำตัวโง่ๆได้แล้ว (ชักจะหงุดหงิด)
ส่วนแกไอโอเล่ :z6: :z6: :z6: :z6:

ออฟไลน์ domeloly

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-4
Re: ระหว่างเราคือ...??? [31-10-2014]
«ตอบ #25 เมื่อ31-10-2014 22:08:44 »

แชมบ์น่าจบอกไปตรงๆว่าชอบ

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: ระหว่างเราคือ...??? [31-10-2014]
«ตอบ #26 เมื่อ31-10-2014 23:04:33 »

แล้วยังจะให้โอเล่มายุ่งอีกทำไม
เดี๋ยวมันย้ายตามเข้ามาทำไง

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: ระหว่างเราคือ...??? [31-10-2014]
«ตอบ #27 เมื่อ01-11-2014 07:48:16 »





“ไปไหนมา”คนที่ออกจากห้องน้ำมา ตรงเข้าสวมกอดผมจากด้านหลังพร้อมกับกระซิบถาม ผมขยับตัวให้เค้าคลายอ้อมกอดพร้อมกับถอยออกห่าง

“ไปบางแสนกับไอ้แชมป์มา เดี๋ยวอาบน้ำก่อนนะ นอนก่อนเลยก็ได้”ผมบอกออกไปอย่างไม่ได้ยินดียินร้าย ที่เจอเค้าที่นี่ ทั้งที่เราไม่ได้ค้างด้วยกันนานพอสมควรแล้ว แต่เรื่องเมื่อวันที่ไปเที่ยวมันยังทำให้ผมเคืองเค้าอยู่ไม่น้อย

“ไปกันกี่คน”น้ำเสียงที่ถามไถ่ดูจะห้วนๆ เหมือนไม่ค่อยพอใจอยู่ในที ผมก็พอจะเข้าใจว่าเค้าเองก็ไม่ค่อยชอบไอ้แชมป์เท่าไหร่ แถมเคยบอกให้ผมเลิกสนิทสนมกับไอ้แชมป์อีกต่างหาก แต่ผมไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องทำแบบนั้น นี่คงเป็นเพียงเรื่องเดียวมั้งที่ผมขัดใจเค้า

“อาบน้ำก่อนนะ”ผมไม่ได้ตอบแต่เลี่ยงไปถอเสื้อผ้าเตรียมอาบน้ำ ผมจงใจที่จะใช้เวลาอาบน้ำให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะพอออกไปเค้าจะได้นอนหลับไปแล้ว วันนี้ผมยังไม่อยากพูดคุยหรือมีอะไรกับเค้าเท่าไหร่นัก

“ทำไมช้าจัง”แต่ผมคงยังใช้เวลาในห้องน้ำไม่นานพอ เพราะพอออกมาเค้าก็ยังคงรอผมอยู่เหมือนเดิม และไม่ทันที่จะให้ผมตั้งตัวเค้าเข้ามาช้อนร่างผม อุ้มไปที่เตียงในห้องนอนแทบจะทันที นั่นสินะสงสัยผมคงจะมีค่ากับเค้าแค่นี้ละมั้ง

“วันนี้ไม่ทำได้ไหม”ผมบอกเสียงราบเรียบในขณะที่เค้ากำลังไซร้ไปตามซอกคอผม ทำให้เค้าหยุดชะงักก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผมอย่างไม่เข้าใจ ว่าทำไม

“เราไม่ได้มีอะไรกันนานแล้วไม่ใช่เหรอ”เค้าถามด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ

“วันนี้เหนื่อยนะ เพลียๆด้วย”ผมตอบออกไปตามตรง

“งั้นนอนก่อนก็ได้ พรุ่งนี้เรายังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกทั้งวัน”เค้าบอกเป็นนัยๆว่าพรุ่งนี้วันอาทิตย์ผมคงไม่มีอะไรมาบ่ายเบี่ยงเค้าอีกนะ แล้วเค้าก็ดึงผมไปกอดกระชับไว้ในอ้อมแขนนั้น ทั้งที่ผมยังไม่ได้ใส่อะไรเลย เพราะตอนออกมาจากห้องน้ำก็มีแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียว

“ปล่อยก่อนได้ไหม จะไปใส่เสื้อผ้า”ผมรีบประท้วง เพราะถ้านอนโดยไม่ใส่อะไรเลยแบบนี้ทั้งผมและเค้า เดี๋ยวความต้องการที่จะนอนของผมอาจจะมีอุปสรรคได้

“ไม่ต้องใส่หรอก ง่วงแล้วนอนเถอะ”เกิดง่วงขึ้นมากะทันหันเชียวนะทีเมื่อกี้ยังอยากจะทำอย่างอื่นอยู่เลย และในเมื่อเค้าไม่ยอมปล่อย ผมก็ต้องเลยตามเลย ไม่นานผมก็หลับคงเพราะเพลียจากการเดินทางก็เป็นได้



ผมต้องลืมตาขึ้นเพราะรับรู้ได้ว่ามีมือของใครบางคนกำลังยุ่งกับส่วนอ่อนไหวของผม แสงจากด้านนอกสาดส่องเข้ามา นี่แสดงว่าเช้าแล้ว ผมหันไปหาคนที่อยู่ด้านหลังผม ซึ่งมือของเค้ามันมาวุ่นวายกับแฟ้มน้อยของผม เค้าส่งยิ้มหื่นๆให้ผม แต่ผมยังไม่อยากตื่นเลย อยากนอนต่ออีกสักพัก

“ยังนอนไม่ค่อยพอเลย”ผมบอกเสียงงัวเงีย เพื่อให้เค้ารู้ว่าผมยังไม่พร้อมที่จะร่วมปฏิบัติในสิ่งที่เค้าต้องการ แต่ดูเค้าจะไม่ฟังคำทัดทานนั้นของผมเลย เพราะเค้าเริ่มเอามือป่ายเปะปะไปทั่วแล้ว พร้อมกับกัดเบาๆ ลงที่ไหล่ของผม ก่อนจะถึงให้ผมพลิกหันหน้าเข้าหาเค้า แล้วประกบริมฝีปากเข้าหา ผมพยายามจะขืนตัวออกจากเค้าแต่ดูผมไม่ค่อยจะมีเรี่ยวแรงที่จะต่อต้านเลย

แต่แล้วผมก็มีระฆังช่วยชีวิต เสียงโทรศัพท์ของเค้าดังขึ้น ผมกะว่าอย่างน้อยผมก็คงได้นอนต่ออีกสักพัก แต่เปล่าเลยเพราะดูเค้าจะไม่สนใจเจ้าเครื่องมือสื่อสารนั้นเลย

“รับโทรศัพท์ก่อนสิ”ผมรีบบอกเมื่อเค้าถอนปากออกจากผม เค้าจึงหยิบโทรศัพท์มาดูอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะกดเสียงให้เงียบโดยไม่ได้ตัดสายทิ้ง

“ทำไมไม่รับละ”ผมเอ่ยถามอย่างสงสัยก่อนจะหันไปดูชื่อที่โทรเข้ามา “อ้อน” คือคนที่โทรเข้ามา ก็น่าจะอ้อนเพราะถ้าไม่ใช่คนสนิทชิดเชื้ออะไรคงไม่โทรมาแต่เช้าขนาดนี้

สายตัดไป โดยที่เค้าไม่ได้กดรับ ก่อนจะโทรเข้ามาอีก

“รับเถอะ เผื่อมีอะไรสำคัญ”ผมส่งโทรศัพท์ให้เค้าพร้อมกับกดรับให้ด้วยเลย เค้าจะได้ไม่ปฏิเสธอีก

“ว่าไง”เค้ารับโดยทำเสียงงัวเงียเหมือนคนยังไม่ตื่นนอนทั้งๆ ที่จริงๆ คนตื่นนานแล้วแหละ ก็ตื่นก่อนผมอีกนิ ผมลุกขึ้นเพราะไม่อยากเสียมารยาทฟังคนอื่นคุยกัน แต่พอผมจะลุก เค้าก็ดึงมือผมไว้ไม่ให้ผมลุก

“แป๊บนึงนะอ้อน”เค้าบอกอ้อนก่อนจะวางโทรศัพท์พร้อมกับเปิดลำโพงให้ผมได้ยินด้วยก่อนจะดึงผมเข้าไปไว้ในอ้อมกอดเค้า นี่เค้าคิดจะทำอะไรกัน

“อ้อน เมื่อกี้ว่าไงนะ”เค้าพูดตอบกลับไปอีกครั้ง

“พอดีวันนี้เพื่อนอ้อนชวนไปบางแสนนะ ว่าจะชวนเล่ไปด้วยกัน โทรหาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่โทรไม่ติดโทรศัพท์เป็นไรหรือเปล่า”จะเป็นไรเมื่อวานเค้ายังโทรหาผมได้อยู่นี่นา

“พอดีแบตมันหมดแล้วไม่ได้ดูนะ”เค้าตอบอย่างไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่พร้อมกับขโมยหอมแก้มผม จนผมต้องหันไปทำตาดุๆ ใส่เพราะมันรู้สึกยังไงบอกไม่ถูกเหมือนกัน ผมรู้สึกละอายแก่ใจเสียแล้วละตอนนี้ แม้อ้อนจะไม่ได้อยู่ต่อหน้าตอนนี้แต่แค่ได้ยินเสียงมันก็ทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเหมือนกันที่ผมกับโอเล่ทำอะไรกันแบบนี้

“อืมแล้วนี่จะไปด้วยกันไหม ตามไปทีหลังก็ได้เพราะเล่คงเพิ่งจะตื่นนอน”อ้อนยังคงบอกเสียงใส

“คงไปไม่ไหวหรอกอ้อน พอดีเมื่อคืนเคลียร์งานที่ค้างอยุ่จนดึกนะ นี่ก็เพิ่งได้นอนไปนิดเดียวเอง”ผมหันไปมองคนที่พูดโกหกได้แนบเนียนเหลือเกิน เหมือนเค้าจะทำแบบนี้บ่อยๆ หรือเปล่า ผมเองก็คงเคยได้รับคำโกหกของเค้ามาแล้วเหมือนกันแน่ๆ

“เหรอน่าเสียดายเนอะ แต่ไม่เป็นไร ยังไงก็พักผ่อนเยอะๆแล้วกัน เป็นห่วงนะ”น้ำเสียงของอ้อนดูจะเจือด้วยความผิดหวังอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

“เที่ยวให้สนุกนะ”เค้าเหมือนจะพยายามตัดบทและคิดจะวางสาย แต่เหมือนอีกฝ่ายน่าจะยังอยากคุยกับเค้าต่อ

“เออแล้วนี่ขยันทำงานขนาดนี้ จะรีบเก็บตังค์ไปขอสาวที่ไหนกันน้า”น้ำเสียงหยอกเย้าของอ้อนทำเอาผมหัวใจกระตุกวูบ นั่นสินะตอนนี้ผู้ใหญ่จากทั้งสองฝ่ายก็อยากให้เค้าสองคนแต่งงานกันแล้วนี่นา

“จะให้ไปขอใครที่ไหนได้ เล่ก็มีอ้อนคนเดียวแค่นั้นแหละที่อยากจะไปขอ”คำตอบของเค้าทำเอาผมเจ็บจี๊ดเข้าไปอีก นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ เค้าบีบมือผมเหมือนจะเป็นการปลอบใจ แต่มันไม่ช่วยให้ผมดีขึ้นหรอกนะ ถ้าใครลองมาอยู่ในสถานการณ์อย่างผมตอนนี้จะรู้สึกยังไงกัน

“งั้นก็รีบมาขอนะ พ่อแม่อ้อนคิดสินสอดไม่แพงหรอก ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันเลยเนอะ”ท้ายๆเสียงเหมือนจะตัดพ้อหน่อยๆ หมายความว่าไงกัน ก็ผมเข้าใจว่าเค้าก็ทำงานใกล้ๆกัน ที่พักก็ไม่น่าจะห่างกันมาก จะไปมาหาสู่กันคงไม่ใช่เรื่องลำบากอะไรเลยนี่นา

“เราก็คิดถึงอ้อนเหมือนกัน แต่ช่วงนี้งานมันยุ่งๆนิดหน่อยนะ”ผมพยายามจะไม่สนใจบทสนทนาของทั้งคู่ แต่ในเมื่อต้องอยู่ตรงนี้มันเลยต้องได้ยินทุกคำพูดอยู่ดี

“อืม ยังไงก็อย่าหักโหมงานหนักมากแล้วกัน ไว้เดี๋ยวถ้าเคลียร์งานเสร็จ ช่วงไหนว่างๆ ค่อยไปทานข้าวด้วยกันหน่อยแล้วกันเนอะ”คำพูดนี่เหมือนจะจงใจดักทางไม่ให้โอเล่ปฏิเสธได้อยู่ในที

“อาทิตย์หน้าก็คงว่างแล้วไม่ยุ่งเท่าไหร่ เดี๋ยวจะไปทานข้าวด้วยทุกเย็นเลยแล้วกัน”บอกตรงๆว่าผมอดที่จะมีความอิจฉาไม่ได้ ที่ได้ยินเค้าตกลงว่าจะไปทานข้าวด้วยกันทุกเย็นแบบนี้

“งั้นไว้ค่อยเจอกันนะ เดี๋ยวเล่ นอนต่อเถอะไม่กวนแล้ว”พอพูดจบอ้อนก็วางสายไป เค้าดึงผมเข้าไปกอดอย่างแนบแน่น แน่นจนผมรู้สึกเจ็บ เจ็บจนน้ำตาจะไหลแต่ไม่ใช่เจ็บที่เค้ากอดแต่เจ็บที่ใจ ทำไมผมต้องทนอยู่ในสภาพนี้กันด้วย ผมไม่โทษเค้าเพราะถ้าผมไม่ยอมซะอย่างผมก็แค่ถอยออกมาไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้ แต่นี่ผมยังยอมแล้วจะไปโทษใครได้

ยังไม่ทันที่เราสองคนจะได้คุยอะไรกัน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เป็นของผมเอง เค้าเป็นคนเอื้อมมือหยิบมาให้ผม เค้าทำท่าขมวดคิ้วอย่างสงสัยเมื่อมองเห็นเบอร์ที่โทรเข้า และพอผมรับมาผมเองก็อดที่จะแปลกใจไม่น้อยเลยทีเดียว

“ว่าไงอ้อน”ผมกรอกเสียงลงไปอย่างร่าเริง และไม่ได้แสดงอาการง่วงนอนแต่อย่างใด

“พี่แฟ้ม วันนี้ว่างไหมไปเที่ยวบางแสนกัน”เธอส่งเสียงใสมาตามสาย

“เห็นทีจะต้องขอบายนะ เพิ่งไปกับไอ้แชมป์มาเมื่อวานเอง”ผมตอบไปตามความจริง

“ว้านี่อุตส่าห์อยากเจอ อ้อนไม่ได้เจอพี่แฟ้มนานแล้วนะเนี่ย”ยิ่งอ้อนยังดีกับผมอยู่แบบนี้ผมยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ว่าทำไมผมถึงทำร้ายเธอได้ขนาดนี้กัน

“แล้วนี่ไปกับใครบ้างละ”ถามออกไปอย่างไม่รู้จะพูดอะไรเพราะจริงๆ ถึงอ้อนจะไปกับใครผมก็ไม่ได้อยากรู้เท่าไหร่ อ้อนก็ตอบกลับมา ผมก็รู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง แต่ไม่ได้ใส่ใจฟังเท่าไหร่คนที่กำลังกอดผมไว้ก็ยังคงกอดกระชับเข้าไปเช่นเดิม

“ไม่ชวนโอเล่ไปด้วยละ”ทั้งที่รู้อยู่แล้วก็ยังจะถามออกไป เพื่อจะให้ดูว่าผมไม่รู้จริงๆ เพราะถ้าไม่ถามถึงก็จะดูแปลกๆ ที่ไม่ถามถึงเพื่อนสนิท เพราะยังไงต่อหน้าอ้อนเราสองคนก็ยังคงเล่นบทเพื่อนสนิทกันได้อย่างแนบเนียนเหมือนเดิม

“ช่วงนี้เค้าดูยุ่งๆนะพี่แฟ้ม ไม่ค่อยได้เจอกันเลย แล้วพี่แฟ้มได้เจอเค้าบ้างหรือเปล่า”ถึงอ้อนจะไม่เอ่ยปากออกมาแต่ผมก็รู้ว่าลึกๆแล้วอ้อนคงน้อยใจอยู่มากทีเดียว

“ไม่ค่อยได้เจอเหมือนกันแหละ ก็มีตอนเย็นวันศุกร์ที่ไปเที่ยวกับไอ้แชมป์ ก็เจอโอเล่มันไปเที่ยวกับเพื่อนนะ แต่ไม่ได้คุยไรกับมันมากหรอกแค่ทักทายนิดหน่อย ต่างคนต่างไปนะ”ผมไม่ได้โกหกแต่แค่บอกไปไม่หมดว่าจริงๆ ก็ตั้งใจไปด้วยกันแต่เค้าดันไม่สนใจผมนี่สิ

“พี่แฟ้ม อ้อนถามจริงๆนะ ถ้าเห็นว่าอ้อนเป็นเพื่อน เป็นเหมือนน้องสาวคนนึงก็ตอบอ้อนมาตามตรง”น้ำเสียงจริงจังนั้นเล่นเอาผมใจเต้นไม่เป็นจังหวะหรืออ้อนจะเริ่มสงสัยเรื่องระหว่างผมกับโอเล่เสียแล้ว

“มีอะไรเหรอ”ผมกลั้นใจถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ โอเล่เองก็เหมือนจะแนบหูเข้ามาใกล้ๆ คงจะอยากรู้ว่าผมคุยอะไรกับอ้อน แต่ผมคงไม่เปิดลำโพงให้เค้าฟังเหมือนที่เค้าเปิดให้ผมฟังหรอกนะ

“โอเล่เค้ามีคนอื่นนอกจากอ้อนอีกหรือเปล่า”แสดงว่าอ้อนเริ่มจะสงสัยแล้วว่าโอเล่มีบางอย่างปิดบังเธออยู่

“ทำไมคิดอย่างนั้นละ”ผมก็อยากรู้ข้อมูลจากอ้อนเหมือนกันเพื่อที่จะได้หาทางป้องกันไม่ให้ความลับที่ผมมีกับโอเล่ถูกเปิดเผย

“มันยังไงดีละ คือเหมือนเค้ายังมีใครอีกคนในใจ อ้อนรู้สึกได้ อย่างบางทีอ้อนชวนไปไหนก็บ่ายเบี่ยง เลี่ยงๆ เหมือนจะไปกับคนอื่น หรืออยู่กับคนอื่น อะไรแบบนี้ อ้อนไม่รู้นะว่าพี่แฟ้มจะเข้าข้างเพื่อนพี่ขนาดไหนหรือจะช่วยกันปกปิดกันหรือเปล่า แต่ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็อยากให้พี่แฟ้มเห็นว่าอ้อนก็เป็นเพื่อนพี่แฟ้มเหมือนกันนะ อย่าให้อ้อนโดนหลอกเลย”น้ำเสียงอ้อนเหมือนเริ่มจะสั่นๆ แสดงว่านี่คงอัดอั้นมานานแล้วแน่ๆ

“ไม่มีอะไรหรอกน่าอ้อน อย่าคิดมากเลย ถ้าโอเล่มันไปมีคนอื่นจริงๆ พี่นี่แหละจะสั่งสอนมันเอง”พูดไปได้อย่างไม่อายปากเลยหรือไงกันผม

“ขอบใจนะ เดี๋ยวอ้อนคงต้องไปแล้ว ไว้ว่างๆเราคงได้เจอกันนะ”

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: ระหว่างเราคือ...??? [1-11-2014]
«ตอบ #28 เมื่อ01-11-2014 08:29:34 »

เลวทั้งคู่อ่ะ เอาอ้อนเข้ามาเกี่ยวด้วยทำไม

ออฟไลน์ hembetaro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
Re: ระหว่างเราคือ...??? [1-11-2014]
«ตอบ #29 เมื่อ01-11-2014 18:10:13 »


เฮ้ออออ...สงสารอ้อน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด