ตอนที่ ๘๖ แกล้ง
วันสวนสนามดำเนินมาถึงแล้วหลังจากที่ซักซ้อมกันอย่างพร้อมเพรียง เหล่าทหารออกไปในช่วงหลังเที่ยงครับ ผมไม่ได้ติดสอบห้อยตามผู้หมวดไป อยู่กองร้อยครับ นั่งอ่านหนังสืออีกนิดหนึ่งกับมาโขกหมากรุกกับพี่ๆน้องๆ
วันๆหมดไปแบบไม่มีอะไรมากครับ บ่ายๆออกกำลังกายตาม รปจ. วันนี้หมวดบูมคงจะกลับดึกมั้งครับเห็นว่าจะมีการเลี้ยงนิดๆหน่อยๆ
๕ ทุ่มแล้ว เวรโรงมาปลุกไอ้มหาให้ไปเก็บปืนจากสวนสนาม ผมก็ต้องลุกตามมาด้วยครับไปรับหมวดบูม เที่ยงคืนหมวดบูมกลับบ้านครับ อยากนอนกอดหมวดบูมครับ ช่วงนี้พี่แกมัวแต่ยุ่งงาน กอดจูบลูบคลำไม่ค่อยจะมีโอกาส
รุ่งเช้าเป็นวันที่ทหารใหม่ใจดีเพราะตามธรรมเนียมของผลัด ๒ สวนสนามสาบานธงเสร็จแล้วจะมีการปล่อยลาครับ วันนี้ทหารตื่นตามปกติแล้วจัดการเก็บข้าวของ ขนตู้เตียงที่ยืมจากกองร้อยส่งคืนให้กับแต่ละกองร้อย กว่าจะเสร็จก็เกือบบ่ายโมงแล้วครับ
ระหว่างที่ทหารใหม่ขนของมา ก็มีรุ่นพี่ถามว่าใครตกกองร้อยไหนบ้างเป็นการดูหน้าตา ผมไม่ได้สนใจใครครับ รอดูวันพวกมันขึ้นกองร้อยทีเดียวเลย
“เงียบเนอะ อยากลาบ้างจัง”ไอ้ซันบ่นเบาๆ
“เพิ่งจะลาไปเมื่อเสาร์ที่แล้ว นี่อยากลาอีกเหรอ”
“อยากปลดพรุ่งนี้ อยู่นานแล้วเบื่อ”
“ปลดไปจะทำอะไร”
“ไม่รู้สิ ถามฟางก่อน อาล่ะ จะทำอะไร”
“ทำนามั้ง คงจะกลับไปเลี้ยงลูกอยู่บ้าน”
“ไม่กลัวคนเขานินทาเหรอ แม่ไอ้ติ๊กนี่โคตรตัวแสบ ต่อหน้าจ๊ะจ๋า ลับหลังนี่ ผมไปเจอมาล่ะ แม่งนินทาอาสาดเสียเทเสีย”
“จะสนใจอะไรกับคนปากบอนวะ ก็รู้ๆกันอยู่ว่าแกเป็นคนแบบไหน ทุกวันนี้ใครอยากจะคบบ้างล่ะ ถ้าไม่ติดว่าอยู่หมู่บ้านเดียวกันนะ ไม่มีใครอยากจะคุยด้วยหรอก”
“ก็ปากหมานี่อา เที่ยวนินทาเขาไปทั่ว”
“อ้าว ก็คนมันมีปาก ก็ให้มันพูดไปดิ ใครจะดีจะชั่วก็เรื่องของเขา ถ้ามัวแต่เอาคำคนนินทามาคิดงานก็ไม่เดิน เสียเวลาหาเงินหาทอง นี่ถ้ารวยกว่ากู กูโกรธเลยนะ แต่เขาไม่รวยกว่า กูเลยไม่โกรธ”
“ทำไมอ่ะ”
“อ้าว มึงคิดดูสิ ถ้าโกรธแล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปคิดหาเงินล่ะ พอไม่มีเวลาคิดหาทางทำมาหากิน มันก็จะไม่มีเงิน แล้วก็ต้องเดินไปนินทาคนโน้นทีคนนี้ที แล้วก็จนเหมือนเดิม แทนที่จะเอาเวลาเดินนินทาชาวบ้านมานั่งอ่านหนังสือจะได้มีช่องทางหาเงินหาทองใช้จ่าย หรือไม่ก็เอาเวลาเดินนินทาชาวบ้านไปสงบจิตใจที่วัด เวลามันผ่านแล้วก็ผ่านเลยนะ ใช้ชีวิตไม่คุ้มนี่เสียชาติเกิด"
“อืม แต่ผมเห็นแล้วโมโหอ่ะ ด่าน้องแสบน้องซ่าว่าเป็นลูกกะหรี่ เขาว่าอาไปเที่ยวกะหรี่มา ทำกะหลี่ท้องเลยต้องมาให้ย่าเลี้ยงง๊อกๆ”
“ฮ่าๆๆ มันว่าแต่กู อียุ้ยลูกคนเล็ก ผัวมันตั้งเท่าไหร่ล่ะ น้องกูตั้ง ๕ ปี มีผัวตั้งแต่ ๑๕ พูดอะไรนี่ไม่ดูตัวเอง มึงก็อย่าไปจริงจังอะไรกับคำคนมากนัก ที่มึงต้องใส่ใจอ่ะคือคำพ่อแม่และที่สำคัญ”
“คำของเมีย”ผมยังพูดไม่จบแต่มันเสริมให้
“เออ นั่นแหละ ที่มึงต้องใส่ใจ ไอ้คำของคนห่างไกลไม่ต้องไปยุ่งเขา เขาไม่ได้หวังดีเหมือนญาติพี่น้องเราหรอก พ่อดุแม่ด่านี่สิต้องใส่ใจกับคำคนอื่นน่ะ มันก็เท่านั้นแหละ ก็คนมันมีปากมันก็พูดได้ กูนินทาคนอื่นก็ได้ พูดยังไงก็ได้ ใส่สีตีไข่ยังไงก็ได้ เพราะไม่มีความผูกพัน แต่ญาติเรา เขารักเราหวังดีกับเรา นี่สิต้องใส่ใจ”
“อือ ก็จริงของอา”
“เออดิ”
“มีอะไรเหรอพี่บอมบ์”อีหนูเดินมาถาม
“เปล่า ไม่มีอะไร ไปไหนมาอ่ะ”
“เข้าห้องน้ำมา เฮ้อ แปบๆก็หมดวันแล้วเนอะ”
“เออดิ เวลาไวยิ่งกว่าอะไรดี”
“อยากปลดไวๆ”มันนั่งลงข้างผมแล้วซบไหล่
“พี่หนู อย่าทำแบบนี้ ผมหึงนะ”ไอ้เล็กที่ตบปิงปองอยู่พูดเสียงดัง
“กวนตีน”
“ฮ่าๆๆๆๆ”มันขำครับ
“จะว่าไปมึงก็มีเสน่ห์นะหนู นี่ขนาดกับผู้ชายมึงยังทำให้คนอื่นหวั่นไหวได้ เกิดมึงแมนๆแบบกู กูว่าสาวๆใจละลายหลายคนแน่นอน”ไอ้ซันออกความเห็น
“ก็คนมันหล่อ”
“ได้ยินคำนี้แล้วปวดขี้เลยว่ะ”ผมลุกขึ้นบิดตัว “ไปเยี่ยวแปบ”
“อีพี่บอมบ์ ชิ ไม่เคยจะเข้าข้างกันเลย”
“จ้าๆ”
สิ้นเดือนมกราคมแล้ว อีกไม่กี่วันทหารใหม่คงได้กลับมารางานตัวที่กองร้อย ความวุ่นวายคงจะเพิ่งขึ้นเป็นเท่าตัว พวกรุ่นพี่ยังคงทำงานเหมือนเดิม เรื่องเวรเรื่องยามส่วนใหญ่ผมกับไอ้มหาจะได้เข้าผู้ช่วยสิบเวร กับมีรุ่นพี่อีกคนหนึ่ง สลับกันเข้า เวรโรง เวรกองรักษาการณ์ งานอื่นๆพวกผมจึงไม่ได้ไป ต้องอยู่เข้าเวรผู้ช่วยสิบเวรครับ เป็นลูกมือให้กับสิบเวรครับ
“ตอนบ่ายมีงานอะไรไหม”
“ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่น่าจะไม่มี ผู้หมวดมีอะไรเหรอ”
“อืม ไม่มีอะไรหรอก คิดว่ามีงาน”แล้วพี่แกก็เดินมากอดผมเอาหัวซบ “พี่บอมบ์”เรียกชื่อแล้วเงียบไปครู่หนึ่ง อ้าว กูคิดว่าจะพูดอะไรต่อ
“หืม มีอะไร”
“ไม่มีอะไร อ้อนพี่บอมบ์บ้างอะไรบ้าง”
“หึหึ ขาดความอบอุ่นว่างั้นเหอะ”
“เออดิวะ มัวแต่วุ่นๆกับงาน”
“โอเค งั้นเย็นนี้เดี๋ยวกลับไปนอนกอดเพิ่มความอบอุ่นที่บ้านเอาป่ะ”
“นอนกอดอย่างเดียวนะ”
“ฮ่าๆๆๆ ชอบดักทางอยู่เรื่อยเลย”
“อืม มีแรงทำงานขึ้นมาหน่อยหนึ่ง”หมวดบูมปล่อยผมแล้วยิ้มแป้น
“ผมลงไปข้างล่างนะ”
“อืม”