ตอนที่ ๘๕ กองร้อยฮาเฮ
การฝึกซ้อมสวนสนามยังคงดำเนินไปเรื่อยๆครับ ตอนนี้ทหารใหม่ไม่ต้องฝึกอย่างอื่นแล้ว ฝึกสวนสนามอย่างเดียวสัปดาห์หน้าก็เป็นวันสวนสนามจริงแล้วละครับ สวนสนามเสร็จก็คงจะได้ปล่อยกลับบ้านไปพักผ่อนหลังจากการฝึกเสร็จ ช่วงนี้ผมเองก็เรื่อยๆ ช่วงบ่ายมีงาน รบกับหญ้าฆ่ากับมดก็ยกโขยงกันไปทั้งกองร้อย แต่เวรกองรักษาการณ์ผมไม่ได้เข้าตั้งแต่กลับกองร้อยมาหลังจากวันปีใหม่แล้วละครับ ก็ดีเหมือนกันบางทีไปยื่นก็เมื่อย แต่เวรโรงผมเข้าทุกครั้ง ผมชอบเข้าผลัดดึก ผลัดช่วงเที่ยงคืนถึงตีสอง ตีสองถึงตีสี่ ช่วงที่เขานอนกันผมชอบอาสาเข้า เพราะเรางานเบาอยู่แล้ว คนที่เหนื่อยก็เยอะ อะไรที่เราช่วยๆเหลือกันได้ก็ช่วยกันไปครับ
คราวที่แล้วไอ้มหาไปมันร่วมงานกับแม่หมวดเต้ยมันหอบเงินมาตั้ง ๒ แสนแน่ะ มันบอกว่ามันช่วยแม่หมวดเต้ยขายของได้เยอะ มันเลยได้ส่วนต่างจากกำไรมา ๒ แสน ร่วมๆ ๓ แสน มันก็ใช้หนี้ผมเรื่องค่าใช้จ่ายเมื่อตอนไปเที่ยวทะเลครั้งนั้น ทีแรกผมก็ไม่เอา แต่มันไม่สบายใจ ผมก็เข้าใจครับ ผมก็เป็นเหมือนกันที่เวลาหยิบยืมใครเราก็ต้องให้คืนเขาถึงแม้เขาจะไม่เอา ผมก็รับไว้เท่าที่รับได้ ส่วนที่พอจะคิดเป็นส่วนลดก็เอามาหารๆให้มันลดลง เรื่องเงินทองผมไม่ค่อยลำบากอยู่แล้ว ผมไม่ค่อยซีเรียสเรื่องนี้เท่าไหร่ เพราะความสามารถของผมหาได้ไม่ยาก แต่ไม่ใช่ว่ามันต้องง่ายนะ แค่มันมีทริคเท่านั้นเอง อันนี้ใครสนใจเรื่อหาเงินหาทองก็อ่านหนังสือเยอะๆนะครับ ตอนนี้มีหนังสือแนะนำเรื่องเงินทองเยอะมาก ผมซื้อมาอ่านเรื่อยๆ เดือนละเล่มสองเล่ม ซื้อมาเก็บไว้ ว่างๆนั่งอ่านเล่น บางทีสมองก็ต้องการอาหารคือความรู้เหมือนกัน แม้เราจะไม่ได้อยู่ในวัยเรียน ก็อย่างที่ใครหลายๆคนเขาพูดอ่ะ ยุคนี้อยู่ในยุคข้อมูลข่าวสาร ใครข้อมูลน้อยก็จะด้อยพัฒนา ใครข้อมูลแน่นหนาก็จะก้าวไกล
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ใช่ว่าอ่านดะจนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรนะครับ ไม่รู้สิ แต่ละคนคงมีเทคนิคไม่เหมือนกันเนอะ ผมว่าทุกคนเก่งอยู่แล้ว แต่บางทีมันอาจจะซ่อนอยู่ไหนหลืบไหนสักหลืบในสมองเรา ก็มันมีตั้งหลายหยักนี่นา พยายามงัดความเก่งของเรามาครับ เราเจริญ ทุกอย่างก็เจริญตามไปด้วย บ่นเหมือนตาแก่เลยเนอะ พล่ามมาซะอะไรก็ไม่รู้
“ฝึกเสร็จไปนวดตัวกันอีกไหม”หมวดบูมเอ่ยชวน
“เออ กูว่าจะชวนละ”หมวดเต้ยเห็นพ้อง
“เที่ยวบ่อยนี่เงินเดือนเหลือบ้างป่ะ”ผมถามเล่นๆ
“ไม่พอก็ขอแม่”หมวดเต้ยตอบ
“นี่คือความคิดของคนอายุ ๒๖ เหรอ”
“งั้นขอแฟนก็ได้ แฟนรวย วันก่อนมหาให้มา ๒ หมื่นว่ะ กับทองบาทหนึ่ง ฮ่าๆๆๆ”ไอ้มหามันใช้หนี้บ้าง โอนไปทางบ้านบ้าง ให้หมวดเต้ย เหลือติดตัวเองไม่กี่ตังค์
“บอมบ์ขอสัก ๕ บาทดิ”หมวดบูมแบมือขอ ผมหยิบเหรียญ ๕ ให้ “โว๊ะ ทองครับ ทอง ๕ บาท”
“อ๋อ ทองที่แถมมากับขนมซองละ ๕ บาทเหรอ ที่บ้านเยอะเลย แสบซ่าชอบซื้อมาเล่น”
“เออ กวนตีนละมึง”
“ฮ่าๆๆ จะเอาทำไม ๕ บาท เดี๋ยวถอยรถให้คันหนึ่งเอาป่ะละ รุ่นไหนดี ป๋าจัดให้”ผมตบกระเป๋า
“ถุ้ย รวยหน่อยแล้วมาทับถม รวยจริงซื้อทองแจกทั้งกองพันเลยดิ”หมวดเต้ยพูด
“ท้าผมแบบนี้ผมก็ไม่ทำหรอกหมวดเต้ย ทหารตั้งกี่ร้อยคน คนละบาทๆ เป็นสิบล้านเลยนะ ถามจริง เงินเดือนนี่เหลือกันบ้างป่ะ”
“เหลือนิดหน่อยว่ะ พอเป็นเงินขวัญถุง”หมวดบูมหยิบกระเป๋าออกมาดู ผมไม่เคยยุ่งกับเงินเดือนหมวดบูมเลยนะ นี่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าได้เท่าไหร่ ไม่เคยถาม
“แค่เนี่ย”ในกระเป๋ามีแบงค์เทาใบหนึ่ง แบงค์ม่วงใบหนึ่ง แบงค์แดง ๒ ใบ แบงค์เขียว ๓ ใบ “สู้ผมก็ไม่ได้ นี่ดูนี่”หยิบกระเป๋าตัวเองออกมา มีแต่แบงค์สีเขียวทั้งนั้นเลยครับ ฮ่าๆๆ
“แหมๆ แค่นี้ตัดสินอะไรไม่ได้หรอก ลองเอาสมุดบัญชีไปอัพเดตดูซิ จะได้รู้ว่ากี่หลักกันแน่”
“หึหึ เออ เก็บเงินไว้บ้างนะ อย่าใช้กันเยอะ เก็บไว้ลงทุนบ้าง”
“อืม กูก็คิดนะบอมบ์ แต่บางครั้งกูก็คิดว่ากูไม่รู้จะทำเพื่อใคร ถ้ามหามันท้องได้ มันค่อยน่าคิดหน่อย ไม่เหมือนมึง ไข่ทิ้งไปทั่ว”
“ไม่มีใครให้คิดถึงก็คิดถึงตัวเองดิ แก่ตัวไปค่าใช้จ่ายมันก็เยอะอยู่นะ ไม่มีใครให้รับผิดชอบ ก็เอาเงินที่เหลือกินเหลือใช้ไปบริจาคดิ ที่พอมีพอกินก็เก็บไว้ อันไหนเหลือใช้ก็เอาไปบริจาค ได้ทำบุญด้วย”
“เออว่ะ ตายไปก็แบกเอาอะไรไปไม่ได้เนอะ”หมวดเต้ยพยักหน้าเบาๆ
“ใครจะแบกไป มีแต่คนอื่นนี่สิจะแบกเรา นอนในโลงให้เขาแบกใส่เตาเผา”หมวดบูมเอาด้วยอีกคน
“มีอะไรเหรอ ใครอยากกินมันเผา”ไอ้มหาเข้ามาในห้อง
“คนละเรื่องเลยมึง เขาพูดถึงเรื่องเผาศพอยู่”หมวดบูมหันไปตอบ
“อ้าวเหรอ ใครตายอ่ะ”
“มึงอ่ะแหละ”หมวดเต้ยชี้หน้า
“ฮ่าๆๆ ผมไม่ตายง่ายหรอก เกิดตายพรุ่งนี้คนแถวนี้ร้องไห้ขี้มูกโป่งพอดี แต่ไม่ต้องกลัวหรอก ตายกันทุกคน ทุกคนได้สิทธิ์ตายคนละหนึ่งสิทธิ์ แต่ใครจะตายก่อนตายหลัง ตายแล้วฟื้นค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง นี่พูดเรื่องตายไม่กลัวตายกันเหรอ”
“ไม่รู้ กลัวมั้ง แต่พวกเราก็ผ่านวินาทีเป็นวินาทีตายมาเยอะแล้วมั้งเนอะเต้ย”
“อืม ก็เตรียมตัวไว้ก็แล้วกัน เราไม่รู้หรอกเราจะอยู่หรือเราจะไปวันไหน”
“พูดเป็นลางนะมึง”ผมพูด
“ไม่พูดมันก็เป็น ก็อย่างที่บอก มันไม่มีกำหนด แล้วทุกคนก็ได้สิทธิ์นั้นอย่างเท่าเทียมกัน แล้วแต่ใครจะได้ก่อนได้หลังเท่านั้นเอง ที่พูดว่าให้เตรียมคือ เตรียมใจ ไม่ใช่เตรียมตัว เพราะทุกคนมีความพลัดพรากกันเป็นของธรรมดา ถ้าเข้าใจเรื่องธรรมดาๆพวกนี้ เราจะเป็นคนไม่ประมาท”
“อืม กูก็เป็นเด็กดีอยู่นะ เชื่อฟังมึงทุกอย่าง”หมวดเต้ยยกหางตัวเอง
“ดีมาก ขอจุ๊บหน่อย”ไอ้มหามันก้มลงจุ๊บแก้ม “น้องบูมด้วย น้องบูมก็เป็นเด็กดี”
“กูว่าเหมือนกับผู้ใหญ่พูดกับเด็กเลยว่ะ อ่ะๆ จุ๊บก็จุ๊บ”หมวดบูมยื่นแก้มให้
“เค็มทั้งคู่ ฮ่าๆๆๆ”
“อ๋อ น้ำลายไอ้บอมบ์ว่ะ”ทั้งบูมทั้งเต้ยพูดพร้อมกัน
“ฮ่าๆๆๆๆ”ผมหัวเราะบ้าง
“กูนี่ย้ำรอยไอ้บอมบ์ตลอด มีตรงไหนที่ไอ้บอมบ์ไม่เคยหอมบ้างเนี่ย”
“แหม ล้อเล่นบ้างอะไรบ้างนี่ไม่ได้เลยนะ คนเพิ่งจะขึ้นมาพักตะกี้ๆนี่เอง”หมวดบูมต่อว่า
“อ้าว ก็เห็นพูดพร้อมกัน ก็คิดว่าจริง แล้วนี่จะฝึกอีกกี่โมงอ่ะ บ่าย ๓ เหรอ”
“๓ ครึ่ง เดี๋ยวก็ลงไปละ ขึ้นมาตากแอร์เฉยๆ”หมวดเต้ยตอบ
“ระวังเป็นหวัดนะ ฝึกในแดดร้อนๆแล้วมาตากแอร์เย็นๆ ร่างกายมันปรับไม่ทัน”มหาเตือน
“บอกเคยฟังที่ไหนละมหา บอกไปก็ตอบมาว่า กูผ่านการฝึกตรงนั้นมาแล้วตรงนี้มาแล้ว ไม่เห็นจะเป็นไร พอเป็นก็บ่นว่าไม่น่าเลยกู”ผมพูดเสียดสี
“ครับคุณพ่อทั้ง ๒ คน ลูกเชื่อแล้วครับ”
“ดีมาก ป่ะบอมบ์ กูมาตามมึงลงไปเตะตะกร้อเนี่ย ผู้หมวดเล่นป่ะ”
“อือๆ เอาเลย เดี๋ยวลงไปฝึกละ”
ตอนนี้สนามตะกร้อเต็มไปด้วยทหาร ที่จริงสนามนี้ไม่ใช้ของกองร้อยผมนะครับ เป็นของร้อยข้างเคียงแต่คนเขาน้อย เขาไม่ค่อยได้มาใช้งานเท่าไหร่ มีแต่กองร้อยพวกผมนี่แหละครับที่มาใช้บ่อยๆ ผม ไอ้มหา ไอ้ซัน ทีมหนึ่ง อีกทีมก็ไอ้เฉิน ไอ้นนท์ ไอ้เล็ก เตะกันฮาเฮครับ
เล่นไปก็แพ้ครับ อีกทีมเข้าแน่นอนกว่า จากนั้นอีกทีมก็ลงมาเล่น พวกผมนั่งเชียร์กันที่ข้างสนาม สนุกมากครับ หมู่อาร์ตมาด้อมๆมองๆ จะชวนทหารไปเตะบอลหน้ากองร้อย แต่ไม่ค่อยมีใครอยากเตะด้วยครับ มันเป็นหลายครั้งแล้ว ถ้านายสิบคนอื่นมาชวนนี่ไปนะ แต่หมู่อาร์ตคนเขาไม่ค่อยชอบกันทั้งกองร้อย
“เล่นป่ะพี่หนู”ไอ้เล็กชวน
“ชวนถูกคนนะมึง”
“อ้าว ก็เห็นเตะฟุตซอลก็ได้ แบตก็ตีได้ ตะกร้อก็ต้องได้ดิพี่”
“อันนี้เล่นไม่เป็นจริงๆ ขอเชียร์ข้างสนามดีกว่า”
“เตะบอลป่ะละ ใครจะเตะบอลกับกูบ้าง”ผมถามชวนรุ่นน้องที่นั่งดู
“เตะบอลเว้ยๆ”หลายคนลุกมา จากนั้นพวกผมก็ยกแก๊งกันมาเตะกันที่หน้ากองร้อยครับ เล่นกันล้งเล้งๆ หมู่อาร์ตพยายามเข้ามาเล่นด้วย แต่ไม่กล้าครับเพราะผมยังครองสนาม ที่ไหนมีผมตรงนั้นหมู่อาร์ตจะอยู่ในซอกในหลืบ ผมไม่ได้สะใจหรอกที่เขาเป็นแบบนั้น กลับคิดสงสารมากกว่า เพราะความบ้าหน้าใหญ่ คิดว่าตัวเองใหญ่คับฟ้า ดีนะเจอไม้ซุงท่อนไม่ใหญ่เท่าไหร่ สมมติว่าเจอไม่ซุกท่อนใหญ่กว่าผม ผมว่าอ่วมครับ แล้วตัวเองก็ทำตัวเองไม่ดีด้วยล่ะครับ มีอย่างทีไหนแดกทหารแบบไร้สาระมากๆ คือ สั่งแดกแล้วตัวเองขำกิ๊ก ทหารเกณฑ์บางครั้งก็เหมือนเป็นตัวตลกของเขา ผมและคนอื่นๆไม่พอใจตรงนี้แหละครับ แต่หลังๆแดกน้อยลงครับ ทำอะไรระมัดระวังตัวมากขึ้น ส่วนผมเหมือนเดิมครับ ก็มีบ้าๆบอๆไปบ้างครับ
“พอแล้วเหรอ”มหามันถามตอนนี้เหงื่ออาบเต็มตัว
“อืม เหนื่อยแล้ว ไปดูหมวดบูมสวนสนามดีกว่า”ผมเดินไปหยิบมือถือที่วางไว้บนเก้าอี้ข้างสนามแล้วเดินไปที่ลานรวมพลครับ ลานรวมพล ลานพระรูป นี่เป็นที่เดียวกันนะครับ แล้วแต่จะเรียกว่ายังไง
“รูปละร้อยนะ”หมวดเต้ยยักคิ้วให้
“ไม่ต้องถ่ายเยอะก็ได้ รู้ว่าหล่อว่ะ”หมวดบูมเอาบ้าง
“.....”ผมไม่พูดอะไรครับ ยิ้มอย่างเดียว สัปดาห์ก็เป็นวันจริงแล้วครับ พรุ่งนี้ไปซ้อมกันที่สนามใหญ่ครับ ซ้อมกัน ๒ ครั้ง มีพรุ่งนี้ กับอีก ๔ วันข้างหน้า จากนั้นก็เป็นวันจริงครับ
ถ่ายรูปจนพอใจกลับมาเล่นเวทต่อ ตอนนี้ใต้ถุนกองร้อยเครื่องออกกำลังกายแต่ละเครื่องผู้กองซื้ออะไหล่มาซ่อมเรียบร้อยแล้วครับ ตอนยังไม่ซ่อมนะ โห ใช้งานอะไรไม่ได้สักอย่าง ผมละเสียดายเครื่องครับ มันมีประโยชน์มาก พวกดัมเบลที่หล่อด้วยปูน ผู้กองสั่งทำลาย แล้วซื้ออันใหม่มาครับเป็นเหล็กอย่างดีครับ หมดไปหลายหมื่นเหมือนกันครับ พวกผมเองก็เรี่ยไรกันในวันเงินเดือนออก เก็บกันคนละร้อยช่วยกองร้อยออก จะได้เล่นร่วมกัน
ยืนยกดัมเบลมองกระจก หุ่นเริ่มเข้ารูปเข้ารอยหลังจากที่ปล่อยให้อ้วนมาหลายเดือนครับ ไอ้มหานี่ไม่ต้องพูดถึงครับ มันล่ำขึ้นทุกวัน หุ่นมันนี่น่าน้ำลายไหล รวมหน้าตาของมันไปแล้วก็กินขาดครับ
ตกเย็นโทรหาแม่สักหน่อย ลูกผมก็ซนครับ ป่วน แม่ผมไล่จับไม่ทันหรอกครับ ตอนนี้แม่ผมใช้แท็บเล็ตเป็นแล้วครับ เพราะบิวสอนใช้งาน ผมเลยวิดีโอคอลคุยกับแม่ ที่บ้านอากาศเย็น ลูกผมก็ซน พอเรียกมาคุยด้วยป่วยแม่ผม แล้วชอบทำตาแบ๊วๆด้วย อยากกลับบ้านไปกอดลูกเลยครับ