- 2 -“อ้าว!..พี่ขู่ผมนี่หว่า ตกลงขอเป็นแฟนหรือบังคับเป็นทาสห๊ะ!”
“กูขอมึงเป็นแฟนดีๆ ถ้าลีลามากกูคงบังคับ หรือมึงอยากโดนปล้ำก็ลองเล่นตัวดูสิ
กูแดกตับเสร็จไม่สนใจ อย่าบีบน้ำตาเรียกร้องความสงสารจากกูเอาทีหลัง
ถึงตอนนั้นกูไม่ชายตาแล ว่ากูใจดำไม่ได้นะครับ” โหวิธีจีบขอคนเป็นแฟนหัวหน้าวงกูหรือนี่
ไม่เคยพบเคยเห็นพูดจาโคตรติสส์..ชนิดเอาแต่ใจของตัวเองเป็นที่ตั้ง นึกหรือว่าขู่แบบนี้ไอ้ป๊อปจะหงอให้พี่ครับ..?
“ถ้างั้นก็แล้วแต่พี่เถอะ ผมไม่เหลือทางเลือกแล้วนี่ แต่มีข้อแม้ถ้าจะคบกันก็ต้องทำตัวปกติ
ไม่เปลี่ยนแปลงแตกต่างไปจากเดิมตกลงไหม?”
“พ่องมึง..เด็กสัส! เป็นแฟนกูไม่มีอะไรคืบหน้ากูจะขอคบมึงทำไม
คนเป็นแฟนกันมีบางสิ่งบางอย่างต้องทำร่วมกัน มึงเคยมีแฟนเปล่าวะ”
“ไม่เคยอ่ะ แม่บอกอย่าริรักในวัยเรียนรอให้โตก่อน แปลกอะไรที่ผมไม่มีแฟนครับ
คนส่วนใหญ่ที่ไม่มีก็เยอะแยะ ผมคงไม่ดูประหลาดมั้งพี่”
“อืมปกติดีทุกอย่างไม่ประหลาดหรอก แค่แตกต่างจากตัวผู้ทั่วไป
รูปร่างหน้าตาอย่างมึงคงเฉพาะตัวผู้เท่านั้นล่ะที่มาจีบ
ตัวเมียตัวแม่คงไม่มีใครกล้าจีบคนที่ดูน่ารักเกินหน้าเกินตาหรอกมั้ง..” อนาถตัวเองชะมัด
“ผมไม่เถียงที่มีรุ่นพี่รุ่นน้องผู้ชายมาจีบบ้าง แต่ไม่ใช่สาวๆ จะไม่มีมาจีบผมเสียหน่อย
เพียงแต่ผมยังไม่คิดเลยไม่ตอบรับไมตรีใคร” เรื่องจริงครับ ผมเน้นเรียนเล่นดนตรีนารียังไม่คิด
แปลกอะไรที่อยากใช้เวลาสนุกเฮฮากับเพื่อนฝูง ซึ่งมีความชอบรสนิยมเหมือนกันอย่างกลุ่มเพื่อนสนิทของผม
ดีกว่าเสียเวลาเทคแคร์ดูแลใช้เวลากับแฟน อย่างที่เพื่อนบางคนมันคบกัน
สร้างโลกส่วนตัวของฉันกับเธอ ซึ่งผมยังไม่พร้อมที่จะเป็นแบบนั้น
“มึงต้องรับไมตรีกูแล้ว..จบป่ะ” ว่าแล้วรวบรัดเอาแต่ใจชะมัด
“จบครับ แต่กิจกรรมที่คนเป็นแฟนเขาทำกัน ผมไม่ค่อยรู้หรอกนะ
ยังไงพี่ก็ช่วยบอกผมหน่อย มีแค่นี่ใช่ป่ะ..ผมจะไปแปรงฟันเข้านอนแล้ว”
“เดี๋ยวกูสอนให้ ของแบบนี้กูสอนมึงแน่ บทเรียนแรกจูบเป็นเพียงบางส่วนที่คนรักต้องทำร่วมกัน”
ผมรีบเดินหนีเข้าห้องน้ำในทันที ไม่อยู่รอให้ไอ้พี่ร็อคหัวเราะเด็ดขาด บ้าชะมัดของแบบนี้ต้องทำร่วมกันด้วยเหรอ
แล้วต้องบ่อยแค่ไหนวะ เมื่อตะกี้หัวใจกูยังควบคุมให้เป็นปกติไม่ได้เลยนะ แค่นึกถึงก็รู้สึกใจเต้นตึกตักเสียแล้ว
การตกปากรับคำเป็นแฟนกับพี่ร็อค แบบไม่เหลือทางเลือกโดยที่ผมเองยังคงงุนงงปนสับสนอยู่เช่นกัน
ทำไมถึงหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ แต่ผมมีเหตุผลใช้เป็นน้ำหนัก
ที่ไม่ยอมดื้อแพ่งปฏิเสธจริงจังถึงขั้นแตกหักกันไปข้าง นั่นเป็นเพราะผมไม่อยากเสี่ยงโดนพี่เขาเกลียด
แล้วอนาคตของการเป็นนักดนตรีในวงฐานะมือกลองที่ผมใฝ่ฝัน
ก็ต้องล่มสลายกลายเป็นอากาศธาตุไปด้วยเช่นกัน ผมคงอยู่ไม่ได้ถ้าหากหัวหน้าวงเหม็นขี้หน้า
แล้วจะร่วมวงกันยังไงล่ะ ไอ้ผมมันแค่ตัวประกอบเล็กๆ ที่ฝันใหญ่
จะทำอะไรได้นอกจากเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋ากลับภูมิลำเนาบ้านตัวเอง
ส่วนวงดังอย่าง Lucky One คงไม่จนปัญญาที่จะจ้างมือกลองอาชีพฝีมือดีขั้นเทพมาเล่นแทน
เมืองไทยใช่สิ้นไร้มือกลองเสียหน่อย ผมสิกลายเป็นฝันไม่ไกลไปไม่ถึง
เพราะไม่ยอมเป็นแฟนหัวหน้าวงผู้บ้าอำนาจ นิสัยประหลาดพิลึกอยู่พอสมควร
ไม่คิดไม่ฝันวันดีคืนดีดันเผลอจูบผมเข้า ขอคบเป็นแฟนได้อย่างหน้ามึน โดยที่เราทั้งคู่ยังงงในความสัมพันธ์พอกัน
“สิ่งแรกของคนเป็นแฟนกัน ก่อนนอนต้องไม่ลืมเอ่ยราตรีสวัสดิ์”
เริ่มแล้วครับ พอเข้านอนเหลือดวงไฟริบหรี่ตรงผนัง เสริมบรรยากาศให้เหมาะแก่การเสียตัวขึ้นไปอีก
“ครับ..ฝันดีครับพี่” ไหลตามน้ำ หลังเกร็งนิดๆ
“เดี๋ยว!..ไม่ใช่แค่พูด”
“..>”<!!!..” เริ่มมีเหงื่อผุดซึม
“กูทำให้ดูก่อน..จุ๊บ!..ฝันดีครับป๊อป!” หน้าจะระเบิด จะมาจุ๊บแก้มกูทำม่ายยยย!!
ใจอยากดึงผ้าห่มขึ้นคลุมมิดหัวไปเสียเลย แต่ถ้าหากผมทำแบบนั้นก็เท่ากับผมยอมรับว่าเขิน
รู้สึกแปลกๆ ต่อสิ่งที่ถูกกระทำจากพี่เขา อาจทำให้พี่เขาคิดไปไกลได้
เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดในเชิงที่จะส่อให้มีความล่อแหลมเป็นอันตรายต่อเสถียรภาพร่างกาย
จึงต้องฝืนยิ้มให้พี่เขาด้วยสภาพที่หน้าเหมือนกำลังจะไหม้เกรียมเป็นเถ้าถ่าน
“มึงจุ๊บกูสิ..ทำแบบตะกี้ ตั้งแต่คืนนี้เรามาบอกราตรีสวัสดิ์กันนะ”
เงิบ! ชนิดถ้านอนชิดขอบเตียงผมคงร่วงลงไปเคร้งเต็ง โดยไม่ต้องสงสัยถึงสาเหตุ
พอจ้องหน้าหนุ่มกล้ามสวยที่โชว์หรา เพราะใส่เสื้อแขนกุดเข้านอน กำลังรอคอยอย่างคาดหวัง
จึงได้แต่ลอบสูดลมหายใจยาวเพิ่มความกล้าให้กับตัวเอง อาการเต้นของหัวใจยังคงไม่ปกติ
ยอมเคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้แก้มขาวบรรจงจรดปลายจมูก แล้วสูดหอมแทนการแนบริมฝีปากเหอะ!
“พรืดด!! ฝันดีครับพี่ร็อค” ไอ้หย๋า! ทำไปแล้วรีบหันหลังขวับให้เร็ว ตีเนียนว่ากูหลับล่ะครับพี่ท่าน
“หึหึ!..กอดหน่อยนะ” ไม่ทันอนุญาตก็มีวงแขนใหญ่รวบเอวรั้งเข้าไปแนบชิดแผ่นอกหนา
รับรู้ชัดเจนแบบไม่ต้องหันไปดู ภาพในมโนจนรู้สึกกระจ้อยร่อยลงไปถนัด
ทำไมกูตัวเล็กแบบนี้ จมหายเข้าไปเหมือนพี่เขาเอาไปกกเป็นแม่ไก่ แบบนี้กูจะหลับลงไหม?
เสียงหัวใจแข็งแรงเต้นเป็นจังหวะดังอยู่ในหู เป็นหัวใจของพี่ร็อคที่ผมต้องคอยบังคับการดึงลมหายใจเข้าออกของตัวเอง
ให้มันเป็นจังหวะเดียวกันอย่างเกร็งๆ พะวักพะวงหวั่นหวาดว่าจะมีอะไรตามมาอีกไหมหนอ
สุดท้ายพี่เขาก็แค่กอดผมไว้ในอ้อมแขน ลมหายใจสม่ำเสมอให้รู้ว่าคนด้านหลังที่แนบชิดขณะนี้
เข้าสู่นิทราไปแล้วเรียบร้อย ผมคลายกังวลและผล็อยหลับตามพี่เขาไปในที่สุด
รู้สึกอึดอัดคล้ายกับร่างกายถูกกดทับจากของหนัก จนต้องดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้น
แต่เหมือนเรี่ยวแรงของผมไม่สามารถผลักดันสิ่งนี้ออกไปจากร่างของผมได้
ค่อยปรือตาตื่นสิ่งแรกที่เห็นคือใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ของใครคงเดาไม่ยาก
อยู่ใกล้ชนิดปลายจมูกโด่งชนแก้มพ่นลมหายใจอุ่น แพขนตาหนาหลุบปิดบังดวงตาคมเอาไว้
ริมฝีปากอิ่มได้รูปสีเรื่อผมรู้ดีว่ามันนุ่มและให้ความรู้สึกแบบไหน พานให้หน้าร้อนผ่าวยามที่เผลอไปคิดเข้า
วงแขนสมบูรณ์ด้วยมัดกล้ามงาม พาดผ่านลำตัวผมพร้อมกับท่อนขาแกร่งภายใต้กางเกงนอนผ้าฝ้ายเนื้อดี
ก่ายขวางลำตัวช่วงล่างของผมประหนึ่งหมอนข้างไปแล้ว คือสาเหตุที่ทำให้ผมรู้สึกแบกน้ำหนักเอาไว้
จนอึดอัดหายใจไม่ทั่วท้อง ในวินาทีที่ตื่นเต็มตาจึงไม่ยากนอนต่อ
โดยเฉพาะตอนนี้บางสิ่งบางอย่าง โป่งนูนดุนชิดสะโพกผมจนรับรู้ถึงความแข็ง
เผลอมโนไปถึงขนาดวัตถุที่สำแดงรูปลักษณ์ให้จินตนาการ คือปัญหาที่ทำให้ไม่สามารถนอนนิ่งต่อได้อีกสักวินาที
ค่อยขยับจับชิ้นส่วนของอวัยวะร่างกายรูมเมท ซึ่งกลายเป็นแฟนชั่วข้ามคืนอย่างเบามือยิ่งยวด
เพื่อไม่ต้องการให้คนหลับรู้สึกตัวตื่น แอบมุดตัวรอดออกมาเป็นผลสำเร็จ ก่อนจะจรลีหนีเข้าห้องน้ำไปในชั่วพริบตา
แม่งเอร้ย! อิจฉาว่ะ..พ่อให้มาทำไมขนาดน้าน!!..มันไม่ยุติธรรมเลยสักนิด
“ไงมึง..ตื่นเช้าเชียว” พี่เกรย์ทัก หลังเดินเช็ดหัวด้วยผ้าขนหนูเล็ก คาดว่าน่าจะเพิ่งสระผมมาแหง๋ม
ตรงดิ่งมายังโต๊ะอาหาร ซึ่งปกติมื้อเช้ามีกาแฟ โอวัลติน ขนมปังเนย ไข่ดาว เบคอน
แล้วแต่ใครบริโภคอะไรเตรียมไว้รอบริการโดยฝีมือแม่บ้าน เธอจัดสรรตั้งแต่หกโมงครึ่งเป็นประจำทุกวัน
พวกผมโผล่ออกจากห้องก็มีของเหล่านี้เตรียมรอไว้แล้ว
“เช้าที่ไหน เจ็ดโมงแล้วเนี่ยะ” ตอบไปงั้น ปกติจะออกจากห้องราวเจ็ดโมงครึ่ง
ไม่แปลกที่วันนี้ยังไม่เจ็ดโมง พี่เกรย์พอเห็นผมเข้าถึงได้ถาม
“ทุกทีมึงออกมาเจ็ดโมงครึ่ง สำหรับกูถือว่าเช้าผิดปกติ”
“พี่สังเกตผมขนาดนั้นเชียว” แอบหยอกให้เขินเล่นเสียหน่อย
“มึงรู้เปล่า ในบรรดาพวกกูคนตื่นเช้าสุดคือใคร” พี่เขาเปลี่ยนเรื่อง
“ใครครับ..”
“กูไง..กูตื่นตีห้าครึ่งติดเป็นนิสัย ตั้งแต่สมัยเรียนกระทั่งเดี๋ยวนี้”
“อ่า..ครับ”
“มึงไม่ถามหน่อยเหรอ กูบอกทำไม”
“แล้วพี่บอกผมทำไมครับ” ถามเสียหน่อย เดี๋ยวจะหาว่าไม่ใส่ใจ
“เพราะกูตื่นเช้าสุด จึงรู้เวลาที่มึงโผล่หัวออกจากห้องยังไงล่ะ”
“อ๋อ..เป็นเช่นนี้เอง” ผมก็เล่นไปกับแกด้วย
“กาแฟแก้วดิ น้ำตาลไม่ต้อง คอฟฟี่เมทไม่ใส่ แฟดำเพียวๆ”
“ให้ผมชงให้หรือครับ แล้วกาแฟกี่ช้อน” ใช้ผมเฉย
“สองช้อน” บริการตามคำสั่ง พี่แกรับแก้วไปค้นเอง พร้อมกับจ้องหน้าผมไปด้วยอย่างพินิจพิเคราะห์
“มองอะไรพี่”
“มึงน่ารักเกินกว่าจะเป็นผู้ชายว่ะ..ป๊อป” สมควรภูมิใจไหม
“ผมเลือกได้ป่ะล่ะ ผมก็อยากหล่อ สูงใหญ่ ดูเท่อย่างพวกพี่นิ”
“มึงเป็นแบบนี้แหละเหมาะแล้ว กูนึกภาพให้มึงมีรูปร่างอย่างที่บอกไม่เข้าจริงๆ
ดูตลกไม่เหมาะกับมึงหรอก ขนาดไอ้ร็อคผู้ซึ่งไม่หวั่นไหวกับใครมานานหลายปี
มันยังเผลอใจให้มึงไปเลย” เอาแล้วไง
“พี่ก็พูดไปเรื่อย พี่เขาไม่คิดอะไรขนาดนั้นหรอก”
“ไม่คิดมันจะกินตับมึงเหรอ..กูคบกันมากี่ปีเคยมีประวัติไหมที่มันจะแดกตับผู้ชาย
มึงคนแรกนะโว้ย ทำเพื่อนกูยอมเปลี่ยนจุดยืนได้”
“ผมไม่รู้ไปสะกิดโดนอะไรพี่เขาเข้านะครับ ถึงได้เปลี่ยนแนวขึ้นมา
เอาเป็นว่าเราเลิกพูดเรื่องนี้ดีกว่า ว่าแต่พี่คมยังไม่ตื่นหรือพี่” ผมรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
ไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ ในขณะที่พี่เกรย์พี่คมยังมีความเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของผมกับพี่ร็อค..
ชนิดข้ามขั้นไปไกลกันแล้วเรียบร้อย
“มันมักตื่นเป็นคนสอง ตื่นสายสุดคือไอ้ร็อค”
“ครับ..ว่าแต่วันนี้เราจะซ้อมตามโปรแกรมเดิมใช่ป่ะ”
“อืมวันนี้ซ้อมให้แน่น พรุ่งนี้วันหยุดใครอยากทำอะไรตามสะดวก
พวกกูมีแพลนไปดริ๊งค์ร้านประจำ..มึงจะไปด้วยไหม” มีน้ำใจชวนผมด้วย
“ผมขอบายดีกว่า ผมนัดเพื่อนกลุ่มเดิมไว้แล้ว” ผมได้ไลน์นัดกับพวกไอ้ขิง
ไอ้นิน ไอ้แต๊กไปนั่งชิวๆ ในห้างร้านประจำของพวกเรา
“อืม..อย่าลืมกลับก่อนเที่ยงคืนนะมึง” พี่เขาย้ำเวลากลับ
“ไม่ถึงหรอกพี่ พวกผมเฮฮาไม่มีของมึนเมา ดูหนังสักรอบคงกลับ
ว่าแต่พวกพี่เถอะไปดริ๊งค์แบบนี้ ไม่กว่าทัพนักข่าวกับแฟนคลับตามเหรอ”
“ร้านนี้ของรุ่นพี่พวกกู มีห้องหับมิดชิดใช้บริการกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย
เป็นร้านที่พวกกูเริ่มเล่นดนตรี นานทีขอไปรำลึกอดีตย้อนความหลังกันเสียหน่อย
ไม่ได้ไปปรากฏตัวให้เป็นจุดเด่น สบายใจได้เลย”
“อ๋อเป็นแบบนี้ ไว้โอกาสหน้าผมขอตามย้อนรอยประวัติศาสตร์
จุดกำเนิดของ Lucky One ด้วยนะครับ เสียดายที่ผมติดนัดเพื่อนไว้แล้ว”
“ไม่เป็นไรพวกกูยังจะไปกันอีก ก่อนไปทัวร์คอนเสิร์ตใหญ่”
“ครับ..ไว้ผมไปคราวหน้าแทน” จังหวะพี่คมเดินหน้าใสออกจากห้องมาพอดี
ทำให้ผมกับพี่เกรย์ยุติการสนทนา สนใจสมาชิกที่มาใหม่แทน
“กาแฟกูแก้วดิ” พี่คมหันไปสั่งพี่เกรย์
“จัดให้มันหน่อยไอ้น้อง แบบเดียวของกู” ตกเป็นหน้าที่ผม
คาดว่านับจากนี้คงกลายเป็นแจ๋วชงกาแฟให้พวกพี่เขาตามระเบียบ
“พี่ร็อคกินแบบเดียวพวกพี่หรือเปล่า” ถามเผื่อไว้เลยดีกว่า
“อืม..พวกกู 4 คน บริโภคแบบเดียวกันหมด ที่เน้นกาแฟดำเพราะสมัยเรียนอ่านหนังสือกันดึก
ทำโปรเจคหามรุ่งหามค่ำ เล่นดนตรีช่วงดึกอีกจึงต้องอาศัยกาแฟดำช่วยให้ตาสว่าง เลยติดแบบนี้ไม่เคยเปลี่ยน”
“อ่าครับ..” ยื่นแก้วกาแฟให้พี่คมรับเอาไป
“ขอบใจไอ้น้อง..ผัวมึงล่ะยังไม่ตื่นหืม”
“แค่กๆๆ!!...” สำลักโอวัลตินที่ยกจิบ หน้าดำหน้าแดงเลยกู พี่เกรย์รีบส่งน้ำเปล่าให้ผมทันที
“เฮ้ย! หนักเปล่าวะ..เอ้าค่อยจิบ” ผมรับมาจิบช้าๆ ค่อยดีขึ้นมาก
“อะไรของมึง พูดเรื่องจริงดันสำลัก” พี่คมส่ายหน้าไม่ได้รู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้ผมสำลักเลยสักนิด
“มึงไม่ต้องเน้นฐานะมันขนาดนั้นก็ได้ ถามแค่ไอ้ร็อคยังไม่ตื่นก็พอ
นี่มึงเล่นผัวเต็มปากเต็มคำ เป็นกูก็สำลักหว้า!!” พี่เกรย์ช่วยแก้สถานการณ์
ผมรู้สึกซาบซึ้งชื่นชมพี่เขาอย่างท่วมท้น
“กูไม่ได้พูดพร่ำเพรื่อเสียหน่อย แค่พูดในกลุ่มจะอายไปทำไมกัน ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย
มึงเป็นเพื่อนสะใภ้เมียไอ้ร็อค ถือเป็นคนใกล้ชิดคุ้นเคยกับพวกกู ไม่ต้องมาองมาอาย หัดชินไว้ด้วย”
พี่คมแถหน้ามึนมาก ธาตุแท้แต่ละคนโคตรจะตรงไปไหนครับพี่
“มันพูดก็ถูก กับพวกกูมึงไม่ต้องเหนียมไอ้ป๊อป” พี่เกรย์สนับสนุน
“ครับ..ผมจะพยายามทำตัวให้ชิน” ก้มหน้ารับคำอย่างไร้หนทาง
“ขอกาแฟกูแก้ว” มาแล้วครับท่าน ปากพูดดูไม่เจาะจง
แต่สายตากลับจ้องผมแบบนี้เป็นใครไม่ได้ กูอีกแล้วสิที่ต้องบริการ
“ได้ครับพี่” ผมตักกาแฟชงให้ไม่มีงุ่มง่าม เพราะแก้วที่สามแล้วนิ
“มึงไม่ถามสักคำ ว่ากูแดกแบบไหนหืม”
“อ้อ! ผมรู้แล้วครับ กาแฟดำสองช้อน..ไม่ใส่น้ำตาลไม่ใส่เมท”
“มึงรู้ได้ยังไง” สงสัยล่ะสิ..อิอิ!
“ผมถามพี่เกรย์เอาไว้แล้ว” โด่!..ฉลาดหรอกน่า
“น่ารักนี่หว่า..หัดเอาใจแฟนแบบนี้..กูรักกูหลงตายห่า”
“เคร้ง!..เฮ้ย!..” แก้วกาแฟร่วงใส่โต๊ะ หกกระจายดีที่แก้วไม่แตก
“ขอโทษครับ..ผมไม่ได้ตั้งใจ” กุลีกุจอดึงกระดาษทิชชูซับน้ำใหญ่
“กูเพิ่งบอกหยกๆ ให้มึงหัดชินเข้าไว้ ได้เรื่องทันตา” พี่เกรย์ส่ายหัว ใครจะชินเร็วขนาดนั้นวะ
กูไม่เคยมีแฟนมีผัวมาก่อนนี่หว่า..จิ๊!
“ขอโทษครับพี่ เดี๋ยวผมชงให้ใหม่” แก้วใหม่รีบนำเสนอในทันที
“อืม..ขอบใจ” พี่ร็อครับไปโดยไม่ได้ตำหนิในความสะเพร่าของผม
หลังจากนั้นพวกพี่สามคนก็สนใจเสวนาถึงโปรแกรมที่จะไปดริ๊งค์
พูดคุยถึงใครผมไม่คุ้นชื่อไม่รู้จัก น่าจะเป็นกลุ่มเพื่อนสมัยเรียน
โดยมีการส่งสายตาจากคุณแฟนข้ามคืนมาให้ผมเป็นระยะ ผมดันไม่กล้าสบตาด้วยซะงั้น
อธิบายไม่ถูกรู้แต่ในใจมันแปลกๆ หวิวโหวงวูบวาบบ้าบอคอแตก
แบบที่ไม่เคยรู้สึกไม่เคยเกิดอาการประหลาดแบบนี้มาก่อน บอกกับตัวเองในเชิงปลอบใจให้สงบ
สยบความเคลื่อนไหวว่า
‘เป็นแค่ความคึกนึกสนุก ไม่นานพี่เขาก็คงเบื่อกับการล้อเล่นชวนขำแบบนี้ไปเองแหละ’
ขอบคุณมากนะคะ ที่คอยติดตามไถ่ถามทุกข์สุข และสุขภาพกันเสมอมา
พบกันวันพุธ ช่วงนี้กำลังอยู่ในระยะคืบคลาน เหลืออีกไม่เท่าไหร่
เตรียมช้อนซดมาม่ากันได้เลยค่ะ ตราบใดที่พี่ร็อคยังเป็นมนุษย์
ย่อมมีรัก โลภ โกรธ หลง ตราบใดที่โลกนี้มีคนขี้อิจฉา เห็นแก่ตัว
และคิดร้ายทำลายคนอื่น เพื่อตัวเองแล้วล่ะก็ ตราบนั้นย่อมมีเหยื่อ
เป็นแพะรับกรรมเช่นเดียวกัน
รักและคิดถึงแฟนนิยายทุกท่านเช่นกัน
