- 2 -“มาแล้วครับ กินด้วยกันนะพี่” พี่เขายิ้มกว้างพยักหน้าให้ทันที“เป็นไง..อร่อยถูกใจมึงไหม” คำแรกผ่านเข้าปากยังไม่ทันได้กลืน
เจ้าของเค้กที่เป็นธุระจัดการสรรหาเป็นของฝาก ก็ยิงคำถามใส่ผมทันที
“อืออ..อร่อยมาก..ผมชอบ” ต้องรีบกลืน..แล้วบอกแกไปตามจริง
ไม่ได้คิดอยากจะเอาใจพี่เขาหรอก แต่เค้กเจ้านี้มันอร่อยจริงๆ
“เห็นมึงมีความสุข กูก็พลอยรู้สึกดีไปด้วย” ไอ้ป๊อปเอ๋อสิครับท่าน
ทำไมพี่เกรย์ดูแปลกๆ ทั้งคำพูดและการกระทำ
“คือ..ทำไมพี่ดูใจดีผิดปกติ” ไอ้ป๊อปงงจริงนะ ปกติแกล้งกูตลอด
“ไม่มีอะไรน่า กูเห็นมึงน้องเล็กสุดในวง ไม่ได้สนิทกับพวกกูที่เป็นเพื่อนกันมาก่อน
ไม่อยากให้มึงรู้สึกโดดเดี่ยว คิดเสียว่ามึงไม่ได้ตัวคนเดียว อย่างน้อยก็มีกูคนนึง..ยินดีต้อนรับ..ป๊อป”
ฟังคำตอบผมยิ้มแก้มแตกหุบยิ้มไม่ลงไปเลยครับ ให้ตายพี่เขายอมรับผมเป็นสมาชิกอย่างเต็มใจแล้วสิ
ผ่านมาแค่สามคืนสี่วัน ทำให้พี่เขาเปิดใจยอมรับผม โดยพี่เกรย์คือคนแรกที่เอ่ยปากบอกผมแบบนี้
ไอ้ป๊อปปลื้มปริ่มสุดๆ ดีใจยิ่งกว่าได้เค้กของฝากที่พี่เขาอุตส่าห์ลงทุนซื้อให้ วันนี้นับเป็นเรื่องดีที่เกิดขึ้นกับผมก็ว่าได้
“ขอบคุณครับพี่ ขอบคุณอย่างสุดซึ้ง คำพูดของพี่ประโยคนี้ถือเป็นของขวัญพิเศษสุด
มันมีค่ามากกว่าเค้กก่อนนี้เสียอีก ขอผมกอดพี่ให้ชื่นใจสักทีเถอะพี่เกรย์
โว้ย!..พี่น่ารักว่ะ ทำผมหุบยิ้มไม่ลงเลย” ไม่รอพี่แกอนุญาตผมโผเข้าไปกอดพี่เขาที่นั่งตรงข้ามทันควัน
พี่เกรย์ตัวแข็งทื่อเบิกตาโตหน้าแดงแปร๊ดไปแล้วเรียบร้อย คงเขินจัดไม่คิดว่าผมจะกอดอย่างที่พูดจริงๆ
ทำไมจะไม่ทำครับ ก็เล่นเซอร์ไพรส์จนผมรู้สึกดีสุดๆ
“ขอบคุณครับพี่เกรย์ ผมโคตรรักพี่เลยว่ะ!” เท่านั้นแหละ สัมผัสได้ว่าพี่เขานอกจากจะตัวแข็งเป็นหิน
เสียงหัวใจยังเต้นตึกตัก จนผมได้ยินชัดเต็มสองหู คงไม่เคยโดนใครขอบคุณใกล้ชิดแบบนี้มาก่อนสิท่า
ไปไม่เป็นเลยพี่เกรย์จอมกวน พี่เขาไม่กระดิกกระเดี้ยร่างกายเหมือนถูกสตั๊นไปแล้ว
“เห้ย! มึงสองคนทำอะไรวะ?” เสียงพี่คมดังขัดโดยไม่ต้องถามซ้ำ ผมรีบผละกอดพี่เกรย์
ค่อยหันไปยิ้มกริ่มกับผู้มาใหม่อย่างต้องการเผื่อแผ่ความสุขที่ล้นทะลักให้พี่เข้ารับรู้ไปด้วย
“ผมดีใจ รู้สึกสำนึกขอบคุณพี่เกรย์อย่างสุดซึ้งเป็นพิเศษอยู่ครับ”
ผมตอบพี่คมไป..ด้วยหัวใจปลื้มปริ่มอยากจะบรรยายได้ถูก
“สำนึกขอบคุณเลยเหรอ ไอ้เกรย์มันทำอะไรให้ถึงสำนึกขอบคุณสุดซึ้งเชียววะ..ไอ้ป๊อป”
พี่คมหรี่ตาจ้องผมอย่างสำรวจละเอียด ทำไมต้องทำสีหน้าท่าทางแบบนี้วะ
ทำเอาอารมณ์ที่กำลังสุขล้นพลอยลดลงไปด้วย
“ก็พี่เกรย์เขาเปิดใจให้ผม เป็นสมาชิกในวงด้วยความเต็มใจสิครับ ซ้ำยังเซอร์ไพรส์เค้กนมสดให้อีกก้อน
พี่คมมาฉลองให้ผมด้วยดิ” ผมชวนพี่เขามากินเค้กก้อนนี้ด้วย ต่อให้เพิ่มพี่ร็อคอีกคนยังไงก็มีพอให้กินครับ..
“ไอ้เกรย์ซื้อเค้กนมสดเซอร์ไพรส์มึง แล้วยังบอกอีกว่ายินดีต้อนรับเป็นสมาชิกใหม่อย่างนั้นหืม”
พี่คมจ้องผม ย้ำในสิ่งที่ผมพูด
“ครับพี่” ผมตอบพี่เขาพร้อมยิ้มให้อย่างมีความสุข แต่พี่เขากลับหันไปจ้องหน้าเพื่อนสนิท
ที่ตอนนี้ยังคงนั่งหน้าแดงก่ำท่าทางเขินไม่เลิก
“มึงมีเรื่องต้องคุยกับกู มานี่เลยสัสเกรย์!” งงสิครับ
พี่คมเล่นล็อกคอพี่เกรย์กึ่งลากพาออกไปหน้าตาเฉย ท่าทางแปลกพิกลระหว่างสองคนนั่นผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
คงไม่ใช่เรื่องที่มีผมเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรอกนะ ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนี่หว่า?..
“คิ้วตีกันยุ่ง มึงมีปัญหาอะไร?” พี่ร็อคเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทันเห็นเลยครับ พี่เขายืนจ้องผมนิ่ง
“เปล่าครับ..ผมแค่ไม่เข้าใจพี่คมกับพี่เกรย์เขาเล่นอะไรกันก็ไม่รู้พี่” ตอบงงๆ? เพราะผมก็ไม่เข้าใจจริงๆ
“ทำไม..ไอ้สองคนนั่นมันทำอะไร” พี่ร็อคดูสนใจคำพูดผมไม่น้อย
“พี่เกรย์ฝากแม่บ้านซื้อเค้กนมสดเซอร์ไพรส์ผม ต้อนรับผมเข้าเป็นสมาชิกใหม่ของวง
พี่คมมาถึงผมชวนกินเค้กพร้อมกับบอกที่มาของเค้กให้พี่เขารู้ เพื่อจะได้ร่วมแสดงความยินดีด้วย
พี่เขาก็ลากพี่เกรย์หายกันไปทั้งคู่ โดยไม่มีใครอธิบายให้ผมรู้เลย
ตกลงพี่เกรย์แกล้งเซอร์ไพรส์มาหลอกให้ผมดีใจเล่น หรือว่าแกคิดอย่างที่ทำจริงๆ”
ผมเปิดใจบอกพี่ร็อค ถึงสาเหตุที่นั่งคิ้วพันกันยุ่งอย่างที่พี่เขาทัก
“หืม..ไอ้เกรย์เป็นคนสั่งเค้กให้มึง” พี่ร็อคหรี่ตาย้ำถามไม่ต่างพี่คม อะไรของพวกพี่เขาเนี่ยะ
ตกลงมันประหลาดพิลึกกึกกืออะไรกับเค้กก้อนนี้นักหนาเล่าวะ..สีหน้าคนถามถึงดูไม่ค่อยอยากจะเชื่อเหมือนกันแบบนี้
“ทำไมครับ..พี่ถามเหมือนพี่คมเด๊ะ! พี่เกรย์เขาซื้อเค้กมันดูแปลกมากหรือครับพี่”
อดถามไม่ได้ แทนที่ผมควรตอบคำถาม ผมกลับเป็นฝ่ายไขข้อข้องใจถามเอาความจริงพี่ร็อคเสียเฉย
“มันจะไม่ประหลาดใจเลย ถ้าคนสั่งเค้กไม่ใช่ไอ้เกรย์ มึงคงไม่รู้ว่าไอ้เกรย์มันไม่แดกเค้ก
ในบรรดาของหวานทุกชนิด ยกเว้นเค้กที่ไอ้เกรย์มันไม่เอาเสียเลย
ทีนี้มึงคิดว่ามันสมควรให้พวกกูประหลาดใจหรือเปล่าล่ะ”
“ห๊ะ! พี่เกรย์ไม่กินเค้ก แล้วทำไมผมชวนพี่เขากินไม่ปฏิเสธผมล่ะ
แต่จะว่าไม่พี่เขาก็ยังไม่ได้ตักกินสักคำเสียด้วยสิ” พอฟังคำตอบของพี่ร็อค
เรื่องที่ผมคาใจยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่เลยตอนนี้ คนไม่ชอบทานเค้กในบรรดาขนมหวาน
พูดให้ถูกคือไม่ทานเลย กลับซื้อเค้กมาฝากผม แถมชวนกินก็ไม่ปฏิเสธเสียด้วย
หรือว่าพี่เขาไม่อยากทำลายความตั้งใจของผมก็เป็นได้
“อืม..เข้าใจแล้วใช่ไหม ทำไมกูกับไอ้คมถึงรู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่มันทำให้มึง..นอกเสียจาก”
อะไรวะ?..พูดแล้วก็ค้างไว้ไม่ต่อให้จบ หนำซ้ำยังเอามือลูบคางหรี่ตาสำรวจผมอย่างมีเลศนัยแบบนี้ด้วย
ชักไม่ชอบมาพากลกับสายตาของพี่ร็อคอย่างอธิบายไม่ถูก
“อะไรเล่าพี่ จ้องผมแบบนี้ทำไม พูดมาให้จบสิครับ” เสียงขุ่นใส่อย่างไม่นึกเกรงใจ
รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ไปกับสายตาคมดุที่มองเหมือนทะลุผ่านเสื้อผ้ากูได้เลยวุ้ย!
“นอกจากมันคิดกับมึงเป็นกรณีพิเศษ” พูดหน้านิ่งติดจะเยาะนิดๆ
“หา!..พี่อย่าบอกว่าพี่เกรย์เขาคิดจีบผม ตกลงพวกพี่เป็นเกย์ทั้งวงกันเลยใช่ไหมเนี่ยะ?”
ไอ้ป๊อปหมดความอดทน โพล่งแบบไม่สนฟ้าแล้ว
“มึงพูดอะไรนะ!!” พี่เขาดูอึ้งกับคำถามของผมไปแล้วเช่นกัน
“พี่กำลังจะบอกผมว่ายังไง กับสิ่งที่พี่เกรย์ทำให้ผมอยู่ขณะนี้ครับ” อุบอิบเสียงอ่อยไปแล้วกู
รู้สึกหวาดระแวงกับสายตาพี่ร็อคแกจริง บทจะดุก็เล่นเอาไอ้ป๊อปไม่กล้าแหยมด้วยเลย อธิบายยังไงดีมันดูดุมากเลยอ่ะ!
“มึงไม่ต้องมาย้อนกู อธิบายคำว่าเป็นเกย์ทั้งวงของมึงให้กระจ่าง
ไม่ต้องอึกอักบอกกูมาตามตรง ไม่งั้นมึงเจอกูแน่” ว่าแล้วเชียว ตาเขียวปั๊ดมองกูแบบนี้..จะซวยไหมหนอไอ้ป๊อป..
“ผมตีความจากคำพูดของพี่แหละ พี่พูดเหมือนกำลังจะบอกใบ้ว่า
สิ่งที่พี่เกรย์ทำให้ผม พี่เขากำลังจะจีบผมไม่ใช่หรือไงครับ”
“อืม...แล้วไง” มาลุคนี้กูกลัววววว!!!
“ถ้าพี่เขาคิดจะจีบผมจริง ก็แสดงว่าพี่เขาเป็นเกย์ใช่ป่ะ!”
“แล้วไงต่อ” กูอยากทึ้งหนังหัวตัวเอง ทำไมกดดันอย่างนี้เล่า
“ผมก็เลยพลั้งปากไป ถ้าอย่างนั้นพวกพี่คงเป็นเกย์กันทั้งวงครับ”
แถได้หน้ามึนสุดๆ ย้ำแล้วนะว่าพลั้งปากไม่ได้เจตนา
“กูไม่เชื่อ มึงไม่ได้พลั้งปากแน่ เรื่องไอ้เกรย์เป็นเกย์หรือไม่กูยืนยันกับมึงไม่ได้
ตั้งแต่คบกันมากูไม่เคยเห็นมันสนใจผู้ชายมาก่อน มันอาจจะแอบไม่ให้กูรู้รสนิยมด้านนี้นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง
ซึ่งสำหรับกูมันอยากทำอะไรเป็นเรื่องของมัน ที่มึงพูดมาตะกี้ว่าพวกกูเป็นเกย์กันทั้งวง
ใช้บรรทัดฐานอะไรในการตัดสิน บอกกูมาไม่งั้นมึงเจอกูแน่ไอ้ป๊อป” โห! ท่าทางดุเอาเรื่อง
ไม่คิดว่าจะโมโหขนาดนี้ นี่กูดันไปจี้ใจดำเข้าหรือไงวะ คนเราเป็นก็ยอมรับความจริงมา
ทำไมต้องออกอาการไม่ชอบใจด้วย นอกจากไม่ยอมรับยังมีหน้าไม่พอใจกลบเกลื่อนได้อีกเว้ย!
“ก็ได้..เมื่อพี่อยากรู้ผมก็จะบอก อดีตแฟนพี่ที่ทำพี่อกหักทุกวันนี้ไม่ใช่ผู้ชายหรือไงครับ
เขาเป็นผู้ชายซึ่งพี่ก็ยังลืมไม่ได้ ไม่ใช่เกย์แล้วจะให้จัดอยู่จำพวกไหนแทน
ผมควรเรียกผู้ชายรักผู้ชายอย่างงั้นสินะ” ประชดซะ
“มึงพูดอะไรอดีตแฟนกูผู้ชาย ใครที่มึงพูดถึง” เสียงดุตาขวางใส่ดูน่ากลัวชะมัดเลยครับ
งานนี้จะบีบคอกูหักไหมเนี่ยะ พี่แกเล่นยืนค้ำหัวเป็นเงาทะมึนไปแล้วตอนนี้ ไอ้ป๊อปหดเล็กลงประหนึ่งมดไปแล้ว
“ใจเย็นก่อนสิครับพี่ร็อค ผมพูดไปตามจริง ถ้ามันจะทำให้พี่โมโหขนาดนี้ผมขอโทษ
ทีจริงมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของพี่ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่พี่จะมีรสนิยมแบบไหน
หรือพวกพี่ทั้งวงจะเป็นยังไง ผมไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไร” กูอ่อนให้แล้วสุดๆ
ที่จริงผมไม่เคยคิดรังเกียจ พี่เขาจะเป็นอะไรมีรสนิยมกันแบบไหนมันเป็นสิทธิส่วนบุคคล ผมไม่เคยตั้งแง่รังเกียจจริงๆ
“เอาล่ะไอ้ป๊อป..กูคงทำให้มึงขวัญหนีจนหัวหด กูจะใจเย็นแต่มึงต้องอธิบายมาให้หมดเปลือก
อะไรที่ทำให้มึงคิดว่ากูเป็นเกย์แล้วแฟนคนที่ทำให้กูอกหักของมึงเป็นใคร..พูดมา”
พี่เขาปรับท่าทางไม่ข่มขู่ยอมถอยไปยืนมือเสยผมอย่างระงับอารมณ์
ค่อยทำให้รู้สึกหายใจสะดวกขึ้นมาหน่อย ไม่ใช่มาค้ำหัวผมเหมือนยักษ์ปักหลั่นอย่างเมื่อตะกี้ จะขบหัวกูรอมร่อ
“ผมแอบรู้ว่า คุณพนมที่เป็นผู้บริหารคืออดีตแฟนเก่าพี่แล้วครับ”
บอกโดยไม่คิดปิดบัง เรื่องจริงนี่นาพี่เกรย์เป็นคนพูดเองนี่หว่า กูไม่ได้จะคิดไปเองเสียหน่อย
“ห๊ะ! คุณพนมแฟนเก่ากู ฉิบหายเหอะ!”
พี่ร็อคยืนกุมขมับท่าทางพี่แกช็อกโลกไปอีกรอบ หลังฟังคำอธิบายที่ผมชี้แจงไป
“อ้าว! ตกลงไม่ใช่หรือครับ” เป็นผมเองชักรู้สึกไม่ถูกต้องท่าทางของพี่เขาที่แสดงออกชัด
โดยไม่ต้องบรรยายใต้ภาพว่าสิ่งที่ผมเฉลยออกไป มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดขนานใหญ่
“ใช่พ่องมึงดิ..แค่แฟนกูเป็นผู้ชายกูก็ตะลึงคำพูดมึงไปแล้วรอบ เสือกเอารุ่นพ่อมาเป็นแฟนกูอีก
มึงจะไม่ให้กูช็อกได้ไงวะ มึงเอาสมองส่วนไหนมาคิดเรื่องนี้..หืม” เป็นกูผิดอีกแล้วหรือ
“พี่เกรย์บอกผมเองนะ ผมไม่ได้คิดไปเอง”
กูไม่ได้จะโบ้ยความผิดให้พ้นตัวเลยนะโว้ย..ก็พี่เกรย์บอกผมจริงนี่หว่า?
“ไอ้เกรย์บอก ไหนเล่าให้กูฟังดิมันบอกมึงว่าไง” ผมครุ่นคิดลำดับเหตุการณ์ครู่ใหญ่
ก่อนจะยอมปริปากเล่าให้พี่เขาฟัง เมื่อพี่ร็อคแกไม่ได้คุกคามความปลอดภัยของผมให้หวาดผวาอยู่อีก
“จำวันที่โชว์วงให้คณะผู้บริหารดูได้เปล่าครับ” พี่เขาพยักหน้ารับ
“วันนั้นผมได้ยินพี่เกรย์กับพี่คมบอกพี่ว่า คุณพนมแกมาดูด้วย”
ค่อยเริ่มเรื่องอย่างจับสังเกตท่าทางพี่ร็อคไปด้วย
“อืม..แล้วไง” พี่เขาก็นิ่งลงพอสมควร
“พี่ดูท่าทางไม่ค่อยดี ผมสังเกตจากสีหน้าพี่เอา”
“หืม..สนใจกูขนาดนั้นเชียว” ถามแล้วทำไมต้องหรี่ตาจับผิดกูวะ!
“กะ..ก็พี่เป็นหัวหน้าวงนี่ครับ พอมีอะไรมาสะกิดหน่อยผมพลอยสนใจก็ไม่แปลก
ที่จริงผมเผลอได้ยิน ไม่ได้แอบฟังเสียหน่อย” ยิ่งพูดทำไมกูรู้สึกหน้าร้อนแปลกๆ
โดยเฉพาะไม่กล้าสบตาพี่ร็อคที่จ้องมองไม่กะพริบให้ตายพับผ่าเถอะ
เหมือนพี่แกกำลังจะบอกว่าผมกำลังโกหกอยู่
“แล้วไงอีก” ค่อยยังชั่วที่แกถามขึ้น อย่างน้อยผมก็หายใจโล่งบ้าง
“ตอนโชว์วงคุณพนมเดินเข้ามา จังหวะพี่ดันร้องเพลงลืมเนื้อพอดี
พลอยทำให้ผมตีกลองผิดจังหวะไปด้วย พอสั่งพักวงผมเลยมีโอกาสถามกับพี่เกรย์
คุณพนมเขาเป็นโจทก์อะไรของพี่หรือ” พี่ร็อคหรี่ตาจ้องผมใหญ่
“แล้วมันบอกมึงว่ายังไง” ถามโดยใช้สายตากดดันผมไปด้วย
“พี่เขาบอกผมมาว่า ‘แฟนเก่ามัน’” หายใจพรู หลังปล่อยหมัดฮุกไปในประโยคนี้แล้วเรียบร้อย
“มึงเลยคิดว่ากูกับคุณพนมเป็นคนรักเก่ากัน” ไม่ตกใจเห๊ะ!
“ครับ”
“พ่องมึงแหนะ..ในเมื่อมึงสนใจเรื่องของกูขนาดนี้ ถึงขั้นจับปนเปตีกันยุ่งวุ่นวายไปหมด
จนภาพพจน์ของกูในสายตามึงทุเรศไปแล้ว เห็นทีถ้ากูไม่มีคำอธิบาย
คงกลายเป็นเกย์ที่รักผู้ชายแก่คราวพ่อจนไม่ลืมกระทั่งทุกวันนี้อีกสิท่า
เอาล่ะไม่ว่ามึงจะสนใจกูด้วยสาเหตุอะไร กูขอบอกให้มึงเข้าใจเสียใหม่ไอ้ป๊อป..
อดีตคนรักเก่ากูชื่อราณี..ไม่ใช่พนม จำเอาไว้ด้วย”
“ห๊ะ!...คุณราณี” ผมเป็นฝ่ายอ้าปากค้างตาเหลือกคำพูดพี่ร็อคที่ยอมรับกับผมว่า
คนรักเก่าของพี่เขาคือคุณราณีแฟนคุณอาพนมนั่นเอง
“อืม..ราณีคือแฟนเก่ากูก่อนจะทิ้งกูไป รู้แล้วใช่ไหมทำไมไอ้เกรย์มันบอกคุณพนมเป็นโจทก์กู
ไม่ได้แปลว่าเขาคือแฟนเก่ากูห่า คิดเหี้ยอะไรหัดให้มันเข้าท่าหน่อย คดีมึงกับไอ้เกรย์ต่างหากของแท้
ดูท่าไอ้เกรย์มันคงสนใจมึงเข้าแล้ว ถ้าเพื่อนกูเป็นเกย์ก็เพราะมึงทำมันเปลี่ยนความคิด
ก็เล่นนิวลุคซะขนาดนี้ ไอ้เกรย์มันจะเขวไปบ้างคงไม่แปลก ยังไงก็แล้วแต่อย่าให้เสียงานเป็นอันขาด
กูโฟกัสงานเป็นอันดับแรก เรื่องส่วนตัวพวกมึงกูไม่ยุ่ง แล้วนี่เพลงที่มึงแต่ง กูใส่โน้ตไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
มึงลองเอาไปฟังดูแต่อย่าเพิ่งสนใจตอนนี้ล่ะ มึงต้องซ้อมซิงเกิลล่าสุดให้คล่อง
เอาเพลงที่จะเข้าห้องอัดให้ได้แบบไม่ต้องดูโน้ตเข้าใจไหม ไม่ถึงสองอาทิตย์ต้องเข้าห้องอัดแล้ว”
พี่เขาพูดมาทำผมไหล่ตกลงไปเลย ดันคิดเป็นตุเป็นตะเอง ที่แท้คนหักอกพี่ร็อคคือคุณราณีแฟนอาพนม
ไม่ใช่คุณอาผมเสียหน่อย สรุปอาพนมคือคนที่แย่งคนรักพี่เขาไป มิน่าถึงได้บอกอาพนมเป็นโจทก์
“ครับ” ผมรับเนื้อเพลงที่ตัวเองแต่ง เห็นตัวโน้ตดนตรีที่พี่เขาเขียนกำกับไว้ให้
อารมณ์ตอนนี้ไม่มีกะจิตกะใจชื่นชมผลงานของตัวเองเลยจริงๆ
เพลงนี้เกิดขึ้นจากความเข้าใจผิดของผมล้วนๆ..เวรจริงเลยกู..ไอ้ป๊อปเอร้ย!
มาอัพตามนัดแล้วค่ะ เจอกันวันอังคารนะคะ
ขอบคุณที่คอยติดตามกันเช่นเคยค่ะ
หลายคนคาดเดาว่าน้องป๊อปเราเข้าใจผิด
สุดท้าย..น้องป๊อปเข้าใจผิดค๊าาาาาา