- 2 -“ใจเย็นดิ..ผมเชื่อว่าพี่คนจริง แต่เวลานี้คงไม่เหมาะ รอให้จังหวะดีทุกอย่างเข้าที่เข้าทางกว่านี้ก่อน ถึงตอนนั้นถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงล่ะก็
พี่ค่อยเข้าไปทำความรู้จักกับแม่ผมก็ยังไม่สาย..แหะๆ!!”
กลายเป็นผมต้องถอยให้พี่แกเสียแทบล้มก้นจ้ำเบ้า ลูกบ้าพี่เขาเยอะขืนดื้อแพ่งยืนกรานแม่ได้ช็อกตาตั้งแน่
[หึ! คงต้องใช้แผนสำรองแทน แดกตับเข้าหอก่อนค่อยไปขอขมา]
กูอยากเอาหัวโขกกระจกรถ เจอพี่ร็อคเข้าไป..ไอ้ป๊อปแทบประสาทแดก
“ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม พวกพี่ยังไม่เตรียมตัวออกไปที่ร้านอีกเหรอ” เปลี่ยนเรื่องก่อนจะเหวอะหวะไปกว่านี้
[สี่ทุ่มค่อยออก ไปทำไมแต่หัววัน] วันบ้าอะไร นี่สองทุ่มเข้าไปแล้ว
“วันตรงไหน สองทุ่มมืดแล้วเหอะ” กวนซ้าาา
[กลับมามึงโดนแน่ ปีนเกลียวกวนกูเหรอ]
คึคึ!..ทำขู่จ้างให้ไอ้ป๊อปก็ไม่กลัว ไม่ได้อยู่ต่อหน้า..ใจกูกล้าขึ้นมากเหอะ
“โด่! เอะอะใช้กำลัง อย่านึกว่าตัวโตกว่าแล้วจะได้เปรียบผมนะพี่”
เอาคืนขอกวนแกให้โมโหเล่นบ้างสิ ทำกูหน้าร้อนจนจะสุกมาเยอะแล้ว
[เออมึงเก่ง รอเจอกูพรุ่งนี้มึงอย่ามาอ้อนวอนให้กูละเว้นโทษเชียว]
“พี่จะทำอาร่ายโผม!!” ลากเสียงยานคางอย่างกวนโคตร
รู้สึกสนุกอย่างอธิบายไม่ถูก ทำพี่ร็อคของขึ้นได้อย่างฮาอ่ะ
[มึงท้ากูเหรอ..ไอ้ป๊อป] เสียงแข็งแล้วครับท่าน
“โวะๆ!!..ขึ้นไอ้ขึ้นอี ไม่สุภาพนะครับหัวหน้า”
ผมได้ทีกวนไม่หยุด อยากขำกร๊ากจริงเชียว ไม่ติดเกรงใจไอ้ขิงคงหัวเราะไปแล้ว
ให้ตายปานนี้ยักษ์เดอะฮัคหน้าเขียวตัวเขียวแล้วมั้งครับ
[มะมึง..หัวหน้าพ่องมึงแหนะ กูผัวมึงอีห่า..ออกข้างนอกได้ชักแรดใหญ่เชียว
เห็นหงิมๆ กลับมามึงเจอกูแน่ไอ้ป๊อป อย่าร้องล่ะพ่อจะเล่นเอาจุกจนลุกไม่ขึ้นเลยค่อยดู]
เจอคำว่า ‘กูผัวมึง’ ผมเกือบเผลอสำลักน้ำลาย
“โห!..โหดว่ะ? นี่พี่กะย้ำตีนผมจริงดิ”
แถหน้ามึนเนียนไม่สนใจในประโยคที่ล่อแหลม ฟังแล้วแม่งเผลอขมิบตูดตามสัญชาตญาณทันที
[ใครบอกกูจะย้ำตีนให้เสียของ กูจะอัดถั่วดำจนมึงครางไม่หยุด]
“โว้ย! ไม่คุยด้วยแล้ว ลามกฉิบ!..จิ๊!” ยอมเสียมารยาทตัดสายทิ้งทันทีก่อนหน้าจะระเบิด
กะกวนโมโหพี่เขาดันโดนต้อนจนพรุนไม่เหลือซาก พูดได้ไม่อายปากอัดถั่วดำ ไอ้พี่ระยำคิดอกุศลกับกูตลอดดด!!!
“มึงคุยกับใครวะ?” เสียงนิ่งเชียว มันคงไม่สบอารมณ์จากประโยคท้ายก่อนผมจะตัดสายทิ้ง
ดันลืมตัวเสียงห้วนอย่างห้ามใจไม่อยู่
“พี่ร็อค” บอกมันไปตรงๆ
“สนิทกันขนาดนั้น” อะไรของมันอีกวะ!
“เออสิกูนอนห้องเขานิ เป็นรูมเมทตั้งแต่วันแรก คนแม่งเหี้ย!”
“มึงด่าใครเหี้ย” มันอึ้งทำหน้าเลิ่กลั่ก เข้าใจว่าผมด่ามันหรือเปล่า
“กูไม่ได้ด่ามึง บ่นเรื่อยเปื่อยอย่าใส่ใจเลย” บอกปัดให้จบเรื่องไป
“ไม่มั้ง ช่วงแรกกูเห็นมึงสีหน้าระรื่นดูมีความสุข ตอนหลังเหมือนมึงจะเถียงอะไรกับเขาไปวะ” มันจะถามไปเพื่อ?
“มึงจะอยากรู้ไปทำไม เรื่องส่วนตัวกูเหอะ” เหวี่ยงใส่แม่งล่ะ
“กูขอโทษ..ไม่ได้ตั้งใจละลาบละล้วง กูอดแปลกใจไม่ได้ที่เห็นมึงกับพี่ร็อคพูดคุยเหมือนสนิทกันมาเป็นชาติ”
นั่นสิ..เป็นผมได้เห็นมันคุยกับไอดอลแบบนี้ก็คงแปลกใจเช่นกัน ผมเล่นกวนเขาอย่างไม่เกรง
ตีซี้ประหนึ่งเพื่อนสนิทหรือพี่ชายที่คลานตามกันมา ทำมันสงสัยย่อมไม่แปลก
“ไม่มีอะไรหรอก พี่เขาฮาร์ดคอร์สุดโต่งพูดจากวน ขืนกูสุภาพด้วย มีแต่จะขบหัวกูแทนสิ” ผมบอกให้มันเข้าใจประมาณหนึ่ง
“จริงเหรอวะ..ท่าทางเท่ปานเทพบุตรทั้งวง นิสัยไม่เหมือนอิมเมจที่เห็นเลยเหรอ
กูคิดว่าจะสุขุมเสียอีก คิดว่าพี่แกพูดน้อยด้วยซ้ำ เห็นมึงคุยโทรศัพท์กับพี่เขาวันนี้ ผิดจากที่คิดไว้พอสมควร”
เป็นผมก็คงประหลาดใจ พี่ร็อคที่คุ้นชินกันหน้าเวที โคตรเป็นนักร้องสุดเท่ หล่อ สมาร์ทขวัญใจสาว
เล่นกีต้าร์ระดับเทพ ร้องเพลงเพราะถูกใจแฟนคลับสุดๆ ไม่น่าจะกวนเก่ง
“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก ปกติเขาก็ไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ ออกจะเก็บปากเก็บคำอย่างที่มึงเข้าใจแหละ
เฉพาะเวลากวนโมโหหรอก ที่มักพูดให้รู้สึกของขึ้น จัดเป็นความสามารถพิเศษของพี่เขาเชียวล่ะ”
ผมไม่ได้คิดจะแก้ต่างให้พี่ร็อคหรอก แต่ที่บอกอุปนิสัยของพี่เขาเท่าที่ได้ศึกษาอยู่สองอาทิตย์ก็พอรู้
พี่ร็อคไม่ค่อยพูดยกเว้นตอนยั่วโมโหกวนประสาทใครเขา ขานี้ถนัดทำให้คนจนแต้ม
ดูผมเป็นตัวอย่างสิ..แต้มขี่อยู่ดีๆ ตกเป็นเบี้ยล่างซะงั้น ยกความสามารถให้พี่เขาเหอะ เป็นกันทั้งวง..
“เขาเป็นกับมึงคนเดียวหรือวะ?” รู้สึกไอ้ขิงคาใจนิสัยพี่ร็อคไม่เลิก
“มึงสนใจอะไรนัก คนเราก็มีมุมส่วนตัวทั้งนั้น หรือเขาเป็นนักร้องในดวงใจของมึง
ถ้าอยากรู้ขนาดนั้นพรุ่งนี้มึงสัมภาษณ์เขาไหม เดี๋ยวกูจัดให้ตอนไปส่งกู ได้ขอพี่เขาเป็นแขกรับเชิญให้มึงสัมภาษณ์”
เผลอประชดซะถ้ามันตอบตกลง ก็ต้องยอมหน้าด้านขอร้องพี่ร็อคให้มันได้ซักกันซึ่งหน้า
“เอาสิ..กูมีเรื่องอยากคุยพี่เขาอยู่เหมือนกัน” กลายเป็นผมอึ้งเอง
ท้าทายมันกึ่งประชด ไม่คิดว่าไอ้ห่านี่จะดันบ้าจี้เอาจริง
“เออ..เดี๋ยวกูจัดให้” พูดจบขอนอยด์สองวิ ไม่มองให้เคืองลูกตา
แอบเห็นมันหันมาจ้องหน้าผมไม่เลิก ชักหงุดหงิดแล้วกู
“มองหน้ากูทำห่าไร หันไปมองถนนโน้น ขับรถอยู่สัด!” เป็นผมหันไปแหวมันดื้อๆ
ก็เล่นจ้องเหมือนกำลังสำรวจผมไม่วางตาใครจะชอบเล่า
มีคนมาใช้สายตาแบบนี้มองเรา ต่อให้มันเป็นเพื่อนสนิทที่ผมไว้ใจ
บางเรื่องก็ไม่คิดเปิดปากให้มันรู้ เช่นเรื่องที่ผมกับพี่ร็อคตกลงคบกันเป็นต้น
ตั้งแต่ผมเสียงขุ่นใส่ เราก็ไม่ได้พูดอะไรอีก จนมันพามาส่งหน้าประตูบ้าน
แต่ไม่ได้เข้าข้างในหรอก ผมไม่ได้ชวนเห็นว่าดึกมากแล้วด้วย
“ขอบใจว่ะ..ถึงบ้านไลน์บอกกูด้วย” ผมยืนรอส่งมัน
ไม่ลืมกำชับให้ไลน์มาบอก จะได้รู้ว่ามันถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ
“อืม..ป๊อป!” อะไรของมัน ทำตาซึ้งใส่กูอีก
“ระหว่างเรา กูห่วง..และรักมึงมากนะ” นั่นว่าแล้วเชียวมารูปนี้
“กูรู้น่า กูก็รักและห่วงมึงเช่นกัน” ผมชินกับมันแหละ เป็นเพื่อนที่บอกรักและห่วงใยผมมากกว่าไอ้แต๊ก ไอ้นินอีก
ถึงมันจะกวนตีนผมบ่อย รวมหัวไอ้แต๊ก..ไอ้นินแกล้งผมบ้างเป็นบางครั้ง แต่มันก็คือคนที่ยืนข้างผมมาโดยตลอด
ไม่เคยทิ้งให้เจอปัญหาเพียงลำพัง
“ต่างสิ..กูรักมึงมากกว่าที่มึงรักกู” พักหลังมันมักย้ำแบบนี้ ยิ่งช่วงขึ้นม.ปลาย
มักถามผมเรียนต่อคณะไหนมหาลัยไหน ลงท้ายโดยการแย่งชิงตำแหน่งว่ารักและห่วงผม มากกว่าที่ผมรู้สึกต่อมัน
“เออๆ..มึงรักและห่วงกูสัด! ไม่ต้องย้ำ มึงบอกกูจนจำฝังหัวแล้วขิง
รักกูมากขนาดนั้น ไว้รอมึงมีแฟนแบ่งกูเชยชมบ้างล่ะ”
“เดี๋ยวตบกะโหลก เชยชมพ่องมึง” ทีงี้ทำห่วง..น่าถีบซักเปรี้ยง
“ฮะฮ่าๆ..ไหนมึงรักและห่วงกูมาก ทีงี้หวงของ”
ผมขำอย่างไม่คิดเก็บอาการ สุดท้ายแม่งก็หวงแฟนอยู่ดี
“เออ..กูหวง ไว้มึงคอยดูกูหวงแน่..ฟายไม่รู้จักโต” ด่ากูอีก
“โตพ่องสัด! กูไม่เด็กเหอะ ชักว่าวเป็นแล้ว” ผมแอบทะลึ่งใส่
“ทำมาอวด..กูทำเป็นตั้งแต่ม.1 รอน้องขึ้นครูเมื่อไหร่ค่อยมาอวดพี่ก็ยังไม่สายหรอกน้องป๊อป
ไปล่ะครับ..ฝันดีที่รัก” ส่งจูบจนกูขนลุก..อร๊าก!
“ไอ้เหี้ย!..รีบไปเลยมึง” ผมแม่งอยากหัวโขกหน้าผากมันนักเชียว ชอบหยอกแบบนี้ไง
ไอ้แต๊ก ไอ้นินมันถึงได้ล้อไม่เลิกกันสักที
รอส่งมันจนรถลับตา ค่อยกดกริ่งเรียกคนในบ้านมาเปิดประตูให้
ได้เวลาพบกับคุณแม่คนเก่ง..หญิงมั่นผู้ทำงานหนักตั้งแต่พ่อผมเสีย
บ้านหลังนี้จะเรียกว่าบ้าน ก็ช่างแตกต่างครอบครัวอื่นอยู่ไม่น้อย นับตั้งแต่ป.6
ผมกับแม่เราแทบหาเวลาอยู่ด้วยกันลำบาก กิจกรรมระหว่างแม่กับลูกจางหายไปเลยด้วยซ้ำ
แต่ผมก็เข้าใจเพราะช่วงนั้นแม่ต้องแบกรับภาระหนัก ถึงจะมีอาพนมคอยช่วยเหลืออยู่ในทุกด้าน
กระนั้นกำลังหลักหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญยังต้องอาศัยแม่ผม ซึ่งขึ้นรับตำแหน่งประธานบริหารต่อจากพ่อ
การตัดสินใจเรื่องต่างๆ แม่ต้องลงไปดูแลจัดการด้วยตัวเอง ไม่แปลกที่เวลาของแม่ซึ่งเคยมีให้ผมเริ่มลดน้อยถอยลง
จนห่างไปในที่สุด แต่ถ้ามีเวลาว่างแม่ไม่เคยไม่นึกถึงผมก่อนทุกครั้ง เรื่องนี้ผมเข้าใจ
โดยไม่เก็บมาน้อยเนื้อต่ำใจเป็นปมด้อยก่อปัญหาภายหลัง แม่ไม่มีเวลาให้
เพราะต้องทำทุกอย่างเพื่ออนาคตที่ดีของผม อย่างนี้ผมจะยังน้อยใจแม่ได้ลงคอหรือครับ
ตรงข้ามผมกลับรักและสงสารแม่เสียอีก
ทุกครั้งที่แม่ติดต่อมา ไม่ว่าผมจะติดธุระสำคัญหรือไม่ ผมต้องรีบยกเลิกสิ่งเหล่านั้น
เพื่อให้ได้ใช้เวลากับแม่เสมอ เก็บเกี่ยวช่วงเวลาที่ดีของเราสองแม่ลูกไว้ สิ่งนี้ผมถือเป็นกำลังใจทั้งแม่และผม
จะได้สะสมพลังงานเอาไว้ไปต่อสู้กับอุปสรรคปัญหาที่พบเจอในวันต่อไป
นี่ก็อีกวันหนึ่ง ที่ผมกลับมาใช้เวลากับแม่ พรุ่งนี้เช้าแม่ก็ต้องบินไปดูงานต่างประเทศ
คาดว่าน่าจะไปยาวกว่าจะกลับก็พอดีทัวร์คอนเสิร์ตของผมใกล้จบแล้วเช่นกัน แม่คงไม่ได้ไปส่งผมขึ้นเครื่อง
ในขณะผมเองก็ไม่ได้ไปส่งแม่ เราต่างคุ้นชินในการเดินทางที่แยกแม่ไปจากผมหลายปี
กว่าจะมีวันนี้ได้ผมก็ต้องทำความเข้าใจ และปรับวิถีชีวิตให้อยู่ได้ด้วยตนเอง ผมจึงทำครัวไม่เป็น
ทำเรื่องที่ดูง่ายในสายตาคนทั่วไปให้เป็นเรื่องยากสำหรับผมเพราะผมไม่เคยทำ ไม่มีใครสอนให้ทำ
สิ่งสำคัญผมไม่คิดเรียนรู้เช่นกัน
มัวแต่เอาเวลาไปสนใจเรียนและดนตรีเป็นหลัก ผมถือเรื่องเรียนเป็นบันไดก้าวแรก
ที่จะสามารถช่วยผมแบ่งเบาภาระแม่ในวันข้างหน้าได้ เมื่อผมเรียนจบแม่จะได้มีเวลาพัก
ส่วนดนตรีเป็นสิ่งที่ผมรักจึงเลือกจะให้ความสนใจไม่แพ้กัน วันนี้ผมขอทำตามความฝัน
ในสิ่งที่ผมรักให้สำเร็จเป็นอันดับแรกก่อน รอเรียนจบผมจะทำตามความตั้งใจเดิม
คือช่วยแบ่งเบาภาระแม่บริหารงานของบริษัท ซึ่งเป็นน้ำพักน้ำแรงที่แม่กับพ่อร่วมกันก่อตั้งจนเติบโตอย่างทุกวันนี้..
ขอให้ผมโตอีกนิด แม่ก็จะมีเวลาใช้ชีวิตปกติเช่นผู้หญิงทั่วไปเขาทำกัน เข้าร้านเสริมสวยช็อปปิ้ง
หรือท่องเที่ยวที่เป็นการท่องเที่ยวพักผ่อนจริงๆ ไม่ใช่เดินทางเพื่อไปทำงานอย่างเช่นทุกวันนี้อีก..?
คำพูดที่ได้ฟัง ไม่มีที่ไหนอบอุ่นและมีความสุขเท่ากับบ้านของเรา ผมถือเป็นคำพูดที่ถูกต้อง
เช่นผมในเวลานี้ ไม่เสียเวลาในการเร่งฝีเท้าเข้าสู่ตัวบ้านหลังใหญ่เกินไป สำหรับผมที่ต้องอยู่ในค่ำคืนโดดเดี่ยว
นับครั้งได้ที่แม่จะอยู่กับผม แต่บ้านหลังใหญ่จะแคบลงไปถนัด หากมีแม่อยู่ในวันนั้น
เหมือนเช่นหัวใจผมตอนนี้อิ่มเอิบไปกับความสุข ที่จะได้พบกับแม่ ผู้หญิงคนเดียวที่ผมรักมากที่สุด
และจะรักเธอไปจนวันตายตราบเท่าที่ลมหายใจของผมจะยังอยู่ มีเธอเท่านั้นที่ไม่เคยจะหยุดรักผม
แล้วทำไมผมถึงจะหยุดรักเธอเล่า อ้อมกอดของแม่อบอุ่นเสมอสำหรับผม ไม่ว่าเวลาไหนที่ได้ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนแม่
แม้ว่าอ้อมแขนที่แลแข็งแกร่งนุ่มนวลในเวลาเดียวกัน จะดูบอบบางลงไปกว่าเดิมเมื่อผมโตขึ้น ไม่ได้เด็กเหมือนในอดีต
แต่อ้อมแขนคู่นี้ก็ยังคงทรงพลัง เติมเต็มความว่างเปล่าให้ผมพบกับความสุขล้นในหัวใจด้วยดีตลอดมา
ผมคงไม่สามารถเสาะหาอ้อมแขนที่มอบความสุขอบอุ่นอ่อนโยนบริสุทธิ์ เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักเท่านี้ได้อีก
มาอัพแล้วนะคะ เหลืออีกตอนสองตอน จะชวนกันกินมาม่าต้มยำแซ่บล่ะ
![:ling3:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/ling3.gif)