ตอนที่ 17 The House at The End of The Street PT 2
ที่บ้านท้ายซอย...
มีชายหนุ่มคนหนึ่ง....
กับแมวอีกตัวหนึ่ง.....
กำลังรอคอยการกลับมาของใครคนหนึ่ง.....
[เกียรติยศ]
“เอ้า....น้ำองุ่น....แดกเปลืองนะมึงไอ้ตัวขาว”
ผม.....เกียรติยศ ต้องมารับบทเด็กปัญญาอ่อนอีกครั้ง
คงเพราะชินกับบทบาทนี้แล้วล่ะมั้ง และอีกเหตุผลหนึ่ง การแสดงละครตบตาด้วยการแกล้งเอ๋อ มันช่วยให้อะไร ๆนั้นง่ายขึ้น แล้วยิ่งได้มาเจอเจ้าเบื๊อกนี่ ไอ้เด็กหัวฟูปากเสีย เสียงดัง โผงผาง ชอบพูดคำหยาบ แต่ใจดีโคตร ๆแบบนี้ มันทำให้ผมกลับมาเป็นราชาผู้ยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ไม่ต่างจากตอนที่อยู่กับภูมิเท่าไหร่
มันก็มีเหลิงบ้างอ่ะนะ
ยังไงผมก็ชอบที่จะถูกตามใจอยู่ดี
“นี่....ไอ้ตัวขาว มึงไม่มีพ่อแม่หรือคนที่เป็นห่วงมึงบ้างเลยเหรอ มึงอยู่กับกูมาจะเกือบปีแล้วนะ ไม่มีใครตามหามึงเลยรึไง”
“อุ้มมมมม”
“เชี่ย....อย่ากระโจนใส่แบบนี้สิวะ กูยังไม่พร้อม”
....แล้วก็ล้มลงด้วยกัน ท่าไม่สวยเลย หน้าผากผมโขกพื้นดังโป๊ก
สงสัยจะเล่นเยอะไปนะเกียรติยศ
“มึงก็ไม่ต่างจากกูหรอก ไอ้ตัวขาว ตัวคนเดียว ไม่มีใครสนใจ....ถูกกดขี่ข่มเหงสารพัด”
เขาเศร้า เด็กคนนี้เศร้า ผมได้อ่านใจของเขา ช่างเป็นคนที่น่าสงสาร เป็นเด็กกำพร้า อยู่กับลุงและป้าที่ชอบทุบตี อายุสิบห้าก็หนีออกจากบ้าน....
“เบสท์....”
“มึงน่ะ....จำบ้านตัวเองไม่ได้จริง ๆเหรอวะ ไอ้ตัวขาว....ถึงมึงจะติ๊งต๊องก็เถอะ ก็น่าจะจำได้บ้างสิ....มึงน่ะ...แค่โดนมอ’ไซด์ชนนะเฮ้ย ถึงกับความจำเสื่อมเลยเหรอ”
“เบสท์....น้ำองุ่น....น้ำองุ่นนนนนน”
“มึงน่ะ...จะมาเกาะกูอยู่แบบนี้ไปตลอดไม่ได้หรอกนะไอ้ตัวขาว กูเอง...สักวันก็ต้องมีเมีย....แล้วกูจะเอามึงไปเก็บตรงไหน ตอนกูจะฟีทเจอริ่งน่ะ...ฮ่าฮ่าฮ่า”
ดูจากหน้าเขาแล้ว....ผมว่าคงอีกนาน
แต่ถ้าเขาไม่เลือกมาก หรือเจาะจงว่าต้องเป็นผู้หญิงหุ่นเป๊ะ มันก็มีอีกคนหนึ่งที่รักเขาอย่างจริงใจ คนที่ปากเสียพอกันกับเขานั่นแหละ ผมเคยเจอคน ๆนั้นแล้วครั้งหนึ่ง และเคยได้อ่านใจเขาด้วยเช่นกัน
รุ่นพี่ที่ร้านพิซซ่านั่นไง....
.
.
.
.
.
“คุณครับ”
“เห?”
“ขอโทษครับ ผมทักคนผิด”
[ภาคภูมิ]
บ้านท้ายซอยยังรอให้พี่กลับมาอยู่ด้วยกันนะ.....
วันนี้ผมเจอคน ๆหนึ่งที่ดูเหมือนพี่ ก็เหมือนคนอื่น ๆเมื่อวันก่อน ๆนั่นแหละ
เด็กผู้ชายตัวเล็ก ใส่เสื้อฮู้ดสีดำ เสียบหูฟัง เดินหลังค่อม ๆ ผ่านหน้าผมไป ทำให้ผมอดคิดถึงพี่ขึ้นมาไม่ได้ สัญชาติญาณสั่งให้ผมวิ่งตามไปเหมือนทุกครั้ง ด้วยความหวังลม ๆแล้ง ๆว่าอาจจะใช่
แต่ก็ไม่ใช่....
ผมเห็นพี่ในหัวครั้งสุดท้าย ก็เมื่อเกือบปีมาแล้ว พี่ซุกร่างที่เปลือยเปล่า....อยู่ในซอกหลืบของตึกร้าง อยู่อย่างหิวโหย และกำลังฟื้นฟูตัวเองอย่างช้า ๆ
ไม่มีเสื้อผ้าติดตัวเลยสักชิ้น นอนขดอย่างทรมานในความหนาว....
ผมตามหาพี่แทบบ้าในตอนนั้น ผมกับอาทนายช่วยกันตามหาพี่ตามตึกร้างในหลาย ๆแห่งในกรุงเทพ แต่ก็ไม่มีร่องรอย บางครั้งผมอาจจะบ้าไปเอง แต่ภาพในหัวนั้นชัดเจนจนยากจะปฎิเสธ
ไมเคิลเองก็ไม่เคยลืมพี่ บางครั้งมันก็ดูหงอย และบางครั้งมันก็ชอบไปนั่ง ๆ นอน ๆตรงแถวหลุมฝังศพ เวลาเรียกมัน มันก็ร้องครางกลับมาอย่างเศร้า ๆ
คิดถึงเขาล่ะสิ ถึงผมจะคอยเล่นกับมัน แต่มันก็ยังไม่ลืมพี่ ไม่ลืมอ้อมกอด ไม่ลืมการฟัด ใครว่าแมวไม่ซื่อสัตย์เท่าหมา ที่มันยอมสนิทกับผม ผมว่ามันก็แค่เอาตัวรอด....ไม่ให้ตัวเองต้องอดตายก็เท่านั้น แต่คนที่มันรักจริง ๆ ยังไงก็ต้องเป็นคนที่เลี้ยงมันมาตั้งแต่แรก ผมจำภาพของพี่ตอนเป็นซอมบี้ ที่ชอบเอาปากงับหัวมัน แล้วผมก็ลองทำบ้าง
เคลิ้มเชียวนะมึง.....
กลับมาได้แล้วเกียรติยศ
พี่ทรมานผมนานเกินไปแล้วนะ
ผมไม่อยากอยู่คนเดียวแบบนี้เลย
ผมอยากได้ภาระอันแสนหนักอึ้งนั้นกลับคืนมา
.
.
.
.
.
[เกียรติยศ]
ได้เวลากลับบ้านแล้วล่ะ.....
ก็จริงอย่างที่เจ้าเด็กส่งพิซซ่ามันว่า ผมจะมาอยู่เกาะเขาไปตลอดก็คงไม่ได้
มันเห็นแก่ตัวเกินไป
ถึงแม้อยู่กับเขา จะมีคนหาเลี้ยง ไม่ต้องทนหิวหรือว่าต้องออกไปล่าเหยื่อ แต่ผมก็เกรงใจที่ต้องคอยเบียดเบียนเงินค่าจ้างอันน้อยนิดของเขา ไหนจะค่าเล่าเรียน ไหนจะค่าเช่าห้อง
ก่อนมาเจอเขา ผมหาอาหารโดยใช้วิธีสะกดจิตเหยื่อ แล้วขอแบ่งเลือดมานิด ๆ หน่อย ๆเพื่อเติมพลัง
ผมไม่ต้องฆ่าใคร ถึงรสชาติของเลือดจะอร่อยแค่ไหน แต่ผมก็กินอย่างพอเพียง พอแค่ได้ต่อชีวิต ผมเองก็เก่งขึ้นเยอะ รู้จักควบคุมตัวเอง ไม่ให้หลงไหลไปกับความหอมหวานของมัน จนต้องคร่าชีวิตใคร
อีกอย่าง....อาหารมนุษย์ก็ให้พลังงานได้เหมือนกัน แค่ต้องกินให้เยอะหน่อย
แล้วตบท้ายด้วยน้ำองุ่น......อา
“ไอ้ตัวขาว......”
“ครับ”
“เอ่อ......”
“......”
“เมื่อกี้มึงว่าไงนะ”
“ก็คุณเรียกผม....ผมก็ขานรับไง”
“เฮ้ยยยย.....นี่มึงหายแล้วเหรอวะ”
“ครับ....ผมจำทุกอย่างได้แล้ว”
“แน่ใจนะเฮ้ย”
“ขอบคุณที่เลี้ยงดูผม แต่ตอนนี้ผมคงต้องกลับบ้านแล้วล่ะ”
“กู....เอ่อ....ให้ผมไปส่งคุณนะครับ”
แหม....เกรงใจจัง เนื่องจากผมเคยอ่านใจเขามาบ้างแล้ว ผมก็เลยรู้ว่าผมน่ะ ทำเรื่องไม่ดีกับเขาเอาไว้เสียเยอะ ทั้งเรื่องขโมยพิซซ่า ทั้งเรื่องทำหัวหลุดต่อหน้าเขา แล้วขืนให้เขาพากลับไปบ้านหลังนั้นอีก ผมกลัวเขาจะเป็นบ้าน่ะสิ
“เอ่อ.....ไม่เป็นไรครับ ผมจำทางกลับบ้านได้ ขอแค่ค่าโดยสารก็พอ”
“เอ้านี่....สองร้อยพอมั้ย”
“เยอะไปครับ”
“แน่ใจนะว่าจำได้จริง ๆ”
“ครับ แล้วรบกวนขอเลขที่บัญชีด้วย”
“เอาไปทำไมวะ.....เอ้ย....ครับ.....”
“ก็....จะโอนเงินคืนให้ไงครับ แล้วก็ตอบแทนที่เลี้ยงผม....”
“ช่างเถอะ ผมไม่ได้ทำเพราะเงินหรอก.....จริง ๆนะ.....เพราะผมก็ไม่คิดว่าจะได้อะไรตั้งแต่แรกแล้ว ถึงตอนนี้คุณจะจำได้ทุกอย่าง กลับมาเป็นปกติ แต่ผมก็ไม่อยากเรียกร้องอะไร ผมทำด้วยใจน่ะ เพราะคุณทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองมีค่ามากกว่าแต่ก่อน.....”
ตอแหลนะ.....ผมอ่านใจเขา ตอนนี้เขากำลังดีใจสุด ๆไปเลย ตอนที่ผมบอกจะโอนเงินให้น่ะ
แหม่....เดี๋ยวก็แกล้ง...สนองเจตนารมณ์ให้เสียเลยดีไหม?
“งั้นผมไปนะครับ”
“เฮ้ยเดี๋ยวสิ”
นั่นไง....โธ่ไอ้....
“แต่ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ถ้าคุณอยากตอบแทนผมจริง ๆ ผมก็ไม่ขัดหรอก ผมไม่ชอบขัดความตั้งใจใครน่ะ....นี่ครับเลขที่บัญชี...ส่วนนี่เบอร์โทรผม เงินเข้าแล้วบอกด้วยนะ”
เอาเถอะ สุดท้ายหมอนี่ก็อยากได้เงิน ใครล่ะไม่อยากได้ แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาก็ดูแลผมเป็นอย่างดี ให้อาหาร ให้ที่พัก อาบน้ำให้ผมด้วย(แต่อาบไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่----สงสัยรังเกียจ)
“แล้วติดต่อมาบ้างนะครับ ยังไงก็คิดซะว่าเราเป็นเพื่อนกัน”
เขาบอกผม.....โอเค....เขาไม่ได้โกหก เขาเป็นคนดีที่มีชีวิตขัดสน และผมว่าเขาอยากมีเพื่อนจริง ๆ
“แล้วเราค่อยนัดกินข้าวกันนะ”
“มากอดสิสิวะไอ้ตัวขาว.....โฮ”
“ร้องไห้ทำไมครับ?”
“ต่อไปกู...เอ้ยผม...คงเหงาแย่ วันนี้อุตส่าห์ไปเหมาน้ำองุ่นมาตั้งสี่แพ็ค”
ว้า....รู้งี้ยังไม่บอกก็ดีอ่ะ
.
.
.
.
.
กลับมาแล้ว
เกียรติยศกลับมาแล้ว
“ไมเคิลลลลล.....ยังมีชีวิตอยู่ใช่มั้ย”
“เมี๊ยว”
บ้านมืด สงสัยว่าภูมิจะยังไม่กลับ พอเปิดไฟ ไอ้แมวขี้เก๊กก็เดินเข้ามาหาผมอย่างช้า ๆ ทั้งที่ในใจของมันดีใจแทบบ้า แต่มันก็ยังทำฟอร์มจัด ช่างเป็นยอดแมวที่รักในศักดิ์ศรีของตัวเองจริง ๆ
“คิดถึงข้าไหม”
“เมี้ยว”
“ข้าไม่ทิ้งเอ็งไปไหนแล้ว ข้ากลับมาแล้ว...โอ้โห น้องข้าก็เลี้ยงเอ็งดีนี่หว่า....อ้วนเหมือนเดิมเลยนะ....”
ผมรอภูมิ...
รออยู่อย่างนั้นจนหลับไป
คงเพราะใช้ชีวิตแบบมนุษย์มานาน แม้ตอนนี้ส่วนที่เป็นมนุษย์จะเหลืออยู่เพียงน้อยนิด แต่ผมก็ยังคงติดพฤติกรรมเดิม ๆแบบมนุษย์
“พี่....”
ผมตื่นขึ้น เพราะมีเงาของใครบางคนทาบทับตัวผมอยู่ ผมลืมตาขึ้นมา เห็นภูมิกำลังจ้องผมด้วยสีหน้าเรียบเฉย....
นี่ภูมิไม่ดีใจเลยเหรอ ผมพยายามอ่านใจเขา แต่ก็เหมือนเดิม มีกำแพงกั้นผมเอาไว้
“ผม.....ดี......ใจ”
ถึงเขาจะดูแปลก ๆ แต่ผมก็ไม่สนแล้ว ผมโผเข้ากอดเขาแน่น ภูมิเองค่อย ๆกอดผมตอบอย่างช้าเชื่อง
“นายเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ผมรู้ว่าพี่จะกลับมา....ผมรีบ...มาก...เลย.....เพราะทุกครั้ง....ที่เห็น....มันช้ากว่าของจริงเสมอ”
เสียงของภูมิฟังดูเหนื่อย และริมฝีปากของเขาก็ไม่ได้ขยับตรงกับคำพูด
เขาสวมเสื้อเชิ๊ตนักศึกษาสีขาวเหมือนเคย วันนี้เขาคงมีเรียน แต่ที่แปลกไปจากเดิม คือรอยเปื้อนสีแดงฉานตรงอกข้างซ้าย.....
“ผมรีบ....เพราะดีใจ....ก็เลย....”
เสียงของเขาขาดหาย และร่างของเขาก็ค่อย ๆทรุดลงไป ผมเข้าไปประคองเขาเอาไว้ แล้วแกะกระดุมเสื้อเชิ๊ตของเขาออกดู
“รถของผมชนเข้ากับรถบรรทุกเหล็ก เหล็กเส้นปักทะลุกระจกเข้ามา.....เสียบเข้าที่.....ผมเหนื่อยจัง”
“พอแล้ว นายไม่ต้องพูดแล้วภูมิ”
ผมน้ำตาไหล ไม่ใช่เพราะเสียใจ แต่เพราะดีใจมากต่างหาก
“พวกเขาพาผมไปโรงพยาบาล...แต่ผมหนีออกมา.....ป่านนี้คงวุ่นวายกันใหญ่ ว่าศพหายไปไหน”
“ภูมิ”
“หัวใจผมหยุดเต้นไปหลายชั่วโมงแล้ว.....ถ้าว่าตามหลักการ....ตอนนี้ถือว่าผมเป็นคนที่ตายไปแล้ว....ตามความเห็นของแพทย์น่ะ”
ดีใจที่ในที่สุดผมก็ได้คลายข้อสงสัย....
ข้อสงสัยที่ว่าน้องเป็นเหมือนผมหรือเปล่า
.
.
.
.
.
.
To be con
ตอนหน้ามันจะต้องจบ 5555+
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาจนถึงตอนสุดท้ายนะคะ