ซีรี่ย์ส่งท้าย : วันสบาย ๆของ(สอง)ชายผู้กลับมาจากความตายตอนที่ 2 ต้นไม้แห่งความเจ็บปวด[บรรยาย]
เกียรติยศเป็นคนติดหรู
ชอบจิบชากลิ่นมิ้นท์หรือชากลิ่นผลไม้ที่สั่งตรงจากสหราชอาณาจักร
เขามักสวมแว่นตาเรย์แบนด์รุ่นลิมิเต็ดราคาเหยียบแสน ขณะที่กำลังนั่งทอดอารมณ์ออกไปนอกระเบียงห้องนอน ในมือนั้นถือหนังสือวรรณกรรมภาษาอังกฤษ.....ถามว่าอ่านออกไหม....ไม่รู้สิ....ก่อนจะมาเกิดเป็นเด็กหนุ่มเชื้อชาติไทย ก่อนหน้านั้นในโลกที่เขาจากมา มนุษย์ยังพูดจาภาษาถ้ำกันอยู่เลยนี่นะ เหตุการณ์ระหว่างนั้นต้องไปถามภาคภูมิ ขานั้นข้อมูลแน่น เขามันพวกเน้นปฏิบัติ
ก็มันเท่ห์....วรรณกรรมชั้นสูง(ของลุงกับป้า) เขาก็หยิบมาลูบ ๆคลำ ๆ ให้มันดูเท่ห์ไปงั้นแหละ ส่วนแว่นตานี่ก็แอบไปสะกดจิตเอาของชาวบ้านเขามา ส่วนชาที่ดื่มน่ะก็สั่งตรงมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ตต้นซอย....ยี่ห้อไดอาน่า
มันเป็นความสุขของเขาน่า....
ได้สวมสูทโก้ ๆ เซ็ทผมเรียบแปล้ด้วยแว๊กซ์ใส่ผม จิบตา ดูท้องฟ้ายามบ่าย สักพักก็มีแมวเหมียวจอมกำเริบ กระโดดขึ้นมาตีเสมอบนโต๊ะ เกียรติยศบิขนมปังกรอบให้มันหน่อยนึง มันดม ๆ แต่ก็ไม่ยอมกิน แถมยังกัดมือเขาอีกต่างหาก
สงสัยจะชอบกินเนื้อล่ะสิ
ฟัดฟัดฟัดขณะที่เขากำลังฟัดไอ้เหมียว....ตัวเขาเองก็ถูกสิ่งมีชีวิตในร่างมนุษย์เพศชายตัวโต...ฟัดเขาจากทางด้านหลัง
“วันนี้ปลีกวิเวกมาที่ระเบียงเหรอ.....”
“ทีวีไม่มีอะไรดูนี่....”
“เมื่อก่อนเห็นชอบไปเล่นที่สวนหลังบ้าน”
“มันไม่ได้อารมณ์ผู้ดีอังกฤษน่ะ”
“แรด”
“เอ้าจริงนะ.....แสดงว่าไม่ได้สังเกตเลยสิท่า ว่าต้นไทรหลังบ้านของเราน่ะมันมีอะไรเปลี่ยนไป”
“อะไรอีกล่ะคราวนี้ คราวก่อนก็ผีหยกไปทีนึงแล้วนะ”
พูดถึงผีหยก เอาเข้าจริง ๆก็ไม่ได้หายไปเสียทีเดียว แต่นาน ๆที....ไม่ผีด้านดี ก็ผีด้านร้าย สลับตัวกันมาปรากฏตัวในฝันของสองพี่น้องแทน สงสัยงบหมด....งบที่ว่าหมายถึงพลังงานที่มาจากแรงแค้น ไม่แน่ว่าปีหน้า หากว่าเจ้าผีสองตนนั้นรวบรวมกำลังกันได้ใหม่ ก็คงจะกลับมาในแบบฟูล-ออฟชั่นอีกครั้ง
พิลึกผีจริง.....เกียรติยศคิดในใจ ก่อนจะหันไปกอดภาคภูมิบ้าง เอาหน้าของเขาถูไถไปกับหน้าท้องของน้อง ที่เต็มไปด้วยซิกส์แพค
.
.
.
.
.
.
.
“หวา....อยู่ ๆทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะเนี่ย”
ภาคภูมิเป็นหนุ่มรักสันโดษ
งานอดิเรกของเขานั้นสวนทางกับเกียรติยศอย่างสิ้นเชิง ขณะที่คนพี่มักทำตัวติดหรู ชอบชี้นิ้วบงการ ตัวเขากลับเลือกที่จะใช้เวลาว่างไปกับการทำสวน ปลูกต้นไม้
ช่วงหลัง ๆมานี้ เขามัวแต่ไปสนใจต้นไม้หน้าบ้านเสียเป็นส่วนใหญ่ กำลังเห่อกับการตัดแต่งกิ่งไม้ให้ออกมาเป็นรูปสัตว์ แต่งน้ำตกจำลองที่อยู่หน้าทางเข้าบ้าน หรือแม้แต่ขัดถูรูปปั้นสีขาวที่อยู่ในน้ำพุขนาดย่อม ลงทุนซื้ออุปกรณ์มาทำเองเสร็จสรรพ
พอพี่ชายทักขึ้นมาว่าที่สวนหลังบ้านมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นเท่านั้นแหละ ต่อมอยากรู้ของเขาถึงได้ทำงานขึ้นมา เขาไม่ใช่คนขี้กลัว โดยเฉพาะผี ๆสาง ๆ เป็นเพราะชินแล้วที่ได้เห็นพี่ชายสำแดงอิทธิฤทธิ์ออกมาในรูปแบบต่าง ๆ จะมีหวั่นไหวไปบ้างก็แค่วิญญาณของหยก....
เปล่ากลัวจนขี้ขึ้นสมองอย่างที่ใครบางคนแซวหรอกนะ แค่ตกใจนิดหน่อย กับสิ่งแปลกใหม่ที่เรียกว่าผี(ผีจริง ๆน่ะ) ที่เพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก หากไม่นับรวมเด็กเปรตที่มานั่งเย็บท้องต่อหน้าเขา เอาเข้าจริงพี่ชายของเขาน่ะสยดสยองกว่าเยอะ
ถ้าจะเปรียบเทียบกันแล้ว ผีหยกทำให้เขาตกใจได้มากกว่า ในแง่ของการคาดเดาไม่ได้ การปรากฏตัวแบบที่ทันได้เตรียมใจ บางครั้งมาเพียงเสียงหัวเราะ บางครั้งมาทั้งภาพทั้งเสียง ผิดกับพี่ของเขาที่มาในแบบจับต้องได้ ทั้งกลิ่นสาบศพ และกลิ่นคาวเลือด แรก ๆก็กลัว แต่หลัง ๆก็เริ่มชิน ยิ่งได้รู้ที่มาที่แท้จริงของเขากับพี่ เขาก็ไม่เหลือกลัว จะมีก็แต่ความรู้สึกอย่างอื่น เช่นหมั่นเขี้ยว อยากฟัด อยาก.....
ถึงตอนนี้จะรู้ว่าตัวเองเป็นอะไร แต่ภาคภูมิก็ยังรู้สึกว่าตัวเขาเป็นมนุษย์อยู่ดี เขายังไม่ค่อยชินนักกับการเป็นสิ่งอื่น อย่างน้อยก็ไม่ชินเท่าเกียรติยศ เพราะอย่างนี้ไง....เขาถึงยังต้องพึ่งพาเครื่องยึดเหนี่ยวบางอย่าง....อาทิเช่นพระเครื่องเป็นพวง อย่างกับมาลัยหางเครื่อง
ใช่.....ตอนนี้เขากำลังห้อยพระเครื่องเต็มคอ แน่นอนว่าถูกอีกฝ่ายหัวร่องอหายไปเรียบร้อยแล้ว เขาด้อม ๆมอง ๆรอบต้นไทรขนาดใหญ่ ที่ดูเผิน ๆก็ไม่มีอะไรผิดปกติ อดคิดไม่ได้ ว่าจะมีอะไรโผล่พรวดออกมาให้ตกใจไหม เช่นพวกภูติผีเจ้าพ่อในตำนาน แต่พอเข้าไปสังเกตใกล้ ๆ เขากลับเห็นบางอย่างที่น่าสยองยิ่งกว่า ไม่สิ....ต้องใช้คำว่าน่ารังเกียจ กับน่าขยะแขยงเห็นจะเหมาะกับเจ้าสิ่งนี้
เขาแหวกรากอากาศที่บดบังออก เพื่อดูเจ้าสิ่งนั้นให้ชัด ๆ มีใบหน้าคนปรากฏอยู่บนเปลือกไม้ ตรงส่วนที่เป็นลำต้น ใบหน้าที่เหยเกและบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด เป็นจำนวนทั้งสิ้น 7 หน้า กระจุกตัวอยู่ใกล้ ๆกัน
“พะ...พี่แอบมาสลักเปลือกต้นไทรให้เป็นหน้าคนสินะ”
“จะบ้าเหรอ....”
“มีมานานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ ทำไมเพิ่งจะมาเห็น แน่ใจนะว่าไม่ได้ทำเอง บอกความจริงมา!!!”
“นายเคยเห็นพี่ทำอะไรแบบนั้นเรอะ....นายก็รู้ว่าพี่ไม่ชอบงานหนัก.....”
อืม....ก็จริงวัชพืชบริเวณนั้นที่เคยเขียวชอุ่มกลับแห้งเหี่ยวตายซาก ดอกไม้ดอกหญ้าขนาดเล็กบริเวณรอบต้นไทรนั้นกลายเป็นสีดำ คล้ายมีคนเอาสเปรย์มาพ่น
“ขนาดไมเคิลยังไม่กล้ามาเดินเล่นเลยอ่ะภูมิ.....ที่ดื่มชาของพี่กลายเป็นสวนสยองไปแล้ว ไม่ได้กลัวหรอกนะ แต่ทำอะไรสักอย่างสิ....พี่ยังอยากใช้ชีวิตหรูหรานะภูมิ แต่แบคกราวนด์มันไม่ได้อ่ะ”
“ดูสิ มีแค่พวกต้นไม้เล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้ต้นไทรเท่านั้นที่ดูแปลกไป รัศมีของมันแคบมาก ถ้าไม่ลุยเข้ามาก็ไม่สังเกต ถูกหญ้าที่เริ่มโตบังหมด.....”
“มีพลังงานในนั้น....พลังงานระดับต่ำ....ยิ่งกว่าผีหยกอีก”
“อย่าพูดสิเดี๋ยวก็มาหรอก”
“กลัวรึไง....หึ....พระเต็มคอออกขนาดนั้น”
“ไม่กลัว....แต่รักสงบไม่ได้รึไงวะ!!!!”
พี่น้องเริ่มเถียงกับงุ้งงิ้ง จนไม่ทันได้สังเกตว่าหนึ่งในใบหน้านั้น ค่อย ๆเปิดเปลือกตาขึ้นจ้องมองอย่างเคียดแค้น
“เหวอ”
“นายนี่....อยู่แสดงอาการตกใจแบบมนุษย์สักทีได้มั้ย เวอร์จริง”
“ก็มันลืมตา”
ใบหน้าที่แสนเจ็บปวด และแฝงด้วยความอาฆาตแค้น เกียรติยศไม่เสียเวลานึกถึงเจ้าของใบหน้าพวกนั้นด้วยซ้ำ เขาหลับตาลง และย้อนความหลัง เขาเห็นเพียงภาพชิ้นส่วนมนุษย์ที่กระจายเกลื่อน กลิ่นคาวเลือดอันแสนโอชะ ก้อนเนื้อที่เต็มไปด้วยโปรตีนมหาศาล
เอื๊อก“ใช่เวลามาหิวไหมพี่”
“พวกมันมีเจ็ดคน....คนที่พี่ฆ่าโดยที่ไม่ได้กิน....สอง....ส่วนอีกห้าคน....รสชาติมันไม่เลวเลย”
“ไอ้ตัวที่ลืมตานั่นคงเป็นตัวหัวหน้า...จ้องใหญ่เลย”
“อ้าว....ไม่กลัวแล้วหรือ”
“บอกแล้วไงว่าไม่ได้กลัว แค่มันยังไม่ค่อยชินน่ะ”
“นั่น.....ดูสิ....ตรงนั้นมีกระดูกมือโผล่ขึ้นมา....มีสี่ข้าง.....เป็นของไอ้สองคนแรกที่หัวใจวาย เพราะสภาพสมบูรณ์.....แปลกดีนะ จำได้ว่านายฝังไกลกว่านี้....แหม่....เสียดายนะที่ไม่ได้กินน่ะ มัวแต่จะหาร่างใหม่กันอย่างเดียว”
ที่โคนต้นไทร สองพี่น้องสังเกตเห็นมือที่เหลือเพียงกระดูก โผล่พ้นดินขึ้นมา และกำลังกำตรงส่วนที่เป็นรากไม้ คล้ายกับพยายามที่จะปีนขึ้นมาจากหลุม
“ผมว่าผมฝังลึกแล้วนะ ไหงมาโผล่ตรงนี้ได้”
“พวกพลังงานต่ำก็ทำอะไรเชื่องช้าแบบนี้แหละ นี่คงได้พลังจากต้นไทรช่วยด้วยแน่ ๆ ลำพังโจรกระจอกเจ็ดคนคงไม่มีปัญญา คนที่จิตแข็งที่สุดมีแค่คนเดียว ซึ่งเนื้อมันอร่อยสุด พี่กินจนไม่เหลือ กะโหลกมันพี่ยังกัดกินจนเกลี้ยง”
“แหวะ”
“ชิส์....ทำมา....”
ภาคภูมิลูบคางอย่างใช้ความคิดอยู่นาน จนในที่สุดเขาก็นึกอะไรออก
“โค่นเลยไหม”
“น่าสงสาร....โหดร้ายที่สุดเลยภูมิ”
“ตรงไหนวะ....7 ศพน่ะตัวเองเหมาไปคนเดียวเลยนะ”
“ที่บอกว่าน่าสงสารน่ะ หมายถึงต้นไทรเว้ยยยย......ต้นไม้กับเราสองคนนี่ถือว่าใกล้เคียงนะ เผลอ ๆเหนือกว่าเราด้วยซ้ำ เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่เหนือความเจ็บปวดทั้งมวล....คิดดูสิ มหัศจรรย์ไหม?”
“ก็ถ้ามันไม่เจ็บ ก็โค่นสิแว๊!!!”
“นายรู้ไหม....มีจิตวิญญาณมากแค่ไหนในต้นไม้ แถมรากที่ชอนไชอยู่ในดินนี่ก็เป็นเครือข่ายเน็ตเวิร์คขนาดใหญ่ดีดีนี่เอง ถึงได้บอกว่าน่าสงสารไง ที่จะไปทำลายเค้าน่ะ ตัดต้นเดียว กระทบอีกหลายต้นเลยนะ....น้องโง่เอ๊ย!!!!”
ลึกซึ้ง.....บางครั้งพี่ชายของเขาก็ลึกซึ้งเสียจนน่ากลัว
เทียบกับไอ้เด็กดัดจริตติดหรูแบบที่มันเป็นอยู่ทุกวันนี่....ใช่คนเดียวกันจริงเรอะ
“ต้นไม้กำลังป่วย เราก็ต้องรักษา ตอนเป็นมนุษย์ เวลาเป็นสิวนายทำไง”
“บีบ.....เอาหนองออก”
“งั้นก็จัดการแบบเดียวกัน”
เกียรติยศฉวยมีดจากมือน้อง ฟันฉับเข้าที่ใบหน้าของเจ้าตัวการใหญ่ ใบหน้าเดียวที่ลืมตาจ้องมองเขา เลือดสีแดงนั้นไหลทะลักส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย
"โวะ.....อาหาร"
"น่ากินจังเลยครับพี่"
สองพี่น้องยืนลิ้มลองรสชาติของเลือดเหล่านั้นอย่างเพลิดเพลิน พวกเขาเจอแหล่งอาหารชั้นดี ที่ปรุงด้วยพลังแห่งความแค้น ผสานกับสิ่งที่จับต้องได้อย่างต้นไม้ ออกมาเป็นโลหิตสังเคราะห์แสงที่หวานหอม
“ระวังสูทเรอะนะ”
“งั้นพี่ถอดก็ได้”
สองพี่น้องดื่มเลือดเสร็จ ก็หันมากินกันเอง ยังเหลือใบหน้าที่แสนเจ็บปวดอยู่อีกหก แต่ตอนนี้พวกเขาขอทำอย่างอื่น เป็นการเผาผลาญพลังงานที่เพิ่งได้มาอย่างสดใหม่
ทั้งคู่กอดรัดกันในสภาพเปลือยเปล่าล่อนจ้อน ไม่สวมแม้แต่รองเท้า ร่วมรักกันตรงนั้น โดยมีเหล่าต้นไม้และพลังงานปลายแถวเป็นสักขีพยาน
สมกับเป็นวันสบาย ๆ
.
.
.
.
.
.
“ภาคภูมิ”
“ครับ”
“เหนื่อยง่ะ”
สองร่างเปลือยเปล่า ทิ้งตัวลงนอนอย่างสิ้นเรี่ยวแรง เกียรติยศพลิกตัวขึ้นไปกอดก่ายกับน้องชาย ประกบจูบอย่างอ่อนหวาน พลางเอื้อมมือไปเขี่ย ๆกระดูกมือข้างหนึ่งเล่นอย่างสบายใจ ส่วนมือของภาคภูมินั้นสนุกกับการบีบขยำก้นปอด ๆ จับมาบดขยี้กับตรงนั้นที่ยังแข็งขึงของเขา
“แต่ก็เหมือนเราในอดีตเนอะ......ว่าไหมครับคุณเกียรติยศ”
“ตรงไหน.....ตอนนั้นนายเป็นเมียพี่ พี่เป็นฝ่ายตั่บ ๆนายนะ.....”
“อย่าลงลึกสิ....ที่ว่าเหมือนก็เพราะตอนนั้นเราใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติไง....นอนกลางดินกินกลางทราย ห่มหนังสัตว์”
“แล้วก็เอากันในที่แจ้ง....พอเหอะ.....นี่นายจะเริ่มรอบที่สามอีกแล้วใช่ไหม”
“ก็ยังเหลือแหล่งพลังงานให้เราอีกหกนี่....ถูกไหม”
“ขุดกระดูกมากินเลยมั้ย?”
“ต้มเป็นน้ำซุปนะ....แล้วก็จับไมเคิลถลกหนังใส่ลงไป....เคี่ยวให้เปื่อย”
“อ่า.....”
“พี่ไม่ควรมีอารมณ์ตอนที่ผมกำลังพูดถึงของกินสิ”
เป็นอีกวันสบาย ๆของพวกเขา ที่มีแต่เรื่องสนุก ๆอยู่เรื่อยเชียว
.
.
.
.
.
.
end

ตอนหน้าแต่งอะไรน่ารัก ๆบ้างดีกว่า เช่นแมวต้ม....