Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ  (อ่าน 248706 ครั้ง)

ออฟไลน์ ゚゚ღ✿ศิลินส์✿ღ゚゚

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-4
เพิ่งมาอ่านสนุกดีค่ะ

ชอบการบรรยายอ่ะ บรรยายได้ลื่นดี แล้วจะรออ่านตอนต่อไปเนาะ  :กอด1:

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
อ่านเรื่อยๆ น่ารักเรื่อยๆ ซึมลึกไปเรื่อยๆ .. ธีร์หน้าแดง  :mew1: :katai2-1:

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
แสดงว่ามีแฟนเป็นหมอใช่มั้ยคะเนี่ย5555555555555555
โชเรารู้จุดประสงค์นายนะ 5555555555555555

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
ไม่จีบน้อง.....จะจีบพี่ กิกิ

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
โชรู้นี่นา น้องธาน่ารักอ่ะ

ออฟไลน์ AGALIGO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4

ชอบพ่อหมีจัง


ออฟไลน์ aloney

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-4
ละมุนมากก~~~ feel good สุดๆๆ

ตลอด4ปี เราว่าโชคงชอบและแอบติดตามธีร์อยู่แน่ๆ แต่ไม่กล้าจีบหรือเปล่า?? เอาใจช่วยว่าที่คุณหมอนะคะ 

อ่อๆ จิบอกว่าชอบพ่อหมีมากแลดูนางปกป้องเราได้ 555555+

ออฟไลน์ velvetronica

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-1
05


กันตธีร์กำลังหงุดหงิดอย่างมาก


ชายหนุ่มโยนมือถือเข้ากระเป๋าสะพายอย่างใส่อารมณ์ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะควบคุมได้และมากที่สุดเท่าที่ความถนอมของจะอำนวย


อะไรคือการถูกหลบหน้าจากคนที่เพิ่งประกาศว่าเขาเคยหลบหน้า!!


นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์อย่างเขาไม่รู้หรอกว่าคณะแพทยศาสตร์มันจะเรียนหนักอะไรขนาดไหน ไอ้ที่เรียกว่าอยู่เวร รับเคส โปรเกรส อะไรพวกนั้นก็ไม่ค่อยเข้าใจเสียด้วย เลยได้แต่รับคำอือออไปตามเรื่องตามราวกับการกล่าวอ้างของไอ้ต้นเหตุแห่งความไม่สบอารมณ์

ถ้าไม่เห็นอีกฝ่ายเดินเข้าไปกินข้าวร้านข้างๆ หลังจากบอกปัดเขาว่าไม่สะดวก มันก็คงเนียนดีอยู่หรอก!


“เป็นอะไร” คนนั่งข้างๆ หันมาถาม

“เป็นบ้า” สั้นห้วนได้ใจความ

“หืม? ใครทำให้หงุดหงิดกัน” จิรณัฐยิ้มรับปลายเสียงหงุดหงิด ก่อนจะหันกลับไปสนใจมือถือตัวเอง


กันตธีร์รู้ดีว่านั่นไม่ใช่ความไม่ใส่ใจ หากมันคือความเข้าใจถึงที่สุดว่าเขาไม่ชอบการเซ้าซี้ถามนู่นนี่ยามที่อารมณ์ไม่คงที่ จึงปล่อยให้อารมณ์เย็นลงด้วยตัวเองแทน

ชายหนุ่มเหลือบหางตามองทายาทเจ้าของธุรกิจอิเลคโทรนิคยักษ์ใหญ่แห่งสยามประเทศ คนที่ดูดีราวกับเดินออกมาจากนิตยสารต่อให้นั่งกดมือถืออยู่เฉยๆ ก็ตกเป็นเป้าสายตาได้ง่ายๆ

ตอนนี้หมดชั่วโมงเรียนหมดธุระแล้ว คนอื่นๆ ในภาคก็ทยอยกันเก็บของแล้วเดินออกไป แต่คนข้างตัวก็ยังนั่งเล่นอุปกรณ์อิเลคโทรนิคราวกับติดพันมากมาย...เพียงเพราะเขายังไม่ลุก


“เจ มึงจะกลับเลยป่ะ” หลังจากทิ้งความเงียบไว้สักพักความรู้สึกผิดต่ออีกฝ่ายที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็ผลักดันให้เก็บความขุ่นมัวลงไป

“ไม่อ่ะ” เมื่อโดนเรียกก็เก็บมือถือลงในทันที “เย็นนี้มี  event ไม่ใช่หรือ”

“กับ? กิ๊กคนที่สามร้อยเจ็ดสิบแปดล้านของมึงอ่ะนะ” อธิพจน์โวหารอาจจะไม่เวอร์ไปสำหรับคาสโนว่าไฮโซผู้นี้

“ธีร์พูดอะไร เจมีแค่ธีร์คนเดียวนั่นแหละ” หยอดคำหวานตามสไตล์จิรณัฐพร้อมขยิบตารับสีหน้าระอา “นี่ลืมจริงป่ะ เย็นนี้มีนัดกระชับสัมพันธ์กับชาวสถาปนิกนะเว่ย”

“เฮ้ย ลืมจริงว่ะ...” เผยอปากค้าง มันคืองานที่รุ่นน้องฝากให้ไปกรุยทางเพื่อติดต่อทำงานมหาลัยร่วมกัน “ชิบหายละ ยังไม่ได้ไปเอาเอกสาร”

“อ้าว หมีมันไม่ได้บอกเรอะ”

“คงบอก แต่กูลืมเอง”

“แล้วไปป่ะ”

“ไม่อ่ะ” กันตธีร์ส่ายหัวทันทีแบบไม่ต้องคิด “คนเยอะ”

“โหย ไรวะ ไปด้วยกันดิ นานๆ ทีจะมาเจอหน้ากันครบๆ นะเว่ย”

“ไม่ถนัดว่ะ คราวหน้าแล้วกัน แต่จะไปเก็บศพให้ ตายกันหมดก็โทรมา” ว่าจบก็ขยับตัวเอากระเป๋าสะพายบ่า

“งั้นจะกลับเลย?” หนุ่มหล่อไฮโซลุกขึ้นตามเพื่อนร่างเล็ก

“ไปถามเรื่องเอกสารก่อน ลืมไปเลย” คนขี้ลืมหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมากดหาเบอร์

“ให้ไปด้วยไหม”

“ไม่ต้อง...ไม่เป็นไร”


จิรณัฐพยักหน้ารับ ก่อนจะบอกว่าตนจะไปรอคนอื่นที่ใต้ตึกกลาง แล้วหันหลังเดินออกไปจากห้องภาคที่เหลือเจ้าของคำปฏิเสธยืนอยู่เพียงลำพัง

กันตธีร์ถอนหายใจพลางเอนตัวพิงสะโพกกับขอบโต๊ะ


‘ก็ไม่ได้ไม่ชอบ แต่ก็ไม่ได้ชอบ’


นั่นคือประโยคที่เขาใช้บอกกับเพื่อนรักอย่างกฤษณ์เสมอเกี่ยวกับจิรณัฐ คาสโนว่าสายโฮโมคนนี้ชอบหยอดชาวบ้านชาวช่องไปทั่วจนไม่มีใครคิดติดใจอะไร...แต่ไม่ใช่สำหรับเขา

จิรณัฐชอบเอาอกเอาใจคนอื่นเป็นปกติ แถมยังรู้ใจคนรอบตัวเสมอนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้กันตธีร์อึดอัด

ชายหนุ่มไม่ชอบการถูกบุกรุกพื้นที่ส่วนตัว แม้จะชอบความสะดวกสบายแค่ไหน แต่ถ้าต้องแลกกับชีวิตส่วนตัวเขาก็ขอโบกมือลา โดยยังไม่นับที่อีกฝ่ายเป็นผู้ชายเหมือนกัน

กันตธีร์ไม่ใช่คนที่ตั้งแง่รังเกียจรักร่วมเพศหรือเพศที่สาม ดังนั้นในกลุ่มเพื่อนก็มีประชากรเหล่านี้อยู่โดยสนิทใจกันดีไม่มีปัญหา ...แต่อย่างไรชายหนุ่มก็ไม่โอเคกับการเป็นฝ่ายถูกจีบ ซึ่งจิรณัฐไม่ใช่คนแรก แต่เป็นคนแรกที่เป็นเพื่อน

และถ้าหากเป็นเพื่อนที่ดีน้อยกว่านี้...เขาคงไม่ปล่อยให้มันรุงรังจนแม้แต่กฤษณ์ยังต้องระอา


เป็นอีกครั้งที่ถอนหายใจ ก่อนจะกดโทรออกหารุ่นน้องที่ต้องจัดการธุระให้


++++++


กันตธีร์กำลังนั่งทำงานเพลินๆ ตอนที่มือถือแผดเสียงร้องโวยวาย เขากดรับพลางเหลือบมองหน้าปัดกลมที่บอกเวลาตี 1 กลางๆ เริ่มค่อนไปทาง 2

ดูจากเวลาและชื่อที่โทรเข้าก็แทบจะพยากรณ์ความเป็นไปได้ไม่ยาก


“ตัวเล็กกก” อ้อแอ้ลากยาวกว่าปกติ

“ตายห่ากันหมดยัง” คนสติดีถามพลางเงี่ยหูฟังเสียงแห่งความวุ่นวายเบื้องหลัง

“เกือบว่ะ แม่ง...พวก’ถาปัตย์คอแข็งเชี่ยๆ แดกล้างผลาญชิบหาย” พ่อหมีคอทองแดงบ่นเสียงอู้อี้ คงกรึ่มได้ที่ไม่น้อย “กูขับกลับไม่ไหวแล้วว่ะ เดี๋ยวได้เอา mazda มึงไปซัดเสาไฟฟ้า ออกมารับหน่อย”

“ร้านเดิมป่ะ”

“เออๆ ไม่ต้องรีบ กูยังไหว”


วางสายเสร็จคนอยู่โยงเฝ้าหอก็คว้าๆ เอากางเกงยีนส์สีซีดมาสวมทับบ๊อกเซอร์ที่ใส่นอน ส่วนท่อนบนที่เป็นเสื้อยืดเก่าๆ ย้วยๆ ก็ช่างหัวมันไป หยิบมือถือกระเป๋าตังได้ก็เดินออกไปทำหน้าที่เพื่อนที่ดีทันที


หลังจากยืนเรียกร้องความสนใจจากรถแท็กซี่ได้ไม่นานก็เจรจากันรู้เรื่อง ซึ่งเป็นข้อดีของการที่มหาลัยฯอยู่ในเมือง แม้จะไม่ใจกลางกรุง แต่ก็จัดว่าเดินทางได้สะดวกไม่น้อย

เป้าหมายของเขาคือผับระดับกลางใกล้มหาลัยฯ สภาพภายนอกภายในก็นับว่าดีใช้ได้ ไม่น่ากลัวจะถล่ม แถมอาหารอร่อย ดนตรีสดก็เพราะ จึงเป็นแหล่งรวมชั้นดีของนักศึกษาผู้โหยหาความบันเทิงยามค่ำคืนไปโดยปริยาย

กันตธีร์แทบจะเอามืออุดจมูกหลังจากผ่านขั้นตอนการตรวจบัตรเข้าไปในร้าน กลิ่นบุหรี่อบอวลกับน้ำหอมและกลิ่นเหงื่อเนื้อหนังมังสาทำให้คนชอบปลีกวิเวกรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออกขึ้นมาทันที แถมเสียงดนตรีดังกระหึ่มกับบรรยากาศในวังวนของกิเลสตัณหาก็คลุกเคล้ากันจนชวนให้วิงเวียน หลังจากสอดส่ายสายตาได้ไม่นานก็กำหนดตำแหน่งได้จากร่างสูงใหญ่ของคุณพ่อ เขาเดินแหวกฝูงชนอย่างระมัดระวังไปจนถึงที่


“กุญแจรถ” ทวงถามเป็นคำแรก

“เอ้า...มึงเอาไอ้พวกนี้ไปก่อน แม่งเมาเป็นหมา”


คนปลอดอบายมุขรับกุญแจรถตัวเองที่เพื่อนยืมไปคืนมา ก่อนจะกะคะเนการขนส่งสิ่งมีชีวิตใต้ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์อย่างคุ้มค่าที่สุด

ฝ่ายคณะสถาปัตย์ก็เริ่มมีคนมาเก็บศพเพื่อนเช่นกัน กันตธีร์ทักทายตอบเมื่ออีกฝ่ายยื่นมิตรไมตรีให้ ส่วนคนที่ร่ำสุรามาจนปริ่มแต่ยังไม่น็อคก็กอดคอเฮฮาทำอะไรประหลาดโลกแบบลืมอายจนได้ข้อสรุปว่าผลงานครั้งนี้ลุล่วงด้วยดี


หลังจากแบ่งภาระกันเป็นที่เรียบร้อย คนตัวเล็กกับคนที่ยังมีสติก็จัดแจงลากเอาซากเรื้อนใส่เจ้าmazda2สีควันบุหรี่คันกระทัดรัดจนเต็มพื้นที่ จึงบอกเพื่อนสนิทที่ยังดูโอเคให้รอก่อน เดี๋ยววนมารับอีกรอบ


“ไม่ต้องรีบ กูยังไหว”


พ่อหมีย้ำคำเดิมก่อนจะเดินเป๋ๆ ลงไปนั่งกับแก๊งค์คอทองแดงที่ยังเหลือรอด เจ้าของรถจึงรีบขนส่งสิ่งมีชีวิตไร้สติบ้างกึ่งไร้สติบ้างไปทิ้งตามหอเพื่อนที่พอจะอำนวย


“ให้พวกแม่งนอนนี่ให้หมดเลยก็ได้ ห้องมึงเล็กจะตาย” เพื่อนคนหนึ่งที่ยังคุยรู้เรื่องเสนอขณะกำลังขนย้ายพวกไร้เรี่ยวแรงเข้าหอเอกชนใกล้มหาลัยฯ ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวางกว่าหอในเป็นเท่าตัว “คราวที่แล้วขนกันไปนอนเบียดแทบได้เสีย ตื่นมาแม่งพิการ”

“เอางั้นก็ได้ งั้นห้องกูเหลือแค่ไอ้เจ” สารถีประจำวันพูดถึงอีกคนที่ยังรออยู่ที่ผับ

“มันจะอยู่รอมึงเหรอ ป่านนี้ไปเกี่ยวเด็กจนได้ที่นอนแล้วมั้ง”

“...ก็จริงของมึง”


กันตธีร์คิดว่าตนเองใช้เวลาไม่นานนักก็วกรถกลับมาที่ผับเดิมอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่ต้องใช้เวลาในการมองหาเป้าหมาย แต่ก็ต้องผิดคาดเมื่อเดินไปที่โต๊ะเดิมแล้วไม่เจอใครนอกจากซากหมีตัวใหญ่ที่ฟุบอยู่กับโต๊ะ


“เฮ้ย! หมี!!” เขย่าด้วยความนุ่มนวลในครั้งแรก ก่อนจะทวีความรุนแรงขึ้นจนถึงทำร้ายร่างกาย “ไอ้หมีควาย! กูแบกมึงไม่ไหวนะโว้ย!”


หลังจากไร้การตอบสนองต่อการกระตุ้นทุกรูปแบบชายหนุ่มก็หยุดมือ ถูกปล่อยทิ้งไว้แบบนี้ไม่รู้โดนใครรูดทรัพย์ไปบ้างหรือยัง ยังดีที่ตัวใหญ่จนเกินกว่าจะถูกหิ้วไปไหนง่ายๆ ชายหนุ่มบ่นอุบแล้วกดมือถือโทรหาเพื่อนอีกหน่อที่ควรจะอยู่แถวนี้


“เจ...” พูดไม่ทันหมดคำดีเสียงปลายสายที่ตอบกลับมาเป็นการหอบกระเส่าก็ทำให้รู้งานและกดวางได้ทันที


สรุปว่าวันนี้ไม่มีผู้ขออาศัย...แล้วใครจะช่วยแบกไอ้หมีนี่วะ ไหนบอกว่ายังไหวไงล่ะมึง!


ชายหนุ่มตัดสินว่าจะไปขอความช่วยเหลือจากพนักงานร้านในวินาทีที่มีสัมผัสเบาๆ เกิดขึ้นที่ปลายศอก


“ธีร์”


เสียงนุ่มรับกับใบหน้าที่ชวนให้หงุดหงิดเพราะดูดีแม้จะอยู่ในไฟสลัว กันตธีร์สบตาก่อนจะเลื่อนไปมองคนที่อีกฝ่ายพยุงอยู่


“มาเก็บศพเหมือนกัน?”

“ไม่เชิง...ให้ช่วยไหม แต่ขอเอาเพื่อนไปส่งก่อน”

“มีรถหรือเปล่า?” คำตอบคือการส่ายหน้า “งั้นพาเพื่อนไปไว้รถฉัน เดี๋ยวขับไปส่ง”

“...”

“โอเค?”


โชติภัทรพาเพื่อนที่สะลึมสะลือไปนั่งเบาะหลังของเจ้ารถเล็กแล้วจึงกลับมาช่วยยกแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของกฤษณ์ขึ้นพาดบ่าแล้วพยุงขึ้นทำให้กันตธีร์ที่พยุงอีกข้างรับรู้ถึงความสูงที่แตกต่างได้อย่างชัดเจน การขนย้ายเต็มไปด้วยความทุลักทุเลเพราะสัมภาระชิ้นใหญ่เอาแต่คอพับคออ่อนทำท่าจะถลาเข้าข้างทางตลอดเวลา


กันตธีร์กำลังตั้งสมาธิกับการขับรถแต่รู้สึกได้ว่าถูกมองจากคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง นอกจากจะไม่ถนัดเปิดบทสนทนาแล้วเขาก็ไม่นิยมเปิดเพลงเวลาขับรถตอนนี้ทั้งคันจึงมีแต่ความเงียบเข้าปกคลุม ส่วนคนที่มักจะเป็นฝ่ายเริ่มคุยก่อนก็กลับเงียบจนน่าประหลาด เสี้ยวหน้าที่มีไฟข้างถนนอาบอยู่ไม่บ่งบอกความรู้สึกอะไรแม้แต่รอยยิ้มจางๆ เหมือนเดิมก็ไม่มี

บรรยากาศมันแปลก...หรืออาจจะเป็นที่ความหงุดหงิดของเขาเอง


โชติภัทรพาเพื่อนขึ้นไปส่งบนหอตัวเองก่อนจะกลับลงมาช่วยแบกซากหมีหลังรถ เจ้าหน้าที่ใต้หอเหล่มองนักศึกษาแปลกหน้าเล็กน้อยแต่ก็ปล่อยผ่านไป


“มึงตัวใหญ่ไปไหมเนี่ย!!” กันตธีร์บ่นขณะเอื้อมมือไปกดลิฟต์  โชติภัทรหัวเราะรับเบาๆ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ


เมื่ออยู่ในที่สว่างจึงถึงได้สังเกตผ่านกระจกในลิฟต์ว่าอีกฝ่ายมีสีแดงเรื่อบนใบหน้าทั้งสองกอปรกับตาคู่สวยที่ฉ่ำเยิ้มหลังเลนส์แว่นตาทำให้บอกได้ไม่ยากว่าผิดศีลข้อ 5 ไปไม่น้อย

ซึ่งบรรยากาศผิดปกติก็ยังคงดำเนินต่อไปอย่างไร้คำอธิบาย


“โอย...” กฤษณ์ครางขึ้นพร้อมกับเปลือกตาปรือ

“ตื่นได้สักทีนะมึง เอ้ายืนเอง กูจะไขประตู” กันตธีร์ตบหลังเพื่อนแล้วผลักท่อนแขนยักษ์ให้พ้นตัว

“...ตัวเล็ก” คนยังสติไม่เต็มเรียกแต่กลับไปเหนี่ยวเสื้ออีกคนที่ยังช่วยพยุงอยู่

“เออๆ แปปนึง เดี๋ยวได้นอนดีๆ แล้ว”

“...ตัวเล็ก”

“รู้แล้วๆ”

“ตัวเล็ก คือ...กู...จะ...”


สิ้นสุดความพยายามบอกเล่าของเก่าที่ซัดเข้าไปตั้งแต่เย็นก็พากันทะลักทลายออกมาส่งกลิ่นเหม็นเปรี้ยวล่องลอยไปทั่วทางเดิน รวมถึงอาบรดเสื้อของคนที่เป็นหลักยึดแบบเรียกได้ว่าจัดเต็ม


“เชี่ยยยยยย!!โอยยย กูจะบ้า ไอ้เชี่ยหมี!”


กันตธีร์สบถยาวเหยียด รู้สึกอยากจะเป็นลมแทบไอ้คนที่อ้วกเสร็จก็คอพับซบลงไปอีกรอบ ส่วนโชติภัทรผู้โชคร้ายก็สีหน้ากระตุกเล็กน้อยแล้วกลับมาเรียบดังเดิม

ทั้งคู่ลากสังขารสุดบรรยายนั้นเข้ามาในห้องจนสำเร็จแล้วกองไว้ที่พื้น เจ้าของห้องรีบหันไปค้นตู้เสื้อผ้า รื้อๆ เสื้อยืดกับกางเกงบอลออกมาพร้อมกับผ้าขนหนู


“ถอดเสื้อมา เดี๋ยวซักให้” คนฟังอ้ำอึ้งกับคำสั่งนั้น เจ้าของคำจึงย้ำ “เร็วดิ จะได้ไปล้างตัว ห้องน้ำอยู่สุดทางซ้ายมือ”


เสื้อเชิ้ตที่ตกเป็นเหยื่อถูกปลดออกเผยให้เห็นรูปร่างโปร่งแต่ชัดด้วยมัดกล้ามเนื้ออย่างพอเหมาะ โชติภัทรรับผ้าและเครื่องอาบน้ำมาแล้วจึงออกจัดการตัวเองตามคำประกาศิต

ด้วยความที่เป็นคนทำอะไรเร็วอยู่แล้วตามประสานักศึกษาแพทย์ จึงใช้เวลาไม่นานในการอาบน้ำจนเรียบร้อย พอโผล่กลับไปก็พบว่าเจ้าถิ่นจัดการกับซากอารยธรรมที่เพิ่อนสร้างไว้หน้าห้องเสร็จแล้ว และกำลังปลุกปล้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเหม็นอ้วกให้กับเจ้าของบนพื้น

พอมีคนช่วยอะไรๆ ก็ง่ายขึ้น ร่างใหญ่ยักษ์ของกฤษณ์ถูกเปลี่ยนเสื้อผ้าและนอนแผ่สบายใจอยู่บนเตียงอย่างชวนให้ถวายบาทาสักทีสองที กันตธีร์เสยผมพร้อมกับล้มตัวนั่งบนปลายเตียงตัวเอง


“เดี๋ยวซักเสื้อเสร็จแล้วเอาไปคืนให้ใต้หอ” อีกฝ่ายเพียงแต่พยักหน้ารับ จนคนพูดต้องขมวดคิ้ว “เมาแล้วเงียบหรือไง?”

“...ไม่ได้เมา”

“งั้นหรือ...วันนี้เงียบแปลกๆ ไม่ค่อยพูดเหมือนทุกที” ...ที่เคยพูดมากจนเกือบได้ต่อยปากกัน “เป็นอะไรหรือเปล่า?”

“...พอดีมีเรื่องที่ยังคิดไม่ตกน่ะ” คนที่วันนี้ประหยัดคำพูดเป็นพิเศษตอบสั้นห้วน

“คิดไม่ตกก็ไม่ต้องคิดสิ”

“ไม่ได้หรอก...มันสำคัญกับการตัดสินใจบางอย่าง”

“แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออกไม่ใช่หรือ ก็เหมือนเขียนรายงานนั่นแหละ” ฝ่ายที่เคยถูกสั่งสอนย้อนคำเดิม “ไหนๆ ก็คิดไม่ตก ก็ตัดสินใจไปเหอะ เพราะคิดยังไงก็คิดไม่ออกอยู่ดี เริ่มไปเลย จะได้รู้ว่ามันเป็นยังไง”

“...ถ้าพลาดแล้วพลาดเลยนะ” คนหน้าตึงเริ่มยิ้มออกเป็นครั้งแรก รู้ตัวดีว่าถูกยอกย้อน

“นั่นมันก็ช่วยไม่ได้ ทำดีสุดแล้วนี่”

“งั้นถ้าพลาดขึ้นมาจริงๆ ความผิดธีร์นะ”

“เฮ้ย เกี่ยวอะไรด้วยวะ” คนโดนโยนหัวเราะแบบไม่จริงจัง “แต่ก็ได้ กันตธีร์คนนี้จะรับผิดชอบเอง”


โชติภัทรวาดรอยยิ้มที่คุ้นเคยแต่อ่านอะไรไม่ออก ฝั่งคนมองก็ยิ้มร่ากลับไปอย่างไม่คิดมาก


“...แล้วสรุปว่าหลบหน้าป่าววะ?”

“หืม?”

“ใครไม่รู้...วันก่อนบอกว่าไม่สะดวกไปกินข้าว แต่เดินเข้าร้านหมูแดงหลังม.”

“อ้อ...” รับคำไปแต่ก็ไม่อธิบาย จนคนคันปากต้องเป็นฝ่ายเอ่ยถาม

“ไม่แก้ตัวหน่อยหรือไง”

“ไม่แก้ตัว ตอนนั้นไม่สะดวกจริงๆ” คนมีคดีติดตัวยังคงยืนยันกระต่ายขาเดียวจนฝ่ายคนสอบปากคำต้องเลิกราไปเอง

“เออๆ แล้วไง สรุปจะให้เลี้ยงไหม ข้าวน่ะ?”

“อย่าดีกว่า...ขอเป็นตั๋วหนังที่จะเข้าใหม่อีกสองอาทิตย์แล้วกัน”


กันตธีร์พูดชื่อหนังที่ดัดแปลงมาจากหนังสือทำให้คนไม่นิยมกินฟรียิ้มรับแทนคำตอบ

หลังจากคุยกันได้อีกสองสามคำ โชติภัทรก็ขอตัวกลับหอ เจ้าของห้องบอกขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือและการรับเคราะห์จนได้เสียงหัวเราะเบาๆ กลับมา ความขุ่นมัวก่อนหน้าปลิวหายไปตอนไหนก็ไม่ทราบ แต่คงจะไปกับบรยากาศแปลกๆ ที่ชวนอึดอัด เพราะตอนนี้ก็คุยกันได้ปกติ และรอยยิ้มยิ้มจางๆ ที่เห็นจนชินก็กลับมาแล้ว

ชวนให้สบายใจ...จนลืมหาเหตุผลไปเลยจริงๆ



TBC



::TALK::

กราบกรานคนอ่าน...  :hao5:

หายไปนานมากกว่าที่คิด ขอโทษนะคะ แงงงงงง  :sad4:

อย่างที่บอกว่าต้องไปเร่ร่อนที่ตจว. คือ หาคอมใช้ไม่ได้จริงๆค่ะ แบบว่ามีปัญหามาก ซึ่งจริงๆก็มีคนให้ยืมนะคะ แต่เป็นคุณแฟน ซึ่งแบบ...เข้าใจคนเขียนใช่ไหมคะ  :z3: ไม่รู้จะบอกว่ายืมมาทำอะไรอ่ะค่ะ (โฮฮฮฮ)

ตอนนี้เลยล่าช้าเช่นนี้เอง ฮืออออออออ นี่รีบสุดเลยค่ะ อ่านทวนได้น้อยมาก(อีกแล้ว) อย่าเพิ่งทิ้งกันไปนะคะ

สำหรับตอนนี้ทุกคนอาจจะงงกับภาวะผีเข้าผีออกของโชติภัทรนิดนึง แต่อดใจรอก่อนนะคะ เดี๋ยวจะมีอธิบายในถัดๆไป

ตอนหน้าจะพยายามไม่ให้ช้าเกินรอ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ อยู่ด้วยกันก่อนน้าาาา  :กอด1:


::comment::

พลายสวย - นั่นสินะ ยังไงดีล่ะคุณโชติภัทร 555

mesomeo2 - น่ารักค่ะ คนเขียนรักมากเลยคนนี้  :กอด1:

De_cimo - ยินดีต้อนรับค่า ดีใจจังที่ชอบ ขอบคุณนะคะ  :o8:

route rover - ผ่านมา4ตอนเพิ่งหน้าแดงหนึ่งที ระดับความเรื่อยสุดยอดค่ะ 555

quiicheh. - น่าจะเพราะคนเขียนเรียนหมอมากกว่าค่ะ (ฮือ) นายคนนี้มันมีเบื้องหลังค่ะ อุอิ

bulldog17 - ใช่เลยค่ะ!!! 555555

iamnan - ในเรื่องนี้ ถ้าใครจะไม่รู้ก็คงเป็นนายกันตธีร์นี่ล่ะค่ะ  o22

AGALIGO - แต่ตอนนี้ดูเรื้อนนะคะ 555

aloney - ขอบคุณค่า เบื้องลึกจะเป็นยังไง ติดตามนะคะๆ ตอนนี้คาดว่าคะแนนนิยมตัวประกอบพุ่งลิ่วๆแล้วค่ะ 555


ขอบคุณทุกคนที่มาคุยกันนะคะ เลิฟฟฟ  :pig4:

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5
 :hao3: คุณโชหึง....รึสับสนตัวเองหว่าา

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
เรารู้ว่าคุณโชคิดอะไร
จีบไปเลย เชียร์อยู่

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
คงคิดว่าจะจีบหรือไม่จีบดี
แต่อยากให้เจรุกหน่อยนะ อยากเห็นคุณหมอหึง55555555

ออฟไลน์ Mancha KHIRI

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
รู้นะ ฉันรู้นะ ว่าเธอคิดอะไรอยู่อ่ะนายโช อิอิ

คิดดีแล้วก็เดินหน้าเลยนะ รอจิกหมอนอยู่นะเธอ 555

ออฟไลน์ velvetronica

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-1
06



บรรยากาศในห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าแคบๆ ดูจะระอุกว่าปกติเมื่อพัดลมเอาแต่ส่งเสียงครวญครางประท้วงการใช้แรงงานในอุปกรณ์สูงอายุ ซึ่งลมเอื่อยๆ ที่ผลิตออกมาให้เหงื่อแห้งลงได้บ้างก็ไม่คลายร้อนแต่ประการใด

สภาพห้องค่อนเก่าโทรมไร้การดูแลกอปรกับข้าวของที่ไร้การจัดระเบียบและกองกระเป๋าของคนจำนวนมากที่เอามาถมรวมกันไว้ทำให้ใครที่ต้องการใช้ห้องต้องเบียดตัวหาพื้นที่กันตามมีตามเกิด


“อากาศแม่งร้อนเกินไปป่าววะ!?”


โชติภัทรเงยหน้าขึ้นจากฟอร์มปรอท*มองตามเสียงที่โวยวายขึ้นมาจากอีกมุมห้อง


“มึงก็เอาแต่นั่งเงียบ ไม่ร้อนบ้างหรือไง”

“ร้อนครับ” คนนั่งนิ่งจุดรอยยิ้มที่มุมปากแล้วสวนกลับไปนิ่มๆ “แต่โวยวายกับพี่ไปก็เปิดแอร์ไม่ได้อยู่ดี”

“เออ ถูกของมึง...แต่แม่งร้อนสัสๆ แอร์เสือกมาเจ๊งอะไรตอนนี้วะ ไม่ไปเจ๊งหน้าหนาว...” คนเป็นพี่บ่นอุบอิบอีกหลายประโยคก่อนจะนั่งเท้าคางมองรุ่นน้องที่กลับไปนั่งอ่านชาร์ตผู้ป่วยต่อ “พักนี้มึงอารมณ์ดีนะ”

“...พี่ว่างั้นหรือครับ” คนถูกทักชะงักไปเล็กน้อย

“เพื่อนกูที่อยู่วอร์ดเมด**กับมึงตอนต้นเทอมบอกว่ามึงอ่ะ อะไรก็ดีทำงานก็ดีเก่งด้วยขยันด้วย แต่วันๆ ไม่พูดไม่จาเอาแต่ทำหน้าเฉยๆ”


ว่าไปก็สำรวจไอ้เด็กตรงหน้า

หน้าตามันก็ดีถึงดีมาก ท่าทางก็ดูน่าเชื่อถือ ยิ่งใส่แว่นยิ่งชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ มาดแบบนี้พูดอะไรไปคนไข้ก็เชื่อ แถมชอบพูดเสียงเรื่อยๆ ฟังสบายหูอีก แต่เสียตรงไม่ชอบพูด ไม่ชอบเข้าสังคม ไม่งั้นป่านนี้สาวๆ คงติดกันเกรียวกราว


“แล้วเกี่ยวอะไรกับที่ผมอารมณ์ดี?”

“นี่ไง” พี่เอกซ์เทิร์น***หมุนปากกามาชี้หน้า “เดี๋ยวนี้เจ้าปีกกล้าขาแข็งบังอาจพูดจายอกย้อนไม่ไว้หน้าศิษย์พี่อย่างข้า”

“...ผมแค่เลือกคนน่ะพี่”


ว่าจบก็ลุกพลางรวบเอาชาร์ตและแฟ้มผู้ป่วยที่ยืมมาออกจากห้องพักนักศึกษาแพทย์ประจำวอร์ดไปคืนที่เคาท์เตอร์พยาบาลทิ้งให้คนอาวุโสกว่าโวยวายไล่หลัง


“โชขึ้นมาเร็วจัง” เพื่อนสาวที่เพิ่งเดินขึ้นมาที่วอร์ดทัก

“เรากินข้าวเช้าแล้วน่ะ เลยขึ้นมาดูเคสก่อน”

“ตื่นเช้าสินะ เลยกินข้าวทันก่อนราวน์ เราต้องไปกินหลังเลคเชอร์เช้าทุกวันเลย”

“เพราะมึงต้องไปกินข้าวเช้ากับใครก่อนขึ้นมาหรือเปล่า” เพื่อนอีกคนที่เพิ่งขึ้นมาพร้อมกันยักคิ้วให้อย่างมีความหมายแบบ

“ใคร?” คนตื่นเช้าตีหน้ามึนตอบ

“กูเห็นแล้วกัน”

“เห งั้นที่โชมาแลกเวรวันนี้ก็เพราะมีนัดหรือเนี่ย” สาวหนึ่งเดียวในวงยิ้มตาเป็นประกาย

“นั่นไงกูว่าละ พักนี้มึงพูดจามากขึ้นเพราะตกในห้วงรักสินะ” พี่เอกซ์เทิร์นเจ้าเก่ายื่นหน้าออกมาจากห้องพัก “ข้าขอสั่งให้เจ้าไปฝึกวิชาใต้น้ำตกเพิ่มความแข็งแกร่งในจิตใจก่อนพิชิตสาวน้อยคนนั้น”

“...พี่รู้ได้ไงว่าเป็นผู้หญิง”

“มึงอย่าเบี่ยงประเด็น วันก่อนมีคนเห็นมึงนั่งกินข้าวเช้ากับดาวปี3” เพื่อนคนเดิมขยายความให้คนอื่นฟังราวกับเห็นเอง

“นั่นมันเพื่อนสนิทน้องรหัสกู คนเยอะไม่มีที่เลยมานั่งด้วยเฉยๆ”


เมื่อจำเลยแก้อย่างไม่ใส่ใจอีกฝ่ายจึงสบตากันสามคนหมายมั่นจะเค้นคอให้ได้ ถ้าไม่ติดว่าหัวหน้าพยาบาลตะโกนเรียกมาก่อนจากเคาท์เตอร์


“ปี4สายAรับโทรศัพท์จ้า”

“ครับ ขอบคุณครับพี่ปุ๊ก”


คนมีคดีเดินเลี่ยงไปหาสาวร่างใหญ่ในชุดเครื่องแบบสีสะอาดพร้อมหมวกสีขาวประดับแถบดำสองเส้น แล้วรับเครื่องมือสื่อสารประจำวอร์ดมาแนบหู


“นักศึกษาแพทย์ปี4วอร์ดศัลย์XXสายAนะคะ”

“ครับ นศพ.โชติภัทรครับ”

“ค่ะ พี่เป็นเลขาอาจารย์กิตติรัตน์นะคะ โทรมาแจ้งเลื่อนเวลาเรียนbed sideเช้านี้ เป็นบ่ายนี้สี่โมงเย็นนะคะ พอดีอาจารย์ติดผ่าค่ะ”

“...วันนี้ใช่ไหมครับ”

“ค่ะ วันนี้สี่โมงเย็น”

“ได้ครับ เอ่อ...ถึงกี่โมงพี่พอทราบไหมครับ”

“เอ ปกติก็ไม่น่าเกิน2ชั่วโมงนะคะ”

“ครับ ขอบคุณครับ”


โชติภัทรเม้มปากก่อนจะวางโทรศัพท์ลงกับแป้น


“เฮ้ย ทำไมวะ?”

“bed sideอ.กิตติรัตน์เปลี่ยนเป็นวันนี้สี่โมง” ตอบเสียงเรียบเป็นปกติ แต่คนฟังเริ่มจับเค้าลางได้

“อ้อ...หน้าเครียดเชียวมึง สรุปวันนี้ที่แลกเวรนี่มีนัดจริงใช่มะ” เอ่ยกระเซ้าพร้อมกับพยักเพยิดกับอีกสองคน

“มี” พยักหน้าเพราะไม่รู้จะโกหกทำไม

“นั่นไง!!” หญิงสาวกรี๊ดเสียงเบาพร้อมกับกระตุกเสื้อกาวน์เพื่อน

“น่ะ น้องดาวคณะใช่มั๊ย แล้วทำมาปฏิเสธ”

“มึงมั่นใจได้ไงว่ากูมีนัดกับผู้หญิง?”

“มึงไม่ต้องมุกนี้เลย จีบติดแล้วพามาเคารพศิษย์พี่ด้วยนะไอ้โช”


โชติภัทรส่ายหน้าก่อนจะหยิบมือถือแล้วเลี่ยงออกจากวง


++++++


กันตธีร์กำลังนั่งจัดระเบียบเอกสารและข้าวของในขณะที่คนอื่นเดินออกจากห้องเรียน ส่วนที่นั่งข้างๆ ก็ยังคงถูกจับจองด้วยคาสโนวารูปหล่อผู้นั่งกดมือถือรอเหมือนเดิมอย่างที่ทำมาหลายปี


“จะกลับเลยป่ะ” คนตัวเล็กหันมาถามด้วยความเคยชิน

“ธีร์ล่ะ?” จิรณัฐเก็บมือถือพร้อมตอบด้วยคำถาม

“กลับเลย วันนี้ไม่ต้องทำอะไรแล้ว”

“แล้วจะกลับหอหรือบ้าน ...ไปดูหนังกันไหม ที่เข้าวันนี้ ธีร์อยากดูไม่ใช่หรือ” พอเห็นอีกฝ่ายสีหน้าเปลี่ยนไปจึงรีบสำทับ “ชวนคนอื่นๆ ไปด้วยกันสิ ไอ้หมีหรือแอมก็ได้”

“...เปล่าๆ วันนี้นัดเพื่อนไว้ตอนเย็น จะไปดูเรื่องนี้นี่แหละ” กันตธีร์ส่ายหัวแล้วชี้แจง “ไม่น่าจะรู้จักกัน แต่ไปด้วยได้นะ”

“งั้น...ชวนคนอื่นไปด้วยกันเลยดีไหม หมีรู้จักรึเปล่า เดี๋ยวเอามันไปก็ไม่อึดอัดแล้ว” คนกลางพยักหน้ารับแม้จะมีสีหน้าไม่มั่นใจ “ตามนั้น ธีร์กลับหอไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวเจชวนคนอื่นให้เอง”

“โอเค งั้นกลับก่อนนะ”


จิรณัฐนั่งรอจนทันทีที่ร่างเล็กลับตาก็รีบกดโทรออกหาคนคนหนึ่งทันที


“มีไร”

“เย็นนี้ไปดูหนังกัน”

“กินยาผิดป่ะ ชวนกูดูหนัง” ปลายสายหัวเราะ

“ไปกับธีร์ด้วย” คำตอบสั้นๆ อธิบายสถานการณ์ได้ชัดเจนที่สุด “ธีร์ไปดูกับใครวะ”

“...มึงไม่ถามไอ้ตัวเล็กวะ ถามไรกูเนี่ย”

“มีแต่มึงเท่านั้นแหละที่ถามธีร์ได้ อย่ากวนตีน กูไม่ขำ” เสียงเครียดทำให้คนฟังต้องหยุดขำ

“เออๆ กูไม่เกี่ยวด้วยนะเว่ย อะไรวะ” กฤษณ์พึมพำเบาๆ “โช ปี4คณะแพทย์”

“...ทำไมกูไม่เคยได้ยิน เพื่อนเก่า?”

“อย่าว่าแต่มึงเลย กูเองก็ไม่ได้ยินมาหลายปีแล้ว ไม่ใช่เพื่อนเก่า แต่เรื่องมันยาว ตัวเล็กมันไม่ให้เล่าด้วย”

“คือคนที่ช่วงนี้ธีร์คุยบ่อยๆ ในlineสินะ” สรุปได้ตรงประเด็นจนปลายสายเงียบ “แล้วไง สรุปเป็นเพื่อนหรือยังไง”

“ตอนนี้เป็นเพื่อน” ตอบพลางถอนหายใจ “อะไรของมึง ปกติไม่เห็นจะเดือดร้อนเชี่ยอะไรเลย มึงเองยังมั่วไม่เลือกเลยสัส”

“มึงไม่เข้าใจ”

“เออออออ กูไม่เข้าใจ ใครจะไปเข้าใจเรื่องของพวกมึง ซับซ้อนชิบหาย”

“แล้วสรุปมึงจะไปดูมั๊ย”

“ก็ได้ กูชวนแอมไปด้วยแล้วกัน”


กฤษณ์วางสายไปนานแล้ว แต่จิรณัฐก็ยังคงนั่งอยู่ในห้องที่ว่างเปล่าเพื่อครุ่นคิดอะไรบางอย่าง


++++++


นาฬิกาแสดงเวลาล่วงหกโมงเย็นไปได้หลายนาที ชายหนุ่มโงหัวขึ้นจากที่นอนนิ่มๆ มาจัดสภาพร่างกายอย่างไม่รีบร้อนแต่เหลือบมองมือถือที่นอนนิ่งอยู่เป็นระยะ


“นัดคนอื่นไว้หกโมงสิบห้าหน้าหอนะ”

“อืม...”


กันตธีร์รับคำรูมเมทพร้อมกับกดโทรออกหาคนที่กำลังรออยู่ สัญญาณเรียกเข้าดังอยู่นานก่อนจะหายไป...ไม่รับ

เมื่อกดอีกครั้ง และอีกครั้ง...ผลก็เหมือนเดิม


“มึงไปกับพวกนั้นก่อนเลยแล้วกัน”

“เฮ้ย ไปพร้อมกันนี่แหละ”

“ยังไม่รับเลย เลิกเลทมั้ง มึงไปก่อนเหอะ” พูดพลางจ้องโทรศัพท์ราวกับจะเพ่งกระแสจิตปถึงปลายสาย “ถ้าไปถึงแล้วโชโทรมาจะได้ฝากจองที่ก่อนด้วยไง”

“...รอบหกโมงสี่สิบห้านะ”

“อือ”


ท้องฟ้านอกหน้าต่างดูมืดครึ้มลง






กฤษณ์โทรมาโวยวายเรื่องตั๋วหนัง เขาจึงหัวเราะเบาๆ แล้วตอบไปว่าคงไม่ทันแล้วล่ะ ไปดูกันสามคนเถอะ ปลายสายมีความวุ่นวายเล็กน้อยก่อนที่พิชามณจะมาถือสายแล้วถามไถ่ว่ากินข้าวหรือยัง แล้วจึงวางไป

ตอนนี้นอกห้องมืดสนิทแล้ว เริ่มเป็นสัญญาณว่าใกล้หน้าหนาวเข้าไปทุกที ชายหนุ่มนั่งมองมือถือบนโต๊ะอย่างใจเย็น เข็มนาฬิกายังคงเดินต๊อกแต๊กไปเรื่อยๆ อย่างสม่ำเสมอ

ในที่สุดโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเมื่อล่วงเวลาหนึ่งทุ่มไปไม่น้อย


ดังเป็นข้อความ...


‘ขอโทษนะ เพิ่งเลิกเอง ตอนนี้ดูหนังกับเพื่อนแล้วหรือเปล่า ไว้โอกาสหน้านะ ขอโทษจริงๆ’


กันตธีร์เริ่มสัมผัสความไม่พอใจของตัวเองได้ในวินาทีนี้ เขากดมือถือโทรหาเจ้าของข้อความทันทีแบบไม่ผ่านการประมวลผล


“ธีร์?”

“เพิ่งเลิกหรือ”

“อืม ขอโทษนะ” เบื้องหลังมีเสียงคนคุยกันเหมือนเพิ่งเดินออกมาจากห้องเรียนจริง “ธีร์ดูหนังอยู่รึเปล่า ไปดูต่อเถอะ”

“ถ้าวันหลังจะเลิกช้าขนาดนี้ก็บอกกันก่อนสิวะ รับสายหรือส่งข้อความมาบอกหน่อยก็ยังดี” พูดไปด้วยเสียงแข็ง ความหงุดหงิดเริ่มแล่นขึ้นมาเป็นริ้วระลอก “จะได้ไม่ต้องนั่งรอ”

“ธีร์...” ครางเบาๆ เหมือนจะพูดกับตัวเองมากกว่า “ขอโทษจริงๆ ไม่คิดว่าจะเลทขนาดนี้เหมือนกัน มันเป็นคาบเรียนที่เพิ่งเลื่อนมา แต่อาจารย์ผ่าตัดติดพันเลยมาสอนช้า แล้วมันเป็นห้องเรียนกลุ่มย่อย ฉันนั่งข้างอาจารย์เลย จะใช้มือถือมันก็ไม่ได้จริงๆ”

“อืม...”

“คือ มันก็ไม่ใช่ข้อแก้ตัว ฉันน่าจะบอกธีร์ก่อนว่าไม่ต้องรอ ไปดูกับเพื่อนก่อนได้เลย”

“แล้ว?”

“...ขอโทษจริงๆ”

“โอเคๆ มันก็ช่วยไม่ได้นั่นแหละ ไว้คราวหน้าแล้วกัน”


คุยโต้ตอบอีกสองสามคำก็วางสายไป คำอธิบายยาวเหยียดนั้นลอยเข้ามาเตะสมองส่วนเหตุผล แต่ยังไม่ค่อยมีผลกับอารมณ์ คนเกลียดการรอจึงโยนมือถือใส่เตียงอย่างหงุดหงิด พลางคิดว่าอีกฝ่ายเป็นต้นเหตุของความหงุดหงิดได้อย่างน่าเตะมากี่รอบแล้ว

คนอารมณ์ไม่นิ่งเอาตัวม้วนกับผ้าห่มแล้วพลิกไปพลิกมาบนเตียง พลางคิดถึงมื้อค่ำที่ยังไม่ได้กินของตัวเอง ซึ่งไม่อยู่ในภาวะที่จะเดินออกไปหาอะไรกินคนเดียวแน่นอน ขนาดจะเดินลงไปเซเว่นตรงข้ามหอยังรู้สึกขี้เกียจเป็นกำลัง


เวลาผ่านไปสักพัก กระเพาะเริ่มส่งเสียงประท้วงทำให้คนที่นอนซุกอยู่ในกองผ้าห่มต้องเริ่มขยับลุกขึ้นอีกครั้ง มือปัดป่ายหาโทรศัพท์ที่เมื่อกี้โยนไว้ลวกๆ แต่เมื่อคว้าได้ก็มีสัญญาณข้อความเข้าในlineดังมาทันที

รูป 2 รูปถูกส่งมาจากต้นเหตุแห่งความขุ่นมัว



รูปแรกเป็นภาพโปสเตอร์หนังพร้อมเรื่องย่อด้านข้าง เป็นหนัง Cult ที่ทำจากหนังสือที่เขาชอบมากเล่มหนึ่งซึ่งอีกฝ่ายเคยให้ยืมมา

ส่วนรูปที่สองเป็นกระดาษที่มีลายมือเป็นตัวหวัดๆ เขียนอยู่ ‘House rama RCA xx/xx/xx 20:00’


เป็นอีกครั้งที่กันตธีร์กดโทรออกอย่างไม่ทันคิด


“ธีร์”


โชติภัทรชอบเรียกชื่อ ทุกครั้งที่เจอหรือโทรคุยกันอีกฝ่ายจะเรียกชื่อก่อนเสมอ


“เรื่องนี้ทำเป็นหนังด้วยหรือ ไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อน”

“...หนังนอกกระแสน่ะ เข้าแค่ที่ house ที่เดียว”

“อืม...ขอเลื่อนไปอีกวันละกัน วันนั้นฉันมีนัดคุยกับที่ปรึกษา”

“งั้นเป็นวันพุธนะ” คนฟังรับคำเบาๆ ในคอ “ให้จองเลยหรือเปล่า?”

“คราวนี้จะว่างจริงๆ ไหมล่ะ?”

“...ถ้าไม่ว่างขึ้นมา คราวนี้จะรีบบอกแล้วครับ” ปลายสายมีเสียงสลดทำให้ยิ้มออกได้นิดหน่อย “วันนี้ขอโทษจริงๆ”

“เออๆ ไม่เป็นไร เข้าใจแต่ก็หงุดหงิดน่ะ” กันตธีร์ที่รู้สึกว่าพื้นอารมณ์เริ่มดีขึ้นจึงเป็นฝ่ายอธิบายบ้าง “วันนี้ฉันนัดกับนายว่าจะไปดูหนัง ก็คือนายกันตธีร์จะไปดูหนังกับนายโชติภัทร เพราะงั้นฉันต้องรออยู่แล้ว ถึงฉันจะอยากดูเรื่องนี้และเพื่อนฉันจะไปด้วยก็ไม่ได้หมายความว่าจู่ๆ ฉันจะทิ้งนายแล้วไปดูหนังกับเพื่อนนะเว่ย”


ปลายสายนิ่งเงียบไป คนที่ปกติไม่ช่างพูดก็รู้สึกเหมือนเบรกแตกเลยร่ายต่อ


“เพราะฉะนั้น ถ้าวันหลังว่างไม่ว่าง อาจารย์เลื่อนคาบมาชน ติดเวร บ้าบออะไรก็ตามแต่ ช่วยบอกด้วย ไม่ต้องทำอะไรให้มันยุ่งยาก เข้าใจหรือยังครับนายโชติภัทร”

“...รับทราบครับ” คนมีคดีเงียบไปอึดใจ ก่อนจะตัดสินบอก “งั้นเป็นวันพฤหัสได้ไหม วันพุธอยู่เวรน่ะ เพิ่งขอแลกวันนี้ไปเอง”

“ได้สิ ก็แค่นี้ ไม่เห็นยากเลย” นานๆ ทีจะได้พูดมาก พอพูดแล้วก็รู้สึกโล่งแปลกๆ “นี่กินข้าวยัง”

“ยังเลย เพิ่งถึงหอน่ะ”

“งั้นไปกินหลังม.กัน อีกห้านาทีเจอกันหน้าหอนาย”


กันตธีร์วางสายแล้วกระโดดลงจากเตียงด้วยท่าทีกระฉับกระเฉง ตาเหลือบดูรูปที่ค้างอยู่ในหน้าจอมือถืออย่างอารมณ์ดี...ราวกับไม่ได้หงุดหงิดมาก่อน


TBC...


*ฟอร์มปรอท : เป็นกระดานเหล็กไว้ใส่ข้อมูลเกี่ยวกับคนไข้ที่แอดมิทอยู่ในวอร์ด ความหมายเดียวกับชาร์ตผู้ป่วย
**วอร์ดเมด : ย่อมากจาก medicine คือ วอร์ดอายุรศาสตร์
***เอกซ์เทิร์น (extern) : ในไทยจะหมายถึง นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่6 ซึ่งเป็นคุณพี่ปีโตสุดของการเรียนแพทย์ในระดับปริญญาตรี (ที่โตกว่าก็จะมี Intern = แพทย์ใช้ทุน, resident = แพทย์ประจำบ้าน คือมาเรียนต่อผู้เชี่ยวชาญ)


::TALK::

กลับจากการร่อนเร่แล้วค่า...  :katai5: (เสียงแห้ง...ได้พักอีกอาทิตย์เดียว ฮืออออออ)

คนเขียนคิดถึงลูกชาย(?)ทั้งสองมาก นั่งรถนี่ก็เอาแต่จิ้มมือถือพิมพ์ใส่noteไว้ก่อน  :katai4: 555

โดยส่วนตัว ตอนนี้เป็นตอนที่นอกเหนือการวางแผน คือไม่ได้คิดมาก่อน แต่อยากให้มีขึ้นมากระทันหัน เพราะที่ผ่านมานายโชติภัทรดูผลุบๆโผล่ๆตัวตนไม่ชัดเจนชอบกล แถมดูจากคอมเมนท์ ทุกคนก็ดูจะแบบ...ฉันรู้นะว่าแกคิดอะไรอยู่ จีบเลยเซ่!! 55555 (เอ่อ ในประเด็นนี้คนเขียนก็เห็นด้วยเบาๆ << แล้วเอ็งจะเขียนให้มันเล้าหลือทำไม?) เลยอยากค่อยๆ นำเสนอตัวตนของอีตานี่ไปด้วยกัน หลังจากที่ผ่านมามีแต่ฝ่ายกันตธีร์มาตลอด

ว่าแล้วก็เล่าซะหน่อย

จริงๆ ชื่อโชติภัทรเนี่ยที่มาเพลียมากค่ะ วันนั้นเพิ่งเจอคนรู้จัก(แบบห่างๆ)ที่ชื่อเล่นว่าโช เลยเอามาใช้แก้ขัดตอนพิมพ์ไปก่อน ยังไม่ได้คิดชื่อ แต่ไปๆมาๆกลายเป็นชื่อนี้จริงๆ 5555 แถมมาเป็นครอบครัว จิรภัทร โชติภัทร วีรภัทร (สิ้นคิดมั๊ยคะ ตามสูตรนี่พ่อต้องชื่อ ภัทรนะเนี่ย 55555555)

ส่วน กันตธีร์ เกิดจากนอนไปตื่นนึงแล้วตอนตื่นมันงัวเงียแล้วพิมพ์ผิด! (เดิมน่าจะชื่อ กรธีร์ หรืออะไรเทือกๆนั้น) มาเห็นเอาตอนหลังว่า อ่าว ตอนแรกมันไม่ใช่นี่หว่า 555 เลยเลยตามเลย เอาตามตอนหลังละกัน แถมเอามาเสิร์ชความหมาย แปลว่า นักปราชญ์ผู้น่ารัก ด้วยค่ะ!! มุ้งมิ้งสะใจเป็นที่สุด!!! กลายเป็นชอบชื่อนี้ไปเลย (ลองเสิร์ชดูได้ค่ะ คนเขียนประทับใจมาก)

ส่วนตัวละครอื่นๆก็มีชื่อที่มั่วๆกันไปตามเรื่องตามราว (คนเขียนผู้ไร้เซนส์ในการตั้งชื่อ)  :mew5:

คนเขียนง่อยๆคนนี้จะพยายามปั่นเรื่องราวของสองหนุ่มantisocial(???)นี้ออกมาเรื่อยๆนะคะ อยู่ด้วยกันก่อนน้าาา

ขอบคุณที่ติดตามค่า  :กอด1:


::comment::

พลอยสวย : อืม...น่าจะเป็นอย่างหลังนะคะ 555

mesomeo2 : คนเขียนก็เชียร์ค่ะ!

quiicheh. : พูดมางี้ ชักอยากเห็นบ้างทีเดียว //จด  :-[

Mancha KHIRI : ระวังว่าแทนที่จะจิกหมอน จะได้เอาหมอนปาหน้ามันนะคะ 555

รักคนอ่านนน  :mew1:

ออฟไลน์ Horizon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-22
น่ารักมากๆ อ่านสบายๆ
+1

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
แหมชื่อความหมายมุ้งมิ้งจริงๆเลย :-[

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
เรื่องราวมาเรื่อยๆ ให้คนอ่านซึมซับความสัมพันของทั้งคู่
เหมือนอยู่ในเหตุการณ์เลยอ่ะ

ออฟไลน์ michiri.sama

  • ลูกเป็ดที่หมกมุ่นในโลกสีม่วง (´∀`)♡
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
หึยยยย
นายโชนี่ไม่ได้ดั่งใจเลย ชอบทำน้องธีร์เราหงุดหงิด
เชียร์เจซะเลยดีไหม 55555555

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5
 :m5: :m5: กรี๊ดดดด นางกลับมาแล้วววว

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
 :o8: ที่มาชื่อน่ารักไปนะ

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
หยั่งกะคนเป็นแฟนกันเลย55555555555 ชอบธีร์อะน่ารัก ตอนแรกว่าจะให้โกรธโชนานๆซะหน่อย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ korinasai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
รอตอนต่อไป  :hao3:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
รอลุ้นอยู่จ้า
ที่มาชื่อแอบฮ่าอ่ะ อิอิ

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
กันต์ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเองดี คิดอย่างไร พุดและแสดงออกอย่างนั้นเลย

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
เรื่องใส ๆ น่าอ่านดีค่ะ
ธีร์เป็นหนุ่มน้อยขี้โมโห ส่วนโชก็ใจเย็นเกิ๊น
ชอบพ่อหมี คนกลางที่น่ารัก

ออฟไลน์ cinn1st

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น่ารักจัง ^^
จะติดตามนะคะ รอดูว่าจะลงเอยกันยังไง :katai2-1:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เรื่องน่าติดตามมาก เป็นความเรื่่อยๆที่ไม่น่าเบื่อ ชอบค่ะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ  :L2: :กอด1:

ออฟไลน์ dekzappp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 271
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
น่ารักมากๆ บรรยากาศรอบๆ2คนนี้ก็ดูมุ้งมิ้งสุดๆ

รอตอนต่อไปปปป

ออฟไลน์ velvetronica

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-1
07



บรรยากาศในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ดูจะครึกครื้นขึ้นมาทันทีเมื่องานประจำปีใกล้เข้ามา เหล่าสภาพากันหัวหมุนจัดการงานจนไม่เป็นอันเรียน แถมคนอื่นๆ ที่มีหน้าที่ก็กระตือรืนร้นจนภาพความเงียบสงบร่มรื่นเริ่มจะถูกความวุ่นวายกลายๆ กลืนกิน

ยกเว้นคนบางกลุ่ม...


“ธีร์...กูขอร้องล่ะ” คนตรงหน้ายกมือไหว้ท่วมหัว

“เดี๋ยวส่งให้ดู คืนนี้เตือนด้วยแล้วกัน” กันตธีร์ตอบทำให้อีกฝ่ายแทบจะกระโดดตัวลอย

“ขอบคุณมาก ขอบคุณมากๆเลยธีร์”


อีกฝ่ายพร่ำพรรณนาคำขอบคุณอีกหลายคำก่อนจะเดินตัวลอยจากไป


“จะไม่เป็นไรจริงๆ หรือ” จิรณัฐที่นั่งฟังอยู่ด้วยถามขึ้นลอยๆ

“คงไม่เป็นไรหรอก...โตๆ กันแล้วคงไม่คิดจะลอกงานกันให้เป็นเรื่อง” เจ้าของเรื่องยักไหล่ “นี่มันโปรเจคจบนะ จะลอกนี่ก็เกินไปหน่อยมั๊ยวะ”

“...ระวังไว้หน่อยก็ดี” คนฟังยิ้มรับคำเตือน

“แล้วจะกลับเลยป่ะ? เดี๋ยวกูไปหาแอมก่อน”

“คงกลับเลย...ช่วงนี้หัวกำลังแล่น ว่าจะปั่นให้มันเสร็จๆ ไป”

“โอเค แล้วเจอกัน”


ขนาดจิรณัฐที่ว่าเป็นผู้ชายลัลล้าคาสโนว่าจอมเที่ยวยังต้องเก็บตัวเก็บใจไว้ให้กับโปรเจคจบ ตอนนี้นักศึกษาชั้นปีที่4ของทุกคณะคงเป็นกลุ่มคนที่ได้แต่ทำหน้าทะมึนใส่ชาวบ้านแบบไม่สนงานรื่นเริงที่กำลังจะมาถึง เพราะที่ว่าจะจบไม่จบมันอยู่ที่ตรงนี้ แล้วความเครียดความกดดันก็เริ่มพอกพูน...จะให้ยิ้มร่าท้าโปรเจคก็ทำไม่ลง

กันตธีร์เหลือบดูวันที่ในหน้าจอมือถือ...วันนี้วันพุธแล้ว


ชายหนุ่มเดินออกไปที่ทางเชื่อมตึกอย่างไม่เร่งรีบ อาคารของคณะวิศวกรรมศาสตร์แห่งนี้ถูกสร้างใหม่ทับไปมาและมีการต่อเติมมากมายจนน่าจะผิดกฏหมายสิ่งก่อสร้างไปไม่น้อย แต่เอาว่าปลอดภัยไม่พังอยู่ได้ก็ใช้งานกันไป


“ขอทางหน่อยคร้าบ” เสียงประสานดังมาจากกลุ่มน้องเฟรชชี่หน้าใสที่กำลังขนไม้หน้าสามขนาดยาวที่มัดรวมกันไว้


กันตธีร์เบี่ยงตัวหลบให้การขนย้ายไปโดยสะดวก ไม้เหล่านี้คงถูกสั่งมาใช้ในงานของมหาวิทยาลัย คงไม่พ้นการก่อโครงสร้างอะไรบางอย่าง สมัยตอนที่เขายังเป็นปีเด็กๆ ก็เคยทำฉากที่มีตรามหาลัยฯลอยนูนสูงถึง4เมตร

ส่วนปีนี้นอกจากเรื่องประสานงานตอนนั้นก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรอีก เรียกได้ว่าคงเป็นแค่ผู้ชมอย่างเดียว

เมื่อขบวนแห่ไม้ผ่านขึ้นบันไดไปเขาก็หันไปมอง ก่อนจะต้องวิ่งตามเมื่อเห็นแผ่นหลังคุ้นเคย


“แอม!”

“อ่าว เลิกแล้วหรือธีร์” พิชามณหมุนตัวก้มลงมามองจากที่พักบันได “เราขึ้นไปหยิบกระเป๋าแปปนึง ธีร์ลงไปรอที่ตึกกลางก่อนก็ได้”


กันตธีร์กำลังจะรับคำเพื่อนสาว แต่จากมุมที่เขายืนทำให้เห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับกลุ่มที่กำลังขนไม้ เชือกสีหม่นที่มัดไม้หน้าสามไว้ด้วยกันกำลังคลายออกโดยที่ไม่มีใครสังเกต และเมื่อคนที่อยู่หน้าสุดเริ่มก้าวขึ้นบันไดขั้นที่สูงกว่าไปทำให้ไม้เริ่มไหลลงมาตามแรงโน้มถ่วง


"แอม!!!!”


ชายหนุ่มกระโดดขึ้นไปบนที่พักบันไดอย่างรวดเร็วโดยที่ฝ่ายที่ถูกเรียกชื่อเพิ่งหันไปเห็นว่าท่อนไม้กำลังพุ่งเข้ามาตรงหน้า

เขาผลักเพื่อนสาวสุดแรงให้ออกไปจากรัศมีที่เป็นอันตรายโดยไม่ทันได้คิดถึงตัวเอง


เสียงของแข็งกระทบกันดังสะท้อนไปทั่วโถงบันไดพร้อมกับเสียงร้องด้วยความตกใจ

ชายหนุ่มไม่ทันตั้งตัวจากแรงกระแทกทำให้พลาดตกบันไดลงมาหลายขั้น รวมถึงท่อนไม้หนักที่ทิ้งตัวตามลงมาติดๆ ทำตัวระบมไปทั้งตัวจนแทบขยับไม่ไหว


“ธีร์!!!” พิชามณร้องดังลั่น ก่อนจะรีบลุกขึ้นไปหาเพื่อนที่เอาตัวมาช่วยเธอจนตัวเองเจ็บ ส่วนคนอื่นที่เห็นเหตุการณ์ก็รีบเข้ามาช่วยยกท่อนไม้ออกจากตัวคนเจ็บทันที

“...ไม่เป็นไรแอม ไม่เป็นไร” ชายหนุ่มพูดปลอบเพื่อน แผลเป็นทางยาวที่ท้องแขนข้างขวาทำให้ดูรุนแรงจนหญิงสาวตั้งท่าจะร้องไห้ขณะที่เอาผ้าเช็ดหน้ากดแผลไว้ เขาขยับตัวลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก อาการเจ็บแปล๊บที่ข้อเท้าซ้ายนำมาเป็นอย่างแรก พร้อมกับความรู้สึกตึงที่หัวเข่าข้างเดียวกัน


“ธีร์!! แอม!!” ร่างสูงใหญ่ของเพื่อนสนิทโผล่มาอย่างรวดเร็ว คงเพราะมีใครสักคนตามมา

“หมี...” ฝ่ายหญิงสาวเห็นเพื่อนสนิมก็เริ่มเบะปาก

“ใจเย็นนะแอม ไม่เป็นไรๆ” กฤษณ์พูดเสียงอ่อนก่อนจะหันมาถามคนที่ยังนั่งกึ่งนอนพิงบันได “ลุกไหวไหม ไปทำแผลที่โรงพยาบาลเหอะ”


นับเป็นคุณานุปการของขนาดตัวพ่อหมีที่สามารถพยุงไอ้ตัวเล็กขึ้นมาได้อย่างสบาย ส่วนพิชามณก็ป้ายน้ำตาป้อยๆ เก็บข้าวของของเพื่อนแล้วโทรหาคนที่มีรถอย่างจิรณัฐ ซึ่งไม่กี่อึดใจเขาก็ถูกเอามาส่งตรงหน้าห้องฉุกเฉินด้วยความเร็วระดับดริฟต์ตีนผีของคุณชายคาสโนว่า

อันว่า...กันตธีร์เพิ่งได้เห็นคุณประโยชน์ของเพื่อนๆ อย่างครบถ้วนทุกด้านก็ครั้งนี้


พอเข้าไปถึงในห้องฉุกเฉิน เมื่อเห็นว่าเป็นนักศึกษามหาลัยนี้พยาบาลสาวใหญ่ก็รีบกุลีกุจอหาเตียงให้คนเจ็บพักก่อนจะไปตามหมอ


“ธีร์!?”


เสียงที่เรียกชื่อมันออกจะคุ้นไปหน่อย ซึ่งเขาก็จำได้ดีว่าเมื่ออาทิตย์ก่อนอีกฝ่ายบอกว่าวันนี้มีอยู่เวร


“เกิดอะไรขึ้น ไปทำอะไรมา” โชติภัทรในชุดกาวน์ยาวสีสะอาดสาวเท้าเข้ามาดูสภาพคนเจ็บทันที พิชามณจึงเป็นคนเล่าเหตุการณ์ให้ฟังสั้นๆ ฝ่ายนักศึกษาแพทย์ก็ถามเพิ่มเติมอยู่คำสองคำแล้วหันไปหาพี่แพทย์ประจำบ้านที่ยืนอยู่ไม่ไกล

“มึงทำแผลไปเลยโช” คนในชุดกาวน์สั้นบอกพลางพิจารณาแผล “ที่แขนนี่ตื้นๆ ไม่ต้องเย็บหรอก”

“ครับ” โชติภัทรรับคำก่อนจะขมวดคิ้วแล้วยกมือขึ้นแตะใบหน้าคนเจ็บให้หันไปอีกข้าง “แต่ผมว่า...ตรงนี้น่าจะต้องเย็บ”


นิ้วมือยาวปัดเส้นผมที่ปรกหน้าขึ้น เผยให้เห็นแผลที่อยู่สูงเลยหางคิ้วขึ้นไปซึ่งเริ่มมีเลือดไหลลงมาที่ข้างแก้ม

พิชามนอุทานเบาๆ อย่างตกใจเพราะตอนแรกเธอไม่เห็นเนื่องจากมีผมบัง ส่วนตัวเจ้าของแผลก็เพิ่งรู้สึกว่ามันเจ็บเอาในวินาทีนี้จากที่แค่ชาๆ

เมื่อลงความเห็นได้ว่าต้องเย็บ แพทย์น้องเล็กก็ประคองให้ผู้ป่วยนอนลงแล้วเดินไปหยิบของมาเตรียม ในการควบคุมของแพทย์รุ่นพี่ที่ล็อคหัวเขาเอาไว้แล้วในท่าตะแคงให้น้องลงมือ


“ทำความสะอาดก่อน นั่นแหละ...”

“เย็นๆ หน่อยนะธีร์”


กันตธีร์รู้สึกเย็นตามที่บอก


“เตรียมยาชาเป็นนะ เออ ถูก”

“กำลังจะฉีดยาชา เจ็บหน่อยนะ”


แล้วก็เจ็บจริงตามนั้น แถมยังรู้สึกเหมือนมีอะไรไหลลงมาจากแผลอีก สยองจนไม่อยากลืมตา

เขาได้ยินเสียงคำแนะนำมาเรื่อยๆ พร้อมกับคำชมจากแพทย์ประจำบ้าน และเสียงที่คอยกระซิบบอกกับเขาว่าจะทำอะไร จะรู้สึกอย่างไร


“เจ็บหรือเปล่า อย่าเพิ่งขยับหัวนะ”


ความรู้สึกชาๆ กับสำเนียงเรียบเรื่อยทำให้กล้าเปิดตามามองอีกครั้งเพื่อเหลือบมองคนที่กำลังขยับมืออยู่เหนือแผล แม้จะเห็นใบหน้าไม่ชัดจากการมองย้อนแสงไฟบนเพดานแต่ก็รับรู้ถึงความตั้งใจมากจนรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงขึ้นและเผลอกลั้นลมหายใจ

การเย็บแผลเล็กๆ ใช้เวลาไม่นานแต่ยาวนานในความคิดของคนที่นอนนิ่งอยู่ กันตธีร์ลอบถอนหายใจช้าๆ ราวกับถ้าขยับปอดมากไปจะรบกวนสมาธิของอีกฝ่าย


“เรียบร้อยแล้ว” คนเจ็บถอนหายใจพรูดเมื่อได้ยินคำนั้น จนได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากผู้ให้การรักษา

“เย็บแผลสวยนี่หว่า ไม่สนใจเรียนplasticหรือไง” ฝ่ายคนคุมงานก็แซวขำๆ ก่อนจะหันไปตรวจข้อเท้าที่ยังระบมอยู่ของผู้ป่วย “ที่เหลือทำเองได้นะ กูไปดูเตียงมาใหม่ก่อนละ ข้อเท้าที่บวมนี่ไม่เป็นไร ทายาพันผ้าไว้ก็พอ”


โชติภัทรรับคำก่อนจะหันมาจัดการกับแผลทั่วตัวที่บางแผลเจ้าตัวยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามี


“ธีร์มีบัตรโรงพยาบาลหรือยัง” ถามขณะกำลังทำความสะอาด “อันนี้แสบหน่อยนะ”

“อูย ยังเลย” ห่อปากตอบก่อนจะเพิ่งสังเกตว่าคนที่ขับรถพามาหาที่จอดได้แล้วเข้ามายืนมุงด้วยอีกคน

“...ใครมีบัตรประชาชนติดตัวมาบ้าง ไปที่ชั้นสอง ตรงเวชระเบียน แถวนั้นจะมีร้าน เอาบัตรธีร์กับของตัวเองไปซีรอกอย่างละใบแล้วไปทำบัตรแทนหน่อย” นักศึกษาแพทย์แนะนำอย่างคล่องแคล่วทั้งที่มือยังทำงานไปด้วย “ทำเสร็จแล้วให้ขอแฟ้มมาเลยนะ บอกว่าคนไข้อยู่ที่อีอาร์ แล้วขึ้นไปชั้นสี่ หาฝ่ายกิจการนักศึกษาขอเปิดสิทธิ์เบิกจ่ายของนักศึกษา เอาบัตรนักศึกษาธีร์ไปด้วย แล้วค่อยถือแฟ้มกลับลงมาที่นี่อีกที”


กฤษณ์เป็นคนที่รับขันอาสาจึงทิ้งให้พิชามณกับจิรณัฐยืนมองว่าที่คุณหมอทำงาน


“ธีร์ฉีดบาดทะยักครั้งล่าสุดเมื่อไหร่”

“...จำไม่ได้ว่ะ” คนฟังกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะตอบไป

“งั้นคงต้องฉีดนะ” พูดจบก็ยืดตัวขึ้นกวาดตามอง “ยังมีแผลที่ไหนอีกมั๊ย?”

“ที่เข่า น่าจะถลอก” ตอบพลางชี้ที่เข่าซ้าย แต่พอจะพับขากางเกงขึ้นก็ระลึกได้ว่ากางเกงขากระบอกเล็กคงไม่เอื้ออำนวย “อ่า ลำบากแฮะ ไม่ต้องก็ได้มั้ง เดี๋ยวฉันกลับไปทำแผลเองก็ได้”

“ไม่ต้องเลย พับขากางเกงไม่ได้ก็ถอดสิ มาโรงพยาบาลแล้วก็ทำแผลให้มันครบ” นักเรียนแพทย์ออกอาการดุทันทีพร้อมกับเอื้อมมือไปดึงม่านให้ล้อมเตียงเพื่อบังสายตา แล้วหันไปหาสองคนที่ยืนเงียบมานาน “ออกไปก่อนแล้วกันนะครับ”


จิรณัฐทำท่าเหมือนจะค้านแล้วก็หยุดไป ก่อนจะถอยออกมาเหมือนเพื่อนสาว

กันตธีร์รู้สึกเขินขึ้นมานิดหน่อยเมื่ออยู่ในม่านกันสองคนแล้วอีกฝ่ายบอกให้ถอดกางเกง แต่ก็รู้สึกดีขึ้นเมื่อโชติภัทรดึงผ้าที่ปลายเตียงมาคลุมเหนือเข่าเอาไว้


“คืนนี้พอยาชาหมดฤทธิ์อาจจะปวดหัวหรือไข้ขึ้น เดี๋ยวจะมียาให้ไปกิน แผลอย่าโดนน้ำนะ”


กำชับตบท้ายก่อนจะรูดม่านเปิด แล้วเพื่อนทั้งสองก็เดินเข้ามาหา


“เจ็บมากไหมธีร์” จิรณัฐถามขึ้นก่อน พลางเอามือปัดปอยผมคนที่ยังนอนอยู่

“ยังชาอยู่เลย จะเจ็บได้ไง” ยักไหล่พลางยันตัวลุกขึ้นนั่งที่ข้างเตียง ก่อนจะต้องเม้มปากเพราะถูกย้อน

“แผลเต็มตัวแบบนี้จะไม่เจ็บได้ไง”

“เจ...เพราะแอมเองแหละ จะโกรธแอมก็ได้นะ” หญิงสาวพูดเสียงอ่อย

“เฮ้ย ถ้าเราจะโกรธใครสักคนมันก็ต้องเป็นไอ้พวกเด็กที่ไม่รู้จักระวังมากกว่า ขนของประสาบ้าอะไรทำไม้หล่นลงมาทั้งท่อน”

“จริงด้วยแอม ไม่ใช่ความผิดแอมเลยนะ เราเข้ามายุ่งเอง อย่าคิดมากสิ” คนหาเรื่องใส่ตัวรีบสำทับจนหญิงสาวรู้สึกดีขึ้น แต่ก่อนจะมีใครได้คุยอะไรต่อ นักศึกษาแพทย์หน้าเดิมก็เดินกลับมาอีกครั้งพร้อมเก้าอี้สองตัว


“ขอโทษที่รบกวนนะ แต่จะทำแผลที่เข่าก่อนดีไหมครับ”


โชติภัทรเลื่อนเก้าอี้ให้พิชามณนั่งตัวนึงแล้วนั่งเองอีกตัว ก่อนจะขออนุญาตดูแผลถลอกซึ่งมีเลือดซึมออกมา น่าจะเกิดขึ้นตอนที่พิชามณถูกผลักให้หลบจนล้มลง กันตธีร์ชะเง้อมองการทำแผลที่ตนเป็นต้นเหตุเงียบๆ ก่อนจะรู้สึกได้ว่าถูกมองอยู่จากใครอีกคน


“มีอะไร?”

“...เจแค่สงสัย”


จิรณัฐปั้นยิ้มหน้าหล่อการค้าให้คนดูรู้สึกเสียวสันหลัง


“ว่าธีร์เอาเวลาที่ไหนไปนอกใจเจ ดูสิ...กิ๊กธีร์หล่อขนาดนี้ เจก็กังวลเป็นเหมือนกันนะเนี่ย”

“พ่อมึงสิ!”



คำสบถถูกจัดมาเต็มสูบแบบไม่ไว้หน้ากัน ปกติกันตธีร์และเพื่อนๆ จะไม่ค่อยพูดคำหยาบต่อหน้าเพื่อนผู้หญิงเท่าไหร่ แต่กรณีแบบนี้มันยกเว้นจริงๆ ส่วนพิชามณก็ปล่อยเสียงหัวเราะลั่น ภาวะตึงเครียดจากโปรเจคจบทำให้ไม่ค่อยมีอารมณ์จะพูดเล่นกันมาสักพักแล้ว บางทีเธอก็คิดถึงขนมจีบยี่ห้อจิรณัฐขึ้นมาบ้างเหมือนกัน


“โอย ไม่ได้ยินมาตั้งนานแน่ะ” ใบหน้าสวยยิ้มยิงฟันให้เพื่อนชายทั้งสองก่อนจะหันไปหาคุณหมอผู้ถูกพาดพิง “โชอย่าไปฟังไอ้พวกนี้เลยนะ”


โชติภัทรยิ้มรับพร้อมกับเก็บชุดเครื่องมือทำแผลแล้วเดินออกจากวงสนทนาไป


“มึงเล่นอะไรเนี่ย ดีนะที่โชมันไม่คิดมาก” กันตธีร์โวยเพื่อนทันที

“อะไรกัน ฟังดูก็รู้ว่าพูดเล่น อย่าซีเรียสน่าธีร์” เจ้ากิจการขนมจีบยักไหล่ไม่สนใจ

“เพื่อนๆ กันมันก็รู้ว่ามึงกะเอาฮามั๊ยวะ แต่คนอื่นมาฟังไม่ต่อยปากมึงก็แล้วไป”

“อา ขอโทษแล้วกัน” จิรณัฐโคลงหัวไปมาแล้วจึงกล่าวเสริม


“ปกติก็ไม่เห็นธีร์จะสนใจไม่ใช่หรือไง”


อ้าปากจะเถียงแล้วก็ต้องหุบลง

เพราะมันจริงที่สุดที่เขาไม่เคยใส่ใจว่าเพื่อนคนนี้จะหยอดคำหวานความเสี่ยวแค่ไหน...ก็ไม่ได้ไม่ชอบ แต่ก็ไม่ได้ชอบ...คือสิ่งที่ตอบเสมอเมื่อมีคนถามว่าไม่รำคาญหรือไง

ทั้งที่ไม่เคยทักท้วง ไม่เคยสนใจ แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกัน...ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าไม่เหมือนตรงไหน รู้แต่มันไม่เหมือนเท่านั้นเอง


โชติภัทรกลับมาอีกครั้งพร้อมกับกลุ่มนักศึกษาแพทย์คนอื่นและพี่แพทย์ประจำบ้านซึ่งครั้งนี้เข้ามาขออนุญาตใช้เป็นตัวอย่างการสอนฉีดวัคซีนบาดทะยัก หลังจากเสร็จไม่นานกฤษณ์ก็กลับมาพร้อมแฟ้ม ซึ่งต้องใช้เวลาอีกนิดหน่อยในการจัดการแต่ก็เป็นโชติภัทรอีกที่เตรียมเอกสารต่างๆ เอาไว้จนเรียบร้อย


“เอาใบนี้ไปยื่นการเงินชั้น 2 แล้วรับยาตรงนั้นเลย”


พ่อหมีที่รักของเพื่อนยังคงถูกใช้แรงงานต่อ เพราะเพื่อนสองคนก็เจ็บ ส่วนอีกคนก็ยึดข้างเตียงคนเจ็บเอาไว้ไม่ห่าง


ระหว่างรอกันตธร์ก็นั่งมองตามคนตัวสูงที่เดินไปเดินมาทำนู่นนี่ไม่ได้หยุด เดี๋ยวก็หยิบของ เดี๋ยวก็เขียนๆ อะไรสักอย่าง เดี๋ยวก็หายเข้าไปหลังม่านกั้น เดี๋ยวก็ไปลากเครื่องอะไรมาไม่รู้

ซึ่งคนคนนี้จะหยิบจับอะไรก็คล่องแคล่วไปหมด ทั้งเครื่องมือ น้ำยา อุปกรณ์ทำแผลต่างๆ แถมยังมือเบาและทำแผลได้ดูสวยสะอาดเรียบร้อย ซึ่งยังไม่รวมเสียงทุ้มนุ่มที่คอยอธิบายด้วยสำเนียงเรื่อยๆ ชวนให้สบายใจอย่างบอกไม่ถูกอีก

โชติภัทรมีภาษีดีเกินไปแล้วสำหรับการเป็นหมอ...


มองเพลินๆ แปปๆ เพื่อนร่างยักษ์ก็กลับมาพร้อมถุงยาในมือ


“ไปกันเหอะ” จิรณัฐออกก้าวเท้าเป็นคนแรก

“เดี๋ยวสิ ไปขอบคุณเพื่อนธีร์หน่อยดีไหม” พิชามณท้วงขึ้นมา

“แต่ดูมันยุ่งๆ อยู่นะ ไว้แอมฝากตัวเล็กไปบอกก็ได้มั้ง” กฤษณ์พูดพลางมองความวุ่นวายที่ก่อตัวขึ้นที่เตียงหนึ่ง


กันตธีร์ยักไหล่แต่ก็อดหันไปมองตามอีกทีไม่ได้ ซึ่งก็เป็นอย่างที่เพื่อนสนิทว่า คืออีกฝ่ายดูยุ่งเกินกว่าจะเข้าไปคุยอะไรได้ สุดท้ายทั้งหมดจึงเดินออกมาโดยที่ไม่ได้บอกอะไรกับคนที่กำลังวิ่งวุ่นอยู่ในห้องฉุกเฉิน

ไม่เป็นไร...พรุ่งนี้ค่อยบอกก็ได้


++++++


ปวดหัว...


กันตธีร์นอนเหม่อมองเพดานห้อง ชายหนุ่มหลับไปงีบหนึ่งแล้วตั้งแต่หัวค่ำ แต่ตื่นขึ้นมาเพราะอาการปวดตุ้บๆ ที่แผล และอุณหภูมิร่างกายน่าจะผิดปกติด้วย เพราะเขารู้สึกถึงความร้อนฉ่าที่หน้าผาก แถมแขนข้างที่ฉีดวัคซีนก็ปวดจนนอนตะแคงไม่ได้อีก


สรุปได้ว่าเดี้ยงโดยสมบูรณ์


คนป่วยสังเกตว่าห้องยังมีไฟเปิดอยู่ กฤษณ์คงยังไม่นอนแต่ก็ไม่อยู่ในห้อง ซึ่งความอ่อนเพลียก็ทำให้ขี้เกียจเกินกว่าจะขยับตัวจึงคิดว่าจะรอจนเพื่อนกลับมาแล้วให้หยิบยาให้


นอนเล่นได้ไม่นานประตูห้องก็ถูกเปิด แต่ก่อนที่จะได้เรียกใช้รูมเมทก็ได้ยินเสียงคุยกันดังนำเข้ามา


“หลับไปแล้ว แต่เหมือนจะมีไข้ ดูไม่ค่อยดีเลยว่ะ”


ร่างสูงใหญ่ก้าวเข้ามาในห้องตามติดด้วยใครอีกคนที่คาดไม่ถึง


“อ่าว ตื่นแล้วหรอวะ”

“กูปวดหัว หยิบยาให้หน่อย” คนมีสิทธิพิเศษชั่วคราวสั่งทันทีแบบไม่ต้องคิด

“...นี่กูเห็นว่ามึงป่วยหรอกนะ” ฝ่ายที่โดนใช้มาทั้งวันชี้หน้า ส่วนแขกรับเชิญก็เดินมานั่งที่ข้างเตียง


“ปวดมากไหมธีร์” เป็นครั้งที่สองของวันที่เขาได้ฟังประโยคแบบนี้จากคนสองคน

“ไม่มาก แต่ปวดน่ารำคาญ นอนไม่ได้” ตอบด้วยคำบ่นกระปอดกระแปด

“กินยาแล้วจะดีขึ้น” คนที่เรียนมายืนยันพร้อมเอาหลังมือทาบบนหน้าผากของทั้งคนป่วยและตนเองเพื่อวัดไข้ “อยากเช็ดตัวไหม”

“อยากอาบน้ำใหม่เลยล่ะ” ตอบแบบไม่เจียมตัวสุดๆ จนโดนว่าที่คุณหมอดุทางสายตา


หลังจากเอาน้ำเอายามาเสิร์ฟ คุณเพื่อนสุดประเสริฐก็ไปขุดผ้ามาชุบน้ำบิดหมาดๆ มาให้คนมีไข้จัดการตัวเอง แล้วเจ้าตัวก็อัปเปหิตัวเองไปนั่งเงียบๆ ที่อีกฟากของห้อง


“...พรุ่งนี้เย็นยกเลิกแล้วกันนะ” คำพูดลอยๆ ทำให้คนที่กำลังเช็ดหน้าหันขวับ

“เฮ้ย ได้ไง...”

“จะไปไหวหรือไง ธีร์นอนพักไปดีกว่า”

“แค่นี้เอง ไหวเหอะ”

“...แล้วแต่ แต่ถ้าพรุ่งนี้ยังมีไข้ก็อย่าเลย”

“หายชัวร์ รอดูได้”


โชติภัทรส่ายหัวกับความไม่เจียมของคนที่นั่งตาปรือปรอยด้วยพิษไข้ ซึ่งหลังจากได้กินยาเช็ดหน้าเช็ดตาก็เหมือนจะดูดีขึ้นจนหันมาชวนคุยได้


“นี่กี่โมงแล้ว?”

“เกือบตีหนึ่ง”


กันตธีร์มองหน้าคนตอบที่ยังอยู่ในชุดนักศึกษาและมีร่องรอยความอ่อนล้าบนใบหน้า ส่วนเสื้อกาวน์ก็ถูกพับลวกๆ พาดไว้กับกระเป๋า บ่งบอกว่าเจ้าตัวเพิ่งออกมาจากห้องฉุกเฉินแล้วก็ตรงมาที่นี่เลย


“แล้วพรุ่งนี้ต้องไปเรียนกี่โมง”

“...7โมง”

“เฮ้ย!?” คนฟังทำหน้าตื่น “รีบกลับไปนอนเลย”

“กำลังจะไปแล้ว” ฝ่ายโดนไล่หัวเราะเบาๆ แล้วลุกขึ้นยืน


แขกหันไปคุยกับเจ้าของห้องอีกคนสองสามคำก็หันกลับมายิ้มให้เป็นการบอกลาแล้วจึงกลับไป

กันตธีร์หันไปมองหน้าเพื่อนสนิทในความเงียบ เขารู้ว่ากฤษณ์เป็นคนพาอีกฝ่ายขึ้นมา เพราะไม่อย่างนั้นโชติภัทรที่อยู่คนละหอคงไม่สามารถขึ้นมาได้ถึงบนห้อง

แต่ที่เงียบก็คือไม่รู้จะพูดอะไร แม้จะรู้อีกเหมือนกันว่าคุณพ่อกำลังรอให้เขาพูดอะไรสักอย่าง


เกมส์จ้องตาสิ้นสุดลงตรงที่คนป่วยดึงผ้าห่มขึ้นมาแล้วทิ้งตัวลงนอน จนอีกฝ่ายต้องเดินไปปิดไฟแล้วเข้านอนเช่นเดียวกัน

...โดยทิ้งเอาคำถามที่ไม่มีคำตอบไว้อย่างน่าอึดอัด



TBC...



::TALK::

มาแล้วค่าาาา  :katai4:

ตอนนี้เป็นตอนที่อยากเขียนมากๆ คือจริงๆเรื่องนี้ไม่ได้มีพลอตอะไรที่ชัดเจนหรือลงรายละเอียดมากมาย แต่จะเน้นว่าเขียนเรื่องไปตามตัวละครมากกว่า แต่สำหรับตอนนี้ เป็นตอนที่คิดเอาไว้แต่แรกว่าอยากให้มี

ไม่ใช่อะไร...อยากอวดคุณโชติภัทรในอีกรูปแบบอ้ะ 555555  :hao7:

บอกตามตรงว่าคนเขียนมิได้อวยอาชีพหมอแต่อย่างใด แต่ว่าๆๆ ไม่ว่าอาชีพอะไร คนที่ตั้งใจทำงานและอินกับหน้าที่ของตัวเองมันจะดูเท่มากๆเลยว่าไหมคะ นี่แหละสิ่งที่อยากนำเสนอ (ไม่รู้เหมือนกันว่าสำเร็จหรือไม่ 555)

สำหรับ แอม เป็นตัวละครผู้หญิงที่คนเขียนชอบมากถึงกับคิดไซด์สตอรี่ยาวๆให้คุณเธอเลยทีเดียว (จริงๆเกือบทุกตัวละครก็มีไซด์สตอรี่ของตัวเอง คนเขียนเป็นพวกอินกับตัวละคร พวกลูกๆช่างน่ารักยิ่งนัก) เธอจะมีบทบาทไปเรื่อยๆ ไม่ต่างจากคุณพ่อหมีกับนายเจ หวังว่าทุกคนจะเอ็นดูเธอน้า

แล้วก็...ตอนนี้ยาวเน้อออ ว่ามั๊ยคะ 55555 ยังอ่านทวนไม่สุด แต่อยากลงแล้ว อิ ไว้วันหลังอาจจะมาแก้คำผิดนะคะ

ช่วงนี้ชีวิตคนเขียนกลับเข้ามรสุมอีกแล้วค่ะ  :sad4: แต่จะพยายามมาต่อเรื่อยๆ ไม่ให้ขาดเน้อ

ใครอ่านตอนนี้แล้วคอมเมนท์คุยกันได้นะคะ คนเขียนอยู่เวรคนเดียวคืนนี้ แอบเหงาเบาๆ  :katai5:

เลิฟคนอ่าน ขอบคุณที่ติตดามนะคะ  :-[


::comment::

Horizon - ขอบคุณค่า  :pig4:

bulldog17 - สุดๆเลยค่ะ บังเอิญมาก คนเขียนประทับใจ 555

insomniac - อ่านแล้วดีใจจัง ขอบคุณนะคะ

michiri.sama - เชียร์ได้ แต่คนเขียนไม่ใช่แนวหักหลังเปลี่ยนคู่แน่นอนค่ะ 5555

พลอยสวย - จะพยายามไม่หายนานนะค้า  o22

mesomeo2 - อนึ่ง เป็นความโก๊ะของคนเขียนอย่างหาที่สุดมิได้ 555

quiicheh. - จริงด้วยยยยยย 55555 ธีร์น่ารักจริงๆค่ะ ใครไม่อวย คนเขียนอวยเอง อิอิ  :กอด1:

korinasai - มาแล้วค่า

kun - ฮาตรงคนเขียนนี่แหละค่ะ โก๊ะสุด

iforgive - จริงๆ เป็นพวกใส่ใจสิ่งรอบตัวต่ำน่ะค่ะ 555

malula - ขอบคุณค่า แต่คุณพ่อหมีนี่ไม่รู้จะเรียกว่าคนกลางดีหรือเปล่าแฮะ

cinn1st - ขอบคุณนะคะ จะพยายามต่อเรื่อยๆค่า

Snowermyhae - ขอบคุณค่า ดีใจจังที่มันไม่น่าเบื่อ 555

dekzappp - ขอบคุณค่า ไม่รู้ตอนนี้ยังจะมุ้งมิ้งอยู่มั๊ยน้า


ขอบคุณทุกคนเลยนะคะ เลิฟๆ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ชอบเจ ๆ ๆ ๆ ถ้าเจจริงใจไม่หวังฟันแล้วทิ้งนะจะเชียร์เจ มันน่ารักอ่ะ

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
ใครว่ามีแฟนเป็นหมอแล้วไม่ดีถ้าได้แบบโชติภัทรน้องโอเคค่ะ555555555555555555555555555555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด