พิมพ์หน้านี้ - Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: velvetronica ที่ 21-12-2013 00:32:03

หัวข้อ: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: velvetronica ที่ 21-12-2013 00:32:03
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************


ประกาศข่าวจากเรื่อง under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม(โชธีร์) :: 15/02/58

นิยายเรื่องนี้เปิดจองแล้วนะคะ!!


(http://i1301.photobucket.com/albums/ag101/velvetronica/agravecedilrsaquoagravecedil-agravecedillaquoagravecediltradeagravesup1permilagravecedilsup2%20under%20the%20blue%20sky02_zpssugadxuz.jpg)

(http://i1301.photobucket.com/albums/ag101/velvetronica/agravecedilrsaquoagravecedil-%20under%20the%20blue%20sky%20-%20small%20size02_zpsmctffnre.jpg)


เรื่อง : Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม

ผู้เเต่ง : velvetronica

ขนาด : A5

จำนวนหน้า : 260++

ของเเถม : ที่คั่นหนังสือ ตอนพิเศษไม่ลงเว็บ 3 ตอน

ราคา : 290 บาท ยังไม่รวมค่าจัดส่งทางไปรษณีย์

 จิ้มตรงนี้เลยค่ะ (http://www.maledbook.com/product/4/pre-order-under-the-blue-sky-%E0%B9%83%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%9C%E0%B8%B7%E0%B8%99%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1-%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89-31-%E0%B8%9E-%E0%B8%84-58)

[วิธีจิ้มคือจิ้มตรง หยิบสินค้าลงตะกร้า แล้วก็ไปจิ้มที่ สินค้าในตะกร้า มันจะขึ้นจอมาให้กดสั่งซื้อค่า]






++++++
edit 7/12/57


เรื่องย่อ
‘อยู่มหาลัยฯเดียวกันมาจะครบ 4 ปีเพิ่งจะมาบังเอิญเจอกันครั้งแรก ต่อไปก็คงไม่ได้เจอกันหรอก’
ตรรกะง่ายๆ ตรงไปตรงมา ชายหนุ่มคิดคำนวณตามหลักความน่าจะเป็น แคลคูลัส อนุพันธ์เชิงซ้อน และสัมพันธภาพไปจนถึงเคโมไดนามิค ก็ยังไม่เข้าใจว่ามันผิดตรงไหน
กับ ‘โชติภัทร’ ว่าที่แพทย์หนุ่มผู้มีประสบการณ์อันไม่น่าพิศมัยร่วมกันมาก่อน ทำไมถึงเกิดจะมีเรื่องให้พบเจอกันซ้ำแล้วซ้ำอีกในปีสุดท้ายของรั้วมหา’ลัย แถมรู้ตัวอีกที...ก็กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันอย่างไม่น่าเชื่อ
‘กันตธีร์’ ไม่คิดเลยว่าการเลือกไปอ่านหนังสือเพียงลำพังจนติดฝนและน้ำเต้าหู้ถุงเดียวจะเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล



สารบัญค่ะ

//ช่วงนี้คนเขียนคึก ฮาาาา

1 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2573704#msg2573704 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2573704#msg2573704)
2 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2578669#msg2578669 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2578669#msg2578669)
3 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2589561#msg2589561 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2589561#msg2589561)
4 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2597692#msg2597692 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2597692#msg2597692)
5 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2620134#msg2620134 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2620134#msg2620134)
6 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2641890#msg2641890 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2641890#msg2641890)
7 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2654845#msg2654845 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2654845#msg2654845)
8 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2667698#msg2667698 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2667698#msg2667698)
9 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2679521#msg2679521 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2679521#msg2679521)
10 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2727639#msg2727639 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2727639#msg2727639)
11 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2740654#msg2740654 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2740654#msg2740654)
12 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2758986#msg2758986 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2758986#msg2758986)
13 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2771209#msg2771209 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2771209#msg2771209)
14 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2781963#msg2781963 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2781963#msg2781963)
15 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2813248#msg2813248 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2813248#msg2813248)
16 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2819995#msg2819995 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2819995#msg2819995)
17 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2826571#msg2826571 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2826571#msg2826571)
18 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2833083#msg2833083 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2833083#msg2833083)
19 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2840215#msg2840215 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2840215#msg2840215)
20 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2847247#msg2847247 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2847247#msg2847247)
21 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2862459#msg2862459 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2862459#msg2862459)
22 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2869068#msg2869068 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2869068#msg2869068)
23 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2876500#msg2876500 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2876500#msg2876500)
24+ส่งท้าย http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2890183#msg2890183 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2890183#msg2890183)
++++++


talk

เพิ่งเคยลงนิยายครั้งแรกเลย ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ

แล้วก็เพิ่งเล่นบอร์ดนี้ครั้งแรก จะพยายามรักษากฏเต็มที่ค่า ถ้าทำอะไรผิดพลาดไปก็รบกวนตักเตือนได้เลยนะคะ

อาจจะมาต่อไม่เร็วเท่าไร แต่จะพยายามให้เร็วที่สุดนะคะ  :hao5:

ขอบคุณทุกคนล่วงหน้าค่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: Under the blue sky :: 01 21/12/56
เริ่มหัวข้อโดย: velvetronica ที่ 21-12-2013 00:36:32
01


เครื่องปรับอากาศเก่าๆ ดูจะทำงานดีขึ้นกระทันหันในสภาพอากาศขมุกขมัวและมีหยดน้ำโปรยปราย อากาศหนาวยะเยือกราวกับไม่ใช่ประเทศเขตร้อนชื้นทำให้ต้องยกมือลูบต้นแขนแรงๆ

บางทีมันคงเป็นความคิดผิดที่มาอ่านหนังสือในห้องสมุดมหาลัยฯช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ไม่มีคาบเรียน เพราะนอกจากจะติดฝนจนหาทางกลับหอไม่ได้แล้ว ยังไม่เห็นวี่แววเพื่อนในคณะคนไหนให้แชร์อุปกรณ์กันฝนได้เลย



แถมแอร์พ่อแก่ที่ปกติทำได้แค่พ่นลมเหม็นหืนก็ดันทำความเย็นดีจนน่าเจ็บใจ...


ชายหนุ่มตัดสินใจรวบข้าวของใส่กระเป๋าหนังใบเก่งแล้วลุกขึ้นจากมุมสิงสถิตตลอดบ่ายแม้สภาพอากาศข้างนอกจะดูไม่ค่อยต่างจากพายุเข้าเท่าไรนัก เมื่อมองไปรอบๆ ก็พบคนในห้องสมุดค่อนข้างบางตาเมื่อเทียบกับวันปกติ เขาถอนหายใจ...แน่สิ ใครมันจะพลาดโอกาสออกไปเที่ยวเตร่ในสุดสัปดาห์ แต่คนมันถูกทิ้งเสียสมบูรณ์แบบ เพราะรูมเมทก็ดันชิ่งกลับบ้านที่ต่างจังหวัดไปตั้งแต่สาย แล้วเพื่อนในกลุ่มคนอื่นๆ ไม่พาแฟนไปเที่ยวก็ติดธุระกระทันหัน ไปๆมาๆ เลยต้องมานั่งเป็นเด็กเนิร์ดเพราะเซ็งจัดจนขี้เกียจกลับหอ


...และตอนนี้ยังโสดสนิทอีกประการ


หน้าห้องสมุดอบอุ่นด้วยระดับความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศเกินค่ามาตรฐาน แต่พอลมหอบเอาละอองฝนซัดเข้าหน้าทีก็ยะเยือกที สายฝนไม่มีทีท่าจะหยุดหรือซาลง ตามจริงหอพักก็ไม่ได้ไกลขนาดที่จะวิ่งฝ่าฝนกลับไม่ไหว จะติดก็ตรงหนังสือที่ถืออยู่อาจกลายสภาพเป็นกระดาษชำระในโถสุขภัณฑ์ได้หากทำแบบนั้น

แต่ในขณะที่คนติดฝนกำลังยืนไว้อาลัยแด่ความคิดผิดของตัวเอง ก็มีเสียงสวรรค์ดังขึ้น


“ธีร์?”


‘กันตธีร์ วิจักข์วัฒนา’ หรือ ‘ธีร์’ หันตามเสียงเรียก ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งถือร่มเดินเข้ามาในช่วงกันสาด ในมือมีเสื้อกาวน์สีขาวสะอาดบ่งบอกคณะที่เรียนได้อย่างดี


“ทำอะไรอยู่คนเดียว?”

“...ติดฝน ไม่มีร่ม แถมข้างในก็หนาวเป็นบ้า ไม่ได้ห่วงใยโลกที่ร้อนขึ้นทุกวันเอาซะเลย” คนติดฝนอธิบาย ทั้งที่เริ่มจะหงุดหงิดโชคชะตาจนอยากจะหาที่ระบายแต่ก็รู้สึกว่าไม่ควรจะไปลงกับฝ่ายที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่

“ไปด้วยกันสิ” อีกฝ่ายกล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆ พร้อมกับขยับร่มในมือ

“แล้วนายจะไปไหนต่อ” คนตรงหน้าเป็นแค่คนรู้จักจึงออกปากถามด้วยความเกรงใจ


พอเจ้าของร่มตอบว่าจะไปหอเหมือนกันจึงพยักหน้าตกลง แม้จะอยู่คนละหอแต่ก็ถัดกันไปไม่กี่ช่วงตึก

เมื่อหาทางรอดได้แล้วชายหนุ่มจึงกอดกระชับหนังสือเข้ากับอก เหลือบตามองสายน้ำที่เทพรวดพราดลงมาแล้วทำใจ ...เอาวะ อย่างน้อยหนังสือไม่เปียกมากก็โอเค

ชายหนุ่มคนรู้จักจ้องการกระทำนั้นผ่านเลนส์แว่นสายตากรอบสีดำสักพักก่อนจะยิ้มให้อีกที


“เอางี้ดีกว่า”


เจ้าของโยนร่มให้อีกฝ่ายถือก่อนจะดึงเสื้อกาวน์ออกจากกระเป๋า แล้วเอามาห่อกองหนังสือให้ ก่อนจะเอาของในกระเป๋ากางเกงยัดใส่กระเป๋าสะพายแล้วโยนมาให้ถืออีกอย่าง


“เฮ้!”

“นายแบกของถือร่มไปคนเดียว หนังสือจะได้ไม่เปียก ฝากของฉันด้วยล่ะ”


คนถูกฝากกะพริบตาปริบๆ มองเจ้าของอุปกรณ์กันฝนเดินออกไปท้าสายน้ำเป็นที่เรียบร้อย จึงได้แต่จ้ำเท้าตามไป


'โชติภัทร รัตนพิบูลพรรณ' ไอ้คนประหลาด!






กันตธีร์กับโชติภัทรรู้จักกันอย่างแปลกประหลาด พอๆ กับความประหลาดของมัน...


เรื่องมันมีอยู่ว่าตอนปี 1 เพิ่งเข้ามาอยู่คณะวิศวะหมาดๆ กำลังเห่อสถาบันอย่างมาก จำเหตุการณ์แน่นอนไม่ได้เหมือนกัน...แต่เอาเป็นว่าได้เหมามันเป็นเพื่อนคนแรกในคณะวิศวะ และบังคับให้มันไปทำกิจกรรมนู่นนี่ ซึ่งถ้าวันไหนเขาไม่เห็นมันมาคณะวันที่มีกิจกรรม จะถึงขั้นไปตามโวยวายในวันหลังเลยทีเดียว

แต่ก็ทำได้อยู่ไม่กี่วัน...เพราะมารู้เอาตอนเรียนรวมว่าจริงๆมันเรียน'คณะแพทย์' แต่ที่มาโผล่หน้าที่คณะวิศวะตอนวันเปิดเทอมเพราะติดรถพี่ชายไป-กลับ ซึ่งพี่มันเป็นพี่ว้าก


เรียกได้ว่าแทบแทรกแผ่นดินหนี...


‘เห็นนายจริงจังมากเลยไม่อยากขัดน่ะ แล้วยังไงก็ต้องมารอพี่อยู่แล้วก็ไม่ได้เสียหายอะไร’ ไอ้โช หรือ โชติภัทรยิ้มจางๆ ให้คนหน้าแตกยับ ‘คณะฉันไม่มีรับน้อง ลองมาซึมซับบรรยากาศที่อื่นบ้างก็ไม่เลว’


ทำเอาหลังจากนั้นต้องหลบๆ มันไป เพราะเรื่องนี้ก็ไม่มีใครรู้เรื่อง ขนาดพี่จิ...พี่ชายมันที่เป็นพี่ว้ากยังรู้แค่น้องชายตัวเองมาแอ๊บเนียนเป็นเด็กวิศวะเล่นๆ

และอย่างที่ได้กล่าวไว้ตอนแรกว่ากันตธีร์กับเพื่อนร่วมโลกที่ชื่อโชติภัทรเป็นเพียงคนรู้จัก เพราะหลังจากเหตุการณ์ลอกหนังหน้าตนเองในวันนั้นก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย เบอร์ติดต่อก็ไม่มี แถมยังไม่มีเรื่องให้ติดต่ออีก จริงๆ ถึงขั้นลืมหน้ากันไปแล้วด้วยซ้ำ ถ้าอีกฝ่ายไม่เดินเข้ามาทักก่อน





“ธีร์เอาร่มไปใช้ก่อนก็ได้ แต่เสื้อกาวน์คงต้องขอคืนก่อนนะ” นักศึกษาแพทย์ในสภาพลูกหมาตกน้ำหันมาบอกเมื่อเดินมาถึงหน้าหอพักตัวเอง

“ไม่เป็นไร อีกนิดเดียวเอง”

“ยังตกหนักอยู่เลย เอาไปเหอะ” พอเจ้าของว่าดังนั้น คนยืมจึงท้วงไปว่าแล้วจะเอามาคืนยังไง “เอามาคืนใต้หอนี่แหละ บอกเจ้าหน้าที่ไว้หรือเอากระดาษแปะไว้ก็ได้ว่า ‘โชติภัทร ปี4’”


คนตัวเปียกเหมือนเล่นสงกรานต์ผิดฤดูไม่รอฟังคำตอบ คว้าของตัวเองได้ก็เดินขึ้นหอหน้าตาเฉย...เลยตามเลยแล้วกัน
จะเอาร่มไปตากตรงไหนในห้องแคบๆ ดีล่ะ...


++++++


กลิ่นดินชื้นๆ อวลอยู่ในอากาศยามเที่ยงวัน หลักฐานของพายุฝนฟ้าคะนองเมื่อคืนเหลือเพียงแอ่งน้ำกับดินเปียกๆ ให้เห็นอยู่ประปราย ฝนตกแดดออก...สมกับเป็นประเทศในเขตศูนย์สูตรเสียนี่กระไร


กันตธีร์ลากสังขารพร้อมหน้าตายับๆ ลงมาสั่งข้าวเช้ารวบเที่ยงที่ร้านตามสั่งข้างหอ ก่อนจะเดินเลยไปอีกตึกเพื่อเอาร่มไปคืน


“ธีร์” คนยังตื่นไม่เต็มตาหันตามเสียงเรียก นักศึกษาแพทย์โชติภัทรเดินเข้ามาในชุดเต็มยศ พร้อมเสื้อกาวน์และแว่นสายตากรอบดำดูดีมีภูมิฐานจนน่าอิจฉา

“เอาร่มมาคืน” ยกธุระในมือขึ้นก่อนจะยื่นคืนเจ้าของ “ไปไหนมาเนี่ย นี่มันวันเสาร์ไม่ใช่เรอะ”

“วันเสาร์ก็ต้องราวน์เช้าน่ะ” โชติภัทรยิ้มจางๆ เหมือนทุกทีก่อนจะอธิบายเพิ่มเติม “ราวน์เช้ามัน ประมาณว่าดูคนไข้ที่นอนอยู่ในโรงพยาบาลรอบเช้าน่ะ”

“ทุกเสาร์เนี่ยนะ!?” คนที่เพิ่งหลับยันตะวันเตะก้นร้องถามอย่างประหลาดใจ คณะวิศวะต่อให้เรียนหนักงานเยอะสอบเยินยังไง...อย่างน้อยเช้าวันเสาร์ก็ยังมีเวลาเอาหัวซุกอยู่กับเตียงยันเที่ยงก็แล้วกัน เมื่ออีกฝ่ายตอบรับด้วยการพยักหน้าเฉยๆ จึงอดถามต่อไม่ได้ “...แล้ววันอาทิตย์ล่ะ?”

“ถ้าไม่ต้องอยู่เวรหรือรับเคสก็ไม่ต้องไปหรอก แต่พรุ่งนี้ฉันอยู่เวรน่ะ” ยิ้มเหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่คนฟังฟังแล้วสยองแทน


นักศึกษาแพทย์บอกว่ายังไม่ได้กินมื้อเที่ยง เลยตามมานั่งด้วยที่ร้านตามสั่ง แล้วจึงได้โอกาสให้นักศึกษาวิศวะสัมภาษณ์วิถีชีวิตเอาไว้เป็นวิทยาทาน ซึ่งทำเอาคนถามอยากจะถามรอบที่สิบแปดล้านว่าทำไปได้ยังไง แต่คนตอบก็เอาแต่ยิ้มแล้วก็บอกว่าเขาก็เรียนกันมาแบบนี้ทั้งนั้น


“เฮ้ยไอ้โช”

“อ่าว...ตั้ม เป็นไงมั่งวะ ตอนนี้พวกมึงอยู่อะไร”


เพื่อนของโชติภัทรสองสามคนเดินเข้ามาทัก แล้วพวกเขาก็คุยกันด้วยภาษาที่นักศึกษาคณะวิศวะอย่างนายกันตธีร์ฟังไม่รู้เรื่อง และตอนนี้เองที่เพิ่งรู้ว่าเกือบจะบ่ายโมงแล้ว


“โช งั้นฉันไปก่อนนะ”

“อ่า ป่านนี้แล้วหรอเนี่ย โทษทีคุยกันยาวเลย” คนถูกเรียกหันมามองด้วยสีหน้ารู้สึกผิดราวกับทำให้เพื่อนเสียเวลา ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนชวนคุยแท้ๆ

“ไม่เป็นไร วันนี้ฉันไม่ได้จะทำอะไรเป็นพิเศษ”

“อาฮะ แล้วเจอกัน” โชติภัทรวาดรอยยิ้มที่คุ้นเคย “ขอบคุณนะธีร์”


ชายหนุ่มพยักหน้ารับไปส่งๆ โดยที่ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าเพื่อนจะขอบคุณทำไม ข้าวก็ไม่ได้เลี้ยง แถมร่มก็ของมันอยู่แล้ว เพื่อนของโชติภัทรมานั่งแทนที่เมื่อธีร์ลุก พวกเขายิ้มให้ตามมารยาทแต่เมื่อคนกลางไม่ได้แนะนำก็เลยไม่ได้คุยอะไรกัน


อยู่มหาลัยฯเดียวกันมาจะครบ 4 ปีเพิ่งจะมาบังเอิญเจอกันครั้งแรก ต่อไปก็คงไม่ได้เจอกันหรอก

พอกินอิ่มก็เริ่มรู้สึกขี้เกียจขึ้นมา...หรือจะขึ้นไปนอนต่อดีนะ


++++++


"ไอ้ ตัว เล็กก ~”


กันตธีร์เหลือบมองคนที่ชิ่งกลับบ้านแล้วทิ้งเขานอนหง่าวอยู่อย่างเดียวดายที่หอด้วยหางตาก่อนจะหันกลับมาสนใจหนังสือในมือต่อ เพื่อนร่วมห้องตัวโตของชายหนุ่มกลับมาในเย็นวันอาทิตย์พร้อมเสบียงจากบ้านมหาศาลประหนึ่งจะเอาไปลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย


'กฤษณ์ ชีววินิจ' ไอ้กฤษณ์ ไอ้พ่อหมี หรือไอ้หมีควายตามแต่อารมณ์เพื่อนๆ ทั้งหมดคือชื่อรูมเมทของนายกันตธีร์ที่ผองเพื่อนสรรหามาเรียกตามลักษณะภายนอกของมัน


“อยู่หอคนเดียวเหงามั๊ยจ๊ะ” พ่อหมีกระทำการเอาอุ้งมือตะปบหัวเพื่อนที่หลบอยู่หลังหนังสือเพื่อเรียกร้องความสนใจหลังจากทำการสังคายนาสัมภาระของตัวเองเสร็จ

“เหงามากกกกก...” ฝ่ายที่ถูกทำร้ายร่างกายจึงลากเสียงกวนตีนตอบทั้งที่ออกจะชอบที่ได้อยู่คนเดียว


สบายจะตาย...ทำตัวกากแค่ไหนก็ไม่มีพยานรับรู้


“มึงกินข้าวยัง”

“ยัง”

“ป่ะ”

“กูอ่านบทนี้ก่อน”

“พอเลย บทนี้ของมึงเดี๋ยวก็ลากยาวจนจบเล่ม”


คนติดหนังสือวางมืออย่างเสียไม่ได้ แต่ก็ดีกว่าโดนพ่อหมีตะปบหนังสือแหก ...ซึ่งก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ช่างเป็นภาพความทรงจำที่เลวร้ายสำหรับคนรักหนังสืออย่างเขาจริงๆ


กันตธีร์และกฤษณ์ เป็นคู่หูที่ไม่มีอะไรเหมือนกันสักนิด คนแรกเป็นหนุ่มตี๋หน้าจืดตัวผอมกะหร่อง แต่คนหลังเป็นคนไทยแท้หน้าเข้ม ตัวใหญ่เป็นหมี ธีร์อ่านหนังสือได้ทุกประเภทพอๆ กับที่ไอ้หมีเล่นกีฬาเป็นทุกอย่าง ธีร์มีเพื่อนไม่มากแต่ไอ้หมีสามารถทักทุกคนที่เดินสวนกันได้ ธีร์ชอบอยู่คนเดียวแต่ไอ้หมีจะมีคนรุมล้อมตลอดเวลา


ดูเผินๆ ก็เหมือนจะไม่มีอะไรเข้ากันได้เลย แต่ดันเป็นเพื่อนกันมานานจนลืมไปแล้วยด้วยซ้ำว่าความต่างมันมีปัญหาตรงไหน


อ้อ...แต่จะมีที่เหมือนอยู่หนึ่งอย่าง คือ โสดสนิท


แม้จะต่างกันที่สาเหตุ เพราะนายกันตธีร์เป็นคนไม่ค่อยใส่ใจคนรอบข้างเท่าไหร่ ผิดกับนายกฤษณ์ที่เป็นคุณพ่อหมีใจดีคอยดูแลเพื่อนๆ เสมอ สาวๆ ก็ชอบความเอาใจใส่ของมันอยู่หรอก แต่ใครใช้ให้มันเสือกประกาศชัดว่าต้องการแค่แม่หมีของลูกมันในอนาคต...ผู้หญิงที่ไหนจะอยากเป็นแม่หมีล่ะวะ!? โสดต่อไปเถอะมึง!!





สุดท้ายคู่หูรูมเมทก็เดินออกไปกินข้าวที่ตลาดข้างมหาลัย ช่วงเย็นๆ ค่ำๆ แถวนี้จะคึกคักเป็นพิเศษ พ่อค้าแม่ขายจะเข็นรถมาแข่งกันขายจนคนซื้อแทบจะไม่มีที่เดิน ผิดกฏหมายสุดๆ แต่ก็ไม่มีใครทำอะไร เพราะแถวนี้เป็นแหล่งยังชีพของคนจำนวนมาก กันตธีร์ยังเคยเห็นตำรวจมาสั่งหอยทอดข้างทางกลับไปกินที่สน.ด้วยซ้ำไป


คนที่อิดออดไม่ยอมลงมากินตอนแรกเกิดอยากกินเกาเหลาเนื้อเปื่อยขึ้นมาเลยเดินดุ่มเข้าไปนั่งไม่สนใจเสียงประท้วงด้านหลัง


“ป้าจ๊ะ เกาเหลาป้านี่ที่หนึ่งในใจผมเลยนะ อยากกินมากจนรีบกลับจากต่างจังหวัดเพื่อมากินเลยนะจ๊ะ” ไอ้หมีที่ตอนแรกประท้วงกลับลำได้น่าเตะมาก

“ลื้อก็พูกไป ...เอาเนื้อกรอบด้วยมั๊ย” ...เอ้า ป้าก็ดันไปเชื่อมัน...


สรุปว่าวันนี้ได้กินเกาเหลาพิเศษในราคาปกติ พ่อหมีลิ้นทองทำท่าทางซาบซึ้งเหลือจะกล่าวพร้อมหยอดทิ้งท้ายให้ป้าเจ้าของร้านไว้ว่าจะมากินอีกเรื่อยๆ

ตั้งแต่ม.ต้น เห็นมันจีบแม่ค้าทั้งโรงอาหารมาหลายปี เคยถามเหมือนกันว่าทำไปทำไม มันหันมาตอบหน้าตายว่า กูกินเยอะแต่งบน้อย ต้องเอาตัวรอดสิวะ

...เอาเป็นว่าเพื่อนได้ประโยชน์ด้วยก็โอเค


“กินน้ำเต้าหู้ป่ะ” เขาพยักหน้าก่อนจะเดินตามไปตามประสาพวกติดของหวานต้องกินอะไรล้างปากหลังกินข้าว


ร้านน้ำเต้าหู้เจ้าดังมีคนรอคิวเยอะมาก เป็นหนึ่งในไม่กี่ร้านที่ไอ้เพื่อนหมีไม่เคยไปจีบเจ้าของขอเพิ่ม ธรรมดา 6 บาท ใส่เครื่อง 8 บาท ใส่ขวดแช่เย็น 10 บาท น้ำเต้าหู้นมสด 10 บาท เต้าฮวยทรงเครื่อง 15 บาท และเมนูอื่นๆ อีกมากมายที่กันตธีร์ไม่เคยลองเพราะกินแต่น้ำเต้าหู้ ชายหนุ่มนับถือเจ๊คนคิดเงินสุดใจ เจ๊ฟังและทวนออเดอร์พร้อมบอกราคาประหนึ่งเครื่องอัตโนมัติ แถมเจ๊ยังยื่นเงินทอนได้ถูกเป๊ะแบบไม่ต้องดูเหรียญด้วยซ้ำ ซึ่งคาดว่าเจ๊น่าจะคิดเลขเร็วกว่าเขาที่เรียนวิศวะไฟฟ้าอีก

หลังจากยืนบริจาคเลือดให้สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ายุงอยู่สักพัก น้ำเต้าหู้ไม่เครื่องหวานน้อย 2 ถุงก็ถูกยื่นมาตรงหน้าพร้อมเงินทอน 8 บาทพอดิบพอดี




กลางหน้าฝนของมหานครกรุงเทพ แม้จะไม่มีแสงแดดแล้ว แต่ไออุ่นที่คอนกรีตสะสมไว้จากตอนกลางวันก็ยังทำให้เหงื่อผุดตามซอกคอได้  ธีร์กับกฤษณ์ก็เดินคุยกันเรื่องทั่วไปไร้สาระไปเรื่อย ก่อนจะวกกลับมาที่เรื่องอนาคต...พวกเขาขึ้นปี4แล้วก็ต้องคิดถึงการทำงาน คิดถึงอนาคต ครอบครัวและอีกหลายอย่าง มันเป็นความกดดันของคนใกล้จะเรียนจบ


“มึงเรียนเก่งยังไงก็มีทางเลือก กูนี่สิ...” กฤษณ์บ่นอุบ จริงๆ มันก็ไม่ได้เรียนแย่อะไรขนาดนั้น แต่ก็เป็นความกังวลของคนที่ยังไม่มีทางเลือก “เรียนหมอก็ดีไปอย่าง จบมาก็มีงานให้ทำ แถมยังมั่นคง ไม่ต้องกลัวโดนไล่ออกอีก”


ชายหนุ่มชะงัก ก่อนจะหันไปมองท้องฟ้าที่มืดสนิท


“...หมี ปกติตลาดมันเลิกกี่โมงวะ”

“หืม? ปกติก็ 4-5 ทุ่มได้มั้ง ...ถามทำไมวะ” พ่อหมีทำหน้าเหรอที่เพื่อนเปลี่ยนเรื่องกระทันหัน

“อ่า...” ธีร์ชั่งใจอยู่เล็กน้อย “มึงกลับไปก่อน เดี๋ยวกูกลับไปที่ตลาดแปปนึง”

“ห๊ะ...กูไปด้วยก็ได้นะ นี่มึงยังไม่อิ่มเหรอตัวเล็ก”

“ไม่เป็นไรๆ กูลืมซื้อของเฉยๆ มึงกลับไปก่อนก็ได้ นี่ก็จะถึงหออยู่แล้ว” เขาโบกมือไล่เพื่อนด้วยความเกรงใจ

“เออๆ งั้นกูขึ้นไปก่อนนะ” กฤษณ์พยักหน้าอย่างงงๆ แต่ก็เดินขึ้นหอไป


ชายหนุ่มเดินกลับไปที่ตลาดซึ่งยังคงคึกคักอยู่และต่อแถวยาวเหยียดของน้ำเต้าหู้เจ้าเดิม


กันตธีร์เป็นคนขี้ลืม รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น วันเกิด สีที่ชอบ ของที่ชอบ ...ไม่เคยจะจำอะไรของใครได้สักอย่าง เพื่อนที่รู้จักกันมานานตั้งแต่ประถมอย่างกฤษณ์ยังดีใจเกือบตายที่อีกฝ่ายจำวันเกิดตัวเองได้ในปีที่20 ทำให้นานๆ ครั้งที่เขานึกอะไรขึ้นมาได้ ก็เลยรู้สึกว่าตัวเองควรจะทำอะไรบ้างเหมือนกัน


‘ลองมั๊ย เจ้านี้อร่อยนะ’

‘ไม่เป็นไร มันน่าจะหวาน’

‘ลองก่อนดิ นี่สั่งแบบหวานน้อยให้แล้ว’


เมื่อเดินมาถึงหอพัก กันตธีร์เรียกเจ้าหน้าที่ก่อนจะยื่นถุงน้ำเต้าหู้ในมือแล้วพูดตามที่เคยถูกบอกมา


“ฝากให้ 'โชติภัทร ปี4' หน่อยครับ”



โดยที่ไม่รู้เลยว่าการตัดสินใจในวันนั้นจะทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไปจนคาดไม่ถึง...




TBC...
หัวข้อ: Re: Under the blue sky :: 01 21/12/56
เริ่มหัวข้อโดย: orange_object ที่ 21-12-2013 03:43:29
ชอบจัง  คล้ายๆดูหนังเลย  บรรยายบรรยากาศดี๊ดี
ยิ่งตอนต้นเรื่องที่พูดถึงห้องสมุดกับฝนตกน่ะ  สวยง่ะ 
อ่านตอนหนาวๆนี่  ชวนเคลิ้มดีจัง  55+

ว่าที่คุณหมอได้น้ำเต้าหู้ไปแล้วจะว่ายังไงนี่
แล้วชีวิตธีร์จะเปลี่ยนไปยังไง  รอจ๊ะ  ^___^

ปล. เขียนอีกๆ
ปล.2 under the blue sky  อืม...ภายใต้ฟ้าสีหม่น  หรือ  ภายใต้ฟ้าสีครามดีล่ะ
       เรื่องนี้จะไปทางไหนน้อ??
หัวข้อ: Re: Under the blue sky :: 01 21/12/56
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 21-12-2013 05:30:43
คุณหมอxวิศวะ
หรือ
วิศวะxคุณหมอ

รู้สึกจะอย่างแรกนะ :hao6:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky :: 01 21/12/56
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 21-12-2013 10:24:12
ชอบค่ะ บรรยากาศดูเย็นๆเรื่อยๆดี
สงสัยคงได้มากกว่าส่งของกิน

ติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky :: 01 21/12/56
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 21-12-2013 15:58:15

ชีวิตเปลี่ยนเพราะน้ำเต้าหู้ถุงเดียว

มันจะเปลี่ยนไปยังไงนะ

+ 1 + เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: Under the blue sky :: 01 21/12/56
เริ่มหัวข้อโดย: Rinze ที่ 21-12-2013 20:19:24
บรรยาหาศเรื่องๆสบายๆ ชอบจัง

แต่น้ำเต้าหู้ไม่ใส่น้ำตาลนี่กินไม่ได้จริงๆนะ หวานน้อยคือมากสุด ฮ่าฮ๋า
+1 จ้า
หัวข้อ: Re: Under the blue sky :: 01 21/12/56
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-12-2013 12:22:13
ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: Under the blue sky :: 01 21/12/56
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 24-12-2013 05:25:20
ชีวิตจะเปลี่ยนไปยังไง รอเฉลยยย
หัวข้อ: Re: Under the blue sky :: 01 21/12/56
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 24-12-2013 07:33:23
ตามจ้า
หัวข้อ: Re: Under the blue sky :: 01 21/12/56
เริ่มหัวข้อโดย: moon ที่ 24-12-2013 08:55:57
เล่าเรื่องได้น่าติดตามดีค่ะอยากรู้จังว่สจะมีอะไรเปลี่ยนไปรอนะ^^ :L2:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky :: 01 21/12/56
เริ่มหัวข้อโดย: velvetronica ที่ 27-12-2013 13:04:37
02


‘อยู่มหาลัยฯเดียวกันมาจะครบ 4 ปีเพิ่งจะมาบังเอิญเจอกันครั้งแรก ต่อไปก็คงไม่ได้เจอกันหรอก’

ตรรกะง่ายๆ ตรงไปตรงมา กันตธีร์คิดคำนวณตามหลักความน่าจะเป็น แคลคูลัส อนุพันธ์เชิงซ้อน และสัมพันธภาพไปจนถึงเคโมไดนามิค ก็ยังไม่เข้าใจว่ามันผิดตรงไหน


เวลาหลังเลิกเรียนทำให้ประชากรคณะวิศวะและคณะข้างเคียงกระจายอยู่ทั่วบริเวณ แต่คนตัวสูงพร้อมลักษณะพิเศษบางอย่างดูจะชวนให้อยู่ในครรลองสายตาได้โดยง่าย


“เฮ้ยตัวเล็ก” พ่อหมีตะปบไหล่พลางพยักเพยิดไปที่หน้าคณะ “เพื่อนมึง”


ชายหนุ่มพยักหน้าตอบเล็กน้อยเพราะสังเกตเห็นอยู่ก่อนแล้ว

กฤษณ์รู้จักโชติภัทรจากกันตธีร์ เป็นหนึ่งในคนที่หัวเราะเขาหัวทิ่มหัวตำในตอนนั้น ซึ่งคนที่เอาใจใส่คนอื่นอย่างคุณพ่อหมีย่อมจำคนได้แม่นกว่าหลายขุม

กันตธีร์เดินเข้าไปทักก่อน เมื่อร่างสูงโปร่งหันมาเห็นก็คลี่ยิ้มให้ แม้จะไม่มีเสื้อกาวน์สีสะอาดพาดอยู่บนแขนก็ไม่ได้ทำให้รัศมีความเป็นนักศึกษาแพทย์ลดลงแม้แต่น้อย ท่าทางแบบนี้ดูยังไงก็ไม่ใช่เด็กวิศวะ ...ทำให้นึกเจ็บใจมากขึ้นไปอีกกับความเข้าใจผิดของตนเองเมื่อ 3 ปีก่อน


“ธีร์!” นักศึกษาต่างคณะเรียกอย่างยินดี “พอดีเลย ขอยืมมือถือได้ไหม”

“ห๊ะ ทำไมวะ” ปากก็ถามแต่มือก็ยื่นของที่อีกฝ่ายขอให้

“ขอบคุณมาก พอดีว่า...”


“พี่โช!”


เด็กหนุ่มตัวใหญ่ในเสื้อชอปคณะวิศวะเดินตรงเข้ามาพร้อมสีหน้ายุ่งยากและผมเผ้ายุ่งเหยิง หน้าตาท่าทางเหมือนไม่ได้นอนทั้งคืน แต่ก็ยังกลบรัศมีความหน้าตาดีเกินมนุษย์เดินดินปกติได้ไม่มิด


“วี/เชี่ยวี?” กันตธีร์ประเมิณคร่าวๆ ได้ว่าอีกฝ่ายคงเป็นน้องปี1 และท่าทางจะรู้จักกับเพื่อนรักของเขาด้วย

“พี่หมี พี่ธีร์ หวัดดีครับ” ‘วีรภัทร’ หรือ ‘เชี่ยวี’ ของไอ้หมีทักพี่คณะเสร็จก็เปิดฉากบ่นพี่ชายอย่างไม่สนใจใคร “มือถือพี่เป็นไร ผมโทรหาพี่ไม่ได้เลย”

“โทษที แบตหมดน่ะ ลืมชาร์จ” โชติภัทรตอบพลางสำรวจสภาพน้องชาย “แล้วนี่ไปได้รึเปล่า...”

“ได้ๆ แต่ขอสักชั่วโมง ไปไหนก่อนก็ได้ เดี๋ยวเสร็จแล้วผมโทร...” คนอดนอนพูดไปก็ชะงัก

“ไม่เป็นไร พี่กลับหอไปชาร์จแบตมือถือก่อนได้”

“เดี๋ยวๆ มือถือมึงอะไร” กฤษณ์ที่ยืนฟังอยู่ถามผ่ากลางสองพี่น้อง แถมยังถาม ‘คนรู้จัก’ อย่างสนิทสนมจนงงกันทั้งวง “ยืมที่ชาร์จพวกกูก็ได้”

“เออจริง เดี๋ยวต้องไปรอคนอื่นอีกนาน ไปนั่งรอด้วยกันก็ได้นะ จะได้ไม่ต้องถ่อกลับหอ” ธีร์สำทับเพราะชินกับอาการขี้สนิทชิดเชื้อของเพื่อน

“เออๆ งั้นฝากพี่ผมด้วยนะพี่หมี อย่าให้โดนสาวๆ คณะเรางาบ ผมไปล่ะ” พอเห็นว่าคงมีทางออกคนมีงานไฟลนก้นก็ขอตัวกลับไปปั่นทันที


“เพิ่งรู้ว่าเชี่ยวีเป็นน้องพี่จิ” กฤษณ์เอ่ยอย่างแปลกใจ พลางหันมาถามความเห็นเพื่อนด้วยสีหน้า “ไม่เห็นเหมือนเลย”

“พี่จิจบไปตั้งนานกว่าวีจะเข้าที่นี่ ไม่รู้ก็ไม่แปลกหรอก แถมพี่จิก็หน้าตาไม่เหมือนวีเท่าไหร่ด้วย”


คนตอบคือลูกชายคนกลางบ้านรัตนพิบูลพรรณ

กันตธีร์รู้ตั้งแต่ปี1 ว่าอีกฝ่ายเป็นน้องชายของพี่ว้ากสุดที่รักนามว่า ‘จิรภัทร’ หรือ ‘พี่จิ’ อันเป็นพี่สุดเคารพรักของน้องๆ แต่ที่ไม่รู้คือ บ้านนี้ยังมีน้องชายอีกคน แถมยังมาเข้าปี1 คณะวิศวะที่เดียวกับพี่ชายอีกด้วย

แต่พอตั้งใจสังเกตเข้าจริงๆ โชติภัทรกับน้องชายก็มีรูปร่างหน้าตาไปทางเดียวกันอยู่มาก เพียงแต่นักศึกษาแพทย์คนนี้ดูจะมีบุคลิกที่นิ่งและเนี๊ยบราวกับสูทสั่งตัด ต่างกับน้องชายว่าที่วิศวกรที่เหมือนเสื้อผ้าแฟชั่นที่ไม่มีกฏเกณฑ์แต่โดดเด่นจนน่าเหลียวมอง


“เอ้อ ขอบใจนะเรื่องที่ชาร์จ”

“ไม่ต้องไปขอบใจมัน” กันตธีร์ค้านฉับ ก่อนจะทำหน้าประนามใส่เพื่อน “มันจะมีที่ชาร์จไอโฟนให้ยืมได้ไง แม่งยังใช้ซัมซุงฮีโร่อยู่เลย”

“เดี๋ยวกูก็หาให้ได้น่า” กฤษณ์บ่นก่อนจะเดินนำออกไป ไม่สนใจคนจะยืมที่ทำหน้าเหวอ กับเพื่อนสนิทที่ได้แต่กลอกตาไปมา





แล้วโชติภัทรก็ได้รู้ว่าเพื่อนร่างยักษ์คนนี้สามารถ ‘หา’ ให้ได้จริงๆ

คนกลุ่มใหญ่ส่งเสียงดังไปทั่วโถงใต้ตึกกลางคณะวิศวกรรมศาสตร์ แต่นอกจากจะไม่มีใครมีท่าทีรำคาญแล้ว ยังมีคนที่เดินผ่านไปผ่านมายังแวะเข้ามาเพิ่มเรื่อยๆ อีก


คนมนุษยสัมพันธ์ดีมักจะมาจากพื้นฐานครอบครัวที่อบอุ่นปลอดภัย...


“เสียงดังหน่อยนะ” โชติภัทรที่กำลังเหม่อสะดุ้งเล็กน้อย แต่คนมาใหม่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มนอกจาก “นั่งด้วย”


อากาศยังคงร้อนอบอ้าวสมกับที่เป็นหน้าฝนของประเทศเขตร้อนชื้น เพียงแต่ลมที่โกรกสบายก็ช่วยให้เหงื่อแห้งได้บ้าง กลางเดือนสิงหาคมยังห่างไกลจากหน้าหนาวแต่เวลาที่ล่วงจนเย็นก็เริ่มจะทำให้แสงสว่างกลายเป็นสีส้มชวนแสบตา


ผู้มาเยือนต่างคณะเงยหน้าจากหนังสือเรียนที่ติดมือมาด้วย เขารู้สึกล้าในกระบอกตาจากแสงที่เริ่มน้อยลงทุกที แต่คนที่นั่งอยู่ข้างยังคงนั่งอ่านหนังสือไปเรื่อยอย่างไม่ทุกข์ร้อน

ชายหนุ่มแยกออกมานั่งคนเดียวเพราะต้องการปลั๊กไฟในการชาร์จแบตมือถือ แถมยังเกรงใจที่จะเข้าไปนั่งรวมกลุ่มกับชาวคณะวิศวะอีกประการ ...แต่คนข้างๆ


“หืม? มีอะไร” คนถูกพาดพิงในความคิดเงยหน้าขึ้นจากหนังสือเพราะรู้สึกว่าถูกมอง

“...เปล่า แค่จะถามว่าเปิดไฟตรงไหน” เจ้าของคณะฟังดังนั้นก็ปิดหนังสือในมือแล้วลุกไปกดสวิตช์ไฟ

“น้องนายมันบอกว่าชั่วโมงนึงไม่ใช่เรอะ นี่มันเกือบชั่วโมงแล้วนะ” โชติภัทรเหลือบมองมือถือที่ตอนนี้มีแบตและเปิดใช้งานได้แล้วแต่ยังคงนิ่งสนิทอยู่

“คงยังทำงานไม่เสร็จ” คนเป็นพี่ตอบพลางขมวดคิ้ว “ป่านนี้แล้วรถคงติดน่าดู”

“จะไปไหนกัน?” คนถามเหมือนจะถามไปอย่างนั้นเพราะเจ้าตัวหันกลับไปจับหนังสือแล้ว

“วันเกิดแม่น่ะ ที่บ้านนัดกินข้าวกันไว้ที่...” ชื่อโรงแรมแห่งหนึ่งในเมือง “สงสัยจะสายแน่”

“อืม...”


กันตธีร์พยักหน้ารับคำตอบ แล้วกลับมาสนใจของมือต่อ แต่ก็ตั้งสมาธิอยู่ได้แค่บรรทัดเดียวเพราะรู้สึกถึงสายตาของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ


“ชอบคนเขียนคนนี้หรือ”

“มี...ก็ไม่เชิง เพิ่งเคยอ่านเรื่องที่สอง” คำถามนั้นทำให้ฝ่ายที่กำลังจะออกปากอีกรอบว่ามีอะไรต้องชะงัก แล้วกลับลิ้นใหม่ “เคยอ่านอยู่เรื่องนึงแล้วชอบ แต่พอมาอ่านเรื่องนี้แล้วมัน...บอกไม่ถูก”

“ธีร์เคยอ่านเรื่องไหน ถ้าเป็นเรื่อง...” ชื่อหนังสือที่เขาเคยอ่าน “ก็ไม่แปลกหรอก นักเขียนคนนี้เพิ่งเคยเขียนแนวนั้นครั้งแรก ส่วนใหญ่มักจะเขียนเรื่องแบบเล่มนี้มากกว่า”

“ท่าจะจริงแฮะ...น่าเสียดาย”

“อืม...แต่ถ้าแนวนั้นน่าจะลองอ่านของ...”


และแล้วสิ่งพิมพ์บนมือก็ไม่ได้รับความสนใจอีก ประเด็นการสนทนาถูกเปิดขึ้นโดยไม่มีทีท่าว่าจะปิดลง

โชติภัทรเป็นนักอ่านคนหนึ่งเหมือนกัน นั่นเป็นความรู้ใหม่สำหรับกันตธีร์ นักศึกษาแพทย์ก็มีงานอดิเรกเป็นการอ่านหนังสือได้เหมือนกัน...นึกว่าจะเอียนการอ่านกันไปหมดแล้วเสียอีก

น้ำเสียงเรื่อยๆ ของว่าที่คุณหมอฟังสบายหู น่าจะเป็นขวัญใจคนไข้อยู่ไม่น้อย นานแล้วที่เขาหาคนมีรสนิยมการอ่านเหมือนกันไม่ได้ คณะวิศวกรรมศาสตร์ก็ไม่ค่อยนิยมการอ่านแบบคณะอักษรศาสตร์ แถมเขาเองแม้จะอ่านหนังสือได้ทุกแนว แต่ที่ชอบเป็นพิเศษก็หนังสือสไตล์ที่คุณเพื่อนสนิทให้นิยามว่า ‘อ่านแล้วหัวหนัก’ จึงยิ่งหาคนคุยด้วยยากขึ้นไปอีก...จึงทำให้เขาถูกใจบทสนทนาของคนตรงหน้าไม่น้อย


“ตัวเล็ก!!”


เสียงตะโกนลั่นดังข้ามมายุติการแลกเปลี่ยนข้อมูล คนกลุ่มใหญ่ที่นั่งรากงอกอยู่นานได้ฤกษ์ขยับลุกกันบ้าง วันนี้กลุ่มของเขานัดไปฉลองกันจึงมานั่งรวมพลกันใต้ตึกกลางเพื่อรอคนครบ


“ครบแล้ว ไปยัง”

“เออๆ” เจ้าของชื่อตัวเล็กตะโกนตอบเพื่อน ก่อนจะหันกลับมาหาคนข้างๆ “ไปก่อนนะ”

“อืม ไว้มายืมหนังสือได้นะ ถ้าคนเขียนคนนี้ฉันมีทุกเล่ม” โชติภัทรยิ้มให้เหมือนทุกครั้ง แต่ทำให้กันตธีร์เบิกตาตี่ๆ จนโต

“เฮ้ย ยืมได้จริงป่ะ” พอเจ้าของพยักหน้าคนจะได้อ่านหนังสือฟรีก็ยิ้มกว้างขวาง “งั้นขอเบอร์หน่อย”


คนถูกขอเบอร์ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะบอกเบอร์ตัวเองให้อีกฝ่ายกดยิงมา

กันตธีร์บอกลา ‘คนรู้จัก’ แล้วหันหลังวิ่งตามกลุ่มเพื่อนตัวเองไป เมื่อเหลือบกลับมาดูก็เห็นอีกฝ่ายกำลังคุยโทรศัพท์และลุกขึ้นยืน

น้องชายคงทำงานเสร็จแล้ว ก็ดี...ขืนอยู่ดึกกว่านี้ได้บริจาคเลือดเป็นถุงแน่ๆ ยุงคณะนี้ก็ดุน้อยเสียเมื่อไหร่ ดีไม่ดีจะได้ไข้เลือดออกกลับไปด้วย





ลมเย็นๆ ไม่ทำให้เหนียวตัวน้อยลง แต่ก็ช่วยให้ใจเย็นลงได้บ้าง คนกลุ่มใหญ่จึงเคลื่อนตัวออกจากคณะอย่างไม่เร่งรีบ แม้จะมีบางคนเริ่มครวญครางแทนกระเพาะอาหารแล้วก็ตาม

ชายหนุ่มร่างเล็กที่สุดในกลุ่มไม่ถนัดเป็นคนเปิดบทสนทนานัก เขาได้แต่เออออและหัวเราะไปกับทุกคนเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่น่าเบื่อเลยสักนิดเมื่อทุกคนพร้อมที่จะใช้วาจาหาเรื่องกันไปมาลากทุกคนเข้ามาร่วมวงได้อย่างแนบเนียน

เพราะมีแต่เพื่อนแบบนี้ บางทีที่อยู่คนเดียว คนปลีกวิเวกอย่างกันตธีร์ก็เลยอดจะรู้สึกเหงาขึ้นมาบ้างไม่ได้เหมือนกัน


“เพื่อนธีร์หล่อนะ” เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งหันมาพูด

“แอมจะจีบมั๊ยล่ะ นักศึกษาแพทย์เลยนะ ดูดีมีอนาคตสุดๆ” กันตธีร์อมยิ้ม ขายบุคคลที่สามเต็มที่ “หน้าตาดี ดูน่าจะเรียนเก่งด้วย”

“ข้อดีเพียบ แต่มีข้อเสียตรงเป็นเพื่อนธีร์สินะ” หญิงสาวนามว่า ‘แอม’ หรือ ‘พิชามณ’ ส่งยิ้มหวานอวดลักยิ้มคืนมา ผมซอยสั้นล้อมใบหน้าสวยเก๋ปลิวไปตามลม

“แอมมมมมมมมม...” คนโดนว่าโอดครวญใส่ ก่อนจะหัวเราะไปกับคนอื่นด้วย

“นั่นอ่ะ น้องชายพี่จิ พี่ว้ากสุดที่รักของพวกเราเลยนะ” พ่อหมีเฉลยให้เพื่อนฟัง “แถมยังเป็นพี่ชายไอ้เชี่ยวีปี1ด้วย”


เพื่อนในกลุ่มพร้อมใจกับฮือฮาอย่างมิได้นัดหมาย ทุกคนต่างจำความโหดเหี้ยมของคุณพี่ว้ากได้เป็นอย่างดี และหลายคนก็รู้จักวีรภัทรเป็นอย่างดีเช่นกัน ประเด็นสนทนาจึงเบี่ยงออกจาก ‘เพื่อนธีร์’ เป็น ‘พี่จิมีทายาทจอมอสูรอยู่ในคณะ’


หลังจากออกไปกินข้าว เดินเล่น ร้องคาราโอเกะจนดึกดื่น กลุ่มชาวคณะวิศวะปี4ผู้ไม่เจียมสังขารก็ได้ฤกษ์กลับบ้านช่องกัน กันตธีร์ กฤษณ์และเพื่อนอีกคนเป็นมนุษย์หอจึงแยกออกมากลับไปที่มหาลัย


ชายหนุ่มเอนหลังลงกับเตียง การอาบน้ำทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น แต่เขาก็รู้สึกขี้เกียจเกินกว่าจะคิดเรื่องโปรเจคจบตอนนี้ ซึ่งอันที่จริงเขาก็จัดการเอาไว้แล้วส่วนหนึ่งจึงยังไม่ต้องรีบร้อนนัก

คนขี้เกียจหยิบหนังสือที่อ่านค้างไว้เมื่อตอนเย็นขึ้นมาพลิกดูอย่างไม่คิดจะอ่าน แต่ขณะที่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ไอโฟนที่วางอยู่ข้างตัวก็ร้องขึ้น ทำให้ต้องหยิบมาดู


Chotipat send you a picture.


ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจก่อนจะสไลด์เข้าไปดูใน App Line

รูปชั้นหนังสือแน่นขนัดถูกส่งมา ทุกรูปเห็นสันหนังสือที่เรียงอยู่อย่างชัดเจน


‘อยากยืมเล่มไหนก็บอกแล้วกัน’


ฝ่ายรับสารผุดลุกขึ้นมานั่งและพิมพ์ขอบคุณตอบกลับไปทันที ทำขนาดนี้คงให้ยืมได้จริง ไม่ได้พูดตามมารยาทไปอย่างนั้น
ขนาดนี้...ถ้าเขาไม่ตั้งใจเลือกก็คงเสียมารยาทน่าดู


‘ไม่เป็นไร’


อีกฝ่ายตอบมาสั้นๆ แต่เมื่อพิมพ์ถามอะไรไปก็ตอบกลับมาอย่างละเอียด

...ชวนให้ยิ้มกว้างโดยไม่รู้ตัว


“ตัวเล็ก จะนอนยัง กูปิดไฟนะ” กฤษณ์หันไปถามเมื่อยังเห็นรูมเมทนั่งเล่นมือถืออยู่บนเตียง

“ปิดเลยๆ” ตอบโดยไม่มองหน้า แถมพูดจบก็ล้มตัวห่มผ้าเหมือนจะนอนแต่มือก็ยังกดมือถือต่อไป


พ่อหมีส่ายหน้า รู้ดีว่าอีกฝ่ายยังไม่นอนแน่ๆ แต่ก็ขี้เกียจลุกมาปิดไฟเองทีหลัง เขาจึงกดปิดไฟแล้วเดินไปนอนบนเตียงตัวเองที่อยู่อีกฝั่งของห้องแคบๆ

...แต่ที่กฤษณ์ไม่รู้ก็คือ แสงไฟจากหน้าจอมือถือยังคงสว่างไปอีกค่อนคืน



TBC ... next year


::talk::

สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าค่าาาาาาาาา

รีบปั่นมาแปะก่อนปีใหม่ เพราะเดี๋ยวจะไปเที่ยวยาว ตอนต่อไปหายยาวหน่อยเน้อ  :mew6:

เรื่องคิดไว้ว่าบรรยากาศจะเป็นแบบเรื่อยๆเย็นๆ โทนสีฟ้าๆ(?)ตลอดทั้งเรื่อง คงไม่มีอะไรหวือหวาเท่าไหร่ แต่ขอฝากโชติภัทร-กันตธีร์ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจทุกคนด้วยนะคะ

จะบอกว่าดีใจมากที่มีคนอ่าน ขอบคุณที่ติดตามนะคะ  :pig4:


::comment::

orange_object : ขอบคุณค่า คิดไว้ว่าคงมีหลายๆสี ทั้งสดใส ทั้งหม่นหมอง แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ คนเขียนนิยมแฮปปี้เอนดิ้งค่ะ :D

bulldog17 : คิดว่า...น่าจะอย่างแรกมั้งคะ 55555

quiicheh. : ขอบคุณค่า คิดว่าคงจะเย็นๆเรื่อยๆไปอย่างนี้แหละค่ะ

AGALIGO : ขอบคุณค่า ตอนแรกเคยคิดด้วยนะคะว่าจะชื่อเรื่องอุบัติรักน้ำเต้าหู้ แต่คงไม่มีใครกดมาอ่าน 5555

Rinze : ใช่เลยค่ะ น้ำเต้าหู้มันต้องหวานน้อยจริงๆ เราก็เป็นแฟนคลับน้ำเต้าหู้เหมือนกัน ขอบคุณนะคะ :)

B52 : จะพยายามต่อไวๆนะคะ

ดาวโจร500 : ถึงจะเปลี่ยนไปยังไงก็คงจะเรื่อยๆเหมือนเดิมอ่ะค่า 555

Jthida : จะพยายามต่อไวๆนะคะ

moon : ขอบคุณค่า :) แต่ยังไงก็คงจะเรื่อยๆแบบนี้ล่ะค่ะ 555
หัวข้อ: Re: Under the blue sky :: 02 [27/12/56]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 27-12-2013 13:31:52
เค้าจะเริ่มซึมซับกันอย่างไม่รู้ตัวสินะ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky :: 02 [27/12/56]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 27-12-2013 16:45:50
บรรยากาศชิวๆเรื่อยๆรอดูตอนหน้า

ป.ล.พ่อหมีน่ารักจัง :mew1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky :: 02 [27/12/56]
เริ่มหัวข้อโดย: Rinze ที่ 27-12-2013 21:29:56
อ๊ายน่ารัก บรรยากาศชิวมาก
เหมือนวัยรุ่นแรกรัก ^^
หัวข้อ: Re: Under the blue sky :: 02 [27/12/56]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 28-12-2013 00:00:32
ค่อยๆรู้จักค่อยๆสนิทกันเนอะ ชอบค่ะเนื้อเรื่องดูเรื่อยๆเย็นๆ อ่านแล้วสบายๆ :D
หัวข้อ: Re: Under the blue sky :: 02 [27/12/56]
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 28-12-2013 13:24:40

ว่าแต่ทำไมถึงปล่อยให้เวลามันล่วงเลยมาตั้งนานล่ะ

ชอบพ่อหมีจัง

+ 1 + เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: Under the blue sky :: 02 [27/12/56]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 28-12-2013 19:45:31
ค่อยเป็นค่อยไป  รออ่านจ้า
หัวข้อ: Re: Under the blue sky :: 02 [27/12/56]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 29-12-2013 11:11:49
เรื่อยๆมาเรียงๆ  จีบกันอีกทีก็  ปี 4  แล้ว  รักซึมลึก
หัวข้อ: Re: Under the blue sky :: 02 [27/12/56]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 29-12-2013 14:38:47
ไม่หวือหวาแต่อบอุ่นนะ อิอิ  :hao5:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky :: 02 [27/12/56]
เริ่มหัวข้อโดย: velvetronica ที่ 09-01-2014 19:24:11
03



กฤษณ์รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ

ทั้งๆ ที่พระอาทิตย์ก็ยังสาดแสงแผดเผาสิ่งมีชีวิตบนโลกตามปกติ ฝนก็ยังตกเรื่อยๆ ราวกับจะไม่ให้คนออกจากบ้านเป็นปกติ และอากาศปลายเดือนสิงหาคมก็ยังคงร้อนอบอ้าวอย่างปกติ


หนุ่มร่างยักษ์หันซ้ายหันขวา ก่อนจะหยุดคิด แล้วหันซ้ายขวาอีกรอบ


“หมี หาถังน้ำผึ้งไม่เจอหรือ” คำกระเซ้าพร้อมรอยยิ้มจากพิชามณเรียกเสียงหัวเราะจากคนอื่นได้เป็นอย่างดี “ว่าไงมองหาอะไร”

“...ไอ้ตัวเล็กมันหายไปไหนอีกแล้ววะ” คำถามนั้นทำให้ทุกคนเริ่มหันมองกันเอง


“มันกลับหอไปแล้ว”


คนทั้งกลุ่มหันไปตามเจ้าของเสียงที่เฉลยด้วยสีหน้าเซ็งจัด


“ห๊ะ กลับหอตอนนี้อ่ะนะ” ใครสักคนถามขึ้น

“เออ บอกว่ามีหนังสือที่ต้องรีบอ่านให้จบ”

“มึงเลยมาทำหน้าหมาหงอยอยู่เพราะไอ้ตัวเล็กมันไม่สนใจมึงอ่ะนะ เชี่ยเจ” ‘เชี่ยเจ’ คิ้วกระตุกทันที ในขณะที่คนพูดอย่างกฤษณ์หัวเราะก๊ากอย่างไม่เกรงใจ


เป็นอันรู้กันโดยทั่วว่า ‘จิรณัฐ’ หรือ ‘เชี่ยเจ’ หนุ่มหล่อสำอางค์ไฮโซดีกรีเดือนวิศวะเป็นเกย์ และยังตั้งหน้าตั้งตาหยอดขนมจีบใส่เพื่อนในกลุ่มนามว่ากันตธีร์มาตั้งแต่เป็นเฟรชชี่หน้าใสจนจวบหน้าเริ่มมีร่องรอยของซีเนียร์ถามหา

แต่ก็เป็นอันรู้กันอีกเช่นกันว่าไอ้ตัวเล็กของเพื่อนมันสนใจโลกที่ไหน กอปรกับจิรณัฐก็หาได้จริงจัง เพราะเจ้าตัวก็มีเด็กใหม่ตลอดจนเพื่อนเลิกจะจำชื่อไปแล้ว


“กูว่าธีร์แม่งติดสาว” เดือนคณะผู้มีตำแหน่งเสริมเป็นเจ้าพ่อกรมข่าวเมาท์จุดประเด็นขึ้น

“ทำไมเจคิดงั้นล่ะ” พิชามณถามขึ้น “ช่วงนี้ธีร์หายตัวไปบ่อยก็จริง แต่ก็เหมือนติดหนังสือตามปกตินี่”

“ธีร์นะเว่ย ธีร์เด็กดีของจิรณัฐ นั่งเล่นมือถือในห้องเลคเชอร์!” คนเดียวที่เรียนภาคไฟฟ้าเหมือนจำเลยเอาหลักฐานมาขายแก่คณะลูกขุนอย่างใส่อารมณ์

“มึงก็เวอร์ไป แค่เล่นมือถือเนี่ยนะ” กฤษณ์ทำหน้าเหม็นเบื่อ ด้วยรู้นิสัยเพื่อนดี ถึงมันจะตั้งใจเรียนแต่ถ้ามีอะไรที่มันสนใจกว่าในช่วงนั้นก็ออกนอกลู่นอกทางได้ไม่ยาก “มันหาทางอ่านหนังสือเล่มที่มันว่ารึเปล่า”

“กูแอบเล็งแล้ว มันคุยLineกับใครไม่รู้นะเว่ย ปกติแม่งเล่นที่ไหน หรือมึงจะบอกว่ามันคุยกับมึง” จิรณัฐเหน็บกลับ เพราะซัมซุงฮีโร่สีดำของกฤษณ์เป็นตำนานโจ๊กตลอดกาลของเพื่อน

“ธีร์ก็คุยLineกับที่บ้านนะ”

“พ่อแม่กับน้องนี่คุยไปยิ้มไปด้วยหรือไงแอม” คนเปิดประเด็นเริ่มหงุดหงิดที่เพื่อนไม่มีทีท่าจะเชื่อ “พวกมึงจะเชื่อไม่เชื่อ แต่กูว่า ชัวร์!!”


กฤษณ์กับพิชามณหันมามองหน้ากัน ทั้งกันตธีร์และทั้งคู่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ขึ้นมัธยมปลาย จึงสนิทกันดีที่สุดในกลุ่ม แต่ไม่ยักกับเคยได้ยินเรื่องสาวในจินตนาการของจิรณัฐ


“...แต่ก็ไม่แปลกหรอก ธีร์ไม่ค่อยเล่าอะไรอยู่แล้ว ขนาดกับหมีกว่าจะเล่ายังเป็นแฟนกันก่อนค่อยมาบอกเลย”


สิ้นคำเพื่อนสาวคนสนิททุกคนก็ได้แต่นิ่ง ...เพราะมันจริงที่สุด


++++++


สำหรับกันตธีร์ไม่มีอะไรจะเป็นสุขมากไปกว่ามีที่ทอดกายนิ่มๆ พัดลมสักตัว และหนังสือในมือ


ชายหนุ่มพลิกกายไปมาบนที่นอนซึ่งถูกจัดไว้ด้วยหมอนเป็นที่เอนหลังและรองคอ การที่นอนท่าเดิมต่อกันมาหลายชั่วโมงทำให้เริ่มเมื่อยขบตามตัว แต่เขาก็รู้สึกรากงอกเกินกว่าจะลุกขึ้น

หนังสือที่เป็นเป้าหมายในวันนี้ถูกพิชิตเป็นที่เรียบร้อย กันตธีร์มองขุมทรัพย์ส่วนตัวอย่างอารมณ์ดี เขาคิดขนาดว่าถ้าหากมีทำงานมีเงิน มีบ้านเป็นของตัวเองแล้วจะสร้างห้องสมุดเอาไว้ในบ้าน ถ้ามีลูกก็จะอ่านหนังสือให้ลูกฟัง สอนให้รักการอ่าน

ซึ่ง...มันจบตั้งแต่ยังหาแม่ของลูกที่รักการอ่านไม่ได้


ชีวิตนี้เขาก็มีแฟนมาแล้วหลายคนแต่ทุกคนก็ต้องจบไปแบบที่ไม่ค่อยสวยงามนัก

แม้กระทั่ง ‘พิมพ์นภา’ หญิงสาวที่เพิ่งเลิกลากันไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งเขาคบด้วยนานที่สุด และเคยคิดว่าเข้าใจเขามากที่สุด


‘พิมพ์พูดจริงๆ นะธีร์...ธีร์รักพิมพ์บ้างหรือเปล่า’ พิมพ์นภาไม่ใช่คนสวยแต่ร่าเริงและมีเสน่ห์ ซึ่งคนตรงหน้าที่กำลังร้องไห้เหมือนไม่ใช่ใครที่ชายหนุ่มคุ้นเคยเลยสักนิด

‘ธีร์ดีกับพิมพ์มากๆ แต่ธีร์เหมือนทำมันเป็นหน้าที่ ธีร์ทำทุกอย่างเหมือมันควรจะทำ...ไม่ใช่ธีร์อยากทำ’

‘พิมพ์เหนื่อย...พิมพ์ตามธีร์ไม่ไหวแล้ว’

‘พิมพ์รักธีร์จริงๆนะ แต่ธีร์รักพิมพ์บ้างรึเปล่า’

กันตธีร์ได้แต่ยืนมองผู้หญิงที่เคยคิดว่าจะอยู่ด้วยกันเรื่อยไปเดินจากไป เขาทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจ เพราะชายหนุ่มเองก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่มีให้กับผู้หญิงคนนี้คือความรักหรือไม่...แต่เขาก็พร้อมที่จะดูแลเธอไปตลอดชีวิต


กฤษณ์ไม่ปลอบเขาสักคำ ซึ่งเพื่อนสนิทคนนี้ก็คงรู้ดี ว่ากันตธีร์เสียใจมาก...แต่ก็น้อยกว่าที่คิดจนน่าตกใจ

มันก็เป็นความเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจที่คิดเหนี่ยวรั้งผู้หญิงสักคนเอาไว้ทั้งที่ไม่รักกัน


พิมพ์นภาตัดการติดต่อทุกอย่างจากเขา แต่ด้วยความที่เธอเรียนอยู่คณะเดียวกับน้องสาวแท้ๆ ทำให้ข่าวสารของเธอก็ยังมีมากระทบหูอยู่บ้าง ซึ่งกันตธีร์ก็ได้แต่อวยพรให้เธอได้รับความรักจริงๆ เสียที


แล้วสุดท้ายเขาอาจจะได้แต่งงานกับหนังสือจริงๆ อย่างที่พิชามณเคยล้อเลียน






เสียงไขกุญแจทำให้คนที่นอนพังพาบอยู่รับรู้การกลับมาของรูมเมท กันตธีร์ยกมือทักอีกฝ่ายโดยที่ไม่ได้หันไปมอง กฤษณ์จึงเดินมานั่งที่ปลายเตียง


“เชี่ยเจมันโวยวายใหญ่ว่ามึงไม่สนใจมัน”

“...ไม่ชินหรือไง” เจ้าของเตียงยกศีรษะขึ้นมาจากกองหมอนเพื่อมองหน้าอีกฝ่าย

“ชิน แต่มึงก็น่าจะบอกไปว่าไม่ชอบ มันจะได้เลิกทำแบบนี้สักที”

“ก็ไม่ได้ไม่ชอบ แต่ก็ไม่ได้ชอบ”

“...มึงก็เอาแต่พูดแบบนี้” พ่อหมีของลูกตัวเล็กส่ายหัวอย่างระอา

“แล้วเจมันเอาอะไรไปฟ้องพวกมึง” จำเลยทวงถามคำร้องเป็นการเปลี่ยนเรื่อง

“มันบอกว่ามึงติดสาว” กฤษณ์อมยิ้มเมื่อเห็นต้นเหตุขมวดคิ้ว “มึงเล่น Line ในห้องเลคเชอร์”

“อ้อ...” คนไม่ตั้งใจเรียนกลับไปทิ้งตัวใส่เตียงอีกครั้ง “งั้นไปบอกมันว่ากูไม่ได้ติดสาว แต่ติดหนุ่มคณะแพทย์”

“หืม นี่กูกำลังจะมีเพื่อนเป็นเกย์อีกคน?”

“ใช่ เพื่อนเขยมึงหล่อด้วย เก่งด้วย ภูมิใจมั๊ย”

“นี่มึงจะเป็นสะใภ้?”

“อ่ะแน่นอน เดี่ยวพรุ่งนี้กูจะลุกมาติดขนตาปลอมให้มึงดูก่อนไปเรียน” สาวพร้อมจะข้ามเพศยักคิ้วให้ “กูสวยนะ นี่บอกเลย”

“คิดแล้วทุเรศสัด”


พูดจบก็ทิ้งตัวลงมานอนแย่งที่จนเจ้าของเตียงต้องปาหมอนใส่คนที่หัวเราะอย่างบ้าคลั่งด้วยความหมั่นไส้


“ล้อเล่นกับกูน่ะได้ แต่อย่าไปพูดแบบนี้กับเชี่ยเจนะตัวเล็ก”

“...รู้แล้วน่า”


มือใหญ่เอื้อมมาขยี้หัวด้วยความหมั่นไส้ กันตธีร์เป็นเพื่อนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่มัธยมต้น สนิทมากจนลืมไปแล้วว่านิสัยเข้ากันไม่ได้สักนิด และสนิทจนกฤษณ์มองไอ้ตัวเล็กตรงหน้าเหมือนน้องชายอีกคน


“สรุปคือช่วงนี้มึงติดหนังสือจริงๆ”

“เออสิ กูจะเอาไปแลกเลยต้องรีบอ่านให้จบ” หนอนหนังสือส่ายหัวด้วยความสุดเซ็ง “...มึงก็รู้ว่ากูยังไม่อยากมีใครตอนนี้”

“พิมพ์นภาจะไปเจอคนที่ใช่ และมึงเองก็เหมือนกัน” ไม่เคยที่จะเลี่ยงชื่อของเธอคนนั้น แต่เขาก็ยินดีที่อีกฝ่ายพูดออกมาง่ายๆ เพราะมันทำให้ชินได้ง่ายขึ้น

“กูก็แค่ไม่อยากทำให้ใครเสียใจอีกเท่านั้นเอง”

“สักวันมึงก็จะรักใครสักคน และถ้าโชคดี...คนคนนั้นก็จะรักมึงเหมือนกัน”

“...ยากไป กูหมดหวังละ รอเลี้ยงลูกมึงดีกว่า”

“มึงรอเลี้ยงได้เลย” คนตัวใหญ่รู้ว่าโดนเปลี่ยนเรื่องเสียดื้อๆ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร “ไปกินข้าวกัน”


ซากหนอนหนังสือในกองหมอนคลานออกมาอย่างยับยู่ยี่จนคุณพ่อหมีต้องไล่จัดหน้าจัดตาให้เหมือนคนก่อนจะออกไปกินข้าว
กันตธีร์สะกิดให้เพื่อนเดินไปที่หอพักนักศึกษาแพทย์ก่อน นักศึกษาวิศวะเดินเข้าไปคุยกันเจ้าหน้าที่ใต้หอสองสามคำ เอาบัตรนักศึกษาให้ดู แล้วก็ยื่นหนังสือที่ติดมือมาไปแลกกับถุงกระดาษมา


“ฝากของกันแบบนี้ก็ได้ด้วยแฮะ” กฤษณ์มองเพื่อนที่ดูคล่องแคล่วเพราะทำแบบนี้มาหลายครั้งแล้วในช่วงเดือนที่ผ่านมา

“เพราะคณะนี้เขาไม่อยู่ติดหอกันมั้ง” กันตธีร์ตอบพลางสำรวจของในถุง

“ไม่กลัวของหายกันหรือไง ...แต่หนังสือแบบนี้ก็คงไม่มีคนเอา” กฤษณ์หัวเราะรับอาการแยกเขี้ยวจากคนที่อยากอ่าน ‘หนังสือแบบนี้’


“จะอ่านอะไรก็อ่านไปเหอะ แต่โปรเจคมึงนี่โอเคแล้วใช่ไหมวะ?”


++++++


เพลงฝรั่งดังคลอเบาๆ มากับเสียงจากเครื่องทำกาแฟและคำทักทายสดใสของบาริสตาประจำร้าน กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นอบอวลไปกับอากาศหนาวเย็นอันเกิดจากเครื่องปรับอากาศประสิทธิภาพดีชวนให้เคลิบเคลิ้มราวกับอยู่ต่างแดน

หากแดดภายนอกจะลดอานุภาพลงสักนิด...


ชายหนุ่มนั่งเท้าคางมองจอคอมพิวเตอร์ที่มีเคอร์เซอร์กะพริบในหน้าต่างไมโครซอฟต์เวิร์ดอันว่างเปล่ามาสักพักใหญ่ๆ ถ้วยกาแฟข้างตัวแห้งเหือดไปนานแล้ว แต่งานตรงหน้าก็ไม่ขยับไปไหน ปกติกันตธีร์เป็นคนที่มีความรับผิดชอบในระดับที่ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองประสบปัญหาเรื่องเรียนเรื่องงานมาก่อน ซึ่งครั้งนี้เขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมีปัญหาเช่นกัน ...จะโทษว่ามัวแต่ไปทำเรื่องไร้สาระ เช่น อ่านหนังสือจนไม่ได้หลับได้นอน มันก็ไม่เชิง เพราะเขาก็ยังเป็นเขา ยังแบ่งเวลาได้เหมือนทุกๆ ครั้ง ทั้งๆ ที่ก็คิดมาแล้ว วางแผนไว้แล้ว แต่งานก็ไม่ไปไหนเสียที


กันตธีร์ถอนหายใจ ก่อนจะบิดตัวขับไล่ความเมื่อยล้าแล้วเอนหลังพิงพนักพร้อมกับกวาดสายตาสำรวจไปทั่วร้าน

ร้านกาแฟนี้ลือกันว่าเป็นของลูกสาวอธิการบดีคนก่อน จึงสามารถมีพื้นที่ขนาดใหญ่อยู่ในมหาวิทยาลัยได้ แต่ด้วยความที่ราคาอยู่ในเกณฑ์ที่พอจะจับต้องได้และพนักงานในร้านก็เป็นมิตรจึงได้รับความนิยมมากจนปักหลักไม่ไปไหนมาได้หลายปีแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจไปแล้วก็ตาม

นี่ก็เป็นหนึ่งในร้านโปรดของชายหนุ่ม เพราะเขาเป็นพวกชอบหลบออกมาทำงานหรืออ่านหนังสือเพียงลำพัง ที่ตั้งของร้านก็ไกลจากคณะจนไม่น่าจะเจอคนรู้จัก แถมบรรยากาศก็น่านั่ง กาแฟก็รสชาติดี ทำให้ ทุกครั้งที่อยากจะทำงานใช้ความคิดก็มักจะมานั่งที่นี่เสมอ

แต่เห็นทีวันนี้คงไม่ได้งานอะไรกลับไป...


“ลองชิมขนมตัวใหม่ของทางร้านดูไหมคะ”


อาการจมจ่อมทางความคิดทำให้ไม่รับรู้สิ่งรอบตัวจนกระทั่งมีเสียงใสๆ ดังขึ้น ถาดที่มีขนมถูกตัดเป็นชิ้นเล็กๆ พอรับประทานวางเรียงกันถูกยกมาข้างตัว


“เป็นขนมปังเนื้อมีราสเบอรี่ราดด้วยครีมสด ออกเปรี้ยวๆ มันๆ ไม่หวานมากค่ะ”

“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มยิ้มตอบพนักงานร่างเล็กก่อนจะหยิบมาหนึ่งชิ้นตามมารยาท เธอก็ยิ้มหวานและยกถาดขนาดเกินตัวไปที่โต๊ะอื่น


ขนมปังชิ้นเล็กมีจุดสีแดงของเนื้อผลไม้แทรกอยู่ในเนื้อสีเหลืองนวลปาดหน้าด้วยครีมสีขาวแลดูน่ากิน กันตธีร์ส่งมันเข้าปากโดยไม่ได้คิดอะไร ก่อนจะต้องคิดใหม่เนื่องจากรสชาติเปรี้ยวนิดๆ เข้ากับความหอมมันของขนมปังเป็นอย่างดีและครีมสดที่ไม่หวานเกินไปก็ช่วยตัดรสให้นุ่มนวลมากขึ้นทำให้คนไม่ชอบของหวานได้ซึบซาบความอร่อยอย่างพึงพอใจจนอารมณ์ที่ดิ่งลงพอจะกระเตื้องขึ้นมาบ้าง


เสียงกระดิ่งบอกว่ามีคนเข้าร้านดังขึ้นทำให้คนกำลังเพลิดเพลินกับของหวานเผลอมองตามโดยไม่รู้ตัว

...ว่าจะไม่เจอคนรู้จักแล้วเชียว


คนมาใหม่ยกมือทักพร้อมรอยยิ้มจางๆ เหมือนเดิม ก่อนจะไปสั่งกาแฟที่เคาท์เตอร์ แล้วค่อยเดินมาหาที่โต๊ะ


“มาอ่านหนังสือหรือ” น้ำเสียงเรียบเรื่อยถามพร้อมกับเจ้าของที่ทรุดตัวนั่งลงตรงข้าม

“ทำงานน่ะ” กันตธีร์ตอบสั้นๆ พร้อมกับสำรวจอีกฝ่ายที่อยู่ในชุดนักศึกษาแม้จะเป็นวันหยุด

“อยู่เวร แต่ลงมาซื้อกาแฟให้พี่ๆ” โชติภัทรตอบราวกับอ่านใจได้ “หน้าที่ปี4น่ะ”

“อ้อ...”


คนนั่งอยู่ก่อนรับคำอย่างไม่แปลกใจเนื่องจากร้านนี้ก็ตั้งอยู่ติดกับส่วนของโรงพยาบาล แล้วจึงเงียบไปโดยที่ไม่รู้จะชวนคุยอะไรต่อเนื่องจากสมองตื้อเต็มที แถมยังรู้สึกกดดันจากภาวะงานไม่เดินจนใกล้เป็นโรคประสาทอยู่รอมร่อ...ไม่อยากเจอคนรู้จักเพราะแบบนี้นี่แหละ


“ธีร์”

“หืม”

“เป็นอะไรหรือเปล่า”


กันตธีร์ถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะส่ายหัว


“โทษที ฉันกำลังอารมณ์ไม่ดี” มือที่ว่างอยู่จับกองกระดาษที่กระจัดกระจายขึ้นมาพลิกเล่น “หัวตื้อ คิดงานไม่ออก เลย...พาลน่ะ”

“ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษ นี่มารบกวนหรือเปล่า”

“ไม่เป็นไรๆ โชไม่เกี่ยวหรอก บอกแล้วว่าพาล จริงๆ มันก็มีไอเดีย คิดไว้บ้างแล้ว แต่เริ่มไม่ออก ไปไม่ถูก...”


ท่าทางการฟังอย่างตั้งใจของโชติภัทรทำให้คนหลุดบ่นหยุดปากไม่ได้ จึงสาธยายความประสาทกินที่เป็นอยู่ออกไปอย่างหมดเปลือก...ที่เขาว่ากันว่าความลับจะพูดได้ง่ายที่สุดกับคนที่ไม่สนิทเลยคงจะประมาณนี้ล่ะมั้ง


“งั้นก็ไม่เป็นไรหรอก” คนฟังอยู่สักพักออกคามเห็น “จริงๆ ธีร์ก็คิดเอาไว้แล้วนี่ว่าจะทำอะไรแบบไหน”

“ก็ใช่ไง แต่เพราะคิดเอาไว้แล้วเต็มไปหมดมันก็เลยเริ่มยาก จะแบบนั้นก็ติดตรงนี้ จะแบบนี้ก็ติดตรงนั้น...”

“ธีร์ตั้งใจมากเกินไปจนกลายเป็นกดดันตัวเองหรือเปล่า”


โชติภัทรขัด พร้อมกับรวบเอากระดาษที่กองๆ อยู่ขึ้นมาเป็นปึกเดียวแล้วเลื่อนไปด้านข้างแล้วเงยหน้าสบตาอีกฝ่าย


“ลองเริ่มไปเลย ยังไม่ต้องกำหนดเงื่อนไขตามที่คิดไว้ก็ได้ ถ้ามันไม่ได้ก็ค่อยๆ ปรับไป ฉันไม่รู้เรื่องของพวกวิศวะหรอก แต่เวลาเขียนรายงานผู้ป่วยก็เป็นเหมือนกัน ถ้าไม่เริ่มเขียนไปก่อนมันก็ไม่รู้หรอกว่าจะเขียนแบบนี้ได้จริงๆ หรือเปล่า ธีร์ลองก่อนสิ ถ้าไม่เริ่ม มันก็ไม่เสร็จเสียที...จริงไหม?”


ความไม่พอใจแล่นริ้วขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ กันตธีร์รู้สึกเหมือนโดนตำหนิจากคนที่ไม่ได้รู้อะไรเลย เขาอ้าปากจะเถียงแต่พนักงานในร้านเดินมาเรียกเสียก่อนว่าเครื่องดื่มที่สั่งไว้ได้แล้ว ต้นเหตุแห่งความขุ่นมัวจึงบอกลาแล้วลุกไปที่เคาท์เตอร์อย่างลอยนวลที่สุดในความคิดของคนมอง


เพราะแบบนี้ถึงอยากอยู่คนเดียวเวลาทำงาน!

ชายหนุ่มสบถเบาๆ กับตัวเองหลายคำเพื่อระบายความหงุดหงิด ก็บอกอยู่ว่าอารมณ์ไม่ดียังจะมาเทศนากันอีก ถ้าใจร้อนกว่านี้อีกสักนิดคงได้วางมวยกันไปแล้ว


เขาตัดสินใจได้ตอนนั้นว่าคงพอแล้วสำหรับวันนี้ ของขึ้นขนาดนี้คงไม่มีอารมณ์มาประดิดประดอยทำไฟล์นำเสนอโปรเจคต่อ ชายหนุ่มทยอยเก็บข้าวของอย่างอารมณ์เสียในความล้มเหลวของตัวเอง

แต่ก่อนที่จะลุกขึ้นจากที่สิงสถิตตลอดทั้งวันเพื่อกลับหอ พนักงานสาวร่างเล็กคนเดิมก็โผล่มาที่ข้างโต๊ะอีกครั้ง


“เอ่อ...ขอโทษนะคะ”

“ครับ?” กันตธีร์ปรับอารมณ์อย่างรวดเร็วในการหันไปตอบรับอย่างสุภาพ ก่อนจะต้องขมวดคิ้ว “ไม่ได้สั่งนะครับ”

“คุณคนเมื่อกี้สั่งให้น่ะค่ะ” พนักงานสาวยิ้มให้ ก่อนจะวางจานลงกับโต๊ะ


กันตธีร์รู้สึกเหมือนขนมตรงหน้าจะกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาด สินค้าตัวใหม่ที่เขาได้ชิมไปเมื่อครู่ถูกนำมาเสิร์ฟแบบเต็มชิ้นและขึ้นไอร้อนราวกับเพิ่งออกจากเตา ครีมสดสีขาวเยิ้มละลายอาบหน้าขนมปังหอมกรุ่นชวนน้ำลายสอ

ความหลากใจทำให้นิ่งและใจเย็นลงอย่างอธิบายไม่ถูก เขานั่งนิ่งอยู่สักพักก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมา


Thee - ขอบใจ

Chotipat – ไม่เป็นไร


อีกฝ่ายพิมพ์ตอบกลับมาอย่างรวดเร็วจนคนเริ่มบทสนทนาสะดุ้ง


Chotipat – ไถ่โทษน่ะ

Thee – หืม

Chotipat – ก็ทำให้ธีร์ยิ่งอารมณ์เสียไม่ใช่หรือ

Thee – ก็รู้นี่

Thee – แต่ไม่เป็นไร

Thee – ไม่ใช่สิ

Thee – ทางนี้ต่างหากที่ต้องขอโทษ

Chotipat – ไม่เป็นไร

Chotipat – ก็ธีร์อารมณ์ไม่ดีนี่

Thee – อืม

Thee – แต่ก็ขอโทษ

Thee – ขอบคุณด้วย

Chotipat –  อ่าฮะ

Chotipat – ไปทำงานเถอะ

Thee – อื้ม


กันตธีร์วางมือถือลง ก่อนจะมองหน้าโต๊ะเบื้องหน้า แล้วดึงเอาโน๊ตบุ๊คที่เก็บไปแล้วขึ้นมาวางอีกครั้ง

บางที...เขาก็ควรจะเริ่มจริงๆ



TBC...


::TALK::

มาแล้วค่าาาาา

เนื้อเรื่องไม่ไปไหนเลย แต่เวลาในเรื่องผ่านไปเร็วมาก 5555  :z10:

สำหรับตอนนี้คนเขียนชอบบรรยากาศร้านกาแฟเป็นพิเศษ >< ไม่รู้มีคนชอบเหมือนกันมั๊ย แต่เป็นคนหลงรักห้องสมุดที่มีกลิ่นหอมของกาแฟมากเลยค่ะ ฟินเบาๆ โดยส่วนตัว 5555

เอารูปขนมมาให้ดูเป็นตัวอย่างด้วยค่ะ [ลงรูปถูกวิธีมั๊ยนะ]

(http://recipes.coles.com.au/recipes/26/picture-700x255/pear-raspberry-bread.jpg)
คิดว่าหน้าตาประมาณนี้ค่ะ แล้วมีครีมสดปาดข้างบน

(http://1.bp.blogspot.com/_UIXOn06Pz70/R-2Iw3Ym1qI/AAAAAAAACZ4/fw6ZpJLSzuo/s800/Strawberry%2BSour%2BCream%2BBread%2BSlice%2Bwith%2BStrawberry%2BCream%2BCheese.jpg)
คล้ายๆอันนี้ แต่อันนี้เป็นสตอเบอรี่ครีมชีส

เป็นเมนูที่คนเขียนคิดขึ้นมาเอง ถ้ามีร้านไหนทำขายเล่าสู่กันฟังนะคะ จะไปชิม  :hao6:

เจอกันตอนหน้าค่า จะรีบกลับมาต่อนะคะ


::comment::

iamnan : โอะ ชอบคำนี้!  :ruready ขอบคุณนะคะ :)

bulldog17 : คนเขียนก็ชอบค่าาาาา ตัวประกอบดีเด่นเลย

Rinze : ขอบคุณค่า จะว่าไปมันก็เหมือนจริงด้วย 5555

quiicheh. : ขอบคุณค่า ตั้งใจจะให้เป็นแบบนั้นเลยค่ะ ดีใจจัง

AGALIGO : หมายถึงทำไมเพิ่งมาคุยกันอีกทีตอนปี4หรือเปล่าคะ ถ้าเรื่องนี้จะเฉลยทีหลังค่า :) คุณพ่อหมีดูจะเป็นที่ชื่นชอบ คนเขียนก็ชอบเหมือนกันค่ะ ขอบคุณนะคะ

kun : เอื่อยเฉื่อยเลยล่ะค่ะ 555

warin : จนจะจบกันแล้วนี่ล่ะค่ะ เรื่อยเอื่อยสุดๆ 5555

silverspoon : อ่านแล้วดีใจจัง ขอบคุณนะคะ   :-[


รักคนอ่าน ขอบคุณทุกคนเลยนะคะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky :: 03 [09/01/57]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 09-01-2014 19:40:23
เริ่มอะไรอ่ะธีร์ เริ่มเปิดใจหรือเริ่มทำงาน555555555555555
โอ๊ยมีแฟนเป็นหมอนี่สบายทั้งชาติ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky :: 03 [09/01/57]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 09-01-2014 19:51:04
พ่อหมีอบอุ่นนะนี่
หัวข้อ: Re: Under the blue sky :: 03 [09/01/57]
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 10-01-2014 19:17:57

ยังไม่เห็นแววเลยว่าจะเป็นแฟนกันได้ยังไง

ต่างฝ่ายก็ดูเหมือนคนรู้จักกันธรรมดาเท่านั้นเอง

+ 1 + เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: Under the blue sky :: 03 [09/01/57]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 10-01-2014 19:51:25
มุ้งมิ้งกันเบาๆพอฟินๆ ><
หัวข้อ: Re: Under the blue sky :: 03 [09/01/57]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 10-01-2014 20:53:33
 :ling1: ยังมิมา งอแงๆ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky :: 03 [09/01/57]
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 10-01-2014 21:31:09
มาตามอ่านด้วยคนครับ
เรื่องนี้อารมณ์แบบสบายๆ ถ้าเป็นสีฟ้าก็เป็นโทนสว่าง อบอุ่น ตอนล่าสุดมีสีฟ้าหม่นปาดนิดหน่อยก่อนจะสว่างสดใสกว่าเดิม
ใต้ฟ้าสีคราม เริ้ปปป <3 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky :: 03 [09/01/57]
เริ่มหัวข้อโดย: velvetronica ที่ 18-01-2014 00:24:33
04



“พี่ธีร์ ไปดูหนังกับธานะ”



เสียงหวานดังออดอ้อนมาตามปลายสายทันทีที่กดรับ กันตธีร์วางมือจากงานตรงหน้าแล้วหันไปคุยอย่างตั้งใจ


“เมื่อไหร่ล่ะ เราก็รู้นี่ว่าช่วงนี้พี่ยุ่ง”

“พฤหัสบ่ายได้ไหมคะ พี่ธีร์ไม่ต้องเข้าคณะนี่นา ไปกับธาแปปเดียวเอง” ‘ธา’ หรือ ‘กัลยธา’ น้องสาวคนเดียวของกันตธีร์แจ้งชัดเจนว่ารู้ตารางงานพี่ชายเป็นอย่างดี “ธาสัญญาว่าดูเสร็จจะรีบกลับหอ ไม่ลากพี่ชายไปเถรไถลแน่นอนค่ะ”

“ค่าาา พูดแบบนี้ตลอดล่ะค่าา” คนเป็นพี่ถอนหายใจอย่างไม่จริงจัง “แล้วเราจะดูเรื่องอะไร”

“เรื่อง...” ชื่อภาพยนต์ที่สร้างมาจากนิยายไซไฟที่มีเนื้อหาซับซ้อน แม้จะไม่ได้โด่งดังมากในประเทศไทยแต่ก็เป็นกระแสที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ “ธารู้ว่าพี่ธีร์ก็อยากดู เพราะอย่างนั้นพี่ชายห้ามเบี้ยวธานะคะ”

“ค่ะๆ พี่ชายไม่เบี้ยวเราแน่นอน แต่ตอนนี้พี่ชายขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”

“สัญญาแล้วนะคะ!! ธารักพี่ธีร์ที่สุดเลยอ่ะ ไว้นัดเวลากันอีกทีน้า”

“ค่า ไว้คุยกันค่ะ”


กันตธีร์กดวางสาย ก่อนจะหันกลับมาพบกับสายตานับสิบคู่ จนเจ้าตัวรู้สึกเหมือนทำอะไรแปลกประหลาดลงไปโดยไม่รู้ตัว


“เวอร์ไป” กฤษณ์ผู้ไม่ได้เป็นหนึ่งในสายตาที่ร่วมกันจับจ้องเอ่ยขึ้น “ตัวเล็กมันก็พูดกับน้องสาวมันแบบนี้แต่ไหนแต่ไร พวกมึงจะตื่นเต้นกันทำไม”

“แต่ฟังธีร์พูดกับน้องธาทีไรแล้วมันช่างรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ” จิรณัฐพูดพลางเอามือทาบอกด้วยท่วงท่าเกินจริง

“เชี่ยนี่ก็ตัวเวอร์...”


พ่อหมีบ่นเบาๆ แต่พิชามณที่นั่งติดกันก็หลุดหัวเราะออกมาจนต้องรีบพูดแก้เกี้ยว


“แต่มันก็น่ารักจริงนะหมี”

“ใช่ๆ พวกกูไม่ได้ยินมานานเหมือนมึงนี่ สมัยนี้มันหายากนะ พี่ชายที่พูดคะขากับน้องสาวจนโตเนี่ย” เพื่อนผู้ชายหลายคนที่นั่งร่วมโต๊ะพยักหน้าเห็นด้วย

“อะไรเล่า” ใบหน้าขาวตี๋เริ่มซับสีเลือด “กูก็คุยแบบนี้มาตั้งนานแล้ว พวกมึงก็ใช่ว่าจะไม่เคยได้ยิน”

“เออ เคยได้ยิน แต่ไม่บ่อย ยังไม่ชิน เห็นมึงพูดคะขาแล้วคันตีน เหมือนเห็นตุ๊ดเด็กเพิ่งแตกเนื้อสาว” ใครสักคนออกความเห็นจนทั้งวงหัวเราะอย่างไม่เกรงใจ

“จริง ถ้าอยากให้เพื่อนชิน ธีร์ก็พูดบ่อยๆ สิ มาพูดกับฉันก็ได้นะ ยินดีเสมอ” เนื้อหาบอกยี่ห้อคนพูด กันตธีร์ยิ้มแหยตอบเพื่อนร่วมภาคอย่างสุดจะเกรงใจ

“นั่นไง ซื้อหวยไม่ถูกแบบนี้วะ” ครั้งนี้พิชามณไม่หลุดขำแต่ก็อมยิ้มจนแก้มแทบปริ

“พอๆ จะคุยไหมงานน่ะ” คนตกเป็นเป้าเปลี่ยนเรื่องโดยการยกประเด็นที่ทำให้นักศึกษาคณะวิศวะปี4ที่แทบจะไม่ต้องมาคณะจำใจขุดสังขารมารวมตัวกันได้ “สรุปเราจะแบ่งกันยังไงดี”

“เอาแบบที่ธีร์ว่าเมื่อกี้ก็ได้ แต่แอมกับพวกผู้หญิงจะรับประสานงานรุ่นน้องเอง” พิชามณกลับมาสู่โหมดทำงานแม้จะยังมีรอยยิ้มติดหน้าอยู่ “ส่วนประสานงานวงเหล้า พวกผู้ชายก็เชิญเถอะ ...บอกก่อนนะว่าเบิกไม่ได้


“แอมมมมมมมมมมม/อีแอมมมมมมมมม”


เสียงกรีดร้องประสานเสียงของคนหวังกินฟรีดังระงม เหรัญญิกสุดโหดของรุ่นยิ้มหวานแต่ไม่มีแววปราณี


“นี่มันก็งานไม่ใช่หรอ”

“จริงงงง”

“อีแอมอย่างกสิยะ”


“พอ!” กฤษณ์ตัดบทเสียงดัง ก่อนจะแจงอย่างเป็นธรรม “ไปก็ไปกันแค่นี้จะเบิกเงินรุ่นได้ไง พวกมึงจ่ายกันเองสิวะ”

“ตามนั้น พวกน้องๆ ขอภายในเดือนนี้นะ ส่วนเรื่องเดินเอกสารเดี๋ยวกูทำเอง” กันตธีร์ชิงสรุปจบ


งานที่ว่าก็คืองานนิทรรศการใหญ่ของมหาวิทยาลัย แล้วคณะวิศวะก็ได้รับงานฝ่ายเทคนิคต่างๆ มาตามความถนัดรวมถึงทำแปลนสแตนด์โชว์ ซึ่งถูกเอางานไปผูกติดไว้กับคณะสถาปัตย์

ฟังดูก็เหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร หากว่าทั้งสองคณะนี้ไม่ค่อยจะกินเส้นกันนักเพราะอย่างไรก็ไม่ทราบ จะมีก็แต่รุ่นปี4ที่เดิมเคยมีงานแข่งกีฬากันมาแต่โดนยกเลิกไปในปีรุ่นน้องเนื่องจากเหตุผลบางประการ คราวนี้พอเรื่องเดือดร้อนมาถึงหูผู้อาวุโสก็อดจะออกปากไม่ได้ว่าจะลงไปไกล่เกลี่ยเชื่อมสัมพันธไมตรีให้ และแน่นอนต้องนำทีมโดยพ่อหมีของชาวคณะ


ด้วยเนื้องานก็สุดจะห่างไกลความถนัด กันตธีร์ที่โผล่มาร่วมวงด้วยเพราะความสนิทจึงอาสารับงานที่ปกติไม่มีใครเขาอยากทำ เพราะถึงอย่างไรมันก็แค่คนส่งเอกสาร อะไรๆ น้องมันก็คงเตรียมให้แล้ว เหลือแต่รับมาไปคุยๆ ให้รู้เรื่องก็พอ


“โอเค เรียบร้อยแล้ว ขอบคุณมากจริงๆ นะหมี” เพื่อนผู้เป็นประธานชั้นปีในปีนี้กล่าวด้วยความซาบซึ้ง เพราะกฤษณ์ถูกเลือกเป็นประธานเมื่อตอนปี1 แต่ในปีต่อๆ มาก็ยังคงมาเป็นแรงงานสำคัญในการทำงานเสมอไม่เคยขาด

“แค่นี้เอง ไม่เป็นไรเว่ย ถ้าไม่มีอะไรอีกก็แยกย้ายเหอะ” คนใจใหญ่ตามตัวโบกมือ ก่อนจะทำหน้าเหนื่อยใจใส่ทุกคน “จะรีบกลับไปทำงานละ โปรเจคกูแม่งโดนอาจารย์เปลี่ยนหัวข้อ”


สิ้นสุดคำบ่น คนอยากกลับก็ไม่ได้ขยับอยู่ดี เนื่องจากเพื่อนร่วมรุ่นต่างแย่งกันแสดงความเห็นใจและเสนอความช่วยเหลือกันจมดังระงม


กันตธีร์ค่อยๆ ขยับออกมาจากวงอย่างแนบเนียน พร้อมกับที่พิชามณแหวกร่างเล็กๆ ออกมาจากฝูงชนเช่นกัน


“หมีโอเครึเปล่าน่ะธีร์” เพื่อนสาวคนสนิทหันมาถามอย่างเป็นห่วง “มีอะไรที่เราพอช่วยได้ไหม”

“อืม จะว่าโอเคก็คงไม่เสียทีเดียว แต่ธีร์ก็ช่วยๆ อยู่ คงไม่ต้องลำบากถึงแอมหรอก”

“มีอะไรก็บอกแล้วกัน ไม่ต้องเกรงใจเลยนะ” กันตธีร์ที่ยิ้มรับความหวังดี “แล้วของธีร์นี่ฉลุยเลยสิ เก่งจังน้า ทั้งๆ ที่ได้ที่ปรึกษาสุดโหดแท้ๆ”

“ไม่หรอกๆ นี่ก็รออยู่ เสียวๆ อยู่เหมือนกันน้า ได้อาจารย์อิทธินนท์เนี่ย”


ชายหนุ่มคุยกับเพื่อนสนิทอีกสองสามคำก็บอกลา ช่วงเวลานำเสนอโปรเจคให้กับคณะสร้างความกดดันไม่น้อย นอกจากจะยุ่งแล้ว ความกังวลที่จะถูกแก้หัวข้อในเวลานี้ก็เป็นอะไรที่ทำให้รู้สึกหน่วงไม่น้อย แม้เขาเองจะดูไม่มีปัญหาเรื่องหัวข้อจากที่ได้คุยกับที่ปรึกษามาสองสามครั้ง แต่ตอนนี้ที่ส่งข้อมูลนำเสนอโปรเจคตัวจริงให้ดูไปก็อดจะเริ่มเครียดขึ้นมาบ้างไม่ได้

พ่อหมีที่เพิ่งตะกายออกจากฝูงลูกหมีได้รีบเดินมาหากันตธีร์ที่รออยู่ พลางบ่นอุบว่าทำไมไม่อยู่ช่วยกันปฏิเสธ ทั้งๆ ที่เป็นคนมาช่วยจนไม่เดือดร้อนเท่าไรแท้ๆ กว่าจะยืนยันว่าโอเคแล้วจริงๆ ตัวเล็กมาช่วยเยอะแล้วจริงๆ ได้ก็หมดแรงกลับไปทำงานพอดี


อากาศใต้ตึกกลางช่วงนี้ก็ยังคงร้อนอบอ้าว แม้จะย่างเข้าเดือนกันยายนแล้วก็ตาม หนอนหนังสือเสนอว่าจะแวะห้องสมุดก่อนกลับหอ เพราะนอกจากจะไปหาข้อมูลนิดหน่อยแล้วยังได้พึ่งใบบุญเครื่องปรับอากาศวัยพ่อแก่อีกด้วย คนไม่รักการอ่านยักไหล่แต่ก็เดินตามไปโดยไม่ได้โต้เถียง

กันตธีร์ใช้เวลาไม่นานในการเลือกหนังสือ เพราะมีเป้าหมายในใจอยู่แล้ว ทั้งคู่จึงตรงกลับหอเป็นอันดับต่อไปอย่างไม่เสียเวลานัก


“อ๊ะ อาจารย์อิทธินนท์ สวัสดีครับ” ชายร่างเล็กที่เดินสวนทางมาตรงมุมตึกทำให้ต้องปรับท่าทางแล้วยกมือไหว้อย่างสุภาพ

“วันนี้ปี4มีเรียนแค่ช่วงเช้านี่” คนถูกเรียกว่าอาจารย์รับไหว้ แต่ทักกลับอย่างเป็นกันเองเนื่องจากอายุห่างกันไม่มากแล้วยังเป็นรุ่นพี่คณะอีกด้วย

“มีประชุมงานของมหาลัยฯนิดหน่อยครับ” อีกฝ่ายก็พยักหน้ารับคำตอบจากกฤษณ์แล้วหันไปหาคนตัวเล็กกว่า

“กันตธีร์ ผมอ่านที่คุณส่งมาแล้วนะ” คนถูกเรียกเผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว “มีประเด็นที่อยากให้แก้ตอนที่ทำจริง ผมจะส่งรายละเอียดให้ในอีเมลล์ แต่โดยรวมคุณทำได้ดี คงผ่านการเสนอแน่นอน”

“ครับ! ขอบคุณครับอาจารย์!!”

“รักษามาตรฐานไว้ล่ะ ผมจะรอดูโปรเจคของคุณ” อิทธินนท์ทิ้งท้ายไว้แล้วจึงขอตัวไปสอนช่วงบ่าย


“ตัวเล็กกกกก!!! โคตรเจ๋งอ่ะมึง!!”


เมื่อลับหลังอาจารย์พ่อหมีก็พองตัวดีใจแทนพร้อมกับเอาอุ้งมือตบตีเพื่อนโดยลืมไปว่าตัวเองแรงเยอะแค่ไหน แต่ดูเหมือนคนถูกเขย่าจะไม่รู้สึกอะไรเพราะได้แต่ยิ้มกว้างจนตาหยี

อาจารย์อิทธินนท์เป็นอาจารย์จบใหม่ไฟแรงดีกรีดอกเตอร์อิมพอร์ตมาจากดินแดนอาทิตย์อุทัยจึงไม่ต้องสงสัยในความเฮี้ยบและเนี้ยบ ดังนั้นแม้อายุจะห่างกันไม่มากแต่ก็เป็นที่หวาดเกรงของนักศึกษา

ตอนเลือกอาจารย์ที่ปรึกษาโปรเจคกันตธีร์ตัดสินใจช้า อาจารย์ท่านที่ใจดีๆ ก็เต็มหมดแล้ว เขาก็เลยมาลงเอยกับอาจารย์อิทธินนท์โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ แต่พอได้คุยได้ปรึกษาจริงๆ ก็ไม่เลวร้ายอะไร อาจารย์เป็นคนเก่งมากและจบสาขาไฟฟ้าสื่อสารมาโดยตรง ซึ่งเข้ากับสาขาที่ชายหนุ่มถนัด แม้จะโดนดุบ้างแต่ก็ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง


“ไปมึง กลับหอๆ” พูดโดยยังยิ้มไม่หุบพลางจับมือให้อีกฝ่ายหยุดเขย่า

“เฮ้ย งี้มันต้องฉลองดิ”

“ฉลองบ้านมึงสิ นี่แค่ผ่านเสนอว้อย ของจริงยังไม่ได้ทำเลย ...ไปๆ เดี๋ยวกูกลับไปช่วยมึงทำงาน”


ว่าแล้วคนตัวเล็กกว่าก็จัดแจงลากเพื่อนกลับหอพักทันที

แต่ในท้ายที่สุดกันตธีร์ก็ไม่ได้ทำอย่างปากว่า เนื่องจากกฤษณ์ค้านว่าตนได้รับการช่วยเหลือมากพอแล้ว และอีกประการก็คือนอกจากไฟล์นำเสนอที่ช่วยทำไปแล้ว ก็ไม่รู้จะช่วยอะไรอีกเพราะภาคโยธาเป็นอะไรที่คนตัวเล็กไม่ถนัดเอาเสียเลย

ในเมื่อว่างงานอย่างเฉียบพลันกันตธีร์จึงทิ้งตัวเกลือกกลิ้งกับเตียงนอนพลางส่งข้อความใน line ไปบอกที่บ้านเกี่ยวกับข่าวดีของโปรเจคจบ น้องสาวที่เพิ่งคุยกันไปตอบอย่างรวดเร็วโดยไม่ลืมย้ำเรื่องนัดในวันพุธ แม้การพิมพ์จะไม่ให้ความรู้สึกดีเท่าได้ยินเสียง แต่สำหรับพ่อแม่ที่เดินทางบ่อยมากอย่างเช่นมิสเตอร์แอนด์มิสซิสวิจักษณ์วัฒนาการสื่อสารทางนี้ก็นับว่าสะดวกรวดเร็วและประหยัดค่าใช้จ่ายอยู่มากทีเดียว

กันตธีร์กำลังรัวสติ๊กเกอร์แข่งกับน้องสาวในตอนที่เหลือบไปเห็นว่ามีข้อความใหม่ในหน้าแชทอื่น เมื่อกดไปดูก็ต้องพบกับคำถามลอยๆ จากคนที่เพิ่งมีเหตุด้วยกันไปเมื่อไม่นานมานี้


Chotipat – วันพฤหัสตอนบ่ายว่างไหม

Thee – ไม่ว่างน่ะ

Thee – มีอะไรรึเปล่า

Chotipat – ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรแล้ว


ชายหนุ่มมองคำตอบด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่คิดจะถามต่อจึงกลับไปก่อสงครามกับน้องสาวต่ออย่างไม่คิดติดใจอะไร ...บางทีมันคงจะเป็นวันพฤหัสแห่งชาติที่ทุกคนต้องมีกิจกรรมบางอย่างก็เป็นได้


++++++


วันนี้คงเป็นวันพฤหัสบดีแห่งชาติจริงๆ


กันตธีร์ปรารภกับตนเองในใจขณะยืนมองผู้คนผ่านกระจกใสของร้านหนังสือ อากาศที่ปรับแต่งจนเย็นฉ่ำชวนให้ชาวไทยพร้อมใจกันมาเดินห้างสรรพสินค้าแม้ว่าจะไม่มีธุระปะปังอะไร ทำเอาคนเกลียดความพลุกพล่านต้องมายืนหลบในมุมธรรมะที่ไม่ค่อยมีคนมาเหยียบ

ชายหนุ่มเป็นสิ่งมีชีวิตที่ชอบเสพศิลปะทั้งหนังสือและภาพยนต์ ดังนั้นโรงหนังก็เป็นอีกสถานที่โปรดของเขา แต่ถ้ามาดูเพียงลำพังก็มักจะเป็นรอบดึกมากกว่าช่วงบ่ายวันธรรมดาแบบนี้

ซึ่งบังเอิญว่าในวันนี้เขามีคู่ควงที่น่ารักเป็นพิเศษเสียด้วย


“พี่ธีร์” เสียงคุ้นเคยดังมาพร้อมน้ำหนักที่กดลงบนไหล่ ใบหน้าสวยส่งยิ้มมาจากข้างหลัง

“ไปๆ คนเยอะขนาดนี้จะมีรอบไหมเนี่ย” คนถูกเรียกปัดมือที่มาเกาะแกะอยู่ออกแล้วหมุนตัวไปหาอีกฝ่าย

“ก็น่าจะมีน้า ธาไม่คิดว่าคนจะเยอะ” เด็กสาวทำหน้ามุ่ย “พี่ธีร์ก็ไม่จองให้ก่อนล่ะ”

“เอ้า ผิดที่พี่หรือ เราชวนพี่นะ”

“ธาลืมคิดนี่คะ พี่ธีร์ไม่เตือนธา” งอแงจนกันตธีร์ส่ายหัวยิ้มๆ แล้วยกมือขึ้นทั้งสองข้าง

“โอเคๆ พี่ชายยอมแล้วค่ะ”


คนเป็นพี่เดินตามน้องสาวต้อยๆ ออกจากชั้นหนังสือละทางโลกพลางประเมิณจำนวนคนที่เรียงรายหน้าที่ขายตั๋วแล้วได้แต่ไว้อาลัยสมการในหัว

วันหนังเข้า บวกเงินเดือนออก บวกอากาศร้อน...เท่ากับโรงหนังเต็ม


“รู้งี้ธาน่าจะจองก่อน” กรีดเสียงเบาๆ อย่างเจ็บใจหลังจากเข้าแถวอยู่อย่างยาวนาน การรอคอยของสองพี่น้องก็ประสบความล้มเหลวเมื่อไม่สามารถหาที่นั่งแบบไม่ต้องแหงนคอดูได้ในรอบที่ตะวันไม่ตกดิน

“ไว้อาทิตย์หน้าพี่มาดูกับเราอีกทีก็ได้ค่ะ” กันตธีร์ลูบหัวน้องสาวอย่างเอาใจ

“อุตส่าห์ออกมาจากม.ทั้งทีนี่นา เซ็งจัง” เด็กสาวโอดครวญพลางประทุษร้ายเสื้อพี่ชาย

“เอาน่าๆ”


กันตธีร์วางแผนว่าจะพาเด็กอารมณ์ไม่ดีไปกินของหวานดับอารมณ์ แต่แล้วก็หันไปเจอคนที่พักนี้ดูจะมาพร้อมคำว่าบังเอิญบ่อยจนน่าแปลกใจ

อีกฝ่ายมองมาอยู่แล้ว เมื่อเขาหันไปสบตาจึงยิ้มให้แล้วเดินเข้ามาหา


“มาดูหนังหรือ” โชติภัทรถามพลางส่งยิ้มเผื่อแผ่ให้กัลยธา

“ใช่ แต่เต็มหมดเลย เลยว่าจะไปหาอะไรกินแล้วกลับม.” ตอบก่อนจะหันกลับมาพูดกับคนข้างตัว “นี่ โช เพื่อนพี่ เรียนหมอปีเดียวกัน”

“สวัสดีค่ะพี่โช” เด็กสาวยกมือไหว้ทำเอาคนถูกแนะนำยกมือรับแทบไม่ทัน

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องไหว้พี่หรอก”

“น้องฉันเด็กดีเว่ย” กันตธีร์หัวเราะ “นี่ ธา น้องสาวฉันเอง”

“น้องสาว?”


อันเป็นปฏิกิริยาที่สองพี่น้องคุ้นชินเป็นอย่างดี เนื่องจากกัลยธาเป็นเด็กสาวตาโตผิวสองสีมีลักยิ้มซึ่งโดยรวมไม่มีอะไรเหมือนพี่ชายผู้มีโหงวเฮ้งแบบขาวตี๋สักนิดนอกจากรูปหน้าที่มีคางเรียวเล็ก

ทำเอาตอนเด็กๆ กันตธีร์กับน้องเคยโดนพ่อแม่อำว่าทั้งคู่ไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ แต่เป็นเด็กเก็บมาเลี้ยงทั้งคู่อะไรประมาณนั้น...


“น้องสาวแท้ๆ คลานตามกันมาจากท้องแม่เลยล่ะ”

“...หน้าไม่เหมือนเลยนะ” เสียงประหลาดใจชัดเจน “ฉันนึกว่าแฟนธีร์”

“ทุกคนก็พูดงั้นแหละค่ะ” กัลยธาตอบเสียงใสพลางควงแขนพี่ชาย “แต่ถ้าธามีแฟน ธาจะหาแฟนที่น่ารักน้อยกว่าธาค่ะ”

“ยัยธา” กันตธีร์กดเสียงใส่แต่คนเป็นน้องก็ทำหน้าไม่รู้เรื่อง

“แล้วนี่จะดูเรื่องอะไรกัน ที่เพิ่งเข้าหรือเปล่า?” โชติภัทรเปลี่ยนเรื่องพร้อมกันยิ้มรับอาการแง่งอนของพี่น้อง

“นั่นแหละ เต็มแทบทุกรอบ ยอมแพ้เลย”

“...เอาบัตรฉันไปไหม”

“ห๊ะ...?”


โชติภัทรยื่นตั๋วหนังในมือให้ดู ซึ่งเป็นโรงพิเศษราคาแพงและที่นั่งชั้นดี รอบบ่ายสอง


“ฉันตอบคำถามตอนเรียนแล้วอาจารย์แจกตั๋วหนังที่จองล่วงหน้ามา แต่มันเป็นสองที่” เสียงเรียบเรื่อยอธิบาย “ถ้าฉันดูคนเดียวก็เสียดายตั๋ว ธีร์เอาไปดูกับน้องเถอะ”

“...เฮ้ย คือ” กันตธีร์รู้สึกได้ถึงความเกรงใจที่กำลังทะเลาะตบตีกับความยินดี

“ถ้าอย่างนี้พี่โชก็ไม่ได้ดูสิคะ อย่าเลยค่ะ” กัลยธาปฏิเสธทันทีทั้งที่ใจก็อยากดู

“พี่ค่อยมาดูวันหลังก็ได้ครับ ไม่อย่างนั้นก็เสียดายอีกที่นึงแย่เลย”

“...งั้น” เด็กสาวเม้มปาก “พี่ธีร์ไปดูกับเพื่อนแล้วกันค่ะ เดี๋ยวธากลับม.เอง”

“ได้ไง เราต่างหากที่อยากดู”

“อืม...นั่นสิ ธีร์ไปดูกับน้องเหอะ” โชติภัทรวาดรอยยิ้มแบบที่ไม่น่าไว้วางใจ “หรือจะให้ฉันเข้าไปดูกับน้องธาสองคน?”

“เฮ้ย! ไม่ได้!!” โพล่งออกมาทันควันจนคนถามหลุดขำ

“นั่นก็ไม่นี่ก็ไม่ งั้นเอาไปนั่นแหละ” ไม่พูดเปล่าคว้ามือคนหวงน้องขึ้นมายัดตั๋วหนังใส่

“แต่...” คนถูกยัดเยียดอึกอักแต่รับมาถือไว้

“เอาไปเหอะ”

“ธาว่า ธาคิดออกละ”


เด็กสาวหยิบมือถือขึ้นมากดทันที ท่ามกลางความสงสัยของคนแก่กว่า กัลยธากดเข้าไปจองตั๋วหนังในรอบเดียวกันนั้นผ่านเวปของโรงหนัง ใช้เวลาไม่นานเธอก็เงยมาฉีกยิ้มให้


“ได้ตั๋วของพี่โชแล้วค่ะ เดี๋ยวธาออกเอง ที่นั่งอยู่ริมหน่อยไม่เป็นไรนะคะพี่” อธิบายอย่างรวดเร็วพลางชูหน้าจอมือถือให้ดู “ที่นั่งเดียวมันหาง่ายกว่า เมื่อกี้ธาก็เห็นว่ามันก็พอเหลืออยู่ด้วย ทำแบบนี้ก็จะไม่ต้องไปต่อแถวลุ้นว่ามีมั๊ย...ทำไมถึงคิดไม่ออกตั้งแต่แรกน้า ธาไปเอาตั๋วก่อนนะคะ”


พูดรัวๆ จบ ร่างบอบบางก็เดินตัวปลิวไปที่ช่องรับตั๋วจองทันทีไม่รอการตอบรับจากอีกสองคนที่ได้แต่อึ้ง


“น้องสาวธีร์น่ารักดีนะ”

“เออ น่ารัก แต่ห้ามจีบนะโว้ย”

“ไม่จีบหรอกน่า” โชติภัทรยิ้มจางๆ ไม่บอกความหมายจนคุณพี่ขี้หวงต้องเปลี่ยนเรื่องทันที

“เรื่องตั๋วหนังนี่รึเปล่า ที่เมื่อวันก่อนมาถาม”

“...เอ้อ ใช่” เจ้าของรางวัลตอบเสียงเก้อ “ไม่รู้จะชวนใครไปดู เลยถามเผื่อว่าจะสนใจ”

“ฉันยังไม่เคยอ่านเรื่องนี้เลย” กันตธีร์ส่ายหัวพลางชี้ไปทางช่องรับตั๋ว “คนนู้นน่ะชอบมาก อยากดูสุดๆ”

“เรื่องนี้มันไม่ใช่นิยายไซไฟขนาดนั้นนะ ฉันว่าธีร์น่าจะชอบ”

“อ่าว งั้นหรือ” พยักหน้ารับคำแนะนำก่อนจะหันไปมองโปสเตอร์หนัง “...อาทิตย์หน้าว่างหรือเปล่า”

“ก็มีเวรแหละ ทำไมหรือ”

“เกรงใจว่ะ ขอเลี้ยงข้าวสักมื้อเหอะ”

“เฮ้ยไม่ต้อง” โชติภัทรตอบทันควัน “นี่น้องธีร์ก็ซื้อตั๋วหนังให้แล้ว ไม่ต้องหรอก”

“รู้สึกเหมือนพักนี้รบกวนหลายเรื่อง บอกไม่ถูกแฮะ”

“ไม่ต้องหรอก  จริงๆ ก็ไม่ได้รบกวนอะไรเลยนี่”

“อืม...” กันตธีร์ละสายตาจากภาพนักแสดงชื่อดังกลับมาที่คนข้างตัว “พักนี้บังเอิญเจอกันบ่อยนะ”

“...งั้นหรือ”

“ใช่สิ อยู่มหาลัยฯเดียวกันมา 3-4 ปี ไม่เห็นจะเคยเจอกันเลย” เป็นข้อสงสัยที่ติดใจมาสักพัก

“...ไม่ใช่หรอก” เจ้าของรอยยิ้มชวนมองตอบเสียงเรียบ “ฉันว่าที่คิดว่าไม่เคยเจอเพราะธีร์จำไม่ได้มากกว่า”

“ห๊ะ”

“ก็ตอนแรกธีร์หลบหน้าฉันไปไม่ใช่หรือไง” อธิบายกลั้วเสียงหัวเราะ “แล้วหลังจากนั้นก็เหมือนจะจำกันไม่ได้ไปเลยหรือเปล่า”

“เฮ้ย...”

“ไม่ต้องเฮ้ย ฉันรู้ว่าธีร์ไม่ค่อยจำหน้าคน”


คนถูกดักคอเม้มปาก รู้สึกได้ว่าหน้าเห่อร้อน ไม่ใช่เพราะถูกว่าไม่จำหน้าคน แต่เพราะอีกฝ่ายรู้ตัวว่าถูกหลบหน้าเมื่อตอนปี1 หลังจากความเข้าใจผิดอย่างยิ่งใหญ่ในตอนนั้น

บทสนทนาสิ้นสุดลงเมื่อกัลยธาเดินแกมวิ่งกลับมาพร้อมตั๋วหนังอีกใบ โชติภัทรบอกลาสองพี่น้องเพราะต้องไปซื้อของ เด็กสาวบอกขอบคุณอีกฝ่ายเสียงใสพร้อมโบกมือลา ก่อนจะหันกลับมามองพี่ชายที่ยืนนิ่งเป็นรูปสลัก


“พี่ธีร์หน้าแดง”
“เปล่านะ!”



TBC...




::TALK::

เฮือก! แอบมาดึกๆ

สารภาพว่าปั่นเกือบไม่ทัน 555 อาทิตย์นี้มีหลายสิ่งอย่างรุมเร้ามากค่ะ เกือบเอาตัวมิรอด  :katai4:

ตอนนี้เลยแทบไม่ได้อ่านทวน ไม่รู้มีพิมพ์ผิดสะกดผิดบ้างหรือเปล่า แหะๆ

มาแอบช้า แต่ตอนนี้ยาวนะคะ [หรือเปล่านะ? เหมือนตัวอักษรดูเยอะๆ]

สำหรับตอนหน้าแอบบอกก่อนว่าไม่แน่นอน พอดีชีวิตช่วงนี้ระหกระเหินเล็กน้อยอยู่ตจว.สลับกับกรุงเทพฯ ย้ายถิ่นฐานไปมา ไม่รู้ว่าจะมาต่อได้เมื่อไหร่ แต่สัญญาว่าจะไม่หายหัวนานเกินรอนะคะ  :o12:

เจอกันตอนหน้าค่า [อย่าทิ้งกันนะคะ ฮืออออ //อ้อน]  :mew6:



::comment::

quiicheh. : โอ๊ะ ชอบอีกแล้ว 555 นั่นสิ เริ่มอะไรกันน่ะ //แต่แอบขอค้านเรื่องแฟนเป็นหมอค่ะ ไม่เห็นสบายเลยยยยย  :katai1:

iamnan : ที่สุดในเรื่องแล้วค่ะ 555

AGALIGO : เพราะงี้นี่แหละค่ะมันเลยเรื่อยเอื่อย แต่ก็จะค่อยๆ พัฒนาไปน่ะค่ะ ขอบคุณนะคะ

bulldog17 : เบามากจริงๆ ค่ะ 555

พลอยสวย : มาแล้วค่าาา  :sad4: ปั่นสุดๆ แล้ว ฮืออ

mesomeo2 : ขอบคุณค่า ดีใจจัง อ่านแล้วต้องไปแอบเพิ่มชื่อไทยเลยอ่ะ

ขอบคุณทุกคนเลยนะคะ เลิฟฟฟฟฟ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 04 [17/01/57]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 18-01-2014 02:31:20
 :o8: โช แอบมองมาตลอดชิมิ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 04 [17/01/57]
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 18-01-2014 06:37:47
ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการตั้งชื่อนะครับ ฮาา
ธีน่ารักอะ ขี้ลืมม 555
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 04 [17/01/57]
เริ่มหัวข้อโดย: ゚゚ღ✿ศิลินส์✿ღ゚゚ ที่ 18-01-2014 08:53:20
เพิ่งมาอ่านสนุกดีค่ะ

ชอบการบรรยายอ่ะ บรรยายได้ลื่นดี แล้วจะรออ่านตอนต่อไปเนาะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 04 [17/01/57]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 18-01-2014 09:11:06
อ่านเรื่อยๆ น่ารักเรื่อยๆ ซึมลึกไปเรื่อยๆ .. ธีร์หน้าแดง  :mew1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 04 [17/01/57]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 18-01-2014 12:51:02
แสดงว่ามีแฟนเป็นหมอใช่มั้ยคะเนี่ย5555555555555555
โชเรารู้จุดประสงค์นายนะ 5555555555555555
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 04 [17/01/57]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 18-01-2014 16:32:41
ไม่จีบน้อง.....จะจีบพี่ กิกิ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 04 [17/01/57]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 18-01-2014 17:21:10
โชรู้นี่นา น้องธาน่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 04 [17/01/57]
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 18-01-2014 20:28:37

ชอบพ่อหมีจัง

หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 04 [17/01/57]
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 18-01-2014 20:36:54
ละมุนมากก~~~ feel good สุดๆๆ

ตลอด4ปี เราว่าโชคงชอบและแอบติดตามธีร์อยู่แน่ๆ แต่ไม่กล้าจีบหรือเปล่า?? เอาใจช่วยว่าที่คุณหมอนะคะ 

อ่อๆ จิบอกว่าชอบพ่อหมีมากแลดูนางปกป้องเราได้ 555555+
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 04 [17/01/57]
เริ่มหัวข้อโดย: velvetronica ที่ 10-02-2014 23:14:42
05


กันตธีร์กำลังหงุดหงิดอย่างมาก


ชายหนุ่มโยนมือถือเข้ากระเป๋าสะพายอย่างใส่อารมณ์ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะควบคุมได้และมากที่สุดเท่าที่ความถนอมของจะอำนวย


อะไรคือการถูกหลบหน้าจากคนที่เพิ่งประกาศว่าเขาเคยหลบหน้า!!


นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์อย่างเขาไม่รู้หรอกว่าคณะแพทยศาสตร์มันจะเรียนหนักอะไรขนาดไหน ไอ้ที่เรียกว่าอยู่เวร รับเคส โปรเกรส อะไรพวกนั้นก็ไม่ค่อยเข้าใจเสียด้วย เลยได้แต่รับคำอือออไปตามเรื่องตามราวกับการกล่าวอ้างของไอ้ต้นเหตุแห่งความไม่สบอารมณ์

ถ้าไม่เห็นอีกฝ่ายเดินเข้าไปกินข้าวร้านข้างๆ หลังจากบอกปัดเขาว่าไม่สะดวก มันก็คงเนียนดีอยู่หรอก!


“เป็นอะไร” คนนั่งข้างๆ หันมาถาม

“เป็นบ้า” สั้นห้วนได้ใจความ

“หืม? ใครทำให้หงุดหงิดกัน” จิรณัฐยิ้มรับปลายเสียงหงุดหงิด ก่อนจะหันกลับไปสนใจมือถือตัวเอง


กันตธีร์รู้ดีว่านั่นไม่ใช่ความไม่ใส่ใจ หากมันคือความเข้าใจถึงที่สุดว่าเขาไม่ชอบการเซ้าซี้ถามนู่นนี่ยามที่อารมณ์ไม่คงที่ จึงปล่อยให้อารมณ์เย็นลงด้วยตัวเองแทน

ชายหนุ่มเหลือบหางตามองทายาทเจ้าของธุรกิจอิเลคโทรนิคยักษ์ใหญ่แห่งสยามประเทศ คนที่ดูดีราวกับเดินออกมาจากนิตยสารต่อให้นั่งกดมือถืออยู่เฉยๆ ก็ตกเป็นเป้าสายตาได้ง่ายๆ

ตอนนี้หมดชั่วโมงเรียนหมดธุระแล้ว คนอื่นๆ ในภาคก็ทยอยกันเก็บของแล้วเดินออกไป แต่คนข้างตัวก็ยังนั่งเล่นอุปกรณ์อิเลคโทรนิคราวกับติดพันมากมาย...เพียงเพราะเขายังไม่ลุก


“เจ มึงจะกลับเลยป่ะ” หลังจากทิ้งความเงียบไว้สักพักความรู้สึกผิดต่ออีกฝ่ายที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็ผลักดันให้เก็บความขุ่นมัวลงไป

“ไม่อ่ะ” เมื่อโดนเรียกก็เก็บมือถือลงในทันที “เย็นนี้มี  event ไม่ใช่หรือ”

“กับ? กิ๊กคนที่สามร้อยเจ็ดสิบแปดล้านของมึงอ่ะนะ” อธิพจน์โวหารอาจจะไม่เวอร์ไปสำหรับคาสโนว่าไฮโซผู้นี้

“ธีร์พูดอะไร เจมีแค่ธีร์คนเดียวนั่นแหละ” หยอดคำหวานตามสไตล์จิรณัฐพร้อมขยิบตารับสีหน้าระอา “นี่ลืมจริงป่ะ เย็นนี้มีนัดกระชับสัมพันธ์กับชาวสถาปนิกนะเว่ย”

“เฮ้ย ลืมจริงว่ะ...” เผยอปากค้าง มันคืองานที่รุ่นน้องฝากให้ไปกรุยทางเพื่อติดต่อทำงานมหาลัยร่วมกัน “ชิบหายละ ยังไม่ได้ไปเอาเอกสาร”

“อ้าว หมีมันไม่ได้บอกเรอะ”

“คงบอก แต่กูลืมเอง”

“แล้วไปป่ะ”

“ไม่อ่ะ” กันตธีร์ส่ายหัวทันทีแบบไม่ต้องคิด “คนเยอะ”

“โหย ไรวะ ไปด้วยกันดิ นานๆ ทีจะมาเจอหน้ากันครบๆ นะเว่ย”

“ไม่ถนัดว่ะ คราวหน้าแล้วกัน แต่จะไปเก็บศพให้ ตายกันหมดก็โทรมา” ว่าจบก็ขยับตัวเอากระเป๋าสะพายบ่า

“งั้นจะกลับเลย?” หนุ่มหล่อไฮโซลุกขึ้นตามเพื่อนร่างเล็ก

“ไปถามเรื่องเอกสารก่อน ลืมไปเลย” คนขี้ลืมหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมากดหาเบอร์

“ให้ไปด้วยไหม”

“ไม่ต้อง...ไม่เป็นไร”


จิรณัฐพยักหน้ารับ ก่อนจะบอกว่าตนจะไปรอคนอื่นที่ใต้ตึกกลาง แล้วหันหลังเดินออกไปจากห้องภาคที่เหลือเจ้าของคำปฏิเสธยืนอยู่เพียงลำพัง

กันตธีร์ถอนหายใจพลางเอนตัวพิงสะโพกกับขอบโต๊ะ


‘ก็ไม่ได้ไม่ชอบ แต่ก็ไม่ได้ชอบ’


นั่นคือประโยคที่เขาใช้บอกกับเพื่อนรักอย่างกฤษณ์เสมอเกี่ยวกับจิรณัฐ คาสโนว่าสายโฮโมคนนี้ชอบหยอดชาวบ้านชาวช่องไปทั่วจนไม่มีใครคิดติดใจอะไร...แต่ไม่ใช่สำหรับเขา

จิรณัฐชอบเอาอกเอาใจคนอื่นเป็นปกติ แถมยังรู้ใจคนรอบตัวเสมอนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้กันตธีร์อึดอัด

ชายหนุ่มไม่ชอบการถูกบุกรุกพื้นที่ส่วนตัว แม้จะชอบความสะดวกสบายแค่ไหน แต่ถ้าต้องแลกกับชีวิตส่วนตัวเขาก็ขอโบกมือลา โดยยังไม่นับที่อีกฝ่ายเป็นผู้ชายเหมือนกัน

กันตธีร์ไม่ใช่คนที่ตั้งแง่รังเกียจรักร่วมเพศหรือเพศที่สาม ดังนั้นในกลุ่มเพื่อนก็มีประชากรเหล่านี้อยู่โดยสนิทใจกันดีไม่มีปัญหา ...แต่อย่างไรชายหนุ่มก็ไม่โอเคกับการเป็นฝ่ายถูกจีบ ซึ่งจิรณัฐไม่ใช่คนแรก แต่เป็นคนแรกที่เป็นเพื่อน

และถ้าหากเป็นเพื่อนที่ดีน้อยกว่านี้...เขาคงไม่ปล่อยให้มันรุงรังจนแม้แต่กฤษณ์ยังต้องระอา


เป็นอีกครั้งที่ถอนหายใจ ก่อนจะกดโทรออกหารุ่นน้องที่ต้องจัดการธุระให้


++++++


กันตธีร์กำลังนั่งทำงานเพลินๆ ตอนที่มือถือแผดเสียงร้องโวยวาย เขากดรับพลางเหลือบมองหน้าปัดกลมที่บอกเวลาตี 1 กลางๆ เริ่มค่อนไปทาง 2

ดูจากเวลาและชื่อที่โทรเข้าก็แทบจะพยากรณ์ความเป็นไปได้ไม่ยาก


“ตัวเล็กกก” อ้อแอ้ลากยาวกว่าปกติ

“ตายห่ากันหมดยัง” คนสติดีถามพลางเงี่ยหูฟังเสียงแห่งความวุ่นวายเบื้องหลัง

“เกือบว่ะ แม่ง...พวก’ถาปัตย์คอแข็งเชี่ยๆ แดกล้างผลาญชิบหาย” พ่อหมีคอทองแดงบ่นเสียงอู้อี้ คงกรึ่มได้ที่ไม่น้อย “กูขับกลับไม่ไหวแล้วว่ะ เดี๋ยวได้เอา mazda มึงไปซัดเสาไฟฟ้า ออกมารับหน่อย”

“ร้านเดิมป่ะ”

“เออๆ ไม่ต้องรีบ กูยังไหว”


วางสายเสร็จคนอยู่โยงเฝ้าหอก็คว้าๆ เอากางเกงยีนส์สีซีดมาสวมทับบ๊อกเซอร์ที่ใส่นอน ส่วนท่อนบนที่เป็นเสื้อยืดเก่าๆ ย้วยๆ ก็ช่างหัวมันไป หยิบมือถือกระเป๋าตังได้ก็เดินออกไปทำหน้าที่เพื่อนที่ดีทันที


หลังจากยืนเรียกร้องความสนใจจากรถแท็กซี่ได้ไม่นานก็เจรจากันรู้เรื่อง ซึ่งเป็นข้อดีของการที่มหาลัยฯอยู่ในเมือง แม้จะไม่ใจกลางกรุง แต่ก็จัดว่าเดินทางได้สะดวกไม่น้อย

เป้าหมายของเขาคือผับระดับกลางใกล้มหาลัยฯ สภาพภายนอกภายในก็นับว่าดีใช้ได้ ไม่น่ากลัวจะถล่ม แถมอาหารอร่อย ดนตรีสดก็เพราะ จึงเป็นแหล่งรวมชั้นดีของนักศึกษาผู้โหยหาความบันเทิงยามค่ำคืนไปโดยปริยาย

กันตธีร์แทบจะเอามืออุดจมูกหลังจากผ่านขั้นตอนการตรวจบัตรเข้าไปในร้าน กลิ่นบุหรี่อบอวลกับน้ำหอมและกลิ่นเหงื่อเนื้อหนังมังสาทำให้คนชอบปลีกวิเวกรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออกขึ้นมาทันที แถมเสียงดนตรีดังกระหึ่มกับบรรยากาศในวังวนของกิเลสตัณหาก็คลุกเคล้ากันจนชวนให้วิงเวียน หลังจากสอดส่ายสายตาได้ไม่นานก็กำหนดตำแหน่งได้จากร่างสูงใหญ่ของคุณพ่อ เขาเดินแหวกฝูงชนอย่างระมัดระวังไปจนถึงที่


“กุญแจรถ” ทวงถามเป็นคำแรก

“เอ้า...มึงเอาไอ้พวกนี้ไปก่อน แม่งเมาเป็นหมา”


คนปลอดอบายมุขรับกุญแจรถตัวเองที่เพื่อนยืมไปคืนมา ก่อนจะกะคะเนการขนส่งสิ่งมีชีวิตใต้ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์อย่างคุ้มค่าที่สุด

ฝ่ายคณะสถาปัตย์ก็เริ่มมีคนมาเก็บศพเพื่อนเช่นกัน กันตธีร์ทักทายตอบเมื่ออีกฝ่ายยื่นมิตรไมตรีให้ ส่วนคนที่ร่ำสุรามาจนปริ่มแต่ยังไม่น็อคก็กอดคอเฮฮาทำอะไรประหลาดโลกแบบลืมอายจนได้ข้อสรุปว่าผลงานครั้งนี้ลุล่วงด้วยดี


หลังจากแบ่งภาระกันเป็นที่เรียบร้อย คนตัวเล็กกับคนที่ยังมีสติก็จัดแจงลากเอาซากเรื้อนใส่เจ้าmazda2สีควันบุหรี่คันกระทัดรัดจนเต็มพื้นที่ จึงบอกเพื่อนสนิทที่ยังดูโอเคให้รอก่อน เดี๋ยววนมารับอีกรอบ


“ไม่ต้องรีบ กูยังไหว”


พ่อหมีย้ำคำเดิมก่อนจะเดินเป๋ๆ ลงไปนั่งกับแก๊งค์คอทองแดงที่ยังเหลือรอด เจ้าของรถจึงรีบขนส่งสิ่งมีชีวิตไร้สติบ้างกึ่งไร้สติบ้างไปทิ้งตามหอเพื่อนที่พอจะอำนวย


“ให้พวกแม่งนอนนี่ให้หมดเลยก็ได้ ห้องมึงเล็กจะตาย” เพื่อนคนหนึ่งที่ยังคุยรู้เรื่องเสนอขณะกำลังขนย้ายพวกไร้เรี่ยวแรงเข้าหอเอกชนใกล้มหาลัยฯ ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวางกว่าหอในเป็นเท่าตัว “คราวที่แล้วขนกันไปนอนเบียดแทบได้เสีย ตื่นมาแม่งพิการ”

“เอางั้นก็ได้ งั้นห้องกูเหลือแค่ไอ้เจ” สารถีประจำวันพูดถึงอีกคนที่ยังรออยู่ที่ผับ

“มันจะอยู่รอมึงเหรอ ป่านนี้ไปเกี่ยวเด็กจนได้ที่นอนแล้วมั้ง”

“...ก็จริงของมึง”


กันตธีร์คิดว่าตนเองใช้เวลาไม่นานนักก็วกรถกลับมาที่ผับเดิมอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่ต้องใช้เวลาในการมองหาเป้าหมาย แต่ก็ต้องผิดคาดเมื่อเดินไปที่โต๊ะเดิมแล้วไม่เจอใครนอกจากซากหมีตัวใหญ่ที่ฟุบอยู่กับโต๊ะ


“เฮ้ย! หมี!!” เขย่าด้วยความนุ่มนวลในครั้งแรก ก่อนจะทวีความรุนแรงขึ้นจนถึงทำร้ายร่างกาย “ไอ้หมีควาย! กูแบกมึงไม่ไหวนะโว้ย!”


หลังจากไร้การตอบสนองต่อการกระตุ้นทุกรูปแบบชายหนุ่มก็หยุดมือ ถูกปล่อยทิ้งไว้แบบนี้ไม่รู้โดนใครรูดทรัพย์ไปบ้างหรือยัง ยังดีที่ตัวใหญ่จนเกินกว่าจะถูกหิ้วไปไหนง่ายๆ ชายหนุ่มบ่นอุบแล้วกดมือถือโทรหาเพื่อนอีกหน่อที่ควรจะอยู่แถวนี้


“เจ...” พูดไม่ทันหมดคำดีเสียงปลายสายที่ตอบกลับมาเป็นการหอบกระเส่าก็ทำให้รู้งานและกดวางได้ทันที


สรุปว่าวันนี้ไม่มีผู้ขออาศัย...แล้วใครจะช่วยแบกไอ้หมีนี่วะ ไหนบอกว่ายังไหวไงล่ะมึง!


ชายหนุ่มตัดสินว่าจะไปขอความช่วยเหลือจากพนักงานร้านในวินาทีที่มีสัมผัสเบาๆ เกิดขึ้นที่ปลายศอก


“ธีร์”


เสียงนุ่มรับกับใบหน้าที่ชวนให้หงุดหงิดเพราะดูดีแม้จะอยู่ในไฟสลัว กันตธีร์สบตาก่อนจะเลื่อนไปมองคนที่อีกฝ่ายพยุงอยู่


“มาเก็บศพเหมือนกัน?”

“ไม่เชิง...ให้ช่วยไหม แต่ขอเอาเพื่อนไปส่งก่อน”

“มีรถหรือเปล่า?” คำตอบคือการส่ายหน้า “งั้นพาเพื่อนไปไว้รถฉัน เดี๋ยวขับไปส่ง”

“...”

“โอเค?”


โชติภัทรพาเพื่อนที่สะลึมสะลือไปนั่งเบาะหลังของเจ้ารถเล็กแล้วจึงกลับมาช่วยยกแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของกฤษณ์ขึ้นพาดบ่าแล้วพยุงขึ้นทำให้กันตธีร์ที่พยุงอีกข้างรับรู้ถึงความสูงที่แตกต่างได้อย่างชัดเจน การขนย้ายเต็มไปด้วยความทุลักทุเลเพราะสัมภาระชิ้นใหญ่เอาแต่คอพับคออ่อนทำท่าจะถลาเข้าข้างทางตลอดเวลา


กันตธีร์กำลังตั้งสมาธิกับการขับรถแต่รู้สึกได้ว่าถูกมองจากคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง นอกจากจะไม่ถนัดเปิดบทสนทนาแล้วเขาก็ไม่นิยมเปิดเพลงเวลาขับรถตอนนี้ทั้งคันจึงมีแต่ความเงียบเข้าปกคลุม ส่วนคนที่มักจะเป็นฝ่ายเริ่มคุยก่อนก็กลับเงียบจนน่าประหลาด เสี้ยวหน้าที่มีไฟข้างถนนอาบอยู่ไม่บ่งบอกความรู้สึกอะไรแม้แต่รอยยิ้มจางๆ เหมือนเดิมก็ไม่มี

บรรยากาศมันแปลก...หรืออาจจะเป็นที่ความหงุดหงิดของเขาเอง


โชติภัทรพาเพื่อนขึ้นไปส่งบนหอตัวเองก่อนจะกลับลงมาช่วยแบกซากหมีหลังรถ เจ้าหน้าที่ใต้หอเหล่มองนักศึกษาแปลกหน้าเล็กน้อยแต่ก็ปล่อยผ่านไป


“มึงตัวใหญ่ไปไหมเนี่ย!!” กันตธีร์บ่นขณะเอื้อมมือไปกดลิฟต์  โชติภัทรหัวเราะรับเบาๆ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ


เมื่ออยู่ในที่สว่างจึงถึงได้สังเกตผ่านกระจกในลิฟต์ว่าอีกฝ่ายมีสีแดงเรื่อบนใบหน้าทั้งสองกอปรกับตาคู่สวยที่ฉ่ำเยิ้มหลังเลนส์แว่นตาทำให้บอกได้ไม่ยากว่าผิดศีลข้อ 5 ไปไม่น้อย

ซึ่งบรรยากาศผิดปกติก็ยังคงดำเนินต่อไปอย่างไร้คำอธิบาย


“โอย...” กฤษณ์ครางขึ้นพร้อมกับเปลือกตาปรือ

“ตื่นได้สักทีนะมึง เอ้ายืนเอง กูจะไขประตู” กันตธีร์ตบหลังเพื่อนแล้วผลักท่อนแขนยักษ์ให้พ้นตัว

“...ตัวเล็ก” คนยังสติไม่เต็มเรียกแต่กลับไปเหนี่ยวเสื้ออีกคนที่ยังช่วยพยุงอยู่

“เออๆ แปปนึง เดี๋ยวได้นอนดีๆ แล้ว”

“...ตัวเล็ก”

“รู้แล้วๆ”

“ตัวเล็ก คือ...กู...จะ...”


สิ้นสุดความพยายามบอกเล่าของเก่าที่ซัดเข้าไปตั้งแต่เย็นก็พากันทะลักทลายออกมาส่งกลิ่นเหม็นเปรี้ยวล่องลอยไปทั่วทางเดิน รวมถึงอาบรดเสื้อของคนที่เป็นหลักยึดแบบเรียกได้ว่าจัดเต็ม


“เชี่ยยยยยย!!โอยยย กูจะบ้า ไอ้เชี่ยหมี!”


กันตธีร์สบถยาวเหยียด รู้สึกอยากจะเป็นลมแทบไอ้คนที่อ้วกเสร็จก็คอพับซบลงไปอีกรอบ ส่วนโชติภัทรผู้โชคร้ายก็สีหน้ากระตุกเล็กน้อยแล้วกลับมาเรียบดังเดิม

ทั้งคู่ลากสังขารสุดบรรยายนั้นเข้ามาในห้องจนสำเร็จแล้วกองไว้ที่พื้น เจ้าของห้องรีบหันไปค้นตู้เสื้อผ้า รื้อๆ เสื้อยืดกับกางเกงบอลออกมาพร้อมกับผ้าขนหนู


“ถอดเสื้อมา เดี๋ยวซักให้” คนฟังอ้ำอึ้งกับคำสั่งนั้น เจ้าของคำจึงย้ำ “เร็วดิ จะได้ไปล้างตัว ห้องน้ำอยู่สุดทางซ้ายมือ”


เสื้อเชิ้ตที่ตกเป็นเหยื่อถูกปลดออกเผยให้เห็นรูปร่างโปร่งแต่ชัดด้วยมัดกล้ามเนื้ออย่างพอเหมาะ โชติภัทรรับผ้าและเครื่องอาบน้ำมาแล้วจึงออกจัดการตัวเองตามคำประกาศิต

ด้วยความที่เป็นคนทำอะไรเร็วอยู่แล้วตามประสานักศึกษาแพทย์ จึงใช้เวลาไม่นานในการอาบน้ำจนเรียบร้อย พอโผล่กลับไปก็พบว่าเจ้าถิ่นจัดการกับซากอารยธรรมที่เพิ่อนสร้างไว้หน้าห้องเสร็จแล้ว และกำลังปลุกปล้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเหม็นอ้วกให้กับเจ้าของบนพื้น

พอมีคนช่วยอะไรๆ ก็ง่ายขึ้น ร่างใหญ่ยักษ์ของกฤษณ์ถูกเปลี่ยนเสื้อผ้าและนอนแผ่สบายใจอยู่บนเตียงอย่างชวนให้ถวายบาทาสักทีสองที กันตธีร์เสยผมพร้อมกับล้มตัวนั่งบนปลายเตียงตัวเอง


“เดี๋ยวซักเสื้อเสร็จแล้วเอาไปคืนให้ใต้หอ” อีกฝ่ายเพียงแต่พยักหน้ารับ จนคนพูดต้องขมวดคิ้ว “เมาแล้วเงียบหรือไง?”

“...ไม่ได้เมา”

“งั้นหรือ...วันนี้เงียบแปลกๆ ไม่ค่อยพูดเหมือนทุกที” ...ที่เคยพูดมากจนเกือบได้ต่อยปากกัน “เป็นอะไรหรือเปล่า?”

“...พอดีมีเรื่องที่ยังคิดไม่ตกน่ะ” คนที่วันนี้ประหยัดคำพูดเป็นพิเศษตอบสั้นห้วน

“คิดไม่ตกก็ไม่ต้องคิดสิ”

“ไม่ได้หรอก...มันสำคัญกับการตัดสินใจบางอย่าง”

“แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออกไม่ใช่หรือ ก็เหมือนเขียนรายงานนั่นแหละ” ฝ่ายที่เคยถูกสั่งสอนย้อนคำเดิม “ไหนๆ ก็คิดไม่ตก ก็ตัดสินใจไปเหอะ เพราะคิดยังไงก็คิดไม่ออกอยู่ดี เริ่มไปเลย จะได้รู้ว่ามันเป็นยังไง”

“...ถ้าพลาดแล้วพลาดเลยนะ” คนหน้าตึงเริ่มยิ้มออกเป็นครั้งแรก รู้ตัวดีว่าถูกยอกย้อน

“นั่นมันก็ช่วยไม่ได้ ทำดีสุดแล้วนี่”

“งั้นถ้าพลาดขึ้นมาจริงๆ ความผิดธีร์นะ”

“เฮ้ย เกี่ยวอะไรด้วยวะ” คนโดนโยนหัวเราะแบบไม่จริงจัง “แต่ก็ได้ กันตธีร์คนนี้จะรับผิดชอบเอง”


โชติภัทรวาดรอยยิ้มที่คุ้นเคยแต่อ่านอะไรไม่ออก ฝั่งคนมองก็ยิ้มร่ากลับไปอย่างไม่คิดมาก


“...แล้วสรุปว่าหลบหน้าป่าววะ?”

“หืม?”

“ใครไม่รู้...วันก่อนบอกว่าไม่สะดวกไปกินข้าว แต่เดินเข้าร้านหมูแดงหลังม.”

“อ้อ...” รับคำไปแต่ก็ไม่อธิบาย จนคนคันปากต้องเป็นฝ่ายเอ่ยถาม

“ไม่แก้ตัวหน่อยหรือไง”

“ไม่แก้ตัว ตอนนั้นไม่สะดวกจริงๆ” คนมีคดีติดตัวยังคงยืนยันกระต่ายขาเดียวจนฝ่ายคนสอบปากคำต้องเลิกราไปเอง

“เออๆ แล้วไง สรุปจะให้เลี้ยงไหม ข้าวน่ะ?”

“อย่าดีกว่า...ขอเป็นตั๋วหนังที่จะเข้าใหม่อีกสองอาทิตย์แล้วกัน”


กันตธีร์พูดชื่อหนังที่ดัดแปลงมาจากหนังสือทำให้คนไม่นิยมกินฟรียิ้มรับแทนคำตอบ

หลังจากคุยกันได้อีกสองสามคำ โชติภัทรก็ขอตัวกลับหอ เจ้าของห้องบอกขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือและการรับเคราะห์จนได้เสียงหัวเราะเบาๆ กลับมา ความขุ่นมัวก่อนหน้าปลิวหายไปตอนไหนก็ไม่ทราบ แต่คงจะไปกับบรยากาศแปลกๆ ที่ชวนอึดอัด เพราะตอนนี้ก็คุยกันได้ปกติ และรอยยิ้มยิ้มจางๆ ที่เห็นจนชินก็กลับมาแล้ว

ชวนให้สบายใจ...จนลืมหาเหตุผลไปเลยจริงๆ



TBC



::TALK::

กราบกรานคนอ่าน...  :hao5:

หายไปนานมากกว่าที่คิด ขอโทษนะคะ แงงงงงง  :sad4:

อย่างที่บอกว่าต้องไปเร่ร่อนที่ตจว. คือ หาคอมใช้ไม่ได้จริงๆค่ะ แบบว่ามีปัญหามาก ซึ่งจริงๆก็มีคนให้ยืมนะคะ แต่เป็นคุณแฟน ซึ่งแบบ...เข้าใจคนเขียนใช่ไหมคะ  :z3: ไม่รู้จะบอกว่ายืมมาทำอะไรอ่ะค่ะ (โฮฮฮฮ)

ตอนนี้เลยล่าช้าเช่นนี้เอง ฮืออออออออ นี่รีบสุดเลยค่ะ อ่านทวนได้น้อยมาก(อีกแล้ว) อย่าเพิ่งทิ้งกันไปนะคะ

สำหรับตอนนี้ทุกคนอาจจะงงกับภาวะผีเข้าผีออกของโชติภัทรนิดนึง แต่อดใจรอก่อนนะคะ เดี๋ยวจะมีอธิบายในถัดๆไป

ตอนหน้าจะพยายามไม่ให้ช้าเกินรอ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ อยู่ด้วยกันก่อนน้าาาา  :กอด1:


::comment::

พลายสวย - นั่นสินะ ยังไงดีล่ะคุณโชติภัทร 555

mesomeo2 - น่ารักค่ะ คนเขียนรักมากเลยคนนี้  :กอด1:

De_cimo - ยินดีต้อนรับค่า ดีใจจังที่ชอบ ขอบคุณนะคะ  :o8:

route rover - ผ่านมา4ตอนเพิ่งหน้าแดงหนึ่งที ระดับความเรื่อยสุดยอดค่ะ 555

quiicheh. - น่าจะเพราะคนเขียนเรียนหมอมากกว่าค่ะ (ฮือ) นายคนนี้มันมีเบื้องหลังค่ะ อุอิ

bulldog17 - ใช่เลยค่ะ!!! 555555

iamnan - ในเรื่องนี้ ถ้าใครจะไม่รู้ก็คงเป็นนายกันตธีร์นี่ล่ะค่ะ  o22

AGALIGO - แต่ตอนนี้ดูเรื้อนนะคะ 555

aloney - ขอบคุณค่า เบื้องลึกจะเป็นยังไง ติดตามนะคะๆ ตอนนี้คาดว่าคะแนนนิยมตัวประกอบพุ่งลิ่วๆแล้วค่ะ 555


ขอบคุณทุกคนที่มาคุยกันนะคะ เลิฟฟฟ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 05 [10/02/57 P.2]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 11-02-2014 02:17:03
 :hao3: คุณโชหึง....รึสับสนตัวเองหว่าา
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 05 [10/02/57 P.2]
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 11-02-2014 06:21:37
เรารู้ว่าคุณโชคิดอะไร
จีบไปเลย เชียร์อยู่
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 05 [10/02/57 P.2]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 11-02-2014 10:18:59
คงคิดว่าจะจีบหรือไม่จีบดี
แต่อยากให้เจรุกหน่อยนะ อยากเห็นคุณหมอหึง55555555
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 05 [10/02/57 P.2]
เริ่มหัวข้อโดย: Mancha KHIRI ที่ 11-02-2014 11:53:44
รู้นะ ฉันรู้นะ ว่าเธอคิดอะไรอยู่อ่ะนายโช อิอิ

คิดดีแล้วก็เดินหน้าเลยนะ รอจิกหมอนอยู่นะเธอ 555
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 05 [10/02/57 P.2]
เริ่มหัวข้อโดย: velvetronica ที่ 07-03-2014 21:51:15
06



บรรยากาศในห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าแคบๆ ดูจะระอุกว่าปกติเมื่อพัดลมเอาแต่ส่งเสียงครวญครางประท้วงการใช้แรงงานในอุปกรณ์สูงอายุ ซึ่งลมเอื่อยๆ ที่ผลิตออกมาให้เหงื่อแห้งลงได้บ้างก็ไม่คลายร้อนแต่ประการใด

สภาพห้องค่อนเก่าโทรมไร้การดูแลกอปรกับข้าวของที่ไร้การจัดระเบียบและกองกระเป๋าของคนจำนวนมากที่เอามาถมรวมกันไว้ทำให้ใครที่ต้องการใช้ห้องต้องเบียดตัวหาพื้นที่กันตามมีตามเกิด


“อากาศแม่งร้อนเกินไปป่าววะ!?”


โชติภัทรเงยหน้าขึ้นจากฟอร์มปรอท*มองตามเสียงที่โวยวายขึ้นมาจากอีกมุมห้อง


“มึงก็เอาแต่นั่งเงียบ ไม่ร้อนบ้างหรือไง”

“ร้อนครับ” คนนั่งนิ่งจุดรอยยิ้มที่มุมปากแล้วสวนกลับไปนิ่มๆ “แต่โวยวายกับพี่ไปก็เปิดแอร์ไม่ได้อยู่ดี”

“เออ ถูกของมึง...แต่แม่งร้อนสัสๆ แอร์เสือกมาเจ๊งอะไรตอนนี้วะ ไม่ไปเจ๊งหน้าหนาว...” คนเป็นพี่บ่นอุบอิบอีกหลายประโยคก่อนจะนั่งเท้าคางมองรุ่นน้องที่กลับไปนั่งอ่านชาร์ตผู้ป่วยต่อ “พักนี้มึงอารมณ์ดีนะ”

“...พี่ว่างั้นหรือครับ” คนถูกทักชะงักไปเล็กน้อย

“เพื่อนกูที่อยู่วอร์ดเมด**กับมึงตอนต้นเทอมบอกว่ามึงอ่ะ อะไรก็ดีทำงานก็ดีเก่งด้วยขยันด้วย แต่วันๆ ไม่พูดไม่จาเอาแต่ทำหน้าเฉยๆ”


ว่าไปก็สำรวจไอ้เด็กตรงหน้า

หน้าตามันก็ดีถึงดีมาก ท่าทางก็ดูน่าเชื่อถือ ยิ่งใส่แว่นยิ่งชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ มาดแบบนี้พูดอะไรไปคนไข้ก็เชื่อ แถมชอบพูดเสียงเรื่อยๆ ฟังสบายหูอีก แต่เสียตรงไม่ชอบพูด ไม่ชอบเข้าสังคม ไม่งั้นป่านนี้สาวๆ คงติดกันเกรียวกราว


“แล้วเกี่ยวอะไรกับที่ผมอารมณ์ดี?”

“นี่ไง” พี่เอกซ์เทิร์น***หมุนปากกามาชี้หน้า “เดี๋ยวนี้เจ้าปีกกล้าขาแข็งบังอาจพูดจายอกย้อนไม่ไว้หน้าศิษย์พี่อย่างข้า”

“...ผมแค่เลือกคนน่ะพี่”


ว่าจบก็ลุกพลางรวบเอาชาร์ตและแฟ้มผู้ป่วยที่ยืมมาออกจากห้องพักนักศึกษาแพทย์ประจำวอร์ดไปคืนที่เคาท์เตอร์พยาบาลทิ้งให้คนอาวุโสกว่าโวยวายไล่หลัง


“โชขึ้นมาเร็วจัง” เพื่อนสาวที่เพิ่งเดินขึ้นมาที่วอร์ดทัก

“เรากินข้าวเช้าแล้วน่ะ เลยขึ้นมาดูเคสก่อน”

“ตื่นเช้าสินะ เลยกินข้าวทันก่อนราวน์ เราต้องไปกินหลังเลคเชอร์เช้าทุกวันเลย”

“เพราะมึงต้องไปกินข้าวเช้ากับใครก่อนขึ้นมาหรือเปล่า” เพื่อนอีกคนที่เพิ่งขึ้นมาพร้อมกันยักคิ้วให้อย่างมีความหมายแบบ

“ใคร?” คนตื่นเช้าตีหน้ามึนตอบ

“กูเห็นแล้วกัน”

“เห งั้นที่โชมาแลกเวรวันนี้ก็เพราะมีนัดหรือเนี่ย” สาวหนึ่งเดียวในวงยิ้มตาเป็นประกาย

“นั่นไงกูว่าละ พักนี้มึงพูดจามากขึ้นเพราะตกในห้วงรักสินะ” พี่เอกซ์เทิร์นเจ้าเก่ายื่นหน้าออกมาจากห้องพัก “ข้าขอสั่งให้เจ้าไปฝึกวิชาใต้น้ำตกเพิ่มความแข็งแกร่งในจิตใจก่อนพิชิตสาวน้อยคนนั้น”

“...พี่รู้ได้ไงว่าเป็นผู้หญิง”

“มึงอย่าเบี่ยงประเด็น วันก่อนมีคนเห็นมึงนั่งกินข้าวเช้ากับดาวปี3” เพื่อนคนเดิมขยายความให้คนอื่นฟังราวกับเห็นเอง

“นั่นมันเพื่อนสนิทน้องรหัสกู คนเยอะไม่มีที่เลยมานั่งด้วยเฉยๆ”


เมื่อจำเลยแก้อย่างไม่ใส่ใจอีกฝ่ายจึงสบตากันสามคนหมายมั่นจะเค้นคอให้ได้ ถ้าไม่ติดว่าหัวหน้าพยาบาลตะโกนเรียกมาก่อนจากเคาท์เตอร์


“ปี4สายAรับโทรศัพท์จ้า”

“ครับ ขอบคุณครับพี่ปุ๊ก”


คนมีคดีเดินเลี่ยงไปหาสาวร่างใหญ่ในชุดเครื่องแบบสีสะอาดพร้อมหมวกสีขาวประดับแถบดำสองเส้น แล้วรับเครื่องมือสื่อสารประจำวอร์ดมาแนบหู


“นักศึกษาแพทย์ปี4วอร์ดศัลย์XXสายAนะคะ”

“ครับ นศพ.โชติภัทรครับ”

“ค่ะ พี่เป็นเลขาอาจารย์กิตติรัตน์นะคะ โทรมาแจ้งเลื่อนเวลาเรียนbed sideเช้านี้ เป็นบ่ายนี้สี่โมงเย็นนะคะ พอดีอาจารย์ติดผ่าค่ะ”

“...วันนี้ใช่ไหมครับ”

“ค่ะ วันนี้สี่โมงเย็น”

“ได้ครับ เอ่อ...ถึงกี่โมงพี่พอทราบไหมครับ”

“เอ ปกติก็ไม่น่าเกิน2ชั่วโมงนะคะ”

“ครับ ขอบคุณครับ”


โชติภัทรเม้มปากก่อนจะวางโทรศัพท์ลงกับแป้น


“เฮ้ย ทำไมวะ?”

“bed sideอ.กิตติรัตน์เปลี่ยนเป็นวันนี้สี่โมง” ตอบเสียงเรียบเป็นปกติ แต่คนฟังเริ่มจับเค้าลางได้

“อ้อ...หน้าเครียดเชียวมึง สรุปวันนี้ที่แลกเวรนี่มีนัดจริงใช่มะ” เอ่ยกระเซ้าพร้อมกับพยักเพยิดกับอีกสองคน

“มี” พยักหน้าเพราะไม่รู้จะโกหกทำไม

“นั่นไง!!” หญิงสาวกรี๊ดเสียงเบาพร้อมกับกระตุกเสื้อกาวน์เพื่อน

“น่ะ น้องดาวคณะใช่มั๊ย แล้วทำมาปฏิเสธ”

“มึงมั่นใจได้ไงว่ากูมีนัดกับผู้หญิง?”

“มึงไม่ต้องมุกนี้เลย จีบติดแล้วพามาเคารพศิษย์พี่ด้วยนะไอ้โช”


โชติภัทรส่ายหน้าก่อนจะหยิบมือถือแล้วเลี่ยงออกจากวง


++++++


กันตธีร์กำลังนั่งจัดระเบียบเอกสารและข้าวของในขณะที่คนอื่นเดินออกจากห้องเรียน ส่วนที่นั่งข้างๆ ก็ยังคงถูกจับจองด้วยคาสโนวารูปหล่อผู้นั่งกดมือถือรอเหมือนเดิมอย่างที่ทำมาหลายปี


“จะกลับเลยป่ะ” คนตัวเล็กหันมาถามด้วยความเคยชิน

“ธีร์ล่ะ?” จิรณัฐเก็บมือถือพร้อมตอบด้วยคำถาม

“กลับเลย วันนี้ไม่ต้องทำอะไรแล้ว”

“แล้วจะกลับหอหรือบ้าน ...ไปดูหนังกันไหม ที่เข้าวันนี้ ธีร์อยากดูไม่ใช่หรือ” พอเห็นอีกฝ่ายสีหน้าเปลี่ยนไปจึงรีบสำทับ “ชวนคนอื่นๆ ไปด้วยกันสิ ไอ้หมีหรือแอมก็ได้”

“...เปล่าๆ วันนี้นัดเพื่อนไว้ตอนเย็น จะไปดูเรื่องนี้นี่แหละ” กันตธีร์ส่ายหัวแล้วชี้แจง “ไม่น่าจะรู้จักกัน แต่ไปด้วยได้นะ”

“งั้น...ชวนคนอื่นไปด้วยกันเลยดีไหม หมีรู้จักรึเปล่า เดี๋ยวเอามันไปก็ไม่อึดอัดแล้ว” คนกลางพยักหน้ารับแม้จะมีสีหน้าไม่มั่นใจ “ตามนั้น ธีร์กลับหอไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวเจชวนคนอื่นให้เอง”

“โอเค งั้นกลับก่อนนะ”


จิรณัฐนั่งรอจนทันทีที่ร่างเล็กลับตาก็รีบกดโทรออกหาคนคนหนึ่งทันที


“มีไร”

“เย็นนี้ไปดูหนังกัน”

“กินยาผิดป่ะ ชวนกูดูหนัง” ปลายสายหัวเราะ

“ไปกับธีร์ด้วย” คำตอบสั้นๆ อธิบายสถานการณ์ได้ชัดเจนที่สุด “ธีร์ไปดูกับใครวะ”

“...มึงไม่ถามไอ้ตัวเล็กวะ ถามไรกูเนี่ย”

“มีแต่มึงเท่านั้นแหละที่ถามธีร์ได้ อย่ากวนตีน กูไม่ขำ” เสียงเครียดทำให้คนฟังต้องหยุดขำ

“เออๆ กูไม่เกี่ยวด้วยนะเว่ย อะไรวะ” กฤษณ์พึมพำเบาๆ “โช ปี4คณะแพทย์”

“...ทำไมกูไม่เคยได้ยิน เพื่อนเก่า?”

“อย่าว่าแต่มึงเลย กูเองก็ไม่ได้ยินมาหลายปีแล้ว ไม่ใช่เพื่อนเก่า แต่เรื่องมันยาว ตัวเล็กมันไม่ให้เล่าด้วย”

“คือคนที่ช่วงนี้ธีร์คุยบ่อยๆ ในlineสินะ” สรุปได้ตรงประเด็นจนปลายสายเงียบ “แล้วไง สรุปเป็นเพื่อนหรือยังไง”

“ตอนนี้เป็นเพื่อน” ตอบพลางถอนหายใจ “อะไรของมึง ปกติไม่เห็นจะเดือดร้อนเชี่ยอะไรเลย มึงเองยังมั่วไม่เลือกเลยสัส”

“มึงไม่เข้าใจ”

“เออออออ กูไม่เข้าใจ ใครจะไปเข้าใจเรื่องของพวกมึง ซับซ้อนชิบหาย”

“แล้วสรุปมึงจะไปดูมั๊ย”

“ก็ได้ กูชวนแอมไปด้วยแล้วกัน”


กฤษณ์วางสายไปนานแล้ว แต่จิรณัฐก็ยังคงนั่งอยู่ในห้องที่ว่างเปล่าเพื่อครุ่นคิดอะไรบางอย่าง


++++++


นาฬิกาแสดงเวลาล่วงหกโมงเย็นไปได้หลายนาที ชายหนุ่มโงหัวขึ้นจากที่นอนนิ่มๆ มาจัดสภาพร่างกายอย่างไม่รีบร้อนแต่เหลือบมองมือถือที่นอนนิ่งอยู่เป็นระยะ


“นัดคนอื่นไว้หกโมงสิบห้าหน้าหอนะ”

“อืม...”


กันตธีร์รับคำรูมเมทพร้อมกับกดโทรออกหาคนที่กำลังรออยู่ สัญญาณเรียกเข้าดังอยู่นานก่อนจะหายไป...ไม่รับ

เมื่อกดอีกครั้ง และอีกครั้ง...ผลก็เหมือนเดิม


“มึงไปกับพวกนั้นก่อนเลยแล้วกัน”

“เฮ้ย ไปพร้อมกันนี่แหละ”

“ยังไม่รับเลย เลิกเลทมั้ง มึงไปก่อนเหอะ” พูดพลางจ้องโทรศัพท์ราวกับจะเพ่งกระแสจิตปถึงปลายสาย “ถ้าไปถึงแล้วโชโทรมาจะได้ฝากจองที่ก่อนด้วยไง”

“...รอบหกโมงสี่สิบห้านะ”

“อือ”


ท้องฟ้านอกหน้าต่างดูมืดครึ้มลง






กฤษณ์โทรมาโวยวายเรื่องตั๋วหนัง เขาจึงหัวเราะเบาๆ แล้วตอบไปว่าคงไม่ทันแล้วล่ะ ไปดูกันสามคนเถอะ ปลายสายมีความวุ่นวายเล็กน้อยก่อนที่พิชามณจะมาถือสายแล้วถามไถ่ว่ากินข้าวหรือยัง แล้วจึงวางไป

ตอนนี้นอกห้องมืดสนิทแล้ว เริ่มเป็นสัญญาณว่าใกล้หน้าหนาวเข้าไปทุกที ชายหนุ่มนั่งมองมือถือบนโต๊ะอย่างใจเย็น เข็มนาฬิกายังคงเดินต๊อกแต๊กไปเรื่อยๆ อย่างสม่ำเสมอ

ในที่สุดโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเมื่อล่วงเวลาหนึ่งทุ่มไปไม่น้อย


ดังเป็นข้อความ...


‘ขอโทษนะ เพิ่งเลิกเอง ตอนนี้ดูหนังกับเพื่อนแล้วหรือเปล่า ไว้โอกาสหน้านะ ขอโทษจริงๆ’


กันตธีร์เริ่มสัมผัสความไม่พอใจของตัวเองได้ในวินาทีนี้ เขากดมือถือโทรหาเจ้าของข้อความทันทีแบบไม่ผ่านการประมวลผล


“ธีร์?”

“เพิ่งเลิกหรือ”

“อืม ขอโทษนะ” เบื้องหลังมีเสียงคนคุยกันเหมือนเพิ่งเดินออกมาจากห้องเรียนจริง “ธีร์ดูหนังอยู่รึเปล่า ไปดูต่อเถอะ”

“ถ้าวันหลังจะเลิกช้าขนาดนี้ก็บอกกันก่อนสิวะ รับสายหรือส่งข้อความมาบอกหน่อยก็ยังดี” พูดไปด้วยเสียงแข็ง ความหงุดหงิดเริ่มแล่นขึ้นมาเป็นริ้วระลอก “จะได้ไม่ต้องนั่งรอ”

“ธีร์...” ครางเบาๆ เหมือนจะพูดกับตัวเองมากกว่า “ขอโทษจริงๆ ไม่คิดว่าจะเลทขนาดนี้เหมือนกัน มันเป็นคาบเรียนที่เพิ่งเลื่อนมา แต่อาจารย์ผ่าตัดติดพันเลยมาสอนช้า แล้วมันเป็นห้องเรียนกลุ่มย่อย ฉันนั่งข้างอาจารย์เลย จะใช้มือถือมันก็ไม่ได้จริงๆ”

“อืม...”

“คือ มันก็ไม่ใช่ข้อแก้ตัว ฉันน่าจะบอกธีร์ก่อนว่าไม่ต้องรอ ไปดูกับเพื่อนก่อนได้เลย”

“แล้ว?”

“...ขอโทษจริงๆ”

“โอเคๆ มันก็ช่วยไม่ได้นั่นแหละ ไว้คราวหน้าแล้วกัน”


คุยโต้ตอบอีกสองสามคำก็วางสายไป คำอธิบายยาวเหยียดนั้นลอยเข้ามาเตะสมองส่วนเหตุผล แต่ยังไม่ค่อยมีผลกับอารมณ์ คนเกลียดการรอจึงโยนมือถือใส่เตียงอย่างหงุดหงิด พลางคิดว่าอีกฝ่ายเป็นต้นเหตุของความหงุดหงิดได้อย่างน่าเตะมากี่รอบแล้ว

คนอารมณ์ไม่นิ่งเอาตัวม้วนกับผ้าห่มแล้วพลิกไปพลิกมาบนเตียง พลางคิดถึงมื้อค่ำที่ยังไม่ได้กินของตัวเอง ซึ่งไม่อยู่ในภาวะที่จะเดินออกไปหาอะไรกินคนเดียวแน่นอน ขนาดจะเดินลงไปเซเว่นตรงข้ามหอยังรู้สึกขี้เกียจเป็นกำลัง


เวลาผ่านไปสักพัก กระเพาะเริ่มส่งเสียงประท้วงทำให้คนที่นอนซุกอยู่ในกองผ้าห่มต้องเริ่มขยับลุกขึ้นอีกครั้ง มือปัดป่ายหาโทรศัพท์ที่เมื่อกี้โยนไว้ลวกๆ แต่เมื่อคว้าได้ก็มีสัญญาณข้อความเข้าในlineดังมาทันที

รูป 2 รูปถูกส่งมาจากต้นเหตุแห่งความขุ่นมัว



รูปแรกเป็นภาพโปสเตอร์หนังพร้อมเรื่องย่อด้านข้าง เป็นหนัง Cult ที่ทำจากหนังสือที่เขาชอบมากเล่มหนึ่งซึ่งอีกฝ่ายเคยให้ยืมมา

ส่วนรูปที่สองเป็นกระดาษที่มีลายมือเป็นตัวหวัดๆ เขียนอยู่ ‘House rama RCA xx/xx/xx 20:00’


เป็นอีกครั้งที่กันตธีร์กดโทรออกอย่างไม่ทันคิด


“ธีร์”


โชติภัทรชอบเรียกชื่อ ทุกครั้งที่เจอหรือโทรคุยกันอีกฝ่ายจะเรียกชื่อก่อนเสมอ


“เรื่องนี้ทำเป็นหนังด้วยหรือ ไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อน”

“...หนังนอกกระแสน่ะ เข้าแค่ที่ house ที่เดียว”

“อืม...ขอเลื่อนไปอีกวันละกัน วันนั้นฉันมีนัดคุยกับที่ปรึกษา”

“งั้นเป็นวันพุธนะ” คนฟังรับคำเบาๆ ในคอ “ให้จองเลยหรือเปล่า?”

“คราวนี้จะว่างจริงๆ ไหมล่ะ?”

“...ถ้าไม่ว่างขึ้นมา คราวนี้จะรีบบอกแล้วครับ” ปลายสายมีเสียงสลดทำให้ยิ้มออกได้นิดหน่อย “วันนี้ขอโทษจริงๆ”

“เออๆ ไม่เป็นไร เข้าใจแต่ก็หงุดหงิดน่ะ” กันตธีร์ที่รู้สึกว่าพื้นอารมณ์เริ่มดีขึ้นจึงเป็นฝ่ายอธิบายบ้าง “วันนี้ฉันนัดกับนายว่าจะไปดูหนัง ก็คือนายกันตธีร์จะไปดูหนังกับนายโชติภัทร เพราะงั้นฉันต้องรออยู่แล้ว ถึงฉันจะอยากดูเรื่องนี้และเพื่อนฉันจะไปด้วยก็ไม่ได้หมายความว่าจู่ๆ ฉันจะทิ้งนายแล้วไปดูหนังกับเพื่อนนะเว่ย”


ปลายสายนิ่งเงียบไป คนที่ปกติไม่ช่างพูดก็รู้สึกเหมือนเบรกแตกเลยร่ายต่อ


“เพราะฉะนั้น ถ้าวันหลังว่างไม่ว่าง อาจารย์เลื่อนคาบมาชน ติดเวร บ้าบออะไรก็ตามแต่ ช่วยบอกด้วย ไม่ต้องทำอะไรให้มันยุ่งยาก เข้าใจหรือยังครับนายโชติภัทร”

“...รับทราบครับ” คนมีคดีเงียบไปอึดใจ ก่อนจะตัดสินบอก “งั้นเป็นวันพฤหัสได้ไหม วันพุธอยู่เวรน่ะ เพิ่งขอแลกวันนี้ไปเอง”

“ได้สิ ก็แค่นี้ ไม่เห็นยากเลย” นานๆ ทีจะได้พูดมาก พอพูดแล้วก็รู้สึกโล่งแปลกๆ “นี่กินข้าวยัง”

“ยังเลย เพิ่งถึงหอน่ะ”

“งั้นไปกินหลังม.กัน อีกห้านาทีเจอกันหน้าหอนาย”


กันตธีร์วางสายแล้วกระโดดลงจากเตียงด้วยท่าทีกระฉับกระเฉง ตาเหลือบดูรูปที่ค้างอยู่ในหน้าจอมือถืออย่างอารมณ์ดี...ราวกับไม่ได้หงุดหงิดมาก่อน


TBC...


*ฟอร์มปรอท : เป็นกระดานเหล็กไว้ใส่ข้อมูลเกี่ยวกับคนไข้ที่แอดมิทอยู่ในวอร์ด ความหมายเดียวกับชาร์ตผู้ป่วย
**วอร์ดเมด : ย่อมากจาก medicine คือ วอร์ดอายุรศาสตร์
***เอกซ์เทิร์น (extern) : ในไทยจะหมายถึง นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่6 ซึ่งเป็นคุณพี่ปีโตสุดของการเรียนแพทย์ในระดับปริญญาตรี (ที่โตกว่าก็จะมี Intern = แพทย์ใช้ทุน, resident = แพทย์ประจำบ้าน คือมาเรียนต่อผู้เชี่ยวชาญ)


::TALK::

กลับจากการร่อนเร่แล้วค่า...  :katai5: (เสียงแห้ง...ได้พักอีกอาทิตย์เดียว ฮืออออออ)

คนเขียนคิดถึงลูกชาย(?)ทั้งสองมาก นั่งรถนี่ก็เอาแต่จิ้มมือถือพิมพ์ใส่noteไว้ก่อน  :katai4: 555

โดยส่วนตัว ตอนนี้เป็นตอนที่นอกเหนือการวางแผน คือไม่ได้คิดมาก่อน แต่อยากให้มีขึ้นมากระทันหัน เพราะที่ผ่านมานายโชติภัทรดูผลุบๆโผล่ๆตัวตนไม่ชัดเจนชอบกล แถมดูจากคอมเมนท์ ทุกคนก็ดูจะแบบ...ฉันรู้นะว่าแกคิดอะไรอยู่ จีบเลยเซ่!! 55555 (เอ่อ ในประเด็นนี้คนเขียนก็เห็นด้วยเบาๆ << แล้วเอ็งจะเขียนให้มันเล้าหลือทำไม?) เลยอยากค่อยๆ นำเสนอตัวตนของอีตานี่ไปด้วยกัน หลังจากที่ผ่านมามีแต่ฝ่ายกันตธีร์มาตลอด

ว่าแล้วก็เล่าซะหน่อย

จริงๆ ชื่อโชติภัทรเนี่ยที่มาเพลียมากค่ะ วันนั้นเพิ่งเจอคนรู้จัก(แบบห่างๆ)ที่ชื่อเล่นว่าโช เลยเอามาใช้แก้ขัดตอนพิมพ์ไปก่อน ยังไม่ได้คิดชื่อ แต่ไปๆมาๆกลายเป็นชื่อนี้จริงๆ 5555 แถมมาเป็นครอบครัว จิรภัทร โชติภัทร วีรภัทร (สิ้นคิดมั๊ยคะ ตามสูตรนี่พ่อต้องชื่อ ภัทรนะเนี่ย 55555555)

ส่วน กันตธีร์ เกิดจากนอนไปตื่นนึงแล้วตอนตื่นมันงัวเงียแล้วพิมพ์ผิด! (เดิมน่าจะชื่อ กรธีร์ หรืออะไรเทือกๆนั้น) มาเห็นเอาตอนหลังว่า อ่าว ตอนแรกมันไม่ใช่นี่หว่า 555 เลยเลยตามเลย เอาตามตอนหลังละกัน แถมเอามาเสิร์ชความหมาย แปลว่า นักปราชญ์ผู้น่ารัก ด้วยค่ะ!! มุ้งมิ้งสะใจเป็นที่สุด!!! กลายเป็นชอบชื่อนี้ไปเลย (ลองเสิร์ชดูได้ค่ะ คนเขียนประทับใจมาก)

ส่วนตัวละครอื่นๆก็มีชื่อที่มั่วๆกันไปตามเรื่องตามราว (คนเขียนผู้ไร้เซนส์ในการตั้งชื่อ)  :mew5:

คนเขียนง่อยๆคนนี้จะพยายามปั่นเรื่องราวของสองหนุ่มantisocial(???)นี้ออกมาเรื่อยๆนะคะ อยู่ด้วยกันก่อนน้าาา

ขอบคุณที่ติดตามค่า  :กอด1:


::comment::

พลอยสวย : อืม...น่าจะเป็นอย่างหลังนะคะ 555

mesomeo2 : คนเขียนก็เชียร์ค่ะ!

quiicheh. : พูดมางี้ ชักอยากเห็นบ้างทีเดียว //จด  :-[

Mancha KHIRI : ระวังว่าแทนที่จะจิกหมอน จะได้เอาหมอนปาหน้ามันนะคะ 555

รักคนอ่านนน  :mew1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 06 [07/03/57 P.2]
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 07-03-2014 23:30:40
น่ารักมากๆ อ่านสบายๆ
+1
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 06 [07/03/57 P.2]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 07-03-2014 23:40:26
แหมชื่อความหมายมุ้งมิ้งจริงๆเลย :-[
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 06 [07/03/57 P.2]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 07-03-2014 23:48:49
เรื่องราวมาเรื่อยๆ ให้คนอ่านซึมซับความสัมพันของทั้งคู่
เหมือนอยู่ในเหตุการณ์เลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 06 [07/03/57 P.2]
เริ่มหัวข้อโดย: michiri.sama ที่ 08-03-2014 01:03:19
หึยยยย
นายโชนี่ไม่ได้ดั่งใจเลย ชอบทำน้องธีร์เราหงุดหงิด
เชียร์เจซะเลยดีไหม 55555555
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 06 [07/03/57 P.2]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 08-03-2014 04:02:20
 :m5: :m5: กรี๊ดดดด นางกลับมาแล้วววว
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 06 [07/03/57 P.2]
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 08-03-2014 08:29:42
 :o8: ที่มาชื่อน่ารักไปนะ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 06 [07/03/57 P.2]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 08-03-2014 18:03:32
หยั่งกะคนเป็นแฟนกันเลย55555555555 ชอบธีร์อะน่ารัก ตอนแรกว่าจะให้โกรธโชนานๆซะหน่อย
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 06 [07/03/57 P.2]
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 08-03-2014 23:34:28
รอตอนต่อไป  :hao3:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 06 [07/03/57 P.2]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 09-03-2014 11:35:09
รอลุ้นอยู่จ้า
ที่มาชื่อแอบฮ่าอ่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 06 [07/03/57 P.2]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 13-03-2014 20:03:40
กันต์ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเองดี คิดอย่างไร พุดและแสดงออกอย่างนั้นเลย
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 06 [07/03/57 P.2]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 14-03-2014 17:39:08
เรื่องใส ๆ น่าอ่านดีค่ะ
ธีร์เป็นหนุ่มน้อยขี้โมโห ส่วนโชก็ใจเย็นเกิ๊น
ชอบพ่อหมี คนกลางที่น่ารัก
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 06 [07/03/57 P.2]
เริ่มหัวข้อโดย: cinn1st ที่ 15-03-2014 17:00:45
น่ารักจัง ^^
จะติดตามนะคะ รอดูว่าจะลงเอยกันยังไง :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 06 [07/03/57 P.2]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 15-03-2014 20:17:02
เรื่องน่าติดตามมาก เป็นความเรื่่อยๆที่ไม่น่าเบื่อ ชอบค่ะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ  :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 06 [07/03/57 P.2]
เริ่มหัวข้อโดย: dekzappp ที่ 16-03-2014 11:04:03
น่ารักมากๆ บรรยากาศรอบๆ2คนนี้ก็ดูมุ้งมิ้งสุดๆ

รอตอนต่อไปปปป
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 06 [07/03/57 P.2]
เริ่มหัวข้อโดย: velvetronica ที่ 22-03-2014 00:55:28
07



บรรยากาศในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ดูจะครึกครื้นขึ้นมาทันทีเมื่องานประจำปีใกล้เข้ามา เหล่าสภาพากันหัวหมุนจัดการงานจนไม่เป็นอันเรียน แถมคนอื่นๆ ที่มีหน้าที่ก็กระตือรืนร้นจนภาพความเงียบสงบร่มรื่นเริ่มจะถูกความวุ่นวายกลายๆ กลืนกิน

ยกเว้นคนบางกลุ่ม...


“ธีร์...กูขอร้องล่ะ” คนตรงหน้ายกมือไหว้ท่วมหัว

“เดี๋ยวส่งให้ดู คืนนี้เตือนด้วยแล้วกัน” กันตธีร์ตอบทำให้อีกฝ่ายแทบจะกระโดดตัวลอย

“ขอบคุณมาก ขอบคุณมากๆเลยธีร์”


อีกฝ่ายพร่ำพรรณนาคำขอบคุณอีกหลายคำก่อนจะเดินตัวลอยจากไป


“จะไม่เป็นไรจริงๆ หรือ” จิรณัฐที่นั่งฟังอยู่ด้วยถามขึ้นลอยๆ

“คงไม่เป็นไรหรอก...โตๆ กันแล้วคงไม่คิดจะลอกงานกันให้เป็นเรื่อง” เจ้าของเรื่องยักไหล่ “นี่มันโปรเจคจบนะ จะลอกนี่ก็เกินไปหน่อยมั๊ยวะ”

“...ระวังไว้หน่อยก็ดี” คนฟังยิ้มรับคำเตือน

“แล้วจะกลับเลยป่ะ? เดี๋ยวกูไปหาแอมก่อน”

“คงกลับเลย...ช่วงนี้หัวกำลังแล่น ว่าจะปั่นให้มันเสร็จๆ ไป”

“โอเค แล้วเจอกัน”


ขนาดจิรณัฐที่ว่าเป็นผู้ชายลัลล้าคาสโนว่าจอมเที่ยวยังต้องเก็บตัวเก็บใจไว้ให้กับโปรเจคจบ ตอนนี้นักศึกษาชั้นปีที่4ของทุกคณะคงเป็นกลุ่มคนที่ได้แต่ทำหน้าทะมึนใส่ชาวบ้านแบบไม่สนงานรื่นเริงที่กำลังจะมาถึง เพราะที่ว่าจะจบไม่จบมันอยู่ที่ตรงนี้ แล้วความเครียดความกดดันก็เริ่มพอกพูน...จะให้ยิ้มร่าท้าโปรเจคก็ทำไม่ลง

กันตธีร์เหลือบดูวันที่ในหน้าจอมือถือ...วันนี้วันพุธแล้ว


ชายหนุ่มเดินออกไปที่ทางเชื่อมตึกอย่างไม่เร่งรีบ อาคารของคณะวิศวกรรมศาสตร์แห่งนี้ถูกสร้างใหม่ทับไปมาและมีการต่อเติมมากมายจนน่าจะผิดกฏหมายสิ่งก่อสร้างไปไม่น้อย แต่เอาว่าปลอดภัยไม่พังอยู่ได้ก็ใช้งานกันไป


“ขอทางหน่อยคร้าบ” เสียงประสานดังมาจากกลุ่มน้องเฟรชชี่หน้าใสที่กำลังขนไม้หน้าสามขนาดยาวที่มัดรวมกันไว้


กันตธีร์เบี่ยงตัวหลบให้การขนย้ายไปโดยสะดวก ไม้เหล่านี้คงถูกสั่งมาใช้ในงานของมหาวิทยาลัย คงไม่พ้นการก่อโครงสร้างอะไรบางอย่าง สมัยตอนที่เขายังเป็นปีเด็กๆ ก็เคยทำฉากที่มีตรามหาลัยฯลอยนูนสูงถึง4เมตร

ส่วนปีนี้นอกจากเรื่องประสานงานตอนนั้นก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรอีก เรียกได้ว่าคงเป็นแค่ผู้ชมอย่างเดียว

เมื่อขบวนแห่ไม้ผ่านขึ้นบันไดไปเขาก็หันไปมอง ก่อนจะต้องวิ่งตามเมื่อเห็นแผ่นหลังคุ้นเคย


“แอม!”

“อ่าว เลิกแล้วหรือธีร์” พิชามณหมุนตัวก้มลงมามองจากที่พักบันได “เราขึ้นไปหยิบกระเป๋าแปปนึง ธีร์ลงไปรอที่ตึกกลางก่อนก็ได้”


กันตธีร์กำลังจะรับคำเพื่อนสาว แต่จากมุมที่เขายืนทำให้เห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับกลุ่มที่กำลังขนไม้ เชือกสีหม่นที่มัดไม้หน้าสามไว้ด้วยกันกำลังคลายออกโดยที่ไม่มีใครสังเกต และเมื่อคนที่อยู่หน้าสุดเริ่มก้าวขึ้นบันไดขั้นที่สูงกว่าไปทำให้ไม้เริ่มไหลลงมาตามแรงโน้มถ่วง


"แอม!!!!”


ชายหนุ่มกระโดดขึ้นไปบนที่พักบันไดอย่างรวดเร็วโดยที่ฝ่ายที่ถูกเรียกชื่อเพิ่งหันไปเห็นว่าท่อนไม้กำลังพุ่งเข้ามาตรงหน้า

เขาผลักเพื่อนสาวสุดแรงให้ออกไปจากรัศมีที่เป็นอันตรายโดยไม่ทันได้คิดถึงตัวเอง


เสียงของแข็งกระทบกันดังสะท้อนไปทั่วโถงบันไดพร้อมกับเสียงร้องด้วยความตกใจ

ชายหนุ่มไม่ทันตั้งตัวจากแรงกระแทกทำให้พลาดตกบันไดลงมาหลายขั้น รวมถึงท่อนไม้หนักที่ทิ้งตัวตามลงมาติดๆ ทำตัวระบมไปทั้งตัวจนแทบขยับไม่ไหว


“ธีร์!!!” พิชามณร้องดังลั่น ก่อนจะรีบลุกขึ้นไปหาเพื่อนที่เอาตัวมาช่วยเธอจนตัวเองเจ็บ ส่วนคนอื่นที่เห็นเหตุการณ์ก็รีบเข้ามาช่วยยกท่อนไม้ออกจากตัวคนเจ็บทันที

“...ไม่เป็นไรแอม ไม่เป็นไร” ชายหนุ่มพูดปลอบเพื่อน แผลเป็นทางยาวที่ท้องแขนข้างขวาทำให้ดูรุนแรงจนหญิงสาวตั้งท่าจะร้องไห้ขณะที่เอาผ้าเช็ดหน้ากดแผลไว้ เขาขยับตัวลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก อาการเจ็บแปล๊บที่ข้อเท้าซ้ายนำมาเป็นอย่างแรก พร้อมกับความรู้สึกตึงที่หัวเข่าข้างเดียวกัน


“ธีร์!! แอม!!” ร่างสูงใหญ่ของเพื่อนสนิทโผล่มาอย่างรวดเร็ว คงเพราะมีใครสักคนตามมา

“หมี...” ฝ่ายหญิงสาวเห็นเพื่อนสนิมก็เริ่มเบะปาก

“ใจเย็นนะแอม ไม่เป็นไรๆ” กฤษณ์พูดเสียงอ่อนก่อนจะหันมาถามคนที่ยังนั่งกึ่งนอนพิงบันได “ลุกไหวไหม ไปทำแผลที่โรงพยาบาลเหอะ”


นับเป็นคุณานุปการของขนาดตัวพ่อหมีที่สามารถพยุงไอ้ตัวเล็กขึ้นมาได้อย่างสบาย ส่วนพิชามณก็ป้ายน้ำตาป้อยๆ เก็บข้าวของของเพื่อนแล้วโทรหาคนที่มีรถอย่างจิรณัฐ ซึ่งไม่กี่อึดใจเขาก็ถูกเอามาส่งตรงหน้าห้องฉุกเฉินด้วยความเร็วระดับดริฟต์ตีนผีของคุณชายคาสโนว่า

อันว่า...กันตธีร์เพิ่งได้เห็นคุณประโยชน์ของเพื่อนๆ อย่างครบถ้วนทุกด้านก็ครั้งนี้


พอเข้าไปถึงในห้องฉุกเฉิน เมื่อเห็นว่าเป็นนักศึกษามหาลัยนี้พยาบาลสาวใหญ่ก็รีบกุลีกุจอหาเตียงให้คนเจ็บพักก่อนจะไปตามหมอ


“ธีร์!?”


เสียงที่เรียกชื่อมันออกจะคุ้นไปหน่อย ซึ่งเขาก็จำได้ดีว่าเมื่ออาทิตย์ก่อนอีกฝ่ายบอกว่าวันนี้มีอยู่เวร


“เกิดอะไรขึ้น ไปทำอะไรมา” โชติภัทรในชุดกาวน์ยาวสีสะอาดสาวเท้าเข้ามาดูสภาพคนเจ็บทันที พิชามณจึงเป็นคนเล่าเหตุการณ์ให้ฟังสั้นๆ ฝ่ายนักศึกษาแพทย์ก็ถามเพิ่มเติมอยู่คำสองคำแล้วหันไปหาพี่แพทย์ประจำบ้านที่ยืนอยู่ไม่ไกล

“มึงทำแผลไปเลยโช” คนในชุดกาวน์สั้นบอกพลางพิจารณาแผล “ที่แขนนี่ตื้นๆ ไม่ต้องเย็บหรอก”

“ครับ” โชติภัทรรับคำก่อนจะขมวดคิ้วแล้วยกมือขึ้นแตะใบหน้าคนเจ็บให้หันไปอีกข้าง “แต่ผมว่า...ตรงนี้น่าจะต้องเย็บ”


นิ้วมือยาวปัดเส้นผมที่ปรกหน้าขึ้น เผยให้เห็นแผลที่อยู่สูงเลยหางคิ้วขึ้นไปซึ่งเริ่มมีเลือดไหลลงมาที่ข้างแก้ม

พิชามนอุทานเบาๆ อย่างตกใจเพราะตอนแรกเธอไม่เห็นเนื่องจากมีผมบัง ส่วนตัวเจ้าของแผลก็เพิ่งรู้สึกว่ามันเจ็บเอาในวินาทีนี้จากที่แค่ชาๆ

เมื่อลงความเห็นได้ว่าต้องเย็บ แพทย์น้องเล็กก็ประคองให้ผู้ป่วยนอนลงแล้วเดินไปหยิบของมาเตรียม ในการควบคุมของแพทย์รุ่นพี่ที่ล็อคหัวเขาเอาไว้แล้วในท่าตะแคงให้น้องลงมือ


“ทำความสะอาดก่อน นั่นแหละ...”

“เย็นๆ หน่อยนะธีร์”


กันตธีร์รู้สึกเย็นตามที่บอก


“เตรียมยาชาเป็นนะ เออ ถูก”

“กำลังจะฉีดยาชา เจ็บหน่อยนะ”


แล้วก็เจ็บจริงตามนั้น แถมยังรู้สึกเหมือนมีอะไรไหลลงมาจากแผลอีก สยองจนไม่อยากลืมตา

เขาได้ยินเสียงคำแนะนำมาเรื่อยๆ พร้อมกับคำชมจากแพทย์ประจำบ้าน และเสียงที่คอยกระซิบบอกกับเขาว่าจะทำอะไร จะรู้สึกอย่างไร


“เจ็บหรือเปล่า อย่าเพิ่งขยับหัวนะ”


ความรู้สึกชาๆ กับสำเนียงเรียบเรื่อยทำให้กล้าเปิดตามามองอีกครั้งเพื่อเหลือบมองคนที่กำลังขยับมืออยู่เหนือแผล แม้จะเห็นใบหน้าไม่ชัดจากการมองย้อนแสงไฟบนเพดานแต่ก็รับรู้ถึงความตั้งใจมากจนรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงขึ้นและเผลอกลั้นลมหายใจ

การเย็บแผลเล็กๆ ใช้เวลาไม่นานแต่ยาวนานในความคิดของคนที่นอนนิ่งอยู่ กันตธีร์ลอบถอนหายใจช้าๆ ราวกับถ้าขยับปอดมากไปจะรบกวนสมาธิของอีกฝ่าย


“เรียบร้อยแล้ว” คนเจ็บถอนหายใจพรูดเมื่อได้ยินคำนั้น จนได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากผู้ให้การรักษา

“เย็บแผลสวยนี่หว่า ไม่สนใจเรียนplasticหรือไง” ฝ่ายคนคุมงานก็แซวขำๆ ก่อนจะหันไปตรวจข้อเท้าที่ยังระบมอยู่ของผู้ป่วย “ที่เหลือทำเองได้นะ กูไปดูเตียงมาใหม่ก่อนละ ข้อเท้าที่บวมนี่ไม่เป็นไร ทายาพันผ้าไว้ก็พอ”


โชติภัทรรับคำก่อนจะหันมาจัดการกับแผลทั่วตัวที่บางแผลเจ้าตัวยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามี


“ธีร์มีบัตรโรงพยาบาลหรือยัง” ถามขณะกำลังทำความสะอาด “อันนี้แสบหน่อยนะ”

“อูย ยังเลย” ห่อปากตอบก่อนจะเพิ่งสังเกตว่าคนที่ขับรถพามาหาที่จอดได้แล้วเข้ามายืนมุงด้วยอีกคน

“...ใครมีบัตรประชาชนติดตัวมาบ้าง ไปที่ชั้นสอง ตรงเวชระเบียน แถวนั้นจะมีร้าน เอาบัตรธีร์กับของตัวเองไปซีรอกอย่างละใบแล้วไปทำบัตรแทนหน่อย” นักศึกษาแพทย์แนะนำอย่างคล่องแคล่วทั้งที่มือยังทำงานไปด้วย “ทำเสร็จแล้วให้ขอแฟ้มมาเลยนะ บอกว่าคนไข้อยู่ที่อีอาร์ แล้วขึ้นไปชั้นสี่ หาฝ่ายกิจการนักศึกษาขอเปิดสิทธิ์เบิกจ่ายของนักศึกษา เอาบัตรนักศึกษาธีร์ไปด้วย แล้วค่อยถือแฟ้มกลับลงมาที่นี่อีกที”


กฤษณ์เป็นคนที่รับขันอาสาจึงทิ้งให้พิชามณกับจิรณัฐยืนมองว่าที่คุณหมอทำงาน


“ธีร์ฉีดบาดทะยักครั้งล่าสุดเมื่อไหร่”

“...จำไม่ได้ว่ะ” คนฟังกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะตอบไป

“งั้นคงต้องฉีดนะ” พูดจบก็ยืดตัวขึ้นกวาดตามอง “ยังมีแผลที่ไหนอีกมั๊ย?”

“ที่เข่า น่าจะถลอก” ตอบพลางชี้ที่เข่าซ้าย แต่พอจะพับขากางเกงขึ้นก็ระลึกได้ว่ากางเกงขากระบอกเล็กคงไม่เอื้ออำนวย “อ่า ลำบากแฮะ ไม่ต้องก็ได้มั้ง เดี๋ยวฉันกลับไปทำแผลเองก็ได้”

“ไม่ต้องเลย พับขากางเกงไม่ได้ก็ถอดสิ มาโรงพยาบาลแล้วก็ทำแผลให้มันครบ” นักเรียนแพทย์ออกอาการดุทันทีพร้อมกับเอื้อมมือไปดึงม่านให้ล้อมเตียงเพื่อบังสายตา แล้วหันไปหาสองคนที่ยืนเงียบมานาน “ออกไปก่อนแล้วกันนะครับ”


จิรณัฐทำท่าเหมือนจะค้านแล้วก็หยุดไป ก่อนจะถอยออกมาเหมือนเพื่อนสาว

กันตธีร์รู้สึกเขินขึ้นมานิดหน่อยเมื่ออยู่ในม่านกันสองคนแล้วอีกฝ่ายบอกให้ถอดกางเกง แต่ก็รู้สึกดีขึ้นเมื่อโชติภัทรดึงผ้าที่ปลายเตียงมาคลุมเหนือเข่าเอาไว้


“คืนนี้พอยาชาหมดฤทธิ์อาจจะปวดหัวหรือไข้ขึ้น เดี๋ยวจะมียาให้ไปกิน แผลอย่าโดนน้ำนะ”


กำชับตบท้ายก่อนจะรูดม่านเปิด แล้วเพื่อนทั้งสองก็เดินเข้ามาหา


“เจ็บมากไหมธีร์” จิรณัฐถามขึ้นก่อน พลางเอามือปัดปอยผมคนที่ยังนอนอยู่

“ยังชาอยู่เลย จะเจ็บได้ไง” ยักไหล่พลางยันตัวลุกขึ้นนั่งที่ข้างเตียง ก่อนจะต้องเม้มปากเพราะถูกย้อน

“แผลเต็มตัวแบบนี้จะไม่เจ็บได้ไง”

“เจ...เพราะแอมเองแหละ จะโกรธแอมก็ได้นะ” หญิงสาวพูดเสียงอ่อย

“เฮ้ย ถ้าเราจะโกรธใครสักคนมันก็ต้องเป็นไอ้พวกเด็กที่ไม่รู้จักระวังมากกว่า ขนของประสาบ้าอะไรทำไม้หล่นลงมาทั้งท่อน”

“จริงด้วยแอม ไม่ใช่ความผิดแอมเลยนะ เราเข้ามายุ่งเอง อย่าคิดมากสิ” คนหาเรื่องใส่ตัวรีบสำทับจนหญิงสาวรู้สึกดีขึ้น แต่ก่อนจะมีใครได้คุยอะไรต่อ นักศึกษาแพทย์หน้าเดิมก็เดินกลับมาอีกครั้งพร้อมเก้าอี้สองตัว


“ขอโทษที่รบกวนนะ แต่จะทำแผลที่เข่าก่อนดีไหมครับ”


โชติภัทรเลื่อนเก้าอี้ให้พิชามณนั่งตัวนึงแล้วนั่งเองอีกตัว ก่อนจะขออนุญาตดูแผลถลอกซึ่งมีเลือดซึมออกมา น่าจะเกิดขึ้นตอนที่พิชามณถูกผลักให้หลบจนล้มลง กันตธีร์ชะเง้อมองการทำแผลที่ตนเป็นต้นเหตุเงียบๆ ก่อนจะรู้สึกได้ว่าถูกมองอยู่จากใครอีกคน


“มีอะไร?”

“...เจแค่สงสัย”


จิรณัฐปั้นยิ้มหน้าหล่อการค้าให้คนดูรู้สึกเสียวสันหลัง


“ว่าธีร์เอาเวลาที่ไหนไปนอกใจเจ ดูสิ...กิ๊กธีร์หล่อขนาดนี้ เจก็กังวลเป็นเหมือนกันนะเนี่ย”

“พ่อมึงสิ!”



คำสบถถูกจัดมาเต็มสูบแบบไม่ไว้หน้ากัน ปกติกันตธีร์และเพื่อนๆ จะไม่ค่อยพูดคำหยาบต่อหน้าเพื่อนผู้หญิงเท่าไหร่ แต่กรณีแบบนี้มันยกเว้นจริงๆ ส่วนพิชามณก็ปล่อยเสียงหัวเราะลั่น ภาวะตึงเครียดจากโปรเจคจบทำให้ไม่ค่อยมีอารมณ์จะพูดเล่นกันมาสักพักแล้ว บางทีเธอก็คิดถึงขนมจีบยี่ห้อจิรณัฐขึ้นมาบ้างเหมือนกัน


“โอย ไม่ได้ยินมาตั้งนานแน่ะ” ใบหน้าสวยยิ้มยิงฟันให้เพื่อนชายทั้งสองก่อนจะหันไปหาคุณหมอผู้ถูกพาดพิง “โชอย่าไปฟังไอ้พวกนี้เลยนะ”


โชติภัทรยิ้มรับพร้อมกับเก็บชุดเครื่องมือทำแผลแล้วเดินออกจากวงสนทนาไป


“มึงเล่นอะไรเนี่ย ดีนะที่โชมันไม่คิดมาก” กันตธีร์โวยเพื่อนทันที

“อะไรกัน ฟังดูก็รู้ว่าพูดเล่น อย่าซีเรียสน่าธีร์” เจ้ากิจการขนมจีบยักไหล่ไม่สนใจ

“เพื่อนๆ กันมันก็รู้ว่ามึงกะเอาฮามั๊ยวะ แต่คนอื่นมาฟังไม่ต่อยปากมึงก็แล้วไป”

“อา ขอโทษแล้วกัน” จิรณัฐโคลงหัวไปมาแล้วจึงกล่าวเสริม


“ปกติก็ไม่เห็นธีร์จะสนใจไม่ใช่หรือไง”


อ้าปากจะเถียงแล้วก็ต้องหุบลง

เพราะมันจริงที่สุดที่เขาไม่เคยใส่ใจว่าเพื่อนคนนี้จะหยอดคำหวานความเสี่ยวแค่ไหน...ก็ไม่ได้ไม่ชอบ แต่ก็ไม่ได้ชอบ...คือสิ่งที่ตอบเสมอเมื่อมีคนถามว่าไม่รำคาญหรือไง

ทั้งที่ไม่เคยทักท้วง ไม่เคยสนใจ แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกัน...ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าไม่เหมือนตรงไหน รู้แต่มันไม่เหมือนเท่านั้นเอง


โชติภัทรกลับมาอีกครั้งพร้อมกับกลุ่มนักศึกษาแพทย์คนอื่นและพี่แพทย์ประจำบ้านซึ่งครั้งนี้เข้ามาขออนุญาตใช้เป็นตัวอย่างการสอนฉีดวัคซีนบาดทะยัก หลังจากเสร็จไม่นานกฤษณ์ก็กลับมาพร้อมแฟ้ม ซึ่งต้องใช้เวลาอีกนิดหน่อยในการจัดการแต่ก็เป็นโชติภัทรอีกที่เตรียมเอกสารต่างๆ เอาไว้จนเรียบร้อย


“เอาใบนี้ไปยื่นการเงินชั้น 2 แล้วรับยาตรงนั้นเลย”


พ่อหมีที่รักของเพื่อนยังคงถูกใช้แรงงานต่อ เพราะเพื่อนสองคนก็เจ็บ ส่วนอีกคนก็ยึดข้างเตียงคนเจ็บเอาไว้ไม่ห่าง


ระหว่างรอกันตธร์ก็นั่งมองตามคนตัวสูงที่เดินไปเดินมาทำนู่นนี่ไม่ได้หยุด เดี๋ยวก็หยิบของ เดี๋ยวก็เขียนๆ อะไรสักอย่าง เดี๋ยวก็หายเข้าไปหลังม่านกั้น เดี๋ยวก็ไปลากเครื่องอะไรมาไม่รู้

ซึ่งคนคนนี้จะหยิบจับอะไรก็คล่องแคล่วไปหมด ทั้งเครื่องมือ น้ำยา อุปกรณ์ทำแผลต่างๆ แถมยังมือเบาและทำแผลได้ดูสวยสะอาดเรียบร้อย ซึ่งยังไม่รวมเสียงทุ้มนุ่มที่คอยอธิบายด้วยสำเนียงเรื่อยๆ ชวนให้สบายใจอย่างบอกไม่ถูกอีก

โชติภัทรมีภาษีดีเกินไปแล้วสำหรับการเป็นหมอ...


มองเพลินๆ แปปๆ เพื่อนร่างยักษ์ก็กลับมาพร้อมถุงยาในมือ


“ไปกันเหอะ” จิรณัฐออกก้าวเท้าเป็นคนแรก

“เดี๋ยวสิ ไปขอบคุณเพื่อนธีร์หน่อยดีไหม” พิชามณท้วงขึ้นมา

“แต่ดูมันยุ่งๆ อยู่นะ ไว้แอมฝากตัวเล็กไปบอกก็ได้มั้ง” กฤษณ์พูดพลางมองความวุ่นวายที่ก่อตัวขึ้นที่เตียงหนึ่ง


กันตธีร์ยักไหล่แต่ก็อดหันไปมองตามอีกทีไม่ได้ ซึ่งก็เป็นอย่างที่เพื่อนสนิทว่า คืออีกฝ่ายดูยุ่งเกินกว่าจะเข้าไปคุยอะไรได้ สุดท้ายทั้งหมดจึงเดินออกมาโดยที่ไม่ได้บอกอะไรกับคนที่กำลังวิ่งวุ่นอยู่ในห้องฉุกเฉิน

ไม่เป็นไร...พรุ่งนี้ค่อยบอกก็ได้


++++++


ปวดหัว...


กันตธีร์นอนเหม่อมองเพดานห้อง ชายหนุ่มหลับไปงีบหนึ่งแล้วตั้งแต่หัวค่ำ แต่ตื่นขึ้นมาเพราะอาการปวดตุ้บๆ ที่แผล และอุณหภูมิร่างกายน่าจะผิดปกติด้วย เพราะเขารู้สึกถึงความร้อนฉ่าที่หน้าผาก แถมแขนข้างที่ฉีดวัคซีนก็ปวดจนนอนตะแคงไม่ได้อีก


สรุปได้ว่าเดี้ยงโดยสมบูรณ์


คนป่วยสังเกตว่าห้องยังมีไฟเปิดอยู่ กฤษณ์คงยังไม่นอนแต่ก็ไม่อยู่ในห้อง ซึ่งความอ่อนเพลียก็ทำให้ขี้เกียจเกินกว่าจะขยับตัวจึงคิดว่าจะรอจนเพื่อนกลับมาแล้วให้หยิบยาให้


นอนเล่นได้ไม่นานประตูห้องก็ถูกเปิด แต่ก่อนที่จะได้เรียกใช้รูมเมทก็ได้ยินเสียงคุยกันดังนำเข้ามา


“หลับไปแล้ว แต่เหมือนจะมีไข้ ดูไม่ค่อยดีเลยว่ะ”


ร่างสูงใหญ่ก้าวเข้ามาในห้องตามติดด้วยใครอีกคนที่คาดไม่ถึง


“อ่าว ตื่นแล้วหรอวะ”

“กูปวดหัว หยิบยาให้หน่อย” คนมีสิทธิพิเศษชั่วคราวสั่งทันทีแบบไม่ต้องคิด

“...นี่กูเห็นว่ามึงป่วยหรอกนะ” ฝ่ายที่โดนใช้มาทั้งวันชี้หน้า ส่วนแขกรับเชิญก็เดินมานั่งที่ข้างเตียง


“ปวดมากไหมธีร์” เป็นครั้งที่สองของวันที่เขาได้ฟังประโยคแบบนี้จากคนสองคน

“ไม่มาก แต่ปวดน่ารำคาญ นอนไม่ได้” ตอบด้วยคำบ่นกระปอดกระแปด

“กินยาแล้วจะดีขึ้น” คนที่เรียนมายืนยันพร้อมเอาหลังมือทาบบนหน้าผากของทั้งคนป่วยและตนเองเพื่อวัดไข้ “อยากเช็ดตัวไหม”

“อยากอาบน้ำใหม่เลยล่ะ” ตอบแบบไม่เจียมตัวสุดๆ จนโดนว่าที่คุณหมอดุทางสายตา


หลังจากเอาน้ำเอายามาเสิร์ฟ คุณเพื่อนสุดประเสริฐก็ไปขุดผ้ามาชุบน้ำบิดหมาดๆ มาให้คนมีไข้จัดการตัวเอง แล้วเจ้าตัวก็อัปเปหิตัวเองไปนั่งเงียบๆ ที่อีกฟากของห้อง


“...พรุ่งนี้เย็นยกเลิกแล้วกันนะ” คำพูดลอยๆ ทำให้คนที่กำลังเช็ดหน้าหันขวับ

“เฮ้ย ได้ไง...”

“จะไปไหวหรือไง ธีร์นอนพักไปดีกว่า”

“แค่นี้เอง ไหวเหอะ”

“...แล้วแต่ แต่ถ้าพรุ่งนี้ยังมีไข้ก็อย่าเลย”

“หายชัวร์ รอดูได้”


โชติภัทรส่ายหัวกับความไม่เจียมของคนที่นั่งตาปรือปรอยด้วยพิษไข้ ซึ่งหลังจากได้กินยาเช็ดหน้าเช็ดตาก็เหมือนจะดูดีขึ้นจนหันมาชวนคุยได้


“นี่กี่โมงแล้ว?”

“เกือบตีหนึ่ง”


กันตธีร์มองหน้าคนตอบที่ยังอยู่ในชุดนักศึกษาและมีร่องรอยความอ่อนล้าบนใบหน้า ส่วนเสื้อกาวน์ก็ถูกพับลวกๆ พาดไว้กับกระเป๋า บ่งบอกว่าเจ้าตัวเพิ่งออกมาจากห้องฉุกเฉินแล้วก็ตรงมาที่นี่เลย


“แล้วพรุ่งนี้ต้องไปเรียนกี่โมง”

“...7โมง”

“เฮ้ย!?” คนฟังทำหน้าตื่น “รีบกลับไปนอนเลย”

“กำลังจะไปแล้ว” ฝ่ายโดนไล่หัวเราะเบาๆ แล้วลุกขึ้นยืน


แขกหันไปคุยกับเจ้าของห้องอีกคนสองสามคำก็หันกลับมายิ้มให้เป็นการบอกลาแล้วจึงกลับไป

กันตธีร์หันไปมองหน้าเพื่อนสนิทในความเงียบ เขารู้ว่ากฤษณ์เป็นคนพาอีกฝ่ายขึ้นมา เพราะไม่อย่างนั้นโชติภัทรที่อยู่คนละหอคงไม่สามารถขึ้นมาได้ถึงบนห้อง

แต่ที่เงียบก็คือไม่รู้จะพูดอะไร แม้จะรู้อีกเหมือนกันว่าคุณพ่อกำลังรอให้เขาพูดอะไรสักอย่าง


เกมส์จ้องตาสิ้นสุดลงตรงที่คนป่วยดึงผ้าห่มขึ้นมาแล้วทิ้งตัวลงนอน จนอีกฝ่ายต้องเดินไปปิดไฟแล้วเข้านอนเช่นเดียวกัน

...โดยทิ้งเอาคำถามที่ไม่มีคำตอบไว้อย่างน่าอึดอัด



TBC...



::TALK::

มาแล้วค่าาาา  :katai4:

ตอนนี้เป็นตอนที่อยากเขียนมากๆ คือจริงๆเรื่องนี้ไม่ได้มีพลอตอะไรที่ชัดเจนหรือลงรายละเอียดมากมาย แต่จะเน้นว่าเขียนเรื่องไปตามตัวละครมากกว่า แต่สำหรับตอนนี้ เป็นตอนที่คิดเอาไว้แต่แรกว่าอยากให้มี

ไม่ใช่อะไร...อยากอวดคุณโชติภัทรในอีกรูปแบบอ้ะ 555555  :hao7:

บอกตามตรงว่าคนเขียนมิได้อวยอาชีพหมอแต่อย่างใด แต่ว่าๆๆ ไม่ว่าอาชีพอะไร คนที่ตั้งใจทำงานและอินกับหน้าที่ของตัวเองมันจะดูเท่มากๆเลยว่าไหมคะ นี่แหละสิ่งที่อยากนำเสนอ (ไม่รู้เหมือนกันว่าสำเร็จหรือไม่ 555)

สำหรับ แอม เป็นตัวละครผู้หญิงที่คนเขียนชอบมากถึงกับคิดไซด์สตอรี่ยาวๆให้คุณเธอเลยทีเดียว (จริงๆเกือบทุกตัวละครก็มีไซด์สตอรี่ของตัวเอง คนเขียนเป็นพวกอินกับตัวละคร พวกลูกๆช่างน่ารักยิ่งนัก) เธอจะมีบทบาทไปเรื่อยๆ ไม่ต่างจากคุณพ่อหมีกับนายเจ หวังว่าทุกคนจะเอ็นดูเธอน้า

แล้วก็...ตอนนี้ยาวเน้อออ ว่ามั๊ยคะ 55555 ยังอ่านทวนไม่สุด แต่อยากลงแล้ว อิ ไว้วันหลังอาจจะมาแก้คำผิดนะคะ

ช่วงนี้ชีวิตคนเขียนกลับเข้ามรสุมอีกแล้วค่ะ  :sad4: แต่จะพยายามมาต่อเรื่อยๆ ไม่ให้ขาดเน้อ

ใครอ่านตอนนี้แล้วคอมเมนท์คุยกันได้นะคะ คนเขียนอยู่เวรคนเดียวคืนนี้ แอบเหงาเบาๆ  :katai5:

เลิฟคนอ่าน ขอบคุณที่ติตดามนะคะ  :-[


::comment::

Horizon - ขอบคุณค่า  :pig4:

bulldog17 - สุดๆเลยค่ะ บังเอิญมาก คนเขียนประทับใจ 555

insomniac - อ่านแล้วดีใจจัง ขอบคุณนะคะ

michiri.sama - เชียร์ได้ แต่คนเขียนไม่ใช่แนวหักหลังเปลี่ยนคู่แน่นอนค่ะ 5555

พลอยสวย - จะพยายามไม่หายนานนะค้า  o22

mesomeo2 - อนึ่ง เป็นความโก๊ะของคนเขียนอย่างหาที่สุดมิได้ 555

quiicheh. - จริงด้วยยยยยย 55555 ธีร์น่ารักจริงๆค่ะ ใครไม่อวย คนเขียนอวยเอง อิอิ  :กอด1:

korinasai - มาแล้วค่า

kun - ฮาตรงคนเขียนนี่แหละค่ะ โก๊ะสุด

iforgive - จริงๆ เป็นพวกใส่ใจสิ่งรอบตัวต่ำน่ะค่ะ 555

malula - ขอบคุณค่า แต่คุณพ่อหมีนี่ไม่รู้จะเรียกว่าคนกลางดีหรือเปล่าแฮะ

cinn1st - ขอบคุณนะคะ จะพยายามต่อเรื่อยๆค่า

Snowermyhae - ขอบคุณค่า ดีใจจังที่มันไม่น่าเบื่อ 555

dekzappp - ขอบคุณค่า ไม่รู้ตอนนี้ยังจะมุ้งมิ้งอยู่มั๊ยน้า


ขอบคุณทุกคนเลยนะคะ เลิฟๆ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 07 [21/03/57 P.2]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 22-03-2014 01:35:08
ชอบเจ ๆ ๆ ๆ ถ้าเจจริงใจไม่หวังฟันแล้วทิ้งนะจะเชียร์เจ มันน่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 07 [21/03/57 P.2]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 22-03-2014 02:33:19
ใครว่ามีแฟนเป็นหมอแล้วไม่ดีถ้าได้แบบโชติภัทรน้องโอเคค่ะ555555555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 07 [21/03/57 P.2]
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 22-03-2014 07:10:29
ข้อเสียอย่างเดียวของการมีแฟนเป็นหมอคือ เขาไม่มีเวลาให้
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 07 [21/03/57 P.2]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 22-03-2014 20:51:24
 :katai4: ปั่นๆๆอัพๆๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 07 [21/03/57 P.2]
เริ่มหัวข้อโดย: dradareal ที่ 22-03-2014 22:31:09
หลงรักโช  :impress2:
ชอบความมุ้งมิ้งของสองคนนี้ ทั้งๆที่ไม่มีฉากหวานหรืออะไรเลย กลับทำเรายิ้มได้เรื่อยๆ
ชอบมากๆเลยค่ะ  o13
รีบๆมาต่อน้า
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 07 [21/03/57 P.2]
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 22-03-2014 22:56:32
คุณโช รู้สึกว่ามีเสน่ห์แบบแปลกๆอ่ะ เท่ห์มากเลย ดูจริงจังดี อิอิ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 07 [21/03/57 P.2]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 22-03-2014 23:41:46
ธีร์รีบแก้ต่างเลยกลัวโชเข้าใจผิดอ่ะดิ ฮ่าๆๆๆ
เก่งแบบหมอโชเอากลับบ้านได้มะ คิกๆๆ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 07 [21/03/57 P.2]
เริ่มหัวข้อโดย: ArgèntaR๛ ที่ 23-03-2014 01:31:13
ชอบความละเมียดละไมของความสัมพันธ์จัง
มันค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ไม่ได้หวือหวาโลดโผนอะไร แต่ก็ดูลงตัวดี
ชอบหมอโชนะ หมอดูมีอะไรอีกหลายแง่มุม  :hao6:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 07 [21/03/57 P.2]
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 23-03-2014 12:43:28
โอ้ยยยยยยยยยยยย   น่ารักกกกกกกกกกกกก  อยากอ่านต่อ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 07 [21/03/57 P.2]
เริ่มหัวข้อโดย: velvetronica ที่ 05-04-2014 01:44:10
08



แสงแดดอ่อนๆ ที่นอนนุ่มๆ ผ้าห่มหนาๆ อากาศเย็นๆ ...


กันตธีร์ม้วนตัวในความนุ่มนิ่มอย่างเกียจคร้าน ข้อดีของการเจ็บป่วยคือมีข้ออ้างให้ได้สำออยแบบไม่รู้สึกผิด ซึ่งคนสุขภาพแข็งแรงเช่นเขาจะมีโควต้านี้ต่อปีไม่มากจึงต้องเก็บเกี่ยวให้คุ้มค่า ชายหนุ่มซุกตัวในท่าที่สบายอยู่อีกสักพักแม้ว่าจะตื่นมานานแล้ว จนกระเพาะอันว่างเปล่าเริ่มประท้วงหนักข้อนั่นแหละถึงเริ่มลุกขึ้นนั่งแล้วสำรวจตนเอง

อาการปวดหัวทุเลาไปจนแทบจะไม่มี ส่วนข้อเท้าก็ไม่รู้สึกปวดอะไร โดยรวมนอกจากจะรู้สึกยอกๆ ตามตัวกับแผลยังไม่หายก็ถือว่าร่างกายปกติดี


เครื่องปรับอากาศในห้องนอนยังคงส่งเสียงครืดคราดไปพร้อมกับพ่นไอเย็นบ่งบอกว่ารูมเมทไม่ได้ปิดก่อนออกจากห้องเหมือนปกติ ซึ่งขัดแย้งกับนโยบายประหยัดไฟประจำห้อง แต่นั่นก็เพราะยังมีคนเจ็บนอนขดอยู่ใต้ผ้าห่ม นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสิทธิพิเศษที่นานๆ จะมาสักที

หน้าจอiPhoneคู่ใจแสดงข้อความจากเพื่อนสุดประเสริฐแห่งทศวรรตนี้ พ่อหมีบอกว่าจะหิ้วข้าวมาให้ตอนเที่ยง ซึ่งตอนนี้ก็11โมงครึ่งเข้าไปแล้ว ความขี้เกียจที่ชนะเสียงโวยวายของถุงเนื้อใต้ลิ้นปี่ทำให้เขาตัดสินใจรอโดยการไปอาบน้ำแปรงฟัน


เวลาเที่ยงพอดิบพอดีประมาณว่าเข็มยาวเลยเส้นแวงไปไม่กี่รุ้งเท่านั้น กล่องโฟมที่มีกลิ่นหอมก็ถูกนำมาประเคนถึงมือ

กฤษณ์เป็นใจดีเสมอ ...แต่ก็นับว่าพระเจ้าทำถูก ที่ไม่ส่งมันไปเรียนหมอ เพราะถึงเจตนาและความดีจะทะลุเกณฑ์ แต่แฮมเสต็กหมูราดน้ำผึ้งก็หน้าตาไม่เหมือนอาหารคนป่วยสักนิด


เขาเหลือบมองคนซื้อ คนซื้อก็มองตอบ


"ร่างกายมึงต้องการโปรตีนไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ"


กันตธีร์พยักหน้า จำได้เช่นกันว่าสปช.ตอนป.4สอนมาแบบนั้น พร้อมกับปลงตก ดีที่ตนหายดีแล้ว ไม่งั้นคงไม่มีอารมณ์มานั่งยัดก้อนเนื้อเข้าปากทั้งที่ยังปวดแผลหรือไข้ขึ้น

หลังกินเสร็จก็โยนภาระซากกล่องอาหารให้เพื่อนแบบหน้าด้านๆ เป็นการใช้โควต้าคนป่วยและเอาคืนที่เคยต้องแบกซากหมีเมากลับหอมานับครั้งไม่ถ้วน ว่าแล้วพอมือว่างก็ได้ฤกษ์ล้มตัวลงนอนกดมือถือไปเรื่อยเปื่อย เปิดfacebookที่ไม่ค่อยได้เล่นเข้าไประรานชาวบ้านชาวช่องพอหอมปากหอมคอ จนกระทั่งมีข้อความในlineเตือนขึ้นมา


Chotipat – ปวดแผลหรือเปล่า

Thee – เกือบลืมไปแล้วว่ามีแผล

Chotipat – ดีแล้ว

Thee – เย็นนี้เลิกกี่โมง

Chotipat – 5

Chotipat - จะไป?

Thee - ไปดิ หายแล้วเนี่ย

Chotipat – ธีร์ขับรถไหวหรือ

Thee – ไหว


โชติภัทรเงียบหายไปหลังคำถามนั้น ก่อนหน้านี้พวกเขาตกลงกันว่าจะขับรถไปเนื่องจากสะดวกที่สุดแล้ว จะไปรถเมล์ก็หลายต่อ รถไฟฟ้าก็ต้องไปต่อรถเมล์หรือแท็กซี่อีกอยู่ดีเพราะสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินไม่ใกล้กับRCA

ซึ่งคนขับก็ต้องเป็นกันตธีร์ผู้เป็นเจ้าของmazda2คันสวย เพราะว่าที่คุณหมอไม่มีรถ เห็นว่าคันเดิมของพี่จิรภัทรยกให้น้องคนเล็กอย่างวีรภัทรไปเพราะไอ้คนกลางดันเอาแต่สิงอยู่ที่หอ


Chotipat – ก็ได้

Thee - งั้น5ครึ่ง หน้าหอ


แต่ยิ้มกว้างได้ไม่ถึงสิบวินาทีข้อความถัดไปก็เด้งขึ้นมากระแทกตา


Chotipat – แต่ถ้าธีร์มีไข้ก็ไม่ไปนะ


คนโดนห้ามอ้าปากค้างใส่หน้าจอมือถือ ก่อนจะคิดขึ้นมาอย่างจริงจังเป็นครั้งแรกในชีวิต

paracetamolกินได้มากที่สุดวันละกี่เม็ดกันนะ?


++++++


   เมื่อถึงเวลานัด โชติภัทรก็มาปรากฎตัวพร้อมกับเหงื่อเม็ดโตบนหน้าผากบ่งบอกอาการรีบร้อนชัดเจน ฝ่ายคนนั่งกินนอนกินมาทั้งวันก็เสนอให้เดินไปกินข้าวที่หลังม.ก่อนแล้วค่อยกลับมาเอารถที่หอ ถึงแม้จะเป็นหนังรอบ2ทุ่ม แต่การจราจรของมหานครกรุงเทพแห่งนี้ก็ไว้ใจไม่ได้เลยสักนิด  ทั้งคู่จึงรีบจัดการกับมื้อเย็นอย่างรวดเร็วเพื่อทำเวลา

ทว่าเมื่อเดินกลับมาถึงรถ คนตัวสูงก็ชะงักกึก ส่งผลให้คนที่เดินตามมาถอยเท้าแทบไม่ทัน

กันตธีร์มองมือที่แบมาตรงหน้าอย่างงุนงง


“กุญแจรถ” เจ้าของมือบอกเมื่ออีกฝ่ายยังคงยืนนิ่ง

“ห๊ะ?” ปากก็ยังเผยอค้างอย่างไม่เข้าใจแต่มือก็ยื่นให้แบบไม่ทันคิด ...หรืออุบัติเหตุเมื่อวานจะทำให้สมองเขากระทบกระเทือน?


โชติภัทรปลดล็อคแล้วส่งตัวเองเข้าไปนั่งที่คนขับ ทำให้ฝ่ายเจ้าของรถต้องรีบอ้อมมาขึ้นอีกฝั่งทันที


“ปวดแขนไม่ใช่หรือไง” คำอธิบายลอยมาพร้อมกับการสตาร์ทรถ “ที่ฉีดบาดทะยักน่ะ”


กันตธีร์ยกมือลูบต้นแขนซ้าย จริงดังที่อีกฝ่ายว่า...ตรงที่ฉีดยาปวดตึงมาตั้งแต่เมื่อคืน ถึงจะดีขึ้นบ้างแล้วแต่พอออกแรงยกแขนหรืออะไรเข้าหน่อยก็ปวดขึ้นมาอีก เขาก็ยังคิดอยู่เลยว่าคงมีปัญหาเวลาเข้าเกียร์


“มีใบขับขี่แน่นะ” คนรักรถถามหวาดๆ

“มีสิ ถึงจะขับไม่บ่อยแต่จะพยายามไม่เอาไปเจิมนะ” มือใหม่หัวเราะแบบไม่เพิ่มความมั่นใจแต่อย่างใด


เจ้ารถเล็กสีควันบุหรี่แล่นผ่านยามค่ำของเมืองกรุงแห่งแสงสีอย่างใจเย็น คนที่ออกตัวว่าขับรถไม่บ่อยขับได้นุ่มนวลกว่าที่คิด เรียกได้ว่านิ่มกว่าเจ้าของรถที่ใจร้อนหลบในจนเพื่อนๆ ไม่ค่อยอยากฝากชีวิตไว้เสียอีก

ถึงแม้จะไม่มีเสียงพูดคุยกันแต่บรรยากาศในกล่องโดยสารก็ไม่ชวนอึดอัดสักนิด กันตธีร์พอใจกับความเงียบ เขาเหม่อมองแสงไฟข้างถนนที่วิ่งเป็นสายอย่างใจลอย ด้านโชติภัทรก็ดูตั้งสมาธิกับการขับรถจนไม่นึกอยากเปิดบทสนทนา


ใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ ในการผจญกับแพรถยนต์จำนวนมาก ในที่สุด mazda2 ก็มาจอดเข้าซองอย่างสวยงามอยู่หน้า house rama RCA เป็นที่เรียบร้อย

คนนั่งเฉยตลอดทางลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจเบาๆ ในขณะที่อีกคนเช็คล็อคประตูรถ


“ธีร์กินอะไรหน่อยไหม” พยักเพยิดไปทาง top supermarket ที่อยู่ติดถนน

“ไม่ล่ะ” ส่ายหน้าเบาๆ พร้อมกับประหลาดใจในความคุ้นเคยกับสถานที่ของอีกฝ่าย “มาบ่อยหรือ?”

“จะว่าบ่อยก็ไม่ แต่เคยมาหลายครั้งแล้ว”

“ดูหนัง?” เพราะคงไม่ได้มาเที่ยวผับเอาแถวนี้แน่

“ใช่ คนเดียวด้วย หนังนอกกระแสแบบนี้หาคนดูด้วยยากตายชัก” พูดพลางหัวเราะในคอ และเอื้อมมือไปแตะข้อศอกอีกฝ่ายเบาๆ “ไปเอาตั๋วก่อน”


ร่างสูงโปร่งเดินนำไปก่อนให้คนขาสั้นกว่าเดินตามไปแบบไม่เร่งรีบ


อาคาร RCA plaza ดูมีอายุไม่น้อย แต่พอเดินผ่านโรงหนังUMG RCAที่ชั้น2 ขึ้นมาถึงชั้น3 ก็ต้องแปลกใจกับการตกแต่งที่ดูสะอาดและหรูหราไม่น้อยเทียบกับภายนอก บริเวณด้านหน้ามีคนนั่งรออยู่ก่อนสองสามคน ฝ่ายชำนาญทางตรงเข้าไปคุยเรื่องตั๋วที่เคาท์เตอร์ ปล่อยให้คนที่เพิ่งเคยมาสำรวจรอบๆ อย่างตื่นเต้น

ป้ายโฆษณาภาพยนตร์หลายเรื่องที่ติดอยู่ดึงดูดความสนใจได้ไม่น้อย ชายหนุ่มจึงเริ่มเห็นลางเสียทรัพย์ในอนาคตลอยมาชัดเจน


หลังจากที่จัดการกับตั๋วเรียบร้อยก็เข้ามาสู่โถงยาวที่มีผนังสีขาว ส่วนของร้านอาหารและร้านค้าตอนนี้เลยเวลาปิดมาสักพักแล้ว แต่คนตัวเล็กก็ไม่วายไปเกาะกระจกดูห้องสมุดDVDจนฝ่ายที่พามาเริ่มรู้สึกเหมือนพาเด็กมาเที่ยวสวนสัตว์ 

พอหาที่ทางนั่งรอได้แล้วโชติภัทรชี้ให้กันตธีร์ดูลายบนผนังที่เหมือนเกมต่อจุดที่เคยเล่นสมัยเด็กๆ ทำให้มองได้เพลินๆ ไม่ต้องเบื่อกับการรอเวลา


“ไปเข้าห้องน้ำก่อนไหม”

“หืม? อีกตั้ง 10 นาที” ถามตามความเคยชินกับโรงภาพยนตร์ทั่วไป

“ที่นี่ไม่มีโฆษณา หนังฉายตรงเวลา เดี๋ยวเข้าห้องน้ำแล้วก็จะได้เข้าไปรอก่อนเลย”


ว่าแล้วก็ต้องเชื่อฟังเจ้าถิ่น จึงได้แต่เดินตามต้อยๆ ไปจนถึงห้องน้ำที่ตกแต่งได้แนวไม่แพ้ข้างนอก ถึงจะดูโทรมไปหน่อยแต่ก็ดูเถื่อนอย่างมีศิลปะไปอีกแบบ

พอจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อยก็ถึงเวลาเข้าโรง กันตธีร์แอบสำรวจคร่าวๆ น่าจะมีราวสิบกว่าคนเท่านั้น แถมยังนั่งกันกระจัดกระจายราวกับจะบอกกันชัดเจนว่าอย่าได้เข้ามารบกวนในรัศมีส่วนตัว สมกับเป็นหนังอินดี้ในโรงหนังทางเลือกจริงๆ...


“อ่ะ โทษที”


คนกำลังใจลอยสะดุ้งเมื่อยกแขนไปชนกับคนข้างๆ ที่กำลังจะวางแขนบนที่กั้นพร้อมกัน โชติภัทรยิ้มให้ก่อนจะหันไปกอดอกนั่งนิ่งเป็นการตัดปัญหา


หนังเริ่มฉาย...

โทนของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เป็นไปตามหนังcultทั่วไป ความอึมครึมในทุกอณูของมุมกล้องถูกถ่ายทอดออกมาได้ดีสมกับเป็นผลิตภัณฑ์ของประเทศคิดมากเช่นญี่ปุ่น ตัวเอกของเรื่องผู้เป็นเด็กชายวัยประมาณมัธยมดำเนินเรื่องราวประหลาดโลกไปพร้อมกับสีหน้านิ่งเฉยเกินวัย ส่วนเด็กสาวก็แสดงสีหน้าเย็นชาออกมาบนใบหน้าสะสวยแต่ขาวซีดและล้อมกรอบด้วยผมยาวสีดำเหมือนตุ๊กตา

จู่ๆ บนจอก็ฉายภาพของร่างไร้ชีวิตในสภาพที่ไม่น่าดูจนอดจะสะดุ้งไม่ได้ กันตธีร์ลูบต้นแขนตัวเองเบาๆ ก่อนจะแอบเหลือบมองคนข้างตัว โชติภัทรยังอยู่ในท่ากอดอกหลังพิงพนัก สายตามองผ่านกรอบแว่นไปยังจอใหญ่แบบไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้นให้เห็น


จะว่าจิตแข็ง...หรืออาจจะเห็นจนชินก็เป็นได้


หลังจากนั่งสะดุ้งนั่งเกร็งนั่งลุ้นอยู่ราว2ชั่วโมง ภาพของเด็กสาวที่ลูบเส้นเชือกที่พาดบนลำคอก่อนจะหลับตาพริ้มอย่างเป็นสุขก็ฉายขึ้นเป็นตอนจบ

เนื้อเรื่องออกจะแตกต่างจากในหนังสืออยู่บ้าง เกิดจากการผูกเรื่องราวหลายบทหลายตอนให้มารวมอยู่ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง แต่ก็ทำได้ลงตัวและไม่บั่นทอนสาระสำคัญจนเขาต้องชื่นชมในใจ เพราะเนื้อเรื่องดั้งเดิมก็มีความซับซ้อนและมีจังหวะการดำเนินที่แปลกประหลาดไม่น้อย


“เป็นไง?” โชติภัทรถามสั้นๆ ขณะถอดแว่นแล้วนวดที่หัวตาตัวเอง

“ดี...บทหนังดีมากทีเดียว”

“ถ่ายดีมากด้วย เก็บรายละเอียดครบมาก”


คนที่ปกติใส่แว่นติดหน้าตลอดหันมาแบบไม่มีกรอบสีดำบังบนหน้าทำให้ดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย และยิ่งยืนยันความเป็นพี่น้องกับวีรภัทรได้เป็นอย่างดี

ใบหน้าขาวแบบคนไม่ค่อยเจอแดดรับกับคิ้วเข้มได้รูปและจมูกโด่งเป็นสันชัดเจนจนน่าอิจฉา ส่วนเรียวปากก็ยิ้มจางๆ ให้แบบที่คุ้นตา ทำเอาตาพร่าจนต้องเอ่ยปากสั่ง


“ใส่แว่นเหอะ”

“หืม?”

“หล่อไปว่ะ หมั่นไส้”


โชติภัทรชะงักก่อนจะหัวเราะเบาๆ แล้วใส่แว่นกลับเข้าไปตามที่บอก จากนั้นจึงสะกิดให้อีกฝ่ายลุกออกจากโรงตามคนอื่น


พอเริ่มตกดึก บรรยากาศของRCAก็เริ่มต่างจากช่วงกลางวันที่เงียบเหงา ถ้าคนที่มาด้วยไม่ใช่นักศึกษาคณะแพทย์ที่ดูอดนอนแบบนี้ แต่เป็นเพื่อนวิศวะสักกลุ่มคงได้มีชวนไปต่อroute66หรืออะไรเทือกนั้น


“ขับไหวหรือเปล่า?” เจ้าของรถท้วงคนที่ทำท่าจะเข้าไปขับเหมือนตอนขามา

“หืม?”

“เป็นถุงขนาดนี้ จะไม่เอารถไปแหกโค้งลงคูที่ไหนใช่ไหม?” กันตธีร์ชี้ที่ใต้ตาซึ่งเป็นหลักฐานหนี้ชั่วโมงนอนแบบรูปธรรม ร่วมกับเมื่อกี้ที่อีกฝ่ายนวดหัวตาก็แสดงว่าล้าอยู่ไม่น้อย

“ไหว” ยิ้มตอบ “ธีร์ต่างหากที่ควรพัก นี่ปวดแผลบ้างหรือเปล่า?”

“...ไม่ปวด”

“ขึ้นรถเถอะ จะได้รีบกลับไปพัก”


ในรถยังคงเงียบสนิทเหมือนตอนแรก คนนั่งเฉยๆ พยายามคิดหาอะไรมาชวนคุยแต่ก็คิดไม่ออก เพราะไม่ว่าจะเมื่อไหร่ โชติภัทรก็เป็นคนชวนคุยก่อนเสมอ ทำให้ตอนนี้เขานึกออกแต่คำถามโง่ๆ ที่นอกจากจะไม่ทำให้มีบทสนทนาต่อเนื่องแล้วยังรบกวนสมาธิคนขับเสียเปล่าๆ


เวลาสี่ทุ่มกว่าเริ่มเข้าช่วงหลับไหลของเมืองกรุง รถราบนถนนน้อยลงอย่างมีนัยยสำคัญจนใช้เวลาไม่มากนักก็กลับมาถึงมหาลัย

กันตธีร์สะดุ้งตื่นเมื่อโชติภัทรแตะเขย่าที่ข้อศอก


“ธีร์...ถึงหอแล้ว” เสียงนุ่มบอก ไม่มีเค้าความขัดเคืองอะไรให้ได้ยิน

“...โอย โทษที เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้”

“ไม่เป็นไร ธีร์ขึ้นไปนอนดีๆ เถอะ แผลยังไม่หายดีมันก็เพลียแบบนี้แหละ”


คนเพิ่งตื่นรีบลุกขึ้นจนเดินเซเบาๆ ให้อีกฝ่ายต้องคว้าแขนเอาไว้

ชายหนุ่มรู้สึกหน้าร้อนวูบ เขาออกจะเอาเปรียบมากเกินไปแล้ว ทั้งลากออกมาดูหนัง ถึงเขาจะเป็นคนจ่ายเงิน แต่ก็ให้อีกฝ่ายขับรถให้ แล้วแทนที่จะนั่งเป็นเพื่อนก็ดันไปหลับใส่อีก แถมยังไม่มีการถือโทษโกรธเคืองอีกต่างหาก!


“โทษทีๆ จะเลี้ยงหนังตอบแทน แต่กลายเป็นลำบากแทนหรือเปล่านะ”

“ไม่หรอก ไม่เป็นไร” รอยยิ้มจางๆ อีกแล้ว

“...อืม”

“ไม่เป็นไรจริงๆ” ยืนยันอีกครั้งเมื่อเห็นว่ายังทำหน้ามึน “ไว้วันหลังมีหนังน่าสนใจไปดูด้วยกันอีกนะ”


โชติภัทรยื่นกุญแจรถคืนให้ ก่อนจะเดินแยกไปทางหอตัวเอง กันตธีร์ยืนอึนอยู่สักครู่ก่อนจะเดินขึ้นหอบ้าง เขาทักรูมเมทสองสามคำ ซึ่งก็ได้รับคำบ่นกลับมาเรื่องการไม่เจียมตัวกับเรื่องแผล ไอ้ตัวเล็กของกฤษณ์จึงชิ่งไปอาบน้ำแล้วกลับมาซุกตัวเอาผ้าห่มคลุมโปงหนีคุณพ่อขี้บ่น


เขาหยิบมือถือมาตั้งนาฬิกาปลุกก่อนนอน แล้วก็เลยเถิดไปเปิดดูlineที่ไม่มีข้อความใหม่ ชายหนุ่มมองหน้าจอที่แสดงบทสนทนาเมื่อเช้าค้างไว้อย่างชั่งใจก่อนจะกดพิมพ์ข้อความสั้นๆ

ไม่กี่อึดใจมือถือก็สั่นครืดคราด


Chotipat – ฝันดีเหมือนกัน


คืนนี้...ก็คงจะฝันดีล่ะมั้ง...



TBC...


::TALK::

มาดึกอีกแล้ววววววววววววว  :katai4:

กลับมาแล้วค่า แอบหายหัวไปเล็กน้อย อาทิตย์ที่ผ่านมาสอบกระหน่ำมาก โดนอาจารย์สับซอยเละเทะไม่เหลือชิ้นดีกลายเป็นหมูบดบะช่อ  :pigha2: 5555

ตอนนี้แอบสั้นกุด ขออภัยจริงๆ แต่ว่าขอกรีดร้องหน่อยเถอะ... "first date"เลยนะะะะะ กรี๊ดดดดดดดดด  :-[ 55555555555555

แต่ไม่หวานสักกะติ้ด //โดนคนอ่านเอาของเขวี้ยง  :z6:

ก็เขายังมิได้เป็นอะไรกันน่ะค่ะ คิดว่าก็คงจะมุ้งมิ้งประมาณนี้แล ตอนอ่านทวนแล้วรู้สึกเหมือนจะไปนำเที่ยว house มากกว่า 555 แต่ก่อนคนเขียนชอบไปดูหนังค่ะ แต่พักหลังๆมานี่ชีวิตยุ่งเกิ๊น ไม่ได้ไปนาน ไม่รู้ยังเป็นแบบที่จำได้อยู่หรือไม่

อย่างไรก็ตาม...อย่าเพิ่งเบื่อกันไปก่อนนะคะ จะปั่นมาต่อเรื่อยๆน้าาาา  :katai5:

ขอบคุณทุกคนค่ะ เลิฟฟฟ  :กอด1:


::comment::

iforgive - กับธีร์มันก็จริงใจนะค้าาา 555 ว่าแล้วก็รอดูกันต่อไป

quiicheh. - คนเขียนอ่านแล้วฟินแทน หลงรักนายโชบ้างแล้วสินะคะ  :o8:

korinasai - เจ็บ จุก จริง เห็นด้วยอ่ะ เห็นมากๆๆ [คนเขียนเรียนหมอ]  :hao5:

พลอยสวย - ปั่นสุดใจค่าาา  :katai4:

dradareal - ขอบคุณค่า ดีใจจัง มีคนหลงรักพระเอกของเราแล้วๆ

Zelsy - ใช่เลยค่ะ คนที่จริงจังกับอะไรนี่มันเท่จังน้อ [ความชอบส่วนตัว]

kun - เอากลับไม่ได้นะคะ ของธีร์! 5555

ArgèntaR๛ - ขอบคุณค่า มันก็จะค่อยๆเป็นค่อยๆไปอย่างนี้ล่ะเนอะ ดีใจจัง  :-[

konnarak - ขอบคุณค่าาา มาต่อแล้วน้าๆๆๆ  :katai4:


อยากจะบอกว่าคนเขียนฟินที่คนอ่านบอกว่ารักโช ตอนที่แล้วประสบความสำเร็จอ้ะ ฟินๆๆ รักคนอ่านมากมายยยยย  :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 08 [05/04/57 P.3]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 05-04-2014 03:14:06
หลงเลยค่า หนุ่มแว่นพอถอดแว่นแล้วฮึ้ย :P
เป็นเฟิร์สเดทแบบไม่หวานแต่ก็ดูห่วงใยกันดีจัง เขิน

ปล.เพิ่งรู้นะคะว่าแถวอาร์ซีเอมีโรงหนังแบบฉายหนังนอกกระแสนึกว่ามีแต่ผับ
*ซาว์นมา* 555555555555555555555
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 08 [05/04/57 P.3]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 05-04-2014 03:40:42
 :m23: อัพดึกแต่ไหน แต่เราอ่านดึกกว่า55
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 08 [05/04/57 P.3]
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 05-04-2014 07:14:02
โชนี่ นอกจากจะเท่แล้วยังหล่ออีกเนาะ ใจละลายยยย <3
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 08 [05/04/57 P.3]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 05-04-2014 08:44:46
ไม่หวานแต่แบบนี้ก็ดีนะ ค่อยเป็นค่อยไปดี
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 08 [05/04/57 P.3]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 05-04-2014 11:11:30
ชอบเรื่องราวที่ไปเรื่อย ๆ แบบนี้ล่ะค่ะ ไม่เครียดดี
สองหนุ่มยังมีนัดครั้งต่อ ๆ ไปให้ได้ลุ้น
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 08 [05/04/57 P.3]
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 11-04-2014 21:44:49
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 08 [05/04/57 P.3]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 12-04-2014 07:49:14
ชอบแนวนี้อะ ตัวละครทุกตัวก็น่าสนใจมากค่ะ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 08 [05/04/57 P.3]
เริ่มหัวข้อโดย: velvetronica ที่ 19-04-2014 00:53:02
09



อะไรเอ่ย...คือความสำคัญของเดือนตุลาคม?


"ธาว่าจะไปกับเพื่อนที่คณะ แล้วพี่ธีร์ล่ะคะ?"

"ไม่รู้เลย"

"...งั้นธาไปกับพี่ธีร์ก็ได้นะคะ" เสียงหวานที่เจื้อยแจ้วมาตามสายอ่อยลงเล็กน้อยจนคนฟังต้องเรียกตัวเองขึ้นมาจากความเนือย

"เฮ้ยไม่ต้อง เราก็ไปกับเพื่อนสิคะ พี่ชายไปคนเดียวได้สบายมาก"

"ไปคนเดียวอีกแล้ว ชวนเพื่อนไปสิคะ พี่หมีก็ได้" ฟังได้ดังนั้นก็หัวเราะเบาๆ

"อย่าเลย ช่วงนี้พี่วุ่นๆ กับโปรเจคกันอยู่ อาจจะไม่ว่างไปเหมือนกัน"

“เห! จริงหรือคะ ยุ่งขนาดนั้นเชียว!?”


กัลยธาง้องแง้งมาตามสายอีกหลายประโยคก่อนที่ฝ่ายพี่ชายจะหาโอกาสตัดบทแล้ววางสายได้

ชายหนุ่มเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างอ่อนล้า ช่วงนี้เขาไม่ค่อยมีอารมณ์อยากทำอะไรนัก หนังสือที่ชอบอ่านก็ดองเอาไว้เป็นกอง มันเหนื่อยๆ เพลียๆ จนอยากจะนั่งอยู่เฉยๆ มากกว่า ว่าแล้วก็แหงนศีรษะพร้อมถอนหายใจ


"ถ้ามึงถอนหายใจอีกทีกูจะถีบมึงออกจากห้อง"


กฤษณ์คำรามมาจากอีกมุมห้องหลังโน้ตบุ๊คคู่ใจ ใบหน้าที่มีรอยยิ้มอารมณ์ดีอยู่เป็นนิจกลับมืดทะมึนมาแต่ไกล กันตธีร์จึงจงใจถอนหายใจแรงๆ ให้อีกทีเป็นการตอบสนองคำขอของเพื่อนรัก


"พ่อมึง...กวนตีนนะสัด"

"พ่อกูกวนตีนจริงด้วย มึงรู้ได้ไง"

"ไอ้ ตัว เล็ก!!!"


พ่อหมีองค์ลงผุดลุกขึ้นมาอาละวาดกระโจนใส่คนที่รีบมุดหนีเข้าใต้กองผ้าห่ม คนตัวเล็กยื้อผ้านวมเอาไว้ราวกับเป็นเกาะกำบัง ฝ่ายจู่โจมเลยเอาตัวล้มทับ แล้วแย่งหมอนฟาดกันอุตลุด ท่อนแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อล็อคหัวเหยื่อกดกับหมอนจนคนหาเรื่องหอบเหนื่อยพูดไม่เป็นคำนั่นแหละถึงได้ฤกษ์หยุด


"ยังจะกวนตีนกูอีกไหม"

"ไอ้...ไอ้หมียักษ์ ไอ้แรงควาย มึงขี้โกง!!"

"ตัวเล็กแล้วยังจะเปรี้ยวตีน หาเรื่องกูก่อนเองนะ"

"ความสูงกูมาตรฐานชายไทยเว่ย!!"


คนฟังเหล่ตามองส่วนสูง174เซนติเมตรอย่างเหยียดหยาม ถ้านับแต่ความสูงก็คงไม่ได้เรียกว่าเตี้ย แต่ไอ้หนอนหนังสือตัวนี้มันแทบไม่เคยเล่นกีฬา มีบ้างเหมือนกันที่พยายามจะเข้าฟิตเนสเพื่อเล่นกล้าม แต่โครงสร้างสรีระที่ผอมบางก็ไม่เอื้อให้เป็นประเวศน์ยิมแต่อย่างใด

ฝ่ายถูกดูถูก(แล้ว)เลยออกลายอาละวาดอีกรอบ แต่ไม่ถึงนาทีก็โดนหมีพันธุ์กล้ามตะปบจนนอนนิ่งลงไปอีก


"โอ้ย มัวแต่ยุ่งกับมึง งานแม่งไม่เดิน"

"...ก็ดี"

"ดีพ่อง!!"

"...ก็มึงเอาแต่ทำหน้าโลกแตก" สภาพยับเยินขุดตัวเองขึ้นมาพร้อมอาการหอบ "ได้ออกแรงแล้วอารมณ์ดีขึ้นไหมล่ะ?"


กฤษณ์มองไอ้ตัวเล็กที่พยายามจะเอามือสางผมให้เข้าที่แล้วจึงเอาอุ้งมือยักษ์ไปยีจนยุ่งใหม่อีกรอบ


"โอ้ยเชี่ย!!"

"ไม่ต้องมาทำเป็นหวังดีเลย มึงก็แค่จิตว่างเลยหาเรื่องกวนตีนกู"

"แม่ง...รู้ทันตลอด"


บ่นอุบอิบ แต่เมื่อเห็นว่ารอยขมวดที่หว่างคิ้วเพื่อนดูคลายลงกันตธีร์ก็ยิ้มออก

ฝ่ายกฤษณ์ก็กลับไปนั่งทำงานด้วยสมองที่ปลอดโปร่งขึ้น เขารู้ดีว่าตัวเองเครียดมากกับโปรเจคที่ดูลุ่มๆ ดอนๆ แต่ก็ไม่คิดว่าจะถึงขนาดทำให้รูมเมทผู้ปลีกวิเวกสังเกตได้ ไอ้ตัวเล็กมันกวนตีนกว่าปกติคงเพราะเครียดไม่ต่างกัน แต่กลับมาตอแยด้วยผิดวิสัยแสดงว่ามันก็เป็นห่วงเขาอยู่ไม่น้อย

พอหันกลับไปมองก็เจอสิ่งมีชีวิตผอมบางกว่าค่าเฉลี่ยนั่งเหม่อหน้าเบื่อโลกอยู่บนเตียง...หรือเขาจะปล่อยรังสีทะมึนมากเกินไปกันนะ?


ส่วนกันตธีร์ยังคงนั่งใจลอยอยู่ที่เดิม ชายหนุ่มนึกเป็นห่วงเพื่อนร่วมห้องไม่น้อย แต่ก็ช่วยอะไรได้ไม่มาก โปรเจคของเขาค่อนข้างจะราบรื่นเมื่อเทียบกับเพื่อน ความจริงก็ไม่ต้องคร่ำเคร่งอะไรนักก็ได้แต่ไม่อยากจะทำตัวสบายอกสบายใจเกินไปเพราะมันจะยิ่งสร้างความกัดดันแก่อีกฝ่าย

ช่วงนี้อยู่ติดห้องให้มากหน่อยดีไหมนะ...


"จะไปงานหนังสือหรือเปล่า?"


คนตกในภวังค์ความคิดสะดุ้งเฮือก


"ว...ว่าไงนะ"

"...มึงก็ได้ยินนี่" กฤษณ์ตอบเสียงเบื่อ

"อ้อ...” ลากเสียงเพื่อตั้งสติ “ยังไม่รู้เลยว่าจะว่างวันไหน แต่คงไปแหละ"

"โปรเจคมึงออกจะฉิว ไปได้อยู่แล้ว"

"...ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก" รับคำเสียงหวิว

“ไม่ต้องเกรงใจกูขนาดนั้นก็ได้” คนยังมีภาระเงยหน้ามามองเต็มตาแล้วย้ำคำ “จะไปไหนก็ไปเหอะ”


มึงจะมีญาณมากไปแล้วไอ้หมี!

ตัวเล็กของพ่อหมีอ้าปากค้าง


เรื่องงานหนังสือเขาก็คงหาวันธรรมดาตอนบ่ายแวะไปสักวัน คนจะได้ไม่เยอะมากให้พอจะเลือกของได้อย่างสบายใจ แต่ไอ้จะไปกับใครนี่สิ...ปกติเขาก็ชินกับการไปไหนมาไหนคนเดียว และครั้งนี้ก็คงจะเหมือนเดิมถ้าไม่มีใครอีกคนโผล่เข้ามาในมโนความคิด


Thee – จะไปงานหนังสือไหม

Chotipat – มีสอบลงกองศุกร์หน้า

Chotipat - คงไม่สะดวกเท่าไหร่ ขอโทษนะธีร์

Thee – หลังศุกร์หน้ายังมีเสาร์อาทิตย์สุดท้ายไง

Chotipat - ขอดูอีกทีแล้วกัน


เป็นอันจบประเด็น...

หลังจากไปดูหนังกันเมื่อสองสัปดาห์ก่อน นายโชติภัทรก็ดูจะพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกตลอด เห็นว่าเป็นคนดวงยับเยินถล่มทลายทำลายสติถิ อยู่เวรวันไหนวันนั้นลุกเป็นไฟจนพี่แพทย์ประจำบ้านแทบจะไล่กลับหอไม่ต้องมาอยู่เวร พอหนักเข้าเลยหายหน้าหายไปราวกับช่วงก่อนหน้านี้ที่เดินเจอกันเป็นว่าเล่นได้ใช้ความบังเอิญทั้งชีวิตไปจนหมดแล้ว ซึ่งกันตธีร์ก็คงจะไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายหายหัวไปไหนถ้าหนังสือที่วางอยู่ข้างหมอนไม่ได้มีเจ้าของเป็นนักศึกษาแพทย์ดวงเดือดคนนี้

จะว่าไปมันก็ไม่แปลกอะไรนัก ต่างคนก็ต่างยุ่งวุ่นวายขนาดนี้ ถ้าได้เจอกันบ่อยสิน่าประหลาด


นักศึกษาปีแก่แห่งคณะวิศวะดีดตัวลุกขึ้นสะบัดตัวขี้เกียจที่เกาะอยู่ให้พ้นตัว แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเสียงริงโทนเพลงฝรั่งก็ดังขึ้นทำลายความเงียบงัน

เจ้าของเอื้อมมือไปคว้าก่อนจะขมวดคิ้วกับชื่อที่โชว์ขึ้นมาบนหน้าจอ


'A.Itthinon'


++++++


'ลอกโปรเจค'


กันตธีร์รู้สึกชาวาบไปทั้งตัวพร้อมกับความรู้สึกแปลบปลาบในหน้าอก อาจารย์ที่ปรึกษาร่างเล็กเรียกเขามาพบด่วนพร้อมกับข่าวร้าย


อาจารย์อิทธินนท์ได้ไปคุยกับอาจารย์ท่านอื่นเรื่องโปรเจคจบ คุยไปคุยมาทั้งคู่ก็เริ่มจับเค้าลางอะไรได้ ทั้งๆ ที่ปกติเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ แต่ก็ได้นำไฟล์โปรเจคบางส่วนของนักศึกษาทั้งสองมาเทียบ


มีการลอกข้อความบางส่วนมาราวกับตัดแปะ


เล่าถึงแค่ตรงนี้กันตธีร์ก็ยิ่งรู้สึกเจ็บในหน้าอก เขารู้ดีว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะเขาเองที่เป็นคนส่งไฟล์ให้เพื่อนคนนั้นดูเป็นแนวทาง เนื่องจากปีนี้มีคนทำโปรเจคไฟฟ้าสื่อสารไม่มาก กอปรกับอีกฝ่ายก็มีปัญหาเรื่องเรียนอยู่เดิมทำให้เขาใจอ่อน

ไม่คิดว่าจะทำกันแบบนี้...ไม่สิ คงคิดอะไรไม่ได้เลยถึงทำอะไรไร้สมองแบบนี้ ทว่าจะโทษอีกฝ่ายอย่างเดียวก็ไม่ได้ เขาเองก็ไม่ควรส่งให้ตั้งแต่แรก ตอนนั้นจิรณัฐก็เตือนแล้วแท้ๆ แต่เป็นเขาเองที่มองโลกในแง่ดีเกินไป


"ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ลอก เป็นข้อดีที่เราคุยกันตลอด" อาจาร์อิทธินนท์พูดเสียงเรียบ "แต่คุณเข้าใจใช่ไหมว่ามันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย  เรื่องนี้ต้องส่งให้กรรมการพิจารณาบทลงโทษ"

"...ครับอาจารย์" เค้นเสียงตอบอย่างยากลำบาก

"ผมจะพยายามช่วยคุณเต็มที่ ผมรู้ว่าคุณเป็นคนแบบไหน แต่ก็ยังรับปากอะไรไม่ได้ ตอนนี้คุณทำหน้าที่ของคุณต่อไปก่อน ถ้าเรื่องคืบหน้าอย่างไรผมจะติดต่อไปแล้วกัน"

"ขอบคุณมากครับอาจารย์"


คนเป็นครูเอามือบีบไหล่ลูกศิษย์แน่นๆ เป็นการให้กำลังใจ กันตธีร์ยกมือไหว้ลาด้วยความรู้สึกซึ้งใจที่อย่างน้อยอาจารย์ที่ปรึกษาหน้านิ่งคนนี้ก็ยังอยู่ข้างเขา

ชายหนุ่มเดินออกมาจากห้องพักอาจารย์ด้วยความรู้สึกหนักอึ้งจนท้องฟ้าดูอึมครึมกว่าที่ผ่านมา






มือผลักประตูกระจกเข้ามาในร้านกาแฟร้านโปรดอย่างอ่อนแรง เขายกมุมปากตอบพนักงานที่ทักทายด้วยเสียงสดใส บรรยากาศร้านที่มีกลิ่นกรุ่นหอมของกาแฟทำให้หัวใจเต้นสงบลง


"มอคค่าหวานน้อยใส่วิปครีม วันนี้รับเป็นแบบไหนดีคะ" พนักงานที่คุ้นหน้าคุ้นตาถามอย่างรู้ใจ

"วันนี้เป็นร้อนแล้วกันครับ"


ชายหนุ่มทรุดตัวนั่งหลบที่มุมร้าน เขายังไม่พร้อมเจอหน้าใครรวมถึงรูมเมท อาจจะเป็นข้อดีหรือนิสัยเสียส่วนตัวก็ไม่ทราบได้ ที่เวลาเกิดเรื่องอะไรมักจะหนีหายไปตั้งหลักกับตัวเองก่อน พอลำดับอะไรในตัวจนเรียบร้อยถึงจะไปเปิดปากรายงานคนอื่นหรือบางทีก็เก็บเงียบจนไม่มีใครรู้ไปเลยก็มี


'เลิกนิสัยแบบนี้สักทีได้ไหม เพื่อนกันมันมีเอาไว้ทำอะไร'


กฤษณ์เคยต่อว่าเขามาหลายครั้ง รวมถึงครั้งล่าสุดที่เขาเลิกกับแฟนสาวเมื่อต้นปี คุณพ่อหมีถึงกับงอนจนจะไม่คุยด้วย แต่ตอนนั้นเขาคงดูเฉามากจึงได้รับการให้อภัยอย่างรวดเร็ว


ครั้งนี้ก็คงจะทำให้โกรธอีกแล้ว...


กันตธีร์ถอนหายใจ เขาไม่ชอบความรู้สึกที่ทุกคนมาเป็นห่วง...มันทำให้ทำตัวไม่ถูก ขนาดอยู่กับกฤษณ์มาหลายปีก็ไม่ชินเสียที


ถ้วยกาแฟผสมชอคโกแลตส่งกลิ่นหอมฉุย เนื้อครีมสีขาวค่อยๆละลายลงเป็นหนึ่งเดียวกับของเหลวสีน้ำตาลท่ามกลางเวลาที่เดินไปอย่างเชื่องช้า คนมีเรื่องกังวลไม่ได้อยากกินกาแฟ เขาเพียงซื้อช่วงเวลา

ดวงตาเรียวเหม่อมองผนังร้านอย่างล่องลอย

เรื่องครั้งนี้หนักอึ้งอยู่ในความรู้สึก แถมความคิดก็ดิ่งลงหลุมดำอย่างฉุดไม่อยู่ไปพร้อมกับกระแสอารมณ์

กรณีที่ร้ายแรงที่สุดจะเป็นอะไรกัน? ล้มโปรเจค? ถอนหน่วยกิต? ไล่ออก?


มองไปทางไหนก็เจอแต่ทางตัน ทั้งที่ถึงเรียนไม่จบในปีนี้...ที่บ้านเขาก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ไม่ได้จำเป็นต้องรีบเรียนจบรีบทำงาน...แต่มันเสียศูนย์ เสียความรู้สึก เสียกำลังใจ


เสียงต้อนรับดังขึ้นพร้อมกับบานประตูร้านถูกผลักเข้ามาทำให้คนกำลังฟุ้งซ่านเผลอมองตาม ร่างที่เขาไม่รู้จักในชุดนักศึกษาเดินตรงไปที่เคาท์เตอร์ คณะที่ยังใส่เครื่องแบบแม้กระทั่งวันอาทิตย์คงมีแต่คณะแพทย์

เหตุการณ์ที่เหมือนเดจาวู


ไวกว่าความคิด

คือมือที่กดข้อความส่งไปโดยไม่ผ่านการประมวลผลที่เต็มร้อย


Thee – ทำอะไรอยู่


กันตธีร์สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าตัวเองกดส่งไปจริงๆ เลยคว่ำจอมือถือลงกับโต๊ะแล้วเอามือลูบหน้าเพื่อเรียกสติ

...ที่เขากำลังทำอะไรอยู่...


และก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมือถือสั่นกับโต๊ะจนดังเป็นเสียงแกรกกราก ชายหนุ่มเม้มปากก่อนจะหยิบขึ้นมาเมื่อสั่นเป็นครั้งที่สอง


Chotipat – อ่านหนังสืออยู่หอ

Chotipat – ธีร์มีอะไรหรือเปล่า

Thee – ไม่มีอะไร


หน้าจอแสดงว่าอีกฝ่ายอ่านแล้วค้างอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ข้อความถัดไปจะโผล่มา


Chotipat – ธีร์อยู่ไหน

Thee – ร้านกาแฟในม.

Chotipat – เดี๋ยวไปหา

Chotipat – จะไปซื้อกาแฟ


มือที่กำลังจะพิมพ์บอกว่าไม่ต้องมาชะงักกึก มือถือถูกคว่ำลงกับโต๊ะอีกครั้ง ชายหนุ่มลูบหน้าแรงๆ อีกครั้งเพื่อเรียกสติและสมองที่ดูจะกระจัดกระจายไม่เป็นท่า

กันตธีร์คนที่หนึ่งบอกว่าให้เปลี่ยนร้าน แต่กันตธีร์คนที่สองโวยขึ้นมาว่ามันเสียมารยาท ส่วนกันตธีร์คนที่สามก็เถียงว่าไม่เข็ดกับความน่าหงุดหงิดของโชติภัทรหรือไง แต่กันตธีร์คนที่สี่กลับถามว่าจะหลบหน้ามันทำไม แล้วกันตธีร์คนที่ห้าจึงเสนอให้ไปบอกว่าจะกลับแล้ว


แต่ก่อนที่จะได้ข้อสรุปของกันตธีร์ทั้งหลายในหัว รอยยิ้มที่คุ้นตาก็ลอยมาพร้อมกับลาเต้ปั่นแก้วใหญ่ดังคำกล่าวอ้าง


“นั่งด้วยนะ”


ได้แต่พยักหน้าตอบไปเบลอๆ...


นักศึกษาแพทย์ใกล้สอบหอบเอาปึกชีทหนาเป็นนิ้วที่เย็บรวมกันอย่างสวยงามขึ้นมาวางบนโต๊ะ แล้วก็เริ่มต้นอ่านแบบไม่สนใจใคร นานๆ ทีก็เอาปากกาขีดเขียนอะไรขยุกขยิก ไม่ก็พึมพำอะไรบางอย่างที่ไม่ได้ศัพท์

กันตธีร์นั่งมองการกระทำนั้นอย่างงุนงง แต่ก็รู้สึกดีที่อีกฝ่ายไม่พูดหรือถามอะไร เพราะที่เขาไม่อยากเจอหน้าใครมันมาจากการไม่อยากตอบคำถามและรับมือกับปฏิกิริยาหลังฟังเรื่องราว...ถ้าจะแค่หนังอ่านหนังสือเงียบๆ ก็โอเค





มอคค่าร้อนตอนนี้ไม่ร้อนแล้ว ส่วนลาเต้ปั่นก็เหลือแต่แก้วเปล่า

โชติภัทรดึงแว่นออกจากดั้งจมูกก่อนจะนวดขมับอย่างอ่อนล้า ช่วงนี้เขารู้สึกเหมือนสายตาแย่ลง อาจจะทั้งนอนไม่พอและโหมอ่านหนังสือ คนสายตาสั้นเงยหน้าขึ้นทั้งที่ยังไม่ได้ใส่แว่นแต่จากระยะนี้เขาก็เห็นชัดเจนว่ากำลังถูกมอง

จึงยิ้มให้เหมือนทุกครั้ง


“ไปกินข้าวไหม”

“อืม...ไปสิ”


กันตธีร์รออีกฝ่ายเก็บของจนเสร็จจึงลุกขึ้น แล้วคนชวนก็เดินนำออกนอกร้านไปจนถึงตลาดข้างมหาลัย มื้อเย็นวันนี้เต็มไปด้วยความเงียบ นอกจากบทสนทนาพื้นฐานแล้วทั้งคู่ก็ไม่ได้คุยอะไรเป็นเรื่องเป็นราว


“แวะหน่อย”


โชติภัทรหันมาบอกก่อนจะเดินลิ่วไปต่อคิวยาวเหยียดของร้านน้ำเต้าหู้ปล่อยให้อีกคนยืนตบยุงอยู่ข้างทาง และใช้เวลาอีกสักพักกว่าร่างสูงโปร่งจะกลับมาพร้อมถุงในมือ


อากาศช่วงหัวค่ำของเดือนตุลาคมเริ่มไม่ร้อนระอุ จึงไม่รู้จะบ่นอะไรให้ความเงียบนี้หายไป ถึงจะไม่ได้อึดอัดอะไรแต่ก็รับรู้ว่าโชติภัทรสงบปากสงบคำกว่าปกติ


“จะไม่ถามอะไรหน่อยหรือ?”


สุดท้ายก็เป็นเขาเองที่ทนความสงสัยไม่ได้


“ถ้าธีร์อยากเล่าก็คงเล่าเอง”

“แล้วรู้ได้ยังไงว่ามีเรื่องจะเล่า”

“...ไม่รู้หรอก” ชัดเจนจนคนฟังแล้วร้องอ้าว “เลยถือโอกาสเปลี่ยนที่อ่านหนังสือไปด้วย ถ้าไม่มีอะไรจริงๆ จะได้ไม่หน้าแตก”

“หืม...แล้วคิดว่าไงล่ะ”

“ไอ้มีคงมี แต่เห็นนั่งซึมอยู่เป็นชั่วโมงๆ ก็รู้แล้วว่าไม่อยากเล่า ก็เลยไม่อยากถามให้ยิ่งอารมณ์เสีย”


กันตธีร์มองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเจ้าของคำตอบอย่างหลากใจ ก่อนจะตัดสินใจเปิดปาก เรื่องราวและความกลัดกลุ้มทะลักทลายออกมาทันทีที่เริ่มต้น ฝ่ายโชติภัทรก็เป็นผู้ฟังที่ดีโดยการส่งเสียงตอบรับว่าฟังอยู่แล้วถามอะไรเพิ่มเติมบ้าง


“แล้วอาจารย์บอกให้ทำไง”

“ก็รอ...แล้วก็บอกให้ทำโปรเจคต่อไปก่อน” ถึงตรงนี้ก็ต้องถอนหายใจเป็นรอบที่เท่าไรไม่รู้ของวัน “ใครมันจะไปมีอารมณ์ทำ จะได้ทำต่อจริงๆ หรือเปล่าก็ไม่รู้”

“แต่ธีร์ก็จะทำต่อใช่ไหมล่ะ”

“...มันก็ใช่ ขืนไม่ทำต่อแล้วเกิดได้ทำโปรเจคนี้ต่อจริงๆ ก็แย่น่ะสิ” เจ้าของงานยอมรับ “แต่บอกตามตรงว่าโคตรอึน อารมณ์นี้ให้ทำอะไรต่อก็ทำไม่ได้แล้ว”

“ถ้างั้นก็ไม่ต้องห่วงหรอก”

“ไม่ต้องห่วงเชี่ยอะไร!”

“ใจเย็นๆ” โชติภัทรหยุดยืนที่หน้าหอของคนที่กำลังจะสติแตกแล้วหันมาพูดอย่างจริงจัง “ฉันหมายความว่า ไม่ต้องห่วงหรอกว่าจะทำงานต่อไม่ได้ เพราะปกติธีร์เป็นคนที่จัดการกับตัวเองได้ดีนี่ ตอนนี้เรื่องมันเพิ่งเกิด ก็ต้องเสีญศูนย์บ้างเป็นธรรมดา คืนนี้ไปนอนสักตื่น พรุ่งนี้เช้าพอสมองปลอดโปร่งอะไรๆ มันก็จะดีขึ้นเอง”


ถุงน้ำเต้าหู้ถุงหนึ่งถูกยื่นมาตรงหน้า ทำให้กันตธีร์เพิ่งสังเกตว่าอีกฝ่ายซื้อมาสองถุง เขาจึงยื่นมือไปรับมาอย่างงงๆ


“กินอะไรอุ่นๆ จะได้หลับสบาย” ว่าที่คุณหมอพูดยิ้มๆ “อะไรที่มันต้องรอก็คือต้องรอ ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำใจให้สบายแล้วใจเย็นๆ ก่อน”

“...อือ”

“อีกอย่างนะ...ถึงธีร์จะรู้สึกว่าตัวเองไม่น่าเป็นห่วง แต่สำหรับคนรอบๆ ตัวธีร์ยังไงมันก็อดเป็นห่วงไม่ได้หรอก เพราะงั้น จะให้คนอื่นเป็นห่วงบ้างมันก็ไม่ได้รบกวนอะไรใครหรอกนะ”

“...”

“งั้น...ไปก่อนละ หนังสือสอบรออยู่เป็นภูเขาเลย”

“เดี๋ยว” เห็นอีกฝ่ายทำท่าจะเดินออกไปทันทีเลยเผลอเรียกเสียงดัง ชายหนุ่มกัดปากเบาๆ ก่อนจะส่งเสียงอ้อมแอ้มไม่เต็มคำ “...ขอบใจนะ”


โชติภัทรเลิกคิ้ว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มจางๆ เหมือนทุกครั้งให้คนมองรู้สึกว่าหัวใจที่เต็มไปด้วยความกังวลเต้นช้าๆ อย่างสงบ


“เปลี่ยนเป็นกินน้ำเต้าหู้ให้หมดด้วยแล้วกัน”





TBC


::TALK::

//ปาดเหงื่อ ปั่นเสร็จจนได้  :heaven

เมื่อคืนว่าจะปั่นให้จบ...ปรากฎหลับคาคอมเลยค่า 5555  :z13:

คือง่วงมาก...เบลอสุดๆ ถ้าอ่านตรงไหนๆแล้วมันงงๆ ถามได้นะคะ ไว้จะกลับมาแก้ทีหลังเน้อ

ตอนนี้คิดอะไรไม่ออก ไม่รู้จะคุยอะไร ขอตัวไปนอนก่อนนะคะ  :hao5:

จะพยายามลากสังขารมาปั่นให้ต่อเนื่องเน้อ

จุ๊บๆ  :mew1:


ป.ล. มีคำถามที่ค่อนข้างจะโง่วมาถามค่ะ คือเพิ่งเคยเล่นบอร์ดนี้ สงสัยว่า+1กับ+เป็ดมันมีความหมายต่างกันยังไงอ่ะ ลองอ่านกฏบอร์ดดูแล้วก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ รบกวนผู้ผ่านผู้รู้ชี้แจงหน่อยนะคะ


::comment::

quiicheh. - ขอกอดทีนึง  :กอด1: อ่านคอมเมนท์แล้วฟิน 555 ลองไปใช้บริการได้นะคะ อุดหนุนโรงหนังดีๆราคาถูก

พลอยสวย - ครั้งนี้ก็ดึกอีกแว้ววววว

Zelsy - ชอบเนอะ คนเขียนก็ชอบ 555 //อวยลูกตัวเอง  :-[

iforgive - ขอบคุณค่า

malula - ดีใจจัง ขอบคุณนะคะ อันนี้ถือเป็นนัดครั้งต่อไปได้ไหมนะ 555

lune -  :pig4: :pig4: :pig4:

Whatever it is - ขอบคุณค่า คนเขียนอินตัวละครทุกตัวเลยค่ะ เวิ่นเว้อมาก 555

ขอบคุณทุกคอมเมนท์เลยนะคะ รักอ่ะะะะ  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 09 [18/04/57 P.3]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 19-04-2014 05:19:55
 :กอด1: มาๆๆตัวเล็กมากอดให้กำลังใจ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริงที่มอ.เรานะโทษคือพิจารณาไตร่สวนว่าผิดจริงไม่แน่ใจว่าไล่ออกรึพักการเรียน1ปีการศึกษาค่ะ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 09 [18/04/57 P.3]
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 19-04-2014 07:55:49
สงสารธีร์อะ
+เป็ดเป็นการกดเป็ดสีเหลืองที่อยู่มุมขวาของรีฯ ส่วน+1จะกดได้เมื่อมีจำนวนรีฯที่โพส 250 ขึ้นไปอะครับ :)
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 09 [18/04/57 P.3]
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 19-04-2014 10:12:02
นั่นไงว่าแล้วต้องมีการลอก TT สงสารธีร์
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 09 [18/04/57 P.3]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 19-04-2014 12:44:50
เป็นกำลังใจให้ธีร์ได้ทำโปรเจคต่อนะจ๊ะ  มองโลกในแง่ดีมากไปหน่อยนะ
โช  เริ่มมีความสำคัญกับธีร์มากขึ้นเรื่อยๆ นะ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 09 [18/04/57 P.3]
เริ่มหัวข้อโดย: บ๊ายบายโพ ที่ 19-04-2014 13:15:39
เพิ่งเข้ามาอ่าน แล้วก็รู้สึกว่าตกหลุมรักโชไปซะแล้ว ดูเป็นผชใจเย็นอบอุ่นมากๆเลยอ่ะ ชอบบบบ :man1: เอาใจช่วยธีร์ เพื่อนที่ลอกนี่คือแย่มาก เพื่อนนิสัยไม่ดี :z6:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 09 [18/04/57 P.3]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 19-04-2014 13:16:55
อืม บางทีอ่านนิยายก็เหมือนได้รับการปลอบใจกลาย ๆ นะ
ตอนนี้อยู่ในอารมณ์คล้าย ๆ กับธีร์ อยากมีเพื่อนแบบโช
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 09 [18/04/57 P.3]
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 19-04-2014 13:58:32
ธีร์สู้ๆๆๆ นะ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 09 [18/04/57 P.3]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 20-04-2014 02:42:16
โชนี่เป็นได้หมดอะเนอะ ที่ปรึกษา เพื่อน อนาคตแฟน กรั่กๆ
สงสารธีร์คือฮีเย็นมากเป็นเราคงไปเคลียร์กับอีกคนเลย
ดีอ่ะ มีนศษ.แพทย์คอยห่วงนู้นนี้ อิอิ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 09 [18/04/57 P.3]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 20-04-2014 10:33:52
ง่ะ ธีร์น่าสงสารจัง เจอเพื่อนชั่วซะงั้น
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 09 [18/04/57 P.3]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 26-04-2014 16:05:17
เครียดแทนธีร์เลยเจอแบบนี้เข้า เซ็งสนิท
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 09 [18/04/57 P.3]
เริ่มหัวข้อโดย: AfternoonTea ที่ 02-06-2014 22:18:36
ยังไม่มาต่ออีกหรอคะ มีคนรอเรื่องนี้อยู่น้าาาาาา

คิดถึงแล้ววว

อ่านเรืองนี้ทีไรแล้วอุ่นใจแปลกๆดี ^^

 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 09 [18/04/57 P.3]
เริ่มหัวข้อโดย: ตีสี่ ที่ 03-06-2014 18:32:15
น่ารัก เรื่อยๆค่อนเป็นค่อยไป
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 09 [18/04/57 P.3]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 04-06-2014 22:47:44
คิดถึงเรื่องนี้จังเลยค่ะ :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 09 [18/04/57 P.3]
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 05-06-2014 02:08:25
ขออย่างโชสักคนจะมีไหม?><
เพิ่งเข้ามาอ่านครั้งแรก
ประทับใจมากเลยค่ะ
สู้ๆนะคะ จะติดตามอย่างเหนียวแน่น
ณ เวลานี้ให้เรื่องนี้เป็นหนึ่งในห้าเรื่องโปรดเลยค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 09 [18/04/57 P.3]
เริ่มหัวข้อโดย: velvetronica ที่ 05-06-2014 20:06:14
10



สุดท้ายน้ำเต้าหู้ที่ถูกกำชับให้กินให้หมดก็ต้องกลายเป็นหมันไปอย่างน่าสงสาร เหตุเนื่องจากผู้คนจำนวนมากที่มาชุมนุมกันโดยนัดหมาย


“ถ้าพวกกูไม่รู้เองมึงก็ไม่คิดจะบอกอะไรเลยใช่ไหม?”


กันตธีร์กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างยากลำบาก รับรู้ได้ถึงคลื่นความกดอากาศต่ำที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าปกคลุมเหนือน่านฟ้าชีวิตตัวเอง เพราะทุกสายตากำลังประนามเขาอยู่แบบไม่ต้องเดา


“หมี...” เรียกหาตัวช่วย

“มึงไม่ต้องร้องหาพ่อมึงเลย เพราะคราวนี้คุณพ่อมึงเรียกระดมพลเอง” ใครสักคนดักคออย่างโหดร้าย ทำเอาเหยื่อได้แต่ถลึงตาใส่คนต้นเรื่องที่ทำหน้าไม่อนาทรร้อนใจ

“มึงจะได้ไม่ต้องเล่าทีเดียวไง” ...แถมยังยักไหล่แบบลอยหน้าลอยตามาอีกประการ

“กูแค่...อยากมีเวลาคิดคนเดียวก่อน ก็ไม่ได้จะไม่เล่านี่”


คนมีชนักติดหลังกล่าวอ้อมแอ้ม แต่ไม่ทันจะจบประโยคดีก็โดนคลื่นความเห็นโวยวายปฏิเสธไม่รับคำแก้ต่างโดยสมบูรณ์จนคนตัวเล็กเริ่มจะรู้สึกตัวหดลงไปอีก แถมหันไปทางไหนก็เจอแต่สายตาสมน้ำหน้าทับถมซ้ำเติมกันสุดๆ

นี่เขากำลังประสบปัญหาชีวิตมีเรื่องเครียดนะเว้ย!


“พวกมึงก็อย่าไปแกล้งธีร์มันสิวะ แค่นี้แม่งก็เครียดจะตายห่าแล้ว”


ความช่วยเหลือถูกส่งมาจากชายหนุ่มผู้มีใบหน้าสวยราวกับผู้หญิง


“ซอล มึงก็โอ๋ธีร์ตลอด”

“กูเปล่า แต่นี่มันดึกแล้ว และกูอยากฟังธีร์มันเล่ามากกว่าฟังพวกมึงเถียงกัน” ‘วีรินทร์’ หรือ ‘ซอล’ โต้กลับนิ่งๆ จนรอบวงต้องยอมแพ้ “เอาล่ะ ธีร์ สรุปว่าเกิดอะไรขึ้น?”


พอเริ่มจริงจังเข้าทุกคนก็เงียบกริบตั้งใจฟัง ฝ่ายจำเลยเลยต้องเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ฟังโดนถ้วนทั่ว ตั้งแต่ตอนที่อีกฝ่ายมาขอโปรเจคเขาไปดู ซึ่งจิรณัฐผู้อยู่ในเหตุการณ์ก็แสดงตัวยืนยัน


“ลุยแม่ง!!”

“เฮ้ยๆๆๆ!!”



ใครสักคนลุกพรวดทันทีที่เล่าจบ จนเจ้าทุกข์ตัวจริงต้องรีบกระโจนไปคว้าแขนไว้ก่อนจะเกิดเหตุความรุนแรงขึ้นในหอ


“เดี๋ยวสิ! พวกมึงใจเย็นก่อนนะ”

“ธีร์ มึงน่ะใจเย็นเกินไปแล้ว!” คนส่วนใหญ่ก็พยักหน้าหงึกหงักตาม

“เฮ้ยยย คือกูเปล่า...” พยายามค้านแต่ก็ไม่ได้ผล โดยเฉพาะเมื่อคนที่พูดต่อมีคะแนนนิยมสูงลิ่ว

“ตัวเล็ก...กูเห็นด้วยนะ เกิดเรื่องขึ้นแบบนี้มึงก็ควรไปเคลียร์ให้จบเรื่อง ไม่ใช่ปล่อยทิ้งเอาไว้แบบนี้” กฤษณ์ออกความเห็นซึ่งเรียกเสียงไปได้อีกโข

“แต่ว่า...”

“แต่ถ้าเป็นกู กูจะทำเหมือนธีร์นะ” วีรินทร์เอ่ยขัดทุกคนอย่างใจเย็น “กรณีนี้มันไม่ใช่ไปเคลียร์กันแล้วมันจะจบ ถ้าไอ้เพื่อนเรามันไม่ใช่คนลอก ก็ต้องเป็นอีกฝ่ายที่ลอก ของมันชัดเจนแบบที่คุยไปก็อาจจะยิ่งเสียความรู้สึกกว่าเดิม”

“...นั่นแหละที่กูคิดอยู่” กันตธีร์ถอนหายใจ “กูยังคิดว่า...ให้มันเป็นฝ่ายมาคุยมาขอโทษก่อนจะดีกว่า อย่างน้อยก็แสดงความรู้สึกผิดก็ยังดี แต่ถ้าให้กูไปเคลียร์โดยที่ไม่รู้ว่ามันจะรู้สึกอะไรมั๊ย...กูกลัวจะยิ่งเสียความรู้สึกว่ะ”


พ่อหมีของไอ้ตัวเล็กฟังดังนั้นก็เลยเดินมาลูบหัวคุณลูกเบาๆ เป็นการปลอบใจ พร้อมกับคนอื่นที่ก็รู้จักกันมานานพอที่จะเข้าใจและเคารพการตัดสินใจของเพื่อนจึงเลิกล้มความพยายามที่จะเชียร์ให้ไปลุย


“แล้วนี่ธีร์จะยังไงต่อ” จิรณัฐผู้เป็นหนึ่งในคนที่ไม่เหยียบย่ำซ้ำเติมในตอนแรกถามขึ้น

“ก็...อาจารย์อิทธินนท์บอกให้ รอ แล้วก็ทำโปรเจคต่อไปก่อน” คำตอบเดิมกับคำถามเดิมที่มาจากคนละคน

“แล้วใครมันจะมีอารมณ์มานั่งทำต่อวะ” กันตธีร์รู้สึกอยากจะกดไลค์ให้กับถ้อยคำตรงใจนั้นหลายๆ ที

“ก็ถ้าธีร์อยาก ‘มีอารมณ์’ ‘ทำ’ ต่อ ก็มาได้เสมอ เดี๋ยวเจจะบิ้วท์ ‘อารมณ์’ ให้เอง” ยังคงคอนเซปเสมอต้นเสมอปลาย...จนเพื่อนได้แต่รุมถวายมือและบาทากันรอบวงด้วยความหมั่นไส้


เสียงโหวกเหวกดังลั่นจนเกรงใจห้องข้างๆ แต่กันตธีร์ก็รู้สึกยิ้มออกขึ้นมาจริงๆ เป็นครั้งแรกนับจากตอนที่ทราบเรื่อง


บางทีการถูกเป็นห่วงบ้าง...มันก็ไม่ได้แย่เท่าไร

ชายหนุ่มคิดในใจขณะที่กลิ้งถุงน้ำเต้าหู้ในมือเล่นอย่างไม่รู้ตัว





หลังจากที่แสดงความเป็นห่วงกันจนพอใจทุกคนก็ทยอยแยกย้ายกันกลับที่ซุกหัวนอน เหลือวีรินทร์กับจิรณัฐเป็นสองคนสุดท้าย


“มีอะไรก็บอกได้นะธีร์”

“ขอบใจมากซอล” ใบหน้าสวยยิ้มหวานรับจนคนมองแทบตาลาย

“เจอุตส่าห์ไปหอบหิ้วคุณชายวีรินทร์มาให้จากคอนโด ธีร์ให้รางวัลกันหน่อยสิ” จิรณัฐยื่นหน้าหล่อพร้อมยิ้มการค้าเข้ามาแทรกกลางจนเป็นที่คันไม้คันมือของบุคคลที่สามที่สี่

“ไอ้ตอแหล ตอนโทรบอกให้แวะรับมาด้วยแม่งบ่นซะ”

“มึงก็ซื้อรถสักทีสิวะ อยู่คอนโดก็ออกหรูหรา อย่ามาพูดว่าไม่มีตัง มึงขี้เกียจขับก็บอก!”


วีรินทร์ทำหูทวนลมใส่ ก่อนจะบอกลาเจ้าของห้องทั้งสองแล้วลากไอ้ตัวท่ามากประจำกลุ่มออกไปพร้อมกัน


พอความสงบสุขกลับมาเยือนห้องพักอีกครั้ง กันตธีร์ก็ลุกไปหยิบแก้วจากชั้นวางของ พลางชวนคุยเรื่องที่เขายังคาใจ


“มึงรู้เรื่องได้ไงวะหมี”

“กูมีแหล่งข่าวชั้นยอด”


กฤษณ์ยักคิ้วใส่ ทำให้คิดถึงโชติภัทรเป็นจำเลยแรก แต่ก็ต้องปัดตกไปเนื่องจากเขาเพิ่งเล่าให้อีกฝ่ายฟังก่อนที่จะเดินขึ้นมาคงจะไม่สามารถรายงานคุณพ่อของเขาให้เตรียมคนมารุมได้พรั่งพร้อมขนาดนี้


“...ซอล?”

“ถูก เก่งนี่” คนตัวยักษ์คิดอยู่แล้วว่าเพื่อนสนิทคงจะเดาได้ จึงยิ้มรับอย่างไม่แปลกใจ “อาจารย์อิทธินนท์ไปถามไอ้ซอลว่ามึงเป็นคนยังไง คุยไปคุยมา ซอลมันก็โยงเรื่องเองได้ประมาณนึง เลยโทรมาถามกูว่ามึงเป็นไงบ้าง มึงก็ดันหายหัวไป กูเลยจัดเซอร์ไพรส์ต้อนรับซะ”


คนที่ถูกพาดพิงเป็นเพื่อนในกลุ่มอีกคนที่เรียกภาคไฟฟ้า แถมยังเอกสื่อสารเหมือนกันตธีร์ แล้วยังมีอาจารย์ที่ปรึกษาโครงการคนเดียวกันอีกจึงไม่แปลกที่จะรู้เรื่องมาก่อนคนอื่น

วีรินทร์เป็นผู้ชายที่หน้าสวยเหมือนผู้หญิงโดยกำเนิด ขนาดที่ว่าเคยโดนอาจารย์เรียกไปตักเตือนเรื่องผู้หญิงห้ามใส่กางเกงมาเรียนและมีผู้ชายแท้ๆ มาจีบเพราะคิดว่าเป็นทอม ซึ่งเจ้าตัวก็ดูไม่ได้นำพาอะไรกับเรื่องนี้ แต่ก็ปฏิเสธที่จะแต่งตัวเป็นผู้หญิงตามยุของเพื่อนๆ แบบเสียงแข็ง แม้กระทั่งเจ๊ใหญ่กะเทยประจำกลุ่มก็ยังต้องยกธงขาว

และถึงแม้จะเรียนภาคเดียวกันเอกเดียวกันที่ปรึกษาคนเดียวกันแต่เรื่องส่วนตัวของอีกฝ่ายก็เป็นความลับของจักรวาล เพราะคุณเพื่อนหน้าสวยคนนี้โลกส่วนตัวสูงลิบลิ่ว แถมยังชอบหายตัวไปอย่างปริศนาจนทุกคนเลิกสนใจจะถามตั้งแต่ปลายปี1

ที่วันนี้โผล่มาได้ก็คงเพราะรู้สึกผิดที่ตัวเองทำให้เขาโดนรุมล่ะมั้ง...


“นี่ตัวเล็ก” กฤษณ์ที่บัดนี้ทิ้งตัวลงมานอนเกลือกอยู่บนเตียงเพื่อนแบบไม่ขอคำอนุญาตเรียกอีกฝ่ายด้วยเสียงยานคาง

“หืม?” เจ้าของเตียงเลิกคิ้วถามพลางยกแก้วในมือขึ้นจิบ

“ใครซื้อน้ำเต้าหู้ให้วะ?”


อืม...

กันตธีร์นิ่งค้าง มันไม่ใช่คำถามที่ตอบยาก แต่เขาไม่รู้ว่าเพื่อนต้องการคำตอบแบบไหน


“ถึงกับเงียบเลยหรือวะ”

“กวนตีน”

“เอ้า ด่ากูทำไม”


คนหย่อนระเบิดไว้หัวเราะชอบใจก่อนจะเดินกลับไปทำงานต่อแบบเริงร่าสุดขีด ทิ้งให้ฝ่ายถูกแกล้งยืนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันแบบไร้คำพูด


++++++


กันตธีร์แตะบัตรนักศึกษาเข้ากับเครื่องสแกน ก่อนจะเดินผ่านที่กั้นเข้าไปในโถงห้องสมุดกลางของมหาวิทยาลัย เขากวาดตามองรอบๆ ก่อนจะถอนหายใจ ขนาดยามสายของวันหยุดยังมีคนมากมายจับจองพื้นที่จนแทบไม่เหลือที่ว่าง...และก็คงจะเป็นเช่นนี้ทุกชั้น

ห้องสมุดกลางนี้มีถึง 4 ชั้น โดยชั้นล่างสุดแบ่งออกโซนนิตยสารที่มีตั้งแต่หนังสือพิมพ์ไทยไปจนนิตสารวิชาการต่างชาติ และโซนสารสนเทศซึ่งประกอบไปด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สามารถเข้าถึง e-booking ของ text ต่างชาติที่มหาลัยไปซื้อลิขสิทธิ์ไว้ได้ตลอดจนห้องดูหนังขนาดเล็ก และห้องประชุมต่างๆ ที่มีเครื่องฉายภาพ ก็มีหลายครั้งที่กันตธีร์กับเพื่อนมาใช้บริการ ตรงจุดประสงค์บ้างผิดจุดประสงค์บ้าง แต่ก็นับว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่ดูแลนักศึกษาได้อย่างเยี่ยมยอด


ชายหนุ่มกดเปิด line ในมือถือ ข้อความที่คุยค้างไว้เมื่อคืนยังคงอยู่ที่เดิม


Chotipat – ไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดกลางไหม

Thee – ไม่ล่ะ คนโคตรเยอะ

Chotipat – ไม่หรอก ถ้าหาทำเลดีๆ

Thee – เคยลองหาแล้วเหอะ

Chotipat – พรุ่งนี้ลองมาดูไหมล่ะ

Thee – หืม

Chotipat – ถึงแล้วพิมพ์มา

Chotipat – จะบอกลายแทงให้เอง


แล้วมันเรื่องอะไรที่เขาต้องทำตาม...

ชายหนุ่มส่ายหัวให้ตัวเอง ก่อนจะพิมพ์ข้อความไปบอกว่าถึงแล้ว


‘ขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น4’


ข้อความที่ตอบมาเป็นคำสั่งสั้นๆ ราวกับอยู่นเกมผจญภัยบางอย่างทำให้คนอ่านหลุดยิ้ม

เอาก็เอาวะ!





ชั้นบนสุดของอาคารคือโซนของหนังสืออ้างอิง และส่วนแสดงถึงความเป็นมาของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ที่ชั้นนี้จะมีโต๊ะที่นั่งอยู่จำนวนมาก กอปรกับประเภทหนังสือที่ทำให้ไม่ค่อยมีคนเดินขวักไขว่ จึงเป็นพื้นที่ยอดนิยมของการอ่านหนังสือ


Thee – แน่ใจนะว่าทำเลดี

Chotipat – เลี้ยวซ้าย แล้วตรงเข้าไปจนสุด


คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อย แต่สองขาก็เดินไปตามคำบอก เข้าไปสู่โซนของส่วนแสดงที่ตกแต่งคล้ายห้องนิทรรศการซึ่งไม่มีโต๊ะเก้าอี้ให้เห็น ชายหนุ่มเดินผ่านตู้กระจกมากมายไปจนถึงภาพวาดผังอาคารแรกเริ่มเมื่อก่อตั้งมหาวิทยาลัย


Chotipat – หันไปซ้าย แล้วเดินเข้าไปตามทาง

Thee – นั่นมันโซนเจ้าหน้าที่


หน้าจอขึ้นว่าอีกฝ่ายอ่านข้อความแล้ว แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร เขายืนเก้ๆ กังๆ อย่างตัดสินใจไม่ถูกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะทำใจว่าเล่นด้วยมาถึงป่านนี้แล้ว...ก็คงต้องเอาให้สุด

พอเลี้ยวไปตามทางแคบๆ นั้น กลับไม่ใช่โซนของเจ้าหน้าที่อย่างที่เคยเข้าใจแต่เป็นชั้นหนังสือซึ่งตั้งเรียงรายจนแน่นขนัด โดยลักษณะของชั้นก็เป็นรูปแบบเก่าก่อนที่ห้องสมุดแห่งนี้จะตกแต่งภายในใหม่เมื่อ 2 ปีก่อน กันตธีร์เงยหน้ามองหนังสือที่เรียงแบบไม่ค่อยเป็นระเบียบ สันหนังสือบ่งบอกถึงชุดของสารานุกรมที่ไล่ไปมาจนเต็มชั้น


‘ช่องที่ 3 จากซ้าย เดินตรงไปจนสุดแล้วอ้อมหลังชั้นที่ขวางอยู่’


ชายหนุ่มเอามือแตะแล้วลูบหนังสือไปตลอดทางเดิน กลิ่นของกระดาษเก่าและชั้นไม้สีเข้มทำให้รู้สึกเหมือนเดินอยู่ท่ามกลางฉากหนังย้อนยุคสักเรื่อง ความเงียบที่ปกคลุมทำให้ได้ยินแต่เสียงลมเบาๆ จากเครื่องปรับอากาศและฝีเท้าของตัวเอง

กันตธีร์ลากมือไปบนชั้นซึ่งขวางอยู่ที่สุดทางเดิน ก่อนจะเดินอ้อมไปตามคำสั่ง


เบื้องหลังตู้หนังสือใหญ่คือแนวหน้าต่างที่สูงจรดเพดานซึ่งมองเห็นได้จากภายนอกอาคารแต่ไม่เคยรู้ว่าอยู่ตรงไหน ที่ขอบล่างของหน้าต่างถูกต่อออกมาเป็นตู้เตี้ยๆ ตลอดช่วงผนัง

และใครสักคนกำลังใช้มันต่างโต๊ะอ่านหนังสือ


โชติภัทรส่งรอยยิ้มมาให้เป็นอย่างแรก ร่างสูงโปร่งนั่งอยู่ข้างกองชีทและหนังสือเล่มโตก่อนที่จะลุกมาแล้วเลื่อนเก้าอี้อีกตัวให้


“เป็นไง...คนเยอะมั๊ย?” คำกระเซ้าดังขึ้นเบาๆ ชวนให้ถลึงตาตี่ๆ ใส่

“รู้ได้ไงว่าตรงนี้เข้ามาได้” ถามพร้อมทิ้งตัวลงนั่ง

“ตอนปี1 ฉันชอบมายืนดูวิวที่นี่ ตอนนั้นยังไม่ได้ปรับปรุงใหม่ แต่พอปรับปรุงใหม่ก็เลยพยายามหาว่ามันหายไปไหน” เสียงนุ่มเล่า “พอเจอก็เลยยึดเป็นที่ส่วนตัวซะ”

“แล้วไม่เคยมีคนหลงเข้ามาเลยเหรอ”

“มีสิ” เจ้าของที่หัวเราะ “บางคนที่เจอก็จะเอาหนังสือที่ยืมไม่ได้มาซ่อนแถวนี้ เพื่อยึดไว้ดูคนเดียว”

“งั้นทำไมถึงไม่มีคนเข้ามานั่งอ่านหนังสือที่นี่ล่ะ” ชายหนุ่มมองตู้ที่เรียงรายอยู่ อันที่จริง...ถ้ามีเก้าอี้มากกว่านี้ ก็คงจะนั่งได้สักสิบกว่าคน


...เก้าอี้...


“โช...นายไปเอาเก้าอี้นี่มาจากไหน”

ใบหน้าหล่อยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ให้เห็นเป็นครั้งแรก ก่อนจะแตะนิ้วชี้ที่ริมฝีปากตัวเอง


“ความ ลับ”


กันตธีร์อ้าปากค้าง ในขณะที่อีกฝ่ายหัวเราะในลำคอ


“ถ้าจะมาก็บอกแล้วกัน จะไปเอาเก้าอี้มาให้”

“อะไรวะ ไอ้ขี้งก”


คนถูกกล่าวหายิ้มรับแบบหน้าชื่นตาบานจนน่าจัดให้อีกสักชุด แต่ไม่ทันได้ว่าอะไรโชติภัทรก็หันกลับไปสนใจประติมากรรมวิชาการตรงหน้าเป็นที่เรียบร้อย ชายหนุ่มโคลงศีรษะไปมาก่อนจะเอากระเป๋าสะพายวางลงบนโต๊ะ วันนี้เขาไม่ได้เตรียมงานอะไรมาทำเป็นเรื่องเป็นราว เพียงแต่หยิบหนังสือที่อ่านค้างเอาไว้มาเล่มนึงเท่านั้น

ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งเมื่อทั้งคู่กลับไปจมจ่อมกับสิ่งตรงหน้า อากาศเย็นต่างจากอุณหภูมิภายนอกทำให้รู้สึกสบายตัว ส่วนแสงแดดอุ่นๆ ก็ทำให้รู้สึกตื่นตัวกว่าหลอดไฟ ว่าที่วิศวกรกำลังพลิกหน้าหนังสือพลางสำรวจวิวด้านนอกในขณะที่มีเสียงเอ่ยขึ้นลอยๆ


“จางไปเยอะแล้วนะ...”


พอหันกลับไปก็เจอว่าที่คุณหมอกำลังมองมาอย่างพิจารณา ก่อนจะยกมือขึ้นปัดปอยผมที่ปรกอยู่ตรงหางคิ้วแล้วแตะเบาๆ ที่รอยแผลซึ่งเหลือเพียงรอยนูนจางๆ


“นี่คือจะชมว่าตัวเองเย็บสวย?”

“ใช่...แต่ตอนนั้นเหงื่อโง่เต็มหลังเลยนะ”

“แต่ดูดีเชียวนะ” ผู้ป่วยเอ่ยแซว “มีคนไข้ขอเบอร์มั่งไหมคะหมอ?”

“อารมณ์ดีแล้วนี่” แต่โชติภัทรกลับพูดไปอีกเรื่อง จนคนฟังแทบเปลี่ยนเรื่องตามไม่ทัน

“ก็...พอได้นอนสักตื่นมันก็รู้สึกดีขึ้น”

“แล้วได้เล่าให้หมีฟังหรือยัง”

“ยิ่งกว่าเล่าอีก!” ทำเสียงโอด ก่อนจะบ่นหงุงหงิงถึงเหตุการณ์เมื่อวานให้คนฟังหัวเราะสมน้ำหน้า

“แต่ก็ดีแล้ว...ไม่ใช่หรือ” ผู้ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ออกความเห็น ฝั่งเจ้าของเรื่องเลยถอนหายใจใส่อีกเฮือกแล้วร่ายต่อ

“ก็ดีล่ะมั้ง อย่างน้อยก็ไม่โดนคุณพ่องอน เห็นแบบนั้นนะ แม่งขี้น้อยใจโคตรๆ ตัวโตเสียเปล่า!”

“ดีแล้ว” โชติภัทรยิ้มพร้อมกับสบตาอีกฝ่าย “ให้คนอื่นเป็นห่วงบ้าง ก็ไม่แย่ใช่ไหม”

“...ก็ ไม่แย่...” ทำให้ต้องเสมองออกไปนอกหน้าต่างขณะรับคำ

“งั้นก็ดีแล้ว” เสียงนุ่มกระซิบให้ได้ยืนผ่านๆ เป็นคำสุดท้ายก่อนจะเงียบไป


เสียงลากปากกาแกรกกรากดังขึ้นสลับกับเสียงเปิดหน้าหนังสือ นานๆ ครั้งก็มีเสียงกระซิบแผ่วเบาหรือเสียงหัวเราะ ...กันตธีร์สูดลมหายใจลึกๆ พร้อมกับความรู้สึกที่ยิ้มได้กว้างขึ้นอีกแม้จะมีเรื่องร้ายๆ ผ่านเข้ามา

ให้คนอื่นเป็นห่วงบ้าง...ก็ไม่แย่...จริงไหม?


TBC




::TALK::

//กราบงามๆ3จบ  :hao5:

ขออภัยคนอ่านอย่างสุดซึ้งจริงๆค่ะ รู้สึกผิดมากจริงๆ รู้ตัวว่าหายไปนานมากกกกกกกก  :sad4: (ฮือ)

ที่หายหัวไปเพราะคนเขียนกำลังวนวอร์ดที่แบบว่า เยินขั้นสุด  :z13: ตอนแรกก็คิดว่าจะแบ่งเวลาได้เลยไม่ได้บอกคนอ่านล่วงหน้า...แต่แบบ อยู่เวรข้ามวันข้ามคืน เวลานอนยังไม่มีเลยค่าาา! รัฐประหารก็ไม่ได้หยุดแต่อย่างใด ทำงานกันหน้าเมือกต่อไป (โฮ)  :heaven

แต่ยืนยันนะคะว่าจะไม่หายหัวไม่ทิ้งเรื่องนี้แน่นอน อาจจะช้าหน่อย แต่จะเขียนให้จบนะคะ คือตอนนี้ใจคิดไปถึงตอนพิเศษละค่ะ 5555

สำหรับตอนนี้จริงๆเกือบจะเป็นตอนเดียวกับตอนที่แล้ว แต่มันยาวเลยแบ่งมาลง ใครลืมๆไปก็ลองกลับไปอ่านตอนท้ายของตอนที่แล้วนะคะ อาจจะเข้าใจมากขึ้น

แล้วก็อย่าถามนะคะว่านี่มหาลัยไหน 555 facilitiesเริ่ดเวอร์ขนาดนี้ บอกเลยว่าเป็นมหาลัยในฝัน! [แต่ก็คล้ายห้องสมุดที่มหิดลศาลายานะคะ อันนั้นก็อลังการอยู่]

ตอนต่อไป...คิดว่าคงไม่ทิ้งช่วงนานขนาดนี้แล้วค่ะ (เริ่มจัดการตัวเองได้)  :z2: จะรีบมาต่อนะคะ ขอบคุณทุกคนมากๆเลยค่ะ  :กอด1:



::comment::

พลอยสวย - อะไรแบบนี้มันเกิดได้จริงๆเนอะ คนเขียนก็เคยได้ยินมาจริงๆ เหมือนกันค่ะ  :เฮ้อ:

Zelsy - ขอบคุณค่าาา >< (แอบถามต่อนิดนุง แล้วมันมีความหมายต่างกันยังไงอ่ะคะ แบบว่าใช้ในกรณีไหนกัน)

MaNaSsAwEe - ตัวเล็กน่าสงสารเนอะะะ  :man1:

warin - ตอนนี้นายโชติภัทรกำลังเอาตัวเองใส่เข้าไปในชีวิตธีร์ 555

บ๊ายบายโพ - ขอบคุณนะคะ คนเขียนก็รักโช!! ฟินที่คนอ่านรักด้วย  :-[

iforgive - ไม่ทราบว่าเกิดอะไร แต่คนเขียนเป็นกำลังใจให้นะคะ  :กอด1: หวังว่าตอนนี้จะช่วยให้รู้สึกดียิ่งขึ้น สู้ๆค่ะ!

konnarak - ขอบคุณแทนตัวเล็กด้วยนะคะ  :-[

quiicheh. - เน้ออออออ!  :impress2: ชอบอ่ะ 5555 ธีร์เป็นพวกต้องประมวลผลก่อนค่ะ เลยดูเป็นคนเอื่อยเฉื่อย

Whatever it is - ตัวเล็กน่าสงสารจริงค่ะ แต่ก็มีคนปลอบน้า

malula - อ่านตอนนี้แล้วยังเครียดแทนอยู่ไหมคะ 555 คนเขียนเริ่มหมั่นไส้ธีร์ละ

AfternoonTea - มาแล้วค่าาาาาา คือตอนแรกเพิ่งเคลียร์งานเสร็จง่วงๆ มึนๆ พอเปิดมาเจอคอมเมนท์นี้ ต้องลุกขึ้นมานั่งพิมพ์เลยค่ะ! จัดไป ตี3ครึ่ง 5555 [อีกวันแทบกลายเป็นผู้ป่วยแทน :z13:] ขอบคุณมากๆเลยนะคะ เป็นคอมเมนท์ที่ทำให้มีพลังเลยอ่ะ ขอโทษที่ทำให้รอนานนะคะ

ตีสี่ - เรื่อยเปื่อยสุดๆอ่ะค่ะเรื่องนี้ 555 ขอบคุณนะคะ

quiicheh. - งื้ออออ มาต่อแล้วค่ะ ขอโทษจริงๆนะคะที่ทำให้รอนาน แล้วก็ซึ้งใจมากมายที่คิดถึงกัน  :mew6: ขอบคุณนะคะ

Fellina - ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ต่อไปจะพยายามไม่ทิ้งช่วงนานแบบนี้อีกค่ะ ได้อ่านคอมเมนท์นี้แล้วเขินเลยอ่ะ  :o8: หื้ออออออออ


ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนท์จริงๆนะคะทุกคน  :mew4: ช่วงนี้กำลังชีวิตแย่ๆ แต่พอมานั่งอ่านคอมเมนท์แล้วได้พลังขึ้นมาอีกเยอะแยะเลย  :hao7: ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจและความคิดถึงนะคะ รักคนอ่านมากมายที่สุด  :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ป.ล. คอมเมนท์ตอนที่แล้วมีแต่คนสงสารธีร์...แต่ตอนนี้คนเขียนเริ่มหมั่นไส้ธีร์ละ เพราะนายโชติภัทรน่ารักเกินไป!  :man1: 55555
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 10 [05/06/57 P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 05-06-2014 20:45:38
ตอนพิเศษอย่าเพิ่งเลยนะ ขอเคลียร์เรื่องงานกับเรื่องโชแบบชัด ๆ ก่อนเห๊อะ
แต่ชอบเจอ้ะ ทะเล้นดีจริง ๆ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 10 [05/06/57 P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: AfternoonTea ที่ 05-06-2014 21:44:42
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

มาแล้ววววว คิดถึงมากกกก อ่านทีไรแล้วมันอบอุ่นในใจตลอดอ่ะ 55555

แอบคิดว่าเป็นมหาลัยที่เรียนแถวบางเขน เพราะห้องสมุดที่นั่นเราชอบมากกกกกก แอบคล้ายอยู่ 5555

รออยู่ตลอดน้าาา สู้ๆจ้า
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 10 [05/06/57 P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 05-06-2014 22:03:33
"ให้คนอื่นเป็นห่วงบ้าง...ก็ไม่แย่...จริงไหม?"

จริงค่ะ โดยเฉพาะเพื่อน ๆ ที่เข้าใจและหวังดีกับเรา
แล้วยังมีกำลังใจจากว่าที่คุณหมอทำให้สบายใจขึ้นเยอะเลย
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 10 [05/06/57 P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 06-06-2014 01:51:30
จับเจคู่กะซอลดีกว่า5555555555
คู่หลักทำเราอบอุ่นตลอดเลย
ผชแบบโชติภัทรนี่หาได้ที่ไหนบ้างค้าาาา
ไม่ไหวละแสนดีมาก ธีร์ก็ด้วยน่ารักจริงๆ
อยากให้ความสัมพันธ์ขยับแล้วค่ะ เขินน

ปล.ถ้าจำชื่อพระเอกผิดต้องขอโทษด้วยนะคะ5555
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 10 [05/06/57 P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 06-06-2014 02:14:52
ใครได้โชเป็นแฟน คนๆนั้นคงเป็นคนที่มีความสุขมากที่สุดในโลกแน่ๆเลย ว่าไหมจ้ะ ธีร์?? 555

แอบเมน ซอลหนุ่มหน้าสวยโลกส่วนตัวสูงนะ  แอบคิดเอาเองว่าไม่แน่อาจได้คู่กับจิรนันท์ก็เป็นได้...หรือเปล่าหว่า???
ขอบท ซอล มากกว่านี้หน่อยสิคะ 555
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 10 [05/06/57 P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 06-06-2014 06:22:39
+1 จะขึ้นที่คะแนนใต้จำนวนโพสเราอะครับ ถาวรเลย
ส่วน+เป็ด จะขึ้นแค่รีฯนั้นๆครับ

โดนเป็นห่วง ก็ไม่แย่เท่าไหร่นะ :-[
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 10 [05/06/57 P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: Loste ที่ 06-06-2014 11:25:44
ชอบหมอโชจังคะ ผู้ชายในฝัน อยากได้ :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 10 [05/06/57 P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 06-06-2014 17:46:44
เราว่าต่อไป เราคงรอเรื่องนี้ทุกวันแน่เลยค่ะ :z1:
สนุกมากเลย ลุ้นว่าเมื่อไหร่จะเป็นแฟนกัน :o8:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 10 [05/06/57 P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 07-06-2014 13:47:36
ไม่แยาจ๊ะ ไม่แย่เลย ถ้าทำให้คนอื่นเป็นห่วงนิดหน่อยแล้วมุ้งมิ้งแบบนี้ ทำบ่อยๆก็ได้  o13
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 10 [05/06/57 P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: NeN~ ที่ 11-06-2014 01:29:56
มาอ่านรวดเดียวเลย ชอบพ่อหมีของไอ้ตัวเล็กจังค่ะ ถึงจะไม่ได้หล่อเลิศเลออะไร (ในหัวนึกถึงผู้ชายตัวใหญ่ๆล่ำๆติดท้วมหน่อย หนวดเครารึ่มไม่โกน หมีของแท้เลย ฮ่าๆๆ) แต่ก็นิสัยดี มีน้ำใจ อบอุ่น แล้วก็พึ่งพาได้ เดี๋ยวเจอแม่หมีในเร็ววันแน่ค่ะ นิสัยพ่อของลูกขนาดนี้ ถึงจะซื่อชื้อไปหน่อยก็เถอะ ฮ่าๆๆ คำว่า "ตัวเล็ก" ก็น่ารักดีด้วย เน็นชอบคำนี้มากเลยค่ะ มันแสดงออกถึงความเอ็นดูอย่างยิ่งยวด เน็นเองก็โดนคนเรียกแบบนี้อยู่บ้าง (แต่คิดว่าตัวเองไม่ได้ตัวเล็กนะคะ แค่เตี้ย ฮ่าๆๆ) พ่อหมีเรียกธีร์งี้เลยเหมือนพ่อเรียกลูกจริงๆเลย น่ารัก ><

ตัวละครในเรื่องนี้ดูมีความหมายต่อคนเขียนแบบที่บอกจริงๆค่ะ อ่านแล้วรู้ว่าใส่ใจตัวละครอื่นๆมาก เจถึงแม้จะดูขี้หม้อ แอบจะน่าหมั่นไส้ แต่จริงๆก็เป็นคนดี แอมก็เป็นตัวละครหญิงที่ดูมีบทบาทเยอะ แต่ตอนนี้อยากรู้เรื่องของซอล แล้วก็น้องวีค่ะ ถูกใจสองคนนี้ยังไงไม่รู้ค่า ฮ่าๆๆ

โชเป็นพระเอกแบบเรียบๆที่น่ารักมากเลยค่ะ เป็นห่วงเป็นใย เหมือนจะเงียบๆ แต่จริงๆก็ไม่ได้กลัวพิกุลร่วงอะไร อะไรที่ควรพูดก็พูด แถมตอนทำงานอย่างจริงจังและคล่องแคล่วนั่นก็ดูเท่ห์มากซะจนเน็นเสียใจที่สมัยเอนท์ไม่เลือกเรียกหมอเลยล่ะค่ะ (ขอแอบเล่าเรื่องส่วนตัวนิดนึงนะคะ คือเน็นชอบเรียนชีวะมาก ชอบเจอคนเยอะๆ อดทน แถมนอนน้อยเป็นปกติ มีแต่คนเชียร์ให้เรียน แต่เน็นค่อนข้างซุ่มซ่ามและขี้ลืม เลยกลัวทำอะไรผิดพลาด หรือทำได้ไม่ดีเท่าคนอื่น จนอาจส่งผลกระทบให้ไม่สามารถช่วยคนไข้ไว้ได้อะไรแบบนี้น่ะค่ะ เจออย่างนั้นคิดว่าคงให้อภัยตัวเองไม่ได้ตลอดชีวิตแน่ๆ แบบเค้าตายเพราะเราอะค่า TT คิดมากเนอะ ฮ่าๆๆ สุดท้ายเลยเลือกเรียนอย่างอื่นแทนค่ะ บางทีก็นึกเสียดายขึ้นมาเป็นช่วงๆ)

กลับมาต่อเรื่องโช ปกติเน็นจะเฉยๆกับตัวละครเรียบๆแบบโชนะคะ ชอบบ้าๆบอๆ เกรียนๆกวนๆ มีสีสัน ไม่ก็คูลๆเท่ห์ๆ เงียบแต่เจ๋ง อะไรแบบนี้ไปเลย แต่ความละมุนของโชทำให้เน็นเพิ่งรู้ตัวขึ้นมาว่าที่จริงก็รู้สึกชอบคนนิสัยแบบนี้ขึ้นมาด้วยเหมือนกัน โชเหมือนน้ำเย็นคอยชโลมปลอบโยนจิตใจธีร์ยังไงไม่รู้ (เวอร์ ฮ่าๆๆ) ประกอบด้วยหน้าตาหล่อเหลา บวกแว่นเข้าไปอีก ยิ่งกรี๊ดค่ะ แฮ่... (คือเน็นไม่ได้ถึงขั้นเป็นลัทธิหนุ่มแว่น แต่หลายๆคนใส่แว่นแล้วมันดูดี๊ดูดีจริงๆนะคะ อร้าย XD) ตอนสุดท้ายนี่มีแอบยิ้มเจ้าเล่ห์ด้วย ขอสิงน้องธีร์หน่อยเถอะค่ะ โฮกกกกกกกกก

ธีร์ เป็นตัวละครเรียบๆอีกตัว ที่ดูไร้ความเถื่อนของคณะวิศวะมากๆค่ะ ฮ่าๆๆ ดูเหมาะเรียนปรัชญา วรรณกรรม อะไรแบบนี้มากกว่า แต่เป็นพี่ชายที่น่ารักจัง อยากได้บ้าง (บ้านเน็นหญิงล้วนข่า อยากได้พี่ชายกะเค้าบ้างง่ะ)

เรื่องนี้จริงๆต้องบอกว่าไลน์ช่วยสื่อรักเลยนะคะ กร๊ากกกกกกกก ส่วนน้ำเต้าหู้นี่ดูเป็นไอเท็มสื่อรักของนิยายวายหลายๆเรื่อง คือมันมีตั้งหลายอย่าง เต้าฮวย นมร้อน เต้าทึง เฉาก๊วย ลอดช่อง ทับทิม บลาๆๆ ทำไมต้องน้ำเต้าหู้กันหลายเรื่องก็ไม่รู้เนอะ ถ้าให้เดาเน็นว่าคนเขียนส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง แล้วผู้หญิงก็ชอบกินน้ำเต้าหู เพราะแคลอรี่น้อยกว่าอย่างอื่นดีค่ะ ฮ่าๆๆ แต่เห็นด้วยเรื่องต้องหวานน้อยนะคะ เน็นกินหวานไม่ได้ ถ้าไม่หวานน้อยนี่คือจบเลย ยกให้น้อง แอร้

รอตอนต่อไปค่า เรื่อยๆมาเรียงๆละมุนๆฟ้าๆอ่านเรื่อยๆสบายอารมณ์ดีค่ะ ><

ปล. คนเขียนยังเรียนไม่จบใช่ไหมคะเนี่ย เห็นมีวนวอร์ด สู้ๆนะคะ เพื่อนๆเน็นตอนปีที่ต้องวนวอร์ดนี่เจอวอร์ดเยินคือเยินจริงๆค่ะ สงพวกนางมาก

ปล.สอง อยากบอกว่านับถือมากค่ะที่เรียนหมอแล้วยังมีเวลามาแต่งนิยายได้ เวลานอนก็แทบจะไม่มีอยู่แล้วแท้ๆ TT


โอ้ยตาย ยาวจะเท่านิยายตอนนึงอยู่แล้ว (เวอร์) จบดีกว่าค่ะ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 10 [05/06/57 P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: velvetronica ที่ 20-06-2014 23:07:53
11



“ไม่ต้องไปเป็นเพื่อนจริงนะ?”


กันตธีร์โบกมือไล่แทนคำตอบแล้วก้มหน้าก้มตาเก็บของราวกับมันวุ่นวายมากมายเสียจนไม่ว่างมาสบตา จิรณัฐหันไปขอคำปรึกษาทางสายตากับวีรินทร์ที่ยักไหล่ให้ ก่อนที่จะเอามือโยกหัวคนตัวเล็ก


“งั้นกลับก่อนนะ...มีอะไรก็โทรมาแล้วกัน”


ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วก็พากันเดินออกไป กันตธีร์จึงไถตัวลงกับพนักเก้าอี้ เขากำลังอยู่ในภาวะคลื่นอารมณ์ไม่คงตัวอีกครั้งเลยพาลไม่อยากพูดคุยกับใครเพราะกลัวตัวเองจะเอาความยุ่งเหยิงที่กดไว้ไประเบิดใส่

ตอนนี้บ่ายสองครึ่ง...อาจารย์อิทธินนท์เรียกเขามาสอบความกับคณะกรรมการดูแลโปรเจคตอนบ่ายสาม


หน่วงจนอยากจะปีนขึ้นไปปรับเวลาที่หอนาฬิกากลาง...


กันตธีร์มองไปรอบห้องเลคเชอร์ขนาดไม่ใหญ่ ที่ตอนนี้มีเขานั่งอยู่เพียงลำพัง คู่กรณีของเขาไม่มาเรียนอีกเลยตั้งแต่เกิดเรื่อง ถึงแม้ปี4จะมีคาบเรียนไม่มากแต่ก็นับได้เกือบสองสัปดาห์แล้วที่ไม่เห็นอีกฝ่ายเลย

อาจจะดีก็ได้...เขาถอนหายใจกับตัวเอง

ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนตั้งใจจะไปรอตามนัดก่อนจะรู้สึกถึงสั่นที่กระเป๋ากางเกง


“ครับ”

“ธีร์” เสียงนุ่มทุ้มเป็นเอกลักษณ์ทำให้คนฟังเผลอยิ้มโดยที่ไม่รู้ตัว “นี่โชนะ”

“อ่าฮะ ว่าไง” ตอบพลางสะพายเป๋าขึ้นบนบ่า

“เป็นไงบ้าง นี่อยู่ไหนแล้ว?”

“กำลังจะไปหาอาจารย์” ...ว่าแล้วก็ผลักประตูออก

“...กำลังล่กเลยดิ”


“อย่าพูดสิวะ!”


คนที่ทำเป็นเงียบอยู่นานโวยออกมาในที่สุด พร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆ จากปลายสาย


“ฮะๆ ล้อเล่นๆ อย่าเพิ่งเครียดสิ”

“มันใช่เวลาล้อเล่นไหม” กันตธีร์บ่นอุบ ระยะทางไม่ไกลทำให้เขาเดินไปตามทางที่ไม่มีใครอย่างใจเย็น“นี่ไม่มีเรียนหรือ”

“ไม่มี เพิ่งสอบoral(สอบปากเปล่า)เสร็จ” โชติภัทรยังมีน้ำเสียงที่ชวนฟังเสมอ

“แล้วเป็นไงบ้าง”

“ก็...ไม่แย่ แต่ยิ้มเกลี่ยเรี่ยราด สีข้างถลอกปอกเปิกหมดแล้ว”

“น้ำเสียงดูดีแบบนี้ดีกว่าไม่แย่เยอะมั้ง”

“ไม่ซีเรียสเองต่างหาก อะไรตอบไม่ได้ก็ยิ้มให้อาจารย์แล้วบอก ‘ไม่ทราบครับ’“

“ตอบงั้นจริงดิ?”

“จริง แต่มีอยู่ห้องนึง เข้าไปปุ๊บอาจารย์นี่หน้าอย่างเข้ม แต่ถามมาคำแรก ‘พ่อแม่คุณเป็นหมอรึเปล่า’“

“เฮ่ย...”

“พอบอกไปว่าเปล่า อาจารย์ก็พยักหน้า บอกว่า ‘งั้นก็ไม่แปลก คุณรู้ไหมว่าไม่มีหมอปกติที่ไหนอยากให้ลูกเรียนหมอ ผมก็ไล่ลูกไปเรียนบัญชี คุณพลาดแล้วล่ะ!’“


โชติภัทรเล่าเรื่องตลกอีกเรื่องสองเรื่องให้คนฟังหัวเราะตามพลางเดินเขย่งไปมาไม่ให้เหยียบเส้นของลวดลายที่พื้น กว่าจะรู้ตัวอีกทีเขาก็มายืนอยู่หน้าห้องประชุมที่นัดแล้ว


“ถึงละ” กันตธีร์เงยหน้าขึ้นมองประตูไม้เบื้องหน้า

“พร้อมไหม?” ปลายสายถาม

“ไม่ค่อย...แต่ก็อยากให้มันจบเรื่องเร็วๆ มากกว่า”

“อื้ม” ตอบรับเบาๆ ก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงชวนฟัง “รู้ว่าถึงบอกว่าไม่เป็นไรหรืออย่าเครียด มันก็ทำไม่ได้หรอก แต่ก็อยากให้ผ่อนคลายลงหน่อย อย่าเพิ่งคิดอะไร”

“...ตอนนี้โอเคแล้วล่ะ”

“ดีแล้ว ใจเย็นๆ สู้ๆ”

“จะให้สู้กับใคร คณบดีเรอะ” พูดติดตลกให้ตัวเองขำออกมาเอง “งั้นไปก่อนนะ”

“โชคดีนะธีร์” น้ำเสียงนุ่มกล่าวทิ้งท้าย


โชติภัทรตัดสายไปแล้วแต่เขายังแนบมือถือข้างไว้ที่ข้างแก้ม สัมผัสอุ่นจากเครื่องอิเลคโทรนิคทำให้รู้สึกเหมือนยังมีคนอยู่เป็นเพื่อน

สูดลมหายใจลึกๆ อีกครั้งก่อนจะเก็บมือถือแล้วผลักประตูเข้าไป


สู้ๆ...กันตธีร์






นาฬิกาค่อยๆ เดินต๊อกแต๊กอย่างเชื่องช้าจนน่ารำคาญ ชายหนุ่มบิดมือไปมาขณะเหลือบมองหน้าปัดเหนือหัวเป็นครั้งที่ร้อย

กันตธีร์และคู่กรณีถูกเรียกมาสอบปากคำทีละคนก่อนจะโดนเชิญออกมานั่งรอผลสรุปของคณะกรรมการอยู่หน้าห้อง ซึ่งความเงียบที่คลุมอยู่ก็ชวนอึดอัดจนหายใจไม่ออก เพื่อนร่วมภาคที่เคยคุยกันได้ดีกลับเลือกนั่งห่างออกไปคนละฝั่งทางเดิน แล้วเสมองกันไปคนละทิศ

อึดอัดจนอยากจะวิ่งไปเกาะระเบียงตะโกนโวยวายดูสักตั้ง

ประตูไม้ที่ดูหนาหนักในความรู้สึกถูกเปิดออกมาก่อนที่กันตธีร์จะได้ฟุ้งซ่านอะไรหลุดโลกต่อ ร่างเล็กของอาจารย์อิทธินนท์โผล่ออกมาพร้อมกับพยักหน้าให้ทั้งคู่กลับเข้าไปข้างใน


“เอาล่ะ สำหรับคุณ ธนพล อย่างที่รู้...ความผิดที่คุณทำมันค่อนข้างร้ายแรง แล้วยังเป็นการกระทำที่น่าละอายและไร้จรรยาบรรณอย่างมาก” อาจารย์ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งกล่าวด้วยเสียงตำหนิชัดเจน “แต่เห็นแก่ที่คุณรับผิด และยังออกตัวปกป้องเพื่อนคุณเสียอีก โทษครั้งนี้ให้เป็นถอดถอนรายวิชา โปรเจคปีนี้ก็ล้มไปก่อน หวังว่าคุณจะใช้เวลาว่างที่มีนี้คิดโปรเจคใหม่เองและทบทวนความผิดของตัวเองได้นะ”

“ครับอาจารย์ ขอบคุณครับ” คนมีความผิดยกมือไหว้ด้วยท่าทีสงบแม้ปลายเสียงจะสั่นอยู่เล็กน้อย

“ส่วนคุณ...กันตธีร์” คนถูกเรียกเผลอกลั้นลมหายใจแล้วยืดหลังขึ้นทันที “อันที่จริงตามกฏแล้วฝ่ายให้ลอกเองก็ต้องมีความผิดเช่นเดียว อย่างน้อยที่สุดก็คงต้องให้เปลี่ยนโปรเจค”


อาจารย์อาวุโสเงียบไปครู่หนึ่ง ทำให้ฝ่ายที่รอฟังรู้สึกมือเย็นชื้น


“แต่คุณดูจะเป็นที่รักของทุกคนดีนะ เลยมีแต่คนปกป้อง” ถอนหายใจพลางเหลือบอาจารย์ที่อ่อนอาวุโสกว่า “อาจารย์อิทธินนท์ยืนกรานจะให้คุณทำโปรเจคนี้ต่อ และธนพลก็ย้ำแล้วย้ำอีกว่าคุณไม่ได้ตั้งใจจะให้เขาลอกจริงๆ”


กันตธีร์นิ่งค้างกับประโยคนั้นก่อนจะรู้สึกว่าหัวใจที่แทบหยุดเต้นเต้นเร็วขึ้นเมื่อเริ่มแปลความออก


“ในเมื่อที่ปรึกษาคุณออกตัวขนาดนี้แล้ว และทางคณะกรรมการก็ไม่ได้อยากจะลงโทษอะไรคนที่ไม่ได้ทำผิด ครั้งนี้ถือว่าให้ผ่านไปแล้วกัน”

“ข...ขอบคุณครับอาจารย์!!”


ชายหนุ่มยกมือไหว้ด้วยความรู้สึกดีใจจนมือสั่น เขาหันไปไหว้อาจารย์ที่ปรึกษาผู้ยิ้มตอบอย่างโล่งอกเช่นกันกลับมาให้

คณะกรรมการบ่นเรื่องนั้นเรื่องนี้ต่ออีกนิดหน่อยก็โบกมือไล่สิ่งมีชีวิตวัยต่ำกว่าวัยกลางคนทั้งสามชีวิตออกไป


กันตธีร์เอามือวางบนหน้าอกตัวเองแล้วสูดลมหายใจลึกๆ เพื่อหยุดภาวะมือสั่นใจสั่นจากอารมณ์ที่เหวี่ยงขึ้นลง เขาตั้งใจจะตรงกลับหอไปแจ้งข่าวดีกับทุกคนแต่ก็ถูกรั้งเอาไว้ก่อน


“ธีร์” เพื่อนร่วมภาคเดินมาหยุดตรงหน้าด้วยท่าทีอึกอัก “กูขอโทษจริงๆ คือ...กู กูก็รู้ว่าแม่งเชี่ยมาก แต่กูเสียใจจริงๆ ที่ทำให้มึงซวยไปด้วย”

“ช่างมันเถอะ” เขาตัดบทก่อนจะยิ้มให้อีกฝ่าย “ครั้งนี้กูรอดก็เพราะมึงด้วย ขอบใจนะ ...แต่ไม่เอาครั้งหน้าแล้วนะเว่ย!”

“กูผิดเองจริงๆ ขอโทษว่ะ”


ชายหนุ่มย้ำอีกหลายคำว่าว่าไม่เป็นไร อันที่จริงเขาก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ควรจะสิ้นคิดทำเรื่องแบบนี้ตั้งแต่แรก แต่ก็ดีมากแล้วที่ยอมรับ แถมยังพยายามช่วยเขาอีก อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าไม่มีความประสงค์ร้ายต่อกันจริงๆ


“จากนี้ก็ตั้งใจล่ะ ผมยังยืนยันคำเดิมว่ารอดูโปรเจคคุณอยู่นะ” คนเป็นอาจารย์ยิ้มน้อยๆ ให้ ตัวเขาเองก็อดโล่งใจไปด้วยไม่ได้จริงๆ

“ครับอาจารย์ ผมขอบคุณอาจารย์จริงๆ นะครับ” กันตธีร์ยกมือไหว้ท่วมหัวอีกครั้ง เขาอยากจะแสดงออกว่าตื้นตันและซาบซึ้งกับการกระทำของอาจารย์มากกว่านี้ แต่ก็นึกไม่ออกแล้วว่าจะทำอะไรได้ “ถ้าไม่ได้อาจารย์ ผมคงแย่จริงๆ”

“ผมทำตามหน้าที่ที่ควรทำ เราคุยงานกันตลอด ผมรู้ว่าโปรเจคนี้คุณทำขึ้นมาด้วยตัวเอง” ที่ปรึกษายิ้มให้ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “...แต่คุณนี่ท่าจะเป็นที่รักจริงนะ”

“ครับ?”

“เพราะผมเองก็ต้องหาข้อมูลที่จะยืนยันตัวตนคุณไว้ด้วย แล้ววีรินทร์ก็ยืนยันนอนยันว่าคุณไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นเด็ดขาด เขาเป็นเพื่อนที่ดีนะ”


อิทธินนท์หัวเราะ ในขณะที่กันตธีร์นิ่งอึ้งพร้อมกับเพิ่มรายชื่อคนที่ต้องกลับไปขอบคุณอีกหนึ่ง เขาไหว้ลาอาจารย์ก่อนจะเดินออกมาแล้วกดโทรศัพท์


“โช!”

“ธีร์หรือ? เป็นไงบ้าง” ปลายสายถาม โดยมีเสียงคนคุยกันดังอยู่เบื้องหลัง

“รอดเหอะ!! ตอนแรกพูดเหมือนจะล้มโปรเจค หัวใจงี้แทบหยุดเต้น” คำพูดรัวเร็วกรอกเข้ามือถือโดยที่ปลายเสียงยังไม่คงที่

“ใจเย็นๆ สรุปว่า...ไม่โดนอะไรเลย?” อีกฝ่ายหัวเราะกับอาการตื่นเต้นที่ยังไม่คลาย

“ใช่ แต่ตอนแรกเกริ่นไปเกริ่นมาซะเกือบช็อคตาย” บ่นงึมงำพลางกัดปากลดอาการสั่น “อาจารย์ที่ปรึกษาช่วยพูดให้ แถมยัง...”




โชติภัทรยิ้มให้กับเสียงแหบที่เล่าเรื่องไม่หยุดของอีกฝ่าย เขาตอบรับเป็นพักๆ ในขณะที่ปลายสายดูจะหยุดตัวเองไม่ได้ด้วยอาการตื่นตัวหลังความกดดัน

เขากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่กับเพื่อนร่วมโรเตท*ตอนที่โทรศัพท์ดัง แต่ดูจะต่างคนต่างอ่านเสียมากกว่า นานๆ ทีถึงจะมีใครสักคนยกประเด็นขึ้นมาถกกัน เมื่อเขารับสายก็เลยไม่มีใครหันมาสนใจ ทำให้ตอนที่มีคนหันมาเรียกเพื่อจะถามอะไรสักอย่าง ต้องชะงักไปเพราะเพิ่งเห็นว่าเขากำลังคุยโทรศัพท์


“มีคนเรียกหรือเปล่า”

“อ่า ไม่เป็นไรคุยได้” โชติภัทรตอบพร้อมกับเหล่มองกองหนังสือและผู้คนที่ทำหน้าเคร่งเครียด “...ติวสอบกับเพื่อนน่ะ พรุ่งนี้ยังเหลือสอบข้อเขียนอีก”

“เฮ้ย โทษทีๆ นี่รบกวนสินะ”

“ไม่หรอก”

“งั้นไปอ่านหนังสือเหอะ พรุ่งนี้โชคดีล่ะ...แต่คงทำได้อยู่แล้วสินะ” ปลายสายอวยพรพร้อมกับหัวเราะตบท้ายอย่างอารมณ์ดี “ไว้ค่อยคุยกันแล้วกัน”

“ธีร์ยังจะไปงานหนังสืออยู่หรือเปล่า?” คำถามคนละเรื่องถูกยิงขึ้นเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะวางสาย

“เอ้อ นั่นสิ สุดท้ายก็ยังไม่ได้ไปเลย”

“ไปไหมเสาร์นี้” คนกำลังจะสอบเสร็จเสนอ “แต่ต้องราวน์เช้าก่อน อาจจะเสร็จซัก10โมง”

“...ก็ได้นะ เสร็จแล้วก็โทรมาแล้วกัน ยังไงก็อยู่หออยู่แล้ว”

“โอเค แล้วเจอกัน”




“โชคุยกับใครน่ะ” เพื่อนผู้หญิงที่นั่งอยู่ใกล้ๆ หันมาถามเมื่อชายหนุ่มวางสาย “ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว สาวที่ไหนจ๊ะ”

“คุยกับผู้ชาย” ตอบตรงๆ หน้านิ่งๆ จนคนฟังปากกาตก

“ไม่จริงอ่ะ โชเป็นเกย์หรือเนี่ย!” เอามือปิดปากแต่ตาเป็นประกาย “อย่าหลอกให้ฟินแล้วหักหลังกันนะ”

“พรีมคิดว่าไงล่ะ โชเป็นเกย์ดีมั๊ย ว่าจะจีบผู้ชายสักคนอยู่ แต่กลัวเขาไม่เอา” โชติภัทรยิ้มตาใสใส่เพื่อน

“โอ้ยไอ้บ้า!! นี่ฉันฟินจริงนะ อย่าหลอกให้จิ้นกันสิยะ” หญิงสาวเขวี้ยงปากกาใส่

“เอ้า คนเรา...พูดความจริงก็ไม่เชื่อ”

“พอเลย พอ! ถ้าของจริงแกไม่มานั่งคุยให้เพื่อนฟังแบบนี้หรอก” เบ้หน้าใส่แบบเอือมระอาก่อนจะตบท้ายด้วยคำประชด “ถ้าจีบติดแล้วพามาให้ดูด้วยนะยะ! ไม่ต้องมาทำหน้าหล่อเลย!!”


โชติภัทรยิ้มรับ

จีบหรือ? ...คงจะประมาณนี้ล่ะมั้ง



TBC


*oral exam : มันคือการสอบปากเปล่า อารมณ์แบบ เข้าไปนั่งคุยกับอาจารย์ ก็แล้วแต่ว่าอาจารย์จะถามอะไร ให้โจทย์อะไรมา
*โรเตท(rotate) : กลุ่มที่จะวนเรียนไปทีละวอร์ดด้วยกันตลอดทั้งปี


::TALK::

สวัสดีค่าาาา  :z2:

ตอนนี้แอบสั้น 5555 มันหาจุดที่จะตัดมาลงไม่ได้อ้ะ

คิดว่าจะพยายามรักษาความถี่การลงไว้ไม่ให้ห่างกว่านี้นะคะ  :katai4: ขอบคุณทุกคนที่ยังไม่ทิ้งกันนน  :mew1:

เห็นมีคอมเมนท์ที่ทักเรื่องน้ำเต้าหู้ เลยอยากเล่า (ไม่ถามว่าอยากฟังมั๊ย 555) ที่มาของนิยายเรื่องนี้มันเกิดขึ้นที่ว่า คนเขียนกำลังอ่านหนังสือสอบอยู่ในห้องสมุดที่แอร์หนาวมาก(คุ้นๆมั๊ยคะ 5555) ซึ่งตอนนั้นอยากกินน้ำเต้าหู้มาก แต่ร้านมันเปิดตอนเย็น และพอเย็น...ฝนก็เทลงมาค่ะพี่น้อง!  o22 คนเขียนนอยด์แดกเลยนั่งพิมพ์นิยายลงในมือถือ ตอนแรกไม่มีทั้งชื่อตัวละคร ชื่อเรื่อง หรือพลอตอะไรเลย แต่พอเวลาผ่านไป ก็กลายเป็นนิสัยที่พอเจอเหตุการณ์อะไรก็จะพิมพ์ใส่มือถือเอาไว้เป็นไอเดีย แล้วก็เริ่มเอาเรื่องนั้นมาต่อกับเรื่องนี้ ไปๆมาๆ เลยการเป็นเรื่องเป็นราว เป็นตัวละครแบบจริงจัง สุดท้ายเลยตัดสินใจเอามาพิมพ์ใส่wordดีๆ แล้วเอามาลงนี่แหละค่ะ

อ้อ แต่สุดท้ายวันนั้นคนเขียนต้องเดินตากฝนกลับหอและไม่ได้กินน้ำเต้าหู้นะคะ 5555  :seng2ped: (ชีวิตจริงมันไม่เหมือนนิยายยยยยยยย...)

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ เลิฟยูววว  :-[ :-[ :-[


::comment::

iforgive - นี่ก็เบรกตัวเองอยู่เหมือนกันค่ะ 555555  :o8:

AfternoonTea - เอะ บางเขนนี่ไม่เคยไปอ้ะ 555 ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ :)

malula - เนอะะะ บางทีธีร์มันก็มีคนรักมากไป (หมั่นไส้ 555)

quiicheh. - อุ...อย่านะคะ คนเขียนมีคู่ให้เจแล้ว! (ติดแท็กสปอยล์ ว้ายยยย :-[) ตอนนี้เรียกว่าความสัมพันธ์ขยับมั๊ยคะะะ  :man1:

Fellina - จริงค่ะจริงงงงงงงงง  :hao6: คนเขียนตอบแทนให้ คริ ส่วนบทซอลอาจจะต้องรอหน่อยนะคะ ผลุบๆโผล่ๆนิดนึง ตามสไตล์ของเฮียเขา ส่วนเรื่องคู่ตามบรรทัดบนเลยค่ะ 5555

Zelsy - อ่อ เข้าใจแล้วค่า ขอบคุณนะคะ  :pig4: :pig4:

Loste - เน้อออออ แสนดีมากอ้าาา (อวยลูกชาย)  :man1:

BeeRY - ขอบคุณค่าาาา  :-[ แต่คงต้องลุ้นยาวหน่อยนะคะ แหะๆ

Inwoสูs - ทุกคนดูเห็นด้วย 555 ตอนนี้ก็มุ้งมิ้งนะคะ

NeN~ - คอมเมนท์นี้ยาวมากเป็นประวัติการณ์! (แต่คนเขียนชอบอ่านค่ะ ขอบคุณนะคะะะะะ!!! :-[) เจาะลึกทุกตัวละครมากมาย อ่านแล้วฟินเลยอ่ะ เพราะคนเขียนรักตัวละครหมดทุกตัว 5555 (หลงลูกอวยลูกขั้นสุด) จริงๆ ก็ตั้งใจให้ตัวละครเรื่องนี้คู่พระนายเป็นแบบเรียบๆนั่นเลยค่ะ ดีใจจังเลยค่ะที่ชอบ ส่วนธีร์นี่จริงๆก็มีมุมเป็นหนุ่มวิศวะนะคะ! แต่อาจจะต้องดูกันยาวๆ 5555 คุณเน็นอาจจะคิดถูกที่ไม่เรียนหมอนะคะ 555 คนเขียนเองก็เกือบถอดใจหลายครั้ง  :z13: ที่ยังเรียนอยู่ได้เพราะใจรักอย่างเดียวเลย ตอนนี้ก็ยังเรียนอยู่ค่ะ ส่วนนิยายที่เขียนนี่ก็เขียนแล้วมีความสุขเหมือนกันเลยทำ (แม้จะอดนอนบ้าง แต่ก็แฮปปี้ดีค่ะ 5555)

ขอบคุณทุกคอมเมนท์เลยนะคะที่มาคุยกัน อ่านแล้วมีความสุข รักคนอ่านนนนนนนน  :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:



ป.ล. อ่านคอมเมนท์แล้ว ซอลนี่มันยังไงนะ...โผล่มาไม่กี่ย่อหน้าคะแนนนิยมพุ่งพรวด!!  :a5: 55555 มีบทแน่นอนค่ะ แต่อาจจะไม่ใช่เร็วๆนี้
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 11 [20/06/57 P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 21-06-2014 00:17:18
เย้ ๆ จีบเลย ๆ
ส่วนกรณีลอกผลงานนั้น ตอนทำไม่คิดหรือคิดอะไรอยู่
เจอคณะกรรมการโหด ๆ นี่ไม่รอดทั้งคู่ เลวคนเดียวทำเพื่อนเดือดร้อน
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 11 [20/06/57 P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 21-06-2014 02:54:26
จีบเล้ยยยยยยย โทรเช้าโทรเย็นไม่มีใจนี่แปลก
แต่ตอนนี้ก็เหมือนคนคุยๆ(จีบๆ)กันนะ555555555
ชอบเวลาธีร์เล่านู้นนี่ให้โชฟังอ่ะมันดูแบบอบอุ่น
เหมือนโชก็เป็นผู้ฟังที่ดีละยังให้คำปรึกษาดีๆ
ฮือแพ้ผชงี้มากค่าาาาาาาาาาา

อยากฟินตามเพื่อนผญของโชจัง
อยากรู้ว่าว่าที่คุณหมอเขาจะจีบอย่างไง
ติดตามค่ะ ขอเขินล่วงหน้า ฮาาาาาา
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 11 [20/06/57 P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 21-06-2014 05:21:47
กรี๊ดดดดดดดดดดดด...มาอัพแล้วตาไม่ฝาดดด :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 11 [20/06/57 P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 21-06-2014 05:47:40
จีบเลย สนับสนุนเต็มที่ 55555
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 11 [20/06/57 P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 21-06-2014 06:27:53
ชอบก็จีบเลยเซ่ะ! ชูวับ ชูวับ :o8:
ดีใจกับธีร์ด้วยนะ ผ่านเคราะห์กรรมไปได้ อย่างนี้ต้องฉลอง :mc4:
แต่ฉลองกับโชนะ อิอิ :o8:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 11 [20/06/57 P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: บ๊ายบายโพ ที่ 21-06-2014 07:50:44
ดีใจที่ธีร์ผ่านมรสุมมาได้นะ มีที่ปรึกษาดีมากเลยอ่ะ ซอลจะมาเป็นผู้ท้าชิงหัวใจหมายเลข2รึเปล่ายังไง - 3- โชนะกับเพื่อนออกตัวแรงจังเลยตอนกับธีร์นี่สงบเงียบเรียบร้อยมากก จีบเค้าก็บอกเค้าไปซี่
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 11 [20/06/57 P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 21-06-2014 10:26:54
เปิดตัวเล๊ยยยย  ใจ ๆ หน่อยโช พี่รออยู่ 5555
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 11 [20/06/57 P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 21-06-2014 14:17:59
สนับสนุนให้โชเดินหน้าเต็มที่  :3123:

รอตอนต่อไปค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 11 [20/06/57 P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: Loste ที่ 21-06-2014 23:05:05
และแล้วกัอกับมาดีใจจัง  หมอโชสู้ สู้ o13
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 11 [20/06/57 P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 22-06-2014 15:13:12
 :katai2-1: :katai2-1:
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 11 [20/06/57 P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: AfternoonTea ที่ 22-06-2014 15:34:22
โช จะจีบแล้วหรอ กิกิ เชียร์ๆ
รุกเลยๆ 555555

คนเขียนก็สู้ๆนะคะ :D
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 11 [20/06/57 P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: maychan ที่ 26-06-2014 12:54:18
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยส์ ขอกรีดร้องดังๆก่อนหนึ่งที  :hao7:
ชอบโชมากกกกกก มากกกกกกกกก มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก   :z3:
แพ้ค่ะแพ้ แพ้ผู้ชายอบอุ่นช่างใส่ใจ ตัวเราเองเป็นคนไม่ค่อยใส่ใจเรื่องเล็กๆน้อยๆ เพราะงั้นบางทีเวลามีคนมาใส่ใจเรื่องเล็กๆน้อยๆของตัวเอง ก็มองข้ามหรือมองไม่เห็นไปบ้างเหมือนกัน
แต่พอมาเป็นบุคคลที่ 3 เฝ้ามองการเอาใจใส่แบบนี้แล้ว เราพบว่ามันมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งดีแท้ (ไม่อาจหาคำอื่นมาบรรยายได้แล้ว)

อ่านถึงตอนล่าสุดละสงสัยค่ะ คนเขียนชื่อเล่นว่า "พรีม" อ๊ะเปล่าคะ 5555555+ ถ้ามีเพื่อนแบบโชนี่เราคงจะฟินมาก ชัดเจนจริงๆ ฮี่ๆ

ชอบตัวละครทุกตัวของคนเขียนเหมือนกันค่ะ ลักษณะนิสัยเรียบๆแต่จับต้องได้ บางฉากอ่านไปก็นึกถึงเพื่อตัวเอง
อ๊ะ เราจบวิศวะมาเหมือนกันค่ะ แต่เครื่องกลนะ 5555+ บรรยากาศดวดเหล้าเมาปลิ้นนี่ทำเอาคิดถึงเลย
เราก็อยู่แผนกเก็บศพเหมือนกัน ไม่ได้แบกหรอก แต่บางทีก็ต้องคอยจัดการว่าใครควรจะไปส่งใครอะไรแบบนี้ เพราะสติจะเหลือเยอะสุด
เคยเจอเพื่อนเมาแถมเขียนแผนที่บ้านมาดูไม่รู้เรื่องอีก สุดท้ายต้องเอาศพไปทิ้งไว้ห้องภาค ทุกวันนี้ก็ยังล้อมันอยู่ 5555555+  (ตายละ กลายเป็นเผาเพื่อนซะงั้น)

เราชอบพ่อหมีแบบอยากได้พี่ชายแบบนี้อ่ะ ปกป้อง ดูแล ขี้งอน ครบสูตรเลย   :impress2:
เราแอบเชียร์เจกับซอลนิดๆแฮะ มีกลิ่นมุ้งมิ้งแปลกๆในตอนหลังๆ อิอิ
อยากให้มีสปินออฟให้คุณพี่ว้ากพี่ชายโชด้วยค่ะ ตอนเราเข้าปี 1 เราก็จิ้นประธานเชียร์กับรองประธาน เพราะเขาชอบเซอร์วิส แอร๊ยยส์ (บ้า 555) แถมตอนทำงานคณะก็จะเจอคุณพี่ทั้งสองนุ่งบ็อกเซอร์หรือไม่ก็พันผ้าเช็ดตัวท่อนล่างเดินไปเดินมา (พอเดินมาคุยกันในสภาพนี้ก็ฟินนะคะ 555555)

เราสงสัยจริงๆน้า ว่าม.ที่คนเขียนอยู่น่าจะเป็นม.รัฐดังกลางกรุงใช่มั้ยค้า เพราะม.ที่มีโรงบาลอยู่ติดกับมหาลัย (ซึ่งมีคณะอื่นๆเรียนอยู่ด้วย) ไม่น่าจะมีเยอะ อิอิ

เรามีข้อสงสัยนิดนึงตรงโปรเจคจบเนี่ยแหละค่ะ เพราะถ้าเป็นม.ที่เราคิด วิศวะ โปรเจคจบป.ตรีส่วนใหญ่ทำเป็นกลุ่มค่ะ ไม่ค่อยมีคนทำเดี่ยวๆ (ไม่ได้บังคับทำเดี่ยว แต่ใครจะทำเดี่ยวก็ได้ แต่อ.ไม่ค่อยแนะนำ เพราะหนักอยู่)
ถ้าอยากได้ข้อมูลอะไรในคณะหลังไมค์มาถามได้นะคะ เผื่อจะเป็นแนวในการแต่ง  :mew1:

ปล. อยากรู้จริงๆนะคะว่าใช่ม.เดียวกันหรือเปล่า เพื่อการจิ้นที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แอร๊ยยส์
ปล.2 สู้ๆนะคะ ขอให้ระวังเมดกับอีอาร์ เห็นสภาพเพื่อนตัวเองช่วงนั้นแล้วสงสารเลย 5555 คนนึงเจออีอาร์ช่วงสงกรานต์ด้วย
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 11 [20/06/57 P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: velvetronica ที่ 11-07-2014 21:24:51
12




"พี่ไม่เห็นรู้เลย"


โชติภัทรเหลือบมองคนที่กำลังทำหน้านิ่วใส่โทรศัพท์ทางหางตา ก่อนจะกลับมาตั้งสมาธิที่ถนนตรงหน้า


"พ่อแม่ธาเขาบอกแต่ลูกรักน่ะสิ ไม่เห็นจะมีโทรมาหาไอ้ลูกเก็บมาเลี้ยงอย่างพี่เลย" คำประชดแกนๆ ทำให้ปลายสายหัวเราะดังออกมาชัดเจน

"สายไปแล้วค่ะ พี่จะถึงศูนย์ประชุมสิริกิติ์แล้ว"

"อะไรนะ...เออ ไปเลยยย ครอบครัวสุขสันต์ ดีใจกันมั๊ยมีหมาหัวเน่าอยู่ตรงนี้ตัวนึง"

"ค่าๆ กินให้อร่อย ฝากกอดพ่อแม่ด้วย"


เสียงถอนหายใจหลังจากกดวางสายเรียกให้สารถีหันมาถาม


"ทำไมรึเปล่า"

"พ่อแม่กลับมาจากต่างประเทศ...ไม่มีบอกกันสักคำ บอกแต่ยัยธา ดูสิ มันน่าน้อยใจมั๊ย" คนถูกลืมทำหน้าตูม "แล้วก็โทรมาถามว่าไม่กลับบ้านหรือ...แล้วจะไปรู้หรือว่ามีคนอยู่บ้าน!"


เสียงบ่นงึมงำดังมาอีกระลอกใหญ่ให้คนฟังได้แต่ยิ้มรับ

โชติภัทรจับใจความได้ว่าพ่อแม่ของอีกฝ่ายเดินทางบ่อย ไม่ค่อยอยู่ไทย นานๆถึงจะแวะกลับมาอยู่บ้านสักที ทำให้สองพี่น้องของบ้านวิจักษณ์วัฒนาต้องกระเด็นมาอยู่หอกันทั้งคู่


"จะกลับบ้านมั๊ยล่ะ" กันตธีร์ชะงักคำบ่น ก่อนจะไปมองคนพูดที่ไม่มีแววประชดแต่อย่างใด

"เฮ้ยไม่ต้อง นี่นัดกันก่อนแล้ว ไม่เป็นไรหรอก"

"นานๆ พ่อแม่จะกลับมาทีไม่ใช่หรือ"

"...พรุ่งนี้ก็ได้ ยังไงตอนนี้ยัยธาก็พาพ่อแม่ไปไหนต่อไหนแล้ว"


คนถูกทิ้งโบกมือเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไรให้คนขับหันไปสนใจถนนต่อ แล้วกดมือถือโต้ตอบใส่น้องสาวที่กระทำการเยาะเย้ยมาในไลน์อีกทางหนึ่ง

กันตธีร์ไถตัวกับเบาะอย่างเกียจคร้าน นับเป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่นั่งรถตัวเองแบบไม่ได้ขับ เพราะคนเพิ่งสอบเสร็จคว้ากุญแจรถไปจากมือเขาตอนที่เปิดรถ


'ผลัดกันขับ'


ว่าสั้นๆ แล้วก็แทรกตัวเข้าไปจัดการสตาร์ทรถเปิดแอร์เรียบร้อย

ก็ดี...เขาชอบนั่งเฉยๆ มากกว่าอยู่แล้ว





เป็นเวลาสิบเอ็ดโมงครึ่งแล้วที่ทั้งคู่หาที่จอดรถซึ่งอยู่ไกลสุดกู่ไปถึงโรงงานยาสูบ มาสด้าคันเล็กจอดนิ่งอยู่ข้างเพื่อนฝูงต่างยี่ห้อมากมาย

แสงแดดภายนอกที่ซัดสาดแบบไม่มีเกรงอกเกรงใจ แถมลงเกือบกลางกบาลเน้นๆ ชวนให้ต้องทำใจก่อนเปิดประตูรถ กันตธีร์หรี่ตาที่ไม่ค่อยจะมีสู้แสงแล้วเอามือคลำทางจนปิดประตูรถได้


"จะเข้าหน้าหนาวแล้ว" คนที่กำลังปิดรถพูดขึ้นมาลอยให้อีกฝ่ายหันขวับ

"หน้าหนาวโลกไหนวะ!?"

"ไม่ใช่อุณหภูมิไง หมายถึงฟ้าใสอย่างเดียว" โชติภัทรหัวเราะพลางเอามือป้องตา


ทั้งคู่สัมผัสหอบสังขารฝ่าความร้อนไปยืนรอรถที่คอยรับส่งคนจากที่จอดรถเข้าไปในตัวงาน ซึ่งตอนแรกก็ยืนอยู่ในร่มเงาอันน้อยนิดอยู่ดี แต่พอมีกลุ่มชนขนาดใหญ่มาถึง ชนกลุ่มน้อยเพศชายทั้งสองก็ค่อยๆ โดนรุกคืบพื้นที่จนกระเด็นมายืนท้ารังสีความร้อนจากดาวฤกษ์ขนาดกลางแบบเข้มข้น


"ร้อน..." คนตัวเล็กบ่นงึมงำอยู่คนเดียวในลำคอ แต่ฝ่ายที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็อดจะพยักหน้าเห็นด้วยไม่ได้


ครู่หนึ่ง รถที่รออยู่ก็ค่อยๆ แล่นมาแบบเอื่อยเฉื่อยในความรู้สึกคนรอ กลุ่มชนที่รออยู่ต่างแห่ขึ้นไปแบบไม่มีการต่อแถวจนโชติภัทรต้องลากข้อศอกคนข้างๆ ให้เข้าไปแย่งชิงพื้นที่


"นั่งได้หรือเปล่า" กันตธีร์พยักหน้ารับแม้จะอยู่ในท่าที่ไม่ค่อยมั่นคงนัก

"ไม่ตกหรอก" ว่าแล้วก็เอื้อมไปจับราวไว้แน่น


เขานั่งอยู่ที่ริมสุดโดยต้องแบ่งสรรพื้นที่อันน้อยนิดกับโชติภัทร ผู้ซึ่งเขาได้รู้ในวินาทีนี้เองว่าอีกฝ่ายตัวใหญ่กว่าที่คิด เพราะเดิมก็รู้ว่าอีกฝ่ายสูงโปร่ง แต่กะด้วยตาไม่คิดว่าจะตัวใหญ่กว่ามากเมื่อมานั่งเทียบกัน

กันตธีร์เหลือบมองไหล่หนาที่เบียดชิดกันอยู่


อยู่กับไอ้หมีนานจนมาตรฐานการกะขนาดตัวด้วยสายตาชักจะผิดปกติแล้วสิ...





คนไทยอ่านหนังสือเฉลี่ยไม่เกิน8บรรทัด...แล้วจะมาซื้อกันทำไมเยอะแยะ?

กันตธีร์บ่นขำๆ ในใจขณะที่กำลังโดนดันให้ไหลไปตามฝูงชนบนทางเดินคล้ายท่อขนาดใหญ่ นาทีนี้ใครมีกลิ่นตัวก็คงได้เสียเซลฟ์กันบ้าง เพราะช่องไฟระหว่างคนต่อคนนั่นแคบแสนแคบ


"อุ้ย ขอโทษค่ะ!"


รองเท้าส้นสูงของคนข้างหน้าจิกลงมาบนหลังเท้าไม่เบานักจึงนับว่าโชคดีที่เขาใส่รองเท้าผ้าใบมา แต่ที่เจ็บกว่าคือปลายผมซึ่งถูกรวบเป็นหางม้ายาวได้สะบัดเข้าหน้าทันทีที่สาวเจ้าหันมาขอโทษ กันตธีร์ยิ้มตอบพร้อมกับคำว่าไม่เป็นไร ก่อนจะต้องหันหลบวูบอีกครั้งเพราะปลายผมที่สะบัดกลับไป

เส้นผมเหยียดตรงของเธอก็ดูสวยสะอาดดีและออกจะมีกลิ่นหอม แต่เขาเชื่อว่าคนส่วนใหญ่บนโลกใบนี้ไม่มีใครพิศวาสการสัมผัสเส้นผมของคนที่ไม่รู้จักกันแน่นอนทำให้ชายหนุ่มต้องพยายามยืดคอหลบไปมาในพื้นที่อันจำกัด


สัมผัสแตะเบาที่ข้อศอกทำให้ต้องหันไปมองเจ้าของมือที่โอบแขนมาทางด้านหลัง

โชติภัทรออกแรงดันให้คนตัวเล็กกว่ามาเดินข้างหน้าแทนที่จะอยู่ข้างกันแบบเมื่อครู่ ทำให้พ้นรัศมีการสะบัดหางม้าของสาวคนนั้นไปได้

กันตธีร์พึมพำคำขอบคุณเบาๆ และโดยที่ไม่ต้องหันกลับไปมองเขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้มจางๆ ให้แบบที่คุ้นตา


"ไปเอาแผนที่กัน"


สะกิดบอกแล้วก็นำไปทันที ทำให้คนขาสั้นรู้สึกเหมือนกำลังโดนกดดันให้ก้าวเร็วขึ้นด้วยช่วงขาที่ยาวกว่าของอีกฝ่ายที่เดินราวกับกลัวแผนที่หาย ด้วยความที่เป็นคนเดินเร็วอยู่แล้วจึงไม่มีปัญหาเท่าไร แต่ก็อดจะสงสัยไม่ได้จริงๆ ว่าปกติคนทั่วไปจะเดินตามไอ้ตัวสูงนี่ได้ยังไง

กันตธีร์เอื้อมมือขึ้นไปเหนี่ยวไหล่ให้คนข้างๆ หยุดเดิน


“ไม่รีบ”


ตาตี่หรี่ตอบโชติภัทรที่ก้มลงมามองอย่างงงงวย ก่อนจะหัวเราะออกมาพร้อมกับคำขอโทษ แล้วจึงดันให้คนไม่รีบเดินนำแทน


ซุ้มประชาสัมพันธ์มีคนจำนวนหนึ่งอออยู่ข้างหน้า พร้อมป้ายประกาศว่าแผนที่ปีนี้ต้องจ่ายเงิน แต่กว่าจะรู้ตัวอีกที ไอ้คนที่บอกว่าจะเอาแผนที่ก็แทรกตัวเข้าไปแล้วออกมาพร้อมกระดาษแผ่นใหญ่แล้ว


“ถ้าไม่มีแผนที่ในมือแล้วเหมือนไม่ได้มางานหนังสือ”


โชติภัทรอธิบายสั้นๆ แบบที่เขาไม่คิดว่าคนที่ดูจริงจังจะมีมุมแบบนี้เหมือนกัน ซึ่งแผนที่ที่ว่าก็ถูกนำมาถือไว้เฉยๆ เท่านั้น เพราะทั้งคู่เลือกที่จะเดินไปเรื่อยๆ ดูทุกบู๊ทในงาน

โดยส่วนใหญ่ก็จะหยุดในร้านที่คล้ายๆ กัน แต่ต่างคนต่างดู นานๆ ครั้งจึงจะมีชี้ชวนให้ดูอะไรหรือขอความเห็นบ้าง ทั้งคู่ไม่ได้ซื้ออะไรมากมาย และที่ซื้อก็มักจะเป็นสิ่งที่ตั้งใจมาซื้ออยู่ก่อนแล้ว


กันตธีร์เอามือลูบปกหนังสือแปลที่ทำเป็นปกแข็งเข้าชุด เขาชอบสิ่งพิมพ์...ทั้งลักษณะของปกต่างๆ สัมผัสของเนื้อกระดาษต่างชนิด และรูปแบบการตีพิมพ์ หนังสือบางเล่มเขาก็ไม่ได้อยากอ่านหรือไม่ได้ชอบมากมายแต่ก็จะอยากครอบครองด้วยความรู้สึกที่มันเป็นของล้ำค่า แล้วถ้ายิ่งเป็นหนังสือชุดโปรดหรือคนเขียนที่ชื่นชอบก็จะยิ่งเกิดกิเลสแบบสุดจะต้านทาน

ชายหนุ่มกำลังต่อสู้กับสงครามในจิตใจของตนเองอย่างดุเดือดตอนที่มีสัมผัสเบาๆ แตะที่ข้อศอก


“ธีร์ ยืมได้นะ”

“เปล่าหรอก มีแล้ว เคยอ่านแล้ว” เขาส่ายหัวก่อนจะยิ้มแหยตอบสายตาสงสัย “แค่รู้สึกว่ามันสวยดีจังเลยน้า”


คำตอบนั้นทำให้คิ้วเลิกสูงขึ้นไปอีกระดับแต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ถามอะไรออกมา จากการสังเกตเขาคิดว่าโชติภัทรไม่ใช่ประเภทพบ้าคลั่งสิ่งพิมพ์แบบเขา และพื้นที่รสนิยมทางการอ่านของนักศึกษาแพทย์หนุ่มคนนี้ก็แคบกว่ามาก คือมักจะอ่านหนังสือที่ค่อนข้างมีความแน่นของเนื้อหา ถ้าเป็นนิยายก็จะมีเนื้อเรื่องซับซ้อน หรือบางทีก็อ่านหนังสือต้นฉบับภาษาอังกฤษ


กันตีร์เอามือลูบข้อศอกตัวเองเบาๆ

ข้อเท็จจริงอีกหนึ่งประการที่ค้นพบในวันนี้คือ โชติภัทรเป็นผู้ที่เรียกคนอื่นโดยการแตะที่ข้อศอกแล้วเรียกชื่อ ซึ่งเป็นการกระทำที่ค่อนข้างแปลกใหม่สำหรับคนที่อยู่ในแวดวงของการตะโกนเรียก ตบหัว กระโดดทับ โยนของใส่ กระชากคอเสื้อตามสไตล์วิศวะ


“โช แวะหน่อย”


เลยเหมือนทฤษฎี action เท่ากับ reaction เหมือนเวลาที่เจอคนสุภาพเรียบร้อยกิริยานุ่มนวลใส่ ไอ้ครั้นจะหันไปพูดตอบด้วยภาษาพ่อขุนแบบที่ชินปากก็เป็นอันต้องเก็บม้วนเข้าคอไปแบบอัตโนมัติ แล้วเดินไปสะกิดไหล่พร้อมเรียกชื่ออีกฝ่ายแทน

ยังดีที่กันตธีร์มีน้องสาวคนเดียวที่แสนอ่อนหวานเลยไม่ค่อยรู้สึกกระดากในคำพูดจาภาษาดอกไม้


“หาอะไรอยู่หรือเปล่า” โชติภัทรถามขึ้นหลังจากเห็นคนที่บอกจะแวะยืนเก้ๆ กังๆ แบบไม่รู้จะหยิบจับเล่มไหน

“อืม...แค่ดูหนังสือให้พ่อน่ะ แต่ให้มาเลือกเองดีกว่ามั้ง” ว่าพลางขมวดคิ้วใส่แผงหนังสือที่ไม่คุ้นชิน

“ประวัติศาสตร์ไทย?”

“พ่อชอบพวกประวัติศาสตร์ จริงๆ ก็อ่านได้ทั้งโลก แต่ที่ชอบมากๆ ก็จะเป็นโซนเอเชีย ไทย จีน อะไรพวกนี้” กันตธีร์ผละออกจากร้าน “ตอนเด็กๆ พ่อจะเป็นคนพามาเดินงานหนังสือทุกครั้งเลย แต่ก่อนมันจะมีพวกร้านหนังสือเก่ามาออกเยอะกว่านี้ พ่อก็จะหายเขาไปในแต่ละร้านนานมาก จนธางอแงนั่นแหละ”

“แล้วครั้งนี้ไม่ได้มาเหรอ”

“ตั้งแต่งานยุ่งขึ้นเรื่อยๆ ก็แทบไม่ได้มาอีกเลย บ้านยังไม่ค่อยได้กลับด้วยซ้ำ” คนเป็นลูกยักไหล่ “นานๆ ที พอได้มาสักครั้งก็จะมาสิงพวกร้านแบบนี้แหละ แต่ให้เลือกไปให้ก็เลือกไม่ถูกเหมือนกัน”


กันตธีร์ชะงักเมื่อรู้สึกถึงแรงสั่นที่กระเป๋ากางเกง ก่อนจะรู้สึกถึงความอายุยืนของใครบางคนเมื่อเห็นสายเรียกเข้า


“พี่ธีร์อยู่ไหนแล้วคะ” กัลยธาส่งเสียงเจื้อยแจ้วมาทันทีที่กดรับ

“ยังอยู่ในงานอยู่เลย”

“จะกลับหรือยังคะ พ่อให้ถามว่าจะไปกินข้าวเย็นกันมั๊ย”

“พี่อยู่กับเพื่อนน่ะ เดี๋ยวถามก่อนนะว่าต้องรีบกลับหรือเปล่า”


ชายหนุ่มเอามือป้องโทรศัพท์ไว้ก่อนจะหันมาถามคนที่ยืนรออยู่ ซึ่งโชติภัทรก็ยิ้มแล้วตอบว่าตนว่างสุดๆ เพราะเพิ่งสอบเสร็จ แต่เมื่อกันตธีร์บอกให้ไปกินข้าวด้วยกันก่อนกลับมีท่าทีลังเล


“มันเป็นเวลาครอบครัว ไม่รบกวนดีกว่า เดี๋ยวกลับก่อนได้”

“เฮ้ย ไม่เป็นไรหรอก ไปด้วยกันนี่แหละ” คนชวนยืนยัน “ไอ้หมีมันก็ไปด้วยออกบ่อย ไม่ต้องเกรงใจ”


ว่าแล้วก็มัดมือชกหันไปตอบตกลงกับปลายสายนัดแนะจนเสร็จสรรพให้โชติภัทรได้แต่โคลงหัวไปมา





ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ตกแต่งแบบย้อนยุคดูหรูหราจนโชติภัทรเริ่มรู้สึกปวดต่อมเกรงใจ จนกันตธีร์ที่คอยบอกทางอยู่ข้างๆ หัวเราะ ยิ่งพอก้าวเข้าไปในร้านแล้วมีพนักงานในชุดกิโมโนสวยงามออกมาต้อนรับก็ยิ่งเกร็งจนอีกคนรู้สึกสนุกเข้าไปใหญ่


“ขอกลับก่อนได้ไหม?” หันมากระซิบถามเสียงเครียดขณะเดินตามพนักงาไนปที่โต๊ะ

“ไม่” ยิ้มกว้างจนตาตี่ๆ มองไม่เห็น “บอกแล้วว่าไม่ต้องเกรงใจ”

“คือมัน...เอ่อ ดูแพงมาก”

“ก็กินให้คุ้มๆ สิ พ่อแม่ชอบคนกินเยอะ ไอ้หมีนี่ลูกรักระดับแพลทตินั่มพลัสพลัสพลัสเลยล่ะ”


กันตธีร์ว่าแล้วก็กระโดดแผล่วไปกอดหญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่ก่อน


“คิดถึงคุณนายจัง” ลูกชายเอ่ยปากอ้อนทันที

“ปากบอกว่าคิดถึง แล้วนี่หนีไปเที่ยวไหนมา” ใบหน้าที่เหมือนกัลยธาราวกับต้นแบบตีมาดดุแบบไม่จริงจัง

“ผมจะไปรู้หรือว่ากลับกันมา บอกแต่ธาจนนึกว่าลืมลูกชายไปแล้ว” เบ้หน้าพลางคาดโทษไปให้เด็กสาวที่ทำหน้าไม่รู้เรื่องอยู่อีกคน “พ่อสบายดีนะครับ”


โชติภัทรได้คำตอบทันทีว่าทำไมสองพี่น้องคู่นี้หน้าตาไม่เหมือนกันเลย เพราะคนพี่หน้าจีนชัดเจนเหมือนพ่อ แต่น้องสาวสวยคมแบบไทยเหมือนแม่ ชายหนุ่มยกมือไหว้ก่อนจะยิ้มทักทายกัลยธา


“อ้าว พี่โชหรอกหรือคะ นึกว่าพี่หมีเสียอีก”

“หมีมันตายคาโปรเจคอยู่หอโน่น” กันตธีร์ตอบแทนพร้อมกับทรุดตัวลงนั่งข้างคุณแม่ “หิวจัง สั่งกันยังเนี่ย”


บรรยากาศบนโต๊ะอาหารค่อนข้างเฮฮา เพราะสองศรีพี่น้องแย่งกันเล่านู่นเล่านี่ให้พ่อแม่ฟัง โดยเฉพาะกันตธีร์ที่ยกเอาเรื่องลอกโปรเจคที่เครียดแทบตายมาเล่าเป็นเรื่องตลกได้หน้าตาเฉย แถมยังหันมาสะกิดให้โชติภัทรมีส่วนร่วมด้วย

ฝ่ายคุณนายวิจักข์วัฒนาก็มักจะเป็นคนซักถามเป็นส่วนใหญ่ และคุณวิจักข์วัฒนาก็เป็นผู้ฟังที่ดี


“อ๊ะ”


ซอสกระเด็นเปื้อนคางอย่างไม่ได้ตั้งใจจนต้องเอามือขึ้นป้องปาก แต่ก่อนที่จะได้ร้องขอกระดาษทิชชู่ก็ถูกส่งมาให้ถึงมือ คนซุ่มซ่ามพึมพำคำขอบคุณเบาๆ ส่วนคนช่วยก็แค่ยิ้มรับ

ซึ่งทั้งหมดก็อยู่ในสายตาโตของเด็กสาวนามว่ากัลยธาจนอดจะเอ่ยปากถามไม่ได้


“พี่ชายรู้จักกับพี่โชได้ไงอ่ะคะ” เอียงคอถาม “แปลกเนอะ คณะแพทย์ไม่ค่อยได้มาร่วมกิจกรรมเท่าไหร่นี่นา”

“บังเอิญน่ะครับ พี่ชายพี่เป็นพี่ว้ากตอนที่ธีร์เข้าพอดี” โชติภัทรเป็นฝ่ายตอบเมื่อเห็นว่าจำเลยอีกคนเงียบไป

“เอ๋...ก็ไม่เห็นเกี่ยวเลยนี่คะ”

“โชเลยไปเนียนร่วมกิจกรรมกับวิศวะด้วยน่ะ แล้วจริงๆ วิชาพื้นฐานตอนปี1 ก็เรียนเซคเดียวกันหลายตัว” กันตธีร์อธิบายแบบปัดๆ อย่างไม่ค่อยอยากเอ่ยถึงความหน้าแตกของตัวเอง


กัลยธาอ้าปากจะซักไซ้เพิ่มแต่ฝ่ายคุณพ่อที่เงียบมานานถามตัดขึ้นมาก่อนเลยต้องเงียบไป


“ธีร์จะนอนบ้านหรือเปล่า”

“เอ่อ คงจะไม่ล่ะครับ กว่าจะไปส่งโชที่หอแล้วกลับมาอีก”

“ฉันกลับเองได้ ธีร์ไปนอนบ้านเหอะ” โชติภัทรรีบท้วงทันที

“แต่ฉันเป็นคนลากโชออกมานะ” กันตธีร์ขมวดคิ้วหันไปเถียง

“ไม่หรอกน่า ไม่เป็นไรหรอก” ย้ำพร้อมกับล้วงกุญแจรถขึ้นมาคืนเจ้าของ


“เอางี้สิคะ” เด็กสาวที่นั่งเท้าคางฟังพี่ๆ เถียงกันได้อยู่สักพักเสนอ “ก็ให้พี่โชยืมรถพี่ชายขับกลับหอไปสิคะ แล้วพี่ชายก็กลับบ้านกับพวกเรา ยังไงพี่โชก็เป็นคนขับนี่นา”


ทั้งสองนิ่งไป ก่อนที่ประกาศิตจากคุณนายจะดังตามมา


“ธีร์นอนบ้านเถอะนะ นานๆ ทีจะอยู่กับครบๆ เนอะ” คนเป็นแม่จับแขนลูกชาย “ต้องรบกวนโชแล้วล่ะ เอาตามสะดวกเลยนะคะลูก สะดวกขับรถธีร์หรือกลับเองก็ได้นะคะ”


เป็นอันว่าบ้านนี้มีผู้หญิงเป็นใหญ่ เพราะท้ายสุดก็ไม่มีใครกล้าค้านคำตัดสินจากสาวๆ สักคน


โชติภัทรรับกุญแจกลับไปเปิดรถ ก่อนจะยกมือไหว้ลาพ่อแม่ของอีกฝ่ายแล้วกล่าวลาเจ้าของรถกับน้องสาว กันตธีร์ยืนกอดอกมองรถตัวเองที่ค่อยๆ เคลื่อนออกไปนอกร้าน ก่อนจะหันไปมองน้องสาวที่เข้ามาเกาะแขน


“แปลกจังเลยนะคะ”

“อะไรแปลกหรือคะ?”

“พี่ชายกับพี่โชน่ะสิคะ พูดจากันสุภาพจังเลยเนาะ”


ว่าจบ เด็กสาวก็ผละออกไปเดินขึ้นรถ ทิ้งให้พี่ชายยืนนิ่งค้างอยู่


Action เท่ากับ reaction

ปฏิกิริยามันชักจะรุนแรงมากไปหรือเปล่านะ...




TBC



::TALK::

สวัสดีค่า  :katai4:

เขียนตอนนี้แล้วเขินอาย  :-[ :-[ :-[ 55555 [เอ็งเขินอะไรนะ]

เนื้อเรื่องเหมือนจะคลานกระดึ้บมาก  :katai5: ดูไม่ค่อยไปไหน รอหน่อยนะคะ นายเอกของเราป็นพวกความรู้สึกช้า แต่ก็จะโดนกระตุ้นเรื่อยๆ นี่ล่ะค่ะ

ตอนนี้ไม่รู้จะชวนคุยอะไร คนเขียนอยู่ในวังวนการสอบ[อีกแล้ว]   :a5: อดนอนเป็นวงจรอุบาทว์

งั้นขอตัวไปนอนก่อนนะคะ  :heaven ใครมีอะไรคอมเมนท์คุยกันได้น้าาา อยากตอบอยากคุยยย

ขอบคุณที่ยังติตดามกันนะคะ รักคนอ่านนนน  :กอด1:



::comment::

malula : นับว่าธีร์โชคดีจริงๆค่ะ

quiicheh. : นั่นสิ จีบยังไงดีนะ[เฮ้ย!?] แต่ตอนนี้ก็มุ้งมิ้งจริงๆ ค่ะ คนเขียนชอบ  :-[ 5555

พลอยสวย : สายตลอด ขอโทษนะค้าาาา  :hao5:

Zelsy : เน้ออออออออออออออ  :-[

BeeRY : นี่เลยค่ะ เขามาฉลองด้วยกันนนนน 555555

บ๊ายบายโพ : ซอลมีอะไรขออุบไว้ก่อนละกันนะคะ ส่วนโชนี่คือต่อหน้าธีร์ทำตัวเรียบร้อยไปงั้น 555

iforgive : รอก่อนนะคะ นายเอกเราความรู้สึกช้าาาาา

donutnoi : คนเขียนก็หนับหนุนนนนน

Loste : อัพช้าตลอด ขอโทษนะค้าาา  :hao5:

mild-dy :  :pig2:  :pig4:

AfternoonTea : แบบนี้จะเรียกว่าจีบไหมคะเนี่ย 5555 ขอบคุณค่า

maychan : เขินแทนโช อร๊ายยยย  :-[ 5555 ชอบผชแบบนี้เหมือนกันค่าาา[???] เรื่องนี้คนเขียนอยากให้เป็นอารมณ์จับต้องได้ล่ะค่ะ เลยไม่มีอะไรหวือหวาเลย 555 คนเขียนไม่ได้ชื่อพรีมนะคะ แล้วก็ไม่ได้เรียนที่ม.กลางเมืองด้วยค่า คือจริงๆ แล้วคนเขียนเรียนโรงเรียนแพทย์ที่เป็นโรงพยาบาลน่ะค่ะ ตั้งแต่ขึ้นปี2มาก็ไม่เคยเจอคณะอื่นเลย จนจะพูดภาษาคนทั่วไปไม่ได้ละเนี่ย 5555 แต่ที่เขียนเรื่องนี้ก็ใช้ต้นแบบคล้ายๆ ม.ดังกลางเมืองนั่นล่ะค่า ส่วนข้อมูลก็เที่ยวไล่ถามคนนู้นคนนี้ หลายม.รวมๆกัน[ตามประสาคนไม่เคยสัมผัสชีวิตมหาลัย ฮือออ...] จนเพื่อนผู้ชายเริ่มถามว่า นี่แกจะรู้ไปทำอะไรวะะะ [เขียนนิยายวายน่ะแก ขอบคุณนะ //โดนโบก  :z6:] ไว้จะแอบไปขอข้อมูลหลังไมค์นะคะ ขอบคุณค่า  :pig4: ส่วนเจกับซอลนี่มีแต่คนเชียร์เนอะ แต่ไม่มีอะไรแน่ๆ ค่า คนเขียนมีคู่ให้เจแล้ว 55555 คนเขียนผ่านเมดกับอีอาร์ของปีนี้แล้วค่าา ช่วงที่หายไปนานๆ นั่นแล ยับเยินยิ่งนัก แทบเอาชีวิตตัวเองไม่รอด  :z3: คอมเมนท์ยาวมาก ขอบคุณที่มาคุยกันนะคะ คนเขียนชอบอ่านๆๆ  :impress2:

ขอบคุณทุกคนเลยนะคะ  :กอด1: คุยกันได้น้า คนเขียนชอบคุย  :L2: :L2: :L2:

ป.ล. ตอนหน้าใครรอบทน้องวีอยู่นะ?  :hao3:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 11 [11/07/57 P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 11-07-2014 23:42:46
นี่แบบพาไปเจอพ่อกับแม่ ไม่ธรรมดาอ่ะ
ค่อยๆเรื่อยๆค่ะ ไม่รีบ ลุคโชก็เหมาะกับรุกแบบนี้นะ
จะให้ออกตัวแรงเดี๋ยวธีร์ไก่ตื่น ยิ่งช้าๆอยู่555555
 
ปล.คิดถึงโชธีร์และคนแต่งมากค่ะ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 11 [11/07/57 P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 11-07-2014 23:50:58
จิ้มๆ แปะๆๆๆๆๆ
สู้ๆนะคนเขียน คนอ่านรออยู่ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 11 [11/07/57 P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 11-07-2014 23:51:23
นี่ถือเป็นการเปิดตัวกับพ่อแม่ได้หรือเปล่าเนี่ย :laugh:
ผู้ชายพูดเพราะมีเยอะไปนะน้องธา อย่างน้องชายพี่เป็นต้น เรียกเพื่อนหยาบสุดก็เอ็ง ข้า ไรแบบนี้  :z1:
เรื่องภาษาที่ใช้กันมันไม่น่าสงสัยเท่าความสนิทสนมของสองคนนี้หรอกค่ะ อิอิ :impress2:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 11 [11/07/57 P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 12-07-2014 06:24:03
เดี๋ยวจะมีฉาก โชพาธีร์ไปกินข้าวกับพ่อแม่ที่บ้านไหมอะ สลับกันเปิดตัวไรงี้ 55555
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 11 [11/07/57 P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 12-07-2014 09:39:25
พาลูกเขยไปเปิดตัวซะและ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 11 [11/07/57 P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 12-07-2014 11:41:43
ลืมอ่านเหรอไงหว่าเรา มาอีกทีสามตอนรวด 5555

คู่นี้จะลงเอยกันชาติไหนเนี่ย 5555
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 11 [11/07/57 P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 12-07-2014 22:45:52
เป็นนิยายที่อ่านแล้วรู้สึกดี
ค่อนๆๆเห็นการพัฒนาของตัวเอกในเรื่อง
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 11 [11/07/57 P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 12-07-2014 23:34:40
เอ๊ะ ทำไมเหมือนรู้สึกว่าคุณพ่อคุณแม่ออกอาการหวงลูกชาย
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 11 [11/07/57 P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 14-07-2014 04:37:14
 :m26:..ติดบอลโลกเลยลืมอ่าน ....เย้ๆได้อ่านฉลองแชมป์กับเยอรมัน
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 11 [11/07/57 P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: maychan ที่ 21-07-2014 23:24:13
แหม่ >w< เดินงานหนังสือมุ้งมิ้งเชียว ชอบตอนธีร์รั้งไหล่โชแล้วบอกว่า ไม่รีบ เนี่ยแหละค่ะ แอร๊ยยยยส์  :-[
ตอนอ่านตอนกะลังเดินเข้างานแล้วโชบอกให้ไปเอาแผนที่เนี่ย แว้บขึ้นมาเลยว่า โชจะหยอด 2 บาทมั้ยน้อ 5555+
ไม่คิดว่าจะเขียนถึงด้วย หลุดขำเลยทีเดียว เราก็เคยมีความคิดแบบโชค่ะ ไม่ได้แผนที่เหมือนมาไม่ถึง
สมัยยังเอ๊าะ(?) เราจะจ่อมเฉพาะบูธที่เล็งจะซื้อ ลิสต์มาเป็นหางว่าว แบกกันไหล่ทรุด ก็เลยต้องเอาแผนที่มากำหนดจุดหมายและวางแผนเส้นทาง (จริงจังมากกกกกก 555+)
เดี๋ยวนี้แก่ละ แบกไม่ค่อยจะไหว  :o12: ยอมทยอยซื้อตามร้านเอา ส่วนงานก็ไปเดินดูทั่วๆทุกบูธ เดี๋ยวนี้เลยไม่ได้ไปเบียดฝูงชนเอาแผนที่ละ

เราแอบลุ้นว่า คุณนายแม่จะชวนโชค้างซะอีก......แหม่..... กิกิกิ
อยากเห็นคู่เจแล้ว ใครจะมาดามใจให้หนอ
สู้ๆนะคะ เรียนหนักพักบ้าง เป็นกำลังใจให้ค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 11 [11/07/57 P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: velvetronica ที่ 26-07-2014 00:22:07
13




กฤษณ์มองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกเข้าไม่ถึง

ที่โต๊ะประจำใต้ตึกกลางอันเป็นจุดนัดพบเอนกประสงค์มีสามชีวิตจากภาคไฟฟ้าที่กำลังจับจองอย่างไร้จุดเชื่อมโยง กันตธีร์ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือในขณะที่จิรณัฐกำลังกดมืออย่างตั้งใจและวีรินทร์เอาแต่นั่งเท้าคางเหม่อไปอีกทาง

นี่พวกมันมานั่งด้วยกันเพื่ออะไรนะ?


“อ้าว มาเมื่อไหร่?” กันตธีร์เงยหน้าขึ้นมาเห็นจึงเอ่ยทัก ทำให้คนที่ยืนดูมาสักพักนึกอยากจะเดินไปตบกบาลให้สักที

“ทำไมวันนี้อยู่กันครบได้ล่ะ” กฤษณ์ถามไปอีกเรื่อง วีรินทร์หันมามองเล็กน้อยก่อนจะเบือนหน้ากลับไปจนฝ่ายที่ถามดีๆ รู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมา

“ซอลว่าง กูเลยจะเลี้ยงข้าวขอบคุณ” คุณลูกรายงานทันที

“แล้วไอ้เชี่ยเจล่ะ” บุ้ยหน้าไปทางคนที่เสยผมเงยหน้าจากเครื่องมือสื่อสาร

“มึงเห็นธีร์ที่ไหนก็ต้องเห็นกูอยู่แล้ว” ทำสีหน้าภาคภูมิใจแบบน่าเตะ

“แล้วนี่คือรออะไร?”

“รอพวกมึงสิครับคุณพ่อ มึงคิดว่าให้พวกกูสามคนไปด้วยกันแล้วบนโต๊ะมันจะมีบทสนทนาไหม” อ้อ...ยังนับว่ารู้ตัวอยู่

“อ๊ะ แต่ให้ไปกับธีร์สองต่อสองล่ะฉันพร้อมเสมอนะ”


กฤษณ์เอาอุ้งมือเสยหน้าผากไอ้คนน่าหมั่นไส้หนึ่งทีถ้วนก่อนจะทรุดตัวนั่งลงข้างๆ ลูกชายตัวเล็กที่เก็บหนังสือเงยหน้าขึ้นมาสนทนาภาษาคนได้แล้ว


“รอไปกันเยอะๆ ดีกว่า นานๆ ทีซอลจะมาด้วยกันได้”

“แล้วจะไปกันยังไง”

“ก็รถกูกับเจ” กันตธีร์ตอบทันทีก่อนจะยิ้มค้าง


“เฮ้ยยยย!”


พ่อหมีส่ายหัวพร้อมกับสีหน้าสุดระอาชัดเจน ส่วนคนขี้ลืมก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกทันที


“เกิดอะไรขึ้น?” วีรินทร์หันมาเปิดปากเป็นคำแรกอย่างงุนงง

“มีคนเอารถไปให้คนอื่นยืมแล้วไม่ได้ไปเอากุญแจคืนน่ะสิ ...ถ้าเป็นโจรป่านนี้แม่งเอาไปแยกส่วนขายถึงชายแดนลาวแล้ว” กฤษณ์ประนามเพื่อนแบบจริงใจที่สุด คนถามพยักหน้ารับแล้วก็หันกลับไป แต่อีกคนที่ฟังอยู่เงียบๆ กลับสีหน้าเปลี่ยนไปทันที แต่เขาก็เลือกที่จะมองข้ามไป


“ตกลงว่าไง”

“เดี๋ยวโชแวะเอามาให้ อยู่หอพอดี” กันตธีร์ถอนหายใจอย่างโล่งอก

“ไอ้ขี้ลืม”

“ก็มันยุ่งๆ จนไม่ได้ไปไหน เลยลืมเรื่องนี้ไปเลย”


เพื่อนต่างภาคเริ่มทยอยมาสมทบกันบ้างแล้ว แต่ทุกคนตัดสินใจที่จะรอพิชามณซึ่งส่งข้อความมาโวยวายล่วงหน้า

บทสนทนาเริ่มไหลไปเรื่อยๆ จนกันตธีร์กลับมาเป็นฝ่ายนั่งฟัง นั่งดูเพื่อนแต่ละคนที่เอาแต่เถียงและทะเลาะกันอย่างไร้สาระ อีกไม่ถึงปี...ต่างคนก็ต้องต่างแยกย้ายกันไป คงไม่มีโอกาสแบบนี้อีกแล้ว

ชายหนุ่มกำลังนั่งคิดถึงภาพที่เพื่อนทุกคนจบกันไปตอนที่มีใครสักคนวิ่งเข้ามาเรียก


“ธีร์!! น้องสาวมึงกำลังทะเลาะกับเด็กปี1อยู่ที่หน้าตึก”


กันตธีร์โดนลากให้ตามไปอย่างไม่ทันตั้งตัว กัลยธาเนี่ยนะ!?

ภาพเด็กสาวในชุดนักศึกษาที่ลากแขนเพื่อนผู้ชายคนหนึ่งมาด้วยกำลังอ้าปากเถียงกับนักศึกษาอีกคนที่อยู่เสื้อชอปลอยเข้ามาตอกย้ำความเป็นไปได้ในหัวอย่างรวดเร็ว


“นายจะพูดแบบนี้ไม่ได้นะ!!! ขอโทษเพื่อนฉันเดี๋ยวนี้!!!”

“ทำไมฉันต้องไปขอโทษไอ้ตุ๊ดนั่นด้วย!?”



“ธา!!” คนเป็นพี่ชายรีบวิ่งเข้าไปขวาง “นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?”

“พี่ธีร์...ก็ตาคนนี้มันต่อยเพื่อนธา!” เด็กสาวชี้ที่หน้าของเพื่อนชายที่อยู่ด้วยกันซึ่งมีรอยบวมช้ำชัดเจนตรงโหนกแก้ม

“โว้ย! จะอะไรนักหนาวะ!!!” ฝ่ายที่ตกเป็นจำเลยร้องขึ้นมาอย่างสุดทน “เพื่อนเธอมันก็ตัวผู้เหมือนกัน ต่อยกันแค่นี้มันจะอะไรวะ!!!”

“เอ่อ ใจเย็นๆ ก่อนนะ” กันตธีร์ยกมือห้ามน้องสาวที่อ้าปากจะเถียงกลับ “วีใช่ไหม แล้วมันเกิดอะไรขึ้น เอ่อ...ต่อยกันทำไม”


เด็กหนุ่มที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตามีสีหน้าหงุดหงิดชัดเจน แถมยังดูปกติดีจนน่าจะเรียกว่าไปต่อยเขามากกว่าที่จะ 'ต่อยกัน'


“ไอ้ตุ๊ดนั่นมันมาทำทุเรศกับผมก่อน แค่ต่อยกลับแค่นี้ก็สมกันนี่...จะโวยวายอะไรนักหนา” วีรภัทรพยายามสงบใจอธิบายให้รุ่นพี่ฟังแต่อีกฝ่ายกับแหวขึ้นมา

“พวกผู้ชายนี่เอาแต่คิดว่าคนอื่นจะมาหลงใหลได้ปลื้มตัวเองหรือไง คิดไปเองหรือเปล่าอีตาบ้า!”

“เธอนั่นแหละยัยบ้า! อธิบายให้ฟังก็ไม่รู้จักฟัง!!”

“นั่นเรียกว่าอธิบายหรือไง เอาแต่ว่าคนอื่น เพื่อนฉันเจ็บตัวแท้ๆ!”


กันตธีร์รู้สึกเวียนหัวขึ้นมากระทันหัน ต่างคนต่างโวยวายใส่กันแบบนี้แล้ววันนี้มันจะคุยกันรู้เรื่องไหม แต่ก่อนที่เขาจะตัดสินใจดุทั้งคู่ก็มีเสียงตวาดดังแทรกขึ้นมา


“วี!!”


คนที่จะเอากุญแจรถมาคืนก้าวเร็วๆ เข้ามาด้วยสีหน้าแสดงความไม่พอใจชัดเจน โชติภัทรพาร่างสูงโปร่งมาหยุดยืนต่อหน้าน้องชายที่ตัวเท่ากันแต่ดูหงอลงชัดเจน


“นี่มีเรื่องอะไรกัน เป็นลูกผู้ชายมาตะโกนว่าผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไง”

“แต่...”


วีรภัทรชักสีหน้าแต่เมื่อสบตาคนเป็นพี่ชายก็ต้องก้มหน้าลง

กันตธีร์มองสองพี่น้องอีกคู่แล้วก็ยิ่งปวดหัว เลยหันมาหาน้องสาวตัวเองบ้าง แล้วก็ต้องสะดุดกับท่าทีของเพื่อนน้องสาวที่ดูจะหน้าเสียขึ้นทุกทีๆ

...ทำให้พอจะเดาอะไรๆ ขึ้นมาได้


“ใจเย็นๆ กันก่อนไหม” เขาหันไปมองน้องทั้งสองที่ยังอารมณ์คุกรุ่นแล้วพูดกับคนที่มาใหม่ “เดี๋ยวฉันพาน้องไปคุยทางโน้น ให้อารมณ์เย็นแล้วค่อยมาเคลียร์กันนะ”


โชติภัทรพยักหน้ารับแล้วดึงไหล่วีรภัทรไปอีกทาง ชายหนุ่มจึงจูงมือน้องสาวและเพื่อนให้เดินตามมาที่ใต้ตึกกลาง แล้วพาไปนั่งที่โต๊ะซึ่งว่างอยู่


“เอาล่ะ เราชื่ออะไร เล่าให้พี่ฟังซิ นี่มันเกิดอะไรกันขึ้น” กันตธีร์หันไปพูดกับเพื่อนของน้องสาวที่ปิดปากเงียบสนิทมาตั้งแต่แรก ก่อนจะยกมือห้ามกัลยธาที่จะเปิดปากเล่าเอง “พี่ขอฟังจากเราดีกว่า... เอาเรื่องจริงๆ นะ”

“ผม...ผม...” เด็กหนุ่มผู้มีลักษณะท่าทางออกสาวชัดเจนอึกอัก

“สรุปเราเริ่มก่อนหรือไอ้วีมันเริ่มก่อน”

“พี่ชาย!!”

“ผมขอโทษครับพี่!!!”


เด็กหนุ่มร้องเสียงหลงทำให้กัลยธาที่กำลังจะโวยวายปกป้องต้องหันไปมองเพื่อนอย่างงุนงง จากนั้นจึงเริ่มเล่าว่าเขาเองที่ไปแหย่วีรภัทรก่อน นอกแนวลวมลามเล็กน้อยเพราะเขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะจุดเดือดต่ำกับอะไรแบบนี้ พอโดนต่อยมาแล้วเพื่อนถามก็เลยเล่าให้มันโอเวอร์ด้วยความเสียหน้า


“ไม่คิดว่ามันจะเลยเถิดแบบนี้ ขอโทษจริงๆ ครับ”

“คนที่เราควรจะขอโทษไม่ใช่พี่ แต่เป็นพื่อนเราเองแล้วก็ไอ้วี”


คนทำผิดหน้าเสียหนักกว่าเดิมก่อนจะค่อยๆ หันไปสบตาเพื่อนสาวที่นั่งนิ่งมาตั้งแต่เมื่อครู่ บรรยากาศอึมครึมค้างอยู่ชั่วครู่ก่อนที่เด็กสาวจะยิ้มออกมา


“แบบนี้ฉันก็ผิดเต็มๆ น่ะสิ! โอ้ย!! ต้องไปขอโทษอีตาบ้านั่นเลย” กัลยธาส่ายหัวแล้วก็ถอนหายใจแบบไม่จริงจัง

“ข...ขอโทษจริงๆ นะธา”

“ช่างมันเหอะแก...แต่ไม่เอาอีกแล้วนะ!!! จะบ้าตาย!”


กันตธีร์เห็นน้องทั้งสองไม่ตีกันขึ้นมาให้สถานการณ์เลวร้ายไปกว่าเดิมได้ก็โล่งใจ เขาจึงบอกทั้งคู่ให้นั่งรอก่อน แล้วเดินออกไปตามหาคู่พี่น้องที่ดูจะอารมณ์แรงกว่าจนน่าเป็นห่วง

ชายหนุ่มเดินตามหาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะได้ยินเสียงที่คุ้นหูมาจากทางเดินหลังตึกจึงเดินเข้าไป แต่บรรยากาศที่ยังคุกรุ่นทำให้เขาต้องยืนหลบฉากเป็นผู้ฟังที่ดี


“ไม่รู้ล่ะ! แต่ผมไม่ผิดแน่ๆ ล่ะ!”

“วี! พี่ว่าเรากำลังพูดคนละประเด็น เรื่องที่จะไปต่อยอะไรกันมันก็เรื่องนึง แต่การที่มาตะโกนว่าผู้หญิงแบบนี้พี่ว่ายังไงมันก็ไม่ถูก”

“แต่เพื่อนไอ้ตุ๊ดนั่นมาว่าผมก่อนนะพี่!”

“แต่วีก็ว่าเขาแรงไป พี่จำได้นะว่าที่บ้านเราไม่เคยสอนให้เหยียดใครแบบนี้”

“เออ เอาเข้าไป พูดความจริงก็ไม่ได้ โต้ตอบก็ไม่ได้ ผมไม่ใช่คนดีแบบพี่นี่!”

“วี!!”


“เออสิ พี่จะมาเข้าข้างอะไรผมวะ ก็ต้องเข้าข้างพวกตัวเองอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ! พี่เป็นเกย์นี่!!!”

“วีรภัทร!!!”



กันตธีร์อดจะสะดุ้งไปด้วยไม่ได้กับเสียงตวาดลั่นทำให้ทุกอย่างเงียบลงไป เขายื่นหน้าเข้าไปลอบดูสถานการณ์อีกครั้ง ว่าถ้าหากวางมวยกันจริงจะได้ห้ามทัน แต่ภาพที่เห็นมีเพียงโชติภัทรที่ยืนเม้มปากนิ่ง กับวีรภัทรที่ดูจะหน้าเสียไปเอง


“วีจะคิดยังไงกับพี่พี่ไม่ว่า แต่มันคนละเรื่องกัน...อะไรที่เราทำผิดก็คือทำผิด มันไม่เกี่ยวกับว่าเขาทำผิดก่อนเราหรือมากกว่าหรือเปล่า” คนเป็นพี่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบในที่สุด “พี่รู้ว่าเราก็รู้ว่าตัวเองผิดตรงไหน ไปขอโทษเขาดีๆ ให้มันจบไป”

“ผม...ผม...” วีรภัทรอ้าปากจะพูดก่อนจะตัดสินใจเงียบไปทำให้เกิดความกดดันลอยคลุ้งไปหมด


“อยู่นี่กันเอง” กันตธีร์สูดลมหายใจลึกๆ แล้วตัดสินใจเดินเข้าไปทำลายสูญญากาศความอึดอัดให้กับสองพี่น้องในที่สุด “โทษทีว่ะวี น้องสาวพี่มันอารมณ์ร้อนเองล่ะ ทางโน้นเขาจ๋อยไปแล้ว ช่วยไปฟังคำขอโทษหน่อยแล้วกันนะ”

“เอ้อ...ผมเองก็พูดไม่ดี ขอโทษนะครับ”

“เอ้า ไปๆ ไปคุยกันดีๆ ทางโน้น”


รุ่นพี่คณะผลักน้องปี1ให้เดินนำไปก่อนจะหันมามองฝ่ายพี่ชาย โชติภัทรยกยิ้มจางๆ ให้เหมือนปกติเมื่อรู้ว่าเขากำลังจ้องหน้า แล้วก็ยกมือขึ้นแตะข้อศอกให้เดินออกไปตามกันราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น


หลังจากทั้งสองฝ่ายอารมณ์เย็นลงก็ดูจะเคลียร์กันได้อย่างรวดเร็วไม่น่าเชื่อ น้องผู้ชายต้นเรื่องดูรู้สึกผิดจนตัวหดกลายเป็นตุ๊ดเรียบร้อยแบบฉับพลัน กัลยธาเองก็ยอมรับว่าตนเองเข้าใจผิดแล้วก็ขอโทษแต่โดยดี ฝ่ายวีรภัทรก็ดูจะอ่อนลงมากและยอมขอโทษด้วยอีกคน

สรุปได้ความว่าเรื่องจบแบบสวยงามไร้การนองเลือด คู่กรณีเลยต่างแยกย้ายกันไปตามภาระหน้าที่ทิ้งให้คนไกล่เกลี่ยยืนเคว้ง


“ธีร์” โชติภัทรยื่น ‘ธุระ’ แรกเริ่มมาให้ “กุญแจรถ”

“เอ้อ ขอบคุณมาก”

“ขอบคุณอะไร คนยืมมันทางนี้ ฉันสิต้องขอบคุณ”

“อุตส่าห์เดินมาคืนไง เลยพลอยติดร่างแหซวยไปด้วยกันหมด” กันตธีร์ตอบด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ

“วีมันปากเสีย” คนเป็นพี่บ่นเบาๆ ก่อนจะยิ้มให้อีกที “งั้นไปก่อนนะ อยู่เวร6โมง”

“อื้อ โชคดี”


“โชนี่หล่อจังเนอะ” พิชามณผู้นั่งรออยู่ออกความเห็นทันทีที่อีกฝ่ายเดินห่างออกไป “เป็นเดือนหรือเปล่าเนี่ย”

“ไม่รู้สิ ไว้จะถามให้เอามั๊ย” กันตธีร์ทรุดตัวลงนั่งข้างเพื่อนสาว

“ไม่เอาหรอก ถามไปเขาก็ไม่สนใจแอม”

“แอมออกจะสวย...” ชายหนุ่มค้านก่อนจะชะงักเมื่อนึกถึงสิ่งที่ได้ยินมาเมื่อครู่


‘เออสิ พี่จะมาเข้าข้างอะไรผมวะ ก็ต้องเข้าข้างพวกตัวเองอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ! พี่เป็นเกย์นี่!!!’


“ธีร์นี่น่ารักจังน้า” หญิงสาวพูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยพร้อมกับเอาหัวซบไหล่เพื่อน

“แอม! เจหวงนะ อย่าทำแบบนั้นสิ!” จิรณัฐแทรกตัวเข้ามาในบทสนทนาทันที

“อิจฉาสิ อิจฉา!” พิชามณแลบลิ้นใส่พร้อมกับเอื้อมมือมาควงแขนคนกลางแล้วเอาคางวางบนไหล่

“เดี๋ยวเรตติ้งตกนะแอม” เจ้าของแขนหัวเราะเบาๆ

“แอมไม่เรตติ้งตกเพราะธีร์หรอก” ใบหน้าสวยยิ้มกว้างขวาง


เสียงโวยวายค่อยๆ เคลื่อนที่ไปตามกลุ่มคนขนาดใหญ่ ขนาดวีรินทร์ที่ไม่ค่อยได้คุยกับใครยังอดหัวเราะตามเพื่อนๆ ไปไม่ได้

กันตธีร์ก้มมองหน้าจอมือถือที่ดำสนิท ก่อนจะตัดสินใจเก็บลงกระเป๋ากางเกงเมื่อถูกเพื่อนเรียก ชายหนุ่มยิ้มตอบมุกตลกของเพื่อน ก่อนจะสวนกลับด้วยคำกัดเจ็บๆ เขาหัวเราะ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนมีตะกอนอะไรทิ่มอยู่ในใจ


“มีอะไรหรือเปล่า?” กฤษณ์ช่างสังเกตเสมอ “รอใครโทรมาหรือไง”

“เปล่าหรอก” ส่ายหัว ก่อนจะตัดสินใจโยนมือถือลงใส่กระเป๋าสะพายแทนเป็นการตัดปัญหา





“มึงไปอาบน้ำก่อนเลย”


กันตธีร์หันไปบอกรูมเมทเมื่อกลับถึงหอพัก กฤษณ์เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจแต่ก็เดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวกับตะกร้าแล้วเดินออกไปโดยที่ไม่ถามอะไร

ชายหนุ่มร่างเล็กทิ้งตัวลงนั่งที่ปลายเตียงก่อนจะกดโทรออก สัญญาณปลายสายดังอยู่ไม่กี่ครั้งก่อนที่จะมีคนรับ


“ธีร์” เสียงนุ่มเรียก “ว่าไง มีอะไรหรือเปล่า”

“คุยได้หรือเปล่า”

“ได้ ตอนนี้ไม่มีเคสอะไร ทำไมหรือเปล่า เป็นอะไร?”

“ไม่ได้เป็นอะไร” กันตธีร์โคลงหัวไปมา “แต่จะถามว่าทางนั้นเป็นอะไรหรือเปล่า ทะเลาะกับไอ้วีหรือเปล่า”


ปลายสายเงียบไป ก่อนจะหัวเราะเบาๆ


“ได้ยินด้วยหรือ”

“...เอ้อ ก็...ได้ยิน” กลับเป็นเขาเองอึ้งไปเมื่ออีกฝ่ายถามกลับ

“งั้นหรือ...” โชติภัทรตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสบายๆ “ไม่เป็นไรหรอก”

“ไม่เป็นไรอะไรกัน”

“งั้นธีร์อยากรู้ประเด็นไหน ที่โกรธไอ้วีหรือเปล่า หรือรู้สึกแย่หรือเปล่าเรื่องที่เป็นเกย์”


ความเงียบปกคลุมลงมาอย่างน่าอึดอัด ก่อนที่กันตธีร์จะถอนหายใจ


“อย่าพูดแบบนั้นอีกนะ”

“ก็แค่พูดความจริง”

“มันไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจ เพราะฉะนั้น...อย่าพูดแบบนั้นอีกนะ”


เป็นอีกครั้งที่เงียบไปทั้งคู่ กันตธีร์เอนหลังลงไปนอนกับเตียงรอคอยคำตอบจากอีกฝ่าย


“ขอโทษ” โชติภัทรเอ่ยขึ้นมาในที่สุด “จริงๆ ก็...รู้สึกแย่...นิดหน่อย”

“ไม่เป็นไร ช่างมันเถอะ”

“ขอบคุณนะ”

“อื้อ”


ช่องว่างในบทสนทนาเกิดขึ้นอีกครั้งแต่บรรยากาศดีขึ้น


“...ธีร์ไปทำงานเถอะ”

“ไล่กันหรือ”

“เฮ้ย แค่ไม่อยากรบกวนเฉยๆ”

“ล้อเล่น” กันตธีร์หัวเราะ “ไปอยู่เวรไป”

“ครับๆ ...ขอบคุณนะธีร์”


ปลายสายวางไปสักพักแล้ว แต่กันตธีร์ยังคงนอนขดตัวอยู่บนเตียงโดยที่ไม่ได้อาบน้ำ


ก็แค่รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาบ้าง...เท่านั้นเอง




TBC


::TALK::

//ปาดเหงื่อ

กลับมาแล้วค่าาาาาาาาาา คิดถึงกันม๊ายยยยยย  :กอด1: [โดนคนอ่านเขวี้ยงรองเท้า] ตอนนี้ยาวนะคะทุกโค้นนนน [แก้ตัว]

คนเขียนเพิ่งสังเกตว่าตอนนี้คือตอนที่13.............................................นิยายบ้าอะไรผ่านมา13ตอนยังไม่เป็นแฟนกัน!!! [กรีดร้องใส่ตัวเอง :katai1:]

แต่คิดว่าจากนี้เรื่องจะเริ่มเดินเร็วขึ้นเพราะสองหนุ่มของเราดูจะฟรุ้งฟริ้งกันพอประมาณแล้ว[???]  :-[

ใครอ่านตอนนี้อย่าเพิ่งเอาเท้าลูบหน้าน้องวีกันนะคะ! น้องวีเป็นเด็กดี[?]ค่ะ ต่อไปอาจจะได้เห็นมุมของคุณพี่ชายน้องชายคู่นี้บ้าง [พูดแบบนี้แล้วมันดูแปลกๆชอบกล...]

เจอกันตอนหน้านะค้า จะพยายามมาให้สม่ำเสมอเน้อ รักคนอ่านค่าาาา  :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:


::comment::

quiicheh. : เป็นการเจอพ่อแม่แบบไม่มีอะไรในกอไผ่มากๆเลยค่ะ 5555 คนเขียนก็คิดถึงคนอ่านนน  :sad4: วังวนการเรียน-สอบมันโหดร้ายยิ่งนัก

Sorso : ขอบคุณนะคะะะะ  :กอด1:

BeeRY : น้องธาเป็นสาววายค่ะ 55555 [อุ ติดแท็กสปอย] คาดว่าคุณน้องอาจจะจิ้นไปไกลเองแล้ว

Zelsy : อันนั้นคงอีกนานค่ะ 555 ให้ธีร์มันรู้ก่อนเถิดว่าโดนจีบ

iforgive : เปิดตัวแบบบริสุทธิ์ใจสุดๆอ่ะค่ะ 55555

Whatever it is : กรี๊ดดดด ชาตินี้แน่นอนค่าาาาาาา  :hao5: //เริ่มสงสัยเหมือนกันว่าตัวเองเขียนอะไรอยู่

sweetbasil : ขอบคุณนะคะ รอดูการพัฒนาของสองคนนี้ไปด้วยกันเนอะ

malula : ออกแนวจะเอาลูกกลับบ้านน่ะค่ะ 555

พลอยสวย : คนเขียนก็เป็นสมาคมแม่บ้านเยอรมันค่ะ!! //ฟิน 5555 [แต่แทบไม่ได้ดูเลย ฮืออออ]

maychan : คนเขียนก็เหมือนกันเลยค่ะะะะ แต่ก่อนซื้อเยอะม๊ากกกก [จนที่บ้านถามว่าจะเอาไปถมที่เรอะ] แต่เดี๋ยวนี้ก็เดินๆ ซื้อนิดๆหน่อยๆ ก็กลับละ [รู้สึกแก่ชะมัด 555] ส่วนคู่ของเจคงจะไม่ได้มาโผล่ในเรื่องนี้อ่ะค่ะ คิดว่าจะมีเป็นเรื่องสั้นแยกออกไปหลังจากที่เขียนเรื่องนี้จบ [คนเขียนอยากเขียนมาก แต่ไม่กล้าเพิ่มภาระให้ตัวเอง 5555] ขอบคุณนะคะ  :กอด1:

ขอบคุณทุกคอมเมนท์เลยนะคะ  :pig4: คนเขียนคิดถึงคนอ่านและโช-ธีร์มากๆเหมือนกัน ขอบคุณที่มาคุยกันนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 13 [26/07/57 P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 26-07-2014 00:41:48
ฝ่ายธีร์ได้ปลอบหมอโชบ้าง
น้องวีนี่อารมณ์ร้อนปากเร็วจริง
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 13 [26/07/57 P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 26-07-2014 02:44:37
เดี๊ยววววววววววววววววววววววววว
คุณโชติภัทรนี่เค้าดีทุกสถานภาพจริงๆค่ะ
ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายคนนึงหรือพี่ชายที่สั่งสอนน้อง
หูยยยยยยยยยผชคนนี้มัน!!! ธีร์ต้องคว้าไว้นะ!!!!

แอบตกใจเหมือนกันตอนที่วีพูดใส่โชแบบนั้น
ฟีลคือเห้ยสุดหล่อตูเกย์เพราะธีร์หรือเกย์จริงๆฟะกร้าก
แต่อย่างไงก็เลิ้บๆโชค่ะ ขอโชโคลนนิ่งงงงงอิอิ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 13 [26/07/57 P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: miho ที่ 26-07-2014 03:05:33
กว่าธีร์จะรู้ว่าโดนจีบคนอื่นเค้ามองออกหมดแล้ว น่าสงสารโชเสียยิ่งกว่าอะไรเพราะตัวเล็กของพ่อหมีไม่สนใจรอบข้างแถมยังซื่อบื้ออีก  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 13 [26/07/57 P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 26-07-2014 03:07:25
 :m26: :m26:..เค้าชอบน้องวีอ่ะ โยนมาทางนี้พร้อมดูแลแล้ว อิอิ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 13 [26/07/57 P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 26-07-2014 07:21:07
ตอนน้องวีว่าเรื่องโชเป็นเกย์ อ่านแล้วใจสั่นเลย สงสารโชอ่ะ :hao5:
แต่ดีที่มีกำลังใจดีจากธีร์ อิอิ :o8:
เป็นห่วงกัน คิดถึงกันขนาดนี้ แต่ยังไม่รู้ใจตัวเอง ไม่เป็นไร เหมือนความรู้สึกมันค่อยๆพัฒนา  :impress2:
รออ่านตอนต่อไปค่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 13 [26/07/57 P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 26-07-2014 18:02:39
ฮู้ยยย ถ้าธีร์รู้สึกตัวช้า ก็ให้มันจีบเองเลยดิ๊ 55555

ป.ล. เด็กๆทะเลาะไรกัน ผู้ใหญ่เขาจะ(พยายาม)จีบกันอยู่ 555
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 13 [26/07/57 P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: Raiwyn ที่ 26-07-2014 20:04:18
โชรุกเลยยยยเอาใจช่วย :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 13 [26/07/57 P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: velvetronica ที่ 08-08-2014 22:34:39
14




เป็นช่วงเที่ยงของวันพุธแล้วที่โทรศัพท์มือถือข้างเตียงร้องโวยวายขึ้นมาจนเจ้าของตื่น กันตธีร์โงหัวขึ้นมาจากหมอนด้วยความรู้สึกง่วงงุนจนลืมตาแทบไม่ขึ้น เมื่อคืนเขาเร่งทำงานจนถึงเช้าเพิ่งจะได้ล้มตัวนอนจึงรู้สึกอยากจะกดตัดสายทิ้งถ้าไม่เห็นชื่อที่เรียกเข้าเสียก่อน


A.itthinon


ชายหนุ่มสะดุ้งตัวขึ้นมานั่งทับขาอย่างรวดเร็ว สมองตื้อๆ ถูกกระชากให้ตื่นตัวทันที พอๆ กับหัวใจที่เต้นแรงขึ้น ประสบการณ์ครั้งล่าสุดที่รับสายนี้ดูจะไม่ใช่เรื่องน่าประทับใจเสียจนเขารู้สึกหลอน

กันตธีร์กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอก่อนจะกดรับ ผู้เป็นอาจารย์ทักทายมาด้วยเสียงสบายๆ ทำให้พอจะหายใจหายคอได้สะดวกขึ้น อีกฝ่ายถามถึงความสะดวกก่อนจะพูดถึงโปรเจคที่เข้าใกล้โค้งสุดท้ายอีกสองสามคำ แล้วจึงเข้าเรื่องที่เขาไม่คาดคิด


“วีรินทร์มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”


ชายหนุ่มขมวดคิ้วกับคำถามนั้น เขาเองก็ไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของเพื่อนคนนี้เท่าไรนัก ช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่มีใครเจอวีรินทร์ที่คณะ หรือแม้แต่ที่ห้องภาค...แต่นั่นก็เป็นเรื่องปกติ

อิทธินนท์เล่าว่าลูกศิษย์ที่เขาถามหาไม่มีความคืบหน้าของโปรเจคมาเกือบเดือนแล้ว ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นก็ไม่เคยมีปัญหา พอถามไปก็ไม่ได้เหตุผลที่รับได้กลับมา เรื่องนี้กลับทำให้กันตธีร์ประหลาดใจได้จริง เพราะวีรินทร์เป็นคนที่เรียนดีมาก ถึงแม้จะชอบโดดเรียน แต่เรื่องงานหรือคะแนนสอบก็ไม่เคยบกพร่อง หรือจะเรียกว่าสมบูรณ์แบบจนมองข้ามเวลาเรียนที่หายไปไดัเลย


“ผมอยากรู้ว่าวีรินทร์มีปัญหาอะไรและต้องการให้ผมช่วยอะไรหรือเปล่า ผมอยากให้ลูกศิษย์ทุกคนได้จบในปีนี้อย่างไม่มีปัญหา” คนเป็นอาจารย์กล่าวอย่างเป็นกังวล

“ผมจะลองติดต่อวีรินทร์ดูนะครับอาจารย์”


กันตธีร์รับคำก่อนจะวางสาย เขาตัดสินใจขอตัวช่วยสำหรับเรื่องนี้ แต่พอชะเง้อไปหาคนที่น่าจะรู้เรื่องเพื่อนๆ ดีที่สุดก็พบแต่ซากหมีตายขึ้นอืดอยู่ใต้กองผ้าห่ม...อันเป็นผลพวงจากวังวนปั่นโปรเจค

ชายหนุ่มเอามือลูบหน้าลูบตา ชื่อเดือนธันวาคมที่ใกล้เข้ามาบนปฏิทินทำให้ปวดใจไม่น้อย พวกเขาเหลือเวลาอีกเดือนกว่าที่ทุกอย่างจะต้องพร้อมในการนำเสนอ ก่อนจะรอผลพร้อมกับการปั่นเล่มให้ทันก่อนปิดภาคและสอบอีกสองตัวเพื่อจะได้ทำเรื่องจบให้ทัน


ไว้ตื่นแล้วค่อยถามก็ได้มั้ง...เขายักไหล่ให้กับตัวเอง


โทรศัพท์มือถือดังขึ้นอีกครั้งขณะที่กำลังจะเดินไปอาบน้ำ คราวนี้กฤษณ์พลิกตัวอย่างรำคาญ กันตธีร์จึงรีบกดรับแล้วเดินออกไปที่ระเบียงแคบๆ


“ว่าไง”

“...อยู่ไหนเนี่ย ทำไมเสียงดัง”

“ระเบียง หมีมันนอนอยู่เลยออกมาคุยข้างนอก”

“อ้อ...”


กันตธีร์หยีตามองออกไปข้างนอก หน้าหนาวของสยามประเทศไม่ได้มอบอะไรให้เลยนอกจากท้องฟ้าที่กลายเป็นสีฟ้าสดใสไร้เมฆกับแดดเปรี้ยงๆ ร้อนๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระเบียงแคบที่มีคอมเพรสเซอร์แอร์ตั้งอยู่


“นี่ว่างหรือไง”

“ว่าง” ปลายสายหัวเราะ เพราะนานๆ ทีจะมีช่วงที่ได้อวดกับเขาบ้าง “ธีร์ก็ไม่มีเรียนนี่ ไปดูหนังกันไหม”

“มีอะไรให้ดูด้วยหรือ” กันตธีร์ถามกลับ เขาหายง่วงไปแล้วกับการที่โทรศัพท์เข้าสองรอบ


โชติภัทรพูดชื่อหนังรักฝรั่งเศสที่เพิ่งได้รับรางวัลแต่ดูจะไม่เข้ากับรสนิยมของทั้งคู่เท่าไร ซึ่งอีกฝ่ายก็อธิบายถึงประเด็นด้านการใช้สัญลักษณ์และการตีความสังคมที่แทรกอยู่ในเรื่องนี้ตามที่ได้อ่านสปอยล์ในอินเตอร์เนตจึงเกิดอยากดูขึ้นมา


“ไม่ดีกว่า...ว่าจะเข้าคณะไปทำงานตอนบ่าย” กันตธีร์ชั่งใจอยู่แค่นิดเดียวก่อนจะปฏิเสธไป

“อ้อ ไม่เป็นไร” อีกฝ่ายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถามต่อ “กินข้าวหรือยัง”

“เพิ่งตื่น” ตอบพร้อมกับบิดขี้เกียจ

“รีบไปหาอะไรกินไป เดี๋ยวปวดท้อง” ว่าที่คุณหมออดกล่าวเตือนไม่ได้

“สายไปแล้วล่ะ” กันตธีร์หัวเราะพลางลูบกระเพาะที่เริ่มบิดตัวไปมาเรียกร้องอาหาร “ยังจะไปห้างอยู่หรือเปล่า?”

“ทำไมหรือ”

“อยากไปหาอะไรดีๆ กินแล้วก็แวะซื้อของหน่อย” เขาคิดรายการอย่างรวดเร็วก่อนจะเอ่ยสำทับ “แต่ไม่ดูหนังนะ”

“โอเค อีก15นาทีเจอที่รถแล้วกัน”


++++++


กันตธีร์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความรับรู้ต่อสิ่งรอบตัวต่ำ

กฤษณ์เคยกล่าวว่าสัญญาณเตือนภัยในตัวเขาคงพังไปแล้ว แถมประกันก็ไม่มี จะเปลี่ยนเครื่องก็ทำไม่ได้ จะซ่อมก็ยังหาอะไหล่ที่ใส่ได้ไม่เจอ เลยต้องทำใจอย่างเดียว


“รองท้องไปก่อน”


ชิฟฟ่อนเค้กในห่อกระดาษถูกโยนมาให้ก่อนที่คนขับจะเข้าเกียร์ออกรถ


“เอามาจากไหน” เจ้าของรถตัวจริงที่นั่งสบายอยู่ที่นั่งข้างเอ่ยถามพลางแกะห่อ

“ญาติคนไข้เอามาให้เมื่อเช้า” โชติภัทรตอบ ก่อนจะเสริมเมื่ออีกฝ่ายชะงัก “เอามาเยอะมาก กินกันทั้งวอร์ดก็ไม่หมดหรอก”


กันตธีร์ชั่งใจก่อนจะกัดเข้าไปคำนึง รสหวานน้อยๆ แผ่ไปทั่วลิ้น ทำให้ยิ่งรู้สึกหิวมากขึ้นชอบกล ชายหนุ่มยัดทั้งหมดลงคอไปในเวลาอันรวดเร็วจึงเริ่มรู้สึกหิวน้ำขึ้นมา

และโดยที่ไม่ได้ร้องขอ เมื่อรถแล่นมาจอดติดไฟแดง ขวดน้ำจากประตูฝั่งคนขับก็ถูกยื่นมาให้ทันที


“ขอบใจ”


โชติภัทรยิ้มรับทำให้คนมองรีบเสมาจ้องมือตัวเอง


...บางทีสัญญาณเตือนพังๆ ของเขาก็ทำงานขึ้นมาได้บ้างเหมือนกัน






ทั้งคู่ตรงไปร้านเนื้อย่างทันทีที่ถึงสรรพสินค้าใหญ่ใกล้มหาวิทยาลัย กลางวันของวันธรรมดาไม่มีคนมากนักจึงสามารถเข้าไปกินได้เลย และทันทีที่ก้นแตะเก้าอี้ลิสต์อาหารยาวเหยียดถูกร่ายออกมาแบบไม่ต้องดูเมนูจากคนที่หิวจนตาลาย ทำเอาพนักงานตั้งตัวไม่ติดทวนรายการใหม่ไปถึงสองรอบ


“เฮ้ยโช”


กันตธีร์เงยหน้ามองตามเสียงที่ถูกดัดให้สะกิดบาทาอย่างยิ่งยวด ชายในชุดนักศึกษาเดินตรงเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก คนถูกเรียกขมวดคิ้วแต่ยังไม่ทันที่จะทักกลับประโยคถัดไปที่ยิ่งกวนตีนหนักข้อก็ดังตามมา


“ทีตอนกูชวนมึงไม่มานะ” ฝ่ายนั้นยักคิ้ว “ไหนบอกไม่อยากกินเนื้อย่าง”

“กูแค่ไม่อยากกินข้าวชามเดียวกับหมาในปากมึง”


โชติภัทรสวนกลับฉับพลันทำเอากันตธีร์สะอึกแทน แต่คนถูกด่าจริงๆ กลับหัวเราะลั่น


นี่เป็นอีกหนึ่งความจริงที่เขาเพิ่งค้นพบเมื่อไม่นานมานี้...โชติภัทรเป็นผู้ชายปากจัดอย่างร้ายกาจ ซึ่งไม่เข้ากับบุคลิกภาพภายนอกที่ดูสุภาพเรียบร้อยแม้แต่นิดเดียว

กันตธีร์สัมผัสสิ่งนี้ครั้งแรกตอนที่ไปซื้อของด้วยกัน เมื่อเขากำลังหยิบเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตตัวหนึ่งขึ้นมาดูแล้วหันไปถามความเห็น โชติภัทรยิ้มตอบเมื่อคนขายยืนอยู่ด้วย แต่ทันทีที่คล้อยหลังไปจนพ้นรัศมีการได้ยิน ชายหนุ่มก็พูดด้วยสีหน้าปกติว่า


“เอาลายที่มันใหญ่กว่านี้ดีไหม ตัวนี้มันดู...” เว้นวรรคอย่างพิจารณา “ตัดอ้อยน่ะ”


ทำเอาเก็บกลับเข้าราวแทบไม่ทัน...


โชติภัทรหันไปถามถึงเพื่อนคนอื่นก่อนจะโบกมือให้โต๊ะใหญ่ที่อยู่ห่างออกไป คนที่แวะมาทักจึงหันมาคุยกับกันตธีร์แทน


“ธีร์ใช่ไหม” อีกฝ่ายยิ้มกว้างขวางเมื่อเขาพยักหน้ารับ “ขอบคุณที่ให้ติดรถกลับนะ”

“หืม” คนถูกขอบคุณเลิกคิ้วอย่างงุนงง

“หลายเดือนแล้ว ที่กูเมาปลิ้นแล้วโชมันแบกกูติดรถมึงกลับหอไง”


กันตธีร์ร้องอ๋อทันที แม้ว่าเขาจะจำหน้าอีกฝ่ายไม่ได้เลยก็ตาม อดีตผู้โดยสารแนะนำตัวว่าชื่อ จิรัสย์ หรือเรียกว่า จี ก็ได้ ทั้งคู่คุยกันอีกไม่กี่คำก็เดินกลับโต๊ะไปเมื่อพนักงานมาเสิร์ฟอาหาร


“รูมเมทน่ะ” โชติภัทรอธิบายแบบได้ใจความ ก่อนทั้งคู่จะลงมือจัดการกับอาหารตรงหน้า


นี่เป็นการกินเนื้อย่างที่อนามัยที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของกันตธีร์ เพราะโชติภัทรทั้งเขี่ยตรงที่ไหม้จนดำออก แล้วก็ขอเปลี่ยนเตาทันทีที่เริ่มดำ โดยยังไม่นับถึงการเอาตะเกียบตีมือเขาเมื่อเขากำลังจะเอาตะเกียบที่เพิ่งคีบเนื้อดิบมาพุ้ยข้าว

หลังจากใช้เวลาไม่นานในการจัดการของกินทั้งคู่ก็ลุกไปก่อนกลุ่มเพื่อนของโชติภัทรซึ่งมาก่อน


“จะไปซื้ออะไรก่อน”


กันตธีร์ชี้ไปทางร้านเครื่องเขียนขนาดใหญ่ คนถามก็พยักหน้าแล้วเอานิ้วแตะข้อศอกดันให้เดินนำไปก่อน โชติภัทรเรียนรู้ที่จะเดินตามกันตธีร์อยู่ครึ่งก้าวเสมอเมื่อไปไหนมาไหนด้วยกัน เพราะทันทีที่เขาเดินนำก็จะเผลอเดินเร็วโดยไม่ได้ตั้งใจ

คนจะซื้อของเดินเข้าออกตามล็อคต่างๆ แล้วหยิบสิ่งที่ต้องการอย่างรวดเร็ว ก่อนจะชวนฝ่ายที่มาด้วยกันเดินลงไปซื้อของเข้าหอที่ซูเปอร์มาร์เก็ตต่อ


แล้วกันตธีร์ก็ได้แปลกใจอีกครั้ง


“ถุงเติมของสบู่ยี่ห้อนี้จริงๆ มันแพงกว่าซื้อขวดใหม่นะ ลองหารเป็นราคาต่อมิลลิลิตรสิ”โชติภัทรชี้ประเด็น “แบบนี้ถูกกว่าแถมยังได้ขวดใหม่ด้วย”

“ลดโลกร้อนไง ประหยัดขวด” เขาตอบ แต่ก็เปลี่ยนของในรถเข็นจากแบบถุงเติมเป็นขวดปั๊มขนาดใหญ่ “เหมือนน้ำมัน จริงๆ แก๊สโซฮอล์มันต้องแพงกว่าน้ำมันธรรมดาแบบต่างชาติ คนไทยต้องรู้จักลงทุนเพื่อรักษ์โลกนะ”

“ไว้หาเงินใช้ได้เองจะช่วยรักษ์โลกแล้วกันนะ” คนที่อีกหลายปีกว่าจะเรียนจบยักไหล่ก่อนจะเข็นรถเข็นไปที่ล็อคถัดไป





ด้วยการทำเวลาอย่างรวดเร็ว โชติภัทรก็ถอยเจ้ามาสด้า2สีควันบุหรี่เข้าที่จอดประจำหลังหอได้ในเวลาบ่ายสองกว่าๆ นักศึกษาแพทย์ยื่นกุญแจรถคืนให้เจ้าของ ก่อนจะถือของตัวเองเดินแยกขึ้นหอไป

ฝ่ายกันตธีร์ก็หอบเอาข้าวของที่ซื้อมาขึ้นไปบนห้องบ้าง เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปก็พบกับรูมเมทที่ฟื้นคืนชีพแล้วแต่ยังคงดูยับยู่ยี่อยู่พอประมาณ


“ซื้อสเต๊กมาให้” กฤษณ์ตะครุบถุงที่มีกลิ่นหอมฉุยทันทีที่เขายื่นให้ก่อนจะโดนย่นจมูกใส่

“ไปกินเนื้อย่างมาหรือ”

“ใช่ เติมพลังงานให้กับการดำรงชีวิต” คนตัวเหม็นไหวไหล่อย่างไม่สนใจ

“ไปกับใครมา...” เขาอ้าปากจะตอบแต่คนถามกลับแทรกขึ้นมาเอง “ไม่ต้องตอบหรอก กูถามไปงั้นแหละ”


กันตธีร์เลือกที่จะไม่ตอบโต้อะไรกับปฏิกิริยานั่น แล้วเดินไปเก็บของเข้าตู้เสื้อผ้าแทน


“นี่ตัวเล็ก” คนตัวใหญ่เริ่ม “กูว่าโชติภัทร...”

“มึงรีบกินข้าวเหอะ เดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะ” เขาตัดบททันที

“อ้อ เดี๋ยวนี้ต้องรู้จักโรคอะไรเยอะขึ้นด้วยสินะ” กฤษณ์ขมวดคิ้ว

“...กูไม่อยากทะเลาะกับมึงนะคุณพ่อ” คนโดนเหน็บวางของในมือแล้วหันมาสบตาพร้อมกับตอบกลับเรียบๆ

“...โอเค กูขอโทษ กูแค่เป็นห่วง” ฝ่ายที่ปากไวยกมือยอมรับผิด “มึงจะเอายังไงกั...”

“อย่าพูดอะไรเลย” และก็เป็นอีกครั้งที่เขาต้องชิงตัดบท

“ธีร์”


กันตธีร์จำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่โดนเรียกชื่อจากเพื่อนคนนี้คือเมื่อไร แต่มันต้องเป็นสถานการณ์ที่จริงจังมากจนความใจดีของกฤษณ์ไม่สามารถช่วยเหลือได้แล้วจริงๆ

เสียงโทรศัพท์มือถือของกันตธีร์ดังขึ้นทำลายความตึงเครียดที่อบอวลอยู่ ปลายสายก็คือคนที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ โชติภัทรโทรมาบอกว่ามีของของกันตธีร์ปนมาในถุงของตน เดี๋ยวจะเอามาให้ใต้หอ


กฤษณ์มองเพื่อนสนิทคุยโทรศัพท์ด้วยความรู้สึกหลากหลาย เขารู้ว่าทั้งสองคุยกันผ่านโทรศัพท์มากขึ้นในช่วงหลังๆ แทนการคุยlineแบบเดิม ชื่อของโชติภัทรลอยเข้ามากระทบหูบ่อยขึ้นๆ พอๆ กับที่เพื่อนของเขาหายตัวไปแม้งานจะยุ่งมากขึ้นเครียดมากขึ้น

กันตธีร์กดวางสายแล้วเดินออกไปนอกห้องทันที เขาจึงตัดสินใจพูดขึ้นมาอีกครั้ง


“มึงจำเรื่องสัญญาณเตือนภัยได้ไหม”


เพื่อนสนิทที่สุดในชีวิตถาม


“กูว่ามันคงไม่เสียหรอก แต่มึงนั่นแหละที่ปิดมันเอง”


คนฟังกำลูกบิดประตูแน่นก่อนจะปิดประตูดังโครมจนลั่นไปทั้งชั้น พร้อมกับความหนักใจของคนที่คอยเฝ้ามอง




TBC



::TALK::

สวัสดีค่าาาาา  :mc4:

ตอนนี้มันดูอึมครึมอย่างไรก็ไม่ทราบ  :sad11: แต่นี่ก็ใกล้เข้าสู่ช่วงสีฟ้าหม่นๆ กันแล้วล่ะค่ะ

จริงๆ ธีร์ก็ไม่ใช่พวกความรู้สึกช้าซะทีเดียวหรอกค่ะ ส่วนโชก็ไม่ใช่คนดีเพอร์เฟคอะไรขนาดนั้น 5555

ตอนนี้รู้สึกว่าคิดผิดหน่อยๆ ที่ตัวเอกอยู่คณะวิศวะ 55555 คนเขียนพยายามหาข้อมูลเรื่องโปรเจค เนื้อหาการเรียน และรายละเอียดใดๆ จากเพื่อนๆ[ที่สงสัยเป็นกำลังว่าจะเอาไปทำอะไร :mew5:] รู้สึกว่าพยายามทำความเข้าใจแล้วแต่มันก็ยังไม่อินจริงๆง่ะ เรื่องหน้าเขียนชีวิตนักศึกษาแพทย์ซะดีมั๊ยเนี่ย  :z3:

จริงๆ ที่ธีร์เรียนวิศวะก็เพราะช่วงที่เริ่มเขียนไปคุยกับเพื่อนที่เรียนวิศวะมาค่ะ คนเขียนชอบฟังเรื่องชีวิตการเรียนการทำงานของเพื่อนๆ แต่ละอาชีพมากเลย หรือบางทีตรวจคนไข้ก็ชอบฟัง บางทีคุณลุงคุณป้าเล่าชีวิตให้ฟัง หรือคนไข้วัยเดียวกันเล่าเรื่องการเรียนการงานให้ฟัง หรือนิยายหลายๆ เรื่องที่เคยอ่านเช่น 'ใส่รักป้ายสี' หรือ 'gayscale magazine' คนเขียนชอบอ่ะะะ แบบฟัง/อ่านแล้วมันจะได้ฟีลลิ่งแบบ โห เบื้องหลังเขาทำงานกันแบบนี้นะเนี่ย หรือ มันเจ๋งมากเลย ใครที่ทำงานแบบนี้มันเจ๋งสุดๆเลย! หรือ ถ้าเกิดว่ามีความสามารถด้านนั้นด้านนี้นะ จะเรียนอันนี้ให้ได้เลย!!  :fire: (คนเขียนเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีปัญหากับวิชาสายศิลป์เข้าขั้นร้ายแรง คาดว่าสมองซีกขวาคงง่อยมากๆ)

ดังนั้นตัวละครในเรื่องนี้หรือเหตุการณ์ในเรื่องนี้หลายๆส่วนก็มาจากคนรอบตัว ประสบการณ์ที่มีคนเล่ามา หรือมุมมองต่างๆ จากคนอื่นค่ะ เพราะงั้นอ่านแล้วคิดอะไรยังไงคุยกันได้เลยนะคะ คนเขียนชอบอ่านมากกกกกกกกกกกกก 5555555

เจอกันอีกทีตอนหน้านะคะ จะพยายามปั่นเต็มทีเลยค่าาาา  :katai4: :katai4:

เลิฟคนอ่านนนน  :mew1:


::comment::

malula - จริงๆ บ้านนี้ปากเสียทั้งบ้านค่ะ 5555

quiicheh. - แน่นอนเลยค่าาาาาาา[?] พระเอกของเรามันพระเอกจริงจริ๊ง 555555555555 โชโคลนนิ่งนี่ถ้ามีจริงๆ คนเขียนก็อยากด้ายยยยย  :impress2:

miho - ก๊ากกกกก ซื่อบื้อเลยหรอคะะะะะ จริงๆ ก็ไม่ขนาดนั้นนะคะ 5555

พลอยสวย - คนเขียนก็ชอบบบ เราต้องแย่งกันแล้วล่ะค่ะ  o18

BeeRY - มันเป็นประเด็นอ่อนไหวเนอะ ธีร์เองก็เริ่มสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงแล้วล่ะค่ะ

Zelsy - เป็นไอเดียที่ดีมากค่ะ!!  o13 [ธีร์ : เฮ้ย!?!??] 55555

Raiwyn - กองเชียร์พระเอกเราเหนียวแน่นจริงๆค่ะ!

ขอบคุณทุกคอมเมนท์เลยนะคะ รักมากมายยยย :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 14 [08/08/57 P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 08-08-2014 23:22:59
เป็นไรกันเหรอ ถ้าโชจะจีบธีร์จริง ๆ
เกิดอะไรขึ้นกับซอลคนสวย
ปล.ชอบเจ ใครไม่เอาเค้าขอนะ คิคิ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 14 [08/08/57 P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 09-08-2014 21:35:28
นี่พ่อหมีไม่ชอบโชหรอ ไม่น๊าาาาาาา
ธีร์อย่าคิดมาก ใจเย็นๆนะ
แอบเครียดเวลาเพื่อนพูดเรื่องโชละธีร์จะปัดๆ

เอาเป็นว่าติดตามค่ะ อยากรู้เรื่องราวอิอิ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 14 [08/08/57 P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: บ๊ายบายโพ ที่ 09-08-2014 21:51:58
พ่อหมีไม่ชอบโชเหรอ พูดเหมือนโชมีอะไรสักอย่าง  :ruready
หรือโชจะมีด้านมืดที่เก็บงำไว้?
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 14 [08/08/57 P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 09-08-2014 22:32:50
ธีร์ดูเป็นคนมีอดีตขึ้นมาเลย :z3:
พ่อหมีจะพูดอะไรกับธีร์กันนะ แล้วกับโชนี่จะห้ามเหรอ หรือว่าไง :katai1:
ตอนต่อไปจะมาเมื่อไหร่น้าาาา รอๆๆๆๆๆ :impress2:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 14 [08/08/57 P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: jaomaeysadid ที่ 10-08-2014 00:51:32
เยี่ยมเรยยยย มาอ่านตอนกำลังเข้มข้น มันยิ่งทำให้ลงแดงอยากอ่านมากกว่าเดิม :a5:
อัพยังไงคะ หมายถึงกี่วันอัพไรงี้จะได้กด F5 รัวๆวันนั้น
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 14 [08/08/57 P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 10-08-2014 09:10:51
แค่ห่วงใช่ไหม หรือมีอะไรมากกว่านั้น
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 14 [08/08/57 P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 10-08-2014 09:47:04
คุณพ่อหวงลูกสาวหรอคะ  :katai3:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 14 [08/08/57 P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: velvetronica ที่ 12-09-2014 22:21:34
15



"มึงคิดว่าอะไรที่จะทำให้ผู้ชายสักคนกลายเป็นเกย์"


จิรณัฐมองหน้าคนถามผ่านแสงไฟสลัว ก่อนจะตอบไปโดยอัตโนมัติ


"เร้าใจมั้ง"

"ไอ้สัด เอาดีๆ"

"นี่ไงดีๆ ถ้าได้ผ่านกูสักคืนรับรองร้อยทั้งร้อยไม่มีเทิร์นกลับ"


กฤษณ์สะบัดนิ้วกลางใส่แบบไม่มีเกรงใจ แต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะชอบใจ


"ใจเย็นหมี อย่าซีเรียสนักสิวะ"

"สรุปมึงลากกูบอกออกมาทำไมวะ" บ่นอย่างหงุดหงิดหลังจากสบถออกมาหลายคำ

"ตอนแรกกูคิดว่าเรื่องของกูแม่งน่าเป็นห่วง แต่พอกูเห็นหน้ามึงแล้วกูเป็นห่วงกว่าว่ะ" คาสโนว่าหนุ่มยิ้มกว้างแล้วยกแก้วที่มีของเหลวสีอำพันให้ "เชิญมึงก่อนเลยเพื่อน"

"แต่กูว่าคนที่น่าเป็นห่วงคือมึงว่ะ" คนพื้นอารมณ์ไม่ดีงึมงำ

"เสียใจด้วยนะ แต่กูไม่ได้ลากมึงออกมาเรื่องธีร์"


คนฟังเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ แต่จิรณัฐก็แค่หันไปชงเหล้าเพิ่มโดยที่ไม่ว่าอะไร


“เซอร์ไพรส์” คุณพ่อของกันตธีร์พูดขึ้นในที่สุด “มีอะไรที่ทำให้มึงเดือดร้อนได้มากกว่าเรื่องของไอ้ตัวเล็กด้วยหรือวะ”

“ธีร์เป็นfirst priortiyของกูอยู่แล้ว” คนที่อารมณ์เป็นสรณะยักไหล่ “เพียงแต่เรื่องของธีร์มันไม่ใช่เรื่องที่กูจะเดือดร้อนตอนนี้”

"กูคิดว่ามึงจะเป็นจะตายกว่านี้" กฤษณ์ตั้งข้อสังเกต "ตอนเรื่องดูหนังมึงยังฟาดหัวฟาดหางแทบตาย"

"ไม่ต้องห่วง" คนไม่เดือดร้อนแค่นยิ้ม "กูเดือดร้อนกว่าที่มึงคิดแน่นอน"


คำพูดนั้นทำให้คนถามหยุดปาก แล้วเทความเข้มข้นเพิ่มให้แก้วของอีกฝ่าย


"กูเอารถมา"

"เฮียโป้งไม่ปล่อยให้รถมึงโดนลากไปหรอก" พวกเขาถือคติเมาไม่ขับอย่างเคร่งครัดจนสนิทกับเจ้าของร้าน

"กูจะกลับไปทำงานต่อโว้ย มานี่ก็เสียเวลาพอแล้ว"

"เอ้า ไอ้ห่า!! หมาตัวไหนมันลากกูออกมา"


จิรณัฐหัวเราะแล้วก็กระดกเหล้าเข้มๆ นั้นลงคอแบบไม่มีสะดุ้งสะเทือน ก่อนจะปล่อยคำถามตรงๆ ออกมา


“มึงกับธีร์ทะเลาะกันเพราะเรื่องผู้ชาย?”

“พ่อมึงตายดิสัด”

“พ่อกูสุขภาพแข็งแรงดี ขอบคุณที่เป็นห่วง” คำพูดกลั้วหัวเราะดังมาจากคนที่มีความสุขในการแหย่ชาวบ้าน "มึงเป็นห่วงธีร์เพราะไม่อยากให้มันเป็นเกย์หรือไม่ชอบโชติภัทร"

"..."

"มึงไม่พูดงั้นกูเดา" คุณชายคาสโนว่าฉวยขวดเหล้าคืนมาแล้วเติมดีกรีให้อีกฝ่ายบ้าง "มึงแม่งนิสัยเสีย ชอบดูแลคนอื่นทั้งๆ ที่มึงยังเอาตัวเองไม่รอด แต่เพื่อนตัวเล็กของมึงก็เสือกน่าดูแลจริงๆ ด้วย...ตอนมีแฟนเป็นผู้หญิงมึงก็ด้อมๆ มองๆ กลัวว่ามันจะดูแฟนมันไม่ได้ แต่ก็ดันคดีพลิกที่ธีร์มันโคตรจะเป็นแฟนที่ดี"


เว้นวรรคจิบน้ำพร้อมกับยักคิ้วให้อย่างน่าถีบ กฤษณ์รู้สึกคิดผิดมากที่ยอมตามมันออกมา และปล่อยให้มันพล่ามน้ำท่วมทุ่ง


"แต่ไปๆ เสือกเลิกกันซะฉิบ แล้วไอ้ตัวเล็กของมึงก็ดันออกไปกับหนุ่มหล่อ...ที่น้อยกว่ากูนิดนึง มึงเลยคิดขึ้นมาได้ว่าหรือไอ้ตัวเล็กมันจะติดที่มึงสปอยล์มันมาแต่อ้อนแต่ออดเลยคบกับผู้หญิงไม่รอด"


คนฟังรู้สึกโคตรหมั่นไส้ไอ้คนตรงหน้า...แต่ดันเถียงมันไม่ออกซักคำ


"ทั้งหมดทั้งมวลนั้น กูขอบอกเลยว่ามึงแม่งคิดผิด"


บุคคลผู้มีจุดยืนชัดเจนในรสนิยมทางเพศมานานชี้หน้าเพื่อนผู้ไม่มีแนวโน้มหรือความเสี่ยงใดๆ ที่จะเข้าเส้นทางสีม่วงได้เลย


"...กูขอขัดได้ไหม"

"ไม่ได้ กูเครื่องติด มึงฟังก่อน" ประกาศชัดจนคนฟังกุมขมับ "เป็นเกย์แม่งไม่ใช่อะไรที่โดนอินดิ๊วซ์ได้ด้วยการถูกเทคแคร์หรือประคบประหงมแบบที่มึงชอบทำหรอกนะ ไม่งั้นลูกคนเล็กทั้งโลกแม่งคงเป็นเกย์...เกย์คืออะไรมึงตอบสิ"

"เอ่อ...ผู้ชายที่ชอบผู้ชาย"

"ถูก! ดังนั้นไม่ว่ามึงจะทำอะไรให้ธีร์...ยกเว้นจับกดนะ มึงก็ไม่มีทางทำให้มันพิศวาสผู้ชายขึ้นมาได้หรอก"

"แล้วมึงที่หยอดมันเช้าสายบ่ายเย็นนี่หวังผล? กะว่าจะเคลิ้ม?" ถามสวนไปอย่างเชื่อมโยงเหตุผลไม่ถูก

"กูเอนเตอร์เทนเพื่อนฝูง" ตอบหน้าตาเฉยจนพ่อหมีอยากจะเอาอุ้งตีนก่ายหน้าผาก

"เดี๋ยว...กูว่าประเด็นแม่งไปไกลละ"


กฤษณ์ลืมไปได้อย่างไรว่าไอ้คุณชายจิรณัฐแม่งได้ตำแหน่งเดือนคณะมาด้วยทักษะการพูดน้ำไหลไฟดับชักแม่น้ำทั้งห้าทั้งสิบ ผูกเรื่องไม่เกี่ยวมาเกี่ยวกันได้ จนทั้งเวทีต้องยอมยกให้มัน เพราะสาวๆ ฟังๆ ไปก็เคลิ้มไป ทั้งที่ตรรก่งตรรกะวิบัติบรรลัยหมด


เสียงด่าทอพูดคุยดังขึ้นจากคนที่กรอกน้ำสีทองลงคอไม่ยั้ง เหล้าในขวดค่อยพร่องไปเรื่อยๆ จากสองผู้รั้งตำแหน่งคอทองแดงของคณะ พอเริ่มดึกประชากรในร้านก็เริ่มเยอะขึ้นพร้อมกับวงดนตรีสดที่เริ่มออกมาแสดงแต่ทั้งคู่นั่งอยู่ในโซนที่ค่อนข้างห่างไกลทำให้ไม่ต้องอาศัยการตะโกนคุยกันเท่าไหร่


"แล้วมึงมีอะไรถ้าไม่ใช่เรื่องไอ้ตัวเล็ก" ถามกลับบ้างหลังจากที่เทแอลกอฮอล์เข้าเส้นเลือดเพิ่มไปอีกพอประมาณ


จิรณัฐนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะวางแก้วในมือลง ท่าทางจริงจังขึ้น จนคนฟังเริ่มเอะใจ


"...อันที่จริงกูก็ไม่รู้ว่าควรจะบอกมึงดีมั๊ย"


กฤษณ์เลิกคิ้ว


"เรื่องของซอล"



++++++

กันตธีร์กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเก้าอี้แล้วนั่งเท้าคางมองกองกระดาษที่เต็มไปด้วยมือขยุกขยุยกับตัวเลขชวนลายตา แต่กลับไม่ได้คิดถึงงานตรงหน้าเพราะเขากำลังเป็นห่วงวีรินทร์

เขาโทรไปหาอีกฝ่ายตามที่คุยกับอาจารย์อิทธินนท์ แม้จะไม่ได้สนิทกันมากมายแต่ก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ วีรินทร์บอกแค่ว่าถ้ามีปัญหาจริงๆ จะไปขอให้ช่วยเอง ไม่ต้องห่วง แล้วก็ไม่ยอมเล่าอะไร

แถมช่วงนี้เขาก็ยังตึงๆ กับเพื่อนสนิทด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง จนแล้วจนรอดเลยยังไม่ได้คุยอะไรเรื่องนี้ แล้วเมื่อคืนว่าจะถามดูก็ดันหายหัวไปกินเหล้ากับจิรณัฐแบบไม่ชวนกันสักคำ


"ขมวดคิ้วแบบนั้นหน้าแก่ไวนะ"


เสียงนุ่มว่าพร้อมกับแก้วสีขาวซึ่งส่งกลิ่นหอมกรุ่นที่วางลงตรงหน้า ทำให้คนตกอยู่ห้วงความคิดเงยหน้ายิ้มขอบคุณ


"งานมีปัญหาหรือ" โชติภัทรทรุดตัวนั่งลงตรงข้าม

"เปล่าหรอก คิดเรื่องอื่นน่ะ" กันตธีร์ยักไหล่ก่อนจะคว้าแก้วมาจิบ "ทำไมใส่ชุดนักศึกษา?"

"อยู่เวรon-call ถ้าโดนโทรตามจะได้เดินขึ้นไปเลย" คนมีกรรมติดพันชี้ไปทางตึกโรงพยาบาลซึ่งอยู่ใกล้กับร้านกาแฟเจ้าประจำ

"อ้อ..." กันตธีร์เริ่มชินกับคำศัพท์ประหลาดของนักศึกษาแพทย์มากขึ้นทุกที บางครั้งถึงเขาจะไม่เข้าใจแต่ก็พอเดาๆ ได้มากขึ้น จนหลังๆ อีกฝ่ายก็เริ่มไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติมแล้ว


ร้านในมหาลัยจะตรงข้ามกับร้านค้าทั่วไปคือวันเสาร์อาทิตย์แบบนี้จะมีลูกค้าน้อยกว่าวันธรรมดา กันตธีร์จึงเลือกโต๊ะตัวใหญ่ที่สำหรับนั่งสี่คนแล้วเอาของกองๆ ไว้ไม่เป็นระเบียบ เดือดร้อนถึงโชติภัทรต้องมาช่วยเรียงให้มันเป็นกองอย่างสวยงาม


"อันนี้ยังใช้อยู่นะ?" คนเจ้าระเบียบหยิบกระดาษที่มีแต่ตัวเลขทดเละเทะขึ้นมาถาม

"เฮ้ย!! สำคัญมาก! เอามานี่เลย" เจ้าของงานแทบจะกระโดดข้ามโต๊ะไปคว้า ให้คนถามส่ายหัว

"สำคัญก็เก็บดีๆ นี่ปลิวไปใต้โต๊ะมารอบนึงแล้ว"

"อา...ขอบคุณนะ" เขางึมงำก่อนจะตบแก้มตัวเองเป็นการเรียกสติให้กลับมาอยู่กับงาน

"ไม่เป็นอะไรแน่นะ?" โชติภัทรถามย้ำ

"อืม...เรื่องเพื่อนน่ะ" คนใจลอยตอบ "ไม่รู้ว่ากังวลเกินเหตุหรือเปล่า เหมือนจะมีปัญหา แต่ก็ดันไม่ยอมเล่า"

"แล้วได้ไปถามเขาไหมว่าอยากให้ช่วยอะไรหรือเปล่า"

“ถาม...ก็บอกว่าถ้ามีจะบอก”

“ถ้างั้นก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ยังไงก็เป็นเรื่องของเขา ถ้าอยากได้ความช่วยเหลือก็คงมาบอกเองล่ะ” เขาพยักหน้ารับ อีกฝ่ายก็ยิ้มให้แล้วเริ่มอ่านหนังสือ


กันตธีร์ยกแก้วกาแฟขึ้นจรดที่ปาก รสชาติคุ้นเคยไหลเข้ามาแตะที่ปลายลิ้นเบาๆ เขาไม่เคยชอบรสขม แถมยังกังขาในประสิทธิภาพการกระตุ้นประสาท แต่พอมีโอกาสได้กินบ่อยๆ รสขมที่ติดลิ้นก็กลายเป็นความเคยชินที่ขาดไม่ได้ แล้วพอไม่ได้กินก็รู้สึกง่วงขึ้นมาทั้งที่ก็ไม่เห็นว่ามันจะทำให้ตื่นตรงไหน


"ใจลอยอีกแล้วนะธีร์"


เหมือนโชติภัทร...


คนตัวเล็กเม้มปาก นึกอยากเอากาแฟราดหัวตัวเองให้หยุดคิดอะไรที่มันชวนให้หวิวในอกเกินไป เป็นเพราะพ่อหมีแท้ๆ กวนตะกอนขึ้นมาให้น้ำขุ่นทำไม


"ทำงานได้แล้ว"


ดุไม่จริงจัง แต่ก็ทำให้กันตธีร์โงหัวมึนตึบมานั่งคำนวณตัวเลขมหาศาลล้านแปดต่อได้ ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงลุกหนีความจู้จี้จุกไปแล้ว แต่ไอ้คนตรงหน้ามันดันมีสิทธิพิเศษอะไรก็ไม่ทราบที่ทำให้เขาต้องนั่งรากงอกให้มันเอ็ดเอาได้บ่อยๆ

นี่มันอันตรายเกินไปแล้วหรือยัง?


เสียงโทรศัพท์มือถือสั่นครืดกับโต๊ะไม้ทำให้กันตธีร์เผลอสบถหยาบคายขึ้นมาเบาๆ ทำให้คนที่นั่งตรงข้ามเงยหน้ามาเลิกคิ้วถามจนเจาต้องเสหลบตามากดรับสายโดยไม่ได้มองชื่อ


"ฮัลโหลครับ..."

"ธีร์"


เสียงแหบเรียกแผ่วเบาจนต้องกดเครื่องมือสื่อสารจนชิดหู


"ซอล?"

"เตียงชั้นสองในห้องยังใช้ได้หรือเปล่า?" ปลายสายถาม

อันที่จริงห้องนอนของเขากับพ่อหมีเป็นห้องสำหรับอยู่3คน และเตียงของกฤษณ์ก็เป็นเตียงสองชั้น แต่เนื่องจากบันไดปีนขึ้นได้หายไปอย่างปริศนามานานแล้ว ห้องพักนี้จึงอยู่ได้แค่สองคน โดยเขาทั้งคู่เอาชั้นสองนั้นไว้วางของ


"ใช้ได้...เอาของลงมาก็นอนได้" เขาตอบก่อนจะสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ "ซอล...เป็นอะไร? เกิดอะไรขึ้น?"

"...ขอไปอยู่ด้วยสักพักได้ไหม" เสียงแหบพูดอย่างยากลำบากก่อนจะหยุดไปด้วยสูดจมูก

"ได้สิ นี่อยู่ไหน คอนโดหรือเปล่า ให้ไปหาไหม" เขาหันไปรวบของที่กองบนโต๊ะอย่างรีบร้อนจนโชติภัทรตกใจ

"...ธีร์" คำสะอื้นดังขึ้นอีก


"ช่วยหน่อยนะ...ช่วยที"


++++++


เขากำลังร้อนใจถึงที่สุด นิ้วเคาะไปมากับหน้าตักตัวเองจนคนขับเหลือบมามองเป็นพักๆ

โชติภัทรวิ่งตามออกมาคว้าแขนเขาไว้แล้วอาสาขับให้ก่อนที่คนใจร้อนจะเอารถไปจูบท้ายใครให้เป็นเรื่องเป็นราวก่อนถึงที่หมาย แม้กันตธีร์จะค้านเรื่องอยู่เวร แต่เจ้าตัวก็ยืนยันว่าไม่ได้เป็นสายแรก และคงจะห่วงมากกว่าถ้าให้เขาขับไปเอง


"ไปไงต่อ"

"เลี้ยวซ้ายเข้าอันหน้านี้แหละ"

"คอนโดหรูนะเนี่ย"


กันตธีร์เงยหน้ามองที่อยู่ราคาแพงของเพื่อนแล้วก็ได้แต่ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นจนถึงขนาดอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้


"ห้องคุณวีรินทร์ครับ"

"ชื่ออะไรคะ"

"กันตธีร์ครับ"

"คุณวีรินทร์แจ้งไว้แล้ว เดี๋ยวเชิญทางด้านนี้เลยค่ะ"


พนักงานยิ้มหวานก่อนจะพาเดินผ่านระบบรักษาเข้าไป เวลาในลิฟต์ความเร็วสูงที่เขาเคยนึกชื่นชมนักหนากลับอืดอาดจนน่าหงุดหงิด เมื่อถึงชั้นที่38 กันตธีร์ก็หันซ้ายขวาก่อนจะเดินอย่างไม่ค่อยมั่นใจ แม้ชั้นนี้จะมีห้องพักเพียง4ห้อง เขากดออดแล้วรออยู่ชั่วครู่ประตูก็เปิดออก


"ขอโทษที รออีกแปปนึงได้ไหม ขอเก็บของอีกแปปเดียว"


วีรินทร์ที่ไม่เจอกันมาสักพักดูซูบซีดอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาเรียวสวยบวมช้ำและแดงก่ำ แต่นั่นยังไม่น่าตกใจเท่ารอยช้ำชัดที่มุมปากกับริมฝีปากล่างที่แตกจนมีเลือดกรัง


"ซอล!?" กันตธีร์อ้าปากจะถามแต่ก็โดนวีรินทร์ส่ายหัวให้

"ขอโทษนะ...แต่อย่าเพิ่งถามอะไรเลย"


โชติภัทรที่เดินตามมายิ้มให้เจ้าของห้องเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วอาสาเป็นคนเอาของทยอยลงไปเก็บที่รถให้ กันตธีร์จึงยืนเคว้งๆ มองเพื่อนเก็บของโดยไม่พูดอะไรสักคำ

เขาเคยมาที่นี่ไม่กี่ครั้ง แต่ละครั้งก็มาแบบรีบมารีบไปจึงไม่เคยสังเกตอะไรเลย จนตอนนี้เขาถึงเริ่มเอะใจอะไรบ้าง


ทำไมนักศึกษามหาลัยที่อยู่ตัวคนเดียวถึงอาศัยอยู่ในห้องชุด ทำไมแก้วน้ำบนชั้นวางของถึงมีลายเดียวกันซ้ำสองแก้วทั้งหมด


"ช่วยอะไรไหม"

"...มาช่วยกันลากกล่องใต้เตียงออกมาแล้วกัน"


ทำไมในห้องนอนถึงมีตู้เสื้อผ้าสองตู้ ทำไมบนอ่างล้างหน้าถึงมีแปรงสีฟันสองอัน


"ฝากเอาอันนี้ใส่ถุงดำหน้าห้องให้หน่อยได้ไหม"

"จะทิ้งหรือ?"

"ของที่ไม่เอาแล้ว...มันก็เท่ากับทิ้งนั่นแหละ"


วีรินทร์เอาของติดตัวไปน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับข้าวของทั้งหมดในห้องชุดขนาดใหญ่ ชิ้นที่ใหญ่ที่สุดที่หยิบไปคือกล่องไวโอลินสภาพเก่าแก่ซึ่งเจ้าตัวไปขุดขึ้นมาจากใต้เตียง โชติภัทรช่วยขนของเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะถอยเอาเจ้ามาสด้าสองออกมาจากคอนโดหรู กันตธีร์เห็นอีกฝ่ายเอาคีย์การ์ดกับกุญแจไปหยอดไว้ในตู้จดหมายแล้วก็แอบปาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มหน่วย

ตลอดทางไม่มีบทสทนาใดๆ คนขับหันมาสบตากับเขาเป็นเชิงบอกว่าพูดอะไรหน่อยดีไหม แต่เขาเองก็ไม่ใช่คนพูดเก่ง แล้ววีรินทร์ก็เอาแต่เหม่อมองข้างทาง บรรยากาศจึงเงียบกริบไปตลอดจนถึงหอ


“เอาน้ำแข็งประคบ มันจะได้ไม่บวมมาก” โชติภัทรหันมาบอกกับวีรินทร์ ก่อนจะขอตัวกลับก่อน

“โทษทีนะ รบกวนหลายเรื่องอีกแล้ว” กันตธีร์เม้มปาก “ขอบคุณ”

“ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้เอง” คนใจดียิ้มเหมือนทุกครั้ง “แต่ไม่ช่วยขนของดีกว่านะ ขึ้นไปจะได้คุยกันสะดวก”


วีรินทร์ยังคงเงียบสนิทตั้งแต่ออกมาจากคอนโด มือทั้งสองกอดอกหลวมๆ เหมือนกำลังกอดตัวเอง กันตธีร์เห็นท่าทางนั้นแล้วก็ได้แต่ลูบไหล่เพื่อนแล้วจูงมือให้เดินตามขึ้นหอไป


"เฮ้ย หมี" กันตธีร์เรียกรูมเมทเมื่อเปิดประตูเข้าไป "คือแบบ...ขอโทษที่ตัดสินใจโดยพละการ แต่ว่า..."


กฤษณ์หันมาเลิกคิ้วใส่ ก่อนจะกลายเป็นขมวดคิ้วแทนเมื่อเห็นคนที่เดินตามมา


"ซอล?"


เจ้าของชื่อเม้มปาก จิกเล็กลงกับแขนตัวเองอย่างประหม่า


"เฮ้อ..."


คุณพ่อของทุกคนถอนหายใจ แล้วเดินเข้ามาดึงตัวคนตัวสั่นไปกอดหลวมๆ


"บอกแล้วใช่ไหมว่าจะเสียใจทีหลัง...เชี่ยเจแม่งก็แม่นเกินตลอด"


วีรินทร์ปล่อยโฮเหมือนจะขาดใจ ลมหายใจขาดเป็นห้วงด้วยแรงสะอื้น แขนขาหมดแรงจนยืนไม่อยู่ ได้แต่ปล่อยให้ความรู้สึกทะลักออกมาทางน้ำตา

หัวใจที่แตกเป็นชิ้นมันกระจัดกระจายจนแหลกสลายไปหมดแล้ว




TBC



::TALK::

//คลานเข่ามาโพส  :katai5:

รอบนี้มีปัญหาทั้งทางmechanicalและfunctionalเลยค่ะ  :katai1: ปวดประสาทกับตัวเองมาก กราบขออภัยคนอ่านจริงๆ  :hao5:

[[ใครมีวิธีเอาสิ่งที่พิมพ์ไว้ในnoteของiPhoneลงคอมนอกจากการส่งe-mailหาตัวเองมั๊ยคะ คนเขียนประสบปัญหาเอาที่พิมพ์ไว้ลงคอมไม่ได้ เพราะจู่ๆอินเตอร์เน็ตที่หอก็เปิดhotmailไม่ได้อย่างปริศนา คนเขียนก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นเดือน ไอ้ครั้นจะก๊อบในnoteมาลงก็ติดกันเป็นพรืด กะความยาวไม่ถูกไม่รู้จะตัดตรงไหนมาลง]]

ตอนนี้บอกเลยว่า คนเขียน ชอบ เจ มาก  :-[ 5555555 //ชูป้ายไฟ ชอบอีตานี่อ่ะ...ไว้เคลียร์คู่นี้เสร็จจะเขียนเรื่องของเจแน่ๆเลยค่ะ [ไม่ได้ถามคนอ่านสักนิดว่าอยากอ่านหรือไม่ //วิ่งตามหาขอบฟ้า  :jul3:]

สำหรับเรื่องของซอล มันยาวมาก ขอตัดไปไว้ตอนหน้านะคะ จริงๆ ตอนถัดไปก็พิมพ์ไว้เยอะละ คิดว่าจะลงได้ศุกร์หน้าเลยค่ะ กราบขออภัยทุกท่านอีกครั้งสำหรับความล่าช้า

ขอบคุณทุกคนที่ยังอยู่ด้วยกันนะคะ จุ๊บบบบบบบบ  :mew1: :mew1:



::comment::

malula - ใครไม่เอาเจ คนเขียนก็ขอค่าาาา 55555

quiicheh. - มันจะเริ่มหน่วงๆ ไปอีกสักพักอ่ะค่ะ แต่คงไม่นาน คนเขียนไม่ถนัดรดราม่า 555

บ๊ายบายโพ - อืม...ด้านมืดนี่จะมีมั๊ยน่อ...คงต้องรอดูค่ะ เดี๋ยวจะมีพาร์ทของโชบ้างเหมือนกัน

BeeRY - ไม่ได้ห้ามหรอกค่ะ แต่คุณพ่อหวงลูกสาว 5555

jaomaeysadid - ปกติคนเขียนอัพคืนวันศุกร์ค่า อัตราเฉลี่ยอยู่ที่2สัปดาห์(มีแอคซิเดนบ้างตามความยับเยิน) แต่ตอนหน้าเป้นศุกร์หน้าค่า ขอบคุณที่ติดตามนะคะ

iforgive - คงต้องเรียกว่าหวงลูกอ่ะค่ะ 5555

GintoniC - ตามนั้นเลยค่ะ 555

กราบขออภัยอีกครั้ง ขอบคุณทุกคนเลยนะคะะะ เลิฟยูววววววว  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 15 [12/09/57 P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 13-09-2014 02:25:04
ซอลเป็นอะไรสงสารซอล
แล้วปีไหนโชกับธีร์จะเป็นแฟนกัน
นานไปนะ -_-
ช่วยมาต่อบ่อยๆนะคะ จุ๊บ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 15 [12/09/57 P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 13-09-2014 07:08:18
คุณพ่อหมีนี่ดีจริงๆ เหมือนพ่อจริงๆเลยอ่า o13
แต่ซอล...หนูเป็นอะไร  :katai1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 15 [12/09/57 P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 13-09-2014 15:53:39
อยากรู้เรื่องซอบมากกกกกกกก
แบบโชกะธีร์เป็นแฟนกันเมื่อไหร่ก็ได้
แต่ซอลลลลลใครทำำำำำำำำ
แอบลุ้นให้เจมาดามใจอิอิ

โหยยยยยยโชรักจริงอะ ทำนู่นทำนี่ให้ตลอด
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 15 [12/09/57 P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 13-09-2014 22:01:42
แสดงว่าเรื่องของซอล เจรู้ พ่อหมีรู้ แต่ธีร์และคนอ่านไม่รู้
เวลามีปัญหาไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่อยากให้มีใครสักคนคอยอยู่เคียงข้างจะได้อุ่นใจ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 15 [12/09/57 P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: velvetronica ที่ 19-09-2014 22:42:54
16



วีรินทร์เริ่มเรื่องตรงที่เขาโตมากับลุงผู้ทำสวนผลไม้อยู่ที่ระยอง พ่อแม่ของเขาหย่ากันตั้งแต่เด็ก เขาและน้องชายฝาแฝดจึงถูกจับแยกกันตั้งแต่นั้น แม่แต่งงานใหม่ แล้วก็ล้มเหลวอีกครั้งในชีวิตแต่งงาน...สุดท้ายก็ป่วยตาย


“ป่วยก็เรื่องนึง...แต่ที่จริงคือตรอมใจ” วีรินทร์ส่ายหน้า “แม่ป่วยทางใจมานาน ใครๆ ก็รู้...แต่ทุกคนก็ยังปล่อยให้มันเกิดขึ้น”


ทุกคนของวีรินทร์คือพ่อเลี้ยง

หลังจากนั้นเด็กน้อยก็ถูกส่งตัวไปหาญาติเพียงหนึ่งเดียวคือพี่ชายแท้ๆ ของแม่ เขาโตมาที่ระยองจนกระทั่งจะขึ้นมัธยมปลาย วีรินทร์ที่เรียนเก่งจนโดดเด่นสอบเข้าโรงเรียนหนึ่งในกรุงเทพฯได้


“ค่าครองชีพในเมืองกรุงมันแพง ลุงเองก็แก่มาก สวนผลไม้ก็เริ่มทำไม่ไหว”


ตอนนั้นเองที่เขาเริ่มทำงานเพื่อส่งตัวเองเรียนและส่งเงินให้ลุง เป็นนักดนตรีในร้านอาหารกลางคืน...ไม่ใช่ผับบาร์ แต่เป็นภัตราคารหรู

สิ่งที่เป็นมรดกจากทั้งพ่อและแม่คือพรสวรรค์ด้านดนตรี วีรินทร์มีโรคประจำตัวจึงไม่ต้องเรียนรด. ดังนั้นจึงไม่ต้องตัดผมเกรียน อายุก็โกหกเอาบ้าง ปลอมตัวเอาบ้าง พอมีกินมีใช้ไปวันๆ


“เจอคุณภัทรครั้งแรก...ก็ตอนที่ไปทำงาน”


เด็กน้อยที่ชีวิตมีแต่เรียนกับทำงานเพื่อลุงที่รักคนเดียวจะเอาอะไรไปทันเล่ห์เหลี่ยมของผู้ชายเจ้าชู้


“รู้ตัวอีกที...ก็รัก รักมาก ถอนตัวไม่ขึ้น” รอยยิ้มเย้ยหยันฉาบบนริมฝีปากบาง “รู้ทั้งรู้...ว่าเขาไม่เคยจริงจัง แต่ก็ยอมเต้นตามเขาไปเสียทุกอย่าง”


ชายหนุ่มเสนอให้เด็กน้อยมาอยู่กับตน จะส่งเสียให้ทุกอย่างรวมถึงส่งเงินให้กับลุงที่ต่างจังหวัด


“อย่างกับไอ้ตัว” วีรินทร์หัวเราะทั้งน้ำตา “ยอมทุกอย่าง อยากให้ทำอะไร...ก็ทำ”


ความจริงมันไม่เคยสวยงามเหมือนความฝัน เด็กน้อยรู้ว่าตัวเองไม่เคยเป็นคนนั้นคนเดียวของชายหนุ่ม...แต่ก็ยอม


“เพราะย่ามใจ...จะไปกับใครก็ตาม สุดท้ายคุณภัทรจะกลับมาที่คอนโด”


เด็กน้อยอยู่กับความสุขปนขมมาสี่ปี กลับบ้านมานั่งรอคอยอีกฝ่าย ดีใจแทบตายที่เขากลับมาหา แม้วันต่อมาข้างกายจะว่างเปล่าอีกครั้ง วีรินทร์เรียนรู้ที่จะรัก...อย่างเจ็บปวด


“แต่มันจบแล้วล่ะ” เสียงหัวเราะนั้นปนสะอื้น “เพราะคุณภัทรเจอคนนั้นคนเดียวของตัวเองแล้ว”


กว่าสองเดือนที่เขาเฝ้ารออย่างร้อนรน ชายหนุ่มกำลังเดินห่างไปจากเด็กน้อย เด็กน้อยเริ่มสูญเสียพื้นที่แคบเล็กของตัวเอง...เลยเริ่มร้องไห้โยเย


“เพราะไปยุ่งกับคนนั้นคนเดียวของคุณภัทร” ชี้ที่มุมปาก “เลยได้คำตอบกลับมา...ให้เลิกโง่เสียที”


เด็กน้อยเรียนรู้แล้วว่ามันกำลังจะจบ...ความรักบนความขมขื่นที่เขาไขว่คว้าเอาไว้สุดกำลังได้หลุดลอยออกไป


“คุณภัทรไม่ยอมให้ใครทำให้คนนั้นคนเดียวของตัวเองเจ็บ...แต่คุณภัทรไม่เคยสนใจว่าตัวเองคือคนนั้นคนเดียวของใคร”


วีรินทร์ปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มโดยไม่คิดจะเช็ดมันออก เขาก็แค่ปล่อยให้มันไหลออกมา...


“ขอโทษจริงๆ ที่รบกวน จะรีบหางานทำแล้วจะย้ายออกนะ”


เป็นครั้งแรกที่กันตธีร์รู้สึกว่าคนตรงหน้าเข้มแข็งแค่ไหน ทั้งที่เจ็บเจียนตาย แต่ก็ยังพยายามจะยืนขึ้นมาด้วยตัวเอง


“โปรเจคล่ะ” กฤษณ์ถาม “จะทำงานไปด้วยไหวหรือไง”

“คงต้องดรอปไว้ก่อน...ยังไงก็คงไม่รอดแล้วล่ะ” วีรินทร์ส่ายหัว

“เฮ้ย! ไม่ได้!!!” จิรณัฐที่ถูกตามตัวมานั่งสุมหัวกันค้านเสียงแข็ง

“ซอล...อยู่นี่ไปก่อนก็ได้ เรื่องทำงานก็ไว้ก่อน ไว้จบแล้วค่อยว่ากันก็ได้” กันตธีร์รีบเสริม

“เอาจริงๆ ก็อีกหลายเดือนกว่าจะจบ จะเอาเงินที่ไหนกิน” คนไร้หลักยิ้ม “ขอบคุณนะ แต่คงรบกวนมากกว่านี้ไม่ได้หรอก”


กันตธีร์หันมาสบตากับจิรณัฐก่อนทั้งคู่จะหันไปมองผู้เป็นที่พึ่งตลอดกาล กฤษณ์ขมวดคิ้วใช้ความคิดก่อนชี้หน้าไอ้คนมีปัญหา


“ซอล...กูขอสั่งให้มึงเรียนให้จบก่อน”

“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้...”

“ฟังก่อน มึงมีบริษัทที่ไปฝึกงานมาทาบทามบ้างแล้วไม่ใช่หรือ”


วีรินทร์มีผลการเรียนที่เยี่ยมยอดพอจะให้มีบริษัทมาเสนอตำแหน่งต่างๆ ให้


“แต่มึงต้องเรียนให้จบก่อนถึงจะได้ทำงาน...เพราะงั้น ตอนนี้ก็ยืมเงินเชี่ยเจไปก่อน มันเหลือเยอะ ทำสัญญาไว้ก็ได้ถ้ามึงไม่สบายใจ หรือจะคิดดอกเบี้ยอะไรก็ไปตกลงกันเอง” คุณพ่อร่ายยาว “แต่มึงต้องเรียนให้จบนะซอล จบพร้อมกับทุกคนนี่แหละ”


น้ำตายิ่งทะลักหนักกว่าเดิมเมื่อว่าจบ จนคนพูดร้องเฮ้ยแล้วเอาทิชชู่ให้เป็นพัลวัน


“ดีกันเกินไปหรือเปล่า” เสียงแหบสั่นพร่า “ไม่โกรธหรือรังเกียจบ้างเลยหรือ”

“พูดอะไรน่ะซอล” กันตธีร์ขยับเข้าไปใกล้แล้วโอบหลวมๆ

“ขอโทษนะ...ที่ไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง ที่ทำให้เดือดร้อนกันไปหมด”

“คิดมากน่า” จิรณัฐขยี้หัวเพื่อน “ดอกเบี้ยน่ะไม่เอาหรอกนะ อยากจะจ้างให้เรียนด้วยซ้ำ”


วีรินทร์หัวเราะทั้งน้ำตาในอ้อมกอดเพื่อน ก่อนที่ทุกคนจะปล่อยให้คนที่ร้องไห้จนเหนื่อยได้พักผ่อน เตียงชั้นสองถูกทำความสะอาดปูผ้าใหม่แล้วเอาเก้าอี้มาใช้แทนบันไดในการปีนขึ้นลง




“รู้อยู่ก่อนแล้วหรือ”


กันตธีร์ถามรูมเมทตอนที่เดินออกมากินข้าวเย็นกันสองคน ส่วนจิรณัฐหนีกลับไปก่อนแล้ว


“โดยบังเอิญน่ะ...โดนซอลมันเขม่นเอาอยู่เป็นเทอม คงไม่อยากให้เพื่อนรู้ กูเลยไม่เคยบอกใคร ส่วนเจ...ไม่รู้เหมือนกันว่ามันรู้ได้ยังไง” คนฟังเลิกคิ้วให้กับเรื่องที่ไม่เคยรู้ ก่อนจะหันหน้าหนีเมื่อพูดถึงอีกคน “แล้ว...กับโชติภัทรเป็นยังไง”

“อยากทะเลาะกันหรือไง”

“ตัวเล็ก นี่กูถามดีๆ” กฤษณ์ทำเสียงอ่อน “อย่าให้กูต้องพูดอีกรอบว่ากูเป็นห่วงมึงนะ”


กันตธีร์รู้สึกผิดวูบ เขากับกฤษณ์เป็นเพื่อนกันมานานเกินกว่าที่ควรจะมึนตึงกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง


“กูขอโทษ” เขายอมรับ “กูแค่อึดอัด...กูไม่อยากให้มึงพูดอะไรในแง่นั้น”

“กูก็ขอโทษ อันที่จริงกูก็ไม่ควรยัดเยียดมึงแบบนั้น” กฤษณ์ยิ้ม “แต่นี่กูแค่ถามเฉยๆ เล่าเรื่องโชติภัทรให้ฟังบ้างสิ”

“...มันก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ” งึมงำในลำคอ “เพื่อนกัน...ธรรมดานี่แหละ”

“ตัวเล็ก” พ่อหมีเรียก “กูรู้ว่ามึงเองก็รู้ดีอยู่”

“แล้วจะให้ทำยังไง” กันตธีร์ถามกลับ

“ไม่รู้สิ มึงอยากให้มันเป็นแบบไหนล่ะ”

“...เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็ดีแล้ว”


กฤษณ์เลิกคิ้วมองเพื่อนสนิทที่ก้มหน้าจ้องปลายเท้า


“แบบนี้คืออะไร เพื่อน? แน่ใจหรือ?”

“อย่าคาดคั้นกูได้ไหม”

“มึงเห็นซอลมั๊ย”


กันตธีร์มองอย่างไม่เข้าใจ


“เห็นเจมั๊ย” กฤษณ์ว่าต่อ “กูไม่เคยรังเกียจเพื่อนคนไหนไม่ว่าแม่งจะเป็นอะไร...แต่กูไม่เคยเห็นคู่ไหนที่ไปกันรอดยาวๆ ดูเจหรือซอลสิ มันเป็นความสัมพันธ์ฉาบฉวย...สุดท้ายก็จะมีคนเสียใจ”


ชายหนุ่มอ้าปากจะเถียงแต่ก็ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา


“ตัวเล็ก กูไม่ได้ดูถูกความรู้สึกของใคร...ของโชติภัทร แต่มึงเองก็รู้ว่ากูไม่อยากให้มึงเสียใจ...ไม่ว่าจะจากอะไรหรือใคร”

“...กูรู้” เขาหาเสียงตัวเองเจอในที่สุด “ขอบคุณนะหมี...แต่เรื่องที่มึงอยากรู้...กูเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน”


กันตธีร์ถอนหายใจแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ดูขุ่นมัวกว่าทุกวัน


++++++


“ซอล...ข้อมูลอันนี้เรียงใหม่แล้วน่าจะใช้ได้”


ห้องที่เคยอยู่กันแค่สองคนดูแน่นขึ้นถนัดตาเมื่อมีผู้อยู่อาศัยเพิ่ม แม้จะไม่ลำบากอะไรนักก็ตาม


“แต้งกิ้ว วางไว้เลย เดี๋ยวขอจัดการตรงนี้อีกหน่อย” วีรินทร์ตอบแม้ตายังจะไม่ละไปจากหน้าจอ “ธีร์ไปทำส่วนของตัวเองเถอะ แค่นี้ก็ช่วยเยอะมากแล้ว”

“อืม ไม่เป็นไร ทางนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรเหมือนกัน”

“งั้นมาช่วยกูแทนดีมั๊ยครับไอ้สองนักเรียนดีเด่น” กฤษณ์โยนคำประชดใส่พร้อมใบหน้าทรุดโทรมเรียกเสียงหัวเราะจากอีกสองชีวิตได้ทันที


หลังจากร้องไห้จนหลับไปหนึ่งตื่นวีรินทร์ก็ตื่นมาเป็นคนเดิม เริ่มจัดการกับชีวิตที่เละเทะของตัวเองทีละอย่าง กลับมาทำโปรเจคที่ค้างเอาไว้ต่อ แม้จะแทบลากเลือดแต่ด้วยการช่วยเหลือของอาจารย์ที่ปรึกษาผู้ใจดีเกินรูปลักษณ์ภายนอกก็เริ่มจะเข้าที่เข้าทาง จนกฤษณ์แอบมากระซิบบอกว่าเห็นสภาพแล้วรู้สึกว่าตัวเองหมดสิทธิ์บ่นในทุกกรณี


“วะ กูลงไปซื้อเอ็มร้อย พวกมึงเอาอะไรมั๊ย” พ่อหมีเกาขยี้หัวตัวเองก่อนจะลากสังขารยับๆ ขึ้นจากกองงาน

“ขอน้ำเปล่าละกัน ซอลเอาไรป่ะ” คนคร่ำเคร่งกับงานโบกมือปฏิเสธ คนถามจึงเดินเซๆ ออกจากห้องไป


“นี่ธีร์” เสียงแหบเรียกเมื่อทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบของคนสองคน

“หืม”

“ไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนหรืออยู่ช่วยก็ได้” วีรินทร์พูดโดยที่มือยังแก้งานไปด้วย

“เฮ้ยไม่เป็นไร”

“...เกรงใจคนที่คอยโทรมาตามน่ะ”


กันตธีร์ชะงักกึกแล้วหันไปมองเพื่อนนั่งทำงานอยู่บนเตียงทันที


“นี่ไม่ได้ตาบอดหรือหูหนวกนะ ทางนั้นเขาตามตื้ออยู่ไม่ใช่หรือไง อยากไปก็ไปเหอะ”

“เดี๋ยว...คือ จริงๆ มันไม่เกี่ยวกับเรื่องซอล” คนโดนดักทางลูบหน้าอย่างตั้งตัวไม่ทัน

“งั้นเรื่องอะไรล่ะ อย่าทำให้รู้สึกผิดกันเล่นๆ สิ”

“ก็...อืม” เขาเม้มปากเพราะนึกคำอธิบายไม่ถูก

“ธีร์...อย่าให้ต้องไล่ พ่อหวงหรือไง นี่ไงมันไม่อยู่แล้ว จะไปก็รีบ”


เจ้าของห้องตัวจริงรู้สึกหน้าร้อนวาบ ก่อนจะคว้ายางลบใกล้มือเขวี้ยงใส่เพื่อน


“ไอ้บ้า ไม่ใช่โว้ย”


วีรินทร์ที่หลบยางลบบินทันหัวเราะร่าจนกันตธีร์เพิ่งรู้ตัวว่าถูกหยอกหนักๆ เข้าให้แล้ว

นี่สิน่า...ขนาดจิรณัฐยังเคยบอกว่าคนที่น่ากลัวที่สุดคือวีรินทร์


“แต่ที่พูดนี่พูดจริงนะ...จะไปก็ไปเหอะ อยู่ได้ ไม่คิดสั้นแน่นอน” คนมาขออาศัยโบกมือไล่ยิ้มๆ


กันตธีร์มองคนที่กำลังเอางานส่วนที่เขาช่วยมาเปิดดู ดวงตาคู่สวยยังมีแววโศกเศร้าชัดเจน ขอบตาก็ยังบวมช้ำจากการร้องไห้ที่เจ้าตัวพยายามหลบไม่ให้เพื่อนเห็น แต่การที่ยิ้มและหัวเราะออกมาได้ก็ทำให้เบาใจ


‘เศร้าก็เศร้า แต่อย่างนึงคือมันจบแล้ว...การทรมานตัวเองที่ยาวนาน’


คำพูดของคนตัวบางที่เข้มแข็งสุดๆ


กันตธีร์เห็นดังนั้นก็ถอนหายใจแล้วหันไปเก็บของเงียบๆ ก่อนจะรู้สึกเกร็งขึ้นมาเมื่อเสียงหัวเราะหึๆ ดังขึ้นอย่างชวนสยอง


“ธีร์น่ารักเป็นบ้าเลยว่ะ”

“หุบปากไปเลย!”



คราวนี้ทั้งหมอนตุ๊กตาผ้าห่มที่คว้าอะไรได้ก็โยนโครมใส่อีกฝ่ายทั้งหมด แต่ผู้ถูกกระทำก็แค่หัวเราะลั่นอย่างชอบใจที่ได้แกล้งคน เขาไม่ชินกับการถูกล้อเลียนแบบนี้เท่าไหร่ ที่ผ่านมานอกจากกฤษณ์ที่คอยจับผิดเรื่องนี้ก็ไม่เคยมีใครพูดถึงเรื่องของโชติภัทรให้รู้สึกคันยิบๆ ในหน้าอกข้างซ้าย


“หืม...เขินหรือเนี่ย” คนอกหักหมาดๆ ปรับโหมดได้รวดเร็วจนเริ่มรู้สึกคิดผิดที่ไปรับมันมาอยู่ด้วย

“บอกให้เงียบไปเลย!” เขากัดฟันขู่

“เด็กสปอยล์ด้วย...พ่อโอ๋มากไปหรือเปล่าครับ”


“เฮ้ย! พอๆ!โตเป็นควายแล้วเล่นอะไรกัน”


เสียงโวยลั่นหยุดการตะลุมบอนจากของสองคนได้ชะงัด กฤษณ์ที่เดินกลับห้องมาได้แต่มองภาพตรงหน้าอย่างงุนงง เพราะฝ่ายที่เหมือนจะถูกกระทำเอาแต่กลั้นหัวเราะแต่ฝ่ายที่เป็นคนกระโจนใส่กำลังสบถอย่างหงุดหงิด


“นึกบ้าอะไรกันขึ้นมา”


กันตธีร์มองหน้าคนไม่รู้เรื่องก็ยิ่งหงุดหงิดจนหันไปเก็บของลวกๆ แล้วก็หอบเอาโน้ตบุ๊คเดินออกจากห้องไป ทำเอาคนที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดอะไรได้แต่หน้าเหวอแล้วหันไปขอตัวช่วยที่นอกจากเอาแต่ขำก็ไม่ได้ทำอะไรให้เกิดประโยชน์


“โทษทีๆ” วีรินทร์โบกมือ “นิสัยเสียน่ะ...”

“หมายถึงอะไร?”

“นี่ไง” จิ้มอกตัวเองแล้วยิ้มให้ “เห็นแล้วมันอดแกล้งไม่ได้...คนมีความสุขนี่มันดีจังเลยนะ”


เปรยกับตัวเองยิ้มๆ ปล่อยให้เจ้าของห้องอีกคนทำหน้ามึนจนเลิกสนใจไปเอง







นิ้วเรียวเคาะโต๊ะไม้เป็นจังหวะช้าๆ แดดยามเย็นสีส้มแผดเผาจนร้อนพอๆ กับความรู้สึกหงุดหงิดใจที่ยังหาที่ระบายไม่ได้ เสียงถอนหายใจแล้วก็วางปากกาจากคนข้างๆ ทำให้เขารู้สึกผิดนิดๆ ที่รบกวนสมาธิแต่ก็ไม่มีอารมณ์จะหันไปขอโทษ


“เป็นอะไร” เสียงนุ่มถามอย่างใจเย็นจนมโนธรรมเริ่มเจ็บแปล๊บ

“เปล่า”

“หืม น่าเชื่อมาก” อีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ “โดนใครแกล้งมาหรือไง”


กันตธีร์หันขวับไปมองคนที่น่าจะเปลี่ยนอาชีพเป็นหมอดู โชติภัทรเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจที่ตัวเองเดาถูกแล้วก็ยิ้มให้เหมือนเดิม


“เพราะนายนั่นแหละ” โยนกันดื้อๆ

“ฉัน?”

“เออ เพราะนายคนเดียวเลย” คนพาลเริ่มโวยวายก่อนจะทุเรศตัวเองไม่ไหวเลยซบหน้าลงกับท่อนแขนตัวเองเป็นการหนีความจริง

“เป็นอะไรเนี่ย อยากเงียบหรืออยากให้ปลอบบอกมาเลย” เสนอทางเลือกอย่างใจกว้างเป็นมหาสมุทร

“เงียบ”

“โอเคครับ”


แล้วก็เงียบจริงดังว่า เขาฟุบหน้าลงกับโต๊ะสักพักก่อนจะเงยหน้าขึ้น พบกับชายหนุ่มหน้าตาดีนั่งเท้าคางมองอยู่ก่อนผ่านกรอบแว่บสีดำพร้อมด้วยรอยยิ้มชวนให้ใจกระตุก จึงได้แต่โทษแสงแดดชวนแสบตาที่ทำให้ภาพตรงหน้ามันพร่ามัวไม่รู้เรื่อง

กันตธีร์ถอนหายใจเฮือก


“ขอโทษ”

“หืม?”

“ขอโทษที่พาลใส่”

“ไม่เป็นไร...อารมณ์ไม่ดีนี่”


โชติภัทรดีใจหายจนรู้สึกแย่กับตัวเองมากขึ้นไปอีกระดับ เขาตัดสินใจลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่อีกฝ่ายไปเอามาให้


“จะไปไหน”

“หาอะไรอ่านแก้เซ็ง” ตอบพร้อมกับเลี้ยวเข้าไปตามซอกชั้นหนังสือที่ไม่มีคนแตะต้อง

“ในนี้อ่ะนะ?” คนตัวสูงลุกเดินตามมา ที่ถามไปอย่างนั้นเพราะไอ้ชั้นแถวนี้มันก็มีแต่วิทยานิพนธ์เก่าเก็บกับสารานุกรมที่ไม่มีคนอ่าน

“ไม่เคยอ่านหรือไง คนไทยป้ะ สารานุกรมไทยฉบับเยาวชนไง” หันกลับมาว่าหน้าตาย


คำตอบนั้นทำเอาคนเดินตามหลุดขำ ส่วนคนพูดก็เริ่มตีหน้านิ่งไม่อยู่เผลอยิ้มออกมาเหมือนกัน ทำให้พื้นอารมณ์แย่ๆ ค่อยๆ ดีขึ้นทีละนิด กันตธีร์เอานิ้วไล้ไปตามสันหนังสือ โชติภัทรมองกริยานั้นยิ้มพร้อมกับเดินตามไปแม้จะไม่มีคำพูดใดออกมาจากปากทั้งคู่

บรรยากาศประหลาดแต่ก็ลงตัวจนไม่มีใครอยากทำลายมันกำลังดำเนินไปแบบที่ไม่รู้ตัว





“เจอแล้ว”


กันตธีร์ร้องอย่างมีชัยในที่สุดพร้อมกับเขย่งตัวเอื้อมมือขึ้นคว้าหนังสือปกหนังเล่มหนาจากชั้นสูงเหนือศีรษะ

คนตัวสูงส่ายหัวขำๆ ก่อนจะสังเกตว่าหนังสือที่เลื่อนออกมาไม่ได้มีแต่เล่มที่ต้องการ ในชั้นหนังสือที่ไม่ได้รับการสนใจมักจะมีคนเอาหนังสือที่ยืมไม่ได้มาซ่อนเอาไว้ ซึ่งชั้นนี้ก็เช่นเดียวกัน หนังสืออีกเล่มที่ถูกซ้อนเอาไว้จึงไหลลงมาตามแรงดึง


“ธีร์!!”


โชติภัทรรีบคว้าคนตัวเล็กเอาไว้แล้วดึงเข้าหาตัว ฝ่ายถูกลากกระทันหันก็ร้องเฮ้ยปล่อยหนังสือหลุดจากมือหล่นพื้นเป็นเสียงดังโครมครามท่ามกลางความเงียบเชียบของห้องสมุดที่ไร้ผู้คน

กันตธีร์ที่ได้กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มจากชุดนักศึกษาของอีกฝ่ายเป็นอย่างแรก ก่อนจะลืมตาขึ้นเห็นแนวกรามได้รูป


“โดนหรือเปล่า?”


เสียงนุ่มถามชิดใบหูให้รู้สึกหวิวจนพูดไม่ออก ได้แต่ส่ายหัวตอบไป

มือที่โอบหลังอยู่คลายออก พร้อมกับที่อีกฝ่ายก้มลงมา ใบหน้าหล่อกระทบกับแสงแดดยามเย็นจนเห็นโครงหน้าที่ลงตัวชัดเจน คนตัวเล็กกว่าเผลอกัดปากตัวเองเบาๆ เมื่อมองสบกับแววตาที่ฉายความเป็นห่วงชัดเจนแบบไม่ต้องการคำอธิบาย


“ธีร์”


คนถูกเรียกสะดุ้งจนเผลอผลักอีกฝ่ายแล้วก้าวถอยหลังอย่างตกใจ แต่หนังสือที่หล่นอยู่ทำให้ก้าวนั้นพลาดเซจนทำให้โชติภัทรต้องคว้าตัวกลับมาปะทะกับแผ่นอกกว้างอีกครั้ง

เจ้าของอ้อมแขนก้มลงมาเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็เงียบไป ดวงตาคู่สวยที่อยู่หลังเลนส์แว่นสะท้อนใบหน้าของตัวเขาเองเช่นเดียวกับอีกฝ่ายที่ยังรั้งตัวเขาไว้จนใกล้ชิด


สมองของทั้งคู่มีทั้งความว่างเปล่าและความคิดยุ่งเหยิงจนแปลความออกมาไม่ได้


แม้ในวินาทีที่สัมผัสนุ่มนวลแตะเข้าหากัน






ณ ห้องสมุดที่ไร้ผู้คน แสงอาทิตย์อัสดง และหนังสือที่หล่นอยู่รอบตัว


เราจูบกัน






TBC




::TALK::

มาอย่างไวว่อง...  :katai4:

ตอนนี้ยาวมาก พิมพ์ๆไปแล้วก็ไม่รู้จะตัดตรงไหน เอามันมาลงทั้งหมดแล้วกัน!!

เรื่องของซอลคงไม่ลงรายละเอียดมากเท่าไหร่เพราะไม่ใช่สาระจริงๆของเรื่อง [วางแพลนจะเขียนไซด์สตอรี่ให้นางอยู่ << สร้างภาระให้กับตัวเองเข้าไปอีก เอาเข้าไป :z3:]

ส่วนโชธีร์.....................................มันจูบกันแล้วค่าพี่น้องงงงงงงงงงงงงงง!!!!  :hao5: :hao5: //ปิดถนนแห่มังกรฉลอง  :mc4: :mc4: :mc4:

มิใช่อะไรพิมพ์ไปก็อิจฉาธีร์ไปค่ะ คนเขียนเป็นแม่ยกพระเอกแบบไม่ต้องสงสัย  :hao6: 55555

สำหรับตอนถัดไปจะพยายามมาลงให้ได้ในศุกร์หน้านะคะ //อ้อนขอกำลังใจ  :mew6:

รักคนอ่านมากมายก่ายกองงง ม๊วฟ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:



::comment::

mild-dy - ปีนี้ค่ะปีนี้ จะพยายามให้จบในปีนี้นี่ล่ะค่า  :katai4:

BeeRY - เป็นคนที่เหมาะจะเป็นพ่อคนมากอ่ะค่ะ 555

quiicheh. - เดี๋ยวนะคะ ตอนนี้พระนายของเราก็มีพัฒนาการนะเอ้อ!!  :-[

malula - ตอนนี้คนอ่านได้รู้แล้วค่า 555555

จุ๊ฟฟฟฟ  :mew1: ขอบคุณที่ยังอยู่ด้วยกันนะคะะะะ จะพยายามปั่นเต็มที่เลยค่า  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 16 [19/09/57 P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-09-2014 23:12:34
นี่พึ่งจะจูบกัน แล้วเมื่อไหร่ะเป็นแฟนกัน
เมื่อไหร่จะได้กัน ผ่างงงงงงงง
55555555555
รอเข้าไปๆ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 16 [19/09/57 P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 19-09-2014 23:23:49
อ่า ในที่สุดก็จุ๊บกันแล้วสินะ
รู้สึกดีต่อกันทั้งสองฝ่ายจะมัววิ่งหนีอยู่ทำไม

ชีวิตของซอลน่าสงสาร แต่ก็ต้องลุกขึ้นสู้แล้วเดินหน้าต่อไป
ยังดีที่มีเพื่อน ๆ น่ารักคอยช่วยเหลือ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 16 [19/09/57 P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: Raiwyn ที่ 19-09-2014 23:35:40
ธีร์เป็นประเภทปากแข็งสินะ  :m1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 16 [19/09/57 P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 19-09-2014 23:39:34
 :mc4: :mc4: :mc4: 
 แต่ข้ามขั้นไปรึป่าว  o18

 
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 16 [19/09/57 P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 20-09-2014 06:23:40
ในที่สุด พวกนางก็พัฒนา จูบกันแล้วววววว
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 16 [19/09/57 P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 20-09-2014 14:44:24
พึ่งได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้ ต้องขอ +1 ให้คนเขียนเลย
ใช้ภาษาได้น่าติดตาม และลื่นไหลมาก
ตัวละคร มีมิติชัดเจน ไม่เยอะ หรือ น้อยเกินไป
เนื้อเรื่องดูจริง แบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป ความสัมพันธ์ที่เคยทิ้งตัวเองเกือบ 4 ปี
ค่อยๆกลับมาเพาะสร้างความสัมพันธ์กันอีกครั้ง
ณ ตอนนี้ขอยกเรื่องนี้เป็น เรื่องที่อยากอ่านต่อที่สุด ^^
หลงรักหมอโช กับลูกธีร์
แล้วจะรออ่านต่อนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 16 [19/09/57 P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 21-09-2014 19:12:55
ยาวปายยยยยยคู่เน้
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 16 [19/09/57 P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 21-09-2014 22:21:02
ซอลเข้มแข็งดีมาก สู้ต่อไปค่ะ

ส่วนน้องซึนธีร์  คงต้องให้เพื่อนแหย่บ่อยๆเนอะ
โดนเพื่อนแกล้งแล้วน่ารักดี
แล้วก็จะได้ยอมรับความรู้สึกซะทีเนอะ

ปล. จุ๊บแล้วๆ หลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ลุ้นนนน
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 16 [19/09/57 P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: ตีสี่ ที่ 22-09-2014 21:50:49
แล้วหลังจากจูบกันไปแล้วจะเป็นอย่างไรละเนี่ย
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 16 [19/09/57 P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: iiam ที่ 22-09-2014 23:31:23
น่ารัก ><!!!!!!!!
ชอบภาษา ชอบการบรรยาย งดงามมากค่ะ ><!!
เขียนต่อไปนะคะ สู้ๆ เป็นกำลังใจให้^///////////^
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 16 [19/09/57 P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 23-09-2014 11:43:24
ขออ่านแบบเพื่อนซอลไปตั๊นไอ้คุณภัทรหน่อย
สงสารรรรรรรทำไมต้องเจอไรแบบนี้
แต่................ จูบกันแล้ววววววกรี๊ด
อยากอยู่ในห้องสมุดเลยค่า5555
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 16 [19/09/57 P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: jaomaeysadid ที่ 23-09-2014 18:59:14
มันมาแล้วววววว มาสักที :z2: บอกเลยว่าดีใจมากกกกกกก นึกว่าจะไม่ได้เจอเรื่องนี้อีกแล้วว

อัพบ่อยๆเถอค่ะคุณคนเขียน ชอบนะค่ะเรื่องนี้น่ะ ชอบ โชว อร๊างงงงงง :mew1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 16 [19/09/57 P.5]
เริ่มหัวข้อโดย: velvetronica ที่ 26-09-2014 21:47:10
17





"พี่ว่าน้องออกไปพักดีมั๊ยคะ"


บรรยากาศอึมครึมลอยอวลอยู่ท่ามกลางความกดดันของฟิลด์ผ่าตัด แม้สีหน้าจะถูกบดบังอยู่หลังผ้าปิดปากแต่สายตาที่ส่งมาก็ฉายแววตำหนิชัดเจนจนชายหนุ่มต้องก้มศีรษะเล็กน้อยแล้วถอยออกมา


"ปี4คนอื่นมาเข้าแทนค่ะ"

"คะ...ค่ะ!!"


โชติภัทรดึงชุดผ่าตัดออกจากตัวด้วยการช่วยเหลือของคุณพยาบาลที่ส่งสายตาปลอบใจมาให้ เขาโยนเสื้อสีเขียวใส่ถังก่อนจะเดินออกไปที่ห้องล้างมือ


"เฮ้ยโช อย่าคิดมากนะ" เพื่อนผู้หญิงที่กำลังล้างมือเตรียมเข้าช่วยผ่าตัดหันมาปลอบ

"อืม วันนี้โชพลาดเอง" ชายหนุ่มถอนหายใจ

"พลาดบ้าอะไร แกแค่suctionไม่ถูกใจเจ๊เขาเท่านั้นแหละ แล้วนี่เราเข้าแทนแล้วจะรอดหรือวะ"

"สู้ๆนะไอ ขอโทษจริงๆ วันนี้ไม่มีสมาธิจริงๆ แหละ"

"ขอท่งขอโทษอะไร ไม่เป็นไรน่า เราจะได้เก็บเคสด้วย"


ชายหนุ่มยิ้มให้เพื่อน ก่อนจะเดินกลับออกมาที่ห้องผ่าตัด เพื่อนที่ยืนอยู่รอบๆ จึงเดินมาตบไหล่เป็นเชิงปลอบ ชั่วโมงผ่าตัดที่กดดันผ่านไปได้ด้วยดี สุดท้ายผู้ป่วยก็ถูกเข็นออกไปพร้อมกับอาจารย์เจ้าแม่ที่เดินหายไปทันที ทำเอานักศึกษาพากันลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก


"ไปพักไปมึง" พี่แพทย์ประจำบ้านที่เป็นมือสองเมื่อครู่เดินออกมาผลักไหล่เบาๆ

"ผมอยู่เวรวันนี้ครับพี่" คำตอบนั้นทำคนอาวุโสกว่าขมวดคิ้ว

"เฮ้ย น้องคนไหนมาแลกเวรกับมันดิ้" หันไปตะโกนจนเจ้าตัวรีบร้องห้าม

"พี่...ผมอยู่ได้ ไม่ต้องรบกวนคนอื่นหรอก"

"กูรู้ว่ามึงฝืนได้ แต่ถ้างั้นจะมีเพื่อนไว้ทำไมวะ" หันมาดุแล้วก็พยักเพยิดไปทางเพื่อนที่รีบขันอาสา

"จริงด้วยโช มึงไปพักเหอะ แค่แลกเวรเอง กูสบายมาก ไม่ไดไปไหนอยู่แล้ว"


สีหน้าเป็นห่วงทำให้โชติภัทรตัดสินรับน้ำใจแล้วเดินกลับหอด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง เมื่อเดินผ่านกระจกใสของร้านค้าเขาก็หันไปมองเงาสะท้อน


ดูไม่ได้สักนิด...

เขาถอนหายใจช้าๆ แล้วกลับขึ้หอพักไปแบบใจลอย







โชติภัทรเคยชอบเพื่อนสนิทของตัวเอง


สมัยเรียนมัธยมปลายเขาเรียนโรงเรียนชายล้วนที่เป็นโรงเรียนประจำ และมีเพื่อนที่สนิทมากอยู่คนหนึ่ง ทั้งเป็นรูมเมทกัน เรียนห้องเดียวกัน ตัวติดกันเป็นคู่หู อยู่ด้วยกันตลอดเวลาจนกลายเป็นความเคยชิน


"เฮ้ยโช" ใบหน้าที่คุ้นเคยมีรอยแห่งความกังวลใจ "กูว่า กูชอบแอร์จริงๆ ว่ะ"

"...แล้วมึงจะบอกกูทำไมวะ"

"เอ้า มึงจะไม่ช่วยกูหรือไง เพื่อนจะเป็นฝั่งเป็นฝา ช่วยกันหน่อยสิวะ"


ตอนนั้น...เขาไม่ได้รู้สึกอะไร

ตอนที่วางแผนช่วยกันสร้างสถานการณ์หรือไปช่วยเลือกซื้อของให้นักเรียนสาวรุ่นน้องต่างโรงเรียนคนนั้น...ก็ยังไม่รู้สึกอะไร


"เชี่ยโช!! สำเร็จแล้วโว้ย! แอร์ยอมคบกับกูแล้ว! แผนมึงแม่งเจ๋งสาดดดดด"


โชติภัทรจำได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองดีใจขนาดไหนที่ทำให้เพื่อนสนิทดีใจขนาดนั้น


แต่หลังจากนั้นเขาก็พบแต่ความเหงาจนน่ากลัว

เพื่อนสนิทยังคงเป็นรูมเมท เป็นเพื่อนร่วมห้อง เป็นคู่หู เป็นทุกๆ อย่างเหมือนเดิม...แต่ความรู้สึกของเขาเองที่ไม่เหมือนเดิม

โชติภัทรรู้สึกเหมือนกำลังจะสูญเสียอะไรบางอย่างที่มีค่ามากแต่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร


จนกระทั่ง...

วันนั้นเป็นคืนวันอาทิตย์ที่ฝนตกหนัก เขากลับมาถึงหอดึกกว่าปกติเนื่องจากรถติด ด้วยว่าไม่มีร่มติดตัวจึงต้องอาศัยเดินหลบๆ ตามกันสาดของตึกมาจากป้ายรถเมล์ โชติภัทรตัดสินใจเดินฝ่าสายฝนในช่วงสุดท้าย โดยที่คิดว่าเมื่อถึงห้องจะรีบอาบน้ำก่อนที่จะไม่สบาย

แต่แล้ว...ก็ต้องยืนชะงักอยู่กลางสายฝน

ภาพของคู่รักที่เดินมาใต้ร่มคันเดียวกันไหลเข้ามาในครรลองสายตา ฝ่ายชายก้มลงไปพูดอะไรสักอย่างก่อนจะกดจมูกลงกับข้างแก้มของเด็กสาว


โชติภัทรได้รู้ว่าตัวเองเป็นเกย์ในวินาทีนั้น

วินาทีเดียวกับที่ได้รู้ว่าอกหักมันเจ็บแค่ไหน





แต่หลังจากความเจ็บเจียนตายก็กลายมาเป็นความหวาดกลัวจนหายใจไม่ออก

กลัวจะถูกคนที่รักรังเกียจ กลัวคนอื่นจะรู้ กลัวตัวเอง กลัวที่จะสนิทกับเพื่อนคนไหนอีก และกลัวไปหมดเสียทุกอย่าง ...และเหนืออื่นใดกลัวจะทำให้พ่อแม่เสียใจ


โชติภัทรเริ่มเก็บตัวมากขึ้น แต่ก็เป็นช่วงประจวบเหมาะกับภาวะใกล้สอบเอนทรานซ์ ทำให้ไม่มีใครรอบตัวมาใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อย...แม้กระทั่งเพื่อนสนิทคนนั้น


'พี่มีเรื่องอะไรกันแน่ ผมเป็นน้องก็จริงแต่พี่ก็พูดได้นะ แค่ระบายออกมาก็ยังดี'


วีรภัทรเป็นคนเดียวที่เคยมาคาดคั้นอย่างจริงจัง โชติภัทรไม่เคยบอกอะไร แต่น้องชายก็ย่อมรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ...และน่าจะรู้ไปจนถึงสาเหตุ

โชติภัทรไม่ใช่คนดีอะไรมากมาย แต่เพียงตัวเขาคนเดียวก็คงทำให้คนสองคนที่มีพระคุณต้องเสียใจ เขาไม่อยากให้พ่อแม่ใคร หรือผู้หญิงคนไหนเสียใจมากไปกว่านี้


นับจากวันนั้นเขาจึงหยุดคาดหวังกับชีวิต






คณะแพทยศาสตร์ไม่มีประเพณีรับน้อง โชติภัทรจึงมานั่งรอพี่ชายที่คณะวิศวะเนื่องจากเขายังจัดการเรื่องหอไม่เรียบร้อยเลยต้องไป-กลับบ้านอยู่

คนตัวเล็กที่เข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นเพื่อนร่วมคณะมีชื่อว่า กันตธีร์

กันตธีร์เป็นคนจีนชัดเจน ทั้งตาตี่และคางเล็ก ถ้าจะถามว่าหน้าตาดีหรือ...ก็ไม่ขนาดนั้น แต่เป็นคนที่หน้าหวานกว่าผู้ชายทั่วไป


ครั้งแรกที่คนตัวเล็กเข้าใจผิด เขาหาจังหวะที่จะแก้ตัวไม่ทัน

แต่ครั้งต่อมา...เขาตั้งใจ


โชติภัทรรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกความฝัน คนตรงหน้าเป็นคนที่ชีวิตนี้อาจจะไม่โคจรมาเจออีกเลยก็ได้ นั่นทำให้เขากล้า...ที่จะปล่อยใจ

วันที่กันตธีร์รู้ความจริง เขาก็แค่ถูกปลุกจากฝัน และเก็บฝันดีชั่วครั้งคราวนั่นเอาไว้เป็นพื้นที่พิเศษในจิตใจ


ชอบหรือ? รักหรือ?

ตอนนั้นเขายังลืมเพื่อนสนิทคนนั้นไม่ได้ด้วยซ้ำ...มันยังสดใหม่เกินไป แต่กันตธีร์คือความสบายใจที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนเดินอยู่ใต้ท้องฟ้าที่สดใส

ไม่ได้รัก ไม่ได้ชอบ ไม่ได้อยากครอบครอง...แค่ได้คิดถึงบ้างก็พอ


เวลา 3 ปีที่เขาคอยหลบหลีกคนตัวเล็ก โชติภัทรตั้งใจให้ทุกอย่างเป็นแค่สมบัติเล็กๆ ในหีบลับ เพราะเขาไม่อยากคาดหวังอะไรที่เป็นไปไม่ได้ และถึงเป็นไปได้เขาก็คงเสียใจที่ทำให้ใครอีกคนต้องมาตกนรกด้วยกัน


วันนั้นที่ฝนตกหนัก เขาเห็นคนตัวเล็กยืนอยู่หน้าห้องสมุด เวลาหลายปีทำให้ดูเปลี่ยนไปบ้าง ผมยาวขึ้น ใบหน้าดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นแต่ก็ยังเป็นคนคนเดิม

อาจจะด้วยระยะเวลาของอีกฝ่ายที่จะอยู่ในรั้วเดียวกันเหลืออีกไม่มาก ในใจของเขาจึงคิดแหกกฏเป็นครั้งแรก คิดแต่ว่าแค่ครั้งนี้...ครั้งเดียว คงไม่เป็นไร


แต่ใครจะคิดว่าอีก2วันถัดมาเขาจะได้รับน้ำเต้าหู้ถุงหนึ่งที่ฝากไว้ใต้หอพัก


น้ำเต้าหู้ถุงนั้นเย็นจนชืดแล้ว แต่กลับอุ่นวาบในหัวใจ


ไม่กล้าแม้แต่จะคิด เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดอะไร แต่ความรู้สึกพองตัวจนคับในอกก็ห้ามไม่ได้เลยจริงๆ

ไม่เป็นไร ยังไงก็คงไม่ได้เจอกันแล้ว เขายังพยายามคิดเช่นนั้น


แต่เมื่อนัดกับน้องชาย ทั้งที่มือถือแบตหมด ควรจะกลับหอไปชาร์ตก่อน แต่เขาก็เสี่ยงดวงไปที่คณะวิศวะ คิดว่ายังไงก็คงไม่เจอ แต่ก็ไปเพราะคาดหวังจากโอกาสอันน้อยนิด

โชติภัทรรู้สึกขัดแย้งในตัวเองแทบตาย แต่ก็จบลงด้วยการยิ้มให้กันตธีร์ทุกครั้ง สุขจนล้นอกแต่สัญญาณเตือนบางอย่างในหัวก็ดังลั่น


พอได้แล้ว...โชติภัทร

มากกว่านี้จะหยุดไม่ได้แล้วนะ


มันยังไม่ใช่ความรัก มันยังไม่ใช่...และอย่าให้มันเป็น


แต่คนตัวเล็กไม่เคยให้ความร่วมมือ รอยยิ้มกว้างจนตาหยีทำให้เขาลืมสิ่งที่ตั้งใจไปทุกครั้ง

เมื่อเขาเผลอเดินหน้าไปก้าวหนึ่ง กันตธีร์ก็ไม่เคยถอย แต่เมื่อเขาตั้งใจที่จะถอย กันตธีร์ก็เผลอเดินตามมา


ไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้คิดอะไร สมองส่วนเหตุผลรู้ดี ว่ากันตธีร์เป็นคนแบบนั้น ...ความรู้สึกช้าและไม่ละเอียดอ่อน


แต่หัวใจก็เต้นแรงขึ้นทุกที...ทุกที


จนแม้ไม่อยากจะยอมรับหรือให้มันเกิดขึ้น

เขาก็ตกหลุมรัก...อีกครั้ง






ริมฝีปากที่แตะกันอย่างเผลอไผลบดเบียดรับสัมผัสนุ่มนวลที่ถูกป้อน ความรู้สึกแปลกใหม่ดึงดูดให้ความคิดขาวโพลน เผลอตัวคว้าเสื้ออีกฝ่ายเป็นหลักยึดพร้อมฝ่ามืออุ่นที่เข้ามาช้อนต้นคอจนยิ่งแนบชิด

การรุกไล่อย่างอ่อนโยนให้ความรู้สึกหวามหวิวมากเกินกว่าจะตามทัน ความอุ่นร้อนค่อยๆ ดูดซับกลีบเนื้ออ่อนเคล้นคลึงจนเผลอหลุดเสียงครางจากลำคอ ปากบางเผยอออกเปิดทางเชิญชวนให้ล่วงล้ำเข้าไป ก่อนที่ปลายลิ้นที่เข้ามาหยอกเย้าจะทำให้รู้สึกตัว


กันตธีร์ผลักอีกฝ่ายเต็มแรงด้วยความตกใจ อ้อมกอดแข็งแรงคลายปล่อยให้เขาก้าวถอยออกไปคว้าชั้นหนังสือเป็นหลักยึด

เสียงหายใจถี่แรงของทั้งคู่ดังประสานกันในความเงียบ คนตัวเล็กรู้ว่าสายตาของอีกฝ่ายกำลังจ้องตรงมาไม่ละไปไหน...แต่เป็นเขาเองที่ไม่กล้าหันไปสบตา ชายหนุ่มเม้มปากที่ตึงช้ำอย่างไร้คำพูด


โชติภัทรมองท่าทางนั้นแล้วก็ได้แต่เงียบ นึกอยากจะย้อนเวลาไปหยุดสิ่งที่มันเกิดขึ้นเพราะทนเห็นสายตาสับสนของคนตรงหน้าไม่ไหว

แต่เขาเอง...ก็รู้ว่ามันต้องมาถึงจุดนี้ในที่สุด


"ธีร์" คนถูกเรียกสะดุ้งตัว "ธีร์รู้ว่าฉันอยากให้มันเป็นแบบไหน"


ดวงตารีเรียวตวัดมามองอย่างตกใจ


"ถึงเราจะไม่เคยคุยเรื่องนี้ แต่ว่า..."

"อย่าเพิ่งพูด!!!"


เสียงสั่นร้องห้ามขึ้นมา ใบหน้าขาวซับสีเลือดอย่างน่ามองแต่กลับทำให้อีกฝ่ายใจกระตุก


"ถ้า...ถ้าพูดออกมามันจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้วนะ"


คนตัวเล็กกอดอกเพื่อหยุดอาการสั่นจนน่าหงุดหงิดของตัวเอง ถึงแม้เพื่อนๆ จะพากันกรอกหูเรื่องผู้ชายตรงหน้ามานับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่เขาจะสำนึกจริงๆ ...โชติภัทรยังคาดหวังจากเขามากกว่านี้

รอยสัมผัสอุ่นจนร้อนยังคงติดอยู่ที่กลีบปาก รสชาติของการบดจูบยังคงชัดเจนจนชวนให้หวาดหวั่นใจ


"มากเกินไปหรือ"


เสียงนุ่มถาม กันตธีร์เงยหน้าสบตาเพื่อหาแววของการประชดประชัน...แต่ไม่มีและไม่เคยมีจากสายตาของคนที่มอบให้แต่ความจริงใจเสมอมา


ชายหนุ่มหลบตาวูบ ความรู้สึกประหลาดกลางอกทำให้พยักหน้าช้าๆ แล้วปล่อยให้ความเงียบที่น่าอึดอัดเข้าทับถมจนหายใจไม่ออก


"เข้าใจแล้ว"


รอยยิ้มจางๆ เหมือนทุกครั้งถูกส่งมา ก่อนที่ร่างสูงโปร่งจะหมุนตัวเดินจากไป







เขารู้ว่ามันจะต้องถึงจุดนี้สักวัน

กันตธีร์ไม่ได้เป็นเกย์...ที่ผ่านมาก็คบกับผู้หญิง

แต่เพราะเขาจริงจัง...ดังนั้นต่อให้ย้อนเวลาได้ โชติภัทรก็จะทำแบบเดิม






"เฮ้ย ตายยัง"


เนื้อคำกวนตีนแต่น้ำเสียงเป็นห่วงดังขึ้นจากทางปลายเท้าทำให้คนที่นอนหลับตาแต่ไม่หลับเงยหน้าขึ้นมอง เจ้าของเสียงเดินมานั่งที่ขอบเตียงเมื่อเห็นว่าเพื่อนร่วมห้องกลับไปนอนหลับตาอีกรอบ


"ยัง...แค่เกือบ"


คนฟังคำตอบขมวดคิ้วแล้ว ขยับไปชะโงกมองหน้า


"ไหวเปล่าวะ"

"ไม่...แต่ต้องไหว รู้สึกแย่ชะมัดเลยว่ะจี"

"เออ มึงรู้ไหมว่าคนดีเกินไปมันเป็นได้แค่พระรอง"


โชติภัทรหัวเราะหึ จิรัสย์ผู้เป็นรูมเมทจึงส่ายหัวแล้วลุกขึ้น


"คืนนี้กูอยู่เวร...ให้ภิณหรือโยมาอยู่เป็นเพื่อนไหม"

"...ไม่เป็นไร" ปฏิเสธอย่างเกรงใจแต่คนฟังกลับพูดไปอีกเรื่อง

"งั้นอีกสักพัก ภิณไปรับเคสอยู่"


ร่างสูงใหญ่ของเพื่อนร่วมห้องเดินไปคว้าเสื้อกาวน์แล้วเดินออกไป ก่อนจะหันกลับมาพูดเป็นคำสุดท้าย


"พูดจริงๆ กูว่ามึงไม่เหมาะกับบทพระรองว่ะ"


ทิ้งท้ายไว้ปล่อยให้คนที่นอนฟังอยู่หัวเราะขื่น


หนังสือที่วางอยู่ข้างหัวเตียงชวนให้ใจคิดไปถึงเจ้าของรอยยิ้มที่มาพร้อมกับดวงตาเป็นประกาย


"...ธีร์"


เสียงกระซิบแผ่วเบาราวกับต้องการให้ตนเท่านั้นที่ได้ยิน


"ธีร์"


"ธีร์"



"ธีร์"



"ธีร์..."


เรียกเสียให้พอ

เพราะถ้าตื่นจากฝันครั้งนี้

ชื่อนี้คงไม่มีวันได้เรียกอีกแล้ว





TBC



::TALK::

มาแล้วค่าาาาา [ช่วงนี้คนเขียนขยันเน้อออออออออ 5555  o13] จริงๆ คือเกือบลืมมาต่อ...ช่วงนี้กลับสู่ลูปของความวุ่นวายอีกครั้ง

เอาพระเอกมาอ้อนเรียกคะแนนความสงสาร[?]  :o12: สำหรับคนเขียนคิดว่าโชติภัทรก็ไม่ได้เป็นตัวละครที่เพอร์เฟคอะไร เป็นคนธรรมดาคนนึง จากนี้ก็คงจะได้เผยมุมของฝั่งโชมาเรื่อยๆ

ส่วนน้องธีร์...อย่าเพิ่งกรีดร้องเผาพริกเกลือกันนะคะะะะะ  :mew2: เรื่องนี้เป็นนิยายโทนฟ้าๆ ค่อยๆ ไหลไปเรื่อยๆ อาจจะฟ้าหม่นบ้างสดใสบ้างตามวาระ เอาเป็นว่ายังไงก็จบแบบสดใสนะคะ! ยืนยันหนักแน่น!!

แล้วก็ตอนถัดไป ถ้าเป็นไปได้จะรีบมาต่อนะคะ  :hao5: คงเป็นวันศุกร์เหมือนเดิม แต่งวดนี้อาจจะขอ2สัปดาห์ (ไม่กล้ารับปากสัปดาห์เดียว แง้ว) แต่จะพยายามนะคะๆๆๆๆ  :katai4: :katai4:

ขอบคุณคนอ่านทุกคนนะคะ จุ๊ฟ  :mew1: :mew1:



::comment::

mild-dy - อันนั้นก็จะเร็วไปนิดนึง 555 จะรีบมาต่อนะคะๆๆ

malula - อยากได้เกย์แฮนเมดต้องทำใจมั้งคะ 555555555555

Raiwyn - ไม่แข็งมั้งคะ...ก็ดูน่าจะนุ่มนิ่มดีออก //วิ่งหนี  :z6:

lune - ก็ประมาณนึงเลยค่ะ //หัวเราะชั่วร้าย

Zelsy - กว่าจะถึงจุดนี้ได้ 5555  :katai5:

[N]€ẃÿ{k}uñĢ - ขอบคุณนะคะะะ ดีใจมากที่ชอบเรื่องนี้ คนเขียนก็หลงรักโชธีร์เหมือนกัน  :-[ จะพยายามมาต่อไวๆนะคะ

cher7343 - เป็นนิยายเรื่อยๆอ่ะค่ะ 555

kokoro - ชอบเวลาธีร์โดนแหย่!  :hao6: (เขียนเองชอบเอง 555)

ตีสี่ - เป็นเช่นนี้เลยค่ะ ดราม่าเบาๆ เอิ้ก

iiam - ขอบคุณนะคะ ดีใจจังชอบ จะพยายามมาไวๆค่ะ!  :-[

quiicheh. - หวาย ไม่ให้เขาแก้ตัวหน่อยเหรอคะ 555 ส่วนคู่หลัก...คนเขียนก็อยากตั้งกล้องในห้องสมุดมากจริงๆค่ะ!  :hao6:

jaomaeysadid - เรื่องนี้จบแน่นอนค่าาาาาา จะพยายามมาต่อให้ไวที่สุดเท่าที่ทำได้ค่ะ  :katai4: ขอบคุณที่ติดตามนะคะ

ขอบคุณทุกกำลังใจ แล้วก็ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ คนเขียนจะปั่นสุดชีวิตแน่นอนค่ะ!!!  :katai4: :katai4: :katai4: รักคนอ่านมากจริงๆ!  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 17 [26/09/57 P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 26-09-2014 22:11:37
แงงงงงงงง  :sad4:สงสารโชจังเลย แต่ก็นะขอเวลาธีากหน่ยเถอะ มันต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปนัะ ถึงบรรดาแม่ยกจะถวายนู๋ธีใส่พานให้โชตั้งแต่ตอนแรกๆ ก็แล้วเหอะ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 17 [26/09/57 P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: หนูมาลีมีลูกแมวเหมียว ที่ 26-09-2014 22:19:30
มันช่างกรุ้บกริ้บอยู่ในใจ ฮิ้วววว -/////-
ชอบจังเลย ทำไมแลดูซาดิสต์ 55555
ชอบฉากที่มันหม่นๆหมองๆ มันทำให้รู้สึกเศร้าแต่แบบว่าก็ยังสุขใจ 55555
ภาวนาให้ตอนหน้านุ้งธีร์ได้รับรู้ว่าชอบโช เนอะะะ
งื้ออออ มาแบบเรื่อยๆความสัมพันธ์ก็ค่อยๆไปแล้วสุดท้ายก็แฮปปี้ ใช่มั้ยค่ะคนเขียนนนนน 5555
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 17 [26/09/57 P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 26-09-2014 22:41:11
 :m15:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 17 [26/09/57 P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-09-2014 23:06:12
สงสารโช~
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 17 [26/09/57 P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 26-09-2014 23:07:11
สงสารโชว์ แต่ก็เข้าใจธีร์นะ ว่าบางทีการยอมรับมันยากกว่าการบอกปัดเสียอีก
เรื่องแบบนี้คงต้องใช้เวลา ภาษายังคงน่าอ่านเหมือนเดิม
แล้วจะรออ่านต่อนะจ๊ะ ค่อยๆเขียนน๊าไม่ต้องรีบมากแต่มาต่อบ่อยๆ(เอ๊ะยังไง 555+)
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 17 [26/09/57 P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: 111223 ที่ 27-09-2014 03:31:07
สงสารโซ แต่ก็โกรธธีร์ไม่ลง
เพราะธีร์คงต้องสับสนมากแน่ๆ
คงต้องให้เวลาเป็นตัวช่วย แล้วอีกไม่นานธีร์คงได้คำตอบ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 17 [26/09/57 P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 27-09-2014 06:38:41
ธีร์ก็ต้องการเวลานะ คู่กันแล้วไม่แคล้วกันหรอก คนเขียนบอกแล้วว่าแฮปปี้ :laugh:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 17 [26/09/57 P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 27-09-2014 07:23:29
น้องโช น่าสงสาร สนใจเอาเจ๊ไปแก้ขัดดามใจชั่วคราวก่อนมั้ย  :oo1:
น้องธีร์ก็รีบสำรวจใจนะคะ
เดี๋ยวโดนขโมยพระรองคนนี้ แล้วจะเสียจายยย
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 17 [26/09/57 P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 27-09-2014 09:39:54
โอ้ยยยยยยโชเจ็บอะ
ใจจะขาดดดดโชขาาาาาาาT_T
ธีร์รีบๆคิดได้ สงสารโช5555555
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วววว ลุ้นมาก
ดูโชถ้าคบกับธีร์คงทุ่มทุนมาก
ฮึกธีร์ไม่เอาเค้าขอนะฮิๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 17 [26/09/57 P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: velvetronica ที่ 03-10-2014 21:11:20
18




อากาศอบอ้าวเหมือนฟ้าฝนร่ำๆ จะสาดโครมลงมาให้ชุ่มฉ่ำไม่เข้ากับช่วงเวลาปลายปีแม้แต่น้อย


ใครบอกกันว่าปลายฝนต้นหนาว...

มีแต่ร้อนชื้นชัดๆ


กันตธีร์บ่นในใจอย่างหงุดหงิด แล้วเอามือเสยผมที่หน้าผากกับท้ายทอยอย่างรำคาญที่มันปรกลงมาจนนึกอยากจะเดินลงไปตัดมันตอนนี้

อากาศก็แย่ ผมก็ยาว งานก็ไม่เดิน อารมณ์ก็หงุดหงิด

คิดแล้วก็ถอนหายใจยาวๆ ให้อีกทีเป็นการตบท้ายซีรีส์เรื่องวงเวียนชีวิตบัดซบ


“ถ้ามึงถอนหายใจอีกทีกูจะถีบมึงออกจากห้อง”


ประโยคที่ฟังคุ้นหูเหมือนเคยได้ยินมาแล้วดังขึ้นจากกฤษณ์ที่ส่งเสียงคำรามมาจากอีกมุมห้อง เพียงแต่คราวนี้เขาเครียดจริง...เลยเล่นไม่ออกแบบคราวที่แล้ว


“โทษที”


งึมงำตอบไปแบบเหี่ยวแห้งจนคนแยกเขี้ยวขู่เมื่อครู่หน้าเหวอไป กฤษณ์หันไปสบตากับเพื่อนร่วมห้องลี้ภัยฉุกเฉินที่เงยหน้ามาอย่างสนใจเช่นกัน วีรินทร์มองคนที่ดูจะงุ่นง่านอารมณ์ไม่คงที่มาหลายวันก่อนจะตัดสินใจหันไปสะกิดเรียกให้ออกไปซื้อที่เซเว่นใต้หอเป็นเพื่อน


“เป็นอะไร” คำถามตรงประเด็นดังออกมาทันทีที่เดินจากห้อง “อย่าบอกว่าไม่เป็นไร ไม่ได้ตาบอด”


กันตธีร์อ้าปากแล้วก็หุบเหมือนปลาทองเพราะโดนดักคอ


“วันนั้นเกิดอะไรขึ้น” หมัดฮุคซ้ายถูกปล่อยมาก่อนตามด้วยอัปเปอร์คัทเสยปลายคาง “ทะเลาะกับโชติภัทรหรือไง”


น็อคเอาท์ตายสนิท...


“...ชัดขนาดนั้นเลยหรือ” ยิ้มแหยนำทัพไปก่อน

“เปล่า” คนหน้าสวยยิ้มปลอบ “ที่ดูออกเพราะคอยจับผิดอยู่น่ะ”

“จับผิด?”

“เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ในกลุ่มเพื่อนมันสนุกจะตาย” ว่าหน้าตาย...ช่างเป็นคำพูดที่ไม่เข้ากับคนเพิ่งอกหักร้ายแรงแม้แต่น้อย “แล้วสรุปว่าทะเลาะ?”

“ก็เปล่าหรอก...” เขาเองก็ไม่รู้จะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นยังไง เพราะอีกฝ่ายก็แค่เดินออกไป...ออกไปเลย “แต่ก็ตึงๆ เข้าหน้าไม่ติดกันยังไงไม่รู้”

“ไม่ใช่ว่าไปพลาดท่าเสียตัวมาแล้วใช่ไหม” ถามด้วยน้ำเสียงเหมือนคำถามประเภทวันนี้กินอะไรหรือยัง แต่เนื้อความจริงกลับทำคนฟังหน้าร้อนวาบทันที

“เอาอะไรคิดวะไอ้บ้า!!!”

“ก็วันนั้นกลับมาหน้าซีด...แต่ปากงี้บวมเจ่อ อุตส่าห์ไม่ทักแล้วนะ ถ้าเจมาเห็นได้มีองค์เจ้าแม่กาลีปางล้างโลกลง”


คำตอบแบบผู้มีประสบการณ์ทำเอาผงะหน้าซีดหน้าแดง วีรินทร์ผู้ปลีกวิเวกไม่สนเรื่องชาวบ้านหายไปไหนกัน ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ด้วยกันชายหนุ่มชักจะเห็นด้านที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเยอะเกินไปแล้ว


“มันก็...แค่นั้นแหละ” ปฏิเสธไปก็คงไม่พ้นหูพ้นตาอยู่ดีจึงได้แต่อ้อมแอ้มรับสารภาพเสียงอ่อย

“ก็ดีแล้ว...อย่ายอมง่ายๆ รู้ไหม ถึงไอ้เราๆ จะสปาร์คกันง่ายกว่าผู้หญิง แถมยังท้องไม่ได้...แต่เสียไปแล้วมันเอาคืนไม่ได้นะ”

“เดี๋ยวซอลเดี๋ยว...”


คนอารมณ์ไม่ดีลืมอารมณ์ไม่ดีไปหมดสิ้นกับบทสนทนาที่ลึกล้ำเกินขอบเขตสามัญสำนึกทำเอารู้สึกเหมือนสมองไหม้จนมีควันกรุ่นๆ ลอยออกมา ส่วนคนพูดก็เหมือนจะตั้งใจหลุดประเด็นเพื่อแกล้งเล่น เลยหัวเราะขำแล้ววกกลับมาถามเรื่องเดิม


“ก็...เรื่องนี้” ชี้ที่ปากตัวเองอย่างเก้อๆ แทนการพูด

“รังเกียจ?” ถามนำก่อนจะได้อาการส่ายหัวเป็นคำตอบ

“...มันก็ไม่เชิง”

“มันไม่ดี?” คำถามแบบที่น่าจะถามกลับว่าอะไรที่ไม่ดี แต่ก็เกรงจะได้คำถามที่น่าลมจับหนักกว่าเดิม

“...ก็ไม่ คือก็ใช่...เออ มันไม่ได้แย่ที่ตรงนี้” พูดไปก็รู้สึกกระดากอาย ได้แต่หวังว่าจะไม่มีใครเดินมาได้ยินไอ้บทสนทนาฝังกลบตัวเองครั้งนี้ “แค่ไม่ชอบที่มันเป็นแบบนี้...มันแย่ที่นี่”


เอานิ้วแตะหน้าอกตัวเอง วีรินทร์มองท่าทางนั้นก็เม้มปาก


“พอบอกไปก็เลยมึนตึงสินะ”

“ก็...นะ”

“แล้วไม่คิดจะทำอะไรหรือ”

“...ยังคิดไม่ออก” ยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเหี่ยวลง “ว่าจะทำยังไงถึงดี”


ว่าแค่นั้นก็เงียบไป แต่ทั้งคนพูดคนฟังก็รับรู้ได้ว่าสิ่งที่ยังคิดไม่ออก...คืออยากให้เป็นแบบไหนต่างหาก


“...แต่ถ้าปล่อยไปอีก โชติภัทรก็คงจะเศร้านานขึ้นอีก” วีรินทร์พูดขึ้นในที่สุด ดวงตาสวยฉายแววที่กันตธีร์ไม่อยากมอง “คนที่ต้องอยู่ด้วยความรู้สึกครึ่งๆ กลางๆ มันแย่มากเลยนะ”


ชายหนุ่มหลบตา ก่อนจะหลับตาลงเมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย


“ถ้าเขาไม่โทรมาก็โทรไปหาเถอะ ธีร์ยังมีสิทธิ์ที่จะโทรไปนะ”


++++++


จนแล้วจนรอด...ก็เอาแต่นั่งจ้องมือถือแล้วไม่ได้กดโทร


กันตธีร์ถอนหายใจเมื่อเหลือบไปเห็นมือถือที่จอดำมืด หลายวันมานี้ไม่ยินเสียงริงโทนของตัวเองจนเกือบลืมไปแล้วว่าตั้งเพลงอะไรไว้


ถ้าถอนหายใจแล้วอายุสั้นจริง...กันตธีร์คงตายวันพรุ่งนี้


วีรินทร์ทำเป็นไม่เห็นอาการเงื่อยหงอยอย่างต่อเนื่องนั้นแล้วหันไปเรียกเก็บเงินกับเจ้าของร้าน ส่วนกฤษณ์ก็เหล่มองเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร


เมื่อวานที่ร้อนจนลิ้นห้อยทำเอาฝนตกลงมาตอนกลางดึกตามคาด แม้เช้านี้จะหยุดตกแล้วแต่พื้นเปียกแฉะทำให้ทั้งสามไม่อยากเดินไปไหนไกล สุดท้ายจึงได้ลงเอยกับร้านตามสั่งใกล้หอพักที่ฝากท้องมานานหลายปี

เงินทอนขาดๆ เกินๆ ถูกลูกจ้างชาวประเทศเพื่อนบ้านทำมือเป็นตัวเลข แล้วยื่นให้ด้วยสีหน้าตีมึน จนคนเรียกเก็บเงินต้องลุกไปเคลียร์กับเจ๊เจ้าของร้านที่หน้าเตา


“ไปเลยมะ”


กฤษณ์หันมาสะกิดเพื่อนที่ดูจะจิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวให้ลุกขึ้นตาม


กันตธีร์ก้าวตามมึนๆ มือกำโทรศัพท์ไว้แน่นราวกับอวัยวะที่สามสิบสาม ทั้งๆ ที่ไม่ติดsocial networkแต่เขากลับไม่สามารถละความสนใจออกไปจากหน้าจอมืดๆ ได้เลยจึงได้แต่ถือเอาไว้ให้อุ่นใจ

แต่คนที่เดินสวนเข้ามาในร้านกลับทำให้มืออ่อนจนแทบทำตก


โชติภัทรดูโทรมลงจนเป็นที่สังเกต ขอบตาล่างดูเข้มขึ้นแม้จะถูกบังด้วยกรอบแว่น สีหน้าเรียบตึงที่ไม่คุ้นเคยทำให้รู้สึกใจกระตุกอย่างประหลาด ดวงตาเบื้องหลังเลนส์ฉายแววตกใจที่เจอเขาออกมาชั่วครู่ก่อนจะหายไป รอยยิ้มจางๆ ที่คุ้นเคยทำให้ใจชื้นขึ้น แต่กริยาที่ทำท่าเหมือนจะเดินผ่านไปกลับให้ความรู้สึกเสียดที่กลางอกจนเผลอมือไวไปกว่าความคิด


“...ออกไปคุยกันข้างนอกไหม”


ชายหนุ่มไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองทำอะไรลงไปจนเสียงนุ่มดังขึ้น มือสากอย่างคนทำงานปลดมือกันตธีร์ที่คว้าแขนไว้ออกอย่างสุภาพ แล้วเอาอีกข้างแตะข้อศอกเบาๆ ให้เดินออกมาเนื่องจากขวางทางหน้าร้าน


“งั้นเจอบนห้องเลยนะธีร์” วีรินทร์หันมาบอกพร้อมกับลากท่อนแขนที่แทบจะใหญ่กว่าขาตัวเองของเพื่อนที่ยืนจ้องอยู่ให้ออกไปพร้อมกัน


โชติภัทรเดินนำมาถึงมุมตึกที่ไม่มีคนเดินผ่านก่อนจะหันมาแล้วยืนรอให้คนตัวเล็กเป็นฝ่ายพูด กันตธีร์กำมือแน่นแล้วก้มมองพื้น

เขาไม่ควรทำแบบนี้...ในเมื่อยังคิดอะไรไม่ออกเลยแม้แต่นิดเดียว

ความเงียบที่น่าอึดอัดทำให้ยิ่งรู้สึกกระวนกระวายเพราะบรรยากาศรอบตัวอีกฝ่ายไม่เคยเป็นแบบนี้


“...มีอะไรหรือเปล่า”


สุดท้ายก็ยังเป็นโชติภัทรที่ยอมออกปากก่อน


“...ขอโทษ” คำแรกที่หลุดออกไปฟังดูไม่เข้าท่าสักนิดแต่ก็เก็บกลับมาไม่ทันแล้ว

“ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษ” รอยยิ้มของคนตรงหน้าไม่ชวนให้สบายใจเหมือนเคย “...ขอโทษที่ทำให้ลำบากใจ”

“ฉัน...” ทุกอย่างในหัวตีรวนกันไปหมดจนเรียบเรียงออกมาไม่ได้

“จะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว ขอโท...”

“ฉันไม่ได้รังเกียจ!!”


เพราะประโยคก่อนหน้ามันเสียดแทงเกินไปจึงเผลอตัวโพล่งออกไปแบบนั้น ท่าทางแบบนั้นของอีกฝ่าย...เขาไม่อยากเห็น

กันตธีร์คิดว่าตัวเองแย่ แต่พอเจออีกฝ่ายก็ได้รู้ว่าใครกันแน่ที่แย่ โชติภัทรยังดูดีเหมือนเดิม แต่สีหน้าเลวร้ายสิ้นดี...มันเป็นสีหน้าที่เขาเห็นจากวีรินทร์ในเวลาเผลอ


สีหน้าของคนที่ไม่สมหวังในความรัก


แค่คิดว่าตนคือสาเหตุทั้งมวลของความอึมครึมที่ไม่ชัดเจนก็รู้สึกทนไม่ได้...ถึงแม้เขาไม่รู้จะเรียกมันว่าอะไรก็ตาม






“...อย่าสงสาร”


กันตธีร์สะดุ้งกับคำพูดนั้นจนเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่าย


 “เพราะมันใจร้ายยิ่งกว่าปฏิเสธเสียอีก”

“ฉันไม่ได้...” อ้าปากจะค้านแต่ก็โดนคนที่มีแต่แววตาเจ็บปวดพูดแทรก

“งั้นจูบฉันสิ”


กันตธีร์เบิกตามองคนตรงหน้า สีหน้าที่ไม่มีรอยยิ้มจางๆ เหมือนเป็นใครอีกคนที่เขาไม่รู้จักทำให้รู้สึกกลัว เมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าคนฟังยืนนิ่งก็กลับสาวเท้าเข้ามาใกล้จนผงะ แต่แขนแข็งแกร่งก็รวบเอาคนตัวเล็กที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเข้ามากักขังอย่างง่ายดาย

ใบหน้าของอีกฝ่ายก้มลงมาชิดจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่ข้างแก้ม อารามตกใจทำให้กันตธีร์พยายามดันแผ่นอกอีกฝ่ายออกแล้วเบี่ยงหน้าหนี แต่สุดท้ายก็เป็นโชติภัทรเองที่หยุดแล้วหันหน้าไปซบลงบนบ่าแทน เขาจึงเลิกผลักแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายยืนกอดอยู่อย่างนั้น

มือที่วางอยู่บนอกสัมผัสได้ถึงหัวใจที่กำลังเต้นรัวแรง


“ขอโทษ”


เสียงทุ้มสั่นเครืออย่างที่ไม่เคยได้ยินทำให้ความรู้สึกแปล๊บแล่นไปทั่วอกจนเผลอกำเสื้ออีกฝ่ายไว้จนแน่น


“ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปฉันคงทนไม่ได้...คงทำให้ธีร์ต้องลำบากใจอีก”


โชติภัทรกระซิบบอก ก่อนจะเงยหน้าขึ้น คลายอ้อมกอดแล้วก้าวถอยออกมา


“ถ้าธีร์อยากได้เพื่อน...ฉันก็จะเป็นเพื่อน แต่มันไม่มีทางเหมือนเดิมเพราะฉันไม่เคยมองว่าธีร์เป็นแค่เพื่อน”


มืออุ่นจัดแตะมือที่ขยุ้มเสื้อไว้แน่นจนยับยู่ยี่ แล้วค่อยๆ แกะออกอย่างทะนุถนอม


“ขอเวลาหน่อยนะ...ฉันจะพยายามเป็นเพื่อนกับ ‘นาย’ ”


โชติภัทรหันหลังให้กับคนที่ตัวเองรัก แล้วก้าวออกมาอย่างมั่นคง...โดยไม่หันไปมองสีหน้าของฝ่ายที่ถูกทิ้งไว้แม้แต่นิดเดียว






“ไอ้เหี้ย!”


คอเสื้อถูกกระชากอย่างแรงแต่สีหน้ากลับไม่เปลี่ยนแม้แต่นิด จนฝ่ายที่เริ่มก่อนยิ่งโกรธหนักกว่าเดิม


“แอบฟังคนคุยกันนี่มันไร้มารยาทมากเลยนะ” โชติภัทรพูดนิ่งๆ มองหน้าคนที่แทบจะกำหมัดมาซัดหน้าได้อยู่รอมร่อ กฤษณ์กัดฟันแน่นอย่างระงับอารมณ์ “อยากต่อยก็ต่อยมา”

“มึงชอบธีร์ไม่ใช่หรือไง!? ทำเหี้ยๆ แบบนี้กับคนที่ตัวเองบอกว่าชอบเพื่ออะไรวะ!”


ตะคอกเสียงดัง มือใหญ่สั่นไปด้วยความโกรธ...โกรธที่เห็นเพื่อนเสียใจ


“...มึงไม่รู้หรือไงว่าธีร์มันกำลังสับสน มึงคิดถึงความรู้สึกของธีร์บ้างมั๊ย!?”


โชติภัทรสบตาอีกฝ่ายที่มีแต่แรงอารมณ์ ก่อนจะตอบด้วยเสียงที่ราบเรียบ


“รู้สิ”


ชายหนุ่มกระชากมือที่คอเสื้อของตนเอง


“...เพราะรักจริงๆ ยังไงล่ะ”


ดวงตาสีเข้มไหววูบ


“เพราะรัก...เพราะจริงจัง ธีร์ถึงต้องตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”









“ธีร์”


คนถูกเรียกสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะก้มหน้าเมื่อได้ยินเสียงว่าเพื่อนกำลังเดินมาหาจากด้านหลัง


“ซอล...ยังไม่ได้ขึ้นห้องไปอีกหรือ” เขาพูดด้วยเสียงที่พยายามบีบให้เป็นปกติ

“อื้อ” วีรินทร์ตอบเบาๆ แล้วเดินเข้ามาใกล้

“ขึ้นไปก่อนเลย เดี๋ยวตามขึ้นไป”

“ธีร์” เสียงแหบเรียกอีกครั้งแล้วแตะไหล่เบาๆ “หันมาเถอะ”


กันตธีร์เม้มปากก้มหน้าให้ต่ำลงกว่าเดิม แล้วปล่อยให้หยดน้ำใสๆ ทิ้งตัวหล่นลงบนพื้น วีรินทร์พึมพำอะไรสักอย่างที่เขาจับใจความไม่ได้ก่อนจะรั้งตัวเพื่อนให้หันมาแล้วสวมกอดแน่นๆ


“ร้องออกมาเหอะ...เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเอง”


คำปลอบที่ฟังดูไม่เข้าท่าสักนิดทำให้ชายหนุ่มปล่อยก้อนสะอื้นออกมากับไหล่ผอมบางของเพื่อน


กันตธีร์จะกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้อยู่แล้ว...ถ้าประโยคสุดท้ายโชติภัทรเรียกชื่อเขา


คนคนนั้นใส่ใจเรื่องชื่อเป็นพิเศษเสมอ...ทุกครั้งที่เจอหน้า เสียงนุ่มก็จะเรียกชื่อก่อน หรือแม้แต่การพิมพ์

เพราะชื่อ 'ธีร์' มันพิมพ์ยาก เพื่อนทุกคนเลยพิมพ์เป็น 'ที' ไปซะหมด...มีแต่โชติภัทรคนเดียวเท่านั้นที่ตั้งใจพิมพ์ให้มันถูกต้องทุกครั้ง

ทั้งๆ ที่ใส่ใจขนาดนั้น ทั้งๆ ที่ไม่เคยละเลยรายละเอียดเล็กน้อยแม้เพียงนิดเดียว ถ้าวันนี้ไม่เรียกชื่อกันแล้ว...คงจะไม่มีอีกแล้วจริงๆ


‘ธีร์’ ของโชติภัทร


กันตธีร์ยังคงไม่รู้ว่าคำตอบของตัวเองคืออะไร แต่ความเปลี่ยนแปลงแค่นี้ก็ทำให้โลกตรงหน้ามันบิดเบี้ยวไปหมด

แล้วที่ว่าไม่เหมือนเดิม...เขาจะทนมันได้ยังไงกัน






น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าทิ้งตัวลงมาผ่านวงแก้ม เสียงสะอื้นแผ่วเบาดังไปตามสายลมที่เต็มไปด้วยความชื้นแฉะ

ท้องฟ้าสีหม่นหมอง...กำลังร้องไห้อยู่เหมือนกัน




TBC



::TALK::

คนอ่านมิได้ตาฝาดดดดดดดดดดดด   :a5: :a5: :a5:

ครั้งนี้คนเขียนมาเร็วกว่ากำหนดจริงๆค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาา  :katai4: :katai4: :katai4: [ไม่เคยปรากฎมาก่อนในประวัติศาสตร์]

คนเขียนขยัน[?]มากจริงๆ ขอรางวัลจากคนอ่านด้วยนะคะ //อ้อน  :-[

ตอนนี้คนเขียนกำลังชีวิตอึมครึม เลยมานั่งเขียนตอนอึมครึมมันซะเลย เอาให้สุด

ตอนที่แล้วเอาพระเอกมาเรียกคะแนนสงสาร  :mew6: ตอนนี้ขอเอาน้องธีร์มาเรียกคะแนนบ้าง [คนเขียนอยากเข้าไปโอ๋ โฮก] ธีร์เองก็มีเรื่องที่ต้องคิดเยอะเหมือนกันค่ะ คนเขียนเองคิดว่ามันก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับธีร์เหมือนกัน

ว่าแล้วก็พูดถึงซอลซะหน่อย...ซอลเป็นตัวละครที่คนเขียนชอบมากในแง่ที่หลุดจากกรอบของตัวละครอื่นๆ คือซอลเป็นตัวละครที่มีเรื่องราวชีวิตค่อนข้างผาดโผน คนเขียนสร้างหนูซอลขึ้นมาเพราะอยากให้มีตัวแทนของชีวิตอีกแบบให้เปรียบเทียบ ในเรื่องนี้นางเลยอกหักตามระเบียบ แต่ก็เป็นตัวละครที่คนเขียนคิดว่า โตที่สุดในเรื่อง ในหลายๆ แง่ ดังนั้น...สุดท้ายก็อยากให้ซอลได้สมหวังเหมือนกันค่ะ [แต่คงจะไม่ใช่ในเรื่องนี้ ไทม์ไลน์มันไม่ได้]

สำหรับตอนหน้าเมื่อไหร่ดีนะ 5555 ความจริงคือคนเขียนยุ่งมากค่ะช่วงนี้  :katai5: แต่ออกอาการหนีความจริงมาเขียนนิยาย [ไม่ควรเอาอย่างสุดๆ] เอาเป็นว่า...หากฟิตจริงๆ จะได้เจอกันวันศุกร์หน้า แต่ถ้าไม่ก็ศุกร์ถัดไปนะคะ อ้อ แล้วก็คนเขียนเพิ่งสมัครทวิตเตอร์[ในวันนี้สดๆ ร้อนๆ] ว่าจะเอาไว้อัพเดตเรื่องอัพนิยายด้วย ก็ติดตามกันได้นะคะ เผื่อแจ้งข่าวใดๆ >> https://twitter.com/velvetronica (https://twitter.com/velvetronica)

เจอกันตอนหน้านะคะ รักคนอ่านเสมออออออ  :กอด1: :กอด1:




::comment::

GintoniC - คนเขียนก็อยากใส่พานถวายค่ะ 555 แต่มันก็ไม่ง่ายอ่ะเน้อ
หนูมาลีมีลูกแมวเหมียว - อุ้ย ขอบคุณค่า คนเขียนก็ชอบเหมือนกัน 5555 ดราม่าเบาๆ แต่จบแฮปปี้แน่นอนค่ะ
cher7343 -  :กอด1:
mild-dy - สงสารธีร์ด้วยนะคะะะะ  :hao5:
[N]€ẃÿ{k}uñĢ - มันยากจริงๆ ล่ะค่ะ ธีร์เองก็ไม่อยากทำร้ายความรู้สึกของอีกคน มันถึงได้ยากขนาดนี้
111223 - ธีร์เองก็ต้องคิดหลายอย่างอ่ะค่ะ มันต้องใช้เวลาจริงๆ
BeeRY - ก๊ากกกก คนเขียนลิขิตค่ะ! มันต้องไม่แคล้วกันแน่นอน!!
kokoro - เหยยยย คนเขียนขอแย่งด้วยได้ไหมคะะะะะ 555
quiicheh. - ธีร์เองก็ใจจะขาดนะคะ 555 โชเป็นพวก...all or none เลยค่ะ [อุ้ย เอาความลับมาเปิดเผย]

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนท์เลยนะคะ [มีคนพร้อมดามใจให้โชหลายคนมาก พระเอกเราป๊อปปูล่าจริงๆ]  :-[ จะพยายามมาต่อไวๆนะคะ เลิฟฟฟฟฟ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 17 [03/10/57 P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: OrangeryLemon ที่ 03-10-2014 21:37:49

สงสารทั้งธีร์และโชเลย
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 18 [03/10/57 P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 03-10-2014 22:14:52
 รู้สึกเศร้าไปกับ ธีร์และโช:mew6: :mew6: :mew6:
  :z3: :z3: :z3:
 
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 18 [03/10/57 P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 03-10-2014 23:06:52
+1 เป็นรางวัลให้คนเขียน พร้อมแบมือ ขอตอนต่อไปด้วยน๊า ^^
ตอนนี้อารมณ์บีบคั้นพอควร อ่านแล้วสงสารโช แต่ขณะเดียวกันก็เข้าใจ ธีร์
บางครั้งเวลาเรารู้สึกอะไรสักอย่างเราก็ไม่ได้แน่ใจจริงๆหรอกว่าเราพร้อม
จะยอมความรู้สึกนั้นจริงๆ ยิ่งถ้าการยอมรับนั้นมันต้องเข้ามามีผลต่อตัวเรา
ยิ่งมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ทุกการตัดสินใจยิ่งเข้าไปเท่านั้น
ชอบตัวละคร ซอล เหมือนกันดูมีมิติที่แตกต่างจากตัวละครอื่นจริง
ดูน่าสนใจ และดูมีส่วนช่วยต่อการตัดสินใจของธีร์พอสมควร
คาดว่าในอนาคตจะมีบทบาทมากขึ้นเพราะสามารถเขียนถ่ายทอดได้หลายมุมมอง
แล้วจะรอ่านต่อน๊า คราวนี้ไม่ได้บอกว่าจะลงวันศุกร์เลยถือว่าจะลงก่อนหน้านั้น
^^
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 18 [03/10/57 P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: Raiwyn ที่ 03-10-2014 23:14:35
ชอบโชโหมดเย็นชาๆจัง ต้องแบบนี้แหละธีร์จะได้ยอมรับใจตัวเองนะ อดทนไว้ ใกล้ละๆ  :o12:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 18 [03/10/57 P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 03-10-2014 23:40:12
 :m15:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 18 [03/10/57 P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: ตีสี่ ที่ 04-10-2014 00:03:32
อ่านย่อหน้าแรกของตอนนี้ อยากจะบอกว่างงเล็กน้อย สงสัยในใจว่าเราไม่ได้อ่านเรื่องนี้นานขนาดนั้นเลยหรือ (ประมาณว่าจำหมายเลขตอนไม่ได้อ่ะ)  เลยย้อนกลับไปดูก่อนหน้า ก็เอ้า!!! อ่านแล้วนี่หว่า พออ่านไปเรื่อยๆก็อ่อ อย่างนี้นี่เอง

เข้าใจความรู้สึกของโชนะ รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ลึกๆก็แอบที่จะคาดหวังหรืออยากจะลองพยายามดูสักครั้ง จะว่าไปมันก็เป็นข้อเสียของพวกที่ใช้สมองในการดำเนินชีวิตละนะ
ชอบตอนที่เรียกชื่อธีร์ซ้ำๆอ่ะ อ่านแล้วให้ความรู้สึกว่าโชกำลังลังเลเต็มที่เลย ระหว่างการตัดใจกับพยายามต่อ แต่สมองก็สั่งแล้วให้ตัดใจ


ทีนี้พอย้อนกลับไปหน้าเว็บอีกที เอ้ยตอนที่ 18 เอ่าอะไรฟร่ะ ตกลงก็นั่นแหละ มองไม่เห็น สงสัยกำลังอินกับตอนที่17 ทั้งที่ก็มีจั่วหัวตอนที่18
แล้วพออ่านตอนที่18 สรุปแล้วโชก็พอจะรู้สึกได้ใช่ไหมว่าธีร์ก็พอจะมีใจให้เหมือนกัน ไม่ชอบใจนะโช ถ้านายจะจงใจตีตัวออกห่างเพื่อให้ธีร์รู้สึกตัวอ่ะ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 18 [03/10/57 P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 04-10-2014 06:00:02
แหม่ ตอนนี้เรียกน้ำตาดีจริง เจ็บปวดใจตามไปด้วยเลย สงสารง่ะ :mew6:
ธีร์ต้องมีความกล้าจะเดินออกมาจากกำแพงของตัวเองนะ มันต้องมีวันนั่นแน่ๆ ก็ถึงขั้นเสียน้ำตาให้โชแล้วนินา :o12:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 18 [03/10/57 P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 04-10-2014 06:32:47
อารมณ์หน่วงจิตมาละ
โอ๊ยยยยยย
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 18 [03/10/57 P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 04-10-2014 07:49:20
อยากเป็นให้ได้แบบโช แต่ทำได้แค่คิดตลอด 555

ไหนๆก็โดนเร่งปฏิกริยาขนาดนี้
หลังร้องไห้แล้วก็นึกภาพตอนไม่มีธีร์ไว้เยอะๆนะ
จะได้ยอมตัดใจฮึดมาวัดใจกับโชอีกครั้ง
ถึงเสียใจก็คงมีซอลคอยปลอบละ  :a5:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 18 [03/10/57 P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 04-10-2014 10:26:31
จริงๆธีร์ก็แคร์โชเหมือนกัน
ไม่งั้นไม่ร้องไห้ให้โชขนาดนี้หรอก
แต่พระเอกคุมอารมณ์ดีมาก ปลาบปลื้ม❤️_❤️
อยากให้เลิกมึนตึงกันได้แล้ว
เจ็บแทนมากๆ ฮืออออออออ

แอบอยากอ่านเรื่องซอลค่ะ คนแข็งแกร่งของเพพ่
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 18 [03/10/57 P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 04-10-2014 10:48:36
โถใคร ๆ ก็กดดันน้องธีร์
ต่อให้ชาย หญิง ก็ยังต้องคิดดี ๆ เลยนะ ถ้าหากคิดจะจริงจัง
แล้วนี่ยากกว่าสิบเท่า ต้องให้ทั้งคู่แน่ใจจริง ๆ
ธีร์มั่นใจในตัวโชหน่อยนะ

หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 18 [03/10/57 P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 04-10-2014 14:42:00
สงสารทั้งสองคนเลยอ่ะ  :hao5: ธีย์มีใจให้โชแน่ล่ะ แต่ยังสับสนในตัวเอง ขอเวลาให้ธีย์หน่อยน่ะโช  :hao5:

ปล.คนเขียนมาต่อเลย ค้างงงงงง
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 18 [03/10/57 P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 04-10-2014 14:49:17
ครึ้มฟ้าครึ้มฝนไปหน่อยนะช่วงนี้

ธีร์จ่าาาาาาา :sad4:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 18 [03/10/57 P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: หนูมาลีมีลูกแมวเหมียว ที่ 04-10-2014 20:08:23
จงผ่านไป เพี้ยงง
ตอนต่อไป ขอไม่อึมครึ้มน้าาาา
ขอแบบฟ้าหลังฝนได้มั้ยยยยย
สงสารทั้งโชและธีร์อ่ะ อืม ชื่อธีร์พิมพ์ยากจริงๆนั้นแหละ เนอะ 55555
จริงๆโชต้องรอเวลานิดนึงนะสุดหล่อ ขอเวลาให้ธีร์คนน่ารักหน่อยยย รายนั้นยิ่งมึนๆอยู่ 5555
แต่ตอนเรียกนายนี่แบบว่า ถ้าเราเป็นธีร์คงร้องตอนนั้นไปแล้ว ถ้าคนที่สนิทด้วยไม่เรียกชื่อแล้วนี้แบบ เจ็บปวดรวดร้าวเศร้าโศกโศกาอาลัยอาวรณ์ยิ่งนีก ง่อววว *นังบ้านี้พล่ามอัลไล 5555
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 18 [03/10/57 P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 10-10-2014 03:24:24
เพิ่งได้มาอ่านนะคะ แต่ชอบมากค่ะ กรี๊ด พระเอกแบบนี้น้องธีร์อย่าให้หลุดมือนะคะ รีบรู้ใจตัวเองได้แล้ว

เชียร์ค่ะ!
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 18 [03/10/57 P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: อินะซัง ที่ 10-10-2014 09:31:29
       อ่านรวดเดียวเลยจ้า :t3:

        ส่วนตัว ชอบวิธีการดำเนินเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว เรียบง่าย แต่ในความไม่มีอะไร
ที่จริงมี อะไรที่น่าติดตาม มันดูเป็นความจริงดี ไม่หวือหวา แต่อ่านได้เรื่อยๆ ชอบค่ะชอบ

        ก็เข้าใจทั้ง 2 คนนะ ไม่รู้จะพูดยังไง เอาเป็นว่า ธีร์รีบๆรู้ใจตัวเองซะทีนะ
ส่วนโชอย่าพึ่งตัดใจเลย รอหน่อยนะ เดี๋ยวธีร์ก็ค้นใจตัวเองเจอแล้วนะ สู้ๆนะ ทั้ง2สองคนเลย
เป็นกำลังใจให้  :bye2: o13

        มาต่อเร็วๆนะ รอจ้า

 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 18 [03/10/57 P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 10-10-2014 14:43:10
 :z10: แวะมาดัน วันนี้วันศุกร์แล้วรออ่านอยู่นะจ๊ะ ^^
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 18 [03/10/57 P.6]
เริ่มหัวข้อโดย: velvetronica ที่ 10-10-2014 22:19:52
19



ท้องฟ้าขมุกขมัวทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจถอยรถmazda2คันเก่งออกมาวิ่งเล่นบนถนน ช่วงเที่ยงของวันเสาร์ก็รถติดเป็นธรรมดา แต่เขาไม่อยากเสี่ยงให้ตัวเปียกฝนจนไม่สบายในช่วงที่งานกำลังเร่ง กันตธีร์เคาะปลายนิ้วไปกับพวงมาลัย ดวงไฟจราจรสีแดงทำให้เขาได้นั่งนิ่งๆ แล้วปล่อยให้ลมหายใจลอยไปอย่างไร้ความหมาย


ช่วงเวลาที่เขาเกลียด...

เพราะมันว่างเกินไปจนชวนให้ฟุ้งซ่าน


มือเลื่อนไปที่ประตูรถเมื่อรู้สึกว่าคอแห้ง ขวดน้ำถูกยกขึ้นมาจรดที่ริมฝีปากก่อนที่เขาจะเห็นว่ามันว่างเปล่า ชายหนุ่มจ้องมันด้วยความรู้สึกที่ถูกตีจนกระจัดกระจาย แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อโดนบีบแตรไล่

เขาโยนขวดน้ำไว้ที่เบาะข้างคนขับก่อนจะรีบออกรถตามไฟเขียวที่ไม่ทันได้สังเกต

กันตธีร์เม้มปาก เดิมเขาไม่นิยมการเอาน้ำหรือของกินมาทิ้งไว้ในรถเท่าไหร่ แต่ช่วงหลังก็มีคนเอามาใส่และเปลี่ยนให้จนเคยชิน


ขวดน้ำนั่นคงต้องเอาไปทิ้งสักที...


“ขอโทษนะธีร์ รอแอมแปปนึงนะ” เสียงเพื่อนสาวโอดครวญมาทางโทรศัพท์โดยมีแบรกกราวน์เป็นเสียงฝนตกดังโครมๆ

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราไปซื้อของที่ซูเปอร์ก่อน แอมถึงแล้วโทรมาละกัน”


กันตธีร์ตอบก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายเดินลงไปที่ชั้นใต้ดินแทน วันนี้เขามากินข้าวกับพิชามณเพราะอีกฝ่ายโทรมาชวนออกไปเปลี่ยนบรรยากาศ โดยที่ไม่ต้องเดาชายหนุ่มก็รู้ว่าเพื่อนทุกคนคงกำลังเป็นห่วง...และเขาก็กำลังทำตัวน่าเป็นห่วงจริงๆ

ชายหนุ่มเดินไปหาของที่ตั้งใจจะมาซื้อก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนจะเริ่มเดินเล่นเพราะคนที่นัดไว้ยังมาไม่ถึง ชั้นวางของในซูเปอร์มาร์เก็ตที่ติดป้ายลดราคาเรียกให้เด็กหอชั้นประหยัดเข้าไปหยิบมาพลิกดู


‘ถุงเติมของสบู่ยี่ห้อนี้จริงๆ มันแพงกว่าซื้อขวดใหม่นะ’


ปลายนิ้วที่กำลังจะเอื้อมไปชะงักไปเล็กน้อย เสียงนุ่มของอีกฝ่ายดังชัดในความทรงจำของคนขี้ลืม กันตธีร์กัดฟันก่อนจะเดินออกมาพร้อมสบู่ถุงเติมสองถุงในตระกร้า


หลังจากที่ร้องไห้เสียจนปวดตา...เขาก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีก ส่วนโชติภัทรก็คล้ายกับถูกลบออกไปจากชีวิต


...ไม่จริงเลยสักนิด


บางครั้งเขาก็รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมเลย ทุกอย่างในชีวิตประจำวันของกันตธีร์มีโชติภัทรอยู่เต็มไปหมด ไม่ว่าจะทำอะไรก็มีตัวตนของผู้ชายคนนี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง

กว่าจะรู้ตัว...เขาก็โดนโชติภัทรแทรกตัวเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวเสียแล้ว

แต่กันตธีร์ก็ไม่รู้ว่ามันจะเรียกว่า ‘รัก’ ได้หรือไม่ เพราะที่ผ่านมามีแต่โชติภัทรที่เอาตัวเข้ามา และกันตธีร์ก็ไม่เคยสนใจเรื่องของอีกฝ่ายก่อน โชติภัทรมีเพื่อนสนิทคือใคร อยากเรียนอะไรต่อ หรือแม้กระทั่งอาหารที่ชอบเขายังไม่มีตัวเลือกให้เดาด้วยซ้ำ

เป็นแบบนี้มันจะดีแล้วหรือไง ชายหนุ่มได้แต่ถามตัวเองซ้ำๆ

พิมพ์นภา...คนที่เขารั้งเอาไว้โดยที่ไม่ใช่ความรัก จุดจบของมันคือผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องเสียใจแทบตายเพราะสิ่งที่ทุ่มเทให้มันไม่เหลืออะไรกลับมา

กันตธีร์ใส่ใจความรู้สึกของโชติภัทรเกินกว่าจะตัดสินใจอะไรง่ายๆ เขาไม่อยากให้คนคนนี้เสียใจแบบที่เคยเกิดขึ้นกับพิมพ์นภา

โชติภัทรเป็นคนที่แสนดีจนไม่คิดว่าจะมีจริงอยู่บนโลก แต่เขารู้เสมอว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนที่มี agape love รสจูบวันนั้นคือคำขอร้องและท้าเดิมพัน หากเลือกผู้ชายคนนี้...โชติภัทรก็จะทุ่มจนหมดหน้าตักและเรียกร้องให้กันตธีร์ทิ้งไพ่ในมือลงทั้งหมดเช่นกัน


กล้าหรือ

กับคนที่ทุ่มเทถึงขนาดนั้น กล้าที่จะทำให้เขาเสียใจด้วยหรือ


เสียงริงโทนเรียกให้ชายหนุ่มกลับมาสู่โลกความจริง เขารับสายจากเพื่อนสาวแล้วเดินไปที่เคาท์เตอร์จ่ายเงินอย่างใจเย็น

พิชามณส่งรอยยิ้มหวานนำมาพร้อมกับคำขอโทษขอโพยชุดใหญ่ หญิงสาวบอกชื่อร้านที่อยากกินแล้วก็ลากเพื่อนไปทันทีแบบไม่รอความเห็น ก่อนจะหันมาถามอีกทีตอนถึงหน้าร้านว่า โอเคหรือเปล่า

เขารู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องร้านอาหารจึงยิ้มตอบแล้วไม่ได้ว่าอะไร ตั้งแต่วันนั้นชายหนุ่มก็ไม่ได้ร้องไห้อีกเลย...เพราะรู้ดีว่ามีใครอีกคนที่กำลังเสียใจกว่า


“แอมอยากถามอะไรก็ถามเถอะ” กันตธีร์พูดขึ้นมาเมื่อบทสนทนาสัพเพเหระจากอีกฝ่ายเริ่มขาดตอ

“แอมชวนมาเปลี่ยนบรรยากาศจริงๆ” หญิงสาวตอบ “แอมเป็นเพื่อนธีร์มานานแค่ไหนแล้ว ถ้าธีร์อยากเล่า...ธีร์ก็เล่าเองแหละ”

“เรา...แค่ไม่รู้จะทำยังไงดี”


พิชามณเป็นเพื่อนที่ดีและเป็นผู้ฟังที่ดี ใบหน้าสวยล้อมกรอบด้วยผมสั้นทันสมัยมองตรงมาอย่างตั้งใจ หญิงสาวเป็นคนมีเหตุผลมากและให้คำปรึกษาที่ดีได้ ทั้งกฤษณ์และกันตธีร์เองก็มีเรื่องมากมายที่เอามาบ่นใส่เพื่อนคนนี้แต่อีกฝ่ายก็ยังคงยิ้มรับและตั้งใจฟังเสมอ


“ขอโทษนะ เราก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี” ชายหนุ่มถอนหายใจหลังจากพยายามเรียบเรียงความคิดอันยุ่งเหยิงออกมาเป็นคำพูด

“...แต่แอมว่าแอมเข้าใจนะธีร์”


พิชามณยิ้มอ่อนโยน


“เพราะแอมเคยแอบชอบธีร์”


ชายหนุ่มเผลอทำช้อนในมือร่วงดังเคร้งจนคนหันมามอง แต่เขาไม่ทันได้สนใจเพราะในหัวที่แต่คำพูดของเพื่อนสนิทยาวนานกว่า7ปีดังก้องไปหมด


“นี่...ตกใจอะไรนักหนา บอกว่า ‘เคย’ นะ” ใบหน้าสวยขึ้นสีเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายตกใจจนเกินเหตุ

“...จริงหรือแอม” คำถามแรกเมื่อหาเสียงตัวเองเจอ

“จริงสิ หมีก็รู้ โทรไปถามเลยก็ได้”

“แล้วทำไมเราไม่เคยรู้” ชายหนุ่มอ้าปากค้างกับความลับที่เกี่ยวกับเขาเต็มๆ แต่เพื่อนสองคนปิดได้แนบเนียนมาก

“เพราะธีร์ไม่ได้ชอบแอมน่ะสิ” พิชามณกอดอกแกล้งทำหน้าตูม “ไม่เค๊ยไม่เคยจะหันมาสนเรา”

“...ขอโทษ” พอได้รู้ความไม่ได้ของตัวเองอีกประการก็เลยยิ่งเหี่ยว แต่หญิงสาวตรงหน้ากลับหัวเราะลั่น

“ขอโทษทำไม แอมไม่อยากให้ธีร์รู้ซะหน่อย เป็นงี้อ่ะดีแล้ว ไม่งั้นเราจะเป็นเพื่อนกันได้ถึงป่านนี้หรือ” คนเคยอกหักจากเพื่อนโบกมือไม่ถือสา “ที่แอมจะบอกคือ เรื่องของโชติภัทรมันทำให้แอมคิดถึงพิมพ์”


กันตธีร์ขมวดคิ้ว เขาไม่ชอบใจการเปรียบเทียบในเชิงนี้...เพราะมันกำลังจะมีความหมายเหมือนว่าเขาจะทำให้โชติภัทรเสียใจเช่นกัน


“อย่าเพิ่งคิดอะไรไปไกลนะ แอมหมายถึงธีร์ตอนนี้เหมือนพิมพ์ต่างหาก”

“แอมหมายความว่าไง”

“ก็ตอนที่ธีร์ไปจีบพิมพ์...แอมก็อิจฉาเล็กๆ นะ ถึงรู้ว่าธีร์จะแค่ชอบๆ แต่มันก็อดจี๊ดไม่ได้ แต่แอมอ่ะ...ไม่ได้อิจฉาพิมพ์ที่ถูกธีร์จีบหรอก” หญิงสาวเอาหลอดคนน้ำแข็งในแก้วน้ำช้าๆ “แอมอิจฉาที่พิมพ์ได้ลองพยายามทำให้ธีร์รัก”

“แต่สุดท้ายพิมพ์ก็เสียใจ” ชายหนุ่มตอบกลับเสียงเรียบ

“ถ้าผลมันกลับกัน คนเสียใจก็คือธีร์นะ” พิชามณวางมือจากแก้วน้ำแล้วสบตากับเพื่อน “ไม่รู้หรอกธีร์ ธีร์ก็เป็นฝ่ายจีบพิมพ์ก่อน แต่คนเสียใจกลับเป็นพิมพ์เอง ครั้งนี้ก็เหมือนกัน...ธีร์ไม่มีทางรู้หรอกว่าอนาคตมันจะเป็นยังไง”

“...เราอาจจะรักใครไม่เป็นก็ได้นะแอม”

“ธีร์ก็กำลังเสียใจอยู่นี่นา โชติภัทรก็คงกำลังเสียใจอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนี้ธีร์มีโอกาส...ที่จะรักและทำให้เขารักธีร์”


กันตธีร์เบือนหน้าออกไปนอกหน้าต่าง ฝนฟ้าคะนองภายนอกทำให้ทัศนวิสัยล้วนมืดครึ้ม...และน่ากลัว


“นี่แอมกำลังเชียร์ให้ผู้ชายที่ตัวเองเคยชอบเป็นเกย์นะ”

“หมีเคยบอกแอมว่าแอมเป็นตัวอาถรรพ์” หญิงสาวฉีกยิ้มกว้าง “ชอบใครคนนั้นก็ไม่เป็นผู้ชายสักคน”


ชายหนุ่มหัวเราะเต็มเสียงครั้งแรกในรอบหลายวัน ส่วนพิชามณที่พยายามทำหน้าตายก็เม้มปากกลั้นขำตัวเองจนแก้มแดง


“ธีร์” มือนุ่มนิ่มของผู้หญิงแตะมือเพื่อนอย่างอ่อนโยนเมื่อเสียงหัวเราะหยุดลง “นี่แอมพูดจริงๆ นะ แอมไม่อยากเห็นธีร์เสียใจแบบนี้”

“...เราไม่รู้ว่าตัวเองจะทุ่มกับใครสักคนได้ขนาดนั้นเลยหรือ”

“แอมก็ไม่เคยคิดว่าธีร์จะติดใครได้ขนาดนี้มาก่อน...ถ้าไม่ใช่หมีเป็นคนเล่า แอมไม่มีทางเชื่อหรอก”

“ขนาดนั้นเชียว...หมีมันเอาเราไปเผาให้แอมฟังหรือ”

“คุณพ่อของพวกเราหวงลูกจะตาย...” พิชามณพูดแล้วก็ค้างไปเพื่อตัดสินใจบางอย่าง “นี่ ธีร์รู้หรือเปล่าว่าหมีไม่ชอบนายโชติภัทรเอามากๆ เลย”

“หา?”

“แอมก็ไม่ค่อยเข้าใจนักหรอก แต่หมีพูดทำนองว่าโชเข้ามาทำให้ธีร์ขาดโชไม่ได้” หญิงสาวเม้มปาก “แล้วยังวันนั้นอีก...จู่ๆ มายอมแพ้กันง่ายๆ คิดแกล้งกันชัดๆ...ประมาณนี้น่ะ”

“ไม่จริงหรอก!” กันตธีร์รู้สึกเหมือนมีก้อนขมมาจุกอยู่ในลำคอจนต้องเอามือลูบเบาๆ “เราต่างหาก...ที่เห็นแก่ตัว”

“แต่ธีร์ไม่โกรธโชเลยหรือ ทั้งๆ ที่ไม่เห็นต้องทำแบบนี้ก็ได้”


คำถามนั้นจากพิชามณทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนอะไรๆ ในหัวที่ยุ่งเหยิงเริ่มเรียงตัวกันเป็นลำดับ เขารู้สึกเหมือนมีน้ำเย็นมาสาดใส่หน้าก่อนที่ความรู้สึกร้อนวาบจะตามมา


“ธีร์?”

“เดี๋ยวนะแอม...ขอเวลาแปปนึง”


ชายหนุ่มซบหน้าลงกับท่อนแขนตัวเองแล้วครางเบาๆ ในลำคอ รู้สึกเหมือนในอกกำลังจะระเบิด...


‘เพราะรัก...เพราะจริงจัง ธีร์ถึงต้องตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตัวเอง’


กันตธีร์โกรธที่ตัวเองเข้าใจอีกฝ่ายมากเกินไปก็ในวินาทีนี้ เพราะแบบนี้เขาถึงรู้สึกเหมือนกำลังจะตายไปพร้อมกับความรู้สึกเต็มตื้อ


ในที่สุดชายหนุ่มก็โงหัวขึ้นมาได้ หญิงสาวที่นั่งตรงข้ามยิ้มขำเปิดเผยทำเอาต้องหันไปเรียกเก็บเงินแก้เก้อด้วยอารมณ์ที่ดีกว่าตอนแรกมากจนเผลอให้ทิปพนักงานไปมากกว่าปกติด้วยซ้ำ แล้วพอหันไปอีกทีนอกหน้าต่างที่อึมครึมเมื่อครู่ก็เริ่มสว่างเผยให้เห็นพระอาทิตย์กลมโตที่เริ่มคล้อยต่ำอย่างเกียจคร้าน


“ธีร์ส่งแอมตรงรถไฟฟ้าข้างหน้านี้ก็พอ” หญิงสาวสะกิดเพื่อนที่เป็นคนขับ

“ไปส่งบ้านก็ได้ แปปเดียวเอง”

“ฝนหยุดแล้ว แอมกลับเองดีกว่า” พิชามณยืนยัน “ธีร์มีเรื่องต้องทำก่อนนะ”

“เรื่อง...” กันตธีร์อ้าปากถามแล้วก็ต้องชะงักเมื่อเข้าใจนัยที่เพื่อนจะสื่อ

“แอมรู้ว่าธีร์ไม่ลืมหรอก เพราะมันเป็นเรื่องสำคัญ”


เมื่อรถจอดเทียบกับฟุตบาธ หญิงสาวก็คว้ากระเป๋าขึ้นสะพายเข้าไหล่ก่อนจะเอื้อมมือไปปลดล็อคประตูเอง


“แอม...ขอบคุณนะ!”


เขาไขกระจกตะโกนไล่หลังเพื่อนสนิทไปทำให้อีกฝ่ายหันมายิ้มกว้างแล้วชูนิ้วโป้งให้

ชายหนุ่มออกรถด้วยหัวใจที่เต้นช้าแต่แรงกว่าเมื่อครู่ มือหนึ่งหยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์ข้อความตอนที่รถติดไฟแดงก่อนจะขับไปตามเส้นทางที่ไม่ได้ไปมานาน รอรถติดอยู่พอสมควร กันตธีร์ก็พาตัวเองมาถึงคอนโดหรูกลางเมือง เจ้าหน้าที่เดินมาเปิดประตูเชิญให้เขาขึ้นไปบนตึกตามที่เจ้าของห้องเคยแจ้ง

หลังเสียงกดออดแค่ชั่วอึดใจประตูห้องก็เปิดออกเผยให้เห็นร่างสูงที่ดูดีจนเกินพอตลอดเวลา


“มาหาถึงห้องนี่มีอะไรให้รับใช้ครับ”


กันตธีร์ยกยิ้มกับคำพูดนั้น ทำให้อีกฝ่ายเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ ก่อนจะหัวเราะเบาๆ


“คงไม่ใช่ข่าวดีของเจแน่ๆ เลย” จิรณัฐเปรย “โทษที แต่ในห้องตอนนี้ไม่สะดวกเท่าไหร่ คุยตรงนี้ได้ไหม”

“อ่อ ไม่เป็นไรตรงนี้ก็ได้” คนที่อุตส่าห์ดั้งด้นมาสูดลมหายใจ “แค่จะมาบอกสั้นๆ”

“อื้ม...รู้แล้วล่ะ” เจ้าของห้องกอดอกพิงตัวกับกรอบประตูพร้อมกับส่งยิ้มให้

“ตามสัญญา...มาบอกแล้วนะ” กันตธีร์เงยหน้ามองสายตาที่ทอดมา


ความเงียบลอยอึงอลอยู่ชั่วอึดใจ เสียงหัวเราะแผ่วเบาก็ดังอยู่ในลำคอ


“เจ็บน้อยกว่าที่คิดเยอะเลย” จิรณัฐว่าง่ายๆ “ไม่ต้องขอโทษหรือรู้สึกผิดเลย ธีร์ให้คำพวกนั้นกับเจมามากเกินพอแล้ว”

“...แล้วมึงอยากได้คำไหน” กันตธีร์กระซิบแต่ก็รู้ว่าอีกฝ่ายได้ยิน

“คำสัญญาว่าจะมีความสุขแล้วกัน” คนตัวสูงยกนิ้วก้อยขึ้นมาตรงหน้า “ขอบคุณที่รักษาสัญญาเสมอ”

“มึงเป็นเพื่อนที่ดีมากจริงๆ นะเจ” แม้ว่ามันจะดูประหลาดแค่ไหนแต่เขาก็ยกนิ้วก้อยขึ้นไปเกี่ยวกับอีกฝ่าย

“คำนี้ก็ไม่ค่อยอยากได้แฮะ” หัวเราะแผ่วเบาแล้วก็พยักหน้า “แต่ตอนนี้โลภมากไม่ได้แล้ว ขอให้มีความสุขมากๆ นะตัวเล็ก”


กันตธีร์หันกลับไปมองเพื่อนผู้ยืนส่งอยู่ที่หน้าประตูห้อง อีกฝ่ายจึงยิ้มให้แล้วโบกมือเป็นเชิงว่าให้ลงลิฟต์ไปได้แล้ว ชายหนุ่มหัวเราะกับตัวเอง...รู้สึกเหมือนม่านหมอกบางอย่างมันกำลังจะหายไป


‘ก็ให้สัญญา...ว่าถ้าชอบผู้ชายขึ้นมาจริงๆ ขอให้ได้รู้คนแรก’

‘แล้วธีร์ก็สัญญา?’

‘ก็นะ...’

‘ไม่เสียดายหรือ ชอบใครก็น่าจะอยากบอกคนคนนั้นคนแรกหรือเปล่า’

‘...แอมพูดเหมือนเราจะชอบผู้ชายขึ้นมาจริงๆ ...แต่ถึงจริง ก็ไม่เป็นไร เราก็อยากให้เจมันมีความสุข ยังไงมันก็เป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ นะแอม’


++++++


กันตธีร์เดินกึ่งวิ่งเข้ามากดลิฟต์อย่างรีบร้อน ก่อนจะกลอกตาไปมาตัวเลขหยุดค้างที่ชั้นอื่นนานเกินจำเป็น สุดท้ายก็หันไปก้าวขึ้นบันไดทีละสองขั้นแทน


ชายหนุ่มเป็นคนใจร้อนอยู่แล้ว...แต่ครั้งนี้ เขาวิ่งตามหัวใจไม่ทันเลยจริงๆ


ทางเดินที่ทุกคนมองข้ามกลับถูกใช้อย่างเคยชิน กันตธีร์นึกถึงวันแรกที่เขาเดินเข้ามาในนี้โดยมีเพียงข้อความนำทาง เกมส์เล็กๆ ที่อีกฝ่ายหวังจะทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น...แล้วมันก็สำเร็จ

ชั้นหนังสือที่ไม่มีคนเหลียวแลเรียงตัวกันเป็นช่องทางนำไปสู่สถานที่พิเศษของคนบางคน แสงแดดสีส้มแสบตาส่องเข้ามาตามหน้าต่างบานสูงจรดเพดาน ชายหนุ่มหยีตารับกับแสงจ้า...แต่ภาพเงาตรงหน้ากลับชัดเจนจนหัวใจกระตุก

ร่างสูงอยู่ในชุดนักศึกษายืนอยู่ที่ริมหน้าต่าง ไม่มีเก้าอี้สักตัวอยู่ตรงนั้น เพราะกันตธีร์ไม่ได้มา โชติภัทรจึงไม่มีความจำเป็นต้องไปหาเก้าอี้มาเหมือนเดิม

ใบหน้าของคนที่รอคอยมีร่องรอยอ่อนล้า แต่พอหันมาเห็นกันตธีร์ก็ยกยิ้มให้เหมือนทุกครั้ง...เหมือนทุกๆ ครั้งไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น


ผู้ชายคนนี้ทำอะไรให้เขามากมายจนแทบรับไม่ไหว


‘เพราะรัก...เพราะจริงจัง ธีร์ถึงต้องตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตัวเอง’


ใช่...โชติภัทรไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ แต่ที่ทำแบบนี้เพราะความสัมพันธ์ของเพศเดียวกันไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากเรื่องของความรู้สึกยังมีเรื่องแวดล้อมอีกมหาศาลที่ต้องคิด อีกฝ่ายถอยเพื่อให้เขาได้พิจารณาและตัดสินใจเรื่องทั้งหมดด้วยตัวเองต่างหาก

แม้เวลาแบบนี้ โชติภัทรก็ยังคิดเผื่อเขา ให้เกียรติและเคารพการตัดสินใจของเขาทั้งๆ ที่ตัวเองก็อาจจะต้องเสียใจ


โกรธตัวเองที่ได้รับความรักมากมายเหลือเกิน แล้วก็โกรธอีกฝ่ายที่ไม่ยอมเห็นแก่ตัวบ้าง


กันตธีร์สาวเท้าเข้าไปใกล้ ระหว่างทั้งคู่ยังคงไม่มีคำพูดอะไร...แค่ความเงียบและสายตาที่สบกัน

โชติภัทรฝืนยิ้มจนไม่ไหวจึงเม้มปาก แววตาหลังกรอบแว่นฉายความรู้สึกที่ทำให้คนมองเจ็บเสียดไปทั้งอก และเมื่ออีกฝ่ายอ้าปากจะพูดเขาก็ต้องยกมือปิดปากไว้ทันที เพราะถ้าหากคำพูดนั้นไม่มีชื่อเขาอีกคงจะทนไม่ได้

ชายหนุ่มเปิดปากแต่ก็นึกคำพูดที่ดีที่สุดสำหรับสถานการณ์นี้ไม่ออก สุดท้ายจึงได้แต่ยืนนิ่งมองตากัน

แล้วก็เป็นอีกครั้งที่โชติภัทรค่อยๆ จับมือของคนตัวเล็กออกจากปากก่อนจะก้มลงกระซิบแผ่วเบาราวกับพูดกับตัวเอง


“ธีร์”


กันตธีร์ดึงมือตัวเองออกจากอีกฝ่ายทันทีก่อนจะคว้าไหล่หนาไว้เต็มมือ เสียงเรียกชื่อนั้นทำให้เขาโยนทุกอย่างในหัวทิ้งแล้วตัดสินใจทำสิ่งที่ไม่ได้ผ่านการกลั่นกรอง


คือ เขย่งตัวขึ้นแตะริมฝีปากเข้ากับคนที่กำลังยืนตะลึงค้าง


โชติภัทรรักเขามากเกินไป

เพราะเป็นแบบนี้...แล้วจะให้กันตธีร์อยู่ได้ยังไง ถ้าไม่มี ‘ธีร์ของโชติภัทร’






TBC




::TALK::

//ตาไม่ฝาดภาค2 กรีดร้องงงงงงงงงงงงงง  :hao7: :hao7:

คนเขียนขยันฝุดๆ! บอกเลยว่าอดนอนเขียนนิยาย 555555555555555555 //พลีชีพมาก ณ จุดนี้  :z13: :z13: :z13:

คือตอนนี้ยาวมาก ขออนุญาตตัดมาลง [ค้างมั๊ยคะ? //โดนเขวี้ยงรองเท้า  :z6:] หื้อ...หายหม่นละค่ะทุกคน เรื่องนี้ดราม่าได้เบาบางมากจริง 555

ส่วนเรื่องของเจ ตอนแรกคิดว่าจะเล่าถึงให้ละเอียดกว่านี้ แต่เปลี่ยนใจตอนเขียน รู้สึกว่าเอาแค่นี้ดีกว่า แค่พอเดาๆ กันได้ก็พอ [เจ นายอย่าน้อยใจไปนะ  :o12:]

ว่าแต่...ทุกคนลืมพิมพ์นภากันไปหรือยังคะ นางโผล่มาครั้งนึงในตอนที่2 [ยาวนานประมาณสิบแปดปีก่อน 55555] เป็นอีกตัวละครที่โดนลดทอนบทจากที่ตั้งใจเอาไว้ตอนแรก [ขอโทษนะพิมพ์... :hao5:]

สำหรับตอนนี้ บอกตามตรงว่าอยากได้คอมเมนท์จังเลยค่ะ ว่าหลังจากที่อ่านคิดยังไงกันบ้าง คือสองสามตอนหลังเนี่ย คนเขียนอยากจะถ่ายทอดความคิดกับความรู้สึกของทั้งโชและธีร์ออกมาให้มากที่สุด แต่ก็ไม่รู้ว่ามันออกมาเป็นยังไงเหมือนกัน หากคนอ่านว่าง คุยกันนิดนึงนะคะ อยากรู้จริงๆ เพราะในหัวคนเขียน ทั้งโชและธีร์[รวมถึงตัวละครอื่นๆ]มีชีวิตจริงๆค่ะ มีทั้งเรื่องราวความคิดและทุกๆอย่าง ถ้ายังไงก็รบกวนหน่อยนะคะ  :mew2:

แล้วก็สำหรับตอนถัดไป...ขอเป็นแบบเดิม ถ้าขยันมากก็ศุกร์หน้า ถ้าตามปกติก็ศุกร์ถัดไป  :katai4: :katai4: :katai4: จะพยายามรักษาสปีดนะคะ ช่วงนี้ฟิตจริงอะไรจริง 555555

ขอบคุณคนอ่านนะคะ เลิ๊ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ป.ล. โฆษณาทวิตเตอร์อีกครั้ง เข้ามาทักทายพูดคุยกันได้นะคะ คนเขียนไม่กัดเน้ออออ >> https://twitter.com/velvetronica


::TALK::

OrangeryLemon - มันเป็นจุดที่ทั้งคู่ต้องเผชิญน่ะค่ะ  :mew2:
lune - ดราม่าเบาๆ ตอนนี้ก็คลี่คลายแล้ว 555
[N]€ẃÿ{k}uñĢ - ใช่เลยค่ะ ธีร์อยู่ในภาวะที่โดนกดดันจากหลายอย่าง แล้วธีร์เองก็ยังคิดเผื่ออีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัวอีก 555
Raiwyn - จริงๆโชก็ไม่ได้ตั้งใจจะเย็นชานะคะะะะ แต่เป็นพวก all or none อ่ะค่ะ  :mew2:
cher7343 - ตอนนี้ไม่ดราม่าแล้วค่าาา  :hao7:
ตีสี่ - เพราะช่วงนี้คนเขียนฟิตผิดปกติหรือเปล่าคะ 555555555 โชเป็นพวกนั้นเลยค่ะ คิดเยอะมากจนขัดแย้งในตัวเอง จริงๆโชไม่ได้ตั้งใจตีตัวออกห่างแบบนั้นนะคะ อื่ม...ยังไงดีล่ะ เอาเป็นว่ามันเป็นตามที่ธีร์คิดอ่ะค่ะ 5555
BeeRY - มันเป็นจุดที่ยากจริงๆล่ะค่ะ แต่พอคิดตัดสินใจได้มันก็จะผ่านไปด้วยดี
mild-dy - กรี๊ซ หายหน่วงแล้วค่าาา 55555
kokoro - โชเป็นพวกเอาความคิดนำอ่ะค่ะ แต่ก็ขัดแย้งในตัวเองขั้นสุด ว่าแต่...ซอลธีร์นี่จะดีหรือค๊าาาาาา!?
quiicheh. - แคร์มากกว่าที่คิดด้วยค่ะ คิดแทนเขาไปแล้วเสร็จสรรพไม่รู้ตัว 5555
malula - ธีร์มั่นใจในตัวโชค่ะ แต่ไม่มั่นใจในตัวเอง  :a5:
GintoniC - สำหรับโชคงมีเวลาให้ธีร์เสมอเลยค่ะ 5555 ว่าแต่ตอนนี้มันยิ่งค้างหรือเปล่าคะเนี่ยยย
Zelsy - ตอนนี้สว่างกระจ่างตาแล้วค่าาาา 55555
หนูมาลีมีลูกแมวเหมียว - คนเขียนก็ว่ามันเจ็บมากนะคะ คงจุกมากจริงๆ [อยากจะเข้าไปปลอบธีร์ :sad4:] แต่ตอนนี้จะหายอึมครึมแล้วนะค้า
Celestia - ขอบคุณค่า ยินดีต้อนรับนะคะ  :L2: พระเอกของเรามันพระเอกจริงๆอ่ะ 555555
อินะซัง - ขอบคุณที่ชอบเรื่องเรื่อยเปื่อยนี้นะคะ  :กอด1: คนเขียนเองก็ลุ้นไปกับสองคนนี้ตลอดการเขียนเหมือนกันค่ะ 555
[N]€ẃÿ{k}uñĢ - กรี๊ซซซซ โดนทวงงง ขอบคุณนะคะ 555 [//ปลื้มปริ่มผสมกดดัน]  :z13:

ขอบคุณทุกคอมเมนท์เลยนะคะ รักคนอ่านมากมายยยยยยยย  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 19 [10/10/57 P.7]
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 10-10-2014 23:19:05
ดีใจที่ได้อ่านบทสรุปตอนนี้ซะที
หน่วงหนักลำเอียงสงสารพระเอกมานานละ 55

ธีร์เป็นคนละเอียดอ่อนมากนะ
กับคนสำคัญ เรื่องที่เคยสัญญาไว้ก็ยังจดจำไว้ตลอด
ชักไม่แปลกใจละ ที่ทุกสิ่งที่โชทำเพื่อแทรกมาในโลกของธีร์จะมีอิทธิพลมาก
ไม่เคยรู้ตัวซินะ ว่าเค้าสำคัญขนาดไหน 55
ต่อไปก็ได้เวลาเรียนรู้เรื่องโชที่ไม่เคยจะสนใจ เป็นกำลังใจให้นุ้งธีร์
วันนี้ทำดีมาก ให้กอดเลยค่าา :กอด1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 19 [10/10/57 P.7]
เริ่มหัวข้อโดย: หนูมาลีมีลูกแมวเหมียว ที่ 10-10-2014 23:49:52
ตอนโชเรียกชื่อธีร์นี้แบบ ลุ้นระทึกยิ่งกว่าลุ้นเกรดอีกนะ *นี้ก็เว่อร์ไป 5555

ฟ้าหลังฝนจริงๆด้วย นั้นไงแดดออกเลย 5555
ชอบเจอ่ะ.นี้ถ้ามีคนแบบเจมาจีบนี้จะจับให้แน่นเลย
รู้สึกธีร์เป็นคนความจำดีมากกกกกก *ก.ไก่ล้านตัว
แบบว่านางจำสัญญาที่ให้กับเจได้ด้วยอ่ะ คือแบบปลื้มปริ่มตื้นตันใจแทนเจเลย 55555
โชเป็นคนคิดถึงคนอื่นใส่ใจความรู้สึกคนอื่นมากเลย เห็นแล้วก็อิจฉาธีร์เนอะ ._.
แต่ดีกันแล้วก็แอบสุขใจเล็กๆ แอร๊ยยยยย ธีร์แรดไม่เบานะไปจูบเขาก่อนด้วย -/- 55555
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 19 [10/10/57 P.7]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 10-10-2014 23:51:34
ชอบแบบนี้แหละค่ะ ชีวิตไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยากเกินกว่าที่จะลงมือจัดการ
ธีร์มีเพื่อนเอ็นดูเยอะนะ ได้คนดูแลแบบโชเหมาะแล้ว
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 19 [10/10/57 P.7]
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 11-10-2014 00:28:56
 :katai2-1: ก็เข้าใจตามที่คนเขียนต้องการสื่อ
ในเรื่องของการถ่ายทอดอารมณ์ผ่านตัวละครที่หลากหลาย
ตรงส่วนนี้ทำให้เห็นมุมมองใหม่ๆ ที่ในช่วงตอนก่อนหน้าไม่ได้พูดถึง
ความรู้สึกที่อ่านเหมือนทิศทางการเดินเรื่องมีมิติมากขึ้น
เดินเรื่องแบบรวดเร็วขึ้น เพื่อให้ไปถึงโทนที่ต้องการ
ยิ่งในตอนล่าสุดนี้พออ่านไปถึงกลางๆตอนรู้สึกได้เลย
เหมือนเนื้อเรื่องเดินไปพร้อมกับจังหวะเพลงที่หม่นๆ แอบรัก
และท้ายเรื่องเร่งจังหวะให้โลกดูสดใส
ชอบความรู้สึกที่ธีร์เข้าใจในสิ่งที่โชต้องการบอก
มันทำให้เราเองก็รู้ว่าความรักที่โชมีให้นั้นมากแค่ไหน
แต่ความรักบางทีการเป็นผู้รับมาตลอดแล้วต้องให้บ้าง
มันก็เหมือนตั้งหลักไม่ทัน ต้องใช้เวลา ใช้คนที่เข้าใจ
ตรงนี้คนเขียนดึงเพื่อนๆหลายคนเข้ามาใช้ได้อย่างน่าสนใจ
ทั้ง ซอล ที่ในช่วงต้นดูไม่มีบทบาทมากนักยกเว้นเรื่อง
ประสบการณ์ผิดหวังในรัก และตัวละครที่เซอร์ไพรซ์มากคือ แอม
ไม่คิดว่าจะมาเป็นคนที่เข้าใจธีร์ เป็นคนชี้ทาง ^^
ตอนแรกคิดว่าจะเป็นคุณพ่อเสียอีก
สำหรับตอนนี้อ่านแล้วประทับใจ
แอบตกใจช่วงท้ายๆที่ให้บรรยากาศเหมือนดูหนังอยู่
เป็นช่วงที่หนังกำลังจะจบ  :hao5: แต่พอคนเขียนบอกว่ามีต่อเลย  :กอด1:
แล้วจะรออ่านต่อนะจ๊ะ เป็นกำลังใจให้จ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 19 [10/10/57 P.7]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 11-10-2014 04:44:18
ตอนเรียกชื่อธีร์นี่แบบ ในใจกรีดร้องเลยค่ะ "ในที่สุด ในที่สุดดดด"

ยิ่งตอนที่ธีร์จูบโชนี่คงจะโรแมนติกน่าดูเนอะ

อ๊าย คิดภาพแล้วเขิน   :-[

แอมนี่เป็นเพื่อนที่ดีนะคะ น่ารัก พ่อหมีก็น่ารัก คนอื่น ๆ ก็ด้วยแหละ

ธีร์โชคดีมากนะเนี่ยที่มีเพื่อนดี ๆ (และแฟนดี ๆ) ขนาดนี้

สู้ ๆ นะคะ 
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 19 [10/10/57 P.7]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 11-10-2014 10:44:30
เฮ้อ...ค่อยหายใจโล่งหน่อย........
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 19 [10/10/57 P.7]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 11-10-2014 15:59:15
ตามอ่าน รวดเดียว ละมุนมากกก ชอบโชกับธีร์ และพ่อหมีหวงลูก
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 19 [10/10/57 P.7]
เริ่มหัวข้อโดย: dimth ที่ 11-10-2014 20:37:34
ธีร์...น่ารักดีนะ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 19 [10/10/57 P.7]
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 12-10-2014 00:29:05
เรื่องนี้ทำให้รู้ว่ารักซึมลึกมีจริง
แค่เรียกชื่อก้อมีความหมาย
อ่านแล้วอบอุ่นมากมาย

ขอบคุณที่มาต่อตอนล่าสุดนะ แม่ยกหมอปลื้ม
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 19 [10/10/57 P.7]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 12-10-2014 06:56:59
ลุ้นระทึก ต้องขอยคุณแอมด้วยนะเนี่ยที่มาเร่งให้ธีร์ตัดสินใจเร็วขึ้น :katai2-1:
จากนี้ต้องหวานๆปลอบใจคนอ่านหน่อยนะคะ เศร้ามาพักใหญ่แล้วอ่ะ :hao5:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 19 [10/10/57 P.7]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 12-10-2014 10:52:14
เจ...มีไรอยู่ในห้องน่ะ555555
โอ๊ยยยยยยยยดีดดิ้แทนโชเลย
การกระทำตอบทุกอย่างฮือออ
ต่อไปก็จะหวานกันแล้ว
แอมเป็นเหมือนเราเลย ชอบใครละไม่แมนหมดฮือ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 19 [10/10/57 P.7]
เริ่มหัวข้อโดย: Meen_Emp ที่ 12-10-2014 13:58:42
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน ขอรวบยอดเลยนะคะ
เป็นเรื่องที่ดำเนินไปเรื่อยๆ ในตอนต้น
แต่กลับไม่น่าเบื่อ
ไม่หวือหวา แต่น่าติดตาม
รู้ตัวอีกทีก็อ่านมาถึงตรงนี้ 555
บอกได้คำเดียวว่าชอบมากค่ะ
เอาใจช่วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 19 [10/10/57 P.7]
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 13-10-2014 09:35:22
กรี๊ดดดดดดดด ธีร์ลุกขึ้นสู้(เพื่อความรัก)แล้ว จุ๊ฟเค้าก่อนด้วยอ่ะ งือออออ ตอนหน้าขอหวานๆ ร้ำตาลเรียกพี่เลยน่ะ หลังจากอึมครึมมาหลายตอนล่ะ  :L1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 19 [10/10/57 P.7]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 13-10-2014 17:43:52
กรี๊ด ทุบหมอนรัวๆ ธีร์ยอมรับใจตัวเองแล้ว กรี๊ด
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 19 [10/10/57 P.7]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 14-10-2014 23:11:12
ขออนุญาติ จิกหมอน ดิ้น กับตอนล่าสุดแปป!
โชชชชชชชช พ่อทูนหัวของตัวเล็ก โอ้ยยยยยย
ร้ายอะน้องธีร์ ทำงี้ได้ยังไงทำให้พ่อหมอหนุ่มมารักขนาดนี้
โอ้ยยย ลูกกกกก น่ารักมากเฃยข่าาาาา
รอตอนต่อไป น่ารักมากๆ ชอบมากๆ
/แต่เจของแช้นนน! ดีแล้วที่เจ็บน้อยกว่าที่คิด
ในห้องมีใคร? จะมีพาร์ทเจฉายเดี่ยวมั้ย
ไม่ค่อยอยากได้กลัวเจ็บ ถถถถ เจดูน่าสงสารแต่ก็น่านับถือทีเดียว
ซึ้งมากตอนนที่ธีร์มารักษาสัญญา ดีจริงๆ
รอตอนต่อไปเจัาข้าาาาา ข บคุณสำหรับเรื่องดีๆ แบบนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 19 [10/10/57 P.7]
เริ่มหัวข้อโดย: velvetronica ที่ 18-10-2014 01:26:03
20



เสียงหอบหายใจผะผ่าวดังขึ้นเมื่อริมฝีปากถูกถอนออกมา กันตธีร์รู้สึกเหมือนจะขาดใจ แขนที่โอบรอบคออีกฝ่ายตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบกับขาทั้งสองข้างดูจะไม่มีแรงจนต้องอาศัยแรงพยุงจากอ้อมแขนซึ่งรัดอยู่รอบตัว โชติภัทรกอดคนตัวเล็กกว่าไว้แน่นแล้วหันไปซบหน้าลงกับหัวไหล่ แผ่นอกที่ชิดกันสัมผัสได้ถึงจังหวะหัวใจที่รัวเร็ว


“ถ้ารู้สึกตัวอีกทีแล้วเป็นแค่ฝัน...ฉันต้องเป็นบ้าแน่ๆ”


เสียงนุ่มกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูจนคนฟังรู้สึกร้อนวาบที่ข้างแก้มจนต้องหันไปซุกหน้ากับบ่ากว้างบ้าง

ทั้งคู่ยืนค้างอยู่สักพักจนก้อนเนื้อในอกเริ่มกลับสู่สภาพปกติ อ้อมแขนแข็งแกร่งก็คลายออกแล้วรั้งตัวอีกฝ่ายให้มายืนตรงหน้า กันตธีร์หลบตาวูบอย่างไม่ตั้งใจเพราะเริ่มประมวลผลการกระทำอุกอาจของตนเองได้ในวินาทีนี้


ถ้านี่ไม่ใช่ฝันอย่างที่โชติภัทรว่าจริงๆ งั้นเขาขอเป็นบ้าตรงนี้แทนเลยได้ไหม?


“ธีร์”


คำเรียกชื่อที่มีความหมายกว่าที่ผ่านมาทำให้คนที่กำลังจะสติแตกเกิดอาการสมองช็อตเฉียบพลัน ซึ่งกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็มีปลายนิ้วอุ่นมาแตะที่ข้างแก้มเบาๆ


“มองหน้ากันหน่อย”


คำขอเล็กๆ นั้นมีกระแสไม่มั่นคงบางอย่างที่ทำให้กันตธีร์ต้องกลั้นใจเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่าย ใบหน้าหล่อที่เขาก็คิดมานานแล้วว่าหล่อไม่เคยทำให้รู้สึกหวิวไหวได้เท่านี้ที่ต้องเม้มปากแน่นเพื่อให้หยุดสั่น


“ถ้าธีร์ไม่พูดอะไรตอนนี้...ฉันจะคิดเข้าข้างตัวเองได้หรือเปล่า”


น้ำเสียงนุ่มนวลเอ่ยถามพร้อมกับเลื่อนมือลงมาแตะที่ข้อศอก คนฟังนึกอยากจะสลายร่างหนีไปจากความหูอื้อตาลายแต่ก็ถูกสายตาของอีกฝ่ายตรึงไว้จนแค่จะเบือนหน้าหนีก็ยังไม่กล้า


“จะคิดว่าธีร์เองก็รู้สึกดีๆ กับฉันเหมือนกันได้หรือเปล่า”


เวลาที่ผู้หญิงเขินอายจนม้วนเป็นยังไงเขาได้เรียนรู้ในวินาทีนี้ ยอมรับแบบแมนๆ เลยว่าเกิดมายังไม่เคยมีใครทำให้รู้สึกแบบนี้...แบบที่ใจเต้นจนเจ็บหน้าอก


“งั้นขออนุญาตรักธีร์...ได้หรือเปล่า”


โชติภัทรโน้มใบหน้าลงมาใกล้ก่อนจะแตะริมฝีปากลงมาที่กลีบเนื้อที่เริ่มแดงเจ่อเบาๆ เมื่อคนตัวเล็กเผลอหลับตา สัมผัสร้อนเค้นคลึงแค่ภายนอกอย่างอ่อนโยนก่อนจะผละออกมาเล็กน้อยเพื่อคำถามสุดท้าย


“ให้โชเป็นคนรักของธีร์...ได้หรือเปล่า”


คำตอบของคำถามทั้งหมด ชายหนุ่มไม่มีแม้แต่โอกาสได้ตอบเพราะลมหายใจก็ถูกแย่งไปอีกครั้งกับสัมผัสอันนุ่มนวล แต่การจับไหล่จนแน่นแล้วไม่ผลักไสกันก็ทำให้คนถามรู้คำตอบชัดเจน

กันตธีร์ที่รู้สึกหวิวๆ ลอยๆ ราวกับจะเป็นลมคิดอย่างจริงจังขึ้นมาเป็นครั้งแรกว่าตัวเองคงจะเป็นโรคหัวใจ...แต่หมอตรงหน้าก็ไม่รู้ว่าจะรักษาให้หายหรือยิ่งทำให้แย่ลงกันแน่

เพราะหัวใจของอีกฝ่ายก็คงจะเป็นโรคเดียวกัน






เสียงฝนตกเปาะแปะเริ่มทำให้บรรยากาศยามเย็นจางหายไป โชติภัทรดึงร่มออกกางพร้อมกับพยักเพยิดให้อีกฝ่ายเข้ามาแชร์พื้นที่ คนตัวเล็กที่กอดกระเป๋าแน่นจึงค่อยๆ เดินมาใกล้อย่างประหม่า


“เข้ามาอีกสิ เดี๋ยวก็เปียกหรอก” เจ้าของร่มท้วงพร้อมกับขยับเข้าใกล้ แต่กันตธีร์กลับสะดุ้งแล้วเผลอก้าวหนี

“เอ้อ...โทษที” เขาอ้าปากแก้เก้อ ไม่รู้จะบอกว่าอะไรดีเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายคิดว่าเขารังเกียจ “ร่มมันคันเล็กนะ ไปด้วยกันก็เปียกทั้งคู่อยู่ดี”

“ตกไม่หนักมากก็พอไหวอยู่นะ” นั่นคือข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้


สุดท้ายกันตธีร์ก็ต้องเอาตัวเองมาเบียดแทรกในพื้นรัศมีของร่มให้ไหล่ได้เบียดกันในบางจังหวะจนรู้สึกเกร็งไปหมดทั้งตัวแล้วก่นด่าลมฟ้าอากาศในใจที่มาตกเอาทำไมตอนปลายปีแบบนี้


“เพิ่งตกไปเมื่อกลางวันแท้ๆ ไม่น่าตกอีกเลยนะเนี่ย” โชติภัทรเริ่มบทสนทนา

“จริง...แถมนี่จะธันวาอยู่แล้ว”


แล้วก็กลับสู่ความเงียบ...จนว่าที่วิศวกรหนุ่มนึกอยากจะจ้างคนมาปักตะไคร้มันเดี๋ยวนี้ เพราะความรู้สึกบางอย่างมันทำให้สมองรวนไปหมดแล้ว

ช่วงนาทีที่ยาวนานสุดใจในความคิดจากระยะทางแค่หอสมุดกลางถึงหอพัก กันตธีร์ถอนหายใจเฮือกทันทีที่ก้าวเข้ามาถึงกันสาดหน้าหอ ก่อนจะแปลกใจเมื่ออีกฝ่ายยังยืนถือร่มอยู่แล้วไม่ก้าวตามมา


“แบบนี้ไม่ดีแน่”

โชติภัทรครางออกมาเบาๆ พร้อมกับเอามือปิดปาก คำพูดอู้อี้ดังท่ามกลางเสียงฝนตกแต่คนฟังกลับได้ยินชัดเจน

“แค่นี้ก็เขินจะตายอยู่แล้ว”


ชายหนุ่มรู้สึกว่าหน้าร้อนไปหมดแต่ก็เห็นชัดว่าอีกฝ่ายก็หน้าแดงจัดเช่นกัน สุดท้ายจึงมองหน้ากันแล้วก็ขำออกมา


“ไม่ไหว...วันนี้ไม่ไหวแล้ว” กันตธีร์ยกมือยอมแพ้พร้อมกับกัดปากที่เอาแต่จะฉีกยิ้มอยู่นั่น

“ไม่ไหวเหมือนกัน...คืนนี้นอนไม่หลับแน่ๆ” โชติภัทรหัวเราะเบาๆ


คนตัวสูงกว่าก้าวเข้ามาหลบฝนโดยไม่ได้หุบร่มเก็บ ทำให้คนที่อยู่หอนี้รู้สึกขัดเขินขึ้นมาอีกระลอก


“งั้น...ไปก่อนนะ”

“อื้ม...ฝันดีล่ะ”


กันตธีร์ยิ้มตอบก่อนจะหันหลังก้าวเข้ามาในหอแล้วกดลิฟต์ แต่เมื่อหันกลับไปเจอว่าอีกฝ่ายยังยืนมองอยู่ข้างนอกเขาก็รู้สึกว่าตอนนี้หน้าคงสุกไปหมด

ชายหนุ่มเอามือกดมุมปาก...หยุดยิ้มได้แล้วกันตธีร์!


++++++


เสียงพลิกกระดาษกับเคาะแป้นพิมพ์ดังสลับกันไปมาแทรกด้วยคำบ่นที่ฟังไม่ได้ศัพท์ บรรยากาศการทำงานแบบถวายชีวิตลอยอวลอยู่จนหัวตื้อแต่ก็ไม่มีใครสักคนหยุดมือ


“นี่...ทำเรื่องจบกันยัง” วีรินทร์พูดขึ้นลอยๆ

“...ยัง...ไม่กล้าทำ” กันตธีร์ตอบโดยที่ตายังจ้องจอคอมพิวเตอร์

“มึงจะบ้าเรอะ ผ่านอยู่แล้วป่าววะ รีบๆ ไปทำก่อนที่จะเลยกำหนดจะได้ไม่ต้องเสียค่าปรับ” กฤษณ์ตะโกนมาจากอีกฟากของห้อง

“อืม...มันยุ่งๆ อ่ะนะ ถ้าไม่เตือนนี่ลืมไปแล้วนะเนี่ย” คนขี้ลืมเอนตัวพิงพนักพร้อมกับเอามือนวดหัวตา “แล้วนี่ไปทำเรื่องกันมาเมื่อไหร่น่ะ”

“เมื่อวันจันทร์...ว่าจะไปทำอยู่แล้วเจอเจพอดีก็เลยไปพร้อมกับมันเลย” คนเปิดประเด็นตอบด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ แต่คนฟังกลับรู้สึกสะกิดใจจนต้องหันไปมอง


ร่างที่กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนพิมพ์งานอยู่บนเตียงดูน่ามองไปหมดทุกส่วน วีรินทร์เป็นคนสวย...มากและดูดีมากคนหนึ่ง ที่ผ่านมาก็มีคนมาจีบเรื่อยๆ แต่เจ้าตัวไม่เคยเล่นด้วยเลยสักครั้งเพราะตอนนั้นมีคนในใจอยู่แล้ว แต่ตอนนี้พันธะอะไรก็ไม่มีแถมยังดูสดใสขึ้นกว่าเดิมมาก...จะมีใครเข้ามาใหม่มันก็คงไม่แปลกอะไร


“หยุดความคิดน่าขนลุกพวกนั้นไปเลย” เสียงแหบโพล่งขึ้นมาในความเงียบ

“คิดอะไร?” กฤษณ์หัวเราะ กันตธีร์เพิ่งสังเกตว่าเพื่อนก็กำลังมองมาเหมือนกัน

“จ้องกันขนาดนี้ไม่รู้ก็โง่แล้ว” วีรินทร์ตวัดตาขึ้นมามองเพื่อนทั้งสอง “กับไอ้เชี่ยเจนี่ขอเหอะ...ไม่ไหวจริงๆ ว่ะ”

“ออกจะดูเข้ากันดี” คนตัวเล็กเท้าคางฟังคุณพ่อแหย่เพื่อนคนสวยอย่างนึกสนุก...อันที่จริงเขาก็คิดแบบนั้น คนหล่อคนสวย นึกภาพดูมันก็เข้าท่าดีไม่หยอก

“ยังไงก็ไม่ไหว” ปฏิเสธเสียงนิ่ง “คนแบบเดียวกันอยู่กันไม่รอดหรอก แถมมันยังรู้เรื่องไปซะหมด ไม่เหลือส่วนดีจะมองหน้ากันอยู่แล้ว”


กันตธีร์ฟังเพื่อนว่าแบบนั้นก็โคลงหัวไปมา ว่าจะแอบเชียร์แต่พูดขนาดนี้แล้วก็คงไม่ไหว แต่อย่างที่ว่า จิรณัฐเป็นเพื่อนที่วีรินทร์สนิทที่สุด ถึงแม้จะไม่รู้ว่าด้วยเหตุประการใดแต่ถ้ารู้เรื่องคนคนนั้นของวีรินทร์ได้ก็คงไม่ธรรมดา อาจจะว่าสนิทกันจนเห็นตับไตไส้พุงหมดทุกซอกมุมจนเอาไม่ลงจริงๆ


“หมี แล้วมึงไปทำเรื่องจบมาเมื่อไหร่วะ ไม่เห็นรู้เลย” ว่าแล้วก็เปลี่ยนเรื่อง โยนคำถามกลับไปที่อีกฝั่งห้อง

“อ้อ กูยังไม่ได้ทำ” ตอบหน้าตาเฉย

“...แล้วมึงด่ากูเพื่อ!?”

“กูแค่บอกให้มึงรีบไปทำ” กฤษณ์หัวเราะ “เห็นช่วงนี้เอะอะก็หายตัว กลัวว่าจะมีสีชมพูบังตาจนลืมดูปฏิทิน”


ปิดประเด็น... กันตธีร์หันกลับมามุดหน้าเข้าจอคอมพิวเตอร์แบบไม่โต้ตอบสักคำโดยที่มีเสียงหัวเราะเบาๆ จากเพื่อนอีกคนดังเป็นพื้นหลังสะท้อนความพ่ายแพ้จากจุดอ่อนอันยิ่งใหญ่

หลังจากวันนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรกับเพื่อนเลยเรื่องโชติภัทร แต่ดูเหมือนทุกคนจะเข้าใจได้เองจึงไม่มีเข้ามาถามเช่นกัน ดังนั้นช่วงนี้ชีวิตของชายหนุ่มก็ดูจะเข้ารูปเข้ารอยและดำเนินไปอย่างสงบสุขดีเหมือนแต่ก่อน


ยกเว้น...


เสียงโทรศัพท์ดังทำให้ชายหนุ่มสะดุ้งสุดตัวแล้วหันไปคว้าเอาไว้อย่างรวดเร็ว เขาพยายามตีหน้าเฉยลุกขึ้นเดินออกไปนอกระเบียงทันทีโดยไม่หันไปมองเพื่อนอีกสองคน


“ธีร์” คำเรียกนั้นทำให้เขาต้องกัดมุมปากตัวเองไว้ไม่ให้ยิ้มออกมาคนเดียว

“อื้ม ว่าไง”

“ไม่ว่าไง โทรมาหาเฉยๆ ไม่ได้หรือ” ปลายสายถามกลั้วเสียงหัวเราะ “ล้อเล่น เย็นนี้ไปกินข้าวกันไหม”

“เอาสิ ที่ไหนล่ะ”

“ถ้าธีร์มีเวลาก็ไปนอกม.กัน บ่นอยากกินซูชิไม่ใช่หรือ” โชติภัทรถาม “อาทิตย์หน้าก็จะพรีเซนท์โปรเจคแล้ว ไปหาอะไรเติมพลังก่อนดีไหม”

“อืม...จริงๆ ก็เหลือแต่รูปเล่มแล้ว กี่โมงล่ะ?”

“แล้วแต่ธีร์เลย วันนี้เลิกบ่ายสาม”

“งั้นห้าโมงเจอกันที่รถแล้วกัน”

“โอเค ...สู้ๆ นะธีร์”

“อื้อ”


ถึงแม้จะอยู่คนเดียวแต่เขาก็รู้สึกกระดากเกินกว่าจะยิ้มออกมาเต็มปาก เลยได้แต่เกร็งซ่อนจนปวดแก้ม

กันตธีร์พอใจความสัมพันธ์เรียบเรื่อยที่กำลังเป็นอยู่ และยินดีอย่างยิ่งที่โชติภัทรไม่ได้ทำอะไรที่มันโอเวอร์จนเกินไปให้ชวนอึดอัดใจ


ชายหนุ่มเท้าแขนกับขอบระเบียงแล้วซบหน้าที่ร้อนเห่อลงไป

โชติภัทรดีเกินไปแล้ว...นั่นคือปัญหาใหญ่สุดๆ ของเขา






“ฉันขับกลับก็ได้นะ”


กันตธีร์คว้าแขนคนที่ใกล้จะกลายเป็นเจ้าของรถเข้าไปทุกที แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มแล้วปฏิเสธ


“ไม่เป็นไร ช่วงนี้ฉันว่างมาก นอนหลับเต็มอิ่มสุดๆ ธีร์ต่างหากที่เหนื่อย นั่งสบายๆ ไปดีกว่า”


ช่วงนี้โชติภัทรวนวอร์ดที่ไม่ต้องราวน์ เรียนแต่เลคเชอร์กับออกคลินิคเล็กน้อยจึงอยู่ในช่วงที่เรียกได้ว่าสบายสุดๆ จริงๆ ทำให้กันตธีร์ยอมยัดตัวเองมานั่งข้างคนขับตามเดิม แตาก็อดจะคิดไม่ได้ว่า ยังไงอีกฝ่ายก็คงหาเหตุผลมาเป็นคนขับให้ได้อยู่ดี...จริงๆ เขาก็ชอบเป็นคนนั่งมากกว่าอยู่แล้ว...แต่มันค้านใจอยู่นิดๆ


“ปิดปีใหม่ธีร์ไปไหนหรือเปล่า”

“ไปเที่ยวญี่ปุ่นกับที่บ้านน่ะ ยัยธางอแงมาหลายทีแล้ว” เขาตอบก่อนจะถามกลับ “โชล่ะ?”

“ที่บ้านจะไปเยี่ยมพี่จิที่อเมริกากัน แต่ตอนแรกฉันไม่รู้ตารางตัวเองเลยไม่ได้ซื้อตั๋ว จะซื้อตอนนี้ก็ไม่ทันละ คงอยู่หอนี่แหละ”

“อยู่คนเดียวอ่ะนะ?”

“ไม่หรอก อยู่กันเต็มหอแหละ คนส่วนใหญ่ก็มีอยู่เวรกันทั้งนั้น”

“หออยู่กันกี่คนนะ”

“2 รูมเมทฉันคือไอ้จี...จำได้ไหม” คนตัวเล็กพยักหน้ารับ “แต่ที่สนิทๆ กันก็มีอีก2คน”

“อืม...แต่เพื่อนฉันโชคงรู้จักหมดแล้วสิ”

“ก็รู้จัก...” โชติภัทรหัวเราะเบาๆ “แต่คงไม่ค่อยปลื้มฉันเท่าไหร่”

“แอมออกจะปลาบปลื้ม” จนแทบใส่พานถวาย...เขาต่อในใจ ก่อนจะชะงัก “นี่กำลังคิดมากอยู่หรือเปล่า”

“หืม? เปล่านะ”

“ชัวร์เลย...” กันตธีร์ไถลตัวลงไปกับเบาะ “นี่...ฉันไม่ได้ปิดบังเพื่อนหรืออับอายอะไรนะ เพียงแต่...ไม่รู้จะบอกยังไงเข้าใจมะ แบบ จะให้จู่ๆ เดินไปบอกว่า เฮ้ย มีแฟนแล้วนะ หล่อด้วย ก็คงไม่ใช่ป่าววะ”


โชติภัทรกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะหัวเราะออกมาให้คนพูดทำหน้าตูม


“นี่จริงจังนะเว่ย!!”

“ขอโทษๆ” คนขับรถยิ้มกว้างขวาง “ฉันไม่ได้คิดมาก...เรื่องแบบนี้จะมาป่าวประกาศมันก็ไม่ใช่เรื่องหรอก”

“คิดจริงๆ ด้วย” บ่นงึมงำกับตัวเอง

“เปล่าสักหน่อย”

“ยอมรับมาเหอะ...”

“...”

“...”

“...โอเค ยอมแล้ว” ใบหน้าหล่อยิ้มจางๆ “ยอมรับว่าคิด...แต่นิดเดียวจริงๆ ฉันเข้าใจธีร์นะ คือมันก็แค่อารมณ์เห่อแฟนเล็กๆ แบบ...อยากอวดให้โลกรู้ แต่นั่นแหละ มันก็แค่อารมณ์ชั่ววูบเล็กๆ ฉันไม่ได้อะไรเลยจริงๆ”


กันตธีร์กัดมุมปากตัวเองเพื่อตีหน้าให้เรียบเฉย บอกว่าไม่คิด แต่จริงๆ คิดแบบโคตรเยอะและลงรายละเอียดสุดๆ โชติภัทรเป็นมนุษย์ที่ใช้สมองกลั่นกรองอะไรมากไปหรือเปล่า?


“ฉันไม่ได้ว่าอะไรเสียหน่อย คิดแบบนี้ก็บอกกันสิ” บ่นเบาๆ แล้วก็ไม่ได้รับตำตอบกลับมา


มาสด้า2คันเก่งกลับมาเทียบท่าตรงที่จอดประจำอีกครั้ง โชติภัทรเข้าเบรกมือแล้วดับเครื่องอย่างเคยชินก่อนจะเดินออกมานอกรถแล้วยื่นกุญแจคืนให้


“โชเก็บไว้เลยไหม”

“...นี่กัดกันหรือ”


โชติภัทรหัวเราะ แต่ทำให้กันตธีร์เริ่มรู้สึกผิดที่ปากไวเกินเหตุ


“โทษที...”

“เฮ้ย ขอโทษทำไม”

“ก็โชไม่ผิด ฉันผิดเอง” ชายหนุ่มเม้มปาก “ก่อนหน้านี้ก็ไม่เห็นคิดอะไร แต่พอเป็น...เอ้อ เป็นตอนนี้แล้วมันดันคิดมาก...รู้สึกเหมือนถูกtreatเหมือนสาวๆ”

“ธีร์เป็นผู้ชาย”

“ใช่ไง ซึ่งจริงๆ โชก็เหมือนเดิม...ฉันคิดมากเองแหละ เหมือนมีชนักติดหลังอะไรแบบนั้น”


โชติภัทรเหมือนเดิม...คือ คิดถึงตัวเขาก่อนตัวเองเสมอ และไม่เห็นแก่ตัวให้ตัวเองบ้างเลย


“ฉันก็ไม่เคยมีแฟนเป็นผู้ชายเหมือนกัน” อีกฝ่ายพูดออกมาแบบนั้นทำให้เผลอมองตาโตอย่างไม่เชื่อ “ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอะไรให้ธีร์ไม่โอเคหรือเปล่า”

“ไม่หรอก...”

“เราค่อยๆ ปรับไปด้วยกันไหม” โชติภัทรแตะข้อศอกเบาๆ “จริงๆ มันดีมากเลยนะที่ธีร์บอกให้ฉันพูดในสิ่งที่คิดออกมาบ้าง”

“...รู้ตัวเหมือนกันนี่ว่าคิดเยอะไป”

“รู้ตัวสิ” คนถูกว่าหัวเราะ “คิดแต่เรื่องของธีร์จนเต็มหัวไปหมดแล้ว”


ชายหนุ่มต่อยแขนไอ้คนตรงหน้าอย่างหมั่นไส้ แม้จะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตัวเองจะกำลังหน้าแดงจัด

อย่าดีให้มากนักได้ไหม...แค่นี้เขาก็จะตายแล้ว





!!TALK!!

//คลานมาโพส  :z10:

อ่านทวนไม่ไหวจริงๆ กำลังจะสัปหงกใส่จอคอม ไว้จะมาแก้คำผิดตอนหลังนะคะ  :heaven

อยากโพสตอนนี้อาทิตย์นี้ขึ้นมากระทันหันเลยดึกทีเดียวเชียว  :katai4: :katai4: เหตุที่อยากมาแปะก่อนเพราะว่าจะขอหายหัวไปสอบซัก2-3วีคอ่ะค่ะ ตอนนี้การศึกษาเน่าหนอนมากจริง ต้องขอตัวไปทำหน้าที่นักเรียนที่ดีก่อน //ฮืออออออออ  :o12:

ไม่รู้ว่าตอนนี้มันหวานมั๊ย...คนเขียนมีปัญหากับการเขียนฉากหวาน 555555 คือไม่รู้ว่าแบบนี้มันหวานมั๊ยเนี่ย  :katai1: แต่ก็คิดว่าจะพยายามให้มันออกมามุ้งมิ้งเรื่อยๆนะคะ 55555

ตอนนี้ตาจิปิด ขออนุญาตคุยสั้นๆเพียงเท่านี้  :z13: เจอกันเดือนหน้านะค้าาาาา รักคนอ่านเสมอ  :กอด1: :กอด1: รอคนเขียนก่อนน้าาาา

ป.ล. ขายตรงทวิตเตอร์ต่อไป 555 มาคุยกันได้นะค้าาา >>> https://twitter.com/velvetronica




!!comment!!

kokoro - ธีร์เป็นพวกความรู้สึกช้าแต่แต่ถ้ารู้สึกแล้วจะรู้สึกมากๆ กว่าโชจะเอาตัวเข้ามาแบบนี้ได้ก็ทุ่มทุนสร้างสุดๆเลยค่ะ
หนูมาลีมีลูกแมวเหมียว - อิจฉาธีร์ด้วยค่ะ! 5555555 จริงๆธีร์ขี้ลืมนะคะ แต่อะไรที่จำแล้วจะจำเลย ส่วนไอ้ที่ไปจุ๊บเค้าก่อนนี่มันแบบไม่ทันได้คิด 55555
malula - ธีร์เป็นคนแบบที่ทุกคนอยากดูแลค่ะ 5555
[N]€ẃÿ{k}uñĢ - เป็นคอมเมนท์ที่อ่านแล้วประทับใจมากอ่ะ!!  :กอด1: ขอบคุณจริงๆนะคะ แจงมาละเอียดมากๆ ชี้ให้เห้นบางมุมที่คนเขียนไม่ทันด้วยเหมือนกันค่ะ เรื่องนี้จะว่าใกล้จบมั๊ยก็ไม่ใกล้ไม่ไกลอ่ะค่ะ แต่ยังไม่ใช่ตอนสองตอนนี้อ่ะค่า
Celestia - คนเขียนอยากตั้งกล้องในห้องสมุดมากกกกกกกอ่ะค่ะ 55555555
ka[ze]na - ดราม่าอย่างพอเพียงค่ะ 555
aiyuki - ขอบคุณค่า ยินต้อนรับนะคะ   :L2:
dimth - โชไม่น่ารักหรือค้าาาา
nutty - ซึมลึกสุดๆแบบเจ้าตัวไม่ทันรู้ตัวเลยค่ะ เพราะกว่าจะรู้ตัวอีกทีแค่ชื่อก็สำคัญมากแล้ว
BeeRY - อุ่ย...นี่หวานพอมั๊ยอ่ะคะ 5555
quiicheh. - กรี๊ดดด กะแล้วว่าจะต้องถูกถาม! (เป็นคนอ่านที่ชวนให้คนเขียนหลุดสปอยล์ได้ตลอดเวลาจริงๆค่ะ ขอกอดที 55555555] แต่ครั้งนี้ขออุบไว้ก่อนนะคะ อิอิ ส่วนคนเขียนก็เหมือนแอมค่ะ ชอบใครปุ๊บคนนั้นเทิร์นเลย 555 //เศร้าแปป
Meen_Emp - ขอบคุณค่า ยินดีต้อนรับนะคะ ดีใจที่ชอบเรื่องเรื่อยๆ เรื่องนี้นะคะ
GintoniC - แบบนี้มันหวานพอมั๊ยอ่ะคะะะ แหะๆ
JustWait - //ยื่นหมอนใบใหม่ให้ 555
Kaewkaew - ธีร์เป็นคนที่ดึงดูดให้คนมาโอ๋ 5555 โชก็เป็นประเภทชอบโอ๋เลยติดกับเต็มๆ(?) ตอนเดี่ยวของเจมีแน่ค่ะ ส่วนทำไมห้องเข้าไม่ได้ค่อยไปว่ากันที่เรื่องนั้นนะคะ 555 [ถามว่าจะเศร้ามั๊ยก็...จะเรื่องไหนคนเขียนก็ชอบจบแฮปปี้ค่า]

ขอบคุณทุกคนนะคะะะะ ทุกคอมเมนท์เป็นกำลังใจที่ยิ่งใหญ่มากจริงๆ รักมากมายยยยย  :กอด1: :กอด1: :กอด1:


-edit-

เพิ่มรูปค่ะ 555555

รูปประกอบตอน20 >>> http://t.co/BJDPGU7Vdo

แอบชอบฉากนี้เป็นพิเศษ ><
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 20 [18/10/57 P.7ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: biw43 ที่ 18-10-2014 04:37:28
น่ารักมากเลย ปลาบปลื้มเรื่องนี้  :katai2-1:
ภาษาสวยมาก ชอบ ให้ตายเถอะ 555

จะติดตามนะคะ


หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 20 [18/10/57 P.7ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 18-10-2014 06:12:44
หวานไม่หวานไม่รู้ รู้แต่ตอนนี้เราเขินจนจะเป็นลมแล้ว ฮือออ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 20 [18/10/57 P.7ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 18-10-2014 06:24:33
มันก็ไม่หวานน่ะ แต่แบบละมุนๆ มันก็ต้องค่อยๆ พัฒนาไป แต่อยากรู้จังว่าเจจะมีคู่ใหม่ น่าสงสารอ่ะ นั่งเฝ้านอนเฝ้าธีร์มานานแต่กลับแห้ว  :mew6:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 20 [18/10/57 P.7ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 18-10-2014 07:32:58
เอร้ยยยย คือแบบเขินแทนอายแทน (นี่อินเกินไปมั้ย 55)
ค่อยๆเรียนรู้กันไปค่ะ เอาใจช่วยจนกว่าจะได้กันน่ะแหละ  :z2:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 20 [18/10/57 P.7ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 18-10-2014 09:05:25
หวานเชื่อม เป็นเบาหวานแล้วอ่า :o8:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 20 [18/10/57 P.7ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: หนูมาลีมีลูกแมวเหมียว ที่ 18-10-2014 09:12:27
น่ารัก น่ารัก น่ารัก อร๊ายยยยยย
เขินแทนเลยอ่ะ ทั้งธีร์ทั้งโช งื้ออออ -///-
ยิ่งตอนโชขอเป็นนี้แบบแทบตาย 55555
แหม่ แสดงว่าที่ไปจูบโชก่อนนี้ต้องเป็นความต้องการส่วนลึกๆแน่เลย อิอิ 55555

ชอบจัง *กัดผ้าเช็ดหน้า
ว่าแต่ตอนต่อไปนี้คงไม่มีดราม่าใช่มั้ยค่ะ 5556
ภาวนาให้มันไม่มีเนอะ อยากให้บรรยากาศแบบอบอุ่นไปเรื่อยๆ เพราะคนอ่านเขิน ชอบ 5556
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 20 [18/10/57 P.7ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 18-10-2014 12:09:50
รักกันเรียบๆไม่หวือหวาแต่น่ารักอะ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 20 [18/10/57 P.7ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 18-10-2014 12:36:53
เขินกันไปมาจนเราร่วมเขินด้วยเลย  :ling1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 20 [18/10/57 P.7ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 19-10-2014 19:05:30
 :katai2-1: หวานละมุนละไมมากจ๊ะสำหรับตอนนี้
หวังว่าซีนต่อไปจะเป็นความสัมพันธ์ที่พัฒนาขึ้นทั้งในแง่ของ
การเข้าหาเพื่อนของอีกฝ่าย รวมถึงครอบครัวด้วย ^^
แล้วจะรออ่านต่อนะจ๊ะ  จะรออ่านศุกร์หน้าน๊า :L2:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 20 [18/10/57 P.7ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 20-10-2014 03:15:54
สนุกกมากกกก นี่อ่านตั้งแต่ตอนแรกจนถึงปัจจุบัน ใช้เวลาในการอ่าน 2 วัน คือแบบไม่พลาดซักตัวอักษรเลย ปกติแค่ 20 ตอน สันเดีวก็จบแล้ว แต่นี่คือ ดื่มด่ำและอินไปกับเนื้อเรื่อง ชอบตัวเพื่อนของทั้งสองฝ่าย ซอลนี่นอนมาเลย ร้ายกาจทางความคิดมากๆ ชอบบบบบบ
ส่วนแอมนี่ยิ่งชอบหนักเข้าไปใหญ่ เพราะชื่อเดียวกับเรา 5555555  รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 20 [18/10/57 P.7ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 20-10-2014 10:09:23
หวานละมุนละไม

แบบค่อยๆเป็นค่อยๆไปดี

ชอบบบบบบ ภาษาสวยมากกก

อย่าให้มีดราม่าเลยนะ

กลัวจะร้องไห้ตาม
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 20 [18/10/57 P.7ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 20-10-2014 11:15:25
อ่านไปยิ้มไปจนปวดแก้มแล้วเนี่ย
ทั้งหวานทั้งละมุน ช่างเป็นคู่ที่ลงตัวอะไรเช่นนี้
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 20 [18/10/57 P.7ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 20-10-2014 13:20:33
โง้ยยยยยยยยยอ่านไปกลั้นยิ้มไป
แก้มจะแตกหมดแล้วค่า
ฟ้าหลังฝนแล้วดีกว่านี่ท่าจะจริง

ยังรอตอนเจอยู่นะคะอิอิ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 20 [18/10/57 P.7ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: minjeez ที่ 22-10-2014 01:04:03
รวดเดียว 20 ตอน ได้หลายอารมณ์เหลือเกิน
ช่วงตอนต้นๆ นี่อ่านไปแล้ว เพลง "เบาเบา" ลอยเข้ามาในหัวเลย
คือฟีลมันให้มาก แบบค่อยๆรักกันไปที่ละนิด
แต่พอเริ่มมีเค้าดราม่าก็คิดว่าไม่ใช่ละ ผิดจากที่คิดไว้
เจอดราม่าจริงๆเข้าให้ เกือบจะร้องเพลง " เรื่องจริง " สร้างฟีลให้ตัวเองซะหน่อย
แต่ดันจบดราม่าซะก่อน เลยกลับมาร้อง " เบาเบา " แทน

ส่วนตัวชอบคาแร็คเตอร์โช ดูเป็นผู้ชายแสนดี รักเดียวใจเดียว
ตอนที่โชเสียใจนะ นี่ใจแทบสลายสงสารจับใจเลย
แต่ยังก็สมหวังกันเนอะ ขอให้อยู่ยังไปเรื่อยๆ อย่ามีดราม่าอีกเลย
คนอ่านจะขาดใจค่ะ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 20 [18/10/57 P.7ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: RinNam ที่ 22-10-2014 19:33:24
เป็นเรื่องที่เย็นๆ อุ่นๆ กรุบกริบๆ เกี้ยวก๊าว อิ๊งอั๊ง ปิ๊งปั้งมากจริงๆๆๆๆ

เค้าชอบบบบบบบบบบบบบบบบ (แปลภาษาข้างบนออกเป็นภาษาคนไม่ได้จริงๆ)

คือแบบน่ารักมากกกก รู้สึกแบบเฮ้ยยย เราแม่งไปอยู่ไหนไมพึงเข้ามาอ่านเนี่ย

ต่อแต่นี้จิขอกางมุ้งรอ ไม่ไปไหนแล้วเด้อค่ะ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 20 [18/10/57 P.7ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: kik ที่ 25-10-2014 15:21:36
เรื่องนี้น่ารักมาก :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 20 [18/10/57 P.7ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: velvetronica ที่ 02-11-2014 18:10:46
21



เสียงคุยเบาๆ ดังจากมุมต่างๆ ของห้องประชุมที่ใช้นำเสนอโปรเจค หากเป็นเวลาปกติถ้าจับลิงทโมนคณะวิศวกรรมมารวมกันแบบนี้คงไม่แคล้วเกิดความจราจลระดับย่อมๆ เป็นแน่ แต่ภาวะตึงเครียดของคนที่ชีวิตคาบเกี่ยวอยู่กับคำว่าจบไม่จบทำให้น้ำลายหนืดพูดไม่ออกไปตามๆ กัน

กันตธีร์หยิบโพยพรีเซนท์ที่เตรียมมาขึ้นมารื้อสลับไปมากับการขีดโยงนู่นนี่ให้วุ่นวายไปหมด


"เฮ้ย โอเคป่าว" กฤษณ์หันมาสะกิดไหล่เบาๆ

"ไม่โอเคเลย" คนถูกถามส่ายหัวพรืดพร้อมกับพยายามจัดเรียงเอกสารให้ตัวเองไม่ว่างจนเกินไป

"เริ่มที่ภาคไฟฟ้านี่ เดี๋ยวก็จบแล้วน่า"

"นั่นปลอบใจแล้วเรอะ" วีรินทร์ชะโงกหน้ามาถาม "ขึ้นคนแรกนี่ เดี๋ยวรู้ตัวอีกทีก็จบแล้วธีร์"

"นั่นก็ไม่เรียกว่าปลอบใจว่ะซอล" จิรณัฐที่นั่งถัดออกไปหัวเราะเบาๆ "ธีร์ทำได้อยู่แล้ว สู้ๆ"

"แหม คลาสสิค" คุณพ่อเปรยอย่างหมั่นไส้

"ก็ดีกว่าของพวกมึงไหมครับ?" คุณชายประจำกลุ่มยืดตัวข้ามหัวเพื่อนไปโต้กลับ

"แอมว่า...ให้ธีร์ตั้งสติเงียบๆ ดีไหม" หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มท้วงขึ้นพร้อมกับแตะแขนคนตัวโตให้หยุดก่อสงคราม "อีกสิบนาทีกว่าจะถึงเวลา ธีร์ไปห้องน้ำก่อนไหม"

"อื้อ...ขอเดินเล่นหน้าห้องแปปนึงดีกว่า" ชายหนุ่มลุกโดยไม่มองหน้าเพื่อนแล้วเดินแข็งๆ ออกไปที่ระเบียงเพียงลำพัง


กันตธีร์ไม่ถนัดเอาเสียเลยกับการนำเสนองานหรือพูดต่อหน้าคนมากๆ เขามักจะทำมันออกมาไม่ได้ดีเท่าที่ตั้งใจหรือทำพลาดอะไรที่ไม่น่าให้อภัยอยู่เรื่อยๆ ทำให้เขารู้สึกไร้ความมั่นใจสุดๆ ทั้งที่ตัวโปรเจคก็ได้รับการตรวจเชคร่วมกับอาจารย์ที่ปรึกษาเป็นอย่างดีแล้ว

ถ้าเขาเป็นคนแบบกฤษณ์ที่กล้าพูดสิ่งที่คิดอย่างไม่ลังเล หรือจิรณัฐที่พลิกลิ้นได้คล่องแคล่วเป็นปลาไหลก็คงจะดีไม่น้อย

พูดถึงเพื่อนๆ ...ทุกคนดูจะเป็นห่วงเขาอีกแล้ว บางทีกันตธีร์ก็รู้สึกว่ามันไม่ดีเลยที่ทุกคนเอาแต่โอ๋เขาแบบนี้ ขนาดกฤษณ์กับพิชามณที่ไม่ได้นำเสนอโปรเจควันนี้ยังแวะมาให้กำลังใจกันด้วยซ้ำ

...เพิ่งจะมารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนน่าเป็นห่วงขนาดนี้เอาตอนจะเรียนจบ


ชายหนุ่มถอนหายใจพลางพิงตัวกับขอบระเบียง แล้วหยิบมือถือขึ้นมาดู


‘โชคดีนะธีร์’


ข้อความสั้นๆ ถูกส่งมาตั้งแต่เช้าตรู่ เขาจ้องมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเลื่อนนิ้วไปแตะหน้าจอเป็นการโทรออก


"ธีร์ เป็นไง" เสียงนุ่มถามทันทีที่กดรับ

"ยังไม่ได้พรีเซนท์เลย...แต่สั่นเป็นบ้า"

"อื้อ สูดลมหายใจลึกๆ เดี๋ยวก็ดีเอง"

"กลัวโดนถามแล้วหัวตื้อคิดคำตอบไม่ทัน" เขาบ่นเสียงเบา

"ธีร์ก็เตรียมมาดีมากแล้วนี่"

"ก็ใช่...แต่ยิ่งเตรียมมาดีก็ยิ่งกลัวตัวเองจะทำไม่ได้ตามที่เตรียมมาไง"

"ถ้าธีร์ทำดีสุดๆ แล้ว ไม่ว่ามันจะออกมาเป็นยังไงมันก็ต้องดีสุดๆ อยู่แล้วล่ะ" โชติภัทรบอกเสียงอ่อน "อย่าเพิ่งคิดไปก่อนสิ"

"ก็รู้แหละ แต่มันก็ตื่นเต้นอยู่ดี"

"งั้น...เย็นนี้อยากกินอะไร" ปลายสายเปลี่ยนเรื่องฉับไว "มีร้านอาหารญี่ปุ่นเปิดใหม่ลด20%อยู่สนใจไหม"


กันตธีร์หัวเราะเบาๆ ให้กับการเบี่ยงเบนความสนใจของอีกฝ่ายแล้วก็ตามน้ำไป ว่าที่คุณหมอรู้จักวิธีมากมายที่จะทำให้เขาหายเครียดได้ชะงัดนัก


"เฮ้ยตัวเล็ก"


หลังจากคุยได้ไม่นานร่างสูงใหญ่ก็โผล่ออกมาจากห้องเคาะนาฬิกาข้อมือให้รู้ว่าควรไปเตรียมตัวได้แล้ว เขาจึงบอกลาปลายสายแล้วเดินกลับไปหาเพื่อน

กฤษณ์จ้องหน้าเขานิ่งแล้วก็เดินกลับเข้าไปโดยที่ไม่ได้ว่าอะไร ชายหนุ่มขมวดคิ้วอ้าปากจะเรียกแต่ก็รู้ว่ามันไม่ใช่เวลาจึงหมุนตัวเดินไปประจำที่หน้าห้องพร้อมกับการรวบรวมสมาธิ หลังจากจัดไฟล์และเอกสารต่างๆ จนเรียบร้อยแล้วก็นั่งเคว้งคว้างอยู่อีกอึดใจคณาจารย์ที่มากันครบองค์ก็ส่งสัญญาณบอกให้เริ่มได้


"...สวัสดีอาจารย์ทุกท่านและเพื่อนๆ ทุกคนครับ..."


มือที่กำไมค์อยู่ชื้นเหงื่อไม่ต่างกับแผ่นหลัง แต่เขาพยายามเกร็งใบหน้าให้ดูเหมือนคนมั่นใจเสียเต็มประดา ปากก็ว่าไปตามที่ท่องมาอย่างดีโดยที่หัวคิดออกมาเป็นรูปธรรมไม่ทันด้วยซ้ำ

กันตธีร์รู้สึกมีเสียงวิ๊งๆ ลอยอยู่ในหัว แม้จะยังยืนตัวตรงพร้อมกับชี้อธิบายสไลด์อย่างคล่องแคล่ว...ถ้าใครขัดขึ้นมาตอนนี้เขาต้องเป็นลมแน่ๆ!! อย่าให้มีใครว่าอะไรขึ้นมาหน่อยเลยเถอะ!


หลังจากพูดพล่ามอยู่คนเดียวมาร่วมสิบนาทีก็เริ่มมีอาจารย์หันมาสับซอย แต่ก็เป็นจุดที่เริ่มตั้งสติได้ ทำให้เขาเรียบเรียงคำตอบออกไปได้ไม่สับสนนัก หลังจากที่คำถามแรกไปได้ด้วยดีกำลังใจก็เริ่มมา ชายหนุ่มปลอบตัวเองเบาๆ ในใจ


“พอแล้ว ดีมากคุณกันตธีร์ คนถัดไปได้”


รู้สึกราวว่ายน้ำถึงฝั่ง ถึงจะโดนฉลามงับบ้างชนหินโสโครกบ้าง แต่รอดตายก็โอเค...ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณก่อนจะรีบเดินมาจัดไฟล์ที่คอมพิวเตอร์แล้วจึงลอบเงยหน้ามองเพื่อนๆ ที่เรียงรายกันอยู่เกือบเต็มห้อง จิรณัฐกับพิชามณชูไม้ชูมือเป็นเชิงบอกว่าสุดยอด มาจากบนสแตนด์ที่นั่ง วีรินทร์แค่ชูนิ้วโป้งให้พร้อมกับรอยยิ้มนิดๆ

ส่วนเพื่อนสนิทคนดีกลับแค่กอดอกแล้วขมวดคิ้ว...ก่อนจะทำปากขมุบขมิบที่ถึงเขาจะมองไม่เห็นแต่ก็เดาได้


‘เห็นมะ ว่ามึงทำได้’


กันตธีร์ลอบยิ้มขณะเดินกลับขึ้นไปหากองเชียร์เฉพาะกิจของตัวเอง จิรณัฐที่อยู่ถัดไปไม่กี่คิวเดินสวนลงไปเตรียมตัวบ้าง แม้จะดูกังวลอยู่บ้างแต่รอยยิ้มการค้าก็ยังทาบอยู่บนเรียวปากไม่เปลี่ยน

แล้วสุดท้ายคุณชายมาดดีก็สามารถขายโปรเจคตัวเองได้น้ำไหลไฟดับตามความคาดหมาย และวีรินทร์เองที่เป็นคนท้ายๆ ของภาคก็ตอบคำถามได้ดีจนไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

ตอนบ่ายแก่ๆ พิชามณก็ขอตัวกลับไปเตรียมงานก่อนเนื่องจากเป็นคิวที่จะต้องนำเสนอพรุ่งนี้จึงเหลือแต่กลุ่มชายล้วนสี่คนให้ยืนมองหน้ากันอยู่ที่บันไดหน้าตึก


“ฉลองมั๊ยฉลอง” คนที่อารมณ์ดีตลอดเวลาเสนอขึ้น

“หมีมันยังไมได้พรีเซนท์เลย” รูมเมททักท้วงความยุติธรรมแทน

“เออ เห็นใจกูบ้างอะไรบ้าง กว่าจะถึง...นู่นวันศุกร์ หน่วงสัสๆ” กฤษณ์บ่นอุบ

“งั้นก็ไปกันศุกร์ทีเดียวละกัน” จิรณัฐโคลงหัวโดยที่ไม่ได้ว่าอะไร

“งั้นวันนี้แยกย้าย?”

“ตามนั้น”


วีรินทร์ตัดบท ทุกคนจึงทำท่าจะกระจายตัวกันทันที แต่คนสรุปกลับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้เลยหันไปคว้าแขนรูมเมททั้งสองไว้


“สรุปว่าไปทำเรื่องจบมาหรือยัง?”






วีรินทร์ที่ไม่ใช่คนพูดมากถึงกับบ่นยืดยาวใส่รูมเมททั้งสองแบบไม่พักหายใจตั้งแต่หน้าคณะยันตึกอำนวยการ จิรณัฐที่ว่างงานจนตามมาด้วยก็เอาแต่หัวเราะชอบใจไม่ช่วยกันสักคำ

คุณพ่อของคนทั้งกลุ่มได้ถึงคราวหงอก็วันนี้


กันตธีร์หัวเราะแหะๆ รับคำเพื่อนที่เริ่มจะกลายร่างเป็นคุณแม่ขึ้นมาอีกคน ก่อนจะเดินไปหยิบบัตรคิวแล้วกรอกเอกสารให้เรียบร้อย มือถือในกระเป๋าสั่นเบาๆ ทำให้ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาดู ข้อความจากโชติภัทรบอกว่าจะมาทำธุระที่ตึกอำนวยการแปปนึง ให้รออยู่ที่หอก่อน เขาจึงพิมพ์ตอบกลับไปว่าอยู่ที่ตึกอำนวยการเหมือนกันแล้วก็เดินไปหยิบบัตรคิวให้

ช่วงบ่ายของวันพุธมีนักศึกษาจำนวนไม่น้อยมาติดต่อเรื่องต่างๆ จนกระทั่งร่างสูงโปร่งจากคณะแพทย์เดินมาถึงแล้วก็ยังไม่ถึงคิว

โชติภัทรยิ้มบางทักทายแล้วก็เผื่อแผ่ไปยังเพื่อนรอบตัวเขาด้วย


นาทีนี้เองที่กันตธีร์สำนึกได้ว่าคิดผิดมากๆ

บรรยากาศอึมครึมอย่างไรไม่ทราบลอยอวลอยู่เหนือหัวคนทั้งห้าทันที วีรินทร์ไม่ค่อยทักคนอื่นก่อนอยู่แล้วเป็นธรรมชาติ แต่กฤษณ์ที่เป็นคนมนุษยสัมพันธ์ดีก็ดันเงียบไปแบบผิดปกติสุดๆ โดยยังไม่นับจิรณัฐที่เขาไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบไปมองหน้า

ถ้าพิชามณยังอยู่ตรงนี้สักคนเขาก็พอจะหายใจได้ทั่วท้องอยู่บ้างหรอก


“โชมาทำเอกสารอะไรหรือ?” เขาถามเพื่อไม่ให้ทุกอย่างเงียบ

“ขอใบรับรอง ฉันจะไปelectiveที่โรงพยาบาลต่างจังหวัดช่วงปิดเทอมน่ะ” อีกฝ่ายตอบพร้อมคำอธิบาย “electiveมันก็คล้ายๆ กับขอไปฝึกงานอะไรแบบนั้นแหละ”


กันตธีร์ทำเสียงรับรู้ แล้วก็ไม่มีอะไรจะคุยอะไรต่อ โชคดีที่ถึงคิวที่ถูกเรียกพอดีเขากับรูมเมทร่างยักษ์เลยเดินออกมาก่อน ชายหนุ่มเหลือบมองกลับไปอย่างเป็นกังวล แล้วก็รู้สึกโล่งอกไปเปลาะนึงเมื่อเห็นว่าวีรินทร์เริ่มเปิดบทสนทนา

แม้จิรณัฐจะหันไปเล่นมือถือแบบไม่สนใจโลกเลยก็ตาม


“เป็นห่วงโชติภัทรหรือเจ?”


คนข้างๆ กระซิบถามตอนที่กำลังยืนรอเอกสารอยู่ กันตธีร์ไม่ได้ตอบคำถามนั้น เขาหันไปมองเพื่อนสนิทอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้ว่าคำตอบแบบไหน...ที่จะไม่ทำให้อะไรๆ มันแย่ลง

พอเสร็จเรื่องเสร็จราวเขาก็บอกขอตัวกับเพื่อน แล้วก็เดินออกมากับโชติภัทร ความรู้สึกแย่ๆ ดูจะติดตัวมาด้วยจนอีกฝ่ายก็สัมผัสได้แม้จะไม่ได้ว่าอะไรก็ตาม ทั้งคู่เดินมาถึงร้านอาหารที่คุยกันไว้เมื่อเช้า คนเยอะใช้ได้แต่ก็ยังพอเหลือที่ให้กินได้เลยโดนไม่ต้องรอคิว


“ธีร์” ปลายนิ้วอุ่นแตะเบาๆ ที่หลังมือเป็นการเรียกคนเหม่อ

“อ๊ะ โทษที” ชายหนุ่มสะบัดหัวก่อนจะขยับตะเกียบมาคีบข้าวเข้าปาก

“ธีร์ ฉันน่ะไม่เป็นไรหรอกนะ” โชติภัทรเห็นอีกฝ่ายเอาแต่ใจลอยเลยอดไม่ได้ที่จะปลอบเสียงอ่อน “เอาที่ธีร์สบายใจดีไหม”

“...ก็ตอนนี้มันไม่สบายใจแล้วล่ะ” เขางึมงำ คนฟังจึงหัวเราะออกมาเบาๆ

“ฉันเข้าใจนะถ้าเพื่อนธีร์จะไม่โอเค เพราะงั้น...ฉันน่ะไม่เป็นไรจริงๆ” คนใจกว้างเป็นมหาสมุทรตลอดเวลาบอก

“แต่ฉันไม่โอเค...”


ความคิดในหัวของเขากำลังหมุนวน ชายหนุ่มรู้สึกว่ามันมีอะไรสักอย่างที่ผิด เหมือนมีอะไรขัดอยู่ในฟันเฟืองทำให้ทั้งระบบติดขัดไปหมดจากจุดจุดเดียว

อีกครั้งที่มืออุ่นแตะลงมาเป็นการเรียก แต่ครั้งนี้มือนั้นรวบเอามือของเขาไปจับไว้พร้อมกับใช้ปลายนิ้วเขี่ยเบาๆ เป็นการเรียก


“นี่ มองหน้าฉันสิธีร์” เสียงนุ่มกระซิบ สายตาเบื้องหลังกรอบแว่นมองตรงมา “เรื่องบางเรื่องเราก็ทำอะไรไม่ได้หรอก แต่ถ้ามันทำอะไรได้...เรื่องของเรามันก็เป็นเรื่องของฉันด้วย เพราะฉะนั้นฉันก็จะช่วยด้วย...แต่ตอนนี้กินข้าวก่อนนะ”


กันตธีร์รู้สึกได้ว่าตัวเองหน้าร้อนฉ่า จนอดจะบริภาษอีกฝ่ายในใจไม่ได้ว่าทำไมถึงพูดอะไรแบบนี้ออกมาด้วยหน้าตาเฉยขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เขาโดนน็อคเอาท์ไปตั้งแต่คำว่า ‘เรื่องของเรา’ แล้ว

เกี๊ยวซ่าร้อนๆ ถูกคีบมาวางแปะบนจานเป็นเชิงบอกให้กินเข้าไป คนที่สมองเบลอก็ทำตามอย่างคิดไม่ทันแล้วก็ได้แต่ปล่อยเลยตามเลย...บางทีเขาก็สงสัยขึ้นมาแบบจริงจังว่า หรือโชติภัทรจะสะกดจิตคนได้กันนะ






ประมาณสองทุ่มกว่าแล้วที่กันตธีร์กลับมาถึงหอ วีรินทร์นอนเกลือกอยู่บนเตียงเขาเป็นเรื่องปกติเพราะเตียงชั้นสองอยู่ชิดเพดานมากจนอึดอัดเกินไปที่จะขึ้นไปนอนเล่น ส่วนกฤษณ์ก็มุดหน้าเข้าจอทำนู่นทำนี่อยู่ตามปกติ ชายหนุ่มจึงทำกิจวัตรประจำวันเหมือนเดิมคืออาบน้ำแล้วก็กลับมานั่งเลือกนิยายจากตู้หนังสือ

เขาตัดสินใจแล้วว่าวันนี้จะไม่ทำงานหนึ่งวัน จึงผลักร่างผอมบางของเพื่อนที่มารุกรานเตียงให้ไปนอนชิดอีกข้างแล้วแทรกตัวลงไปนอนด้วย วีรินทร์บ่นงึมงำ แต่ก็ตะแคงตัวนอนเบียดกันอย่างจำยอม

บรรยากาศเงียบๆ เดินต๊อกแต๊กไปพร้อมกับเข็มนาฬิกาสั้นยาวที่หมุนไปเรื่อยๆ จนห้าทุ่มกว่าคนที่เตียงอยู่สูงก็ทนไม่ได้ ยอมปีนกลับขึ้นไปถิ่นตัวเอง ทำให้ฝ่ายที่นั่งทำงานอยู่ได้ฤกษ์วางมือแล้วหันมาบอกว่าจะปิดไฟ

กันตธีร์ได้ยินรูมเมทคุยกันเล็กน้อยแล้วไฟในห้องก็มืดลง เขาพลิกตัวหยิบมือถือมาเสียบกับที่ชาร์ตพร้อมกับส่งข้อความไปหาอีกคนว่าจะเข้านอนแล้ว


Chotipat – ฝันดีเหมือนกัน

Chotipat – อย่าคิดมากนะ


ชายหนุ่มลืมตาโพลงในความมืด...นี่เขาชักจะเป็นไอ้ตัวน่าเป็นห่วงเกินไปหรือเปล่า

มีเพื่อน เพื่อนก็พากันเป็นห่วงนู่นนี่ไปหมด มีแฟน...เอ้อ...แฟนก็ขี้กังวลขี้คิดมากอีก


หลังจากกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่สักพักกันตธีร์ก็ตัดสินใจได้ว่าเขาไม่ชอบอะไรแบบนี้ที่เป็นอยู่เลยสักนิด!

คนตัวเล็กลุกจากเตียงก่อนจะเดินไปที่เป้าหมายซึ่งอยู่อีกมุมของห้อง


“ไอ้เชี่ย! ตัวเล็ก!!” เสียงอุทานไม่เบาดังขึ้นจากคนยังไม่หลับสนิทพร้อมกับคำด่า “เดินมาทำไมมืดๆ เงียบๆ เหี้ย กูหลอน”

“นอนด้วย” เขาบอกสั้นๆ แล้วก็ทิ้งตัวใส่เพื่อนให้มันร้องว้ากด่าขึ้นมาอีกรอบ


เตียงของหอพักก็ไม่ใหญ่อยู่แล้ว ขนาดคนตัวผอมอย่างเขากับวีรินทร์ยังเบียด ไม่ต้องคิดเมื่ออีกฝ่ายเป็นคนตัวยักษ์แบบกฤษณ์ แต่ชายหนุ่มก็เบียดตัวเองไปบนเตียงกับเพื่อนจนสำเร็จในที่สุด


“เล่นอะไรของมึงเนี่ย”

“...มึง มึงไม่ชอบโชหรือ” ถามกลับไปอีกเรื่องจนคนฟังชะงัก

“อะไรของมึง...”

“กูถามว่า มึงไม่ชอบโชหรือเปล่า”


กฤษณ์ที่สายตาเริ่มชินกับความมืดแล้วมองเห็นสายตาคาดคั้นจากเพื่อนในระยะใกล้อย่างชัดเจน และในขณะเดียวกันเขาก็เห็นความหวาดหวั่นในคำตอบที่อาจจะได้ยิน


“ถ้าไม่ชอบมึงจะทำยังไง”

“กู...ก็ยังคิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะทำยังไง” กันตธีร์อึกอัก ก่อนจะตอบสิ่งที่อยู่ในใจออกมา “แต่ยังไง...พวกมึงก็เป็นเพื่อนกู กูก็ไม่เลิกคบกับพวกมึงแน่ๆ แต่โช...กูก็ไม่อยาก...เอ้อ...เลิกเหมือนกัน”

“มึงจะช่วยเอ่ออ่าอะไรให้น้อยหน่อยได้ไหมเนี่ย”

“สัส มาเป็นกูไหม นี่พูดยากนะโว้ย”


กันตธีร์โวยวาย เขาไม่ใช่พวกที่ชอบอวดความสัมพันธ์ของตัวเองกับใคร การที่จะมานั่งพูดบ้าอะไรแบบนี้ให้คนอื่นฟังเขาต้องรวบรวมแรงใจขนาดไหนกัน แต่คุณพ่อก็เหมือนจะพอเข้าใจ เลยยิ้มขำๆ ให้บรรยากาศดูคลี่คลายลง


“หมี...ที่มึงถามเมื่อตอนเย็น กูไม่ได้มองว่าเพื่อนสำคัญน้อยกว่าโชเลย” เขารวบรวมความคิดที่กระจัดจายแล้วค่อยๆ พูดมันออกมา “คือมันไม่เหมือนกันมึงเข้าใจใช่ไหม พวกมึงเป็นเพื่อนคนสำคัญของกูนะ เจกูก็เป็นห่วง ไม่ใช่ไม่สนใจ แต่โช...”

“เป็นคนที่มึงชอบ”


คำพูดสวนขึ้นมาทำเอาสำลักน้ำลายพูดต่อไม่ออก


“นี่ตัวเล็ก...กูไม่ได้อยากให้มึงเป็นแฟนกับโชติภัทรหรอกนะ” กฤษณ์ตอบเสียงอ่อน “ฟังก่อนๆ แต่กูก็ไม่ได้รังเกียจขนาดที่ เฮ้ย อย่ามายุ่งกับเพื่อนกู”

“...แอมบอกว่ามึงไม่ชอบใจที่โช”

“นั่นก็ใช่...ใครทำเพื่อนกูเสียใจกูก็ต้องไม่ชอบถูกไหม?” คนรักเพื่อนว่า “แต่แม่งคดีพลิกไง มึงกับโชก็คบกันแล้ว แถมดูมีความสุขดีจนกูไม่อยากจะว่าอะไร หมาเลยกู”


กันตธีร์รู้สึกว่าหน้าร้อนๆ อย่างบอกไม่ถูกจึงนึกดีใจที่ตอนนี้ในห้องปิดไฟจนมืดสนิท


“ที่วันนี้เงียบไปไม่ใช่อะไร ล่าสุดที่เจอกันคือกูไปกระชากคอเสื้อกันไว้นะ หรือดราม่าอยู่จำไม่ได้?” ถึงตรงนี้คนฟังก็แทบกระอักเพราะความอับอายที่ได้กระทำลงไป “จะให้เดินเข้าไปทัก เฮ้เฟรนด์ มันก็ไม่ได้ป่าววะ แล้วมึงเองก็ไม่เคยบอกอะไรพวกกูเลยสักนิด ไอ้นิสัยแบบนี้นี่ขอซื้อได้ไหม”


โอเค...เขาเจอจุดของฟันเฟืองที่ขัดกันอยู่แล้ว


ชายหนุ่มกระโจนเข้าฟัดเพื่อนตัวใหญ่ให้จนเกิดการต่อสู้ย่อมๆ ขึ้นอีกครั้ง กันตธีร์ที่ยังไงก็แพ้หัวเราะเอาอากาศเข้าปอดก่อนจะลุกขึ้นมานั่งดีๆ


“กูขอโทษ” เขาพูดอย่างจริงใจ “กูแค่ไม่รู้จะพูดอะไรจะเริ่มตรงไหน มันคงเป็นนิสัยเสียจริงๆ แต่กูไม่ได้อยากจะปิดบังอะไรพวกมึงนะ กูก็แค่...แค่เขิน...ล่ะมั้ง”

“กูก็ไม่ได้โกรธ” กฤษณ์ตอบเสียงอ่อน “อาจจะน้อยใจนิดๆ ว่ามึงเอาอีกแล้ว แต่ก็เท่านั้นแหละ กูรู้ว่ามึงยังจัดการกับตัวเองไม่ได้เลยไม่อยากไปเค้นคออะไร ส่วนเรื่องเชี่ยเจ...กูคิดว่ามึงจัดการได้เอง มันอาจจะทำตัวงี่เง่าอยู่ตอนนี้ แต่เดี๋ยวมันก็หาย กลับมาเป็นไอ้คุณชายปัญญาอ่อนเหมือนเดิม”


กันตธีร์อดจะยิ้มกว้างออกไม่ได้ในความมืด ก่อนจะกระโดดใส่เพื่อนสนิทอีกทีไม่ได้


“ขอบคุณนะหมี โคตรรักมึงเลยว่ะ”

“เออๆ อย่าให้ไอ้โชติภัทรมาได้ยินล่ะ กูตายห่าสถานเดียว”


“เออ เดี๋ยวอัดเสียงไปส่งให้พร้อมรูปถ่ายตอนนี้เลยดีไหม”


เสียงหลอนๆ ดังขึ้นพร้อมกับศีรษะที่ยื่นพ้นขอบเตียงลงมาทำเอาคนที่อยู่เตียงล่างเกือบกรีดร้องไม่เป็นภาษา


“คุยกันเสร็จแล้วก็แยกย้ายกันนอนเหอะ เตียงก็โคตรแคบ ปกติแค่หมีมันขยับทีข้างบนก็โงนเงนจะหล่นลงไปคอหักตายอยู่แล้ว”


วีรินทร์บ่นยาวพรืดแล้วก็ดึงหัวที่ห้อยลงมากลับขึ้นไปนอนดีๆ กันตธีร์ที่หายตกใจจึงลุกขึ้นจากการระรานเพื่อนแล้วยืดตัวขึ้นไปเกาะขอบเตียงบน


“ขอบคุณมากๆ เหมือนกันนะซอล”


เขากระซิบบอก ซึ่งอีกฝ่ายก็ชูมือขึ้นโบกเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร ชายหนุ่มจึงงมทางกลับไปที่เตียงตัวเอง แล้วหลับตาลงอย่างสบายใจ

พรุ่งนี้เช้า...เขาจะเล่าเรื่องนี้ให้โชติภัทรฟังเป็นอย่างแรกเลย


TBC



::TALK::

[พิมพ์สิ่งนี้เป็นรอบที่สองเนื่องจากคอมดับ]

//กราบกราน เลทจริงจังขออภัย

แต่จะบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันซีเวียมากค่ะ //ปาดน้ำตา  :mew6: วันก่อนพิมพ์ไปจบจะจบละ...คอมดับ!! แถมเปิดมาออโตเซฟก็ไม่มี คือไร!? แล้วที่แย่กว่านัน้คือมันติดๆดับๆเรื่อยๆมาจนถึงตอนนี้ [ถึงเมื่อกี้ตอนพิมพ์ทอล์คกั[คอมเมนท์เสร็จมันก็ดับใส่หน้า //ร้องไห้ :z3:]

[ข้อดีของเรื่องนี้คือเขียนใหม่แล้วมันยาวขึ้น...ได้อย่างไรก็ไม่ทราบ //อาจจะมีพลังงานบางอย่าง]

โอเค...นั่นคือการคร่ำครวญของสิ่งที่เกิดในวันสองวันนี้ จริงๆ ที่หายไป2วีคคือไปสอบ [อย่าถามผล] และตกหลุมด้วง[?] มาค่ะ

สำหรับตอนนี้ //ปาดน้ำตาแล้วพิมพ์เหมือนเดิมอีกรอบ คนเขียนคิดว่าเพื่อนสนิทที่อยู่ด้วยกันมานานแล้วกฤษณ์สำคัญมากเหมือนกันสำหรับธีร์ ตอนนี้เลยต้องขอยกให้นะคะ อาจจะไม่หวานเท่าไหร่ [คงไม่ดราม่าเกินไปใช่มั๊ยค้าาาา]

สำหรับตอนหน้า จะพยายามมาให้ได้ในศุกร์นี้นะคะ  :katai4: :katai4: :katai4: [ตั้งเป้าไว้ว่าเรื่องนี้จะต้องจบในปีนี้]

ขอบคุณที่ยังอยู่ด้วยกันนะคะะะะ กอดดดดดดด  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ป.ล. ขออภัยที่ทอล์คสั้น...ยังช้ำใจกับที่พิมพ์แล้วหายไป แงงงงงงงงงง

::comment::

biw43 - ขอบคุณค่าา ดีใจที่ชอบนะคะ ยินดีต้อนรับค่ะ :pig2: //กอด
Zelsy - ฟีลลิ่งหน้าระเบิดเลยค่ะะะ เขียนไปเขินไปเหมือนกัน 5555
GintoniC - เจมีคู่แน่นอนค่า ตอนนี้กำลังเขียนอยู่เลยค่ะ  :katai4:
kokoro - จนได้กันเลยหรอคะ [คิดหนัก] ขอบคุณสำหรับกำลังใจช่วงสอบนะคะ
BeeRY - //ฉีดinsulin ตอนนี้ไม่หวานเท่าไหร่นะคะะ
หนูมาลีมีลูกแมวเหมียว - เรียกได้ว่าจิตใต้สำนึกไม่ผ่านสมองกันเลยค่ะ 5555555 //จับจูบ ว่าแต่ตอนนี้คงไม่ดราม่าเกินไปใช่มั๊ยคะะะ
mild-dy - ขอบคุณค่า มุ้งมิ้งกันแบบพอประมาณ 555
JustWait - คนเขียนก็เขินค่า 555 //หน้าระเบิด
[N]€ẃÿ{k}uñĢ - แหะๆ ตอนนี้เลทเบาๆ ขอโทษนะค้า  :mew2: สำหรับเรื่องครอบครัวอาจจะต้องรอดูไปอีกหน่อยค่า
ammchun - ขอบคุณค่าคุณแอม ดีใจที่ชอบนะคะะะะ คืออ่านคอมเมนท์นี้แล้วต้องกลับไปไล่อ่านบ้างเลย  :a5: ยาวจริง 555 ยินดีต้อนรับนะคะ
paladin.kn - ขอบคุณค่าาา ยินดีต้อนรับค่ะ ดีใจที่ชอบนะคะ ว่าแต่ตอนนี้ดราม่าเกินไปหรือเปล่าอ่ะคะ แหะๆ
malula - เขียนไปก็เขินไปเหมือนกันค่ะ 55555  :o8:
quiicheh. - //หน้าระเบิด! 5555 ตอนของเจเขียนอยู่นะคะ แต่คงให้โชธีร์จบก่อนถึงจะเอามาลงค่า [//สร้างงานให้ตัวเอง]
minjeez - เพลงนี้ใช่เลยค่ะ! [คนเขียนชอบพี่ซิน //ผิดประเด็น] โชเป็นคนเอาจริงเอาจัง จริงจังกับทุกอย่าง คนแบบนี้ถ้าเสียใจคงน่าสงสารแย่เลย เพราะงั้นคนเขียนไม่ยอมหรอกค่ะ!!
RinNam - ขอบคุณนะคะะะ ดีใจมากเลยที่ชอบ //เขิน ยินดีต้อนรับนะคะะะ //ช่วยขึงมุ้ง
kik - ขอบคุณค่าาาา //เขิล  :-[

ขอบคุณทุกคอมเมนท์มากๆเลยนะคะ ทุกคนที่ยังอยู่ด้วยกันและคนใหม่ๆที่แวะเวียนมาด้วย อ่านคอมเมนท์แล้วมีพลังอ่ะ //เขิล  :-[ :-[ //แจกกอดดดดดด  :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: เจอกันตอนหน้าค่าาา



ป.ล. ขอบคุณคุณOrageryLemonด้วยนะคะ เพิ่งเห็นว่าเอาเรื่องนี้ไปแนะนำในกระทู้แนะนำนิยาย คือเห็นแล้วเขินมาก  :-[ 555 แต่ก็ดีใจมากเลยค่ะ //วิ่งปิดหน้าเข้าไปกอด  :กอด1:

---edit----

เพิ่มรูปค่ะ 555555 มัวแต่เวิ่นเว้อเพราะคอมดับ ลืมโพส

รูปนี้ประกอบตอน20 (วาดไว้หลายวันด้วยความเวิ่นเว้อ) >>> http://t.co/BJDPGU7Vdo (http://t.co/BJDPGU7Vdo)

แอบชอบฉากนี้เป็นพิเศษ ><
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 21 [02/11/57 P.8]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 02-11-2014 18:37:11
เพื่อนสนิทมีแฟนก็คงมีหวงๆบ้างแหละ คุณพ่อหมีนี่ยังดีนะ แยกแยะได้ สงสัยเพราะโตแล้ว
สมัยเราตอนแว้นๆอยูุ่ โกรธเพื่อนเลย งอนอย่างหนัก แบบทิ้งกรูนะเมิง :angry2:
มันดีมากเลยแหละ ที่เพื่อนจะเข้ากับแฟนได้ คนกลางอย่างหนูธีร์ก็ไม่ลำบากใจ
เราว่าบางคนเป็นนะ แบบถ้าไปกับเพื่อนก็อย่าพกแฟนไปไรงี้อ่ะ ไม่ใช่ไร เพื่อนที่ยังไม่มีแฟนมันอิจฉา :laugh:
วันศุกร์จะมารอนะคะ :impress2:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 21 [02/11/57 P.8]
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 02-11-2014 19:07:40
โอ๊ยยยยยยยยย โชขาาาาาาาาาาา จะดีเริ่ดไปไหนคร่าาาาาาา หนูอยากได้แบบพี่สักคน อ๊ากๆๆๆ อิจฉาธีร์อ่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 21 [02/11/57 P.8]
เริ่มหัวข้อโดย: Raiwyn ที่ 02-11-2014 19:47:09
สงสารเจเหมือนกันนะ
แต่ก็ชอบโช 555555  :m1:
เข้าใจความรู้สึกตะหงิดเวลาเพื่อนมีแฟนดีเลยแหละ นอยๆ แต่นานไปเดี๋ยวก็หาย  :hao3:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 21 [02/11/57 P.8]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-11-2014 19:50:54
เข้าใจอารมณ์ธีร์นะ
แต่ธีร์ทำไมขี้เขินจังง่ะ??
ปล.อยากรู้ซอลคู่กับใคร??
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 21 [02/11/57 P.8]
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 02-11-2014 20:11:53
ธีร์ขี้อายมากๆอะ ไม่กล้าพูดอะไรเลย เพื่อนๆเค้าเป็นห่วงนะ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 21 [02/11/57 P.8]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 02-11-2014 20:45:55
อ่านเรื่องธีร์กะพ่อหมีละขำ นึกถึงสมัยละอ่อน
เพื่อนไปชี้หน้าว่าแฟนเรา เธอนิสัยไม่ดีอย่ามายุ่งกะเพื่อนเรา 555นางคงหวงเรามาก
ใครจะคู่เจ เจจะคู่ใคร ยังเหลือซอลอีกคนนะ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 21 [02/11/57 P.8 (editเพิ่มรูป21:30)]
เริ่มหัวข้อโดย: minjeez ที่ 02-11-2014 21:47:57
โถๆๆๆๆๆ ที่แท้พ่อหมีก็หวงลูกสาว เอ้ย ลูกชายสุดที่รักนี่เอง
ธีร์ก็น้า มีอะไรก็ไม่บอกเพื่อน อายซะงั้น
ดีนะที่เพื่อนๆของธีร์เข้าใจ ช่างเป็นที่รักของเพื่อนจังเลย
น่าอิจฉาที่สุด เพื่อนก็ดี แฟนก็ดี หุหุ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 21 [02/11/57 P.8 (editเพิ่มรูป21:30)]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 03-11-2014 04:49:45
ธีร์คิดมากไปซะแล้ว อย่าคิดมากไปกว่านี้แล้วกัน เดี๋ยวคุณพ่อหมี เพื่อนและแฟนจะพาลเป็นห่วงกันไปหมด

คอมเราก็ดับบ่อยค่ะ งานหายบ่อยมาก พยายามมองในแง่ดีว่าทำให้ได้ฝึกมากกว่าเพื่อน 555 (ทำจนจำคำตอบได้)

ยังไงก็สู้ ๆ นะคะ ลองหาเวลาพาคอมไปหาหมอดูนะคะ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 21 [02/11/57 P.8 (editเพิ่มรูป21:30)]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 04-11-2014 20:48:17
ธีร์โชคดีมากๆ มีทั้งเพื่อนดีและแฟนที่ดี(มาก)
#ทีมโชติภัทรค่ะ 55555555555555
ตอนแรกนึกว่าพ่อหมีจะไม่โอเค
แอบคิดมากแทนธีร์ไปละ เพื่อนกะแฟนนี่ปัญหาใหญ่
เอ้ยยยยยยยหวานนิดๆจนนึกว่ากำลังจีบกันใหม่ๆ>_<

ไหนๆเจก็จะมีคู่ละ ขอให้ซอลสมหวังด้วยนะคะ;-)
เอ็นดูซอลงะ55555555555
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 21 [02/11/57 P.8 (editเพิ่มรูป21:30)]
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 07-11-2014 11:33:19
ธีร์จ๋า มั่นใจในตัวเองหน่อยนะ
เห็นมั้ย ขนาดสอบโหดๆ ถ้าธีร์มุ่งมั่นเต็มที่ สุดท้ายธีร์ก็ทำได้
เพื่อนๆทุกคน และคุณชายโชก็เป็นกำลังใจไม่ห่าง

ดีใจที่เคลียร์กับพ่อหมีได้ซะที
คราวนี้ลูกสาวก็จะได้คบแฟนแบบไม่ต้องกลัวพ่อว่าละนะ #เอ๊ะ  :z1:

ปล.โชเธออย่าทำตัวดีมาก แม่ยกกลัวว่าจะเผลอตัวไปแย่งกับน้องธีร์  :laugh:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 21 [02/11/57 P.8 (editเพิ่มรูป21:30)]
เริ่มหัวข้อโดย: velvetronica ที่ 09-11-2014 20:15:27
22


   สนามบินสุวรรณภูมิช่วงปีใหม่มีผู้คนหนาแน่นราวกับตั๋วเครื่องบินแจกฟรี กัลยธาวิ่งฉิวนำไปจองที่นั่งหน้าเกตโบกมือเรียกให้คนอื่นตามมา กันตธีร์ที่กลายร่างเป็นพนักงานถือของประจำตัวของสาวๆ เลยค่อยๆ เดินตามไปอย่างไม่รีบร้อน

ชายหนุ่มขยับคอเสื้ออย่างอึดอัด เพราะเขาขี้เกียจเปลี่ยนชุดไปมาจึงใส่เสื้อคอเต่ามาตั้งแต่ที่บ้าน แม้โค้ทตัวหนาจะยังพาดอยู่กับแขนแต่อุณหภูมิหน้าหนาวของกรุงเทพมหานครก็ทำเอาเขาได้เหงื่อไปพอควรตั้งแต่ออกจากบ้านมา


“มานั่งนี่สิลูก ตากแอร์จะได้ไม่ร้อน” คนเป็นแม่กวักมือเรียกลูกชายให้ไปนั่งตรงที่เครื่องปรับอากาศเป่า

“ธาบอกให้เอาชุดไปเปลี่ยนก็ไม่เชื่อ” กัลยธาแลบลิ้นใส่พี่ชาย

“เดี๋ยวขึ้นเครื่องก็หนาว แล้วเราอย่ามาบ่นใส่พี่ชายนะคะ” คนที่เพิ่งแบกของมาถึงเบ้หน้า

“บนเครื่องเขาก็มีผ้าห่มให้หรอก” เด็กสาวเถียงหงุงหงิงจนมือจากผู้อาวุโสสุดในบ้านยกขึ้นมาลูบหัวเบาๆ จึงหยุด

“แล้วมาเที่ยวนี่เรื่องงานไม่มีปัญหาใช่ไหมธีร์”

“ตอนนี้เหลือแต่ตัวเปเปอร์แล้วครับพ่อ ผมแบ่งทำไปเกินครึ่งแล้ว แล้วกลับมาก็ยังเหลืออีกเกือบสามสัปดาห์” เจ้าของคำถามพยักหน้ารับ


ครอบครัวของเขามาก่อนเวลาพอสมควรจึงต้องนั่งรออีกสักพักใหญ่ๆ กัลยธาคุยเสียงเจื้อยแจ้วถึงแพลนที่วางเอาไว้ สาวน้อยของบ้านเป็นคนจัดทริปแบบไปเที่ยวเองในครั้งนี้จึงตื่นเต้นเป็นพิเศษ คนอื่นในบ้านยิ้มให้อย่างเอ็นดูแม้คำที่พูดออกมาจะฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างก็ตาม

เสียงโทรศัพท์เรียกเข้าในกระเป๋ากางเกงเรียกให้กันตธีร์สะดุ้ง เขาชั่งใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเดินออกไปรับห่างๆ เพราะนี่เป็นเสียงที่เขาตั้งเอาไว้เฉพาะ


“ธีร์ขึ้นเครื่องยัง” เสียงที่คุ้ยเคยดังมาตามสาย

“เกตยังไม่เปิดเลย รออยู่เหมือนกัน” ชายหนุ่มตอบ “แล้วโชทำอะไรอยู่”

“ว่าจะอ่านหนังสือ...แต่ขี้เกียจจัง”

“อยู่หอหรือ?”

“ใช่ ที่บ้านฉันก็เดินทางวันนี้เหมือนกัน รีบออกเชียว คนคงเยอะมาก”

“มากๆ เลยล่ะ” บ่นพลางหัวเราะ “อยากได้อะไรที่ญี่ปุ่นไหม”

“อืม...ไม่มีอะไรเป็นพิเศษนะ ธีร์ให้อะไรก็ดีใจหมดแหละ” คำหยอดนั้นทำให้คนฟังเกิดหมั่นไส้ขึ้นมาเล็กๆ เลยอดจะถามกลับไม่ได้

“...งั้นซื้อsex toyให้นี่ดีใจไหม” อีกฝ่ายชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะตอบมาด้วยเสียงกรุ้มกริ่ม

“ก็...ถ้าธีร์ชอบฉันก็โอเคหมด”

“โอยยยยยย โอเค ฉันผิดเอง ช่างมันเถอะๆๆ” กลับกลายป็นคนถามเองที่รู้สึกว่าพลาดจนต้องตัดบท “ไปละๆ อ่านหนังสือปีใหม่ให้สนุกนะ”

“ฮ่าๆ เดินทางปลอดภัย เที่ยวให้สนุกเหมือนกันนะธีร์”


กันตธีร์เก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินกลับไปหาครอบครัว เมื่อไม่มีใครถามหรือเอะใจอะไรก็โล่งใจ เขาคิดว่าตอนนี้ยังไม่ใช่จังหวะที่ควรพูดอะไร อันที่จริงบ้านวิจักข์วัฒนาเลี้ยงลูกแบบปล่อยๆ มีอะไรก็ให้ตัดสินใจเองและไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของกัน กันตธีร์มั่นใจด้วยซ้ำว่าถ้าเขาเก็บเงียบแล้วทำเป็นโสดไปตลอดชีวิตพ่อแม่ก็คงไม่ว่าอะไร

แต่ถ้าอะไรๆ มันลงตัวและมั่นคงกว่านี้...เขาก็อยากบอก

แม้ไม่มั่นใจว่าผลจะออกมาเป็นแบบไหนเลยก็ตาม


เสียงประกาศเรียกทำให้ทุกคนค่อยๆ ขยับตัวลุกไปต่อแถวที่เกต พ่อแม่ของชายหนุ่มนั่งBusiness classจึงได้เข้าไปก่อน ด้วยความที่ทั้งคู่ทำงานอยู่ต่างประเทศทำให้มีไมล์สะสมไว้มากจนแทบไม่ต้องเสียค่าตั๋ว แต่กับตัวลูกๆ ทั้งสองแค่เห็นราคาก็โบกมือลา ยอมนั่งชั้นประหยัดแล้วเก็บเงินไปซื้อของจะดีกว่า...นี่คือคำพูดของกัลยธา

ยืนรอสักครู่ก็ได้ขึ้นมานั่งเล่นต่อบนเครื่อง เด็กสาวกระโดดผลุบเข้าไปนั่งติดหน้าต่างทันที ทำให้พี่ชายทรุดนั่งตรงข้างทางเดินอย่างเต็มใจ และเมื่อเห็นว่าน้องสาวสนใจอยู่กับนอกหน้าต่างมากกว่าจึงหยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์ข้อความสั้นๆ ส่งไปบอกโชติภัทรว่าอยู่บนเครื่องจะปิดมือถือแล้ว

ชั่วอึดใจเสียงก็ดังขึ้นพร้อมข้อความที่ส่งกลับมาอย่างรวดเร็ว


‘You will be missed’[/i]


กันตธีร์มองหน้าจอตาค้าง รู้สึกว่าของเหลวทั้งร่างพุ่งเข้ามากองอยู่บนแก้มทั้งสองจนร้อนเห่อไปหมด ชายหนุ่มกัดมุมปากตัวเองแน่นแล้วรีบกดปิดเครื่องเก็บเข้ากระเป๋ากางเกง มือทั้งสองข้างลูบหน้าลูบตาพยายามปรับอารมณ์ที่ถูกตีจนฟุ้งไปหมดให้กลับมาปกติ

กัลยธาที่เพิ่งหันกลับมามองพี่ชายตัวเองทำท่าประหลาดอย่างงุนงง คนถูกมองจึงยืดมือไปคว้าเอาแผ่นแนะนำการปฏิบัติตัวบนเครื่องขึ้นมาพัดแก้เกี้ยว


“ร...ร้อนเนอะ” พูดเสียงเก้อ เด็กสาวที่จ้องอยู่จึงเลิกคิ้วสูงก่อนจะเอ่ยประโยคเดิมๆ ให้คนฟังลอบถอนหายใจ

“...ธาบอกแล้วไงคะว่าค่อยเอาชุดมาเปลี่ยนดีกว่า”






ที่โตเกียวหนาวค่อนข้างมากเมื่อเทียบว่ากันตธีร์เป็นคนขี้หนาว ชายหนุ่มได้แต่มองน้องสาวที่โฉบไปมาด้วยกระโปรงสั้นและถุงน่องอย่างนับถือในความพยายาม สำหรับเขาแล้วอุณหภูมิเลขตัวเดียวไม่ทำให้คิดถึงความสวยงามภายนอกไปมากกว่าการรักษาความอบอุ่นเลย

ด้วยความคุ้มค่าหรืออาจจะก้าวข้ามไปถึงขี้งก การจัดทริปของกัลยธาเรียกได้ว่าเที่ยวตั้งแต่เช้าตรู่ยันดึกดื่น โดยวันนี้ที่เป็นวันสิ้นปีเด็กสาวเกือบจะลากให้ทุกคนไปไหว้พระวันปีใหม่ตอนเที่ยงคืนด้วยซ้ำ แต่ถูกเบรคด้วยคุณพ่อผู้เป็นนักเรียนญี่ปุ่นมาก่อนค้านว่ามันเหนื่อยเกินไปและคนเยอะมากจนอาจจะหลงกันได้ง่าย เลยจบลงที่ไปไหว้มันตั้งแต่หัวค่ำแล้วรีบกลับมานอนแช่น้ำร้อนที่โรงแรม

กันตธีร์ที่พักห้องเดียวกับน้องสาวไล่ให้อีกฝ่ายไปอาบน้ำก่อน ส่วนตัวเองก็เดินไปเร่งฮีทเตอร์แล้วนั่งซุกอยู่บนเก้าอี้ข้างหน้าต่าง ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาต่ออินเตอร์เน็ต เชคอีเมลล์งานจากอาจารย์อิทธินนท์และส่งข้อความหาคนที่นั่งร้อนอยู่ในใจกลางกรุงเทพฯ


บทสทนาส่วนใหญ่เป็นจากเขาเป็นคนเล่าเรื่องนู่นนี่ที่ไปเที่ยวมาในแต่ละวันพร้อมกับส่งรูปอวดเป็นแผงๆ จนอีกฝ่ายเริ่มโอดครวญว่าอิจฉาให้เป็นที่สะใจเล่น โชติภัทรบอกว่าอยู่ที่ไทยไม่มีอะไรเลย มีแต่อากาศร้อนกับกรุงเทพฯเงียบๆ

คุยได้ไม่นาน กัลยธาก็แต่งตัวเรียบร้อยพร้อมหัวเปียกๆ เดินออกมาจากห้องน้ำ จึงได้ฤกษ์ให้ชายหนุ่มเข้าไปจัดการตัวเองบ้าง

กันตธีร์หันไปหยิบเสื้อผ้าตอนที่โทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มขมวดคิ้วเมื่อเห็นหน้าจอ...โชติภัทร Video call มาหาเขาทำไม?

คนเป็นพี่ชายเห็นว่าน้องสาวกำลังเป่าผมอยู่คงไม่ได้สนใจจึงใส่หูฟังแล้วกดรับ เขากำลังจะอ้าปากถามอีกฝ่ายว่ามีอะไร แต่แล้วก็ต้องอึ้งไปเมื่อคนที่ปรากฎขึ้นบนจอนั้นเขาไม่รู้จัก...ใบหน้าของผู้ชายคนหนึ่งพร้อมกับดวงตากลมโตกะพริบปริบๆ กลับมา ก่อนจะหันไปเรียกอีกคนที่ยืนอยู่ไกลๆ ให้เข้ามาด้วย


“ภิณๆ! รับแล้วๆ!!”

“เฮ้ย!!” คนคนนั้นที่กันตธีร์ก็ไม่รู้จักเช่นกันร้องลั่น “โย!! มึงทำจริงดิ ไอ้เหี้ย!!”

“เออน่า มานี่เร็วๆ” ภาพในจอขยับไปมาครู่หนึ่งก่อนจะมาหยุดที่หน้าของคนสองคน “สวัสดีคร้าบบบบ แฟนโชใช่ไหมเนี่ย?”

“เอ้อ...” กันตธีร์ถึงกับอึ้งซ้อนอึ้ง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เอามือถือโชติภัทรมาเล่นได้ยังไง...เลยไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไรออกไปดี

“พวกเราเป็นเพื่อนไอ้โชมันน่ะ” อีกคนที่เขาเพิ่งสังเกตว่าเป็นคนหน้าตาดีมากๆ อธิบาย “เราชื่อภิณ ส่วนไอ้นี่ชื่อโย”

“เอ้อ...เราชื่อธีร์” ชายหนุ่มตอบไปแบบอัตโนมัติด้วยความที่ยังเรียบเรียงความคิดไม่ทัน

“พวกเรารู้จักธีร์แล้วล่ะ ไอ้จีเคยเล่าให้ฟัง”


ชื่อที่สะดุดหูทำให้กันตธีร์ค้นสมองอย่างรวดเร็วจนร้องอ๋อขึ้นมาในที่สุด คนชื่อจีนั่นเขาเคยเจอครั้งสองครั้ง ส่วนสองคนนี้คงจะเป็นเพื่อนสนิทอีกสองคนที่โชติภัทรเคยบอก

...ว่าแต่...นี่เลือกคบเพื่อนกันที่หน้าตาหรือยังไง? มันจะเกินมาตรฐานไปหน่อยไหม?


สองคนในจอพยายามมาฟ้องเขาว่าโชติภัทรไม่ยอมแนะนำให้รู้จักสักทีเลยต้องมาสืบเอง แล้วก็ทำท่าจะเอาเพื่อนมาเผาซะเต็มที่ จนมีเสียงประตูดังขึ้นพร้อมเสียงโวยวาย คำอุทานว่าชิบหายหลุดออกมาก่อนที่ภาพจะตัดไป

กันตธีร์มองจอที่ดับไปแล้วด้วยความรู้สึกพิศวง ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อเสียงเรียกดังขึ้นมาอีกรอบ แต่คราวนี้เป็น voice call


“ธีร์” เสียงอ่อยๆ ของโชติภัทรนำมาเป็นอย่างแรก “ขอโทษ พอดีฉันลืมมือถือไว้ห้องเพื่อน”

“เอ้อ...ไม่เป็นไร”

“โยกับภิณมันว่าอะไรบ้าง อย่าไปฟังมันสองคนมากเลยนะ” เสียงร้อนรนนั้นทำให้เขาขำขึ้นมา “...ทำให้ธีร์ลำบากใจหรือเปล่า ขอโทษจริงๆ”

“ไม่หรอก...ยังไงก็คงต้องได้รู้จักกันสักวันอยู่แล้ว” กันตธีร์ตอบยิ้มๆ “เมื่อกี้แค่ตกใจน่ะ แบบใครวะ?”

“อื้อ ไอ้บ้าสองคนนี่มันชอบทำอะไรแผลงๆ ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะ”


เขาคุยต่ออีกไม่กี่คำก็วางสาย กันตธีร์เพิ่งรู้สึกตัวว่าเสียงไดร์เป่าผมเงียบลงไปแล้ว แต่เมื่อหันไปมองน้องสาวที่หวีผมอยู่หน้ากระจกก็ไม่เห็นว่ามีท่าทีอะไรจึงเดินเข้าห้องน้ำไปแบบพยายามไม่คิดมาก

โดยไม่รู้ว่าเมื่อประตูห้องน้ำปิดลง เด็กสาวก็ลดมือที่กำหวีจนแน่นแล้วจ้องมือถืออย่างกังขา


++++++


เวลาหกวันห้าคืนผ่านไปไวเหมือนโกหก พอปรับตัวกับอากาศหนาวได้ก็ถึงเวลากลับไทยให้ต้องมาปรับตัวกับความร้อนระอุใหม่ทันที ทั้งกันตธีร์และกัลยธาต้องรีบกลับหอเพราะเช้าวันต่อมามีเรียน ส่วนคุณและคุณนายวิจักข์วัฒนาก็มีฤกษ์ให้เดินทางไปทำงานต่อในวันพรุ่งนี้เช่นกันทั้งหมดจึงรีบแยกย้ายกันไปจัดการธุระของตนเอง

เมื่อกลับมาถึงหอก็พบกฤษณ์ที่ขนของกินจากบ้านมาล้นห้อง และวีรินทร์ที่มาพร้อมลังผลไม้ ส่วนเขาก็มีขนมจากญี่ปุ่นที่พ่อแม่ยัดมาอีก...เป็นอันว่าปิดปีใหม่ทีก็ได้โอกาสสะสมเสบียงประจำห้องที


กันตธีร์โทรเรียกคนที่อยู่อีกหอลงมาเอาของฝากที่ข้างตึก ชายหนุ่มยิ้มทักอีกฝ่ายก่อนจะยื่นถุงให้


“ซื้ออะไรมาตั้งเยอะเนี่ย...” โชติภัทรว่าก่อนจะเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ “หรือซื้อsex toyมาจริงๆ?”

“พอเลย!!” คนให้กระแทกเสียงจนอีกฝ่ายหัวเราะ

“โอเค ไม่เล่นแล้วๆ” ยกมือยอมแพ้ ก่อนจะหันมาสนใจของในถุง

“พวกนี้ขนม...เอาไปแบ่งเพื่อนโชก็ได้” กันตธีร์ชี้ๆ ก่อนจะล้วงเข้าไปหยิบห่อกระดาษมา “ส่วนนี่...เครื่องราง”

“เครื่องราง?” รับมาแกะดู พบเป็นถุงผ้าแบนๆ สีขาวนวลปักป้ายตัวอักษรสีทองพร้อมเชือกห้อย

“เครื่องรางสุขภาพแข็งแรง” คนให้ว่ายิ้มๆ “มัวแต่รักษาคนอื่นแต่ไม่ดูแลตัวเองเลยคุณหมอ”


โชติภัทรมองของในมือค้างก่อนจะเงยหน้ามายิ้มกว้างให้จนอีกฝ่ายรู้สึกเขินขึ้นมา


“ขอบคุณนะธีร์”

“...อันนิดเดียวเอง” ชายหนุ่มงึมงำ “ไม่รู้ว่าจะอยากได้อะไร วันหลังคิดมาด้วยล่ะ”

“บอกแล้วว่าให้อะไรก็ดีใจหมด” คนดีใจยิ้มจนตาปิด “พรุ่งนี้เย็นว่างไหม ไปกินข้าวกัน”

“อ่า ตอนบ่ายต้องไปคุยงานกับอาจารย์ แต่ถ้าไม่มีอะไรก็ว่างแหละ”

“งั้นธีร์ค่อยโทรมาบอกแล้วกัน”

“อื้ม”


เขาพยักหน้ารับก่อนที่ทั้งคู่จะยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง โชติภัทรเงยหน้าหันมองซ้ายขวา แล้วโน้มตัวลงฝังปลายจมูกที่ข้างขมับคนตัวเล็ก เสียงแหบกระซิบอยู่ที่ข้างหูจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น


“คิดถึง”


กันตธีร์เบิกตากว้างมองอีกฝ่ายค้าง รู้สึกเหมือนโดนไฟช็อตไปทั้งตัว โชติภัทรบอกลาแผ่วเบาก่อนจะผละออกไปแล้วเดินกลับหอ ทิ้งให้คนตัวแข็งยืนช็อคกุมหน้าอกอยู่เพียงลำพังแล้วโวยวายอยู่ในใจ

อย่ามาทำให้ใจสั่นแล้วเดินหนีไปอย่างนี้สิวะ!!!





TBC


::TALK::

เลทอีกแว้ว 555 ไม่มีอะไรแก้ตัว //แอร้  :z6:

ช่วงนี้ชีวิตประจำวันแต่เจออะไรที่ไม่ค่อยงดงาม ชีวิตอึนมากค่ะ แต่ยังร่าเริงดีอยู่[มั้ง]

ตอนนี้แอบสั้น [ช้าแล้วยังสั้นอีก อั่กกกก] เที่ยวญี่ปุ่นยังไงใน1ตอน 555555 คือ บอกตามตรงว่าช่วงนี้เขียนแล้วมันติดๆ ยังไงไม่รู้ แบบมันตันๆ ไปต่อไม่ถูกทั้งๆ ก็มีอยู่ในหัว  :z3:

แต่ตอนนี้คนเขียนชอบมากเลยนะคะะะะะะะ เป็นตอนที่อยากเขียน [ทุกคนอาจจะสงสัยว่าสองหน่อนั่นโผล่มาทำไม คือเป็นตัวละครจากอีกเรื่องนึงที่ถ้ามีแนวโน้มว่าจะเขียนจบ(ขีดเส้นใต้สามเส้น)จะเอามาลงนะคะ คือ คนเขียนอยากให้โผล่มาเฉยๆ ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ 55555]

ว่าแล้วก็ชวนคุยๆ จริงต้นแบบของธีร์ในหัวคนเขียนเป็นรุ่นน้องในคณะคนนึง น้องแกเป็นคนหน้าหวานมากกกกกกกก คือไม่ได้สวย แต่หน้าหวานอ่ะ ตัดมาแต่หัวนี่คือไม่รู้เพศ แต่นิสัยน้องแกแมนมาก แล้วก็แบบทำตัวปลีกวิเวกไม่เข้าสังคมสุดๆ [แต่น่ารัก เอฟซีอ่ะ]  :-[

ที่แซ่บคือน้องมีคู่จิ้น 55555555555555 เป็นน้องอีกคนนึงซึ่งเป็นหนุ่มหล่อแบดบอยค่ะ โอโห...เรานี่ฟิน[?]ไปเลย ชอบมาก น่ารัก เซอร์วิสด้วย [ไอ้พวกเด็กบ้า รู้ทัน //แงงงงงง 55555] ป.ล. น้องเป็นผู้ชายทั้งคู่นะคะ เราจับใส่ฟิลเตอร์ไปเองอ่ะ 5555555

ส่วนต้นแบบของโชติภัทรนี่ไม่มีจริง[ดีเกินไป แอ่ก] คือ เป็นส่วนผสมของหลายๆคนอ่ะค่ะ

สำหรับตอนหน้าาาาาาา :katai4:...อาทิตย์นี้คนเขียนสอบ[อีกแล้ว] ขอเป็นวันเสาร์หรืออาทิตย์หน้าแล้วกันนะคะ //กราบขออภัยในความล่าช้าอีกครั้ง แงงงงงงงงงงง

เจอกันตอนหน้าค่าาา เลิฟคนอ่าน จุ๊ฟฟฟ  :mew1: :mew1: :mew1:

ป.ล. ทวิตเงียบเหงา [หรือเราจะสแปมด้วงมากไป 55555] ทุกคนมาคุยกันได้นะคะะะะ >> https://twitter.com/velvetronica (https://twitter.com/velvetronica)


::comment::

BeeRY - เข้าใจอารมณ์เหมือนกันค่ะ เรากับเพื่อนก็เป็น 555555 แอร้ สายไปสองวันขอโทษนะคะ  :z3:
GintoniC - คนเขียนก็อยากด้ายยยยยยยยยยยยย พระเอกนี่มันพระเอกจริงๆค่าาาา  :-[
Raiwyn - ฮ่าๆ นอยจริงค่ะ คนเขียนก็รักเจนะ แต่เรื่องนี้คงต้องยกให้โชจริงๆ
mild-dy - ธีร์เป็นพวกไม่สู้สังคมอ่ะค่ะ ส่วนซอลคู่กับใคร...คนเขียนยังตัดสินใจไม่ได้เลย[ฮา] แต่จะหาให้สักคนค่ะ!
Zelsy - จริงๆ คือธีร์ไม่ค่อยบอกอะไรเพื่อนอยู่แล้วค่ะ แฟนคนก่อนๆก็เป็นงี้ 555
malula - มีโมเมนท์นั้นเหมือนกันค่าาา 555 คนที่เจคู่ด้วยไม่อยู่ในเรื่องนี้ค่ะ อิอิ ส่วนซอล...ขอตัดสินใจก่อนนะคะ แหะๆ
minjeez - พ่อดุแบบที่ซอลว่าค่ะ ธีร์เป็นคนที่น่าอิจฉามากกกกก
Celestia - ฮือ ยังไมได้พาไปหาหมอเลยค่ะ ยังติดๆดับๆอยู่ [นี่ก็กดเซฟทุกบรรทัด]  :z3:
quiicheh. - ทีมโชติภัทรด้วยค่ะ!!!  :impress2: 55555555555555 หวานเน้อ คู่นี้แบบ...แอบหมั่น 5555 ส่วนซอลนี่คนเขียนขอคิดก่อนนะคะ อยากให้ซอลได้กับคนที่ดูแลซอลได้ [รักหนูซอล]
kokoro - ก๊ากกกกก อยากแย่งด้วยเลออออ #ทีมโชติภัทร  :impress2:

ขอบคุณทุกคอมเมนท์ค่าาาา //แจกจูบบบบ  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 22 [09/11/57 p.8(ล่างๆ)]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-11-2014 20:57:36
น้องธานี่จะทำให้ปัญหาตามมาป่าวนะ?
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 22 [09/11/57 p.8(ล่างๆ)]
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 09-11-2014 21:15:01
ดูโชดิ ทำเอาธีร์เขินจนช็อกไปซะแล้ว
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 22 [09/11/57 p.8(ล่างๆ)]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 09-11-2014 21:16:32
ท่าทางจะมีคนอยากรู้เรื่องสองหนุ่มนี้เพิ่มขึ้นมาล่ะ

มนุษย์ผู้ชายสมัยนี้น่าจับมาเป็นวัตถุดิบในการจิ้นมากมายเลยค่ะ
คือถ้าไม่อยากให้จิ้นก็อย่าเซอร์วิสมากสิ เนอะ...
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 22 [09/11/57 p.8(ล่างๆ)]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-11-2014 21:21:49
ง่าาาา หวานเป็นด้วยคู่นี้  :katai1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 22 [09/11/57 p.8(ล่างๆ)]
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 09-11-2014 21:27:25
โอ๊ยยยยยยย  ฟินจิกหมอนจะขาดแล้วคร่าาาาาา อย่าว่าแต่ธีร์เขินเลย  คนอ่านมีเขินตามไปด้วย

ปล.ชอบเพื่อนโชอ่ะ ดูน่ารักแบบมุ้งมิ้งยังไงไม่รู้  :mew3:

ปล2.แอบกังวลกับน้องธาจังเลย  :hao4:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 22 [09/11/57 p.8(ล่างๆ)]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 09-11-2014 22:18:22
น้องธาต้องระแคะระคายแน่ๆๆๆๆ
ชอบจังไม่หวือหวาแบบหวานน้อยๆแต่นานๆ

เอาจริงๆผชแบบโชติภัทรก็มีนะคะ
แต่น้อย55555555555555 ยังสติล#ทีมโชติภัทร ฮ่าๆ
ดังนั้นอ่านเวลาโชกะธีร์อยู่ด้วยกันกรี๊ดตลอด
ตอนนี้ก็แอบหอมขมับเค้าอี๊กกก>_<

เพื่อนธีร์สองคนนี่ก็แซ่บนะ รออ่านค่า
ส่วนคู่ซอล,เจแล้วแต่คนแต่งเลย เราซัพพอร์สหมดค่ะอิอิ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 22 [09/11/57 p.8(ล่างๆ)]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 09-11-2014 22:49:48
อะไรตอนนี้ก็ไม่น่ากลัวเท่าคุณน้องสาวอีกแล้วล่ะ :katai1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 22 [09/11/57 p.8(ล่างๆ)]
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 09-11-2014 23:03:50
คุณหมอโช เธอร้ายขึ้นทุกวันเลยนะคะ
ซึ่งก็ดีนะ ขยันทำให้ธีร์เขินบ่อยๆ ก็เหมือนทำให้เอฟซีเขินด้วย  :-[ #ผิด
เป็นห่วงแต่ว่าน้องสาวจะเก็บข้อมูลต่อมั้ย
แล้วจะก่อดราม่าอะไรหรือเปล่าเนี่ย
ถ้าธีร์มีดราม่ากับน้องจริงๆ เดี๋ยวให้น้องชายโชมาจัดการละกันเนอะ :z2:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 22 [09/11/57 p.8(ล่างๆ)]
เริ่มหัวข้อโดย: เกลียวคลื่น ที่ 11-11-2014 14:19:18
หวังว่าเรื่องนี้คงจะไม่มีมาม่า
น้องธาชีจะรับได้มั้ยนะ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 22 [09/11/57 p.8(ล่างๆ)]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 11-11-2014 14:27:07
น้องธาโนดราม่าใช่ไหมคะ...
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 22 [09/11/57 p.8(ล่างๆ)]
เริ่มหัวข้อโดย: Linyu_ta ที่ 12-11-2014 11:15:15
เพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้ บอกได้เลยว่าน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกก เราชอบสุดๆ :impress2:

ชอบทุกตัวละครที่โผล่มาเลย คือแต่ละตัวมีเอกลักษณ์ของตัวเอง มีบทบาท มีจุดดึงดูดความสนใจ ถึงแม้บางตัวไม่ได้โผล่มาทุกตอน หรือโผล่มาน้อยแต่ก็ทำให้นึกภาพตัวละครนั้นออกอย่างชัดเจน  นับถือคนเขียนตรงนี้เลย เพราะปกตินิยายส่วนใหญ่ตัวละครเสริมจะมีลักษณะคล้ายๆกัน จนแยกไม่ออกแม้เห็นชื่อ แต่เรื่องนี้คือชัดเจนมากจริงๆ อยากมีเพื่อนแบบกลุ่มธีร์บ้างเหะ โดยเฉพาะพ่อหมีเนี่ย 55555

ขอพูดถึงพระนายสุดที่รักของเราก่อนนะ 5555 ธีร์น่ารักมาก ดูซื่อๆนิ่งๆ แต่ไม่ใสเกิน ชอบตรงนี้แล่ะ ยิ่งเวลาอยู่กับชายโชแล้วธีร์ดูน่ารัก น่าเอ็นดูเหลือเกิน ส่วนชายโชพ่อพระเอก พ่อเทพบุตรของบ่าว ช่างดีเหลือเกินพ่อคุณ หาแบบนี้ได้ที่ไหนหรอ เราอยากได้แบบนี้บ้าง  :-[ 5555555 ดีใจที่ทั้งคู่ได้เป็นแฟนกันแล้ว เป็นความสัมพันธ์ที่เรื่อยๆเรียบๆน่ารักมาก ไม่รู้ว่าต่อไปจะต้องเจออุปสรรคอะไรบ้าง ไหนจะเรื่องครอบครัว เรื่องหลับจบการศึกษา การทำงานอะไรอีกมากมาย แต่เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่ ผ่านไปได้โดยไม่มาม่านะจ๊ะ อิอิ

ส่วนเหล่าเพื่อนๆเราชอบทุกตัวละคนเลย แต่ตอนนี้แอบปลื้มพ่อหมี กับน้องซอลแล่ะ อิอิ พ่อหมีเป็นเพื่อนที่ดีและฮามาก โผล่มาทีไรต้องได้ขำนางทุกที อยากให้นางมีคู่จังค่ะคนเขียน จะจัดคู่ให้นางมั้ยอะ อิอิ ส่วนน้องซอลแล้วเอ็นดูนางมากกกกก อยากได้มาดูแลเอง จะถนอมฟูมฝักอย่างดีเลย 55555 ยังหวังว่าน้องซอลจะได้เจอคนดีๆนะจ๊ะ สู้ๆ

เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ สู้ๆค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 22 [09/11/57 p.8(ล่างๆ)]
เริ่มหัวข้อโดย: kaireaw ที่ 12-11-2014 22:38:42
เพิ่งได้แอบเข้ามาอ่านเรื่องนี้ อยากบอกว่าชอบมากกกกค่ะ คือแบบฮื้อออทำไมโชถึงได้หล่อแสนดีแบบเน้ แล้วทำไมธีร์ถึงได้น่ารักน่าเอ็นดูแบบนี้ คืออ่านแล้วยิ้มตลอดเลยมันละมุนอะค่ะ เรื่องน้องธานี่แอบดราม่าแน่ๆเลย รวมถึงครวบครัวธีร์ด้วย แอบกลัว ฮือออ คือชอบการที่โชกับธีร์เรื่อยๆกันแบบนี้ จนอีกฝ่ายเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของอีกฝ่าย ไม่อยากให้ดราม่าเลย ฮืออออแต่มันต้องมีมาอีกระลอกแน่ๆเลย เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ  :-[
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 22 [09/11/57 p.8(ล่างๆ)]
เริ่มหัวข้อโดย: RinNam ที่ 13-11-2014 18:59:54
ขอหมอโชหนึ่งที่แบบห่อกลับบ้านค่าาา  :กอด1:

อย่าดราม่าเลยน้าน้องธา มามะมาเป็นสาววายด้วยกันเตอะ รับรองฟินน
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 22 [09/11/57 p.8(ล่างๆ)]
เริ่มหัวข้อโดย: velvetronica ที่ 16-11-2014 15:29:33
23


“โอ้ยยยยยย!! ใครมันจะไปจำได้วะ!!!”


เสียงโวยวายดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศอึมครึมที่ทุกคนกำลังสุมหัวกันอยู่โถงใต้ตึกกลาง จนหลายคนอดจะพยักหน้าตามไปด้วยไม่ได้


“จริง...จู่ๆ ก็มาประกาศสอบก่อนส่งเปเปอร์ใครมันจะมีกะใจอ่าน” ใครสักคนบ่นอุบ

“แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้อ่ะน้า” เสียงยานคางดังมาจากจิรณัฐที่พลิกชีทสรุปไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย “เอาน่า ไหนๆ ซอลมันมาติวให้แล้วก็ยังมีทางรอดนะ”

“...งั้นพักแปปนึงแล้วกัน” คนถูกพาดพิงโคลงหัวเมื่อเห็นสภาพตายซากของคนเรียน แล้วจึงลุกขึ้น “ไปห้องน้ำนะ”


วิชาเรียนรวมปี4ของคณะมีอยู่ไม่กี่วิชาก็จริง แต่ตลอดทั้งปีก็แทบไม่มีคนเข้าเรียนเพราะมัวแต่ไปปั่นโปรเจค พอจู่ๆ อาจารย์นึกจะดัดหลังจัดสอบก่อนส่งเปเปอร์1สัปดาห์เลยเล่นเอาโกลาหลไปทั้งชั้นปี


“ซอลแม่ง...เข้าเรียนก็ไม่เห็นจะเข้าเท่าไร ทำไมมันทำสรุปซะเรียบร้อยเลยวะ” กฤษณ์บ่นเมื่อคนถูกพาดพิงเดินออกจากวงไปแล้ว

“นั่นใครจ๊ะ ว่าที่เกียรตินิยมอันดับหนึ่งของเราเลยนะหมี” พิชามณหันมาตอบยิ้มๆ “ถ้ารอดตัวนี้ได้ต้องมากราบไหว้ซอลจริงๆ มั้งเนี่ย”

“เสียดายนะ...อย่างซอลน่าจะต่อโทต่อเอกได้สบายๆ”

“คนมันเก่งอยู่ที่ไหนก็เก่ง เดี๋ยวทำงานไปก็ได้ทุนเรียนต่อเองแหละธีร์” เจ้าหนี้ของวีรินทร์ยักไหล่ “ว่าแต่...ได้ที่ทางกันหรือยัง?”

“แอมมีที่ติดต่อไว้แล้วล่ะ ของเจคงทำงานกับที่บ้านหรือเปล่า?” หญิงสาวถามกลับแต่อีกฝ่ายส่ายหัว

“ไม่ล่ะ...เราจะไปต่อโทที่อเมริกา”

“ห๊ะ!?” ทั้งวงหันมามองกันพรึบโดยมิได้นัดหมาย

“เฮ้ย ตกใจอะไรกัน”

“มึงไม่เห็นเคยบอก” คุณพ่อหันมาถามเสียงเครียด

“ก็กำลังบอกนี่ไง...เพิ่งยื่นขอทุนไป เรียนบริหาร” คุณชายแจกรอยยิ้มไม่รู้สึกรู้สา

“อะไรวะะะ โกอินเตอร์แบบเก็บเงียบเลยนะมึงอ่ะ!!!”


กันตธีร์รู้สึกว่าตัวเองยิ้มค้างอยู่ท่ามกลางเสียงของทุกคน จนกระทั่งจิรณัฐหันมาสบตา ใบหน้าหล่อก็ยิ้มให้แล้วเอื้อมมือเอากำปั้นมาเคาะที่หน้าผากเบาๆ


“ยังไงเจก็ต้องไปอยู่ดี ไม่เกี่ยวกันหรอก”


คำพูดแบบแฝงความนัยทำให้เพื่อนๆ พากันโห่แซวไปเรื่องอื่น มีแต่เขาเท่านั้นที่รู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังหมายความอย่างไร...ไม่ว่าตอนไหนจิรณัฐก็เอาแต่ทำแบบนี้ ชายหนุ่มถอนหายใจ


“แล้วธีร์ล่ะ ตัดสินใจได้หรือยัง” ประเด็นถูกย้ายมาแบบไม่ทันตั้งตัว คนตอบจึงกลายเป็นเพื่อนสนิทแทน

“เรียนโทที่นี่แหละ อยู่แลบอาจารย์อิทธินนท์”

“เฮ้ยๆๆ ยังๆ” เจ้าของเรื่องสะดุ้ง

“ยังติดต่อเอกสารไม่เสร็จแค่นั้นแหละ อาจารย์เขารักมึงจะตายตัวเล็ก ได้เงินเดือนทีเอด้วยนะ” กระบวนการเพื่อนขายเพื่อนไม่จบลงแค่นี้กันตธีร์เลยได้แต่ส่ายหัวให้รูมเมท


เขาคงนั่งคุยเล่นกับเพื่อนไปเรื่อยจนวีรินทร์กลับมาถ้าไม่มีใครคนหนึ่งเดินเข้ามาหาที่โต๊ะ ใบหน้าหล่อที่ถอดแบบมาจากใครอีกคนทำให้ชายหนุ่มรู้สึกกังวล

วีรภัทรเดินหน้านิ่งตรงมาเพียงลำพังแล้วหยุดยืนอยู่ข้างๆ


“พี่ธีร์” เสียงเรียกนั้นมาพร้อมกับการยกไหว้ “พี่สะดวกไหม ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”

“เฮ้ย มึงมีเรื่องอะไรกับเพื่อนกูวะเชี่ยวี” กฤษณ์ออกปากนำทันที

“หมี...” เขารีบยกมือห้ามเมื่อเห็นสีหน้าของวีรภัทร “สะดวก ไปทางนู้นแล้วกัน”


เพื่อนสนิททำท่าจะห้ามแต่กันตธีร์ส่ายหัวแล้วรีบลุกขึ้น นี่เป็นเรื่องที่เขาไม่ได้คาดการณ์หากแต่เตรียมใจไว้แล้ว แม้สัมผัสได้ถึงความกังวลของตัวเองแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องเผชิญ

วีรภัทรเดินเงียบๆ ไปที่ข้างตึกซึ่งไม่มีคน บรรยากาศหนักๆ ทำให้อดจะขมวดคิ้วตามไปด้วยไม่ได้


“พี่...ผมขอแบบไม่อ้อมไปอ้อมมาเลยนะ พี่เป็นอะไรกับพี่ผม” ตรงแบบตีแสกหน้าจนเริ่มไม่ถูกเลยได้แต่ถามกลับไป

“วีไปฟังอะไรมา” พยายามทำเสียงให้นิ่งสงบ

“...มันไม่สำคัญหรอกครับ เพราะแค่พี่เดินตามมาผมก็รู้คำตอบไปเกินครึ่งแล้ว”

“งั้นพี่ก็ไม่ต้องตอบวีแล้วดีกว่าไหม” ถึงเขาจะเป็นคนเงียบแต่ก็ไม่ใช่จะยอมให้เด็กที่ไหนมาพูดจาแบบนี้ใส่

“พี่ธีร์ ผมไม่ได้จะกวนตีนพี่นะ” คนตรงหน้ามีท่าทีอ่อนลงทันทีแต่กลับแทนที่ด้วยความร้อนรน “ผมอยากรู้จริงๆ”

“...แล้วทำไมไม่ไปถามโชเอง” เด็กหนุ่มฟังแล้วก็ทำเสียงเหอะ ก่อนจะหันมาตอบตรงๆ

“พี่คิดว่าง้างปากพี่ชายผมมันง่ายไหมล่ะ”

“...ก็ไม่...” กันตธีร์เอามือเสยผม รู้สึกปวดกบาลขึ้นมาตะหงิดๆ “เลยมาหวยออกที่กูใช่ไหม”

“ผมก็ไม่อยากมาวุ่นวายกับพี่หรอกถ้า...ถ้าพี่ผมมันไม่ทำตัวเป็นหอยกาบ”


กันตธีร์สำลักอากาศ บรรยากาศตึงๆ คลายลงทันที


“เอาตรงๆ นะพี่ ผมแค่อยากคุยกับพี่ให้แน่ใจ เพื่อนผมบอกว่าพี่เคยมีแฟนเป็นผู้หญิง พี่...พี่ก็ไม่ได้เป็นเกย์ใช่ไหมล่ะ แล้วทำไมถึงมาคบกับพี่ผมได้วะ”

“เอ้อ...” ไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว

“พี่ผมแม่งเป็นหอยกาบที่จริงจังที่สุดในโลก เอาไปต้มจนสุกยังไม่ยอมอ้าเปลือกเลย” คนเป็นน้องพาดพิงพี่ชายรัวๆ ด้วยเสียงจริงจัง “พี่...พี่จริงจังกับพี่ผมใช่ไหม เพื่อนผมบางคนก็บอกว่าคิดว่าพี่จะคบกับพี่หมีหรือพี่เจ”


ยิ่งฟังยิ่งอยากจะบ้าตายขึ้นมาแบบกระทันหัน แต่ก็เริ่มจะเข้าใจไอ้เด็กตรงหน้าที่เป็นเดือดเป็นร้อนแทนพี่มันขึ้นมานิดหน่อย

...นี่พวกเด็กปี1มันเห็นเขามันเป็นคนยังไงกันวะ ว่างๆ เขาควรไปเค้นคอน้องรหัสดูบ้าง


“เอาเป็นว่า...กับไอ้สองตัวนั่นมันเป็นเพื่อนพี่แล้วกัน” เขาเลือกตอบประเด็นที่ดูพูดง่ายก่อน “ส่วนเรื่องโช...พี่นึกว่าวีจะ...เอ้อ ไม่พอใจเสียอีก”

“แล้วหน้าผมดูพอใจหรือไง” น้องชายของโชติภัทรชี้หน้าตัวเอง “ทำใจมาเป็นอาทิตย์เลยเหอะ แต่นี่มันก็พี่ชายผมไง”


เผลอพยักหน้ารับไปด้วย...ถ้ายัยธาเอาแฟนเลสเบี้ยนมาเปิดตัวเขาก็คงช็อคตาตั้งหลบไปทำใจเหมือนกัน


“แล้วสรุปว่ากับพี่ผมนี่ยังไง”

“...”

“...เอาเข้าไป นู่นก็ไม่พูดนี่ก็ไม่พูด แม่งเอ้ย!”

“ไหนว่าแค่เดินตามมาก็รู้แล้วไง” เขาไม่ได้ตั้งใจกวนตีนกลับแต่อย่างใดจริงๆ สาบานได้

“...”

“...”


บรรยากาศจริงจังมันปลิวหายไปนานแล้วตอนนี้ทั้งคู่เลยได้แต่มองหน้ากันแบบเก้อๆ


“...แม่ง พวกพี่แม่งพอกันเลย ให้ตายสิ” คนเด็กกว่าสบถงึมงำในลำคอก่อนจะหันบอก “ช่างมันแล้วกันครับ ผมยอมแล้ว ขอโทษที่รบกวนพี่นะ”

“เดี๋ยว...แล้วไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน”

“...ตอนแรกผมก็ไม่ได้อะไรหรอกครับ” วีรภัทรเงียบไปครู่หนึ่งเหมือนกำลังตัดสินใจอะไรสักอย่าง “แต่อาทิตย์ก่อน ตอนคาบเรียนภาษาอังกฤษ...มีคนมาถามเรื่องพี่เท่านั้นเอง”


กันตธีร์มองตามรุ่นน้องที่ยกมือไหว้แล้วเดินจากไปอย่างครุ่นคิด


++++++


หลังจากสอบนรกแตกผ่านพ้นไปอย่างทุกลักทุเล ศพนักศึกษามากมายกระจายเกลื่อนเป็นโศกนาฎกรรมแต่ก็ต้องฟื้นคืนชีพอย่างจำยอมขึ้นมาปั่นโปรเจคต่อ...นับว่าเป็นจุดพีคครั้งหนึ่งในชีวิตของใครหลายคนกันเลยทีเดียว

สุดสัปดาห์นี้กันตธีร์กลับมานอนบ้านอย่างที่ไม่ค่อยได้ทำแม้ตัวเปเปอร์จะยังไม่เรียบร้อยเสียที แต่เพราะบังเอิญพ่อแม่กลับมาพอดีและเขายังมีธุระต้องกลับมาจัดการ

หลังจากมื้อเย็นฝีมือสองสาวของบ้านผ่านไปอย่างอิ่มหนำสำราญ ชายหนุ่มก็โดนจิกตัวจากการนั่งอืดให้ลุกเข้าครัวไปช่วยล้างจานทำประโยชน์แก่ครอบครัว


“นี่! ถูอย่างนี้มันจะสะอาดได้ยังไง เป็นผู้ชายก็หัดใช้แรงหน่อยสิ” ว่าแล้วก็ฟาดเพี๊ยะลงมาที่หลังมือ

“โอ้ย! คุณนายครับผมเมื่อยหลัง อ่างล้างจานบ้านเรามันเตี้ยไปนะบางที” คนเป็นลูกบ่นงึมงำแต่ก็เพิ่มแรงที่ขัดกระทะ

“เขาก็ใช้ขนาดนี้กันทั้งโลกแหละตาธีร์! นี่หัดๆ ไว้บ้าง อย่าเอาแต่ให้ผู้หญิงเขามาดูแลเรานะรู้มั๊ย” ฝ่ายแม่ก็เริ่มร่ายยาวไม่ได้มองลูกที่ยิ้มค้างไปแล้ว “เราน่ะอะไรก็ดี แต่งานบ้านงานเรือนก็หัดไว้หน่อยรู้ไหม สาวๆ สมัยนี้เขาต้องการคนช่วยซักผ้ามากกว่าเปลี่ยนหลอดไฟนะ”

“เอ้อ...หรือครับ” ชายหนุ่มยิ้มแหย

“แม่คะ ธาว่าให้พี่ธีร์เปลี่ยนหลอดไฟไปน่ะดีแล้ว” กัลยธาที่เดินเข้ามากินน้ำในครัวหันมาบอก “ไม่งั้นเสื้อผ้าขาดวินาศสันตะโรแหงเลย”


คนเป็นแม่ส่ายหัวก่อนจะบ่นงึมงำเรื่องนู้นเรื่องนี้อีกสักพักก็ปล่อยตัวลูกชายออกมา กันตธีร์จึงเดินขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน แต่แทนที่เขาจะเดินเข้าห้องนอนตัวเอง ชายหนุ่มกลับเคาะประตูห้องข้างๆ แทน


“ธา นี่พี่เอง เข้าไปนะ”


เสียงตอบรับจากในห้องทำให้เปิดเข้าไป ห้องของกัลยธาสะอาดเรียบร้อยสมกับเป็นเด็กผู้หญิง เพียงแต่ของที่มีจำนวนมากที่สุดในห้องนี้กลับเป็นหนังสือที่แน่นขนัดอยู่บนตู้มากกว่าจะเป็นเครื่องประดับน่ารัก


“ทำอะไรอยู่คะ” ชายหนุ่มเดินไปนั่งข้างเตียงที่เด็กสาวนอนกลิ้งอยู่ ทำให้อีกฝ่ายดันตัวขึ้นมานั่งข้างๆ

“ธาว่าจะอ่านหนังสือ พี่ชายมีอะไรหรือคะ”

“พี่มีเรื่องจะถาม...ธาว่างคุยกับพี่มั๊ยคะ”คนเป็นพี่ทอดเสียงอ่อนพลางมองหนังสือในมือเด็กสาว

“...ก็ว่างค่ะ...” กัลยธาตอบก่อนจะเม้มปากแน่น

“งั้น...ธาบอกพี่ตรงๆ ได้ไหมคะ เราไปคุยอะไรกับวีหรือเปล่า”


มือเล็กประสานเข้าหากันแล้วบีบกันแน่น กันตธีร์ท่าทีนั้นอย่างรู้ดี...กัลยธากำลังเครียด

 
“เรื่องอะไรหรือคะ ธากับหมอนั่นเรียนเซคอังกฤษเดียวกันน่ะค่ะ ก็เคยคุยตอนทำงานกลุ่มหลายเรื่องอยู่”

“เรื่องของพี่น่ะ ธาคุยเรื่องพี่กับวีว่าอะไร” เขาตัดสินใจที่จะไม่อ้อมค้อมให้เรื่องมันยากขึ้น

“...แล้วมันจริงหรือคะ” เสียงหวานสั่น “มันคงจริงใช่ไหมคะ...ไม่อย่างนั้นพี่ชายคงไม่มาถามธาแบบนี้”


พอว่าจบหยดน้ำตาก็กลิ้งลงมาจากขอบตาอาบวงหน้าสวยจนคนเป็นพี่ชายต้องร้องเฮ้ยคว้าตัวน้องสาวมากอดปลอบหลวมๆ

 
“ชู่ว...ไม่เอาสิคะคนดี ร้องไห้ทำไม พี่ชายยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ”

“ก็...ก็มันจริงใช่ไหมคะ” เด็กสาวระล่ำระลักออกมาไม่เป็นคำ

“...ไม่เอาๆ พอแล้ว ธาหยุดร้องไห้ก่อนแล้วเราค่อยคุยกันนะคะ”

 
กันตธีร์พูดปลอบน้องสาวแล้วโยกตัวเบาๆ แม้ตอนนี้ตัวเขาเองมากกว่าที่กำลังรู้สึกเหมือนถูกกรีดเข้ากลางอก ชายหนุ่มเตรียมพร้อมมารับการถูกโวยวายหรือแม้กระทั่งด่าทอ...แต่ไม่ใช่กับการร้องไห้แบบนี้ ในฐานะของคนเป็นพี่ชาย...เขาไม่สามารถทำใจกับภาพที่น้องสาวร้องไห้ได้จริงๆ ...โดยเฉพาะถ้าสาเหตุนั่นมาจากตัวเอง

ถ้าความสุขของเขามันนำมาซึ่งความเสียใจของคนรอบข้างแล้วล่ะก็...

คนเป็นพี่ลูบศีรษะซุกอยู่ตรงไหล่อย่างอ่อนโยน ผ่านไปสักพักกัลยธาก็ผละออกมาหันไปคว้ากระดาษทิชชู่มาเช็ดหน้าเช็ดตา ทั้งคู่นั่งอยู่ในความเงียบและความกดดันอย่างไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร


“ธา...พี่ขอโทษนะคะ” กันตธีร์คว้ามือน้องสาวมาบีบไว้เบาๆ เรียกให้เด็กสาวเงยหน้ามาสบตา “เราจะว่าพี่อะไรก็ได้ แต่ไม่ร้องนะคะ”

“พี่ชาย...” เด็กสาวครางในลำคอก่อนจะส่ายศีรษะ “ธา...ธาไม่ได้โกรธค่ะ”

“แล้วร้องไห้ทำไมล่ะหืม?”

“ก็...ก็” คนเป็นน้องสาวอึกอัก ก่อนจะตัดสินใจตอบออกมา “ธาคิดว่ามันเป็นเพราะตัวเองหรือเปล่า”

“หืม...”


นี่ก็เป็นอีกหนึ่งคำตอบที่กันตธีร์ไม่ได้เตรียมตัวจะมาเจอ


“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรากัน”

“ก็ธา...เป็นสาววายนี่คะ” กัลยธาโพล่งออกมา “มันต้องเป็นเพราะธาเป็นสาววายแน่ๆ เลย!”

“ห๊ะ...”

“เพราะธาไปแอบจิ้นไปอวยอะไรใส่พี่ชายแน่ๆ เลย!” เด็กสาวเริ่มโวยวาย “ธาไม่ได้ตั้งใจนะคะ เรื่องพี่หมีหรือพี่เจก็แค่จิ้นไปเองทั้งนั้น ธาไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นจริงเลยนะคะ!!แล้วทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ธาก็ไม่รู้เหมือนกัน!”


กันตธีร์รู้สึกเหมือนสมองช็อตเฉียบพลัน เขาฟังที่น้องสาวตัวเองพูดไม่รู้เรื่องจนต้องแตะไหล่ให้หยุดสติแตกก่อน


“ธา...เอาใหม่ สาววายคืออะไร?”


กัลยธาสูดจมูก ก่อนจะค่อยๆ อธิบายแบบที่ฟังพอจะรู้เรื่องมากขึ้น แม้บางเรื่องจะเกินขอบเขตสามัญสำนึกของเขาไปเสียหน่อย...แต่ก็ยังพอจะเข้าใจได้ ชายหนุ่มพยายามมองข้ามคำศัพท์ที่เริ่มจะยากขึ้นอีกระดับไปแล้วเลือกถามเท่าที่จำเป็น


“เดี๋ยว...ธา พี่งง ถ้างั้นธาควรจะ...เอ้อ...ดีใจสิ ใช่ไหม?”

“จิ้นกับเรียลมันไม่เหมือนกันนะพี่ธีร์”

“...แล้วมันต่างกันยังไง”

“ก็ถ้าจิ้น...ยังไงมันก็มีแต่เรื่องดีๆ งอนกันบ้าง มุ้งมิ้งกันบ้าง ไม่ดราม่าไงคะ...แต่ถ้าเรียล ยังไงมันก็ดราม่า!”

“ธา...พี่ยังไม่เคยทะเลาะกันเลย”

“มันไม่เหมือนกัน!!” โวยวายขึ้นมาอีกรอบ “ธาไม่เคยเห็นเพื่อนหรือใครที่รู้จักที่เป็นแบบนี้เขาคบกันได้ยืดเลยนี่คะ ธาไม่อยากให้พี่ชายอยู่ในจุดนั้น ธาไม่อยากให้พี่ธีร์เสียใจ”


ว่าถึงตรงนี้ก็ทำท่าจะเป่าปี่อีกรอบจนพี่ชายต้องรีบหันมาปลอบ กันตธีร์รู้สึกคุ้นว่าเคยได้ยินประโยคทำนองนี้มาแล้วจากกฤษณ์ เขารู้สึกโล่งอกที่คนรอบตัวไม่มีใครรังเกียจ ซ้ำแล้วยังจะเป็นห่วงความรู้สึกของเขาขนาดนี้

...เขาเป็นคนโชคดีจริงๆ


“ธา ฟังพี่นะ” พูดพลางลูบหัวน้องสาวเบาๆ “พี่ชายดีใจนะที่เราเป็นห่วงพี่ ขอบคุณที่เข้าใจกันขนาดนี้


เด็กสาวสูดจมูก เอื้อมมือไปดึงชายเสื้อพี่ชายเอาไว้แน่น


“พี่ก็บอกไม่ได้หรอกว่าอนาคตจะเป็นยังไง...ธาเคยเจอโชนี่ จำได้ไหม ...พี่ยังไม่เคยเจอใครในโลกนี้นอกจากพ่อแม่กับธาที่จะรักพี่ได้ขนาดนี้มาก่อนเลย”


พูดเองเขาก็รู้สึกหวิวเองในอก ความรักมากมายของอีกฝ่ายทำไมคนที่ได้รับอย่างเขาจะไม่รู้


“ตอนนี้พี่มีความสุขมากนะธา”


กัลยธามองหน้าพี่ชายที่ยิ้มให้ ก่อนจะโผตัวเข้าไปกอดแน่นจนคนโดนรัดหัวเราะแล้วเตือนว่าตัวเองยังไม่ได้อาบน้ำ เด็กสาวอ้อนคนอายุเยอะกว่าอยู่สักพักก็สารภาพออกมาว่าตอนที่ไปเที่ยวตนผิดสังเกตเรื่องที่จู่ๆ พี่ชายก็ติดมือถือ หลังจากนั้นก็เลยแอบดูว่าคุยกับใครถึงจำได้ถึงตอนที่มีเรื่องกับวีรภัทร

คนที่ไปบอกน้องชายของโชติภัทรก็คือเธอเอง

กันตธีร์ปลอบน้องสาวว่าไม่ได้โกรธเคืองอะไร แถมกับวีรภัทรถึงจะงงๆ แต่ก็ไม่ได้มีเรื่องกัน กัลยธาเลยนั่งซักไซ้ไล่เรียงเรื่องราวเป็นการใหญ่


“สรุปคือพี่ธีร์รู้อะไรบ้างคะ พี่โชเขาเริ่มจีบตอนไหนก็ไม่รู้ รู้อีกทีก็เป็นงี้แล้ว ส่วนไอ้น้ำเต้าหู้นั่นก็ไม่รู้คิดยังไงไปซื้อฝากเขา” เด็กสาวสรุปอย่างปวดหัว

“เฮ้ย...มันก็ไม่ขนาดนั้น”

“ขนาดนั้นเลยค่ะ พี่โชคิดผิดชัดๆ เจอแบบนี้เข้าไปยังไม่ถอดใจธาก็ยอมแล้วค่ะ”


คนเป็นพี่ชายเลยถึงคราวโวยวายเป็นการใหญ่ที่น้องสาวไม่เข้าข้าง แต่อีกฝ่ายก็ทำลอยหน้าลอยตาประกาศย้ายทีมแบบไม่สนใจพี่ตัวเองสักนิด

สองพี่น้องนั่งคุยเล่นกันไปอีกเกือบค่อนคืนจนคุณนายวิจักข์วัฒนาเดินมาเคาะห้องบอกให้ปิดบ้านด้วยเลยได้ฤกษ์ไล่คนที่ดองเค็มจนตัวเหม็นไปอาบน้ำ


ใช้เวลาไม่นานชายหนุ่มก็ย้ายตัวเองกลับมานอนกลิ้งบนเตียงในห้องนอน เขาเหลือบดูนาฬิกาบนจอมือถือก่อนจะชั่งใจเล็กน้อยแล้วกดโทรออก

เสียงรอสายดังอยู่ไม่กี่ครั้ง


“ธีร์ ยังไม่นอนหรือ”

“ยัง โชล่ะ”

“กำลังจะนอนพอดี นึกว่านอนไปแล้วเลยไม่ได้โทรหา” ปลายสายว่า “แล้วทำอะไรอยู่ทำไมยังไม่นอน”

“...คุยเล่นกับยัยธา” ชายหนุ่มตอบพลางพลิกตัวนอนคว่ำ “มีเรื่องจะเล่าให้ฟังเยอะเลย”

“จะเล่าเลยหรือไว้ก่อน?”

“ไว้ก่อนดีกว่า...อยากเล่าต่อหน้า”

“อื้ม งั้นรีบนอนได้แล้ว จะตีสองอยู่แล้ว”

“เดี๋ยว...” เรียกอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะกดหน้าตัวเองลงกับหมอนจนมีแต่เสียงอู้อี้ลอดออกมา


“คิดถึง...อยากเจอ”


ปลายสายเงียบไปชั่วอึดใจ กันตธีร์รู้สึกว่าหน้าร้อนจนไหม้ แต่เพราะที่เขาเล่าเรื่องต่างๆ ให้น้องสาวฟัง มันเหมือนเล่าให้ตัวเองฟังซ้ำว่าอีกฝ่ายดียังไง...ซึ่งก็ดีมากจนรู้สึกอยากอ้อนขึ้นมา


“...ธีร์ง่วงแล้วใช่ไหม”

“ทำไม...บอกเฉยๆ ไม่ได้หรือ”

“เปล่า...ถ้าพูดจริงจะบอกให้พูดอีก แต่ละเมอจะได้อัดเสียงไว้ฟังซ้ำๆ”


เขารู้สึกเหมือนเห็นหน้าอีกฝ่ายกำลังยิ้มกว้างอย่างดีใจขึ้นมาจริงๆ จนยิ่งรู้สึกเขินไปกันใหญ่...ทั้งๆ ที่เป็นคนเริ่มแท้ๆ


“คิดถึงเหมือนกัน...”





กันตธีร์มีความสุขมาก...เขามีความสุขมากจริงๆ






TBC



::talk::

สวัสดีค่าาาาาา

กลับมาอีกครั้ง ...จริงๆว่าจะลงตั้งแต่เมื่อคืน  :katai4: แต่แบบ...คอมเราตอนนี้คงลาโลกอย่างถาวรแล้วล่ะค่ะ //ร้องไห้  :z3:

ตอนนี้ไม่ดราม่าเนอะ //โดนคนอ่านสกายคิก  :z6:

คือเรื่องนี้ไม่มีดราม่าระยะยาวค่ะ 5555555 หน้าหนาวแล้ว ท้องฟ้าสดใสน่าดูเชียว น้องธากับน้องวีจริงๆเป็นน้องที่ติดพี่ตัวเองมาก 5555 น้องวีเหมือนจะปากไม่ดี แต่รักพี่ชายมากนะคะ //ใครไม่รักน้องวีคนเขียนรักเอง //อุ้มกลับบ้าน ส่วนน้องธาก็...ผู้หญิงในนิยายวายก็ไม่จำเป็นต้องเป็นตัวร้ายเนอะ

ส่วนเรื่องจิรณัฐ...โนดราม่าจริงๆนะคะ คือคนเขียนมองว่ายังไงเจก็ต้องไปเรียนต่อน่ะค่ะ ไม่ว่าจะมีเรื่องของธีร์หรือไม่ก็ตาม

สำหรับตอนต่อไปก็คงอาทิตย์หน้าเหมือนเดิมค่า ศุกร์เสาร์อาทิตย์ วันใดวันหนึ่ง คือคอมเดี้ยงต้องพึ่งใบบุญคนอื่น แง้  :sad4:

ขอบคุณคนอ่านทุกท่านนะค้าาา กอดดดด  :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ป.ล. ใกล้จบแล้ว...รู้สึกใจหายนิดๆเลยค่ะ


::comment::

mild-dy - ไม่มีอะไรสุดๆเลยค่ะ ชีเป็นสาววาย 555555
Zelsy - เขินด้วยยยย คู่นี้ผลัดกันทำให้อีกฝ่ายเขิน  :-[
malula - อร๊ายยย สองหนุ่มนั่นไม่มีอะไรค่ะ 555 บังเอิญพี่รหัสของน้องแบดบอย(เพื่อนสนิทเราเอง)มันเป็นสาววาย น้องมันเลยตั้งใจเซอร์วิสพี่ตัวเอง โคตรจะเป็นน้องที่ดี 555555
iceman555 - ก็หวานนะค้าาาาาาา แบบเรื่อยๆมาเรียงๆ 5555
GintoniC - เพื่อนโชสองคนนั้นน่ารักมากค่ะ[???] 55555555 ไว้จะเอามาเปิดตัวนะคะ ส่วนเรื่องน้องธาไม่มีอะไรจริงๆค่าา
quiicheh. - ทีมโชติภัทรเหมือนค่าาาา  :-[ [ตอนนี้บทน้อยมาก พระเอกค่าตัวแพง ฮา] โผล่มานิดๆ แต่เอาใจคนเขียนไปแล้วนะคะ 5555
BeeRY - ไม่มีอะไรค่าาาา น้องธาแกน่ารักน้าาา
kokoro - คราวนี้ธีร์เอาคืนค่ะ แอร้ ส่วนน้องธากับน้องวีก็ไม่ดราม่านะคะ
เกลียวคลื่น - ไม่มาม่าค่าาา น้องธาแกเป็นสาววายอ่ะ 5555
JustWait - ไม่ค่ะไม่ เรื่องนี้ดราม่าได้ไม่เกิดสามตอนแน่นอน ฮา
Linyu_ta - ขอบคุณค่าาาา คอมเมนท์ยาวมากๆ ขอบคุณนะคะ ชอบอ่าน แฮ่  :impress2: สำหรับเราตัวละครทุกตัวมีชีวิตเลยค่ะ ทุกคนมีตัวตนและเรื่องราวของตัวเองจริงๆ ดีใจมากที่ชอบนะคะ สำหรับพ่อพระเอกของเราเขาแสนดีจริงๆนั่นล่ะค่ะ #ทีมโชติภัทร ส่วนพ่อหมีนี่คนเขียนยังไม่มีคู่ให้อ่ะค่ะ แหะๆ ยังคิดอยู่ว่าควรจะเก็บคนดีไว้ให้สาวๆบ้าง [ฮา] ส่วนซอลนี่กำลังอยู่ในขั้นตอนพิจารณาหาคนมาดูแลอยู่เลยค่ะ แอร้ ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะะะ
kaireaw - ยินดีต้อนรับค่าาาา ไม่ดราม่านะคะไม่ดราม่าาา เรื่องนี้เรื่อยๆมาเรียงๆ 55555 ขอบคุณนะคะ ดีใจมากที่ชอบค่ะ  :-[
RinNam - โชติภัทรนี่มีแต่คนแย่งนะคะะะ 5555 น้องธาแกวายอยู่แล้วค่ะ ฮาาาาา

ขอบคุณทุกคอมเมนท์เลยนะคะะะะ //แจกกอดดดด  :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 23 [16/11/57 p.9]
เริ่มหัวข้อโดย: praewp ที่ 16-11-2014 16:15:57
น้องธาน่ารักอ่ะ แอบจิ้นกะวีนิดนึง :hao7:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 23 [16/11/57 p.9]
เริ่มหัวข้อโดย: minjeez ที่ 16-11-2014 16:49:36
พี่น้องคู่นี้น่ารักจัง เราชอบการพูดของธีร์กับธามาก
พูดจาภาษาดอกไม้ อ่านแล้วเขินแปลกๆ

ส่วนโชกับธีร์นี่ก็หวานกันตลอดเลย น่ารักที่สุด
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 23 [16/11/57 p.9]
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 16-11-2014 19:06:28
หอยกาบ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ อ่านมาถึงตอนนี้ถึงกับขำ คิดได้น่ะวี  :hao3:
โล่งใจเรื่องน้องธา โธ่คิดว่าจะรับไม่ได้ ที่ไหนสาววายนี่เอง  :z2:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 23 [16/11/57 p.9]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 16-11-2014 22:33:40
ดีจังเลย มีน้องน่ารักทั้งสองคน
แบบรักพี่ ติดพี่ เป็นห่วงพี่ว่าจะโอเคไหม
ฝ่ายตรงข้ามจะจริงจังกับพี่เราหรือเปล่า น่าร๊าก...
แค่เขาบอกคิดถึงกัน คืนนี้ฉันคงนอนฝันดี
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 23 [16/11/57 p.9]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 16-11-2014 22:47:57
ตกใจกะน้องธามาก ตอนแรกก็กลัวอย่างว่าแหละ แต่ที่ไหนได้ โถๆน้องธา สาววายผู้น่ารัก :jul3:
ธีร์มีความสุขมาก เค้าก็อิจฉานะ  :-[
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 23 [16/11/57 p.9]
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 17-11-2014 05:29:29
น้องธาเป็นสาววายซะงั้น ใจหายใจคว่ำหมด 5555
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 23 [16/11/57 p.9]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 18-11-2014 10:17:36
น้องๆของทั้งคู่ก็เข้าใจกันหมด
เหลือแต่ครอบครัวแล้วล่ะะ
โหยยยยยเจไปไกลเลยอ่ะ จะไปเจอคู่ที่นู้นเปล่า #ชง
ขนาดแค่ออกมาตอนคุยโทรศัพท์
ยังเขินโชแทนธีร์เล้ย555555555555
ธีร์นับวันยิ่งน่ารักขึ้น *_*
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 23 [16/11/57 p.9]
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 18-11-2014 10:46:49
เส้นทางเริ่มมีกุหลาบโปรยปรายบ้างแล้วนะคะน้องธีร์
มีความสุขไปกับน้องด้วยจริงๆ
คิดถึง ก็บอก คิดถึง อ่านแล้วกีสมากกกก
ในที่สุดโชของเรา(เหรอ??)ก็เป็นที่ยอมรับบ้างละ
ฝ่าฟันพิสูจน์รักกันต่อไปนะคะ o13
น้องธาและน้องวีจะได้เห็นความสุขของทั้งคู่

ปล.ธีร์ก็แอบกวนนะเนี่ย *กอดกลับ*  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 23 [16/11/57 p.9]
เริ่มหัวข้อโดย: kaireaw ที่ 20-11-2014 22:35:57
กรี้ดๆๆๆๆๆจิกหมอนขาด ธีร์บอกคิดถึงโชน งี้ดดดมันน่ารักก
ตลกที่น้องธาเป็นสาววาย โฮหนูทำพี่เครียดเลยลูก คิดว่าจะก่อดราม่าเค้าเลิกคบงี้
ตั้งตารอตอนต่อไปนะคะ สู้ววว
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 23 [16/11/57 p.9]
เริ่มหัวข้อโดย: velvetronica ที่ 30-11-2014 17:56:48
24



'สารบัญ'


กันตธีร์ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะรู้สึกตื้นตันอะไรได้ขนาดนั้นกับคำง่ายๆ คำนี้ แต่เขาเชื่อว่าเพื่อนร่วมรุ่นอีกหลายร้อยชีวิตต้องคิดเหมือนกันแน่ๆ

เขานั่งใส่เลขหน้าทีละตัวอย่างเป็นสุขหลังจากที่ตรวตเชคครั้งสุดท้ายจนพอใจ ขณะนี้เขาเลยนั่งทำสีหน้าล่องลอยอยู่หน้าจอให้โชติภัทรที่อยู่ข้างๆ หัวเราะแซว


"โชไม่เข้าใจหรอกว่ามันฟินแค่ไหน...นี่ถ้าส่งพิมพ์ออกมาเป็นเล่มนะ รู้สึกเหมือนพ่อจะได้เห็นหน้าลูกครั้งแรก"

"ครับๆ งั้นรีบทำพิธีลงเลขเด็ดแล้วไปกินข้าวกัน จะทุ่มแล้ว" คนนั่งรอว่ายิ้มๆ พร้อมกับช่วยจัดข้าวของที่กระจัดกระจายไปหมดให้เข้าที่


ชายหนุ่มเพ่งความเรียบร้อยโดยรวมตั้งแต่หน้าปกยันบรรณานุกรมใหม่อีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจหยุดอาการย้ำคิดย้ำทำแล้วปิดโน้ตบุ๊คตรงหน้า

โชติภัทรดึงเก้าอี้สองตัวมาซ้อนกันก่อนจะยกไปเก็บ แต่โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงกลับโวยวายขึ้น ทำให้กันตธีร์ดึงของจากมือเอาไปคืนที่ห้องพักเจ้าหน้าที่ให้แทน

หลังจากที่คบกันโชติภัทรก็ยอมเฉลยลายแทงในการหาเก้าอี้ เจ้าตัวออกตัวว่านี่เป็นความลับสุดยอดที่ไม่เคยบอกใครเลยพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์...นั่นทำให้เขายิ่งอยากให้มันเป็นความลับสุดๆ ขึ้นไปอีก เพราะมันเหมือนเป็นพื้นที่พิเศษสำหรับเราสองคนไปแล้ว

...เลยเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนขี้หวงเอามากๆ ก็ตอนนี้


"ได้...ได้ โอเค...ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ไปเอง" โชติภัทรทำหน้ายุ่งยากใส่โทรศัพท์ในตอนที่เดินตามมา

"มีอะไรหรือเปล่า" เขาถามทันทีที่อีกฝ่ายวางสาย

"แม่แวะมาทำธุระแถวนี้แล้วรถเสียสตาร์ทไม่ติด ตอนแรกโทรตามวีไปช่วยขนของ แต่เห็นว่าตายคาlabไปแล้วเลยให้ฉันไปแทน" ชายหนุ่มอธิบาย "โทษทีนะ แต่วันนี้คงไปกินข้าวด้วยไม่ได้แล้วล่ะ"

"อ้อ...แล้วนี่อยู่ที่ไหน"


กันตธีร์หยุดคิดเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายตอบชื่อห้างสรรพสินค้าที่อยู่ใกล้ๆ ก่อนจะหันไปบอกคนข้างๆ


"งั้นไปด้วยกันนี่แหละ"

"เฮ้ย!" โชติภัทรสะดุ้ง "ไม่ต้องก็ได้"

"ก็รถเสียไม่ใช่หรือ โชไปช่วยขนของก็ต้องนั่งแท็กซี่ไปส่งถึงบ้านแล้วก็ต้องกลับมาหออีก จะได้เอารถฉันขับไปเลยไง" พูดพร้อมกับดึงแขนให้เดินตามไป

"แต่..."

"ไปๆ ไปกัน เดี๋ยวแม่โชรอ"


ว่าจบก็ลากให้ไปด้วยกันแบบไม่ฟังข้อค้าน จับลูกชายคนกลางยัดใส่รถตัวเองแล้วขับไปส่งให้แม่เขาอย่างรวดเร็ว ตอนที่กันตธีร์ถอยจอดที่ใกล้ๆ แล้วให้โชติภัทรลงไปหาแม่ก่อนเขาก็แอบชะโงกดูทิศทางลมไปด้วย หญิงวัยกลางคนร่างผอมบางที่กำลังคุยกับช่างซ่อมรถดูค่อนข้างกระวนกระวาย ก่อนจะมีท่าทีโล่งใจชัดเจนเมื่อพวกเขามาถึง


"สวัสดีครับ" กันตธีร์ยกมือไหว้นำ

"สวัสดีจ้ะ ลำบากเราเลย จริงๆ ไม่ต้องก็ได้นะ เดี๋ยวแม่กลับแท็กซี่ก็ได้จ้ะ" อีกฝ่ายรับไหว้เขาพร้อมกับพูดอย่างเกรงใจ

"ไม่เป็นไรครับ ผมว่างอยู่พอดี"

"แล้วเล่มโปรเจคล่ะ" โชติภัทรที่เปิดท้ายรถเอาของอยู่ร้องถาม

"ก็เพิ่งเคาะสารบัญไปเมื่อกี้ไง" เขาหันไปตอบกลับฉับไวแล้วหันมาว่าเสียงอ่อนกับคนที่อาวุโสกว่า "ให้ผมไปส่งนะครับคุณแม่ ขนของเยอะๆ ไปเรียกแท็กซี่ก็ลำบากอยู่นะครับ"


ช่างที่กำลังประเมิณสภาพรถหันมาจะคุยเรื่องรายละเอียด ซึ่งคนเป็นแม่ก็สะกิดลูกชายตัวเองให้ไปคุยแทน แต่เมื่อกันตธีร์เล็งเห็นแล้วว่าโชติภัทรดูจะเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างเลยหันไปช่วยคุยจนเรียบร้อยรวมถึงค่าใช้จ่ายที่ต้องมาลากรถไปที่อู่และค่าซ่อมค่าอะไหล่ต่างๆ

ใบหน้าของนักศึกษาแพทย์คนเก่งดูว่างเปล่าสิ้นดีเมื่ออยู่ต่อหน้าเรื่องเครื่องยนต์...นั่นทำให้เขารู้สึกอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก

คนที่เก่งมากๆ ก็มีเรื่องที่ไม่ได้เรื่องอยู่เหมือนกัน


สองหนุ่มช่วยกันแบกของหลังรถขนไปยังเจ้าmazda2คันเก่งไม่นานก็เรียบร้อย แม่ของโชติภัทรเป็นหญิงร่างเล็กมากผอมบางราวกับจะปลิวไปตามลม ถ้าหากไม่มีคนช่วยคงลำบากมากทีเดียว

กันตธีร์จะเดินไปเปิดประตูฝั่งคนขับแต่อีกฝ่ายเอาตัวมาแทรกไว้ทันที


"ฉันขับเอง" เงยหน้าบอก

"ธีร์รู้จักบ้านฉันหรือ" ถามกลับมานิ่งๆ

"โชก็บอกทางไง"

"งั้นฉันขับเองดีกว่า"


เขาจ้องตาเจ้าของบ้านวัดใจอีกครู่หนึ่งจึงยอมแพ้เพราะเห็นว่าอีกคนที่รออยู่ดูรีบร้อน ชายหนุ่มเดินอ้อมไปเปิดประตูให้ผู้อาวุโสแล้วจึงยัดตัวเองเข้าที่นั่งข้างคนขับอย่างจำใจ


"ม๊าทานข้าวหรือยังครับ" โชติภัทรเริ่มบทสนทนาทำลายความเงียบ

"ยังเลยจ้ะ นี่ป๊าเรารอม๊าไปทานด้วยอยู่ ป่านนี้หิวจนเป็นลมไปแล้ว" คำตอบนี้ทำให้ถึงบางอ้อเรื่องที่ดูร้อนใจกว่าปกติ

"รถดูไม่ค่อยติด คงไม่นานหรอกครับ"

"จ้ะ" คนเป็นแม่รับคำแล้วถึงถามกลับ "แล้วนี่โชกับธีร์กินข้าวหรือยังลูก"

"ยังเลยครับ"

"อุ๊ย แล้วนี่ไม่หิวกันแย่หรือเนี่ย"

"ไม่เป็นไรครับ ยังไม่หิวเท่าไร พอดีผมเพิ่งเสร็จงาน" กันตธีร์หันมาตอบแทน

"อ่อ นี่ธีร์เรียนวิศวะใช่ไหมลูก เห็นเจ้าวีมันพูดถึงเมื่อวันก่อน" ฟังแล้วอดจะสะดุ้งไม่ได้ จึงหันขวับไปมองหน้าคนขับรถที่กำลังยิ้มแหย เลยตอบไปแบบนิ่งๆ

"ครับ...เป็นรุ่นซีเนียร์วีพอดี"

"โลกเรานี่ก็กลมดีเนอะ แล้วโชกับธีร์นี่รู้จักกันได้ยังไงล่ะจ๊ะ"

"ตอนผมเข้าปี1พี่จิเป็นพี่ว้ากผมพอดีน่ะครับ แล้วก็บังเอิญเจอกันอยู่บ้างที่ห้องเรียนรวม" ตอบรวดเดียวราวกับเป็นบทที่ท่องมาจนขึ้นใจ

"เรารู้จักจิด้วย! แบบนี้ก็รู้จักทั้งบ้านเลยสิ" คุณนายบ้านรัตนพิบูลพรรณหัวเราะ "งั้นรู้จักพวกจีด้วยไหม"

"ก็เคยเจอกันอยู่บ้างครับ"


คนอาวุโสกว่าชวนคุยไปเรื่อย ถามถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ ส่วนใหญ่ก็ตอบได้ตามปกติ...จะมีรู้สึกเหมือนชะงักติดหลังมันจะทำแผลเหวอะหวะเข้าหน่อยก็ยามที่คนเป็นแม่หันมาถามลูกชายว่าเพื่อนคนนี้ไม่เห็นเคยพูดถึงมาก่อน เล่นเอาน้ำลายหนืดกันไปถ้วนหน้าโดยมิได้นัดหมาย

ผ่านไปสี่สิบกว่านาทีรถคันเล็กก็แล่นมาถอยจอดเข้าบ้านสองชั้นหลังเล็ก คุณแม่ของโชติภัทรฝากลูกชายขนของแล้วรีบกุลีกุจิเข้าบ้านไปตั้งโต๊ะโดยไม่ลืมชวนคนที่เข้าใจว่าเป็นเพื่อนลูกให้มากินด้วยกัน

กันตธีร์ตอบรับง่ายๆ แล้วหันไปช่วยลูกชายเจ้าของบ้านขนของ จนโชติภัทรต้องยืนเลิกคิ้วใส่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้คนมองหันไปดึงของที่ต้องขนมาถือไว้เอง


“สวัสดีครับ”


ฝ่ายผู้สูงอายุกว่าคราวนี้แค่พยักหน้ารับไหว้ทำเอาไปไม่เป็นจนโชติภัทรเดินมาดันหลังให้เข้าไปนั่งรอบนโต๊ะอาหารด้วย คุณพ่อของโชติภัทรดูเป็นผู้ชายร่างใหญ่แบบที่ลูกชายคนโตถอดแบบมา แต่สีหน้าดูเงียบขรึมไม่เห็นจะบ้าๆ บอๆ เหมือนจิรภัทรตรงไหน


“นี่ธีร์นะป๊า ที่วีมันพูดถึงวันก่อน” โชติภัทรแนะนำสั้นๆ “เป็นรุ่นน้องป๊าเหมือนกัน”


นับว่าคนเป็นลูกชายจับจุดพ่อตัวเองได้ตรงเป้า เพราะพอบอกแบบนั้นคนที่ดูเงียบขรึมก็ออกปากถามนู่นนี่บ้างซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นที่เกี่ยวกับการเรียนหรือคณะทำให้ตอบได้คล่องแคล่วไม่เกิดความอึดอัดเกินไป

ผ่านไปไม่นาน อาหารง่ายๆ ก็ถูกยกมาเรียงบนโต๊ะ บทสนทนาส่วนใหญ่มักจะมาจากผู้หญิงหนึ่งเดียวบนโต๊ะ กันตธีร์สังเกตว่าคุณแม่ของโชติภัทรจะเป็นฝ่ายหันไปถามไปพูดกับสามีมากกว่า แถมยังตีความคำตอบที่มาแค่การพยักหน้าหรือเสียงฮื่อในลำคอได้เป็นเรื่องเป็นราวจนดูแล้วน่ารักอย่างบอกไม่ถูก


“กินของหวานไหม” พอหมดของคาว พ่อของโชติภัทรก็ถามพร้อมกับลุกไปหยิบกล่องใส่ขนมไทยจำพวกทองหยอดทองหยิบฝอยทองจากตู้เย็นมาตั้งให้ตรงหน้า

“เอ้อ ขอบคุณครับ” กันตธีร์ไม่ชอบของหวานแสบลิ้นพวกนี้ แต่หมดทางจะปฏิเสธเลยคิดว่าจะจิ้มกินมันซักชิ้นสองชิ้นค่อยวางมือ แต่ลูกชายเจ้าของบ้านหันมาค้านเสียงแข็ง

“ป๊า อย่ากิน เดี๋ยวน้ำตาลขึ้น”

“เอามาให้เพื่อนแก”

“ธีร์ไม่ชอบของหวาน ป๊าอยากกินเองอย่าเอาธีร์มาอ้างดิ เอามานี่เลย”


โชติภัทรว่าจบก็เอื้อมมือมาคว้าไปปิดกล่องแล้วเดินไปเก็บเสร็จสรรพจนคนที่เป็นแขกปั้นหน้าไม่ถูก แต่คุณพ่อที่โดนลูกชายตัวเองดุกลับที่หน้าเข้มแล้วหันมาถามเรียบๆ


“ดูมัน...กับพ่อยังดุขนาดนี้ กับคนอื่นมันทำตัวเป็นพ่อเขาไปหมดเลยไหมธีร์”


คำถามโดนใจนั้นทำให้เผลอตัวพยักหน้าเห็นด้วยทันที แล้วพอพยักหน้ารับเสร็จก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังนินทาลูกชายเขาอยู่ แต่คนเป็นพ่อกลับหัวเราะหึขึ้นมาจนทำให้พากันหลุดขำออกมาทั้งคู่จนโชติภัทรที่เดินกลับออกมาเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจอีกรอบ


“ไม่มีอะไร...มา ช่วยเก็บจาน”


เขาตอบสีหน้าสงสัยนั้นแล้วรวบจานเดินเข้าไปให้คุณนายของบ้านที่กำลังยืนอยู่หน้าอ่างล้างจาน แล้วอาสาช่วยล้างต่อ แต่คราวนี้กลับเป็นโชติภัทรเองที่ทนไม่ได้ต้องเข้าไปแทรก


“พอเลย เห็นท่าแล้วเสียวจานแตก” ว่าพลางดึงจากออกจากมือ

“อะไรยังไม่แตกเสียหน่อย”

“ไม่แตกก็ใกล้ละ มาฉันล้างเอง” กันตธีร์อ้าปากจะเถียงกลับถ้าไม่มีอีกเสียงค้านขึ้นมา

“จริงๆ ธีร์ไปนั่งรอสบายๆ เถอะจ้ะ ให้ตาโชล้างไป”


พอคุณแม่ของโชติภัทรออกปากเขาก็เลยล้างฟองออกมือแล้วถอยออกมาให้คนที่ดูจะหน่วยก้านดีกว่าจัดการแทน ทำเอาคำพูดของแม่ตัวเองเมื่อวันก่อนลอยมาหลอกหลอนชอบกล แต่พอจะเดินออกจากครัวก็สวนกับเจ้าของบ้านตัวจริงที่เดินเข้ามาพอดี


“ม๊า...เจ้าวีมันยังไม่เปลี่ยนหลอดไฟตรงระเบียงเลย”

“เอ๋...หลายวันแล้วนะ วีนี่จริงๆ เลย” คนเป็นแม่หันขวับพร้อมกับบ่นลูกชายอุบอิบไปอีกหลายคำ

“เดี๋ยวป๊าไปเปลี่ยนเองก็ได้ หลอดใหม่ที่ซื้อมาอยู่ไหนนะ” ว่าจบก็เดินไปเปิดตู้หา ทำให้คนที่กำลังล้างจานต้องรีบห้าม

“อย่าน่าป๊า...แก่แล้วนะ จะไปปีนบันไดแบบนั้นได้ยังไง”

“เอ้อ...งั้นผมช่วยไหมครับ” กันตธีร์ที่ยืนเคว้งอยู่รีบรับอาสา “ยังไงก็ต้องรอโชล้างจานอยู่แล้ว”

“อุ๊ย ไม่เอาลูก วันนี้รบกวนเราตั้งกี่เรื่องแล้วเนี่ย” เจ้าบ้านฝ่ายหญิงร้องห้ามแต่ชายหนุ่มกลับหันไปหาเจ้าบ้านอีกฝ่ายแทน

“แค่นี้เองครับ บันไดอยู่ไหนเดี๋ยวผมปีนให้เอง”


สุดท้ายแขกของบ้านก็พาตัวเองขึ้นมาไต่บันไดเปลี่ยนหลอดไฟให้เขาเสร็จสรรพโดยมีคุณพ่อของโชติภัทรช่วยจับบันไดให้ ในตอนที่จะกลับเข้าจริงๆ คุณนายรัตนพิบูลพรรณจึงขนเอาขนมหอบใหญ่มายัดๆ ให้แทนคำขอบคุณเสียมหาศาล

ชายหนุ่มสองคนไหว้ลาผู้ใหญ่แล้วจึงยัดตัวกลับเข้ามาในรถคันเล็กซึ่งโชติภัทรเป็นคนชนะในศึกแย่งเป็นคนขับครั้งนี้


“ทำไมวันนี้ถึงมาด้วยล่ะ” คำถามลอยๆ ดังขึ้นเมื่อรถแล่นออกมาได้สักพัก

“มาไม่ได้หรือไง” ถามกลับกลั้วเสียงหัวเราะ

“เปล่า...แปลกใจ คิดว่าจะไม่อยากมาเสียอีก” โชติภัทรจอดรอไฟแดงแล้วจึงหันมายิ้มให้ “เลยดีใจมากเลย”

“...อะไร จะได้เจ๊ากันไง โชเคยเจอที่บ้านฉันแล้วไง” กันตธีร์ทำท่ายักไหล่แบบไม่ใส่ใจแม้จะรู้สึกว่าหน้าร้อนแปลกๆ

“แต่ก็ดีใจอยู่ดี...” พอได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ปนมา เลยต้องเอื้อมมือไปผลักไหล่คนย่ามใจสักที

“เดี๋ยวก่อน...ยังมีอีกเรื่อง ไอ้วีมันไปเผาอะไรฉันไว้” ถึงตรงนี้โชติภัทรก็เริ่มยิ้มแหยอีกครั้ง

“ก็หลังจากที่ธีร์เล่าว่าวีไปคุยด้วยใช่ไหม” คนเป็นพี่ชายเริ่มเสียงอ่อย “หลังจากนั้นบางทีมันก็ชอบพูดถึงธีร์ขึ้นมาในบ้าน แบบ...อ้างถึงเฉยๆ เช่น วันนี้เดินสวนกัน ไม่ก็ พูดถึงชีทสรุปของนาย แต่พอพูดบ่อยๆ แม่ฉันก็เลยถามถึง...แต่วีมันก็พูดแต่เรื่องดีนะๆ”

“...เฮ้ย พูดแต่เรื่องดีมากๆไปก็ไม่ดี คาดหวังสูงแล้วมันจะพังเอา” กันตธีร์รู้สึกเวียนหัวนิดๆ ขึ้นมาทันที “แต่ก็ดี...จะได้ไม่รู้สึกเป็นคนแปลกหน้ามาก”

 “พ่อแม่ฉันใจดีน่า”

“...แต่พ่อโชนิ่งชะมัด ตอนแรกเกือบช็อคแล้ว”

“ป๊าแค่เงียบ”

“ก็จริง พอคุยแล้วดูใจดีไปเลย”


พอเริ่มดึกปริมาณรถก็บางตาไปมาก เวลาที่ใช้ก็ลดตามไปด้วย โชติภัทรถอยจอดรถที่ไม่ใช่ของตัวเองอย่างชำนาญ ก่อนจะปิดแอร์ดับเครื่อง แต่ก่อนที่จะเปิดประตูคนที่นั่งข้างๆ ก็เอื้อมมือมาดึงแขนไว้ก่อน

กันตธีร์ปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วเอี้ยวตัวไปพร้อมกับใช้มือรั้งคออีกฝ่ายลงมา ริมฝีปากที่แตะลงมาอย่างขลาดเขินทำให้ฝ่ายถูกจู่โจมนิ่งงันไปชั่วครู่ แต่พอตั้งสติได้ก็กลายเป็นเขาเองที่รุกไล่กลับไป กลีบเนื้ออ่อนถูกดูดซับจนช้ำไปหมด แล้วจึงขบเม้มเบาๆ เปิดช่องให้เรียวลิ้นที่สัมผัสกันในโพรงปาก

ฝ่ายคนเริ่มเผลอเอามือขยำไหล่อีกฝ่ายอย่างมึนงง รสจูบที่ดึงเอาความนึกคิดไปจนหมดสิ้นดำเนินไปจนรู้สึกราวกับจะขาดใจจึงถูกปล่อยมา กันตธีร์อ้าปากหอบน้อยๆ ปล่อยให้อีกฝ่ายรั้งตัวมากอดแล้วใช้ปลายจมูกโด่งไล้ที่ข้างแก้มแล้วกดย้ำซ้ำอีกสองสามที


“จะทำอะไร” กันตธีร์หัวเราะเบาๆ กับคำถามนั้น...เขาเริ่มก็จริงแต่ใครทำกันแน่เขาก็เริ่มไม่แน่ใจ

“แค่อยากให้รู้...” เขาตอบช้าๆ แต่เน้นอย่างชัดเจนทุกคำ “ฉันเป็นคนไม่ชอบเจอคน ขี้เขินด้วย...รู้ตัว”


ชายหนุ่มปล่อยมือจากไหล่ที่ยึดไว้แล้วเปลี่ยนเป็นโอบรอบตัว


“แต่ที่คบกัน...ฉันจริงจังนะ ถ้าคิดว่าจะเลิกฉันไม่คบตั้งแต่แรกหรอก เพราะฉะนั้นโชไม่ต้องคิดจะทำอะไรให้ฉันฝ่ายเดียว ฉันเองก็อยากจะทำอะไรให้โชเหมือนกัน”

“...แค่อยู่ด้วยกันแบบนี้มันก็ดีมากแล้ว”

“ก็ใช่...แต่มันเป็นเรื่องของเรา โชพยายามอยู่ฝ่ายเดียวไม่ได้ ฉันเองก็ต้องพยายามด้วยเหมือนกัน” กันตธีร์ซบหน้าลงกับไหล่ของอีกฝ่าย “ถึงฉันจะล้างจานไม่ได้เรื่อง แต่ความรู้เรื่องรถกับเปลี่ยนหลอดไฟฉันดีกว่าแน่ๆ”


โชติภัทรหัวเราะกับคำกล่าวนั้นพร้อมกับใช้ปลายนิ้วเกลี่ยแก้มอีกฝ่ายเบาๆ


“ฉันถือเป็นคำสารภาพรักได้ไหม”

“ก็แล้วแต่”


กันตธีร์ยิ้มตาหยีใส่ คนมองอยู่เลยได้แต่กดจูบซ้ำๆ ให้กับคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่พองแน่นจนคับอก เสียงทุ้มกระซิบเบาที่ข้างหูก่อนจะได้คำตอบแผ่วเบากลับมา


“รัก...มาก”

“...เหมือนกัน”



บางทีเรื่องอื่นใดก็คงไม่สำคัญอีกต่อไป...เมื่อรู้ว่ามีใครอีกคนที่คอยรักกัน






บทส่งท้าย



   กันตธีร์ถ่ายรูปไปประมาณล้านรูปได้ในวันนี้ ชายหนุ่มโดนเรียกแล้วก็ลากตัวเข้าไปในเฟรมไม่หยุดหย่อน เพื่อนทุกคนที่ทั้งสนิททั้งไม่สนิทล้วนแต่ส่งรอยยิ้มและคำอวยพรให้แก่กันเพื่อเป็นความทรงจำดีๆ ครั้งสุดท้ายสำหรับการเรียนในคณะนี้ กฤษณ์กับจิรณัฐที่ป๊อปปูล่าสุดๆ ต่างถูกดึงตัวไว้จนเขากับวีรินทร์ขี้เกียจเข้าไปตามหา สุดท้ายสองคนเลยมายืนรอถ่ายรูปรวมกันอยู่ที่มุมห้องประชุม

วันนี้เป็นงานอำลาseniorอย่างเป็นทางการของคณะ บรรดารุ่นน้องที่รู้จักหรือน้องรหัสก็เอาของขวัญมาให้หรือมาขอถ่ายรูปรุ่นพี่ที่ตนหมายปอง ซึ่งวีรินทร์เองก็โดนคำขอร้องทำนองนี้ไปไม่น้อยทีเดียว

คำถามหลักที่มักจะถูกถามกันคือเรื่องอนาคต สำหรับเขาที่เพิ่งจัดการเรื่องเรียนต่อปริญญาโทที่มหาลัยเดิมเสร็จก็รู้สึกตอบได้คล่องปาก ส่วนวีรินทร์เองก็ได้งานที่บริษัทขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากที่นี่ ทั้งคู่เลยตัดสินใจว่าจะเช่าห้องพักอยู่ด้วยกันในสองปีนี้ เพราะกฤษณ์ไปได้งานที่บริษัทก่อสร้างซึ่งอยู่ใกล้บ้านมากกว่า ทำให้เพื่อนที่อยู่ด้วยกันมานานถึงคราวต้องแยกกัน...จนอดจะรู้สึกโหวงๆ ขึ้นมาบ้างไม่ได้


“แล้วซอลจะกลับระยองเย็นนี้เลยหรือ”

“อื้อ...เอกสารอะไรก็เรียบร้อยหมดแล้ว แถมไม่ได้กลับตั้งนานแล้วด้วย” เสียงแหบของเพื่อนตอบเรียบๆ

“งั้นจะมากรุงเทพฯเมื่อไรก็บอกแล้วกัน”


กฤษณ์กับจิรณัฐฝ่าฝูงชนออกมาได้ในที่สุด แถมยังมีการใช้อำนาจมืดของเดือนคณะลากเอาช่างกล้องของคณะมาให้ถ่ายรูปให้อีก ถึงตรงนี้พิชามณก็เหมือนมีเรดาห์จับกล้องคุณภาพดี คุณเธอจึงรีบวิ่งมาเข้าเฟรมอย่างรวดเร็ว หลังจากถ่ายไปไม่กี่รูปคนก็เริ่มเข้ามาแจมมากขึ้นจนเริ่มจะกลายเป็นรูปรวมขนาดใหญ่ให้ประธานชั้นปีตะโกนออกไมค์ว่างั้นถ่ายรูปรวมคณะกันเลยเหอะ

ภายหลังจากถ่ายรูปรวมคนกว่าหลายร้อยชีวิตเสร็จ กันตธีร์ก็แอบเดินไปบอกรุ่นน้องช่างกล้องคนนั้นให้ส่งรูปที่ถ่ายกับเพื่อนกันห้าคนให้ด้วย


ชายหนุ่มมองความวุ่นวายตรงหน้า เขาเป็นคนมีเพื่อนไม่เยอะ ยิ่งที่สนิทกันยิ่งไม่เยอะ แต่พอคิดว่าเพื่อนทุกคนกำลังจะก้าวเดินออกไปคนละทางตามความฝันของตนแล้วก็รุ้สึกหวงแหนเวลาแบบนี้ขึ้นกระทันหัน

เขาเคยคิดอยู่แล้วครั้งหนึ่ง...แต่ครั้งนี้ดูจะชัดเจนขึ้นกว่าเดิม เพราะมีแต่เพื่อนดีๆ แบบนี้ บางทีที่อยู่คนเดียว คนปลีกวิเวกอย่างกันตธีร์ก็เลยอดจะรู้สึกเหงาขึ้นมาบ้างไม่ได้เหมือนกัน

เคยมีคนกล่าวว่าช่วงชีวิตที่ดีที่สุดคือชีวิตมหาลัย...บางทีเขาก็คิดว่ามันจริง


ตอนท้ายงานกฤษณ์ดึงตัวเขาไปกอดแน่น แล้วบอกว่าต่อไปนี้ไม่มีคุณพ่อคอยคุมแล้ว อยู่กับซอลทำตัวดีๆ นะ ชายหนุ่มเลยอดจะเอากำปั้นฟาดไหล่กลับไปไม่ได้ว่าหาแม่ให้ลูกสักทีเหอะ

ผละจากฤษณ์ก็เป็นพิชามณ สาวสวยตรงหน้าทำท่าจะกระโดดใส่เขาทำเอาต้องรีบยกมือห้ามแต่สุดท้ายก็โดนกอดหมับเข้าอยู่ดี หญิงสาวแอบกระซิบเบาๆ ว่าต่อไปนี้กอดได้ไม่มีปัญหา เพราะกันตธีร์ใช้สายตาทั้งหมดไปมองหนุ่มหล่อจนไม่เหลือไว้มองผู้หญิงแล้ว

ทำเอาอยากเถียงใจจะขาดแต่พูดไม่ออกเลยสักคำ


ฝ่ายวีรินทร์ปฏิเสธที่จะแสดงอาการซึ้งอย่างชัดเจน แล้วก็บอกว่าต้องมองหน้ากันไปอีกสองปี แค่คิดก็เอียนล่วงหน้าแล้ว จึงมาถึงคนสุดท้าย...จิรณัฐมองหน้าเขานิ่ง ทำให้กันตธีร์เริ่มไม่แน่ใจว่าควรแสดงท่าทีอย่างไร

แต่สุดท้ายใบหน้าหล่อก็เปิดยิ้มกว้างแล้วกางแขนออก


“เจจะไม่อยู่แล้ว...มีความสุขมากๆ นะธีร์” เสียงนุ่มกระซิบอวยพร

“เออ ไปอยู่นู่นก็ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ อย่ามั่วให้มันมากนักรู้ไหม”

“ครับๆ เลิกแล้วๆ” จิรณัฐหัวเราะรับคำ


กันตธีร์กับเพื่อนเดินออกมาจากหอประชุมตอนเที่ยง ท้องฟ้าหน้าหนาวกระจ่างใสและเป็นสีฟ้าสวย ชายหนุ่มบอกลาเพื่อนแล้วหิ้วข้าวของที่ได้มาเดินไปที่หอสมุดกลาง ทุกก้าวเดินเขาแทบไม่ต้องคิด...เพราะมานับครั้งไม่ถ้วน

หัวใจในหน้าอกข้างซ้ายเต้นแรงแต่เป็นจังหวะช้าๆ เขาไม่ได้รีบร้อนเหมือนครั้งนั้นที่วิ่งขึ้นมาเพื่อตามใครสักคนอย่างไม่คิดชีวิต เพราตอนนี้ร่างสูงของโชติภัทรจะยืนรออยู่ตรงที่เดิมเสมอ รอยยิ้มอบอุ่มนั้นก็เหมือนเดิม สายตาที่ทอดมองมาก็ไม่เคยเปลี่ยนไป


“เหนื่อยไหม”

“ฉันต่างหากที่ต้องถาม”


ของในมือถูกวางไว้ลวกๆ เพราะแรงดึงดูดลี้ลับทำให้อยากสัมผัสอีกฝ่ายขึ้นมา อ้อมกอดของโชติภัทรอุ่น...ชวนให้รู้สึกสบายใจ


“ธีร์เรียนจบก่อนแบบนี้ฉันรู้สึกแย่เลย”

“ยังไงก็ต้องเรียนโทต่ออยู่...เริ่มทำงานพร้อมกันพอดี”

“แต่ฉันต้องไปใช้ทุนต่างจังหวัดนะ”

“ก็ไว้ค่อยคิด”


กันตธีร์กระชับแขนที่โอบรอบคออีกฝ่าย แล้วมองออกไปที่ท้องฟ้าสดใสนอกหน้าต่างบานใหญ่ ชายหนุ่มไม่รู้ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นอีกมากมาย ทั้งเรื่องครอบครัว การทำงาน การใช้ชีวิตและอะไรอีกหลายอย่าง...แต่ตอนนี้สิ่งที่เขารู้คือปัจจุบัน


ภายใต้ผืนฟ้าสีคราม...เราจะก้าวเดินไปด้วยกัน



END



::talk::

สวัสดีค่า

ทุกคนอาจจะตกใจว่าทำไมจู่ๆก็จบ คือจริงๆเราคิดอยู่ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะให้จบในตอนจบการศึกษาน่ะค่ะ (แล้วก็จริงๆได้แอบบบอกไปแล้วในตอนก่อนๆว่าใกล้จบแล้วจริงๆ) เพราะด้วยสปีดดำเนินเรื่องประมาณนี้กว่าจะคบกันจนโชเรียนจบ...คิดว่าไม่คนเขียนก็คนอ่านคงเรียนจบก่อน ฮาาาาาาา

แล้วเราก็รู้สึกว่าประเด็นที่อยากพูดถึงก็ได้พูดไปหมดแล้ว เลยคิดว่าสำหรับโชธีร์มันคงถึงที่จะต้องปิดฉากแล้วล่ะค่ะ ไม่งั้นมันคงจะยืดเยื้อเกินไป

อ้อ แล้วก็ที่หายๆไปคือเรายังเขียนตอนจบที่ตัวเองถูกใจสุดๆไม่ได้สัก //กลุ้มใจ เลยหนีไปเขียนเรื่องของเจมา ก๊ากกกกกกกก //โดนเขวี้ยงของ //ขอโทษค่ะ แงงงง

ยังไงก็ตาม เราเขียนนิยายเรื่องนี้มาเกือบหนึ่งปีเต็มได้ ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากๆนะคะ เรามีความสุขมาก ช่วงที่ชีวิตเราย่ำแย่ถึงจุดที่มากที่สุด เราเคยเข้ามานั่งอ่านคอมเมนท์ของทุกคน มันมีพลังมากค่ะ  :mew6: เราดีใจมากที่มีคนบอกว่าชอบนิยายของเรา แล้วก็ดีใจมากที่นิยายของเราทำให้ทุกคนมีความสุขได้ เรื่องนี้เป็นนิยายยาวเรื่องแรกในชีวิตที่เราเขียนจบค่ะ มันเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ ขอบคุณทุกคนนะคะที่เป็นกำลังใจให้เราเขียนมาถึงตรงนี้ ทั้งคนเขียนและโชกับธีร์ขอบคุณทุกคนจากใจจริงค่ะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

หลังจากนี้เราวางแผนถึงตอนพิเศษไว้แล้วพอสมควร ก็จะเข้ามาลงเป็นระยะๆ นะคะ เพราะในหัวของเรา โชกับธีร์ก็ยังใช้ชีวิตต่อไปเรื่อยๆ

สำหรับใครที่รอคอยบทของเจอยู่ก็เชิญได้ที่ >>> In the hug of sunshine ในอ้อมกอดกรุ่นไอแดด http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44595.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44595.0)

ตอนนี้ตอนจบแล้ว ใครมีอะไรจะบอกเรา บอกมาได้เลยนะคะ เรายินดีรับทุกความคิดเห็นค่ะ

อ้อ แล้วก็มีอีกเรื่องนึงค่ะ แอบกระซิบบอกว่าเราได้รับการติดต่อจากสนพ.มาค่ะ แต่ว่าเพิ่งเขียนจบเลยยังไม่ได้ส่งต้นฉบับไปให้พิจารณาจริงๆ ดังนั้นถ้าได้ข่าวอย่างไรจะมาแจ้งอีกทีนะคะ

ขอบคุณจริงๆนะคะ รักมาก จากคนเขียนและโชธีร์  :mew6:


::comment::

praewp - ฮาาาา คงเป็นเรื่องของอนาคตมั้งคะ
minjeez - เป้นพี่ชายที่น่ารักกับน้องสาวสุดๆเลยล่ะค่ะ
GintoniC - โชเป็นคนแบบนั้นจริงๆค่ะ ฮาาาาา
malula - เป็นน้องที่คิดพี่ทั้งคู่ค่ะ เขาบอกฝันดีกันคนเขียนก็ฝันดีด้วยค่ะ ฮาาา
BeeRY - เน้ออออออ น่าอิจฉาเนอะคะ 5555555
Zelsy - ก๊ากกกกกก น้องเขาน่ารักนะคะ แต่จริงๆคือก็เคยจิ้นพี่ตัวเอง 55555
quiicheh. - อุอิ เรื่องของเจ เชิญติดตามได้ในเรื่องต่อไปเลยค่า
kokoro - มีความสุขมากจริงๆค่ะ พอธีร์พูดตรงๆแล้วมันน่ารักเน้ออออออออ
kaireaw - ฮาาาา น้องแกก็เคยจิ้นพี่ชายตัวเองนะคะ บอกคิดถึงกันแบบนี้มันน่ารักเนอะคะะะ

ขอบคุณทุกคนมากๆนะคะ รู้สึกเต็มตื้นมาก ไม่มีคำพูดอะไรจะบอกมากกว่านี้ ขอบคุณมากจริงๆค่ะ  :mew6:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 24+ส่งท้าย [30/11/57 p.9ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 30-11-2014 18:20:24
ทางสะดวกมากมาย ดูจะราบรื่นไปหมดเลย อิอิ :impress2:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 24+ส่งท้าย [30/11/57 p.9ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 30-11-2014 18:38:09
จบซะแล้ววววว แอบอยากให้มีภาคต่อเบาๆ 5555
จะมีตอนพิเศษไหม คือพวกนางหวานกันนะ แต่เหมือนยังไม่สุดอะ ยังไม่ได้เสียกัน //โดนตบ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 24+ส่งท้าย [30/11/57 p.9ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 30-11-2014 19:13:11
ได้โอกาสพาธีร์เข้าบ้านเลย แถมยังได้แสดงความสามารถให้ประทับใจอีก
ตอนนี้น้องธีร์เองก็พยายามทำหน้าที่แฟน น่ารักมากๆค่ะ
จบแบบนี้ก็คงต้องลุ้นอนาคตต่อกันเองซินะ
แต่ถ้าเขียนแอบแฝงมากับเรื่องเจบ้างก็จะดีค่ะ  :impress2:

เดี๋ยวจะตามไปอ่านอีกเรื่องต่อเน้อ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 24+ส่งท้าย [30/11/57 p.9ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 30-11-2014 20:56:47
จบได้อบอุ่นละมุนละไมดีจัง
แอบซึ้งกับธีร์และเพื่อน ๆ
ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ กะลังจะตามไปอ่านเรื่องใหม่
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 24+ส่งท้าย [30/11/57 p.9ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: RinNam ที่ 30-11-2014 22:20:00
ตอนที่เห็นว่าอัพแล้วดีใจมากเลยค่าา แต่บทส่งท้ายคืออารายยยย

ไม่อยากให้จบเลยย เป็นเรื่องที่น่ารักมากๆๆ อ่านแล้วมีความสุขสุดๆ

คนเขียนได้บุญนะเนี่ยทำให้คนมีความสุข 

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆน่ารักๆเรื่องนี้นะคะ

ปล.ยังอยากได้โชกลับบ้านไปนอนกอดอยู่เลยย 555
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 24+ส่งท้าย [30/11/57 p.9ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: ตีสี่ ที่ 30-11-2014 23:14:37
เป็นเรื่องที่้เรื่อยๆมาเรียงๆจริงๆ
แต่อ่านแล้วก็อมยิ้มได้ตลอด
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 24+ส่งท้าย [30/11/57 p.9ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 01-12-2014 07:34:57
เรื่องนี้ตอนแรกอ่านแบบเรื่อยๆ
ดูไม่ดึงดู แต่อ่านไปอ่านมา วางไม่ลงเลย
ชอบจัง ขอบคุณค่าาาา
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 24+ส่งท้าย [30/11/57 p.9ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 01-12-2014 15:10:36

อารมร์เรื่องแบบว่า....

เรื่อยๆอ่ะขอรับ

ไม่หวือหวา แต่ก็ทำให้รู้สึกได้ว่า....

เรื่องราวแบบนี้มันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นได้

คือมันไม่ดูไกลเกินจริง

มันสามารถพบเห็นหรือสัมผัสได้จริง

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 24+ส่งท้าย [30/11/57 p.9ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 01-12-2014 21:49:53
ธีร์มีรุกโชก่อนด้วย น่าร้ากกก;_;
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
ชอบมากกกกกกมีครบอารมณ์เลย
ตอนเศร้าก็บีบใจแทนพระเอกมาก
แอบอยากอ่านตอนพิเศษจังอิอิ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 24+ส่งท้าย [30/11/57 p.9ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 02-12-2014 01:08:44
จบน่ารักมาก อนาคตข้างหน้า เราหวังให้เป็นเหมือนท้องฟ้านะหนุ่มๆ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 24+ส่งท้าย [30/11/57 p.9ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: kaireaw ที่ 02-12-2014 23:31:42
โฮวจบแล้ว ต้องแอบคิดถึงธีร์กับโชแน่ๆเลยค่ะ คือจริงๆพอรู้ว่าใจตรงกันแล้วก็คิดว่าเรื่องนี้คงใกล้จบแล้วจริงๆ
ขอบคุณที่เขียนนิยายน่ารักๆมาให้อ่านนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 24+ส่งท้าย [30/11/57 p.9ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 03-12-2014 00:15:37
เป็นเรื่องที่ชอบค่ะ อ่านแล้วอบอุ่นมีความสุข

ปล. เลิกอ่านไปกลางเรื่อง คอยให้มาต่อจนจบ คิดแล้วว่าอ่านรวดเดียวจะได้อรรถรสกว่า แล้วก็ไม่ผิดหวัง กับใต้ผืนฟ้า ณ ที่แห่งนี้จริงๆ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 24+ส่งท้าย [30/11/57 p.9ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: zeroj ที่ 03-12-2014 12:26:17
เข้ามาอ่านรวดเดียว
เนื้อเรื่องเรื่อยๆ  อ่านแล้วสบายๆ   เบาเบา
สนุกมาก 

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 24+ส่งท้าย [30/11/57 p.9ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 10-12-2014 02:51:27
อ่านแล้วได้กลิ่นฝน
ท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม
สายลมเย็นๆ
 :L1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 24+ส่งท้าย [30/11/57 p.9ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 12-12-2014 20:43:56
ขอบคุณค่ะ  :m1:

หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 24+ส่งท้าย [30/11/57 p.9ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: Linyu_ta ที่ 12-12-2014 21:21:52
ฮือออ อ ออ จบแล้วหรออ หายไปเคลียร์งานไม่เท่าไหร่น้องธีร์กับโชชิ่งจบเลยซะอย่างงั้น  :ling1: ไม่ยอมนะคนแต่ง ยังอยากอ่านต่ออีกเรื่อยๆ ยังไม่หายคิดถึงเลยจริงๆน้า ไม่สงสารกันหรอ  :hao5: #โหมดอ้อนต้องมา

แต่จบแล้วไม่จบเลยเนอะ คนแต่งใจดีเดี๋ยวก็มีตอนพิเศษมาให้อีกเรื่อยๆโนะ อิอิ ... จบได้น่ารักมากเลยค่ะ ยิ้มแก้มปริเลย โชธีร์น่ารักมากกกกก อ่านไปก็เขินไปนะตอนท้าย แต่ก็ยังอยากเห็นมากกว่านี้ เอ๊ะ? :-[ ฮ่าาา เป็นกำลังใจให้โชธีร์นะจ๊ะ สองคนนี้ยังคงต้องผ่านอะไรไปด้วยกันอีกเยอะเนอะ เรื่องครอบครัวยังยากที่จะคาดเดาว่าครอบครัวของแต่ละฝ่ายจะยอมรับได้ไหม (แต่ของธีร์ดูน่าจะง่ายเพราะน้องธาเป็นสาววาย ฮ่าา ฮานางมาก) ก็ให้โชธีร์ค่อยๆเป็นค่อยๆไปดีกว่าเนอะ เหมือนในชีวิตจริงที่ไม่ใช่ทุกคนจะกล้าพูดความจริงกับครอบครัว และก็ไม่ใช่ทุกครอบครัวที่จะยอมรับได้ คอยดูแลกันไปอย่างนี้นานๆ ให้ครอบครัวทั้งสองฝ่ายค่อยๆซึมซับและยอมรับเองเนอะ สู้ๆน้าาา ^^v

ต่อจากนี้คงคิดถึงตัวละครเรื่องนี้แน่ๆเลย เดี๋ยวไว้จะแอบอู้งานไปอ่านน้องเจบ้าง อิอิ ขอบคุณคนแต่งที่แต่งนิยายน่ารักๆมาให้อ่านกันนะคะ บรรยายเก่งมากค่ะ ดูเรียบๆแต่ไม่น่าเบื่อ อ่านแล้วอยากกลับไปเป็นเด็กมหาลัย(ปล่อยแก่ทำไม?) ขอบคุณทุกตัวละครที่ทำให้หัวเราะได้ในเวลาเครียดๆ เป็นกำลังใจให้คนแต่งกับทุกตัวละครนะคะ  :L1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 24+ส่งท้าย [30/11/57 p.9ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: litlittledragon ที่ 14-12-2014 23:51:54
อยากอ่านเรื่องของซอลอะ...

เขียนเรื่องของเจจบช่วยเขียนเรื่องของซอลต่อด้วยเถอะนะ
 (แต่อย่าบอกว่าเจสุดท้ายก็คู่กับซอลนะ)
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 24+ส่งท้าย [30/11/57 p.9ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 15-12-2014 02:14:18
 o13
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 24+ส่งท้าย [30/11/57 p.9ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 21-12-2014 15:34:30
พลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไงเนี้ย T^T

สนุกมาก ๆ เลยค่ะ อ่านไปยิ้มไป รู้สึกใจเต้นแรง ลุ้น ๆ ดี

ขอบคุณสำหรับเรื่องดี ๆ เรื่องนี้ค่ะ (^_^)
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 24+ส่งท้าย [30/11/57 p.9ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 23-12-2014 22:30:16
 :mew1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 24+ส่งท้าย [30/11/57 p.9ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: FortuneTeller ที่ 25-12-2014 04:46:14
เป็นหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่อ่านจนจบแล้วต้องขอแสดงความคิดเห็น...
ปกติจะแค่อ่านแล้วขอบคุณคนเขียนอยู่ดังๆในใจ (นิสัยไม่ดี 55)

แต่เรื่องนี้ น่ารักมากจริงๆค่ะ นุ่ม ละมุน ค่อยเป็นค่อยไป น่ารักที่สุดเลย
อ่านแล้วเนื้อเพลง  'ช่างหวานละมุม อบอุ่นอยู่ในหัวใจ' ดังก้องอยู่ในหัวตลอดเลย :))

ขอบคุณมากนะคะ สำหรับเรื่องราวดีๆน่ารักๆแบบนี้
ที่จริงตอนแรก แอบหวังว่าจะได้เห็น ซอล คู่กับเจ หรือพี่หมี
แต่ไม่เป็นไรค่ะ อย่างนี้ก็น่ารกมากดีแล้ว... ขอบคุณนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 24+ส่งท้าย [30/11/57 p.9ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: mmilds ที่ 14-01-2015 22:59:32
น่าร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก แงงงงงงงงงงงง ไม่รู้จะพูดอะไร
คือมันเป็นฟิคแนว Feel good มากๆเลยค่ะ เรียบๆง่ายๆ ไม่หวือหวา
แต่น่าร้ากกกกกกกกกกกกก โชน่ารักมากเลยยยย
ทำไมรักธีร์ได้ขนาดนี้ ปล. เราก็ชอบโชเหมือนกับธีร์นะ ที่เวลาพิมพ์ชื่อก็พิมพ์ถูกทุกครั้ง
เหมือนคนที่ใส่ใจ เวลามีคนพิมพ์ชื่อเราผิด เราก็แอบเซงๆเหมือนกันค่ะ 55555555
คือโชน่ารักง่ะ ไม่รู้จะพูดอะไร นิยายเรื่องนี้ อ่านละมันรู้สึกดีจังเลยน้าาาาาา

อยากให้มีต่ออีกเยอะๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นภาคสองหรือว่าตอนพิเศษอะไรก็ได้
อยากรู้ว่า ต่อจากนี้ทุกคนจะเป็นยังไงบ้างน้าาาาา
ถ้าแอบมาเห็นความเห็นนี้ก็ช่วยสนองให้เค้าหน่อยน้าาา 5555555
ชอบโชมากๆเลย

ตอนแรกแอบคิดว่ากฤษณ์จะคิดอะไรกับธีร์ซะอีก ชอบความเป็นเพื่อนของสองคนนี้
แต่บางทีแอบรู้สึกว่ากฤษณ์นี่หวงเหมือนเป็นพ่อจริงๆค่ะ 5555555555 น่ารักดี
และก็ไม่คิดว่าเจจะจริงจังกับธีร์ขนาดนี้ แต่ก็น่ารักดี

อ่านนิยายเรื่องนี้แล้วทำให้เครียดกับชีวิตมหาลัยเข้าไปอี๊กกก
ต้องทำโปรเจค ต้องพรีเซนต์ ตอบคำถาม ถ้าถึงคราวตัวเองบ้างแล้ว คงเครียดมากๆแน่ๆ
เราคงไม่ใช่แบบซอล ธีร์ ที่เก่งกาจหรือว่า เจที่พูดเก่ง 555555555555
รู้สึกว่า มันใกล้ถึงเวลาของเราละ ต้องขยันๆบ้างละ ไม่งั้นตายแน่ๆ

สงสารทั้งโชทั้งธีร์ ตอนที่เหมือนจะทะเลาะกัน
และดีใจที่สุดท้ายธีร์ก็หลุดจากความกลัว แล้วก็เริ่มที่จะเรียนรู้คำว่ารักจริงๆ
ฮิ้วววววววววว ว

และสุดท้ายขอยืนยันคำเดิมว่า โชน่ารักมากจริงๆค่ะ
และตลกน้องธามากเป็นสาววาย 555555555555555
แงงง ไม่อยากให้จบเลย อยากได้ตอนพิเศษจริงๆนะคะ

ปล. ขอบคุณทีมีนิยายน่ารัก ๆ รู้สึกดี ๆ แบบนี้ให้อ่านนะคะ
จะติดตามเรื่องต่อๆไปนะ
 :mew3: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 24+ส่งท้าย [30/11/57 p.9ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: คุณอัง ที่ 15-01-2015 12:53:45
ขอบคุณคุณผู้เขียนนะคะสำหรับนิยายดีๆ
สนุกมากๆเลยค่ะ อ่านแล้วรู้สึกดีมากกกกก . .
ทั้งคู่ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ไม่รีบร้อน ค่อยๆซึมซับความรู้สึกแบบนี้  ชอบมากจริงๆค่ะ


น่ารักมากๆ ฮิๆ . . ขอบคุณอีกครั้งนะคะ  o13
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: 24+ส่งท้าย [30/11/57 p.9ล่างๆ]
เริ่มหัวข้อโดย: velvetronica ที่ 17-01-2015 00:00:15
[SP] 'silent sweet' (chothee)



ฝูงชนจำนวนมากคราคร่ำไปทั่วสนามหน้าคณะ ไอแดดของฤดูร้อนช่างโหดร้ายแต่กลับไม่มีใครยอมแพ้ กันตธีร์ผู้เมาคนง่ายเป็นปกติจึงได้แต่ทำหน้าสยดสยอง


"นัดช่างไว้ยังไง" วีรินทร์หันมาถามเมื่อเดินถึงตึกคณะ

"...หน้าประตูตึกกลาง" เขาตอบหน้ามึนจนเพื่อนต้องหันมาคว้าแขนแล้วลากให้เดินตามไป


แต่เดิมเพื่อนคนสวยของเขาตั้งใจจะไม่มางานรับปริญญาเนื่องจากไม่อยากเสียค่าเช่าชุดและค่าใช้จ่ายอื่นๆ แต่สุดท้ายจิรณัฐที่ลงทุนถึงขั้นบินกลับมาจากอเมริกาก็เข้ามาโวยวายจนต้องยอมมาในท้ายที่สุด

และพอเอาเข้าจริง ตอนเช้ามืดวันนี้ วีรินทร์ผู้อิดออดในตอนแรกกลับเข้ามาปลุกเขาอย่างโหดร้าย ก่อนจะจัดแจงเอาเครื่องสำอางละเลงบนหน้าพร้อมเซ็ทผมให้อย่างดี


'ไปถ่ายรูปท่ามกลางคนหน้าเต็มด้วยหน้าสดๆ มันเสียดายค่าช่างกล้อง'


ประกาศิตของรูมเมทคนใหม่ทำให้เขาต้องจำยอมนั่งเกร็งหน้าให้อีกฝ่ายแต่งโน่นเติมนี่โดยที่ไม่กล้าถามว่าทำไมถึงแต่งหน้าเป็น สำหรับเขา แต่งกับไม่แต่งก็ดูไม่ได้แตกต่างอะไรจากเดิมนัก แต่จากการที่หลายคนเดินมาทักว่าวันนี้ดูดีนะ ก็คงจะพอเชื่อมือวีรินทร์ได้


พ่อแม่ของเขาและกัลยธารออยู่แล้วพร้อมช่างภาพ โดยในอ้อมแขนของเด็กสาวมีช่อดอกไม้เตรียมไว้สองช่อ เขาจึงเริ่มด้วยการถ่ายรูปกับครอบครัวก่อน พ่อแม่ของเขาไม่ค่อยว่างแต่ก็ยังอุตส่าห์กลับไทยมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ วีรินทร์จึงขอตัวไปหาเพื่อนคนอื่นๆ แทน


"ซื้อมาสองช่อเลยหรือ แพงมากเลยสิ" กันตธีร์รับช่อกุหลาบสีแดงสดที่จัดเป็นช่อยาวมาถือไว้ แล้วเอาช่อกลมใหญ่ที่มีดอกไม้หลากสีให้กัลยธาถือแทน

"ช่อใหญ่ของพ่อกับแม่ ส่วนช่อเล็กนั่นยัยธาเอามา ก็บอกแล้วนะว่าแม่สั่งไปแล้ว" แม่ของเขาว่า แต่เด็กสาวก็ไม่ได้โต้ตอบอะไร


หลังจากถ่ายรูปกันพอสมควรพ่อแม่ของเขาก็ขอตัวกลับไปก่อนเพราะทนอากาศร้อนกับคนเยอะๆ ไม่ไหว กันตธีร์จึงเริ่มเดินถ่ายรูปกับเพื่อนรุ่นพี่รุ่นน้องไปตามทางโดยมีกัลยธาติดสอยไปด้วย


"พี่ธีร์ รอตรงนี้แปปนึง" กัลยธาเข้ามาดึงแขนไว้เบาๆ เมื่อเขาจะเดินออกไปนอกคณะ

"หืม ทำไมหรือคะ พวกหมีมันรอพี่อยู่ตรงสนาน่ะ" เขาหันมาก้มหน้าคุยกับเด็กสาวที่ยกโทรศัพท์แนบหู

"แปปเดียวค่ะ แปปเดียว"


แล้วก็แปปเดียวดังว่า เมื่อชายหนุ่มร่างสูงโปร่งปรากฎตัวขึ้นพร้อมรอยยิ้มจางๆ ชวนมอง โชติภัทรมาในชุดนักศึกษาธรรมดาแต่กลับดูดีจนเป็นเป้าสายตา


"ยินดีด้วยนะ" กล่องของขวัญเรียบๆ ขนาดประมาณฝ่ามือถูกยื่นมาให้

"...ขอบคุณ" เขาอุบอิบเสียงเบา อดจะรู้สึกเขินขึ้นมานิดๆ ไม่ได้ "ไม่ต้องลำบากก็ได้...นี่ว่างแล้วหรือ"

"แค่นี้เอง...นี่ราวน์เช้าเสร็จแล้วก็รีบมาเลย" เสียงนุ่มของว่าที่แพทย์หนุ่มทำเอาเขาวางหน้าไม่ถูก

"ถ่ายรูปกันค่ะ! พี่โชหันมาทางนี้...ขยับใกล้กันนิดนึง" เด็กสาวอมยิ้มจนแก้มพอง พลางหันไปเออออจัดแจงท่าทางกับช่างภาพที่สุดจะรู้งาน


ชัตเตอร์ถูกกดไปรัวๆ พร้อมกับการจัดท่าถ่ายมุมนู้นมุมนี้จนกันตธีร์ต้องบอกให้พอ กัลยธาจึงยิ้มเผล่แล้วเอาของทั้งหมดให้แฟนพี่ชายถือแทน


"ธาไปก่อนนะ" หันมาบอกพี่ชายหน้าตาเฉย

"เฮ้ย!!" เขาเหลือกตามองน้องสาว "แล้วของพี่ล่ะคะ"

"คณะธาก็รับวันนี้ ธาจะไปหาพี่รหัส...ของพี่ธีร์ก็ให้พี่โชดูแลไง นี่หน้าที่แฟนนะ"

"ธา...ไม่เอาน่า" ชายหนุ่มกระซิบ รู้สึกว่าแก้มทั้งสองเห่อร้อน "อยู่ด้วยกันก่อนสิ"

"ม่ายยย" เด็กสาวลากเสียง ก่อนจะกระซิบกลับ "ไปเลยพี่ธีร์ พี่โชอุตส่าห์ซื้อดอกไม้ช่อนั้นมาให้นะ ไปเดินด้วยกันให้พี่เขาชื่นใจหน่อย"


ว่าจบก็กระเด้งตัวหนีไปทันทีแบบที่เรียกไวัไม่ทัน กันตธีร์คิดว่าตอนนี้ตัวเองคงหน้าแดงแทบระเบิด...จึงได้แต่หวังว่ารองพื้นของวีรินทร์จะช่วยกลบเกลื่อนมันเอาไว้ได้บ้าง เขายืนเลิกลั่กมองหน้าพี่ช่างกล้องซึ่งดูจะผ่านการเตี๊ยมกับกัลยธามาแล้ว เพราะพี่แกเอาแต่ยิ้มกริ่มอย่างเดียว


"ธีร์" สัมผัสเบาที่ข้อศอกทำเอาเขาสะดุ้งเฮือก "ไปหาเพื่อนเลยไหม"

"ป...ไปไป!" ว่าแล้วก็สาวเท้าเร็วๆ ออกไปทันที...กันตธีร์ที่เสหน้ามองไปทางอื่นจึงไม่ทันได้เห็นใบหน้าอมยิ้มของโชติภัทร


ชายหนุ่มเดินออกไปตรงจุดนัดพร้อมกับโชติภัทร และเมื่อไปถึงความเขินอายก็ดูจะพุ่งพรวดถึงขีดสุดเพราะทุกคนต่างต้อนรับเขาด้วยสายตาล้อเลียนระดับสิบ โดยเฉพาะวีรินทร์ที่ถึงขั้นเอื้อมมือไปตบไหล่กฤษณ์อย่างกวนประสาทเป็นที่สุด


"ลูกมึงเปิดตัวได้ยิ่งใหญ่มาก" เสียงแหบกระเซ้าไม่เบา

"...นี่มึงอยู่ด้วยกันก็ไม่คิดจะห้ามจะปรามมันบ้างเรอะ" พ่อหมีของกันตธีร์ตีหน้าเอือมระอา

"ตอนกูพาธีร์มา ก็มากันแค่สองคนนะ...ปล่อยคลาดสายตาแปปเดียว มีคนมาดูแลแล้วว่ะ"

"...พวกมึงพอเถอะ กูขอร้อง...นี่ไม่สู้จริงๆ"


กันตธีร์ยกมือยอมแพ้รู้สึกเขินจนน้ำตาแทบไหล จนพิชามณที่วันนี้สวยเป็นพิเศษต้องหัวเราะลั่นเดินมากอดปลอบอย่างเห็นใจ ส่วนโชติภัทรก็ดูจะไม่สะทกสะท้านกับอะไรทั้งนั้น ใบหน้าหล่อยิ้มรับคำแซวไปหมดจนเขาเริ่มอยากจะเอาอะไรฟาดให้สักที

จิรณัฐเองก็ร่วมวงล้อเลียนเขาไปด้วย นั่นทำให้เขารู้สึกสบายใจและนึกอยากถามไถ่เรื่องส่วนตัวของอีกฝ่าย แต่มันยังไม่ใช่เวลาเขาจึงได้แต่ยิ้มให้แล้วชวนคุยเรื่องทั่วๆ ไป

กลุ่มของเขามีคนดังอยู่หลายคน จึงไม่แปลกที่จะมีคนมากมายแวะเข้ามาขอถ่ายรูปด้วย กันตธีร์รู้สึกเหมือนโดนปั่นอยู่ในเครื่องซักผ้า หันไปทางไหนก็เจอแต่หน้าคน กับคำพูดซ้ำไปมา...แต่ความรู้สึกอบอุ่นของคณะที่เขาอยู่มาสี่ปีก็ทำให้ยิ้มไม่หุบเอาเสียเลย


หลายครั้งที่มีคนส่งสายตาแทนคำถามเมื่อเห็นโชติภัทรเดินตามถือของให้เขากับเพื่อนๆ นั่นทำให้เขิน...แต่กลับไม่อึดอัดอย่างที่คิด กันตธีร์เลือกแคร์คนที่แคร์ เขาจึงไม่รู้สึกอะไรกับสายตาเหล่านั้นหากโชติภัทรไม่อึดอัด


"มีที่ไหนอยากถ่ายเป็นพิเศษไหม?"


พี่ช่างกล้องถามเมื่อเพื่อนในกลุ่มต่างแยกย้ายกันไปถ่ายรูปกับครอบครัวของตัวเอง กันตธีร์หันมองหน้าคนข้างกายที่ยิ้มอย่างมีความหมาย ก่อนจะชี้ไปที่อาคารสี่ชั้นขนาดใหญ่ซึ่งอยู่อีกฟากของสนาม


"หอสมุดครับ"






มีคนไม่น้อยที่เข้ามาถ่ายรูปในหอสมุดกลางของมหาลัยฯ แต่ในพื้นที่ลับของเขากับโชติภัทรก็ยังคงไม่มีใครเหมือนเดิม ชั้นหนังสือไม้ยังคงมีกลิ่นของความขลังและความงดงามแบบเก่าทำให้พี่ช่างกล้องดูตื่นเต้นกับสถานที่จนออกไอเดียให้ถ่ายตรงนั้นตรงนี้อีกหลายชอต


"น้องโช...ใส่เสื้อกาวน์ได้ไหม"


โชติภัทรเลิกคิ้ว แล้วก็ดึงเอาเสื้อกาวน์ยาวมาสวมพร้อมกับเอาสเต็ทโตสโคปคล้องคอ ให้ภาพพจน์ที่ดูดีจนพี่ช่างกล้องออกปากชมแล้วลากไปจัดท่าถ่ายรูปคู่อีกนับไม่ถ้วน


"เอาแบบมองตากัน" คำบอกแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยดังขึ้น

"เฮ้ยพี่..." กันตธีร์สะดุ้งพร้อมกับโบกไม้โบกมือปฏิเสธ

"เอ้า เขินหรือ นี่พี่ยังไม่เขินเลยนะ" ช่างกล้องหัวเราะเอิ้กอ้าก "เขินก็เขิน เดี๋ยวพี่เดินหามุมแปปนึง"


ว่าจบก็เดินหายไปตามชั้นหนังสือ จนผู้ว่าจ้างต้องถอนหายใจเฮือกพิงสะโพกกับตู้ข้างหน้าต่าง...นี่มันจะคุ้มไปหรือเปล่า? ช่างกล้องคนนี้กระตือรืนร้นและมีไอเดียตลอดเวลาประหนึ่งจ้างร้อยแต่ทำให้เป็นล้าน...คือไอ้คุ้มมันก็คุ้ม ไอ้ดีมันก็ดี แต่ก็อดจะรู้สึกล้านิดๆ ไม่ได้เพราความตื่นตัวตลอดเวลา


"เหนื่อยไหม" โชติภัทรเดินมายืนพิงอยู่ข้างๆ แล้วหันหน้ามาถาม

"มาก...แต่ก็ดี ไม่เจอทุกคนมานานแล้ว" เขาเปิดยิ้มกว้างจนตาหยี

"เย็นนี้ธีร์จะไปกินข้าวกับครอบครัวใช่ไหม"

"อื้อ"

"...งั้นโชรอที่ห้องนะ"


กันตธีร์เหลือบมองเสี้ยวหน้าของคนรักแล้วก็รับคำเบาๆ โชติภัทรมีกุญแจสำรองของคอนโดที่เขาอยู่กับวีรินทร์ ซึ่งวีรินทร์เป็นคนออกปากให้ปั๊มไว้เองเพื่อความสะดวก บางครั้งชายหนุ่มจึงจะแวะมาค้างด้วย

เมื่อเห็นว่าบุคคลที่สามไม่อยู่แถวนี้โชติภัทรก็โน้มตัวมากดปลายจมูกที่ข้างขมับไวๆ แล้วก็ผละไป เขาจึงก้มมองช่อดอกกุหลาบสีแดงสดแก้เกี้ยวพร้อมกับความคิดที่ว่าใบหน้าตอนนี้ของตนคงจะแดงจัดไม่ต่างกัน...


ผู้ชายคนนี้บอกรักได้เงียบเชียบ...แต่ทำให้หัวใจเต้นแรงเหลือเกิน


++++++


ราวสัปดาห์ต่อมา...กันตธีร์ที่มัวแต่ยุ่งหัวหมุนกับงานในแลบของปริญญาโทก็ได้รับพัศดุจากช่างกล้องเป็นซีดีหนึ่งแผ่น ชายหนุ่มขมวดคิ้วเพราะจำได้ลางๆ ว่าตอนที่กัลยธาไปตกลงจ้างมาได้บอกให้อีกฝ่ายอัดรูปมาด้วย


'ซีดีแผ่นนี้พี่ยกให้ฟรี...พี่คิดว่าน้องควรจะเลือกรูปก่อน แล้วพี่จะไรท์แผ่นจริงพร้อมกับรูปอัดให้อีกที'


ข้อความในจดหมายทำให้ชายหนุ่มวางมือจากงานแล้วเอาซีดีเจ้าปัญหาใส่เข้าเครื่อง เขาเลื่อนดูทีละรูปเร็วๆ เรื่องมุมกล้องและแสงเงาไม่มีปัญหาเลย ภาพที่ถ่ายออกมานั้นสวยมากจนบางภาพกันตธีร์ยังแปลกใจกับความดูดีเกินปกติไปมากของตัวเอง


แต่แล้วเขาก็เริ่มเข้าใจความหมายของพี่ช่างกล่องในที่สุด...เพราะในบรรดารูปทั้งหมดนั้นมีรูป 'แอบถ่าย' ปะปนอยู่ด้วย

ตั้งแต่รูปที่เขายืนคุยกับเพื่อนแล้วมีโชติภัทรยืนมองมาจากด้านหลัง รูปที่อีกฝ่ายเอาทิชชู่ซับเหงื่อบนหน้าผากให้กับเขา และยังมีอีกหลายรูปที่หากใครมาเห็นเข้าก็คงไม่สงสัยเลยในความสัมพันธ์ระหว่างเขาสองคน


กันตธีร์ครางในลำคอ...เขาไม่รู้ตัวเลยว่าที่ผ่านมาอีกฝ่ายมองเขาด้วยสายตาแบบนี้ มันเป็นสายตาแบบที่ชวนให้เขินจนอิจฉาตัวเองในภาพถ่าย

...แล้วยังการกระทำที่อีกฝ่ายปฏิบัติกับเขา โชติภัทรไม่ได้เข้ามาดูแลเหมือนเขาเป็นผู้หญิง แต่การเอาใจใส่เล็กๆ น้อยๆ เช่น ซื้อน้ำเย็นมาให้พร้อมกับเอามือพัดเพื่อคลายร้อน มันเป็นภาพที่ทำให้เขาแทบมุดลงใต้โต๊ะด้วยความเขินอาย


ชายหนุ่มกลั้นใจเลื่อนดูไปเรื่อยๆ จนถึงภาพที่ถ่ายในหอสมุด...โชติภัทรในชุดเสื้อกาวน์ดูดีจนไม่น่าให้อภัย รูปถ่ายออกมาก็สวยมากจนอยากจะชื่นชมพี่ช่างกล้องอีกสิบรอบ


เฮ้ย...


กันตธีร์จ้องรูปในจอตาแทบถลน มือค่อยๆ กดเลื่อนดูไปพร้อมกับการแหกปากในใจที่ดังขึ้นเรื่อยๆ

รูปถ่ายเซ็ทสุดท้ายเป็นการถ่ายผ่านช่องของชั้นหนังสือ เห็นคนสองคนที่ยืนพิงหน้าต่างโดยที่เห็นสีหน้าไม่ชัดจากการถ่ายย้อนแสง...เป็นภาพที่เขายืนพิงตู้คุยกับโชติภัทร จนกระทั่งอีกฝ่ายกดจมูกลงมาที่ขมับของเขา

ชายหนุ่มเอามือทึ้งผมตัวเองพร้อมกับซบหน้าลงกับโต๊ะ...เขาเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าทำไมพี่ช่างกล้องถึงบอกให้เขาเลือกรูปก่อน...นี่มันอันตรายมากหากคนที่บ้านเขามาเห็นเข้า


"ธีร์ทำอะไรอยู่"


กันตธีร์สะดุ้งแทบตกเก้าอี้ เขาเอื้อมแขนจะกดปิดหน้าจอแต่โชติภัทรที่มือไวกว่ากลับคว้าทับมือที่จับเมาส์ไว้ ทำให้ชายหนุ่มนั่งแข็งอยู่ในเก้าอี้โดยมีอีกฝ่ายยืนคร่อมซ้อนหลังทั้งตัวแล้วก้มลงมากดดูรูปน่าเขินอายเหล่านั้นใหม่ทีละรูปจนหมดแผ่น


"รูปสวยดีนะ" เสียงนุ้มเอ่ยเบาๆ

"อ...อืม" ลมหายใจเป่ารดที่ข้างแก้มทำเอาไม่กล้าหันหน้าไปหา

"...ธีร์" ปลายจมูกโด่งเกลี่ยเบาๆ ที่ข้างแก้ม ท่าทางที่เหมือนจะกดจูบแต่ก็ไม่ทำนั่นทำให้เขาตัวแข็งเกร็ง


โชติภัทรผละออกในที่สุดแล้วแตะแขนให้เขาลุกขึ้นตาม ก่อนจะรั้งให้มานั่งลงด้วยกันที่ปลายเตียง กันตธีรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนเห่อจนไม่กล้าสู้หน้าอีกฝ่ายแต่มือสากกลับประคองแก้มเขาให้เงยขึ้น

ใบหน้าหล่อเหลานั้นมีรอยยิ้มกว้างเต็มไปหมด ริมฝีปากอุ่นแตะลงมาแล้วก็ค่อยๆ จูบซับกลีบเนื้ออ่อนเบาๆ กันตธีร์หลับตาลงปล่อยให้สัมผัสรุกล้ำป้อนรสชาติของความอ่อนหวานอย่างเต็มใจ


"...ธีร์น่ารักเกินไปแล้ว"


เสียงนุ่มกระซิบบอกชิดริมฝีปาก แล้วก็บดจูบเข้ามาอีกครั้ง เรียวลิ้นค่อยๆ แทรกเข้ามาสัมผัสกันอย่างลึกซึ้ง กว่าจะรู้ตัวอีกทีแผ่นหลังก็แนบกับพื้นเตียงนุ่มโดยมีอีกฝ่ายคร่อมทับอยู่ด้านบน

รสจูบของโชติภัทรทำให้เขาแทบจะสำลักความสุขตาย เพราะทุกสัมผัสที่อ่อนโยนทนุถนอมมันบอกว่าเขาเป็นคนพิเศษ


อีกฝ่ายผละออกไปในตอนที่เขารู้สึกจะขาดใจ เสียงหอบหายใจเบาๆ เพิ่มให้บรรยากาศรอบตัวดูร้อนระอุขึ้นทันตา แต่รอยยิ้มจางกับปลายนิ้วที่เกลี่ยเบาๆ ตรงแก้มกลับดึงให้เขากลับมา แล้วจ้องตากันนิ่งๆ


"...อย่าต่อเลยนะ"

"นั่นสิ"


ทั้งคู่หัวเราะออกมาพร้อมกัน คนที่คร่อมอยู่ทิ้งตัวลงนอนข้างๆ แล้วดึงเอาคนตัวเล็กกว่ามากอดฟัด กันตธีร์ร้องโวยวายเบาๆ พยายามหลบปลายจมูกของอีกฝ่าย ก่อนจะจบลงด้วยจูบหวานๆ อีกหลายครั้ง

กันตธีร์ชอบความสัมพันธ์ของตัวเองกับโชติภัทรมาก แต่ก็อยากให้ทุกอย่างค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ...ซึ่งอีกฝ่ายก็คงคิดเหมือนกัน


ชายหนุ่มซุกตัวในอ้อมกอดอบอุ่นแล้วซึบซับความรู้สึกของกันและกันกับคำรักที่ไร้เสียง

โชติภัทรรักกันตธีร์...กันตธีร์รักโชติภัทร








::talk::

//กราบไหว้รอบทิศ

กลับมาแล้วค่าาาาา กับตอนพิเศษที่สัญญาไว้นานเมิ่กกกก 55555555555 //โดนตรบ  :z6: :z6:

ก่อนอื่นจะแจ้งข่าวนิดนึงว่า  :o8: :o8:  นิยายเรื่องนี้ได้เซ็นสัญญาตีพิมพ์กับสนพ.maled publishingแล้วนะคะ แต่ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอน คาดว่าจะได้เปิดจองในเดือนกพ.นี้แล้วล่ะค่ะ

สำหรับตอนพิเศษ เราตั้งใจจะมีทั้งหมด5เรื่อง เลยจะขอลงในบอร์ดไว้2เรื่อง ส่วนอีก3เรื่องขออนุญาตเก็บไว้ลงในรวมเล่มนะคะ

เรื่อง silent sweet นี่คืออยากให้มีโมเมนต์หวานๆ จิกหมอนของคู่นี้บ้าง  :man1: 555 เขียนไปแล้วก็รู้สึกอิจฉาพี่ช่างกล้องมาก //พี่เอารูปมาขายหนูค่ะ! ขายมาาาาาา!!!  :hao7:

สำหรับตอนพิเศษเรื่องถัดไป...เราอาจจะมาลงในช่วงที่เปิดจองแล้วน่ะค่ะ  :katai4: :katai4: ตอนนี้ใครว่างๆ ก็ตามไปอ่านเรื่องของเจก่อนได้นะคะ แหะๆ //โดนโบก >>>http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44595.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44595.0)

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ กอดดดดดด  :กอด1: :กอด1: :กอด1:[

ป.ล. สำหรับช่องทางการติดต่อนะคะ สามารถมาติดตามข่าวสาร พูดคุย ติดต่อ ทวงนิยาย จิกทึ้งกันได้ที่ >>> https://www.facebook.com/pages/Velvetronica/842351032488041 (https://www.facebook.com/pages/Velvetronica/842351032488041) นะคะ มาคุยกันเยอะๆน้า เราเหงา 55555555


::comment::

BeeRY - จริงค่ะ 555 แต่ มันก็คงจะมีขึ้นๆลงๆบ้างตามชีวิตปกติแหละค่ะ
Zelsy - เอาตอนพิเศษหวานๆมาเสิร์ฟค่าาา  :-[ (หวานไหมอ่ะ แงงง) ภาคต่อคงไม่มี แต่ตอนพิเศษจะมาอีกนะคะ  :katai4:
kokoro - ลุ้นอนาคตในตอนพิเศษนี่แหละค่ะ 5555 ส่วนเรื่องของเจจริงๆเป็นไทม์ไลน์ที่เหลื่อมกับโชธีร์น่ะค่ะ
malula - ขอบคุณค่าาาา หวังว่าจะชอบตอนพิเศษนะคะะ  :-[
RinNam - ขอบคุณนะคะ คนอ่านคอมเมนท์แบบนี้ก็ได้บุญนะคะ คนเขียนมีความสุขมากกกกกที่ได้อ่านคอมเมนท์ค่ะ //เขินอายใส่  :o8:
ตีสี่ - ขอบคุณค่า ดีใจที่ชอบนิยายเรื่อยๆเรื่องนี้นะคะ
lizzii - ขอบคุณค่ะ เราก็แอบกลัวว่ามันน่าจะเบื่อเหมือนกัน ดีใจมากที่ชอบนะคะ  :L2:
Ice_Iris - ขอบคุณค่ะะะ เราก็ตั้งใจให้มันดูเรียบๆ กลัวจะน่าเบื่อเหมือนกัน ขอบคุณจริงๆนะคะ  :L2:
quiicheh. - ขอบคุณค่าาา  :-[ เอาตอนพิเศษมาเสิร์ฟแล้วนะคะะะะ
Inwoสูs - ขอบคุณค่ะ สดใสบ้างหม่นบ้างตามสภาพ แต่เรายืนยันนะคะว่าพวกเขารักกันดี  o13
kaireaw - เอาตอนพิเศษมาแก้คิดถึงนะคะ ขอบคุณค่า ดีใจที่ชอบนิยายเรื่องนี้นะคะ
wan_sugi - เราก็ชอบอ่านนิยายรวดเดียวเหมือนกันค่ะ  :z2: ดีใจมากที่ชอบนะคะ
zeroj - ขอบคุณค่าาา ดีใจมากๆที่ชอบนะคะะะ
mukmaoY - เป็นความตั้งใจของเราเลยค่ะ ฟีลเย็นๆ
Bear Company - ขอบคุณเช่นกันค่ะ :กอด1:
Linyu_ta - เอาตอนพิเศษมาให้แก้คิดถึงค่ะ  :-[ เนื้อเรื่องของตอนพิเศษก็จะนำเสนอชีวิตของหนุ่มๆหลังจากนี้ไปเรื่อยๆแหละค่ะ ดีใจที่ชอบนะคะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ อ่านคอมเมนท์แล้วรู้สึกมีพลังมาก ขอบคุณนะคะ  :pig4:
litlittledragon - เรื่องของซอลคงเป็นคิวถัดๆไปน่ะค่ะ ซึ่งซอลไม่ได้คู่กับเจค่ะ ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้เลย 555
samsung009 -  :L2:
dukdikdukdik - ขอบคุณค่า ดีใจที่ชอบเรื่องนี้นะคะะะ  :o8:
KARMI -  :L2:
FortuneTeller - ขอบคุณค่ะ พูดงี้เขินเลย  :-[  555  ดีใจมากๆๆๆที่ชอบนะคะ  :L2:
mmilds - ขอบคุณค่ะะะะะ ดีใจจังงงง  :o8: ขอบคุณที่ชอบนะคะ เอาตอนพิเศษมาหย่อนให้  :L2: ก็จะเป็นเรื่องราวของคู่นี้ในตอนที่โตขึ้นเรื่อยๆน่ะค่ะ เป็นกำลังใจให้สำหรับการเรียนนะคะ แล้วก็ขอบคุณสำหรับกำลังใจเหมือนกันค่า  :pig4:
คุณอัง - ขอบคุณเหมือนกันค่ะ ดีใจที่ชอบนิยายของเรานะคะะะ  :L2:

รู้สึกพิมพ์คำว่าขอบคุณเต็มไปหมด  :o8:...แต่เรารู้สึกแบบนั้นจริงๆนะคะ  :hao5: ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากๆ ค่ะ  :pig4: คอมเมนท์ของทุกคนมีพลังให้เรามากจริงๆ รักคนอ่านนะคะะะะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: ตอนพิเศษ(1) 'silent sweet' [16/1/58 p.10]
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 17-01-2015 17:13:39
หวานมากกกกก ฟินมากกก เขินตัวแตกอะ อิจฉาพี่ช่างภาพมากกกกกกก กไก่ล้านตัวเลย
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: ตอนพิเศษ(1) 'silent sweet' [16/1/58 p.10]
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 17-01-2015 18:59:15
พี่ธีร์คะ ถ้าพี่จะมุ้งมิ้งกับพี่โชให้น้องเขินบิดตัวเองจนเลือดสาดขนาดนี้
โปรดเอามีดมาให้น้องเถอะค่ะ  จะฮาราคีรีไปขณะที่ฟิน :-[
ปลื้มพี่ตากล้อง ถ้าพี่แกจะเป็นแนวร่วมขนาดนี้ ภาพงานโชได้โปรดเรียกใช้อีกนะคะ
และได้โปรดเห็นใจแม่ยก แอบเอารูปมาให้เราดูบ้างงง เราอยากเห็น
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: ตอนพิเศษ(1) 'silent sweet' [16/1/58 p.10]
เริ่มหัวข้อโดย: ตีสี่ ที่ 18-01-2015 12:09:48
อั้ยยะ!!! อ่านแล้วฟิน
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: ตอนพิเศษ(1) 'silent sweet' [16/1/58 p.10]
เริ่มหัวข้อโดย: kaireaw ที่ 18-01-2015 22:57:32
กรี้ดดดน่ารักมากกก ปลื้มพี่ตากล้องสุดค่ะงานค่ะ ฮ่าๆๆ
อยากจะขอแอบขโมยรูปจากพี่แกจริงๆ แค่อ่านยังคิดถึงความอ่อนโยน ความละมุนของโช งื้ออหวานมาก
น่ารักมากๆค่ะ จะรอติดตามนะค๊าา
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: ตอนพิเศษ(1) 'silent sweet' [16/1/58 p.10]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 19-01-2015 14:53:23
หวานเว่ออออ อยากเป็นพี่ช่างกล้องคนนั้นนนน
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: ตอนพิเศษ(1) 'silent sweet' [16/1/58 p.10]
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 19-01-2015 17:37:46
 :-[ :-[ :-[
รู้สึกดี กับความพอดีของคู่นี้ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: ตอนพิเศษ(1) 'silent sweet' [16/1/58 p.10]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 19-01-2015 22:50:17
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: ตอนพิเศษ(1) 'silent sweet' [16/1/58 p.10]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 20-01-2015 11:37:30
ฟินมากค่ะ ยิ้มปากฉีก โอย...ทำไมหวานละมุนอย่างนี้ มันเหมาะ มันพอดี
อยากเห็นรูปถ่ายจังเลย
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: ตอนพิเศษ(1) 'silent sweet' [16/1/58 p.10]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 20-01-2015 21:46:12
น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: ตอนพิเศษ(1) 'silent sweet' [16/1/58 p.10]
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 21-01-2015 01:08:03
 :-[
 :L2:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: ตอนพิเศษ(1) 'silent sweet' [16/1/58 p.10]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 21-01-2015 15:27:41
บินไกลไปฟินแลนด์ อยากได้รูปแผ่นนั้นจัง  :o8:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: ตอนพิเศษ(1) 'silent sweet' [16/1/58 p.10]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 24-01-2015 15:59:14
สมชื่อตอนเลย :-[
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: ตอนพิเศษ(1) 'silent sweet' [16/1/58 p.10]
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 24-01-2015 18:25:56
 :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: ตอนพิเศษ(1) 'silent sweet' [16/1/58 p.10]
เริ่มหัวข้อโดย: NOPKAN ที่ 28-01-2015 14:50:12
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด เมื่อคืนอ่านรวดเดียวจบเลย ชอบค่ะ

รอลุ้นเรื่องพ่อแม่ของทั้งคู่ หวังว่าคนแต่งจะเอามาลงให้อ่าน แหะๆ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: ตอนพิเศษ(1) 'silent sweet' [16/1/58 p.10]
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 30-01-2015 07:36:09
เหมือนแบบภาคต้นเลย แอบรับ มารักกัน... น่ารัก ชอบพ่อหมี ชอบเรื่องนี้ อบอุ่น ละมุ่นมาก ค่อยๆรักน้อยๆ จนผูกพัน  :z3:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: ตอนพิเศษ(1) 'silent sweet' [16/1/58 p.10]
เริ่มหัวข้อโดย: velvetronica ที่ 15-02-2015 21:00:24
[SP-Drabble] valentine day



ทั้งกันตธีร์และโชติภัทรไม่ค่อยถูกโรคกับของหวานสักเท่าไร โดยเฉพาะพวกที่หวานมากๆ อย่างเช่นชอคโกแลตเป็นกล่อง โทสต์ราดน้ำผึ้ง หรือไอศกรีม

แต่ด้วยความที่วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์...ทุกหนทุกแห่งจึงพากันลดราคาชอคโกแลต วิศวกรหนุ่มจึงโดนล่อลวงด้วยตัวเลขที่ถูกแสนถูกจนต้องหยิบดาร์กชอคโกแลตใส่ตะกร้าจ่ายเงินมาสองอัน


แล้วก็ต้องมายืนกลุ้มใจ...เพราะไม่รู้จะเอาไปทำอะไรดี


"ธีร์ ทำอะไรอยู่"


โชติภัทรที่กลับมาจากงานรีบเดินเข้ามาดูเมื่อเห็นว่าเขาอยู่ในครัว...บางทีคุณหมอก็กลัวเกินเหตุว่าเขาจะทำห้องครัวไฟไหม้เข้าสักวัน


"กำลังคิดอยู่ว่าซื้อมาแล้วจะเอาไปทำอะไรดี" ชี้ที่ห่อชอคโกแลตเจ้าปัญหา

"...โธ่ ไอ้เราก็หลงดีใจนึกว่าธีร์จะซื้อมาให้" แกล้งทำเสียงสลดอย่างน่าหมั่นไส้

"โชก็ไม่อยากได้เหอะ ทำมาโอดครวญ"


เขาทั้งคู่เป็นพวกไม่ค่อยใส่ใจกับเทศกาลนัก เลยไม่ค่อยได้ให้ของขวัญอะไรกับตามวันพิเศษ...ส่วนใหญ่ถ้าอยากให้ก็จะให้ ไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้น


"99%cacao...ฉันก็ไม่ชอบหวานนะ แต่นี่มันขมไปหรือเปล่า" หยิบห่อขึ้นมาอ่าน

"ชิมไปละ โคตรขม...ไม่รู้จะกินยังไงเลย"


โชติภัทรยืนพิจารณาห่อชอคโกแลตอยู่ชั่วครู่ก่อนจะหันหยิบหม้อใบเล็กมาใส่น้ำตั้งไฟแล้วเอาถ้วยเล็กๆ ใส่ไว้ในน้ำอีกที


"ธีร์ ในตู้เย็นมีผลไม้อะไรบ้าง"

"แอปเปิ้ลกับองุ่น" เดินไปดู "มีกล้วยด้วย"

"เอาออกมาให้หมดเลย แล้วปอกแอปเปิ้ลให้หน่อย" โชติภัทรบอกพลางทุบชอคโกแลตเป็นชิ้นเล็กๆ "ทำฟองดูว์ผลไม้กินกัน"


ชอกโกแลตเข้มข้นถูกเอาไปละลายในถ้วยช้าๆ ด้วยไฟอ่อนๆ กันตธีร์จัดผลไม้ที่ปอกล้างเรียบร้อยใส่จานแล้วก็ไปยืนดูอย่างตื่นตาตื่นใจ


"โชรู้ได้ไงว่าต้องทำแบบนี้"
"เคยเห็นแม่ทำตอนเด็กๆ แบบนี้ก็น่าจะพอกินได้อยู่นะ"


ใช้เวลาไม่นานชอคโกแลตแท่งก็กลายสภาพมาเป็นซอสชอคโกแลตเหลวแลดูน่ากิน โชติภัทรหยิบองุ่นมาจิ้มแล้วเป่าให้เย็นก่อนจะยื่นไปจ่อปากอีกคน

รสชาติขมผสมกับความหวานขององุ่นได้เป็นรสชาติที่กำลังพอดี กันตธีร์หันไปยกนิ้วโป้งให้คนออกไอเดีย ซึ่งโชติภัทรก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้มจางที่คุ้นเคยมาตลอด


บางที...เทศกาลพวกนี้มันก็ดีนะ




::talk::

สวัสดีค่าาาาา  :hao7:

ก่อนอื่นขอบอกก่อนว่าอันนี้เป็นตอนพิเศษที่ไม่ได้ลงในเล่มนะคะ เราเพิ่งเขียนขึ้นมาเมื่อวานเพื่อลงในวันวาเลนไทน์ แต่ลงไม่ทันอ่ะ 55555

ก็ถือเป็น drabble สั้นๆ ตามเทศกาลแล้วกันนะคะ  :L2:

ส่วนข่าวที่ตั้งใจจะมาแจ้งก็คือ...นิยายเรื่องนี้เปิดจองแล้วนะคะ!!  :mc4: :mc4: :mc4:


เรื่อง : Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม

ผู้เเต่ง : velvetronica

ขนาด : A5

จำนวนหน้า : 260++

ของเเถม : ที่คั่นหนังสือ ตอนพิเศษไม่ลงเว็บ 3 ตอน

ราคา : 290 บาท ยังไม่รวมค่าจัดส่งทางไปรษณีย์

 จิ้มตรงนี้เลยค่ะ (http://www.maledbook.com/product/4/pre-order-under-the-blue-sky-%E0%B9%83%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%9C%E0%B8%B7%E0%B8%99%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1-%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89-31-%E0%B8%9E-%E0%B8%84-58)

[วิธีจิ้มคือจิ้มตรง หยิบสินค้าลงตะกร้า แล้วก็ไปจิ้มที่ สินค้าในตะกร้า มันจะขึ้นจอมาให้กดสั่งซื้อค่า]




สำหรับตอนพิเศษที่ลงในเล่มจะมี 5 ตอนนะคะ เราจะลงในบอร์ด 2 ตอน ส่วนอีก 3 ตอนขอเก็บไว้ในเล่มสำหรับคนที่ซื้อค่ะ

เดี๋ยวตอนพิเศษในเล่มที่เหลืออีกหนึ่งตอนจะเอามาลงให้อ่านกันศุกร์หน้าค่ะ  :katai4: :katai4:

ขอบคุณทุกๆกำลังใจจากทุกคนนะคะ เลิฟฟฟ  :L1: :L1:



::comment::

Zelsy - อุฮิ คุณพี่ช่างภาพคือคนที่ชนะเลิศในตอนนี้ค่ะ  o13 ดีใจที่ชอบนะคะะะ
kokoro - อย่าเพิ่งฮาราคีรีนะคะะะะ ยังมีให้ฟินอีก  :-[ 55555 คิดว่างานของโชก็คงจะเป็นพี่คนนี้ล่ะค่ะ อุอิ
ตีสี่ - ดีใจที่ชอบนะคะะะะ  :pig4:
kaireaw - เราก็อยากได้รูปค่ะะะะ ความละมุนของพี่โชยังจะไม่หมดลงเพียงเท่านี้ค่ะ  :-[
Celestia - คุณพี่มาวินที่สุดในตอนนี้แล้วค่ะ 55555  o13
lune - ความสันพันธ์ของทั้งคู่ก็จะค่อยๆ พัฒนาไปเรื่อยๆแหละค่ะ เรื่อยๆ ตามแบบฉบับโชธีร์
warin -  :pig4:
malula - เราก็อยากได้รูปเมหือนกันค่ะะะะ พี่ขายหนูสิคะะะ ขายมาาา 555  :hao7:
koikoi - ขอบคุณค่าา  :pig4:
monoo -  :pig4:
gayraygirl - เราก็ต้องการรูปหลุดมากค่ะ!! 555555  :hao7:
BeeRY - ก็ตัง้ใจจะให้หวานนี่แหละค่ะ อุฮิ  :-[
Bear Company -  :pig4: :pig4:
NOPKAN - ขอบคุณค่า ดีใจที่ชอบนะคะะะ เขินนนน  :o8: แต่เรื่องพ่อแม่ของทั้งคู่คือมันอยู่ในส่วนของตอนพิเศษในเล่มอ่ะค่า คงไม่ได้เอามาลงที่นี่นะคะ
mickeyz.min - ขอบคุณค่ะะะ ดีใจที่ชอบนะคะ เป็นความสัมพันธ์แบบที่ค่อยๆรักกันทีละนิดๆเรื่อยๆเลยค่ะ //แต่ภาคต้นนี่คืออะไรอ่ะคะ

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากๆนะคะะะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1: เจอกันใหม่วันศุกร์หน้าค่าาาา


ป.ล.1 ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ >>> https://www.facebook.com/velvetronica (https://www.facebook.com/velvetronica)  :L2:
ป.ล.2 เห็นทุกคนบอกอยากเห็นรูปของพี่ช่างกล้อง เราก็อยากเห็นค่ะ เลยวาดเองซะเลย 555555555

(http://i1301.photobucket.com/albums/ag101/velvetronica/chotheespss_zpsaafqc1e4.jpg)

[จริงๆเคยแอบลงในเพจไปแล้วค่ะ แอบเอามาลงนี่ด้วยละกัน อุอิ]
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-valentine+แจ้งข่าว (15/2/58 P.10ล่างๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Cressent ที่ 15-02-2015 22:12:29
หวานสุดๆ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-valentine+แจ้งข่าว (15/2/58 P.10ล่างๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 15-02-2015 22:23:22
กำลังหวานเพลินๆ อ้าว จบแล้ว :z3:
ขอบคุณค่าาา สำหรับตอนพิเศษในวันแห่งความรัก :mew1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-valentine+แจ้งข่าว (15/2/58 P.10ล่างๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Aumy8059yaoi ที่ 15-02-2015 23:11:14
ชอบเรื่องนี้มากกกกกกกค่ะ
รู้สึกว่าก้อ่านไปแบบเรียบๆเรื่อยๆเอื่อยๆนะ
แต่กลับทำให้เราหัวเราะออกมาได้ซะงั้น!!!?(รึเราเส้นตื้นเองหว่าาา???!!) :hao7:

ขอบคุณมากๆเลยค่ะที่แบ่งปันเรื่องราวดีๆให้เราได้ติดตาม
ชอบมากกกกกกกก o13 o13 o13

 :pig4:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-valentine+แจ้งข่าว (15/2/58 P.10ล่างๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-02-2015 23:27:55
โชอบอุ่นมากกกกกกก

ขอสักคนเหอะ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-valentine+แจ้งข่าว (15/2/58 P.10ล่างๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: RinNam ที่ 16-02-2015 09:46:44
ถ้าจะน่ารักขนาดเน่ โคลนนิ่งมาให้ป้าสักคนเตอะ ><

ฟินเวอร์นะพูดเลยยย

ปล.อยากกินล่วยคนน 555
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-valentine+แจ้งข่าว (15/2/58 P.10ล่างๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: minminmin ที่ 16-02-2015 13:46:12
ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ อบอุ่นมากกกกกกกกกกกกกกกก  ไม่ต้องมีตัวร้าย ไม่ต้องมีมาม่า แต่เน้นบรรยากาศและความรู้สึกของคนสองคนได้สุดยอดมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-valentine+แจ้งข่าว (15/2/58 P.10ล่างๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 16-02-2015 15:45:56
สั้นนนนน เสียใจ ยังฟินไม่เสร็จเลยยย
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-valentine+แจ้งข่าว (15/2/58 P.10ล่างๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Baruda ที่ 16-02-2015 15:52:23
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-valentine+แจ้งข่าว (15/2/58 P.10ล่างๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 16-02-2015 16:05:21
ความรักทำให้ช็อกโกแลตหวาน
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-valentine+แจ้งข่าว (15/2/58 P.10ล่างๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 16-02-2015 19:32:40
ฟินมากกกกกกกกกก
อ่านไปยิ้มไป  เนื้อเรื่องน่ารักมากๆค่ะ
แอบหลงรักตัวละครทุกตัวเลย
ธีร์ ชายหนุ่มที่ใครๆก็เป็นห่วง เวลาที่พูดกับน้องสาวโคตรน่ารักเหอะ แถมพอตอนที่สารภาพรักกันแล้วดูอ้อนขึ้น 10 เลเวลอะ
หมอโช ชายหนุ่มผู้อบอุ่น อ่านแล้วอยากให้ผู้ชายทั้งโลกเป็นแบบนี้อะ 5555
แก๊งส์เพื่อนๆของธีร์ก็น่ารักทุกคนอะ โดยเฉพาะพ่อหมี กะ ซอล

ขอบคุณมากๆนะคะ สำหรับนิยายสนุกๆ   o13
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-valentine+แจ้งข่าว (15/2/58 P.10ล่างๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: mm03 ที่ 17-02-2015 19:39:38
เนื้อเรื่องน่ารักมากกกกกค่ะ
ทุกตัวละครน่ารักมากๆ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-valentine+แจ้งข่าว (15/2/58 P.10ล่างๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 17-02-2015 20:19:38
อั๊ยยะ กินด้วยคน
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-valentine+แจ้งข่าว (15/2/58 P.10ล่างๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 17-02-2015 22:00:03
โชน่ารัก อยากได้มั่ง ฮ่าๆๆๆๆ
ชอบรูปจัง น่ารักมากกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-valentine+แจ้งข่าว (15/2/58 P.10ล่างๆ)
เริ่มหัวข้อโดย: velvetronica ที่ 21-02-2015 15:46:05
‘Busy’



เป็นเวลาเลยครึ่งคืนไปแล้วที่กันตธีร์นั่งกอดเข่าอยู่บนโซฟา สายตาจับจ้องไปที่จอโทรทัศน์อย่างเหม่อลอยโดยที่เนื้อหาของหนังสงครามบู๊ล้างผลาญฆ่าเลือดสาดไม่ได้ไหลเข้าหัวแม้สักนิด

เขาพยายามไม่หันไปมองนาฬิกาที่ข้างฝาผนัง แต่ก็ไม่สามารถหยุดความว้าวุ้นใจนี้ได้เลย


“ไปนอนเหอะ” เสียงนั้นดังมาจากเพื่อนร่วมห้องที่เดินเข้ามาชะโงกคอเหนือโซฟา

“...อีกสักพัก”

“ถ้าจะนั่งเหม่อก็ไปนอนไป” วีรินทร์ก้มลงมา หยดน้ำจากผมที่เพิ่งสระทิ้งตัวลงเปื้อนหน้า “นี่จะตีหนึ่งแล้ว”

“โชบอกว่าคืนนี้จะมา” เขาตอบเสียงเบาในลำคอ

“นี่มันตีหนึ่งแล้วธีร์” เสียงแหบย้ำคำเดิม

“พรุ่งนี้เป็นวันหยุด”


คนที่ยืนอยู่ถอนหายใจเฮือก ก่อนจะหันไปคว้ารีโมทมากดปิดหน้าจอภาพยนตร์ที่ไม่มีใครดูแล้วทรุดตัวลงนั่งข้างๆ


“ธีร์...มองหน้าฉันนี่” กันตธีร์หันไปมองหน้าจริงจังของรูมเมท “ในฐานะคนที่เคยต้อง ‘รอ’ มาหลายปี การนั่งอยู่แบบนี้มันไม่เวิร์ค”

“...แล้วจะให้ทำยังไง” เขาถามกลับเสียงขื่น


กันตธีร์ไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนงี่เง่า...แต่ความอดทนและแรงใจของเขามีจำกัด

เคยมีคนบอกว่านักศึกษาแพทย์ชั้นปีสุดท้ายเรียนหนักกว่าที่ผ่านทั้งหมดรวมกัน กล่าวคือไม่มีวันหยุดเลยตลอดปีการศึกษา รวมถึงภาระหน้าที่และความเครียดที่ทับถม...จึงไม่แปลกเลยหากมันจะเป็นช่วงเวลาที่ทำให้มีคนเลิกกันมากที่สุด


“ฉันอาจจะงี่เง่าเองก็ได้...ไม่รู้ดิ” ว่าพลางถอนหายใจ

“หายไปอยู่ต่างจังหวัดครึ่งปี พอกลับมาก็แทบไม่เจอหน้า...มันสมเหตุสมผลที่จะรู้สึกแย่” คำพูดของวีรินทร์แก้ตัวให้เขาก็จริง แต่มันก็ยิ่งตอกย้ำเช่นกันว่าเวลาที่โชติภัทรมีให้เขามันน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย “แต่นั่งรอไปแบบนี้ก็จะยิ่งรู้สึกแย่...จะมากี่โมงก็ไม่รู้ ติดต่อไม่ได้เลยไม่ใช่หรือ”


ปกติแล้วกันตธีร์ไม่อยากโทรไปรบกวนเวลางาน เลยเลือกจะส่งข้อความไปมากกว่า ซึ่งหากมีเวลาโชติภัทรก็มักจะตอบมาเอง...แต่ครั้งนี้กลับไม่มีอะไรเลยที่จะบอกว่าเขาต้องรอถึงเมื่อไร

วีรินทร์ที่เห็นเพื่อนนั่งนิ่งไปจึงกำชับอีกครั้งให้อีกฝ่ายไปนอนแล้วเดินกลับเข้าห้องของตัวเอง เพราะรู้จักกันดีจนรู้ว่าควรล้ำเส้นกันถึงแค่ตรงไหน...นั่นทำให้กันตธีร์ต้องนึกขอบคุณและขอโทษอยู่ในใจเงียบๆ


การนั่งเหม่อลอยอย่างไร้จุดหมายดำเนินไปในความเงียบงัน เข็มนาฬิกาที่เขาไม่หันไปมองค่อยๆ เดินไปอย่างช้าๆ ทีละนิด จนกระทั่งเสียงไขกุญแจที่บานประตูดังขึ้นดึงเอาความสนใจทั้งหมดไปในทันที

กันตธีร์นั่งนิ่งอยู่กับที่รอให้โชติภัทรเป็นฝ่ายเปิดประตูเข้ามา ว่าที่แพทย์หนุ่มอยู่ในชุดเสื้อกาวน์สั้นสีขาว ใบหน้ามีตอหนวดไม่เรียบร้อยและดูซีดโทรมสิ้นดี ดวงตาปรือหลังกรอบแว่นฉายแววประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มให้อย่างอ่อนแรง


“ขอโทษนะ...รออยู่ใช่ไหม”

“อืม...เห็นไม่ตอบข้อความเลยไม่รู้ว่าโชจะมาเมื่อไหร่”

“ขอโทษ...เข้าช่วยผ่าตัดตั้งแต่บ่าย นี่เพิ่งเสร็จไม่นานเอง มือถือก็แบตหมดไปตอนไหนไม่รู้” เสียงนุ่มพูดอย่างรู้สึกผิด “วันหลังธีร์นอนไปก่อนเลยนะ ขอโทษจริงๆ”

“...ยังไม่ได้กินข้าวเย็นใช่ไหม โชไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนแล้วกัน เดี๋ยวหาอะไรให้กิน” เขาว่าไปอีกเรื่องแล้วก็เดินเข้าครัวไป


กันตธีร์เห็นว่าอีกฝ่ายลังเลเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไป ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกแล้วหันมาแกะถุงอาหารที่เย็นจนชืดออกเทใส่จาน...อันที่จริงเขาตั้งใจซื้อมากินด้วยกัน แต่เพราะเขาหิวจนไม่หิวอีกแล้วเลยแกะเพียงถุงเดียวสำหรับคนที่เขานั่งรอ

หลังจากนั่งเหม่อไปอีกสักพักโชติภัทรก็ออกมาอยู่ในชุดนอน สีหน้าดูดีขึ้นชัดเจน ชายหนุ่มนั่งแปะลงกับโต๊ะกินข้าวแล้วกันตธีร์จึงกดอุ่นอาหารจนร้อนเพื่อนำมาเสิร์ฟแบบควันฉุย และเพราะโชติภัทรชอบกินอะไรร้อนๆ ...ดังนั้นเขาจึงไม่ลืมที่จะซื้อแกงจืดมาด้วยอีกถุง

ปริมาณอาหารหายวับไปอย่างรวดเร็วจากความหิวโหย เจ้าของห้องนั่งเท้าคางมองกิริยานั้นอย่างชินตา ใช้เวลาไม่นานก็หมดเกลี้ยงทุกอย่างไม่เหลือแม้แต่น้ำแกงที่ก้นชาม


“เดี๋ยวฉันล้างเอง” โชติภัทรรีบคว้ามือไว้เมื่อเขาเอื้อมมาหยิบ

“ฉันล้างเอง...โชไปนอนเหอะ เมื่อคืนที่อยู่เวรไม่ได้นอนเลยไม่ใช่หรือ”

“ก็แช่ไว้ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าฉันล้างให้เอง”

“...ซอลได้บ่นยับพอดี”

“ก็ให้มาบ่นฉันนี่...ไปนอนกัน” มือนั้นกระตุกเบาๆ ดึงให้ปล่อย ก่อนจะยกเอาไปแช่ในอ่างล้างจานเอง


โชติภัทรเดินกลับมาแล้วแตะแขนให้เขาเดินเข้าห้องนอนไปพร้อมกัน กันตธีร์ทิ้งตัวลงนอนที่ข้างหนึ่งของเตียงขนาดใหญ่รอคนเพิ่งกินข้าวไปแปรงฟัน

ไฟในห้องถูกปิดพร้อมกับแรงยุบของฟูกข้างตัว ลมหายใจตรงข้างแก้มทำให้รู้สึกใจสงบลง สัมผัสอุ่นร้อนแตะซับอย่างนุ่มนวลก่อนจะรุกรานเข้ามาช้าๆ ป้อนรสจูบเจือกลิ่นมิ้นท์ กันตธีร์ขยับตัวกอดอีกฝ่ายแน่นโดยที่ริมฝีปากยังไม่ผละจากกัน ความคิดถึงจนลืมอายผลักให้เขาอยากสัมผัสอุณหภูมิร่างกายของโชติภัทรมากกว่านี้ อยากอยู่ในอ้อมกอดที่ทำให้สบายใจ

เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้เขารู้ว่ายังมีอีกฝ่ายอยู่ด้วยกัน


“...คิดถึง” เสียงนุ่มกระซิบบอกเมื่อถอนริมฝีปากออก

“เหมือนกัน” คำตอบรับดังแผ่วเบา

“ขอโทษนะ”

“ก็แบตหมดนี่...ไม่เป็นไรหรอก”


ปลายนิ้วของอีกฝ่ายแตะสัมผัสใบหน้าแล้วประคองให้รับสัมผัสเบาๆ ที่ริมฝีปากอีกหลายครั้ง ปลายจมูกฝังลงที่ข้างแก้มวนไปมา ก่อนจะเลื่อนตัวไปแนบจูบตรงหน้าผากเนิ่นนาน


...แล้วโชติภัทรก็หลับไป


หากเป็นก่อนหน้านี้สักปี กันตธีร์คงจะมองว่ามันเป็นเรื่องตลกแล้วเก็บไว้แหย่อีกฝ่ายภายหลัง...แต่ตอนนี้เขากลับนึกอยากร้องไห้ขึ้นมา

เขาสัมผัสได้ถึงความอ่อนล้าของคนข้างตัวและในขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ถึงความอ่อนแอของตัวเอง เขามีเรื่องมากมายอยากเล่าอยากคุยอยากปรึกษา แต่เห็นท่าทางหมดแรงของคนที่เหนื่อยกว่ามากก็พูดไม่ออก ได้แต่ฟังอีกฝ่ายบ่นแล้วก็ปล่อยให้พักผ่อน

กันตธีร์รู้ว่าควรจะเป็นที่พักพิงให้อีกฝ่ายในยามนี้...แต่เขามีบางอารมณ์ที่อยากจะพึ่งพิงใครสักคนบ้างเหมือนกัน

ชายหนุ่มหลับตาลง ขยับตัวให้เบียดกับไออุ่นให้มากที่สุดแล้วกลืนความรู้สึกเหงาให้กลับลงไปพร้อมกับน้ำตาที่ไม่ได้ไหลออกมา


++++++


เสียงครืดคราดเบาๆ ตรงหัวเตียงทำให้เขารู้สึกตัวในยามสาย โชติภัทรลุกออกไปตั้งแต่ตอนเช้ามืด ตอนนี้ที่นอนด้านข้างจึงว่างเปล่าและเย็นเยียบ


‘วันนี้ราวน์เช้าเสร็จก็ว่างแล้ว บ่ายนี้ไปดูหนังกันไหม’

ข้อความอันเป็นที่มาของเสียงปลุกไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น กันตธีร์เหนื่อยล้าอย่างบอกไม่ถูกจนแม้แต่จะตอบกลับก็ยังไม่อยากทำ...ชายหนุ่มดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปงแล้วขดตัวกอดตัวเอง เขาไม่ได้ง่วงแต่กลับไม่อยากตื่นเลยสักนิด

คนไม่มีธุระนอนนิ่งอยู่นานจนเสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขึ้นในที่สุด ทำให้ต้องค่อยๆ ขยับตัวออกมาอย่างเฉื่อยชา


“กินข้าวเช้าไหม?” ใบหน้าสวยของรูมเมทชะโงกเข้ามาถาม

“...กิน แต่ไม่ต้องทำเผื่อนะ”


กันตธีร์เดินเข้าไปล้างหน้าแปรงฟันด้วยความเร็วที่ช้ากว่าปกติเป็นเท่าตัว ซึ่งเมื่อเดินออกไปถึงโต๊ะกินข้าววีรินทร์ก็จัดแจงเอาข้าวกล่องที่เขาซื้อไว้เมื่อวานมาจัดใส่จานพร้อมอุ่นให้แล้วเรียบร้อย

มื้อสายดำเนินไปอย่างเงียบๆ ตอนที่ชายหนุ่มยกจานไปล้าง จานใบเดิมที่เคยค้างอยู่เมื่อคืนก็ถูกล้างคว่ำไว้อย่างดีแล้ว เขาจึงเอามันขึ้นไปเก็บแล้วจึงจัดการกับของใหม่ ก่อนที่คนตื่นเช้ากว่าจะขอตัวออกไปทำธุระข้างนอกด้วยสีหน้าลำบากใจ


“ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”

“ที่พูดมาน่ะส่องกระจกบ้างไหม” อีกฝ่ายถอนหายใจใส่ “ถ้ายังไง...”

“ไปเหอะ ฉันอยู่คนเดียวได้และโอเคมาก!” ชายหนุ่มโคลงศีรษะพร้อมกับหัวเราะเบาๆ “เดี๋ยวโชก็กลับมาแล้ว”


วีรินทร์ลังเลอีกนิดหน่อยก่อนจะตัดสินใจออกไปทำธุระ...เขารู้ตัวว่าคงจะดูไม่ได้จนน่าเป็นห่วง แต่ผู้ชายอายุยี่สิบสี่ปีที่มานั่งหงอยเพราะแฟนไม่มีเวลาให้มันช่างงี่เง่าสิ้นดีจนรับตัวเองไม่ได้เกินกว่าจะบ่นให้ใครฟัง

กันตธีร์ขยับตัวไปนั่งขดบนโซฟาตัวเดิมตำแหน่งเดิมกับเมื่อคืน แล้วกดรีโมทให้หนังเรื่องเดิมเล่นต่อ เนื้อหาของมันไม่ได้น่าเบื่อ แต่พอเขาดูไปเหม่อไป ความไม่ปะติดปะต่อก็ทำให้เผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว


ชายหนุ่มสะดุ้งอีกครั้งในตอนที่มีสัมผัสแผ่วเบาตรงหน้าผาก โชติภัทรในชุดเครื่องแบบส่งสายตาเป็นห่วงมาให้แม้ตัวเองจะอยู่ในสภาพที่ทรุดโทรมไม่ต่างกันก็ตาม


“ธีร์ ไม่สบายหรือ?” ว่าที่แพทย์หนุ่มกวาดสายตาสำรวจพร้อมกับทำท่าจะเข้ามาตรวจร่างกายเข้าจริงๆ จนต้องยกมือห้ามเอาไว้

“...เปล่า แค่เผลอหลับไปเฉยๆ”


มือที่วัดไข้จึงเลื่อนมาเกลี่ยที่ข้างแก้มแล้วออกแรงดึงเบาๆ ชายหนุ่มเลยแกล้งพลิกตัวไปล้มทับอีกฝ่ายเป็นการเอาคืนก่อนจะหัวเราะหึแล้วยื่นหน้าเข้าไปบอกในระยะประชิด


“ขออาบน้ำแปปนึง แล้วออกไปกินข้าวกัน”






บ่ายนี้กันตธีร์ลากเขาออกมากินบุฟเฟ่ต์หม้อไฟญี่ปุ่นมื้อใหญ่โตที่ห้างสรรพสินค้ากลางกรุง บทสนทนาของพวกเขาล้วนเป็นเรื่องสัพเพเหระดินฟ้าอากาศ หรือบางครั้งก็เงียบกริบลงไปเฉยๆ ...บรรยากาศไม่ชวนอึดอัด แต่ก็สัมผัสได้ว่าเขาทั้งคู่ไม่มีอะไรจะคุยกัน แต่เนื่องจากอาหารมาเสิร์ฟไม่ช้าจึงเบนความสนใจมาที่หม้อร้อนตรงหน้าแทน


“ดูหนังไหม”เขาถามขึ้นขณะตักเนื้อใส่จานให้อีกฝ่าย

“โชจะไหวหรือ กลับไปพักดีกว่าไหม”

“ถ้าธีร์อยากดูก็ดูสิ” ถามพลางหันไปพยักเพยิดใส่โปสเตอร์หนัง

“...ไม่เป็นไร โชแทบไม่ได้นอนมาตั้งหลายวันแล้ว เมื่อคืนได้งีบแค่แปปเดียวก็ต้องออกไปราวน์เช้าไม่ใช่หรือ” กันตธีร์ส่ายศีรษะ ก่อนจะยิ้มให้ “ไม่ได้มีอะไรอยากดูมากเป็นพิเศษด้วย”


โชติภัทรลอบถอนหายใจ หลายๆ ครั้งอีกฝ่ายก็ตามใจเขามากไป...ตัวเขาเองที่เป็นนักศึกษาแพทย์ชั้นปีสุดท้ายหรือที่เรียกกันว่าเอกซ์เทิร์นนั้นแทบไม่มีเวลาพักผ่อน นั่นทำให้เขาไม่มีมีเวลาให้อีกฝ่ายและคนตัวเล็กก็ไม่กล้าบ่นอะไรให้เขาฟัง

ไม่มีใครบัญญัติว่าคนที่เหนื่อยน้อยกว่าไม่มีสิทธิ์พูด...แต่เพราะกันตธีร์เป็นคนแบบนี้ คิดถึงเขามากกว่าตัวเอง มันจึงทำให้เขารักคนคนนี้อย่างที่ไม่มีทางถอนตัวขึ้น


โชติภัทรสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของอีกฝ่ายแม้จะกลบเกลื่อนทุกอย่างไว้ในท่าทางรื่นเริง กันตธีร์ในตอนที่หันมาคุยกันก็ดูปกติดี แต่เมื่อเผลอกลับหลุดสีหน้าเหนื่อยอ่อนให้เห็น

สำหรับนักศึกษาปริญญาโท สิ่งที่ทำให้กลุ้มใจก็คงหนีไม่พ้นเรื่องวิทยานิพนธ์ แต่เขาฟังเรื่องเรียนเรื่องงานของอีกฝ่ายไม่เข้าใจพอๆ กับที่กันตธีร์ฟังคำพูดของเขาไม่รู้เรื่อง จึงมีบ้างที่ไม่เข้าใจจนเถียงกัน...แต่ทะเลาะกันเพราะความเป็นห่วง อย่างน้อยที่สุดก็ทำให้โกรธกันได้ไม่นานนัก

บางที...เขาอาจจะเป็นคนรักที่แย่ที่สุดในโลกที่ไม่สามารถช่วยสนับสนุนอีกฝ่ายได้ในตอนที่ต้องการ


หลังจากกินมื้อใหญ่จนอิ่มแทบอ้วกทั้งคู่ก็เดินลงมาซื้อของใช้จำเป็นในซูเปอร์มาร์เก็ต แต่จู่ๆ คนตัวเล็กก็รับโทรศัพท์ แล้วหันมาบอกว่าจะแวะไปซื้อของนิดหน่อยให้ไปเจอกันที่รถได้เลย โชติภัทรที่ค้านไม่ทันจึงได้แต่เดินไปต่อแถวจ่ายเงินแบบงงงวย

เขาเอาของไปรอที่รถได้ไม่นานกันตธีร์ก็กลับมาพร้อมถุงพลาสติกสีทึบขนาดไม่ใหญ่ สีหน้าอมยิ้มน้อยๆ นั้นชวนให้รู้สึกแปลกประหลาดจนไม่กล้าถามอะไร และเมื่อกลับมาถึงคอนโด เจ้าของห้องก็ไล่เขาไปล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีแบบไม่มีคำอธิบาย


“นอนลง!”


คำประกาศิตแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยนั้นทำให้เขาเผลอเหลือกตามองอย่างตกใจ ในมือของคนสั่งมีของที่ทำให้เขารู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ อย่างบอกไม่ถูก คนเพิ่งก้าวออกมาจากห้องน้ำจึงกลั้นใจชี้ไปทางกระปุกและห่อสีชมพูดแปร๊ดในมือก่อนจะถามออกไป

“...นั่นมันอะไร”

“ครีมมาสค์หน้ากับแผ่นแปะตา” รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฎขึ้นทันที “นอนลงสิ เดี๋ยวทำให้”

“ธีร์...ฉันว่าไม่ต้องหรอก” เขารีบโบกมือด้วยความสยอง

“แต่ฉันว่าต้อง หน้าโชโทรมจะแย่” กันตธีร์หัวเราะชั่วร้าย “นอนลง...เร็วๆ เลย”


โชติภัทรกลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอแล้วจึงเอนหลังลงกับเตียง อีกฝ่ายสั่งให้เขาหลับตาลง แล้วจึงค่อยๆ ทาครีมเย็นๆ ลื่นๆ ลงบนหน้า เขาสะดุ้งตัวเล็กน้อยด้วยความรู้สึกไม่ชิน แต่พอจะพูดก็ถูกตีให้หยุดขยับ จะลืมตาก็โดนเอาแผ่นที่กลิ่นหอมมาวางไว้ จึงได้แต่นอนนิ่งให้จัดการอย่างสงบ

สัมผัสเบาจากมือของวิศวกรหนุ่มบวกกับอาการอดนอนเรื้อรังชวนให้รู้สึกเคลิ้มหลับ เขารู้สึกเหมือนได้ยินเสียงจากไกลๆ บอกว่าอีกสิบนาทีให้ล้างออกได้...แล้วจากนั้นสติก็ดับวูบลง


ชายหนุ่มลืมตาตื่นมาอีกทีก็ค้นพบว่าตัวเองนอนยาวจนเลยมื้อเย็นไปแล้ว เขาลุกขึ้นนั่งอย่างมึนงงก่อนจะรู้สึกตัวว่าพวกครีมเหนอะหนะบนหน้าถูกใครบางคนเช็ดทำความสะอาดให้จนเรียบร้อย

ในห้องนอนมืดสลัวมีเพียงแสงจากโคมไฟบนโต๊ะซึ่งเจ้าของนั่งทำงานอยู่เท่านั้นที่เปิด คนตัวเล็กคงกำลังตั้งสติกับงานจนไม่ได้ทันสังเกตว่าเขาตื่นแล้ว นักศึกษาปริญญาโทปีสองกำลังเคร่งเครียดไปกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่มีตัวอักษรและตัวเลขมากมาย ใบหน้านั้นดูมีร่องรอยอ่อนแรงแต่กลับดูดีขึ้นกว่าเมื่อตอนกลางวัน


“กินข้าวหรือยัง” เขาเดินเข้าไปแตะไหล่อีกฝ่ายแล้วชะโงกหน้าถาม

“ตื่นแล้วหรือ...ยังอิ่มอยู่เลย” คนถูกถามเงยศีรษะมาพิงแล้วทำหน้ายู่ตอบ

“ไม่กินไม่ได้” ดุเบาๆ แล้วก้มลงไปกอดเอวคนที่นั่งอยู่ “ผอมจะตายอยู่แล้ว”

“กลางวันก็บุฟเฟ่ต์แล้วไง” โต้ตอบในลำคอ “โชไปหาอะไรกินก่อนก็ได้ ขอทำงานอีกแปปนึง กำลังติดพัน”

“ไม่เป็นไร...ยังไม่หิวเหมือนกัน”


โชติภัทรยืดตัวขึ้นแล้วใช้ปลายนิ้วลูบเบาๆ ที่ไหล่ของคนที่นั่งอยู่ แล้วค่อยๆ ลงน้ำหนักช้าๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นกดเพื่อคลายกล้ามเนื้อที่ล้าจนแข็งเป็นก้อนพังผืด กันตธีร์สูดปากเพราะความรู้สึกเจ็บจี๊ดที่วิ่งขึ้นขมับแล้วค่อยคลายลงจนรู้สึกโล่ง เขาปล่อยให้หมอนวดประจำตัวทำหน้าที่ไปขณะที่อ่านเอกสารตรงหน้าต่อซึ่งใช้เวลาไม่นานสิ่งที่ค้างคาอยู่ก็เสร็จเรียบร้อย จึงถือโอกาสนั่งพิงพนักเก้าอี้ให้อีกฝ่ายบริการคลายอาการตึงไหล่ต่อ


“ไปกินข้าว” คนนวดเขย่าไหล่เมื่อเห็นว่าตาตี่เริ่มปริบปรือลง

“...ไม่กินไม่ได้หรือ” งึมงำตอบในขณะที่รู้สึกเคลิ้มซึ่งทำให้เสียงดุเอ็ดเข้าทันที

“ไม่ได้...อย่างน้อยกินอะไรนิดหน่อยให้มันเป็นมื้อก็ยังดี”

“โชบอกให้ฉันกินเป็นมื้อแต่ทีตัวเองยังไม่สนใจเลย”

“เพราะอยู่กับธีร์ฉันถึงจะสนใจตัวเองไง” โชติภัทรหัวเราะเบาๆ แล้วดันหลังคนขี้เกียจ “ไป ลุกได้แล้ว”


สุดท้ายมื้อเย็นก็จบลงด้วยอาหารสำเร็จที่ยกมานั่งกินหน้าโทรทัศน์ แผ่นหนังเรื่องเดิมที่กันตธีร์ดูไม่รู้เรื่องถูกเปิดเล่นใหม่ตั้งแต่ต้น โดยที่เขาอดจะตลกตัวเองไม่ได้...ทั้งๆ ที่ทุกอย่างก็เหมือนเดิม แต่เมื่อเทียบกับการนั่งคนเดียวแล้ว พอมีโชติภัทรมานั่งเบียดอยู่ข้างๆ เขากลับมีสมาธิมากกว่าเดิม และยังสนุกกว่าที่ดูครั้งแรกอย่างบอกไม่ถูก


“คืนนี้โชจะนอนนี่ใช่ไหม” เจ้าของห้องถามเมื่อรายชื่อนักแสดงวิ่งขึ้นบนจอ

“ใช่ แต่พรุ่งนี้ฉันอยู่เวรนะ”

“อื้อ...รู้แล้วล่ะ”

“อาทิตย์หน้าอาจจะมาค้างด้วยเดี๋ยวบอกอีกที” โชติภัทรขมวดคิ้วเมื่อนึกถึงตารางเวร “...คราวหน้าไม่ต้องรอแบบเมื่อคืนนะ”

“ไม่เป็นไร” เขาส่ายศิรษะ

“เป็นสิ...ขอโทษนะ”

“ก็มือถือแบตหมดนี่นา”

“...ขอโทษที่ไม่มีเวลาให้”


กันตธีร์รู้สึกว่าขอบตาร้อน...เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นร้องไห้ง่ายมาก่อนจนกระทั่งมาเจอโชติภัทร ความเงียบนั้นทำให้เจ้าของคำขอโทษดึงเขาไปอยู่ในอ้อมกอด เอาคางวางตรงบ่าแล้วใช้เสียงอ่อนกระซิบถามแผ่วเบา


“โกรธโชหรือเปล่า”

“...โชเหนื่อยขนาดนี้ฉันจะไปโกรธลงได้ยังไง”

“โกรธได้สิ” โชติภัทรตอบจริงจัง “ธีร์ตามใจฉันมากเกินไปแล้ว...เอาแต่ใจบ้างก็ได้นะ”

“ไม่โกรธหรอก” เขาหัวเราะ “...โชเป็นแบบนี้แล้วฉันจะโกรธลงได้ยังไง”


กันตธีร์ปล่อยให้ตัวเองถูกกอดจนแน่น ความรู้สึกหลากหลายผสมปนเปกันจนแยกไม่ออก ทั้งอัดอั้นเสียใจและดีใจ สัมผัสที่คอยลูบศีรษะลูบหลังเหมือนปลอบประโลมช่วยให้ความวุ่นวายในอกคล่อยคลายลง...สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้พูดไม่ได้บ่นอะไรออกไปสักคำ แต่ความรู้สึกที่เหมือนหมอกควันกลับค่อยๆ ปลิวหายไปโดยไม่รู้ตัว

โชติภัทรเป็นคนที่มีพลังพิเศษ...เพราะเพียงแค่สัมผัสเบาๆ กับรอยยิ้มจางๆ กันตธีร์ก็ไม่สามารถรู้สึกอะไรได้อีกต่อไป...นอกจากรักมากเหลือเกิน


ขณะที่รู้สึกสะลึมสะลือก็รู้สึกเหมือนตัวลอยขึ้นก่อนที่แผ่นหลังจะแนบกับเตียงนิ่ม เขาขยับหาไออุ่นข้างๆ โดยอัตโนมัติไม่ต่างกับอ้อมแขนที่เลื่อนเข้ามารับอย่างคุ้นชิน ริมฝีปากแนบจูบตรงหน้าผากแทนคำบอกรักและราตรีสวัสดิ์สำหรับคืนนี้และต่อๆ ไป


บางทีกันตธีร์ก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่านี้...แค่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันก็พอ






::talk::

สวัสดีค่า  :z13:

เมื่อวานหนักหน่วงมากเลยนอนตายลืมเอามาลงเลย //กราบบบบบ  :sad4: :sad4:

สำหรับเรื่อง busy อันนี้เป็นตอนพิเศษอีกตอนที่จะลงในเล่มนะคะ โดยส่วนตัวเราคิดว่าการที่คนสองคนอยู่คนละคณะเรียนคนละอย่างย่อมมีอะไรที่ไม่เข้าใจกัน แต่มันก็เป็นเรื่องของคนสองคนที่จะผ่านมันไปได้หรือไม่ได้ ซึ่งสำหรับโชธีร์...เราคิดว่าทั้งคู่จะผ่านมันไปด้วยกันได้แน่ๆค่ะ

คือตอนพิเศษในเล่มจะมี5เรื่อง เรียงตามtimelineไปเรื่อยๆ โดยที่เหลืออีกสามตอนจะเป็นเรื่องของครอบครัวแล้วก็ช่วงที่ย้ายไปอยู่ด้วยกันแล้ว ซึ่งคงไม่ได้เอามาลงในบอร์ดนะคะ

สำหรับเรื่องหลักก็จบลงไปแล้ว แต่คิดว่าหลังจากนี้คงมีมาลงเรื่อยๆตามความขยัน  :katai4: [ฮาา] ขอบคุณทุกคนที่เอ็นดูสองคนนี้นะคะ ไว้เจอกันเรื่อยๆ ตามเทศกาลค่า  :L2:

ส่งจูบและแจกกอดให้คนอ่าน อิ๊  :mew1: :mew1: :mew1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ป.ล. จากนี้เราจะไปอัพเรื่องถัดไปนะคะ ไปเจอกันได้ที่เรื่องนี้ค่ะ >>> in the hug of sunshine ในอ้อมกอดกรุ่นไอแดด (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44595.0)

ป.ล.2 ขอสแปมเล็กน้อย นิยายเรื่องนี้เปิดจองแล้วนะคะ

(http://i1301.photobucket.com/albums/ag101/velvetronica/agravecedilrsaquoagravecedil-agravecedillaquoagravecediltradeagravesup1permilagravecedilsup2%20under%20the%20blue%20sky02_zpssugadxuz.jpg)

(http://i1301.photobucket.com/albums/ag101/velvetronica/agravecedilrsaquoagravecedil-%20under%20the%20blue%20sky%20-%20small%20size02_zpsmctffnre.jpg)

อวดปกหน่อย คราวที่แล้วยังไม่ได้อวด อิ๊

สั่งจองจิ้มตรงนี้เลยค่ะ (http://www.maledbook.com/product/4/pre-order-under-the-blue-sky-%E0%B9%83%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%9C%E0%B8%B7%E0%B8%99%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1-%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89-31-%E0%B8%9E-%E0%B8%84-58)

[วิธีจิ้มคือจิ้มตรง หยิบสินค้าลงตะกร้า แล้วก็ไปจิ้มที่ สินค้าในตะกร้า มันจะขึ้นจอมาให้กดสั่งซื้อค่า]





::comment::

Cressent - อุอิ ขอบคุณค่า  :L2:
BeeRY - ตอนพิเศษตามเทศกาลค่ะ 555 ไว้จะมาเรื่อยๆนะคะ  :katai4:
Aumy8059yaoi - ดีใจที่ชอบนะคะะะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ คนอ่านชอบคนเขียนก้มีความสุขมากค่ะ แอออ  :o8:
mild-dy - ก๊ากกกก อยากได้ด้วยค่ะะะะะะะะ
RinNam - ลองทำเลยค่ะ ก่อนเขียนนี่เราไปลองมาละ อร่อยนะคะ ฮาาาาาา  o13
minminmin - ขอบคุณค่ะะะะ ดีใจที่ชอบนะคะ เป็นเรื่องที่เราตั้งใจเน้นความรู้สึกของคนที้งคู่จริงๆค่ะ  :o8:
Zelsy - แหะๆ คราวนี้ยาวแล้วค่ะ ฮาาา //แต่ไม่หวานเท่าไหร่ งิ
Baruda -  :pig4:
malula - ใกล้จะเลี่ยนแล้วค่ะ ฮาาา
Peung002 - ขอบคุณค่าา ดีใจมากที่ชอบนะคะ เราเองก็ชอบตัวละครทุกตัวมาก อยากเขียนเรื่องให้ทุกคนเหมือนกันค่ะ อุอิ คนอ่านอ่านแล้วสนุกเราก็ดีใจมากๆเลยค่ะะะ  :-[
mm03 - ดีใจที่ชอบค่ะะะ ขอบคุณนะคะะะ :-[
gayraygirl - อร่อยค่ะ คอนเฟิร์ม 55555  o13
lizzii - เราก็อยากค่ะ ฮาาาาาาา ขอบคุณค่าาาา

ขอบคุณทุกคนเลยนะคะ อ่านคอมเมนท์แล้วมีพลังอ่ะ รักคนอ่านมากกก แจกกอดดดดด  :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-busy(21/2/58 P.11) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 21-02-2015 18:26:19
ไม่หวาน แต่อบอุ่นเว่ออออออ :กอด1:

คู่นี้เค้าดูเข้าใจกันดี อยู่เงียบๆก็มีความสุขแล้ว
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-busy(21/2/58 P.11) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 21-02-2015 20:31:16
หม่น แต่ก็อบอุ่นนะ  :L2:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-busy(21/2/58 P.11) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 24-02-2015 13:19:22
ถึงจะมีช่วงซึมเศร้า แต่ก็อบอุ่น
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-busy(21/2/58 P.11) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 24-02-2015 16:15:36
ปกน่ารักมากเลย เห็นแล้วคิดถึงฉากจูบ อิอิ เก็บตังค์แป๊บน่ะ แล้วจะไปสู่ขอ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-busy(21/2/58 P.11) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 24-02-2015 19:06:10
เหงาตามเลย  :hao5:
มีเวลาอยู่ด้วยกันน้อย แต่ก็ทำให้ทุกนาทีมีความสุขดีกว่าเนอะ :กอด1:
ถ้ามีตอนหน้าอีก ขอหวานๆได้ไหมอ่า แบบนี้ก็หน่วงอยู่นาาา :mew6:
ขอบคุณค่ะที่แวะมาแปะตอนพิเศษให้อ่าน :L2:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-busy(21/2/58 P.11) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 24-02-2015 20:06:31
รักกันต้องเข้าใจ ถ้าไม้เข้าใจกันนี่เลิกเลยนะ เพราะเวลาสำคัญมากๆๆๆ ดีจังที่พยายามเข้าใจกัน :L1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-busy(21/2/58 P.11) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Chrysan ที่ 08-04-2015 21:24:43
เป็นเรื่อง'หมอ'กับ'วิศวะ'ที่อบอุ่นมากกกกก

อยากมีคนแบบโชมาชอบเราบ้างจัง
เป็นผู้ชายที่ควรอนุรักษ์ไว้เป็นสมบัติของโลก
เป็นผู้ชายตัวอย่างแห่งชาติ
เป็นผู้ชายที่น่ามีไว้ในครอบครอง
อาจจะเยินยอดูดีเกินไป
แต่เป็นผู้ชายที่รู้สึกสัมผัสได้จริง ๆ นะ

ธีร์ช่วงเวลาก่อนตัดสินใจอาจจะดูโหดร้ายกับโช
แต่ความรู้สึกของคนเรามันก็ค่อยเป็นค่อยไปแบบนี้แหละ
ยิ่งคนแบบธีร์ การที่จะเอาใครเข้ามาในชีวิตมันเป็นเรื่องยาก
แต่ก็เลือกที่จะซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง

ก่อนเป็นแฟนกัน เราชอบโชมากกว่า
หลังเป็นแฟนกัน เราชอบธีร์มากกว่า

แต่พ่อหมีเราชอบตลอดเวลานะ 5 5 5
                 :L2:
                ขอบคุณ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-busy(21/2/58 P.11) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: AdLy ที่ 09-04-2015 11:39:29
อ่านแล้วอุ่นมากค่ะ

พี่โชแบบ ดูแลขั้นเทพ เอาใจใส่ขั้นสุด
อ่านแล้วปลื้มปริ่มมาก ชอบตอนวันรับปริญญาสุดๆ อ่านแล้วก็อิจฉา เบาๆ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-busy(21/2/58 P.11) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 28-04-2015 13:30:58
คนเขียนอ่านกฏการซื้อขายก่อนประกาศขายหนังสือนะคะ

หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-busy(21/2/58 P.11) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: heaven13 ที่ 03-05-2015 22:54:21
ชอบจัง
เรื่องราว ดี๊ดี
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-busy(21/2/58 P.11) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: pp_song ที่ 04-05-2015 16:18:50
 :pig4:

น่ารักมากๆเลย
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-busy(21/2/58 P.11) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 04-05-2015 22:02:45
ถึงจะรักและเข้าใจแค่ไหน แต่มันก็อดเหงาไม่ได้นี่นะ
ถ้าอีกฝ่ายไม่ใช่โช ท่าทางจะไม่รอด
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-busy(21/2/58 P.11) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: sunipum ที่ 13-05-2015 23:58:12
อ่านรวดเดียวจบเลยคะ ชอบมาก เรื่องค่อยๆเดิน มันไม่ช้าไม่เร็วไป ความรู้สึกที่มีต่อกันก็คอยๆเพิ่มขึ้น มันดูแบบบรรยากาศอบอุ่น ความสุข ความรัก มันอบอวล คือแบบน่ารักมาก หวานๆ เบาๆ ขอบคุณนะค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-busy(21/2/58 P.11) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: praewp ที่ 20-05-2015 08:07:16
ปกน่ารักมากเลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-busy(21/2/58 P.11) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: วันชัย ที่ 20-05-2015 20:10:22
น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-busy(21/2/58 P.11) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 23-05-2015 04:53:48
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆที่ไม่มีNCก็ฟินได้ :pig4: :pig4: :pig4:

ขอบคุณมากๆค่ะ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-busy(21/2/58 P.11) +
เริ่มหัวข้อโดย: ♥MPEGz♥ ที่ 19-06-2015 18:53:17
น่ารักกกกก อ่านแล้วอิ่มใจมากกก อยากให้มีตอนพิเศษที่สองคนนี้เขาหวานกว่านี้จัง
คงกร๊าวใจมากเลยค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-busy(21/2/58 P.11) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 20-06-2015 23:22:05
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-busy(21/2/58 P.11) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 24-06-2015 18:03:13
รู้สึกอบอุ่นจังเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-busy(21/2/58 P.11) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 14-09-2015 10:53:55
อ่า .. สวัสดีค่ะคนเขียน เริ่มพิมพ์คอมเม้นไม่ถูกเลยทีเดียวเพราะรู้ว่าเม้นนี้จะต้องยาวมากแน่ๆ (ขอเกรงใจพื้นที่ไว้ล่วงหน้าเลย+จะทำฟ้อนต์เล็กลงเพื่อให้ประหยัดเนื้อที่นะคะ 555555555555)
คืออยากจะบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกในรอบหลายปีของเราที่อ่านแล้วโดนมากๆ คือชอบทุกจังหวะของเรื่องตั้งแต่เริ่มต้นมาเลยค่ะ
เราตามเรื่องนี้เจอจากเรื่องสั้นร่มสีดำกับดินสอไม้แล้วรู้สึกถูกจริตกับนิยายแบบนี้สุดๆ จนต้องมาหาเรื่องอื่นติดตามต่อ
จนกลายเป็นอ่านแบบรวดเดียวเลย .. เรื่องนี้เป็นแนว Slice of life ที่น่ารักและลงตัวสุดๆค่ะ
คาแรคเตอร์แบบ "โช" โผล่มาก็ออร่าพระเอกจับแบบสุดๆ 555555 เราไม่เพียงชอบความเป็นคนดีของเขานะคะ แต่ชอบความพอดีค่ะ
พอดีในที่นี้คือรู้ว่าจังหวะไหนควรทำอะไร ตอนไหนควรเงียบ ตอนไหนควรพูด มันทำให้เป็นตัวละครที่มีสเน่ห์สุดๆเลย ><
ด้านธีร์เองก็ทำให้คนอ่านเอ็นดูตลอดไม่ต่างจากพ่อหมีเลยค่ะ 55555555 คือรู้สึกเหมือนเป็นน้องน้อยที่น่าดูแลจริงๆ
ส่วนตัวเราเองอ่านมาจนจบนี่ไม่เคยโกรธธีร์ซักตอนเลยนะคะ ไม่ว่าจะตอนที่ยังสับสน ตอนที่ปฏิเสธไป เราว่ามันเป็นเรื่องธรรมดานะ
อ้อใช่เลยค่ะ ตอนที่เรื่องดำเนินมาถึงจุดคอนฟลิกคือความไม่ชัดเจนที่เริ่มจะชัดเจนขึ้นเนี่ยอันนี้ชอบมากกกกกกก เรียลสุดๆเลยค่ะ

ที่ชอบอีกอย่างนึงคือปกติเราเป็นคนชอบนิยายที่ผู้เขียนค่อนข้างรู้ลึกและรู้จริงในการบรรยายเรื่องราวต่างๆออกมา
ตอนแรกก็สงสัยนะคะว่าคนเขียนน่าจะเรียนหมอ 555555 เพราะบรรยายบรรยากาศห้อง ER ได้แบบสมจริงสุดๆ
(บังเอิญว่าเราเองก็เพิ่งคางแตกเย็บไปสดๆร้อนๆค่ะ เพราะฉะนั้นเลยยังจำได้แม่นเลยว่าทำอะไรก่อนหลัง อยากบอกว่ามันรู้สึกดีจริงๆนะคะที่หมอคอยบอกก่อนจะทำอะไร เหมือนที่โชบอก จะฉีดยาชาแล้วนะ จะเย็บแล้วนะ นี่ค่ะ /แต่แอบขาดตอนแตะๆจิ้มๆแล้วถามว่าชารึยังไปน้า 5555) ที่รู้สึกทึ่งกว่านั้นคือคนเขียนไม่ลืมเรื่องวัคซีนบาดทะยักด้วย (โดนฉีดไปเหมือนกันค่ะ ยกแขนไม่ขึ้นเลย) สรุปคือเรียนหมอจริงๆ แฮ่ ..
อ่านเรื่องนี้แล้วมีแรงบันดาลใจอยากขึ้นคลินิคไวๆเลยค่ะ T _______ T
ขอแอบปล.ตรงนี้นิดนึงว่าคนเขียนลืม * ตรง plastic อ่ะค่ะว่าหมายถึง plastic surgery คิดว่าผู้อ่านคนอื่นอาจจะไม่เข้าใจ แฮ่ะๆ

พอมาถึงตอนพิเศษ Busy นี่คือเป็นสิ่งที่เราคิดไว้แต่แรกอยู่แล้วว่าอยากให้มีตอนอารมณ์หม่นๆแบบนี้บ้างจริงๆค่ะ
เพราะเรียนหมอมันหนักแบบ .. คือพี่เอ็กซ์เทิร์นรพ.ม.เราเคยอยู่เวรทีเดียว 40 ชม.ติดกันแล้วลงมาคุยกับน้องต่ออ่ะค่ะ
เห็นสภาพแล้วหมดหล่อจริงๆ สงสารเลย เลยคิดว่าเรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญสำหรับคนที่จะมีแฟนเป็นหมอเลย
เข้าใจและเป็นกำลังใจให้ธีร์สุดๆ โชคดีที่ทั้งสองคนเข้าใจกันและพยายามปรับเข้าหากันนะคะ ไม่งั้นแย่แน่เลย . _ . .. ยิ่งอ่านยิ่งเอ็นดูน้องธีร์จริงๆค่ะตอนนี้ ><

เอ้อออ พูดเรื่องพี่คนเขียนเรียนหมอแล้วอยากจะคารวะจริงๆค่ะ นับถือสุดๆเลยขนาดเรียนหนักขนาดนี้ยังแต่งนิยายสนุกๆมาให้อ่าน ทึ่งในความสามารถมากค่ะ! ขอบคุณมากเลยนะคะ (_ _)/
ยังไงก็เป็นกำลังใจให้และจะรอติดตามผลงานเรื่องต่อๆไปอย่างแน่นอนเลยค่ะ! ขอฝากตัวเป็นแฟนคลับเลย สู้ๆนะคะ  :L2:

ปล. เรื่องนี้เป็นหนึ่งในไม่กี่เรื่องจริงๆค่ะที่กดสั่งซื้อแบบไม่มีลังเล แล้วก็ยกเข้าทำเนียบเรื่องที่ชอบที่สุดไปอีกอันดับแล้วเลย <3

หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-busy(21/2/58 P.11) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 16-09-2015 11:27:46
สนุกมากกกกกกกกก ชอบมากกกกกกกกก
คือแบบ อบอุ่น นิยายเรื่องนี้อบอุ่นน่ารักมาก

ชอบหมดเลย ทั้งตัวเอกทั้งสองคนและเพื่อนๆที่รักกันดี
เป็นเรื่องในวัยมหาลัยที่ประทับใจมาก

รู้สึกช่วงนี้ตัวเองโชคดีจัง ได้อ่านเรื่องอบอุ่นๆ น่ารักๆ ติดกันสามเรื่องแล้ว

ขอบคุณคนแต่งมากครับสำหรับเรื่องดีๆ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-busy(21/2/58 P.11) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 20-09-2015 22:01:00
อ่านเรื่องนี้จบแล้ววววว ว วว ว
ชอบชื่อเรื่องค่ะ   มันทำให้รู้สึกถึว่าใต้ผืนฟ้าในโลกใบนี้มันมีเรื่องราวมากมาย
และเรื่องราวความรักของธีร์ กับโชเก็เป็นอีกเรื่องราวที่เกิดขึ้นใต้ฟ้าสีคราม
หรืออีกแง่จะบอกว่า เรื่องราวความรักแบบโชและธีร์ก็มีอยู่จริง ใต้ฟ้านี้

ส่วนตัวชอบวิธีการเล่าเรื่อง  จบตอนนึงๆไปคนเขียนเล่าแค่จบตอนนั้นแล้วจบไปเลย
ชวนให้คิดว่าท้ายตอนบอกจไปกินข้าว แล้วเขาไปแบบเป็นไงกัน  พอเริ่มตอนใหม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งแทน
ความเรื่อยๆของเรื่องนี้ดึงดูดให้อ่านได้ไม่อยากเลย  ไม่ต้องหวือหวา ไม่ต้องผาดโผด
แค่ค่อยๆรัก ค่อยๆเข้าใจกันก็พอ55 55 55

ชอบตอนที่่ธีร์อ้อน มันน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
อยากหยิกแก้มเลย
อ่านแล้วอมยิ้มตามจนปวดแก้ม

โชและธีร?์เป็นส่วนผสมที่ลงตัวมาก
แค่เขานั่งเงียยบๆข้างกัน มันก็ชวนให้รู้สึกถึงความอบอุ่น ความเข้าใจกัน
ความละมุน เรื่อยๆ ลมพัดเอื่อยๆ

นอกจากความรักทั้งคู่ เพื่อนๆก็น่ารักมากกกกก
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-busy(21/2/58 P.11) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: mymicky ที่ 21-09-2015 20:25:40

เรื่อยๆ นิ่งๆ แต่ชอบจังค่ะ เรื่องราวดูเรียลดีมากเลย ดราม่าพอหอมปากหอมคอ ... "โชธีย์" จริงๆที่ว่า โช ดูเป็นคนดีมากซะจน กลัวว่าความรักของธีย์จะตอบแทนความรักของโชได้หมดไหมนะ ^^

ชอบสำนวน ชอบเรื่องราว ชอบความรักของเพื่อน มิตรภาพนี้มันดีจริงๆเลยเนอะ  :L2:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-busy(21/2/58 P.11) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 23-09-2015 16:09:29
สนุกมากค่ะ  o13
อ่านแล้วรู้สึกอิจฉาธีร์เหลือเกิน
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-busy(21/2/58 P.11) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 27-09-2015 10:19:45
อ่านไปได้2ตอนแล้ว ภาษาสวยดีคะ ไปตามติดชีวิตโชธีร์ก่อนนะคะ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-busy(21/2/58 P.11) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 27-09-2015 22:58:56
อ่าถึงตอน18แล้วน้ำคาคลอ. เราพลาดไม่อ่านนิยายเรื่องนี้ไปได้อย่างไร ชอบคะ เล่นกับความรู้สึกจริงๆดีอะ ไปอ่านต่อก่อนนะคะ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-busy(21/2/58 P.11) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 28-09-2015 08:07:41
อ่านจบแล้วแฮร่ ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่าน อบอุ่นคะ. ผองเพื่อน น้องของพระเอก นายเอกก็น่ารัก. จะเป็นกำลังใจให้คะ เดี๋ยวจิไปสอยเล่มมาไว้ในครอบครองค่าาา
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-busy(21/2/58 P.11) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 01-10-2015 00:36:42
เพิ่งมีโอกาสได้เข้ามาอ่าน โทนเรื่องน่ารักมากค่ะ ชอบคาแรคเตอร์ตัวละคร ฉาก ความสัมพันธ์ของเพื่อน ครอบครัว พอจินตนาการแล้วในปริ่มฟุ้งๆ

ขอบคุณสำหรับเรื่องฟิลกู้ดดีๆ ค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-busy(21/2/58 P.11) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Raccoooon ที่ 13-10-2015 22:00:34
พลาดเรื่องนี้ไปได้ไงตั้งนาน
เป็นเรื่องที่อุ่นมากค่ะขนาดอ่านหน้าหนาว55555
ดำเนินเรื่องเรื่อยๆแต่ไม่น่าเบื่อ ลุ้นความสัมพันธ์ทั้งคู่เลย
เราชอบความสัมพันธ์แบบนี้จังค่ะ แบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป ไปได้เรื่อยๆ อ่านแล้วละมุนมากกก>///<

พ่อหมีน่ารักมากกกก ดูแลลูกดีจังเลยยย เราชอบตัวละครแบบนี้จังค่ะงื้อออ แบบเพื่อนหวงเพื่อน55555
ส่วนซอลก็...ถ้ายังไม่มีใคร เรายังว่างนะจ้ะ*ขยิบตา....//ซอลทำหน้าแขยงใส่ 55555555 ซอลเป็นอีกตัวละครหนึ่งที่ชอบค่ะ ชอบคนสวยหน้าหวานเก่งๆ อรั้ยยย

ภาษาสวยมากค่ะ อ่านแล้วลื่นมากไม่ขัด บรรยายสวยมากงือออออ
ชอบมากๆค่ะ สนุกกกกกก

ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้มานะคะะะ

(ปล.แอบตามมาจากการด้วงค่ะ อิอิ 'v')
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-busy(21/2/58 P.11) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 16-10-2015 18:16:08
ในที่สุดก็มีโอกาสได้กลับมาเม้นเรื่องนี้อีกครั้ง T _____ T .. ที่จริงได้รับหนังสือมาซักพักแล้วค่ะ
แต่ก็ยังไม่ว่างอ่านซักที คือเราเป็นโรคประหลาดที่ต้องอ่านแบบเล่มให้จบตั้งแต่แรกใหม่ก่อนถึงค่อยอ่านตอนพิเศษน่ะค่ะ
เลยได้ดองยาวจากงานที่ถาโถมเข้ามาแบบไม่ได้หลับไม่ได้นอน ; _ ; ..
คราวที่แล้วเหมือนมีอะไรจะพูดเยอะแยะแต่สุดท้ายก็ลืมค่ะ ;w; .. คราวนี้พอนึกได้เลยจดไว้เลย 555555555

ก่อนอื่นขอสกรีมหนังสือก่อนนะคะ ได้มาแล้วปกสวยมากกกกกกกกกกจริงๆค่ะ >______<
ได้บรรยากาศอบอุ่นละมุน สื่อความเป็นนิยายเรื่องนี้ออกมาได้ตรงใจสุดๆ เพื่อนเห็นแว๊บๆยังบอกเลยค่ะว่าปกสวยมาก
ส่วนที่ว่าจะลืมเม้นไปก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าลืมเลยจริงๆอย่างเรื่องเพื่อนๆของกันตธีร์น่ะค่ะ!
คือเรารู้สึกว่าเรื่องนี้เป็น Slice of life ที่น่ารัก อ่านแล้วสบายๆก็เริ่มจากตรงที่เพื่อนสนิทที่สุดของพระเอกไม่จำเป็นต้องเป็นพระรอง
หรือเพื่อนสาว(แบบว่านายเอกของคู่รอง) แต่เป็นแค่คนธรรมดาๆอย่างพ่อหมีก็ได้
ผู้หญิงในเรื่องไม่จำเป็นต้องเป็นนางร้าย/มือที่สาม/แฟนเก่าอย่างเดียว เพื่อนที่น่ารักและคอยอยู่เคียงข้างอย่างเข้าใจแบบแอมก็มี
ตัวละครที่เราถูกใจมากอีกตัวคือ 'เจ' เพราะสำหรับเราเองก็มีคนที่อยู่ในสถานะประมาณนี้เหมือนกัน คิดว่าตรงใจเลยค่ะ
คือมีความหวังดีและความปรารถนาดีให้เราอย่างเต็มเปี่ยม โดยที่ไม่หวังอะไรตอบแทน เราเองก็ให้เค้าด้วยใจจริงในขอบเขตของคำว่าเพื่อนเช่นเดียวกัน ตรงนี้ถูกใจมากๆเลย <3
(จริงๆเลยแอบหวังว่าจะมีตอนพิเศษของเจเลยค่ะ เพราะเราชอบเค้ามากจริงๆนะ อยากรู้ความรู้สึกตอนที่ธีร์มาบอกถึงคอนโด
//แถมอยากรู้อีกต่างหากว่าตอนนั้นทำอะไรอยู่ถึงให้เข้าห้องไม่ได้ - . -)
ส่วนซอล ยังคงเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์ทำให้เราหลงรักได้ทุกครั้งที่อ่านเลยค่ะ ชอบตอนที่แซวน้องเล็กของเราสุดๆเลย - / -

พูดถึงตอนพิเศษบ้างๆ .. เอาจริงๆแอบสังเกตมาตั้งแต่ในเรื่องแล้วค่ะว่าบทบาทของสองคนนี้สลับกันแบบน่ารักดี
คือตัวเล็กของเราดูจะเข้าครัวไม่ได้เรื่องเลย ผิดกับโชที่ทำอาหารเก๊งเก่ง แถมยังใจเย็นแล้วก็สุภาพอีกต่างหาก 5555555
อ่านตอนพิเศษแล้วอดขำอดเขินไม่ได้เลยค่ะ ส่วนพี่จิก็โผล่มาทำเอาฮาจริงๆนะนั่น ตอนแรกใจหายแว๊บเลยค่ะ
(นึกว่าจะเจอ conflict ใหม่แบบคุณแม่บังคับให้โชแต่งงานโดยที่ธีร์ไม่รู้เรื่องซะแล้ว เล่นเอาเหงื่อตกเลย TT)
แต่ลงท้ายแบบนี้ก็แฮปปี้จริงๆค่ะ ดีใจกับทั้งสองคนด้วยแบบมากกกกมากกกกกกกกกกกก~~

อ้อ พูดมาถึงตรงนี้ก็มีอีกเรื่องที่ชอบคือความเรียลของสถานที่ในเรื่องน่ะค่ะ คือมันก็ตรงกับชีวิตปกติของคนเราจริงๆนะ
สถานที่บอกรัก สถานที่ขอแต่งงาน คือมันไม่จำเป็นต้องเป็นอะไรเว่อร์ๆอลังๆเสมอไป แค่แบบ .. มีชีวิตที่ดำเนินไปอย่างเรียบง่าย
แต่มีความสุขกับทุกวันเพราะคนข้างๆ สำหรับเราก็โอเคที่สุดแล้ว อย่างเราเองสถานที่พวกนี้ก็ระเบียงทางเดินค่ะ หน้าโรงเรียนค่ะ 5555555 คือเรียบง่ายมากๆ
เวลาอ่านที่เค้าคุยกัน ถึงจะพูดเรื่องซีเรียสแต่สถานที่ไม่ได้หวือหวา เลยรู้สึกว่าเรียลดีจังเลยค่ะ > <

ปล. คราวนี้เม้นยาวอีกแล้วจะทำฟ้อนต์เล็กๆอีกนะคะ T T .. ขอโทษด้วยค่ะ /กราบ
ปล2. สู้ๆนะคะคุณเวล ขอให้ผ่านปีสุดท้ายไปได้ด้วยดีนะคะ แล้วจะรอติดตามผลงานต่อๆไปอย่างใจจดใจจ่อเลยค่ะ! ♡
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-busy(21/2/58 P.11) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: NymPhet ที่ 18-11-2015 00:31:40
เรื่องนี้เรื่อยๆแต่น่ารัก
ขอบคุณที่แต่งเรื่องนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-busy(21/2/58 P.11) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: fida ที่ 26-12-2015 11:36:45
อ่านจบแล้ววว

ประทับใจมากค่ะ

อ่านแล้วสบายใจ
ปกติไม่ค่อยชอบพระเอกแนวเอาเอาเอาใจ
แต่พอมาเจอหมอโชแล้วรู้สึกว่า
เป็นการเอาใจที่มีความพอดี ไม่มากไป ไม่น้อยไป
ส่วนตัวน้องธีร์ก็ให้ความรู้สึกแบบ...เลี้ยงง่ายล่ะมั้งคะ 555
ถึงจะดูเหมือนโลกส่วนตัวสูง แต่ก็ยังพอเข้าใจได้

ส่วนตัวแล้วชอบซอลมากเลยค่ะ
อยากรู้เรื่องราวชีวิตของซอล
ทั้งเรื่องอดีตและอนาคต
นี่พอจะมีโอกาสได้อ่านต่อไหมนะ

สุดท้ายนี้ ขอบคุณมากนะคะที่สร้างสรรค์นิยายดีๆ มาให้อ่าน :L2:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-busy(21/2/58 P.11) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: velvetronica ที่ 31-12-2015 22:45:39
New year under the blue sky 2016


เสียงกัมปนาทดังขึ้นมาเป็นชุดเรียกให้คนที่กำลังเคลิ้มหลับให้ลืมตาตื่น แสงสว่างวาบจากนอกหน้าต่างทำให้ภาพพร่ามัวไปชั่วขณะหนึ่งก่อนที่จะปรับได้ ชายหนุ่มขยับตัวลุกขึ้นนั่งมองพลุปีใหม่ที่ถูกยิงจนเต็มท้องฟ้าจากมุมของคอนโดใจกลางเมืองชั้นยี่สิบแปด


"Happy new year"


โชติภัทรหันไปมองตามเสียงงัวเงีย คนข้างๆ ขยับตัวออกมาจากกองผ้าห่มแล้วยิ้มง่วงๆ ให้หนึ่งที


"Happy new year" เขากระซิบตอบก่อนจะเลื่อนตัวกลับลงไปแตะริมฝีปากแผ่วเบา "ทำให้ตื่นหรือเปล่า"

"ตื่นตั้งแต่เสียงพลุแล้ว" กันตธีร์ตอบก่อนจะแกล้งงับปาก "ฝากตัวด้วยอีกปีนะ"

"...ไม่ต้องฝากแล้ว ขอไว้เลยได้มั้ย"


น้ำหนักตัวที่ทับลงมาไม่ได้ทำให้วิศวกรหนุ่มรู้สึกอึดอัด แต่กลับกันมันยิ่งทำให้เขารู้สึกอุ่นสบายอย่างประหลาดจนต้องยกแขนขึ้นกอดตอบอีกฝ่าย


"กี่ปีแล้วนะ"

"ไม่รู้...ลืมนับไปแล้ว"


โชติภัทรหัวเราะเบาๆ กับคำตอบทื่อๆ นั้นแล้วค่อยไล้เล็มกลีบเนื้อนิ่มอย่างหมั่นเขี้ยว กันตธีร์คนที่ไม่เคยใส่ใจเรื่องพวกนี้อย่างไรก็ยังคงเป็นอย่างนั้น


"พรุ่งนี้พาป๊ากับม๊าไปกินข้าวกัน" คนตัวเล็กเสนอด้วยเสียงงึมงำในลำคอ

"เอาสิ ฉันราวน์ไม่น่าเกินเที่ยง ไปมื้อเที่ยงเลยไหม"

"อือ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าโทรไปบอกป๊าก่อน ไม่รู้วีมันจะพาไปไหนหรือเปล่า" กันตธีร์ขมวดคิ้วเมื่อคิดถึงน้องคนเล็กของโชติภัทรผู้ยังคงเหนียวแน่นกับความโสดและพ่อแม่

"ไม่เป็นไรหรอก" ลูกชายคนกลางตอบทันทีโดยอัตโนมัติ...ก็ใครเล่นให้พ่อแม่เขาเอ็นดูคนตัวเล็กเสียยิ่งกว่าลูกชายตัวเองกันเล่า


หนึ่งวิศวกรหนึ่งนายแพทย์นอนกระซิบคุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยๆ ท่ามกลางเสียงพลุที่ยังคงมีมาเป็นระลอกจนกระทั่งใครสักคนเริ่มอ้าปากหาวออกมา ผ้าห่มจึงถูกดึงขึ้นมาคลุมจนถึงปลายคาง จูบราตรีสวัสดิ์และจูบต้อนรับศักราชใหม่ถูกป้อนให้แก่กันอย่างเนิบช้าก่อนที่ความเงียบงันจะดึงให้กลับเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง


แม้หลายปีที่ผ่านมาจะมีเรื่องที่ทั้งคู่ไม่ลงรอยกันบ้างแต่สำหรับเรื่องเทศกาลปีใหม่พวกเขามีความเห็นตรงกันอย่างยิ่ง การไปอยู่ในที่ที่มีแต่คนนั้นไม่ตอบโจทย์เป็นแน่ สุดท้ายการฉลองทุกปี หากไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนไกลๆ เลยก็จะจบลงด้วยการออกไปกินข้าว ดูหนัง ไม่ก็นอนข้ามปีเป็นส่วนใหญ่


...ถึงจะดูจืดชืดไปบ้างแต่โชติภัทรและกันตธีร์ก็ไม่คิดว่ามันแปลกตรงไหน


แค่ปีถัดไปยังอยู่ภายใต้ท้องฟ้าสีครามนี้ด้วยกันก็พอแล้ว



:: TALK::

สวัสดีปีใหม่นะคะ~

โผล่มาให้รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่ค่ะ ฮา

ยังลืมไม่ลืมโชธีร์ พี่เจน้องมี่ ซอลกับ... แน่นอนค่ะ ไว้เราจัดการตัวเองได้จะกลับมานะคะ //ก้มกราบ

และเนื่องในวาระดิถีขึ้นปีใหม่นี้เลยเอาone shotสั้นๆของโชธีร์มาให้อ่านแก้คิดถึงกันไปก่อน U v U

คิดถึงคนอ่านเช่นกันนะคะ สวัสดีปีใหม่ ขอให้เป็นปีที่ดีของทุกๆคน อยู่ด้วยกันไปยาวๆนะคะ

รักมากๆ ค่ะ  :กอด1:


//ตอนนี้เราไม่มีคอม พิมพ์ในมือถืออืดมาก คอมเมนท์จะมาไล่ตอบทีหลังนะคะ แต่เราอ่าน+เซฟเก็บไว้อ่านแล้วทุกอันค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะ ที่นี่คือขุมทรัพย์กำลังใจของเราจริงๆ  :pig4: //
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-busy(21/2/58 P.11) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Buio.Falco ที่ 31-12-2015 23:02:48
ดีใจอ่ะ คิดถึงเรื่องนี้พอดีเลยเข้ามาอ่าน
ไม่คิดว่าจะมาอัพ
ตอนนี้แถวบ้านจุดพลุกันอยู่ด้วย อ่านไปได้ฟีลมาก :-[
Happy New Year ล่วงหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 31-12-2015 23:26:50
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 01-01-2016 12:30:12
หายคิดถึงนึดนึง อยากอ่านอีกอ่ะ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 07-01-2016 07:58:26
เราเพิ่งมาอ่านแฮร่ หมอโชกับธีร์น่ารักมากเลยอ่า
ดูเป็นคู่รักที่ไม่หวือหวาแต่ก็รักกันมาก
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 15-01-2016 00:06:58
จบเร็วไป อ่านกำลังเพลินๆแป๊บเดียวจบเสียแล้ว

 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: penneeamoon ที่ 15-01-2016 12:00:13
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 23-01-2016 04:16:17
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ สนุกมากกกก
เรื่องนี้คือฟินมากก
เดินเรื่องช้าๆ เรื่อยๆให้เห็นถึงพัฒนาการความสัมพันธ์ของตัวละคร
มันทำให้เรื่องออกมาดูแบบ...ยังไงดีล่ะ
ความสัมพันธ์มันดูมีค่าน่าเก็บรักษาน่าทะนุถนอมอะค่ะ
55555555
คือมันอ่านแล้วรู้สึกได้ว่าเออเนี่ยเค้ารักกันจริงๆนะ
เหมือนความรัก ความอบอุ่น ความใส่ใจมันล้นนออกมาให้รู้สึกได้เลยอะค่ะ
คู่นี้เค้าเคมีเข้ากันมากมายจริงๆๆ
ขอผู้ชายแบบโชซักคนแล้วจะไม่ขออะไรอีกเลยย
อะไรจะดีงามขนาดนี้
ชอบบบเรื่องนี้มากกกจริงๆค่ะ
เป็นนิยายเรื่อยๆเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ความรู้สึกนี่อัดแน่นมาเต็มเปี่ยมมากเลยย
ภาษาก้อ่านง่าย อ่านลื่น อ่านเพลินๆรวดเดียวจบ อบอุ่นดีจริงๆค่ะ

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 29-01-2016 19:10:47
แงงงงงงงงง  :ling1:
เราไปอยู่ไหนมาถึงได้มาอ่านเจอเอาตอนนี้ปีใหม่ฟ้าใหม่ไปแล้ว
เรื่องนี้เบาสบายตามากค่ะ
ด้วยอารมณ์ของตัวละคร และคำบรรยายที่สื่อออกมาแบบละมุนละไมละเมียดชะมดชม้อย #เดี๋ยวๆ
คืออ่านไปแล้วสบายตาสบายใจมาก
อารมณ์ของตัวละครก็ไม่ได้ซับซ้อนซ่อนเงื่อน รู้สึกแบบนี้ก็แสดงแบบนี้ คืออ่านไปแล้วไม่อึนไม่มึนว่า เห้ย ทำไมไม่ทำแบบนี้ไม่เป็นแบบนี้ล่ะ เพราะเราอ่านไปแล้วก็ อืมมม เข้าใจละ อย่างนี้นี่เอง คืออ่านไปก็ไม่เครียด สบายใจ ขนาดมีดราม่าเล็กๆน้อยๆก็เหมือนเป็นขนมหวานดาร์กช็อคโกแลต เพราะมันมีที่มาที่ไป แล้วมันก็เป็นเรื่องจริงที่ทุกคนต้องเจอต้องสัมผัส ที่สำคัญคือทุกคนแก้ได้ตรงจุดของปัญหาเนี่ยแหละ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 06-02-2016 09:31:01
พลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไงง :hao4: มันละมุนสุดๆรอตามเรื่องซอลกับเจนะคะ สู้สู้นะคะคนเขียน
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 14-04-2016 01:36:11
ชอบความรักที่ค่อยๆ ก่อตัวของทั้งคู่ มันเรียบเรื่อยและเป็นธรรมชาติดีมากค่ะ
ดีเหลือเกินที่ได้มาเจอได้มารักกัน คนแบบธีร์ถ้าจู่โจมก็คงไม่ได้ใจไป
หมอโชดีงามเหลือเกิน เพื่อนๆ ของธีร์ก็น่ารักทุกคนเลย โดยเฉพาะหมีกฤษณ์ รักค่ะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: sazzy_pee ที่ 21-04-2016 21:47:23
เพิ่งอ่านจบ ขอชมว่าภาษาดีมาก บรรยายสวยมากค่ะ ชอบตรงภาษานี่แหละ
ดีเทลในเรื่องก็ดี บรรยากาศ นิสัยโชธีร์ หรือคนอื่นๆนีดีมากๆ
เรียกว่าเป็นนิยายสุภาพสำหรับเราค่ะ 555

เนื้อเรื่อง แอบชวนง่วงบ้างในบางตอน ฮาา มันเนิบนาบจริงๆ เรื่อยๆ แต่รวมๆแล้วเราชอบนะ มันเรื่อยๆเหมือนปุยเมฆลอยบางๆบนฟ้าสบายตาสบายใจ

ปล.ตอนพิเศษแบบ น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกขออีกได้มัํย ขอยาวกว่านี้ ฮือออ มาสั้นๆแต่โรแมนติคมากกกก
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: am_am ที่ 01-05-2016 17:46:41
เรื่องนี้ น่ารักมาก ๆ อ่านแล้วมีความสุข   :กอด1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 04-05-2016 22:57:14
เป็นเรื่องที่เนิบๆ เรียบง่า แต่มีฉากให้ได้อมยิ้มอยู่บ่อยๆ  :กอด1:  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 06-10-2016 14:48:15
เป็นเรื่องที่ไม่ควรพลาด เราไปอยู่ไหนมาเพิ่งจะได้มาอ่าน สนุกมาก อ่านแล้วมีความสุข  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 07-11-2016 10:58:17
เพิ่มในลิสต์ไว้นานมากแล้ว เพิ่งได้โอกาสอ่าน ชอบวิธีการเล่าเรื่อง โทนของเรื่องค่ะ ต้องไปตามล่าหาหนังสือซะแล้ว  :mew1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Kkookai ที่ 13-12-2016 15:41:48
ชอบอะ...อ่านแล้วมันเรื่อยนะ..แต่วางไม่ลงน่ารักทั้งสองคนเลย..
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 14-12-2016 15:25:06
น่ารักจังเลยค่ะคู่นี้ อ่านเพลินๆเลย รู้ตัวอีกทีก็จบซะแล้ว

ปล.ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ขอให้สู้ๆนะคะ เดี๋ยวมันก็จะผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: sweetie ที่ 14-12-2016 23:28:49
เขียนดีมาก อ่านไหลลื่นดี ภาษาสวย การบรรยายดี
มันอ่านได้เรื่อยๆ รู้สึกฟินอินตามตัวละครเลย มีตอนเรียกน้ำตาด้วย ชอบนิยายแนวนี้อ่ะ  o13
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ นะคะ  :mew1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 16-12-2016 03:49:09
เรื่องน่ารักดีค่ะ อ่านแล้วอมยื้มอารมณ์ดี
บวก ๆ จ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 18-12-2016 14:54:12
เรื่องนี้ให้ฟีลเรื่อยๆ ละมุนๆดีอ่ะ
ขอบคุณนะคะ นิยายน่ารักมาก
พี่โชดีมากแบบอยากได้ งื้ออ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 19-12-2016 09:33:01
โอ้ย น่ารัก หวาน เบาๆ
อยากผู้ชายแบบโชจัง อบอุ่น  อิอิ

หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Deuan ที่ 13-05-2017 01:27:22
ชอบอ่ะน่ารักดี  ให้บรรยากาศละมุนๆทั้งเรื่อง

หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: sebest ที่ 29-06-2017 15:23:34
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Monkeypp77 ที่ 25-10-2017 04:36:11
เป็นเรื่องแรกที่ตอบเม้นเลย แอบนิสัยไม่ดี555555
ชอบเรื่องนี้มากกกกกกกก อ่านรวดเดียวจบเลย
 รู้สึกว่าตัวละครมีชีวิตจริงๆ ไม่หวือหวาค่อยๆเป็นค่อยๆไป
 รู้สึกถึงความเอาใจใส่กันและกัน
 เราชอบคนที่พิมพ์ชื่อเราถูกทุกครั้งเหมือนกัน
คนที่มีชื่อที่ต้องกดshift มักจะเข้าใจกันดี55555555
 ชอบเรื่องที่รู้ลึกในเรื่องอาชีพของตัวละคร
ทำให้มันเรียลและอินมากขึ้น
อ่านแล้วอยากมีแฟนเป็นหมอเลยค่ะ
 แต่ติดที่ว่าเค้าคงไม่เหลี่ยวมอง ฮืออ  :sad4:

ขอบคุณนะคะที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้ขึ้นมาาา :mew1:
 


หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 26-10-2017 07:39:49
น่ารัก เรื่อยๆไม่หวือหวาแต่ว่ามีทั้งรอยยิ้มและน้ำตา
แอบหลงรักพ่อหมี
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 26-10-2017 16:04:11
ชอบความเรื่อยๆของทั่งคุ่จัง
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Maymon ที่ 27-10-2017 00:38:49
งื้อออออออ~~พี่โชคนดีขอบคุณคนแต่งมากๆนะคะเรื่องนี้อบอุ่นหัวใจมากเลยค่ะมีความสุขมากที่ี่ี่ี่ี่่่ได้อ่านถ้าเห็นหนังสือจะซื้อเก็บไว้นะคะจะติดตามค่ะชอบสำนวนการเขียนมากๆค่ะขอบคุณอีดครั้งนะคะ^^
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: galeiiue ที่ 28-10-2017 08:57:12
ฮือ เพิ่งได้อ่าน ชอบมากเลยค่ะ :-[
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: MacaroonCookie ที่ 28-10-2017 14:06:25
หูยยย ละมุนดีต่อใจ โชนิ่ง แต่ละมุนมากชอบบ ธีร์ก็น่ารักก
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: cookie8009 ที่ 28-10-2017 21:43:42
นิยายสาย heal ที่แท้ทรู
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: BooJiRa_ ที่ 01-11-2017 07:48:52
พี่สาวแนะนำให้อ่านเรื่องนี้ ชอบมากเลยค่ะสนุกมากๆ อ่านตอนเดียวจบเลย แอบน้ำตาซึมในตอนที่ธีร์สับสน 555 //ที่ธีร์บอกว่าโชใส่ใจแม้แต่ชื่อเพราะพิมพ์ยาก อยากรู้จังเลยค่ะเวลาที่คนแต่งแต่งเรื่องนี้ตอนที่พิมพ์ชื่อธีร์ ใช้วิธีก้อปวางรึป่าวคะ 5555
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: whoami ที่ 23-11-2017 22:40:51
มันละมุน มันดีต่อใจ งื้ออออออ

ไรท์คะ ขอแบบโชที่นึง จะหาได้จากที่ไหนคะ 555
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 06-12-2017 01:56:21
เป็นนิยายที่อ่านไปอมยิ้มไป เนื้อเรื่องละมุนดีค่ะ แสดงถึงความรักที่ไม่หวือหวา ค่อยๆเรียนรู้กันไป :กอด1:
ขอบคุณคนเขียนที่แต่วนิยายน่ารักๆแบบนี้ให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: TheGraosiao ที่ 21-12-2017 09:21:36
 :L2: :L2:

ขอบคุณมากๆเลยค่ะ

นิยายดีมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 25-12-2017 22:42:24
พึ่งเจอของดีอ่าาา ยังจะมีตีพิมพ์มั้ยคะอยากได้เล่มมาเก็บบบ
เขียนดีภาษาสวย  เรื่อยๆแต่อ่านแล้วมันดีต่อใจ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 31-01-2018 22:41:54
 :o8: จบแล้วมันดีต่อใจมากกกกกก ชอบบบบบบบบบ  :hao7:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: mpalism31 ที่ 18-02-2018 06:28:10
ยังคงชอบและอ่านไม่เบื่อเลยจริงค่ะ ชอบมากๆเลย :impress2:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: StarPasO ที่ 22-02-2018 00:18:14
พึ่งได้มาอ่าน สนุกมากครับ ฟิลอบอุ่นๆ รักกันไม่หวือหวามาก
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: AgotoZ ที่ 04-03-2018 20:31:25
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: gibari ที่ 20-05-2018 08:58:40
ฮื้ออออออ ดีกับใจ หวานละมุน อบอุ่น แล้วก็น่ารักมากๆ เลยล่ะค่ะ

บรรยากาศในเรื่องมันเรื่อยๆ แต่ไม่รู้สึกเบื่อเลยล่ะค่ะ เรื่องราวไหลลื่นและไปได้ต่อเนื่องตลอดเลยจริงๆ

โชเป็นพระเอกที่ดีมากอ่ะ คนดีในอุดมคติที่ถึงแม้จะไม่ได้มีเวลาให้คนรักมากมาย แต่ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ว่าง เค้าก็ให้ธีร์ตลอดเลย ฮื้ออออ น่ารักสุดๆไปเลยค่ะ

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ ที่ทำให้อุ่นในหัวใจนี้นะคะ ^^
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Nayagirl86 ที่ 17-06-2018 08:13:50
โชนี่เป็นพระรองได้เลยนะ ดีไม่มีขอบเขตจริงๆ
หายากนะคะพระเอกดีเกินพระรองอย่างนี้(เอ๊ะ! แต่เรื่องนี้ไม่มีพระรองนิ :laugh3: )

น่ารักดีค่ะ สบายๆ แต่น่าติดตาม  ขอให้โชธีร์รักกันไปนานๆนะคะ

ปล.คู่ซอลมายังเอ๋ยยย อยากให้นางสมหวัง //รู้สึกสงสารนาง
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 24-06-2018 13:16:01
สนุกมากค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 26-06-2018 15:01:51
อ่านเพลินมากๆเลยค่ะ เป็นเรื่องที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นนุ่มนวล เราชอบวิธีการดำเนินเรื่องของคุณมากๆเลย
ชอบมากๆเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: BaZkon ที่ 29-07-2018 20:11:20
เรื่องนี้เปิดผ่านหลายรอบไม่ได้อ่านสักที วันนี้ได้อ่านแล้วอ่านรวดเดียวจบเลย สนุกมากค่ะ อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่นมากๆเลย บรรยายดีมากจนรู้สึกว่าเรียลมากเลย เหมือนดูหนังเรื่องนึง อะไรประมาณนั้น ดีมากๆค่ะ ใครผ่านมาแล้วลังเล แนะนำว่าให้อ่านเลย มันดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: daraneea ที่ 13-07-2020 21:19:06
เรื่องนี้อ่านแล้วละมุนมาก ซื้อเล่มมาแล้วละ
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Bebii123 ที่ 04-09-2020 23:39:01
นี่แหละความรัก
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 15-09-2020 21:44:57
 :-[
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 24-04-2021 20:01:20
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 25-04-2021 20:52:30
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: mizzmizz ที่ 10-05-2021 20:38:50
สนุกมากเลย ชอบความสัมพัันธ์แบบค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปจังเลย
ขอบคุณคุณนักเขียนมากๆ นะคะ ที่สร้างเรื่องราวที่อบอวนไปด้วยความรักได้ดีแบบนี้
เป็นกำลังใจให้นะคะ  :กอด1: