Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม :: SP-HNY2016(31/12/58 p.12) +แจ้งข่าวหน้าแรกค่ะ  (อ่าน 248630 ครั้ง)

ออฟไลน์ velvetronica

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-1
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************


ประกาศข่าวจากเรื่อง under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม(โชธีร์) :: 15/02/58

นิยายเรื่องนี้เปิดจองแล้วนะคะ!!







เรื่อง : Under the blue sky ใต้ผืนฟ้าสีคราม

ผู้เเต่ง : velvetronica

ขนาด : A5

จำนวนหน้า : 260++

ของเเถม : ที่คั่นหนังสือ ตอนพิเศษไม่ลงเว็บ 3 ตอน

ราคา : 290 บาท ยังไม่รวมค่าจัดส่งทางไปรษณีย์

 จิ้มตรงนี้เลยค่ะ

[วิธีจิ้มคือจิ้มตรง หยิบสินค้าลงตะกร้า แล้วก็ไปจิ้มที่ สินค้าในตะกร้า มันจะขึ้นจอมาให้กดสั่งซื้อค่า]






++++++
edit 7/12/57


เรื่องย่อ
‘อยู่มหาลัยฯเดียวกันมาจะครบ 4 ปีเพิ่งจะมาบังเอิญเจอกันครั้งแรก ต่อไปก็คงไม่ได้เจอกันหรอก’
ตรรกะง่ายๆ ตรงไปตรงมา ชายหนุ่มคิดคำนวณตามหลักความน่าจะเป็น แคลคูลัส อนุพันธ์เชิงซ้อน และสัมพันธภาพไปจนถึงเคโมไดนามิค ก็ยังไม่เข้าใจว่ามันผิดตรงไหน
กับ ‘โชติภัทร’ ว่าที่แพทย์หนุ่มผู้มีประสบการณ์อันไม่น่าพิศมัยร่วมกันมาก่อน ทำไมถึงเกิดจะมีเรื่องให้พบเจอกันซ้ำแล้วซ้ำอีกในปีสุดท้ายของรั้วมหา’ลัย แถมรู้ตัวอีกที...ก็กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันอย่างไม่น่าเชื่อ
‘กันตธีร์’ ไม่คิดเลยว่าการเลือกไปอ่านหนังสือเพียงลำพังจนติดฝนและน้ำเต้าหู้ถุงเดียวจะเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล



สารบัญค่ะ

//ช่วงนี้คนเขียนคึก ฮาาาา

1 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2573704#msg2573704
2 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2578669#msg2578669
3 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2589561#msg2589561
4 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2597692#msg2597692
5 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2620134#msg2620134
6 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2641890#msg2641890
7 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2654845#msg2654845
8 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2667698#msg2667698
9 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2679521#msg2679521
10 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2727639#msg2727639
11 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2740654#msg2740654
12 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2758986#msg2758986
13 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2771209#msg2771209
14 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2781963#msg2781963
15 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2813248#msg2813248
16 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2819995#msg2819995
17 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2826571#msg2826571
18 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2833083#msg2833083
19 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2840215#msg2840215
20 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2847247#msg2847247
21 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2862459#msg2862459
22 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2869068#msg2869068
23 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2876500#msg2876500
24+ส่งท้าย http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40498.msg2890183#msg2890183
++++++


talk

เพิ่งเคยลงนิยายครั้งแรกเลย ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ

แล้วก็เพิ่งเล่นบอร์ดนี้ครั้งแรก จะพยายามรักษากฏเต็มที่ค่า ถ้าทำอะไรผิดพลาดไปก็รบกวนตักเตือนได้เลยนะคะ

อาจจะมาต่อไม่เร็วเท่าไร แต่จะพยายามให้เร็วที่สุดนะคะ  :hao5:

ขอบคุณทุกคนล่วงหน้าค่ะ  :-[
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-12-2015 22:46:59 โดย velvetronica »

ออฟไลน์ velvetronica

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-1
Re: Under the blue sky :: 01 21/12/56
«ตอบ #1 เมื่อ21-12-2013 00:36:32 »

01


เครื่องปรับอากาศเก่าๆ ดูจะทำงานดีขึ้นกระทันหันในสภาพอากาศขมุกขมัวและมีหยดน้ำโปรยปราย อากาศหนาวยะเยือกราวกับไม่ใช่ประเทศเขตร้อนชื้นทำให้ต้องยกมือลูบต้นแขนแรงๆ

บางทีมันคงเป็นความคิดผิดที่มาอ่านหนังสือในห้องสมุดมหาลัยฯช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ไม่มีคาบเรียน เพราะนอกจากจะติดฝนจนหาทางกลับหอไม่ได้แล้ว ยังไม่เห็นวี่แววเพื่อนในคณะคนไหนให้แชร์อุปกรณ์กันฝนได้เลย



แถมแอร์พ่อแก่ที่ปกติทำได้แค่พ่นลมเหม็นหืนก็ดันทำความเย็นดีจนน่าเจ็บใจ...


ชายหนุ่มตัดสินใจรวบข้าวของใส่กระเป๋าหนังใบเก่งแล้วลุกขึ้นจากมุมสิงสถิตตลอดบ่ายแม้สภาพอากาศข้างนอกจะดูไม่ค่อยต่างจากพายุเข้าเท่าไรนัก เมื่อมองไปรอบๆ ก็พบคนในห้องสมุดค่อนข้างบางตาเมื่อเทียบกับวันปกติ เขาถอนหายใจ...แน่สิ ใครมันจะพลาดโอกาสออกไปเที่ยวเตร่ในสุดสัปดาห์ แต่คนมันถูกทิ้งเสียสมบูรณ์แบบ เพราะรูมเมทก็ดันชิ่งกลับบ้านที่ต่างจังหวัดไปตั้งแต่สาย แล้วเพื่อนในกลุ่มคนอื่นๆ ไม่พาแฟนไปเที่ยวก็ติดธุระกระทันหัน ไปๆมาๆ เลยต้องมานั่งเป็นเด็กเนิร์ดเพราะเซ็งจัดจนขี้เกียจกลับหอ


...และตอนนี้ยังโสดสนิทอีกประการ


หน้าห้องสมุดอบอุ่นด้วยระดับความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศเกินค่ามาตรฐาน แต่พอลมหอบเอาละอองฝนซัดเข้าหน้าทีก็ยะเยือกที สายฝนไม่มีทีท่าจะหยุดหรือซาลง ตามจริงหอพักก็ไม่ได้ไกลขนาดที่จะวิ่งฝ่าฝนกลับไม่ไหว จะติดก็ตรงหนังสือที่ถืออยู่อาจกลายสภาพเป็นกระดาษชำระในโถสุขภัณฑ์ได้หากทำแบบนั้น

แต่ในขณะที่คนติดฝนกำลังยืนไว้อาลัยแด่ความคิดผิดของตัวเอง ก็มีเสียงสวรรค์ดังขึ้น


“ธีร์?”


‘กันตธีร์ วิจักข์วัฒนา’ หรือ ‘ธีร์’ หันตามเสียงเรียก ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งถือร่มเดินเข้ามาในช่วงกันสาด ในมือมีเสื้อกาวน์สีขาวสะอาดบ่งบอกคณะที่เรียนได้อย่างดี


“ทำอะไรอยู่คนเดียว?”

“...ติดฝน ไม่มีร่ม แถมข้างในก็หนาวเป็นบ้า ไม่ได้ห่วงใยโลกที่ร้อนขึ้นทุกวันเอาซะเลย” คนติดฝนอธิบาย ทั้งที่เริ่มจะหงุดหงิดโชคชะตาจนอยากจะหาที่ระบายแต่ก็รู้สึกว่าไม่ควรจะไปลงกับฝ่ายที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่

“ไปด้วยกันสิ” อีกฝ่ายกล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆ พร้อมกับขยับร่มในมือ

“แล้วนายจะไปไหนต่อ” คนตรงหน้าเป็นแค่คนรู้จักจึงออกปากถามด้วยความเกรงใจ


พอเจ้าของร่มตอบว่าจะไปหอเหมือนกันจึงพยักหน้าตกลง แม้จะอยู่คนละหอแต่ก็ถัดกันไปไม่กี่ช่วงตึก

เมื่อหาทางรอดได้แล้วชายหนุ่มจึงกอดกระชับหนังสือเข้ากับอก เหลือบตามองสายน้ำที่เทพรวดพราดลงมาแล้วทำใจ ...เอาวะ อย่างน้อยหนังสือไม่เปียกมากก็โอเค

ชายหนุ่มคนรู้จักจ้องการกระทำนั้นผ่านเลนส์แว่นสายตากรอบสีดำสักพักก่อนจะยิ้มให้อีกที


“เอางี้ดีกว่า”


เจ้าของโยนร่มให้อีกฝ่ายถือก่อนจะดึงเสื้อกาวน์ออกจากกระเป๋า แล้วเอามาห่อกองหนังสือให้ ก่อนจะเอาของในกระเป๋ากางเกงยัดใส่กระเป๋าสะพายแล้วโยนมาให้ถืออีกอย่าง


“เฮ้!”

“นายแบกของถือร่มไปคนเดียว หนังสือจะได้ไม่เปียก ฝากของฉันด้วยล่ะ”


คนถูกฝากกะพริบตาปริบๆ มองเจ้าของอุปกรณ์กันฝนเดินออกไปท้าสายน้ำเป็นที่เรียบร้อย จึงได้แต่จ้ำเท้าตามไป


'โชติภัทร รัตนพิบูลพรรณ' ไอ้คนประหลาด!






กันตธีร์กับโชติภัทรรู้จักกันอย่างแปลกประหลาด พอๆ กับความประหลาดของมัน...


เรื่องมันมีอยู่ว่าตอนปี 1 เพิ่งเข้ามาอยู่คณะวิศวะหมาดๆ กำลังเห่อสถาบันอย่างมาก จำเหตุการณ์แน่นอนไม่ได้เหมือนกัน...แต่เอาเป็นว่าได้เหมามันเป็นเพื่อนคนแรกในคณะวิศวะ และบังคับให้มันไปทำกิจกรรมนู่นนี่ ซึ่งถ้าวันไหนเขาไม่เห็นมันมาคณะวันที่มีกิจกรรม จะถึงขั้นไปตามโวยวายในวันหลังเลยทีเดียว

แต่ก็ทำได้อยู่ไม่กี่วัน...เพราะมารู้เอาตอนเรียนรวมว่าจริงๆมันเรียน'คณะแพทย์' แต่ที่มาโผล่หน้าที่คณะวิศวะตอนวันเปิดเทอมเพราะติดรถพี่ชายไป-กลับ ซึ่งพี่มันเป็นพี่ว้าก


เรียกได้ว่าแทบแทรกแผ่นดินหนี...


‘เห็นนายจริงจังมากเลยไม่อยากขัดน่ะ แล้วยังไงก็ต้องมารอพี่อยู่แล้วก็ไม่ได้เสียหายอะไร’ ไอ้โช หรือ โชติภัทรยิ้มจางๆ ให้คนหน้าแตกยับ ‘คณะฉันไม่มีรับน้อง ลองมาซึมซับบรรยากาศที่อื่นบ้างก็ไม่เลว’


ทำเอาหลังจากนั้นต้องหลบๆ มันไป เพราะเรื่องนี้ก็ไม่มีใครรู้เรื่อง ขนาดพี่จิ...พี่ชายมันที่เป็นพี่ว้ากยังรู้แค่น้องชายตัวเองมาแอ๊บเนียนเป็นเด็กวิศวะเล่นๆ

และอย่างที่ได้กล่าวไว้ตอนแรกว่ากันตธีร์กับเพื่อนร่วมโลกที่ชื่อโชติภัทรเป็นเพียงคนรู้จัก เพราะหลังจากเหตุการณ์ลอกหนังหน้าตนเองในวันนั้นก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย เบอร์ติดต่อก็ไม่มี แถมยังไม่มีเรื่องให้ติดต่ออีก จริงๆ ถึงขั้นลืมหน้ากันไปแล้วด้วยซ้ำ ถ้าอีกฝ่ายไม่เดินเข้ามาทักก่อน





“ธีร์เอาร่มไปใช้ก่อนก็ได้ แต่เสื้อกาวน์คงต้องขอคืนก่อนนะ” นักศึกษาแพทย์ในสภาพลูกหมาตกน้ำหันมาบอกเมื่อเดินมาถึงหน้าหอพักตัวเอง

“ไม่เป็นไร อีกนิดเดียวเอง”

“ยังตกหนักอยู่เลย เอาไปเหอะ” พอเจ้าของว่าดังนั้น คนยืมจึงท้วงไปว่าแล้วจะเอามาคืนยังไง “เอามาคืนใต้หอนี่แหละ บอกเจ้าหน้าที่ไว้หรือเอากระดาษแปะไว้ก็ได้ว่า ‘โชติภัทร ปี4’”


คนตัวเปียกเหมือนเล่นสงกรานต์ผิดฤดูไม่รอฟังคำตอบ คว้าของตัวเองได้ก็เดินขึ้นหอหน้าตาเฉย...เลยตามเลยแล้วกัน
จะเอาร่มไปตากตรงไหนในห้องแคบๆ ดีล่ะ...


++++++


กลิ่นดินชื้นๆ อวลอยู่ในอากาศยามเที่ยงวัน หลักฐานของพายุฝนฟ้าคะนองเมื่อคืนเหลือเพียงแอ่งน้ำกับดินเปียกๆ ให้เห็นอยู่ประปราย ฝนตกแดดออก...สมกับเป็นประเทศในเขตศูนย์สูตรเสียนี่กระไร


กันตธีร์ลากสังขารพร้อมหน้าตายับๆ ลงมาสั่งข้าวเช้ารวบเที่ยงที่ร้านตามสั่งข้างหอ ก่อนจะเดินเลยไปอีกตึกเพื่อเอาร่มไปคืน


“ธีร์” คนยังตื่นไม่เต็มตาหันตามเสียงเรียก นักศึกษาแพทย์โชติภัทรเดินเข้ามาในชุดเต็มยศ พร้อมเสื้อกาวน์และแว่นสายตากรอบดำดูดีมีภูมิฐานจนน่าอิจฉา

“เอาร่มมาคืน” ยกธุระในมือขึ้นก่อนจะยื่นคืนเจ้าของ “ไปไหนมาเนี่ย นี่มันวันเสาร์ไม่ใช่เรอะ”

“วันเสาร์ก็ต้องราวน์เช้าน่ะ” โชติภัทรยิ้มจางๆ เหมือนทุกทีก่อนจะอธิบายเพิ่มเติม “ราวน์เช้ามัน ประมาณว่าดูคนไข้ที่นอนอยู่ในโรงพยาบาลรอบเช้าน่ะ”

“ทุกเสาร์เนี่ยนะ!?” คนที่เพิ่งหลับยันตะวันเตะก้นร้องถามอย่างประหลาดใจ คณะวิศวะต่อให้เรียนหนักงานเยอะสอบเยินยังไง...อย่างน้อยเช้าวันเสาร์ก็ยังมีเวลาเอาหัวซุกอยู่กับเตียงยันเที่ยงก็แล้วกัน เมื่ออีกฝ่ายตอบรับด้วยการพยักหน้าเฉยๆ จึงอดถามต่อไม่ได้ “...แล้ววันอาทิตย์ล่ะ?”

“ถ้าไม่ต้องอยู่เวรหรือรับเคสก็ไม่ต้องไปหรอก แต่พรุ่งนี้ฉันอยู่เวรน่ะ” ยิ้มเหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่คนฟังฟังแล้วสยองแทน


นักศึกษาแพทย์บอกว่ายังไม่ได้กินมื้อเที่ยง เลยตามมานั่งด้วยที่ร้านตามสั่ง แล้วจึงได้โอกาสให้นักศึกษาวิศวะสัมภาษณ์วิถีชีวิตเอาไว้เป็นวิทยาทาน ซึ่งทำเอาคนถามอยากจะถามรอบที่สิบแปดล้านว่าทำไปได้ยังไง แต่คนตอบก็เอาแต่ยิ้มแล้วก็บอกว่าเขาก็เรียนกันมาแบบนี้ทั้งนั้น


“เฮ้ยไอ้โช”

“อ่าว...ตั้ม เป็นไงมั่งวะ ตอนนี้พวกมึงอยู่อะไร”


เพื่อนของโชติภัทรสองสามคนเดินเข้ามาทัก แล้วพวกเขาก็คุยกันด้วยภาษาที่นักศึกษาคณะวิศวะอย่างนายกันตธีร์ฟังไม่รู้เรื่อง และตอนนี้เองที่เพิ่งรู้ว่าเกือบจะบ่ายโมงแล้ว


“โช งั้นฉันไปก่อนนะ”

“อ่า ป่านนี้แล้วหรอเนี่ย โทษทีคุยกันยาวเลย” คนถูกเรียกหันมามองด้วยสีหน้ารู้สึกผิดราวกับทำให้เพื่อนเสียเวลา ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนชวนคุยแท้ๆ

“ไม่เป็นไร วันนี้ฉันไม่ได้จะทำอะไรเป็นพิเศษ”

“อาฮะ แล้วเจอกัน” โชติภัทรวาดรอยยิ้มที่คุ้นเคย “ขอบคุณนะธีร์”


ชายหนุ่มพยักหน้ารับไปส่งๆ โดยที่ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าเพื่อนจะขอบคุณทำไม ข้าวก็ไม่ได้เลี้ยง แถมร่มก็ของมันอยู่แล้ว เพื่อนของโชติภัทรมานั่งแทนที่เมื่อธีร์ลุก พวกเขายิ้มให้ตามมารยาทแต่เมื่อคนกลางไม่ได้แนะนำก็เลยไม่ได้คุยอะไรกัน


อยู่มหาลัยฯเดียวกันมาจะครบ 4 ปีเพิ่งจะมาบังเอิญเจอกันครั้งแรก ต่อไปก็คงไม่ได้เจอกันหรอก

พอกินอิ่มก็เริ่มรู้สึกขี้เกียจขึ้นมา...หรือจะขึ้นไปนอนต่อดีนะ


++++++


"ไอ้ ตัว เล็กก ~”


กันตธีร์เหลือบมองคนที่ชิ่งกลับบ้านแล้วทิ้งเขานอนหง่าวอยู่อย่างเดียวดายที่หอด้วยหางตาก่อนจะหันกลับมาสนใจหนังสือในมือต่อ เพื่อนร่วมห้องตัวโตของชายหนุ่มกลับมาในเย็นวันอาทิตย์พร้อมเสบียงจากบ้านมหาศาลประหนึ่งจะเอาไปลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย


'กฤษณ์ ชีววินิจ' ไอ้กฤษณ์ ไอ้พ่อหมี หรือไอ้หมีควายตามแต่อารมณ์เพื่อนๆ ทั้งหมดคือชื่อรูมเมทของนายกันตธีร์ที่ผองเพื่อนสรรหามาเรียกตามลักษณะภายนอกของมัน


“อยู่หอคนเดียวเหงามั๊ยจ๊ะ” พ่อหมีกระทำการเอาอุ้งมือตะปบหัวเพื่อนที่หลบอยู่หลังหนังสือเพื่อเรียกร้องความสนใจหลังจากทำการสังคายนาสัมภาระของตัวเองเสร็จ

“เหงามากกกกก...” ฝ่ายที่ถูกทำร้ายร่างกายจึงลากเสียงกวนตีนตอบทั้งที่ออกจะชอบที่ได้อยู่คนเดียว


สบายจะตาย...ทำตัวกากแค่ไหนก็ไม่มีพยานรับรู้


“มึงกินข้าวยัง”

“ยัง”

“ป่ะ”

“กูอ่านบทนี้ก่อน”

“พอเลย บทนี้ของมึงเดี๋ยวก็ลากยาวจนจบเล่ม”


คนติดหนังสือวางมืออย่างเสียไม่ได้ แต่ก็ดีกว่าโดนพ่อหมีตะปบหนังสือแหก ...ซึ่งก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ช่างเป็นภาพความทรงจำที่เลวร้ายสำหรับคนรักหนังสืออย่างเขาจริงๆ


กันตธีร์และกฤษณ์ เป็นคู่หูที่ไม่มีอะไรเหมือนกันสักนิด คนแรกเป็นหนุ่มตี๋หน้าจืดตัวผอมกะหร่อง แต่คนหลังเป็นคนไทยแท้หน้าเข้ม ตัวใหญ่เป็นหมี ธีร์อ่านหนังสือได้ทุกประเภทพอๆ กับที่ไอ้หมีเล่นกีฬาเป็นทุกอย่าง ธีร์มีเพื่อนไม่มากแต่ไอ้หมีสามารถทักทุกคนที่เดินสวนกันได้ ธีร์ชอบอยู่คนเดียวแต่ไอ้หมีจะมีคนรุมล้อมตลอดเวลา


ดูเผินๆ ก็เหมือนจะไม่มีอะไรเข้ากันได้เลย แต่ดันเป็นเพื่อนกันมานานจนลืมไปแล้วยด้วยซ้ำว่าความต่างมันมีปัญหาตรงไหน


อ้อ...แต่จะมีที่เหมือนอยู่หนึ่งอย่าง คือ โสดสนิท


แม้จะต่างกันที่สาเหตุ เพราะนายกันตธีร์เป็นคนไม่ค่อยใส่ใจคนรอบข้างเท่าไหร่ ผิดกับนายกฤษณ์ที่เป็นคุณพ่อหมีใจดีคอยดูแลเพื่อนๆ เสมอ สาวๆ ก็ชอบความเอาใจใส่ของมันอยู่หรอก แต่ใครใช้ให้มันเสือกประกาศชัดว่าต้องการแค่แม่หมีของลูกมันในอนาคต...ผู้หญิงที่ไหนจะอยากเป็นแม่หมีล่ะวะ!? โสดต่อไปเถอะมึง!!





สุดท้ายคู่หูรูมเมทก็เดินออกไปกินข้าวที่ตลาดข้างมหาลัย ช่วงเย็นๆ ค่ำๆ แถวนี้จะคึกคักเป็นพิเศษ พ่อค้าแม่ขายจะเข็นรถมาแข่งกันขายจนคนซื้อแทบจะไม่มีที่เดิน ผิดกฏหมายสุดๆ แต่ก็ไม่มีใครทำอะไร เพราะแถวนี้เป็นแหล่งยังชีพของคนจำนวนมาก กันตธีร์ยังเคยเห็นตำรวจมาสั่งหอยทอดข้างทางกลับไปกินที่สน.ด้วยซ้ำไป


คนที่อิดออดไม่ยอมลงมากินตอนแรกเกิดอยากกินเกาเหลาเนื้อเปื่อยขึ้นมาเลยเดินดุ่มเข้าไปนั่งไม่สนใจเสียงประท้วงด้านหลัง


“ป้าจ๊ะ เกาเหลาป้านี่ที่หนึ่งในใจผมเลยนะ อยากกินมากจนรีบกลับจากต่างจังหวัดเพื่อมากินเลยนะจ๊ะ” ไอ้หมีที่ตอนแรกประท้วงกลับลำได้น่าเตะมาก

“ลื้อก็พูกไป ...เอาเนื้อกรอบด้วยมั๊ย” ...เอ้า ป้าก็ดันไปเชื่อมัน...


สรุปว่าวันนี้ได้กินเกาเหลาพิเศษในราคาปกติ พ่อหมีลิ้นทองทำท่าทางซาบซึ้งเหลือจะกล่าวพร้อมหยอดทิ้งท้ายให้ป้าเจ้าของร้านไว้ว่าจะมากินอีกเรื่อยๆ

ตั้งแต่ม.ต้น เห็นมันจีบแม่ค้าทั้งโรงอาหารมาหลายปี เคยถามเหมือนกันว่าทำไปทำไม มันหันมาตอบหน้าตายว่า กูกินเยอะแต่งบน้อย ต้องเอาตัวรอดสิวะ

...เอาเป็นว่าเพื่อนได้ประโยชน์ด้วยก็โอเค


“กินน้ำเต้าหู้ป่ะ” เขาพยักหน้าก่อนจะเดินตามไปตามประสาพวกติดของหวานต้องกินอะไรล้างปากหลังกินข้าว


ร้านน้ำเต้าหู้เจ้าดังมีคนรอคิวเยอะมาก เป็นหนึ่งในไม่กี่ร้านที่ไอ้เพื่อนหมีไม่เคยไปจีบเจ้าของขอเพิ่ม ธรรมดา 6 บาท ใส่เครื่อง 8 บาท ใส่ขวดแช่เย็น 10 บาท น้ำเต้าหู้นมสด 10 บาท เต้าฮวยทรงเครื่อง 15 บาท และเมนูอื่นๆ อีกมากมายที่กันตธีร์ไม่เคยลองเพราะกินแต่น้ำเต้าหู้ ชายหนุ่มนับถือเจ๊คนคิดเงินสุดใจ เจ๊ฟังและทวนออเดอร์พร้อมบอกราคาประหนึ่งเครื่องอัตโนมัติ แถมเจ๊ยังยื่นเงินทอนได้ถูกเป๊ะแบบไม่ต้องดูเหรียญด้วยซ้ำ ซึ่งคาดว่าเจ๊น่าจะคิดเลขเร็วกว่าเขาที่เรียนวิศวะไฟฟ้าอีก

หลังจากยืนบริจาคเลือดให้สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ายุงอยู่สักพัก น้ำเต้าหู้ไม่เครื่องหวานน้อย 2 ถุงก็ถูกยื่นมาตรงหน้าพร้อมเงินทอน 8 บาทพอดิบพอดี




กลางหน้าฝนของมหานครกรุงเทพ แม้จะไม่มีแสงแดดแล้ว แต่ไออุ่นที่คอนกรีตสะสมไว้จากตอนกลางวันก็ยังทำให้เหงื่อผุดตามซอกคอได้  ธีร์กับกฤษณ์ก็เดินคุยกันเรื่องทั่วไปไร้สาระไปเรื่อย ก่อนจะวกกลับมาที่เรื่องอนาคต...พวกเขาขึ้นปี4แล้วก็ต้องคิดถึงการทำงาน คิดถึงอนาคต ครอบครัวและอีกหลายอย่าง มันเป็นความกดดันของคนใกล้จะเรียนจบ


“มึงเรียนเก่งยังไงก็มีทางเลือก กูนี่สิ...” กฤษณ์บ่นอุบ จริงๆ มันก็ไม่ได้เรียนแย่อะไรขนาดนั้น แต่ก็เป็นความกังวลของคนที่ยังไม่มีทางเลือก “เรียนหมอก็ดีไปอย่าง จบมาก็มีงานให้ทำ แถมยังมั่นคง ไม่ต้องกลัวโดนไล่ออกอีก”


ชายหนุ่มชะงัก ก่อนจะหันไปมองท้องฟ้าที่มืดสนิท


“...หมี ปกติตลาดมันเลิกกี่โมงวะ”

“หืม? ปกติก็ 4-5 ทุ่มได้มั้ง ...ถามทำไมวะ” พ่อหมีทำหน้าเหรอที่เพื่อนเปลี่ยนเรื่องกระทันหัน

“อ่า...” ธีร์ชั่งใจอยู่เล็กน้อย “มึงกลับไปก่อน เดี๋ยวกูกลับไปที่ตลาดแปปนึง”

“ห๊ะ...กูไปด้วยก็ได้นะ นี่มึงยังไม่อิ่มเหรอตัวเล็ก”

“ไม่เป็นไรๆ กูลืมซื้อของเฉยๆ มึงกลับไปก่อนก็ได้ นี่ก็จะถึงหออยู่แล้ว” เขาโบกมือไล่เพื่อนด้วยความเกรงใจ

“เออๆ งั้นกูขึ้นไปก่อนนะ” กฤษณ์พยักหน้าอย่างงงๆ แต่ก็เดินขึ้นหอไป


ชายหนุ่มเดินกลับไปที่ตลาดซึ่งยังคงคึกคักอยู่และต่อแถวยาวเหยียดของน้ำเต้าหู้เจ้าเดิม


กันตธีร์เป็นคนขี้ลืม รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น วันเกิด สีที่ชอบ ของที่ชอบ ...ไม่เคยจะจำอะไรของใครได้สักอย่าง เพื่อนที่รู้จักกันมานานตั้งแต่ประถมอย่างกฤษณ์ยังดีใจเกือบตายที่อีกฝ่ายจำวันเกิดตัวเองได้ในปีที่20 ทำให้นานๆ ครั้งที่เขานึกอะไรขึ้นมาได้ ก็เลยรู้สึกว่าตัวเองควรจะทำอะไรบ้างเหมือนกัน


‘ลองมั๊ย เจ้านี้อร่อยนะ’

‘ไม่เป็นไร มันน่าจะหวาน’

‘ลองก่อนดิ นี่สั่งแบบหวานน้อยให้แล้ว’


เมื่อเดินมาถึงหอพัก กันตธีร์เรียกเจ้าหน้าที่ก่อนจะยื่นถุงน้ำเต้าหู้ในมือแล้วพูดตามที่เคยถูกบอกมา


“ฝากให้ 'โชติภัทร ปี4' หน่อยครับ”



โดยที่ไม่รู้เลยว่าการตัดสินใจในวันนั้นจะทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไปจนคาดไม่ถึง...




TBC...

ออฟไลน์ orange_object

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
Re: Under the blue sky :: 01 21/12/56
«ตอบ #2 เมื่อ21-12-2013 03:43:29 »

ชอบจัง  คล้ายๆดูหนังเลย  บรรยายบรรยากาศดี๊ดี
ยิ่งตอนต้นเรื่องที่พูดถึงห้องสมุดกับฝนตกน่ะ  สวยง่ะ 
อ่านตอนหนาวๆนี่  ชวนเคลิ้มดีจัง  55+

ว่าที่คุณหมอได้น้ำเต้าหู้ไปแล้วจะว่ายังไงนี่
แล้วชีวิตธีร์จะเปลี่ยนไปยังไง  รอจ๊ะ  ^___^

ปล. เขียนอีกๆ
ปล.2 under the blue sky  อืม...ภายใต้ฟ้าสีหม่น  หรือ  ภายใต้ฟ้าสีครามดีล่ะ
       เรื่องนี้จะไปทางไหนน้อ??

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
Re: Under the blue sky :: 01 21/12/56
«ตอบ #3 เมื่อ21-12-2013 05:30:43 »

คุณหมอxวิศวะ
หรือ
วิศวะxคุณหมอ

รู้สึกจะอย่างแรกนะ :hao6:

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
Re: Under the blue sky :: 01 21/12/56
«ตอบ #4 เมื่อ21-12-2013 10:24:12 »

ชอบค่ะ บรรยากาศดูเย็นๆเรื่อยๆดี
สงสัยคงได้มากกว่าส่งของกิน

ติดตามค่ะ

ออฟไลน์ AGALIGO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4
Re: Under the blue sky :: 01 21/12/56
«ตอบ #5 เมื่อ21-12-2013 15:58:15 »


ชีวิตเปลี่ยนเพราะน้ำเต้าหู้ถุงเดียว

มันจะเปลี่ยนไปยังไงนะ

+ 1 + เป็ดจ้า

Rinze

  • บุคคลทั่วไป
Re: Under the blue sky :: 01 21/12/56
«ตอบ #6 เมื่อ21-12-2013 20:19:24 »

บรรยาหาศเรื่องๆสบายๆ ชอบจัง

แต่น้ำเต้าหู้ไม่ใส่น้ำตาลนี่กินไม่ได้จริงๆนะ หวานน้อยคือมากสุด ฮ่าฮ๋า
+1 จ้า

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Under the blue sky :: 01 21/12/56
«ตอบ #7 เมื่อ23-12-2013 12:22:13 »

ติดตามจ้า

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
Re: Under the blue sky :: 01 21/12/56
«ตอบ #8 เมื่อ24-12-2013 05:25:20 »

ชีวิตจะเปลี่ยนไปยังไง รอเฉลยยย

ออฟไลน์ Jthida

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
Re: Under the blue sky :: 01 21/12/56
«ตอบ #9 เมื่อ24-12-2013 07:33:23 »

ตามจ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Under the blue sky :: 01 21/12/56
« ตอบ #9 เมื่อ: 24-12-2013 07:33:23 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ moon

  • We write our own destiny. We become what we do.
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 75
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
Re: Under the blue sky :: 01 21/12/56
«ตอบ #10 เมื่อ24-12-2013 08:55:57 »

เล่าเรื่องได้น่าติดตามดีค่ะอยากรู้จังว่สจะมีอะไรเปลี่ยนไปรอนะ^^ :L2:

ออฟไลน์ velvetronica

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-1
Re: Under the blue sky :: 01 21/12/56
«ตอบ #11 เมื่อ27-12-2013 13:04:37 »

02


‘อยู่มหาลัยฯเดียวกันมาจะครบ 4 ปีเพิ่งจะมาบังเอิญเจอกันครั้งแรก ต่อไปก็คงไม่ได้เจอกันหรอก’

ตรรกะง่ายๆ ตรงไปตรงมา กันตธีร์คิดคำนวณตามหลักความน่าจะเป็น แคลคูลัส อนุพันธ์เชิงซ้อน และสัมพันธภาพไปจนถึงเคโมไดนามิค ก็ยังไม่เข้าใจว่ามันผิดตรงไหน


เวลาหลังเลิกเรียนทำให้ประชากรคณะวิศวะและคณะข้างเคียงกระจายอยู่ทั่วบริเวณ แต่คนตัวสูงพร้อมลักษณะพิเศษบางอย่างดูจะชวนให้อยู่ในครรลองสายตาได้โดยง่าย


“เฮ้ยตัวเล็ก” พ่อหมีตะปบไหล่พลางพยักเพยิดไปที่หน้าคณะ “เพื่อนมึง”


ชายหนุ่มพยักหน้าตอบเล็กน้อยเพราะสังเกตเห็นอยู่ก่อนแล้ว

กฤษณ์รู้จักโชติภัทรจากกันตธีร์ เป็นหนึ่งในคนที่หัวเราะเขาหัวทิ่มหัวตำในตอนนั้น ซึ่งคนที่เอาใจใส่คนอื่นอย่างคุณพ่อหมีย่อมจำคนได้แม่นกว่าหลายขุม

กันตธีร์เดินเข้าไปทักก่อน เมื่อร่างสูงโปร่งหันมาเห็นก็คลี่ยิ้มให้ แม้จะไม่มีเสื้อกาวน์สีสะอาดพาดอยู่บนแขนก็ไม่ได้ทำให้รัศมีความเป็นนักศึกษาแพทย์ลดลงแม้แต่น้อย ท่าทางแบบนี้ดูยังไงก็ไม่ใช่เด็กวิศวะ ...ทำให้นึกเจ็บใจมากขึ้นไปอีกกับความเข้าใจผิดของตนเองเมื่อ 3 ปีก่อน


“ธีร์!” นักศึกษาต่างคณะเรียกอย่างยินดี “พอดีเลย ขอยืมมือถือได้ไหม”

“ห๊ะ ทำไมวะ” ปากก็ถามแต่มือก็ยื่นของที่อีกฝ่ายขอให้

“ขอบคุณมาก พอดีว่า...”


“พี่โช!”


เด็กหนุ่มตัวใหญ่ในเสื้อชอปคณะวิศวะเดินตรงเข้ามาพร้อมสีหน้ายุ่งยากและผมเผ้ายุ่งเหยิง หน้าตาท่าทางเหมือนไม่ได้นอนทั้งคืน แต่ก็ยังกลบรัศมีความหน้าตาดีเกินมนุษย์เดินดินปกติได้ไม่มิด


“วี/เชี่ยวี?” กันตธีร์ประเมิณคร่าวๆ ได้ว่าอีกฝ่ายคงเป็นน้องปี1 และท่าทางจะรู้จักกับเพื่อนรักของเขาด้วย

“พี่หมี พี่ธีร์ หวัดดีครับ” ‘วีรภัทร’ หรือ ‘เชี่ยวี’ ของไอ้หมีทักพี่คณะเสร็จก็เปิดฉากบ่นพี่ชายอย่างไม่สนใจใคร “มือถือพี่เป็นไร ผมโทรหาพี่ไม่ได้เลย”

“โทษที แบตหมดน่ะ ลืมชาร์จ” โชติภัทรตอบพลางสำรวจสภาพน้องชาย “แล้วนี่ไปได้รึเปล่า...”

“ได้ๆ แต่ขอสักชั่วโมง ไปไหนก่อนก็ได้ เดี๋ยวเสร็จแล้วผมโทร...” คนอดนอนพูดไปก็ชะงัก

“ไม่เป็นไร พี่กลับหอไปชาร์จแบตมือถือก่อนได้”

“เดี๋ยวๆ มือถือมึงอะไร” กฤษณ์ที่ยืนฟังอยู่ถามผ่ากลางสองพี่น้อง แถมยังถาม ‘คนรู้จัก’ อย่างสนิทสนมจนงงกันทั้งวง “ยืมที่ชาร์จพวกกูก็ได้”

“เออจริง เดี๋ยวต้องไปรอคนอื่นอีกนาน ไปนั่งรอด้วยกันก็ได้นะ จะได้ไม่ต้องถ่อกลับหอ” ธีร์สำทับเพราะชินกับอาการขี้สนิทชิดเชื้อของเพื่อน

“เออๆ งั้นฝากพี่ผมด้วยนะพี่หมี อย่าให้โดนสาวๆ คณะเรางาบ ผมไปล่ะ” พอเห็นว่าคงมีทางออกคนมีงานไฟลนก้นก็ขอตัวกลับไปปั่นทันที


“เพิ่งรู้ว่าเชี่ยวีเป็นน้องพี่จิ” กฤษณ์เอ่ยอย่างแปลกใจ พลางหันมาถามความเห็นเพื่อนด้วยสีหน้า “ไม่เห็นเหมือนเลย”

“พี่จิจบไปตั้งนานกว่าวีจะเข้าที่นี่ ไม่รู้ก็ไม่แปลกหรอก แถมพี่จิก็หน้าตาไม่เหมือนวีเท่าไหร่ด้วย”


คนตอบคือลูกชายคนกลางบ้านรัตนพิบูลพรรณ

กันตธีร์รู้ตั้งแต่ปี1 ว่าอีกฝ่ายเป็นน้องชายของพี่ว้ากสุดที่รักนามว่า ‘จิรภัทร’ หรือ ‘พี่จิ’ อันเป็นพี่สุดเคารพรักของน้องๆ แต่ที่ไม่รู้คือ บ้านนี้ยังมีน้องชายอีกคน แถมยังมาเข้าปี1 คณะวิศวะที่เดียวกับพี่ชายอีกด้วย

แต่พอตั้งใจสังเกตเข้าจริงๆ โชติภัทรกับน้องชายก็มีรูปร่างหน้าตาไปทางเดียวกันอยู่มาก เพียงแต่นักศึกษาแพทย์คนนี้ดูจะมีบุคลิกที่นิ่งและเนี๊ยบราวกับสูทสั่งตัด ต่างกับน้องชายว่าที่วิศวกรที่เหมือนเสื้อผ้าแฟชั่นที่ไม่มีกฏเกณฑ์แต่โดดเด่นจนน่าเหลียวมอง


“เอ้อ ขอบใจนะเรื่องที่ชาร์จ”

“ไม่ต้องไปขอบใจมัน” กันตธีร์ค้านฉับ ก่อนจะทำหน้าประนามใส่เพื่อน “มันจะมีที่ชาร์จไอโฟนให้ยืมได้ไง แม่งยังใช้ซัมซุงฮีโร่อยู่เลย”

“เดี๋ยวกูก็หาให้ได้น่า” กฤษณ์บ่นก่อนจะเดินนำออกไป ไม่สนใจคนจะยืมที่ทำหน้าเหวอ กับเพื่อนสนิทที่ได้แต่กลอกตาไปมา





แล้วโชติภัทรก็ได้รู้ว่าเพื่อนร่างยักษ์คนนี้สามารถ ‘หา’ ให้ได้จริงๆ

คนกลุ่มใหญ่ส่งเสียงดังไปทั่วโถงใต้ตึกกลางคณะวิศวกรรมศาสตร์ แต่นอกจากจะไม่มีใครมีท่าทีรำคาญแล้ว ยังมีคนที่เดินผ่านไปผ่านมายังแวะเข้ามาเพิ่มเรื่อยๆ อีก


คนมนุษยสัมพันธ์ดีมักจะมาจากพื้นฐานครอบครัวที่อบอุ่นปลอดภัย...


“เสียงดังหน่อยนะ” โชติภัทรที่กำลังเหม่อสะดุ้งเล็กน้อย แต่คนมาใหม่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มนอกจาก “นั่งด้วย”


อากาศยังคงร้อนอบอ้าวสมกับที่เป็นหน้าฝนของประเทศเขตร้อนชื้น เพียงแต่ลมที่โกรกสบายก็ช่วยให้เหงื่อแห้งได้บ้าง กลางเดือนสิงหาคมยังห่างไกลจากหน้าหนาวแต่เวลาที่ล่วงจนเย็นก็เริ่มจะทำให้แสงสว่างกลายเป็นสีส้มชวนแสบตา


ผู้มาเยือนต่างคณะเงยหน้าจากหนังสือเรียนที่ติดมือมาด้วย เขารู้สึกล้าในกระบอกตาจากแสงที่เริ่มน้อยลงทุกที แต่คนที่นั่งอยู่ข้างยังคงนั่งอ่านหนังสือไปเรื่อยอย่างไม่ทุกข์ร้อน

ชายหนุ่มแยกออกมานั่งคนเดียวเพราะต้องการปลั๊กไฟในการชาร์จแบตมือถือ แถมยังเกรงใจที่จะเข้าไปนั่งรวมกลุ่มกับชาวคณะวิศวะอีกประการ ...แต่คนข้างๆ


“หืม? มีอะไร” คนถูกพาดพิงในความคิดเงยหน้าขึ้นจากหนังสือเพราะรู้สึกว่าถูกมอง

“...เปล่า แค่จะถามว่าเปิดไฟตรงไหน” เจ้าของคณะฟังดังนั้นก็ปิดหนังสือในมือแล้วลุกไปกดสวิตช์ไฟ

“น้องนายมันบอกว่าชั่วโมงนึงไม่ใช่เรอะ นี่มันเกือบชั่วโมงแล้วนะ” โชติภัทรเหลือบมองมือถือที่ตอนนี้มีแบตและเปิดใช้งานได้แล้วแต่ยังคงนิ่งสนิทอยู่

“คงยังทำงานไม่เสร็จ” คนเป็นพี่ตอบพลางขมวดคิ้ว “ป่านนี้แล้วรถคงติดน่าดู”

“จะไปไหนกัน?” คนถามเหมือนจะถามไปอย่างนั้นเพราะเจ้าตัวหันกลับไปจับหนังสือแล้ว

“วันเกิดแม่น่ะ ที่บ้านนัดกินข้าวกันไว้ที่...” ชื่อโรงแรมแห่งหนึ่งในเมือง “สงสัยจะสายแน่”

“อืม...”


กันตธีร์พยักหน้ารับคำตอบ แล้วกลับมาสนใจของมือต่อ แต่ก็ตั้งสมาธิอยู่ได้แค่บรรทัดเดียวเพราะรู้สึกถึงสายตาของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ


“ชอบคนเขียนคนนี้หรือ”

“มี...ก็ไม่เชิง เพิ่งเคยอ่านเรื่องที่สอง” คำถามนั้นทำให้ฝ่ายที่กำลังจะออกปากอีกรอบว่ามีอะไรต้องชะงัก แล้วกลับลิ้นใหม่ “เคยอ่านอยู่เรื่องนึงแล้วชอบ แต่พอมาอ่านเรื่องนี้แล้วมัน...บอกไม่ถูก”

“ธีร์เคยอ่านเรื่องไหน ถ้าเป็นเรื่อง...” ชื่อหนังสือที่เขาเคยอ่าน “ก็ไม่แปลกหรอก นักเขียนคนนี้เพิ่งเคยเขียนแนวนั้นครั้งแรก ส่วนใหญ่มักจะเขียนเรื่องแบบเล่มนี้มากกว่า”

“ท่าจะจริงแฮะ...น่าเสียดาย”

“อืม...แต่ถ้าแนวนั้นน่าจะลองอ่านของ...”


และแล้วสิ่งพิมพ์บนมือก็ไม่ได้รับความสนใจอีก ประเด็นการสนทนาถูกเปิดขึ้นโดยไม่มีทีท่าว่าจะปิดลง

โชติภัทรเป็นนักอ่านคนหนึ่งเหมือนกัน นั่นเป็นความรู้ใหม่สำหรับกันตธีร์ นักศึกษาแพทย์ก็มีงานอดิเรกเป็นการอ่านหนังสือได้เหมือนกัน...นึกว่าจะเอียนการอ่านกันไปหมดแล้วเสียอีก

น้ำเสียงเรื่อยๆ ของว่าที่คุณหมอฟังสบายหู น่าจะเป็นขวัญใจคนไข้อยู่ไม่น้อย นานแล้วที่เขาหาคนมีรสนิยมการอ่านเหมือนกันไม่ได้ คณะวิศวกรรมศาสตร์ก็ไม่ค่อยนิยมการอ่านแบบคณะอักษรศาสตร์ แถมเขาเองแม้จะอ่านหนังสือได้ทุกแนว แต่ที่ชอบเป็นพิเศษก็หนังสือสไตล์ที่คุณเพื่อนสนิทให้นิยามว่า ‘อ่านแล้วหัวหนัก’ จึงยิ่งหาคนคุยด้วยยากขึ้นไปอีก...จึงทำให้เขาถูกใจบทสนทนาของคนตรงหน้าไม่น้อย


“ตัวเล็ก!!”


เสียงตะโกนลั่นดังข้ามมายุติการแลกเปลี่ยนข้อมูล คนกลุ่มใหญ่ที่นั่งรากงอกอยู่นานได้ฤกษ์ขยับลุกกันบ้าง วันนี้กลุ่มของเขานัดไปฉลองกันจึงมานั่งรวมพลกันใต้ตึกกลางเพื่อรอคนครบ


“ครบแล้ว ไปยัง”

“เออๆ” เจ้าของชื่อตัวเล็กตะโกนตอบเพื่อน ก่อนจะหันกลับมาหาคนข้างๆ “ไปก่อนนะ”

“อืม ไว้มายืมหนังสือได้นะ ถ้าคนเขียนคนนี้ฉันมีทุกเล่ม” โชติภัทรยิ้มให้เหมือนทุกครั้ง แต่ทำให้กันตธีร์เบิกตาตี่ๆ จนโต

“เฮ้ย ยืมได้จริงป่ะ” พอเจ้าของพยักหน้าคนจะได้อ่านหนังสือฟรีก็ยิ้มกว้างขวาง “งั้นขอเบอร์หน่อย”


คนถูกขอเบอร์ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะบอกเบอร์ตัวเองให้อีกฝ่ายกดยิงมา

กันตธีร์บอกลา ‘คนรู้จัก’ แล้วหันหลังวิ่งตามกลุ่มเพื่อนตัวเองไป เมื่อเหลือบกลับมาดูก็เห็นอีกฝ่ายกำลังคุยโทรศัพท์และลุกขึ้นยืน

น้องชายคงทำงานเสร็จแล้ว ก็ดี...ขืนอยู่ดึกกว่านี้ได้บริจาคเลือดเป็นถุงแน่ๆ ยุงคณะนี้ก็ดุน้อยเสียเมื่อไหร่ ดีไม่ดีจะได้ไข้เลือดออกกลับไปด้วย





ลมเย็นๆ ไม่ทำให้เหนียวตัวน้อยลง แต่ก็ช่วยให้ใจเย็นลงได้บ้าง คนกลุ่มใหญ่จึงเคลื่อนตัวออกจากคณะอย่างไม่เร่งรีบ แม้จะมีบางคนเริ่มครวญครางแทนกระเพาะอาหารแล้วก็ตาม

ชายหนุ่มร่างเล็กที่สุดในกลุ่มไม่ถนัดเป็นคนเปิดบทสนทนานัก เขาได้แต่เออออและหัวเราะไปกับทุกคนเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่น่าเบื่อเลยสักนิดเมื่อทุกคนพร้อมที่จะใช้วาจาหาเรื่องกันไปมาลากทุกคนเข้ามาร่วมวงได้อย่างแนบเนียน

เพราะมีแต่เพื่อนแบบนี้ บางทีที่อยู่คนเดียว คนปลีกวิเวกอย่างกันตธีร์ก็เลยอดจะรู้สึกเหงาขึ้นมาบ้างไม่ได้เหมือนกัน


“เพื่อนธีร์หล่อนะ” เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งหันมาพูด

“แอมจะจีบมั๊ยล่ะ นักศึกษาแพทย์เลยนะ ดูดีมีอนาคตสุดๆ” กันตธีร์อมยิ้ม ขายบุคคลที่สามเต็มที่ “หน้าตาดี ดูน่าจะเรียนเก่งด้วย”

“ข้อดีเพียบ แต่มีข้อเสียตรงเป็นเพื่อนธีร์สินะ” หญิงสาวนามว่า ‘แอม’ หรือ ‘พิชามณ’ ส่งยิ้มหวานอวดลักยิ้มคืนมา ผมซอยสั้นล้อมใบหน้าสวยเก๋ปลิวไปตามลม

“แอมมมมมมมมม...” คนโดนว่าโอดครวญใส่ ก่อนจะหัวเราะไปกับคนอื่นด้วย

“นั่นอ่ะ น้องชายพี่จิ พี่ว้ากสุดที่รักของพวกเราเลยนะ” พ่อหมีเฉลยให้เพื่อนฟัง “แถมยังเป็นพี่ชายไอ้เชี่ยวีปี1ด้วย”


เพื่อนในกลุ่มพร้อมใจกับฮือฮาอย่างมิได้นัดหมาย ทุกคนต่างจำความโหดเหี้ยมของคุณพี่ว้ากได้เป็นอย่างดี และหลายคนก็รู้จักวีรภัทรเป็นอย่างดีเช่นกัน ประเด็นสนทนาจึงเบี่ยงออกจาก ‘เพื่อนธีร์’ เป็น ‘พี่จิมีทายาทจอมอสูรอยู่ในคณะ’


หลังจากออกไปกินข้าว เดินเล่น ร้องคาราโอเกะจนดึกดื่น กลุ่มชาวคณะวิศวะปี4ผู้ไม่เจียมสังขารก็ได้ฤกษ์กลับบ้านช่องกัน กันตธีร์ กฤษณ์และเพื่อนอีกคนเป็นมนุษย์หอจึงแยกออกมากลับไปที่มหาลัย


ชายหนุ่มเอนหลังลงกับเตียง การอาบน้ำทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น แต่เขาก็รู้สึกขี้เกียจเกินกว่าจะคิดเรื่องโปรเจคจบตอนนี้ ซึ่งอันที่จริงเขาก็จัดการเอาไว้แล้วส่วนหนึ่งจึงยังไม่ต้องรีบร้อนนัก

คนขี้เกียจหยิบหนังสือที่อ่านค้างไว้เมื่อตอนเย็นขึ้นมาพลิกดูอย่างไม่คิดจะอ่าน แต่ขณะที่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ไอโฟนที่วางอยู่ข้างตัวก็ร้องขึ้น ทำให้ต้องหยิบมาดู


Chotipat send you a picture.


ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจก่อนจะสไลด์เข้าไปดูใน App Line

รูปชั้นหนังสือแน่นขนัดถูกส่งมา ทุกรูปเห็นสันหนังสือที่เรียงอยู่อย่างชัดเจน


‘อยากยืมเล่มไหนก็บอกแล้วกัน’


ฝ่ายรับสารผุดลุกขึ้นมานั่งและพิมพ์ขอบคุณตอบกลับไปทันที ทำขนาดนี้คงให้ยืมได้จริง ไม่ได้พูดตามมารยาทไปอย่างนั้น
ขนาดนี้...ถ้าเขาไม่ตั้งใจเลือกก็คงเสียมารยาทน่าดู


‘ไม่เป็นไร’


อีกฝ่ายตอบมาสั้นๆ แต่เมื่อพิมพ์ถามอะไรไปก็ตอบกลับมาอย่างละเอียด

...ชวนให้ยิ้มกว้างโดยไม่รู้ตัว


“ตัวเล็ก จะนอนยัง กูปิดไฟนะ” กฤษณ์หันไปถามเมื่อยังเห็นรูมเมทนั่งเล่นมือถืออยู่บนเตียง

“ปิดเลยๆ” ตอบโดยไม่มองหน้า แถมพูดจบก็ล้มตัวห่มผ้าเหมือนจะนอนแต่มือก็ยังกดมือถือต่อไป


พ่อหมีส่ายหน้า รู้ดีว่าอีกฝ่ายยังไม่นอนแน่ๆ แต่ก็ขี้เกียจลุกมาปิดไฟเองทีหลัง เขาจึงกดปิดไฟแล้วเดินไปนอนบนเตียงตัวเองที่อยู่อีกฝั่งของห้องแคบๆ

...แต่ที่กฤษณ์ไม่รู้ก็คือ แสงไฟจากหน้าจอมือถือยังคงสว่างไปอีกค่อนคืน



TBC ... next year


::talk::

สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าค่าาาาาาาาา

รีบปั่นมาแปะก่อนปีใหม่ เพราะเดี๋ยวจะไปเที่ยวยาว ตอนต่อไปหายยาวหน่อยเน้อ  :mew6:

เรื่องคิดไว้ว่าบรรยากาศจะเป็นแบบเรื่อยๆเย็นๆ โทนสีฟ้าๆ(?)ตลอดทั้งเรื่อง คงไม่มีอะไรหวือหวาเท่าไหร่ แต่ขอฝากโชติภัทร-กันตธีร์ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจทุกคนด้วยนะคะ

จะบอกว่าดีใจมากที่มีคนอ่าน ขอบคุณที่ติดตามนะคะ  :pig4:


::comment::

orange_object : ขอบคุณค่า คิดไว้ว่าคงมีหลายๆสี ทั้งสดใส ทั้งหม่นหมอง แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ คนเขียนนิยมแฮปปี้เอนดิ้งค่ะ :D

bulldog17 : คิดว่า...น่าจะอย่างแรกมั้งคะ 55555

quiicheh. : ขอบคุณค่า คิดว่าคงจะเย็นๆเรื่อยๆไปอย่างนี้แหละค่ะ

AGALIGO : ขอบคุณค่า ตอนแรกเคยคิดด้วยนะคะว่าจะชื่อเรื่องอุบัติรักน้ำเต้าหู้ แต่คงไม่มีใครกดมาอ่าน 5555

Rinze : ใช่เลยค่ะ น้ำเต้าหู้มันต้องหวานน้อยจริงๆ เราก็เป็นแฟนคลับน้ำเต้าหู้เหมือนกัน ขอบคุณนะคะ :)

B52 : จะพยายามต่อไวๆนะคะ

ดาวโจร500 : ถึงจะเปลี่ยนไปยังไงก็คงจะเรื่อยๆเหมือนเดิมอ่ะค่า 555

Jthida : จะพยายามต่อไวๆนะคะ

moon : ขอบคุณค่า :) แต่ยังไงก็คงจะเรื่อยๆแบบนี้ล่ะค่ะ 555

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: Under the blue sky :: 02 [27/12/56]
«ตอบ #12 เมื่อ27-12-2013 13:31:52 »

เค้าจะเริ่มซึมซับกันอย่างไม่รู้ตัวสินะ

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
Re: Under the blue sky :: 02 [27/12/56]
«ตอบ #13 เมื่อ27-12-2013 16:45:50 »

บรรยากาศชิวๆเรื่อยๆรอดูตอนหน้า

ป.ล.พ่อหมีน่ารักจัง :mew1:

Rinze

  • บุคคลทั่วไป
Re: Under the blue sky :: 02 [27/12/56]
«ตอบ #14 เมื่อ27-12-2013 21:29:56 »

อ๊ายน่ารัก บรรยากาศชิวมาก
เหมือนวัยรุ่นแรกรัก ^^

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
Re: Under the blue sky :: 02 [27/12/56]
«ตอบ #15 เมื่อ28-12-2013 00:00:32 »

ค่อยๆรู้จักค่อยๆสนิทกันเนอะ ชอบค่ะเนื้อเรื่องดูเรื่อยๆเย็นๆ อ่านแล้วสบายๆ :D

ออฟไลน์ AGALIGO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4
Re: Under the blue sky :: 02 [27/12/56]
«ตอบ #16 เมื่อ28-12-2013 13:24:40 »


ว่าแต่ทำไมถึงปล่อยให้เวลามันล่วงเลยมาตั้งนานล่ะ

ชอบพ่อหมีจัง

+ 1 + เป็ดจ้า

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
Re: Under the blue sky :: 02 [27/12/56]
«ตอบ #17 เมื่อ28-12-2013 19:45:31 »

ค่อยเป็นค่อยไป  รออ่านจ้า

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
Re: Under the blue sky :: 02 [27/12/56]
«ตอบ #18 เมื่อ29-12-2013 11:11:49 »

เรื่อยๆมาเรียงๆ  จีบกันอีกทีก็  ปี 4  แล้ว  รักซึมลึก

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
Re: Under the blue sky :: 02 [27/12/56]
«ตอบ #19 เมื่อ29-12-2013 14:38:47 »

ไม่หวือหวาแต่อบอุ่นนะ อิอิ  :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Under the blue sky :: 02 [27/12/56]
« ตอบ #19 เมื่อ: 29-12-2013 14:38:47 »





ออฟไลน์ velvetronica

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-1
Re: Under the blue sky :: 02 [27/12/56]
«ตอบ #20 เมื่อ09-01-2014 19:24:11 »

03



กฤษณ์รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ

ทั้งๆ ที่พระอาทิตย์ก็ยังสาดแสงแผดเผาสิ่งมีชีวิตบนโลกตามปกติ ฝนก็ยังตกเรื่อยๆ ราวกับจะไม่ให้คนออกจากบ้านเป็นปกติ และอากาศปลายเดือนสิงหาคมก็ยังคงร้อนอบอ้าวอย่างปกติ


หนุ่มร่างยักษ์หันซ้ายหันขวา ก่อนจะหยุดคิด แล้วหันซ้ายขวาอีกรอบ


“หมี หาถังน้ำผึ้งไม่เจอหรือ” คำกระเซ้าพร้อมรอยยิ้มจากพิชามณเรียกเสียงหัวเราะจากคนอื่นได้เป็นอย่างดี “ว่าไงมองหาอะไร”

“...ไอ้ตัวเล็กมันหายไปไหนอีกแล้ววะ” คำถามนั้นทำให้ทุกคนเริ่มหันมองกันเอง


“มันกลับหอไปแล้ว”


คนทั้งกลุ่มหันไปตามเจ้าของเสียงที่เฉลยด้วยสีหน้าเซ็งจัด


“ห๊ะ กลับหอตอนนี้อ่ะนะ” ใครสักคนถามขึ้น

“เออ บอกว่ามีหนังสือที่ต้องรีบอ่านให้จบ”

“มึงเลยมาทำหน้าหมาหงอยอยู่เพราะไอ้ตัวเล็กมันไม่สนใจมึงอ่ะนะ เชี่ยเจ” ‘เชี่ยเจ’ คิ้วกระตุกทันที ในขณะที่คนพูดอย่างกฤษณ์หัวเราะก๊ากอย่างไม่เกรงใจ


เป็นอันรู้กันโดยทั่วว่า ‘จิรณัฐ’ หรือ ‘เชี่ยเจ’ หนุ่มหล่อสำอางค์ไฮโซดีกรีเดือนวิศวะเป็นเกย์ และยังตั้งหน้าตั้งตาหยอดขนมจีบใส่เพื่อนในกลุ่มนามว่ากันตธีร์มาตั้งแต่เป็นเฟรชชี่หน้าใสจนจวบหน้าเริ่มมีร่องรอยของซีเนียร์ถามหา

แต่ก็เป็นอันรู้กันอีกเช่นกันว่าไอ้ตัวเล็กของเพื่อนมันสนใจโลกที่ไหน กอปรกับจิรณัฐก็หาได้จริงจัง เพราะเจ้าตัวก็มีเด็กใหม่ตลอดจนเพื่อนเลิกจะจำชื่อไปแล้ว


“กูว่าธีร์แม่งติดสาว” เดือนคณะผู้มีตำแหน่งเสริมเป็นเจ้าพ่อกรมข่าวเมาท์จุดประเด็นขึ้น

“ทำไมเจคิดงั้นล่ะ” พิชามณถามขึ้น “ช่วงนี้ธีร์หายตัวไปบ่อยก็จริง แต่ก็เหมือนติดหนังสือตามปกตินี่”

“ธีร์นะเว่ย ธีร์เด็กดีของจิรณัฐ นั่งเล่นมือถือในห้องเลคเชอร์!” คนเดียวที่เรียนภาคไฟฟ้าเหมือนจำเลยเอาหลักฐานมาขายแก่คณะลูกขุนอย่างใส่อารมณ์

“มึงก็เวอร์ไป แค่เล่นมือถือเนี่ยนะ” กฤษณ์ทำหน้าเหม็นเบื่อ ด้วยรู้นิสัยเพื่อนดี ถึงมันจะตั้งใจเรียนแต่ถ้ามีอะไรที่มันสนใจกว่าในช่วงนั้นก็ออกนอกลู่นอกทางได้ไม่ยาก “มันหาทางอ่านหนังสือเล่มที่มันว่ารึเปล่า”

“กูแอบเล็งแล้ว มันคุยLineกับใครไม่รู้นะเว่ย ปกติแม่งเล่นที่ไหน หรือมึงจะบอกว่ามันคุยกับมึง” จิรณัฐเหน็บกลับ เพราะซัมซุงฮีโร่สีดำของกฤษณ์เป็นตำนานโจ๊กตลอดกาลของเพื่อน

“ธีร์ก็คุยLineกับที่บ้านนะ”

“พ่อแม่กับน้องนี่คุยไปยิ้มไปด้วยหรือไงแอม” คนเปิดประเด็นเริ่มหงุดหงิดที่เพื่อนไม่มีทีท่าจะเชื่อ “พวกมึงจะเชื่อไม่เชื่อ แต่กูว่า ชัวร์!!”


กฤษณ์กับพิชามณหันมามองหน้ากัน ทั้งกันตธีร์และทั้งคู่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ขึ้นมัธยมปลาย จึงสนิทกันดีที่สุดในกลุ่ม แต่ไม่ยักกับเคยได้ยินเรื่องสาวในจินตนาการของจิรณัฐ


“...แต่ก็ไม่แปลกหรอก ธีร์ไม่ค่อยเล่าอะไรอยู่แล้ว ขนาดกับหมีกว่าจะเล่ายังเป็นแฟนกันก่อนค่อยมาบอกเลย”


สิ้นคำเพื่อนสาวคนสนิททุกคนก็ได้แต่นิ่ง ...เพราะมันจริงที่สุด


++++++


สำหรับกันตธีร์ไม่มีอะไรจะเป็นสุขมากไปกว่ามีที่ทอดกายนิ่มๆ พัดลมสักตัว และหนังสือในมือ


ชายหนุ่มพลิกกายไปมาบนที่นอนซึ่งถูกจัดไว้ด้วยหมอนเป็นที่เอนหลังและรองคอ การที่นอนท่าเดิมต่อกันมาหลายชั่วโมงทำให้เริ่มเมื่อยขบตามตัว แต่เขาก็รู้สึกรากงอกเกินกว่าจะลุกขึ้น

หนังสือที่เป็นเป้าหมายในวันนี้ถูกพิชิตเป็นที่เรียบร้อย กันตธีร์มองขุมทรัพย์ส่วนตัวอย่างอารมณ์ดี เขาคิดขนาดว่าถ้าหากมีทำงานมีเงิน มีบ้านเป็นของตัวเองแล้วจะสร้างห้องสมุดเอาไว้ในบ้าน ถ้ามีลูกก็จะอ่านหนังสือให้ลูกฟัง สอนให้รักการอ่าน

ซึ่ง...มันจบตั้งแต่ยังหาแม่ของลูกที่รักการอ่านไม่ได้


ชีวิตนี้เขาก็มีแฟนมาแล้วหลายคนแต่ทุกคนก็ต้องจบไปแบบที่ไม่ค่อยสวยงามนัก

แม้กระทั่ง ‘พิมพ์นภา’ หญิงสาวที่เพิ่งเลิกลากันไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งเขาคบด้วยนานที่สุด และเคยคิดว่าเข้าใจเขามากที่สุด


‘พิมพ์พูดจริงๆ นะธีร์...ธีร์รักพิมพ์บ้างหรือเปล่า’ พิมพ์นภาไม่ใช่คนสวยแต่ร่าเริงและมีเสน่ห์ ซึ่งคนตรงหน้าที่กำลังร้องไห้เหมือนไม่ใช่ใครที่ชายหนุ่มคุ้นเคยเลยสักนิด

‘ธีร์ดีกับพิมพ์มากๆ แต่ธีร์เหมือนทำมันเป็นหน้าที่ ธีร์ทำทุกอย่างเหมือมันควรจะทำ...ไม่ใช่ธีร์อยากทำ’

‘พิมพ์เหนื่อย...พิมพ์ตามธีร์ไม่ไหวแล้ว’

‘พิมพ์รักธีร์จริงๆนะ แต่ธีร์รักพิมพ์บ้างรึเปล่า’

กันตธีร์ได้แต่ยืนมองผู้หญิงที่เคยคิดว่าจะอยู่ด้วยกันเรื่อยไปเดินจากไป เขาทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจ เพราะชายหนุ่มเองก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่มีให้กับผู้หญิงคนนี้คือความรักหรือไม่...แต่เขาก็พร้อมที่จะดูแลเธอไปตลอดชีวิต


กฤษณ์ไม่ปลอบเขาสักคำ ซึ่งเพื่อนสนิทคนนี้ก็คงรู้ดี ว่ากันตธีร์เสียใจมาก...แต่ก็น้อยกว่าที่คิดจนน่าตกใจ

มันก็เป็นความเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจที่คิดเหนี่ยวรั้งผู้หญิงสักคนเอาไว้ทั้งที่ไม่รักกัน


พิมพ์นภาตัดการติดต่อทุกอย่างจากเขา แต่ด้วยความที่เธอเรียนอยู่คณะเดียวกับน้องสาวแท้ๆ ทำให้ข่าวสารของเธอก็ยังมีมากระทบหูอยู่บ้าง ซึ่งกันตธีร์ก็ได้แต่อวยพรให้เธอได้รับความรักจริงๆ เสียที


แล้วสุดท้ายเขาอาจจะได้แต่งงานกับหนังสือจริงๆ อย่างที่พิชามณเคยล้อเลียน






เสียงไขกุญแจทำให้คนที่นอนพังพาบอยู่รับรู้การกลับมาของรูมเมท กันตธีร์ยกมือทักอีกฝ่ายโดยที่ไม่ได้หันไปมอง กฤษณ์จึงเดินมานั่งที่ปลายเตียง


“เชี่ยเจมันโวยวายใหญ่ว่ามึงไม่สนใจมัน”

“...ไม่ชินหรือไง” เจ้าของเตียงยกศีรษะขึ้นมาจากกองหมอนเพื่อมองหน้าอีกฝ่าย

“ชิน แต่มึงก็น่าจะบอกไปว่าไม่ชอบ มันจะได้เลิกทำแบบนี้สักที”

“ก็ไม่ได้ไม่ชอบ แต่ก็ไม่ได้ชอบ”

“...มึงก็เอาแต่พูดแบบนี้” พ่อหมีของลูกตัวเล็กส่ายหัวอย่างระอา

“แล้วเจมันเอาอะไรไปฟ้องพวกมึง” จำเลยทวงถามคำร้องเป็นการเปลี่ยนเรื่อง

“มันบอกว่ามึงติดสาว” กฤษณ์อมยิ้มเมื่อเห็นต้นเหตุขมวดคิ้ว “มึงเล่น Line ในห้องเลคเชอร์”

“อ้อ...” คนไม่ตั้งใจเรียนกลับไปทิ้งตัวใส่เตียงอีกครั้ง “งั้นไปบอกมันว่ากูไม่ได้ติดสาว แต่ติดหนุ่มคณะแพทย์”

“หืม นี่กูกำลังจะมีเพื่อนเป็นเกย์อีกคน?”

“ใช่ เพื่อนเขยมึงหล่อด้วย เก่งด้วย ภูมิใจมั๊ย”

“นี่มึงจะเป็นสะใภ้?”

“อ่ะแน่นอน เดี่ยวพรุ่งนี้กูจะลุกมาติดขนตาปลอมให้มึงดูก่อนไปเรียน” สาวพร้อมจะข้ามเพศยักคิ้วให้ “กูสวยนะ นี่บอกเลย”

“คิดแล้วทุเรศสัด”


พูดจบก็ทิ้งตัวลงมานอนแย่งที่จนเจ้าของเตียงต้องปาหมอนใส่คนที่หัวเราะอย่างบ้าคลั่งด้วยความหมั่นไส้


“ล้อเล่นกับกูน่ะได้ แต่อย่าไปพูดแบบนี้กับเชี่ยเจนะตัวเล็ก”

“...รู้แล้วน่า”


มือใหญ่เอื้อมมาขยี้หัวด้วยความหมั่นไส้ กันตธีร์เป็นเพื่อนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่มัธยมต้น สนิทมากจนลืมไปแล้วว่านิสัยเข้ากันไม่ได้สักนิด และสนิทจนกฤษณ์มองไอ้ตัวเล็กตรงหน้าเหมือนน้องชายอีกคน


“สรุปคือช่วงนี้มึงติดหนังสือจริงๆ”

“เออสิ กูจะเอาไปแลกเลยต้องรีบอ่านให้จบ” หนอนหนังสือส่ายหัวด้วยความสุดเซ็ง “...มึงก็รู้ว่ากูยังไม่อยากมีใครตอนนี้”

“พิมพ์นภาจะไปเจอคนที่ใช่ และมึงเองก็เหมือนกัน” ไม่เคยที่จะเลี่ยงชื่อของเธอคนนั้น แต่เขาก็ยินดีที่อีกฝ่ายพูดออกมาง่ายๆ เพราะมันทำให้ชินได้ง่ายขึ้น

“กูก็แค่ไม่อยากทำให้ใครเสียใจอีกเท่านั้นเอง”

“สักวันมึงก็จะรักใครสักคน และถ้าโชคดี...คนคนนั้นก็จะรักมึงเหมือนกัน”

“...ยากไป กูหมดหวังละ รอเลี้ยงลูกมึงดีกว่า”

“มึงรอเลี้ยงได้เลย” คนตัวใหญ่รู้ว่าโดนเปลี่ยนเรื่องเสียดื้อๆ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร “ไปกินข้าวกัน”


ซากหนอนหนังสือในกองหมอนคลานออกมาอย่างยับยู่ยี่จนคุณพ่อหมีต้องไล่จัดหน้าจัดตาให้เหมือนคนก่อนจะออกไปกินข้าว
กันตธีร์สะกิดให้เพื่อนเดินไปที่หอพักนักศึกษาแพทย์ก่อน นักศึกษาวิศวะเดินเข้าไปคุยกันเจ้าหน้าที่ใต้หอสองสามคำ เอาบัตรนักศึกษาให้ดู แล้วก็ยื่นหนังสือที่ติดมือมาไปแลกกับถุงกระดาษมา


“ฝากของกันแบบนี้ก็ได้ด้วยแฮะ” กฤษณ์มองเพื่อนที่ดูคล่องแคล่วเพราะทำแบบนี้มาหลายครั้งแล้วในช่วงเดือนที่ผ่านมา

“เพราะคณะนี้เขาไม่อยู่ติดหอกันมั้ง” กันตธีร์ตอบพลางสำรวจของในถุง

“ไม่กลัวของหายกันหรือไง ...แต่หนังสือแบบนี้ก็คงไม่มีคนเอา” กฤษณ์หัวเราะรับอาการแยกเขี้ยวจากคนที่อยากอ่าน ‘หนังสือแบบนี้’


“จะอ่านอะไรก็อ่านไปเหอะ แต่โปรเจคมึงนี่โอเคแล้วใช่ไหมวะ?”


++++++


เพลงฝรั่งดังคลอเบาๆ มากับเสียงจากเครื่องทำกาแฟและคำทักทายสดใสของบาริสตาประจำร้าน กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นอบอวลไปกับอากาศหนาวเย็นอันเกิดจากเครื่องปรับอากาศประสิทธิภาพดีชวนให้เคลิบเคลิ้มราวกับอยู่ต่างแดน

หากแดดภายนอกจะลดอานุภาพลงสักนิด...


ชายหนุ่มนั่งเท้าคางมองจอคอมพิวเตอร์ที่มีเคอร์เซอร์กะพริบในหน้าต่างไมโครซอฟต์เวิร์ดอันว่างเปล่ามาสักพักใหญ่ๆ ถ้วยกาแฟข้างตัวแห้งเหือดไปนานแล้ว แต่งานตรงหน้าก็ไม่ขยับไปไหน ปกติกันตธีร์เป็นคนที่มีความรับผิดชอบในระดับที่ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองประสบปัญหาเรื่องเรียนเรื่องงานมาก่อน ซึ่งครั้งนี้เขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมีปัญหาเช่นกัน ...จะโทษว่ามัวแต่ไปทำเรื่องไร้สาระ เช่น อ่านหนังสือจนไม่ได้หลับได้นอน มันก็ไม่เชิง เพราะเขาก็ยังเป็นเขา ยังแบ่งเวลาได้เหมือนทุกๆ ครั้ง ทั้งๆ ที่ก็คิดมาแล้ว วางแผนไว้แล้ว แต่งานก็ไม่ไปไหนเสียที


กันตธีร์ถอนหายใจ ก่อนจะบิดตัวขับไล่ความเมื่อยล้าแล้วเอนหลังพิงพนักพร้อมกับกวาดสายตาสำรวจไปทั่วร้าน

ร้านกาแฟนี้ลือกันว่าเป็นของลูกสาวอธิการบดีคนก่อน จึงสามารถมีพื้นที่ขนาดใหญ่อยู่ในมหาวิทยาลัยได้ แต่ด้วยความที่ราคาอยู่ในเกณฑ์ที่พอจะจับต้องได้และพนักงานในร้านก็เป็นมิตรจึงได้รับความนิยมมากจนปักหลักไม่ไปไหนมาได้หลายปีแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจไปแล้วก็ตาม

นี่ก็เป็นหนึ่งในร้านโปรดของชายหนุ่ม เพราะเขาเป็นพวกชอบหลบออกมาทำงานหรืออ่านหนังสือเพียงลำพัง ที่ตั้งของร้านก็ไกลจากคณะจนไม่น่าจะเจอคนรู้จัก แถมบรรยากาศก็น่านั่ง กาแฟก็รสชาติดี ทำให้ ทุกครั้งที่อยากจะทำงานใช้ความคิดก็มักจะมานั่งที่นี่เสมอ

แต่เห็นทีวันนี้คงไม่ได้งานอะไรกลับไป...


“ลองชิมขนมตัวใหม่ของทางร้านดูไหมคะ”


อาการจมจ่อมทางความคิดทำให้ไม่รับรู้สิ่งรอบตัวจนกระทั่งมีเสียงใสๆ ดังขึ้น ถาดที่มีขนมถูกตัดเป็นชิ้นเล็กๆ พอรับประทานวางเรียงกันถูกยกมาข้างตัว


“เป็นขนมปังเนื้อมีราสเบอรี่ราดด้วยครีมสด ออกเปรี้ยวๆ มันๆ ไม่หวานมากค่ะ”

“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มยิ้มตอบพนักงานร่างเล็กก่อนจะหยิบมาหนึ่งชิ้นตามมารยาท เธอก็ยิ้มหวานและยกถาดขนาดเกินตัวไปที่โต๊ะอื่น


ขนมปังชิ้นเล็กมีจุดสีแดงของเนื้อผลไม้แทรกอยู่ในเนื้อสีเหลืองนวลปาดหน้าด้วยครีมสีขาวแลดูน่ากิน กันตธีร์ส่งมันเข้าปากโดยไม่ได้คิดอะไร ก่อนจะต้องคิดใหม่เนื่องจากรสชาติเปรี้ยวนิดๆ เข้ากับความหอมมันของขนมปังเป็นอย่างดีและครีมสดที่ไม่หวานเกินไปก็ช่วยตัดรสให้นุ่มนวลมากขึ้นทำให้คนไม่ชอบของหวานได้ซึบซาบความอร่อยอย่างพึงพอใจจนอารมณ์ที่ดิ่งลงพอจะกระเตื้องขึ้นมาบ้าง


เสียงกระดิ่งบอกว่ามีคนเข้าร้านดังขึ้นทำให้คนกำลังเพลิดเพลินกับของหวานเผลอมองตามโดยไม่รู้ตัว

...ว่าจะไม่เจอคนรู้จักแล้วเชียว


คนมาใหม่ยกมือทักพร้อมรอยยิ้มจางๆ เหมือนเดิม ก่อนจะไปสั่งกาแฟที่เคาท์เตอร์ แล้วค่อยเดินมาหาที่โต๊ะ


“มาอ่านหนังสือหรือ” น้ำเสียงเรียบเรื่อยถามพร้อมกับเจ้าของที่ทรุดตัวนั่งลงตรงข้าม

“ทำงานน่ะ” กันตธีร์ตอบสั้นๆ พร้อมกับสำรวจอีกฝ่ายที่อยู่ในชุดนักศึกษาแม้จะเป็นวันหยุด

“อยู่เวร แต่ลงมาซื้อกาแฟให้พี่ๆ” โชติภัทรตอบราวกับอ่านใจได้ “หน้าที่ปี4น่ะ”

“อ้อ...”


คนนั่งอยู่ก่อนรับคำอย่างไม่แปลกใจเนื่องจากร้านนี้ก็ตั้งอยู่ติดกับส่วนของโรงพยาบาล แล้วจึงเงียบไปโดยที่ไม่รู้จะชวนคุยอะไรต่อเนื่องจากสมองตื้อเต็มที แถมยังรู้สึกกดดันจากภาวะงานไม่เดินจนใกล้เป็นโรคประสาทอยู่รอมร่อ...ไม่อยากเจอคนรู้จักเพราะแบบนี้นี่แหละ


“ธีร์”

“หืม”

“เป็นอะไรหรือเปล่า”


กันตธีร์ถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะส่ายหัว


“โทษที ฉันกำลังอารมณ์ไม่ดี” มือที่ว่างอยู่จับกองกระดาษที่กระจัดกระจายขึ้นมาพลิกเล่น “หัวตื้อ คิดงานไม่ออก เลย...พาลน่ะ”

“ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษ นี่มารบกวนหรือเปล่า”

“ไม่เป็นไรๆ โชไม่เกี่ยวหรอก บอกแล้วว่าพาล จริงๆ มันก็มีไอเดีย คิดไว้บ้างแล้ว แต่เริ่มไม่ออก ไปไม่ถูก...”


ท่าทางการฟังอย่างตั้งใจของโชติภัทรทำให้คนหลุดบ่นหยุดปากไม่ได้ จึงสาธยายความประสาทกินที่เป็นอยู่ออกไปอย่างหมดเปลือก...ที่เขาว่ากันว่าความลับจะพูดได้ง่ายที่สุดกับคนที่ไม่สนิทเลยคงจะประมาณนี้ล่ะมั้ง


“งั้นก็ไม่เป็นไรหรอก” คนฟังอยู่สักพักออกคามเห็น “จริงๆ ธีร์ก็คิดเอาไว้แล้วนี่ว่าจะทำอะไรแบบไหน”

“ก็ใช่ไง แต่เพราะคิดเอาไว้แล้วเต็มไปหมดมันก็เลยเริ่มยาก จะแบบนั้นก็ติดตรงนี้ จะแบบนี้ก็ติดตรงนั้น...”

“ธีร์ตั้งใจมากเกินไปจนกลายเป็นกดดันตัวเองหรือเปล่า”


โชติภัทรขัด พร้อมกับรวบเอากระดาษที่กองๆ อยู่ขึ้นมาเป็นปึกเดียวแล้วเลื่อนไปด้านข้างแล้วเงยหน้าสบตาอีกฝ่าย


“ลองเริ่มไปเลย ยังไม่ต้องกำหนดเงื่อนไขตามที่คิดไว้ก็ได้ ถ้ามันไม่ได้ก็ค่อยๆ ปรับไป ฉันไม่รู้เรื่องของพวกวิศวะหรอก แต่เวลาเขียนรายงานผู้ป่วยก็เป็นเหมือนกัน ถ้าไม่เริ่มเขียนไปก่อนมันก็ไม่รู้หรอกว่าจะเขียนแบบนี้ได้จริงๆ หรือเปล่า ธีร์ลองก่อนสิ ถ้าไม่เริ่ม มันก็ไม่เสร็จเสียที...จริงไหม?”


ความไม่พอใจแล่นริ้วขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ กันตธีร์รู้สึกเหมือนโดนตำหนิจากคนที่ไม่ได้รู้อะไรเลย เขาอ้าปากจะเถียงแต่พนักงานในร้านเดินมาเรียกเสียก่อนว่าเครื่องดื่มที่สั่งไว้ได้แล้ว ต้นเหตุแห่งความขุ่นมัวจึงบอกลาแล้วลุกไปที่เคาท์เตอร์อย่างลอยนวลที่สุดในความคิดของคนมอง


เพราะแบบนี้ถึงอยากอยู่คนเดียวเวลาทำงาน!

ชายหนุ่มสบถเบาๆ กับตัวเองหลายคำเพื่อระบายความหงุดหงิด ก็บอกอยู่ว่าอารมณ์ไม่ดียังจะมาเทศนากันอีก ถ้าใจร้อนกว่านี้อีกสักนิดคงได้วางมวยกันไปแล้ว


เขาตัดสินใจได้ตอนนั้นว่าคงพอแล้วสำหรับวันนี้ ของขึ้นขนาดนี้คงไม่มีอารมณ์มาประดิดประดอยทำไฟล์นำเสนอโปรเจคต่อ ชายหนุ่มทยอยเก็บข้าวของอย่างอารมณ์เสียในความล้มเหลวของตัวเอง

แต่ก่อนที่จะลุกขึ้นจากที่สิงสถิตตลอดทั้งวันเพื่อกลับหอ พนักงานสาวร่างเล็กคนเดิมก็โผล่มาที่ข้างโต๊ะอีกครั้ง


“เอ่อ...ขอโทษนะคะ”

“ครับ?” กันตธีร์ปรับอารมณ์อย่างรวดเร็วในการหันไปตอบรับอย่างสุภาพ ก่อนจะต้องขมวดคิ้ว “ไม่ได้สั่งนะครับ”

“คุณคนเมื่อกี้สั่งให้น่ะค่ะ” พนักงานสาวยิ้มให้ ก่อนจะวางจานลงกับโต๊ะ


กันตธีร์รู้สึกเหมือนขนมตรงหน้าจะกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาด สินค้าตัวใหม่ที่เขาได้ชิมไปเมื่อครู่ถูกนำมาเสิร์ฟแบบเต็มชิ้นและขึ้นไอร้อนราวกับเพิ่งออกจากเตา ครีมสดสีขาวเยิ้มละลายอาบหน้าขนมปังหอมกรุ่นชวนน้ำลายสอ

ความหลากใจทำให้นิ่งและใจเย็นลงอย่างอธิบายไม่ถูก เขานั่งนิ่งอยู่สักพักก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมา


Thee - ขอบใจ

Chotipat – ไม่เป็นไร


อีกฝ่ายพิมพ์ตอบกลับมาอย่างรวดเร็วจนคนเริ่มบทสนทนาสะดุ้ง


Chotipat – ไถ่โทษน่ะ

Thee – หืม

Chotipat – ก็ทำให้ธีร์ยิ่งอารมณ์เสียไม่ใช่หรือ

Thee – ก็รู้นี่

Thee – แต่ไม่เป็นไร

Thee – ไม่ใช่สิ

Thee – ทางนี้ต่างหากที่ต้องขอโทษ

Chotipat – ไม่เป็นไร

Chotipat – ก็ธีร์อารมณ์ไม่ดีนี่

Thee – อืม

Thee – แต่ก็ขอโทษ

Thee – ขอบคุณด้วย

Chotipat –  อ่าฮะ

Chotipat – ไปทำงานเถอะ

Thee – อื้ม


กันตธีร์วางมือถือลง ก่อนจะมองหน้าโต๊ะเบื้องหน้า แล้วดึงเอาโน๊ตบุ๊คที่เก็บไปแล้วขึ้นมาวางอีกครั้ง

บางที...เขาก็ควรจะเริ่มจริงๆ



TBC...


::TALK::

มาแล้วค่าาาาา

เนื้อเรื่องไม่ไปไหนเลย แต่เวลาในเรื่องผ่านไปเร็วมาก 5555  :z10:

สำหรับตอนนี้คนเขียนชอบบรรยากาศร้านกาแฟเป็นพิเศษ >< ไม่รู้มีคนชอบเหมือนกันมั๊ย แต่เป็นคนหลงรักห้องสมุดที่มีกลิ่นหอมของกาแฟมากเลยค่ะ ฟินเบาๆ โดยส่วนตัว 5555

เอารูปขนมมาให้ดูเป็นตัวอย่างด้วยค่ะ [ลงรูปถูกวิธีมั๊ยนะ]


คิดว่าหน้าตาประมาณนี้ค่ะ แล้วมีครีมสดปาดข้างบน


คล้ายๆอันนี้ แต่อันนี้เป็นสตอเบอรี่ครีมชีส

เป็นเมนูที่คนเขียนคิดขึ้นมาเอง ถ้ามีร้านไหนทำขายเล่าสู่กันฟังนะคะ จะไปชิม  :hao6:

เจอกันตอนหน้าค่า จะรีบกลับมาต่อนะคะ


::comment::

iamnan : โอะ ชอบคำนี้!  :ruready ขอบคุณนะคะ :)

bulldog17 : คนเขียนก็ชอบค่าาาาา ตัวประกอบดีเด่นเลย

Rinze : ขอบคุณค่า จะว่าไปมันก็เหมือนจริงด้วย 5555

quiicheh. : ขอบคุณค่า ตั้งใจจะให้เป็นแบบนั้นเลยค่ะ ดีใจจัง

AGALIGO : หมายถึงทำไมเพิ่งมาคุยกันอีกทีตอนปี4หรือเปล่าคะ ถ้าเรื่องนี้จะเฉลยทีหลังค่า :) คุณพ่อหมีดูจะเป็นที่ชื่นชอบ คนเขียนก็ชอบเหมือนกันค่ะ ขอบคุณนะคะ

kun : เอื่อยเฉื่อยเลยล่ะค่ะ 555

warin : จนจะจบกันแล้วนี่ล่ะค่ะ เรื่อยเอื่อยสุดๆ 5555

silverspoon : อ่านแล้วดีใจจัง ขอบคุณนะคะ   :-[


รักคนอ่าน ขอบคุณทุกคนเลยนะคะ  :hao5:

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
Re: Under the blue sky :: 03 [09/01/57]
«ตอบ #21 เมื่อ09-01-2014 19:40:23 »

เริ่มอะไรอ่ะธีร์ เริ่มเปิดใจหรือเริ่มทำงาน555555555555555
โอ๊ยมีแฟนเป็นหมอนี่สบายทั้งชาติ

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: Under the blue sky :: 03 [09/01/57]
«ตอบ #22 เมื่อ09-01-2014 19:51:04 »

พ่อหมีอบอุ่นนะนี่

ออฟไลน์ AGALIGO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4
Re: Under the blue sky :: 03 [09/01/57]
«ตอบ #23 เมื่อ10-01-2014 19:17:57 »


ยังไม่เห็นแววเลยว่าจะเป็นแฟนกันได้ยังไง

ต่างฝ่ายก็ดูเหมือนคนรู้จักกันธรรมดาเท่านั้นเอง

+ 1 + เป็ดจ้า

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
Re: Under the blue sky :: 03 [09/01/57]
«ตอบ #24 เมื่อ10-01-2014 19:51:25 »

มุ้งมิ้งกันเบาๆพอฟินๆ ><

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5
Re: Under the blue sky :: 03 [09/01/57]
«ตอบ #25 เมื่อ10-01-2014 20:53:33 »

 :ling1: ยังมิมา งอแงๆ

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
Re: Under the blue sky :: 03 [09/01/57]
«ตอบ #26 เมื่อ10-01-2014 21:31:09 »

มาตามอ่านด้วยคนครับ
เรื่องนี้อารมณ์แบบสบายๆ ถ้าเป็นสีฟ้าก็เป็นโทนสว่าง อบอุ่น ตอนล่าสุดมีสีฟ้าหม่นปาดนิดหน่อยก่อนจะสว่างสดใสกว่าเดิม
ใต้ฟ้าสีคราม เริ้ปปป <3 :กอด1:

ออฟไลน์ velvetronica

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-1
Re: Under the blue sky :: 03 [09/01/57]
«ตอบ #27 เมื่อ18-01-2014 00:24:33 »

04



“พี่ธีร์ ไปดูหนังกับธานะ”



เสียงหวานดังออดอ้อนมาตามปลายสายทันทีที่กดรับ กันตธีร์วางมือจากงานตรงหน้าแล้วหันไปคุยอย่างตั้งใจ


“เมื่อไหร่ล่ะ เราก็รู้นี่ว่าช่วงนี้พี่ยุ่ง”

“พฤหัสบ่ายได้ไหมคะ พี่ธีร์ไม่ต้องเข้าคณะนี่นา ไปกับธาแปปเดียวเอง” ‘ธา’ หรือ ‘กัลยธา’ น้องสาวคนเดียวของกันตธีร์แจ้งชัดเจนว่ารู้ตารางงานพี่ชายเป็นอย่างดี “ธาสัญญาว่าดูเสร็จจะรีบกลับหอ ไม่ลากพี่ชายไปเถรไถลแน่นอนค่ะ”

“ค่าาา พูดแบบนี้ตลอดล่ะค่าา” คนเป็นพี่ถอนหายใจอย่างไม่จริงจัง “แล้วเราจะดูเรื่องอะไร”

“เรื่อง...” ชื่อภาพยนต์ที่สร้างมาจากนิยายไซไฟที่มีเนื้อหาซับซ้อน แม้จะไม่ได้โด่งดังมากในประเทศไทยแต่ก็เป็นกระแสที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ “ธารู้ว่าพี่ธีร์ก็อยากดู เพราะอย่างนั้นพี่ชายห้ามเบี้ยวธานะคะ”

“ค่ะๆ พี่ชายไม่เบี้ยวเราแน่นอน แต่ตอนนี้พี่ชายขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”

“สัญญาแล้วนะคะ!! ธารักพี่ธีร์ที่สุดเลยอ่ะ ไว้นัดเวลากันอีกทีน้า”

“ค่า ไว้คุยกันค่ะ”


กันตธีร์กดวางสาย ก่อนจะหันกลับมาพบกับสายตานับสิบคู่ จนเจ้าตัวรู้สึกเหมือนทำอะไรแปลกประหลาดลงไปโดยไม่รู้ตัว


“เวอร์ไป” กฤษณ์ผู้ไม่ได้เป็นหนึ่งในสายตาที่ร่วมกันจับจ้องเอ่ยขึ้น “ตัวเล็กมันก็พูดกับน้องสาวมันแบบนี้แต่ไหนแต่ไร พวกมึงจะตื่นเต้นกันทำไม”

“แต่ฟังธีร์พูดกับน้องธาทีไรแล้วมันช่างรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ” จิรณัฐพูดพลางเอามือทาบอกด้วยท่วงท่าเกินจริง

“เชี่ยนี่ก็ตัวเวอร์...”


พ่อหมีบ่นเบาๆ แต่พิชามณที่นั่งติดกันก็หลุดหัวเราะออกมาจนต้องรีบพูดแก้เกี้ยว


“แต่มันก็น่ารักจริงนะหมี”

“ใช่ๆ พวกกูไม่ได้ยินมานานเหมือนมึงนี่ สมัยนี้มันหายากนะ พี่ชายที่พูดคะขากับน้องสาวจนโตเนี่ย” เพื่อนผู้ชายหลายคนที่นั่งร่วมโต๊ะพยักหน้าเห็นด้วย

“อะไรเล่า” ใบหน้าขาวตี๋เริ่มซับสีเลือด “กูก็คุยแบบนี้มาตั้งนานแล้ว พวกมึงก็ใช่ว่าจะไม่เคยได้ยิน”

“เออ เคยได้ยิน แต่ไม่บ่อย ยังไม่ชิน เห็นมึงพูดคะขาแล้วคันตีน เหมือนเห็นตุ๊ดเด็กเพิ่งแตกเนื้อสาว” ใครสักคนออกความเห็นจนทั้งวงหัวเราะอย่างไม่เกรงใจ

“จริง ถ้าอยากให้เพื่อนชิน ธีร์ก็พูดบ่อยๆ สิ มาพูดกับฉันก็ได้นะ ยินดีเสมอ” เนื้อหาบอกยี่ห้อคนพูด กันตธีร์ยิ้มแหยตอบเพื่อนร่วมภาคอย่างสุดจะเกรงใจ

“นั่นไง ซื้อหวยไม่ถูกแบบนี้วะ” ครั้งนี้พิชามณไม่หลุดขำแต่ก็อมยิ้มจนแก้มแทบปริ

“พอๆ จะคุยไหมงานน่ะ” คนตกเป็นเป้าเปลี่ยนเรื่องโดยการยกประเด็นที่ทำให้นักศึกษาคณะวิศวะปี4ที่แทบจะไม่ต้องมาคณะจำใจขุดสังขารมารวมตัวกันได้ “สรุปเราจะแบ่งกันยังไงดี”

“เอาแบบที่ธีร์ว่าเมื่อกี้ก็ได้ แต่แอมกับพวกผู้หญิงจะรับประสานงานรุ่นน้องเอง” พิชามณกลับมาสู่โหมดทำงานแม้จะยังมีรอยยิ้มติดหน้าอยู่ “ส่วนประสานงานวงเหล้า พวกผู้ชายก็เชิญเถอะ ...บอกก่อนนะว่าเบิกไม่ได้


“แอมมมมมมมมมมม/อีแอมมมมมมมมม”


เสียงกรีดร้องประสานเสียงของคนหวังกินฟรีดังระงม เหรัญญิกสุดโหดของรุ่นยิ้มหวานแต่ไม่มีแววปราณี


“นี่มันก็งานไม่ใช่หรอ”

“จริงงงง”

“อีแอมอย่างกสิยะ”


“พอ!” กฤษณ์ตัดบทเสียงดัง ก่อนจะแจงอย่างเป็นธรรม “ไปก็ไปกันแค่นี้จะเบิกเงินรุ่นได้ไง พวกมึงจ่ายกันเองสิวะ”

“ตามนั้น พวกน้องๆ ขอภายในเดือนนี้นะ ส่วนเรื่องเดินเอกสารเดี๋ยวกูทำเอง” กันตธีร์ชิงสรุปจบ


งานที่ว่าก็คืองานนิทรรศการใหญ่ของมหาวิทยาลัย แล้วคณะวิศวะก็ได้รับงานฝ่ายเทคนิคต่างๆ มาตามความถนัดรวมถึงทำแปลนสแตนด์โชว์ ซึ่งถูกเอางานไปผูกติดไว้กับคณะสถาปัตย์

ฟังดูก็เหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร หากว่าทั้งสองคณะนี้ไม่ค่อยจะกินเส้นกันนักเพราะอย่างไรก็ไม่ทราบ จะมีก็แต่รุ่นปี4ที่เดิมเคยมีงานแข่งกีฬากันมาแต่โดนยกเลิกไปในปีรุ่นน้องเนื่องจากเหตุผลบางประการ คราวนี้พอเรื่องเดือดร้อนมาถึงหูผู้อาวุโสก็อดจะออกปากไม่ได้ว่าจะลงไปไกล่เกลี่ยเชื่อมสัมพันธไมตรีให้ และแน่นอนต้องนำทีมโดยพ่อหมีของชาวคณะ


ด้วยเนื้องานก็สุดจะห่างไกลความถนัด กันตธีร์ที่โผล่มาร่วมวงด้วยเพราะความสนิทจึงอาสารับงานที่ปกติไม่มีใครเขาอยากทำ เพราะถึงอย่างไรมันก็แค่คนส่งเอกสาร อะไรๆ น้องมันก็คงเตรียมให้แล้ว เหลือแต่รับมาไปคุยๆ ให้รู้เรื่องก็พอ


“โอเค เรียบร้อยแล้ว ขอบคุณมากจริงๆ นะหมี” เพื่อนผู้เป็นประธานชั้นปีในปีนี้กล่าวด้วยความซาบซึ้ง เพราะกฤษณ์ถูกเลือกเป็นประธานเมื่อตอนปี1 แต่ในปีต่อๆ มาก็ยังคงมาเป็นแรงงานสำคัญในการทำงานเสมอไม่เคยขาด

“แค่นี้เอง ไม่เป็นไรเว่ย ถ้าไม่มีอะไรอีกก็แยกย้ายเหอะ” คนใจใหญ่ตามตัวโบกมือ ก่อนจะทำหน้าเหนื่อยใจใส่ทุกคน “จะรีบกลับไปทำงานละ โปรเจคกูแม่งโดนอาจารย์เปลี่ยนหัวข้อ”


สิ้นสุดคำบ่น คนอยากกลับก็ไม่ได้ขยับอยู่ดี เนื่องจากเพื่อนร่วมรุ่นต่างแย่งกันแสดงความเห็นใจและเสนอความช่วยเหลือกันจมดังระงม


กันตธีร์ค่อยๆ ขยับออกมาจากวงอย่างแนบเนียน พร้อมกับที่พิชามณแหวกร่างเล็กๆ ออกมาจากฝูงชนเช่นกัน


“หมีโอเครึเปล่าน่ะธีร์” เพื่อนสาวคนสนิทหันมาถามอย่างเป็นห่วง “มีอะไรที่เราพอช่วยได้ไหม”

“อืม จะว่าโอเคก็คงไม่เสียทีเดียว แต่ธีร์ก็ช่วยๆ อยู่ คงไม่ต้องลำบากถึงแอมหรอก”

“มีอะไรก็บอกแล้วกัน ไม่ต้องเกรงใจเลยนะ” กันตธีร์ที่ยิ้มรับความหวังดี “แล้วของธีร์นี่ฉลุยเลยสิ เก่งจังน้า ทั้งๆ ที่ได้ที่ปรึกษาสุดโหดแท้ๆ”

“ไม่หรอกๆ นี่ก็รออยู่ เสียวๆ อยู่เหมือนกันน้า ได้อาจารย์อิทธินนท์เนี่ย”


ชายหนุ่มคุยกับเพื่อนสนิทอีกสองสามคำก็บอกลา ช่วงเวลานำเสนอโปรเจคให้กับคณะสร้างความกดดันไม่น้อย นอกจากจะยุ่งแล้ว ความกังวลที่จะถูกแก้หัวข้อในเวลานี้ก็เป็นอะไรที่ทำให้รู้สึกหน่วงไม่น้อย แม้เขาเองจะดูไม่มีปัญหาเรื่องหัวข้อจากที่ได้คุยกับที่ปรึกษามาสองสามครั้ง แต่ตอนนี้ที่ส่งข้อมูลนำเสนอโปรเจคตัวจริงให้ดูไปก็อดจะเริ่มเครียดขึ้นมาบ้างไม่ได้

พ่อหมีที่เพิ่งตะกายออกจากฝูงลูกหมีได้รีบเดินมาหากันตธีร์ที่รออยู่ พลางบ่นอุบว่าทำไมไม่อยู่ช่วยกันปฏิเสธ ทั้งๆ ที่เป็นคนมาช่วยจนไม่เดือดร้อนเท่าไรแท้ๆ กว่าจะยืนยันว่าโอเคแล้วจริงๆ ตัวเล็กมาช่วยเยอะแล้วจริงๆ ได้ก็หมดแรงกลับไปทำงานพอดี


อากาศใต้ตึกกลางช่วงนี้ก็ยังคงร้อนอบอ้าว แม้จะย่างเข้าเดือนกันยายนแล้วก็ตาม หนอนหนังสือเสนอว่าจะแวะห้องสมุดก่อนกลับหอ เพราะนอกจากจะไปหาข้อมูลนิดหน่อยแล้วยังได้พึ่งใบบุญเครื่องปรับอากาศวัยพ่อแก่อีกด้วย คนไม่รักการอ่านยักไหล่แต่ก็เดินตามไปโดยไม่ได้โต้เถียง

กันตธีร์ใช้เวลาไม่นานในการเลือกหนังสือ เพราะมีเป้าหมายในใจอยู่แล้ว ทั้งคู่จึงตรงกลับหอเป็นอันดับต่อไปอย่างไม่เสียเวลานัก


“อ๊ะ อาจารย์อิทธินนท์ สวัสดีครับ” ชายร่างเล็กที่เดินสวนทางมาตรงมุมตึกทำให้ต้องปรับท่าทางแล้วยกมือไหว้อย่างสุภาพ

“วันนี้ปี4มีเรียนแค่ช่วงเช้านี่” คนถูกเรียกว่าอาจารย์รับไหว้ แต่ทักกลับอย่างเป็นกันเองเนื่องจากอายุห่างกันไม่มากแล้วยังเป็นรุ่นพี่คณะอีกด้วย

“มีประชุมงานของมหาลัยฯนิดหน่อยครับ” อีกฝ่ายก็พยักหน้ารับคำตอบจากกฤษณ์แล้วหันไปหาคนตัวเล็กกว่า

“กันตธีร์ ผมอ่านที่คุณส่งมาแล้วนะ” คนถูกเรียกเผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว “มีประเด็นที่อยากให้แก้ตอนที่ทำจริง ผมจะส่งรายละเอียดให้ในอีเมลล์ แต่โดยรวมคุณทำได้ดี คงผ่านการเสนอแน่นอน”

“ครับ! ขอบคุณครับอาจารย์!!”

“รักษามาตรฐานไว้ล่ะ ผมจะรอดูโปรเจคของคุณ” อิทธินนท์ทิ้งท้ายไว้แล้วจึงขอตัวไปสอนช่วงบ่าย


“ตัวเล็กกกกก!!! โคตรเจ๋งอ่ะมึง!!”


เมื่อลับหลังอาจารย์พ่อหมีก็พองตัวดีใจแทนพร้อมกับเอาอุ้งมือตบตีเพื่อนโดยลืมไปว่าตัวเองแรงเยอะแค่ไหน แต่ดูเหมือนคนถูกเขย่าจะไม่รู้สึกอะไรเพราะได้แต่ยิ้มกว้างจนตาหยี

อาจารย์อิทธินนท์เป็นอาจารย์จบใหม่ไฟแรงดีกรีดอกเตอร์อิมพอร์ตมาจากดินแดนอาทิตย์อุทัยจึงไม่ต้องสงสัยในความเฮี้ยบและเนี้ยบ ดังนั้นแม้อายุจะห่างกันไม่มากแต่ก็เป็นที่หวาดเกรงของนักศึกษา

ตอนเลือกอาจารย์ที่ปรึกษาโปรเจคกันตธีร์ตัดสินใจช้า อาจารย์ท่านที่ใจดีๆ ก็เต็มหมดแล้ว เขาก็เลยมาลงเอยกับอาจารย์อิทธินนท์โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ แต่พอได้คุยได้ปรึกษาจริงๆ ก็ไม่เลวร้ายอะไร อาจารย์เป็นคนเก่งมากและจบสาขาไฟฟ้าสื่อสารมาโดยตรง ซึ่งเข้ากับสาขาที่ชายหนุ่มถนัด แม้จะโดนดุบ้างแต่ก็ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง


“ไปมึง กลับหอๆ” พูดโดยยังยิ้มไม่หุบพลางจับมือให้อีกฝ่ายหยุดเขย่า

“เฮ้ย งี้มันต้องฉลองดิ”

“ฉลองบ้านมึงสิ นี่แค่ผ่านเสนอว้อย ของจริงยังไม่ได้ทำเลย ...ไปๆ เดี๋ยวกูกลับไปช่วยมึงทำงาน”


ว่าแล้วคนตัวเล็กกว่าก็จัดแจงลากเพื่อนกลับหอพักทันที

แต่ในท้ายที่สุดกันตธีร์ก็ไม่ได้ทำอย่างปากว่า เนื่องจากกฤษณ์ค้านว่าตนได้รับการช่วยเหลือมากพอแล้ว และอีกประการก็คือนอกจากไฟล์นำเสนอที่ช่วยทำไปแล้ว ก็ไม่รู้จะช่วยอะไรอีกเพราะภาคโยธาเป็นอะไรที่คนตัวเล็กไม่ถนัดเอาเสียเลย

ในเมื่อว่างงานอย่างเฉียบพลันกันตธีร์จึงทิ้งตัวเกลือกกลิ้งกับเตียงนอนพลางส่งข้อความใน line ไปบอกที่บ้านเกี่ยวกับข่าวดีของโปรเจคจบ น้องสาวที่เพิ่งคุยกันไปตอบอย่างรวดเร็วโดยไม่ลืมย้ำเรื่องนัดในวันพุธ แม้การพิมพ์จะไม่ให้ความรู้สึกดีเท่าได้ยินเสียง แต่สำหรับพ่อแม่ที่เดินทางบ่อยมากอย่างเช่นมิสเตอร์แอนด์มิสซิสวิจักษณ์วัฒนาการสื่อสารทางนี้ก็นับว่าสะดวกรวดเร็วและประหยัดค่าใช้จ่ายอยู่มากทีเดียว

กันตธีร์กำลังรัวสติ๊กเกอร์แข่งกับน้องสาวในตอนที่เหลือบไปเห็นว่ามีข้อความใหม่ในหน้าแชทอื่น เมื่อกดไปดูก็ต้องพบกับคำถามลอยๆ จากคนที่เพิ่งมีเหตุด้วยกันไปเมื่อไม่นานมานี้


Chotipat – วันพฤหัสตอนบ่ายว่างไหม

Thee – ไม่ว่างน่ะ

Thee – มีอะไรรึเปล่า

Chotipat – ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรแล้ว


ชายหนุ่มมองคำตอบด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่คิดจะถามต่อจึงกลับไปก่อสงครามกับน้องสาวต่ออย่างไม่คิดติดใจอะไร ...บางทีมันคงจะเป็นวันพฤหัสแห่งชาติที่ทุกคนต้องมีกิจกรรมบางอย่างก็เป็นได้


++++++


วันนี้คงเป็นวันพฤหัสบดีแห่งชาติจริงๆ


กันตธีร์ปรารภกับตนเองในใจขณะยืนมองผู้คนผ่านกระจกใสของร้านหนังสือ อากาศที่ปรับแต่งจนเย็นฉ่ำชวนให้ชาวไทยพร้อมใจกันมาเดินห้างสรรพสินค้าแม้ว่าจะไม่มีธุระปะปังอะไร ทำเอาคนเกลียดความพลุกพล่านต้องมายืนหลบในมุมธรรมะที่ไม่ค่อยมีคนมาเหยียบ

ชายหนุ่มเป็นสิ่งมีชีวิตที่ชอบเสพศิลปะทั้งหนังสือและภาพยนต์ ดังนั้นโรงหนังก็เป็นอีกสถานที่โปรดของเขา แต่ถ้ามาดูเพียงลำพังก็มักจะเป็นรอบดึกมากกว่าช่วงบ่ายวันธรรมดาแบบนี้

ซึ่งบังเอิญว่าในวันนี้เขามีคู่ควงที่น่ารักเป็นพิเศษเสียด้วย


“พี่ธีร์” เสียงคุ้นเคยดังมาพร้อมน้ำหนักที่กดลงบนไหล่ ใบหน้าสวยส่งยิ้มมาจากข้างหลัง

“ไปๆ คนเยอะขนาดนี้จะมีรอบไหมเนี่ย” คนถูกเรียกปัดมือที่มาเกาะแกะอยู่ออกแล้วหมุนตัวไปหาอีกฝ่าย

“ก็น่าจะมีน้า ธาไม่คิดว่าคนจะเยอะ” เด็กสาวทำหน้ามุ่ย “พี่ธีร์ก็ไม่จองให้ก่อนล่ะ”

“เอ้า ผิดที่พี่หรือ เราชวนพี่นะ”

“ธาลืมคิดนี่คะ พี่ธีร์ไม่เตือนธา” งอแงจนกันตธีร์ส่ายหัวยิ้มๆ แล้วยกมือขึ้นทั้งสองข้าง

“โอเคๆ พี่ชายยอมแล้วค่ะ”


คนเป็นพี่เดินตามน้องสาวต้อยๆ ออกจากชั้นหนังสือละทางโลกพลางประเมิณจำนวนคนที่เรียงรายหน้าที่ขายตั๋วแล้วได้แต่ไว้อาลัยสมการในหัว

วันหนังเข้า บวกเงินเดือนออก บวกอากาศร้อน...เท่ากับโรงหนังเต็ม


“รู้งี้ธาน่าจะจองก่อน” กรีดเสียงเบาๆ อย่างเจ็บใจหลังจากเข้าแถวอยู่อย่างยาวนาน การรอคอยของสองพี่น้องก็ประสบความล้มเหลวเมื่อไม่สามารถหาที่นั่งแบบไม่ต้องแหงนคอดูได้ในรอบที่ตะวันไม่ตกดิน

“ไว้อาทิตย์หน้าพี่มาดูกับเราอีกทีก็ได้ค่ะ” กันตธีร์ลูบหัวน้องสาวอย่างเอาใจ

“อุตส่าห์ออกมาจากม.ทั้งทีนี่นา เซ็งจัง” เด็กสาวโอดครวญพลางประทุษร้ายเสื้อพี่ชาย

“เอาน่าๆ”


กันตธีร์วางแผนว่าจะพาเด็กอารมณ์ไม่ดีไปกินของหวานดับอารมณ์ แต่แล้วก็หันไปเจอคนที่พักนี้ดูจะมาพร้อมคำว่าบังเอิญบ่อยจนน่าแปลกใจ

อีกฝ่ายมองมาอยู่แล้ว เมื่อเขาหันไปสบตาจึงยิ้มให้แล้วเดินเข้ามาหา


“มาดูหนังหรือ” โชติภัทรถามพลางส่งยิ้มเผื่อแผ่ให้กัลยธา

“ใช่ แต่เต็มหมดเลย เลยว่าจะไปหาอะไรกินแล้วกลับม.” ตอบก่อนจะหันกลับมาพูดกับคนข้างตัว “นี่ โช เพื่อนพี่ เรียนหมอปีเดียวกัน”

“สวัสดีค่ะพี่โช” เด็กสาวยกมือไหว้ทำเอาคนถูกแนะนำยกมือรับแทบไม่ทัน

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องไหว้พี่หรอก”

“น้องฉันเด็กดีเว่ย” กันตธีร์หัวเราะ “นี่ ธา น้องสาวฉันเอง”

“น้องสาว?”


อันเป็นปฏิกิริยาที่สองพี่น้องคุ้นชินเป็นอย่างดี เนื่องจากกัลยธาเป็นเด็กสาวตาโตผิวสองสีมีลักยิ้มซึ่งโดยรวมไม่มีอะไรเหมือนพี่ชายผู้มีโหงวเฮ้งแบบขาวตี๋สักนิดนอกจากรูปหน้าที่มีคางเรียวเล็ก

ทำเอาตอนเด็กๆ กันตธีร์กับน้องเคยโดนพ่อแม่อำว่าทั้งคู่ไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ แต่เป็นเด็กเก็บมาเลี้ยงทั้งคู่อะไรประมาณนั้น...


“น้องสาวแท้ๆ คลานตามกันมาจากท้องแม่เลยล่ะ”

“...หน้าไม่เหมือนเลยนะ” เสียงประหลาดใจชัดเจน “ฉันนึกว่าแฟนธีร์”

“ทุกคนก็พูดงั้นแหละค่ะ” กัลยธาตอบเสียงใสพลางควงแขนพี่ชาย “แต่ถ้าธามีแฟน ธาจะหาแฟนที่น่ารักน้อยกว่าธาค่ะ”

“ยัยธา” กันตธีร์กดเสียงใส่แต่คนเป็นน้องก็ทำหน้าไม่รู้เรื่อง

“แล้วนี่จะดูเรื่องอะไรกัน ที่เพิ่งเข้าหรือเปล่า?” โชติภัทรเปลี่ยนเรื่องพร้อมกันยิ้มรับอาการแง่งอนของพี่น้อง

“นั่นแหละ เต็มแทบทุกรอบ ยอมแพ้เลย”

“...เอาบัตรฉันไปไหม”

“ห๊ะ...?”


โชติภัทรยื่นตั๋วหนังในมือให้ดู ซึ่งเป็นโรงพิเศษราคาแพงและที่นั่งชั้นดี รอบบ่ายสอง


“ฉันตอบคำถามตอนเรียนแล้วอาจารย์แจกตั๋วหนังที่จองล่วงหน้ามา แต่มันเป็นสองที่” เสียงเรียบเรื่อยอธิบาย “ถ้าฉันดูคนเดียวก็เสียดายตั๋ว ธีร์เอาไปดูกับน้องเถอะ”

“...เฮ้ย คือ” กันตธีร์รู้สึกได้ถึงความเกรงใจที่กำลังทะเลาะตบตีกับความยินดี

“ถ้าอย่างนี้พี่โชก็ไม่ได้ดูสิคะ อย่าเลยค่ะ” กัลยธาปฏิเสธทันทีทั้งที่ใจก็อยากดู

“พี่ค่อยมาดูวันหลังก็ได้ครับ ไม่อย่างนั้นก็เสียดายอีกที่นึงแย่เลย”

“...งั้น” เด็กสาวเม้มปาก “พี่ธีร์ไปดูกับเพื่อนแล้วกันค่ะ เดี๋ยวธากลับม.เอง”

“ได้ไง เราต่างหากที่อยากดู”

“อืม...นั่นสิ ธีร์ไปดูกับน้องเหอะ” โชติภัทรวาดรอยยิ้มแบบที่ไม่น่าไว้วางใจ “หรือจะให้ฉันเข้าไปดูกับน้องธาสองคน?”

“เฮ้ย! ไม่ได้!!” โพล่งออกมาทันควันจนคนถามหลุดขำ

“นั่นก็ไม่นี่ก็ไม่ งั้นเอาไปนั่นแหละ” ไม่พูดเปล่าคว้ามือคนหวงน้องขึ้นมายัดตั๋วหนังใส่

“แต่...” คนถูกยัดเยียดอึกอักแต่รับมาถือไว้

“เอาไปเหอะ”

“ธาว่า ธาคิดออกละ”


เด็กสาวหยิบมือถือขึ้นมากดทันที ท่ามกลางความสงสัยของคนแก่กว่า กัลยธากดเข้าไปจองตั๋วหนังในรอบเดียวกันนั้นผ่านเวปของโรงหนัง ใช้เวลาไม่นานเธอก็เงยมาฉีกยิ้มให้


“ได้ตั๋วของพี่โชแล้วค่ะ เดี๋ยวธาออกเอง ที่นั่งอยู่ริมหน่อยไม่เป็นไรนะคะพี่” อธิบายอย่างรวดเร็วพลางชูหน้าจอมือถือให้ดู “ที่นั่งเดียวมันหาง่ายกว่า เมื่อกี้ธาก็เห็นว่ามันก็พอเหลืออยู่ด้วย ทำแบบนี้ก็จะไม่ต้องไปต่อแถวลุ้นว่ามีมั๊ย...ทำไมถึงคิดไม่ออกตั้งแต่แรกน้า ธาไปเอาตั๋วก่อนนะคะ”


พูดรัวๆ จบ ร่างบอบบางก็เดินตัวปลิวไปที่ช่องรับตั๋วจองทันทีไม่รอการตอบรับจากอีกสองคนที่ได้แต่อึ้ง


“น้องสาวธีร์น่ารักดีนะ”

“เออ น่ารัก แต่ห้ามจีบนะโว้ย”

“ไม่จีบหรอกน่า” โชติภัทรยิ้มจางๆ ไม่บอกความหมายจนคุณพี่ขี้หวงต้องเปลี่ยนเรื่องทันที

“เรื่องตั๋วหนังนี่รึเปล่า ที่เมื่อวันก่อนมาถาม”

“...เอ้อ ใช่” เจ้าของรางวัลตอบเสียงเก้อ “ไม่รู้จะชวนใครไปดู เลยถามเผื่อว่าจะสนใจ”

“ฉันยังไม่เคยอ่านเรื่องนี้เลย” กันตธีร์ส่ายหัวพลางชี้ไปทางช่องรับตั๋ว “คนนู้นน่ะชอบมาก อยากดูสุดๆ”

“เรื่องนี้มันไม่ใช่นิยายไซไฟขนาดนั้นนะ ฉันว่าธีร์น่าจะชอบ”

“อ่าว งั้นหรือ” พยักหน้ารับคำแนะนำก่อนจะหันไปมองโปสเตอร์หนัง “...อาทิตย์หน้าว่างหรือเปล่า”

“ก็มีเวรแหละ ทำไมหรือ”

“เกรงใจว่ะ ขอเลี้ยงข้าวสักมื้อเหอะ”

“เฮ้ยไม่ต้อง” โชติภัทรตอบทันควัน “นี่น้องธีร์ก็ซื้อตั๋วหนังให้แล้ว ไม่ต้องหรอก”

“รู้สึกเหมือนพักนี้รบกวนหลายเรื่อง บอกไม่ถูกแฮะ”

“ไม่ต้องหรอก  จริงๆ ก็ไม่ได้รบกวนอะไรเลยนี่”

“อืม...” กันตธีร์ละสายตาจากภาพนักแสดงชื่อดังกลับมาที่คนข้างตัว “พักนี้บังเอิญเจอกันบ่อยนะ”

“...งั้นหรือ”

“ใช่สิ อยู่มหาลัยฯเดียวกันมา 3-4 ปี ไม่เห็นจะเคยเจอกันเลย” เป็นข้อสงสัยที่ติดใจมาสักพัก

“...ไม่ใช่หรอก” เจ้าของรอยยิ้มชวนมองตอบเสียงเรียบ “ฉันว่าที่คิดว่าไม่เคยเจอเพราะธีร์จำไม่ได้มากกว่า”

“ห๊ะ”

“ก็ตอนแรกธีร์หลบหน้าฉันไปไม่ใช่หรือไง” อธิบายกลั้วเสียงหัวเราะ “แล้วหลังจากนั้นก็เหมือนจะจำกันไม่ได้ไปเลยหรือเปล่า”

“เฮ้ย...”

“ไม่ต้องเฮ้ย ฉันรู้ว่าธีร์ไม่ค่อยจำหน้าคน”


คนถูกดักคอเม้มปาก รู้สึกได้ว่าหน้าเห่อร้อน ไม่ใช่เพราะถูกว่าไม่จำหน้าคน แต่เพราะอีกฝ่ายรู้ตัวว่าถูกหลบหน้าเมื่อตอนปี1 หลังจากความเข้าใจผิดอย่างยิ่งใหญ่ในตอนนั้น

บทสนทนาสิ้นสุดลงเมื่อกัลยธาเดินแกมวิ่งกลับมาพร้อมตั๋วหนังอีกใบ โชติภัทรบอกลาสองพี่น้องเพราะต้องไปซื้อของ เด็กสาวบอกขอบคุณอีกฝ่ายเสียงใสพร้อมโบกมือลา ก่อนจะหันกลับมามองพี่ชายที่ยืนนิ่งเป็นรูปสลัก


“พี่ธีร์หน้าแดง”
“เปล่านะ!”



TBC...




::TALK::

เฮือก! แอบมาดึกๆ

สารภาพว่าปั่นเกือบไม่ทัน 555 อาทิตย์นี้มีหลายสิ่งอย่างรุมเร้ามากค่ะ เกือบเอาตัวมิรอด  :katai4:

ตอนนี้เลยแทบไม่ได้อ่านทวน ไม่รู้มีพิมพ์ผิดสะกดผิดบ้างหรือเปล่า แหะๆ

มาแอบช้า แต่ตอนนี้ยาวนะคะ [หรือเปล่านะ? เหมือนตัวอักษรดูเยอะๆ]

สำหรับตอนหน้าแอบบอกก่อนว่าไม่แน่นอน พอดีชีวิตช่วงนี้ระหกระเหินเล็กน้อยอยู่ตจว.สลับกับกรุงเทพฯ ย้ายถิ่นฐานไปมา ไม่รู้ว่าจะมาต่อได้เมื่อไหร่ แต่สัญญาว่าจะไม่หายหัวนานเกินรอนะคะ  :o12:

เจอกันตอนหน้าค่า [อย่าทิ้งกันนะคะ ฮืออออ //อ้อน]  :mew6:



::comment::

quiicheh. : โอ๊ะ ชอบอีกแล้ว 555 นั่นสิ เริ่มอะไรกันน่ะ //แต่แอบขอค้านเรื่องแฟนเป็นหมอค่ะ ไม่เห็นสบายเลยยยยย  :katai1:

iamnan : ที่สุดในเรื่องแล้วค่ะ 555

AGALIGO : เพราะงี้นี่แหละค่ะมันเลยเรื่อยเอื่อย แต่ก็จะค่อยๆ พัฒนาไปน่ะค่ะ ขอบคุณนะคะ

bulldog17 : เบามากจริงๆ ค่ะ 555

พลอยสวย : มาแล้วค่าาา  :sad4: ปั่นสุดๆ แล้ว ฮืออ

mesomeo2 : ขอบคุณค่า ดีใจจัง อ่านแล้วต้องไปแอบเพิ่มชื่อไทยเลยอ่ะ

ขอบคุณทุกคนเลยนะคะ เลิฟฟฟฟฟ  :กอด1:

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5
 :o8: โช แอบมองมาตลอดชิมิ

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการตั้งชื่อนะครับ ฮาา
ธีน่ารักอะ ขี้ลืมม 555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด