ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22  (อ่าน 331264 ครั้ง)

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
แม่ของจ้าดีจังเลยอะ แต่ไม่คิดว่าจ้าจะ30แล้ว55555555555555
ตังสู้ๆๆ ขอให้ตังหายเร็วๆแล้วก็จีบจ้าติดนะ

ออฟไลน์ AGALIGO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4

ดูเหมือนทุกคนจะเชียร์ตังกันหมดเลยทั้งแม่---ทั้งจอมยุ่ง

ถ้ามีคู่แข่งมาท้าชิงคงจะสนุกดี

+ 1 + เป็ดจ้า

ออฟไลน์ ลูกกุญแจ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
กำลังน่ารักเชียว :really2:

เป็นกำลังใจให้นะครับ o18

ออฟไลน์ loveyous

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-4
    • Aphrodite Shop

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
เรื่องนี้ทำให้รู้สึกว่า 'พรหมลิขิต' มีจริง
ต้องขอบอกคนแต่งว่าประทับใจในเรื่องนี้ทุกฉากทุกตอนจริงๆ
รู้สึกมีความสุขที่ได้อ่าน

ออฟไลน์ jeaby@_@

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +454/-3
เเต่งดีมาก สนุกมาเลยค่ะ
อ่านไปเเค่สองสามตอนเเต่รู้สึกอบอุ่นวาบๆๆเลย 555 ติดตามอยู่นะคะ
เยี่ยมมากเลยค่ะ

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
ตอนที่ 16 คุ้น?






“น้าจ้า!!!!!!” เสียงเจื้อยแจ้วที่ดังขึ้นทำให้บรรดานักศึกษาหนุ่มสาวที่กำลังช่วยกันตกแต่งซุ้มของคณะศิลปกรรมศาสตร์ต่างต้องหันมามองหาต้นเสียง ซึ่งภาพที่เห็นก็คือเด็กผู้หญิงวัย 4-5 ขวบ ในชุดกระโปรงสีขาวมีลายดอกไม้สีชมพูเล็ก ๆ ที่ปล่อยมือจากแม่ของเธอก่อนจะวิ่งเข้ามาหาชายหนุ่มร่างสูงซึ่งกำลังช่วยส่งคีมตัดลวดให้นักศึกษาที่นั่งอยู่บนบันไดอะลูมิเนียม


อาทิตย์ทัศน์หันไปตามเสียงก่อนที่ลักยิ้มเล็ก ๆ จะปรากฏที่ข้างแก้ม ชายหนุ่มค่อย ๆ ย่อตัวลงนั่งช้า ๆ พร้อมกับอ้าแขนเล็กน้อยเพื่อรอรับเด็กหญิงตัวน้อย ๆ ที่กำลังวิ่งเข้ามาหาแบบไม่กลัวสะดุดล้ม


“ไงคะ นางฟ้า” เขากล่าวขึ้นทันทีร่างของหนูน้อยปะทะกับแผงอก


“คิดถึงน้าจ้า”


“คิดถึงแล้วทำยังไงคะ” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับใช้ปลายนิ้วเขี่ยหางเปียข้างหนึ่งของเธอไปไว้ด้านหลัง


“ต้องหอม” เธอกล่าวขณะวาดแขนกอดคอเขาพร้อมกับกดจมูกเล็ก ๆ ลงบนแก้มเนียนของคนตรงหน้า


“ฟาง ลูกสวัสดีน้าจ้าหรือยัง” เสียงของผู้เป็นแม่ที่ท้วงขึ้นทำให้เด็กหญิงตัวน้อยรีบยกมือขึ้นประนมทันที


“วิ่งไม่กลัวล้มเลยลูกฉัน” หญิงสาวร่างสะโอดสะองบ่นเมื่อเดินมาถึง


อาทิตย์ค่อย ๆ อุ้มเด็กหญิงตัวน้อยลุกขึ้นก่อนจะทักทาย ‘ลัลลดา’ พี่รหัสสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของเขาเอง


“พี่ลัลมาทำอะไรแถวนี้ครับ” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะยิ้มให้เด็กหญิงตัวน้อยที่ยังคงกอดคอเขาแน่น


“พี่มาส่งตาฟานเรียนพิเศษที่โรงเรียนน่ะจ้ะ ระหว่างรอก็เลยว่าจะพายัยฟางมาหาอะไรทาน พอดีแกเห็นจ้าเข้าเสียก่อนก็เลยวิ่งหน้าเริ่ดมานี่”


“แล้วคุณพ่อน้องฟางไปไหนคะ”


“จอดรถค่ะ” เด็กหญิงตัวน้อยตอบ


“ไปหาที่จอดรถน่ะจ้ะ” ลัลลดาเสริมในขณะที่อาทิตย์ทัศน์พยักหน้า


“แล้วนี่ทำอะไรกันน่ะจ้า”


“งานออกร้านไงพี่”


“อ๋อ จะมีงานออกร้านอีกแล้วเหรอ ปีหนึ่ง ๆ นี่มันเร็วจังเลยนะ”


“นั่นสิครับ อาทิตย์ทัศน์ตอบยิ้ม ๆ” ก่อนจะหันมาถามเด็กหญิงตัวน้อย “น้องฟางทานโดนัทไหมคะ น้าจ้ามีโดนัทเยอะแยะเลยนะ” พูดจบเขาก็พาเด็กหญิงเดินไปที่โต๊ะหินอ่อนที่มีกล่องพลาสติกใบใหญ่ที่ข้างในใส่โดนัทขนาดพอดีคำอยู่ ชายหนุ่มค่อย ๆ วางหนูน้อยลงจากนั้นจึงเปิดฝากล่องออก


“เยอะแยะเลย” เด็กหญิงตัวน้อยกล่าวด้วยรอยยิ้ม


“อ่ะนี่ค่ะ น้าจ้าให้” พูดจบเขาก็ยื่นโดนัทชิ้นหนึ่งให้หนูน้อย เธอรับมันมาไว้ในมือก่อนจะกัดเบา ๆ


“อร่อยไหมคะ”


เด็หญิงตัวน้อยพยักหน้ายิ้ม ๆ พร้อมกับเคี้ยวตุ้ย ๆ


“ทำมาขายเหรอจ้า” ลัลลดาถาม


“เปล่าหรอกพี่ ผมทำมาให้เด็ก ๆ ทานน่ะครับ เห็นเมื่อวันก่อนอยู่กันถึงมืดค่ำวันนี้เลยเตรียมเสบียงมาด้วย” อาทิตย์ทัศน์กล่าวพร้อมกับคีบโดนัทใส่ถุงกระดาษ


“ปีนี้จัดใหญ่น่าดูเลยนะ พี่เห็นกินพื้นที่ไปถึงคณะสัตวแพทย์โน่น”


“ครับ ปีนี้นอกจากทุกคณะจะมีซุ้มของตัวเองแล้ว มหาวิทยาลัยยังให้คนข้างนอกเข้ามาเช่าพื้นที่ขายของได้ด้วย ปีนี้นอกจากของที่นักศึกษาทำขายก็เลยมีอย่างอื่นอีกทั้งพวกเสื้อผ้า ของใช้แล้วก็ต้นไม้”


“อืม...แบบนี้ต้องหาโอกาสมาเดินบ้างแล้วละ งานมีสัปดาห์หน้าใช่ไหม” ลัลลดากล่าวพร้อมกับรับถุงใส่โดนัทจากน้องรหัสของเธอ อาทิตย์ทัศน์พยักหน้าก่อนจะอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยขึ้นมาอีกครั้งเป็นจังหวะเดียวกับที่ร่างสูงของใครคนหนึ่งปรากฏขึ้น หมวกแก๊ปที่สวมอยู่ทำให้เขาดูแปลกตาไปแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้อาทิตย์ทัศน์จำไม่ได้


“คุณมาได้ยังไง”


“ก็คุณไม่ยอมรับโทรศัพท์ ผมก็เลยไปหาคุณที่บ้าน คุณแม่คุณบอกว่าวันนี้คุณมาทำงานที่มหาวิทยาลัย ผมก็เลยตามมา” ตฤณกรกล่าวก่อนจะมองหญิงสาวร่างบางเฉียบที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ แว้บหนึ่ง


“สงสัยผมจะลืมไว้ในรถ”


ลัลลดานิ่งไปชั่วขณะก่อนจะหันไปสบตาน้องรหัสของเธอเป็นเชิงถามว่าเขาคนนี้คือใคร เมื่อเห็นดังนั้นอาทิตย์ทัศน์จึงจำเป็นต้องแนะนำให้ทั้งคู่ได้รู้จักกัน


“พี่ลัลนี่..เอ่อ..ตังครับ เพื่อนผมเอง” ชายหนุ่มกล่าวก่อนจะหันไปหาตฤณกร “นี่พี่ลัล พี่รหัสของผมสมัยเรียน”


ตฤณกรยิ้มพร้อมกับยกมือไหว้หญิงสาว ในขณะที่เธอเองก็ยกมือขึ้นรับไหว้เขาเช่นกัน


“แล้วคนนี้ล่ะคะ ชื่ออะไร” อาทิตย์ทัศน์หันมาถามหนูน้อยที่เขากำลังอุ้มอยู่


“ฟางค่ะ” เธอยิ้มน่ารัก มันคงเป็นรอยยิ้มที่หวานที่สุดเพราะที่ริมฝีปากเล็ก ๆ นั้นเต็มไปด้วยเกล็ดน้ำตาลจากโดนัทที่ถืออยู่ในมือ


“น้องฟางสวัสดีน้าตังหรือคะ” สิ้นเสียงอาทิตย์ทัศน์ เด็กหญิงตัวน้อยก็ยกมือไหว้คุณน้าที่เพิ่งได้พบกันอย่างไม่รีรอ


“สวัสดีครับคนสวย” ตฤณกรกล่าวพร้อมกับเอื้อมมือจับที่แก้มยุ้ย ๆ ของหนูน้อย


“อืม...เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าคะ” ลัลลดาเอ่ยขึ้น “พี่รู้สึกคุ้นหน้าน้องคนนี้จัง”


ยังไม่ทันที่ตฤณกรจะได้ตอบคำถามนั้น เสียงของเด็กหญิงตัวน้อยก็ดังขึ้นขัดจังหวะ


“คุณพ่อ” เสียงใส ๆ ร้องเรียกพ่อของเธอ


อาทิตย์ทัศน์มองชายหนุ่มผมยาวที่กำลังเดินเข้ามาก่อนจะนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้วระหว่างพี่รหัสของเขากับหนุ่มมาดศิลปินที่ไปพบรักกันที่ถนนคนเดินจังหวัดเชียงใหม่จนกลายเป็นตำนานรักที่น้อง ๆ ในสายรหัสต่างก็เล่ากันสืบต่อมา....


“สวัสดีครับพี่ก้อง” อาทิตย์ทัศน์กล่าวทักทายคนที่มาใหม่


“เออ สวัสดี ๆ ไม่เจอกันนานเลย ไปอยู่เมืองนอกเมืองนามาหล่อขึ้นนะเนี่ยจ้า”


“หล่อสู้พี่ก้องไม่ได้หรอกครับ” ชายหนุ่มหัวเราะ


“สวัสดีครับพี่ก้อง” ตฤณกรเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกมือไหว ทำเอาอีกสองคนที่เหลือรู้สึกแปลกใจไม่น้อย


“เอ้า! ไอ้ตัง ไปไงมาไง ทำไมวันนี้ข้ามถิ่นมาถึงนี่ได้ล่ะ” ชายหนุ่มผมยาวกล่าวอย่างสนิทสนม


“ก็ทีพี่ยังข้ามมาสร้างตำนานรักดอกเหมยถึงนี่ได้เลย แล้วทำไมผมจะมาบ้างไม่ได้ล่ะครับ” คนตัวสูงยักคิ้ว


“บ๊ะไอ้นี่! กวนเบื้องล่างไม่เคยเปลี่ยน”


“นี่รู้จักกันเหรอคะ” ลัลลดาถามขึ้นด้วยความสงสัย


“ก็ไอ้ตังนี่มันเป็นน้องที่คณะผมไงคุณ เด็กเชียงใหม่เหมือนกัน งานแต่งงานเรามันยังไปเลยนะ แต่ตอนนั้นมันยังไว้ผมยาวรุงรังอยู่เลย เพิ่งจะมาเป็นผู้เป็นคนได้ไม่กี่ปีนี่แหละ”

“อ้าว..พี่” ตฤณกรขมวดคิ้วเขิน ๆ


เมื่อทุกอย่างถูกเฉลย คิ้วโก่งของหญิงสาวที่ขมวดเข้าหากันเมื่อสักครู่ก็เริ่มคลายออก “ถึงว่าทำไมลัลคุ้นหน้าน้องเขาจัง”


“เออ แล้วนี่แกเป็นเพื่อนจ้าเหรอ” ก้องเกียรติถาม


“ครับ” ตฤณกรตอบยิ้ม ๆ ก่อนจะสบตาคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ


“จ้าส่งยัยฟางให้พ่อแกเถอะ อุ้มมาตั้งนานแล้วหนักแย่” ลัลลดากล่าว


“ตัวหนักขึ้นตั้งเยอะ อีกหน่อยน้าจ้าอุ้มไม่ไหวแล้วนะคะ” กล่าวจบอาทิตย์ทัศน์จึงส่งหนูน้อยคืนให้พ่อของเธอ จากนั้นทั้งหมดก็ยืนคุยกันต่อได้สักพักใหญ่ ๆ


“ถ้าอย่างนั้นพี่ไปก่อนนะ แล้วไว้เจอกันจ้ะ” ลัลลดายิ้มให้ ก่อนที่ทั้งสามคน พ่อ แม่ ลูก จะเดินจูงมือกันไป...







“คุณไปงานแต่งงานพี่ลัลกับพี่ก้องด้วยเหรอ” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นขณะมองดูชายหนุ่มที่กำลังช่วยนักศึกษาของเขาเขียนป้ายติดภายในซุ้ม


“ครับ” คนตัวสูงตอบทั้งที่ยังก้มหน้ามองปลายพู่กันที่เขาบรรจงลากไปบนแผ่นไม้ขนาดใหญ่

“ทำไมผมไม่รู้สึกคุ้นหน้าคุณเลย”


ตฤณกรยิ้มพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่กำลังนั่งขัดสมาธิผสมสีอยู่ใกล้ ๆ “ก็ผมบอกคุณแล้วไง ว่าคุณอาจจะไม่ได้ใส่ใจมองผม หรืออาจเป็นเพราะผมอยู่ห่างคุณเกินไป”


“อืม” อาทิตย์ทัศน์พยักหน้าส่ง ๆ ก่อนจะยื่นขวดน้ำพลาสติกตัดครึ่งที่ใช้สำหรับผสมสีให้เขา


“ขอบคุณครับ”


“แล้วคุณล่ะ รู้สึกคุ้นหน้าผมบ้างหรือเปล่าตั้งแต่ที่เจอครั้งแรก”


“อืม...ก็รู้สึกเหมือนเคยได้เจอกันมาก่อนเมื่อนานมาแล้ว” ตฤณกรตอบเรียบ ๆ


อาทิตย์ทัศน์พยักหน้าพร้อมกับพยายามนึกทบทวนถึงงานแต่งงานของลัลลดาเมื่อ 7 ปีก่อน แม้จะรู้ว่าตฤณกรเคยไปงานเดียวกันแต่ก็น่าแปลกที่เขาไม่รู้สึกคุ้นหน้าผู้ชายคนนี้เอาเสียเลย เสียงตะโกนโหวกเหวกจากท้ายรถกระบะทำห้าอาทิตย์ทัศน์ต้องหยุดความคิดไว้แค่นั้น เขาลุกขึ้นก่อนจะเดินไปดูบรรดานักศึกษาที่กำลังช่วยกันขนหญ้าลงจากท้ายรถเพื่อนำมาบูที่พื้นและติดตั้งฉากไม้ที่จำลองบรรยากาศร้านกาแฟซึ่งอยู่ภายในบริเวณซุ้มของคณะ


“มา ผมช่วย” อาทิตย์ทัศน์นั่งลงช่วยสาวน้อยที่กำลังเก้ ๆ กัง ๆ กับการจับค้อนตอกตะปูเพื่อประกอบรั้วไม้เตี้ย ๆ อยู่กับพื้น


“ขอบคุณค่ะอาจารย์” เธอกล่าวยิ้ม ๆ ก่อนจะส่งค้อนให้อาจารย์ของเธอ









“น่ารักเนอะ” สองสาวที่กำลังนั่งตัดกระดาษแอบซุบซิบกัน ทำให้ตฤณกรซึ่งนั่งอยู่ใกล้ ๆ ต้องหันไปตามสายตาของพวกเธอซึ่งเป็นนักศึกษาของภาควิชาทัศน์ศิลป์


“นั่นสิแก ทำไมภาคเราไม่มีอาจารย์หล่อ ๆ น่ารัก ๆ แบบอาจารย์อาทิตย์ทัศน์บ้างนะ”


“อะแฮ่ม ภาคถ่ายภาพไม่ได้มีแค่อาจารย์น่ารักนะครับ นักศึกษาหล่อ ๆ ก็เยอะ” คนที่เพิ่งเดินมาถึงเอ่ยขึ้น


“ใคร” สาวน้อยนางหนึ่งเอ่ยขึ้น


“ก็ยืนอยู่นี่ไงครับคนหนึ่ง”


“ฉันหมายถึงว่า ใครขอความคิดเห็นจากแก”


“ใช่ แกน่ะเงียบปากไปเลยไอ้ภูมิ” อีกคนเสริม


“แหม...เรียกเสียให้เกียรติ คนอุตส่าห์ไปซื้อน้ำมาให้ งั้นก็ไม่ต้องกงต้องกินมันแล้ว”


“ไอ้ภูมิบ้า!!!!” สาวน้อยทั้งสองร้องขึ้นพร้อมกัน


“ล้อเล่นหรอกน่า” หนุ่มน้อยกล่าวก่อนจะส่งขวดน้ำให้หญิงสาว


“ขอบใจย่ะ” คนหนึ่งกล่าวก่อนจะรับขวดน้ำมา “ปากไม่ดีแต่มีน้ำใจแบบนี้พอให้อภัย”


“นี่ไม่ได้หรอกด่าผมใช่ไหมครับ” ภาคภูมิส่ายหน้าก่อนจะย่อตัวนั่งลงใกล้ ๆ ตฤณกร “ดื่มน้ำก่อนครับพี่ตัง”


“ขอบใจนะ” ชายหนุ่มรับขวดน้ำจากนักศึกษาฝึกงานในความดูแลของเขามาก่อนจะเปิดดื่ม


“ถามจริงเหอะพี่” ภาคภูมิกระซิบก่อนจะเหลือบมองอาจารย์ของเขา “พี่น่ะคิดจะจีบอาจารย์ผมอยู่หรือเปล่าเนี่ย”


คำถามนั้นทำเอาคนที่กำลังดื่มน้ำอยู่ถึงกับสำลัก เสียงไอค่อกแค่กทำให้คนที่กำลังนั่งตอกตะปูอยู่ไกล ๆ ต้องเงยหน้าขึ้นมามอง


“แล้วนายคิดว่ายังไงล่ะ” ตฤณกรถามพร้อมกับใช้หลังมือซับน้ำที่เปียกจมูก


“ผมไม่แปลกใจหรอกถ้าพี่คิดจะคิดแบบนั้น เพราะใคร ๆ ในคณะเขาก็กรี๊ดอาจารย์จ้ากันทั้งนั้น”


“อืม”


“แต่ผมว่าพี่ควรจะรู้จักคู่แข่งของตัวเองไว้บ้าง”


“คู่แข่ง” ตฤณกรทวนคำด้วยความแปลกใจ


“ใช่”


“ใครเหรอ”


“อาจารย์ดนุพงษ์ ถ้าอาทิตย์หน้าพี่มาพี่น่าจะได้เจอ เขาเป็นรุ่นน้องอาจารย์จ้า แล้วก็เป็นคู่จิ้นกัน”


“คู่จิ้น?” ตฤณกรขมวดคิ้ว


“ครับ เป็นคนที่พวกสาว ๆ เขาแอบเชียร์กัน แต่อาจารย์จ้าน่ะไม่รู้ตัวหรอก ผมเองก็รู้มาจากเพื่อนที่เรียนคณะอาจารย์ดนุพงษ์อีกที” หนุ่มน้อยกล่าวก่อนจะรีบลุกขึ้นเมื่อเพื่อน ๆ ของเขาเรียกหาน้ำดื่มในขณะที่ตฤณกรได้แต่มองตามด้วยความรู้สึกหวั่น ๆ ในใจ...







การเตรียมงานออกร้านของคณะต่าง ๆ ดำเนินไปจนกระทั่งบ่ายคล้อย ซุ้มของแต่ละคณะเริ่มเป็นรูปเป็นร่างด้วยความร่วมมือกันของทั้งอาจารย์และนักศึกษา วันนี้ที่ซุ้มของคณะศิลปกรรมศาสตร์บรรดานักศึกษาที่มาช่วยกันตกแต่งซุ้มต่างก็ได้รับแจกโดนัทฝีมือของอาจารย์อาทิตย์ทัศน์เป็นอาหารว่าง


“หูยยยยยย อร่อยสุด ๆ เลยครับอาจารย์” หนุ่มร่างท้วมที่กำลังเคี้ยวโดนัทตุ้ย ๆ เอ่ยขึ้น


“จริงด้วยค่ะ หนูว่าอาจารย์ทำมาขายที่ซุ้มคณะเราดีกว่า”


“เฮ่ย! ผมว่าผิดคอนเส็ปต์หรือเปล่า ขายโดนัทในร้านกาแฟเนี่ย” อาทิตย์ทัศน์ท้วง


“ไม่เห็นเป็นไรเลยค่ะอาจารย์ ซุ้มเราไม่ได้ขายกาแฟอย่างเดียว ขายน้ำอย่างอื่นอีกตั้งเยอะ นะคะอาจารย์ ทำมาขายเถอะนะคะ เดี๋ยวพวกหนูช่วยกันคิดชื่อร้านใหม่ก็ได้”


“อืม...” ชายหนุ่มนิ่งคิดอย่างตัดสินใจ


“คิดอะไรนานจังครับอาจารย์ เด็ก ๆ อุตส่าห์เชียร์ขนาดนี้แล้ว” ตฤณกรเอ่ยขึ้นขณะเดินเข้ามาร่วมวง


เมื่ออาทิตย์ทัศน์สบตาแป๋ว ๆ ของบรรดานักศึกษา เขาก็ต้องพยักหน้าตกลงอย่างจำยอม....




แม้จะเป็นเวลาบ่ายคล้อยแต่แดดก็ยังคงแรงจนนักศึกษาในหลาย ๆ ซุ้มต้องหยุดพัก ซุ้มของคณะศิลปกรรมศาสตร์โชคดีที่แวดล้อมไปด้วยต้นหูกวางต้นใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านปกคลุมไปทั่วบริเวณ ดังนั้นบรรดานักศึกษาจึงยังสามารถทำงานต่อได้ภายใต้ร่มเงาของไม้ใหญ่


“เฮ้ย! ลืมว่ะ” ชายหนุ่มที่กำลังทาสีโครงไม้อยู่บนบันไดอะลูมิเนียมเอ่ยขึ้น


“ลืมอะไรแก” สาวน้อยที่ยืนจับบันไดให้ถาม


“ลืมว่าสั่งสกรีนผ้ากันเปื้อนไว้ ที่ร้านเขานัดให้ไปเอาวันนี้เพราะเดี๋ยวเขาจะปิดร้านไปต่างจังหวัดหลายวัน”


“ร้านไหนล่ะ เดี๋ยวผมไปเอาให้ก็ได้ ผมต้องแวะไปดูเอกสารของภาควิชาที่เอาไปเข้าเล่มไว้พอดี” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้น


“ในซอยปราบเซียนครับอาจารย์”


อาจารย์หนุ่มพยักหน้า เขารู้จักซอยนี้ดี มันเป็นซอยแคบ ๆ ถึงแคบที่สุด แคบจนรถยนต์ไม่สามารถจะเข้าไปได้ ดังนั้นทุกคนจึงพากันเรียกซอยนี้ว่า ‘ซอยปราบเซียน’ แต่ซอยนี้กลับเป็นซอยที่รวมร้านต่าง ๆ ซึ่งทำงานศิลปะสนองตอบกิจกรรมต่าง ๆ ภายในมหาวิทยาลัย มีทั้งร้านรับทำป้ายไฟ คัตเอาท์ ร้านสกรีน เปิดมาตั้งแต่สมัยที่เขายังเรียน อาทิตย์ทัศน์ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำร้านพวกนี้จึงยังอยู่ได้ทั้งที่การขนส่งค่อนข้างลำบาก


“นี่ร้านพวกนั้นมันยังรวมกันอยู่ในซอยนี้อีกเหรอ รถก็เข้าลำบาก” อาทิตย์ทัศน์บ่น


“ครับอาจารย์ มีแต่ร้านที่ฝีมือดี ๆ ใคร ๆ ก็เลยยังใช้บริการอยู่ อาจารย์รู้จักเหรอครับ”


“อืม...มันมีมาตั้งแต่สมัยผมเรียนน่ะ แล้วนี่เขาให้หลักฐานอะไรมาไหม เดี๋ยวผมไปเอาให้”


“มีครับ” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนบันไดกล่าวก่อนจะหยิบกระดาษใบเล็ก ๆ ในกระเป๋าเสื้อส่งให้ผู้เป็นอาจารย์


“แล้วอาจารย์จะไปยังไงครับ เดินไกลแย่”


“ตอนแรกว่าจะเอารถไป แต่ถ้าเป็นซอยนั้นคงต้องไปด้วยวิธีการอื่น” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะมองไปรอบ ๆ พลันสายตาก็สะดุดเข้ากับจักรยานคันหนึ่งที่วางพึงอยู่โคนต้นหูกวาง “นั่นจักรยานใคร ผมขอยืมก่อนได้ไหม”


“ของพี่ภูมิค่ะ อาจารย์เอาไปเถอะค่ะ ของพี่ภูมิก็เหมือนของสาธารณะนั่นแหละ”


อาทิตย์ทัศน์หัวเราะเบา ๆ ในลำคอก่อนจะเดินไปที่จักรยาน จากนั้นเขาจึงขึ้นไปนั่งก่อนจะค่อย ๆ ปั่นมันออกมาจากบริเวณซุ้ม





“จ้า..”


เสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ชายหนุ่มบนอานจักรยานต้องชะงัก เป็นอีกครั้งที่โดนเรียกชื่อแบบนี้ และเป็นอีกครั้งที่อยู่ ๆ ใจก็เต้นแรงแบบไร้สาเหตุ เขาหยุดก่อนจะเงยหน้ามองตามคนที่กำลังเดินเข้ามายืนข้าง ๆ


ตฤณกรเอื้อมมือถอดหมวกแก๊ปบนศีรษะตัวเองวางบนศีรษะของชายหนุ่มก่อนจะแกล้งดึงปีกหมวกจนคนตรงหน้าต้องโน้มตัวลงมาตามแรง


“สวมไว้ แดดร้อน เดี๋ยวไม่สบาย” เขายิ้มบาง ๆ ก่อนจะเดินผ่านไปในขณะที่อาทิตย์ทัศน์ได้แต่มองแผ่นหลังกว้างที่กำลังเดินห่างออกไป หัวคิ้วหนาค่อย ๆ เคลื่อนเข้าหากัน มีบางอย่างที่ให้รู้สึกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่มันเป็นเหตุการณ์ที่เหมือนกับเคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้วครั้งหนึ่งแต่ก็นึกไม่ออกว่าที่ไหน ชายหนุ่มจับปีกหมวกถอดออกก่อนจะใช้นิ้วเรียวเสยผมที่ลงมาปิดหน้าขึ้นก่อนจะสวมหมวกให้เข้าที่อีกครั้งก่อนจะปั่นจักรยานออกไป เขาค่อย ๆ ชะลอจักรยานข้าง ๆ คนตัวสูงก่อนจะพูดเบา ๆ แต่คนอยู่ใกล้ ๆ สามารถได้ยินมันได้อย่างชัดเจน...


“ขอบคุณนะ”





อาทิตย์ทัศน์หายไปพักใหญ่ ๆ ก่อนจะกลับมาอีกครั้งพร้อมถุงพลาสติกใบใหญ่ที่ท้ายรถ บรรดานักศึกษาที่กำลังนั่งพักเหนื่อยกันอยู่ต่างกรูกันเข้ามาดูผลงานที่ส่งไปสกรีนเมื่อวันก่อน ไม่ช้าผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลก็ถูกคลี่ออกมา หลายคนต่างก็เอ่ยปากชมเมื่อเห็นลายสกรีนภาพถ้วยกาแฟสีชมพูดูน่ารักที่ตรงกลางกระเป๋าหน้าท้อง...
 


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-12-2013 00:49:34 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
ก่อนที่ดวงอาทิตย์จะหมดแสง การเตรียมงานยังคงดำเนินไปโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่าย ๆ เสียงเพลงจากโทรศัพท์มือถือที่ถูกเปิดเพื่อเพิ่มความบันเทิงให้กับเพื่อน ๆ ที่กำลังช่วยกันทำงานยังคงดังอยู่อย่างนั้นตั้งแต่บ่าย แม้ว่าจะมีนักศึกษาหลายคนทยอยกลับไปบ้างแล้ว แต่ก็มีอีกหลายคนที่ยังคงช่วยกันทำงานอย่างขะมักเขม้นเพื่อให้ทันเปิดงานในวันจันทร์ เกือบสองทุ่มครึ่งทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย บรรดานักศึกษาที่เหลืออยู่ไม่กี่คนต่างก็เริ่มทยอยกันกลับ


“พรุ่งนี้คุณต้องมากอีกหรือเปล่า” ตฤณกรเอ่ยขึ้นขณะมองดูคนสวมหมวกแก๊ปที่กำลังติดโปสการ์ดใบสุดท้ายกับราวลวดที่ขึงเป็นแนวไว้ที่หน้าเคาน์เตอร์ขายเครื่องดื่ม


“ไม่แล้ว พรุ่งนี้ผมคงต้องเตรียมแป้งสำหรับทำโดนัท ทางนี้คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเด็ก ๆ”


“ถ้าอย่างนั้นผมไปช่วยคุณที่บ้านนะ”


 อาทิตย์ทัศน์ยืนขึ้นเต็มความสูงก่อนจะหันกลับมาทำหน้าเซ็ง “ผมเคยห้ามคุณได้ด้วยเหรอ ถึงไม่ให้ไปคุณก็ไปอยู่ดี”


คำพูดประชดประชันเล็ก ๆ ของคนตรงหน้าทำให้ตฤณกรต้องอมยิ้ม “อาจารย์นี่ช่างเหน็บจังเลยนะครับ”


อาทิตย์ทัศน์เลือกที่จะไม่ต่อปากต่อคำ เขาเดินไปหยิบป้ายแผ่นสุดท้ายที่ถูกทิ้งเอาไว้เพื่อรอสีแห้งซึ่งเป็นที่บรรดานักศึกษาช่วยกันคิดคำและเพิ่งทำเสร็จเมื่อช่วงหัวค่ำก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน ชายหนุ่มเดินถือป้ายนั้นเพื่อนำมาแขวนที่หน้าร้านซึ่งจำลองบรรยากาศร้านกาแฟเมืองปาย ตฤณกรมองร่างที่อาบด้วยแสงสลัวจากไฟทางเดิน ชายหนุ่มที่สูงเลยไหล่เขาขึ้นมานิดหน่อยกำลังเขย่งปลายเท้าเอื้อมแขวนป้ายกับตะปูแต่มันอยู่สูงจนสุดมือเอื้อม ตฤณกรจึงตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้ ๆ


“ผมทำให้” เขากล่าวก่อนที่มือหนาจะเอื้อมหยิบเชือกจากมือของคนตัวเล็กกว่าคล้องกับตะปู วินาทีนั้นอาทิตย์ทัศน์รู้สึกได้ถึงหน้าอกอุ่นที่แนบชิดกับแผ่นหลังของตัวเอง คนตัวเล็กกว่าขยับหนีเล็กน้อยและเขาก็ทำได้เพียงแค่นั้น รอยยิ้มเล็ก ๆ ของตฤณกรปรากฏขึ้นบนใบหน้าทันทีที่กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่คุ้นเคยสัมผัสเข้ากับปลายจมูก ถึงจะมองเห็นไม่ชัดนักแต่คนตัวสูงก็ยังอดไม่ได้ที่จะลอบมองแก้มเนียนก่อนที่จะค่อย ๆ ถอยออกมา



‘ปังนม&ขนมรู’


อาทิตย์ทัศน์เงยหน้ามองดูป้ายร้านที่ถูกแขวนเรียบร้อยก่อนจะหันมองไปรอบ ๆ ได้ยินเสียงประกาศเตือนเมื่อใกล้ถึงเวลาปิดประตูของมหาวิทยาลัย ไฟตามตึกต่าง ๆ เริ่มดับลงเมื่อจวนได้เวลาตึกปิดเหลือแต่เพียงไฟทางเดิน นักศึกษาที่ยังเหลืออยู่ประปรายในหลาย ๆ ยังคงซุ้มอาศัยแสงจันทร์และแสงจากสปอร์ตไลท์ในการทำงานต่อ


“ไปล้างมือแล้วกลับเถอะ” พูดจบอาทิตย์ทัศนก็เดินนำตฤณกรไปที่ก๊อกน้ำพร้อมกับเปิดน้ำล้างมือให้ชายหนุ่มที่เนื้อตัวเปื้อนสี


แสงนวลของไฟทางเดินทำให้เห็นหน้าคมที่เปื้อนสีได้ชัดขึ้น อาทิตย์ทัศน์จึงล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะยื่นให้คนที่ตรงหน้าในขณะที่ตฤณกรนั้นก็มองเขาอย่างแปลกใจ


“แก้มคุณเลอะ”


“ไม่เอาหรอกเดี๋ยวผ้าเช็ดหน้าคุณเปื้อนหมด เอามือเช็ดก็ได้” พูดจบตฤณกรก็ถอดแว่นออกเสียบไว้กับกระเป๋าเสื้อก่อนจะใช้มือที่เปียกน้ำถูที่ข้างแก้มของตัวเอง


“เป็นไงบ้างออกหรือยัง”


“ยังไม่หมดเลย” อาทิตย์ทัศน์กล่าว


“ยังไม่หมดอีกเหรอ” คนตัวสูงยกมือขึ้นถูกข้างแก้มอีกครั้ง แต่แทนที่สีจากหลุดออกมันกลับระลายน้ำและเลอะเทอะยิ่กว่าเก่า


“หมดหรือยังคุณ”


“จะทำให้มันยุ่งยากทำไม” อาทิตย์ทัศน์ถอนหายใจเบา ๆ ในความดื้อของคนตรงหน้าก่อนจะใช้ผ้าเช็ดหน้าจุ่มน้ำแล้วเอื้อมมือเช็ดคราบสีที่ข้างแก้มของเขา


ตฤณกรก้มมองดวงตาคู่นั้นของคนที่ตัวเล็กกว่า มองอยู่อย่างนั้น จนกระทั่ง....


“หมดแล้ว” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้น ทำท่าจะเก็บผ้าเช็ดหน้าใส่กระเป๋า แต่มือหนากลับคว้าข้อมือของเขาเอาไว้ คนตัวเล็กกว่าสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าสบตาคนตัวสูงที่ยังคงมองมาที่เขา


“มันเลอะหมดแล้ว เดี๋ยวเอาไปซักให้นะ” พูดจบตฤณกรก็ใช้อีกมือที่ว่างอยู่ดึงผ้าเช็ดหน้าออกจากมือเรียวก่อนจะค่อย ๆ คลายมือออก....








“คุณหิวหรือเปล่า” อาทิตย์ทัศนถามขึ้นขณะที่ทั้งคู่เดินกลับมาที่ซุ้ม


“ยังไม่มาก” ตฤณกรตอบยิ้ม ๆ


“ก็แปลว่าหิวแล้ว” คนตัวเล็กกว่ากล่าวก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายและกล่องพลาสติกที่เคยเต็มไปด้วยโดนัทซึ่งขณะนี้เหลือเพียงกล่องเปล่า จากนั้นเขาก็หยิบถุงกระดาษเล็กๆออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้ตฤณกร


“รองท้องไปก่อนแล้วกัน”


คนตัวสูงยิ้มก่อนจะรับถุงกระดาษใบนั้นมา ข้างในมีโดนัท 4-5 ชิ้นที่อาทิตย์ทัศน์แบ่งเก็บไว้ตั้งแต่เมื่อตอนกลางวัน


“ขอบคุณครับ” ตฤณกรกล่าว “ถ้าอย่างนั้นผมกลับก่อนนะ”


“คุณจะกลับยังไง”


“รถไฟฟ้าไงคุณ นี่เพิ่งจะสามทุ่มเอง รถไฟฟ้ายังไม่หมดหรอก”


“ผมเอารถมา เดี๋ยวผมไปส่งคุณที่คอนโดก็ได้” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะเดินนำไปที่รถ


“นึกว่าจะใจร้ายเสียอีก” คนตัวสูงกว่าพึมพำ


ระหว่างเดินไปตามทางเดินระหว่างตึก ตฤณกรก็เปิดถุงกระดาษหยิบโดนัทออกมาก่อนจะส่งมันเข้าปาก


“เอาไหม” เขายื่นโดนัทอีกชิ้นให้คนที่เดินข้าง ๆ กัน แต่อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้าปฏิเสธ


“คุณรู้ตำนานของโดนัทไหม” คนตัวสูงเอ่ยขึ้น


“มีด้วยเหรอตำนานโดนัทน่ะ”


“มีสิคุณ ของทุกอย่างล้วนมีตำนานกันทั้งนั้น อยากรู้ไหมผมจะเล่าให้ฟัง”


“ไม่” คำตอบสั้น ๆ ห้วน ๆ ของคนตัวเล็กกว่าทำให้ตฤณกรต้องขมวดคิ้ว


“อะไรกัน ตอบไม่มีเยื่อใยเลย”


อาทิตย์ทัศน์ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะกล่าว “จะเล่าก็เล่ามา มัวแต่ลีลาอยู่ได้”


ตฤณกรยิ้มก่อนจะชูขนมมีรูตรงกลางขึ้น “เรื่องมันหกสิบปีมาแล้ว เจ้าน้อยสุขเกษมอายุได้สิบห้าปี เจ้าป้อก็ส่งไปเฮียนหนังสือ ที่เมืองมะละแหม่งปู้น!!!!!!”


“เอาดี ๆ”


“โห...ล้อเล่นแค่นี้ต้องทำเสียงดุด้วยเหรอครับอาจารย์ คุณนี่เหมาะจะเป็นคุณครูจริง ๆ” คนตัวสูงพูดกลั้วหัวเราะ


“จะเล่าไหม”


“เล่าครับเล่า” ตฤณกรยิ้มก่อนจะเริ่มเล่า “คืออย่างนี้ เรื่องของตำนานโดนัทน่ะมันเริ่มจากผู้ชายคนหนึ่งซึ่งมีอาชีพเป็นพ่อครัว เขาเป็นพ่อครัวที่เก่งมาก ๆ เลยนะคุณ ทำได้ทั้งอาหารคาว ขนมแล้วก็เครื่องดื่ม”


“แล้วเขาก็ไปพบรักกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเป็นลูกสาวของเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในเมือง แต่แล้วความรักของพวกเขาทั้งสองคนก็ไม่ได้สมหวังนั่นเพราะฐานะที่แตกต่างกันจนเกินไป”


“อืม..” อาทิตย์ทัศน์พยักหน้า “แล้วสุดท้ายเป็นยังไง”


“ลูกสาวเศรษฐีถูกพ่อของเธอบังคับให้แต่งงานกับลูกพ่อค้าต่างแดนซึ่งเธอไม่ได้เต็มใจเลย”


“แล้วพ่อครัวล่ะ”


“พ่อครัวคนนั้นเดินทางออกจากเมืองไปในคืนที่คนรักของเขาแต่งงาน แต่ก่อนจะจากไปเขาได้ทำขนมชนิดหนึ่งที่ไม่มีใครเคยเห็นในโลกมาก่อนเอาไว้เป็นของขวัญวันแต่งงานของเธอ มันเป็นทรงกลม ๆ แล้วก็มีรูปตรงกลางแบบนี้”


“โดนัทนี่น่ะเหรอ” อาทิตย์ทัศน์มองดูโดนัทในมือตฤณกร


“ใช่ โดนัทนี่แหละ คุณเห็นไหมว่ามันมีรูตรงกลาง”


“แล้วมันยังไง”


“มันกลม ๆ เหมือนห่วงไงคุณ พ่อครัวคนนั้นต้องการบอกให้คนที่เขารักรู้ว่าไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน ไม่ว่าระยะทางจะไกลเพียงใด เขาก็จะรักและเป็นห่วงเธอตลอดไป” ตฤณกรยิ้ม


“อืม...”


“แล้วที่คุณให้โดนัทกับผมในวันนี้ก็แสดงว่าคุณเป็นห่วงผม”


อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้า “สรุปว่าที่พูดมานี่เรื่องจริงหรือคิดเอาเอง”


“เรื่องที่ผมเล่าผมคิดเอาเอง แต่เรื่องที่คุณเป็นห่วงผมน่ะ คุณคงต้องเป็นคนตอบแล้วละว่าผมคิดเอาเองหรือว่ามันเป็นเรื่องจริง” ตฤณกรทำหน้าทะเล้น


“คุณนี่มันจริง ๆ เลย” อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้วก่อนจะเบนหน้าหนีสายตาของคนข้าง ๆ ....




ไฟในห้องนอนยังคงสว่างในขณะที่ชายหนุ่มเจ้าของห้องกำลังรื้ออัลบั้มรูปเก่า ๆ จากกล่องใส่ของที่ถูกวางไว้ข้างชั้นวางหนังสือออกมาดู ในที่สุดเขาก็พบอัลบั้มรูปสมัยที่ถ่ายไว้เมื่อตอนงานแต่งงานของลัลลดา นิ้วเรียวค่อย ๆ เปิดรูปถ่ายที่ถูกสอดเอาไว้ในซองพลาสติกทีละใบเพื่อค้นหาใครบางคนที่บอกว่าเคยไปงานนี้เหมือนกัน รูปส่วนใหญ่ในอัลบั้มเป็นรูปที่ถ่ายเจาะเฉพาะเจ้าบ่าวและเจ้าสาวในช่วงพิธีการ และรูปที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวถ่ายรวมกับเพื่อน ๆ สมัยเรียนมหาวิทยาลัยของฝ่ายเจ้าสาวเท่านั้น อาทิตย์ทัศน์ถอนหายใจเบา ๆ เมื่อไม่มีทีท่าว่าจะพบคนที่เขากำลังมองหา จนกระทั่งมาถึงรูปสุดท้ายในอัลบั้มซึ่งเป็นรูปหมู่ที่รวมเพื่อน ๆ ของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวเอาไว้ด้วยกัน มันเป็นรูปหมู่ที่รวมคนมากที่สุดเพียงใบเดียวจากทั้งอัลบั้มที่เขาถ่ายเอาไว้ ในที่สุดตาคมก็สะดุดเข้ากับร่างสูงของชายหนุ่มผมยาวในชุดสูทซึ่งยืนอยู่ที่ด้านหลังสุดของแถว


ใช่จริง ๆ ...เขาคือชายหนุ่มผมยาวซึ่งเป็นคน ๆ เดียวกันกับคนในรูปที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของตฤณกร อาทิตย์ทัศน์นึกทบทวนคำพูดนั้นอีกครั้ง ไม่รู้เหมือนกันว่าการที่เขาไม่รู้สึกว่าเคยได้พบกับคนในภาพมาก่อนนั่นเป็นเพราะว่าเขาเองที่ไม่ได้สนใจมองหรือว่าคน ๆ นั้นยืนอยู่ไกลกันจนเกินไปกันแน่....   







...


ขอบคุณมาก ๆ สำหรับคอมเม้นท์นะคะ อ่านแล้วรู้สึกดีมาก ๆ ค่ะ ขอบคุณจริง ๆ นะ ^^




ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
เค้าเคยเจอกันมาก่อนนี่เอง

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
คิดได้นะ ตำนานโดนัท  :laugh3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Palmpalm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 671
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
เคยเจอกันมาแล้วด้วย

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
จ้ากับตังเคยพบกันมาก่อนนี่เอง

ออฟไลน์ anchoviiz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
นี่มันบังเอญหรือพรหมลิขิตกัน  :hao7:

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
แอบชอบจ้ามาตั้งแต่ทีแรกเลยล่ะซิคุณตัง

ออฟไลน์ AGALIGO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4

อาจารย์มีคู่จิ้นซะด้วย

งานนี้คงจะมีรถไฟชนกันแน่ๆเลย

+ 1 + เป็ดจ้า

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
จารย์เสน่ห์แรงเวออออออออออออรรรรรร์

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
มาตามด้วยคนครับ :L2:

ออฟไลน์ Loste

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 430
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
บังเอิญ โลกกลม หรือพรหมลิขิต :-[

ออฟไลน์ ลูกกุญแจ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
 :laugh:

เป็นเหมือนกันนะ

เคยเจอกันมาแล้ว  ก็ว่ามันคุ้นๆ แต่จำไม่ได้ซักที

 :katai2-1:

ออฟไลน์ chen

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
อ่านแล้วมันละมุนมากๆเลย
ตังกับจ้า
ค่อยๆสานสัมพันธ์กัน เรียนรู้ตัวตน เปิดตาเปิดในให้กัน
ประกอบกับฉากไปเที่ยวที่ต่างๆ
รอหน้าหนาวนี้ สองคนนี้ไปทริปด้วยกันนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
เคยเจอกันมาก่อน  แล้วมากันอีกในปัจจุบัน  คือพรมลิขิตไหมเนี่ย
อ่านแล้วโรแมนติกจังนะ  จ้ากับตัง

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
ตอนที่ 17 คู่แข่ง



ตฤณกรมาที่บ้านของอาทิตย์ทัศน์ในตอนเช้าวันอาทิตย์....


“จ้า เดี๋ยวแม่จะออกไปร้านนะลูก” อรนุชบอกลูกชายที่กำลังเดินลงบันไดมา ชายหนุ่มเหลือบมองคนที่กำลังนั่งให้อาหารปลาอย่างสบายใจที่ระเบียงก่อนจะพยักหน้ากับผู้เป็นแม่


“อ้อ แล้วก็เมื่อวานแม่รื้อห้องเก็บของเจอกล่องใส่ของของลูกน่ะ ไม่รู้ว่ายังจะเก็บไว้อยู่ไหม ลูกลองดูก็แล้วกันแม่วางไว้ใต้โต๊ะข้างชั้นหนังสือโน่นน่ะ” เธอพูดพร้อมกับชี้ไปที่กล่องพลาสติกใบใหญ่ที่วางแอบอยู่ตะโต๊ะข้างชั้นวางหนังสือซึ่งอาทิตย์ทัศน์เกือบจะลืมมันไปแล้ว


“ครับแม่” ชายหนุ่มรับคำก่อนจะเดินออกไปจากบ้านเพื่อเปิดประตูรั้วส่งแม่ของเขา ครู่หนึ่งอาทิตย์ทัศน์ก็เดินกลับเข้ามาในบ้านก่อนหายเข้าไปในครัว


“คุณทานอะไรมาแล้วหรือยัง” เสียงที่ดังขึ้นจากในครัวทำให้คนที่กำลังเพลินอยู่กับการมองปลาคราฟเผลอยิ้มออกมา บ่อยครั้งที่เขามักจะถูกถามด้วยคำถามสั้น ๆ แต่แฝงความห่วงใยเช่นนี้ ตฤณกรลุกขึ้นก่อนจะเดินตามเข้าไป


“ยังครับ”


“อยากทานอะไรเดี๋ยวผมทำให้ทาน”


“อืม...ถ้าอย่างนั้นผมขอไก่อบฟาง แล้วก็หมูหันนะ” คนตัวสูงพูดกลั้วหัวเราะ


“ได้” อาทิตย์ทัศน์ที่ยืนหันหลังให้ตอบเพียงสั้น ๆ ทำเอาตฤณกรรู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่วันนี้คนตรงหน้าไม่คิดจะตอบโต้คำพูดกวนประสาทของเขา


คนตัวสูงนั่งลงเท้าคางรอที่โต๊ะอาหารตาคมยังคงจดจ้องไปที่แผ่นหลังของคนตัวเล็กกว่าที่กำลังทำนู่นทำนี่เสียงดังก๊อกแก๊ก ครู่หนึ่งอาหารก็ถูกยกมาเสิร์ฟ ตฤณกรก้มมองไข่เจียวสีเหลืองทองในจานก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังตักข้าวใส่จานให้


“เฮ้ย! นี่มันไข่เจียวหมูสับนะคุณ”


“ก็นี่ไง ไก่อบฟางกับหมูหันแต่มันยังเป็นไข่อยู่ทั้งไก่และหมู ถ้ารอฟักคุณคงหิวตายพอดี”




“หมูที่ไหนออกลูกเป็นไข่ คุณนี่มันแสบจริง ๆ” ตฤณกรส่ายหน้ายิ้ม ๆ


“รีบทานเข้า อย่ามัวพูดมากอยู่” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะหันไปเตรียมวัตถุดิบสำหรับทำโดนัท





“อร่อยจัง” คนตัวสูงที่กำลังนั่งเคี้ยวข้าวตุ้ย ๆ เอ่ยขึ้น


อาทิตย์ทัศน์หันมาก่อนจะกล่าว “พูดอย่างกับไม่เคยทานอย่างนั้นแหละ”


“เคยทานน่ะเคยอยู่หรอกครับ แต่ไม่เคยทานแบบที่คุณทำให้ทาน”



หน้าระบายยิ้มของคนที่กำลังนั่งเคี้ยวข้าวตุ้ย ๆ อย่างมีความสุข ทำให้คนตัวเล็กกว่าต้องหันหน้าหนีเพื่อเก็บซ่อนรอยยิ้มเล็ก ๆ ของตัวเองเอาไว้





“จะหน้าหนาวแล้วนะคุณ คุณวางแผนเที่ยวหรือยัง ผมรอโปสการ์ดอยู่นะครับ”


อาทิตย์ทัศน์ที่กำลังใช้กรรไรตัดถุงแป้งสาลีอยู่ชะงักเล็กน้อยก่อนจะนึกถึงโปสการ์ดที่ได้รับล่าสุดจากคนที่ยืนล้างจานอยู่ข้าง ๆ


“ผมยังไม่ได้คิด” คนตัวเล็กกว่าตอบสั้น ๆ


“เฮ้อ...รอเก้ออีกตามเคย” ตฤณกรบ่น


“ทำไมคุณถึงอยากให้ผมไปที่นั่น ผมหมายถึง...” ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันก่อนจะกล่าวต่อ “วัดพระธาตุดอยสุเทพใช่ไหม” เขาเหลือบมองคนข้าง ๆ เขาไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่กำลังยิ้ม เป็นรอยยิ้มซึ่งอาทิตย์ทัศน์เองไม่อาจเข้าใจได้...








ตฤณกรนั่งมองอาทิตย์ทัศน์ที่กำลังเอื้อมหยิบอ่างแก้วใบใหญ่มาวางลงบนโต๊ะฝั่งตรงข้ามกับที่เขานั่งอยู่


“ทำอะไรน่ะคุณ”


“ผสมแป้ง”


“ให้ผมช่วยได้ไหม”เขากล่าวพร้อมกับเดินอ้อมมายืนใกล้ ๆ คนตัวเล็กพยักหน้าก่อนจะหลีกทางให้


“ผมต้องทำยังไงบ้าง”


“เดี๋ยวผมจะเทส่วนผสมลงไป คุณคนให้มันเข้ากันก็แล้วกัน” พูดจบอาทิตย์ทัศน์ก็เทแป้งสาลีลงในอ่างก่อนจะตามด้วยยีสต์และเกลือ


“ผมคนเลยนะ” ตฤณกรที่ในมือถือไม้พายในท่าเตรียมพร้อมเอ่ยขึ้นก่อนจะลงมือคลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากัน อาทิตย์ทัศน์มองดูคนข้าง ๆ ก่อนจะผสมไข่แดง น้ำตาลทราย เนยสดเค็มและนมสดลงในอ่างอีกใบก่อนจะตีให้เข้ากันด้วยตะกร้อตีไข่ จากนั้นเขาจึงเทส่วนผสมทั้งหมดลงในอ่างที่ตฤณกรคลุกเคล้าแป้งไว้เรียบร้อย


“คนไปเรื่อย ๆ นะ จนกว่ามันจะไม่ติดอ่าง”


“หือ...ตะ ตะ ติดอ่างเหรอครับ”


“ไม่ใช่ติดอ่างแบบนั้น” อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้ว “ถ้าจะตลกขนาดนี้ก็เลิกเป็นดีไซเนอร์เถอะ”


“คุณว่าดีเหรอ” ตฤณกรทำหน้าทะเล้น


“ไม่ดีหรอก”


“อ้าว ทำไมล่ะ”


“อย่างคุณน่ะ เข้าคณะไหนหัวหน้าคงตายหมด” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะเดินไปหยิบถาดอะลูมิเนียมที่วางอยู่เหนืออ่างล้างจานพร้อมกับพึมพำเบา ๆ “ชอบกวนประสาทแบบนี้เข้าคณะไหนหัวหน้าโดนยิงตายหมด”


“แล้วนี่เราต้องทำเยอะแค่ไหนเนี่ยคุณ”


“ก็เยอะพอสมควรถ้าจะเอาไปขาย ผมจะทำไว้จำนวนหนึ่งก่อนส่วนที่เหลือจะให้เด็ก ๆ ช่วยกันทำลูกค้าจะได้ทานของใหม่ ๆ” คนตัวเล็กกว่ากล่าวพร้อมกับวางถาดลงบนโต๊ะ


“มันเริ่มเป็นเนื้อเดียวกันแล้วทีนี้ผมต้องทำยังไงต่อครับ”


“ต้องเอาออกมานวดอีกที”


“ใช้มือเลยเหรอ”


“ใช่”


เมื่อได้รับอนุญาตจากอาทิตย์ทัศน์ตฤณกรก็ใช้มือคัวกแป้งในอ่างออกมาวางบนโต๊ะ


“ต้องโรยแป้งลงไปหน่อยจะได้ไม่ติดมือ คุณแบมือมาสิ”


ตฤณกรแบมือทั้งสองข้างขึ้นอย่างว่าง่ายก่อนที่อาทิตย์ทัศน์จะโรยแป้งสาลีลงบนมือของเขา


“รู้สึกเหมือนเป็นนักยิมนาสติกขึ้นมาเลยแฮะ” คนตัวสูงพูดกลั้วหัวเราะ


“ทีนี้คุณก็เริ่มนวดแป้ง เวลานวดก็ใช้อุ้งมือดันแป้งให้ออกจากตัวแบบนี้ แล้วค่อยตะล่อมกลับ ทำแบบนี้ซ้ำ ๆ กันจนแป้งเนียน” อาทิตย์ทัศน์กล่าวพร้อมกับสาธิตให้เขาดู



“ไม่ง่ายเลยนะเนี่ย” ชายหนุ่มกล่าวก่อนจะทำตาม


ผ่านไปประมาณสิบนาทีแป้งที่นวดก็เนียนเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นอาทิตย์ทัศน์ก็พักแป้งไว้ก่อนจะเริ่มผสมส่วนผสมใหม่...





“ผมชิมได้ไหมคุณ” ตฤณกรที่กำลังหนวดแป้งอยู่เอ่ยขึ้นเมื่ออาทิตย์ทัศน์ใช้ตะเกียบคีบโดนัทอันเล็กที่เพิ่งทอดเสร็จขึ้นมาพักให้สะเด็ดน้ำมันบนตะแกรง


“ได้สิ” คนตัวเล็กกว่าตอบยิ้ม ๆ


“มือไม่ว่างอ่ะคุณ ช่วยหยิบให้ผมหน่อยนะครับ”


อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้วก่อนจะกล่าว “ถ้าอย่างนั้นคุณก็รอให้เสร็จก่อนแล้วค่อยชิม”


“โหยยยย ใจร้าย” ตฤณกรบ่น “ผมอยากชิมตอนที่มันร้อน ๆ แบบนี้นี่นา”


หน้าคมส่ายไปมาช้า ๆ ก่อนจะใช้ตะเกียบจิ้มโดนัทที่เพิ่งเอาขึ้นมาพักให้สะเด็ดน้ำมันยื่นให้ชายหนุ่ม


“โอ้โห..เป่าหน่อยสิครับ ปากพังกันพอดี”


“เรื่องเยอะจริง” อาทิตย์ทัศน์พึมพึมก่อนที่นิ้วเรียวจะค่อย ๆ บิโดนัทชิ้นเล็ก เขาเป่ามันเบา ๆ ก่อนจะยื่นให้คนข้าง ๆ ตฤณกรยิ้มก่อนจะใช้ปากงับชิ้นโดนัทที่มือของเขา


“อร่อยจัง”


“ของมันแน่อยู่แล้ว” คนตัวเล็กกล่าว


อาทิตย์ทัศน์และตฤณกรใช้เวลาเกือบทั้งวันในการทำโดนัทจนในที่สุดพวกเขาก็ได้โดนัทจำนวนมากสำหรับนำไปขายงานออกร้านในวันรุ่งขึ้น....




งานออกร้านของมหาวิทยาลัยเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้าของวันจันทร์และจัดติดต่อกันมาเรื่อยจนถึงวันสุดท้ายของงานกินเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์ มีผู้คนมากมายทั้งที่ทำงานและอาศัยอยู่รอบ ๆ มหาวิทยาลัยต่างก็แวะเวียนมาจับจ่ายซื้อของ ยิ่งแดดร่มลมตกคนก็ยิ่งมากขึ้นเนื่องจากเป็นเวลาเลิกงาน ซุ้มของคณะต่าง ๆ คึกคักเป็นพิเศษทุกวันเพราะได้แรงนักศึกษาหลาย ๆ ชั้นปีเข้ามาช่วยกันเรียกลูกค้า ภายในซุ้มของคณะศิลปกรรมศาสตร์นอกจากจะจำลองร้านกาแฟบรรยากาศเมืองปายแล้วยังมีการตั้งโต๊ะสำหรับวาดภาพให้กับคนที่อยากมีภาพการ์ตูนล้อติดไม้ติดมือกลับบ้านด้วย


“ซื้อโดนัทหน่อยค่ะ” สาวน้อยในชุดนักศึกษากล่าวอย่างขวยเขินกับพ่อค้าจำเป็นที่ยืนขายโดนัทอยู่ภายในซุ้ม


“นี่ครับ” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะยื่นถุงกระดาษติดสติ๊กเกอร์โลโก้ของซุ้มคณะศิลปกรรมศาสตร์ให้กับเธอ



“ขอบคุณค่ะ” สาวน้อยยังคงยืนบิดไปมาในมือกำถุงกระดาษแน่นก่อนที่รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่ปรากฏบนใบหน้าจะวูบหายเนื่องจากเสียงเตือนจากคนที่ยืนต่อคิวอยู่ด้านหลัง นั่นทำให้เธอต้องเดินหลบฉากออกมาทันที


“อาจารย์จ้ามาช่วยขายแบบนี้ ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าจนวันสุดท้ายเลยค่ะ” นักศึกษาสาวที่กำลังชงเครื่องดื่มอยู่ที่เคาน์เตอร์ใกล้ ๆ กันเอ่ยขึ้น


“นั่นสิครับอาจารย์ หางแถวยาวเชียว ไม่รู้ว่าโดนัทอร่อยหรือคนขายหน้าตาดี” ชายหนุ่มในชุดนักศึกษาที่เพิ่งเดินมาถึงหัวเราะ “ผมเห็นสาว ๆ เดินถือถึงโดนัทซุ้มคณะเรากันเต็มเลย”


“ผมว่าให้โดนัทอร่อยจะดีกว่านะ” อาทิตย์ทัศน์กล่าวยิ้ม ๆ ก่อนจะมองหาใครคนหนึ่งที่บอกว่าจะมาหาเขาในค่ำวันนี้




“ได้ข่าวว่าโดนัทซุ้มนี้อร่อย ผมก็เลยแวะมาชิม” ชายหนุ่มเจ้าของแววตาวิบวับที่เพิ่งเดินเข้ามาเอ่ยขึ้น อาทิตย์ทัศน์เงยหน้ามองชายหนุ่มร่างสูงผิวสีน้ำผึ้ง เขาคือ ‘ดนุพงษ์’ อาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ที่บรรดาสาว ๆ ต่างก็ไม่มีใครไม่รู้จัก


“เหมาเลยไหม” คนตัวเล็กกว่ายิ้มพร้อมกับคีบโดนัทใส่ถุงยื่นให้


“ขอบคุณครับ” ดนุพงษ์รับถุงโดนัทมาก่อนจะเปิดออกชิม “อืม..อร่อยจริง ๆ ด้วย พี่จ้าทำเองเหรอครับ”


“ใช่”


 “ขอโทษนะคะอาจารย์” เสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมาก่อนที่สาวน้อยในชุดเสื้อช็อปคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์จะก้าวเท้าออกมาจากกลุ่มของนักศึกษาที่ยืนรอซื้อโดนัทอยู่ด้านหลัง “คือ...หนูขอถ่ายรูปคู่อาจารย์ได้ไหมคะ”


สองหนุ่มมองหน้ากันก่อนที่คนหนึ่งจะเอ่ยขึ้น “ได้สิครับ” ดนุพงษ์ยิ้ม


“เอ่อ..หนูหมายถึง ขอถ่ายรูปคู่อาจารย์ดิวกับอาจารย์อาทิตย์ทัศน์น่ะค่ะ” เธอยิ้มเขิน ๆ


คำขอแปลกประหลาดนั้นทำเอาอาทิตย์ทัศน์ยืนงงไปชั่วขณะ จนกระทั่งลูกศิษย์ของเขาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กันต้องสะกิด


“อาจารย์คะ น้องเขาจะขอให้อาจารย์ถ่ายรูปกับอาจารย์ดนุพงษ์ค่ะ”


“เอ้อ...อืม..เอาสิ” พูดจบอาทิตย์ทัศน์ก็เดินไปยืนข้าง ๆ คนที่ตัวสูงกว่าเขาเล็กน้อย


“ใกล้ ๆ กันแบบนั้นแหละค่ะอาจารย์” สิ้นเสียงของสาวน้อย บรรดาตากล้องสมัครเล่นทั้งหลายต่างก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายภาพ ไม่เว้นแต่นักศึกษาของคณะศิลปกรรมศาสตร์เอง


“แหม..วันนี้สองหนุ่มหล่อสายอาร์ตโคจรมาพบกันทั้งทีนะคะ ต้องถ่ายรูปเก็บไว้เป็นภาพประวัติศาสตร์” สิ้นเสียงของคนพูดก็มีเสียงโห่ฮิ้วชอบใจของบรรดานักศึกษในบริเวณนั้นตามมา....


“ดิวจะดื่มอะไรหน่อยไหม เดี๋ยวพี่บอกเด็กทำให้” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นเมื่อบรรดานักศึกษาเลิกสนใจพวกเขาแต่กลับไปสนใจภาพในกล้องมือถือแทน


“ก็ดีครับ” หนุ่มผิวสีน้ำผึ้งกล่าว ดังนั้นอาทิตย์ทัศน์จึงเดินนำดนุพงษ์ไปที่เคาน์เตอร์ก่อนจะสั่งเครื่องดื่มให้เขา


สองหนุ่มยืนคุยกันต่อขณะรอเครื่องดื่มโดยไม่รู้เลยว่าเขาทั้งสองกำลังอยู่ในสายตาของใครอีกคน ตฤณกรหยุดมองชายหนุ่มร่างสูงที่สวมผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลสกรีนลายถ้วยกาแฟสีชมพูซึ่งกำลังยืนคุยกับชายหนุ่มแปลกหน้าก่อนจะเดินเข้าไปสั่งกาแฟที่เคาน์เตอร์


“คาปูชิโน่เย็นครับ” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ก่อนจะเดินผ่านคนร่างเล็กไปนั่งที่โต๊ะไม้ซึ่งตั้งอยู่ในมุมหนึ่งโดยไม่มีแม้แต่คำทักทาย ตาคมมองดูบรรดานักศึกษาที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มวาดภาพการ์ตูนล้อลงในกระดาษขนาดเท่าโปสการ์ดอยู่ที่โต๊ะญี่ปุ่นเตี้ย ๆ แต่ละโต๊ะมีโคมไฟเล็ก ๆ สำหรับให้แสงกับอุปกรณ์วาดเขียนอีกเพียงไม่กี่ชิ้น แต่ภาพที่วาดเสร็จก็สามารถสร้างรอยยิ้มให้กับเจ้าของภาพได้ไม่น้อย


ครู่หนึ่งแก้วกระดาษทรงสูงก็ถูกวางลงตรงหน้าพร้อมกับถุงใส่โดนัท


“ขอบคุณครับ แต่ผมไม่ได้สั่งโดนัทนะครับ” ตฤณกรกล่าวทั้งที่ไม่ได้เงยหน้ามองคนที่ยกเครื่องดื่มและขนมมาเสิร์ฟ


“ผมเลี้ยง” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม


“ขอบคุณครับ” ตฤณกรตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ จนน่าแปลกใจ


“คุณมาถึงนานหรือยัง”


“ก็ตั้งแต่ที่คู่จิ้นเขาถ่ายรูปกัน” คนตัวสูงตอบห้วน ๆ ขณะส่งโดนัทเข้าปาก


“คู่จิ้น” อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้ว “คืออะไร”


“อะไร นี่คุณไม่รู้จริง ๆ น่ะเหรอ”


“ถ้ารู้ผมจะถามคุณให้คุณมาย้อนถามผมแบบนี้เหรอ”


ตฤณกรมองคนตรงหน้ายิ้ม ๆ ก่อนจะอธิบาย “จิ้น มันก็มาจากอิแมจินไงคุณ จินตนาการน่ะ คู่จิ้นก็คือคนสองคนที่คนรอบข้างเขาจินตการการให้เป็นคู่รักกันอะไรทำนองนี้แหละ”


“อืม..” อาทิตย์ทัศน์พยักหน้า


“ไม่วัยรุ่นเลยคุณนี่”


“แล้วคู่จิ้นที่คุณว่าเมื่อกี้ คุณหมายถึงใคร”


“ก็...” ตฤณกรหยุดก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มที่กำลังนั่งคุยกับนักศึกษาที่โต๊ะห่างออกไป “นั่นไง”


อาทิตย์ทัศน์มองตามสายตาของเขาก่อนจะกล่าว “นั่นอาจารย์ดนุพงษ์ เขาเป็นรุ่นน้องที่โรงเรียนเก่าของผม”


“เป็นพี่น้องกันว่างั้นเถอะ”


“ใช่”


“คุณคนเดียวหรือเปล่าที่คิดแบบนี้ เขาอาจจะไม่ได้อยากเป็นพี่น้องกับคุณก็ได้”


“หมายความว่ายังไง”


“ก็ดูสายตาที่เขามองคุณสิ”


“คิดอะไรเลอะเทอะ” 


“ใช่สิ ผมมันทำอะไรก็ไม่ดีสักอย่าง” ตฤณกรพึมพำ


อาทิตย์ทัศน์มองคนตรงหน้าก่อนจะถอนใจเบา ๆ เป็นเวลาเดียวที่เสียงเตือนข้อความจากโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น ชายหนุ่มจึงหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าหน้าท้องของผ้ากันเปื้อนออกมากดอ่านข้อความ




‘อย่าลืมแวะไปที่ซุ้มคณะผมบ้างนะครับ’




อาทิตย์ทัศน์เงยหน้ามองคนที่กำลังยืนถือโทรศัพท์อยู่ไกล ๆ เขายิ้มมาให้ก่อนจะเดินออกจากซุ้มไป
 


“ตามเขาก็ได้นะ” ตฤณกรเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ในขณะที่คนตัวเล็กกว่ากำลังเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากางเกง


“เป็นอะไรของคุณ อารมณ์ไม่ดีอะไรมาแล้วมาพาลกับผมหรือเปล่า” อาทิตย์ทัศย์ขมวดคิ้วก่อนจะค่อย ๆ ปลดผ้ากันเปื้อนออก


“ไม่รู้เหมือนกัน เห็นหน้าเขาแล้วผมหงุดหงิด” ตฤณกรหยุดก่อนจะดูดกาแฟจากแก้วเพื่อดับอารมณ์หงุดหงิดภายในใจ


ชายหนุ่มวางแก้วลงก่อนจะกล่าวต่อ “ผมหึงคุณมั้ง” คำพูดแสดงความรู้สึกของคนตัวสูงตรงหน้าทำเอาไบหน้าของคนฟังร้อนวูบวาบขึ้นมาทันที



“ตลกแล้ว คุณจะหึงผมทำไม ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” พูดจบอาทิตย์ทัศน์ก็ลุกขึ้นก่อนจะเดินเอาผ้ากันเปื้อนไปคืนที่เคาน์เตอร์ เขายืนคุยกับนักศึกษาครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเดินออกไปจากซุ้ม...










ตฤณกรมองร่างสูงที่กำลังเดินล้วงกระเป๋าดูนู่นดูนี่ตามซุ้มซึ่งตั้งอยู่รายทาง รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าเพื่อเดินตามให้ทัน


“ต้องเป็นอะไรกันใช่ไหมผมถึงจะหึงคุณได้” เสียงกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูทำให้อาทิตย์ทัศน์ต้องเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของรอยยิ้มกวนประสาทที่กำลังเดินผ่านเขาไป


“ไอ้บ้าเอ๊ย” คนตัวเล็กกว่าพึมพำเบา ๆ






เสียงประกาศจากเครื่องขยายเสียงที่ดังมาจากซุ้มคณะสัตวแพทย์ศาสตร์สามารถเรียกความสนใจของคนที่เดินผ่านมาผ่านไปได้ไม่น้อย ที่หน้าซุ้มมีการตั้งกล่องบริจาคและแสดงภาพกิจกรรมต่าง ๆ ของเหล่านักศึกษาว่าที่สัตวแพทย์ ถัดไปไม่ไกลบรรดาหนุ่ม ๆ ใจกล้ากำลังจับงูหลามสีสวยตัวใหญ่เชิญชวนให้สาว ๆ ต่างคณะที่กำลังยืนเลือกซื้อของอยู่แถวนั้นมาถ่ายภาพคู่กับงู ภายในบริเวณซุ้มมีทั้งตู้แสดงปลาสวยงามและพันธุ์ไม้น้ำรวมถึงการแสดงของสัตว์แสนรู้ประเภทต่าง ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ดำเนินการโดยนักศึกษาคณะสัวแพทย์ทั้งสิ้น


“มาช่วยหาบ้านใหม่ให้น้องหมากันนะคะ ตอนนี้เราเหลือตัวเดียวแล้วนะคะ” หญิงสาวร้องเจื้อยแจ้ว


“พี่คะ เอาสุนัขไปเลี้ยงที่บ้านสักตัวไหมคะ” เธอกล่าวกับอาทิตย์ทัศน์


ชายหนุ่มยิ้มก่อนจะเอื้อมมือจับหูทั้งสองข้างของเจ้าลูกสุนัขหูตูบที่กำลังนอนหลับอย่างสบายอารมณ์บนบ่าของหญิงสาว


“เหลือตัวสุดท้ายแล้วนะคะพี่” เธอกล่าวก่อนจะส่งลูกสุนัขให้เขา ชายหนุ่มจึงรับมันมาอุ้มไว้


“อยากได้ไปเลี้ยงเหรอคุณ” ตฤณกรที่เดินเข้ามาใกล้ ๆ เอ่ยขึ้นพร้อมกับมองเจ้าสุนัขตัวน้อยในอ้อมกอดของคนตัวเล็กกว่า อาทิตย์ทัศน์ไม่ได้ตอบอะไร เขาค่อย ๆ อุ้มเจ้าลูกสุนัขที่กำลังหาวหวอด ๆ ขึ้นมาดูหน้ามันใกล้ ๆ



“อ้าว มีคนเอาไปเลี้ยงหมดแล้วเหรอคะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นไม่ไกลนัก เมื่อสองหนุ่มหันไปมองเขาก็พบร่างเล็ก ๆ ของสาวน้อยในชุดนักศึกษาซึ่งในมือของเธอถือตะกร้าสานใบใหญ่กำลังยืนคุยอยู่กับหญิงสาวเจ้าของสุนัขที่อาทิตย์ทัศน์กำลังอุ้มอยู่
 

“เหลือตัวสุดท้ายแล้วจ้ะ ต้องรอดูว่าพี่คนนั้นเขาจะเอาไหม” เธอกล่าวก่อนจะหันมายังจุดที่ทั้งสองคนยืนอยู่


“เสียดายจังค่ะมาไม่ทัน พอดีหนูเพิ่งจะสอบเสร็จ”


อาทิตย์ทัศน์อุ้มลูกสุนัขเดินเข้าไปใกล้ ๆ ก่อนจะส่งมันให้เธอ “นี่ครับ”



“ให้หนูเหรอคะ” สาวน้อยถามอย่างแปลกใจในขณะที่ชายหนุ่มร่างสูงพยักหน้าเป็นคำตอบ



“แล้วพี่ไม่เอามันไปเลี้ยงเหรอคะ” เธอวางตะกร้าลงก่อนจะรับเจ้าลูกสุนัขมาอุ้มไว้


คนตัวสูงส่ายหน้ายิ้ม ๆ “ผมคิดว่ามันน่าจะชอบคุณมากกว่าผมนะ ดูสิมันยิ้มให้คุณด้วย”


สาวน้อยยิ้มให้เจ้าลูกสุนัขที่กำลังกระดิกหางมาพร้อมกับร้องหงิง ๆ ในอ้อมแขนของเธอก่อนจะกล่าวขอบคุณชายหนุ่มใจดี “ขอบคุณนะคะพี่ หนูอยากเลี้ยงสุนัขมานานแล้ว แล้วเมื่อวานก็เพิ่งขออนุญาตคุณแม่ได้ วันนี้สอบเสร็จเลยรีบมาเอา คิดว่าจะไม่ทันแล้วเสียอีก”


“ไปอยู่ด้วยกันนะ” เธอพูดกับลูกสุนัขก่อนจะย่อตัวลงเปิดตะกร้าแล้วใส่เจ้าตัวเล็กลงไป






“ทำไมคุณถึงให้น้องเขาไปล่ะ” ตฤณกรเอ่ยขึ้นเมื่อทั้งคู่เดินมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งเข้าเขตซุ้มจำหน่ายเมล็ดพันธุ์พืชและต้นไม้นานาชนิดของคณะเทคโนโลยีเกษตร


“ตั้งแต่พ่อเสีย แม่ผมก็ไม่เคยคิดจะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงอะไรอีกเลย” คนตัวเล็กกว่ากล่าว


“ทำไมล่ะครับ”


“คงเพราะไม่อยากที่จะต้องเจ็บปวดละมั้ง” อาทิตย์ทัศน์กล่าว “เวลาที่เราผูกพันกับใครมาก ๆ แล้วถ้าวันหนึ่งต้องสูญเสียเขาไป มันเป็นความรู้สึกเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูกจริง ๆ”


“อืม...ผมเข้าใจ” ตฤณกรนิ่งไปพร้อมกับคิดถึงสภาพของตัวเองในวันที่เติบโตขึ้นมาโดยไม่มีพ่อและแม่ “แต่ผมกำลังคิดว่าถ้าน้องคนนั้นไม่ได้มาที่นี่ แล้ววันนี้คุณไม่ได้เอาลูกสุนัขตัวนั้นกลับไปเลี้ยงมันจะเกิดอะไรขึ้น”



“คุณไปอุ้มมันแบบนั้น คุณรู้ไหมว่ามันจะดีใจขนาดไหน มันคงชอบเวลาที่คุณกอดมัน เวลาที่คุณเล่นกับมัน มันคงเริ่มจดจำใบหน้าของคุณ จำกลิ่นของคุณ แต่สุดท้ายคุณไม่เอามันไปเลี้ยง เพราะคุณกลัวว่าวันหนึ่งมันจะต้องตายจากไป มันเองมันก็คงเศร้า แต่ถ้าคุณเอามันไปเลี้ยงผมเชื่อว่าในวันที่มีใครคนใดคนหนึ่งต้องจากไป อีกฝ่ายต้องรู้สึกมีความสุขที่ในช่วงเวลาหนึ่งต่างคนต่างได้อยู่ด้วยกัน ผมเชื่อว่าคุณแม่ของคุณเอวท่านคงมีความสุขทุกครั้งเมื่อนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาทคุณพ่อคุณยังอยู่  ไม่มีใครที่ไม่เคยพบกับการสูญเสียหรอกคุณ” ตฤณกรกล่าว “คุณเคยฟังเรื่องเมล็ดผักกาดชุบชีวิตไหม”


“จะเอานิทานอะไรมาเล่าให้ผมฟังอีก” อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้ว


“มันไม่ใช่นิทานนะคุณ เรื่องนี้คุณลุงของผมเล่าให้ฟัง ท่านบอกว่าในสมัยพระพุทธเจ้าน่ะ มีผู้หญิงคนหนึ่งอุ้มร่างของลูกที่ไร้ลมหายใจเที่ยวไปหาหมอให้ช่วยรักษาเพราะเธอไม่ยอมรับว่าลูกของเธอได้ตายไปแล้ว จนกระทั่งมาพบกับพระพุทธเจ้า”


“พระพุทธเจ้าท่านรับปากจะรักษาให้โดยการปรุงยาขึ้นมาตำหรับหนึ่งเพื่อชุบชีวิตลูกของเธอ แต่เธอต้องไปหาส่วนผสมที่ยังขาดอยู่อีกอย่างหนึ่งให้ได้ นั่นก็คือเมล็ดผักกาด”


“เมล็ดผักกาดเหรอ”



“ใช่ เมล็ดผักกาดธรรมดา ๆ นี่แหละ แต่มีข้อแม้ว่า มันจะต้องเป็นเมล็ดผักกาดจากบ้านที่ไม่เคยมีคนตายมาก่อนเลย”


“แล้วเธอหาได้ไหม” อาทิตย์ทัศน์ถาม


ตฤณกรส่ายหน้าช้า ๆ “ไม่ว่าจะเข้าไปขอเมล็ดผักกาดที่บ้านไหน เธอก็พบว่าทุก ๆ บ้านล้วนมีคนตายมาก่อนทั้งนั้น บางบ้านยังไว้ทุกข์อยู่เลย”


“จริงสินะ” อาทิตย์ทัศน์พยักหน้าเห็นด้วย


“คุณเห็นไหม ไม่มีใครหรอกที่จะไม่พบกับความสูญเสีย มันอยู่ที่ว่าใครจะเจอเร็วเจอช้า”


“สาธุ” อาทิตย์ทัศน์ยกสองมือประนมท่วมหัวงาม ๆ หนึ่งทีก่อนจะหัวเราะเบา ๆ



“นี่พูดให้คิดนะครับ ไม่ได้พูดให้ขำ”


“ผมก็คิดอยู่นี่ไง” อาทิตย์ทัศน์ยิ้ม


“คิดอะไรของคุณ แน่ะ..ยังจะยิ้มอีก”


“คิดว่าอย่างคุณก็พูดจามีสาระกับเขาเป็นด้วย”


“นี่คุณหลอกด่าว่าผมไร้สาระหรือเปล่าเนี่ย” ตฤณกรขมวดคิ้ว


“เปล่า ผมไม่ได้หลอกด่า” อาทิตย์ทัศน์หัวเราะ


“แต่ก็ดีแล้วละที่คุณให้น้องเขาไปน่ะ เปลี่ยนจากเลี้ยงหมามาเลี้ยงผมดีกว่า เชื่องกว่าตั้งเยอะ ไม่ดื้อไม่ซนไม่งอแง”


“แต่ กวน ....” คนตัวเล็กกว่ากล่าวก่อนจะเดินเลี้ยวเข้าไปในร้านขายต้นไม้ทำให้ตฤณกรได้ยินคำสุดท้ายไม่ชัดนัก


“คุณว่าอะไรนะ” คนตัวสูงยิ้มก่อนจะเดินตามไปทันที



 
       



อาทิตย์ทัศน์กวาดสายตาอ่านป้ายบอกชื่อต้นไม้ซึ่งเรียงรายอยูทั่วร้าน มีหลายชื่อที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน ตาคมมาสะดุดเข้ากับป้ายที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก



‘รักแรกพบ’





“มีต้นไม้ชื่อนี้ด้วยเหรอ” ชายหนุ่มบ่นกับตัวเองก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายภาพเก็บไว้


“คุณไม่รู้จักเหรอ”


“ไม่” อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้าขณะก้มดูภาพในโทรศัพท์


“เด็กกรุงเทพฯก็แบบนี้แหละ”


“ไม่เกี่ยวเลย ชื่อแปลกขนาดนี้ใครจะรู้จัก”


“มันมีดอกด้วยนะคุณ เดี๋ยวผมหาก่อน” ตฤณกรกล่าวก่อนจะกวาดตามองหา “โน่นไง ดอกสีเหลือง ๆ ที่เป็นแฉก ๆ นั่นน่ะ”


อาทิตย์ทัศน์มองตามสายตาของชายหนุ่มก่อนจะพยักหน้า “นี่น่ะเหรอรักแรกพบ”



คนตัวสูงขยับเข้ามาใกล้ ๆ ก่อนจะกล่าว “ใช่ ถ้าคุณยังไม่รู้จักก็รู้จักเอาไว้ นี่แหละที่เขาเรียกว่า...รักแรกพบ” ตฤณกรยิ้ม คำพูดแฝงอะไรบางอย่างนั่นทำให้อาทิตย์ต้องหันกลับมาสบตาเขา....



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2013 23:17:09 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
อาทิตย์ทัศน์และตฤณกรเดินต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงซุ้มของคณะสถาปัตย์กรรมศาสตร์ ซึ่งภายในจัดเป็นร้านขายเครื่องดื่มและมีการแสดงดนตรีโฟล์คซองของนักศึกษา ชายหนุ่มร่างสูงผิวสีน้ำผึ้งที่กำลังเดินเข้ามาพร้อมกับสาวเปรี้ยวนางหนึ่งประสานสายตากับตฤณกรชั่วขณะก่อนจะยิ้มให้คนที่อยู่ข้าง ๆ เขา


“สวัสดีค่ะอาจารย์จ้า” หญิงสาวเจ้าของริมฝีปากสีแดงสดกล่าว


“สวัสดีครับอาจารย์แนน” อาทิตย์ทัศน์ยิ้มให้อาจารย์ณิณญา สาวเปรี้ยวแห่งภาควิชาการออกแบบผังเมือง


“ได้ข่าวว่าปีนี้ซุ้มคณะศิลปกรรมฮ็อตเหรอคะ”


“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”


“นึกว่าพี่จ้าจะไม่แวะมาซุ้มผมเสียแล้ว” ดนุพงษ์แทรกขึ้น


“ต้องมาสิ ก็เป็นคู่แข่งกันนี่” อาทิตย์ทัศน์กล่าว


“คู่แข่งเลยเหรอครับพี่จ้า ผมขอเป็นคู่อื่นได้ไหมครับ”


“เอ๊ะ! พี่ดิวอยากเป็นคู่อะไรคะ คู่หู คู่รัก หรือว่าคู่จิ้น” ณิณญาหัวเราะ









“ผมว่าคู่นี้...ไหมครับ” ตฤณกรที่ยืนนิ่งเหมือนไม่มีตัวตนอยู่นานกล่าวขึ้นขัดจังหวะพร้อมกับขยับเท้า


อาทิตย์ทัศน์หันขวับไปมองคนร่างสูง เมื่อเห็นทุกคนต่างมองเขาเป็นตาเดียว ตฤณกรจึงกล่าวต่อ “เอ้อ...ผมหมายถึงคู่กรรมน่ะครับ ซาบซึ้งประทับใจดี” ชายหนุ่มหัวเราะในขณะที่อาทิตย์ทัศน์แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก


“แหม...คู่นั้นเขาจบเศร้าไปหน่อยไหมคะคุณ” หญิงสาวกล่าวก่อนจะเบนสายตามาที่ชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กัน


“อาจารย์จ้าไปนั่งดื่มอะไรข้างในก่อนดีกว่าค่ะ” เธอกล่าวก่อนจะเดินเข้ามาแทรกระหว่างอาทิตย์ทัศน์และตฤณกร มือเรียวเกาะแขนชายหนุ่มไว้แน่น


“นะคะอาจารย์จ้า นะคะ” สาวปากแดงยังคงรบเร้า


“วันนี้คงจะไม่สะดวกมั้งครับ พอดีผมมากับเพื่อน”


“อ๋อ” เธอรับทราบเหตุผลของเขาด้วยเสียงสูงก่อนจะเหลือบมองคนตัวสูงที่ยืนอยู่ด้านหลังด้วยหางตา “ถ้าอย่างนั้นให้เพื่อนกลับไปก่อนดีไหมคะ” พบจบเสียงหัวเราะแสบแก้วหูก็ดังขึ้นท่ามกลางความตกตะลึงของคนที่ได้ฟัง


“แนนล้อเล่นค่ะ ถ้าอย่างนั้นอาจารย์จ้าก็ชวนเพื่อนเข้าไปนั่งด้วยกันสิคะ”


เมื่อเห็นอาทิตย์ทัศน์มีสีหน้าลำบากใจตฤณกรจึงตัดสินใจเอ่ยขึ้น


“คุณไปกับเพื่อนเถอะ ผมว่าจะกลับแล้ว” พูดจบตฤณกรก็เตรียมจะเดินหันหลังออกมา






“ตัง” เสียงที่ดังขึ้นเบา ๆ เหมือนมีแรงกระชากให้คนฟังต้องหยุดอยู่ตรงนั้น “อย่าเพิ่งไป รอก่อน” อาทิตย์ทัศน์กล่าว


ตฤณกรหันกลับมาสบตาคู่นั้นก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย






“แล้วนี่อาจารย์จ้าไม่คิดจะแนะนำเพื่อนให้พวกเรารู้จักบ้างเหรอคะ”


“ผมชื่อตฤณกรครับ” คนตัวสูงกล่าวเรียบ ๆ โดยไม่ต้องรออีกคนแนะนำให้มากพิธี


“ดิฉันณิณญาค่ะ เป็นอาจารย์อยู่ที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ แล้วนี่ไม่ทราบว่าคุณตฤณกรทำอะไรอยู่ที่ไหนเหรอคะ”


“ผมเป็นนักออกแบบที่ที่ครีเอทีฟสตูดิโอครับ”


สาวเปรี้ยวปากแดงเบะปากทำท่าคิด “อันที่จริงดิฉันก็พอจะรู้จักคนในวงการนี้เยอะนะคะ แต่ไม่ยักเคยได้ยินชื่อบริษัทนี้” เธอยิ้มเหยียด ๆ ก่อนจะหันไปถามชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้ง


“คุณพ่อพี่ดิวเปิดบริษัทรับงานออกแบบ พี่ดิวก็รู้จักคนเยอะ พี่ดิวเคยได้ยินชื่อบริษัที่คุณคนนี้ว่าไหมคะ”


“อืม...ก็ไม่นะ”


“สงสัยจะเป็นบริษัทเล็ก ๆ สินะคะ”


สิ้นสุดประโยคนั้นณิณญาก็หันไปหัวเราะกับดนุพงษ์ทันที


“ครับ เราเป็นบริษัทเล็ก ๆ ช่วยกันทำในหมู่เพื่อน ๆ แล้วก็รุ่นพี่รุ่นน้องน่ะครับ”


อาทิตย์ทัศน์รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่เริ่มจะตึงเครียดขึ้น เขาจึงตัดสินใจเอ่ยขึ้น “ส่วนคนนี้ อาจารย์ดนุพงษ์”



“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งกล่าวก่อนจะยื่นมือให้จับ แต่ตฤณกรกลับเอื้อมมือโอบไหล่อาทิตย์ทัศน์เอาเสียดื้อ ๆ


“เฮ้ยคุณ ผมหิวแล้วไปหาอะไรทานกันดีกว่า” พูดจบเขาก็ดึงคนตัวเล็กกว่าออกจากวงสนทนาทันที


“สงสัยจะมีคู่แข่งแล้วนะคะพี่ดิว” ณิณญากล่าวกับดนุพงษ์ที่ยังคงกำมือแน่นจ้องมองสองคนนั้นไม่วางตา...



ตฤณกรเดินลากคนตัวเล็กกว่าที่ยังคงตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาจนถึงทางเดินเล็ก ๆ ระหว่างตึก คิ้วหนาของอาทิตย์ทัศน์ค่อย ๆ เคลื่อนเข้าหากันก่อนจะเงยหน้ามองชายหนุ่มที่กำลังโอบไหล่เขาก่อนจะขืนตัวหยุดเดิน


“เอ้า! หยุดเดินทำไมล่ะครับ”


“คุณทำบ้าอะไรของคุณ” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นก่อนจะขยับออกจากวงแขนของเขา


“ผมทำอะไร”


“ก็ที่ทำอยู่นี่ไง อยู่ ๆ ก็ลากผมออกมา มันเสียมารยาทรู้ไหม”


“ผมจะมีมารยาทกับคนที่มีมารยาทกับผมเท่านั้นแหละ”


“คุณนี่ทำตัวเป็นเด็ก ๆ” อาทิตย์ทัศน์กล่าว “อยู่ ๆ นึกจะทำอะไรก็ทำ เมื่อกี้ก็เหมือนกันแทนที่มาด้วยกันจะช่วยกัน ดันทำตัวเป็นพระเอกจะทิ้งให้ผมอยู่กับพวกนั้น”


“อ้าว คุณไม่ชอบเหรอเด็ก ๆ น่ะ โดยเฉพาะพวกเด็กสร้างบ้าน” ตฤณกรยิ้มยียวน


“ผมไม่คบเด็กสร้างบ้าน” อาทิตย์ทัศย์ตอบแบบไม่ใส่ใจนัก


“ไม่คบเด็กสร้างบ้าน งั้นมาคบผู้ใหญ่สานอนาคตไปด้วยกันดีไหมครับ” ตฤณกรพูดกลั้วหัวเราะ


“ประสาท” คนตัวเล็กกว่ากล่าวก่อนจะเดินหนี


“อ้าว..เดี๋ยวสิคุณ” คนตัวสูงร้องขึ้นก่อนจะรีบตามไป







“นี่คุณจะไปไหนครับ” ตฤณกรเอ่ยขึ้นเมื่อรู้สึกว่าอาทิตย์ทัศน์ไม่ได้กำลังเดินไปที่ลานจอดรถ


“คุณบอกว่าหิวไม่ใช่เหรอ ผมก็จะพาไปหาอะไรทานไง”



อาทิตย์ทัศน์พาตฤณกรเดินมาที่ประตูทางออกเล็ก ๆ ข้างมหาวิทยาลัยก่อนจะตรงไปยังร้านข้าวต้มทะเลร้านหนึ่งที่มีคนนั่งเต็มร้าน ตาคมมองหาโต๊ะที่ว่างก่อนจะเดินเข้าไปนั่ง


“คนเยอะจัง” คนตัวสูงพึมพำขณะมองไปรอบ ๆ


“ของอร่อยคนก็เลยเยอะ”


“อร่อยแล้วทำไมเขาไม่เก็บไว้ทานเองล่ะคุณ” ตฤณกรหัวเราะ


อาทิตย์ทัศน์เหลือบมองคนตรงหน้าก่อนจะส่ายหน้าเล็กน้อยอย่างเอือมระอา





“คุณมาทานบ่อยเหรอ”


“ก็บ่อยนะ สมัยที่ยังเรียนอยู่” อาทิตย์ทัศน์ตอบก่อนจะหยิบกระดาษกับปากกามาจดรายการอาหาร


“คุณไม่ได้แพ้อาหารทะเลใช่ไหม”


“เปล่าครับ ผมแพ้แต่แสงอาทิตย์” คนตัวสูงตอบยิ้ม ๆ


“เลิกพูดมากได้แล้ว คุณทานอะไร”


“อืม...ผมเอาข้าวต้มปลาก็แล้วกัน”


อาทิตย์ทัศน์พยักหน้าก่อนจะจดรายการอาหารลงกระดาษแล้วส่งให้คุณลุงเจ้าของร้านที่เพิ่งเสร็จจากการเก็บเงินโต๊ะข้าง ๆ หลังจากนั้นไม่นานข้าวต้มปลาร้อน ๆ ก็ถูกยกมาเสิร์ฟ


“ขอบคุณครับลุง” ตฤณกรเอ่ยขึ้นเมื่อคุณลุงวางชามข้าวต้มลงบนโต๊ะ


“ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ ผมขายไม่ได้ให้ทานฟรี” พูดจบคุณลุงก็เดินจากไปปล่อยให้ชายหนุ่มนั่งอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น


อาทิตย์ทัศน์มองคนตรงหน้าก่อนจะหัวเราะ “สมน้ำหน้า”


ตฤณกรมองตามคุณลุงด้วยความรู้สึกงุนงงเหมือนโดนหมัดซ้ายตรงเข้าเต็มหน้า ก่อนจะยกมือขึ้นเกาศีรษะแกรก ๆ


“มัวแต่ทำหน้างง ทานได้แล้ว” คนตัวเล็กกว่าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเอ่ยขึ้น


ตฤณกรพยักหน้าก่อนจะลงมือทานข้าวต้มในชามเงียบ ๆ หูยังคงได้ยินคุณลุงพูดกับลูกค้าในลักษณะเดียวกันกับเมื่อสักครู่เป็นระยะ ๆ ชายหนุ่มมองซ้ายมองขวาเมื่อสังเกตเห็นว่าบนโต๊ะมีแต่แก้วใส่น้ำแข็งแต่ไม่มีน้ำดื่ม เขาจึงยกมือขึ้นเรียกเด็กในร้าน


“ว่าไงครับ” คุณลุงคนเดิมกล่าว


“เอ่อ...ผมขอ...ขอน้ำเปล่าขวดหนึ่งครับคุณลุง”


“คงไม่ได้หรอกครับ ผมเอาไว้ขาย” พูดจบคุณลุงก็เดินหายเข้าไปหลังร้านก่อนจะกลับมาพร้อมขวดน้ำดื่ม


“ลุงเขาพูดแบบนี้กับทุกคนเลยเหรอคุณ” คนตัวสูงกระซิบ


“อือ” อาทิตย์ทัศน์ยักคิ้ว “ทำไมเหรอ”


“ผมว่าลุงแกควรจะเก็บของมีคมให้พ้นมือลูกค้านะ ขืนพูดแบบนี้มีหวังต้องโดนแทงเข้าสักวัน”


“มันเป็นสไตล์การขายของคุณลุงเขา ใคร ๆ ที่มาทานร้านนี้เขาก็รู้กันทั้งนั้น” อาทิตทัศน์กล่าว


“ไม่ไหวมั้งคุณ กวนเกิ๊น”


“อ้าว แล้วทีคุณล่ะ”


“คุณ...” คนตัวสูงขมวดคิ้ว “อย่างผมน่ะเขาเรียกกวนแบบน่ารัก ๆ พอหอมปากหอมคอ แบบที่แค่พอจะทำให้ใครบางคนยิ้มได้ครับ”


“นี่ที่พามาร้านนี้เพราะตั้งใจจะให้ผมโดนลุงแกเลยใช่ไหมเนี่ย”


อาทิตย์ทัศน์พยายามกลั้นหัวเราะ “แล้วคุณพอจะมองเห็นตัวเองตอนอายุมากขึ้นหรือยัง”


“ตัวแสบเอ๊ย” ตฤณกรส่ายหน้ายิ้ม ๆ  .....







....



“นี่ของคุณนะ” คนตัวสูงที่กำลังเปิดประตูลงจากรถกล่าวพร้อมกับวางกระดาษแผ่นเล็ก ๆ แผ่นหนึ่งไว้ที่คอนโซลฝั่งเดียวกับที่ตนเองนั่ง จากนั้นเขาก็เปิดประตูลงจากรถและยืนรอจนกระทั่งรถเก๋งสีขาวเคลื่อนลับตาไป...



อาทิตย์ทัศน์ขับรถเข้ามาจอดในบ้าน ไม่ลืมที่จะเอื้อมหยิบกระดาษขนาดเท่าโปสการ์ดที่ยังวางอยู่ที่เดิมขึ้นมาดูพร้อมกับรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้า มันเป็นโปสการ์ดที่วาดด้วยปากกาหมึกซึมบอกเล่าบรรยากาศร้านขายต้นไม้ที่มีป้ายชื่อของต้นไม้ปักอยู่เต็มไปหมด


‘รักแรกพบ’


คือป้ายชื่อของต้นไม้ที่คนวาดตั้งใจเน้นด้วยเส้นปากกาและเก็บรายละเอียดชัดเจนที่สุด....
 

ที่ด้านหลังโปสการ์ดมีข้อความเขียนเอาไว้ด้วยลายมือที่คุ้นตา



‘คุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้า....ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับ ขอบคุณที่เลี้ยงขนมผมแถมพาผมไปทานข้าวด้วย ขอบคุณที่คุณยิ้มให้ผม  ขอบคุณที่คุณห่วงความรู้สึกผม แล้วก็ขอบคุณที่วันนี้คุณเรียกชื่อผม’


ลงชื่อ ‘ดีไซเนอร์สุดหล่อ’



‘ปล. เรียกชื่อผมบ่อย ๆ นะ ผมชอบจังเวลาที่คุณเรียกชื่อผม’







....





https://www.facebook.com/photo.php?fbid=211957918990603&set=a.211498082369920.1073741828.211496972370031&type=1&theaterเผื่อใครอยากเจอรักแรกพบค่ะ ^^


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-12-2013 07:18:40 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
มาล่ะตัวเป็นๆ คู่แข่งตัง
คุณดีไซเนอร์สุดหล่อสู้ๆ

ปล. แอบเคือง2คนนั้นนะ เสียมารยาทมากมาย
เป็นการดูถูกกันเลยนะ ไม่ชอบคนแบบนั้เลยจริงๆ

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
ถ้าเราเป็นพี่จ้าไอ้คุณคู่แข่งคงตกกระป๋องเพราะชอบดูถูกคน
ชอบเรื่องของพระพุทธเจ้าจังเลย ให้แง่คิดดี จะจดจำไว้

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
น่ารักมากๆเลย ดูแกล้งกันสิ
คุณดิวรอรับแห้วได้เลยนะ
รู้สึกว่าแนนเป็นบ่างช่างยุยังไงก็ไม่รู้

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
ถ้าเป็นแฟนกันแล้วจะหวานขนาดไหนเนี่ย  :-[

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
สองคนนั้นทำตัวไม่น่าเป็นอาจารย์เลยนะ
ชอบตังงงง หยอดตลอดดด

ออฟไลน์ AGALIGO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4

อาจารย์สองคนนั้นร้ายกาจมากเลยอ่ะ

ส่วนตังเจอลีลาของลุงร้านข้าวต้มถึงกับเงิบไปเลยทีเดียว 555

+ 1 + เป็ดจ้า

babaaa

  • บุคคลทั่วไป
ไม่ชอบอาจารย์เลย ชอบดูถูกคน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด