พิมพ์หน้านี้ - ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 28-11-2013 00:37:25

หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 28-11-2013 00:37:25
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม






...........................



หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 1 : ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 28-11-2013 00:38:45
ถ้ า เ ธ อ เ ป็ น ท้ อ ง ฟ้ า

เรื่องย่อ :

วันหนึ่งหนุ่มนักออกแบบที่ไม่เคยห่างจากโต๊ะทำงานก็นึกอยากจะหยิบกล้องฟิล์มตัวเก่ามาปัดฝุ่น
สะพายเป้แล้วออกไปท่องเที่ยว เพียงเพราะได้เห็นภาพถ่ายป่าสนฝีมือของใครบางคนที่โพสต์ไว้ในเว็บบอร์ดของเหล่าคนรักในงานศิลปะ
username แปลก ๆ นั่นมีอะไรบางอย่างดึงดูดให้อยากทำความรู้จักอีกฝ่ายให้มากขึ้น ทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าของ username เป็นใคร
รู้เพียงแต่ว่าเขาหรือเธอคนนั้นคือแรงบันดาลใจให้อยากจะหยิบโปสการ์ดขึ้นมาเขียนเล่าเรื่องราวระหว่างการเดินทาง
ท่ามกลางแสงแดดอุ่น ๆ ต้นหญ้าเขียว ๆ สายลมเย็น ๆ และหมอกสีขาวจาง ๆ ส่งกลับไปให้
...นักเดินทางใบเล็ก ๆ จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คนสองคนได้กลับมาพบกัน....

เรื่องอื่น ๆ (http://bit.ly/2etBTpw)

สารบัญ

ตอนที่ 1 ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40288.msg2555318#msg2555318)
ตอนที่ 2 ที่ระลึก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40288.msg2555664#msg2555664)
ตอนที่ 3 ถ้าคุณยินดีจะเป็นเพื่อนกับผม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40288.msg2556125#msg2556125)
ตอนที่ 4 บางสิ่งที่หายไป (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40288.msg2560038#msg2560038)
ตอนที่ 5 ลิ้นชักแห่งความทรงจำ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40288.msg2560128#msg2560128)
ตอนที่ 6 ช่วงเวลาแห่งการจากลา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40288.msg2560948#msg2560948)
ตอนที่ 7 การเริ่มต้น (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40288.msg2561712#msg2561712)
ตอนที่ 8 แรกพบ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40288.msg2562228#msg2562228)
ตอนที่ 9 คำขอโทษและพันธนาการที่มองไม่เห็น (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40288.msg2562814#msg2562814)
ตอนที่ 10 ความจริง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40288.msg2563750#msg2563750)
ตอนที่ 11 สิ่งตอบแทน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40288.msg2564523#msg2564523)
ตอนที่ 12 มวยถูกคู่ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40288.msg2565408#msg2565408)
ตอนที่ 13 ของขวัญวันเกิด (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40288.msg2566076#msg2566076)
ตอนที่ 14 คำสัญญาของต้นหญ้าและการกลับมาของเพื่อนเก่า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40288.msg2566409#msg2566409)
ตอนที่ 15 สติขาดแต่ไม่ได้ขาดสติ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40288.msg2568962#msg2568962)
ตอนที่ 16 คุ้น? (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40288.msg2571156#msg2571156)
ตอนที่ 17 คู่แข่ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40288.msg2572439#msg2572439)
ตอนที่ 18 ปากแข็ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40288.msg2574091#msg2574091)
ตอนที่ 19 กล่องแห่งความลับ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40288.msg2574705#msg2574705)
ตอนที่ 20 คำตอบ (ตอนจบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40288.msg2583386#msg2583386)

ตอนพิเศษ

หลักกิโลเมตรที่ 1 ก้อนหินจำศีล (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40288.msg2584195#msg2584195)
หลักกิโลเมตรที่ 2 ล้อหมุน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40288.msg2585187#msg2585187)
หลักกิโลเมตรที่ 3 เรื่องที่ยังไม่ได้บอก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40288.msg2591060#msg2591060)
หลักกิโลเมตรที่ 4 บ้านหลังเก่า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40288.msg2592514#msg2592514)
หลักกิโลเมตรที่ 5 บทสรุป (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40288.msg2594023#msg2594023)
หลักกิโลเมตรที่ 5 บทสรุป (ต่อ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40288.msg2595055#msg2595055)
หลักกิโลเมตรที่ 5 บทสรุป (ต่อ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40288.msg2595056#msg2595056)
หลักกิโลเมตรที่ 5 บทสรุป (จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40288.msg2595058#msg2595058)


คิดถึงขึ้นมา
(คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...) : เสือน้อย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40288.msg2620337#msg2620337)
เวลาเวียน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40288.msg2906297#msg2906297)
ขอบคุณที่รักกัน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40288.msg2963911#msg2963911)
คนในอดีต (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40288.msg3104021#msg3104021)
ถ้าเรายังคิดถึงกัน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40288.msg3267858#msg3267858)


ตอนที่ 1 ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า



ดวงอาทิตย์ยามบ่ายแก่ ๆ ค่อย ๆ เคลื่อนคล้อยต่ำลงจนกระทั่งถูกบดบังด้วยยอดตึกระฟ้า บนถนนเต็มไปด้วยรถราและผู้คน ทันทีที่สัญญาณไฟแดงปรากฏคนจำนวนมากที่กำลังรอข้ามถนนบต่างก็รีบเดินจ้ำอ้าวทันที แม้จะยืนอยู่คนละฟากแต่ต่างก็มีจุดหมายเดียวกันคือการข้ามไปยังอีกฝั่ง สายตาแต่ละคู่จดจ้องอยู่ที่อีกฟากของถนนโดยไม่ได้สนใจมองคนที่กำลังเดินสวนทางมาหรือคนที่เดินอยู่ข้าง ๆ กัน  เพียงไม่นานสัญญาณไฟสีแดงสดก็ถูกแทนที่ด้วยสัญญาณสีส้มเหลือง บรรดาเจ้าของรถทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ต่างก็เร่งเครื่องเตรียมพร้อมที่จะออกตัวในทันทีเมื่อสัญญาณไฟเขียวปรากฏ นี่คือภาพที่คุ้นตาผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาบริเวณสี่แยกอโศก


เหนือขึ้นไปซึ่งเป็นสถานีรถไฟฟ้าก็มากด้วยผู้คนไม่แพ้กัน ทั้งเด็กนักเรียน นิสิตนักศึกษาและคนทำงาน มีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ เสียงพูดคุยกันดังอื้ออึงแข่งกับเสียงยวดยานจนฟังไม่ได้ศัพท์  ชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตลายสก็อตสีเข้มพับแขนขึ้นระดับศอกยังคงยืนมองสิ่งที่เขาเรียกว่า ‘ความวุ่นวาย’ นี้ ผ่านเลนส์กล้อง DSLR คู่ใจจากปลายสุดของสถานีรถไฟฟ้าก่อนจะกดชัตเตอร์เพื่อบันทึกภาพโดยไม่ได้สนใจผู้คนที่เริ่มขยับเข้ามาออกันอยู่ริมชานชลาในบริเวณที่มีการทำสัญลักษณ์เอาไว้เมื่อแสงไฟหน้าขบวนรถไฟฟ้าปรากฏขึ้นไกล ๆ ไม่นานนักรถไฟฟ้าก็เคลื่อนขบวนเข้าจอดเทียบชานชลาของสถานี


ทันทีที่ประตูเปิดออกผู้โดยสารด้านในขบวนรถที่ต้องการลงสถานีนี้ต่างก็พยายามแทรกตัวเบียดเสียดผู้คนออกมาก่อนที่ผู้โดยสารที่ยืนอยู่ด้านนอกจะพากันกรูเข้าไปในขบวน ชายหนุ่มรูปร่างท้วมมองดูนาฬิกาข้อมืออย่างกระวนกระวายพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองหาบางอย่างก่อนจะตัดสินใจก้าวเข้าไปในขบวนรถที่แทบจะไม่มีที่เหลือให้เขาได้โดยสารไปด้วย


“ถ้าไปไม่หมดรอขบวนถัดไปนะครับ” เสียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำสถานีดังขึ้นเตือนสติคนที่กำลังพยายามจะเข้าไปยืนในขบวนรถไฟฟ้าให้ได้


ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตลายสก็อตสีเข้มพับแขนที่กำลังยกกล้องขึ้นจับภาพทิวทัศน์ของย่านธุรกิจสำคัญใจกลางเมืองจำต้องลดกล้องลงและเบนสายตากลับมาดูความเป็นไปที่เกิดขึ้นในชั่วโมงเร่งด่วนนี้ คิ้วหนาเริ่มขมวดเข้าหากันเมื่อเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ดังขึ้นเรื่อย ๆ ภาพที่เห็นคือชายหนุ่มในชุดพนักงานออฟฟิศกำลังวิ่งขึ้นมาตามบันไดพร้อมกับกระดาษม้วนยาวและกระเป๋าใส่แบบใบใหญ่ในมือ


“ไอ้ตัง ๆๆๆ ทางนี้” เสียงดังมาจากกลางขบวนรถซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงเตือนประตูปิดดังขึ้น


ชายหนุ่มที่เพิ่งวิ่งมาถึงหยุดหอบพร้อมกับส่ายหน้าเมื่อเห็นว่าคนแทบจะล้นออกจากขบวน


“แกไปก่อนเลย เดี๋ยวไม่ทันเวลา”  เขากล่าวพร้อมกับรีบส่งกระเป๋าใส่แบบและม้วนกระดาษให้คนที่อยู่ด้านในอย่างรวดเร็วก่อนประตูจะปิด


เจ้าของร่างสูงค่อย ๆ หมุนตัวกลับไปยืนพิงแผงกั้นพร้อมกับหายใจหอบ ตาคมกริบยังคงจ้องขบวนรถไฟฟ้าที่เคลื่อนออกจากสถานีผ่านกระจกแว่นสายตาก่อนจะเหลือบมองชายหนุ่มที่ยืนถ่ายรูปอยู่ไกล ๆ แว้บหนึ่ง นึกแปลกใจที่ชายคนนั้นดูไร้ซึ่งความวิตกกังวลและความรีบร้อนต่างจากตัวเขาในขณะนี้ ในที่สุดเขาก็ต้องเบนสายตาจากร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตลายสก็อตสีเข้มพับแขนที่เห็นอยู่ไกล ๆ เมื่อรถไฟฟ้าขบวนถัดมากำลังเคลื่อนเข้ามาจอดเทียบชานชลา ผู้โดยสารในรถไฟฟ้าขบวนนี้และจำนวนคนรอมีไม่มากเท่าขบวนก่อนจึงทำให้หลายคนไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องจะไม่มีที่ยืน


ชายหนุ่มก้าวเข้าไปในขบวนรถไฟฟ้าก่อนจะหาที่ยืนเหมาะ ๆ มือเอื้อมจับราวและไม่ลืมที่จะหันกลับไปมองคนที่ดูจะไม่มีความเร่งรีบในชีวิตเอาเสียเลย เขายังคงยืนเชคภาพที่เพิ่งถ่ายเสร็จจากหน้าจอ LCD อยู่ที่เดิม ในที่สุดภาพนั้นก็ห่างออกไปทุกทีเมื่อขบวนรถเคลื่อนออกจากสถานี.....









“พี่จ้า” เสียงคุ้นหูที่ดังขึ้นสร้างรอยยิ้มเล็ก ๆ บนใบหน้าของชายหนุ่ม เขาค่อย ๆ หันกลับมาก่อนจะกดชัตเตอร์บันทึกภาพสาวน้อยในชุดกระโปรงสีน้ำตาลที่กำลังกึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามาหา


“แอบถ่ายขวัญตอนไม่ได้ตั้งตัวอีกแล้ว” หญิงสาวทำหน้ามุ่ยเมื่อมายืนตรงหน้า ความสูงในแบบมาตรฐานหญิงไทยทำให้เธอดูตัวเล็กเข้าไปใหญ่เมื่อยืนใกล้ ๆ เขา


ชายหนุ่มลดกล้องลงพร้อมกับยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “ก็เวลาขวัญเผลอ ๆ มันน่ารักดีนี่นา” เขากล่าวก่อนจะเก็บกล้องลงในกระเป๋าเป้ซึ่งวางพิงแผงกั้นเอาไว้


“พี่จ้าพูดแบบนี้ขวัญคิดนะ” หญิงสาวกล่าวยิ้ม ๆ


“คิดอะไร..เรา” เจ้าของร่างสูงกล่าวพร้อมกับวางมือบนศีรษะของหญิงสาวตรงหน้าก่อนจะโยกเบา ๆ


“ก็คิดว่านายอาทิตย์ทัศน์ห้องม.6/1 หนุ่มฮ๊อตแห่งชมรมถ่ายภาพของโรงเรียนกำลังให้ความหวังน้องจอมขวัญห้องม.4/5 อยู่น่ะสิคะ”


คนตัวสูงได้แต่หัวเราะเบา ๆ


“พี่จ้าหัวเราะอะไรคะ”


“หัวเราะเรานั่นแหละ”


“พี่จ้าน่ะ ชอบแกล้งขวัญอยู่เรื่อย” คนตัวเล็กบ่นพร้อมกับยกมือขึ้นกอดอก


“เอาละ ๆ พี่ไม่แกล้งแล้ว ว่าแต่ขวัญเถอะทำไมวันนี้ถึงกลับบ้านพร้อมพี่ได้”


“วันนี้ขวัญออกมาพบลูกค้าค่ะ ไม่ต้องกลับเข้าไปที่บริษัทแล้ว ก็เลยรีบโทรหาพี่จ้า คิดว่าพี่จ้าน่าจะยังไม่ออกจากมหาวิทยาลัย”


“อืม” ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนที่ทั้งคู่จะพากันเดินไปยืนรอรถไฟฟ้าที่ริมชานชลา ถัดไปไม่ไกลมีกลุ่มของหนุ่มสาวในชุดนักศึกษากำลังคืนคุยกันพร้อมกับหันมามองทั้งคู่ จากนั้นเด็กทั้งกลุ่มก็พากันยกมือไหว้ชายหนุ่ม เขายิ้มรับพร้อมกับค้อมศีรษะลงเล็กน้อย


“รถมาแล้ว” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะรั้งแขนคนตัวเล็กมายืนใกล้ ๆ เพื่อไม่ให้เธอขวางทางคนที่จะเดินออกจากขบวนรถโดยไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดยังคงอยู่ในสายตาของนักศึกษากลุ่มนั้นตลอดเวลา










“แก” สาวน้อยนางหนึ่งเอ่ยขึ้นพร้อมกับเขย่าแขนเพื่อนขณะตามกันเข้ามายืนในรถไฟฟ้า สายตายังคงจ้องชายหนุ่มและหญิงสาวที่ยืนคุยกันอย่างสนิทสนม


“อะไรของแกวะ” คนหนึ่งเอ่ยขึ้น


“แกว่าอาจารย์อาทิตย์ทัศน์กับผู้หญิงคนนั้นเขาเป็นแฟนกันรึเปล่า”


“ฉันจะรู้ไหมแก”


“อ้าว นั่นอาจารย์ภาคแกนะ แกไปสืบมาหน่อยสิ นะ ๆ ฉันอยากรู้”


“แกจะอยากรู้เรื่องของอาจารย์เขาไปทำไมยะนังฝน”


“ก็ฉันแอบปลื้มอาจารย์เขานี่แก ปลื้มตั้งแต่อยู่ปีหนึ่งแล้ว”


“จะว่าไป สาว ๆ ในคณะเราก็กรี๊ดอาจารย์อาทิตย์ทัศน์กันทั้งนั้น”


ชายหนุ่มร่างบางที่ท่าทางกระเดียดไปทางผู้หญิงถอนหายใจก่อนจะกล่าว  “อย่าว่าแต่ชะนีอย่างพวกแกเลยย่ะ ผู้หญิงสวย ๆ อย่างพวกฉันก็กรี๊ด คนอะไรนิสัยก็ดี เก่งก็เก่ง แถมหล่อเริ่ดซะขนาดนั้น”


ทุกคนในกลุ่มพากันพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะพร้อมใจกันหันไปมองชายหนุ่มและหญิงสาวที่ยืนถัดไปไม่ไกลนัก









“ยิ้มอะไรขวัญ”  อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นจอมขวัญยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่


“ก็ขำนักศึกษาของพี่จ้าน่ะสิคะ เขาต้องกำลังพูดถึงเราอยู่แน่ ๆ เลย”


อาทิตย์ทัศน์พยักหน้างง ๆ ก่อนจะหันไปมองกลุ่มนักศึกษาที่ยกมือไหว้เขาเมื่อครู่ที่สถานีรถไฟฟ้า ทันทีที่เห็นอาจารย์หนุ่มหันมาบรรดาเด็ก ๆ ต่างก็หลบสายตาทำไม่รู้ไม่ชี้


“มีเรื่องอะไรให้ต้องพูดถึง” ชายหนุ่มหันมาถาม


“เด็ก ๆ เขาคงแปลกใจมั้งคะ ร้อยวันพันปีอาจารย์จ้าไม่เคยเดินกับผู้หญิงที่ไหน” จอมขวัญพูดกลั้วหัวเราะ


“ถ้าอย่างนั้นพี่คงต้องพาขวัญไปควงบ่อย ๆ” ชายหนุ่มกล่าวอย่างอารมณ์ดี


“ไม่เอาหรอกค่ะ ขืนขวัญเดินกับพี่จ้าบ่อย ๆ นะ โดนแฟนคลับพี่จ้าเขม่นเอาพอดี” คนตัวเล็กขยับเข้ามาใกล้ ๆ เขาเล็กน้อยก่อนจะกระซิบ “อีกอย่างนะคะ เดี๋ยวพี่จ้าเองนั่นแหละจะขายไม่ออก ไม่มีใครกล้ามาจีบ”


“เพ้อเจ้อใหญ่แล้วเรา” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับเขกศีรษะหญิงสาวเบา ๆ ....





...





 



“เฮ้อ...ฉันละลุ้นจะแย่ คิดว่าแกจะตามมาไม่ทันพรีเซ้นท์งานลูกค้าเสียแล้ว” ชายหนุ่มร่างท้วมกล่าวขึ้นขณะเดินตามร่างสูงออกมาจากอาคารแห่งหนึ่งในย่านเมืองเก่าของกรุงเทพฯ


“ขืนมาไม่ทันก็โดนหัวหน้าเฉ่งสิ”


“ไม่รู้หัวหน้านึกยังไงถึงได้นัดพรีเซ้นท์งานลูกค้าสองเจ้าในวันเดียวกัน แถมยังอยู่ไกลกันคนละโยชน์”


“ก็นั่นน่ะสิ” คนร่างสูงกล่าวพร้อมกับค่อย ๆ พับแขนเสื้อขึ้น


“แล้วนี่แกจะไปไหนต่อวะตัง”


“คงกลับไปนอนว่ะ เหนื่อยจะแย่ เดินทางทั้งวัน แกล่ะ”


“ฉันนัดกับไอ้ฟานไว้ว่าคืนนี้จะไปดูบอลห้องมัน”


“เออ ถ้าอย่างนั้นแยกกันตรงนี้เลยแล้วกัน”


“ฝากแกส่งเมลรายงานหัวหน้าเรื่องโปรเจควันนี้ด้วยนะ”


ชายหนุ่มร่างสูงพยักหน้าก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายกัน

 



.....





“อ้าวคุณตัง วันนี้กลับเร็วจังนะครับ” เสียงทักทายจากพนักงานรักษาความปลอดภัยของคอนโดทำให้เขาต้องก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ


หนึ่งทุ่มครึ่ง....นี่คงเป็นเวลากลับบ้านที่เร็วที่สุดในรอบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา


ชายหนุ่มยิ้มก่อนจะยื่นถุงใส่ก๋วยเตี๋ยวให้ชายวัยกลางคนรูปร่างเตี้ยล่ำผิวคล้ำที่มักจะคอยให้บริการทุกคนด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม


“ผมซื้อมาฝากครับพี่จ่อย เผื่อดึก ๆ หิว พอดีวันนี้กลับเร็วเลยทันกินก๋วยเตี๋ยวเจ้าอร่อยที่หน้าปากซอย นาน ๆ จะได้กินสักที ไม่อย่างนั้นกลับมาทีไรเก็บร้านแล้วทุกที”


“ขอบคุณครับคุณตัง อุตส่าห์มีน้ำใจซื้อมาฝากผม ขอให้เจริญ ๆ นะครับ” พนักงานรักษาความปลอดภัยยิ้มกว้างก่อนจะรับถุงก๋วยเตี๋ยวนั้นไว้


“ผมไปละ” พูดจบชายหนุ่มร่างสูงก็แตะคีย์การ์ดเพื่อเปิดประตู....


แม้จะอายุใกล้เลขสามเข้าไปทุกทีแต่การเป็นนักออกแบบก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยจริง ๆ สำหรับ  “ตฤณกร” หนุ่มน้อยชาวเหนือที่มาใช้ชีวิตในเมืองหลวง ตั้งแต่สามารถสอบเข้าเรียนในคณะศิลปกรรมกรรมศาสตร์ของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ได้ หลังจากเรียนจบเขาก็ถูกทาบทามให้มาเป็นนักออกแบบประจำบริษัทที่บรรดารุ่นพี่ร่วมกันก่อตั้งขึ้นมา ชีวิต 6-7 ปีหลังเรียนจบเหมือนภาพฉายที่วนซ้ำไปซ้ำมา วัน ๆ ถ้าไม่นั่งจ้องแต่หน้าจอคอมพิวเตอร์ฟังเสียงคลิกเมาส์ของตัวเองก็ต้องออกไปพรีเซ้นท์งานให้ลูกค้า ถ้าลูกค้าพอใจก็หน้าบานกลับมา แต่ถ้าผลที่ได้รับมันตรงกันข้ามบางครั้งก็รู้สึกหมดพลังเอาดื้อ ๆ ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเขาแทบไม่ได้ออกจากบริษัทเมื่อถึงเวลาเลิกงานเลยสักครั้ง เพราะต้องทำงานให้ทันพรีเซ้นท์ลูกค้าแถมยังต้องกลับมาแก้ไขงานตามที่ลูกค้าต้องการ จึงไม่แปลกอะไรที่พนักงานประจำคอนโดหลาย ๆ คนจะรู้สึกแปลกใจกับการกลับมาถึงห้องตั้งแต่หัวค่ำของเขาในวันนี้


ทันทีที่ประตูห้องถูกปิดลง ชายหนุ่มเจ้าของห้องก็เดินตรงไปที่โซฟพร้อมกับวางกระเป๋าใส่แบบและม้วนกระดาษลงอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นจึงเดินมาทิ้งตัวลงนั่งที่โต๊ะทำงาน เขาขยับแว่นสายตาก่อนจะเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุคเพื่อส่งอีเมลรายงานผลจากการวิ่งรอกพรีเซ้นท์งานในวันนี้ให้หัวหน้าแผนกของเขาทราบ


หลังจากอีเมลถูกส่งออกไปแล้วตฤณกรก็เปิดเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อเสพข่าวสารและความบันเทิงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาถึงเว็บไซต์หนึ่งที่เขาตัดสินใจสมัครเข้าเป็นสมาชิกได้ไม่นาน ก่อนหน้านี้เคยคิดอยากจะมีเว็บไซต์ที่เข้าใช้งานประจำบ้างแต่ก็ยังหาสิ่งที่เหมาะกับตัวเองไม่ได้จนกระทั่งมารู้จักกับเว็บไซต์นี้เพราะรุ่นน้องที่ทำงานของเขาเอง มันเป็นเว็บไซต์ที่สมาชิกส่วนใหญ่ซึ่งเป็นนักออกแบบหรือคนทำงานเกี่ยวข้องกับศิลปะต่างเข้ามาเล่าประสบการณ์การทำงานของตนเอง ซึ่งหลายกระทู้ก็สร้างกำลังใจในการทำงานได้เป็นอย่างดี อย่างน้อยก็ทำให้คนที่กำลังรู้สึกท้อแท้กับการทำงานรู้สึกว่าสิ่งที่เราเจอยังน้อยมากเมื่อเทียบกับเรื่องราวของคนอื่น ๆ  บางคนก็สามารถถ่ายทอดเรื่องที่น่าจะเป็นเรื่องเครียดให้ดูหนุกสนานได้ หลายคนช่วยแก้ปัญหาหรือแนะนำทางออกที่ดีให้กับคนที่กำลังมีปัญหารวมถึงการแบ่งปันความรู้ใหม่ ๆ ในวงการศิลปะและการออกแบบ


ตฤณกรไล่สายตาอ่านชื่อกระทู้ต่าง ๆ มาเรื่อย ๆ จนกระทั่งสายตามาหยุดที่กระทู้หนึ่ง


“เรื่องหยุมหยิมระหว่างโปรแกรมเมอร์กับดีไซเนอร์” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองก่อนจะคลิกเมาส์เพื่อเข้าไปอ่านรายละเอียดด้านใน


‘มีเรื่องน่ารัก ๆ ของดีไซเนอร์ที่บริษัทมาเล่าให้ฟังครับ ตัวผมเองเป็นโปรแกรมเมอร์ครับ ที่บริษัทเป็นบริษัทเกี่ยวกับธุรกิจส่งออกครับ งานของผมทำเกี่ยวกับการออกแบบเว็บไซต์ เมื่อเร็ว ๆ นี้ที่บริษัทเพิ่งรับดีไซเนอร์เข้ามาใหม่ เธอเป็นผู้หญิงครับ อายุรุ่นราวคราวเดียวกับผม เราต้องทำงานร่วมกันครับ แต่เอาตามจริงนะครับ ผมเองคิดว่าเรื่องออกแบบน่ะใคร ๆ ก็ทำได้ (โพสต์แบบนี้จะถูกพี่ ๆ ดีไซเนอร์เหยียบไหมเนี่ย)  ดังนั้นมันก็เลยมักจะมีเรื่องหยุมหยิมระหว่างโปรแกรมเมอร์กับดีไซเนอร์เกิดขึ้นบ่อย ๆ ซึ่งก็ไม่พ้นเรื่องที่ว่าดีไซเนอร์เขาอาร์ตกว่าเรา อันนี้ต้องยอมรับครับ ไอเดียเขาเยอะจริง ๆ  แต่เราเข้าใจเรื่องโปรแกรมมากกว่าเขา เลยมักจะเขม่นกันเป็นระยะ ๆ ดีไซเนอร์ของผมเธอมักจะหาเรื่องมาทำให้โค้ดผมอีรุงตุงนังไปหมด เรื่องขำ ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็คือ เราได้รับมอบหมายได้ดำเนินการปรับปรุงหน้าเว็บใหม่ครับ ดีไซเนอร์ของผมเธอใช้เวลาคิดอยู่ทั้งวันก็คิดไม่ออกว่ามันจะออกมาเป็นหน้าตายังไงจนกระทั่งตกบ่าย ผมอดรนทนไม่ไหวก็เลยนำเสนอเทมเพลทสำเร็จรูปให้เธอ ปรากฏว่าเธองอนผมครับ เธอบอกว่าเรื่องแบบนี้มันต้องใช้ไอเดียตัวเอง จะไปเอาที่เขาทำไว้แล้วไม่ได้ แล้วเธอก็ยังไม่ยอมแพ้ครับ เธอยังคงนั่งออกแบบของเธอต่อไป แต่ผมว่าขืนรอไอเดียจากเธอผมคงเพลียเสียก่อน ไม่ได้ทำงานทำการอย่างอื่นกันพอดี มีใครเจอแบบผมบ้างไหมครับ’ เขียนโดย โปรแกรมเมอร์จอมเวอร์


‘ที่ทำงานก็เจอแบบนี้เหมือนกันครับ แบ่งชนชั้นกันเลยทีเดียว’ เขียนโดย ผมเอง

‘ดีไซเนอร์ของผม แอบแล้วฟินค่ะ โปรแกรมเมอร์จอมเวอร์กับดีไซเนอร์ขี้งอน’ เขียนโดย คนช่างคิด

‘ทำใจเถอะครับ เขาเป็นชนชั้นสูงที่พวกเราอาจเข้าไม่ถึง’ เขียนโดย โปรแกรมมั่ว

.
.
.

ตฤณกรอ่านข้อความที่สมาชิกของเว็บไซต์ได้แสดงความคิดเห็นลงมาเรื่อย ๆ สมาชิกที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นยังคงเป็นคนเดิม ๆ ที่เขามีโอกาสได้เข้าไปอ่านเจอจากกระทู้อื่น จนกระทั่งมาสะดุดกับชื่อที่เพิ่งโพสต์ข้อความไปเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา


‘ถึงจะมีเรื่องหยุมหยิมแต่ก็ขาดกันไม่ได้เลย เพราะโปรแกรมเมอร์เองอาจจะอาร์ตไม่พอตามที่คุณเจ้าของกระทู้บอก ส่วนดีไซเนอร์ก็ไม่มีความรู้เรื่องโปรแกรม จะมาให้ดีไซเนอร์เขียนโปรแกรมก็คงไม่ได้ ดังนั้นปรับเข้าหากัน เป็นเพื่อนกัน แล้วทำงานให้สนุกไปด้วยกันดีกว่า’ เขียนโดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า




“ชื่อคุ้น ๆ” ชายหนุ่มกล่าวกับตัวอง แน่ใจว่าก่อนหน้านี้ที่ย้อนกลับไปอ่านกระทู้เก่า ๆ ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาไม่เคยพบ username นี้มาก่อนแต่กลับรู้สึกคุ้น  ตฤณกรจึงเดาเอาว่าเจ้าของ username นี้คงเป็นประเภทซุ่มอ่านอย่างเดียวหรือไม่ก็เป็นสมาชิกใหม่เช่นเดียวกับเขา


ปลายนิ้วเรียวค่อย ๆ สัมผัสแป้นคีย์บอร์ดก่อนจะคลิกเพื่อโพสต์ข้อความ...





‘ผมเห็นด้วยกับคุณ..ถ้าเธอเป็นท้องฟ้าครับ’ เขียนโดย ดีไซเนอร์สุดหล่อ






“พี่จ้า มีคนมาคอมเม้นท์ว่าเห็นด้วยกับพี่จ้าด้วยแหละค่ะ” หญิงสาวที่เดินมานั่งอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุคเอ่ยขึ้นกับชายหนุ่มที่ตอนนี้กำลังสนใจแต่ภาพที่ปรากฏบนจอ LCD ของกล้องถ่ายรูปตัวโปรดอยู่ที่โซฟาหน้าทีวี


“เขาใช้ชื่อว่า ดีไซเนอร์สุดหล่อ” จอมขวัญกล่าวก่อนจะคลิกอ่านกระทู้อื่น ๆ ต่ออีกเล็กน้อยก่อนจะขอตัวกลับบ้าน





“เดินระวัง ๆ ล่ะ” อาทิตย์ทัศกล่าวก่อนจะเปิดประตูรั้วให้หญิงสาว

 
“ไม่เดินไปส่งจริง ๆ เหรอ” จอมขวัญหันกลับมาทำหน้าวิงวอน


“ได้ข่าวว่าอยู่บ้านฝั่งตรงข้าม” ชายหนุ่มยกมือขึ้นชี้ไปที่บ้านสองชั้นที่อยู่ห่างแค่ถนนกั้น “ป้าดาเปิดไฟรอแล้วด้วย”


“แหะ ๆ ขวัญลืมไป” หญิงสาวยิ้มก่อนจะเดินข้ามไปยังบ้านของเธอก่อนจะหันมาโบกมือให้ชายหนุ่ม “ฝันดีนะคะพี่จ้า”


อาทิตย์ทัศน์ยิ้มให้เธอก่อนจะปิดประตูและกลับเข้าไปในบ้าน ชายหนุ่มเดินไปนั่งลงที่โต๊ะงานก่อนจะเลื่อนดูหน้ากระทู้ที่เขาได้แสดงความคิดเห็นเอาไว้ ถึงจะเป็นสมาชิกของเว็บมานานหลายปี แต่นาน ๆ ทีเขาถึงจะแสดงความคิดเห็นสักครั้ง







“ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า” ตฤณกรพึมพำกับตัวเองเมื่อหยิบกระดาษใบเล็ก ๆ แผ่นหนึ่งที่ถูกเสียบไว้ในหน้าหนึ่งของหนังสือขึ้นมาอ่าน มันเป็นโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์งานแสดงศิลปะภาพถ่ายที่บังเอิญเก็บได้ที่บันไดทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้าเมื่อสัปดาห์ก่อนซึ่งในรายละเอียดบอกว่าจะจัดถึงวันมะรืนเป็นวันสุดท้าย



ชื่อที่เหมือนกันสองชื่อจะสัมพันธ์กันอย่างไรตฤณกรไม่อาจรู้ได้   รู้พียงว่าวันนี้เป็นวันแรกที่เขาได้รู้จักกับ username นี้....






‘ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า’





หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 1)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 28-11-2013 09:31:26
แอบโรแมนติค เอิ๊ก
พบรักในเว็บบอร์ดอีกแล้วววว
หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 2 : ที่ระลึก)
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 28-11-2013 16:30:54
ตอนที่ 2 : ที่ระลึก


“ยังไม่นอนอีกเหรอจ้า” หญิงวัยกลางคนท่าทางใจดีกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนขณะเดินลงมาจากบันได ชายหนุ่มละสายตาจากหนังสือเกี่ยวกับกล้องและภาพถ่ายตรงหน้ามองคนในชุดนอนพร้อมกับยิ้มให้


“ยังครับแม่ จ้ายังไม่ง่วงเลย”


“แล้วนี่หนูขวัญกลับไปนานหรือยัง” ผู้เป็นแม่กล่าวก่อนจะเดินหายเข้าไปในครัว


“กลับไปสักพักแล้วละครับ” อาทิตย์ทัศน์กล่าวพร้อมกับก้มลงอ่านหนังสือต่อ


ผู้เป็นแม่เดินกลับออกมาจากห้องครัวพร้อมนมอุ่น ๆ หนึ่งแก้ว เธอวางมันไว้บนโต๊ะใกล้ ๆ กับกองหนังสือก่อนจะเดินมานั่งข้าง ๆ ลูกชาย


“ขอบคุณครับแม่” ชายหนุ่มกล่าวก่อนจะปิดหนังสือและยกแก้วนมขึ้นดื่ม กลิ่นจาง ๆ ของวนิลาลอยขึ้นสัมผัสปลายจมูกโด่ง เมื่อได้ลิ้มรสหวานนิด ๆ ก็ทำให้ความเหนื่อยล้าแทบจะมลายหายไป แม้จะไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันทุกวันแต่แม่ก็ยังคงรู้ใจเขาเสมอ...


อาทิตย์ทัศน์ค่อย ๆ วางแก้วเปล่าลงที่เดิมก่อนจะเอนตัวลงนอนหนุนตักผู้เป็นแม่ที่กำลังมองมาที่เขาด้วยดวงตาอันแสนอ่อนโยน ผู้เป็นแม่เอื้อมมือลูบศีรษะลูกชายเบา ๆ ก่อนจะกล่าว “ไม่รู้ว่าพอลูกไปอยู่ทางโน้นใครจะหาข้าวหาปลาให้ลูกกิน”


“แม่ไม่ต้องห่วง จ้าดูแลตัวเองได้”  ชายหนุ่มยิ้มก่อนจะดึงมือผู้เป็นแม่มากอดไว้ “แม่อยู่ทางนี้ก็ต้องดูแลตัวเองดี ๆ  รู้ไหม ต้องทานข้าวให้ตรงเวลา แค่สองปีเอง เดี๋ยวจ้าก็กลับแล้ว”


“นี่ลูกรู้กำหนดการเดินทางหรือยัง”


“น่าจะเป็นปลายเดือนหน้า ตอนนี้ที่มหาวิทยาลัยเขากำลังดำเนินการเรื่องทุนให้จ้าอยู่”


“ถ้าพ่อยังอยู่...” ผู้เป็นแม่หยุดก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองภาพถ่ายของชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบทหารเรือ “แม่เชื่อว่าเขาต้องภูมิใจในตัวลูกมาก ๆ”


“พ่อคงมองจ้าจากบนฟ้านะแม่” อาทิตย์ทัศน์ยิ้มให้ผู้เป็นแม่ที่กำลังพยักหน้าให้เขา




พ่อของเขาเป็นทหารเรือซึ่งประจำการอยู่ในฐานทัพเรือที่อยู่ทางภาคตะวันออก แม้เวลาจะผ่านมายี่สิบกว่าปี แต่พ่อในความทรงจำของอาทิตย์ทัศน์ก็ยังคงชัดเจนเสมอ พ่อมักจะกลับมาที่บ้านในวันศุกร์เพื่อไปรับเขาที่โรงเรียนก่อนจะไปรอรับแม่ที่โรงแรมซึ่งแม่เป็นผู้ช่วยพ่อครัวอยู่ที่นั่น จากนั้นสามคนพ่อแม่ลูกก็ไปนั่งทานอาหารในร้านเล็ก ๆ ข้างทางก่อนกลับบ้าน พ่อมักจะใช้เวลาอยู่กับครอบครัวตลอดช่วงวันหยุดก่อนจะกลับไปทำงานอีกครั้งในเย็นวันอาทิตย์


ครั้งสุดท้ายที่พ่อกลับมาบ้านเป็นวันประกาศผลสอบของนักเรียนชั้นป. 1 ในช่วงปิดเทอม ถึงผลการเรียนของเด็กชายอาทิตย์ทัศน์จะไม่ได้อยู่ในระดับดีมากเหมือนลูก ๆ ของคนอื่น ๆ แต่พ่อกับแม่ก็แสดงให้เขารู้สึกได้ว่าพ่อกับแม่ภูมิใจในตัวเขา สัปดาห์นั้นพ่อกับแม่จูงมือลูกชายตัวน้อยไปทานไอศกรีมในร้านประจำก่อนที่จะกลับมาทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกันที่บ้าน แม่มักจะทำอาหารอร่อย ๆ แบบที่พ่อและเขาชอบ พ่อเองก็มักจะเล่นกับเขา บางครั้งก็เป็นม้า เป็นเครื่องบินแล้วแต่ว่าวันนั้นลูกชายตัวน้อยจะอยากให้พ่อเป็นอะไร


หลังจากสัปดาห์นั้นพ่อก็ไม่กลับมาที่บ้านอีกเลย แม่หยุดงานหลายวันและฝากเขาไว้กับ ‘ป้าดา’ ซึ่งอยู่บ้านฝั่งตรงข้ามกัน ป้าดาอยู่กับลูกสาวเล็ก ๆ ที่เพิ่งจะเข้าเรียนชั้นอนุบาลในโรงเรียนเดียวกับเขา เธอเป็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ หน้าตาน่ารัก ชื่อของเธอคือ ‘จอมวัญ’ หรือ ‘หนูขวัญ’ ที่แม่ของเขามักจะเรียกบ่อย ๆ


“พี่จ้า ไปเล่นกันเถอะ” เด็กหญิงตัวน้อยเอื้อมมือเล็ก ๆ ของเธอจับที่ข้อมือของเด็กชายที่กำลังนั่งอยู่ที่ชิงช้าใต้ต้นมะม่วง ดวงตาหม่นเศร้ายังคงจ้องมองที่ประตูรั้วบ้านตรงข้ามด้วยความหวังที่ว่าจะได้เห็นพ่อกับแม่อีกครั้ง


“ขวัญอยากเล่นอะไร”


“ขวัญอยากนั่งจักรยาน” เด็กหญิงตัวน้อยกล่าวอย่างวิงวอนพร้อมกับมองจักรยานคันเล็กที่จอดแอบอยู่ข้างบ้าน


“ได้สิ เดี๋ยวพี่ไปเอามาให้” กล่าวจบเด็กชายก็เดินไปเข็นจักรยานมาก่อนจะขึ้นนั่งประจำที่


“ขวัญขึ้นนะ” เด็กหญิงตัวน้อยกล่าวก่อนจะปืนขึ้นไปนั่งซ้อนท้าย


เมื่อเห็นว่าเด็กหญิงตัวน้อยขึ้นนั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว เด็กชายก็ค่อย ๆ ยกเท้าข้างหนึ่งวางบนบันไดจักรยานก่อนจะถีบไปรอบ ๆ สนามหน้าบ้านซึ่งไม่กว้างนัก


“วันหลังเราถีบไปตามถนนในซอยกันนะพี่จ้า” เด็กหญิงที่นั่งซ้อนท้ายเอ่ยขึ้น


“มันอันตรายนะ เอาไว้โตกว่านี้ พี่จะพาขวัญไปทุกที่เลยดีไหม”


“ดี!!!!” เด็กหญิงตัวน้อยร้องขึ้นอย่างชอบใจ





หลายวันหลังจากนั้นแม่ก็กลับมา....


อาทิตย์ทัศน์ยังจำใบหน้าเศร้าหมองของแม่ในวันนั้นได้ดี แม่สวมชุดสีดำกำลังนั่งกอดรูปพ่ออยู่ที่โซฟาในบ้าน แม่เงยหน้าขึ้นทั้งสองแก้มอาบไปด้วยคราบน้ำตาก่อนจเรียกเขาเข้ามานั่งข้าง ๆ แม่บอกว่าพ่อจากไปแล้ว....


พ่อขึ้นไปอยู่บนฟ้า....


พ่อกำลังมองเราสองแม่ลูกจากบนท้องฟ้า....




แม่ไม่เคยพูดเรื่องสาเหตุการจากไปของพ่อเลย จนกระทั่ง 2-3 ปีหลังจากนั้น เพื่อนของพ่อมาเยี่ยมเขากับแม่ที่บ้าน เพื่อนของพ่อเล่าว่าพ่อของเขาออกไปกับเรือรบหลวงเพื่อช่วยเหลือเรือประมงหาปลาที่เจอพายุ  เรือเล็กถูกปล่อยออกไปช่วยเหลือชาวประมงที่เรือแตก พ่อของเขาพยายามช่วยเหลือทุกคนโดยไม่ได้คิดถึงชีวิตของตัวเอง ด้วยเหตุผลสั้น ๆ ที่ว่า....


 ‘คนที่บ้านคงกำลังรอพวกเขาอยู่ ฉะนั้นพวกเขาจะต้องมีชีวิตรอดกลับไป’


แต่เนื่องจากวันนั้นเป็นวันที่คลื่นลมแรงและฝนตกตลอดทั้งวันรวมถึงเป็นช่วงเวลากลางคืน  ในขณะที่ส่งชาวประมงผู้ประสบภัยคนสุดท้ายขึ้นเรือใหญ่ได้ สิ่งที่ไม่คาดฝันซึ่งยังคงชัดเจนในความรู้สึกของเพื่อน ๆ ผู้อยู่ในเหตุการณ์ก็คือ คลื่นลูกใหญ่ชัดเข้าหาเรือ ทำให้พ่อของเขาพลัดตกจากเรือเล็กและจมหายไปในทะเล ทุกคนในที่นั้นต่างพยามยามค้นหาแต่ไม่พบร่างของนายทหารเรือผู้นั้นอีกเลย...


อาทิตย์ทัศน์เคยถามถึงความหมายของชื่อตัวเองจากผู้เป็นพ่อ พ่อของเขายิ้มอย่างภูมิใจก่อนจะเล่าย้อนเหตุการณ์ไปในช่วงที่เขาเกิด ปีนั้นเกิดน้ำท่วมใหญ่ทางภาคใต้ เรือรบหลวงได้รับคำสั่งให้ไปช่วยผู้ประสบภัยซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่แม่กำลังจะให้กำเนิดเขา เรือรบหลวงออกเดินทางจากฐานทัพเรือในตอนดึกสงัดและเดินทางถึงบริเวณน่านน้ำของจังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วมในตอนเกือบรุ่งสางของอีกวัน ทันทีที่ดวงอาทิตย์ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า พ่อของเขาได้รับแจ้งว่าภรรยาได้ให้กำเนิดทารกเพศชาย ดังนั้นพ่อจึงตั้งชื่อเขาว่า ‘อาทิตย์ทัศน์’ จะได้เป็นเหมือนดวงอาทิตย์ที่มีแสงเจิดจ้าให้ความอบอุ่นแก่คนรอบข้าง 


เด็กชายอาทิตย์ทัศน์เติบโตขึ้นมากับความรักความเอาใจใส่ของผู้เป็นแม่ เขาถูกส่งให้เรียนในโรงเรียนที่ดีที่สุดเท่าที่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งจะสามารถทำได้ แม้เขาจะไม่ได้เลือกรับราชการตามรอยผู้เป็นพ่อแต่เขาก็ไม่เคยทำให้แม่ต้องเสียใจ อาทิตย์ทัศน์สอบเข้าเรียนในสาขาวิชาศิลปะการถ่ายภาพซึ่งเป็นสิ่งที่เขาสนใจมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม จนกระทั่งเมื่อเรียนจบในระดับปริญญาตรี นอกจากเขาจะเป็นช่างภาพอิสระที่ต้องเดินทางไปโน่นมานี่อยู่บ่อย ๆ ตามที่ได้ตั้งใจเอาไว้ เขายังได้รับเชิญจากมหาวิทยาลัยให้เป็นอาจารย์พิเศษในวิชาถ่ายภาพอีกด้วย และไม่นานมานี้เขายังได้รับทุนจากมหาวิทยาลัยให้ไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษก่อนจะกลับมารับตำแหน่งอาจารย์ประจำภาควิชาถ่ายภาพ




......



“เฮ่ย! ได้นอนบ้างหรือเปล่าน่ะ” ชายหนุ่มร่างท้วมที่เดินถือแก้วกาแฟมานั่งลงที่โต๊ะทำงานฝั่งตรงข้ามเอ่ยขึ้น


ชายหนุ่มใบหน้าอิดโรยเงยหน้าจากโต๊ะเขียนแบบพร้อมกับยิ้มแห้ง ๆ “แก้งานให้ลูกค้ายันสว่างเลยว่ะ”


“อย่าหักโหมนักสิแกน่ะ หาเวลาพักผ่อนบ้าง”


“เดี๋ยวเสร็จโปรเจคนี้ก็ว่าจะลาพักร้อนเสียหน่อยว่ะ แต่ยังไม่รู้เลยว่าจะไปไหนดี” ตฤณกรกล่าวก่อนจะถอดแว่นสายตาวางบนโต๊ะเพื่อหันมาคุยกับเพื่อนอย่างเป็นจริงเป็นจัง


“เอาจริงวุ้ย! จะว่าไปตั้งแต่ทำงานด้วยกันมานี่ฉันยังไม่เห็นแกจะไปเที่ยวไหนไกล ๆ เลยนอกจากกลับบ้านที่เชียงใหม่” หนุ่มร่างท้วมกล่าวก่อนจะเริ่มคลิกเมาส์


“จะไปไหนยังคิดไม่ออกเลยว่ะ”


“อืม...ก็ลองถามคนในห้องสิ”


ตฤณกรขมวดคิ้วก่อนจะนึกได้ว่า ‘ห้อง’ ที่เพื่อนพูดถึงมันคือ ‘ห้องแอบบอก (ห้องออกแบบ)’ ซึ่งเป็นเว็บบอร์ดในเว็บไซต์ที่มีน้องคนหนึ่งแนะนำให้เข้านั่นเอง



“ถ้าเรื่องเที่ยวเรื่องเดินทางเขาจะมีแก๊งค์ที่ชำนาญเรื่องนี้คอยตอบ ส่วนใหญ่ก็เป็นคนชอบเที่ยวชอบเดินทางทั้งนั้น ลองหากระทู้เก่า ๆ อ่านก่อนก็ได้” หนุ่มร่างท้วมกล่าว


“ขอบใจว่ะไอ้พัฒน์”


“เออ แล้วถ้าจะให้ดีนะ ก่อนหยุดยาวนี่หาแฟนให้ได้สักคน ไปเที่ยวจะได้ไม่เหงา” พูดจบหนุ่มร่างท้วมก็หัวเราะจนพุงกระเพื่อม


“ไอ้บ้า พูดยังกับมันหากันง่าย ๆ อย่างนั้นแหละ แฟนนะไม่ใช่รองเท้า จะได้ชอบคู่ไหนก็หยิบออกมาใส่ได้เลย”


“หือ...ไอ้ตัง ไอ้นี่ก็เปรียบเทียบเสียเห็นภาพ”


“เออ ว่าแต่เย็นนี้แกมีนัดที่ไหนรึเปล่า” ตฤณกรกล่าวพร้อมกับหยิบสมุดสเก็ทช์ออกมาจากกระเป๋า


“ก็ไม่นะ ตามประสาคนโสด ทำไม จะชวนไปไหน” พัฒน์กล่าวอย่างรู้ทัน


“ว่าจะชวนไปแกลอรีว่ะ”


“ที่ไหน”


“อืม...แถว ๆ สีลมน่ะ พอดีมีงานแสดงภาพถ่าย เห็นโปสเตอร์เขาสวยดีก็เลยอยากไป” ตฤณกรกล่าวพร้อมกับยื่นกระดาษใบเล็ก ๆ ซึ่งเป็นภาพของท้องฟ้าสดใสให้เพื่อน


“อืม..น่าสนใจ แต่งานมันวันสุดท้ายวันนี้นี่หว่า แล้วจะไปทันเหรอ แถวนั้นรถติดจะตายไป”


“น่าจะทันนะ เลิกงานแล้วก็นั่งรถไฟฟ้าไปเลย”




ทั้งที่อุตส่าห์ตกลงกันไว้อย่างดิบดีตั้งแต่เมื่อช่วงบ่ายว่าจะไปงานแสดงภาพถ่ายด้วยกัน แต่สุดท้ายตฤณกรก็มาถึงแกลอรีที่แสดงงานเพียงลำพัง




“ไอ้หมูอ้วนเอ๊ย! เห็นผู้หญิงสำคัญกว่าเพื่อน” นั่นคือประโยคสุดท้ายก่อนจะแยกกันที่หน้าบริษัท



 






ตฤณกรลงจากสถานีรถไฟฟ้าเข้าไปในซอยเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง จนกระทั่งมาถึงอาคารสองชั้นที่ด้านล่างเปิดเป็นแกลอรีในเวลาเกือบหกโมงเย็น ภายในแกลอรีเต็มไปด้วยภาพถ่ายท้องฟ้าที่เม้าด้วยกระดาษแข็งสีขาวใส่กรอบไม้สีดำด้านอย่างดี ซึ่งถูกจัดแสดงไว้บนผนังสีขาวที่แบ่งเป็นล็อค ๆ ชายหนุ่มเดินดูภาพไปเรื่อย ๆ ในขณะผู้คนเริ่มบางตาลงทุกที


“ขอโทษนะครับพี่ อีกประมาณยี่สิบนาทีแกลอรีจะปิดแล้วนะครับ” หนุ่มน้อยในชุดสต๊าฟที่เดินเข้ามากล่าวอย่างสุภาพ


“เอ้อครับ ขอบคุณนะครับ” ตฤณกรกล่าว


หนุ่มน้อยยิ้มก่อนจะเดินเลี่ยงไปสมทบกับกลุ่มของเพื่อน ๆ ที่กำลังช่วยกันเก็บข้าวของที่พอจะทยอยเก็บได้ก่อนที่แกลอรี่จะปิด


ที่หน้าแกลอรีมีรถนั่งแบบครอบครัวคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอด ครู่หนึ่งหญิงวัยกลางคนท่าทางใจดีก็เปิดประตูลงมาจากรถ เมื่อเธอเดินเข้ามาภายในแกลอรี บรรดากลุ่มของสต๊าฟต่างก็ยกมือไหว้และทักทายเธออย่างนอบน้อม



“เอ่อ..น้องครับ ๆ” ชายหนุ่มร่างสูงร้องเรียกเด็กหนุ่มที่กำลังยกลังกระดาษผ่านมา “ไม่ทราบว่าพอจะมีสูจิบัตรเหลือไหมครับ”


“อืม..” เด็กหนุ่มทำท่าลังเลก่อนจะหันไปถามเพื่อน


“หมดไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับพี่” คนที่อยู่ไม่ไกลตอบ


“ถ้าอย่างนั้นไม่เป็นไร ขอบคุณนะครับ” ตฤณกรยิ้ม


“ป้ามีของที่ระลึก” เสียงนั้นฟังดูอ่อนโยนจนคนที่กำลังสนใจอยู่กับภาพถ่ายตรงหน้าต้องหันไปตามเสียง หญิงวัยกลางคนแต่งตัวเรียบ ๆ แต่ดูเนี้ยบยิ้มให้ก่อนจะยื่นกล่องเหล็กขนาดใหญ่กว่า 4x6 นิ้วเล็กน้อยมาให้ ที่ฝากล่องมีแถบกราฟฟิคสีแดงน้ำเงินแบบที่มักจะเห็นบนซองจดหมายรุ่นเก่า ๆ ที่มีวางขายตามร้านเครื่องเขียน


“รับไว้สิจ๊ะ” เธอกล่าวเมื่อเห็นชายหนุ่มยังคงยืนทำหน้างง


“ขอบคุณครับ แต่ไม่เป็นไรครับ คุณป้าเก็บเอาไว้ดีกว่า” ตฤณกรกล่าวอย่างนอบน้อม


“รับไว้เถอะจ้ะ ป้ามีเยอะ ลูกชายป้าเขาแสดงงานกับเพื่อน ๆ ของเขาน่ะ นี่กยังมีอยู่ที่บ้านอีกเยอะ”


“ขอบคุณนะครับ” ชายหนุ่มกล่าวก่อนจะรับกล่องเหล็กนั้นมาเปิดดู ภายในกล่องบรรจุโปสการ์ดภาพถ่ายหลายใบพร้อมซองสีน้ำตาลจำนวนเท่ากับโปสการ์ดสำหรับผู้ที่ได้รับไปส่งให้กับคนที่ต้องการส่งให้


“สวยจังเลยครับ” ตฤณกรยิ้มตาหยี


“ดีใจที่หนูชอบจ้ะ” หญิงวัยกลางคนกล่าว


“คุณแม่อาจารย์จ้าจะรับรูปภาพกลับไปเลยใช่ไหมคะ หนูจะได้ให้น้อง ๆ ปลดลงมาให้” สาวสวยที่ดูจะอายุมากที่สุดในกลุ่มของสต๊าฟเอ่ยขึ้น


“อีกสักพักก็ได้จ้ะ รอให้แกลอรีปิดก่อนค่อยปลดลงมาก็ได้”


“ค่ะ”


“รูปภาพของลูกคุณป้าอันไหนเหรอครับ” ตฤณกรถามอย่างสนใจ


“ก็อันที่เขาเอาไปทำเป็นโปสเตอร์งาน แล้วก็ภาพที่อยู่ด้านในโน่นแหละจ้ะ” หญิงวัยกลางคนกล่าวด้วยแววตาที่แฝงความภูมิใจ


“สวยดีนะครับ ถ่ายเก่งจัง”


“จ้ะ เขาชอบถ่ายรูป ไปเที่ยวที่ไหนก็ถ่ายเก็บไว้ แล้วก็รวมตัวกับเพื่อน ๆ แสดงงาน”


หลังจากคุยกันอยู่พักใหญ่ ๆ หัวหน้าสต๊าฟก็แจ้งกับผู้ที่มาชมภาพถ่ายว่าแกลอรีกำลังจะปิดให้บริการ จากนั้นภาพถ่ายในกรอบค่อย ๆ ถูกทยอยปลดลง


ตฤณกรออกมายืนส่งคุณป้าใจดีที่ให้กล่องใส่โปสการ์ดแก่เขาเมื่อสักครู่ที่รถ บรรดาสต๊าฟต่างช่วยกันขนกรอบรูปมาใส่ที่ท้ายรถของเธอ


“ป้าไปก่อนนะจ๊ะ” เธอกล่าวอย่างยิ้มแย้มกับชายหนุ่มที่เพิ่งได้พบกันครั้งแรกก่อนจะเดินไปสตาร์ทรถและขับออกไป....





....



ตฤณกรเปิดประตูเข้ามาในห้องพร้อมกับผิวปากอย่างสบายใจ เขาเดินมานั่งลงที่โต๊ะทำงานซึ่งอยู่ริมผนังกระจกขนาดใหญ่ ที่เลือกมุมนี้เป็นมุมทำงานเพราะมันสามารถมองเห็นวิวของกรุงเทพฯยามค่ำคืนได้อย่างถนัดตา ชายหนุ่มวางกระเป๋าสะพายลงตักก่อนจะหยิบกล่องใส่โปสการ์ดที่ได้รับจากคุณป้าใจดีมาเปิดออกดู ภายในเต็มไปด้วยโปสการ์ดรูปท้องฟ้าในช่วงเวลาต่าง ๆ ที่ถ่ายได้จากสถานที่ที่แตกต่างกันออกไป มองแล้วทำให้รู้สึกว่าอยากออกไปเห็นด้วยตาตัวเองจริง ๆ สักครั้ง....


ชายหนุ่มยิ้มกับตัวเองก่อนจะค่อย ๆ เปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุค เสียงคลิกเมาส์ดังเป็นระยะ ๆ ที่กระจกแว่นสายตาสะท้อนแสงหลากสียามที่เขาเลื่อนเมาส์ขึ้นลง เขาเริ่มเปิดกระทู้เก่า ๆ ใน ‘ห้อง’ ที่เพิ่งเข้าไปเป็นสมาชิกใหม่ขึ้นมาอ่านไปเรื่อย ๆ จุดหมายคือการหาแรงบันดาลในในการท่องเที่ยวตามสไตล์คนทำงานศิลปะที่คิดว่าเหมาะกับตัวเอง


‘หนาวนี้ที่แม่ฮ่องสอน’ เขียนโดย หัวหน้าแก๊งค์เที่ยว


เป็นกระทู้ที่ถูกโพสต์ไว้ตั้งแต่เมื่อ 3 ปีก่อน ภายในบอกเล่าเรื่องราวการท่องเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอนของช่างภาพมืออาชีพผู้หนึ่ง มีสมาชิกจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็นและแบ่งบันข้อมูลท่องเที่ยว ตฤณกรไล่อ่านข้อความและดูรูปภาพลงมาเรื่อย ๆ จนมาสะดุดที่ภาพ ๆ หนึ่ง มันเป็นคล้ายเนินเตี้ย ๆ ตรงกลางไม่แน่ใจว่าเป็นทางเดินหรือทางสำหรับรถวิ่งกันแน่ ข้างทางเต็มไปด้วยต้นสนสามใบสีเขียวสดที่ปลูกเรียงรายบนผืนหญ้า ไอหมอกสีขาวจาง ๆ ชวนให้รู้สึกเย็นสบายยิ่งนัก ที่ใต้ภาพมีคำบรรยายสั้น ๆ ....



‘กำลังจะไปที่นี่’ เขียนโดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า


บรรดาสมาชิกต่างพากันตั้งคำถามว่าสถานที่ในภาพคือที่ใด แต่ก็ไม่เห็นว่าเจ้าของภาพจะกลับเข้ามาตอบคำถามนั้น



ตฤณกรจ้องมองภาพนั้นอยู่นานก่อนจะคลิกบันทึกภาพนั้นลงในคอมพิวเตอร์โน้ตบุคของตัวเอง...







   
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 28-11-2013 16:55:53
โหยอยากให้เจอกันเร็วๆแล้วคะ
ว่าแต่คงอีกนาน เพราะอาจารย์พี่จ้าก็จะไปอังกฤษ ขอให้ตังไปเที่ยวอังกฤษด้วยนะกิกิ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 28-11-2013 17:37:44
ผู้ชายชื่อจ้าน่ารักดีนะ
หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 3 : ถ้าคุณยินดีจะเป็นเพื่อนกับผม)
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 29-11-2013 03:55:52
ตอนที่ 3 : ถ้าคุณยินดีจะเป็นเพื่อนกับผม



“พัฒน์ แกรู้รึเปล่าว่าที่นี่ที่ไหน” ตฤณกรเอ่ยขึ้นก่อนจะยื่นกระดาษใบหนึ่งให้หนุ่มร่างท้วมที่กำลังง่วนอยู่กับโปรแกรมวาดภาพที่หน้าจอคอมพิวเตอร์


พัฒน์เงยหน้าขึ้นก่อนจะรับกระดาษที่เพิ่งถูกดึงออกมาจากเครื่องพิมพ์หมาด ๆ มาดูอย่างพิจารณาก่อนจะออกความเห็น


“ภูกระดึงหรือเปล่าวะ ต้นสนเยอะ ๆ แบบนี้”


“ฮึ่ย! ไม่ใช่มั้ง ภูกระดึงไม่น่าจะมีวิวแบบนี้นะ” ตฤณกรกล่าวก่อนจะเดินอ้อมมานั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง


“แล้วแกไปเอาภาพนี้มาจากไหน”


“มีคนโพสต์ไว้ในเว็บบอร์ด”


“ไม่เห็นจะยาก แกเอามาจากไหนแกก็เข้าไปถามที่นั่นสิ”


“มีคนสงสัยเหมือนฉันแล้วก็ตั้งคำถามแล้ว แต่คนโพสต์เขาไม่ได้เข้ามาตอบ”


“อืม...” หนุ่มร่างท้วมขมวดคิ้วก่อนจะถูคางตัวเองไปมาอย่างใช้ความคิด “ถ้าอย่างนั้นแกก็ลองไปโพสต์ถามอีกทีสิ เผื่อเขาจะบังเอิญได้เข้ามาอ่าน” พูดจบเขาก็ส่งกระดาษใบนั้นคืนให้ตฤณกร


คิ้วหนาขมวดเข้าหากันอีกครั้งขณะหยิบกระดาษใบนั้นขึ้นมาดู....







....



สัปดาห์ต่อมา...




‘อยากไปครับ ผมอยากรู้ว่าที่นี่ที่ไหนครับคุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้า’









“พี่จ้าคะ พี่จ้าเห็นกระทู้นี้รึเปล่า” หญิงสาวที่นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุคซึ่งวางอยู่ที่โต๊ะทำงานของอาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้น


“อะไรเหรอ” ชายหนุ่มที่กำลังนั่งตรวจผลงานของนักศึกษาอยู่ที่โซฟาถามอย่างไม่ได้ใส่ใจกับคำตอบนัก


“ก็กระทู้ที่มีคนตั้งถามพี่จ้าไงคะ” จอมขวัญกล่าวพร้อมกับยกคอมพิวเตอร์โน้ตบุคมานั่งข้าง ๆ ชายหนุ่ม “นี่ไง เขาโพสต์รูปแล้วก็ถามว่ามันคือที่ไหน จากคุณดีไซเนอร์สุดหล่อ”


อาทิตย์ทัศน์เงยหน้าขึ้นมองหน้าจอแว้บหนึ่งก่อนจะพึมพำกับตัวเอง “สวนสนบ่อแก้วไง”


“พี่จ้าไม่ตอบเขาหน่อยเหรอคะ ดูสิมีแต่คนเขียนแซว”






‘ตาย ๆ อย่างนี้คงต้องรอคุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้าคนเดียวเท่านั้นสินะคะ’ เขียนโดย คนช่างคิด


‘เจาะจงคนตอบแบบนี้ไม่รู้ว่าเมื่อไรถึงจะได้คำตอบนะครับ’ เขียนโดย คนสร้างภาพ


‘หมายความว่ายังไงครับ ความเห็นข้างบน’ เขียนโดย คนขี้สงสัย


‘ก็คุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้าเขาได้รับฉายาว่าเป็นก้อนหินจำศีลประจำห้องเรายังไงล่ะครับ’ เขียนโดย คนสร้างภาพ


‘นาน ๆ ถึงนานมาก ๆ กว่าจะเข้ามาเขียนคอมเม้นท์สักที ไม่รู้เหมือนกันว่าซุ่มอ่านหรือว่าไม่ค่อยได้เข้ามาในห้องนะคะ’ เขียนโดย บก.ผู้น่ารัก


‘คุ้น ๆ ว่าคำถามนี้เคยมีคนถามไปแล้วแต่ไม่ได้รับคำตอบจากน้องเขา ยังไงก็ให้เกียรติเขาเข้ามาตอบแล้วกันนะครับ’ เขียนโดย หัวหน้าแก๊งค์เที่ยว




“ขวัญเพิ่งรู้นะคะว่าพี่จ้ามีฉายาแบบนี้ด้วย ก้อนหินจำศีล” จอมขวัญหัวเราะ “พี่จ้าไม่คิดจะตอบเขาหน่อยเหรอคะ ไหน ๆ ก็เห็นแล้ว นี่เขาโพสต์ไว้ตั้งแต่เมื่อคืนก่อนแล้วนะคะ ดูสิคนแสดงความคิดเห็นยาวเป็นหางว่าวเลย” หญิงสาวค่อย ๆ ไล่สายตาอ่านข้อความที่สมาชิกได้แสดงความคิดเห็นพร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่



“ไว้ว่าง ๆ ก่อนก็แล้วกัน” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะตรวจผลงานของนักศึกษาต่อ


“ว้า...อย่างนี้เขาก็รอแย่สิคะ ให้ขวัญพิมพ์ตอบให้นะ สวนสนบ่อแก้วใช่ไหม”


ชายหนุ่มพยักหน้า “สวนสนบ่อแก้ว อยู่บนเส้นทางสายฮอด-แม่สะเรียง”


“ค่ะ” จอมขวัญยิ้มก่อนจะสัมผัสปลายนิ้วลงบนแป้นคีย์บอร์ด


“บอกเขาด้วยนะขวัญว่าอยู่กิโลเมตรที่ 36 ห่างจากอุทยานแห่งชาติออบหลวงไปไม่ไกลเท่าไร”


“ได้ค่ะพี่จ้า”












‘สวนสนบ่อแก้ว อยู่บนเส้นทางสายฮอด-แม่สะเรียง อยู่กิโลเมตรที่ 36 ห่างจากอุทยานแห่งชาติออบหลวงไปไม่ไกล’ เขียนโดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า




“โอ้โห! รอตั้งนานกว่าจะตอบ” ตฤณกรพึมพำกับตัวเองเมื่อพบว่าคำถามของตนเองได้รับคำตอบแล้วเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา









‘ขอบคุณครับที่ช่วยไขข้อสงสัยให้ผม แล้วถ้าผมจะไปที่นั่นในช่วงหน้าหนาวผมจะเจอบรรยากาศแบบในภาพไหมครับ’ เขียนโดย ดีไซเนอร์สุดหล่อ



“พี่จ้า เขาถามมาอีกแล้วค่ะ”


“ถ้าอย่างนั้นขวัญตอบเขาไปว่าถ้าเขาอยากถ่ายรูปแล้วได้ตามภาพที่เห็นน่ะ เขาต้องไปหน้าฝน ถ้าไปหน้าหนาวก็จะเจอแต่ใบแห้ง ๆ ของต้นสนที่ร่วงอยู่กับพื้น ไม่เขียวแบบในภาพหรอก”





‘ถ้าอยากได้บรรยากาศตามภาพต้องไปหน้าฝน’ เขียนโดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า





“อืม เที่ยวหน้าฝนเนี่ยนะ" ตฤณกรกล่าวอย่างแปลกใจ






‘เที่ยวหน้าฝนจะดีเหรอครับ’ เขียนโดย ดีไซเนอร์สุดหล่อ


‘เที่ยวฤดูฝนก็จะได้เห็นความแตกต่าง หรืออะไร ๆ ที่ไม่ได้เห็นในฤดูอื่น ๆ’ เขียนโดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า


‘ถ้าเริ่มต้นที่เมืองเชียงใหม่ผมจะไปยังไงดี’ เขียนโดย ดีไซเนอร์สุดหล่อ


‘ถ้ามีรถก็ขับรถไปเองโดยใช้เส้นทางเชียงใหม่-ฮอด เลี้ยวขวาตรงแยกก่อนถึงที่ว่าการอำเภอฮอดไปตามเส้นทางฮอด-แม่สะเรียง ถ้าไม่มีรถก็นั่งรถประจำทางเชียงใหม่-แม่สะเรียง-แม่ฮ่องสอน หรือไปต่อรถที่ข้างที่ว่าการอำเภอฮอด’ เขียนโดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า


‘ถ้าผมจะไปเที่ยวต่อ คุณว่าจะไปแม่สะเรียงหรือยาวไปแม่ฮ่องสอนดี’ เขียนโดย ดีไซเนอร์สุดหล่อ





“เฮ้อ...ขวัญพิมพ์จนเมื่อยมือแล้ว พี่จ้าตอบต่อนะคะ ขวัญกลับบ้านไปช่วยแม่ทำกับข้าวมื้อเย็นก่อน” พูดจบหญิงสาวก็วางคอมพิวเตอร์โน้ตบุคไว้บนโซฟาก่อนจะเดินออกไปจากบ้านไปดื้อ ๆ โดยไม่ได้สนใจคำทักท้วงใด ๆ เธอแวะคุยกับแม่ของอาทิตย์ทัศน์ที่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้านครู่หนึ่งก่อนจะเดินกลับไปยังบ้านของตัวเอง....


ชายหนุ่มยังคงนั่งตรวจผลงานของนักศึกษาไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งฟ้าเริ่มมืด


“ยังไม่เสร็จอีกเหรอจ้า แม่ตั้งโต๊ะแล้วนะ” เสียงผู้เป็นแม่ดังขึ้นจากในห้องครัว อาหารเย็นสำหรับสองคนถูกจัดไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว


“เสร็จพอดีครับแม่” ชายหนุ่มกล่าวก่อนจะลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายและเดินตามกลิ่นหอมของอาหารเข้าไปในครัว....











...




“อ้าว เงียบเลย อะไรเนี่ย” ตฤณกรพึมพำพร้อมกับกระหน่ำกดปุ่มเพื่อรีเฟรชหน้าจอ





‘กระทู้ในตำนานนะคะ คุณดีไซเนอร์สุดหล่อ คุณเก่งมากที่ทำให้ก้อนหินจำศีลของเราเขียนแสดงความคิดเห็นได้มากกว่าหนึ่งประโยค’ เขียนโดย บก.ผู้น่ารัก







อาทิตย์ทัศน์เดินถือคอมพิวเตอร์โน้ตบุคที่แบ็ตหมดไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้มาวางที่โต๊ะเขียนหนังสือในห้องนอนก่อนจะเสียบสายชาร์จแบ็ตเตอรีและเริ่มเปิดเครื่องใหม่อีกครั้ง...




“ยังไม่หมดคำถามอีกเหรอ” ชายหนุ่มกล่าวเมื่อค่อย ๆ เลื่อนอ่านความเห็นมาเรื่อย ๆ






‘ถ้ามีเวลามากก็ไปแม่ฮ่องสอน ปาย ปางอุ๋งแล้วค่อยกลับเชียงใหม่’ เขียนโดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า





เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่มีใครได้สนใจ จากการพูดคุยโต้ตอบกันเพียงไม่กี่ประโยค ก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางทั้งสิ้น



‘ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป ช่วยแนะนำที่พักให้ผมหน่อยได้ไหมครับ จองให้ด้วยเลยยิ่งดี’





“อะไรของเขา” อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้วหลังจากอ่านข้อความที่ดูออกจะประหลาดไปหน่อย





‘ถ้าอย่างนั้นผมจะไปตามที่คุณบอกนะครับ แล้วจะถ่ายรูปสวย ๆ กลับมาฝาก’ เขียนโดย ดีไซเนอร์สุดหล่อ


‘อะไรกันคะสองคนนี้ คนช่างคิดคิดไปไกลแล้วนะ’ เขียนโดย คนช่างคิด







อาทิตย์ทัศน์ผ่อนลมหายใจเบา ๆ ก่อนจะละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุค เขาลุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดตัวก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ พักใหญ่ ๆ ชายหนุ่มก็กลับออกมาอีกครั้งในชุดเสื้อยืดใส่นอนกับกางเกงขาสั้นดูสบาย ๆ เขานั่งลงที่โต๊ะเขียนหนังสือพร้อมกับใช้ผ้าขนหนูซับน้ำจากเส้นผม ที่หน้าจอปรากฏการเตือนว่ามีข้อความส่วนตัวถูกส่งถึงเขา



‘คุณ ผมพูดจริง ๆ นะเรื่องจองที่พักน่ะ (ผมมีเวลาประมาณ 4 วันสำหรับทริปนี้ ช่วงเวลาเดินทางคือกลางเดือนตุลาคมนี้) รบกวนช่วยเหลือมือใหม่หัดเที่ยวหน่อยนะครับ ผมชื่อตฤณกร’



“ประหลาดคนจริง ๆ  อะไรของเขา” อาทิตย์ทัศน์พึมพำกับตัวเอง ในที่สุดเขาก็เลือกที่จะไม่ตอบอะไร....





....



ปลายเดือนต่อมาที่สนามบินสุวรรณภูมิ....



“พาสปอร์ตเอามาแล้วใช่ไหมลูก” ผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้นก่อนจะส่งเสื้อแจ็คเก็ทสีน้ำตาลในมือให้ลูกชายเพื่อสวมทับเสื้อเชิ้ตลายทางอีกชั้นหนึ่ง



“จ้าเอามาแล้วครับแม่ อยู่ในกระเป๋ากางเกงนี่แหละ” พูดจบเขาก็ตบที่กระเป๋ากางเกงยีนส์เบา ๆ


“พี่จ้าไม่อยู่นาน ๆ แบบนี้ขวัญเหงาแย่เลย” หญิงสาวหน้ามุ่ยกล่าว


“อินเทอร์เน็ตก็มี โทรศัพท์ก็มีจะคุยกับพี่เมื่อไรก็ได้” อาทิตย์ทัศน์กล่าวพร้อมกับโยกศีรษะหญิงสาวเบา ๆ “กลัวก็แต่อีกหน่อยมีหนุ่ม ๆ มาจีบก็จะไม่อยากคุยกับพี่แล้ว”


“ไม่มีทางหรอก ยังไงขวัญก็ยกให้พี่จ้าเป็นคนสำคัญอันดับหนึ่งรองจากแม่” คนตัวเล็กกล่าวด้วยรอยยิ้ม


“พี่ฝากแม่ด้วยนะ” ชายหนุ่มลดมือลงพร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง


“พี่จ้าไม่ต้องห่วงค่ะ ขวัญจะไปคุยเป็นเพื่อนน้านุชบ่อย ๆ ให้น้านุชเบื่อไปเลย” พูดจบเธอก็กอดเอวหญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างประจบ


อาทิตย์ทัศน์มองดูคนที่เขารักทั้งสองคนพร้อมกับยิ้มให้...


“เอ้อ! ขวัญ พี่มีเรื่องจะรบกวนหน่อย” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมหยิบกับกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่งที่ถูกเย็บรวมกับนามบัตรออกมาจากกระเป๋าเสื้อก่อนจะยื่นให้คนตัวเล็กตรงหน้า


“อะไรเหรอคะพี่จ้า” จอมขวัญรับกระดาษโน้ตแผ่นนั้นมา


“กลางเดือนหน้าพี่จะรบกวนให้ขวัญช่วยจองที่พักตามนามบัตรนี่ให้หน่อย”


“ปาย จองให้ใครเหรอคะ”


“มีคนฝากให้ช่วยจองให้น่ะ ส่วนรายละเอียดพี่เขียนเอาไว้แล้วว่าเขาจะต้องพักที่ไหน ขวัญช่วยจองห้องที่อยู่ชั้นสองติดบันไดขึ้นดาดฟ้านะ” อาทิตย์ทัศน์กล่าว


“แสดงว่าพี่จ้าเคยไปมาก่อนแล้วใช่ไหมคะ”


ชายหนุ่มพยักหน้า “ถ้าเรียบร้อยแล้วบอกพี่ด้วยนะ”


“ไม่ต้องห่วงค่ะพี่จ้า ขวัญจัดการให้” หญิงสาวยิ้มก่อนจะอ่านรายละเอียดในกระดาษโน้ตคร่าว ๆ


“คุณตฤณกร อยากรู้จังว่าเขาเป็นใคร”


“ก็คนที่เราให้พี่ตอบคำถามเขานั่นแหละ”


“อ๋อ คุณดีไซเนอร์สุดหล่อ” จอมขวัญพูดกลั้วหัวเราะ


“ใช่ ก็เลยต้องวุ่นวายแบบนี้ไง”


“ลูกสองคนพูดถึงใครกันเหรอ” ผู้เป็นแม่ถามขึ้นด้วยความสงสัย


“อ๋อ....เขาเป็นแฟนคลับพี่จ้าน่ะค่ะน้านุช”



“แฟนคลับ?”



“แม่อย่าไปฟังยัยขวัญเลยครับ ก็แค่คนที่บังเอิญได้คุยกันเรื่องเที่ยว”



อรนุชพยักหน้าช้า ๆ



“เอาเถอะค่ะพี่จ้า คิดเสียว่าช่วยเขาก็แล้วกัน เรื่องที่พักนี่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวขวัญจัดการให้”



“พี่ฝากด้วยนะ”













‘เรื่องที่พักเรียบร้อยแล้ว คุณติดต่อเรื่องการชำระเงินตามรายละเอียดข้างล่างนี่ก็แล้วกัน.....’



มันเป็นข้อความส่วนตัวที่ถูกส่งมาจาก ‘ใครคนหนึ่ง’ ซึ่งทำให้หัวใจห่อเหี่ยวหลังจากการพรีเซ้นท์งานที่เพิ่งผ่านไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนของดีไซเนอร์หนุ่มกลับฟูขึ้นอีกครั้ง


มันผ่านนานมากจนเขาเกือบจะลืมไปแล้ว ด้วยเหตุที่ ‘ใครคนนั้น’ ไม่ได้ตอบรับว่าจะให้ความช่วยเหลือเขาหรือไม่ แต่ในที่สุดวันนี้เขาก็ได้รับข้อความตอบกลับ....


“ยิ้มอะไรวะไอ้ตัง เมื่อตอนเช้ายังเห็นหน้ามู่ทู่อยู่เลย” พัฒน์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะทำงานถามพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ


“ดีใจ จะได้ไปเที่ยว” ตฤณกรตอบอย่างอารมณ์ดี


“เที่ยวไหนวะ”


“แม่ฮ่องสอน”


“ไปเมื่อไร”


“อาทิตย์หน้า”


“เฮ้ย! เที่ยวแม่ฮ่องสอนหน้าฝนเนี่ยนะ”


“อือ..ก็ใช่น่ะสิ เผื่อว่าจะได้เห็นอะไรที่ต่างจากการเที่ยวในฤดูอื่น”


“ติสต์จริงพ่อคุณ” พัฒน์ส่ายหน้าพร้อมกับพึมพำกับตัวเอง


“ไม่คุยกับแกแล้ว รีบแก้งานดีกว่าจะได้ปิดโปรเจคแล้วพักร้อนยาว ๆ สักที” ตฤณกล่าวด้วยรอยยิ้มก่อนจะลงมือทำงานต่อ....







...





ภายในหอพักของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ชานมหานครลอนดอน ชายหนุ่มที่กำลังนั่งมองบรรดานักศึกษาทั้งผมทอง ผมดำ และผิวสีที่กำลังรุมแย่งลูกฟุตบอลอยู่ที่กลางสนามค่อย ๆ ละสายตาจากภาพตรงหน้ากลับมาที่หนังสือภาษาอังกฤษที่ถูกเปิดอ่านค้างไว้บนโต๊ะพร้อมกับนึกถึงข้อความส่วนตัวที่เพิ่งถูกส่งมาเมื่อเร็ว ๆ นี้....





‘ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือนะครับ ผมอยากส่งโปสการ์ดไปขอบคุณคุณจัง ไม่ทราบว่าพอจะให้ที่อยู่ของคุณกับผมได้ไหม’






ที่อีกซีกโลกหนึ่ง โคมไฟที่โต๊ะทำงานบนคอนโดชั้นที่สูงที่สุดยังคงเปิดสว่าง ตฤณกรกำลังนั่งอ่านข้อความส่วนตัวที่สูกส่งมา....



‘คุณไม่จำเป็นต้องให้อะไรก็ได้ ยินดีช่วยอยู่แล้ว’


‘แต่ผมอยากส่งให้คุณจริง ๆ นะ’


‘ถ้าอย่างนั้นคุณฝากไว้กับแมสเซนเจอร์ประจำเว็บก็แล้วกัน’





....






“เฮ้ย! กอล์ฟ พี่ถามอะไรหน่อยสิ” ตฤณกรเอ่ยขึ้นก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ ดีไซเนอร์รุ่นน้องที่กำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ที่ฟู้ดคอร์ทชั้นบนสุดของบริษัท


“ว่าไงพี่ มีอะไรให้น้องกอล์ฟรับใช้ครับ” หนุ่มหน้าตี๋กล่าวพร้อมกับยักคิ้ว


“ในเว็บบอร์ดน่ะ ไอ้แมสเซนเจอร์ประจำเว็บที่เขาพูดกันนี่มันคืออะไรวะ”


“อ๋อ...ก็คือ....อืม...คือใครนี่ผมไม่แน่ใจนะอาจจะเป็นสมาชิกในเว็บก็ได้ แต่เอาง่าย ๆ สมมติว่าพี่น่ะไม่ต้องการเปิดเผยว่าตัวเองเป็นใคร อยู่ที่ไหน แต่ดั๊น....วันดีคืนดีมีแฟนคลับขึ้นมาแล้วเขาอยากจะส่งของอะไรก็แล้วแต่ให้พี่ ระบ่งระเบิดอะไรทำนองนั้น พี่ก็ให้เขาฝากแมสเซนเจอร์ประจำเว็บมา เขาจะได้ไม่ต้องรู้ว่าพี่เป็นใครอยู่ที่ไหน ส่วนเรื่องกระบวนการว่าเขาจะส่งต่อถึงกันยังไงอันนี้ผมไม่รู้เหมือนกัน”


ตฤณกรพยักหน้าหงึก ๆ


“อย่าบอกนะว่าจะส่งอะไรให้ใครแล้วเขาไม่ยอมให้ที่อยู่น่ะ อย่างนี้ต้องพิจารณาความน่าเชื่อถือของตัวเองนะพี่” หนุ่มหน้าตี๋หัวเราะจนตาเป็นเส้นตรง


“บ๊า!! ไม่ใช่อย่างนั้น แค่สงสัย เห็นเขาพูดกันก็เท่านั้น ไม่มีอะไรเสียหน่อย”


“เอา ๆ ไม่มีก็ไม่มี ไม่เห็นต้องอธิบายยืดยาวเลย” เขากล่าวก่อนจะลงมือจัดการกับอาหารตรงหน้าต่อ...






....



ในที่สุดการเดินทางของตฤณกรก็เริ่มขึ้นในกลางเดินตุลาคม ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมา ชายหนุ่งร่างสูงสะพายเป้ใบใหญ่กระโดดลงจากรถทัวร์ที่มาถึงอำเภอฮอดตั้งแต่ตอนเช้าตรู่ก่อนจะข้ามไปยังฝังที่ว่าการอำเภอซึ่งเป็นที่จอดรถประจำทางสีฟ้าสายเชียงใหม่-ฮอด-ดอยเต่า จุดมุ่งหมายของเขาอยู่ที่สถานีทดลองปลูกพรรณไม้บ่อแก้วหรือสวนสนบ่อแก้ว ชายหนุ่มซื้ออาหารกินรองท้องและไม่ลืมที่จะเตรียมเสบียงติดตัวไประหว่างเดินทางด้วย เมื่อท้องอิ่มตฤณกรก็ก้าวขึ้นไปบนรถโดยสารคันเล็กนั่งรอจนกระทั่งใกล้เวลารถออก รถก็เริ่มเต็มไปด้วยบรรดานักท่องเที่ยวที่น่าจะเป็นกลุ่มของนักศึกษาและคนท้องถิ่นที่เข้ามาเลือกจับจ่ายสิ่งของต่าง ๆ ในเมือง 


รถโดยสารคันเล็กค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปอย่างช้า ๆ ตามเส้นทางฮอด-แม่สะเรียง เมื่อออกจากตัวอำเภอฮอดไม่นานรถก็เริ่มลัดเลาะไปตามเส้นทางที่ค่อย ๆ ไต่ระดับขึ้นเรื่อย ๆ โดยเส้นทางจะขนาบไปตามลำน้ำแม่แจ่ม พักใหญ่ ๆ รถก็มาจอดที่หน้าอุทยานแห่งชาติออบหลวงซึ่งเป็นช่องเขาที่มีทางน้ำไหลผ่าน นักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ลงรถที่นี่จึงทำให้บนรถเหลือเพียงเขากับคนท้องถิ่นอีกไม่กี่คน ชายหนุ่มนั่งมองดูทิวทัศน์สองข้างทางสลับกับมองรถที่กำลังแซงขึ้นไป ตั้งแต่อุทยานแห่งชาติออบหลวง ไม่มีผู้โดยสารรอขึ้นหรือลงรายทางเลยแม้แต่คนเดียวคนขับจึงค่อย ๆ เร่งความเร็วขึ้น จนในที่สุดรถก็มาจอดที่หน้าทางเข้าสถานีทดลองปลูกพรรณไม้บ่อแก้ว ตฤณกรมองรอดช่องหน้าต่างรถออกไปด้านนอกอย่างลังเลจนกระทั่งเสียงคนขับดังขึ้นเพื่อขานชื่อของสถานที่ เมื่อเห็นว่าจุดหมายถูกต้องชายหนุ่มจึงรีบกระโดดลงจากรถก่อนจะเดินไปจ่ายเงิน ไม่ช้ารถโดยสารสีฟ้าก็ค่อย ๆ เคลื่อนออกไป


ตฤณกรเดินเข้าไปตามเส้นทางรายล้อมด้วยต้นสนสูงตระหง่าน สายฝนที่โปรยปรายลงมาเมื่อวันก่อนทำให้ทั่วบริเวณมีแต่สีเขียวขจี ชายหนุ่มเปิดเป้เพื่อหยิบกล้องถ่ายรูปรุ่นเก่าที่ต้องอาศัยการเลื่อนฟิล์มเพื่อขึ้นชัตเตอร์ซึ่งเป็นกล้องตัวโปรดที่ใช้เมื่อสมัยเรียนออกมาก่อนจะกดชัตเตอร์เพื่อบันทึกภาพ


ใบหน้าระบายยิ้มแสดงถึงความพึงพอใจที่ได้มาเห็นที่นี่ด้วยตาตัวเอง เขาเดินไปตามเส้นทางแคบ ๆ พร้อมกับเลื่อนฟิล์มและกดชัตเตอร์บันทึกภาพไปเรื่อย ๆ ยิ่งเดินห่างออกมาจากถนนใหญ่มากเท่าไร อากาศก็เริ่มเย็นลงมากขึ้นเท่านั้น คงเป็นเพราะต้นสนจำนวนมากมากที่ขึ้นอยู่ทั่วบริเวณนั่นเอง


ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นคนเชียงใหม่และเคยผ่านเส้นทางนี้บ่อย ๆ แต่ไม่เคยรู้เลยว่าจะมีที่แบบนี้อยู่ นั่นอาจเป็นเพราะสถานีทดลองปลูกพรรณไม้บ่อแก้วเป็นเพียงแค่ทางผ่าน เป็นสถานที่ที่ไม่ได้มีความโดดเด่นดึงดูดความสนใจของผู้ที่ขับรถผ่านไปผ่านมา แต่เมื่อได้เข้ามาแล้วกลับมีความรู้สึกที่ไม่อยากจะจากไป....


ตฤณกรหาที่เหมาะ ๆ ใต้ต้นสนก่อนจะนั่งลงเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์และหยุดคิดอะไรเพลิน ๆ นึกขอบคุณเจ้าของภาพที่เป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเองดั้นด้นมาถึงที่นี่ ชายหนุ่มหยิบกระดาษแข็งใบขนาดเท่ากับโปสการ์ดออกมาจากกระเป๋าก่อนจะลงมือสเก็ตซ์ภาพที่เขาเห็นด้วยปากกาหมึกซึมสีดำ ไม่นานนักภาพสเก็ทซ์รูปต้นสนที่ยืนต้นเรียงกันไปตามแนวทางเดินเล็ก ๆ ก็เสร็จเรียบร้อย ชายหนุ่มไม่ลืมที่จะเขียนบันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพื่อเป็นการขอบคุณผู้ที่เป็นแรงบันดาลใจของเขา...


“ไม่รู้เหมือนกันว่าคุณเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่ก็คิดว่าคุณน่าจะชอบมันนะ” ตฤณกรกล่าวกับตัวเองก่อนจะเก็บโปสการ์ดใส่ลงในเป้


ชายหนุ่มใช้เวลาเดินเล่นและเก็บภาพอยู่ที่สวนสนบ่อแก้วจนกระทั่งสายเขาจึงตัดสินใจออกมารอรถประจำทางเพื่อมุ่งหน้าสู่ตัวเมืองแม่ฮ่องสอน โชคดีที่มีคนใจดีแวะจอดถามถึงจุดหมายปลายทางของเขาเป็นระยะ ๆ จนในที่สุดเขาก็พบกับรถของคุณลุงใจดีคนหนึ่งที่กำลังจะไปทำธุระที่ตัวเมืองแม่ฮ่องสอนพอดี คุณลุงจึงให้เขาติดรถไปด้วย คุณลุงแวะจอดพักรถที่ตัวอำเภอแม่สะเรียงในตอนบ่าย ทั้งคู่จึงถือโอกาสรับประทานอาหารกลางวันกันที่นั่น  จากนั้นคุณลุงใจดีก็ออกเดินทางต่อ จากการที่นั่งคุยเป็นเพื่อนกันมาตลอดทาง ตฤณกรจึงได้รู้ว่าคุณลุงเป็นข้าราชการเกษียณอายุที่ผันตัวมาเป็นเกษตรกร เมื่อวันก่อนคุณลุงขนผักจากไร่ในตัวเมืองแม่ฮ่องสอนมาส่งที่เชียงใหม่ก่อนจะออกเดินทางกลับในเช้าวันนี้


ตฤณกรมาถึงตัวเมืองแม่ฮ่องสอนในตอนใกล้ค่ำ เขาหยิบกระดาษโน้ตที่สั่งพิมพ์มาตั้งแต่ตอนที่อยู่กรุงเทพฯ ซึ่งถูกพับเก็บไว้ในกระเป๋าเส้าแจ๊คเก็ทออกมาเปิดอ่าน....


‘สำหรับที่พักในเมืองแม่ฮ่องสอน คุณคงต้องหาเอง’


ชายหนุ่มอ่านข้อความนั้นพร้อมกับถอนหายใจเบา ๆ



“ค่ำแล้วแบบนี้คงหาที่พักยากแน่ ๆ” คุณลุงเจ้าของรถเอ่ยขึ้นเมื่อรถเริ่มเข้าเขตชุมชน


“ผมว่าจะลองเดินหาแถว ๆ ในตลาดดูน่ะครับคุณลุง คิดว่าน่าจะยังพอมี ช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงเทศกาล”


“อืม...ถ้าพ่อหนุ่มไม่รังเกียจ ไปพักบ้านลุงไหม ที่บ้านน่ะอยู่กันแค่สองคนตายาย”


เหมือนสวรรค์มาโปรด แม้จะรู้สึกเกรงใจ แต่ในช่วงเวลาแบบนี้ตฤณกรจึงรีบตอบรับในความเมตตาของคุณลุงทันที....


เช้าวันต่อมาคุณลุงไปส่งตฤณกรที่สถานีขนส่งแต่เช้า จุดหมายปลายทางของเขาในวันนี้อยู่ที่อำเภอปาย  รถประจำทางสายแม่ฮ่องสอน-ปาย พาเขามาถึงตัวอำเภอปายในตอนใกล้เที่ยงท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมา เนื่องจากไม่ใช่วันหยุดและไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว ปายเวลานี้จึงเป็นเพียงอำเภอเล็ก ๆ ที่ดูเงียบสงบอำเภอหนึ่ง


ตฤณกรเดินตามแผนที่ในกระดาษไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงโฮมสเตย์ชื่อเดียวกับที่ระบุไว้ในกระดาษซึ่งอยู่บนถนนคนเดินปาย เขาเดินผ่านรั้วบ้านเตี้ย ๆ เข้าไปยังตัวบ้านซึ่งเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ที่ข้าง ๆ มีอาคารสองชั้นซึ่งถูกแบ่งเป็นห้อง ๆ สำหรับให้นักท่องเที่ยวเข้าพัก ชายหนุ่มเดินไปที่หน้าต่างซึ่งถึงจัดเป็นมุมน้ำชากาแฟผสมกับเคาท์เตอร์ของพนักงานต้อนรับแต่เปลี่ยนจากพนักงานต้อนรับในโรงแรมเป็นเคาท์เตอร์ต้อนรับแบบบ้าน ๆ แทน


คนที่นั่งอยู่หลังกรอบหน้าต่างยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร ตฤณกรยื่นหลักฐานการโอนเงินให้เธอดูพร้อมกับแจ้งชื่อของเขา


“คุณตฤณกรนะคะ” หญิงสาวกล่าวพร้อมกับไล่เชคชื่อของเขาในสมุดมีเส้นเล่มยาว


“ใช่ครับ ผมให้เพื่อนช่วยจองให้”


“จำได้แล้วค่ะ เธอกำชับนักกำชับหนาว่าขอเป็นห้องชั้นสองที่ติดบันไดทางขึ้นดาดฟ้า”


“เธอ....” ชายหนุ่มทวนคำ


“ใช่ค่ะ ก็เพื่อนของคุณที่โทร.มาจองห้องพักไงคะ คงเคยมาแล้วถึงได้กำชับดิฉันว่าให้เก็บห้องนั้นไว้ให้คุณ”


“ครับ” ชายหนุ่มพยักหน้า


“เรียบร้อยแล้วค่ะ นี่กุญแจ เชิญที่ห้องได้เลยนะคะ ตอนเช้าคุณสามารถดื่มน้ำชากาแฟ ทานขนมปังหรือข้าวต้มได้ที่นี่นะคะ” หญิงสาวกล่าวพร้อมกับส่งกุญแจให้เขา


ตฤณกรเดินขึ้นไปตามบันไดแคบ ๆ จนกระทั่งมาถึงห้องพักของเขาซึ่งอยู่ติดกับบันไดทางขึ้นดาดฟ้า ชายหนุ่มจัดการเก็บสัมภาระไว้ในห้องก่อนจะเดินขึ้นไปสำรวจที่ด้านบน ทันทีที่ขึ้นไปถึงเขาไม่แปลกใจเลยที่ ‘เธอ’ จองห้องพักห้องนี้ให้เขา นั่นคงเป็นเพราะว่ามันสามารถที่จะเดินขึ้นไปบนดาดฟ้าได้อย่างสะดวก และเมื่อยืนอยู่ตรงนี้เขาสามารถที่จะเห็นทิวทัศน์ของตัวอำเภอเล็ก ๆ อำเภอนี้ได้อย่างชัดเจน....


ชายหนุ่มใช้เวลาเดินเล่นเข้าร้านโน้นออกร้านนี้รวมถึงเช่ามอเตอร์ไซค์เพื่อขับเที่ยวไปรอบ ๆ ตัวอำเภอและสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ๆ  จนกระทั่งเวลาหนึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งตามสถานที่ต่าง ๆ ที่เขาไปเขามักจะพบกับนักท่องเที่ยงอีก 2-3 คนที่เดินทางมาจากต่างที่กัน เพราะเจอกันบ่อยจึงได้พูดคุยทักทายกัน ในที่สุดก็ชวนกันเที่ยวไปโดยปริยาย


ก่อนจะล้มตัวลงนอนตฤณกรยังคงไม่ลืมที่จะบันทึกเรื่องราวที่เกิดลงในโปสการ์ดเปล่าที่เตรียมมา...   


หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 3 : ถ้าคุณยินดีจะเป็นเพื่อนกับผม)
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 29-11-2013 03:56:28
เช้าวันต่อมาตฤณกรตื่นแต่เช้ามืดเพื่อไปยังสถานที่นัดพบกับบรรดาเพื่อนใหม่ที่ได้พบกันเมื่อวาน ซึ่งวันนี้ทั้งหมดตกลงที่จะเช่ารถรับจ้างเพื่อมุ่งหน้าสู่ปางอุ๋งเพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้น แม้จะไม่ใช่ฤดูหนาวแต่อากาศก็หนาวเย็นเสียจนหลายคนต้องหยิบเอาเสื้อกันหนาวที่เตรียมาเผื่อออกมาสวม รถกระบะคันเก่าที่ถูกแปรสภาพจากรถขนผักมาเป็นรถโดยสารค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปในความมืดฝ่าอากาศหนาวเย็นจนกระทั่งมาถึงปางอุ๋งในตอนใกล้รุ่ง



แสงสีทองของแดดยามเช้ารอดผ่านแนวทิวสนที่ขึ้นอยู่ริมอ่างเก็บน้ำสาดกระทบกับผืนน้ำราบเรียบผสมกับสายหมอกสีขาวจาง ๆ เป็นภาพที่หลาย ๆ คนอดไม่ได้ที่จะยกกล้องขึ้นบันทึกภาพความประทับใจนี้เอาไว้ ตฤณกรนั่งลงที่ผืนหญ้าริมอ่างเก็บน้ำก่อนจะหมุนเลนส์ปรับโฟกัสกล้องเพื่อเก็บภาพตรงหน้านั้นเอาไว้เหมือนกับคนอื่น ๆ รวมถึงการเล่าความประทับใจที่เกิดขึ้นลงในกระดาษใบเล็ก ๆ ผ่านตัวหนังสือและภาพลายเส้นขยุกขยิกที่เกิดจากการตวัดปากกาหมึกซึมสีดำ


หลังจากซึมซับบรรยากาศของปางอุ๋งได้สักพักใหญ่ ทั้งหมดก็เดินทางกลับมายังเมืองปายอีกครั้งก่อนจะแยกย้ายกันไปเพื่อจัดสัมภาระเพื่อเดินทางกลับ บางคนเดินทางต่อไปยังเส้นทางแม่ฮ่องสอน ในขณะที่บางคนเลือกที่จะกลับเข้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่ ตฤณกรยังมีเวลาอยู่ที่ปายอีกหนึ่งคืน และเขาก็ไม่ลืมที่จะแวะไปที่ที่ทำการไปรษณีย์เพื่อส่งโปสการ์ดทั้งหมดที่เขาเขียนเอาไว้  ซึ่งมีโปสการ์ดเพียงใบเดียวเท่านั้นที่ถูกส่งให้ตัวเอง ส่วนที่เหลือเขาจ่าหน้าถึงคนที่เขาอยากจะขอบคุณที่สุดตลอดการเดินทางครั้งนี้... 


 
     

....






“พอดีต้องมาถ่ายงานที่นี่ก็เลยเอามาฝาก” หญิงสาวเจ้าของผมสีน้ำตาลแดงซอยสั้นตามสมัยนิยมเอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นซองกระดาษซองหนึ่งให้ชายหนุ่มร่างสูงในชุดลำลองที่สวมทับด้วยเสื้อสเวตเตอร์สีเทา


“อะไรเหรอครับ” อาทิตย์ทัศน์รับมันมาด้วยความสงสัย


“ของที่แฟนคลับนายเขาส่งมาให้ที่แมสเซนเจอร์ประจำเว็บไง” เธอกล่าวอย่างอารมณ์ดี


“เลยต้องลำบากพี่บก.ผู้น่ารัก” ชายหนุ่มกล่าวยิ้ม ๆ


“ถ้าเกรงใจหรือกลัวว่าพี่จะต้องลำบากก็บอกเขาไปสิจ๊ะว่าเราน่ะจำศีลอยู่ที่ไหน พ่อก้อนหินจำศีล”


“โธ่...พี่อ้อน เมื่อไรจะเลิกเรียกผมแบบนี้เสียทีก็ไม่รู้” อาทิตย์ทัศน์บ่นพรางมองซองสีน้ำตาลในมือ


“ก็จนกว่าก้อนหินจะเปลี่ยนเป็นก้อนเนื้อตรงนี้” หญิงสาวยิ้มพร้อมกับจรดปลายนิ้วชี้ลงที่หน้าอกข้างซ้ายในตำแหน่งหัวใจของชายหนุ่ม “แล้วก็เลิกจำศีลเสียที ตอนนั้นแหละพี่ถึงจะเลิกเรียกจ้าแบบนี้”


“ถ้าอย่างนั้นผมก็คงต้องทนฟังพี่อ้อนเรียกผมแบบนี้ไปเรื่อย ๆ แล้วละครับ” อาทิตย์ทัศน์หัวเราะ


“จ้ะพ่อคุณ ทำพูดดีไปเถอะ” หญิงสาวกล่าวอย่างหมั่นไส้


“ว่าแต่จ้าเถอะ เรียนเป็นยังไงบ้าง”


“ช่วงนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ ค่อย ๆ ปรับตัวไป ปีหน้าคงหนักหน่อยเพราะต้องทำโปรเจคก่อนจบ คงต้องเดินทางไปนู่นมานี่”


“อืม แล้วนี่จะกลับไทยบ้างไหม หรือกลับทีเดียวตอนเรียนจบ”


“ก็ว่าจะกลับทีเดียวเลยครับ แค่สองปีเอง”


“แหม..พูดมาได้ว่าแค่สองปี สองปีก็นานนะจ๊ะสำหรับการรอคอยใครบางคน”


อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้ว “บก.ผู้น่ารักนี่ชอบพูดจาเป็นปริศนาอยู่เรื่อยเลย”





หลังจากแยกกับหญิงสาวผู้ที่เป็นทั้งรุ่นพี่ที่คณะและอดีตหัวหน้างานรวมถึงแมสเซนเจอร์ประจำเว็บที่ใคร ๆ ต่างก็พูดถึงแล้ว อาทิตย์ทัศน์ก็กลับมายังหอพักที่มหาวิทยาลัย เขาทิ้งตัวลงนั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือก่อนจะค่อย ๆ เปิดซองสีน้ำตาลและดึงเอาสิ่งที่อยู่ข้างในออกมา มันเป็นภาพถ่ายสถานที่ท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งกับโปสการ์ดจำนวน 4 ใบที่ด้านหนึ่งเป็นภาพสเก็ทซ์ด้วยปากกาหมึกซึมพร้อมคำบรรยายสั้น ๆ 


‘สวัสดีครับคุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ตอนนี้ผมได้มายืนที่สวนสนบ่อแก้วสมใจแล้วครับ อากาศเย็นมาก ๆ รอบ ๆ ตัวของผมตอนนี้มันเป็นสีเขียวไปหมดเลย’


ที่ท้ายข้อความลงวันที่และชื่อของคนที่ส่งมา...


‘ดีไซเนอร์สุดหล่อ’






‘คุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้า คุณรู้ไหม เมื่อเช้าตอนรอรถเข้าเมืองแม่ฮ่องสอนมีคุณลุงใจดีแวะรับผมด้วยละ คืนนี้คุณให้ผมหาที่พักเอง แต่กว่าจะถึงแม่ฮ่องสอนก็ค่ำแล้ว คุณลุงก็เลยชวนผมไปพักที่บ้าน ยังกับสวรรค์มาโปรดแน่ะคุณ ^^’

‘ดีไซเนอร์สุดหล่อ’



ทันทีที่อ่านข้อความในโปสการ์ดใบนี้จบอาทิตย์ทัศน์ก็เผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว ภาพสเก็ตซ์ในโปสการ์ดใบนี้เป็นภาพของชายวัยกลางคนท่าทางใจดีคนหนึ่ง ซึ่งเขาเดาว่าคงเป็นคุณลุงใจดีที่เจ้าของโปสการ์ดกล่าวถึงแน่ ๆ



‘ผมมาถึงปายแล้ว เจ้าของโฮมสเตย์เล่าว่าคุณกำชับเธอให้เก็บห้องนี้ไว้ให้ผม ไม่แปลกใจเลย คุณคงเคยมาพักห้องนี้สินะ ทำเลมันดีมาก ๆ ผมก็เลยได้ขึ้นไปชมวิวอำเภอปายทั้งหลังอาหารเช้า กลางวัน เย็นเลย’


‘ดีไซเนอร์สุดหล่อ’





“เดาไปเรื่อยเปื่อย ผมไม่เคยพักห้องนั้นเสียหน่อย แต่เพราะมันทำเลดีอย่างที่คุณว่านั่นแหละ......” อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้ารัว ๆ เพื่อสลัดความคิดก่อนจะพิจารณาลายเส้นปากกาบนกระดาษ มันเป็นภาพของชุมชนในมุมสูง ซึ่งเดาได้ว่าเขาคงวาดมันจากบนดาดฟ้าของโฮมสเตย์



‘ใบสุดท้ายแล้วนะคุณ ใบนี้ผมเขียนที่ปางอุ๋งท่ามกลางแสงอาทิตย์อุ่น ๆ หลังจากต้องทนหนาวปากสั่นอยู่ท้ายรถกระบะเป็นชั่วโมง ยังไงก็ต้องขอบคุณคุณมากนะครับสำหรับคำแนะนำดี ๆ ทำให้มันเป็นทริปที่น่าประทับใจสำหรับผม ขอบคุณมากจริง ๆ แอบคิดว่าคุณเป็นที่ปรึกษาที่ดีคุณก็น่าจะเป็นเพื่อนร่วมทางที่ดีด้วย ถ้าได้รู้จักกันมากกว่านี้ผมจะเรียนเชิญคุณมาเป็นเพื่อนร่วมทริปนะครับ ถ้าคุณยินดีที่จะเป็นเพื่อนกับผม’


‘ตฤณกร’



ภาพสเก็ตซ์ในโปสการ์ดใบนี้ไม่ได้เป็นรูปสถานที่แต่มันกลับเป็นรูปของปลายนิ้วมือที่เจ้าของโปสการ์ดวางทาบลงบนกระดาษก่อนจะลากปากกาไปตามแนวของนิ้วมือทั้งห้า อาทิตย์ทัศน์ค่อย ๆ ไล้ปลายนิ้วไปตามแนวระนาบของกระดาษก่อนจะทาบนิ้วมือตัวเองลงไปตามรอยนั้น....



 




....


ขอบคุณที่ติดตามและขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ค่ะ


หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 3 : ถ้าคุณยินดีจะเป็นเพื่อนกับผม)
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 29-11-2013 09:01:02
อยากไปเที่ยวด้วยจัง
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 3 : ถ้าคุณยินดีจะเป็นเพื่อนกับผม)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 29-11-2013 11:52:10
อ่านแล้วเหมือนได้ไปเที่ยวเลยยยย
อยากให้เจอกันเร็วๆแล้ว
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 3 : ถ้าคุณยินดีจะเป็นเพื่อนกับผม)
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 29-11-2013 17:16:52
อ่านแล้วอบอุ่น กรุ่นไอหมอกบางๆ ชอบค่ะ
++ไปเลย :L2:
หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 4 : บางสิ่งที่หายไป)
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 03-12-2013 23:49:31
ตอนที่ 4 บางสิ่งที่หายไป






“เฮ้ย! รูปสวยว่ะ” ชายหนุ่มร่างท้วมที่กำลังเคี้ยวแคบหมูเสียงดังกร้วม กล่าวขณะยืนดูภาพในหน้าจอคอมพิวเตอร์


“รูปที่อัดมาสวยกว่านี้อีก” ตฤณกรกล่าวอย่างภูมิใจ


“อ้าว แล้วไปไหนหมดวะ ไม่เห็นเอามาให้ดู”


“ให้เขาไปหมดแล้ว”


“ให้ใคร”


ตฤณกรได้แต่ยิ้มก่อนจะนึกไปถึงของฝากที่เขาส่งให้เป็นการตอบแทนสำหรับคนนำเที่ยวในทริปนี้ ไม่รู้ว่าป่านนี้จะถึงมือคนรับแล้วหรือยัง...














‘ถ้าได้รับของฝากจากผมแล้วช่วยส่งสัญญาณตอบกลับให้ผมรู้ตัวบ้างนะครับ’ คือข้อความสั้น ๆ หลังรูปใบหนึ่ง อาทิตย์ทัศน์นั่งมองดูรูปภาพสถานที่ท่องเที่ยวที่วางเรียงอยู่บนโต๊ะก่อนจะหยิบรูปใบสุดท้ายที่มีข้อความเขียนอยู่ขึ้นมาก่อนจะพลิกเพื่อดูภาพ



มันเป็นภาพถ่ายตัวเองของผู้ชายคนหนึ่งจากเงาสะท้อนของกระจกหน้าร้านขายของที่ระลึก กล้องที่ถูกยกขึ้นมาอยู่ในระดับสายตาทำให้อาทิตย์ทัศน์เห็นหน้าเขาไม่ถนัดนัก หากประมาณด้วยสายตาความสูงก็คงจะพอ ๆ กับเขาหรืออาจจะสูงกว่า แต่ดูว่าร่างจะหนากว่าเขาเล็กน้อย


มือเรียวค่อย ๆ รวบเก็บรูปภาพและโปสการ์ดทั้งหมดลงในกล่องไม้ใบย่อม ๆ ก่อนจะใส่ไว้ในลิ้นชักข้างโต๊ะเขียนหนังสือ เขาจ้องมองคอมพิวเตอร์โน้ตบุคที่วางอยู่ใกล้ ๆ อย่างตัดสินใจ....







หลังจากทำงานดึก ๆ ดื่น ๆ มาตลอดหนึ่งสัปดาห์ ดีไซเนอร์หนุ่มเพิ่งจะได้นอนพักอย่างเต็มตื่นเมื่อคืนที่ผ่านมา ตฤณกรตื่นขึ้นอีกครั้งในตอนสาย ๆ ของวันเสาร์ เพิ่งจะมีโอกาสได้ทำกิจกรรมของตัวเองบ้างก็ในวันหยุดเช่นนี้ เขาใช้เวลาเกือบครึ่งวันในการจัดการกับเสื้อผ้ากองโตและการเก็บกวาดห้อง ในช่วงหัวค่ำทุกอย่างก็ฌสร็จเรียบร้อย ร่างสูงเดินออกจากห้องน้ำในชุดนอนก่อนจะมาทิ้งตัวลงนั่งที่โต๊ะทำงาน ข้อความขอบคุณสั้น ๆ ที่ถูกส่งมาในกล่องข้อความส่วนตัวจากเจ้าของ username ที่ชื่อว่า ‘ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า’ เมื่อ 2-3 วันก่อนถูกเปิดขึ้นมาอ่านอีกครั้ง มันทำให้ใบหน้าอิดโรยจากการไม่ได้นอนเพราะต้องเร่งแก้งานส่งลูกค้าของเขากลับดูมีชีวิตชีวาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ชายหนุ่มไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่ามันเป็นเพราะอะไร ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าของ username นั้นเป็นใคร แต่เขากลับรู้สึกอยากคุยด้วยและก็มักจะใจเต้นทุกครั้งที่อีกฝั่งส่งข้อความโต้ตอบกลับมา



‘สวัสดีครับ คุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้า เห็นข้อความของคุณหลายวันแล้วแต่เพิ่งมีโอกาสได้ตอบกลับ ขอโทษนะครับ’ ดีไซเนอร์สุดหล่อ


หลังจากนั้นอีกหลายวันทีเดียว...ข้อความหนึ่งก็ถูกส่งกลับมา....


‘คุณไม่จำเป็นต้องตอบหรือขอโทษก็ได้ มันไม่ใช่เรื่องสำคัญ’ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า



พัฒน์มองตฤณกรที่เอาแต่เม้มปากแน่นก่อนจะเตือนเขาเรื่องการประชุมที่จะกำลังจะมีขึ้นในอีกไม่ถึงสิบนาทีข้างหน้า ตฤณกรยังคงอ่านข้อความนั้นซ้ำไปซ้ำมาราวกับว่ามันยาวจนอ่านไม่จบเสียที มือที่วางอยู่บนแป้นพิมพ์คีย์บอร์ดทั้งสองกำแน่น ชายหนุ่มตัดสินใจลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานก่อนจะหอบเอกสารเดินออกจากห้องไป....


หนึ่งสัปดาห์เต็ม ๆ ที่ตฤณกรพยายามจะไม่ใส่ใจข้อความนั้นและพยายามเลิกคิดที่จะตอบกลับตามความต้องการของเจ้าของข้อความ....



‘ผมพยายามจะไม่ตอบกลับแล้วจริง ๆ แต่ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงอยากคุยกับคุณ เอาเป็นว่าคุณอ่านมันเฉย ๆ ก็ได้ เพราะมันก็คงเป็นเรื่องไม่สำคัญอะไรเหมือนกัน ผมก็แค่อยากขอบคุณที่คุณช่วยให้คำแนะนำดี ๆ กับผม ถ้าเป็นไปได้ก็แค่อยากรู้จักคุณให้มากกว่านี้เผื่อว่าเราอาจจะพอเป็นเพื่อนกันได้ ผมก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าเพราะอะไร เอาเป็นว่าคุณไม่จำเป็นต้องบอกเรื่องของคุณให้ผมรู้ก็ได้ แต่ผมแค่อยากจะเล่าเรื่องของผมให้คุณฟัง’ ดีไซเนอร์สุดหล่อ



“บ้ารึเปล่า ท่าทางจะขาดความอบอุ่น” อาทิตย์ทัศน์บ่นกับตัวเองเบา ๆ หลังจากอ่านข้อความยาวยืดที่ถูกส่งมาจนจบ และหลังจากวันนั้นถ้าหากเขามีโอกาสได้เข้าไปยังเว็บบอร์ดเขาก็มักจะพบข้อความส่วนตัวที่ถูกส่งมาจากคน ๆ เดิมเสมอ ถ้าไม่เล่าเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเองก็มักจะบ่นอะไรให้ฟังเป็นคุ้งเป็นแคว แต่อาทิตย์ทัศน์ก็เลือกที่จะไม่ตอบอะไรกลับไปหรือนาน ๆ ทีถึงจะตอบกลับไปสักครั้ง ซึ่งเขาเองไม่รู้เลยว่าเพียงข้อความตอบกลับสั้น ๆ นั้น ก็สามารถทำให้คนที่อีกซีกโลกหนึ่งยิ้มได้ เหตุการณ์ยังคงดำเนินมาอย่างนี้จนกระทั่งเวลาผ่านไปหนึ่งปีกว่า ๆ



‘คุณ..คุณเคยรู้สึกเหนื่อยกับสิ่งที่กำลังทำอยู่บ้างไหม ตอนนี้ผมกำลังเป็นแบบนั้น อยู่ ๆ มันก็รู้สึกเบื่อ ๆ เหนื่อย ๆ อยากจะหนีไปให้ไกล ๆ หรือกดรีโหมตปิดตัวเองไปเสียดื้อ ๆ อืม...คุณคงเบื่อผมเหมือนกันละสิ ชอบมาบ่นอะไรก็ไม่รู้ให้ฟังอยู่เรื่อย  เปลี่ยนเรื่องดีกว่า คุณทำอะไรอยู่น่ะ หน้าหนาวนี้คุณมีแพลนจะไปไหนหรือเปล่าบอกผมหน่อยสิ เผื่อผมจะลอกบ้าง ผมอยากเห็นผมอยากถ่ายรูปวิวพระอาทิตย์ขึ้นสวย ๆ คุณพอจะมีที่แนะนำไหมครับ’ ดีไซเนอร์สุดหล่อ



ข้อความนั้นถูกส่งไปนานจนคนส่งเองแทบจะลืมมันไปแล้ว อยู่ ๆ วันหนึ่งในช่วงกลางฤดูหนาวมันก็ถูกตอบกลับมา....



‘ถ้าเหนื่อยกับงานก็แค่พัก เพราะไม่มีงานอะไรที่ทำแล้วไม่เหนื่อย และถ้าคุณอยากได้ภาพพระอาทิตย์ขึ้นสวย ๆ ก็แค่ตื่นเช้า ๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า พระอาทิตย์ก็อยู่กับคุณทุกวันไม่ต้องไปไหนไกล แค่คุณหยุดมองคุณก็จะเห็นรายละเอียดของสิ่งต่าง ๆ รอบ ๆ ตัวที่คุณอาจจะไม่เคยได้สังเกตเห็นมันเลย’



ข้อความนั้นถูกส่งมาพร้อมกับภาพภาพหนึ่ง มันเป็นภาพถ่ายในยามเช้าบนดอย ใช่...มันต้องเป็นดอยไหนสักดอย มีทางเดินทำด้วยแผ่นไม้วางเรียงไปตามไหล่เขากั้นด้วยแนวรั้วไม้เพื่อกันนักท่องเที่ยวพลัดตก มีดอกหญ้าเล็ก ๆ สีขาวขึ้นปกคลุมเนินเขาที่ค่อย ๆ ลาดลงก่อนที่ทุกอย่างจะถูกกลืนด้วยสายหมอกสีขาว ถ้าใครได้ไปยืนอยู่ข้างบนนั้นคงเหมือนกำลังยืนอยู่บนก้อนเมฆ...



‘แต่ถ้าอยากเห็นอย่างอื่นที่นอกเหนือจากพระอาทิตย์ขึ้น ลองไปที่นี่ดู คิดว่าคงไม่ยากสำหรับคุณ’ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า




“คุ้น ๆ แฮะ” ตฤณกรพึมพำกับตัวเองก่อนจะพยายามนึกชื่อของสถานที่ซึ่งปรากฏในภาพ....








......



‘จ้า ลูกเป็นยังไงบ้าง’



“จ้าสบายดีครับแม่ แล้วแม่ล่ะเป็นยังไงบ้าง ทานข้าวตรงเวลาหรือเปล่า”



คนที่ปลายสายหัวเราะหึ ๆ อย่างอารมณ์ดีก่อนจะกล่าว ‘ลูกไม่ต้องห่วง แม่มีนาฬิกาส่วนตัว เตือนให้ทานข้าวตรงเวลาทุกมื้อ’



อาทิตย์ทัศน์หัวเราะ นึกไปถึงนาฬิกาส่วนตัวที่ผู้เป็นแม่เพิ่งพูดถึงเมื่อครู่ คงไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากน้องสาวบ้านตรงข้ามของเขาเอง



“หนูขวัญแกทำตามที่จ้าสั่งเอาไว้ทุกอย่าง ทั้งมาคุยเป็นเพื่อนแม่ทั้งคอยเตือนให้แม่ทำโน่นทำนี่”



“รู้แบบนี้จ้าก็สบายใจ”



“ช่วงนี้ลูกเป็นยังไงบ้าง เรียนหนักไหม”



“วิชาเรียนเริ่มน้อยลงแล้วละครับ แต่เดี๋ยวจ้าคงไม่ได้คุยกับแม่บ่อย ๆ แล้วนะ จ้าต้องเดินทางไปหลายที่”


‘ไม่เป็นไรลูก ไม่ต้องห่วงแม่นะ’



“ครับ แม่เองก็ดูแลตัวเองด้วยนะ อีกไม่กี่เดือนจ้าก็จะกลับบ้านเราแล้ว”



อาทิตย์ทัศน์วางสายโทรศัพท์จากผู้เป็นแม่ก่อนจะหยิบกล้องติจิตัลตัวเก่งออกมาจากกระเป๋า เขาบรรจงเช็ดเลนส์จนสะอาดเอี่ยมก่อนจะเก็บมันไว้ที่เดิม การออกเดินทางเพื่อเก็บภาพทำโปรเจคก่อนจบการศึกษากำลังจะเริ่มต้นขึ้นในอีกไม่กี่วัน และในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเขาคงได้กลับประเทศไทยเสียที ชายหนุ่มเดินมาทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงนอนหลังจากเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องพัสดุกล่องหนึ่งที่ถูกส่งมาจากประเทศไทยเมื่อวันก่อน ซึ่งก่อนหน้านั้นเขาได้รับอีเมลฉบับหนึ่งซึ่งส่งมาจากน้องสาวบ้านตรงข้าม...



‘พี่จ้า เดี๋ยวขวัญจะส่งของไปให้พี่จ้านะคะ พอดีเมื่อวันก่อนขวัญเจอพี่อ้อน พี่อ้อนบอกว่ามีคนส่งมาให้พี่จ้าค่ะ’


ขวัญ





อาทิตย์ทัศน์หยิบกล่องพัสดุมาวางบนตัก ด้านหน้ากล่องเขียนด้วยลายมือน่ารัก ๆ ที่เขาจำได้ดี ชายหนุ่มยิ้มก่อนจะค่อย ๆ เกาะกระดาษสีน้ำตาลออก เมื่อเปิดกล่องเขาก็พบซองกระดาษสีน้ำตาลซองหนากับกระดาษโน้ตแผ่นเล็ก ๆ แผ่นหนึ่งมีข้อความสั้น ๆ เขียนไว้



‘พี่อ้อนเอาของพวกนี้มาฝากไว้กับขวัญค่ะ ตอนแรกขวัญตั้งใจว่าจะเอาให้จ้าทีเดียวตอนกลับไทย แต่คิดไปคิดมาขวัญว่าคนที่เขาส่งมาให้เขาก็คงอยากให้ถึงมือคนรับไว ๆ ขวัญก็เลยส่งมาให้ก่อนดีกว่า ขอโทษนะคะที่ดองเอาไว้นานไปหน่อย’


ขวัญ



‘ปล. ขวัญไม่ได้แอบอ่านนะ มันบังเอิญเห็น ^^ รู้สึกว่าแฟนคลับคนนี้เขาจะอยากรู้จักพี่จ้าจริง ๆ นะคะ’




“หึ ... จอมยุ่งเอ๊ย! แอบอ่านหมดแล้วละสิ” อาทิตย์ทัศน์กล่าวกับตัวเองขณะค่อย ๆ เปิดซองสีน้ำตาลออก เขาพบว่าข้างในเต็มไปด้วยโปสการ์ดและภาพถ่ายที่ถูกส่งมาจากที่ต่าง ๆ ซึ่งถูกมัดแยกกันด้วยเชือกปอหลากสีมีกระดาษโน้ตเล็ก ๆ เขียนกำกับเอาไว้ว่าโปสการ์ดแต่ละมัดถูกส่งมาเมื่อใดซึ่งคงเป็นฝีมือของของสาวตัวดีของเขาแน่ ๆ  บางมัดเป็นโปสการ์ดที่ถูกประทับตราตั้งแต่เมื่อเกือบหนึ่งปีที่แล้ว ชายหนุ่มค่อย ๆ แก้เชือกที่มัดโปสการ์ดออกก่อนจะเริ่มอ่านมันทีละใบ....



‘ผมไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหนไกล ๆ สักเท่าไร ทั้งที่อยากจะส่งโปสการ์ดให้คุณบ้างแต่ก็ทำได้ดีที่สุดแค่นี้แหละ’ นอกจากข้อความสั้น ๆ บนโปสการ์ดแล้วยังมีภาพสเก็ตซ์ของทิวทัศน์ของแม่น้ำกว้างใหญ่ที่สองฝั่งเต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่อง และถ้าอาทิตย์ทัศน์คาดเดาไม่ผิด เจ้าของโปสการ์ดใบนี้คงนั่งสเก็ตซ์ภาพจากบนรถไฟฟ้าขณะข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นแน่
 


‘ผ่านมา 1 ปีแล้วนะคุณ คุณจะว่าผมบ้าไหม ถ้าผมจะบอกว่าผมกลับไปที่สวนสนบ่อแก้วอีกครั้ง จริง ๆ นะ ผมกลับมาที่นี่อีกจริง ๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ผมแวะไปหาคุณลุงที่เคยแวะรับให้ผมติดรถแกไปลงที่แม่ฮ่องสอน ลุงแกก็ยังแข็งแรงแล้วก็ขับรถขนผักมาส่งที่เชียงใหม่เหมือนเดิม’ อาทิตย์ทัศน์มองดูรูปรูปสเก็ตซ์ลูกสนในโปสการ์ดก่อนจะดึงภาพถ่ายจำนวนมากที่ซ้อนอยู่ด้านหลังออกมาดู ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นภาพของชายวัยกลางคนท่าทางใจดีที่กำลังยืนเต๊ะท่าหล่อยิ้มแฉ่งอยู่ท่ามกลางแปลงผักสีเขียวสดสุดลุกหูลุกตา



‘ไม่รู้ว่าคราวก่อน ๆ คุณจะได้รับโปสการ์ดที่ผมส่งให้ไหม ไม่เห็นคุณส่งสัญญาณอะไรให้ผมรู้ แต่ไม่เป็นไร ภาวนาให้คุณได้รับใบนี้ก็แล้วกัน หน้าฝนแบบนี้เวลาเขียนโปสการ์ดถึงคุณ ผมแอบกลัวเหมือนกันว่ากว่ามันจะไปถึงมือคุณมันจะเปียกฝนเสียก่อน’


อาทิตย์ทัศน์ยิ้มบาง ๆ ให้โปสการ์ดที่แทบจะดูไม่เป็นโปสการ์ดใบนี้ หมึกดำที่โดนน้ำฝนเละเทอะเต็มไปหมดจนดูแทบไม่ออกว่าเขาสเก็ตซ์ภาพอะไรส่งมาให้ยังดีที่ข้อความที่เขียนมายังพออ่านหรือเดาได้บ้าง ชายหนุ่มอ่านโปสการ์ดทีละใบโดยไม่ได้สนใจเวลาที่ผ่านไปนานเท่าไร ในที่สุดเขาก็แกะโปสการ์ดและรูปถ่ายมัดสุดท้ายที่มีโน้ตเล็ก ๆ เขียนกำกับเอาไว้ว่าถูกส่งมาเมื่อช่วงกลางเดือนมกราคมออกมา....






‘ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะครับ จริงอย่างคุณว่าไม่มีงานอะไรที่ทำแล้วไม่เหนื่อย ถ้าเหนื่อยก็แค่หยุดพัก แต่มันทำให้ผมกลายเป็นหนุ่มขี้เหงายังไงก็ไม่รู้แฮะ ตื่นเช้ากว่าปกติเพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้น ส่วนตอนเย็นก็ยืนมองพระอาทิตย์ตกจากบนสถานีรถไฟฟ้า ชีวิตในกรุงเทพฯ ทำให้ผมไม่ได้ทำแบบนี้นานแล้ว ทั้ง ๆ ที่ดวงอาทิตย์อยู่กับผมทุกวันแต่ผมก็ไม่เคยเงยหน้าขึ้นมองมันเลย อ้อ..แล้วก็ต้องขอบคุณสำหรับแรงบันดาลใจในการทำงานของผมนะครับ กิ่วแม่ปานทำให้ผมได้เห็นอะไรที่มากกว่าพระอาทิตย์ขึ้นจริง ๆ อากาศบนดอยอินทนนท์นี่หนาวน่าดู ผมไปทันดอกนางพญาเสือโคร่งบานพอดีก็เลยเก็บภาพสวย ๆ มาฝากคุณด้วย หวังว่าคุณจะชอบมันนะ’



เป็นเรื่องราวจากโปสการ์ดใบสุดท้าย...
โปสการ์ดใบนี้เต็มไปด้วยข้อความก็เลยไม่มีที่เหลือพอสำหรับสเก็ตซ์ภาพ เจ้าของโปสการ์ดจึงชดเชยด้วยการส่งภาพถ่ายต้นนางพญาเสือโคร่งที่ขึ้นอยู่ริมถนนผลิดอกสีชมพูปกคลุมเต็มไปหมดจนแทบมองไม่เห็นใบรวมถึงภาพถ่ายของบรรดาพรรณไม้และสถานที่ที่สำคัญต่าง ๆ บนดอยอินทนนท์มาแทน...



โปสการ์ดจำนวนมากและภาพถ่ายนับร้อยที่บอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ถูกส่งมาจากคนเพียงคนเดียว แม้จะมีบางใบที่ไม่ได้ลงชื่อแต่อาทิตย์ทัศน์ก็รู้ดีว่าคนที่ส่งมาคือใคร นี่จึงเป็นอีกครั้งที่อาทิตย์ทัศน์ตัดสินใจส่งข้อความสั้น ๆ กลับไปขอบคุณคนที่ส่งมา...






หลายเดือนต่อมา...



“คุณหายไปไหนของคุณนะ” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุคบ่นพึมพำกับตัวเองในขณะที่มือยังคงคลิกเมาส์ ดวงตาคมภายใต้กระจกแว่นสายตาจ้องเขม็งไปที่หน้าจอในขณะที่คิ้วหนาเริ่มขมวดเข้าหากัน เขาคลิกอ่านข้อความเก่า ๆ ที่ถูกส่งออกไปหาใครคนหนึ่งซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ก็ไม่มีข้อความใด ๆ ถูกส่งกลับมาตั้งแต่เมื่อหลายเดือนก่อน


ตฤณกรตัดสินใจตั้งกระทู้หนึ่งขึ้นแม้จะรู้ดีถึงผลที่จะเกิดขึ้นก็ตาม....


‘มีใครพอจะทราบบ้างไหมครับว่าคุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้าหายไปไหน’ เขียนโดย ดีไซเนอร์สุดหล่อ


เป็นไปตามที่เขาคาดเดา เพียงไม่กี่นาทีให้หลัง กระทู้ที่เขาตั้งก็มคนเข้ามาตอบยาวเป็นหางว่าว


‘อุ๊ยตาย! กระทู้ตามหาคน’ เขียนโดย โปรแกรมมั่ว


‘คุณโปรแกรมมั่วพิมพ์ขาดรึเปล่าคะ ต้องเป็นตามหาคนรักรึเปล่า’ เขียนโดย คนช่างคิด


‘กระทู้ในตำนานรึเปล่าครับนี่’ เขียนโดย ผมบังเอิญผ่านมา


‘จะว่าไปก็หายไปนานแล้วนะครับ’ หัวหน้าแก๊งค์เที่ยว


‘ใช่ ๆ หายไปไหนก็ไม่รู้นะคะ คิดถึงคำพูดสั้น ๆ แต่อ่านแล้วอบอุ่นของเจ้าของชื่อนี้จัง’ เขียนโดย ฤทธิ์คัตเตอร์บิ่น


.
.
.






“เป็นอะไรพี่ตัง ทำหน้ายังกับท้องผูก” ดีไซเนอร์รุ่นน้องที่เดินมานั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะทำงานเอ่ยขึ้น


“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก” ตฤณกรตอบส่ง ๆ


“ไม่มีอะไรก็ดีพี่ เย็นนี้พี่ว่างไหม ไปหาข้าวกินกันไหมพี่”


ตฤณกรหรี่ตามองคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามอย่างตัดสินใจ....





“นี่เหรอวะข้าว” ตฤณกรมองดูน้ำสีอำพันที่ถูกรินจากเหยือกลงสู่แก้วทรงสูงอย่างรวดเร็วจนฟองสีขาวล้นออกจากปากแก้ว


“ก็นี่ไงพี่ ข้าวบาร์เลย์ และเพื่อให้กินง่ายเขาก็เลยทำเป็นแบบน้ำ ไม่ต้องเคี้ยวแถมคล่องคอ” หนุ่มหน้าตี๋หัวเราะ


“แกนี่มันแถไปเรื่อยนะกอล์ฟ” ตฤณกรกล่าวก่อนจะยกกระป๋องน้ำอัดลมขึ้นดื่ม


“แหมพี่ คิดเสียว่ามากินเป็นเพื่อนน้องก็แล้วกัน เนอะพี่พัฒน์”


“ไม่ต้องมาเนอะเลยเอ็ง ก็รู้อยู่ว่าไอ้ตังมันแพ้แอลกอฮอล์ กินเข้าไปมีหวังผื่นขึ้น”


“แพ้ขนาดผื่นขึ้นนี่ แพ้ของถูกหรือเปล่าพี่”


“ไอ้บ้า แพ้จริง ๆ วุ้ย” ตฤณกรกล่าว


“อ่อ ๆ ผมคิดว่ากินของถูกไม่ได้ เดี๋ยวคัน”


“เฮ้ย ๆ เอ็งน่ะทำเป็นพูดเล่นไป ไอ้ตังมันแพ้ของมันจริง ๆ นะ ข้ายังจำได้ติดตา เมื่อตอนรับน้องที่รุ่นพี่บังคับให้กินเบียร์น่ะ ไอ้ตังจิบเข้าไปหน่อยเดียวหันมาอีกทีผื่นเห่อขึ้นเต็มตัวต้องรีบพาส่งโรงพยาบาล รุ่นพี่นี่หน้าซีดยังกับไก่ต้มสามน้ำ”


“ยังไงวะพี่พัฒน์ ไอ้ไก่ต้มสามน้ำที่ว่าน่ะ”


“ก็ต้มจนซีดแล้วซีดอีก ยังกับต้มมาสักสามน้ำน่ะสิ”


“พูดเวอร์ไปแล้วไอ้พัฒน์” ตฤณกรปราม


“ต้องขู่มันไว้ก่อน มันจะได้ไม่กล้าแกล้งแกไงไอ้ตัง เพราะแกมันผู้ชายบอบบาง” พูดจบชายหนุ่มร่างท้วมก็หัวเราะ



ขณะที่สามหนุ่มกำลังนั่งดื่มเครื่องดื่มกันอยู่ที่โต๊ะซึ่งตั้งอยู่ริมระเบียงของร้านอาหารแห่งหนึ่งริมแม่น้ำเจ้าพระยาก็มีสองหนุ่มสาวเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะข้าง ๆ


“อ้าว สวัสดีครับพี่อ้อน พี่ใหญ่” กอล์ฟเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกมือไหว้สองคนที่นั่งลงที่โต๊ะเรียบร้อยแล้ว


“ว่ายังไงจ๊ะ ลมอะไรหอบข้ามมาถึงฝั่งธนได้” หญิงสาวผมซอยสั้นกล่าวอย่างอารมณ์ดีขณะรับเมนูอาหารจากพนักงานเสิร์ฟ


“วันนี้ว่าง ๆ ก็เลยชวนพี่ที่ทำงานมาหาอะไรทานน่ะครับ” หนุ่มหน้าตี๋กล่าว “เอ้อ ผมลืมแนะนำเลย พี่พัฒน์ พี่ตัง นี่พี่อ้อนกับพี่ใหญ่ คนที่ทำเว็บที่ผมแนะนำให้พวกพี่เข้าไปเป็นสมาชิกไงครับ”


พัฒน์พยักหน้าในขณะที่ตฤณกรวางกระป๋องน้ำอัดลมลงก่อนที่ทั้งคู่จะยกมือไหว้ทักทายคนทั้งสอง


“ไม่ต้องไหว้ก็ได้ครับน้อง” ชายหนุ่มร่างบึกบึนเจ้าของเคราแพะกล่าว


“พี่มีอะไรข้องใจถามพี่สองคนเขาได้นะ”


“แต่ห้ามถามนะจ๊ะว่าเจ้าของล็อกอินชื่อนั้นชื่อนี้เป็นใคร” หญิงสาวกล่าว


“ทำไมล่ะครับ” ตฤณกรถามด้วยความสนใจ


“มันเป็นความลับจ้ะ พวกพี่บอกไม่ได้ นอกจากเจ้าของเขาจะแนะนำตัวเอง” เธอกล่าวก่อนจะหันไปสบตาชายหุน่มที่มาด้วยกันซึ่งกำลังพยักหน้าเห็นด้วย


“งั้นผมไม่ถามว่าเขาเป็นใคร แต่ผมขอถามว่าเขาหายไปไหนได้ไหมครับ” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับขยับแว่นสายตาเล็กน้อย


“ใครเหรอจ๊ะ”


“เจ้าของล็อกอินที่ชื่อว่า ถ้าเธอเป็นท้องฟ้าน่ะครับ”


หญิงสาวโต๊ะตรงข้ามมองเขาอย่างแปลกใจก่อนจะหันไปยิ้มให้คนที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกัน


“ทำตัวให้แฟนคลับเป็นห่วงนะเจ้าของชื่อนี้น่ะ” ชายหนุ่มร่างบึกบึนยิ้ม


“ช่วงนี้คงเรียนหนักมั้งจ๊ะ”


“เรียนเหรอครับ”


“จ้ะ เห็นว่าไปเรียนต่อต่างประเทศน่ะ เดี๋ยวปลายปีนี้ก็คงกลับมาแล้วละมั้ง” หญิงสาวกล่าวทิ้งท้ายก่อนจะลงมือจดรายการอาหาร....





หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 5 : ลิ้นชักแห่งความทรงจำ)
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 04-12-2013 02:58:15
ตอนที่ 5 ลิ้นชักแห่งความทรงจำ






วันหนึ่งในปลายฤดูหนาว...


การกลับมาหลังจากสำเร็จการศึกษาของลูกชายนำพาความปลื้มปิติมาสู่ผู้เป็นแม่ไม่น้อย อาหารมื้อเย็นถูกเตรียมเอาไว้รอท่าตั้งแต่เมื่อช่วงบ่าย ในที่สุดบ้านหลังเล็ก ๆ กำลังจะกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง อรนุชยืนมองรูปภาพของผู้เป็นสามีที่ติดอยู่บนผนังพร้อมกับยิ้ม ไม่นานแท็กซี่คันหนึ่งก็แล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน เมื่อหญิงวัยกลางคนผู้เป็นเจ้าของบ้านเดินออกไปที่นอกประตู เธอก็เห็นชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งรีบเปิดประตูฝั่งคนขับลงมาก่อนจะเดินตรงไปเปิดท้ายรถเพื่อจัดการดึงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ลงมาวางที่พื้น ทันทีที่รถแท็กซี่ค่อย ๆ เคลื่อนออกไปร่างสูงที่คุ้นตาของอรนุชก็ปรากฏขึ้น เขาเปิดประตูก่อนจะเดินลากกระเป๋าตรงเข้ามายังที่ที่เธอยืนอยู่ อาทิตย์ทัศน์ยิ้มหน้าบานก่อนจะวางกระเป๋าแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปสวมกอดผู้เป็นแม่ทันที


“นึกว่าเสียงรถใครมา ที่แท้ก็ตาจ้านี่เอง” เสียงแขกผู้มาเยือนที่ดังขึ้นทำให้สองแม่ลูกต้องหันกลับไปมอง อาทิตย์ทัศน์ค่อย ๆ คลายวงแขนออกก่อนจะยกมือไหว้ดารณีที่เดินจูงมือกันมาพร้อมกับจอมขวัญผู้เป็นลูกสาว


“สวัสดีครับป้าดา”


หญิงวัยกลางที่อายุมากกว่าแม่ของเขายกมือขึ้นรับไหว้ รอยยิ้มของเธอยังคงดูเป็นมิตรไม่เคยเปลี่ยนแปลง “ไหว้พระเถอะจ้ะ”



“ไม่เห็นพี่จ้าบอกขวัญเลยว่าจะกลับวันนี้ ขวัญจะได้ขับรถไปรับที่สนามบิน” สาวร่างเล็กบ่น


“พี่ไม่อยากให้ขวัญต้องลำบากน่ะ พี่นั่งแท็กซี่มาเองก็ได้” อาทิตย์ทัศน์กล่าว


อรนุชถือโอกาสชวนดารณีและจอมขวัญอยู่รับประทานอาหารเย็นด้วยกัน หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว อาทิตย์ทัศน์ก็จัดการลากกระเป๋าขึ้นไปเก็บบนห้องก่อนจะรื้อเอาของฝากออกมาให้คนที่กำลังนั่งตาแป๋วมองดูเขาจากบนเตียงอย่างไม่วางตา


“พี่จ้าอ้วนขึ้นหรือเปล่าคะ” จอมขวัญกล่าวพร้อมกับจ้องมองพวงแก้มของชายหนุ่มซึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ที่พื้น


“ขวัญทักพี่แบบนี้ก็คงจะอ้วนขึ้นจริง ๆ นั่นแหละ”


“ขวัญว่าแบบนี้กำลังดีนะ ไม่ผอมเป็นกุ้งแห้งเหมือนเมื่อก่อน กลับไปสอนคราวนี้รับรองว่าสาว ๆ กรี๊ดกว่าเก่าแน่ค่ะ”


“ว่าไปนั่น” ชายหนุ่มกล่าวก่อนจะเม้มริมฝีปากบางเล็กน้อยในขณะที่ตาคมยังคงมองหาบางสิ่ง “อ่ะนี่ พี่ซื้อมาฝาก” เขากล่าวหลังจากหยิบถุงกระดาษใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเดินทางและส่งให้จอมขวัญ


หญิงสาวรับถุงกระดาษนั้นมาเปิดดูก่อนจะร้องขึ้นด้วยความดีใจ “โอ้โห....ขวัญกำลังอยากได้อยู่พอดีเลยค่ะพี่จ้า ที่เมืองไทยหาซื้อไม่ได้เลย”


“ตั้งแต่อัลบั้มแรกเลยนะ”


“จริงด้วย” คนตัวเล็กยิ้มพร้อมกับหยิบซีดีของศิลปินที่กำลังได้รับความนิยมแห่งเกาะอังกฤษอยู่ในขณะนี้ออกมาวางเรียงกันบนที่นอนพร้อมกับฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี


“ส่วนนี่น้ำหอม พี่ซื้อมาฝากป้าดา ขวัญอย่าลืมเอากลับไปด้วยนะ” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะวางถุงกระดาษอีกใบลงบนเตียง


“แล้วของแฟนคลับล่ะ ไม่มีเหรอคะ” จอมขวัญเอ่ยขึ้นขณะค่อย ๆ บรรจงเก็บแผ่นซีดีลงในถุงกระดาษตามเดิม


“แฟนคลับ?” ชายหนุ่มทวนคำ คิ้วหนาค่อย ๆ ขมวดเข้าหากันเล็กน้อยจนคนที่นั่งอยู่บนเตียงอดยิ้มไม่ได้


“ก็คนที่ส่งโปสการ์ดให้พี่จ้าบ่อย ๆ ไงคะ อืม....” หญิงสาวทำท่าคิด “คุณดีไซเนอร์สุดหล่อ”


อาทิตย์ทัศน์ยืนขึ้นเต็มความสูงพร้อมกับคว้ากล่องเหล็กใบย่อม ๆ ใบหนึ่งติดมือไปด้วย เขาเดินถือมันไปวางลงบนโต๊ะทำงานก่อนจะหันกลับมากล่าวกับหญิงสาวที่นั่งยิ้มแป้นอยู่บนเตียง “แฟนคลับอะไรกัน พูดไปเรื่อยเปื่อย”


“แหม...ขวัญแซวเล่นแค่นี้ ทำไมพี่จ้าต้องทำเสียงเข้มกลบเกลื่อนด้วยคะ” จอมขวัญหัวเราะ “ว่าแต่ที่เขาอุตส่าห์ตั้งกระทู้ตามหาตัวเองน่ะรู้บ้างหรือเปล่า”


“กระทู้ตามหาเหรอ”


“ใช่ค่ะ คุณดีไซเนอร์สุดหล่อเขาตั้งกระทู้ตามหาคุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้า แต่ว่าคุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้าก็ไม่ส่งข่าวให้รู้เลย”


“พี่ทำโปรเจค ต้องเดินทางบ่อย ๆ ไม่ได้ใช้อินเทอร์เน็ตเลย” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะเดินกลับมานั่งลงที่เดิม


“แล้วพี่จ้าไม่อยากรู้เหรอคะว่าเขาเป็นใคร”


ชายหนุ่มที่กำลังรื้อเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าชะงักก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาว เขาทำเพียงการส่ายหน้าช้า ๆ แทนคำตอบ


“ใจร้ายจัง” จอมขวัญพึมพำ


“ตัวเองอยากรู้ละสิ” อาทิตย์ทัศน์กล่าวอย่างรู้ทัน


“แน่นอนค่ะ ขวัญก็ต้องอยากรู้สิว่าคนที่มาจีบพี่ชายขวัญเป็นใคร”


“จ่งจีบอะไรกัน เรานี่คิดอะไรไปใหญ่โตแล้ว”


“พี่จ้าลองคิดดูสิคะ ใครจะเขียนโปสการ์ดเล่าเรื่องของตัวเองเป็นคุ้งเป็นแควให้คนที่ไม่เคยเห็นหน้ากันฟังได้ตั้งเกือบสองปี ขวัญว่าเขาต้องแอบรู้สึกอะไรบ้างละ”


“เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ถ้ามาคิดทำแบบที่ขวัญว่าก็ตลกแล้ว” อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้วก่อนจะยกนิ้วเรียวชี้ไปที่สาวน้อยที่นั่งอยู่บนเตียง “นี่แสดงว่าอ่านโปสการ์ดของพี่ทุกใบเลยใช่ไหม”


“อะไรกัน ขวัญไม่ได้ทำแบบนั้นเสียหน่อย” จอมขวัญพูดกลั้วหัวเราะก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงพ้อมกับหันไปคว้าถุงกระดาษทั้งสองใบ “ขวัญกลับบ้านดีกว่าจะเอาของฝากไปโพสต์อวดเพื่อน ๆ”


“หนีความผิดตามเคย” อาทิตย์ทัศน์กล่าวพร้อมกับส่ายหน้าช้า ๆ ส่วนจอมขวัญเองก็อดยิ้มไม่ได้ในความรู้ทันของเขา


“คืนนี้อย่าลืมเข้าไปทักทายแฟนคลับบ้างนะคะ ผ่านนี้คงรอเหงือกแห้งแล้ว” หญิงสาวกล่าวก่อนจะกระโดดแผล็วออกจากห้องไป....







หลังจากจัดของเข้าตู้และอาบน้ำเรียบร้อยแล้วอาทิตย์ทัศน์ก็เดินมานั่งลงที่โต๊ะเขียนหนังสือ เขาดึงลิ้นชักออกมาก่อนจะเอื้อมมือลงไปควานหาอะไรบางอย่าง ในที่สุดเขาก็หยิบกรอบรูปตั้งโต๊ะที่มีรูปคู่ของหนุ่มน้อยสองคนในชุดนักเรียนมัธยมออกมาตั้งบนโต๊ะ มันเป็นรูปสมัยเรียนของเขาซึ่งถ่ายคู่กับเพื่อนคนหนึ่ง...เพื่อนที่เขารัก...มากที่สุด...


“จ้า นายว่าคนนั้นน่ารักไหม” หนุ่มน้อยในชุดนักเรียนเอ่ยขึ้นก่อนจะชะเง้อมองหญิงสาวที่กำลังเดินควงคฑาอยู่ริมสนามฟุตบอลท่ามกลางเสียงเชียร์ให้กำลังใจของบรรดาเพื่อนร่วมห้องของเธอ


อาทิตย์ทัศน์ที่กำลังมองภาพตรงหน้าผ่านเลนส์กล้องชะงักก่อนจะหันกลับไปมองตามสายตาของเพื่อน


“ตวง” เขากล่าวเสียงเบา


“อือใช่ ตวงห้องสอง นายว่าน่ารักไหม”


“ก็น่ารักดีนะ” อาทิตย์ทัศน์กล่าวพร้อมกับยกกล้องขึ้นเล็งไปที่คนที่อยู่ห่างกันไม่ไกลนักก่อนจะกดชัตเตอร์


“ถ้าล้างรูปเมื่อไร เอามาให้ดูบ้างนะ”


“อือ”


“นั่น ยัยจอมยุ่งของนายมาโน่นแล้ว” หนุ่มน้อยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กล่าวพร้อมกับบุ้ยปากไปที่เด็กหญิงผมเปียที่กำลังวิ่งถือกระเป๋าตรงมาที่อัฒจรรย์ที่พวกเขานั่งอยู่


“พี่จ้า กลับบ้านกันเถอะ” เด็กหญิงจอมขวัญเอ่ยขึ้นด้วยเสียงสดใส


“บ้านไม่หนีไปไหนหรอกน่ายัยจอมยุ่ง”


เด็กหญิงขมวดคิ้วอย่างขัดใจก่อนจะกล่าว “เค้าชื่อจอมขวัญ ไม่ได้ชื่อจอมยุ่งเสียหน่อย พี่นนท์เรียกให้ดี ๆ นะ”


“พี่กเรียกดีแล้วนี่ไง ก็เรียกให้เข้ากับตัวเธอนั่นแหละ” หนุ่มน้อยณัฐนนท์หัวเราะ


“พี่นนท์บ้า ขวัญไม่คุยกับพี่นนท์แล้ว” เด็กหญิงกล่าวก่อนจะฉุดแขนพี่ชายของเธอให้ลุกขึ้น


“หัวก็ไม่ล้านเสียหน่อย ทำเป็นใจน้อยไปได้”


“พอแล้วนนท์ แหย่น้องอยู่ได้” อาทิตย์ทัศน์ปรามพร้อมกับลุกขึ้นตามแรงของเด็กหญิง


“ว้า..ไม่สนุกเลยโดนจ้าดุอีกแล้ว” เด็กหนุ่มกล่าวพร้อมกับยกมือขึ้นเกาศีรษะ


“แบร่!!!! ไอ้พี่นนท์บ้า” เด็กหญิงจอมขวัญแลบลิ้นปลิ้นตาล้อเลียน


“พอได้แล้วขวัญ กลับบ้านกันเถอะ” อาทิตย์ทัศน์ตัดบทพร้อมกระตุกแขนเด็กหญิงเบา ๆ




....



“จ้า”


เสียงที่ดังขึ้นรั้งให้เด็กหนุ่มต้องหยุดเดินแล้วหันกลับมามอง หนุ่มน้อยที่ยืนเหงื่อชุ่มอยู่ที่กลางสนามบาสโบกมือให้เขาพร้อมกับยิ้ม


“เดี๋ยวพรุ่งนี้แวะเอารายงานไปทำที่บ้านนะ”


“อือ” อาทิตย์ทัศน์พยักหน้าก่อนจะเดินจากไป....




....



เช้าวันต่อมา เสียงกริ่งจักรยานที่ดังขึ้นถี่ ๆ  ทำให้เด็กหญิงที่ง่วนอยู่กับการรดน้ำต้นไม้ที่หน้าบ้านต้องทิ้งสายยางลงกับพื้นก่อนจะเดินไปตามเสียง


“ว่าแล้วเชียว เสียงกริ่งกวนประสาทแบบนี้มีคนเดียว” เด็กหญิงจอมขวัญกล่าวก่อนจะชะเง้อมองหนุ่มน้อยบ้านตรงข้ามที่กำลังเปิดประตูออกมา


“คนเขาอุตส่าห์ซื้อขนมมาฝาก” ณัฐนนท์กล่าวพร้อมกับรั้งถึงใส่ขนมใส่ไส้ที่แขวนอยู่กับแฮนด์จักรยานส่งให้เด็กหญิงที่ยืนอยู่หลังรั้วเตี้ย ๆ


“เอ้า รับไปสิผู้ใหญ่ให้ของ”


“ขอบคุณค่ะ” เด็กหญิงกล่าวพร้อมกับรับมันมาอย่างไม่เต็มใจนัก


“ทะเลาะกันแต่เช้าเลยนะสองคนนี้” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นขณะเดินเข้ามาสมทบ


“ทะเลาะอะไรกัน นี่น่ะรักกันจะตาย จริงไหมยัยจอมยุ่ง”


“ไอ้พี่นนท์บ้า”


“เอาละ ๆ พอได้แล้วทั้งสองคน” อาทิตย์ทัศน์รีบยกมือขึ้นห้ามทัพก่อนจะชวนเพื่อนเข้าบ้าน


“กินอะไรมาหรือยัง” หนุ่มน้อยเจ้าของบ้านเอ่ยขึ้นเมื่อพาเพื่อนมานั่งที่ศาลาในสวนหลังบ้าน


“เรียบร้อยแล้ว” ณัฐนนท์กล่าวพร้อมกับหยิบหนังสือหลายเล่มที่ยืมมาจากห้องสมุดลงบนโต๊ะ


“ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มเลยแล้วกัน” อาทิตย์ทัศน์กล่าว


สองหนุ่มน้อยนั่งทำรายงานเงียบ ๆ จนเกือบใกล้เที่ยง


“วันนี้แม่ไม่อยู่เหรอ ตั้งแต่มายังไม่เห็นแม่เลย” หนุ่มน้อยที่ลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจเอ่ยขึ้น


“อืม...วันนี้แม่ต้องไปช่วยงานที่โรงแรมน่ะ พอดีมีงานเลี้ยงแล้วพ่อครัวที่เป็นหลักเขาลาป่วยกะทันหัน” อาทิตย์ทัศน์กล่าวทั้งที่ยังคงนั่งสรุปความที่ได้อ่านจากหนังสือลงในกระดาษ “ว่าแต่นายเถอะหิวหรือยัง เราจะได้ทำอะไรให้กิน”


“ก็เริ่มหิวเหมือนกันนะ” หนุ่มน้อยยิ้มพร้อมกับยกมือขึ้นลูบท้องตัวเอง เป็นเวลาเดียวกับที่เสียงออดหน้าบ้านดังขึ้น

“ใครมา?” อาทิตย์ทัศน์พึมพำ


“จะเป็นใครได้” ณัฐนนท์กล่าวด้วยใบหน้ามีเลสนัย....







....




“พี่จ้า แม่ให้ขวัญเอาข้าวผัดมาให้ค่ะ” เด็กหญิงที่ยืนอยู่นอกรั้วกล่าวอย่างฉะฉานก่อนจะยื่นหม้อสแตนเลสใบย่อม ๆ ให้ดู


อาทิตย์ทัศน์เปิดประตูให้เด็กหญิงเข้ามาในบ้านก่อนจะรับหม้อจากมือของเธอ กลิ่นหอมของข้าวผัดที่ปะทะเข้ากับปลายจมูกทำให้ท้องของสองหนุ่มน้อยดังขึ้นแข่งกันทันที


“ทำไมป้าดาให้มาเยอะจัง” อาทิตย์ทัศน์กล่าวเมื่อเปิดฝาหม้อออก


“ก็เห็นว่ามีคนช่วยกิน” เด็กหญิงที่เดินถือจานกับช้อนมาวางบนโต๊ะเอ่ยขึ้นพร้อมกับค้อนให้หนุ่มน้อยที่กำลังก้มหยิบกระบอกน้ำจากตู้เย็น


“แหม...เป็นห่วงเค้าก็บอกมาเถอะ” ณัฐนนท์กล่าวอย่างอารมณ์ดีเมื่อเดินกลับมาที่โต๊ะ


“อะไร ใครห่วง ไม่ได้ห่วงสักหน่อย” เด็กหญิงทำหน้างอ


“พอ ๆ หยุดได้แล้วทั้งสองคน เจอหน้ากันทีไรทะเลาะกันทุกที” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะตักข้าวใส่จาน


บ่ายวันนั้น เด็กหญิงจอมขวัญจึงขลุกอยู่กับพี่ชายทั้งสองของเธอแทนที่จะกลับไปบ้านของตัวเอง


“อ่ะนี่ อัดมาให้แล้ว” อาทิตย์ทัศน์กล่าวพร้อมกับยื่นภาพถ่ายใบหนึ่งให้คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แต่ยังไม่ทันที่ณัฐนนท์จะรับมันมา มือเล็ก ๆ ของจอมขวัญก็ชิงหยิบไปเสียก่อน


“นี่มันพี่ตวงม.สี่ทับสองนี่นา”


“เอามานี่เลยยัยจอมยุ่ง” ณัฐนนท์กล่าวก่อนจะฉกรูปใบนั้นมา


“พี่นนท์ชอบพี่ตวงเหรอ”


“ใช่” หนุ่มน้อยตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “คนอะไร น่ารักสุด ๆ ไม่รู้ว่าบัตรประชาชนนี่เป็นนางฟ้าหรือว่านางสาว”


“แหวะ!”


“อะไร เธออิจฉาเขาเหรอยัยจอมยุ่ง” หนุ่มน้อยที่ในมือถือรูปภาพหรี่ตามองเด็กหญิง


“เชอะ! ใครจะไปอิจฉา ไม่ได้อิจฉาเสียหน่อย” เด็กหญิงทำหน้ามุ่ย





....


สองปีต่อมา...


“เฮ้ยจ้า เราชอบตวงเขาจริง ๆ นะ ชอบมาตั้งแต่ม.สี่แล้วนะเนี่ย นายช่วยคิดหน่อยสิว่าเราจะทำยังไงดี” ชายหนุ่มที่กำลังนั่งมองบรรดานักเรียนหญิงม.ปลายที่กำลังซ้อมรำกันอยู่บริเวณใต้ถุนอาคารเรียนเอ่ยขึ้น


“ก็แล้วจะให้เราช่วยยังไงล่ะ นายชอบเขานายก็เขาไปบอกเขาสิ”


“ไม่กล้าว่ะ”


“ปอดนี่หว่า” เสียงแจ้ว ๆ ที่คุ้นเคยดังแทรกขึ้น จากเด็กหญิงผมเปียสวมชุดนักเรียนคอซองเมื่อสองปีที่แล้วกลายเป็นสาวน้อยในชุดนักเรียนม.ปลายไปเสียแล้ว


“เธอว่าใครยัยจอมยุ่ง”


“ก็ว่าพี่นนท์นั่นแหละ ชอบเขาแล้วยังจะต้องให้เพื่อนช่วยอีก แทนที่จะบอกเขาไปตรง ๆ” หญิงสาวกล่าวก่อนจะนั่งลงใกล้ ๆ


“ก็เขามันดอกฟ้า ส่วนเรามันก็แค่หมาขี่เครื่องบิน”


“เคยได้ยินแต่ดอกฟ้ากับหมาวัด” จอมขวัญขมวดคิ้ว


“ก็หมาวัดมันไม่มีโอกาสเด็ดดอกฟ้าไง แต่ถ้าเป็นหมาขี่เครื่องบินละก็ไม่แน่” ชายหนุ่มยักคิ้ว


“แล้วจะให้ช่วยยังไง” อาทิตย์ทัศน์ถามขึ้น


“ก็นายน่ะทั้งสุภาพ เรียบร้อย ท่าทางดูเป็นมิตร พวกสาว ๆ น่ะ ใคร ๆ ก็ชอบ” ณัฐนนท์กล่าวด้วยแววตาฉายความเจ้าเล่ห์ “นายช่วยไปขอเบอร์ตวงจากเพื่อนเขาให้หน่อยได้ไหม”


“จะบ้าเหรอ” อาทิตย์ทัศน์โวยวาย


“นะ ๆ ถือว่าช่วยเพื่อน”


“เชอะ! กับอีแค่ขอเบอร์ยังไม่กล้าเลย ถ้าอย่างั้นก็ล้มเลิกความคิดจะจีบพี่เขาเถอะ” จอมขวัญเอ่ยขึ้น


“อย่ายุ่งน่ายัยจอมยุ่ง”


“ก็ไม่อยากจะยุ่งหรอก แต่อยากจะเตือนไว้ว่าพี่ตวงน่ะเขามีแต่คนมาจีบ อกหักไปก็ตั้งหลายคนแล้ว พี่นนท์ก็ระวังไว้เถอะ อาจจะอกหักตั้งแต่ยังไม่รู้จักกันก็ได้” จอมขวัญหัวเราะ


“อ้าวทำไมพูดแบบนี้ล่ะ นี่เราเป็นพี่น้องกันหรือเปล่า” ณัฐนนท์ขมวดคิ้ว


“ก็เป็นไง ขวัญถึงได้เตือน”


“ถ้าเป็นพี่น้องกัน จ้าไม่ช่วยพี่เธอก็ต้องช่วย”


“เอ๊า! ทำไมมาตกที่ขวัญล่ะ”


“ก็เธอน่ะมีเพื่อนอยู่ชมรมนาฏศิลป์ตั้งเยอะนี่นา ช่วยขอเบอร์ตวงให้พี่ทีนะ นะๆๆๆๆ”


“เฮ้อ...” จอมขวัญถอนหายใจพร้อมกับมองชายหนุ่มที่กำลังยิ้มให้อย่างอ่อนใจ....




....





“พี่จ้า” หญิงสาวที่นั่งซ้อนท้ายจักรยานเอ่ยขึ้น


“ว่าไง”


“พี่จ้าว่าขวัญจะช่วยพี่นนท์ดีไหม”


“อืม..ก็แล้วแต่ขวัญสิ ถ้าขวัญอยากช่วยก็ช่วย แต่ถ้าไม่อยากช่วยก็พูดกับนนท์ตรง ๆ”


“แล้ว....” หญิงสาวกล่าวก็จะเงียบไป


“แล้วอะไรเหรอ”


“แล้วพี่จ้าล่ะ พี่จ้า.....” จอมขวัญอึกอัก “ขวัญหมายถึง ถ้าเกิดพี่นนท์เขาจีบพี่ตวงติดแล้วสองคนนั้นเขาเป็นแฟนกัน แล้วพี่จ้า....พี่จ้าจะทำยังไง”


“พี่ก็ต้องยินดีสิ เพราะว่านนท์เป็นเพื่อนพี่”


“อืม...” จอมขวัญพยักหน้าเข้าใจ... 







   
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 5 : ลิ้นชักแห่งความทรงจำ)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 04-12-2013 07:09:25
จ้าแอบรักเพื่อนเหรอ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 5 : ลิ้นชักแห่งความทรงจำ)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 04-12-2013 11:11:04
แอบรักเพื่อนชัวร์เลย
กว่าจะรักกันนี่อีกนานเลย
ตังคงตั้งกระทู้อีกหลายกระทู้555
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 5 : ลิ้นชักแห่งความทรงจำ)
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 04-12-2013 15:26:14
แอบรักเพื่อนหรอจ้า
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 5 : ลิ้นชักแห่งความทรงจำ)
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 04-12-2013 20:43:18

เพิ่งได้อ่านไม่กี่ตอนแต่ก็รู้ได้เลยว่านี่แหละคือสิ่งที่รอคอยอยู่

อ่านเรื่องนี้แล้วอินสุดๆเหมือนดูซีรี่ย์ญี่ปุ่นเลยอ่ะ
เพราะมันได้ความรู้สึกเรื่อยๆแต่โรแมนติคมากกกกกกก
ตัวละครมีความผูกพันธ์กัน---กว่าจะได้เจอกัน---กว่าจะรักกันได้

ดีใจจริงๆที่ได้อ่านเรื่องดีๆเรื่องนี้
ถ้าไม่ท้อไปซะก่อนรบกวนช่วยลงจนจบนะจ๊ะ
ข้าพเจ้าขอสัญญาว่าจะตามเม้นท์ให้จนจบเรื่องเลย
รับรองด้วยเกียรติของลูกเสือสามัญ-เนตรนารีและยุวกาชาด

+ 1 + เป็ดจ้า
หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 6 : ช่วงเวลาแห่งการจากลา)
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 05-12-2013 07:11:17
ตอนที่ 6 ช่วงเวลาแห่งการจากลา





เสียงเพลงบรรเลงจากวงโยธวาทิตของโรงเรียนในทุก ๆ เย็น เตือนให้ทุกคนรู้ว่าการแข่งขันกีฬาสีกำลังจะมาถึง ลมหนาวในปลายเดือนธันวาคมทำให้หลาย ๆ คนต้องหยิบเสื้อกันหนาวที่ถูกพับเก็บไว้ในตู้ตั้งแต่เมื่อต้นฤดูร้อนปีก่อนออกมาสวม ที่กลางสนามเต็มไปด้วยนักกีฬาที่กำลังซ้อมทั้งฟุตบอล กรีฑา รวมถึงเหล่าหนุ่ม ๆ สาว ๆ ซึ่งรับหน้าที่เป็นคฑากรประจำสีของตัวเอง อาทิตย์ทัศน์มองดูภาพที่คุ้นตาผ่านเลนส์กล้องถ่ายรูปตัวโปรดจากบนอัฒจรรย์ข้างสนามพร้อมกับลั่นชัตเตอร์เพื่อบันทึกภาพเหตุการณ์เหล่านั้นเอาไว้ เพราะนี่เป็นปีสุดท้ายที่เขาจะได้สัมผัสถึงบรรยากาศสนุกสนานอบอุ่นแบบเพื่อนฝูงเช่นนี้


แม้จะเป็นปีสุดท้ายของการเรียนในโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา แต่ชีวิตของอาทิตย์ทัศน์ก็ยังดำเนินไปเหมือนเดิม เขายังคงตั้งใจเรียนเสมอต้นเสมอปลายเพื่อจะได้ไม่ต้องโหมอ่านหนังสือสอบอย่างเอาเป็นเอาตายเมื่อใกล้สอบ เขายังคงร่วมกิจกรรมต่าง ๆ กับทางโรงเรียนอย่างสม่ำเสมอแม้ว่านี่จะเป็นช่วงเวลาของการเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็ตาม ซึ่งในปีนี้เขาได้รับมอบหมายให้ช่วยกันกับเพื่อน ๆ ทำหนังสือรุ่นเพื่อแจกให้แก่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกที่กำลังจะสำเร็จการศึกษาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า



สำหรับอาทิตย์ทัศน์ถ้าจะมีบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิมก็คงจะมีเพียงสิ่งเดียว....


ชายหนุ่มลดกล้องลงก่อนจะมองกระเป๋านักเรียนใบหนึ่งที่วางอยู่ข้าง ๆ ซึ่งเจ้าของกระเป๋ามาฝากมันไว้สักพักใหญ่ ๆ เมื่อช่วงเลิกเรียนก่อนจะวิ่งไปรวมกับเพื่อน ๆ ที่กลางสนามเพื่อซ้อมฟุตบอล ยิ่งแตดร่มลมตกคนในสนามยิ่งมีจำนวนมากขึ้น ชายหนุ่มร่างสูงในชุดนักเรียนชายเสื้อหลุดลุ่ยที่ยืนเด่นอยู่กลางสนามโบกมือให้สาวน้อยที่นั่งรวมอยู่กับเพื่อน ๆ ของเธอที่ใต้ต้นหูกวางริมสนามฝั่งตรงข้ามกับอัฒจรรย์ก่อนจะหันมาประจัญหน้ากับผู้รักษาประตูฝ่ายตรงข้าม เขาขยับตัวหลอกจนผู้รักษาประตูพุ่งไปผิดทางก่อนจะเตะลูกฟุตเข้าประตูโดยไม่ต้องออกแรงมาก เพื่อน ๆ ในทีมต่างวิ่งกรูกันเข้ามาแสดงความยินดีพร้อมกับสัญญาณนกหวีดเป่าหมดเวลาการแข่งขัน


ชายหนุ่มที่เนื้อตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อวิ่งกลับเข้ามาที่อัฒจรรย์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก่อนจะรับขวดน้ำเย็นที่อาทิตย์ทัศน์ส่งให้ไปเปิดดื่มแก้กระหาย


“เบา ๆ สิ เดี๋ยวก็สำลักหรอก” เจ้าของขวดน้ำเอ่ยขึ้น


“ฮ่า.....ชื่นใจ” ณัฐนนท์กล่าวก่อนจะเทน้ำราดลงบนศีรษะของตัวเอง


“แล้วนี่จะกลับเลยหรือเปล่า” อาทิตย์ทัศน์ถามพร้อมกับยื่นผ้ขนหนูให้เขา


ณัฐนนท์รับผ้าขนหนูมาซับเหงื่อก่อนจะส่ายหน้ารัว “เดี๋ยวต้องไปส่งตวงที่บ้านน่ะ สัญญากับตวงไว้แล้ว”


คำตอบของคนร่างสูงตรงหน้าทำให้อาทิตย์ทัศน์ได้แต่พยักหน้ารับ


“ไปก่อนนะ” ชายหนุ่มกล่าวขณะตวัดผ้าขนหนูพาดบ่าและไม่ลืมคว้ากระเป๋านักเรียนเดินผิวปากอารมณ์ดีก่อนจะตัดข้ามสนามฟุตบอลไปที่ฝั่งตรงข้าม



วันต่อมา...


จอมขวัญมองดูสองหนุ่มสาวที่กำลังนั่งกินข้าวด้วยกันที่มุมหนึ่งในโรงอาหารก่อนจะหันกลับมาพูดกับคนที่กำลังนั่งกินข้าวเงียบ ๆ ตรงหน้าพร้อมกับวางช้อนและส้อมในมือด้วยความรู้สึกเซ็งในอารมณ์


“เชอะ! พอมีแฟนแล้วก็ลืมเพื่อน”


“ช่างเขาเถอะน่าขวัญ เขาจะยังไงมันก็เรื่องของเขา เรากินข้าวของเราดีกว่า” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นก่อนจะเหลือบมองสองคนนั้นเล็กน้อย


“โธ่...ถ้าขวัญรู้ว่าจะเป็นแบบนี้นะ ขวัญไม่ช่วยพี่นนท์หรอก”


“อย่าคิดอย่างนั้นสิ นนท์ก็ดีกับขวัญไม่ใช่เหรอ”


“มันก็ใช่แหละ แต่ขวัญไม่ชอบที่พี่นนท์เป็นแบบนี้นี่นา” จอมขวัญกล่าวก่อนจะหันไปมองสองคนนั้นอีกครั้ง “จีบดาวโรงเรียน ระวังเหอะจะอกหักเพราะดาวโรงเรียน”


“เอ้า! ยังจะไปแช่งเขาอีก” อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้วยิ้ม ๆ


“ขวัญไม่ได้แช่งสักหน่อย ขวัญน่ะเตือนพี่นนท์แล้วพี่นนท์ก็ไม่เชื่อ”


“เอาน่า เพื่อนมีความสุข เราเป็นเพื่อนเราก็ต้องยินดีสิ” อาทิตย์ทัศน์ยิ้ม


“พ่อพระไม่มีใครเกินพี่จ้าเลยจริง ๆ” สาวน้อยที่นั่งฝั่งตรงข้ามทำหน้ามุ่ย


หลังจากผ่านเทศกาลปีใหม่และการสอบกลางภาคไม่นานการแข่งขันกีฬาสีภายในโรงเรียนก็เริ่มต้นขึ้น อาทิตย์ทัศน์ได้รับหน้าที่ให้เป็นเหยี่ยวคอยถ่ายภาพและรายงานสถานาการณ์การแข่งขันในแต่ละสนาม ภาพชายหนุ่มในชุดนักเรียนสวมทับด้วยเสื้อกันหนาวมีฮูทสะพยกล้องดิจิตัลตัวใหญ่ที่วิ่งไปวิ่งมาทั่วโรงเรียนจึงเป็นภาพที่คุ้นตาทุกคน


“เฮ้ยจ้า ถ่ายรูปคู่ให้เรากับตวงหน่อยสิ” ชายหนุ่มในชุดนักเรียนร้องขึ้นก่อนจะคว้าแขนอาทิตย์ทัศน์เอาไว้ก่อนจะออกแรงรั้งให้เขาเดินตามเข้าไปบริเวณที่วงโยธวาทิตของโรงเรียนกำลังตั้งแถว บรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองต่างก็มาถ่ายรูปบุตรหลานของตัวเองทำให้บริเวณนั้นแออัดไปด้วยผู้คน


“เดี๋ยวนนท์ให้จ้าถ่ายรูปคู่ให้นะ” ณัฐนนท์กล่าวกับคฑากรสาวสวยในชุดกระโปรงดูทะมัดทะแมงที่กำลังยืนยิ้มหวานให้เขา


“รบกวนหน่อยนะจ้า พอดีน้องชายตวงไม่รู้ไปไหนก็เลยไม่มีคนถ่ายรูปให้”


“ไม่ไรเป็นตวง เราเองก็กำลังอยากได้รูปไปทำข่าวพอดีเลย”


“จ้ะ” หญิงสาวยิ้มก่อนจะเดินมายืนข้าง ๆ ชายหนุ่มร่างสูง


อาทิตย์ทัศน์มองชายหนุ่มและหญิงสาวที่ยืนเคียงข้างกันผ่านเลนส์กล้องก่อนจะนับ.... “หนึ่ง สอง สาม” พร้อมกับกดชัตเตอร์


“ขอดูรูปหน่อยสิ” ชายหนุ่มร่างสูงกล่าวก่อนจะคว้ากล้องจากมืออาทิตย์ทัศน์ไปยืนดูกันสองคน


“ขอบใจมากนะจ๊ะจ้า”


“ไม่เป็นไร” อาทิตย์ทัศน์ตอบยิ้ม ๆ พร้อมกับรับกล้องคืน จากนั้นเขาจึงเดินเบียดเสียดผู้คนบริเวณนั้นออกมา


“เฮ้ย เดี๋ยวสิ” นอกจากเสียงนั้นจะทำให้ชายหนุ่มต้องชะงักแล้ว ไออุ่น ๆ ที่ข้อมือยังเป็นอีกแรงรั้งไม่ให้เขาไปไหน อาทิตย์ทัศน์หันกลับไปสบตาเจ้าของเสียงก่อนจะก้มลงมองมือหนาที่จับข้อมือของเขาเอาไว้


ณัฐนนท์ค่อย ๆ คลายมือออกก่อนจะกล่าว “ยังไม่ได้ถ่ายรูปด้วยกันเลย”


“เอาสิ เดี๋ยวเราถ่ายให้” อาทิตย์ทัศน์กล่าวพรางยกกล้องขึ้นแต่กลับถูกคนตัวสูงกว่าแย่งเอาไป


“น้องครับ ช่วยถ่ายรูปให้พี่หน่อย” เขาหันไปกล่าวกับรุ่นน้องที่เดินผ่านมาพอดี


“ได้ค่ะ” สาวน้อยในชุดพละตอบรับยิ้ม ๆ พร้อมกับรับกล้องจากมือของเขาก่อนจะถอยห่างออกไปเล็กน้อย


“ยืนใกล้ ๆ กันหน่อยค่ะพี่”


“เอ้า! มัวยืนอึ้งอะไรอยู่” ณัฐนนท์กล่าวก่อนจะยกแขนขึ้นพาดบนบ่าคนที่ตัวเตี้ยกว่าก่อนจะออกแรงรั้งคอเบา ๆ เพื่อให้เขามายืนใกล้ ๆ


“แล้วจะยืนตัวแข็งทื่อทำไมวะ เขินเหรอ” คนตัวสูงกระซิบก่อนกระชับวงแขนให้แน่นขึ้นพร้อมกับหันไปยิ้มให้กล้อง


“ยิ้มนะคะพี่ ยิ้มมมมมมม” สาวน้อยร้องขึ้นก่อนจะนับและกดชัตเตอร์


“เรียบร้อยค่ะ”


“ขอบใจมากนะน้อง” ณัฐนนท์กล่าวก่อนจะรับกล้องคืนจากสาวน้อยรุ่นน้อง


“ใส่แผ่นมาให้บ้างนะ จะได้เอาไปอัดเก็บไว้” ชายหนุ่มร่างสูงยิ้มก่อนจะส่งกล้องให้อาทิตย์ทัศน์  “ตลกดีนะ เรียนด้วยกันมาตั้งสามปี เพิ่งจะได้ถ่ายรูปคู่ด้วยกัน”


“เดี๋ยวอัดให้ก็ได้”


“อือ” ณัฐนนท์พยักหน้าก่อนที่ทั้งคู่จะแยกกันตรงนั้น


หลังจากงานกีฬาสีผ่านไป หลายคนต่างก็ตั้งหน้าตั้งตากับการเตรียมตัวสอบปลายภาคและการเตรียมตัวสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย ดังนั้นช่วงนี้ใครหลาย ๆ คนจึงรู้สึกว่าเวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดช่วงเวลาที่หลายคนต่างเฝ้ารอก็มาถึง ช่วงเวลาที่หลาย ๆ คนเรียกว่าช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง น้องม.ห้ากำลังจะกลายมาเป็นพี่ม.หก หลายคนสอบเข้าเรียนให้โรงเรียนใหม่ได้ หลายคนต้องย้ายห้องเรียนเมื่อมีการสอบเลื่อนชั้น ในขณะที่พี่ม.หกที่กำลังจะจบการศึกษาอีกหลายคนกำลังลุ้นกับผลการสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย แต่สำหรับอาทิตย์ทัศน์ เขาให้คำนิยามสั้น ๆ ของช่วงเวลานี้ว่า ‘ช่วงเวลาแห่งการจากลา’


“พี่จ้าถ่ายรูปสวยจังเลย” สาวน้อยนางหนึ่งที่กำลังนั่งเปิดดูวารสารของโรงเรียนที่เพิ่งได้รับแจกกับพวกเพื่อน ๆ ของเธอเอ่ยขึ้นขณะที่ตากล้องประจำโรงเรียนกำลังเดินผ่านมายังโต๊ะหินอ่อนที่พวกเธอนั่ง


อาทิตย์ทัศน์ยิ้มให้สาว ๆ เล็กน้อยก่อนจะพยายามมองหาใครคนหนึ่ง ในที่สุดสายตาของเขาก็หยุดอยู่ที่เจ้าของแผ่นหลังกว้างที่กำลังนังอยู่บนอัฒจรรย์ข้างสนามบาส


“แก...พี่จ้าน่ารักเนอะ” คนหนึ่งเอ่ยขึ้น “ยิ้มเมื่อกี้ทำฉันใจจะละลาย”


“น้อย ๆ หน่อยย่ะยัยฝน แกเห็นไหมว่าแฟนเขานั่งอยู่โน่น” เจ้าของวารสารกล่าวพร้อมกับบุ้ยปากไปที่อัฒจรรย์


“นี่แกอย่าบอกนะว่าพี่จ้ากับพี่นนท์.....” เจ้าของคำพูดยิ้มอย่างมีเลสนัย “เป็น......เป็นแฟนกัน”

“บ้าแก...พี่นนท์เขาเป็นแฟนกับพี่ตวงหกทับสองไม่ใช่เหรอ ฉันเห็นเขาเดินถือกระเป๋าให้กันด้วยนะ” อีกคนท้วง


“เป็นหรือไม่เป็นก็ช่างเขาสิ แต่งานนี้ฉันเชียร์พี่จ้าสุดตัว”









....






“อ่ะนี่”


ณัฐนนท์ก้มมองซองกระดาษสีน้ำตาลในมือของใครคนหนึ่งยื่นมาให้ เขาเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของมือก่อนจะรับซองนั้นเอาไว้


“รูปของนายกับตวง” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ “ฝากให้ตวงด้วยนะ”


คนตัวสูงพยักหน้าก่อนจะเปิดซองออกดู “แล้วรูปคู่นายกับเราล่ะ”


“จะเอาไปทำไม”


“ก็บอกแล้วไงว่าจะอัดเก็บไว้ เผื่อไม่ได้เจอกันนาน ๆ จะได้เอาไว้ดู”


“หมายความว่ายังไง นายจะไปไหน”


“ก็พูดเผื่อไว้ เผื่อว่าต่อไปเราไม่ได้เรียนด้วยกันไง”


“อืม...” อาทิตย์ทัศน์พยักหน้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามเย็น....







“ตกลงว่าจะให้หรือไม่ให้” ณัฐนนท์เอ่ยขึ้นก่อนที่ทั้งสองคนจะแยกกันที่หน้าอาคารเรียน


อาทิตย์ทัศน์เงยหน้าขึ้นสบตาเขาเล็กน้อยพร้อมเม้มริมฝีปากบางเข้าหากันอย่างตัดสินใจก่อนจะกล่าว “ขอโทษนะ เราเผลอลบทิ้งไปแล้ว”


“อ้าวเหรอ น่าเสียดายว่ะ อุตส่าห์ได้ถ่ายรูปด้วยกัน” ณัฐนนท์กล่าวอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก “แต่ก็ช่างมันเถอะ”


อาทิตย์ทัศน์พยักหน้า “นายรอตวงใช่ไหม”


“อืม”


“ถ้าอย่างนั้นเรากลับบ้านก่อนก็แล้วกันนะ ไว้เจอกัน” อาทิตย์ทัศน์ยกมือขึ้นก่อนจะหันหลังให้และเดินออกจากประตูโรงเรียนไป


.....





แม้นาฬิกาจะบอกเวลาเกือบเที่ยงคืน แต่ไฟที่ห้องนอนซึ่งอยู่ชั้นสองของบ้านยังคงสว่าง ชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเอื้อมหยิบหนังสือเรียนเล่มหนึ่งจากกระเป๋านักเรียนซึ่งวางพิงเอาไว้ที่ข้างโต๊ะเขียนหน้าสือขึ้นมาก่อนจะเปิดไปยังหน้าที่ถูกขั้นไว้ด้วยรูปถ่ายใบหนึ่ง นิ้วเรียวค่อย ๆ หยิบภาพนั้นขึ้นมาดูซึ่งมันเป็นภาพของชายหนุ่มสองคนในชุดนักเรียนที่กำลังยืนกอดคอกัน



....










“เป็นอะไรหรือเปล่าตวง” ชายหนุ่มที่กำลังนั่งอ่านหนังสือเงยหน้าขึ้นถามเมื่อรู้สึกได้ว่าคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเอาแต่นิ่งเงียบตั้งแต่เดินมาถึง


“เปล่า” หญิงสาวตอบเพียงสั้น ๆ ก่อนจะเริ่มเปิดหนังสือขึ้นอ่านบ้าง


“เปล่าแล้วทำไมทำหน้าอย่างนี้ล่ะครับ” ณัฐนนท์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ พร้อมกับยิ้มให้ “บอกนนท์ได้ไหม ใครทำอะไรตวง”


หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาเขาก่อนจะกล่าว “ไม่มีใครทำอะไรตวง ตแต่วงแค่ไม่สบายใจเรื่องที่คนในโรงเรียนเขาพูดกัน”


“เรื่องอะไรเหรอ”


“ระ...เรื่อง....” ปากบางเม้มเข้าหากันก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เรื่องนนท์กับจ้า”


ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจก่อนจะถามต่อ “เขาพูดว่ายังไงกันถึงทำให้ตวงไม่สบายใจ”


“ก็ใคร ๆ เขาพูดกันว่านนท์กับจ้าเป็น....”


“เป็นอะไรครับ”


“เป็นแฟนกัน”


สิ้นเสียงหญิงสาว ณัฐนนท์ถึงกับหัวเราะพรืด


“ตวงไม่ขำด้วยนะนนท์” ปากบางกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังจนสีหน้าของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามสลดลงเล็กน้อย


“ตวงก็รู้นี่นาว่านนท์กับจ้าเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่ม.สี่”


“ตวงรู้ แต่คนอื่น ๆ เขาไม่รู้ด้วยนี่นา เวลาที่เขาเห็นนนท์อยู่กับจ้าอยู่ด้วยกัน เขาก็เอาไปพูดกันสนุกปาก”


“แล้วตวงจะให้นนท์ทำยังไงตวงถึงจะสบายใจล่ะครับ ให้เลิกคบกับจ้าอย่างนั้นน่ะเหรอ”


“ตวงไม่ได้จะให้นนท์เลิกคบกับจ้า ตวงแค่อยากให้นนท์อยู่ห่าง ๆ จ้าให้มากกว่านี้ ตวงไม่ชอบที่พวกน้อง ๆ ผู้หญิงมองนนท์กับจ้าแล้วก็พากันซุบซิบ นนท์เข้าใจที่ตวงพูดใช่ไหม”


เมื่อเห็นว่าตาคู่สวยยังคงจ้องมองอย่างรอคำตอบ ณัฐนนท์ได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะพยักหน้า....





วันหนึ่งในช่วงวันหยุดยาว....




เสียงของรถจักรยานยนต์ที่ขับมาจอดอยู่หน้าบ้านฝั่งตรงข้ามทำให้หญิงสาวที่กำลังนั่งดูทีวีอย่างสบายใจรีบผุดลุกขึ้น เธอรีบวิ่งออกไปดูที่หน้าบ้านทันทีซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ชายหนุ่มบ้านงั่งตรงข้ามเปิดประตูรั้วออกมาหยิบบางอย่างที่บุรุษไปรษณีย์ใส่เอาไว้ในตู้รับจดหมาย


“ใช่ผลเอนทรานซ์หรือเปล่าพี่จ้า” หญิงสาวที่เดินข้ามถนนมาเอ่ยขึ้น ชายหนุ่มได้แต่พยักหน้าก่อนที่ทั้งคู่จะเดินกลับเข้าไปในบ้านด้วยกัน



“เปิดเลย ๆ ขวัญตื่นเต้นจะแย่แล้ว” หญิงสาวที่นั่งกอดหมอนอยู่บนโซฟาข้าง ๆ แม่ของเขาเอ่ยขึ้น


“จะเปิดแล้วนะครับ” อาทิตย์ทัศน์สบตาผู้เป็นแม่ที่ออกอาการลุ้นไม่แพ้จอมขวัญ


“เป็นยังไงบ้าง” หญิงสาวขมวดคิ้วเมื่อเห็นคนตรงหน้าเอาแต่นิ่งเงียบหลังจากดึงกระดาษใบเล็ก ๆ ออกมาจากซอง


“เป็นยังบ้างลูก” ผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง


อาทิตย์ทัศน์ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะกล่าว “คงต้องเสียเงินซื้อกล้องตัวใหม่”


“หมายความว่ายังไงพี่จ้า” จอมขวัญขมวดคิ้วก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “หมายความว่าติดอันดับหนึ่งเลยใช่ไหม”


ชายหนุ่มพยักหน้ายิ้ม ๆ ก่อนจะเดินมานั่งลงและสวมกอดผู้เป็นแม่ อรนุชประคองใบหน้าของลูกชายขึ้นมาพรมจูบให้ชื่นใจ


“แม่ภูมิใจในตัวลูกนะจ้า พ่อเองก็คงภูมิใจและดีใจกับลูกในวันนี้”


อาทิตย์ทัศน์เงยหน้าขึ้นสบตาผู้เป็นแม่พร้อมกับยิ้ม “จ้าสัญญาว่าจ้าจะตั้งใจเรียนนะแม่”





....



ภายในร้านไอศกรีมเล็ก ๆ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านนัก


“เป็นอะไรขวัญ นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ได้” อาทิตย์ทัศน์กล่าวกับหญิงสาวที่นั่งใช้ช้อนเขี่ยไอศกรีมในแก้วทรงสูงซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม


“ขวัญดีใจน่ะ” จอมขัวญยิ้มแก้มแทบปริ


“นี่ ตกลงว่าพี่สอบได้หรือขวัญสอบได้กันแน่เนี่ย”


“พี่จ้าสอบติดคณะที่เลือกอันดับหนึ่ง แต่ขวัญดีใจแล้วก็ภูมิใจที่มีพี่ชายเก่ง ๆ นี่นา” หญิงสาวยิ้มก่อนจะตักไอศกรีมเข้าปาก “อยากเห็นพี่จ้าตอนใส่ชุดนักศึกษาจัง คงจะหล่อน่าดู”


“น้อย ๆ หน่อยเราน่ะ เป็นสาวเป็นนางเที่ยวไปชมผู้ชายแบบนี้ได้ยังไงกัน” อาทิตย์ทัศน์กล่าวยิ้ม ๆ


“ขวัญชมแค่พี่จ้าคนเดียวนี่แหละค่ะ ก็พี่ชายขวัญหล่อจริง ๆ นี่”


สองหนุ่มสาวยิ้มให้กันก่อนจะลงมือจัดการกับไอศกรีมตรงหน้าเงียบ ๆ จนกระทั่งเสียงโมบายแขวนประตูดังขึ้นเมื่อมีคนเปิดประตูเข้ามาในร้าน


“ไงยัยจอมยุ่ง” เสียงเรียกชื่อที่ฟังคุ้นหูดังขึ้นทำเอาคนที่กำลังมีความสุขกับการกินไอศกรีมต้องเสียจังหวะ


“ไอ้พี่นนท์บ้า เมื่อไรจะเลิกเรียกขวัญแบบนี้สักที”


“ทำไมล่ะ มันก็เหมาะกับเธอดีออก” ณัฐนนท์หัวเราะอารมณ์ดี


“นั่งก่อนสิ” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นเพื่อเป็นการห้ามทัพ


“ไม่ละ เรานัดกับตวงไว้ พอดีเห็นนายกับขวัญก็เลยแวะมาทักทายน่ะ มาฉลองผลสอบกันเหรอ”


อาทิตย์ทัศน์เงยหน้ามองคนตัวสูงพร้อมกับพยักหน้าเป็นคำตอบ “แล้วนายล่ะเป็นยังไงบ้าง”


“ก็ถ้านายสอบติดอันดับที่หนึ่ง นายก็ได้เจอเรากับตวงที่นั่นนะแหละ” ณัฐนนท์ยิ้ม เขาทำท่าจะวางมือบนบ่าของอาทิตย์ทัศน์แต่ในที่สุดก็ล้วงกระเป๋ากางเกงตัวเองเสียดื้อ ๆ


“แหม...ใจคอจะไม่นั่งคุยกับเพื่อนกับฝูงบ้างเหรอคะพี่นนท์” คำพูดของหญิงสาวทำให้ดวงตาสดใสของณัฐนนท์วูบหม่นลง เขายิ้มมุมปากก่อนจะเอ่ยคำลาในที่สุด...




...




“พี่จ้า” จอมขวัญเอื้อมมือแตะแผ่นหลังคนตรงหน้าเมื่อรู้สึกได้ว่าเขาเงียบไปตั้งแต่ออกจากร้านไอศกรีม


“ว่าไง” ชายหนุ่มเหลียวมามองคนข้างหลังเล็กน้อยก่อนจะหันกับไปมองทาง มือทั้งสองข้างยังคงกำแฮนด์จักรยานแน่น


“พี่นนท์เขาทำตัวเย็นชาแบบนี้นานหรือยัง”


คำถามของคนนั่งซ้อนท้ายจักรยานทำให้อาทิตย์ทัศน์ได้แต่นิ่งเงียบ


“ขวัญรู้สึกได้ว่าพี่สองคนมีบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม”


“คิดมากไปหรือเปล่า” ชายหนุ่มฝืนหัวเราะ


จอมขวัญขมวดคิ้ว เธอได้แต่จ้องมองแผ่นหลังของชายหนุ่มพร้อมกับคิดอะไรเงียบ ๆ





เดือนสุดท้ายของการใช้ชีวิตในรั้วมัธยมกำลังจะหมดไป อาทิตย์ทัศน์มองที่นั่งข้าง ๆ ที่ปราศจากคนนั่ง หนังสือที่เคยถูกใส่เอาไว้ที่ใต้โต๊ะถูกขนออกไปจนหมด ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังนั่งหัวเราะอยู่กับเพื่อน ๆ ที่โต๊ะแถวหน้า เขาย้ายขึ้นไปนั่งตรงนั้นตั้งแต่หลังงานกีฬาสีและไม่เคยกลับมานั่งตรงนี้อีกเลย ไม่มีแม้แต่คำอธิบายหรือเหตุผลใด ๆ ...


เย็นวันนั้นขณะที่เพื่อน ๆ ซึ่งเป็นเวรทำความสำอาดกำลังช่วยกันทำความสะอาดห้องกันอย่างขะมักขะเม้น ณัฐนนท์ก็เดินเข้ามาในห้องก่อนจะตรงไปหยิบสมุดการบ้านที่ลืมไว้ใต้โต๊ะ เขายิ้มให้ชายหนุ่มที่กำลังถือถังขยะเดินสวนออกมาเล็กน้อยโดยไม่ได้พูดอะไร อาทิตย์ทัศน์มองคนตัวสูงที่เดินสวนกันเพียงเสี้ยวนาทีก่อนจะก้มมองขยะในถังและเดินออกจากห้องไปเงียบ ๆ





“เราทำอะไรให้นายไม่พอใจหรือเปล่า” เสียงหนึ่งดังขึ้นขณะที่ณัฐนนท์กำลังจะเดินพ้นตัวตึก เขาชะงักก่อนจะเหลียวมองคนที่ในมือถือถังขยะยืนพิงกำแพงอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย


“นายแปลก ๆ ไปนะ”


“เปล่านี่ เราก็เหมือนเดิม พรุ่งนี้ก็เหมือนเดิม นายน่ะคิดมากไปหรือเปล่า” คนร่างสูงยิ้มจาง ๆ


อาทิตย์ทัศน์กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ “นายตอบได้อยู่แล้วว่าเราคิดมากไปหรือว่ามันเป็นเรื่องจริง” เขาสบตาคนตรงหน้าก่อนจะฝืนยิ้ม “ถ้าวันนี้นายรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างเปลี่ยนแปลง ก็อย่าพูดเลยว่าพรุ่งนี้อะไร ๆ จะเหมือนเดิม”



ยังไม่ทันที่ทั้งสองคนจะได้พูดอะไรกันต่อเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นขัดจังหวะ


“นนท์ มัวทำอะไรอยู่น่ะ ตวงรอนานแล้วนะ”


อาทิตย์ทัศน์มองชายหนุ่มที่ยืนหันหลังให้ เขากำลังหันไปยิ้มกับคนที่เดินมาจากอีกทาง...


“ขอโทษด้วยที่ทำให้ต้องเสียเวลา” พูดจบอาทิตย์ทัศน์ก็เดินขึ้นบันไดไป



ในที่สุดวันสุดท้ายของชีวิตในรั้วมัธยมก็มาถึง วันนี้โรงเรียนจึงจัดกิจกรรมให้บรรดาน้อง ๆ ได้อำลารุ่นพี่ ณัฐนนท์กำลังง่วนอยู่กับการเขียนเสื้อให้เพื่อนจึงไม่ทันสังเกตหญิงสาวที่เดินมายืนใกล้ ๆ จากนั้นเธอก็ยื่นดอกกุหลาบสีแดงสดให้เขา


“อ่ะให้” จอมขวัญกล่าว


“ขอบใจนะ” ชายหนุ่มหันมายิ้มพร้อมกับรับดอกกุหลาบมาวางไว้บนโต๊ะ


“เขียนเสื้อให้พี่หน่อยสิ” เขากล่าวพร้อมกับส่งปากกาเคมีให้จอมขวัญ


หญิงสาวรับมันมาก่อนจะนั่งลงใกล้ ๆ “หันหลังมา”


“เขียนดี ๆ ล่ะ ไม่ต้องต้องใส่อารมณ์” ณัฐนนท์พูดกลั้วหัวเราะ


“พี่นนท์กวนประสาท” พูดจบจอมขวัญก็ใช้มือเล็ก ๆ ของเธอตีลงบนแผ่นหลังกว้างก่อนจะลงมือเขียนข้อความ


“ตั้งแต่บ่ายพี่ยังไม่เห็นจ้าเลย ขวัญเจอบ้างหรือเปล่า”


“เป็นเพื่อนสนิทกันภาษาอะไร ไม่รู้ว่าเพื่อนไปไหน”


ณัฐนนท์ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะกล่าว “นั่นสินะ”





จอมขวัญจ้องมองแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยรอยปากกาก่อนจะตัดสินใจพูดออกไป....


“ขวัญถามจริง ๆ เถอะพี่นนท์ เป็นเพื่อนกันมาสามปีพี่นนท์ไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าพี่จ้ารู้สึกยังไง”


คำถามจากปากของหญิงสาวทำเอาคนถูกถามรู้สึกใจหายแปลก ๆ “ขวัญหมายความว่ายังไง จ้ารู้สึกอะไร”


“หึ...แต่ก็ไม่น่าแปลกใจหรอกถ้าพี่นนท์จะไม่รู้ เพราะพี่จ้าพยายามมากที่จะรักษาระดับของมันเอาไว้ไม่ให้เกินกว่าสิ่งที่มันควรจะเป็น” หญิงสาวกล่าวก่อนจะวางปากกาลง “เขียนเสร็จแล้ว”


“อ้าว ขวัญกลับมาพูดกันให้รู้เรื่องก่อนสิ” ณัฐนนท์ขมวดคิ้วมองตามหญิงสาวที่เดินออกจากห้องไป...





...



อาทิตย์ทัศน์นั่งลงที่อัฒจรรย์ข้างสนามบาสพร้อมกับวางดอกกุหลาบสีแดงกำโตที่ได้รับมาจากรุ่นน้องลงข้างตัวก่อนจะผ่อนลมหายใจยาว รอบ ๆ สนามตอนนี้สว่างไสวไปด้วยแสงไฟสีนวล ภายในโรงเรียนแทบจะไม่มีนักเรียนเหลืออยู่แล้วเพราะเป็นวันศุกร์ ตาคมมองไปรอบ ๆ บริเวณเหมือนจะพยายามจะจดจำรายละเอียดของสิ่งที่เห็นเอาไว้ให้มากที่สุดนั่นคงเป็นเพราะเวลาที่จะได้อยู่ในโรงเรียนเหลือน้อยเต็มที ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกเมื่อไรและถึงแม้จะได้กลับมา อะไร ๆ ก็คงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ไม่มีเสียงหัวเราะของเพื่อน ๆ ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีแม้แต่เงาของคนที่เคยนั่งข้าง ๆ กัน....


“มานั่งอยู่นี่เอง” ชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังก้าวขึ้นมาบนอัฒจรรย์พร้อมดอกกุหาบกำโตในมือเอ่ยขึ้น


“ค่ำแล้วยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ”


“ยัง นายยังไม่ได้เขียนเสื้อให้เราเลย” ณัฐนนท์กล่าวพร้อมกับยื่นปากกาให้


อาทิตย์ทัศน์ก้มมองปากกาในมือหนาก่อนจะรับมันมา “หันหลังสิ”


“เขียนข้างหน้านี่แหละ ข้างหลังคนอื่นเขียนเต็มไปหมดแล้ว”


อาทิตย์ทัศน์สบตาเขาเล็กน้อยก่อนจะมองหาพื้นที่สำหรับเขียนข้อความ...


ชายหนุ่มจรดปากกาลงบนหน้าอกเสื้อของคนตรงหน้าซึ่งนั่งอยู่ห่างกันแค่เข่าชนกันเท่านั้น ในที่สุดอาทิตย์ทัศน์ก็เริ่มเขียนข้อความบางอย่างลงไปบนเสื้อในขณะที่ณัฐนนท์เองก็ก้มลงมองสำรวจใบหน้าของเขาให้ชัด ๆ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ ๆ กันขนาดนี้ ใกล้กันจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ของคนตรงหน้า....


“เสร็จแล้ว” อาทิตย์ยิ้มกับตัวเอง ก่อนที่จะชักมือออกเขาก็รู้สึกได้ถึงไออุ่น ๆ ที่ข้อมือ เป็นณัฐนนท์ที่จับข้อมือของเขาเอาไว้


“นายรู้สึกยังไงกับเรา”


เพียงคำถามสั้น ๆ ที่เปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบาของคนตรงหน้าแต่กลับรู้สึกเหมือนโดนกระแทกเข้าอย่างแรง อาทิตย์ทัศน์เงยหน้าขึ้นสบตาคนตัวสูง ไม่คิดว่าเขาจะจู่โจมถามคำถามที่ทำให้ใจเต้นรัวราวกับกลองรบเช่นนี้


“นะ นายว่าอะไรนะ”


“เราถามว่านายรู้สึกยังไงกับเรา” ณัฐนนท์กล่าวพร้อมกับบีบข้อมือของคนตรงหน้าเบา ๆ


อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้วก่อนจะแสร้งมองไปทางอื่น


“นายก็เป็นเพื่อนที่ดี”


“จ้า เรารู้ว่านายรู้ว่าคำถามของเรามันหมายความว่ายังไง” ณัฐนนท์กล่าวพร้อมกับรั้งข้อมือชายหนุ่มเพื่อดึงร่างเขาเข้ามาใกล้ ๆ


“เรารู้ว่านายหมายความว่ายังไง และนี่ก็คือคำตอบของเรา” อาทิตย์ทัศน์กล่าวทั้งที่พยายามขืนร่างเอาไว้


“ถ้าอย่างนั้น นายหันหน้ามาสบตาเรา แล้วพูดกับเราสิ” ณัฐนนท์จ้องมองเสี้ยวหน้าเกลี้ยงเกลาตาเขม็ง “ว่านายรู้สึกยังไงกับเรากันแน่”



“ช่วยพูดให้เราได้แน่ใจหน่อยได้ไหม” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง



ชายหนุ่มที่ตัวเล็กกว่าเม้มปากแน่นก่อนจะค่อย ๆ หันมาประจัญหน้าสู้สายตาเขาพร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เราไม่ได้รู้สึกอะไรกับนายมากไปกว่า...เรื่องที่ว่านายเป็นเพื่อนที่ดี”



ณัฐนนท์ค่อย ๆ คลายมือที่กำข้อมือของอาทิตย์ทัศน์ออก “เข้าใจแล้ว” เขากล่าวก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง จากนั้นก็เดินจากไปเงียบ ๆ โดยไม่ได้พูดอะไร...
     





ก๊อกน้ำที่อ่างล้างหน้าซึ่งอยู่ด้านหลังอาคารเรียนถูกหมนุจนสุด น้ำจากก๊อกที่ปะทะฝ่ามือหนาดังซ่า ละอองน้ำกระจายไปทั่วก่อนที่น้ำในมือจะถูกวักขึ้นสัมผัสกับผิวหน้าอย่างต่อเนื่อง เจ้าของร่างสูงเงยหน้ามองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกก่อนจะเลื่อนสายตาลงไปที่ข้อความสั้น ๆ ที่เพิ่งถูกเขียนขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา...




‘ดีใจที่มีนายเป็นเพื่อน โชคดีนะ ลาก่อน’

 






...





ขอบคุณมาก ๆ สำหรับการติดตามนะคะ

เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เขียนแนวนี้และที่นี่

เนื้อเรื่องคงไม่ได้เข้มข้นหรือหวือหวานัก

ตอนแรกก็คิดเหมือนกันว่าแนวนี้จะมีใครอ่านหรือเปล่า

แต่พออ่านคอมเม้นท์ของคุณคนอ่านแล้วค่อยใจชื้นค่ะ

ยังไงก็ต้องขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์นะคะ

หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 6 : ช่วงเวลาแห่งการจากลา)
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 05-12-2013 08:42:15
+1 ให้จ้าที่รัก
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 6 : ช่วงเวลาแห่งการจากลา)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 05-12-2013 09:01:16
ถ้าไม่ได้คิดอะไรกับจ้าจะมาถามย้ำอีกทำไมจ้าก็เสียใจสิแต่เอาเถอะมันเป็นอดีตไปแล้ว ต่อจากนี้และอนาคตคงเป็นตฤณกร อิอิ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 6 : ช่วงเวลาแห่งการจากลา)
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 05-12-2013 14:44:26

หลงรักเรื่องนี้จนหมดหัวใจ
ชอบมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

นนท์กับจอมยุ่งกัดกันซะขนาดนี้
ไม่ใช่สุดท้ายกลายมาเป็นแฟนกันนะ

ตัวเองก็มีแฟนแล้วทำไมถึงมาพูดแบบนี้ล่ะ
หรือว่าที่จริงแล้วก็แอบคิดอะไรเกินเพื่อนเหมือนกัน

+ เป็ดจ้า---ยังบวกหนึ่งให้ไม่ได้เพราะยังไม่ครบยี่สิบสี่ชั่วโมงเดี๋ยวมาบวกให้อีกรอบนะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 6 : ช่วงเวลาแห่งการจากลา)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 05-12-2013 16:41:44
รอติดตามตอนหน้านะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 6 : ช่วงเวลาแห่งการจากลา)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 05-12-2013 17:11:32
ไม่สมหวังกับนนท์เพื่อมาเจอตังไงงงงงงง
หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 7 : การเริ่มต้น)
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 06-12-2013 00:25:17
ตอนที่ 7 การเริ่มต้น






อาทิตย์ทัศน์เก็บกรอบรูปใส่ลงในลิ้นชักเหมือนเดิม กล่องใส่โปสการ์ดและรูปถ่ายจำนวนมากพวกนั้นทำให้เขาต้องเดินไปหยิบคอมพิวเตอร์โน้ตบุคมาวางบนโต๊ะก่อนจะจัดการเปิดเครื่อง...


ไม่ต้องเสียเวลาค้นหากระทู้ที่จอมขวัญพูดถึง เพราะแม้มันจะถูกตั้งขึ้นตั้งแต่เมื่อหลายเดือนก่อน แต่เพราะมีคนเข้าไปตอบมากมันจึงกลายเป็นกระทู้ที่ติดอันดับกระทู้ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของเว็บบอร์ด อาทิตย์ทัศน์ค่อย ๆ ไล่อ่านข้อความลงมาเรื่อย ๆ เขาพบว่าจากข้อความคอมเม้นท์ที่เขียนแซวกันในช่วงแรก ๆ เริ่มเปลี่ยนเป็นการพูดคุยกันเรื่องการทำงาน การท่องเที่ยวและการใช้ชีวิตไปในที่สุด น่าแปลกที่อยู่ดี ๆ กระทู้นี้ก็ทำให้คนที่ไม่รู้จักกันได้รู้จักกัน นัดสังสรรค์กันซึ่งเห็นได้จากภาพที่มีการโพสต์เล่าว่าใครไปรวมกลุ่มทำอะไรกันที่ไหนบ้าง คงจะมีก็เพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่ยังไม่ได้แสดงตัวให้ใคร ๆ ได้รู้จัก ตาคมยังคงไล่อ่านข้อความมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงข้อความสุดท้ายที่ถูกโพสต์เอาไว้เมื่อวันก่อน....


‘ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก’ เขียนโดย ดีไซเนอร์สุดหล่อ


อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิดก่อนจะค่อย ๆ สัมผัสปลายนิ้วลงบนแป้นคีย์บอร์ด





‘ขอบคุณมาก’









“เฮ้อ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”


เสียงถอนหายใจยาวทำให้คนที่กำลังนั่งล้อมวงกันอยู่ภายในห้องประชุมต้องเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่นั่งเท้าคางจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุคเป็นตาเดียว


“อะ ไอ้ตัง” หนุ่มร่างท้วมที่นั่งอยู่ข้าง ๆ สะกิดพร้อมกับยิ้มแห้ง ๆ ให้เจ้าของสายตาพิฆาตที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ


ตฤณกรสะดุ้งโหยง นึกขึ้นได้ว่าไม่ได้นั่งอยู่ในห้องทำงานของตัวเองแต่เขากำลังนั่งอยู่ในห้องประชุม ชายหนุ่มรีบคลิกปิดหน้าจอที่เปิดอ่านข้อความอยู่เมื่อสักครู่ก่อนจะเอ่ยขอโทษทุกคน


“เป็นอะไรของคุณคุณตฤณกร งานที่ผมให้มันยากไปเหรอ กับไอ้การเป็นพี่เลี้ยงนักศึกษาฝึกงานเนี่ยถึงกับต้องถอนหายใจเชียวเหรอ” หนุ่มใหญ่เครางามที่นั่งอยู่หัวโต๊ะกล่าว


“ปละ...เปล่าครับบอส” ชายหนุ่มยิ้มแหย ๆ


“เปล่าก็ดีแล้ว ถ้าอย่างนั้นเตรียมตัวให้ดีก็แล้วกัน ผมคิดว่าอีกไม่น่าจะเกินสองเดือนทางมหาวิทยาลัยน่าจะส่งนักศึกษามา”


“ครับ”






...


“เป็นอะไรของแกวะไอ้ตัง อยู่ ๆ ก็ถอนหายใจเสียงดังกลางห้องประชุม นี่ดีนะบอสไม่ด่าให้” พัฒน์บ่นขณะที่ทั้งคู่เดินออกมาจากห้องประชุม


“เซ็งคน” ตฤณกรกล่าวพร้อมกับยกมือขึ้นขยับแว่นสายตาก่อนจะเดินลิ่วไปยังห้องทำงานของตัวเองทิ้งให้คนถามยืนเกาหัวแกรก ๆ อยู่อย่างนั้น







‘นี่ผมรอคุณตั้งนานนะ ช่วยพิมพ์ตอบผมด้วยประโยคยาว ๆ กว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไงครับ’




“อาจารย์จ้า...” เสียงของคนที่เพิ่งเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องทำให้คิ้วหนาที่ขมวดเข้าหากันของอาทิตย์ทัศน์ค่อย ๆ คลายออก เขาละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ซึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานก่อนจะเงยหน้าพร้อมกับรีบลุกขึ้นยกมือไหว้คนที่เดินมายืนที่หน้าโต๊ะทำงาน


“ยุ่งอยู่หรือเปล่า” ชายหนุ่มที่อายุน่าจะมากกว่าเขาไม่ถึงรอบกล่าว เขาคือ ดร.สามมิติ ซึ่งเป็นหัวหน้าภาควิชาการถ่ายภาพที่อาทิตย์ทัศน์สังกัดอยู่


“ไม่ครับอาจารย์ เชิญอาจารย์นั่งก่อนครับ”


“เป็นยังไงบ้าง กลับมาทำงานวันแรก”


“ก็ดีครับ เด็ก ๆ ปีสี่ที่ผมเคยสอนเขาเมื่อตอนเขาอยู่ปีสองก็ยังพอจะจำกันได้ครับ ส่วนปีสามก็พอจะคุ้น ๆ กันอยู่บ้าง”


“อืม...ถ้าอย่างนั้นดีเลย ผมจะรบกวนอาจารย์ให้ช่วยเป็นอาจารย์นิเทศเจ้าเด็ก ๆ ปีสามที่กำลังจะขึ้นปีสี่ที่จะต้องออกไปฝึกงานในเทอมหน้าหน่อย อาจารย์นราวิชคนเดียวท่าทางจะไม่ไหวเพราะปีนี้นักศึกษาค่อนข้างมากงานสอนในภาควิชาก็ค่อนข้างเยอะ”


“ได้เลยครับอาจารย์ ยังไงมันก็คือหน้าที่ของผมอยู่แล้ว” อาทิตย์ทัศน์กล่าว


“เดี๋ยวผมจะให้เจ้าหน้าที่เขาเอารายชื่อนักศึกษากับบริษัทมาให้ก็แล้วกันนะ” ผู้เป็นหัวหน้าภาควิชายิ้มก่อนจะขอตัว


หลังจาก ดร.สามมิติเดินออกจากห้องไปได้สักพัก ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ก็เปิดประตูเข้ามา “เฮ้ยจ้า อาจารย์ทรีดีแกมาทำไมวะ” เขากล่าวก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม


อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้วก่อนจะถาม “ทรีดีอะไรพี่”


“เอ้า! ก็อาจารย์สามมิติไง แกมาทำไม”


“อ๋อ อาจารย์เขามาบอกเรื่องที่จะให้ผมช่วยพี่นิเทศนักศึกษานั่นแหละ”


ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่พยักหน้า “เอ้อ แล้วนี่กินข้าวกลางวันหรือยัง ไปกินข้าวกันไหม”


อาทิตย์ทัศน์ดูนาฬิกาข้อมือก่อนจะตอบรับคำชวนของเขา “อย่าไปกินไกลนะพี่ เดี๋ยวบ่ายผมมีสอน”


“เออ ร้านเดิมนั่นแหละ” ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ยิ้ม


‘ร้านเดิม’ ที่ว่าก็คือร้านอาหารบ้าน ๆ ซึ่งตั้งอยู่ริมคลองเล็ก ๆ ด้านหลังมหาวิทยาลัยที่พวกเขามักจะแวะเวียนกันไปเสมอ ๆ เมื่อครั้งยังเรียนอยู่ที่นี่ ส่วนชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคืออาจารย์นราวิช หรือ ‘พี่วิช’ อดีตพี่ว้ากของภาควิชาถ่ายภาพนั่นเอง แต่เพราะร่างกายที่สูงใหญ่ใคร ๆ จึงมักจะเรียกเขาว่า ‘พี่ใหญ่’


ทุกครั้งที่มีโอกาสได้กลับมาที่ร้านนี้ หลาย ๆ คนก็อดไม่ได้ที่จะคุยกันถึงความหลังสมัยเรียน ชายหนุ่มสองคนนั่งกินอาหารไปพร้อมกับพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องที่ผ่านมาในอดีต ทั้งเรื่องรับน้องหรือการทำงานส่งอาจารย์เมื่อเสร็จกิจกรรมต่าง ๆ ก็มักจะมุ่งหน้ามาที่ร้านนี้ด้วยความหิวโซ


“เจอยัยอ้อนบ้างหรือเปล่า” นราวิชเอ่ยขึ้น


“ตั้งแต่กลับมายังไม่เจอเลยพี่ ได้ข่าวว่าช่วงนี้พี่อ้อนเดินทางบ่อย”


“อือใช่ มันย้ายไปทำนิตยสารท่องเที่ยวก็เลยต้องออกต่างจังหวัดตลอด”


“แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะพี่ ได้เที่ยวไปในตัว ว่าแต่พี่เถอะช่วงนี้ไม่ตั้งแก๊งค์เหรอ”


“ตั้งบ้าอะไรกัน แค่สอนนักศึกษาก็แทบจะไม่มีเวลาพักแล้ว”


“แล้วนึกยังไงมาเป็นอาจารย์ เป็นช่างภาพอิสระดี ๆ ไม่ชอบ”


“เพราะแกนั่นแหละไอ้จ้า แกไปเรียนต่อทางนี้ก็เลยขาดอาจารย์ อาจารย์ทรีดีแกก็เลยไปอันเชิญ เอ๊ย!ชวนพี่มา” นราวิชกล่าวก่อนจะวางช้อนลง “แล้วก็ว่าจะเก็บเงินแต่งงานด้วยว่ะ อยากให้พ่อตาเห็นว่ามีงานทำเป็นหลักเป็นแหล่ง”


ชายหนุ่มเจ้าของพวงแก้มอิ่มเอิบยิ้มล้อ ๆ


“เฮ้ย ทำไมทำหน้าแบบนี้วะ นี่พูดจริงนะเนี่ย”


“ผมก็ยังไม่ได้ว่าอะไรพี่สักคำ” อาทิตย์ทัศน์กล่าวพร้อมกับกลั้นหัวเราะ “ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้จากพี่”


“เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยนกันได้” หนุ่มร่างใหญ่หัวเราะอารมณ์ดี


“แก่แล้วว่างั้นเถอะ”


“ไอ้จ้า กวงติงว่ะ อย่าพูดเรื่องอายุได้ไหม อายุมันก็เป็นเพียงแค่ตัวเลข”


“ที่เพิ่มขึ้นทุกปี”


“เออใช่ ถุ้ย! ฮึ่ย...ไอ้นี่...”


สองหนุ่มพากันหัวเราะก่อนจะลงมือทานอาหารต่อ


“ว่าแต่แกเถอะ ตั้งแต่กลับมานี่ไปรายงานตัวต่อแฟนคลับหรือยัง ชอบทำตัวเป็นประเด็นให้แฟนคลับเป็นห่วงอยู่เรื่อย”


คำถามแทงใจทำเอาคนที่กำลังยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแทบสำลัก


“ผมก็อยู่ของผมเฉย ๆ พวกพี่นั่นแหละสร้างกระแส”


“ก็เพราะเฉยจนเป็นก้อนหินแบบนี้ไง คนในห้องเขาถึงพากันแกล้ง นี่ขนาดแกน่ะนาน ๆ มาทีนะ แฟนคลับยังเยอะขนาดนี้” นราวิชหัวเราะ


“แฟนคลับที่ไหนกัน”


“ก็เพราะ username ดีไซเนอร์สุดหล่อนั่นไง ถึงได้รู้ว่าแกน่ะแฟนคลับเยอะขนาดนี้ อิจฉาคนหล่อวุ้ย เรามันปากหมาแถมหน้าตาไม่ดี” นราวิชพูดกลั้วหัวเราะ


อาทิตย์ทัศน์กลับมาที่คณะอีกครั้งในเวลาเกือบบ่ายโมงก่อนจะตรงไปยังห้องสอน ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปในห้อง นักศึกษาชั้นปีที่สามที่นั่งรออยู่ก่อนแล้วต่างมองมาที่เขาเป็นตาเดียวก่อนจะได้ยินเสียงงึมงำ ๆ ตามมา


“นักศึกษาทำความเคารพ” หนุ่มน้อยนายหนึ่งร้องขึ้นจากหลังห้อง จากนั้นนักศึกษาคนอื่น ๆ ก็ยกมือไหว้และกล่าวทักทายอาจารย์ของพวกเขาพร้อมกัน


อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเมื่อเห็นนักศึกษาชายคนหนึ่งยังคงฟุบหน้าลงกับพื้นโต๊ะเล็คเชอร์


“เป็นอะไรหรือเปล่าครับนักศึกษา”


เพื่อน ๆ ในห้องต่างพากันหันไปมองก่อนที่จะมีมือใครคนหนึ่งตบลงกลางท้ายทอยทุย ๆ ที่ยังคงสงบนิ่ง


“โอ้ย! เจ็บนะวุ้ย” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นก่อนจะหันซ้ายหันขวาหาตัวคนทำ


“อาจารย์ถามแกน่ะ”


ชายหนุ่มหันหน้ากลับมาสบตาผู้เป็นอาจารย์ก่อนจะตอบแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก “ผมไม่กล้าสบตาอาจารย์ครับ ใจมันจะละลาย”


‘เวร’ อาทิตย์ทัศน์คิดในใจ เขายังคงวางหน้านิ่งท่ามกลางเสียงโห่ฮาของบรรดานักศึกษาในห้อง


“ขอบคุณครับ ถือเป็นฟีดแบ็คที่ดีสำหรับเตือนเพื่อนว่าไม่ควรเล่นมุขนี้อีก” ชายหนุ่มกล่าวเรียบ ๆ เมื่อเสียงโห่ฮาเงียบลง


ทันทีที่อาจารย์หนุ่มหล่อพูดจบเสียงของใครคนหนึ่งก็พึมพำขึ้น “อู้ยยยยยโดน...”


อาทิตย์ทัศน์ยิ้มก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้หลังโต๊ะซึ่งตั้งไว้ตรงกลางที่หน้าห้อง “อาจจะกำลังมีหลาย ๆ คนสงสัยว่าทำไมวันนี้ถึงเป็นผมที่มาสอน” ชายหนุ่มขยับตัวนั่งสบาย ๆ ก่อนจะวางประสานกันไว้บนโต๊ะ “วันนี้อาจารย์จิตรีติดภารกิจก็เลยให้ผมมาพบพวกคุณแทน คราวก่อนเห็นอาจารย์บอกว่าอาจารย์สั่งงานเอาไว้ให้ถ่ายตามหัวข้อใช่ไหมครับ”



บรรดานักศึกษาต่างก็พากันพยักหน้าหงึก ๆ ก่อนที่จะหยิบสมุดวาดเขียนที่ข้างในแปะภาพที่ถ่ายตามหัวข้อต่าง ๆ ที่อาจารย์กำหนดขึ้นมาวางตรงหน้า


“ลองเอามาดูกันหน่อยซิ” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนที่สายตาคมจะพุ่งไปยังเป้าหมาย “เริ่มจากคุณใจละลายก่อนเลย ลองเอางานออกมาโชว์เพื่อน ๆ หน่อยสิครับ”


สิ้นเสียงของอาจารย์บรรดานักศึกษาต่างก็พากันหัวเราะ ก่อนที่ชายหนุ่มผู้สร้างวีรกรรมที่นั่งอยู่กลางห้องจะลุกขึ้นและเดินออกมาหน้าห้องพร้อมกับสมุดภาพของเขา


ชายหนุ่มยิ้มให้อาทิตย์ทัศน์พร้อมกับจัดระเบียบร่างกายตัวเองก่อนจะเริ่มแนะนำตัว “สวัสดีครับ ผมนายภาคภูมิ ภควัต วันนี้จะมาแสดงผลงานที่ได้ไปถ่ายมาให้เพื่อน ๆ ดูนะครับ” เขากล่าวพร้อมกับเริ่มเปิดสมุดภาพ


“อันนี้อาจารย์ให้ถ่ายภาพบุคคลครับ” ชายหนุ่มอธิบายพร้อมกับแสดงภาพบุคคลสองภาพที่มีระยะชัดต่างกันให้เพื่อน ๆ ดู


“ภาพแรกเป็นแบบชัดลึกครับ” เขากล่าวต่อก่อนจะชี้ไปที่ภาพของกลุ่มนักฟุตบอลที่กำลังยืนอยู่กลางสนามซึ่งเป็นภาพที่มีความคมชัดและจัดองค์ประกอบได้ดีทีเดียว


ชายหนุ่มหันไปสบตาผู้เป็นอาจารย์อย่างขอความเห็นในขณะที่อาทิตย์ทัศน์นั้นพยักหน้าอย่างพอใจ “จัดองค์ประกอบของภาพได้ดีครับ”


“ส่วนภาพนี้เป็นแบบชัดตื้นครับ” ภาคภูมิชี้ไปที่รูปภาพข้าง ๆ กันซึ่งเป็นภาพของหญิงสาวสามคนที่รั่งเรียงลดหลั่นกันตามแนวยาวของม้านั่ง


“ตั้งใจให้ตรงไหนชัดตรงไหนเบลอ” อาทิตย์ทัศน์ถามพร้อมกับหรี่ตามองภาพดังกล่าว


“ตั้งใจจะให้คนที่นั่งข้างหน้าสุดชัดครับ”


“แต่ก็ไม่ได้อย่างที่ตั้งใจจะให้เป็นใช่ไหม”


“ครับ”


“รู้ไหมว่าอะไรคือปัญหา” อาทิตย์ทัศน์ถาม เมื่อเห็นว่าคงไม่ได้คำตอบเขาจึงหันไปถามนักศึกษาคนอื่น ๆ ในห้อง


“เพราะไม่ได้โฟกัสในตำแหน่งที่ต้องการจะเน้นจริง ๆ หรือเปล่าครับอาจารย์” คนหนึ่งยกมือพร้อมกับตอบคำถาม


“นั่นก็เป็นประเด็นหนึ่ง ส่วนอีกประเด็นก็คือ นักศึกษาจะเห็นว่าผู้หญิงสามคนในภาพเขานั่งใกล้กันทำให้ระดับของความลึกไม่ต่างกันนักภาพมันก็เลยออกมาเป็นแบบนี้ ถ้าจะแก้ไขก็อาจจะแก้โดยการกำหนดให้วัตถุที่ต้องการเน้นกินพื้นที่ส่วนใหญ่ของภาพ” อาทิตย์ทัศน์ยิ้ม “ที่สำคัญเวลาเจอสาว ๆ อย่ามือไม้สั่น ไม่งั้นภาพมันก็จะเบลอแบบนี้”


“ถึงไอ้ภูมิมันจะถ่ายภาพเบลอ แต่มันก็เบลอว่ารักแถบนะครับอาจารย์” เสียงของคนหนึ่งที่โพร่งขึ้นทำเอาทั้งนักศึกษาและทั้งอาจารย์ต่างก็พากันหัวเราะ นี่ถือว่าเป็นการเริ่มต้นการทำงานวันแรกที่ดีทีเดียวสำหรับผู้ที่เข้ามารับหน้าที่เป็นอาจารย์เต็มตัวอย่างอาทิตย์ทัศน์....



“อาจารย์ พวกผมจะได้เรียนกับอาจารย์บ้างไหมครับ” ชายหนุ่มผู้ก่อวีรกรรมที่เดินหอบสมุดภาพของเพื่อน ๆ มาส่งที่ห้องพักอาจารย์เอ่ยขึ้นกับอาทิตย์ทัศน์


“ก็ต้องคอยดูว่าภาควิชาจะจัดให้ผมสอนพวกคุณหรือเปล่าหลังจากฝึกงานเสร็จ”


“ว้า...นึกว่าจะได้เรียนกับอาจารย์เสียอีก”


“ทำไม จะหามุขอะไรมาเล่นอีก” อาทิตย์ทัศน์กล่าวพร้อมกับเปิดประตูให้


“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มในชุดนักศึกษากล่าวก่อนจะเดินหอบสมุดภาพผ่านเขาไป


อาทิตย์ทัศน์มองชายหนุ่มที่เดินหอบสมุดภาพไปวางที่โต๊ะทำงานด้านในสุดของห้องซึ่งเป็นโต๊ะของอาจารย์จิตรีเป็นที่เรียบร้อย เขาเดินกลับออกมาอีกครั้งก่อนจะกล่าว “ผมว่าอาจารย์สอนสนุกดี”


“ไม่ได้เรียนด้วยกันแต่ถ้ามีปัญหาอะไรก็มาถามได้นี่” อาทิตย์ทัศน์กล่าวด้วยรอยยิ้ม....


เพียงไม่นานความน่ารักของอาจารย์อาทิตย์ทัศน์แห่งภาควิชาการถ่ายภาพก็ถูกบรรดานักศึกษากล่าวถึงกันไปทั่วคณะ




ภารกิจด้านการสอนรวมถึงการช่วยงานด้านเอกสารภายในภาควิชาทำให้อาจารย์บรรจุใหม่อย่างอาทิตย์ทัศน์รู้สึกว่าเวลามันช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วจนเขาเองเริ่มไม่แน่ใจว่าในหนึ่งวันมียี่สิบสี่ชั่วโมงจริงหรือเปล่า มีบางอย่างที่ลืมไปเสียสนิท...



‘ผมมีบัตรทานเค้กฟรีมาแจกครับ’ เขียนโดย ดีไซเนอร์สุดหล่อ



“พี่จ้าคะ พี่จ้าเห็นกระทู้แจกบัตรทานเค้กของคุณดีไซเนอร์สุดหล่อหรือเปล่าคะ” จอมขวัญเอ่ยขึ้นขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งรถไฟฟ้ากลับบ้านด้วยกัน


อาทิตย์ทัศน์กำลังนั่งมองทิวทัศน์ของแม่น้ำเจ้าพระยาระหว่างที่รถไฟฟ้ากำลังข้ามจากสถานีสะพานตากสินไปยังสถานีวงเวียนใหญ่ซึ่งเป็นสถานีปลายทางของทั้งคู่ ชายหนุ่มหันกลับมามองหญิงสาวที่กำลังใช้ปลายนิ้วเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์มือถือก่อนจะปฏิเสธ


“ขวัญอยากได้จัง มันเป็นร้านเปิดใหม่ เพื่อนขวัญบอกว่าเค้กอร่อยแต่ก็แพงมากเหมือนกัน”


“แล้วยังไง”


“พี่จ้าขอบัตรให้ขวัญหน่อยสิคะ ในกระทู้เขาบอกว่าให้แจ้งชื่อไปแล้วไปรับบัตรที่ร้านได้เลย เขาแจกทั้งหมด 20 ใบ ตอนนี้เริ่มมีคนแจ้งชื่อเข้าไปแล้วด้วย” จอมขวัญกล่าวพร้อมกับเกาะแขนพี่ชายอย่างอ้อนวอน


อาทิตย์ทัศน์หรี่ตามองน้องสาวช่างประจบก่อนจะกล่าว “ถ้าขวัญอยากทานเดี๋ยวพี่พาไปก็ได้ ไม่เห็นต้องไปรบกวนเขาเลย”


“รบกวนที่ไหนกันคะ คุณดีไซเนอร์สุดหล่อเขาบอกว่ามันเป็นร้านของลูกค้าของเขา ตอนนี้กำลังจัดโปรโมชันอยู่” จอมขวัญกล่าวพร้อมกับเริ่มเขย่าแขนชายหนุ่ม “นะ นะคะพี่จ้า ขอบัตรให้ขวัญหน่อยนะ”


อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้วก่อนจะพยักหน้าส่ง ๆ





...


เกือบห้าทุ่มแล้วแต่ไฟในห้องยังคงเปิดอยู่ อาทิตย์ทัศน์ยังคงง่วนกับอ่านหนังสือเพื่อเตรียมการสอนในวันรุ่งขึ้น ตัวอย่างรูปภาพถูกจัดหมวดหมู่เอาไว้เป็นโฟลเดอร์พร้อมที่จะนำออกมาใช้ได้ตลอดเวลา เอกสารประกอบการสอนถูกปริ๊นท์ออกมาเป็นชุดสำหรับทำการสำเนาต่อไป ชายหนุ่มขยับตัวบิดขี้เกียจเล็กน้อยเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นเมื่อตอนเกือบเที่ยงคืน


แววตาวิงวอนของน้องสาวบ้านตรงข้ามแว้บขึ้นมาในความคิด เขาคลิกเม้าส์เปิดเว็บไซต์ที่ไม่ได้เข้าไปเสียนานจนแทบจะลืมมันไปแล้วขึ้นมาแล้วก็พบว่ามีการแจ้งเตือนการได้รับข้อความส่วนตัว...


‘คุณ ผมมีบัตรทานเค้กอยากจะให้คุณละ คุณชวนเพื่อนไปนะ ของเขาอร่อยจริง ๆ ผมลองมาแล้ว....’


ชายหนุ่มกวาดสายตาอ่านข้อความและกติกาการรับบัตรโดยละเอียดก่อนจะเขียนบางอย่างลงในกระดาษโน้ต





เช้าวันต่อมา...


“เอ้านี่...” อาทิตย์ทัศน์ยื่นกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ให้จอมขวัญ



หญิงสาวรับมันมาดูอย่างพิจารณา ในกระดาษโน้ตมีตัวเลขสี่หลักและวันที่เขียนด้วยลายมือที่เธอคุ้นตา


“รหัสอะไรคะพี่จ้า”


“ก็รหัสบัตรร้านเค้กไง ขวัญไปร้านแล้วก็แจ้งรหัสกับเขา แต่ต้องไปตามวันที่ที่เขียนไว้นะ” อาทิตย์ทัศน์กล่าว


“พี่จ้าได้มายังไงคะ เข้าไปแจ้งชื่อในกระทู้เหรอ” หญิงสาวถามด้วยความสงสัย


“เจ้าของบัตรเขาส่งมาให้น่ะ ถ้าวันนั้นขวัญว่างก็ชวนเพื่อนไปทานแล้วกัน”


“พี่จ้าไปด้วยกันกับขวัญสิคะ เผื่อจะได้เจอเจ้าของบัตร” จอมขวัญยิ้ม “จะได้ขอบคุณเขา”


“ขวัญไปเถอะ” อาทิตย์ทัศน์ตัดบทก่อนจะก้าวขึ้นบันไดเลื่อนของสถานีรถไฟฟ้า...






หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 7 : การเริ่มต้น)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 06-12-2013 02:27:31
พี่จ้าใจแข็งจัง ตังรุกสุดตัวแล้ว
แอบชอบนักศึกษา กับอาจารย์ยังไม่เว้น555555555
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 7 : การเริ่มต้น)
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 06-12-2013 10:26:57
เมื่อไหร่จะเจอกันซักกะที
หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 8 : แรกพบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 06-12-2013 16:55:16
ตอนที่ 8 แรกพบ




“ทำไมล่ะคะพี่จ้า พี่จ้าก็ไม่ได้มีธุระที่ไหนไม่ใช่เหรอ” ยิ่งใกล้วันที่ถูกกำหนดไว้ในกติกาของเจ้าของบัตรร้านเค้กจอมขวัญยิ่งถามเซ้าซี้ด้วยคำถามเดิม ๆ จนหลายครั้งที่อาทิตย์ทัศน์ต้องเดินหนี


อรนุชที่กำลังนั่งอ่านหนังสือเกี่ยวกับการทำอาหารมองตามชายหนุ่มที่ผละจากการเตรียมเอกสารการสอนบนหน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุคที่โต๊ะทำงานมานั่งลงที่โซฟาพร้อมกับกดรีโหมตเปลี่ยนช่องทีวี


“นะคะพี่จ้า ไปเป็นเพื่อนขวัญหน่อยนะ ขวัญชวนเพื่อนแล้วแต่ไม่มีใครว่างไปเลยสักคน” หญิงสาวที่เดินตามมานั่งลงข้าง ๆ กล่าว


“พี่บอกแล้วไงว่าวันนั้นพี่ไม่ว่าง ต้องคุยงานกับเพื่อนเรื่องนิทรรศการ”


“พี่จ้าก็เลื่อนไปก่อนสิคะ นะคะ ๆ” หญิงสาวกล่าวพร้อมกับเขย่าแขนชายหนุ่ม เมื่อเห็นว่าวิธีการของเธอไม่ได้ผลเธอจึงหันไปของความช่วยเหลือจาก ‘น้านุช’ ทันที


“น้านุชช่วยพูดกับพี่จ้าให้ขวัญทีสิคะ”


หญิงวัยกลางคนยิ้มให้พร้อมกับปิดหนังสือก่อนจะเดินมานั่งที่โซฟาตัวเล็กที่อยู่ใกล้ ๆ


“ไปเป็นเพื่อนน้องหน่อยสิจ้า”


“โธ่แม่” อาทิตย์ทัศน์ถอนหายใจ “นึกว่าจะเข้าข้างกัน”


“เห็นไหมคะ น้านุชบอกให้พี่จ้าไปเป็นเพื่อนขวัญแล้ว ห้ามขัดใจแม่นะ พี่จ้าสัญญากับน้านุชแล้วนะคะว่าจะเป็นเด็กดี ขวัญจำได้” หญิงสาวกล่าวด้วยแววตาเจ้าเล่ห์


“ก็ได้ แต่ไปแป๊บเดียวนะ พี่ต้องไปคุยงานต่อ”


“ได้ค่ะ ขวัญจะรีบทานแล้วก็รีบกลับเลย” จอมขวัญกล่าวพร้อมกับชูสามนิ้วเป็นการสัญญา


สองวันหลังจากนั้นจอมขวัญและอาทิตย์ทัศน์นัดกันที่สถานีรถไฟฟ้าใกล้ ๆ กับที่ทำงานของหญิงสาวในช่วงหลังเลิกงาน ก่อนจะพากันเดินไปลัดเลาะสวนสาธารณะโดยมีเป้าหมายคือร้านเค้กเปิดใหม่ที่หัวมุมถนน


“เขาตกแต่งร้านน่ารักเนอะพี่จ้า” คนตัวเล็กกล่าวทันทีที่เปิดประตูเข้าไปในร้านเค้กขนาดสองคูหาที่ด้านหน้าเป็นกระจก ภายในทาด้วยสีฟ้าและตกแต่งด้วยเฟอนิเจอร์หรือของตกแต่งที่เจ้าของร้านพยายามเลือกให้เป็นสีเดียวกันกับสีร้าน ด้านหนึ่งของร้านเป็นโซนของเค้กและเบเกอรี่โฮมเมดที่ถูกวางแสดงไว้อย่างละลานตา บรรดาสาว ๆ พนักงานอ๊อฟฟิศหลายคนต่างก็กำลังจับกลุ่มเลือกขนมที่ถูกใจก่อนจะไปหาที่นั่งสบาย ๆ คุยกันและชิมของหวานหน้าตาหน้าทานเหล่านั้น จอมขวัญเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์ที่อยู่ด้านในสุดของร้านซึ่งมีพนักงานร้านกำลังยืนผสมเครื่องดื่มให้ลูกค้าอยู่ หญิงสาวแจ้งรหัสและชื่อของเธอกับสาวน้อยน่าตาน่ารักคนหนึ่งที่เพิ่งว่างจากการรับออเดอร์

“บัตร V.I.P.” เธอหันไปกล่าวกับคนที่กำลังนั่งคิดเงินอยู่หลังเคาน์เตอร์ หญิงสาวที่ดูจะอายุมากกว่าเธอเล็กน้อยเงยหน้าขึ้นก่อนจะลุกมายืนข้าง ๆ กัน

“เดี๋ยวหนูให้น้องเคลียร์โต๊ะให้ก่อนนะคะ พอดีแขกเพิ่งลุกออกไป” เธอกล่าวพร้อมกับชะเง้อมองโต๊ะที่อยู่ในมุมซึ่งติดกับชั้นวางหนังสืออ่านเล่น


“นั่งโต๊ะอื่นก็ได้นะครับ โต๊ะว่างตั้งเยอะ” อาทิตย์ทัศน์กล่าว


“พอดีรหัสที่พี่ให้มามันเป็นรหัสบัตร V.I.P น่ะค่ะ” พนักงานสาวตอบยิ้ม ๆ “ระหว่างนี้ลองเลือกขนมก่อนก็ได้นะคะ”


จอมขวัญพยักหน้าก่อนจะจูงมือพี่ชายของเธอตรงไปยังตู้โชว์เบเกอรี่


“น่าทานจังเลยค่ะพี่จ้า” จอมขวัญกล่าวขณะกวาดสายตามองเค้กและขนมหลากชนิดที่เรียงรายกันอยู่ในตู้ “เอาอันนี้ค่ะ” เธอบอกกับพนักงานที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ


“พี่จ้า ทานอะไรดีคะ” หญิงสาวหันมาถามคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กัน


อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้าช้า ๆ เมื่อเห็นว่าพนักงานเคลียร์ ‘โต๊ะ V.I.P’ เรียบร้อยแล้วเขาจึงเดินไปนั่งรอเธออยู่ที่นั่น จอมขวัญหันไปสั่งเครื่องดื่มและขนมเผื่อเขาอีก 2-3 ชิ้นกับพนักงานก่อนจะเดินตามไป


ชายหนุ่มที่นั่งรออยู่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดอ่านข้อความที่เพิ่งถูกส่งมาเมื่อสักครู่โดยไม่ได้สนใจหญิงสาวที่เดินมานั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม เพียงไม่นานเค้กและขนมรวมถึงเครื่องดื่มก็ถูกยกมาเสิร์ฟ อาทิตย์ทัศน์เงยหน้าขึ้นมองน้องสาวที่ตอนนี้เอาแต่นั่งมองขนมหลายชนิดในจานด้วยดวงตาเป็นประกายเหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่


“เอ้า! ขนมมาแล้วยังไม่รีบทานอีก มัวแต่นั่งดูมันจะอิ่มเหรอ”



คำพูดของพี่ชายบ้านตรงข้ามทำเอาจอมขวัญหุบยิ้มแทบไม่ทัน เธอเกาศีรษะแก้เขินก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจัดการถ่ายภาพขนมในจานก่อนจะกดแชร์ให้เพื่อน ๆ ผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้าช้า ๆ ก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่างร้าน แสงสุดท้ายของวันกำลังเลือนหายไปทุกขณะ บนท้องถนนเต็มไปด้วยรถยนต์ทที่จอดติดไฟแดงนานเกือบสิบนาทีตั้งแต่ที่เขามาถึง ช่วงเวลาที่แสนวุ่นวายยังคงดำเนินสวนทางกับช่วงเวลาแห่งความสุขของบรรดาสาว ๆ ที่เข้ามานั่งทานขนมในร้าน ภาพผู้หญิงที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพกับขนมในจานมีให้เห็นในเกือบทุกโต๊ะ ยิ่งโต๊ะไหนที่มากันเป็นกลุ่มยิ่งต้องผลัดกันถ่ายจนครบ


อาทิตย์ทัศน์ก้มมองนาฬิกาข้อมือพร้อมกับใช้ปลายนิ้วพิมพ์ข้อความบางอย่างในขณะที่น้องสาวของเขากำลังมีความสุขกับการได้ลิ้มลองของหวานตรงหน้า เสียงโมบายแขวนประตูที่ดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มต้องเงยหน้าขึ้นมองผู้ที่มาใหม่ ร่างสูงของใครคนหนึ่งเพิ่งเดินผลักประตูกระจกเข้ามา เขาสบตาคนที่นั่งหันหน้ามาทางประตูแว้บหนึ่งก่อนจะตรงไปที่เคาน์เตอร์อย่างรีบร้อน หลังจากยืนคุยกับพนักงานร้านอยู่สักพักก็หันมาทางโต๊ะที่อาทิตย์ทัศน์และจอมขวัญนั่งอยู่


“สวัสดีครับ” ชายหนุ่มร่างสูงที่เดินมาหยุดที่โต๊ะกล่าวอย่างสุภาพ ทำให้หญิงสาวที่กำลังมีความสุขกับการทานขนมต้องหยุดการกระทำทุกอย่างก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเขา


“ขะ ค่ะ” จอมขวัญขมวดคิ้ว พร้อมกับนึกทบทวนว่าเธอไม่เคยรู้จักเขามาก่อนแน่ ๆ ชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำพับแขน ตาคมภายใต้กระจกแว่นสายตากรอบสีดำสนิทยังคงจ้องมาที่เธอจนคนถูกมองมีอันต้องเบนสายตาหนี หญิงสาวหันไปสบตากับพี่ชายของเธอที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเหมือนจะถามว่าเขารู้จักผู้ชายคนนี้ไหม แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใด ๆ จากใบหน้าเรียบเฉยนั้น


“คุณ....” ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยขึ้นก่อนจะพยายามเรียบเรียงคำพูด “คือผม...ผมชื่อตฤณกรครับ”


ชื่อที่คุ้นหูทำเอาคนที่กำลังยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแทบสำลัก อาทิตย์ทัศน์รีบวางแก้วน้ำลงก่อนจะมองหน้าคนตัวเล็กที่นั่งอ้าปากหวอตรงหน้า


“เอ้อ ค่ะ คุณตฤณกร”


“คือ คุณเป็นเจ้าของบัตรรหัส 0081 ใช่ไหมครับ” เขาถาม


“ชะ ใช่ค่ะ”


“ถ้าอย่างนั้นคุณก็คือเจ้าของ username ถ้าเธอเป็นท้องฟ้าน่ะสิครับ”


“ใช่ เอ้อ! ไม่ใช่ค่ะ” จอมขวัญปฏิเสธพร้อมกับสบตาอาทิตย์ทัศน์ที่รู้สึกโล่งอกไปเปราะหนึ่งกับคำตอบของเธอ


“อ้าว ผมคิดว่าใช่เสียอีก”


“ฉันได้รับรหัสนี้มาอีกทีค่ะ” จอมขวัญตอบ


“อืม..ครับ” ชายหนุ่มร่างสูงพยักหน้า เป็นเวลาเดียวกับที่เสียงโทรศัพท์ของคนที่เอาแต่นั่งเงียบดังขึ้น


“เออ..ว่าไง” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นพร้อมกับก้มมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง ก่อนจะส่งสัญญาณให้คนตรงหน้ารู้ว่าเขาขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก จากนั้นอาทิตย์ทัศน์ก็เดินออกไปนอกร้าน ตฤณกรจ้องมองชายหนุ่มซึ่งเตี้ยกว่าตนเองเล็กน้อยที่เดินผ่านไปพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของน้ำหอมยี่ห้อที่ไม่คุ้นเคย คิ้วเข้มหนารับกับใบหน้าเกลี้ยงเกลา จมูกรั้น ๆ กับริมฝีปากบาง และพวงแก้มที่ดูเอิบอิ่มทำให้เขาเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาจนผู้ชายด้วยกันอย่างตฤณกรนึกอิจฉา คนตัวสูงขยับแว่นสายตาก่อนจะขออนุญาตนั่งลงแทนที่


“คุณ....”


“จอมขวัญค่ะ เรียกขวัญเฉย ๆ ก็ได้” หญิงสาวกล่าวยิ้ม ๆ


“ครับคุณขวัญ ผมตังครับ” ตฤณกรยิ้มอย่างเป็นมิตรก่อนจะชะเง้อมองคนที่กำลังคุยโทรศัพท์ผ่านกระจกหน้าร้าน


“คนนั้นพี่ชายขวัญค่ะ ชื่อพี่จ้า”


“ครับ” ตฤณกรละสายตาจากร่างสูงก่อนจะพนักหน้าให้หญิงสาว


“ผิดหวังหรือเปล่าคะที่ขวัญไม่ใช่คนที่คุณอยากเจอ”


“ไม่ครับ อย่างน้อยก็เหมือนได้รู้จักเพื่อนใหม่เพิ่มอีกคน” ตฤณกรกล่าว


“คุณรู้จักกับเจ้าของ username นี้เหรอครับ”


“เอ้อ...ค่ะ” จอมขวัญตอบยิ้ม ๆ


“อืม...ผมไม่ถามดีกว่าว่าเธอ...หรือเขาเป็นใคร แต่อยากฝากคุณขวัญบอกเขาหน่อยว่าผมอยากรู้จักเขาจริง ๆ อยากจะขอบคุณสำหรับหลาย ๆ เรื่อง”


“ค่ะ ถ้าขวัญเจอแล้วขวัญจะบอกให้นะคะ” หญิงสาวยิ้มก่อนจะเหลียวมองตามเสียงโมบายแขวนประตูที่ดังขึ้น อาทิตย์ทัศน์เดินกลับเข้ามาที่โต๊ะอีกครั้ง เขาสบตาคนที่นั่งตรงที่ที่เขาเคยนั่งเล็กน้อยก่อนจะกล่าวกับผู้เป็นน้องสาว


“ขวัญ พี่ต้องไปแล้วนะ”


“อ้าว ได้เวลานัดแล้วเหรอคะพี่จ้า”


อาทิตย์ทัศน์พยักหน้า “ขวัญจะไปพร้อมกันเลยไหมเดี๋ยวพี่ไปส่งขึ้นรถไฟฟ้า หรือว่าจะทานต่อก็ตามใจ”


“เดี๋ยวผมไปส่งเธอที่สถานีรถไฟฟ้าก็ได้ครับ” ตฤณกรแทรกขึ้นพร้อมกับยิ้มให้ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าเรียบเฉย


“อืม...ถ้าอย่างนั้นขวัญกลับเองก็ได้ค่ะพี่จ้า พี่จ้ารีบไปเถอะ เดี๋ยวไม่ทันนัด”


อาทิตย์ทัศน์พนักหน้าก่อนเดินออกไปจากร้าน


“พี่ชายคุณขวัญนี่ดูนิ่งมาก ๆ เลยนะครับ”


“ค่ะ” จอมขวัญตอบยิ้ม ๆ ทั้งที่ในใจอยากจะบอกเขาเหลือเกินว่า ก็เพราะนิ่งแบบนี้แหละถึงมีแต่คนเรียกเขาว่า ‘ก้อนหินจำศีล’



....





‘เมื่อเย็นผมแวะไปที่ร้านเค้ก คิดว่าจะได้เจอคุณที่นั่น น่าเสียดายจังที่คุณไม่มา’




อาทิตย์ทัศน์อ่านข้อความที่ถูกส่งมาก่อนจะปิดหน้าจอเพื่อเตรียมเอกสารการสอนต่อจนดึก....



....



“พี่จ้าใจร้าย” จอมขวัญกล่าวเมื่อพบอาทิตย์ทัศน์ที่หน้าบ้านในตอนเช้า


“พี่ไปทำอะไรให้ ถึงมาว่าพี่ใจร้าย” ชายหนุ่มกล่าวขณะเปิดประตูรั้วเตรียมจะเอารถออก


“พี่ตังเขาอยากรู้จักพี่จ้าจริง ๆ นะคะ”


อาทิตย์ทัศน์ไม่ได้ใส่ใจคำพูดของคนตัวเล็กนัก เขาเดินไปสตาร์ทรถก่อนจะค่อย ๆ ถอยออกมาจากโรงจอด


“จะไปด้วยกันไหม” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเมื่อลงมาจากรถก่อนจะเดินไปปิดประตูรั้ว


“ไป” เธอกล่าวก่อนจะเดินอ้อมมาเปิดประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับ


“ไปสนิทสนมกับเขาตั้งแต่เมื่อไรถึงเรียกเขาว่าพี่เต็มปากเต็มคำ” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นเมื่อกลับเข้ามานั่งประจำที่


“ก็พี่ตังเขาอายุเท่าพี่จ้านี่คะ ขวัญก็ต้องเรียกเขาว่าพี่สิ” หญิงสาวกล่าวก่อนจะมองออกไปนอกกระจก “เขาอยากรู้จักพี่จ้าจริง ๆ นะ”


“แต่พี่ไม่อยากรู้จักเขานี่”


“ใจร้ายที่สุด” จอมขวัญมองค้อน







“เย็นนี้ให้พี่ไปรับไหม” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบเมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงที่ทำงานของน้องสาว


“เย็นนี้ขวัญมีนัดแล้วค่ะ ขวัญกลับเอง”


อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้วสงสัยก่อนจะถามต่อ “นัดกับใคร”


“ขวัญนัดกับพี่ตังไว้ว่าจะไปเลี้ยงขอบคุณเขาที่เขาอุตส่าห์ให้บัตรทานเค้กฟรีมา แถมซื้อขนมฝากมาให้ทานที่บ้านอีกตั้งเยอะ”


“เฮ้อ!!!!! เดี๋ยวนี้เห็นคนอื่นดีกว่าเรา” อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้า


“พี่ตังเขาไม่ใจร้ายเหมือนพี่จ้านี่คะ”


“ใช่สิ พี่มันใจร้าย เจอเขาแค่ครั้งเดียวแถมเขาเอาขนมมาล่อหน่อยก็ไปเป็นพวกเขาแล้ว”


“นี่พี่จ้าว่าขวัญเห็นแก่กินเหรอ”


“ใช่”


“เชอะ! คนอะไร ไม่หล่อแล้วยังปากร้าย แถมใจร้ายอีกต่างหาก”


“เอ้า เมื่อ 2-3 วันก่อนยังชมพี่จ้าหล่ออยู่เลย”


“ไม่หล่อแล้ว พี่ตังหล่อกว่า ตลกแถมใจดีด้วย” จอมขวัญกล่าวก่อนจะลงจากรถ ทิ้งให้อาทิตย์ทัศน์ได้แต่นั่งส่ายหน้ายิ้ม ๆ อย่างอ่อนใจกับน้องสาวแสนงอนของตัวเอง



....


สัปดาห์ต่อมา...


“จ้า เมื่อเย็นแม่แวะไปเอาของโรงพิมพ์ให้แล้วนะลูก” ผู้เป็นแม่กล่าวเมื่อเห็นลูกชายเดินเข้ามาในบ้าน


“ขอบคุณครับแม่ จ้าลืมไปเลยว่านัดเขารับของวันนี้”


“ที่โรงพิมพ์เขาโทร.มาที่บ้านน่ะ เขาบอกว่าติดต่อลูกไม่ได้ แม่ก็เลยแวะไปเอาให้”


“สงสัยโทร.มาตอนจ้ากำลังประชุมแน่เลย” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงออกมาดู “จริงด้วย” ชายหนุ่มยิ้ม


“แล้วนี่ลูกทานอะไรมาหรือยัง”


“เรียบร้อยแล้วครับแม่” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับค่อย ๆ พับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้น


“ถ้าอย่างนั้นลูกไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ต้องไปแกลอรีแต่เช้าไม่ใช่เหรอ”


“ครับ”


“แล้วอย่าลืมเปิดเอาของที่ท้ายรถแม่ไปด้วยล่ะ”


“ครับแม่”



วันต่อมาอาทิตย์ทัศน์ไปที่แกลอรีที่เขาจองไว้เพื่อแสดงงานภาพถ่ายผลงานที่เคยทำเป็นโปรเจคก่อนเรียนจบตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมพิธีเปิดที่จะมีในตอนเย็น การทำงานเริ่มขึ้นอย่างจริง ๆ จัง ๆ ในช่วงสายโดยมีนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยมาช่วยเตรียมงานด้ว ภาพถ่ายทิวทัศน์ที่ไม่มีให้พบเห็นในเมืองไทยถูกติดตั้งจนทั่วแกลอรี สูจิบัตรและของที่ระลึกถูกจัดเรียงไว้บนโต๊ะอย่างเรียบร้อย จนกระทั่งในตอนบ่ายแก่ ๆ เพื่อน ๆ ที่สนิทกันหรือบรรดาช่างภาพทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพที่ทราบข่าวต่างก็ทยอยกันมาร่วมงาน


“พี่ตัง ทางนี้ค่ะ” จอมขวัญที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อรนุชร้องขึ้นพร้อมกับโบกมือให้ชายหนุ่มร่างสูงที่เดินเข้ามาในงาน


“นึกว่าพี่ตังจะไม่มาเสียแล้ว” หญิงสาวกล่าวเมื่อเขาเดินมาถึง


“น้องขวัญอุตส่าห์ชวนทั้งที พี่ก็ต้องมาสิครับ อีกอย่างแกลอรีนี้ก็อยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานพี่ด้วย” ตฤณกรกล่าวก่อนจะมองหญิงวัยกลางคนยืนอยู่ใกล้ ๆ ใบหน้าอ่อนโยนนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนกับเคยได้เจอกันมาก่อนที่ไหนสักที่


“นี่น้านุชค่ะ” จอมขวัญแนะนำ


“สวัสดีครับ” ตฤณกรยกมือไหว้อย่างนอบน้อม


“สวัสดีจ้ะ”


“ผมรู้สึกเหมือนเคยเจอคุณป้ามาก่อน แต่จำไม่ได้จริง ๆ ครับว่าที่ไหน” คนตัวสูงขมวดคิ้ว


“อาจจะเคยเจอกันตามแกลอรีก็ได้นะจ๊ะ” เธอยิ้มอย่างออ่อนโยน


“แกลอรีเหรอครับ” ตฤณกรพยายามนึก


“แกลอรีที่สีลม” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ “ผมจำได้แล้ว คุณป้าเคยให้ของที่ระลึกงานแสดงภาพถ่ายกับผม”


“อ๋อ...งานแสดงภาพของพี่จ้าครั้งนั้นแน่ ๆ เลยใช่ไหมคะน้านุช ครั้งสุดท้ายก่อนพี่จ้าจะไปอังกฤษ”


หญิงวัยกลางคนไม่ได้ตอบคำถามอะไร เธอได้แต่ยิ้ม...






หลังจากเปิดงานแสดงภาพได้สักพัก ผู้ที่มาร่วมงานต่างก็เดินชมภาพที่จัดแสดงเอาไว้ด้วยความสนใจ หลายภาพถูกซื้อโดยบรรดาคนที่รักงานศิลปะ ซึ่งรายได้จากการจัดแสดงงานในครั้งนี้ เจ้าของงานแจ้งความประสงค์ไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะบริจาคให้มูลนิธิอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล


“สวยดีนะครับ” เสียงหนึ่งที่ดังขึ้นจากข้างหลัง ทำให้คนที่กำลังยืนคิดอะไรเพลิน ๆ ต้องสะดุ้ง เขาละสายตาจากภาพถ่ายทิวทัศน์ของเนินเขาที่ปกคลุมไปด้วยต้นหญ้าสีเขียวอ่อนมองเห็นท้องฟ้าสีฟ้าสดใสและต้นไม้ใหญ่ที่ยืนต้นตระหง่านแผ่กิ่งก้านกินพื้นที่ส่วนใหญ่ของภาพ เมื่ออาทิตย์ทัศน์หันกลับมามองเจ้าของเสียงและรู้ว่าเขาเป็นใครก็ยิ่งทำให้ประหลาดใจมากขึ้นไปอีก


“สวัสดีครับ” ตฤณกรยิ้ม


“สวัสดีครับ” อาทิตย์ทัศน์กล่าวเพียงสั้น ๆ ก่อนจะเบนสายตาไปที่หญิงสาวที่ยืนอมยิ้มอยู่ไกล ๆ


“คุณถ่ายรูปสวยจัง” คนตัวสูงกล่าวก่อนจะเดินผ่านร่างของเขาเข้าไปดูภาพนั้นใกล้ ๆ


“ขะ ขอบคุณครับ”


ตฤณกรยิ้มกับตัวเองเมื่อได้ยินประโยคสั้น ๆ นั้น เขาหันมาก่อนจะกล่าว “คุณนี่พูดน้อยเนอะ มันทำให้ผมนึกถึงใครคนหนึ่งขึ้นมา”


“อาจารย์ครับ” เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้นขัดจังหวะ


อาทิตย์ทัศน์หันไปมองก็เห็นว่าชายหนุ่มในชุดนักศึกษาคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาหาเขา “อาจารย์นราวิชถามหาอาจารย์ครับ”


“อืม ขอบใจมาก” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะหันมาหาตฤณกร “ผมขอตัวก่อนนะครับ เชิญคุณตามสบาย” พูดจบเขาก็เดินจากไป


ตฤณกรมองตามแผ่นหลังของคนที่ตัวเล็กกว่าที่กำลังเดินเข้าไปหาผู้ชายร่างสูงใหญ่ซึ่งกำลังยืนคุยอยู่กับนักศึกษาอีก 2-3 คน ตฤณกรรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาเขาเป็นอย่างดี


“พี่ใหญ่...” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองก่อนจะเดินตามไป





“โหพี่วิช พี่ไม่มาสักตอนงานเลิกเลยล่ะ” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้น


“อ้าวไอ้นี่ เจอหน้าก็กัดเลยนะ เดี๋ยวปั๊ดโบก...”


“อาจารย์นราวิชทำแบบนี้ต่อหน้านักศึกษาไม่ดีนะครับ ไม่น่าเชื่อถือเลย” อาทิตย์ทัศน์หัวเราะ


“เออ ก็ให้นักศึกษาพิจารณาเอาแล้วกันว่าใครน่าเชื่อถือกว่าใคร” สิ้นเสียงนราวิช ทุกคนที่ยืนจับกลุ่มคุยกันอยู่ตรงนั้นก็พากันหัวเราะ


“อ้าว ตัง มาได้ยังไง” นราวิชเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นตฤณกรเดินเข้ามา “แล้วนี่รู้จักกันแล้วเหรอ” ชายหนุ่งร่างสูงใหญ่หันไปถามอาทิตย์ทัศน์


“ยัง ยังไม่รู้จัก” ชายหนุ่มกล่าวอย่างรีบร้อน


ตฤณกรยิ้มพร้อมกับสบตาคนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ แว้บหนึ่ง “ครับ ตอนนี้ยังไม่รู้จัก”


อาทิตย์ทัศน์เหลือบมองคนที่ตัวสูงเจ้าของใบหน้าระบายยิ้มที่กำลังยืนคุยกับรุ่นพี่ของเขาอย่างสนิทสนิทสนม คำพูดและแววตาแปลก ๆ เมื่อสักครู่นั่นมันอะไรกัน ชายหนุ่มถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเดินเลี่ยงออกมา...





“มานี่เลย” อาทิตย์ทัศน์จูงมือน้องสาวเดินหลบผู้คนมาที่มุมหนึ่ง


“อะไรคะพี่จ้า”


“เขามาได้ยังไง” ชายหนุ่มกล่าวก่อนจะมองไปที่ตฤณกรที่ยังคงยืนคุยกับนราวิช


“ขวัญชวนพี่ตังมาเองค่ะ ทำไมคะ ชวนมาไม่ได้เหรอคะ” จอมขวัญยิ้มหวาน


อาทิตย์ทัศน์มองคนตัวเล็กตรงหน้าก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ “แล้วขวัญเล่าอะไรเกี่ยวกับพี่ให้เขาฟังหรือเปล่า”


“ขวัญไม่เล่าหรอกค่ะ” หญิงสาวยิ้ม


“อืม” ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนจะรีบเดินไปต้อนรับ ดร.สามมิติ ที่เพิ่งเดินเข้ามาในงาน...


จอมขวัญมองตามพี่ชายของเธอด้วยใบหน้าระบายยิ้ม “ขวัญไม่เล่าหรอกค่ะ ถ้าพี่จ้าไม่ทำใจร้ายกับพี่ตัง”



 
 

....





เจอกันซะทีนะคะ ^^




หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 7 : การเริ่มต้น)
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 06-12-2013 17:00:29

อาจารย์เป็นกันเองใครๆก็อยากเรียนด้วย
ว่าแต่เพื่อนเก่าจะมีโอกาสได้กลับมาเจอกันอีกมั้ยนะ
อ่านเรื่องนี้แล้วอบอุ่นหัวใจเหมาะกับอากาศตอนนี้มากๆเลย


ตอนใหม่มาอีกแล้ว---ในที่สุดก็เจอกันซักที
แถมดูท่าทางตังจะรู้แล้วด้วยว่าเป็นใคร
เพราะแม่สื่อจอมยุ่งแน่ๆเลย

+ 1 + เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 8 : แรกพบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 06-12-2013 20:28:55
เจอกันแล้วก็เหมือนไม่เจออ่ะ
จ้าอย่าเล่นตัวมากสิ สงสารคนลุ้นบ้าง
ถ้าจอมขวัญเป็นแม่สื่อก็โอน่ะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 8 : แรกพบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 06-12-2013 20:39:57
น้องขวัญบอกไปเลยยยยย พี่จ้าใจร้าย
หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 9 : คำขอโทษและพันธนาการที่มองไม่เห็น)
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 07-12-2013 02:02:41
ตอนที่ 9 คำขอโทษและพันธนาการที่มองไม่เห็น






“พี่จ้าคะ ปีนี้พี่จ้ากับเพื่อน ๆ จะไปงานเลี้ยงรุ่นที่โรงเรียนไหมคะ ขวัญจะได้จองโต๊ะให้” สาวน้อยในชุดนักเรียนม.ปลายที่เดินเข้ามาในบ้านเอ่ยขึ้น ที่หน้าอกเสื้อเหนือตัวอักษรตัวย่อของโรงเรียนมีเข็มกลัดที่สั่งทำพิเศษติดอยู่ นั่นเป็นสัญญลักษณ์ให้รู้ว่าเธอคือผู้ที่นักเรียนส่วนใหญ่ในโรงเรียนเลือกมาเพื่อเป็นปากเสียงแทนพวกเขา คล้ายกับการเลือกส.ส.เข้าไปทำหน้าที่ในสภา



“กลัวคนอื่นเขาจะว่าว่าขาดตกบกพร่องในหน้าที่ประธานนักเรียนหรือไงกันถึงมาบังคับขายบัตรกับพี่”


“ไม่ใช่สักหน่อย ขวัญไม่ได้บังคับขายนะ แค่ขอความเมตตาจากรุ่นพี่ ๆ ที่จบไปแล้วต่างหาก” สาวน้อยยิ้มก่อนจะนั่งลงที่โซฟามองชายหนุ่มในชุดนักศึกษาที่กำลังง่วนอยู่กับการคัดรูปภาพที่เพิ่งอัดมาเพื่อเตรียมส่งอาจารย์


“แล้วตกลงจะให้ขวัญจองให้ไหมคะ”



“อื้อ..เอาสิปีก่อนก็พลาดมาครั้งหนึ่งแล้ว” อาทิตย์ทัศน์กล่าวพรางนึกถึงเมื่อครั้งที่เขายังเรียนปี 1 ที่ต้องไปออกค่ายในต่างจังหวัดซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่โรงเรียนจัดงานคืนสู่เหย้า ทำให้เขาพลาดโอกาสที่จะกลับไปเจอเพื่อน ๆ อีกครั้งหลังจากเรียนจบ


“พี่จ้าเจอพี่นนท์บ้างหรือเปล่าคะ” คำถามของจอมขวัญทำให้อาทิตย์ทัศน์นิ่งไปชั่วขณะ ตาคมที่ยังคงจดจ้องอยู่กับภาพถ่ายในมือวูบหม่นลงไปเล็กน้อยก่อนจะตอบแบบไม่ใส่ใจนัก


“ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกัน”


“อืม...อาจจะเก็บตัวมั้ง” หญิงสาวเอ่ยขึ้น


“เก็บตัวเหรอ” อาทิตย์ทัศน์มองหน้าคนพูดด้วยความสงสัย


“ค่ะ เพื่อน ๆ ที่เคยอยู่ชมรมนาฏศิลป์ด้วยกันบอกว่าพี่ตวงเขาไม่ได้คบกับพี่นนท์แล้ว”


คำพูดของน้องสาวทำเอาอาทิตย์ทัศน์รู้สึกแปลกใจและอดเป็นห่วงเพื่อนไม่ได้ จะว่าไปก่อนหน้านี้เขาเองก็มีเรื่องที่แปลกใจอยู่เหมือนกันที่เมื่อ 2-3 วันก่อนเขาพบตวงสุดานั่งรถไปกับใครคนหนึ่งที่ไม่ใช่ณัฐนนท์ แต่เขาก็ยังมองในแง่ดีว่านั่นคงจะเป็นเพื่อน ๆ ในคณะของเธอ



....


‘คืนสู่เหย้าชาวฟ้า-ขาว’


หลังจากที่ท่านผู้อำนวยการโรงเรียนได้กล่าวเปิดงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บรรดาศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันที่พากันเงียบเสียงไปเมื่อสักครู่ก็เริ่มส่งเสียงพูดคุยกันเป็นนกกระจอกแตกรังอีกครั้ง ในไม่กี่นาทีต่อมาการแสดงชุดแรกของค่ำคืนของการคืนสู่เหย้าก็เริ่มต้นขึ้น เป็นการแสดงของเหล่ารุ่นน้องจากชมรมนาฏศิลป์ซึ่งได้รับการปรบมือเกรียวกราวจากโต๊ะของกลุ่มอดีตสมาชิกชมรม


อาทิตย์ทัศน์ชะเง้อมองหญิงสาวหน้าตาสะสวยอดีตดาวโรงเรียนและผู้รั้งตำแหน่งดาวคณะอักษรศาสตร์ซึ่งนั่งรวมอยู่กับเพื่อน ๆ ของเธอที่โต๊ะถัดไปไม่ไกล เธอไม่ได้มาพร้อมกับใครคนหนึ่งอย่างที่เขาคาดการณ์เอาไว้ว่าจะได้เห็นทั้งคู่มาด้วยกัน


ชายหนุ่มละสายตาจากตวงสุดาทันทีเมื่อพิธีกรบนเวทีประกาศว่าการแสดงชุดที่สองกำลังจะเริ่มขึ้น ไม่นานบรรดาสาว ๆ ในชุดระบำสเปนสีแดงสดก็วิ่งกรูกันออกมาจากหลังเวทีพร้อมกับเสียงดนตรีจังหวะเร้าใจที่ไม่คุ้นหูคนไทยสักเท่าไร แต่ก็สามารถสร้างความตื่นตาตื่นใจและเรียกเสียงปรบมือจากคนที่นั่งชมอยู่ได้เป็นอย่างมาก


อาทิตย์ทัศน์สะพายกล้องตัวเก่งไปยืนที่หน้าเวทีเพื่อเก็บภาพจอมขวัญ และหลังจากการแสดงชุดที่สองจบลงเขาก็รีบเดินไปที่หลังเวทีเพื่อถ่ายภาพให้น้องสาวของเขาทันทีตามที่ได้ตกลงกันเอาไว้


“พี่จ้ามาแล้ว” หญิงสาวในชุดระบำสีแดงร้องขึ้น ทำให้บรรดาเด็ก ๆ ที่อยู่หลังเวทีต่างมองเขาเป็นตาเดียว


“กรี๊ด!!!!! พี่จ้าหล่อขึ้น” หนุ่มน้อยท่าทางอ้อนแอ้นร้องเสียงดังจนอาทิตย์ทัศน์ทำหน้าไม่ถูก เขายิ้มน้อย ๆ ก่อนจะเดินตรงไปหาจอมขวัญที่ยืนอยู่ด้านใน


“พี่จ้าถ่ายรูปให้ขวัญกับเพื่อน ๆ หน่อยนะ” พูดจบเธอก็จูงมือพาพี่ชายเดินไปยังกลุ่มของเพื่อน ๆ ที่ตั้งแถวรออยู่ก่อนแล้ว


“พร้อมนะครับ หนึ่ง...สอง....สาม” สิ้นเสียงอาทิตย์ทัศน์เสียงกดชัตเตอร์ก็รัวขึ้นติดต่อกัน หลังจากถ่ายรูปจนหนำใจแล้วบรรดาสาว ๆ จึงแยกย้ายกันไปเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวที่ห้องชมรม


“สวัสดีจ้า” เสียงหนึ่งดังขึ้นขณะที่อาทิตย์ทัศน์ยังคงยืนรอน้องสาวของเขาที่ด้านหลังเวที


“ตวง” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับลอบสำรวจคนตรงหน้า เพียงสองปีหลังจากเรียนจบในระดับมัธยมเท่านั้น แต่เธอกลับดูเป็นผู้ใหญ่มาก ผมดำขลับที่ไว้ยาวถึงกลางหลังแบบสาวนาฏศิลป์ถูกดัดเป็นลอนหลวม ๆ และทำสีน้ำตาลเข้มแบบที่กำลังฮิตกันอยู่ในขณะนั้น


“ไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะจ้า เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันแท้ ๆ” เธอกล่าว


“ขึ้นปีสองแล้วเราออกภาคสนามไปถ่ายรูปนอกสถานที่บ่อยน่ะ กลับมาก็อยู่แต่ในห้องมืด”


“เรียนแบบจ้านี่น่าสนุกจังเลยเนอะ” ตวงสุดากล่าวยิ้ม ๆ ก่อนจะชวนเขาเดินเลี่ยงเสียงดังมายังฝั่งโรงยิมซึ่งอยู่ด้านหลังอาคารเรียน


“คิดว่าตวงจะมากับนนท์เสียอีก” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้น


หญิงสาวหันมายิ้มอย่างแปลกใจ “นี่จ้ายังไม่รู้เหรอ”


“รู้ รู้ว่าอะไรเหรอ”


“ก็เรื่องที่ตวงเลิกกับนนท์แล้ว นนท์ไม่ได้เล่าให้จ้าฟังหรอกเหรอ น่าแปลกจัง เป็นเพื่อนสนิทกันแท้ ๆ”



อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้าเล็กน้อย “คงเรียกแบบนั้นไม่ได้แล้วละ”


“อ้าว ทำไมล่ะ”


“เรากับนนท์ห่าง ๆ กันมาตั้งนานแล้วละ ตั้งแต่ก่อนเรียนจบ”


คำบอกเล่าของชายหนุ่มตรงหน้าทำให้คนฟังมีสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก ตวงสุดารู้ดีอยู่แก่ใจว่าตนเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ถ้าวันนั้นเธอไม่ขอร้องให้ณัฐนนท์ออกห่างจากอาทิตย์ทัศน์ความสัมพันธ์ระหว่างเขาทั้งสองคนก็คงไม่เป็นแบบนี้


“ตวงขอโทษนะจ้า” ตวงสุดาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา


“ขอโทษเราเรื่องอะไรเหรอ”


“ตวงเป็นคนบอกให้นนท์อยู่ห่าง ๆ จ้า เพราะตวงไม่ชอบที่คนอื่น ๆ ในโรงเรียนพยายามจับคู่ให้นนท์กับจ้า”


ความจริงจากปากของหญิงสาวตรงหน้าทำเอาคนฟังรู้สึกชาไปทั้งตัว ไม่คิดว่าเรื่องไม่เป็นเรื่องจะทำให้เขาต้องสูญเสียเพื่อนคนหนึ่งไป แล้วก็ไม่คิดเลยว่าเพื่อนที่เขารักมากที่สุดจะยอมตกลงทำตามเงื่อนไขที่ดูไม่ค่อยมีเหตุผลนี้


“ช่างมันเถอะตวง เรื่องมันผ่านมานานแล้ว” อาทิตย์ทัศน์กล่าว เขาเองยังไม่เห็นประโยชน์ของการรื้อฟื้นเรื่องเก่า ๆ ที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้วขึ้นมาพูด


“แต่ว่ายังไงตวงก็อยากจะขอโทษจ้านะ” ตวงสุดากล่าวอย่างจริงใจ “จ้าไม่รู้เรื่องที่ตวงเลิกกับนนท์ ถ้าอย่างนั้นจ้าก็คงยังไม่รู้เรื่องที่นนท์กำลังจะไปเรียนต่อต่างประเทศด้วยใช่ไหม”


อาทิตย์ทัศน์พยักหน้า นึกอยากจะหายตัวไปจากตรงนั้นเสียดื้อ ๆ เพราะไม่อยากจะรับรู้เรื่องราวอะไรทั้งนั้น



...


“พี่จ้า” จอมขวัญที่นั่งซ้อนท้ายจักรยานเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ เพราะตั้งแต่ออกมาจากโรงเรียนอาทิตย์ทัศน์ก็ไม่พูดอะไรกับเธออีกเลย


“ขวัญได้ยินนะ เรื่องที่พี่ตวงพูดกับพี่จ้า” เธอกล่าวพร้อมกับวางมือเล็ก ๆ บนแผ่นหลังของเขาเหมือนทุกครั้งที่รู้สึกว่าพี่ชายกำลังต้องการกำลังใจ “พี่จ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม”


“พี่ไม่เป็นไร” อาทิตย์ทัศน์ตอบเสียงเรียบ ๆ


“พี่จ้าโกรธพี่นนท์ไหม”


“ไม่นะ แต่แค่รู้สึกแปลกใจ คิดไม่ถึงว่าเพื่อนเราจะยอมทำตามเงื่อนไขที่ดูไม่มีเหตุผลนั่น” อาทิตย์ทัศน์หยุดถอนหายใจ “ขวัญเข้าใจที่พี่พูดไหม”


“ขวัญเข้าใจค่ะ ขวัญถึงโกรธพี่นนท์มาก ๆ ที่ทำกับพี่จ้าแบบนี้” จอมขวัญกำมือแน่น


อาทิตย์เหลียวมองน้องสาวก่อนจะกล่าว “อย่าไปโกรธเขาเลยขวัญ บางที....ถ้าเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเลือก เราก็อาจจะตัดสินใจเลือกที่จะทำแบบนั้นก็ได้นะ”



.....



หลายวันต่อมา...


ชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์สวมทับด้วยเสื้อช็อปคณะวิศกรรมศาสตร์รู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่พบกับสาวน้อยในชุดนักเรียนม.ปลายที่กำลังยืนรอเขาอยู่ที่หน้าคณะ


“ขวัญมาทำอะไรที่นี่” ณัฐนนท์ทัก


“ขวัญมาหาพี่นนท์ มีเรื่องอยากจะคุยกับพี่นนท์”


“มีเรื่องอะไรเหรอ”


“พี่นนท์ไม่คิดจะบอกพี่จ้าหน่อยเหรอคะ เรื่องที่พี่จะไปต่างประเทศน่ะ ไม่สงสารพี่จ้าบ้างเหรอ เป็นเพื่อนกันภาษาอะไรถึงไม่คุยกันเพราะผู้หญิงคนเดียว”


คำพูดของจอมขวัญทำให้ความรู้สึกผิดที่มีอยู่ภายในใจของณัฐนนท์ถูกปลุกขึ้นอีกครั้ง เขาถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะกล่าว “พี่ขอโทษนะ”


“ถ้าพี่นนท์อยากขอโทษ พี่นนท์ไปขอโทษพี่จ้าดีกว่าค่ะ ขวัญกลับละ” ชายหนุ่มได้แต่มองตามร่างเล็ก ๆ ที่เดินหันหลังให้โดยไม่สนใจคำทัดทานจากเขาเลยแม้แต่น้อย....




...




หลายวันหลังจากนั้น...



“อ้าว นนท์ ไปยังไงมายังไงจ๊ะ แม่ไม่เห็นมาหาจ้าตั้งนานแล้ว นึกว่าลืมกันแล้วเสียอีก” เสียงของแม่ดังขึ้นหลังจากเสียงกดกริ่งที่หน้าประตูรั้วเงียบลงสักพัก อาทิตย์ทัศน์ละสายตาจากหนังสือตรงหน้าก่อนจะมองไปยังต้นเสียง


“จ้า นนท์มาน่ะลูก” ผู้เป็นแม่กล่าวขณะเดินนำชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของแววตาหม่นเศร้าเข้ามาในบ้าน


“นั่งคุยกันไปก่อนนะลูก เดี๋ยวแม่ไปหาขนมให้ทาน” พูดจบเธอก็เดินหายเข้าไปในครัวก่อนจะกลับออกมาอีกครั้งพร้อมกับถาดขนมและเครื่องดื่ม


“ขอบคุณครับแม่” ณัฐนนท์กล่าวก่อนจะเดินไปรับถาดขนมนั้นมาวางที่โต๊ะเขียนหนังสือของอาทิตย์ทัศน์


“เดี๋ยวแม่จะออกไปข้างนอกนะ ยังไงถ้านนท์ไม่รีบกลับละก็อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนนะลูก เดี๋ยวบ่าย ๆ แม่จะกลับมาทำของอร่อย ๆ ให้ทาน”


“ครับ” ชายหนุ่มตอบยิ้ม ๆ พรางมองหญิงวัยกลางคนที่กำลังเดินออกไปจากบ้าน ไม่นานนักประตูรั้วก็ถูกลากปิดก่อนที่รถเก๋งคันเก่าแก่ของบ้านจะถูกขับออกไป



“ไม่เจอกันนานเลยนะ” ร่างสูงเอ่ยขึ้น


“อืม” อาทิตย์ทัศน์พยักหน้า “นายมีอะไรหรือเปล่าถึงมาที่นี่”


“เราจะมาลานาย”


ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้ว แต่ประโยคสั้น ๆ นั้นก็ทำเอาคนฟังถึงกับใจหาย “นายจะไปไหน”


“พ่อจะส่งเราไปอยู่กับอาที่อเมริกา”


“แล้วเรื่องเรียนทางนี้ล่ะ”


“เราคุยกับที่บ้านแล้วว่าจะลาออกจากมหาวิทยาลัยแล้วไปเริ่มกันใหม่ที่โน่น”



“อืม” อาทิตย์ทัศน์ได้แต่พยักหน้า รู้สึกคอแห้งไปหมด พยายามจะกลืนน้ำลายแต่เหมือนมีอะไรจุกอยู่ที่ลำคอ











“ไหนบอกว่าลบทิ้งไปแล้วไง” ณัฐนนท์กล่าวขึ้นเมื่อเห็นกรอบรูปที่เขาถ่ายคู่กับอาทิตย์ทัศน์ตั้งอยู่บนโต๊ะ “เราขอได้ไหม”


“อย่าเลย” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือรีบคว้ามันมาไว้ในมือทันทีก่อนจะลุกขึ้น


“ทำไมล่ะ” ณัฐนนท์เอ่ยขึ้นพร้อมกับคว้าข้อมือของอาทิตย์ทัศน์เอาไว้


“เกะกะเปล่า ๆ”


ชายหนุ่มที่ตัวสูงกว่าถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเดินเข้ามาประชิดตัว มือหนาที่เหลืออีกข้างค่อย ๆ สอดรัดเอวของคนตัวเล็กกว่าจากด้านหลัง ณัฐนนท์ค่อย ๆ โน้มตัววางคางของตัวเองลงบนบ่าของคนที่ยืนหันหลังให้ ในขณะที่อาทิตย์ทัศน์สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่รดรินอยู่ข้างแก้ม ทำให้กรอบรูปที่ถืออยู่ในมือหล่นลงกระทบพื้นจนกระจกแตกกระจาย










“ขอโทษที่ทำให้ต้องเสียใจนะ”


“นายไม่จำเป็นต้องขอโทษ เราไม่ได้โกรธนาย” อาทิตย์ทัศนกล่าวพร้อมทั้งพยายามขยับตัวให้หลุดพ้นจากพันธนาการของเขาแต่ก็ไม่เป็นผล ณัฐนนท์เลื่อนมืออีกข้างขึ้นมาโอบรัดเอวบางและกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น


“ไม่โกรธจริง ๆ เหรอ”


อาทิตย์ทัศน์ไม่ได้ตอบคำถามนั้น เขาเพียงแต่พูดประโยคสั้น ๆ แต่หนักแน่นราวกับมีประกาศิต


“ปล่อยเราเถอะ”


น้ำเสียงที่ฟังดูจริงจังนั้นทำให้ณัฐนนท์ต้องยอมคลายวงแขนออก เขามองดูชายหนุ่มที่กำลังนั่งลงเก็บเศษกระจกแตกที่พื้นอย่างตัดสินใจ....









“โอ๊ย!” อาทิตย์ทัศน์อุทานเบา ๆ ก่อนจะกุมนิ้วตัวเองที่ขณะนี้มีเลือดซึมออกมาเพราะโดนกระจกบาด


“ระวังหน่อยสิ” ร่างสูงนั่งลงอย่างรีบร้อนก่อนจะคว้ามือเขามาดูบาดแผล ริมฝีปากหยักได้รูปค่อย ๆ เลื่อนเข้าไปใกล้พร้อมกับซับเลือดที่ปลายนิ้วเรียว


อาทิตย์ทัศน์ตกใจกับการกระทำของคนที่นั่งประจัญหน้ากันอยู่ไม่น้อย เขารีบชักมือกลับทันทีในขณะที่ณัฐนนท์เองก็พยายามที่จะขยับเข้ามาใกล้ ๆ ให้มากขึ้น ชายหนุ่มใช้สองมือจับที่ต้นแขนทั้งสองข้างของอาทิตย์ทัศน์พร้อมกับรั้งร่างของเขามาใกล้ ๆ ตาคมจ้องลึกลงไปยังตาคู่สวยก่อนที่ใบหน้าคมเข้มจะโน้มเข้าหาจนใบหน้าของเขาทั้งสองอยู่ห่างกันเพียงแค่ปลายจมูกกั้น







“รอเรานะ” ณัฐนนท์กระซิบด้วยเสียงอันแผ่วเบาจนหัวใจคนฟังแทบจะลอยหลุดไปในอากาศ





อาทิตย์ทัศน์เม้มปากแน่นเพื่อเรียกสติคืนมา “อย่าทำแบบนี้เลยถ้านายไม่แน่ใจ” เขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับจ้องคนตรงหน้าตาเขม็งก่อนจะออกแรงผลักเขาให้ออกห่างได้ทันเวลาก่อนที่ริมฝีปากของตนเองจะอยู่ภายใต้การควบคุมโดยริมฝีปากของคนที่ได้ชื่อว่าเคยเป็นเพื่อนที่สนิทกัน....






หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 9 : คำขอโทษและพันธนาการที่มองไม่เห็น)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 07-12-2013 02:33:56
อ่านพาร์ทนนท์-จ้ามากๆแล้วอยากให้คู่กันแทนตังแล้วอะ ฮึ่ยยยยย
คือนนท์จ้าดูมีไรดึงดูดเข้าหากันน่ะค่ะ Y_Y
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 9 : คำขอโทษและพันธนาการที่มองไม่เห็น)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 07-12-2013 03:05:56
 :L2:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 9 : คำขอโทษและพันธนาการที่มองไม่เห็น)
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 07-12-2013 07:46:58
นน-จ้า คู่กันก็ดี แต่เราหมดใจกับนนอ่ะ
เชียร์ตังดีกว่า บรรยากาศสดใสกว่าเยอะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 9 : คำขอโทษและพันธนาการที่มองไม่เห็น)
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 07-12-2013 16:01:43

บอกอีกคนให้รอแล้วตัวเองแน่ใจแล้วหรือ
ถ้าไม่แน่ใจว่าทำได้หรือเปล่า---อย่าพูดซะดีกว่า

นี่ถ้าจอมยุ่งไม่ไปตามก็คงไม่คิดที่จะมาลากันเลยสินะ

+ 1 + เป็ดจ้า

ปล. ลงกฎแค่หน้าแรกหน้าเดียวพอแล้วจ้ะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 9 : คำขอโทษและพันธนาการที่มองไม่เห็น)
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 07-12-2013 16:36:56
อึนเนอะ อึดอัดใจจัง เฮ้อ!  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 9 : คำขอโทษและพันธนาการที่มองไม่เห็น)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 07-12-2013 16:45:26
รอบ้าอะไรผ่านมากี่ปีแล้วยังไม่เห็นกลับมา
หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 10 : ความจริง)
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 08-12-2013 00:29:42
ตอนที่ 10 ความจริง






หัวคิ้วหนาของอาทิตญทัศน์ค่อย ๆ ขมวดเข้าหากันเมื่อร่างสูงเจ้าของใบหน้าระบายยิ้มค่อย ๆ ปรากฏขึ้นที่บันไดเลื่อนของสถานีรถไฟฟ้า มันน่าจะเป็นความบังเอิญถ้าคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาไม่ออกอาการกระดี๊กระด๊าจนเกินเหตุ ก่อนหน้านี้นึกสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมจอมขวัญถึงนัดเจอเขาที่สถานีนี้ อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปมองแสงไฟจากหน้าขบวนรถที่เห็นอยู่ไกล ๆ ท่ามกลางความมืดผ่านเลนส์กล้องดิจิตัลในมือ ไม่นานรถไฟฟ้าก็เข้าจอดเทียบชานชลา ผู้คนจำนวนมากต่างกรูกันไปยืนออที่หน้าประตูด้วยความรีบร้อน จะมีก็แต่เพียงพวกเขาสามคนที่ยังคงยืนมองภาพนั้นจากปลายสถานี


“สวัสดีครับ” เสียงที่ช่วงนี้มักจะได้ยินบ่อยดังขึ้นทำให้อาทิตย์ทัศน์ต้องหันไปกล่าวทักทายเขาตามมารยาท


“คิดว่าพี่ตังจะไม่มาแล้วนะคะเนี่ย” จอมขวัญเอ่ยขึ้น


“ครับ ปกติพี่ก็ไม่ได้กลับเวลานี้หรอก แต่ว่าวันนี้มีเรื่องอยากจะรบกวนก็เลยต้องขอให้น้องขวัญมารอ”
 

“เรื่องอะไรเหรอคะ”


ตฤณกรยิ้มก่อนจะเปิดกระเป๋าหยิบซองกระดาษสีน้ำตาลซองเล็ก ๆ ออกมาและส่งให้


“อะไรเหรอคะ” จอมขวัญถามด้วยความสงสัยขณะที่รับมันมา


“พี่ฝากให้คุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้าที พอดีว่าช่วงนี้พี่แมสเซนเจอร์ประจำเว็บเขาไม่อยู่ ก็เลยต้องรบกวนน้องขวัญ”


“อ๋อ ได้เลยค่ะพี่ตัง ขวัญยินดี” หญิงสาวกล่าวก่อนจะเก็บซองกระดาษใส่กระเป๋าสะพายของเธอซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่สัญญาณเตือนการปิดประตูรถไฟฟ้าดังขึ้น


“แล้วนี่พี่ตังไปลงสถานีไหนคะ”


“พี่ลงสะพานตากสิน แล้วน้องขวัญล่ะ”


“ขวัญไปลงวงเวียนใหญ่ค่ะ ดีจังเลยทางเดียวกันไปด้วยกัน จริงไหมคะพี่จ้า” จอมขวัญหันไปถามชายหนุ่มที่ยังคงยืนถ่ายรูปเงียบ ๆ  อาทิตย์ทัศน์ลดกล้องลงพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย ตฤณกรหันมาสบตาเขาแว้บหนึ่งก่อนจะเตือนทุกคนให้เตรียมตัวเมื่อเห็นรถไฟฟ้าอีกขบวนกำลังจะเคลื่อนเข้าเทียบชานชลา....





....



“อะไร” ชายหนุ่มที่กำลังนั่งมองแสงไฟระยิบระยิบริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่ยขึ้นเมื่อจอมขวัญยื่นซองกระดาษสีน้ำตาลซองเล็ก ๆ มาให้


“ของพี่จ้าไงคะ คุณดีไซเนอร์สุดหล่อเขาฝากมาให้”


อาทิตย์ทัศน์รับซองกระดาษนั้นมาถือเอาไว้ในมือ


“วันหลังขวัญบอกเขาที ว่าไม่ต้องให้อะไรพี่แล้ว”


“ทำไมล่ะคะ พี่จ้าไม่ชอบหน้าพี่ตังเหรอคะ”


“ไม่ใช่อย่างนั้น”


“ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่ลองทำความรู้จักกับเขาดูบ้างล่ะคะ”


“เราเลิกพูดเรื่องนี้กันดีกว่า” อาทิตย์ทัศน์ถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นเดินไปยืนรอที่หน้าประตู....



....



“ขวัญไม่อยากให้พี่จ้าจมอยู่กับอดีต ไม่อยากให้พี่จ้ารอ หลายปีมานี้มันก็น่าจะสามารถพิสูจน์อะไรบางอย่างได้แล้วไม่ใช่เหรอคะ พี่จ้าก็เห็นแล้วว่าเขาไม่ได้กลับมาตามที่เขาสัญญา” หญิงสาวกล่าวกับชายหนุ่มที่กำลังไขกุญแจรั้ว


เสียงรั้วเหล็กถูกเลื่อนออกอย่างแรง คนตัวเล็กที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ เผลอหลับตาเมื่อได้ยินเสียงเหล็กกระทบกันดังสนั่นหวั่นไหว ตาคู่สวยได้แต่มองตามแผ่นกว้างของพี่ชายที่กำลังเดินเข้าไปในบ้านโดยไม่หันกลับมามองเธออีกเลย....


เสียงประตูห้องถูกปิดลงอย่างรีบร้อน อาทิตย์ทัศน์เดินเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะเอื้อมมือที่สั่นเทาเปิดฝักบัว โดยหวังว่าน้ำจากฝักบัวที่ค่อย ๆ ไหลชโลมใบหน้าจะสามารถปิดบังคราบน้ำตานั้นเอาไว้ได้....




“ถ้าจ้าถามเราตอนนี้ว่าเรารู้สึกยังไงกับจ้า เราก็คงจะตอบว่าเราเองก็ยังไม่แน่ใจในความรู้สึกของเรา แต่เราสัญญาว่าเราจะกลับมา จะกลับมาตอบคำถามของจ้า รอเราก่อนนะ” ณัฐนนท์กล่าวก่อนจะวางมือของตัวเองบนไหล่ของคนตัวเล็กกว่าพร้อมกับบีบเบา ๆ


อาทิตย์ทัศน์พยักหน้าพร้อมกับดึงมือเขาออก “รีบไปเถอะ เดี๋ยวตกเครื่อง”


“อืม” คนตัวสูงพยักหน้าก่อนจะเดินลากกระเป๋าหายไปกับคนจำนวนมากภายในสนามบิน



ภาพของการจากลารวมถึงคำสัญญาที่มีให้กันยังคงชัดเจนในทุกรายละเอียด แม้ว่าเวลาจะผ่านมาเกือบสิบเอ็ดปีแล้วก็ตาม ในช่วงเวลาเกือบสิบเอ็ดปีที่ไม่มีแม้แต่ข่าวคราวที่จะส่งถึงกันนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้อาทิตย์ทัศน์นึกตำหนิตัวเองเสมอว่ายังจะรอเขาอยู่ทำไม....


 
....ซองกระดาษสีน้ำตาลถูกวางเอาไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือในห้องนอนตั้งแต่กลับมาถึงบ้านโดยที่อาทิตย์ทัศน์ไม่ได้สนใจจะหยิบมันขึ้นมาเปิดออกดูเลยแม้แต่น้อย หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยเขาก็ลงไปนั่งเตรียมเอกสารการสอนที่โต๊ะทำงานข้างล่างจนกระทั่งเริ่มรู้สึกง่วงจึงกลับขึ้นไปบนห้องนอนอีกครั้ง ชายหนุ่มเดินไปทิ้งตัวลงนอนเอามือก่ายหน้าผาก ในใจยังคงคิดถึงสิ่งที่น้องสาวพูดเมื่อก่อนที่จะแยกกันกับคำสัญญาของใครคนหนึ่ง...





ชายหนุ่มนอนพลิกตัวไปมาพยายามจะข่มตาให้หลับ บรรยากาศรอบ ๆ ตัวเงียบเสียจนได้ยินเสียงเดินของเข็มวินาทีจากนาฬิกาข้อมือที่วางอยู่บนหัวเตียงได้อย่างชัดเจน อาทิตย์ทัศน์ผุดลุกขึ้นตาคมมองซองกระดาษที่ถูกวางสงบนิ่งอยู่บนโต๊ะอย่างพิจารณาก่อนจะเดินไปหยิบมันแล้วกลับมานั่งลงที่เตียงนอน เขาค่อย ๆ ดึงกระดาษ ขนาดเท่ากับโปสการ์ด 2-3 ออกมาก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกครั้ง ดวงตายังคงจ้องไปที่ภาพสเก็ตซ์ใบหนึ่งซึ่งเป็นภาพสเก็ตซ์บันไดทางขึ้นไปยังวัดหรือศาสนสถานที่ไหนสักแห่ง ด้านหน้ามีปูนปั้นรูปพญานาคขนาดใหญ่เลื้อยทอดตัวยาวตามแนวเชิงบันได เหนือขึ้นไปไกล ๆ มีลายเส้นขยุกขยิกที่เน้นน้ำหนักให้เห็นเป็นภาพของกลุ่มคนกำลังยืนทำอะไรสักอย่าง ส่วนอีกสองใบที่เหลือนั้นใบหนึ่งเป็นภาพสเก็ตซ์ระฆังใบน้อยซึ่งแขวนอยู่ตามแนวรั้วเหล็ก กับอีกใบเป็นภาพด้านหลังของผู้ชายสวมหมวกแก็ปซึ่งถูกวางองค์ประกอบให้กินพื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของภาพ พื้นหลังไม่ได้ถูกเก็บลายละเอียดจึงทำให้ไม่รู้ว่าเขากำลังยืนอยู่ที่ไหน รู้เพียงว่าคนวาดตั้งใจเน้นที่ลายเส้นบนเสื้อที่เห็นแต่เพียงด้านหลังที่เป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษซึ่งอ่านไม่เป็นคำ


‘phot…’



สีเหลืองเก่า ๆ ของกระดาษทำให้คาดเดาได้ว่ามันถูกวาดเอาไว้นานมากแล้ว...



‘หน้าหนาวนี้ผมอยากแนะนำที่เที่ยวให้คุณบ้าง คิดว่าไม่น่าใช่เรื่องยากสำหรับคุณที่จะรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน ถ้าไปแล้วอย่าลืมส่งโปสการ์ดมาให้ผมบ้างนะ’



ชายหนุ่มอ่านประโยคสั้น ๆ นั้นก่อนจะหลับไป....




...



เช้าวันหนึ่งในปลายเดือนกุมภาพันธ์ซึ่งเป็นวันหยุด อาทิตย์ทัศน์ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นตั้งแต่เช้าด้วยกลิ่นหอม ๆ ของอาหารที่แม่ทำ ชายหนุ่มลุกขึ้นอาบน้ำอาบท่าก่อนจะเดินลงไปยังชั้นล่างของบ้านในชุดกางเกงสีครีมขาสั้นเหนือเข่าขึ้นมาเล็กน้อย เสื้อเชิ้ตสีฟ้าแขนยาวถูกพับขึ้นเหนือศอกขณะเดินลงบันไดมา อาทิตย์ทัศน์ยืนเกาะประตูมองแม่ของเขาที่กำลังยืนอยู่หน้าเตาในห้องครัวพร้อมกับยิ้ม


“วันนี้แม่ทำอะไรให้จ้าทานครับกลิ่นหอมไปถึงข้างบนเลย”


อรนุชหันมามองลูกชายอย่างแปลกใจ “ทำไมตื่นแต่เช้าจังเลยล่ะลูก เมื่อคืนกล่าวจะกลับถึงบ้านก็ตั้งดึก”


“ก็กลิ่นกับข้าวแม่ปลุกจ้าตื่นแต่เช้าเลยน่ะสิครับ ทนนอนต่อไม่ไหว ท้องมันร้อง” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับยกมือลูบท้องตัวเองไปมา


“ตายจริง” ผู้เป็นแม่อุทานเบา ๆ พร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน


“จ้าตักข้าวรอเลยนะแม่” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะเดินเข้าไปหยิบจานและช้อนมาวางบนโต๊ะ


“เดี๋ยวก่อนลูก ก่อนจะทานข้าวแม่วานจ้าเอาต้มข่าไก่ไปให้ป้าดาที แม่ตักแบ่งใส่หม้อไว้แล้ว วางอยู่บนหลังตู้นั่นน่ะ”


“ได้ครับ” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะเดินประคองหม้อสแตนเลสใบเล็กที่ยังคงอุ่น ๆ อยู่เดินออกจากบ้านไป


ชายหนุ่มข้ามถนนหน้าบ้านไปยังบ้านฝั่งตรงข้าม เขาชะเง้อมองเข้าไปข้างในเห็นว่ามีคนอยู่จึงเปิดประตูรั้วเตี้ย ๆ เดินเข้าไปภายในบ้าน


“ป้าดาครับ แม่ให้จ้าเอากับข้าวมาให้ จ้าวางไว้ในครัวให้นะครับ” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นขณะเดินมุ่งหน้าเข้าไปในครัวซึ่งอยู่ด้านในสุดของตัวบ้านโดนไม่ทันมองคนที่กำลังนั่งรื้อชิ้นส่วนนาฬิกาแขวนฝาผนังแบบลูกตุ้มซึ่งเป็นนาฬิกาเรือนเก่าแก่ที่สุดในบ้านอยู่ที่โต๊ะญี่ปุ่นริมประตูบานเลื่อนที่เปิดสู่สวนหย่อมเล็ก ๆ ข้างบ้าน


“ป้าดาไม่อยู่ครับ” เสียงที่คุ้นหูดังขึ้นทำให้คนที่กำลังจะเดินผ่านต้องชะงัก


“เพิ่งออกไปวัดเมื่อกี้นี่เอง” ตฤณกรกล่าวก่อนจะยิ้มให้


อาทิตย์ทัศน์พยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปในครัว ไม่รู้สึกแปลกใจนักที่ได้เจอเขาในวันนี้ เพราะ ‘ป้าดา’ มักจะพูดถึงแขกคนใหม่ของบ้านให้เขาและแม่ฟังเสมอ ๆ ป้าดาเล่าให้ฟังว่าตฤณกรมาที่บ้านบ่อย ๆ จนเริ่มจนในระแวกนี้รวมถึงป้าดาเองสงสัยว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นคนที่จอมขวัญกำลังคบหาดูใจอยู่หรือไม่ ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่อาทิตย์ทัศน์ไม่อาจให้คำตอบได้เช่นกัน

ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าระบายยิ้มมองตามหลังคนร่างสูงซึ่งดูจะตัวบางกว่าเขานิดหน่อยที่กำลังเดินหายเข้าไปในครัว ครู่หนึ่งเมื่ออาทิตย์ทัศน์เดินกลับออกมาเขาก็พบว่าตฤณกรยังคงนั่งนิ่งประสานสายตากับเขาอยู่อย่างนั้น


“แล้ว....”


“คุณจะถามว่าแล้วผมมาได้ยังไง กับ แล้วน้องขวัญไปไหนใช่ไหมครับ” ตฤณกรกล่าวพร้อมกับลอบมองสำรวจคนตรงหน้า ไม่เคยเห็นเขาในชุดสบาย ๆ แบบนี้มาก่อน ผิวขาวละเอียดกับขาเรียวยาวนั่นทำให้เขานึกอยากที่จะดูแลตัวเองขึ้นมาบ้าง อาทิตย์ทัศน์พยักหน้าก่อนจะเดินไปนั่งขัดสมาธิลงในฝั่งตรงข้ามของโต๊ะตัวเล็กพร้อมกับเท้าแขนมองสิ่งที่ตฤณกรกำลังทำอย่างสนใจ


“บังเอิญเมื่อวันก่อนผมคุยกับน้องขวัญเรื่องของแต่งบ้านเก่า ๆ ก็เลยรู้ว่าเธอมีนาฬิกาลูกตุ้มที่เธอทำพังตอนเด็ก ๆ อยู่เรือนหนึ่ง ผมก็เลยขอมาดู เผื่อว่าจะเป็นพี่เบิร์ดกับเขาบ้าง”


“หมายความว่ายังไง” อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้ว


“โห...คุณนี่ ไม่เข้าใจวัยรุ่นเลย ก็เผื่อว่าจะซ่อมได้ยังไงล่ะครับ” ตฤณกรหัวเราะ


“วัยรุ่นมากเลยนะพี่เบิร์ดน่ะ” อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้าเซ็ง ๆ ไว้อาลัยให้กับมุขซุปตาร์ก่อนจะถามถึงน้องสาว “แล้วยัยขวัญล่ะครับ”


“ไปกับแฟน”


คำตอบตฤณกรสร้างความรู้สึกแปลกใจให้เกิดขึ้นได้ไม่น้อย


“ไปมีแฟนตั้งแต่เมื่อไร” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองก่อนจะนึกได้ “เอ้า! แล้วที่ป้าดาบอกว่าคุณมาที่นี่บ่อย ๆ น่ะไม่ได้มาจีบยัยขวัญหรอกเหรอ” อาทิตย์ทัศน์ถือโอกาสถามคำถามที่หลาย ๆ คนในระแวกนี้รวมถึงป้าดามักจะถามเขา


“อะไรกัน นี่คุณเป็นพี่น้องบ้านตรงข้ามกันยังไง ถึงไม่รู้ว่าน้องสาวมีแฟน”


“ผมไม่ใช่พวกที่จะต้องรู้เรื่องคนอื่นไปเสียหมดทุกเรื่องนี่”


แม้จะเป็นน้ำเสียงเรียบ ๆ แต่ตฤณกรก็รู้ได้ทันทีว่าคนตรงหน้ากำลังไม่พอใจเขาอยู่ในที


“นี่คุณกำลังหลอกด่าผมอยู่หรือเปล่าเนี่ย”


“เฮ้ยคุณ ผมยังไม่ได้ว่าอะไรคุณสักคำเลยนะ แต่ถ้ามันทำให้คุณคิดแบบนั้นผมเองก็จนปัญญา” อาทิตย์ทัศน์กล่าวด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ดูผ่อนคลายขึ้น 


ตฤณกรยิ้มอย่างอารมณ์ดี อย่างน้อยวันนี้เขาก็ทำให้คนตรงหน้าพูดกับเขาได้มากกว่าคำว่าสวัสดีเหมือนทุกครั้งที่เจอกัน “ผมล้อเล่นหรอกน่า น้องขวัญน่ะเธอไปส่งคุณแม่ที่วัด เดี๋ยวอีกสักพักก็คงจะกลับ” ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ ในลำคออย่างพอใจ


“ถ้าอย่างนั้นผมกลับละ ถ้าคุณยังไม่ได้ทานข้าวก็หาทานเองในครัวก็แล้วกัน กับข้าวก็มีแล้วคิดว่าป้าดาคงไม่ว่าอะไรหรอก” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะลุกขึ้น


“ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ อ้อ...แล้วก็อยากให้คุณเข้าใจเสียใหม่ว่าที่ผมมาที่นี่ ผมไม่ได้มาจีบน้องขวัญนะครับ ผมมาสืบคดีต่างหาก” ตฤณกรหัวเราะ “รออยู่ว่าเมื่อไรผู้ร้ายตัวจริงจะยอมรับสารภาพ”


อาทิตย์ทัศน์ได้แต่มองคนพูดเฉย ๆ ก่อนจะเดินออกจากบ้านไป....



....



“พี่ตัง เมื่อกี้ขวัญตอนเลี้ยวเข้าซอยมาขวัญเห็นหลังพี่จ้าไว ๆ พี่จ้ามาเหรอคะ” จอมขวัญที่เดินเข้ามาในบ้านเอ่ยขึ้น


“ครับ แวะเอากับข้าวมาให้”


“แล้วเป็นยังไงบ้างคะ” สาวน้อยยิ้มก่อนจะนั่งลงมองคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาประกอบชิ้นส่วนนาฬิกา


“อะไรเป็นยังไงครับ ถามถึงนาฬิกาหรือคน”


“เรื่องนาฬิกาน่ะเอาไว้ก่อนเถอะค่ะ ขวัญอยากรู้เรื่องคนมากกว่า พี่จ้าน่ะได้คุยอะไรกันหรือเปล่าคะ แล้วเป็นยังไงบ้าง”


“ก็ไม่เป็นยังไงครับ” ตฤณกรยิ้ม “ก็ยังไม่ยอมหลุดปากอะไรออกมาเหมือนเดิม”


“เฮ้อ!!!!” คนตัวเล็กถอนหายใจ “พี่จ้าน่ะ ถ้าไม่รู้สึกเชื่อใจหรือไม่ได้สนิทกับใครจริง ๆ ก็จะดูนิ่ง ๆ แบบนี้ละค่ะ แต่ถ้ารู้จักกันจริง ๆ จะรู้ว่าพี่จ้าน่ะทั้งน่ารักแล้วก็ใจดี แถมยังติดจะเกรงใจทุกคนอีกต่างหาก”


“ว่าแต่น้องขวัญเถอะ ไม่กลัวโดนโกรธเหรอที่ย้ายฝั่งมาเป็นพวกพี่”


“พี่จ้าโกรธใครไม่เป็นหรอกค่ะ ส่วนเรื่อง username นั่นน่ะ ขวัญก็ไม่ได้เป็นคนบอกพี่ตังสักหน่อย ถ้าจะโกรธก็ต้องไปโกรธพี่วิชโน่น พอเหล้าเข้าปากก็เอาคายความลับของเพื่อนออกมาหมด” จอมขวัญกล่าว


ตฤณกรมองหญิงสาวตรงหน้ายิ้ม ๆ ก่อนจะนึกถึงเมื่อครั้งที่เจอกับนราวิชโดยบังเอิญรวมถึงแผนการอันชั่วร้ายของตัวเองที่ผุดขึ้นมาอย่างกะทันหันเมื่อนราวิชชวนเขาไปนั่งเป็นเพื่อนดื่มเบียร์


“เหอะ ๆ ป่านนี้คงยังไม่รู้ตัวเลยมั้งว่าเอาความลับของเพื่อนมาเล่าให้คนอื่นฟังหมดแล้ว”


“นั่นสิคะ” จอมขวัญหัวเราะ หญิงสาวเงียบไปสักพักมองดูนาฬิกาที่กลับมาเดินอีกครั้ง


“พี่ตังแน่ใจแล้วใช่ไหมคะ”


“เรื่องอะไรครับ”


“ก็...เรื่องพี่จ้า”


“แล้วน้องขวัญเห็นว่ายังไงล่ะครับ”


“ขวัญแค่นึกสงสัยค่ะว่าถ้าเกิดคุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้าไม่ใช่พี่จ้า แต่เป็นขวัญหรือเป็น...ผู้ชายคนอื่น ๆ พี่ตังจะทำยังไง”


“พี่ก็คงใช้ชีวิตตามปกติแล้วก็ยินดีที่มีเพื่อนเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน”


“แล้วพอเป็นพี่จ้าล่ะคะ”


ตฤณกรอมยิ้มก่อนจะตอบ “แต่พอรู้ว่าเป็นเขา....พี่ถึงต้องมานั่งทำอะไรแบบนี้ไง”


“แบบไหนคะ”


“ก็มานั่งมองรั้วบ้านเขาจากบ้านน้องขวัญแบบนี้ไงครับ” ชายหนุ่มหัวเราะ


“พี่ตังนี่พูดเสียเห็นภาพเลยนะคะ” จอมขวัญยิ้ม



หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 10 : ความจริง)
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 08-12-2013 00:30:14
หลังจากขลุกอยู่ที่บ้านของจอมขวัญเกือบทั้งวัน ตฤณกรจึงขอตัวกลับในตอนบ่ายแก่ ๆ ขณะที่กำลังเดินอยู่ในซอยแคบ ๆ เสียงแตรรถก็ดังขึ้นจากด้านหลัง ชายหนุ่มหยุดมองรถยนต์นั่งแบบครอบครัวที่แล่นมาจอดใกล้ ๆ จากนั้นคนจึงขับค่อย ๆ ลดกระจกลงพร้อมกับกล่าวทักทาย


“ตังใช่ไหมจ๊ะ” อรนุชเอ่ยขึ้น


“ครับคุณป้า”


“จะไปไหนจ๊ะเนี่ย”


“ผมมาบ้านน้องขวัญแล้วก็กำลังจะกลับครับ” ตฤณกรกล่าวก่อนจะเบนสายตาจากรอยยิ้มอันอ่อนโยนนั้นไปยังคนที่นั่งหน้านิ่งอยู่ข้าง ๆ


“ถ้าอย่างนั้นไปด้วยกันสิจ๊ะ ป้ากำลังจะออกไปทำธุระข้างนอกพอดีเลย” เมื่อเห็นว่าเจ้าของรถยื่นไมตรีมาให้เช่นนี้ ชายหนุ่มจึงไม่ขัดข้องที่จะรับมันไว้ เขารีบเดินอ้อมหน้ารถไปเปิดประตูด้านหลังทันที


“ขอบคุณนะครับคุณป้า” ชายหนุ่มกล่าวเมื่อเข้ามานั่งในรถ สังเกตเห็นว่าที่ที่นั่งข้าง ๆ มีกระเป๋ากับขาตั้งกล้องวางอยู่


“แล้วนี่จะให้ป้าส่งที่ไหนดีจ๊ะ”


“อืม...ผมรบกวนคุณป้าส่งผมที่สถานีรถไฟฟ้าได้ไหมครับ”


“ได้สิจ๊ะ นี่ป้าก็กำลังจะไปส่งจ้าอยู่พอดี”


อาทิตย์ทัศน์เหลือบมองผู้เป็นแม่ที่ดูจะใจดีกับคนแปลกหน้าเป็นพิเศษ.....




อรนุชจอดแอบข้างทางส่งลูกชายและชายหนุ่มแปลกหน้าลงที่ใกล้ ๆ กับสถานีรถไฟฟ้าวงเวียนใหญ่


“จ้าไปก่อนนะแม่”


“ขอบคุณนะครับคุณป้า” ตฤณกรกล่าว


หญิงวัยกลางคนยิ้มให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านหลังผ่านกระจกมองหลังก่อนจะเอ่ยปากเตือนลูกชายที่กำลังจะเปิดประตูลงจากรถ



“อย่าลืมของที่เบาะหลังนะลูก”


อาทิตย์ทัศน์พยักหน้าขณะเปิดประตูลงจากรถ และเมื่อตูถูกปิดเรียบร้อยเขาก็พบว่าชายหนุ่มที่โดยสารมาด้วยหยิบของของเขาออกมาให้เรียบร้อยแล้ว อาทิตย์ทัศน์กล่าวขอบคุณก่อนจะดึงกระเป๋าใส่กล้องมาจากมือเขา


“ขาตั้งนี่เดี๋ยวผมถือให้” ตฤณกรกล่าวพร้อมกับยกกระเป๋าใส่ขาตั้งกล้องขึ้นสะพาย


“ผมถือเองได้ คุณส่งมาเถอะ”


“ไม่เป็นไร ถือว่าตอบแทนที่คุณให้ผมติดรถมาด้วยก็แล้วกัน”


“ถ้าอยากตอบแทนคุณคงต้องไปตอบแทนแม่ผมโน่น”


“พูดแบบนี้แสดงว่าถ้าเป็นคุณ คุณคงปล่อยผมให้เดินออกมาเรียกแท็กซี่หน้าปากซอยแน่ ๆ”


อาทิตย์ทัศน์ไม่ได้พูดอะไร เขายังคงเดินไปเรื่อย ๆ จนถึงบันไดทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้า


“ใจร้ายจริง ๆ” ตฤณกรพึมพำ









...



“แล้วนี่คุณจะไปไหนเนี่ย” ตฤณกรเอ่ยขึ้นเมื่อทั้งคู่แตะบัตรผ่านประตูของสถานีรถไฟฟ้าเรียบร้อยแล้ว


“ผมจะไปวัดอรุณ” อาทิตย์ทัศน์ตอบ จากนั้นพวกเขาก็เดินขึ้นไปรอรถไฟฟ้าที่ข้างบนสถานี เนื่องจากเป็นวันหยุดและเป็นสถานีที่อยู่เกือบต้นทาง คนในรถไฟฟ้าจึงมีจำนวนไม่มากนัก อาทิตย์ทัศน์เดินไปยืนที่ข้างประตูอีกฝั่งหนึ่งก่อนจะทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง


“ไม่นั่งเหรอคุณ”


“แค่ไม่กี่สถานีก็ถึงแล้ว”


เพียงไม่นานก็ถึงสถานีรถไฟฟ้าสะพานตากสิน


“ขอขาตั้งกล้องของผมคืนด้วยครับ” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินลงจากสถานี “ผมจะไปแล้ว”


“ก็ไปสิครับ” ตฤณกรกล่าวอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับกระชับสายสะพายของกระเป๋าใส่ขาตั้งกล้องที่สะพายอยู่


“คุณก็เอาขาตั้งกล้องผมมาสิ ผมจะได้ไป”


“คุณก็ไปสิครับ ผมจะไปด้วย”


“เฮ้ย!!! คุณก็กลับบ้านคุณไปสิ จะไปกับผมทำไม”


“เถอะน่าคุณ ผมรับรองเลยว่าจะไม่ดื้อไม่ซนไม่งอแงร้องกลับก่อนแน่ ๆ ว่าแต่นี่เราต้องไปท่าเรือสาทรใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นรีบไปเถอะ” ตฤณกรกล่าวพร้อมกับเอื้อมมือรั้งสายกระเป๋าใส่กล้องที่อาทิตย์ทัศน์สะพายอยู่ให้เขาเดินต่อ








บนเรือด่วนเจ้าพระยา...


ตฤณกรยืนมองชายหนุ่มที่กำลังยืนถ่ายรูปทิวทัศน์ริมฝั่งแม่น้ำอยู่ที่ท้ายลำเรือ ซึ่งมีบรรดาผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวหลายคนที่ต้องยืนเหมือนกันต่างก็อดไม่ได้ที่จะหยิบทั้งโทรศัพท์มือและกล้องดิจิตัลออกมาเก็บภาพบรรยากาศสองฝั่งน้ำในยามเย็นเช่นนี้


อาทิตย์ทัศน์ลดกล้องลงเชคภาพที่เพิ่งรัวชัตเตอร์ไปเมื่อสักครู่ ก่อนจะหันไปหาคนที่มาด้วยกัน ในที่สุดเขาก็พบว่าตฤณกรยืนอยู่ที่ฝั่งตรงข้าม อาทิตย์ทัศน์ยกกล้องขึ้นอีกครั้งพร้อมกับมองดูชายหนุ่มร่างสูงที่สะพายขาตั้งกล้องผ่านเลนส์ก่อนจะซูมภาพและพยายามปรับโฟกัส เจ้าของร่างสูงยกมือขึ้นเสยผมที่ปลิวไสวไปตามกระแสลมแรงและขยับกรอบแว่นสายตาให้เข้าที่ ดวงตาคมยังคงมองไปที่กลุ่มของเด็ก ๆ ที่กำลังเล่นกระโดดน้ำกันอย่างสนุกสนานพลันรอยยิ้มเล็ก ๆ ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ตฤณกรหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงออกมาก่อนจะเลื่อนไปฟังก์ชันถ่ายภาพจากนั้นเขาจึงทำการบันทึกภาพที่ได้เห็นตลอดสองฝั่งแม่น้ำเอาไว้ หลังจากนั้นพักใหญ่ยอดของพระปรางค์วัดอรุณก็ปรากฏขึ้นแก่สายตาของทุกคนในเรือ เรือด่วนเจ้าพระยาค่อย ๆ เบนหัวเข้าเทียบท่าที่ท่าเตียนเพื่อส่งผู้โดยสารที่ต้องการจะไปยังวัดอรุณ


“เมื่อกี้ตอนอยู่บนเรือ คุณแอบถ่ายรูปผมเหรอ” คนที่เดินตามขึ้นมาบนโป๊ะเอ่ยขึ้น


อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้วก่อนจะยกกล้องขึ้น “ผมลบก็ได้”


“อย่าเพิ่ง ๆ ผมแค่ถามเฉย ๆ วัยรุ่นใจร้อนจริงคุณนี่” ตฤณกรรีบร้องห้ามก่อนจะดึงกล้องจากมือของเขา แต่สายกล้องที่ยังคล้องอยู่ที่คอทำให้คนที่ตัวเล็กกว่าเซตามแรงดึงมาด้วย


“ผมขอดูหน่อย” พูดจบตฤณกรก็กดดูภาพของตัวเขาที่อาทิตย์ทัศน์ถ่ายไว้ตอนที่อยู่บนเรือ


อาทิตย์ทัศน์เหลือบมองคนตัวสูงที่ขณะนี้อยู่ใกล้เขาเหลือเกิน ตาคมยังคงจ้องหน้าจอ LCD ของกล้องดิจิตัลพร้อมกับกดปุ่มเพื่อเลื่อนดูภาพไปเรื่อย ๆ


“โห...ดูดีอ่ะคุณ ถ่ายผมออกมาหล่อมาก ๆ แต่อย่างว่าแหละ คนมันน่าตาดี” ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าระบายยิ้มกล่าวก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของกล้อง “อย่าลบนะ”
 

อาทิตย์ทัศน์ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะดึงกล้องจากมือเขา “ผมรู้แล้วน่า”









“แล้วนี่คุณจะไม่ข้ามฟากไปฝั่งโน้นเหรอ ไหนบอกว่าจะมาวัดอรุณไง” ตฤณกรเอ่ยขึ้นขณะที่อาทิตย์ทัศน์กำลังหยิบขาตั้งกล้องออกมากาง


“ไม่” ชายหนุ่มตอบเพียงสั้น ๆ ก่อนจะจัดการตั้งกล้องกับขาตั้ง นั่นเป็นเพราะแสงสุดท้ายของวันกำลังจะหมดลงจึงต้องอาศัยขาตั้งกล้องในการถ่ายภาพ และในไม่ช้าเสียงชัตเตอร์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง...






“คุณดูนี่สิ” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นก่อนจะขยับตัวเบี่ยงให้คนตัวสูงกว่าดูภาพที่ถ่ายได้จากจอ LCD  “ถ้าข้ามไปฝั่งโน้นจะถ่ายได้ภาพพระปรางค์ทั้งองค์แบบนี้ได้ยังไง”


“จริงด้วย” ตฤณกรกล่าวขณะยื่นหน้าเข้ามาดูภาพใกล้ ๆ แสงจากสปอร์ตไลท์ที่สาดกระทบองค์พระปรางค์ทำให้ภาพที่ได้เป็นภาพของพระปรางค์สีทองอร่ามที่ตั้งอยู่ริมฝั่งน้ำท่ามกลางบรรยากาศใกล้ค่ำ ท้องฟ้าโดยรอบกำลังเปลี่ยนเป็นสีชมพูอมม่วง


“หรือว่าคุณอยากจะข้ามไปไหม” อาทิตย์ทัศน์ถามขึ้นในขณะที่คนตัวสูงส่ายหน้าช้า ๆ แทนคำตอบ


“จะข้ามไปก็ได้นะ ถ้าอยากไป”


“ไม่ดีกว่า” ตฤณกรกล่าวก่อนจะยืดตัวขึ้นมองทิวทัศน์เบื้องหน้า “บางครั้งของบางอย่างก็ต้องมองจากที่ไกล ๆ ถึงจะสวย คุณว่าไหม”


“อืม” อาทิตย์ทัศน์พยักหน้า


“ส่วนบางอย่างที่ไม่ใช่ของ อืม..ผมหมายถึงคนน่ะ บางครั้งก็ต้องอยู่ใกล้ ๆ กันให้มาก ๆ ถึงจะอบอุ่น” ชายหนุ่มหัวเราะให้กับแนวคิดบ้า ๆ บอ ๆ ของตัวเอง “ว่าแต่คุณจะเอารูปพวกนี้ไปทำอะไรเหรอ”


“เอาไว้สำหรับยกตัวอย่างให้นักศึกษาดูในห้องเรียนน่ะ เกี่ยวกับการถ่ายภาพในที่แสงน้อยโดยใช้ขาตั้งกล้อง”





 



   
...



“คุณหิวหรือยัง” คนตัวเล็กกว่าเอ่ยขึ้นขณะที่ทั้งคู่เดินออกมาจากท่าเตียนไปตามถนนที่ขนานไปกับแนวกำแพงของพระบรมหาราชวัง


“นิดหน่อยน่ะ แต่ไม่เป็นไรหรอก คุณทำงานของคุณให้เสร็จเถอะ ผมสัญญาไว้แล้วว่าผมจะไม่ดื้อไม่ซนแล้วก็ไม่งอแงด้วย” ตฤณกรพูดกลั้วหัวเราะ


“คุณคงไม่ได้พูดจากวนประสาทแบบนี้ตั้งแต่เด็กใช่ไหม” อาทิตย์ทัศน์ถามคนที่กำลังถือขาตั้งกล้องเดินนำหน้าเขา


“ทำไมล่ะ” คนตัวสูงหยุดรอพร้อมกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย


“เพราะถ้าคุณพูดจากวนประสาทแบบนี้ตั้งแต่เด็ก คุณคงไม่มีโอกาสโตมาได้ถึงทุกวันนี้หรอก” อาทิตย์ทัศน์กล่าวหน้านิ่ง


ตฤณกรมองดูคนตัวเล็กกว่าที่ขณะนี้กลับปรากฏรอยยิ้มเล็ก ๆ บนใบหน้า แน่ละ...คงดีใจที่สามารถหลอกด่าเขาได้ ชายหนุ่มคิดในใจก่อนจะยิ้มออกมา


“ยิ้มอะไรของคุณ”


“เปล๊า” คนตัวสูงยักไหล่เหมือนไม่แยแส


“ถ้าอย่างนั้นผมขอถ่ายรูปที่หัวมุมถนนนั่นอีก 2-3 รูปนะ แล้วจะพาไปเลี้ยงข้าว”


“คร้าบบบบบ” ตฤณกรกล่าวอย่างว่าง่าย



อาทิตย์ทัศน์ตั้งกล้องตรงหัวมุมถนนฝั่งตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยศิลปากรเพื่อเก็บภาพไฟประดับถนนบริเวณพระบรมมหาราชวัง จากนั้นเขาจึงพาตฤณกรไปยังร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำ หลังจากสั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว อาทิตย์ทัศน์ก็หยิบกล้องดิจิทัลออกมาจากกระเป๋าเพื่อเชคภาพที่ได้ทำการถ่ายไปทั้งหมดก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเมื่อเห็นว่าคนช่างพูดที่มาด้วยกันกลับเงียบผิดปกติ ภาพที่เห็นก็คือตฤณกรที่กำลังง่วนอยู่กับการสเก็ตซ์ภาพที่เขาถ่ายเอาไว้ด้วยโทรศัพท์มือถือเมื่อตอนโดยสารเรือด่วนเจ้าพระยาลงบนกระดาษขนาดเท่ากับโปสการ์ด มือที่ตวัดปากกาหมึกซึมไปมาทำให้กระดาษเปล่าใบเล็ก ๆ ที่เขาพกไว้ในกระเป๋าเสื้อใบนั้นกลับเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายในเวลาไม่ถึงห้านาที ครู่หนึ่งพนักงานเสิร์ฟก็ยกอาหารมาวางตรงหน้าก่อนที่ทั้งคู่จะลงมือทานอาหารกันเงียบ ๆ


หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว อาทิตย์ทัศน์และตฤณกรก็โดยสารเรือด่วนเจ้าพระยากลับไปที่ท่าเรือสาทรอีกครั้ง ตฤณกรอาสาเดินมาส่งอาทิตย์ทัศน์ที่สถานีรถไฟฟ้าสะพานตากสิน


“ขอบคุณมากนะ” เจ้าของขาตั้งกล้องกล่าวขอบคุณขณะรับกระเป๋าขาตั้งกล้องจากคนตัวสูงตรงหน้าก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายกันไป


“ไม่เป็นไร ผมเองก็ต้องขอบคุณคุณเหมือนกันที่ยอมให้ผมร่วมทางไปด้วย”



อาทิตย์ทัศน์พยักหน้าก่อนจะหันหลังให้



“จ้า”


ร่างเล็กถูกรั้งให้หันมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอบอุ่น...


อาทิตย์ทัศน์ก้มลงมองมือหนาที่ยื่นกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยลายเส้นปากกามาให้ มันเป็นกระดาษใบเดียวกันกับที่ตฤณกรนั่งสเก็ตซ์ที่ร้านอาหารเมื่อสักพักใหญ่ ๆ


“นี่โปสการ์ดของคุณ ขอบคุณนะครับ คุณ....ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า” คนตัวสูงยิ้ม


อาทิตย์ทัศน์เลื่อนสายตาจากกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาสบตาเขา “ในเมื่อคุณรู้แล้วว่าผมเป็นใครยังจะมายุ่งกับผมอีกทำไม”


“ผมชอบยุ่งมั้ง”









‘แต่ผมจะยุ่งเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับคุณเท่านั้นนะ’



 



   
น้ำเสียงและรอยยิ้มนั้นยังคงชัดเจนในความรู้สึกของอาทิตย์ทัศน์เหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีก่อน ทั้งที่ขณะนี้ใกล้เช้าเต็มทีแล้วแต่เขากลับนอนไม่หลับ โปสการ์ดใบที่เพิ่งได้รับมาเมื่อตอนหัวค่ำยังคงวางอยู่บนโต๊ะ....


โปสการ์ด....
ที่ดีไซเนอร์สุดหล่อเขียนถึงคุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้า....

 
ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุคเองก็ถูกเปิดค้างไว้ที่ภาพของเขาคนนั้น....




....



ขอบคุณคุณคนอ่านทุกท่านสำหรับคอมเม้นท์นะคะ ^^ ขอบคุณค่ะคุณwarin คุณPalmpalm คุณเกริด้า(๐-*-๐)v
ขอบคุณคุณ AGALIGO กับคุณiamnan สำหรับคำแนะนำเรื่องกฎนะคะ เกร็งมากเหมือนกัน กลัวทำผิด --"
นนท์ฝากขอบคุณคุณ quiicheh ที่แอบเชียร์นะคะ
อ่านคอมเม้นท์คุณ iamnan แล้วนนท์บอกว่าแอบสะดุ้งค่ะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 10 : ความจริง)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 08-12-2013 03:38:47
รอลุ้นว่านนท์จะออกมาตอนไหน อิอิ  หายไปต้อง 11 ปีแล้วนะนนท์ 
จ้าก็มั่นคงดีนะ รอมานานขนาดนี้  เป็นการรอคอยที่่ไม่เห็นปลายทางเล้ย
จ้าเปิดใจให้ตังได้แล้วนะ  เชียร์ตังดีกว่า
ขอบคุณที่มาลงให้อ่านไวมากจ้า
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 10 : ความจริง)
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 08-12-2013 08:17:22
11ปี มันนานไปมั้ยกับข่าวคราวที่เงียบหาย
นนใจร้ายมากที่ผูกมัดจ้าไว้แบบนี้
หยุดรอแล้วเปิดใจได้แล้วจ้า
เชียร์ตังออกนอกหน้า
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 10 : ความจริง)
เริ่มหัวข้อโดย: Tasaitatsu ที่ 08-12-2013 08:40:30
ในที่สุดก็อ่านตามทันถึงตอนล่าสุดเสียที
ชอบบรรยากาศการบรรยายของนิยายเรื่องนี้จัง
มันทำให้เห็นว่าคัวละครแต่ละตัวใช้ชีวิตและมีความรู้สึกนึกคิดยังไง
เข้ามาอ่านครั้งแรกเพราะสะดุดชื่อเรื่อง พอได้อ่านถึงตอน11 ก็คิดไม่ผิดจริงๆที่คลิกเข้ามา
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้นะคะ ^^
รอลุ้นว่าอาจารย์จ้าจะได้เจอกับนนท์อีกครั้งหนึ่งไหม
อยากจะรู้ว่านนท์ยังจำสัญญาที่ให้กับจ้าไว้ได้รึเปล่า
เพราะคิดว่าจุดนั้น น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนทำให้อาจารย์จ้าเปิดใจรับพี่ตังเข้าไปในชีวิตได้
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 10 : ความจริง)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 08-12-2013 09:10:30
ให้นนท์มาเจอจ้าเลยก็ดีนะแต่นนท์ต้องมีคนอื่นไปแล้วนะ จ้าจะได้เปิดใจกับตังสักที
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 10 : ความจริง)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 08-12-2013 10:38:15
11ปี....คนรอมันท้อนะ


/โบกธงเชียร์ดีไซเนอร์สุดหล่อ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 10 : ความจริง)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 08-12-2013 11:08:51
ตังสู้ๆ


อ่านไปยิ้มไป   บอกเลยว่า ชอบมากกกกกกกครับ  o13



หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 10 : ความจริง)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 08-12-2013 12:07:54
ขอเปลี่ยนใจไม่เชียร์แล้วค่า โธโลเลจริงๆฉัน
แต่ทำจ้ารอมา11ปีนี่ใช้ไม่ได้
เข้าทางตังละดิ ใครๆรอบตัวจ้าก็ชอบตังหมดเลย
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 10 : ความจริง)
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 08-12-2013 15:39:54

ไม่ใช่พอเค้ารักกันแล้วถึงกลับมาทวงสัญญานะ
ในเมื่อหายไปแบบนี้ก็ไปแล้วไปลับไม่ต้องกลับมาหรอก

รู้ความจริงแล้วว่าเป็นใครแล้วจะมัวแต่มาขลุกอยู่ที่บ้านจอมยุ่งอยู่ทำไม
แต่ตอนล่าสุดนี่ก็ดูเหมือนจะเปิดใจกันมากขึ้นแล้วนะ

+ 1 + เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 10 : ความจริง)
เริ่มหัวข้อโดย: lonesomeness ที่ 08-12-2013 17:47:19
จ้าเย็นชาจังเลยนะคะ
แต่ก็มีบางทีที่แอบเผยความน่ารักออกมา

ตังอ่อนโยนมากก ชอบผู้ชายแบบนี้ ถ้าอยู่ใกล้ๆคงอบอุ่นหัวใจน่าดู 555
หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 11 : สิ่งตอบแทน)
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 08-12-2013 22:08:47
ตอนที่ 11 สิ่งตอบแทน





อาทิตย์ทัศน์นั่งมองชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่กำลังเล่าเรื่องขำขันอยู่ท่ามกลางหมู่เพื่อน ๆ ที่โซฟาหน้าทีวีก่อนจะหันกลับมาสบตาน้องสาวที่นั่งตัวลีบทบทวนความผิดของตัวเองอยู่ใกล้ ๆ


“เอ้า! สองพี่น้อง วันนี้เป็นอะไรกันไปจ๊ะ ทำไมไม่พูดไม่จา” บก.สาวสวยเอ่ยขึ้นขณะเดินมานั่งร่วมวงสนทนาด้วย วันนี้เป็นวันดี เป็นวันหยุดงานของเธอหลังจากต้องออกไปเก็บข้อมูลตามสถานที่ท่องเที่ยวในต่างจังหวัดอยู่ร่วมเดือน ‘อรณภัทร์’ หรือ ‘พี่อ้อน’ ของน้อง ๆ ภาควิชาศิลปะการถ่ายภาพจึงนัดรวมตัวบรรดาเพื่อนสนิทและน้อง ๆ เพื่อพบปะสังสรรค์กันที่บ้านของเธอ


“ไม่มีอะไรค่ะพี่อ้อน” จอมขวัญหัวเราะแหะ ๆ


อรณภัทร์พยักหน้ายิ้ม ๆ ก่อนจะหันไปหาชายหนุ่มหน้านิ่งที่นั่งอยู่ข้าง ๆ


“แล้วพ่อหนุ่มน้อยนี่ล่ะจ๊ะ เป็นอะไรหรือเปล่า หน้าตูมเชียว”


“เปล่าครับ” อาทิตย์ทัศน์ตอบเสียงเรียบ ยังไม่ทันที่ทั้งสามจะได้พูดอะไรกันต่อ ร่างสะโอดสะองของสาวน้อยนางหนึ่งก็ปรากฏขึ้น เธอเดินประคองถาดอาหารวางที่โต๊ะอาหารซึ่งตั้งอยู่ที่มุมหนึ่งของบ้านพร้อมกับร้องเรียกทุกคน


“เดี๋ยวขวัญไปช่วยพี่ลัลยกอาหารในครัวนะคะ” จอมขวัญกล่าวก่อนจะลุกขึ้นเดินตาม ‘ลัลลดา’ พี่รหัสสาวสวยของอาทิตย์ทัศน์เข้าไปในครัว


“มีอะไรอยากเล่าให้พี่ฟังไหมจ้า” อรณภัทร์เอ่ยขึ้น ทั้งที่เธอรู้เรื่องราวทั้งหมดจากจอมขวัญมาก่อนแล้ว แต่เธอก็ยังอยากให้เขาเป็นคนเล่ามันด้วยตัวเอง


อาทิตย์ทัศน์ถอนหายใจก่อนจะกล่าว “ผมคิดว่าขวัญเล่าให้พี่อ้อนฟังหมดแล้วเสียอีก”


“เล่าแล้วจ้ะ แต่พี่อยากฟังเรื่องทั้งหมดจากจ้ามากกว่า อยากรู้ว่าจ้าคิดยังไง”


ชายหนุ่มมองไปที่นราวิชที่ยังคงสนุกกับการแสดงท่าทางล้อเลียนรายการทีวี “ตอนนี้คิดอะไรไม่ออก แต่ที่แน่ ๆ กำลังนึกอิจฉาไอ้คนที่มันไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเขาเลย”


“อ๋อ...ไอ้ตัวต้นเหตุ” อรณภัทร์หัวเราะ “อย่าไปโกรธมันเลย”


“ผมไม่ได้โกรธพี่วิชหรอกครับพี่อ้อน คิดไว้อยู่แล้วว่าวันหนึ่งความจริงมันก็ต้องเปิดเผย”


“แล้วเขายังมาเจอเราอยู่หรือเปล่า”


อาทิตย์ทัศน์พยักหน้า “ก็มีบ้างครับ เขามาหาขวัญ”


“อืม...นี่ก็เกือบสามปีแล้วสินะ ที่ต่างคนต่างรู้ว่ามีอีกคนอยู่บนโลกใบนี้”


“ถ้ารู้ว่ามันจะยุ่งยากขนาดนี้ผมไม่หลงกลพี่วิชเข้าไปช่วยงานในเว็บตั้งแต่แรกดีกว่า”


“จ้า....” อรณภัทร์เอื้อมมือมาบีบมือของชายหนุ่ม “ฟังพี่นะ นี่มันไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก เรื่องนี้มันง่ายนิดเดียวเอง มันมีแค่ว่าเขารู้สึกยังไงกับจ้า แล้วจ้าเองน่ะจะยอมเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ทำความรู้จักกับใครสักคนหรือเปล่า บางทีสุดท้ายแล้วสิ่งที่จ้าได้รับจากเหตุการณ์ครั้งนี้อาจจะเป็นแค่การได้เพื่อนที่ดีเพิ่มขึ้นอีกคนก็ได้นะ”


อาทิตย์ทัศน์เงยหน้าขึ้นสบตาหญิงสาวก่อนจะพยักหน้า ในใจยังคงครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันแรกจนกระทั่งเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาเมื่อไม่กี่วันก่อน....




...


“พี่จ้ายังโกรธขวัญอยู่เหรอคะ” จอมขวัญเอ่ยขึ้นขณะที่ทั้งคู่กำลังจะแยกกันที่หน้าบ้าน


“พี่ไม่ได้โกรธขวัญ”


“แล้วทำไมพี่จ้าเงียบ ๆ ไปล่ะคะ”


อาทิตย์ทัศน์ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเอื้อมมือวางที่ศีรษะหญิงสาว “พี่ไม่ได้โกรธจริง ๆ ขวัญอย่าคิดมากนะ เข้าบ้านได้แล้วไป น้ำค้างลงเดี๋ยวไม่สบาย”


จอมขวัญพยักหน้าก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในบ้านอย่างเชื่อฟังในขณะที่ชายหนุ่มยังคงยืนมองตามหลังของคนตัวเล็กจนกระทั่งเธอลับตาไป...




...



กระดาษสเก็ตซ์ถูกวางกระจายไว้เต็มโต๊ะในขณะที่ดีไซเนอร์หนุ่มเอาแต่นั่งเหม่ออกไปที่นอกกระจกบานใหญ่ของร้านกาแฟแห่งหนึ่งแถวสามย่าน หลังเสร็จจากการคุยงานกับลูกค้าตั้งแต่เมื่อตอนเที่ยงเขาก็มานั่งเก็บตัวอยู่ที่นี่


“กาแฟได้แล้วครับ” หนุ่มน้อยในชุดพนักงานที่สวมทับด้วยผ้ากันเปื้อนสีเข้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับวางถ้วยกาแฟร้อนถ้วยที่สามลงบนโต๊ะ


“ขอบคุณครับ” ตฤณกรละสายตาจากภาพรถราที่กำลังผ่านไปผ่านมาในซอยแคบ ๆ หันกลับมามองถ้วยกาแฟหอมกรุ่นที่ถูกวางไว้ใกล้กับสมุดสเก็ตซ์ เขายกถ้วยขึ้นสูดกลิ่นหอมของกาแฟก่อนจะค่อย ๆ จิบมันช้า ๆ พลันสายตาก็ปะทะเข้ากับร่างของหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งที่กำลังเดินหอบถุงกระดาษที่ได้จากซูเปอร์มาร์เก็ตผ่านไป ตฤณกรรีบวางถ้วยกาแฟก่อนจะรีบเก็บสมุดสเก็ตซ์และงานทั้งหมดบนโต๊ะลงกระเป๋าสะพายก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและไม่ลืมที่จะวางเงินค่ากาแฟเอาไว้ ชายหนุ่มรีบเปิดประตูออกไปจากร้านก่อนจะมองหาผู้หญิงคนเมื่อสักครู่ ในที่สุดเขาก็เห็นเธอกำลังเดินข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้ามเมื่อสัญญาณไฟสำหรับคนข้ามปรากฏขึ้น ตฤณกรจึงวิ่งตามเธอไปทันที


“คุณป้าครับ” เสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้อรนุชค่อย ๆ ชะลอฝีเท้าก่อนจะหันไปหาเจ้าของเสียง


“อ้าว ตัง มาทำอะไรแถวนี้จ๊ะ”


“ผมทำงานแถวนี้ครับ แล้วคุณป้าล่ะครับมาทำอะไรแถวนี้” ชายหนุ่มกล่าวก่อนจะช่วยถือของพะรุงพะรังในมือของเธอ


“ป้ามาซื้อของจ้ะ เดี๋ยวจะแวะไปเอาของที่ร้านแล้วก็ว่าจะกลับบ้าน”


“ร้าน...ร้านอะไรเหรอครับ”


“ป้าหุ้นกับเพื่อนเปิดร้านสอนทำอาหารน่ะจ้ะ”


ตฤณกรพยักหน้า เขาไม่แปลกใจนักเพราะเคยรู้มาจากจอมขวัญบ้างแล้วว่าคุณน้าบ้านตรงข้ามของเธอทำอาหารอร่อยแถมยังเคยเป็นผู้ช่วยเชฟในภัตตาคารของโรงแรมดัง ๆ มาแล้วหลายที่



“ผมเคยเห็นอยู่เหมือนกัน ตึกใหญ่ ๆ ที่อยู่ตรงหัวมุมถนนใช่ไหมครับ”


“นั่นแหละจ้ะ ในระแวกนี้มีอยู่ที่เดียว”


“ไกลเหมือนกันนะครับ แล้วทำไมคุณป้าไม่ขับรถมาล่ะครับ”


“ตอนแรกป้าก็ขับมาจ้ะ แต่มันเสียกลางทาง นี่ก็ให้ที่อู่เขามาลากไปแล้ว”


“ถ้าอย่างนั้นผมไปส่งดีกว่าครับ พอดีวันนี้ผมเอารถมา”


“อุ้ย! เกรงใจน่ะจ้ะ เสียเวลาทำงานของตังแย่ เดี๋ยวป้าเรียกแท็กซี่ไปเองก็ได้”


“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ต้องเข้าบริษัทแล้ว คุณป้ารอผมตรงนี้ก่อนก็แล้วกันนะครับ เดี๋ยวผมข้ามไปเอารถก่อน”


อรนุชมองตามหลังชายหนุ่มที่หิ้วของพะรุงพะรังข้ามถนนกลับไปยังฝั่งที่เขามาก่อนที่เขาจะหายเข้าไปในซอยเล็ก ๆ ข้างร้านกาแฟ หลังจากนั้นไม่นานนักรถเก๋งสีดำก็แล่นเข้ามาจอดที่ข้างทางตรงจุดที่เธอยืนอยู่


“ขอบใจมากนะจ๊ะตัง” อรนุชกล่าวเมื่อขึ้นมานั่งบนรถ


“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี” ตฤณกรกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขาพาอรนุชแวะไปเอาของที่ร้านของเธอก่อนจะไปส่งที่บ้านแถววงเวียนใหญ่ เมื่อถึงบ้านชายหนุ่มก็เดินไปเปิดท้ายรถเพื่อหยิบข้าวของเข้าไปส่งข้างใน


“ตังรีบไปไหนหรือเปล่าจ๊ะ” อรนุชถามขึ้นเมื่อชายหนุ่มวางถุงจากซูเปอร์มาร์เก็ตลงบนโต๊ะ


“เปล่าครับ” ชายหนุ่มตอบตามความจริง


“ถ้าอย่างนั้นอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนสิจ๊ะ เดี๋ยวป้าจะทำอะไรอร่อย ๆ ให้ทาน” ผู้เป็นเจ้าของบ้านกล่าวก่อนจะเงยหน้ามองนาฬิกาติดฝาผนัง “วันนี้จ้าบอกว่าจะกลับเร็ว เดี๋ยวอีกสักพักก็คงมาถึง” 


“ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องรบกวนแล้วละครับ” ตฤณกรตอบยิ้ม ๆ มีหรือที่เขาจะพลาดโอกาสอันดีนี้ ชายหนุ่มเดินสำรวจไปรอบ ๆ บ้านสองชั้นที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย ด้านหลังเป็นสวนหย่อมมีศาลาไม้เล็ก ๆ สำหรับนั่งพักผ่อน ด้านข้างของบ้านเป็นกระจกบานเลื่อนเปิดสู่ระเบียงไม้เล็ก ๆ ที่ยื่นออกสู่บ่อเลี้ยงปลาสวยงาม มีไม้น้ำปลูกอยู่ล้อมรอบ ภาพในบ้านตกแต่งด้วยภาพถ่ายใส่กรอบอย่างดีมีทั้งภาพสีและภาพขาวดำ ที่ชั้นวางหนังสือเต็มไปด้วยหนังสือเกี่ยวกับการถ่ายภาพ เหนือขึ้นไปมีภาพขาวดำของนายทหารเรือหน้าตาหล่อเหลาติดอยู่ ข้าง ๆ กันเป็นภาพของอาทิตย์ทัศน์ที่ถ่ายเมื่อครั้งรับปริญญาคู่กับผู้เป็นแม่ ส่วนบนโต๊ะทำงานมีภาพตั้งโต๊ะซึ่งเป็นภาพถ่ายที่เขาถ่ายกับเพื่อน ๆ ชาวต่างชาติเมื่อครั้งได้รับทุนไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ


ตฤณกรหยิบภาพตั้งโต๊ะภาพหนึ่งขึ้นมาดู มันเป็นภาพของชายหนุ่มที่กำลังนั่งเอามือเท้าคาง ที่สำคัญคือเขายิ้ม และเป็นยิ้มที่ออกมาจากความรู้สึกจริง ๆ รอยยิ้มนั้นปรากฏที่ดวงตาและที่ริมฝีปากบาง แก้มเป็นพวงใสมีรอยบุ๋มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้น ในความคิดของตฤณกรรอยยิ้มแบบนั้นทำให้โลกทั้งใบดูสดใสขึ้นเป็นกอง น่าเสียดายที่เจ้าของไม่ค่อยเผยมันให้ใครได้เห็น


“รูปนั้นน้องขวัญเป็นคนถ่ายจ้ะ ปกติจ้าถ่ายแต่รูปคนอื่น ไม่ค่อยมีรูปตัวเองเท่าไร” อรนุชที่เดินออกมาจากในครัวเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นชายหนุ่มกำลังดูรูปของลูกชายอย่างสนใจก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่กำลังสั่นอยู่บนโต๊ะหน้าทีวี


“ครับ” ตฤณกรกล่าวทั้งที่สายตายังคงจดจ้องไปที่รูปนั้น....





“ว่าไงลูก”


“จ้ะ แม่ซื้อมาแล้ว ลูกไม่ต้องซื้ออะไรเข้ามาแล้วละ นี่แม่ก็กำลังทำกับข้าวอยู่ จ้ะ แล้วเจอกันจ้ะ”


อรนุชกดวางสายก่อนจะหันมากล่าวกับตฤณกร “ตามสบายนะตัง เปิดทีวีดูก็ได้”


“ครับคุณป้า” ชายหนุ่มกล่าวกับคนที่กำลังจะเดินกลับเข้าไปในครัว เขายิ้มกับคนในภาพก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะถ่ายรูปนั้นเอาไว้...



เสียงลากเปิดประตูรั้วทำให้คนที่กำลังเพลินอยู่กับการดูภาพในนิตยสารเกี่ยวกับกล้องต้องผุดลุกขึ้น ไม่ช้ารถเก๋งสีขาวก็แล่นเข้ามาจอดในบ้าน อาทิตย์ทัศน์เปิดประตูลงมาจากรถพร้อมกับมองรถที่จอดอยู่อย่างแปลกใจก่อนจะเดินไปเปิดท้ายรถหยิบกระเป๋าคอมพิวเตอร์โน้ตบุคและสมุดส่งงานของนักศึกษาออกมา


“รถใครเหรอครับแม่” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นเมื่อเดินเข้ามาในบ้าน


“รถผมเองครับ” ตฤณกรกล่าวด้วยรอยยิ้ม


“คุณ!” ลูกชายเจ้าของบ้านขมวดคิ้วก่อนจะมองหาผู้เป็นแม่


“จ้า ลูกไปอาบน้ำอาบท่าแล้วลงมาทานข้าวนะ” เสียงอรนุชดังออกมาจากในครัว


“คะ ครับ” อาทิตย์ทัศน์ตอบกลับไปก่อนจะเดินไปวางข้าวของลงบนโต๊ะทำงานก่อนจะหันมาเอาความกับคนตัวสูงที่เดินออกไปดูปลาคราฟสีสวยที่ระเบียง


“คุณเข้ามาในบ้านผมได้ยังไง”


“คุณแม่คุณให้ผมเข้ามา”


“ผมหมายถึงทำไมแม่ถึงให้คุณเข้ามา”


“ก็ผมไปเจอท่านโดยบังเอิญ รถท่านเสีย ผมก็เลยอาสามาส่ง” ตฤณกรอธิบาย....







...



อรนุชซึ่งนั่งอยู่หัวโต๊ะมองดูชายหนุ่มสองคนที่เอาแต่นั่งจ้องหน้ากันก่อนจะเอ่ยขึ้น



“ทานข้าวกันดีกว่านะจ๊ะ”



“ทำไมแม่ไม่โทร.บอกจ้าล่ะครับ จ้าจะได้ไปรับจะได้ไม่ต้องรบกวนคนอื่น” อาทิตย์ทัศน์กล่าวพร้อมกับตักข้าวใส่จานให้แม่ของเขา


“มันกะทันหัน แม่ก็เลยไม่อยากกวน พอดีเจอตังระหว่างทาง ตังก็เลยอาสามาส่งแม่”


“ไม่เป็นการรบกวนเลยครับ” ตฤณกรกล่าวอย่างสบายใจโดยไม่สนใจสายตาพิฆาตของคนตรงหน้า


 “น่าเสียดายที่หนูขวัญไม่อยู่หลายวัน ไม่งั้นป้าจะชวนมาทานข้าวด้วยกัน วันนี้อยู่กันพร้อมหน้า”


คำพูดของผู้เป็นแม่ทำเอาลูกชายถึงกับชะงัก ชายหนุ่มขมวดคิ้วก่อนจะถาม“พร้อมหน้ายังไงแม่”


“อ้าว ก็วันนี้ตังมาทานข้าวกับเราด้วยไง ตังเป็นเพื่อนลูกแล้วก็เพื่อนหนูขวัญไม่ใช่เหรอ”


“ใช่ครับคุณป้า” ตฤณกรชิงตอบก่อนจะส่งจานเปล่าให้อาทิตย์ทัศน์ “ขอข้าวให้เพื่อนด้วยครับ” เขายิ้ม


คนหน้าตูมรับจานเปล่ามาก่อนจะตักข้าวส่งให้เขา


“ขอบคุณคร้าบบบบ”


อรนุชมองชายหนุ่มใบหน้าระบายยิ้มก่อนจะยิ้มตามเขาไปด้วย


หลังรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยตฤณกรก็โดนอาทิตย์ทัศน์ไล่ออกมาจากห้องครัวทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาเสนอตัวจะช่วยล้างจานก็ตาม คนตัวสูงเดินออกมานั่งดูปลาคราฟที่ระเบียงพร้อมกับโยนอาหารให้มันกิน ครู่หนึ่งอาทิตย์ทัศน์ก็เดินออกมาจากในครัว เขาเหลือบมองคนที่กำลังนั่งห้อยขาอยู่ที่ระเบียงเล็กน้อยก่อนจะเดินมาหาผู้เป็นแม่


“ช่างเขาบอกหรือเปล่าครับแม่ว่ารถจะเสร็จเมื่อไร”


“เขาบอกว่าถ้าเสร็จแล้วจะโทรมาบอกนะ แต่เห็นว่าคิวยาวเชียว” อรนุชที่นั่งปอกผลไม้อยู่ที่โซฟาเอ่ยขึ้น


“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้แม่เอารถจ้าไปใช้ก่อนก็แล้วกันครับ เดี๋ยวจ้าไปรถไฟฟ้าเอง”


“จ้าเอาไว้ใช้เถอะลูก แม่เห็นงานนักศึกษาตั้งเบ้อเริ่มลูกจะหอบไปยังไงไหว”


“ไม่เป็นไรหรอกแม่”


“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ผมแวะมารับคุณก็ได้” ตฤณกรเอ่ยขึ้น


“ไม่เป็นไร ผมไปเองได้”


“นั่นสิตัง บ้านลูกไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ แถวนี้นะ”


“แค่ข้ามแม่น้ำมาเองครับคุณป้า แค่นี้เอง”





....


“พรุ่งนี้ผมไปเองได้ คุณไม่ต้องมารับหรอก” อาทิตย์ทัศน์กล่าวหลังจากเปิดประตูรั้วให้รถออก


“แล้วคุณจะออกไปยังไง ไม่รู้ละคุณรอผมที่บ้านแล้วกัน เดี๋ยวผมมารับแต่เช้า” คนร่างสูงที่อยู่ในรถกล่าวก่อนจะค่อย ๆ ขับรถออกไปทิ้งให้อาทิตย์ทัศน์มองตามอย่างขัดใจ



...


เช้าวันต่อมาอาทิตย์ทัศน์ตื่นเช้าเป็นพิเศษ รีบอาบน้ำแต่งตัวหวังจะออกจากบ้านให้ได้ก่อนที่ตฤณกรจะมารับ เมื่อมองจากหน้าต่างห้องนอนเขาเห็นแม่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ที่สนามและไม่มีรถของใครจอดอยู่ที่หน้าบ้าน ชายหนุ่มยิ้มกริ่มก่อนจะเปิดประตูออกจากห้องไป แต่เมื่อลงบันไดมาเขาก็ต้องตกใจแทบตกบันไดเมื่อเห็นชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าระบายยิ้มกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โซฟา


“เฮ่ย!”


ตฤณกรอดขำไม่ได้เมื่อเห็นใบหน้าที่แสดงอาการตกใจสุดขีดแบบนั้น เขาพยายามกลั้นหัวเราะก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงปกติ “อ้าวคุณ เสร็จแล้วเหรอ จะไปเลยหรือเปล่าหรือว่าจะทานข้าวก่อน วันนี้แม่คุณทำข้าวต้ม อร่อยมากเลยนะ”


“คุณมาทำไมแต่เช้าเนี่ย” อาทิตย์ทัศน์ร้องขึ้น


“ก็ผมกลัวว่าคุณจะไม่รอผมน่ะสิ แล้วก็จริง ๆ ด้วย วันนี้แม่คุณบอกว่าคุณตื่นเช้าผิดปกติ นี่คุณจะแกล้งให้ผมมาเสียเที่ยวใช่ไหม” คนตัวสูงกล่าวอย่างรู้ทัน


“จะบ้าเหรอ ผมไม่ได้คิดแบบนั้นสักหน่อย” ชายหนุ่มกล่าวทั้งที่ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องทำเสียงสูง เขาเดินไปหยิบกระเป๋าใส่คอมพิวเตอร์โน้ตบุคและกระเป๋าใส่กล้องมาวางที่โซฟาก่อนจะหายเข้าไปในครัว



....



“ของคุณมีแค่นี้เหรอ” ตฤณกรเอ่ยขึ้นก่อนจะเอื้อมมือดึงข้าวของในมือของอาทิตย์ทัศน์


“เปล่า ยังมีอีก” ชายหนุ่มกล่าวก่อนจะยอมปล่อยของในมือแต่โดยดี....



....


“โอ้โห นี่สองรอบแล้วนะคุณ ยังไม่หมดอีกเหรอ”ตฤณกรบ่นขณะหอบสมุดภาพของนักศึกษาและฟิวเจอร์บอร์ดแผ่นใหญ่หลายแผ่นเดินตามหลังอาทิตย์ทัศน์ที่อยู่ในสภาพไม่ต่างกัน


“อย่าบ่นเลยน่าคุณ เดี๋ยวกลับไปเอากองสุดท้ายในบ้านก็หมดแล้ว ใครใช้ให้คุณจอดรถไกลขนาดนี้ล่ะ”


“ผมกลัวไก่ เอ๊ย! กลัวคุณตื่นนี่ ถ้าอย่างนั้นครั้งต่อไปผมจะเอาเข้าไปจอดในบ้านนะ”



“ยังจะมีครั้งต่อไปอีกเหรอ” อาทิตย์ทัศน์พึมพำกับตัวเอง



“นี่ถ้าไปเองคุณจะขนไปยังไงหมด”



“ก็ผมบอกคุณแล้วไงว่าผมไปเองได้ เดี๋ยวเรียกแท็กซี่มารับก็ได้” อาทิตย์ทัศน์กล่าวพร้อมกับวางสมุดภาพของนักศึกษาลงที่หลังรถ...



...



“แล้วเย็นนี้คุณจะเอางานกลับมาตรวจอีกหรือเปล่า ผมจะได้ไปรับ” ตฤณกรเอ่ยขึ้นขณะที่กำลังขับรถข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา


“ไม่” คนตัวเล็กกว่าตอบทั้งที่สายตายังคงมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อชื่นชมบรรยากาศยามเช้าของกรุงเทพมหานคร


“งั้นผมไปรับ” คำพูดของคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยทำให้คิ้วหนาของเขาต้องขมวดเข้าหากันอีกครั้ง


“เอ้า! ก็ผมไม่ได้เอางานกลับมาตรวจแล้วคุณจะไปรับทำไม”


“ทางเดียวกันกลับด้วยกันไง จะได้ช่วยรัฐประหยัดน้ำมันไงครับ” ตฤณกรกล่าวอย่างอารมณ์ดี “คุณอย่าหนีกลับก่อนก็แล้วกัน ไม่งั้นผมจะมารอตั้งแต่เที่ยงเลย”


อาทิตย์ทัศน์เหลือบมองคนข้าง ๆ อย่างอ่อนใจ เขาเลือกที่จะไม่ตอบโต้ใด ๆ แต่ภายในใจกำลังคิดแผนการที่จะหลบเลี่ยง


“ทำไมคุณต้องขนงานมาตรวจที่บ้านด้วยล่ะ ทำไมไม่ตรวจให้เสร็จที่มหาวิทยาลัย”


“เอากลับมาตรวจที่บ้านจะได้กลับบ้านเร็ว ๆ ไง ขืนรอตรวจให้เสร็จที่มหาวิทยาลัยกว่าจะกลับถึงบ้านแม่ก็ต้องรอผมจนหลับหน้าทีวีทุกวัน”


“แล้วคุณพ่อคุณล่ะ”


“พ่อผมเสียตั้งแต่ผมยังเด็ก ตั้งแต่นั้นมาเราก็อยู่กันสองคนแม่ลูก”


“พ่อคุณเป็นทหารเรือเหรอ”


“ใช่”


“ผมเห็นภาพที่ติดอยู่บนฝาผนัง ท่านหล่อมาก ๆ เลยนะ ไม่แปลกใจเลย คุณนี่ได้ความหล่อมาจากพ่อนี่เอง”


“กวนประสาท” อาทิตย์ทัศน์พึมพำ


“คุณยังโชคดีนะ ยังมีทั้งคุณพ่อคุณแม่”


“พูดยังกับคุณโตมาในกระบอกไม้ไผ่อย่างนั้นแหละ”


“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง” ตฤณกรหัวเราะ


“หมายความว่ายังไง”


“ก็หลังจากผมเกิดได้ไม่นานพ่อกับแม่ก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ผมก็เลยถูกโอนมาให้ลุงกับป้าเลี้ยง”









“ผมขอโทษนะ” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นเมื่อรู้สึกว่าตนเองได้พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป


“ขอโทษอะไรกันคุณ คุณไม่ได้ไปตัดสายเบรครถพ่อกับแม่ผมเสียหน่อย”


อาทิตย์ทัศน์ถอนหายใจอย่างเซ็งในอารมณ์ “คุณนี่มันกวน....” ชายหนุ่มกลืนคำต่อท้ายลงคออย่างยากลำบาก รู้สึกเหมือนมีอะไรจุกอยู่ที่ลำคอ....



....



“ขอบคุณมากนะครับที่มาส่ง” คนร่างเล็กกว่ากล่าวกับคนที่นั่งอยู่ในรถขณะที่นักศึกษาช่วยกันหอบงานจากท้ายรถของเขาเข้าไปในตึกของคณะ


“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี แต่ถ้าคุณอยากจะตอบแทนผมละก็....” คนตัวสูงกล่าวพร้อมกับสบตาคนฟัง








“ช่วยยิ้มให้ผมบ้างก็พอ” 

 






...


ขอบคุณคุณคนอ่านทุกท่านสำหรับการติดตามและคอมเม้นท์นะคะ

จบตอนนี้แล้วขออนุญาตหายไปปฏิบัติภารกิจทั้งการงานและการเรียนก่อนนะคะ

แล้วเดี๋ยวจะกลับมาต่อตอนที่ 12 ค่ะ ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ



หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 11 : สิ่งตอบแทน)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 08-12-2013 23:02:27
เอาใจช่วยนะตัง   :katai5:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 11 : สิ่งตอบแทน)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 08-12-2013 23:17:10
ตังสู้ ๆ ชนะใจพี่จ้าให้ได้
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 11 : สิ่งตอบแทน)
เริ่มหัวข้อโดย: zitronen-tee ที่ 08-12-2013 23:35:43
ประทับใจเรื่องนี้จังเลยค่ะ ดำเนินเรื่องเนิบๆ แต่ให้ความรู้สึกละมุนละไม
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 11 : สิ่งตอบแทน)
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 09-12-2013 08:24:44
ตังสู้ๆ ^_^
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 11 : สิ่งตอบแทน)
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 09-12-2013 14:29:26

จ้ามีกำแพงสูงคงไม่อยากเสียใจอีก
แต่ว่าคบกันแบบเพื่อนก็ได้นี่นา

ชอบตรงที่ตังให้การ์ดลายเส้นกับจ้าอ่ะ
มันเหมือนเขียนจดหมายรักจีบกัน
ยิ่งนานวันจำนวนก็ยิ่งเยอะตามไปด้วย
เมื่อเวลาผ่านไปใครคนใดคนหนึ่งอาจจะไม่อยู่แล้ว
แต่สามารถเอามาดูระลึกถึงความหลังได้
ซาบซึ้ง---อบอุ่นหัวใจ---น้ำตาจะไหล

+ 1 + เป็ดจ้า
หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 12 : มวยถูกคู่)
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 09-12-2013 21:20:08
ตอนที่ 12 มวยถูกคู่




‘ช่วยยิ้มให้ผมบ้างก็พอ’








น้ำเสียงอบอุ่นและแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความจริงใจของคนพูดเมื่อตอนเช้ายังคงทำให้หัวใจของคนที่ได้ฟังเต้นแรงทุกครั้งที่นึกถึง ตาคมยังคงกวาดมองกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ที่เขียนอธิบายแนวคิดของภาพถ่ายซึ่งถูกติดไปที่ด้านหลังฟิวเจอร์บอร์ดแผ่นใหญ่ที่นักศึกษาเพิ่งนำเข้ามาส่งในห้องพักเมื่อสักครู่ แต่ผู้เป็นอาจารย์กลับอ่านจับใจความมันไม่ได้เลยทั้งที่มีอยู่ไม่กี่บรรทัด หน้าเรียวส่ายรัวหวังจะสลัดสิ่งที่กำลังคิดอยู่นี้ออกไป อาทิตย์ทัศน์ตัดสินใจวางงานตรงหน้าลงก่อนจะเอนหลังพิงพักเก้าอี้พร้อมกับผ่อนลมหายใจยาว


เสียงเปิดประตูเข้ามาทำให้ชายหนุ่มต้องชะเง้อมองไปเหนือพาทิชัน ไม่ช้าร่างเล็ก ๆ ของหญิงสาวผู้หนึ่งก็เดินผ่านมา


“กลับมาแล้วเหรอครับพี่จิต” อาทิตย์ทัศนเอ่ยขึ้น


“ใช่จ้ะ เพิ่งประชุมเสร็จน่ะ ประชุมกันยาวนานจริง ๆ”


“เรื่องงานออกร้านของมหาวิทยาลัยน่ะเหรอครับ”


“ใช่จ้ะ งานนี้ท่าทางจะเป็นงานใหญ่ จัดช่วงหลังเปิดเทอมไปไม่นาน”


“ครับ” อาทิตย์ทัศน์พยักหน้า เขาคุ้นเคยกับ ‘งานออกร้าน’ ที่ว่าเป็นอย่างดี เพราะตลอดทั้งสี่ปีของการเรียนระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยเขาก็มักจะร่วมทำกิจกรรมนี้กับเพื่อนร่วมภาควิชาเสมอ


“ปีนี้คณะเราจะมีกลยุทธ์อะไรไปต่อกรกับคณะสถาปัตย์ล่ะพี่” นราวิชที่เดินถือเอกสารออกมาจากโต๊ะด้านในเอ่ยขึ้น


“นี่แหละเป็นสิ่งที่พวกเรา ไม่สิ พวกแกต้องช่วยกันคิด เพราะฉะนั้นอาจารย์หนุ่มไฟแรง ๆ นี่ยิ่งต้องเอาตำแหน่งคณะกรรมการฝ่ายสร้างสรรค์กิจกรรมไปเลย เดี๋ยวพี่จะบอกให้อาจารย์ทรีดีแกเอาชื่อพวกแกกับอาจารย์หนุ่ม ๆ ทางฝั่งออกแบบเสนอท่านคณบดีเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการอีกที”


“ศิลปกรรมของเราต้องไม่แพ้จ้ะ”


“ซะงั้น” นราวิชกล่าว “งานเข้าอีกแล้ว”


“งานถนัดพี่ไม่ใช่เหรอพี่วิช” อาทิตย์ทัศน์หัวเราะก่อนจะนึกถึงคณะคู่แข่งที่แข่งกันหารายได้กับคณะของเขาทุกปี ทั้งที่รายได้ทั้งหมดเมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้ว จุดหมายก็คือนำไปบำรุงกิจการภายในหมาวิทยาลัยเหมือนกัน ไม่รู้จะแข่งกันไปทำไม แต่แม้จะแข่งขันกันทั้งสองคณะก็เป็นพันธมิตรกันเป็นผู้นำในเรื่องของกิจกรรมสร้างสรรค์ต่าง ๆ ร่วมกัน


“ปีที่แล้วกับปีก่อนก็คิดกันจนหัวจะระเบิด ปีนี้ผมส่งไอ้จ้าเข้าประกวดแล้วกันพี่ ถือว่าเป็นการรับน้องใหม่” นราวิชหัวเราะ


“อ้าว โยนให้ผมเฉยเลย”


“เอาละ ไม่ต้องเกี่ยงกันจ้ะ ยังไงสองคนนี้ก็ต้องถูกแต่งตั้งเป็นกรรมการแน่ ๆ” จิตตรียิ้ม “ว่าแต่นี่ได้เวลาเลิกงานแล้วนะ ยังไม่กลับกันอีกเหรอ”


คำพูดของหญิงสาวทำให้อาทิตย์ทัศน์รีบก้มมองนาฬิกาข้อมือนึกถึงคนที่มาส่งเขาเมื่อเช้า ทั้งสามคนลงมาห้องทำงานพร้อมกันเพื่อจะไปยังลานจอดรถ


“หาอะไรน่ะพี่วิช” อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้วเมื่อเห็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่หยุดควานหาบางสิ่งในกระเป๋ากางเกง


“หากุญแจรถ” เขากล่าวทั้งที่มือยังคงล้วงลงไปในกระเป๋าทั้งกระเป๋าข้างและกระเป๋าหลัง


“โทร.เข้าดิ” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นขณะที่จิตตรีเดินเข้ามาสมทบ


“เออ ไหนแกลองโทรซิไอ้จ้า” นราวิชรับมุข


“สงสัยจะลืมไว้ที่เคาน์เตอร์ตอนแวะคุยกับพี่ยามเมื่อกี้ว่ะ” พูดจบเขารีบเดินกลับเข้าไปในตึก


“เบอร์วิชเบอร์อะไรนะ” จิตตรีกล่าวก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจากกระเป๋าสะพาย


“พี่จิตจะโทร.ไปไหนครับ” อาทิตย์ทัศน์หัวเราะ


“อ้าว ก็จะโทรเข้าเครื่องวิชไง”


“พี่วิชเขาหากุญแจรถครับ ไม่ได้หาโทรศัพท์” ชายหนุ่มยังคงหัวเราะชอบใจ


“ไอ้จ้า!!!! นี่แกอำฉันเหรอ” หญิงสาวร้องขึ้นก่อนจะทำหน้างอน ๆ


“โอ๋ ๆ อย่างอนเลยนะครับ” อาทิตย์ทัศน์ยิ้มล้อ ๆ “ผมล้อเล่นน่า”


“อะไรกัน ๆ เสียงดังเชียวเข้าไปถึงข้างใน” นราวิชที่วิ่งกลับออกมาจากตึกเอ่ยขึ้น


“วิชแกดูน้องแก มันหลอกฉัน”


“หลอกอะไร ผมยังไม่ได้หลอกเลย พี่จิตนั่นแหละเข้าใจผิดเอง” อาทิตย์ทัศน์ยิ้มตาหยี


“แกไปหลอกอะไรพี่จิตวะ” ชายหนุ่มร่างใหญ่หันมากล่าวกับคนที่กำลังยกมือทั้งสองขึ้นปฏิเสธพัลวัน


“ฉันคิดว่าแกหาโทรศัพท์ ก็เห็นเจ้าจ้ามันบอกว่าให้ลองโทรเข้าก็เลยจะกดโทรให้เนี่ย” หญิงสาวบ่น


“ไอ้จ้า กวงติงตลอด กับคนสูงอายุยังไม่เว้นนะแก”


“ไอ้วิช แกอีกคน” หญิงสาวกล่าวก่อนจะใช้มือเล็ก ๆ ของเธอตีที่แขนของนราวิช จากนั้นทั้งหมดก็พากันหัวเราะ






“เออ แล้วนี่เอารถจอดไว้ไหนวะจ้า” ชายหนุ่มร่างใหญ่กล่าวหลังจากจิตตรีแยกไป


“วันนี้ผมไม่ได้เอารถมาพี่”


“งั้นไปด้วยกันสิ เดี๋ยวพี่ไปส่งที่สถานีรถไฟฟ้า” นราวิชเสนอแต่อาทิตย์ทัศน์กลับส่ายหน้าช้า ๆ


“ไม่เป็นไรครับ ผมนัดกับเพื่อนไว้ พี่ไปเถอะ”


“อ่อ ถ้าอย่างนั้นพี่ไปก่อน พรุ่งนี้เจอกัน” คนร่างใหญ่กล่าวก่อนจะเดินไปที่ลานจอดรถ


อาทิตย์ทัศน์เดินไปนั่งที่ม้านั่งข้างสนามฟุตบอลก่อนจะทอดสายตามองบรรดานักศึกษาชายที่กำลังดวลแข้งกันอยู่ในสนาม โดยไม่ทันได้สนใจคนที่เดินมานั่งข้าง ๆ


“คุณนี่แสบจริง ๆ” เสียงนั้นทำให้เขาต้องละสายตาจากภาพตรงหน้า


“ผมไปทำอะไร”


“ก็เมื่อกี้คุณทำอะไรไว้ล่ะ” ตฤณกรหัวเราะ


“นี่คุณแอบดูผมเหรอ”


“ก็ถ้าไม่แอบดูจะรู้เหรอว่าคุณแสบแค่ไหน”


“รู้อย่างนี้แล้วก็ควรจะอยู่ห่าง ๆ ผมไว้” คนร่างเล็กกว่าหัวเราะในลำคอก่อนจะลุกขึ้น


“ผมบอกแล้วไงว่าผมอยากเป็นเพื่อนกับคุณ” ตฤณกรกล่าวขณะลุกขึ้นตาม...











“จะหมดวันแล้วนะคุณ วันนี้คุณลืมทำอะไรหรือเปล่า” คนตัวสูงที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยเอ่ยขึ้นก่อนจะค่อย ๆ จอดรถที่หน้าบ้านของคนที่ยังคงถามคำตอบคำตลอดทาง


“อะไรของคุณ” อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้ว


“วันนี้คุณยังไม่ได้ยิ้มให้ผมเลยนะ”


คนหน้าตูมเงยหน้าขึ้นสบตาเขาก่อนจะค่อย ๆ ฉีกยิ้มอย่างไม่เต็มใจนัก


“แบบนี้ที่บ้านผมเขาเรียกว่าแยกเขี้ยว” ตฤณกรหัวเราะ


“ผมไม่ใช่หมานะ” อาทิตย์ทัศน์กล่าวเสียงเรียบขณะปลดเข็มขัดนิรภัย “ขอบคุณที่มาส่ง”


“ไม่เป็นไรครับ”ตฤณกรยิ้มก่อนจะปลดล็อคประตู เขารอจนชายหนุ่มเดินหายเข้าไปในบ้าน พักใหญ่ ๆ ไฟที่ห้องนอนชั้นสองก็สว่างขึ้น อาทิตย์ทัศน์มองดูรถเก๋งสีดำที่ยังคงจอดนิ่งอยู่ที่นอกรั้วผ่านช่องของม่านหน้าต่างเป็นเวลานานทีเดียวกว่ารถคันนั้นจะเคลื่อนออกไป...


   



ตั้งแต่วันนั้นมาแม้เขาจะพยายามหลบเลี่ยง แต่สุดท้ายรถเก๋งสีดำก็จะมารับเขาที่บ้านทุกเช้าและมาส่งในตอนเย็นจนกระทั่งรถของแม่ซ่อมเสร็จ อาทิตย์ทัศน์ละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุคก่อนจะยืดตัวมองชายหนุ่มที่นั่งดูทีวีกับน้องสาวบ้านตรงข้ามและแม่ของเขาอยู่ที่โซฟา


“บ้านช่องไม่มีจะอยู่กันหรือไง” ปากบางพึมพำขณะคิ้วหนาเริ่มขมวดเข้าหากันเพราะรู้สึกว่าพักนี้จะเห็นหน้าเขาบ่อยพอ ๆ กับเห็นหน้าแม่ตัวเอง ที่เป็นเช่นนี้ก็คงเพราะประโยคสั้น ๆ ที่อาจจะเป็นเพียงการพูดเพื่อมารยาทของแม่ แต่คนฟังดันตีความเอาเองแบบตรงตัวก็เป็นได้...


“อันที่จริงผมเป็นคนเชียงใหม่ครับ แต่ว่ามาอยู่กรุงเทพฯ ตั้งแต่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้”



“ผมอยู่คอนโดแถวสาทรน่ะครับคุณป้า วันไหนเลิกงานเร็ว กลับไปก็ไม่รู้จะทำอะไรอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยม ส่วนใหญ่ก็อยู่ที่ทำงาน ยิ่งวันไหนมีงานด่วนก็ค้างกันที่นั่นเลย”


“ถ้าอย่างนั้นวันไหนเบื่อ ๆ ตังก็แวะมานั่งเล่นนอนเล่นที่บ้านป้าได้นะ ตังมาแล้วบ้านครึกครื้นขึ้นเยอะเลย”


“ครับคุณป้า”


“นี่ป้าก็เลยรู้สึกว่าเหมือนมีลูกชายเพิ่มขึ้นมาอีกคน”



คนตัวสูงยิ้มจนแก้มแทบปริในขณะที่อาทิตย์ทัศน์ได้แต่นั่งฟังเฉย ๆ อยากจะถามแม่เหลือเกินว่าจะไม่ถามความคิดเห็นของเขาเสียหน่อยหรือว่าอยากมีพี่ชายหรือน้องชายเพิ่มอีกคนไหม...


ในที่สุดจาก ‘แขกบ้านตรงข้าม’ ก็กลายมาเป็น ‘ลูกชายคนใหม่ของแม่’ ไปในที่สุด


อาทิตย์ทัศน์ปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุคก่อนจะเดินขึ้นบันไดไป เขาเปิดประตูเข้าไปในห้องก่อนจะล้มตัวลงนอนด้วยความอ่อนเพลียหลังจากที่ช่วงนี้ต้องพานักศึกษาออกไปถ่ายภาพนอกสถานที่บ่อย ๆ ลมพัดเย็นพาม่านหน้าต่างสีขาวปลิวไสว ตาคมค่อย ๆ ปิดลงช้า ๆ ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทรา


ชายหนุ่มตื่นขึ้นอีกครั้งในตอนบ่ายแก่ ๆ เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูรั้ว เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างเขาก็เห็นผู้เป็นแม่กำลังเปิดประตูเข้าไปในรถซึ่งมีป้าดานั่งอยู่ด้านหน้าคู่กับคนขับซึ่งก็คือจอมขวัญ อาทิตย์ทัศน์เดินเข้าไปล้างหน้าล้างตาให้ห้องน้ำก่อนจะเปิดประตูลงไปข้างล่าง



“ตื่นแล้วเหรอคุณ” ตฤณกรที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ระเบียงเอ่ยขึ้น


“นี่คุณยังไม่กลับอีกเหรอ” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะเดินไปนั่งขัดสมาธิลงที่โซฟา


“ถ้ากลับแล้วคุณจะเห็นผมไหมล่ะครับ” คำพูดของคนตัวสูงทำเอาคนที่กำลังงัวเงียตาสว่างทันที มือเรียวคว้าหมอนที่วางอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะปาใส่คนที่นั่งอยู่ที่ระเบียงเต็มแรง


“เฮ้ยคุณ! ทำอะไรเนี่ย” ตฤณกรร้องขึ้นพร้อมกับคว้าหมอนตกอยู่บนพื้นมากอดไว้


อาทิตย์ทัศน์ไม่ได้ตอบอะไรก่อนจะเบนความสนใจไปอยู่ที่หน้าจอทีวี


“คุณหิวหรือเปล่า” คนตัวสูงที่เดินมานั่งที่โซฟาตัวข้าง ๆ เอ่ยขึ้น


“ไม่...”


“แต่ผมหิว ออกไปหาอะไรทานกันเถอะ”


“คุณหิวคุณก็ออกไปทานหรือไม่ก็กลับบ้านคุณไปสิ ผมจะรอทานกับแม่ผม”


“ไม่ต้องรอหรอก แม่คุณบอกว่าให้คุณหาอะไรทานไปก่อนได้เลย เพราะว่าแม่คุณกับป้าดาแล้วก็น้องขวัญน่ะ เขาออกไปเวียนเทียนที่วัดกัน พวกห่างไกลศาสนาอย่างคุณคงไม่เคยไปหรอกมั้ง” ตฤณกรกล่าวก่อนจะปาหมอนใส่หน้าคนที่เอาแต่นั่งจอจ้องจอทีวี


“เฮ้ย! นี่คุณหรอกด่าผมเหรอ”อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้ว


ตฤณกรได้แต่หัวเราะก่อนจะลุกขึ้น “ไปเร็วคุณ ไปหาอะไรทานกัน”


อาทิตย์ทัศน์มองตามหลังคนตัวสูงก่อนจะถอนหายใจ เขาส่ายหน้าก่อนจะลุกขึ้นคว้ากุญแจบ้านแล้วเดินตามออกไป....


แสงสุดท้ายของวันกำลังจะหมด ชายหนุ่มสองคนเดินไปตามถนนในหมู่บ้านจัดสรรซึ่งระหว่างทางมีทั้งจักรยานและจักรยานยนต์ขี่สวนออกมา ที่ตะกร้าหน้ารถหลายคันมีดอกไม้สำหรับบูชาพระ เมื่อเห็นแล้วก็เดาได้ไม่ยากว่าคนเหล่านี้กำลังจะไปเวียนเทียนที่วัดในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาวันนี้เป็นแน่ ไม่นานนักทั้งตฤณกรและอาทิตย์ทัศน์ก็เดินมาถึงตลาดโต้รุ่งในหมู่บ้าน


“ทานอะไรดีคุณ” คนตัวสูงเอ่ยขึ้น


“คุณอยากทานอะไรก็ทาน” อาทิตย์ทัศน์กล่าว ตัวเขาเองก็นึกไม่ออกว่าจะทานอะไรเหมือนกัน


“งั้นก๋วยเตี๋ยวก็แล้วกัน” พูดจบตฤณกรก็เดินนำไปที่รถเข็นขายก๋วยเตี๋ยวทันที


“เอาเย็นตาโฟเส้นใหญ่ครับ” ชายหนุ่มสั่งกับอาแปะที่กำลังยืนลวกเส้นก๋วยเตี๋ยว


“สองครับแปะ” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้น


“นี่คิดบ้างไหมเนี่ย” คนตัวสูงกล่าวเมื่อทั้งคู่นั่งลงที่โต๊ะหน้ารถเข็นพอดี


“คิด พิจารณา ทบทวน ไตร่ตรองมาเป็นอย่างดี” คนตัวเล็กกว่าตอบเรียบ ๆ แต่กลับดูกวนประสาทที่สุดในความรู้สึกของตฤณกร


“สงสัยตอนเด็ก ๆ จะชอบลอกข้อสอบนะคุณน่ะ”


อาทิตย์ทัศน์ทำตาโตก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “คุณรู้ได้ยังไงน่ะ อืม...ส่วนคุณ...” ชายหนุ่มพยายามกลั้นหัวเราะ “แสนรู้แบบนี้คงกินเพ็ทดีกรีเป็นอาหารสินะ”


“นี่! คุณหลอกด่าผมอีกแล้วนะ” ตฤณกรขมวดคิ้วก่อนจะปรากฏรอยยิ้มเล็ก ๆ บนใบหน้าเมื่อเห็นคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามพยายามกลั้นหัวเราะและหันหน้าไปทางอื่น


“จะหัวเราะก็หัวเราะ ไม่ต้องเก็บไว้หรอกคุณ แหม...ด่าผมได้ละมีความสุข”


อาทิตย์ทัศน์เม้มปากแน่นพยายามกลั้นหัวเราะจนหน้าแดง เขาหันกลับมาประจัญหน้ากับคนที่นั่งตรงข้ามกันอีกครั้งเมื่ออาแปะยกชามก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟ “ทานดีกว่า หรือว่าคุณอยากได้เพ็ทดีกรี”


“ยังอีก ยังไม่เลิก” ตฤณกรมองคนตรงหน้ายิ้ม ๆ


“คุณทานเลือดไหม” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยพร้อมกับใช้ตะเกียบคีบเลือดก้อนโตขึ้นมา


ตฤณกรพยักหน้าเล็กน้อย “คุณไม่ทานเหรอ คุณไม่ทาน ทำไมไม่บอกแปะเขา คุณบอกเขาได้นี่ว่าให้เอาออกให้หน่อย เขาจะได้ให้อย่างอื่นมาแทน เอาไหมเดี๋ยวผมบอกให้” ตฤณกรกล่าวก่อนจะหันไปหาอาแปะที่รถเข็น


“เฮ้ย! ไม่ต้องหรอกคุณ เกรงใจแปะ ไหน ๆ เขาก็ใส่มาแล้ว คุณก็ทานนี่” พูดจบอาทิตย์ทัศน์ก็วางเลือดลงในชามฝั่งตรงข้าม


“แล้วถ้าผมไม่ทานเนี่ย มันก็ต้องถูกทิ้ง เสียของเข้าไปอีก ถ้าเขาใส่อะไรที่คุณไม่ทานลงมาอีกคุณไม่ต้องเขี่ยทิ้งแล้วทานแต่เส้นอย่างเดียวเหรอ”


“พูดมากจริง”


“ก็มันจริงนี่คุณ เราเกรงใจคนอื่นได้แต่อย่าให้ตัวเองต้องเดือดร้อนสิ บางทีเรานึกถึงแต่คนอื่น แต่คนอื่นเขาอาจจะไม่ได้นึกถึงเราเลยก็ได้ คุณว่าจริงไหม”


อาทิตย์ทัศน์เงยหน้าขึ้นสบตาคนตรงหน้าก่อนจะก้มหน้าก้มตาจัดการกับก๋วยเตี๋ยวในชามเงียบ ๆ


 




เดือนต่อมา...


“เฮ้อ!!!!!!!!!!!!!” เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ทำเอาบรรดาเพื่อน ๆ ที่นั่งคุยงานกันอยู่ในห้องต้องเงยหน้าขึ้นมองหาต้นเสียง ตฤณกรใช้มือทั้งสองข้างขยี้ผมตัวเองจนยุ่งเหยิงก่อนจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะทำงาน


“มันเป็นอะไรของมันวะ” คนหนึ่งในกลุ่มที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่กลางห้องเอ่ยขึ้น


“แก้งานให้ลูกค้าน่ะสิ เห็นนั่งแก้มาหลายวันแล้วยังไม่เสร็จ” หนุ่มร่างท้วมที่นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุคตอบแทนเพื่อน


“เยอะเหรอวะ”


“งานน่ะไม่เยอะหรอก ที่เยอะน่ะลูกค้า” ตฤณกรเงยหน้าขึ้นตอบ


“เอาน่า ค่อย ๆ รีบทำไป” สาวเปรี้ยวร่างอวบซึ่งเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มพูดกลั้วหัวเราะ


“ตกลงให้รีบหรือให้ค่อย ๆ วะแนนนี่” ตฤณกรขมวดคิ้ว


“ก็ค่อย ๆ แล้วก็รีบ ๆ นั่นแหละ”

 
“เฮ้อ!!!!! พรุ่งนี้ก็มีประชุมเรื่องนักศึกษาฝึกงานอีก” ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าอิดโรยบ่น “ยังไม่รู้เลยว่าต้องทำอะไรบ้าง”


“อ้าว ก็เมื่อเช้าพี่นีฝ่ายบุคคลเขาเอาเอกสารมาให้แกแล้วไง ยังไม่ได้ดูเหรอ”พัฒน์กล่าว


“ไหนวะ” ตฤณกรมองซ้ายมองขวากวาดสายตาหาเอกสารที่ว่า


“นี่หรือเปล่า” หญิงสาวคนเดิมก้มลงหยิบเอกสารที่หล่นอยู่ข้างเก้าอี้ขึ้นมาดู


บรรดาหนุ่ม ๆ ที่สุมหัวคุยงานกันอยู่ต่างพากันลุกขึ้นมาดูอย่างสนใจ “ไหน ๆ ดูซิ เผื่อจะมีน้องฝึกงานสาว ๆ สวย ๆ มาทำให้ไอ้ตังมันกระชุ่มกระชวยบ้าง”


แนนนี่ยิ้มก่อนจะพลิกเอกสาร 2-3 แผ่นที่เย็บรวมกันอ่าน “มีแต่ผู้ชายทั้งนั้นเลยนี่นา เสร็จฉันละงานนี้”


“เก็บอาการหน่อยยัยแน่นนะนี่” พัฒน์หัวเราะ


“ไอ้พัฒน์ ฉันชื่อแนนนี่ย่ะ เรียกให้มันถูก” เธอหันไปค้อนชายหนุ่มร่างท้วม ก่อนจะส่งเอกสารให้ตฤณกร “อ่ะนี่ เอกสารแก”


 จากนั้นเธอก็เดินกลับไปนั่งรวมกลุ่มกับเพื่อน ๆ ที่โต๊ะทำงานใหญ่


ตฤณกรถอนหายใจก่อนจะเปิดเอกสารออกอ่าน ในเอกสารแจ้งว่าเขาจะต้องดูแลนักศึกษาฝึกงานจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งจำนวน 3 คน เป็นนักศึกษาจากภาควิชาออกแบบ 2 คน และนักศึกษาจากภาควิชาศิลปะการถ่ายภาพ 1 คน ซึ่งก็ไม่มีอะไรน่าสนใจนัก ชายหนุ่มถอนหายใจอีกเฮือกเมื่ออ่านมาถึงหน้าที่ต่าง ๆ ของการเป็นพี่เลี้ยงให้กับนักศึกษาฝึกงาน มันยิ่งทำให้รู้สึกว่าไม่มีอะไรน่าสนใจเข้าไปใหญ่


ตฤณกรอ่านข้อความยาวยืดนั้นคร่าว ๆ ก่อนจะเปิดไปที่หน้าสุดท้ายซึ่งแสดงชื่อของอาจารย์นิเทศ 2 ท่าน หนึ่งในนั้นเป็นคนที่เขารู้จัก


“อาจารย์อาทิตย์ทัศน์ กิตติวรกุล” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองพร้อมกับรอยยิ้มจาง ๆ ที่ปรากฏบนใบหน้า...




....นี่คงเป็นสิ่งที่น่าสนใจที่สุดในเอกสารฉบับนี้....   



เช้าวันต่อมาภายในห้องประชุมของบริษัทแห่งหนึ่ง อาทิตย์ทัศน์หันไปสบตาคนที่นั่งเยื้องกันที่ฝั่งตรงข้ามเล็กน้อยหลังจากผู้จัดการบริษัทแนะนำว่าเขาคือคนที่จะเป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลนักศึกษาฝึกงานในครั้งนี้ หลังจากประชุมเสร็จเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลก็พานักศึกษาฝึกงานไปแนะนำให้พนักงานในฝ่ายต่าง ๆ ได้รู้จัก


“ยังไงก็ดูแลกันให้ดีนะ มีปัญหาอะไรก็โทรมาคุยได้ ทั้งผมทั้งอาจารย์ชนะชัย ไม่ต้องคิดว่าเป็นอาจารย์หรือนักศึกษาภาคไหน ยังไงอาจารย์นิเทศก็ต้องดูแลพวกเราทุกคนจนฝึกงานเสร็จอยู่แล้ว” อาทิตย์ทัศน์กล่าวกับนักศึกษาทั้งสามคน


“ขอบคุณครับอาจารย์” ชายหนุ่มทั้งสามคนกล่าวขึ้นพร้อมกันก่อนที่ทั้งหมดจะแยกย้ายกันที่หน้าลิฟท์


มือเรียวเอื้อมกดปุ่มก่อนจะเงยหน้ามองตัวเลขดิจิตัลที่ค่อย ๆ ลดลง จนในที่สุดลิฟท์ก็เปิดออก อาทิตย์ทัศน์ก้าวเข้าไปยืนรวมกับคนข้างในอีก 3-4 คน แต่ก่อนที่ประตูลิฟท์จะปิดใครคนหนึ่งก็ร้องขึ้นพร้อมกับแทรกตัวเข้ามา


“ไปด้วยครับ”


อาทิตย์ทัศน์เหลือบมองคนตัวสูงที่เข้ามายืนในมุมหนึ่งซึ่งห่างออกไป คิ้วหนาเริ่มขมวดเข้าหากันเมื่อลิฟท์หยุดเกือบทุกชั้นตั้งแต่ชั้น 16 ที่เขาเข้ามาจนกระทั่งถึงชั้น 9 ตลอดทางมีคนเข้ามาใหม่ รู้สึกว่าวันนี้คนไทยจะมีน้ำใจผิดปกติเพราะต่างคนต่างขยับเพื่อให้คนข้างนอกสามารถเข้ามายืนในลิฟท์ได้ จากคนที่เคยยืนอยู่ห่างกันจึงกลายมาเป็นยืนข้าง ๆ กันในที่สุด


ตฤณกรเหลือบมองคนที่ความสูงเลยไหล่เขาขึ้นมานิดหน่อย ปลายจมูกโด่งยังคงสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่คุ้นเคยเป็นระยะจนกระทั่งประตูลิฟท์เปิดออกเมื่อถึงชั้นล่างสุดของอาคาร 25 ชั้น อาทิตย์ทัศน์ขยับตัวเดินตามคนอื่น ๆ ออกมาจากลิฟท์ด้วยความรู้สึกเหมือนได้หลุดจากพันธนาการบางอย่าง จากนั้นเขาก็เดินตรงไปที่ประตูทางออกทันที


“เดี๋ยวสิครับอาจารย์” ตฤณกรเอ่ยขึ้นเมื่อเดินมาดักหน้าเขาเอาไว้


“มีอะไรว่ามา” 


“นี่เบอร์ติดต่อผมครับ” คนตัวสูงยิ้มพร้อมกับยื่นนามบัตรให้


อาทิตย์ทัศน์รับมันมาก่อนจะเก็บใส่สมุดบันทึกที่ถืออยู่ในมือ


“โห....ไม่ดูเลยอ่ะ” คนตัวสูงบ่น


“มีอะไรอีกไหม ผมต้องรีบกลับไปสอน”


“แล้วอาจารย์ไม่คิดจะให้เบอร์ผมไว้บ้างเหรอครับ เผื่อมีปัญหาอะไรจะได้ติดต่อได้”


“ในสมุดประจำตัวของนักศึกษาน่าจะมีเบอร์ติดต่อภาควิชาอยู่แล้ว คุณโทร.ตามเบอร์นั้นได้เลย”


“เดี๋ยวสิคุณ แล้วถ้ามันมีเหตุฉุกเฉินที่ผมต้องติดต่อคุณล่ะครับ แบบเร่งด่วน ด่วนมาก ๆ ด่วนที่สุด สำคัญมาก ๆ .....”


“พอ ๆ” อาทิตย์ทัศน์กล่าวพร้อมกับถอนหายใจด้วยความเซ็งก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงส่งให้คนตัวสูงตรงหน้า ตฤณกรยิ้มก่อนจะรับมันมากดเบอร์ตัวเอง กดไปก็มองคนที่ยืนหน้าตูมอยู่ตรงหน้าไป กดไปก็ยิ้มไป เขายิ้มอย่างพอใจเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าของตัวเองดังขึ้น จากนั้นจึงส่งโทรศัพท์คืนให้อาทิตย์ทัศน์


“ขอบคุณครับ” คนตัวสูงยิ้มตาหยี



...



“เป็นอะไรวะ อารมณ์ดีอย่างกับคนบ้า” พัฒน์เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะฝั่งตรงข้ามเอาแต่กดโทรศัพท์ไปยิ้มไป


ตฤณกรไม่ได้ตอบอะไรเขายังคงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่อย่างนั้นก่อนจะกดเลือกรูปของใครบางคนที่เขาถ่ายเอาไว้นานแล้วบันทึกพร้อมกับเบอร์โทรศัพท์.....






....



ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์มาก ๆ เลย

มันช่วยในการประกอบการคิดว่า เรื่องมันน่าจะไปในทิศทางไหน

พอดีช่วงนี้มีเวลาเลยเขียนได้เยอะหน่อย นึกอะไรได้ก็เขียน ๆ เก็บไว้ เดี๋ยวจะลืม

แต่ว่าถ้าหายไปนาน ๆ อย่าว่ากันนะคะ ขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยค่ะ


หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 12 : มวยถูกคู่)
เริ่มหัวข้อโดย: Aoya ที่ 09-12-2013 21:51:45
เป็นกำลังใจให้ตัง
ส่วนนนท์ให้เขาไปดีเถอะ อย่าให้กลับมาเลย
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 12 : มวยถูกคู่)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 09-12-2013 21:55:43
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด มาว่องไวมาก
ใกล้เข้าไปทุกทีแล้วนะ  ไม่ใจอ่อนให้มันรู้ไปนะนายจ้า
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 12 : มวยถูกคู่)
เริ่มหัวข้อโดย: bluerose ที่ 10-12-2013 01:38:11
เพิ่งเข้ามาอ่านวันนี้วันแรก รู้สึกเหมือนพลาดอะไรที่เพิ่งเข้ามาค้นพบ 5555 เรื่องนี้น่ารักอ่ะค่ะ อ่านไปฟินไป อ่านไปเคลิ้มไป ค่อยๆเริ่มค่อยๆใกล้กัน ตั้งสามปีเชียวน่ะกว่าจะได้เจอได้คุยกันจริงจังๆ น่ารักสุดๆไปเลยค่ั
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 12 : มวยถูกคู่)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 10-12-2013 02:11:20
ได้เบอร์มาแล้วๆๆๆ


เอาใจช่วยตังสุดๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 12 : มวยถูกคู่)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 10-12-2013 03:01:03
ตังแน่ใจหรอว่าอยากเป้นแค่เพื่อน
แม่งหยั่งกะคนจีบกัน
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 12 : มวยถูกคู่)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 10-12-2013 11:31:42
ตังค์ได้เบอร์จ้ามาแล้ว
สงสัยจะมีเหตุฉุกเฉินตลอด
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 13 : ของขวัญวันเกิด)
เริ่มหัวข้อโดย: Loste ที่ 10-12-2013 16:14:33
รู้สึกว่าโลกนี้เป้นชมพู่ มุงมิง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 12 : มวยถูกคู่)
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 10-12-2013 16:21:15

สรุปว่าตังอยากเป็นเพื่อนหรือคิดอะไรมากกว่านั้นนะ

อย่างจ้ายังรู้ว่าชอบเพื่อนผู้ชายแต่ตังนี่อะไรยังไง

+ เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 13 : ของขวัญวันเกิด)
เริ่มหัวข้อโดย: RoseBullet ที่ 10-12-2013 16:31:19
ติดใจชื่อเรื่องมากเลย เห็นตั้งแต่ตอนแรกๆแล้วค่ะ แต่เพิ่งเข้ามาอ่านจริงจัง
สงสัยว่าเรื่องจะเป็นยังไงน้า เกี่ยวยังไงกับชื่อเรื่อง ชื่อเหมือนเนื้อเพลงเลย อิอิ
เรื่องน่ารัก อ่านเพลินมากค่ะ นี่ก็อ่านรวดเดียวเลยไม่มีหยุด
ชอบตั้งแต่ตอนต้นที่เป็นการโต้ตอบทางเว็บบอร์ด จนกระทั่งตังไปเที่ยว(ตามรอยจ้า ฮ่าๆ) บรรยายบรรยากาศได้น่าไปเที่ยวจัง
ความสัมพันธ์ของสองคนที่เริ่มจากไม่รู้จักและค่อยๆพัฒนาอย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไป
โปสการ์ดที่ตังส่งมาเรื่อยๆพร้อมรูปสเก็ตกับคำบรรยายตลอดระยะเวลาเป็นปีก็เป็นอะไรที่คลาสสิคมาก
ต้องขอบคุณน้องขวัญนะ ที่จุดประกายให้สองคนนี้ได้คุยกัน จนมาเป็นแม่สื่อกลายๆนี่แหละ

ส่วนนนท์นี่ไม่ไหวนะ หายหัวไปเป็นสิบปีแล้ว นี่ก็ไม่รู้จะยังจำสัญญาที่ตัวเองเป็นคนให้ไว้เองได้หรือเปล่า
ไม่ใช่ว่า เออ คิดว่าพูดไปแล้วแต่มันนานแล้วจ้าคงจะลืมไปแล้วมั้ง ก็เลยเนียนๆลืม อะไรแบบนี้นะ
แค่นี้ก็แทบจะสกายคิกใส่หน้าฮีแล้ว ที่เอาเรื่องไร้สาระที่แฟนขอมาทำลายมิตรภาพดีๆกับเพื่อนสนิท ผู้ชายคนนี้ไม่ไหวเลย
กับตวงเราก็พอเข้าใจนางนะ แฟนนางนางก็คงหวง ต้องป้องกันไว้ก่อน แต่ก็ยังโกรธอ่ะ แค่ขอโทษแล้วมันหายเหรอ(วะ)
นี่ตอนแรกก็กลัวๆอยู่ว่า ตวงกับตัง ชื่อก็คล้ายๆกัน สองคนนี้จะมีความเกี่ยวข้องอะไรกันหรือเปล่า
ไม่รู้เราอ่านตรงไหนพลาดไปไหมนะเรื่องตัง จำได้แต่ว่าตวงมีน้องชาย แต่ตวงกับจ้าอายุเท่ากัน
ดังนั้นถ้าตังเป็นน้องชายตวงก็ต้องอายุน้อยกว่าจ้า แต่ขวัญบอกว่าจ้ากับตังอายุเท่ากัน งั้นก็สบายใจไปได้ เหอๆ
อยากให้จ้าตัดใจจากนนท์เสียที จ้ามั่นคงมากๆนะ สิบเอ็ดปีเชียว แต่อยากให้นึกถึงคำพูดของตัง
ที่บอกว่า 'บางทีเรานึกถึงแต่คนอื่น แต่คนอื่นเขาอาจจะไม่ได้นึกถึงเราเลยก็ได้' แล้วเปิดใจให้คนใหม่ๆ

ตอนแรกจ้าก็แบบเย็นช้าเย็นชาเนอะ แต่พอได้รู้จักได้สนิทกันมากขึ้น ก็เริ่มเห็นความน่ารักขี้เล่นของเจ้าตัวนะ ฮี่ๆ
ตังนี่ก็รุกแบบทุกวิถีทางที่จะทำได้ พยายามพาตัวเองเข้ามาในชีวิตเขาให้มากที่สุด โอ๊ย น่ารักเว่อร์
ส่วนตัวเราเป็นคนชอบเรื่องประมาณนี้อยู่แล้วค่ะ ละมุนละไม ค่อยๆเป็นค่อยๆไป แต่มั่นคง
รอติดตามตอนต่อไปนะคะ

ปล.เห็นเปลี่ยนหัวกระทู้เป็นชื่อตอนใหม่แล้ว งั้นขอมานั่งรอพลางๆ
 :mew1:
หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 13 : ของขวัญวันเกิด)
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 10-12-2013 16:32:02
ตอนที่ 13 ของขวัญวันเกิด




“พรุ่งนี้คุณอยู่บ้านหรือเปล่า” คนตัวสูงเอ่ยขึ้นขณะเดินไปตามคนตัวเล็กกว่ามาถึงประตูทางออกรถไฟฟ้า


“เปล่า” อาทิตย์ทัศน์ตอบขณะแตะบัตรเพื่อให้ประตูเปิดก่อนจะเดินออกไป


“ทำไมเหรอ คุณมีอะไรหรือเปล่า” ชายหนุ่มหันกลับมาถามคนที่ยืนอยู่ด้านใน


“เปล่าครับ ไม่มีอะไร” ตฤณกรตอบเสียงเรียบ “ว่าแต่คุณจะไปไหนเหรอ”


“ผมจะไปสัตหีบ วันพุธที่จะถึงนี้เป็นวันครบรอบวันที่พ่อจากผมกับแม่ไป แต่ผมติดสอนพรุ่งนี้ก็เลยจะไปทำบุญให้ท่าน”


“คุณแม่คุณไปด้วยหรือเปล่า”


“เปล่า พรุ่งนี้แม่ต้องเข้าไปที่ร้าน”


“อืม” คนตัวสูงพยักหน้า เขายืนนิ่งเหมือนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่างก่อนจะกล่าว “ให้ผมไปกับคุณด้วยได้ไหม ไป...ไปเป็นเพื่อนน่ะ เผื่อว่าคุณจะอยากมีคนนั่งไปเป็นเพื่อน”


อาทิตย์ทัศน์มองคนตรงหน้าที่ยังคงประสานสายตากันอยู่ เขากำลังรอคำตอบ...คำตอบที่อาทิตย์ทัศน์เองก็ใช้เวลาในการตัดสินใจเช่นกัน


“เฮ่ย คุณอย่าคิดนานสิ ผมก็ถามไปอย่างนั้นแหละ เผื่อฟลุค” ตฤณกรยิ้ม “คุณกลับบ้านเถอะ ผมไปก่อนนะ” เมื่อกล่าวจบคนตัวสูงก็หันหลังให้


อาทิตย์ทัศน์มองแผ่นหลังกว้างที่กำลังออกห่างตัวเขาไปช้า ๆ ชายหนุ่มเม้มปากแน่นก่อนจะตัดสินใจพูดออกไป


“ถ้าคุณอยากจะไปก็มาเช้า ๆ แล้วกัน ไม่งั้นผมไม่รอนะ”


คำพูดของคนที่ยืนอยู่ข้างหลังทำให้เกิดรอยยิ้มเล็ก ๆ ขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่มที่กำลังเดินจากออกมา...




วันต่อมา...


“ไม่ไปด้วยกันจริง ๆ เหรอ” อาทิตย์ทัศน์กล่าวกับน้องสาวบ้านตรงข้ามที่แวะเอาปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้มาให้แต่เช้า


“ขวัญไปไม่ได้จริง ๆ ค่ะพี่จ้า ขวัญนัดกับเพื่อนเอาไว้นานแล้ว” จอมขวัญยิ้ม จำไม่ได้ว่าเธอพูดแบบนี้เป็นรอบที่เท่าไรแล้วตั้งแต่ที่เขาโทร.มาชวนให้ไปสัตหีบด้วยกันตั้งแต่เมื่อคืน


“เฮ้อ!!! ไปเป็นเพื่อนกันหน่อยก็ไม่ได้” ชายหนุ่มพึมพำ


“คุณก็มีผมไปเป็นเพื่อนแล้วไงครับ” ตฤณกรที่เพิ่งเดินเข้ามาในบ้านเอ่ยขึ้นก่อนจะยกมือไหว้อรนุชที่เดินถือตะกร้าใส่ผลไม้และถุงขนมอีกหลายถุงออกมาจากในครัว


“นั่นสิคะพี่จ้า” จอมขวัญยิ้ม


“เข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยจริง ๆ นะสองคนนี้” ผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้นก่อนจะหันมาบอกกับลูกชา “จ้า แม่ฝากเอาของไปเยี่ยมลุงนทีหน่อยนะลูก เมื่อต้นปีเขาเอาของทะเลมาฝากเราเยอะเลย”


“ครับแม่” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะรับของทั้งหมดจากมือของผู้เป็นแม่มาถือไว้...







“นี่เสบียงค่ะพี่ตัง” จอมขวัญกล่าวพร้อมกับส่งตะกร้าหวายที่ข้างในมีทั้งน้ำและขนมให้ชายหนุ่ม


“ขอบคุณครับ” คนตัวสูงกล่าวพร้อมกับรับตะกร้ามาไว้ในมือก่อนจะเดินไปวางไว้ที่เบาะหลังข้าง ๆ กับถังสังฆทาน


“ขอให้สนุกนะคะ” สาวน้อยยิ้มหวาน


“ครับ”



อาทิตย์ทัศน์ลอบมองสองคนที่ทำท่าดูมีพิรุจก่อนเดินตามไปที่รถ...



เพียงสองชั่วโมงรถเก๋งสีขาวก็ขับเข้าสู่เขตอำเภอสัตหีบก่อนจะมุ่งหน้าสู่ที่ ๆ หนึ่ง ซึ่งตฤณกรไม่เคยรู้จักมาก่อน ในที่สุดรถก็มาจอดในบริเวณวัดที่แวดล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่น อาทิตย์ทัศน์แวะทำสังฆทานกับหลวงพ่อเจ้าอาวาสที่ดูจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีก่อนจะเดินอ้อมศาลาการเปรียญไปที่หลังวัดซึ่งมีเจดีย์เก็บอัฐิเรียงรายอยู่ทั่วบริเวณ ตฤณกรเดินตามคนตัวเล็กกว่าไปตามทางเดินระหว่างเจดีย์เก็บอัฐิจนกระทั่งมาหยุดที่เจดีย์สีขาวเก่า ๆ เมื่อเห็นรูปของผู้เสียชีวิตที่เจดีย์ก็รู้ได้ทันทีว่านี่คือเจดีย์เก็บอัฐิของใคร เขาเคยเห็นรูปนี้มาก่อนที่บ้านของอาทิตย์ทัศน์ มันเป็นรูปชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาในชุดทหารเรือ ที่ด้านล่างมีตัวอักษรเล็ก ๆ เขียนกำกับ


‘จ.อ. เมฆา กิตติวรกุล’


อาทิตย์ทัศน์นั่งลงก่อนจะจุดธูปและวางดอกไม้ที่เตรียมมาลงที่ฐานเจดีย์ เป็นเวลานานทีเดียวที่เขานั่งอยู่อย่างนั้น...




“พ่อคุณอยู่ที่นี่เหรอ” ตฤณกรเอ่ยขึ้นขณะที่ทั้งคู่เดินไปที่รถ


“เปล่าหรอก ตั้งแต่วันที่เรือเจอพายุหลาย ๆ คนพยายามออกค้นหาก็ไม่มีใครพบศพของพ่อ” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ  “วัดนี้เป็นวัดที่พ่อเคยอยู่สมัยเด็ก ๆ แม่ก็เลยให้ตั้งเจดีย์ใส่อัฐิพ่อที่นี่ เผื่อว่าวันหนึ่งเราจะเจอพ่อ”


“อืม” ตฤณกรพยักหน้า


เมื่ออกจากวัดอาทิตย์ทัศน์ก็ขับรถเลาะไปตามชายหาดสีขาวสะอาดตา เขาแวะเยี่ยม ‘ลุงนที’ เพื่อนที่ออกไปปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับพ่อในวันนั้น ลุงนทีเป็นทหารเรือวัยปลดจำการซึ่งตอนนี้อยู่กับบ้านช่วยลูกหลานดูแลกิจการเรือลากอวน อาทิตย์ทัศน์และแม่ของเขามักจะแวะมาเยี่ยมลุงนทีทุกปี ส่วนลุงเองถ้าหากมีโอกาสได้ไปกรุงเทพฯ ก็มักจะมีของทะเลติดไม้ติดมือไปฝากเสมอ ๆ หลังจากรับประทานอาหารมื้อกลางวันเรียบร้อยแล้วสองหนุ่มก็ตามลุงนทีออกไปที่ฟาร์มเลี้ยงหอยนางรมกลางทะเลก่อนจะกลับเข้าฝั่งอีกครั้งในตอนบ่ายจากนั้นทั้งคู่จึงลากลับ


“คุณจะไปไหนต่อ” ตฤณกรเอ่ยขึ้น


“เดี๋ยวก็รู้” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะเลี้ยวลงไปตามทางเล็ก ๆ ที่แยกจากถนนใหญ่ ไม่ช้ารถก็เข้าเขตทหารจนกระทั่งมาถึงหาดทรายสีขาวสะอาดตา


“สวยจัง” ตฤณกรเอ่ยขึ้นเมื่อลงมาจากรถ เขาเดินตรงไปที่หาดทรายเม็ดละเอียด น้ำทะเลนั้นใสเสียจนมองเห็นโขดหินและพื้นทรายด้านล่าง เมื่อมองออกไปไกล ๆ จะเห็นน้ำทะเลเป็นสีฟ้า ตัดกับแนวกันคลื่นซึ่งมีประภาคารสีขาวตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ไกล ๆ


“ผมไม่คิดว่าภาคตะวันออกจะมีทะเลสวยแบบนี้”


“ทะเลในพื้นที่การดูแลของทหารกแบบนี้แหละ ถ้าเริ่มสกปรกหรือมีมลภาวะเขาก็จะปิดให้เข้าเพื่อฟื้นฟู” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะเงยหน้ามองท้องฟ้าพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะเหลือบมองชายหนุ่มที่นั่งลงก่อกองทรายเล่น


“ที่เชียงใหม่ไม่มีทะเลให้เล่นก็แบบนี้แหละ”


“รู้ด้วยเหรอว่าผมเป็นคนเชียงใหม่”


“ก็คุณเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอ”


“ก็ใช่ แต่ผมคิดว่าคุณจะไม่สนใจเสียอีก” ตฤณกรยิ้ม “จำเรื่องของผมได้แบบนี้คิดอะไรกับผมอยู่หรือเปล่าเนี่ย”


“เหอะ คุณนี่มันคิดเข้าข้างตัวเองตลอด” อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้าก่อนจะเดินเล่นไปตามแนวชายหาด


ตฤณกรเดินตามคนตัวเล็กกว่าไปเรื่อย ๆ ทั้งที่สามารถเดินขึ้นไปให้ทันหรือสามารถที่จะแซงได้ แต่เขาก็เลือกที่จะเดินตามแบบนี้ แม้กระแสลมแรงจะพัดเอากลิ่นไอเค็ม ๆ ของทะเลขึ้นมาปะทะปลายจมูก แต่ก็ยังคงได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่คุ้นเคยอยู่ดี...


“ทำไมคุณถึงใช้ username นี้ล่ะ” คนตัวสูงเอ่ยขึ้นขณะเดินมายืนข้าง ๆ


“ผมชอบมองท้องฟ้ามั้ง”







..







“แล้วคุณล่ะ ทำไมถึงใช้ชื่อว่าดีไซเนอร์สุดหล่อ” อาทิตย์ทัศน์ถามคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย


“คุณดูไม่ออกเหรอ นี่ผมอุตส่าห์ตั้งชื่อตรงตัวมากเลยนะ” ตฤณกรหัวเราะ “มองกระจกปุ๊บก็คิดออกปั๊บว่าชื่อนี้แหละมันเกิดมาเพื่อผม คนมันหล่อ สปอร์ต ใจดี มีรถขับ แถมโทรศัพท์ก็ถ่ายรูปได้”


“หลงตัวเองสุด ๆ”


ตฤณกรยิ้มรับคำชมนั้นก่อนจะหันไปสบตาคนนั่งข้าง ๆ “ถ้าอย่างนั้นให้ผมหลงตัวของผมเองคนเดียวก็พอ คุณอย่ามาหลงผมอีกคนก็แล้วกัน”



คำพูดของคนตัวสูงทำเอาอาทิตย์ทัศน์ร้อนวูบที่ใบหน้าขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุจนเขาต้องเบนสายตามองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง



“จริง ๆ น่ะจะเป็นยืนสองขาได้ ไม่ดุร้ายแถมใจดี กินเพ็ทดีกรีเป็นอาหารมากกว่า” อาทิตย์ทัศน์พึมพำพร้อมกับอมยิ้ม


“คุณว่าอะไรนะ” ตฤณกรหันมาถาม แต่คนข้าง ๆ ยังคงเอาแต่หันหน้าหนี


“หูแว่วแล้วคุณน่ะ” อาทิตย์ทัศน์พูดกลั้วหัวเราะ


“ยัง ยังไม่หันมาอีก ยิ้มอยู่คนเดียวนั่นแหละ” คนที่นั่งอยู่ข้างหลังพวงมาลัยขมวดคิ้ว เขาเหลือบมองคนที่เอาแต่หันหน้าทีหนีแถมพยายามกลั้นหัวเราะ



“ยังอีก ยังไม่เลิกขำ ผมบอกให้คุณหันมาเดี๋ยวนี้” พูดจบมือหนาก็เอื้อมจับที่ปลายคางของคนข้าง ๆ ให้หันมา     


“อะไรของคุณ” คนตัวเล็กกว่ารีบปัดมือหนาออกทันทีเมื่อหันมาเผชิญหน้ากัน ใบหน้าระบายยิ้มไม่อาจที่จะถูกซ่อนให้ห่างไกลจากสายตาของเขาได้อีกต่อไป...


“หันมายิ้มให้ผมเห็นบ้างก็ได้ ไม่ต้องยิ้มอยู่คนเดียวหรอก” ตฤณกรณ์กล่าว ในที่สุดเขาก็ได้เห็นรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอาทิตย์ทัศน์ได้อย่างชัดเจน รอยยิ้มที่ปากและรอยยิ้มที่ออกมาจากดวงตาของเขา...




ตฤณกรขับรถเข้าเขตกรุงเทพมหานครในช่วงเย็น เขาอาสาจะไปส่งอาทิตย์ทัศน์ที่บ้านแต่ชายหนุ่มปฏิเสธ ดังนั้นตฤณกรจึงจำต้องขับรถมาส่งตัวเองที่คอนโดก่อนตามความต้องการของเจ้าของรถ ขณะเลี้ยวเข้าซอยเล็ก ๆ ซึ่งเส้นทางลัดไปสู่คอนโดของเขา อาทิตย์ทัศน์กลับรู้สึกคุ้นตากับหลาย ๆ อย่างในซอยนี้ขึ้นมาทันที


“คุณอยู่หมู่บ้านนี้เหรอ”


“เปล่าครับ แต่ว่าหมู่บ้านนี้มันทะลุออกแถว ๆ คอนโดผมได้ จะได้ไม่ต้องไปเจอรถติดบนถนนใหญ่”


อาทิตย์ทัศนพยักหน้า เขาจ้องมองบ้านหลังใหญ่ที่อยู่หัวมุมถนนไม่วางตา ที่หน้าบ้านมีป้ายประกาศขายติดเอาไว้พร้อมกับเบอร์ติดต่อ


“คุณสนใจเหรอ” ตฤณกรกล่าวก่อนจะค่อย ๆ ชะลอรถ


“ผมแค่รู้สึกคุ้น ๆ น่ะ”


“อืม บ้านเพื่อนหรือเปล่าคุณ หรือว่าคนรู้จัก”


อาทิตย์ทัศน์นิ่งสักพักก่อนจะตอบ “ช่างเถอะ ไม่มีอะไรหรอก ออกรถเถอะ”


ตฤณกรพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ออกรถ เพียงไม่นานรถก็มาจอดที่หน้าคอนโดสูง มองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ไกล ๆ





“ขอบคุณมากนะครับที่ให้ผมติดรถไปเที่ยวด้วย” คนตัวสูงที่ยืนเกาะประตูรถฝั่งคนขับอยู่เอ่ยขึ้น


“ผมก็ต้องขอบคุณคุณด้วยเหมือนกันที่นั่งไปเป็นเพื่อน”



ตฤณกรพยักหน้าพร้อมกับปิดประตูรถให้ เขารอจนกระทั่งรถของอาทิตย์ทัศน์เคลื่อนออกจากบริเวณลานจอดรถหน้าคอนโดไปจึงเดินเข้าไปด้านใน...


เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องร่างสูงก็เดินไปนั่งลงที่โต๊ะทำงานก่อนจะทอดสายตามองออกไปนอกกระจก แม้แสงของดวงอาทิตย์จะหมดลง แต่เมืองทั้งเมืองก็ยังคงสว่างไสวด้วยแสงไฟจากบ้านเรือนและตึกสูง ตามแนวของถนนเส้นยาวพราวไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ ตฤณกรถอนหายใจยาวก่อนจะมองปฏิทินตั้งโต๊ะ มันเป็นวันเกิดปีที่สามสิบซึ่งก็ไม่มีอะไรต่างจากทุกปีที่ผ่านมา รอบกายยังรายล้อมด้วยความเงียบ ไม่เคยมีของขวัญ ไม่เคยมีแม้แต่เสียงอวยพรของพ่อและแม่หรือคนที่รัก...





ก่อนที่จะเคลิ้มหลับลงด้วยความอ่อนเพลีย เสียงเตือนข้อความจากโทรศัพท์ที่หัวนอนก็ดังขึ้น ชายหนุ่มขยับตัวก่อนจะควานหาโทรศัพท์มาดู มีข้อความหลายข้อความถูกส่งมาจากเพื่อน ๆ ตัั้งแต่เช้า


‘สุขสันต์วันเกิดนะพี่ตัง’


ข้อความล่าสุดถูกส่งมาจากน้องสาวคนหนึ่งผ่านโปรแกรมสนทนาบนโทรศัพท์มือถือก่อนที่จะขึ้นวันใหม่ มันพอจะสร้างรอยยิ้มเล็ก ๆ ให้เกิดขึ้นบนใบหน้าของเขาได้บ้าง จากนั้นตฤณกรก็พิมพ์ข้อความสั้น ๆ เพื่อขอบคุณเธอกลับไป




ครู่หนึ่งเสียงเตือนข้อความก็ดังขึ้นอีกครั้ง ตฤณกรขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ มันไม่ใช่ข้อความตอบกลับของจอมขวัญแต่เป็นข้อความที่ถูกส่งมาจากอีกคนที่เพิ่งแยกกันเมื่อช่วงใกล้ค่ำ




 
‘ทำไมไม่บอกว่าวันนี้วันเกิดคุณ’



ชายหนุ่มยิ้มจาง ๆ ก่อนจะพิมพ์ข้อความตอบกลับ ไม่ต้องถามก็พอจะรู้ว่าเขารู้ได้อย่างไร เขาคงรู้จากน้องสาวจอมยุ่งของเขาแน่ ๆ



‘ผมเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร แต่ที่วันนี้คุณยอมให้ผมไปกับคุณด้วยก็ถือว่าดีมากสำหรับผมแล้ว’



‘ทำตัวเป็นพระเอก คิดว่าเท่มากหรือไง’



‘เปล่าสักหน่อย’ ตฤณกรส่งข้อความกลับไปก่อนจะวางโทรศัพท์ลงบนเตียง เขานอนจ้องมันอยู่ครู่หนึ่งก็ไม่มีทีท่าว่าคนที่ปลายทางจะตอบอะไรกลับมา



เสียงโทรศัพท์ตั้งโต๊ะที่ดังขึ้นจากห้องนั่งเล่นทำให้ชายหนุ่มต้องผุดลุกขึ้นและรีบเดินออกไปจากเตียงทันที



“สวัสดีครับ”


‘คุณตัง หลับแล้วหรือยังครับ ผมขอโทษทีที่ต้องโทร.มารบกวน’


เมื่อได้ฟังเสียงของคนที่ปลายสาย ชายหนุ่มก็รู้ได้ทันทีว่าเขาคือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของคอนโด ถ้าหากไม่มีเรื่องสำคัญมาก ๆ จริง ๆ เขาคงไม่โทร.ขึ้นมาในเวลาใกล้เที่ยงคืนแบบนี้แน่



“มีอะไรหรือเปล่าครับพี่จ่อย”


‘คือ มีคนฝากของให้คุณตังครับ ตอนแรกผมว่าจะเอาให้พรุ่งนี้ แต่เขากำชัดว่าให้เอาให้คุณคืนนี้ให้ได้’


“เหรอครับ ถ้าอย่างนั้นพี่จ่อยฝากไว้ที่เคาน์เตอร์นะครับ เดี๋ยวผมลงไปเอา”


ชายหนุ่มวางโทรศัพท์ก่อนจะคว้าคีย์การ์ดออกไปจากห้องพร้อมกับความรู้สึกสงสัยว่าใครกันที่ฝากของมาให้เขาในตอนดึก ๆ ดื่น ๆ เช่นนี้



เมื่อตฤณกรลงไปถึงเคาน์เตอร์ต้อนรับของคอนโด เขาก็พบกับพนักงานรักษาความปลอดภัยร่างเตี้ยล่ำที่กำลังยืนรออยู่ ในมือของเขาถือถุงกระดาษเล็ก ๆ สีฟ้ามีลายจุดสีขาวใบหนึ่ง


“นี่ครับคุณตัง ดีนะที่เพื่อนคุณตังเขามาตอนผมยังไม่ออกเวร ไม่อย่างนั้นไอ้พวกนั้นมันคงได้ให้คุณตังตอนเช้าแน่ ๆ” พูดจบเขาก็ส่งถุงกระดาษลายสวยมาให้


“ขอบคุณนะครับ” ตฤณกรกล่าวพร้อมกับรับมา


เมื่อกลับมาถึงห้องเขาก็จัดการเปิดถุงออกดูก่อนจะหยิบกล่องพลาสติกทรงสามเหลี่ยมออกมาวางบนโต๊ะทำงาน ทันทีที่เห็นสติ๊กเกอร์ชื่อร้านบนกล่องพลาสติก เขาก็จำได้ทันทีว่าเป็นร้านที่เขาได้พบกับจอมขวัญและอาทิตย์ทัศน์ครั้งแรก ในกล่องใสมีเค้กบลูเบอรีชิ้นโตอยู่หนึ่งชิ้นพร้อมกับเทียน 1 เล่ม ตฤณกรยิ้มกับตัวเองก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนเตียงซึ่งมีข้อความถูกส่งมาเมื่อไม่กี่นาทีก่อน


‘ดึกป่านนี้ก็หาได้แค่นี้แหละ คนอะไรโคตรเก่ง’



คนตัวสูงยิ้มจนแก้มแทบปริเมื่อได้อ่านข้อความที่ถูกส่งมา เขาเดินหายเข้าไปในโซนทำครัวก่อนจะกลับออกมาอีกครั้งพร้อมไฟแช็คและช้อนเล็ก ๆ หนึ่งคัน จากนั้นก็จัดการเปิดกล่องเค้กออก ปักเทียนและจุดไฟ



อาทิตย์ทัศน์หยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนที่นั่งข้างคนขับขึ้นมาดูเมื่อมีเสียงเตือนข้อความเข้า มีข้อความสั้น ๆ ถูกส่งมาพร้อมกับภาพของชายหนุ่มกับเค้กวันเกิดชิ้นเล็กของเขา



‘ขอบคุณนะครับ คนเก่งของผม’

‘5555555555’




“ไอ้บ้าเอ๊ย” รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอาทิตย์ทัศน์ ชายหนุ่มวางโทรศัพท์ลงก่อนจะสตาร์ทรถและขับออกไปจากมุมหนึ่งของลานจอดรถหน้าคอนโด







‘หลับหรือยังคุณ’


ชายหนุ่มที่นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุคหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความที่ถูกส่งมาเมื่อสักครู่ เลขดิจิตัลที่หน้าจอโทรศัพท์บอกเวลาเกือบตีสอง อาทิตย์ทัศน์จรดปลายนิ้วลงบนหน้าจอพิมพ์ข้อความตอบกลับไป


‘หลับแล้ว’


ตฤณกรขมวดคิ้วก่อนจะยิ้ม


‘แล้วนี่ผมคุยอยู่กับใครครับ’


‘แล้วคุณจะคุยกับใครล่ะ’


‘ผมจะคุยกับสุดหล่อเจ้าของเครื่อง’


‘ถ้าอย่างนั้นคุณคุยไม่ผิดคนหรอก ผมเอง’


ตฤณกรหัวเราะเบา ๆ เมื่อได้อ่านข้อความนั้น


‘พอ ๆ เลิกเล่น’


ไม่ข้อความใด ๆ ถูกส่งกลับมานอกจากรูปการ์ตูนหน้าเหยเก


ตฤณกรอมยิ้มก่อนจะพิมพ์ข้อความกลับไป





‘ผมโทรไปได้ไหม’






จะว่าไปตั้งแต่ที่เขาได้เบอร์โทรศัพท์นี้มา เขาก็ไม่เคยโทรไปคุยเลยสักครั้ง นั่นคงเป็นเพราะการมีโอกาสได้เจอกันบ่อย ๆ บ่อยแบบที่เจ้าของเบอร์มักจะบ่นเสมอว่าเห็นหน้าเขาบ่อยพอ ๆ กับเห็นหน้าแม่ตัวเอง ดังนั้นจึงไม่ต้องอาศัยการพูดคุยผ่านอุปกรณ์สื่อสารใด ๆ




‘มีอะไร’




‘อยากได้ยินเสียง’





แค่เพียงประโยคสั้น ๆ ก็ทำเอาหัวใจที่นอนสงบนิ่งดังก้อนหินของอาทิตย์ทัศน์กลับเต้นแรงอีกครั้ง ถึงอากาศจะเย็นสบายแค่ไหน แต่ใบหน้ากลับร้อนผ่าวไปหมด




‘ผมไม่อยากคุยกับคุณ’




อาทิตย์ทัศน์จ้องมองข้อความที่เขาเพิ่งกดส่งไปเมื่อครู่ ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าไมตอบไปแบบนั้น ที่ไม่อยากคุยกับเขานั่นอาจเป็นเพราะกลัวว่าคนที่ปลายสายจะได้ยินหัวใจที่กำลังเต้นโครมครามอยู่ตอนนี้ก็ได้


‘คุณไม่อยากคุยไม่เป็นไร แต่ผมอยากคุย’




“เชื่อกันเสียที่ไหน” ชายหนุ่มพึมพำแต่ยังไม่ทันที่เขาจะตอบอะไรกลับไป เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นพร้อมกับภาพหน้าจอซึ่งเป็นภาพของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ท้ายเรือด่วนเจ้าพระยาซึ่งถ่ายเอาไว้นานแล้ว...


นิ้วเรียวรีบกดปิดเสียงก่อนที่ตาคมจะจ้องมองโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ในมือ


‘รับสายสิคุณ’ ข้อความสั้น ๆ ถูกส่งกลับมาก่อนที่โทรศัพท์จะสั่นอีกครั้ง


อาทิตย์ทัศน์ตัดสินใจกดรับโดยที่ไม่ได้พูดอะไร


“จ้า....”


“คุณฟังผมอยู่ใช่ไหม” ตฤณกรเอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินเสียงลมหายใจของคนที่ปลายสาย


“ผมแค่อยากขอบคุณ.....สำหรับของวัญวันเกิดในวันนี้นะ”


“เดี๋ยวผมจะเก็บไว้ไม่กินเลยคอยดูสิ” คนปลายสายพูดกลั้วหัวเราะ




“อย่ามาเยอะ คุณจะเก็บเอาไว้ทำไม”




ตฤณกรหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ “ยอมพูดกับผมแล้วเหรอ”


“คุณมันชอบพูดจากวนโมโห ผมไม่อยากคุยกับคุณก็เพราะแบบนี้แหละ”


“ก็เวลาผมพูดดี ๆ คุณก็ไม่พูดกับผม ผมก็เลยต้องพูดกวนโมโหแบบนี้ไง แล้วก็ได้ผลทุกที”






“ผมขอบคุณจริง ๆ นะ คุณรู้ไหม มันเป็นของขวัญวันเกิดชิ้นแรกในชีวิตของผมเลยนะ”


“ไม่ต้องขอบคุณแล้ว คุณขอบคุณเกินของที่ผมให้แล้ว” อาทิตย์ทัศน์กล่าว


“ไม่เกินหรอก”


สิ้นเสียงของตฤณกรต่างฝ่ายต่างก็เงียบไป เงียบเสียจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน


“ดึกแล้ว คุณรีบไปแปรงฟันนอนเถอะ พรุ่งนี้จะได้ตื่นมายิ้มรับเลขสามอย่างมั่นใจ”


“คุณนี่มันตัวแสบ ผมสงสัยจริง ๆ ว่าที่คุณส่งเค้กมาให้ผมตอนเที่ยงคืนเนี่ยเพราะตั้งใจจะให้จริง ๆ หรือตั้งใจแกล้งให้ผมไม่ได้นอนกันแน่”


“แล้วแต่คุณจะคิดครับ” อาทิตย์ทัศน์พยายามกลั้นหัวเราะ


“ผมจะไปนอนแล้วนะ”


“อือ”



“คุณจะไม่อวยพรวันเกิดให้ผมหน่อยเหรอ”


“อืม...” ชายหนุ่มนิ่งคิด


“ไม่ต้องถึงกับอันเชิญคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ก็ได้นะคุณ ท่านจำวัดกันหมดแล้ว” ตฤณกรหัวเราะ


“กวนประสาท” อาทิตย์ทัศน์พึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะกล่าว “ถ้าอย่างนั้น....ขอให้คุณสมหวังในทุก ๆ เรื่องก็แล้วกัน”


“ขอบคุณครับ” คนที่ปลายสายกล่าวเพียงสั้น ๆ ก่อนจะวางสายไป




ครู่หนึ่งอาทิตย์ทัศน์ก็ได้รับข้อความที่ทำให้เขาเองกลับเป็นฝ่ายที่ต้องนอนไม่หลับแทน....











‘มีเรื่องหนึ่งที่ผมคงไม่สมหวังแน่ ๆ ถ้าคุณไม่ให้โอกาส’







...


โอ้โห คุณ RoseBullet วิเคราะห์ได้สุด ๆ มากค่ะ เรื่องน้องของตวงมันบังเอิญค่ะ

สรุปว่าอยากเป็นอะไร เดี๋ยวตังมาบอกอีกทีค่ะคุณ AGALIGO ขอซ้อมก่อน

ขอบคุณมาก ๆ สำหรับคอมเม้นท์นะคะทุกคน ขอบคุณที่ชอบเรื่องนี้ค่ะ ^^



หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 13 : ของขวัญวันเกิด)
เริ่มหัวข้อโดย: RoseBullet ที่ 10-12-2013 16:49:09
*กรีดรว้องงงงงงงงงงงงงงงงง* (ขออภัย วิบัติเพื่อความสะใจ ฮ่าๆๆ)
ตอนนี้น่ารักเวอร์ๆ อมยิ้มตั้งแต่จ้ายอมให้ตังไปด้วย ตอนจ้าแอบกัดตังก็ขำอ่ะ
แต่ตังนี่ก็ให้ลุคพระเอกหมาน้อยตัวโตนะ
จนกระทั่งถึงตอนตังจับคางจ้าให้หันมายิ้มให้ตัวเองน่ะ กรีดร้องงงงงงง ยิ้มแก้มแตกเลยขอบอก โอ๊ยๆๆๆ น่ารักแบบอัดแน่นใจมากๆ
เค้าอวยพรวันเกิดกัน โทรคุยกัน แต่ละประโยคฟินเฟอร์ ทั้ง'คนเก่งของผม' และโดยเฉพาะประโยคสุดท้าย ค้างงงงงง
อ้อ ยิ้มมาทั้งตอนแต่มีมาเหี่ยวๆนิดนึงตรงที่จ้าคุ้นๆบ้านกับหมู่บ้านที่ตังขับรถผ่านไปคอนโดอ่ะ
ทำไมมันรู้สึกหวั่นใจจังว่าอดีตกำลังจะย้อนกลับมา ฉะนั้นขอเตรียมไม้ตียุงกับยาฉีดไว้เตรียมป้องกันไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ ฮ่าๆๆ

ปล.เพิ่งเห็นคุณคนเขียนมาอิดิทเรื่องน้องชายของตวง เฮ้ออออ โล่งอกไปที
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 13 : ของขวัญวันเกิด)
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 10-12-2013 16:52:49
จ้ายอมๆ ไปเถอะเพื่อความฟินของประชาชี
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 13 : ของขวัญวันเกิด)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 10-12-2013 19:37:00
อร๊ายยยยยย อ่านไปยิ้มไป
จ้าเปิดใจมากขึ้นนะ ไม่เย็นชาเหมือนเมื่อก่อน
เจอตังรุกหนักมากขึ้นทุกวัน คงใจอ่อนขึ้นบ้างล่ะ
 :mew3:  :mew1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 13 : ของขวัญวันเกิด)
เริ่มหัวข้อโดย: Tasaitatsu ที่ 10-12-2013 19:39:23
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
อ่านเรื่องนี้แล้วปลื้มปริม ยิ้มจนแก้มจะแตก >////<

ขอโทษที่ความเห็นไม่มีสาระอะไร เพราะมัวแต่ปลื้มปริมกับพี่ตังและอาจารย์จ้าอยู่
ขอบคุณสำหรัตอนนี้ค่าาาาาา ( ´ ▽ ` )ノ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 13 : ของขวัญวันเกิด)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 10-12-2013 21:06:33
ตังสู้ๆ  :impress2:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 13 : ของขวัญวันเกิด)
เริ่มหัวข้อโดย: Aoya ที่ 10-12-2013 23:09:46
เข้าใกล้ขึ้นอีกนิดละนะ  :mew1:
หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 14 : คำสัญญาของต้นหญ้าและการกลับมาของเพื่อนเก่า)
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 10-12-2013 23:56:48
ตอนที่ 14 : คำสัญญาของต้นหญ้าและการกลับมาของเพื่อนเก่า







“พี่จ้าคะ อาทิตย์หน้าพี่จ้าจะไปงานเลี้ยงคืนสู่เหย้าที่โรงเรียนไหมคะ” จอมขวัญกล่าวขึ้นขณะที่ทั้งคู่กำลังยืนรอรถไฟฟ้าที่สถานีในตอนเย็นหลังเลิกงาน


“ไปสิ ขวัญจองให้ห้องพี่ด้วยนะ” อาทิตย์ทัศน์กล่าวกับคนตัวเล็ก เธอยังคงทำหน้าที่ของศิษย์เก่าและอดีตประธานนักเรียนได้เป็นอย่างดี


“ได้ค่ะ ปีนี้ขวัญว่าจะช่วยพี่ตังไปด้วยแหละ” จอมขวัญยิ้มหวาน


“จะชวนไปทำไมกัน”


“ก็ปีนี้ขวัญอยากควงหนุ่มคนอื่นที่ไม่ใช่พี่จ้าบ้างนี่นา”


“เบื่อพี่แล้วเหรอ” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะเอื้อมมือโยกศีรษะของน้องสาวเบา ๆ


“ใช่ เบื่อพี่จ้าแล้ว” คนตัวเล็กหัวเราะ



ในที่สุดงานคืนสู่เหย้าของโรงเรียนก็มาถึง ศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันต่างมาร่วมงานกันอย่างอุ่นหนาฝั่งคั่ง จอมขวัญยืนรอตฤณกรอยู่ที่หน้าโรงเรียนตามที่ได้นัดกันไว้ก่อนจะพาเขาไปนั่งร่วมโต๊ะกับเพื่อน ๆ ของเธอ


คนตัวสูงแอบมองชายหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้ากางเกงสีครีมเข้ากับธีมของงานที่นั่งอยู่อีกโต๊ะหนึ่งซึ่งกำลังนั่งคุยกับเพื่อน ๆ อย่างสนุกสนาน


“แก พี่จ้าแกอ่ะหล่อเนอะ” สาวน้อยที่นั่งอยู่ข้างจอมขวัญเอ่ยขึ้นก่อนจะสะกิดให้เพื่อน ๆ คนอื่น ๆ หันไปดู


“ยิ่งโตยิ่งหล่อ” อีกคนหนึ่งเสริม ก่อนที่บรรดาสาว ๆ จะพากันพูดถึงหนุ่มหล่อโต๊ะใกล้ ๆ ที่ไม่ได้อยู่เรื่องอะไรกับเขาเลย


“ยิ้มอะไรคะพี่ตัง” จอมขวัญสะกิดเมื่อเห็นตฤณกรเอาแต่นั่งอมยิ้ม


“เขินแทนคนหล่อครับ” ชายหนุ่มหัวเราะ


“มีอย่างนี้ด้วยเหรอคะ” คนตัวเล็กขมวดคิ้วยิ้ม ๆ


“แก พี่จ้าเขามีแฟนหรือยังน่ะ” สาวน้อยคนเดิมสะกิดถามจอมขวัญ


“อืม...ไม่รู้สิ ก็ไม่เห็นจะคุยกับใคร” คนตัวเล็กกล่าวก่อนจะหันไปสบตาคนตัวสูงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ อยากจะบอกเพื่อนเหลือเกินว่าเธอเองยังไม่เห็นว่าอาทิตย์ทัศน์จะคุยกับใครนอกจากคนที่นั่งยิ้มอยู่ข้างเธอนี่แหละ


“แล้วพี่ตังละคะ มีแฟนหรือยัง”


เมื่อโดนยิงด้วยคำถามนี้ตฤณกรถึงกับไปไม่ถูก สาว ๆ สมัยนี้ออกตัวแรงจริง ๆ  เขาทำหน้าเหรอหราก่อนจะตอบตะกุกตะกัก “เอ้อ...คือ ก็ เอ่อ มีคนที่ชอบอยู่น่ะครับ”


“ตาย ๆ ไม่รู้ว่าใครคืนคนที่โชคดีนะคะ”


คนตัวสูงหันไปสบตาสาวน้อยที่นั่งกลั้นหัวเราะอยู่ข้าง ๆ อยากจะตอบเพื่อนของเธอไปเหมือนกันว่าคนโชคดีที่ว่าก็คือคนเดียวกับที่พวกเธอกำลังนั่งจ้องเขาอยู่นั่นแหละ






“ยัยขวัญ” สาวน้อยนางหนึ่งกระซิบเมื่อออกจากห้องน้ำ “พี่ตังเขามาจีบแกเหรอ”


“เฮ้ย จะบ้าเหรอ เขาไม่จีบฉัน แค่รู้จักกันเฉย ๆ แกนี่คิดไปกันใหญ่”


“แล้วไป คิดว่าแกจะทำลายสโลแกนสาวโสดแซ่บเวอร์ของกลุ่มเราแล้วเสียอีก”


จอมขวัญหัวเราะก่อนที่ทั้งคู่จะพากันเดินกลับเข้าไปในงาน บนเวทีพิธีกรซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับเธอกำลังพูดถึงศิษย์เก่าคนหนึ่งที่ได้รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่นที่นำชื่อเสียงมาสู่โรงเรียน เมื่อพิธีกรพูดชื่อของเขาจบเสียงปรบมือค่อย ๆ ดังขึ้น


ตฤณกรยืดตัวชะเง้อมองร่างสูงของใครคนหนึ่งที่ปรากฏขึ้นกลางเวทีพร้อมกับเสียงอินโทรเพลงประกอบละครที่ดังมาก ๆ สมัยที่เขาเรียนมัธยมต้น เสียงกรีดร้องของบรรดาสาว ๆ ทำเอารู้สึกหูอื้อไปหมด เขามองสาวน้อยตัวเล็กที่กำลังเดินมานั่งลงใกล้ ๆ ตาคู่สวยของเธอยังคงจ้องไปที่เจ้าของร่างสูงที่ยืนอยู่บนเวที


“เขาชื่ออะไรน่ะขวัญ พี่ได้ยินไม่ถนัด แต่สาวกรี๊ดน่าดูเลยนะ”


“ดร.ณัฐนนท์ จิระตระกูล” มันแทบจะไม่มีเสียงออกจากปากบางของเธอ




ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวสวมกางเกงสแล็คสีดำคลุมทับด้วยสูทเข้ารูปยิ้มให้กับพิธีกรก่อนจะรับไมโครโฟนมาถือไว้...



ริมฝีปากหยักได้รูปขยับช้า ๆ เมื่อดนตรีท่อนอินโทรวูบหายไป จากนั้นเสียงนุ่ม ๆ ของเขาก็ดังคลอไปกับเสียงดนตรี “ยังจำฉันได้หรือเปล่า ก่อนนั้นใครที่เคยเหมือนเป็นเงาของเธอ”


เสียงกรี๊ดกร๊าดของสาว ๆ ดังกระหึ่มขึ้นอีกครั้งในขณะที่ร่างสูงค่อย ๆ เดินมายืนที่กลางเวทีค่อนมาข้างหน้า


“จะเนิ่นนานสักเพียงใด ก็รู้ว่าเธอไม่ลืมที่เคยรักกัน”



“คิดถึงฉันบ้างหรือเปล่า อย่างที่ใจฉันคอยคิดถึงเธอทุกวัน อย่าบอกเลยว่าเธอลืมไม่คิดถึงกัน เมื่อในแววตาบอกมาว่าเธอไม่ลืม”


คนบนเวทียิ้มก่อนจะยื่นไมโครโฟนให้ทุกคนช่วยกันร้อง  หลาย ๆ คนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขาซึ่งนั่งอยู่ด้านล่างต่างก็ร้องประสานเสียงขึ้นพร้อมกัน “ยาวนานสักเท่าใด ความจริงในหัวใจฉันรู้ว่ามันไม่ลบเลือน แววตาที่เห็นกันยังคงจะย้ำเตือนความหมาย ว่าเรายังรักกันอยู่เหมือนเก่า”


“พี่จ้า” จอมขวัญเอ่ยขึ้นเมื่อนึกได้ เธอรีบหันไปมองหาพี่ชายที่นั่งอยู่ที่โต๊ะใกล้กันทันที แต่เธอก็พบว่าเขาไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้นอีกต่อไป



อาทิตย์ทัศน์จ้องมองดูชายหนุ่มที่ไม่ได้พบกันนับสิบปีซึ่งขณะนี้กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขาจากมุมหนึ่ง สิบกว่าปีที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้เขาดูเปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย ทั้งรอยยิ้ม น้ำเสียงหรือแม้กระทั่งท่วงท่าการเดิน อาทิตย์ทัศน์ยังคงจดจำทุกอย่างเกี่ยวกับเขาได้ดี การได้พบกันอีกครั้งในวันนี้ทำให้รู้สึกใจหวิว ๆ อย่างบอกไม่ถูก ทันทีที่เขาปรากฏตัวขึ้นกลางเวที ลมหายใจนั้นก็พาลจะหยุดลงเสียดื้อ ๆ ภายในใจของอาทิตย์ทัศน์ขณะนี้เต็มไปด้วยหลายความรู้สึก ทั้งดีใจ น้อยใจ และสงสัย มีคำถามมากมายที่อยากจะถามตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา



“คิดถึงฉันบ้างหรือเปล่า อย่างที่ใจฉันคอยคิดถึงเธอทุกวัน อย่าบอกเลยว่าเธอลืมไม่คิดถึงกัน เมื่อในแววตาบอกมาว่าเธอไม่ลืม ยาวนานสักเท่าใด ความจริงในหัวใจฉันรู้ว่ามันไม่ลบเลือน ในใจยังย้ำเตือน และยังคิดถึงกันเสมอ ก็เรายังรักกันอยู่ใช่ไหม”


ณัฐนนท์กวาดสายตามองไปรอบ ๆ หวังจะได้พบกับใครคนหนึ่งแต่กลับไร้ซึ่งเงาของเขา....



“อยากจะขอวันนี้ เป็นเหมือนวันนั้น ที่ฉันยังมีเธออยู่ข้างกาย อยากจะขออีกครั้ง อีกครั้งได้ไหม มาเริ่มความรักใหม่ ให้เหมือนเดิมอีกคราว.....”


โน้ตตัวสุดท้ายจบลงพร้อมกับเสียงปรบมือที่ดังกึกก้อง


“เอาละค่ะ ขอต้อนรับอีกครั้งนะคะ สำหรับดร.ณัฐนนท์ จิระตระกูล วิศวกรหนุ่มหล่อของบริษัทซอฟท์แวร์ชื่อดังในอเมริกา หรือพี่นนท์ห้องมอหกทับหนึ่งของน้อง ๆ นั่นเองนะคะ” พิธีกรสาวสวยบนเวทีเอ่ยขึ้น



“และสำหรับเพลงที่จบไปเมื่อสักครู่นะคะ ถ้าใครเกิดทัน” เธอหัวเราะ “ต้องใช้คำว่าถ้าใครเกิดทันกันเลยทีเดียวนะคะ คงจะจำได้ว่าเป็นเพลงประกอบละครที่ดังมาก ๆ สมัยที่พวกเราเรียนประถมหรือพี่ ๆ บางคนกำลังเรียนมัธยม ชื่อของเพลงนี้ก็คือ ยังรักกันอยู่ใช่ไหมนั่นเองนะคะ”


“ไม่รู้ว่าพี่นนท์ร้องเพลงนี้เพื่อจะถามอะไรใครเป็นนัยหรือเปล่าคะ พวกสาวนาฏศิลป์อะไรอย่างนี้” เมื่อสิ้นเสียงพิธีกรสาวสวยบรรดาคนที่นั่งอยู่ข้างล่างก็พากันเป่าปากโห่ร้อง ชายหนุ่มที่ยืนอยู่บนเวทีเองก็ได้แต่ยิ้มเขิน ๆ


“ตายจริง ดิฉันพูดมาเสียยาวเลย เรามาคุยกับพี่นนท์กันสักนิดดีกว่านะคะ มาถามกันดีกว่าว่าพี่นนท์ว่ารู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่นประจำปีนี้”


“ก็....ดีใจมาก ๆ นะครับ แล้วก็ต้องขอบคุณท่านอาจารย์ทุกท่าน พี่ ๆ น้อง ๆ เพื่อน ๆ ทุกคนที่ให้โอกาสนี้กับผม”


“แล้วเป็นอย่างไรบ้างคะพี่นนท์ ไปอยู่อเมริกามาตั้งสิบกว่าปี ไม่คิดถึงคนทางนี้บ้างเหรอคะ”


“อยู่อเมริกาก็เรียนหนักครับ พอจบปริญญาตรีก็ต้องทำงานด้วยเรียนต่อด้วย ไม่มีเวลาให้ทำอะไรอย่างอื่นเลย”


“แล้วนี่พี่นนท์จะกลับมาอยู่เมืองไทยเลยไหมคะ หรือว่าจะกลับไปเมื่อไร”


“กลับมาคราวนี้คงมาอยู่สักพักครับ เพราะว่าที่บ้านพี่กำลังจะย้ายไปอยู่อเมริกา มาคราวนี้ก็มาทำเรื่องโอนขายบ้านนิดหน่อย”


“ว้า อย่างนี้สาว ๆ โรงเรียนเราก็อกหักไปตาม ๆ กันน่ะสิคะ ว่าแต่ไปอยู่อเมริกาถาวรแบบนี้จะมีข่าวดีทิ้งท้ายไว้ใช้ชาวฟ้า-ขาวได้ร่วมยินดีล่วงหน้าหรือเปล่าคะพี่นนท์”


ชายหนุ่มร่างสูงอมยิ้มก่อนจะกล่าว “ก็...มีแพลนว่าจะแต่งงานต้นปีหน้าครับ”


สิ้นเสียงของณัฐนนท์ เสียงโห่ร้องก็ดังขึ้นเกรียวกราวอีกครั้ง


“ฟังไว้นะคะสาว ๆ” พิธีกรสาวสวยกล่าวทิ้งท้ายก่อนที่พิธีมอบรางวัลจะดำเนินต่อไป


อาทิตย์ทัศน์รู้สึกหูอื้อไปตั้งแต่ที่คนบนเวทีตอบคำถามข้อต้น ๆ แล้ว ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเดินเลี่ยงมานั่งลงที่อัฒจรรย์ข้างสนามบาส แต่เสียงบนเวทีก็ยังคงดังชัดเจนและต่อเนื่อง



“ขวัญจะไปไหนน่ะ” ตฤณกรเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นจอมขวัญลุกพรวดพราดออกไปซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ชายหนุ่มบนเวทีกำลังเดินลงมา สีหน้าและแววตาเอาเรื่องแบบนั้นทำให้เขาอดที่จะรีบตามไปไม่ได้


ณัฐนนท์แวะคุยกับเพื่อน ๆ ของเขาที่โต๊ะก่อนจะพยายามมองหาใครคนหนึ่ง เมื่อไม่เห็นคนที่กำลังมองหา ชายหนุ่มจึงเดินถือโล่ห์รางวัลไปเก็บที่รถ


คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อพบว่าตรงหน้าของเขาคือสาวน้อย ‘จอมยุ่ง’ ที่ไม่ได้พบกันเสียนาน


“ขวัญใช่ไหม” เขาเอ่ยขึ้น


“สวัสดีค่ะพี่นนท์” หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ


“อืม ไม่เจอกันนานเลยนะ” ณัฐนนท์กล่าวก่อนจะเหลือบมองคนตัวสูงที่ยืนห่างออกไปไม่ไกล


“ใช่ค่ะ นานมาก นานพอที่จะทำให้เราลืมหลาย ๆ อย่างได้เลย”


ชายหนุ่มร่างสูงพยักหน้า “แล้วจ้าล่ะ จ้าไม่มาด้วยเหรอ”


“พี่นนท์ยังจำพี่จ้าได้ด้วยเหรอคะ”


“ขวัญหมายความว่ายังไง” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว


“ขวัญคิดว่าพี่นนท์ลืมว่ามีเพื่อนอย่างพี่จ้าไปแล้วเสียอีก”


“นี่ไม่ใช่เวลามาพูดประชดประชันพี่นะ บอกมาเถอะว่าจ้าอยู่ที่ไหน พี่อยากพบจ้า”


จอมขวัญจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้า น้ำเสียงเรียบ ๆ ของเขาทำให้เธอรู้สึกอยากจะได้ ‘พี่นนท์จอมกวนประสาท’ ของเธอกลับคืนมานับตั้งแต่วินาทีนี้ เขาดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก ทั้งการพูดการจารวมถึงท่าทางที่ไม่มีแววขี้เล่นเหมือนเมื่อก่อน นั่นอาจเป็นเพราะฐานะทางสังคมและสภาพแวดล้อมที่ตีกรอบให้เขาต้องรักษาท่าทีอยู่ตลอดเวลา


“ไม่รู้ ขวัญก็ตามหาพี่จ้าอยู่เหมือนกัน”


ณัฐนนท์มองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาเรียบเฉย ไม่มีแม้แต่ความคิดที่จะหยอกเล่นกับ ‘ยัยจอมยุ่ง’ คนนี้เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว เขาเดินผ่านร่างบางไปโดยไม่ได้พูดอะไรอีก


ตฤณกรสบตาชายหนุ่มความสูงพอ ๆ กันที่กำลังจะเดินผ่านเขาไปแว้บหนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปหาจอมขวัญที่ยังคงหันมาจ้องแผ่นหลังกว้างนั้นตาเขม็ง พอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้ทั้งหมด และนี่คงเป็นเหตุผลว่าทำไมอาทิตย์ทัศน์ถึงได้สร้างกำแพงสูงกั้นตัวเองเอาไว้




ณัฐนนท์เดินเลี่ยงเวทีงานคืนสู่เหย้าไปยังสนามบาสซึ่งอยู่หลังอาคารเรียน ก่อนจะเดินขึ้นไปบนอัฒจรรย์ที่ชอบมานั่งสมัยเรียน ตาคมสบประสานกับดวงตาหม่นเศร้าที่มองเขาจากฝั่งหนึ่งของอัฒจรรย์ ตาคู่สวยที่ไม่ได้เห็นมานานเหลือเกิน....


“จ้า” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น


“ไม่เจอกันนานเลยนะ” อาทิตย์ทัศน์ฝืนยิ้ม


“นาย...นายสบายดีใช่ไหม” เขากล่าวก่อนจะตัดสินใจนั่งลงที่อีกฟากของอัฒจรรย์


ชายหนุ่มที่ตัวเล็กกว่าพยักหน้า แม้จะนั่งห่างกันเท่ากับความยาวของอัฒจรรย์ แต่เขาก็ได้ยินคำถามนั้นชัดเจน “เราสบายดี แล้วนายล่ะเป็นยังไงบ้าง”


“ตอนนี้เราเป็นวิศวกรอยู่ที่ ENC” ณัฐนนท์ตอบ “ได้ข่าวจากเพื่อน ๆ ว่านายกลับไปเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยใช่ไหม”


อาทิตย์ทัศน์พยักหน้า


“ขอโทษนะที่ไม่ได้ติดต่อมาเลย พอดีมันมีเรื่องวุ่นวายหลายอย่าง”


“เราฟังที่นายตอบคำถามแล้ว เราเข้าใจทุกอย่าง นายไม่ต้องอธิบายอะไรแล้วละ” อาทิตย์ทัศน์กล่าว เรื่องราวทั้งหมดเขาได้ฟังจากเสียงสัมภาษณ์บนเวทีไปแล้ว จึงไม่มีอะไรต้องถามหรืออธิบายกันอีกต่อไป แค่การตอบคำถามสั้น ๆ เมื่อสักครู่ก็ช่วยไขข้อข้องใจตลอดสิบเอ็ดปีที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี


ณัฐนนท์เม้มปาก สองมือที่วางอยู่บนหน้าขายังคงกำแน่น เขาใช้ความคิดอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจพูดออกไป


“เราไม่เคยลืมสัญญานะ ไม่เคยลืมมันแม้แต่วินาทีเดียว” ดวงตาที่เคยแข็งกร้าววูบหม่นลงเล็กน้อย “คงเป็นเพราะเวลาที่ทำให้เราโตขึ้น ต้องคิดอะไรหลาย ๆ อย่างมากขึ้น การจะตัดสินใจรักใครสักคนมันไม่ใช่แค่เรื่องของเรากับเขา มันไม่ใช่แค่คนสองคน แต่มันมีคนอื่นที่เราต้องนึกถึงอีก มันมีรายละเอียดอื่น ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง นายเข้าใจที่เราพูดใช่ไหม”



“เราเข้าใจ”



“นายไม่โกรธเราใช่ไหม ถ้าเราจะเป็นเพื่อนกันอย่างนี้” มันเป็นสิ่งที่เขาตั้งใจจะกลับมาพูดกับคนตรงหน้าให้ได้ในสักวันหนึ่ง รู้ดีว่าตัวเองผิดเหลือเกินที่ปล่อยให้เวลามันผ่านเลยมานานเช่นนี้ คำสัญญาในวันนั้นยังคงพันธนาการที่มองไม่เห็นซึ่งผูกมัดตัวเขาเองกับใครอีกคนเอาไว้ แต่เมื่อหลายสิ่งกดดันให้ต้องตัดสินใจเลือกเขาก็ต้องเลือก และต้องเลือกในสิ่งที่คิดว่า ‘เหมาะสม’ นี่เป็นเหตุผลที่เขาต้องกลับมาเพื่ออาศัยโอกาสนี้คลายปมปัญหาทั้งหมด ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยคิดจะกลับมาใช้ชีวิตที่เมืองไทยแต่เพราะการได้เข้าทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ทำให้เขาได้มีโอกาสพบปะผู้คนมากมายในวงสังคม ทั้งนักการทูต นักธุรกิจ และนี่ก็คือสิ่งที่ครอบครัวของเขาพอใจและตัวเขาเองก็ค่อนข้างพอใจ ณัฐนนท์ค่อย ๆ เติบโตขึ้นในหน้าที่การงานตลอดช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา เขาถูกแนะนำให้รู้จักกับลูกสาวนักการทูตท่านหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนเก่าของพ่อและมีโครงการจะแต่งงานกันในเร็ว ๆ นี้ ทั้งหมดนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนของความคิดทั้งหมด มันคือสิ่งที่อาทิตย์ทัศน์รับรู้มาโดยตลอดจากเพื่อน ๆ ที่ยังติดต่อกันอยู่ มีแต่เขาเองเลือกที่จะเป็นฝ่ายรอ....



มันไม่ใช่การรอเพื่อจะขอความเห็นใจ...


ไม่ใช่การรอด้วยความหวังที่ว่า สุดท้ายแล้วเรื่องราวจะจบลงด้วยความสมหวัง...



แต่มันเป็นการรอที่จะได้ฟังความจริงทั้งหมดจากปากของณัฐนนท์   



“ขอโทษ...ที่ทำให้รอ”


อาทิตย์ทัศน์เงยหน้ามองคนที่นั่งไกลออกไป ดีเหลือเกินที่ณัฐนนท์เลือกนั่งอยู่ตรงนั้น เพราะหากชายหนุ่มเข้ามานั่งใกล้กว่านี้เขาคงได้เห็นม่านน้ำตาที่กำลังกลบตาคู่นี้



“ไม่เป็นไร นายทำในสิ่งที่นายเลือกให้ดีที่สุดเถอะ ขอบคุณมากที่บอกให้เรารู้ในวันนี้”



“ขอบใจนายมากนะจ้า”



ณัฐนนท์พยักหน้าก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นยืนเมื่อรู้สึกได้ว่าโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงกำลังสั่น “เราต้องไปแล้วนะ” เขากล่าวก่อนจะก้าวลงจากอัฒจรรย์ไป....



จอมขวัญและตฤณกรมองดูชายหนุ่มที่ยังคงนั่งอยู่บนอัฒจรรย์ด้วยความเป็นห่วง เขานั่งอยู่ตรงนั้นมาร่วมชั่วโมง ที่เวทีไม่มีการแสดงแล้ว ผู้อำนวยการโรงเรียนเพิ่งกล่าวปิดงานไปเมื่อสักพักใหญ่ ๆ บรรดาคนที่มาในงานคืนสู่เหย้าต่างก็กำลังทยอยกันกลับ เสียงเป่านกหวีดของพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ลานจอดรถด้านนอกโรงเรียนดังแข่งกันเป็นระยะ ๆ ในขณะที่ไฟประดับเวทีค่อย ๆ ดับลงทีละดวง


“ขวัญกลับก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวพี่ไปส่งจ้าเอง” ตฤณกรเอ่ยขึ้นหลังจากก้มมองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาเกือบตีหนึ่ง



หญิงสาวพยักหน้า “ขวัญฝากพี่จ้าด้วยนะคะ”



ตฤณกรยังคงยืนมองอาทิตย์ทัศน์อยู่อย่างนั้นจนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเดินเข้าไป คนตัวสูงก้าวขึ้นไปบนอัฒจรรย์ก่อนจะนั่งลงใกล้ ๆ



อาทิตย์ทัศน์เหลือบมองคนที่เดินมานั่งลงข้าง ๆ เล็กน้อยด้วยแววตาที่ไม่บ่งบอกความรู้สึกใด ๆ น้ำตาที่ฝืนเอาไว้เมื่อตอนอยู่ต่อหน้าณัฐนนท์กลับเหือดหายทั้งที่ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวด



“คุณอยากร้องไห้ไหม” ตฤณกรเอ่ยขึ้น



“ถ้าคุณอยากร้อง คุณร้องกับผมได้นะ ไหล่ของผมมันเป็นเครื่องเก็บเสียงอย่างดีเลยละ” คนตัวสูงยิ้ม



“เงื่อนไขในการใช้งานผมก็คือถ้าคุณร้องไห้กับผมแล้วห้ามกลับไปร้องไห้ที่บ้านอีก ตกลงไหม”



อาทิตย์ทัศน์เงยหน้าขึ้นสบตาชายหนุ่มตรงหน้า พยายามจะมองเขาให้ชัด ๆ แต่ม่านน้ำตาที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนกลับทำให้ภาพทุกอย่างมัวไปหมด เขาโผเข้ากอดคนตัวใหญกว่าที่กำลังอ้าแขนรอรับพร้อมกับซบหน้าลงบนไหล่ของเขา




ตฤณกรเอื้อมมือข้างหนึ่งขึ้นจับที่ศีรษะของคนในอ้อมกอด ในขณะที่อีกมือยังคงลูบหลังเขาเบา ๆ



“ไม่เป็นไรนะ” มันเป็นสิ่งเดียวที่เขาสามารถจะพูดได้ในตอนนี้



เวลาผ่านไปนานทีเดียวที่อาทิตย์ทัศน์ยังคงสงบนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของเขา แม้ไม่มีเสียงสะอื้นแต่กลับรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดเมื่อไหล่ข้างขวาของตฤณกรชุ่มไปด้วยน้ำตาและร่างเล็กเองก็พยายามอย่างเต็มกำลังเหลือเกินที่จะฝืนตัวเองไม่ให้สะอื้นออกมา...



....



“เป็นยังไงบ้างครับคุณป้า” ตฤณกรถามหญิงวัยกลางคนที่เดินถือกะละมังใส่น้ำลงมาจากบันได



“ไม่เป็นอะไรมากหรอกจ้ะ แค่มีไข้นิดหน่อย ก่อนลงมาป้าให้ทานยาลดไข้ป่านนี้คงหลับไปแล้วละ”



“สงสัยเป็นเพราะเมื่อคืนตากน้ำค้าง” ตฤณกรกล่าว



“ป้าขอบใจตังมากนะจ๊ะที่อยู่เป็นเพื่อนจ้าให้”



“ไม่เป็นไรครับ” คนตัวสูงที่ดูอิดโรยยิ้มจาง ๆ



“ตังจะทานอะไรหน่อยไหม ป้าจะทำให้ทาน”



“ไม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวผมกลับคอนโดดีกว่า”



“จ้ะ” อรนุชพยักหน้าเข้าใจ




จอมขวัญรับอาสาขับรถมาส่งตฤณกรที่คอนโด ระหว่างทางเธอขับผ่านบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งซึ่งเป็นบ้านที่เธอและอาทิตย์ทัศน์คุ้นเคยเป็นอย่างดี มันถูกปล่อยร้างมานาน หญิงสาวมองเข้าไปในบ้านเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังยืนคุยกันอยู่



“ถึงแล้วเหรอ” ตฤณกรลืมตาขึ้นพร้อมกับกล่าวอย่างงัวเงียเมื่อรู้สึกได้ว่ารถหยุด



“ยังหรอกค่ะพี่ตัง” หญิงสาวกล่าวขณะมองเข้าไปในบ้าน เธอเห็นณัฐนนท์กำลังยืนคุยอยู่กับคนพวกนั้น ที่ข้าง ๆ กันมีสาวน้อยนางหนึ่งกำลังยืนเกาะแขนเขาอยู่ไม่ห่าง


“ขวัญไม่คิดเลยว่าพี่นนท์จะใจร้ายได้ขนาดนี้ ปล่อยเวลาให้มันล่วงเลยมาขนาดนี้ได้ยังไงกัน มันน่าโมโห” สาวน้อยกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์นัก “พี่จ้าเองก็พอจะรู้ข่าวพี่นนท์จากเพื่อน ๆ อยู่บ้างนะคะไม่ใช่ไม่รู้ แต่ก็ยังรอ เพียงแค่อยากจะฟังจากปากของพี่นนท์”



“เขาก็คงมีเหตุผลของเขานั่นแหละขวัญ บางทีถ้าเราตกอยู่ในสถานการณ์แบบเขา เราก็อาจจะทำแบบที่เขาทำก็ได้นะ ช่างเขาเถอะ เราคิดแต่เขาไม่ได้คิด ก็จะมีแต่เรานี่แหละที่ไม่สบายใจอยู่ฝ่ายเดียว พี่ว่าจ้าเองก็คงไม่อยากคิดเรื่องนี้อีกแล้วละ”


หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะออกรถพร้อมกับทิ้งความทรงจำดี ๆ ที่มีต่อพี่ชายคนหนึ่งของเธอเอาไว้ตรงนี้....






หลังจากผ่านเหตุการณ์นั้นมาหลายวันแล้ว อาทิตย์ทัศน์พบว่าตฤณกรไม่ได้มาที่บ้านเขาอีกเลย ไม่มีแม้โทรศัพท์หรือข้อความใด ๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง....



“วันนี้อาจารย์ชนะชัยมาคนเดียวเหรอวะ” หนุ่มน้อยในชุดนักศึกษาที่นั่งรีทัชภาพถ่ายอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์เอ่ยขึ้น



“เออใช่ วันนี้อาจารย์อาทิตย์ทัศน์ไม่ได้มา เดี๋ยวบ่ายอาจารย์ชนะชัยคงมาถึง พวกนายอย่าลืมเตรียมสมุดประจำตัวไว้ให้อาจารย์เซ็นต์ด้วยล่ะ”



เสียงพูดคุยกันของนักศึกษาฝึกงานทำให้ตฤณกรต้องละสายตาจากงานตรงหน้า หลายวันแล้วที่เขาไม่ได้เจอหน้าใครบางคน





“ชื่อคุณหมายถึงดวงอาทิตย์ใช่ไหม”



“ใช่” อาทิตย์ทัศน์ตอบ เขายังคงยืนมองดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลับหายไประหว่างยอดตึกจากบนสถานีรถไฟฟ้าวงเวียนใหญ่ เครื่องบินลำหนึ่งกำลังบินอยู่เหนือน่านฟ้าไม่มีใครรู้ว่าเครื่องบินลำนั้นกำลังจะบินไปที่ไหน ตาคมก้มมองแว่นสายตากรอบสีดำในมือ หูยังคงได้ยินเสียงชัตเตอร์ดังเป็นระยะ ๆ


“แล้วชื่อคุณล่ะ”



“แปลว่าต้นหญ้า” ตฤณกรกล่าว “กล้องดิจิตัลก็ดีเหมือนกันนะ ถ่ายเสร็จก็ดูรูปได้เลย ไม่ต้องไปล้างฟิล์มให้เสียเวลา”



“แล้วทำไมคุณยังใช้กล้องแมนนวลอยู่ล่ะ” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นพร้อมกับหันไปสบตาคนตรงหน้า เพิ่งจะได้เห็นดวงตาที่ปราศจากแว่นสายตาของเขาชัด ๆ



“ผมชอบวาดรูปมากกว่า เราได้อยู่กับมันในทุกรายละเอียด อีกอย่างผมไม่ค่อยได้ถ่ายรูปเท่าไรก็เลยไม่อยากเปลี่ยน นาน ๆ จะหยิบออกมาถ่ายเสียที เวลาจะถ่ายก็ต้องคิดก่อนจะขึ้นฟิล์มคิดเสมอว่ารูปที่ถ่ายออกมามันต้องเป็นรูปที่เราพอใจที่สุด ส่วนคนที่ใช้กล้องดิจิตัลจะกดกี่ทีก็ได้ ภาพไหนไม่ชอบก็ลบทิ้งไปมีภาพให้เลือกตั้งเยอะ”



“ผมวาดรูปไม่เป็น ผมก็เลยชอบถ่ายรูป” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้น



“ถ้าอยากวาดเป็นเดี๋ยววันหลังผมสอนให้” ตฤณกรยิ้มก่อนจะเล็งกล้องไปที่คนที่ยืนเท้าแขนกับแผงกั้นพร้อมกับกดชัตเตอร์



“สบายใจขึ้นหรือยัง” เขาถามเมื่อลดกล้องลง



อาทิตย์ทัศน์ละสายตาจากท้องฟ้าก่อนจะพยักหน้า “คุณมีอะไรหรือเปล่าถึงมารอผมที่นี่”



“ช่วงนี้ผมคิดว่าคุณน่าจะอยากอยู่คนเดียว ก็เลยไม่ได้แวะไปที่บ้าน ผมไม่อยากจะอาศัยเหตุการณ์นี้สร้างโอกาสให้ตัวเอง” ตฤณกรกล่าวก่อนจะคืนกล้องให้อาทิตย์ทัศน์พร้อมกับรับแว่นสายตาในมือของเขามาสวมเหมือนเดิม



“แค่นี้ใช่ไหมที่คุณจะบอกผม” คนตัวเล็กกล่าวก่อนจะเก็บกล้องลงกระเป๋า



ท้องฟ้ายามเย็นเปลี่ยนเป็นสีส้ม ไม่นานแสงไฟจากหน้าขบวนรถไฟฟ้าก็ปรากฏขึ้นไกล ๆ อาทิตย์ทัศน์เดินไปยืนรอรถไฟฟ้าข้าง ๆ คนตัวสูง เมื่อเห็นรถกำลังจะเข้าเทียบชานชลาตฤณกรจึงขยับตัวเข้ามาใกล้ ๆ เพื่อไม่ให้ขวางทางคนที่จะออกจากขบวนรถ



ใกล้เสียจนอาทิตย์ทัศน์รู้สึกได้ถึงไออุ่น ๆ จากหลังมือของคนข้าง ๆ ที่สัมผัสกับหลังมือของตัวเอง



คนตัวเล็กกว่าเงยหน้าขึ้นมองคนข้าง ๆ เล็กน้อย เขายังคงมองตรงไปข้างหน้าด้วยดวงตามุ่งมั่น ริมฝีปากหยักได้รูปค่อย ๆ ขยับขณะที่รถไฟฟ้ากำลังเข้าจอดเทียบชานชลา






“ผมไม่ได้เป็นท้องฟ้าหรอกนะ แต่ถ้าวันไหนคุณต้องการต้นหญ้าเอาไว้เอนตัวลงนอนมองท้องฟ้าละก็ ผมอยู่ตรงนี้ สัญญาว่าจะรอคุณอยู่ตรงนี้” เขากล่าวก่อนจะก้าวเข้าไปยืนข้างในรถไฟฟ้าเมื่อประตูเปิดออก แม้รอบตัวจะอื้ออึงไปด้วยเสียงผู้คนและเครื่องจักร แต่คำพูดของเขากลับชัดเจนในความรู้สึกของคนฟัง





ร่างสูงหันกลับมาช้า ๆ เขายังคงยิ้มบาง ๆ เพียงไม่นานสัญญาณเตือนปิดประตูก็ดังขึ้นตามด้วยเสียงประตูที่ถูกปิดลงจนในที่สุดรถไฟฟ้าก็ค่อย ๆ เคลื่อนออกไป.... 







.......




เพลงประกอบละครที่พูดถึงในตอนนี้ คือ เพลงประกอบละครลัดฟ้ามาหารักนะคะ

ถ้าใครคุ้น ๆ แสดงว่าอยู่ร่วมสมัยกับจ้าและตัง (รวมถึงคนเขียน) แน่ๆ

รีบเขียนก่อนจะไม่เจอกันยาวค่ะ ไม่งั้นคาใจคนเขียนคาใจคนอ่าน

จบตอนนี้แล้วขออนุญาตพักยาวไปปฏิบัติภารกิจก่อนนะคะ เจอกันหลังปีใหม่ค่ะ

ขอบคุณค่ะ ^^


ปล. ตังบอกว่า ถึงหน้าตาตังจะหล่อ แต่หัวใจตังหล่อกว่า

หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 14 : คำสัญญาของต้นหญ้าและการกลับมาของเพื่อนเก่า)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 11-12-2013 00:22:55
แล้วบอกให้รอทำไมอะ แย่ที่สุด!
ดี จ้าเนี่ยของตัง ตังสู้ๆ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 14 : คำสัญญาของต้นหญ้าและการกลับมาของเพื่อนเก่า)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 11-12-2013 01:01:40
นนท์แย่มาก ๆ ถ้าจะมาบอกแบบนี้อย่ามาร้องเพลงนั้นบนเวทีดีกว่า ขอให้รู้สึกเสียใจที่สุดในวันที่สาย จ้าเจ็บแค่ไหนนนท์ก็ขอให้เจ็บกว่า

ไม่ค่อยอาฆาตเลยเนอะ 555
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 14 : คำสัญญาของต้นหญ้าและการกลับมาของเพื่อนเก่า)
เริ่มหัวข้อโดย: vk_iupk ที่ 11-12-2013 03:07:59
อ่านเรื่องนี้แล้ว บอกได้อย่างเดียว วางไม่ลงเลยค่ะ
อ่านแล้วซึ้งกินใจมากๆๆ ได้ทุกอารมณ์เลย
ค่อยๆ รักกัน เบา เบา
รอตอนต่อไปนะค่ะ  ^ ^
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 14 : คำสัญญาของต้นหญ้าและการกลับมาของเพื่อนเก่า)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 11-12-2013 05:39:10
กลับมาบอกก็ดีอย่าให้จ้าต้องรออีกเลย
สงสารคนรอบ้างเถอะ

หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 14 : คำสัญญาของต้นหญ้าและการกลับมาของเพื่อนเก่า)
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 11-12-2013 08:19:05
เห็นแก่ตัว บอกให้รอทำไม นิสัยไม่ดีเลยนน
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 14 : คำสัญญาของต้นหญ้าและการกลับมาของเพื่อนเก่า)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 11-12-2013 09:30:41
ตังโคตรพระเอกอ่ะ   :กอด1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 14 : คำสัญญาของต้นหญ้าและการกลับมาของเพื่อนเก่า)
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 11-12-2013 14:07:57
ขออนุญาตทักทายและสวัสดีอีกครั้งใน reply นี้ค่ะ คุณคนอ่านทุกท่านเลย เพิ่งมีโอกาสได้สวัสดีจริง ๆ จัง ๆ
เพิ่งจะได้เขียนเรื่องเกี่ยวกับผู้ชายสองคนที่รักกันที่นี่เป็นที่แรกค่ะ
พอดีเราชอบอ่านนิยายเชิงท่องเที่ยว ดำเนินเรื่องเรื่อย ๆ แบบนี้ เลยลองเขียนดู
ต้องบอกก่อนเลยว่าแอบหวั่น ๆ ใจเหมือนกัน ไม่รู้จะเขียนยังไงปกติไม่ได้เขียนแนวนี้ (ความรักของผู้ชายสองคน)
แต่พอเห็นคอมเม้นท์ของหลาย ๆ คนแล้วรู้สึกดีใจมาก ๆ ค่ะ
บางท่านวิเคราะห์ได้ลึกซึ้งมาก จนบางทีเรากลัวเหมือนกัน กลัวว่าทิ้งปริศนาเอาไว้แล้วตามเก็บหมดหรือยัง
อย่างเช่นเรื่องของน้องชายตวง ตามคอมเม้นท์ของคุณ RoseBullet อันนี้แบบเราทึ่งเลย
เราไม่ได้คิดพล็อตว่าเขาจะเป็นเครือญาติกับตังเลยนะ แต่พอได้อ่านคอมเม้นท์ที่วิเคราะห์แล้วต้องมานั่งคิดว่า..เออ จริงว่ะ
มันบังเอิญทั้งชื่อเล่น ชื่อจริง (วิเคราะห์ได้ลึกมาก ๆ ค่ะ ชอบอ่ะ)
ทำให้เราต้องคอยตามเก็บให้หมดไม่ว่าจะปริศนา หรือตัวละครที่เคยพูดถึง แต่สนุกดีค่ะ เหมือนมีเพื่อนคุย
เรื่องยากของเราอีกเรื่องคือ จะทำยังไงให้คนอ่านรู้ว่าตังกับจ้าอายุเท่ากัน ก็เลยต้องอาศัย 'ยัยจอมยุ่ง' นี่แหละ
ในบางตอนที่พูดถึงนนท์ คุณคนอ่านหลายคนก็จะต่อว่านนท์ที่ใจร้ายกับจ้า
อย่างคอมเม้นท์ของคุณ iamnan ที่บอกว่า "รอบ้าอะไรผ่านมากี่ปีแล้วยังไม่เห็นกลับมา"  อ่านครั้งแรกเราสะดุ้งเลย 555
ได้อารมณ์มาก เหมือนอยากกระโดดถีบนนท์ออนไลน์
บางตอนหลาย ๆ คน ก็มีความสุขไปกับจ้าและตัง อาจจะอ่านไปยิ้มไปอะไรก็แล้วแต่
ส่วนเราเองอ่านคอมเม้นท์ไปเราเองก็ยิ้มไปเหมือนกัน ยังไงก็ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ


ขอให้มีความสุขกับการอ่านนิยายเรื่องนี้นะคะ






(อาจจะกล่าวถึงไม่ครบทุกท่าน แต่เราอ่านทุกคอมเม้นท์ คอมเม้นท์ละหลาย ๆ รอบนะ ไม่ต้องน้อยใจจ้ะ ^^)






 
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 14 : คำสัญญาของต้นหญ้าและการกลับมาของเพื่อนเก่า)
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 11-12-2013 15:53:04

พ่อต้นหญ้า

พ่อพระเอกกกกกก

+ 1 + เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 14 : คำสัญญาของต้นหญ้าและการกลับมาของเพื่อนเก่า)
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 11-12-2013 20:40:29
นนท์เป็นคนที่เห็นแก่ตัวจริงๆ คำพูดพล่อยๆ ที่ไม่ได้คิดของตัวเองเมื่อสิบเอ็ดปีก่อน มันผูกมัดคนคนนึงไว้จนไม่สามารถก้าวผ่านความทุกข์ไปเริ่มต้นใหม่ได้ อย่างน้อยก็น่าจะเห็นใจคนรอบ้าง ในฐานะเพื่อนก็ยังดี
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 14 : คำสัญญาของต้นหญ้าและการกลับมาของเพื่อนเก่า)
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 12-12-2013 16:17:05
เขียนดีมาก!!!!!
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 14 : คำสัญญาของต้นหญ้าและการกลับมาของเพื่อนเก่า)
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 13-12-2013 13:51:54
ตามอ่านจนถึงตอนที่ ๑๔

อยากบอกว่าชอบเนื้อเรื่องแบบนี้มากครับ เรียบๆ ค่อยเป็นค่อยไปไม่หวือหวามาก

พระนาย กว่าจะเจอกันได้ก็สนุก น่ารักดี

อ่านตอนล่าสุดแล้วปวดใจแทนจ้าจังเลย เฮ้อออออ :z3:

ยังไงก็รออ่านหลังปีใหม่อยู่นะครับ รีบๆมาต่อนะ เป็นกำลังใจให้ครับ :impress2:
หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 15 : สติขาดแต่ไม่ได้ขาดสติ)
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 14-12-2013 15:53:03
ช่วงนี้งานเยอะ การบ้านเยอะ นึกว่าต้องรอหลังปีใหม่ซะแล้วถึงจะมีเวลาเขียน

วันนี้คิดถึงสองคนนี้ พอมีเวลาว่างเลยมาเขียนต่อค่ะ 


^^



ตอนที่ 15 : สติขาดแต่ไม่ได้ขาดสติ





อาทิตย์ทัศน์ขยับตัวบิดขี้เกียจหลังจากนั่งทำเอกสารงานออกร้านของมหาวิทยาลัยอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุคมาร่วมชั่วโมง ก่อนจะเดินไปนั่งลงข้าง ๆ ผู้เป็นแม่ที่โซฟา เธอยังคงเพลินอยู่กับการอ่านหนังสือเย็บปักถักร้อย ชายหนุ่มค่อย ๆ เอนหลังลงนอนหนุนตักอุ่นพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าอันแสนอ่อนโยนนั้น อรนุชปิดหนังสือลงและยิ้มให้ลูกชายพร้อมกับวางมือบนเรือนผมดำสนิท แม้เวลาจะผ่านไปนานเพียงใดแต่เขาก็ยังคงเป็นเด็กชายตัวเล็ก ๆ น่ารักที่ของเธอเสมอ อาทิตย์ทัศน์จับมือของผู้เป็นแม่มาวางแนบข้างแก้มก่อนจะค่อย ๆ หลับตาลงช้า ๆ



“อายุสามสิบแล้วยังจะอ้อนแม่อยู่อีกนะลูกคนนี้” อรนุชกล่าวกับเจ้าของใบหน้าระบายยิ้มที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนตัก


“แม่เหนื่อยไหมที่ต้องเลี้ยงจ้า”


“ทำไมถามอย่างนั้นล่ะลูก”


“ก็ตั้งแต่พ่อไม่อยู่ เราก็อยู่กันแค่สองคน แม่ต้องคอยเป็นทั้งพ่อและแม่ให้จ้า ตอนเด็ก ๆ จ้าเห็นแม่ทำงานหนักแทนที่จะสบายเหมือนแม่ของคนอื่น ๆ” ชายหนุ่มกล่าวก่อนจะลืมตาขึ้น


“ถึงจะเหนื่อยแต่แม่ก็มีความสุขนะที่ได้ทำเพื่อลูก ยิ่งวันนี้เห็นลูกประสบความเร็จแม่ก็ยิ่งภูมิใจในสิ่งที่แม่ทำ” ผู้เป็นแม่กล่าวพร้อมกับลูบศีรษะลูกชายเบา ๆ


อาทิตย์ทัศน์พยักหน้า เขารับรู้ถึงความรักของแม่ได้ดี แม้พ่อจะไม่อยู่แล้วแต่แม่ก็ยังมั่นคงเสมอ แม่ไม่เคยชายตามองใครที่เข้ามาเกาะแกะ ทั้งที่นั่นอาจจะเป็นหนทางหนึ่งที่ทำให้ครอบครัวสบายกว่าที่เป็นอยู่ก็ตาม


“แม่รักพ่อมากไหม”


“มากที่สุดในชีวิตเลยละ” อรนุชยิ้ม “แต่นั่นมันก่อนที่ลูกจะเกิด”


ตาคมมองผู้เป็นแม่อย่างไม่เข้าใจ


“พ่อเคยเป็นผู้ชายที่แม่รักมากที่สุดในชีวิต”


“เคยเป็น...เหรอครับ” อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้ว


“ใช่จ้ะ พ่อเคยเป็นผู้ชายที่แม่รักมากที่สุดในโลก จนกระทั่งวันที่ลูกเกิดแม่ก็รู้ทันทีว่าวันนั้นพ่อคงไม่ใช่ผู้ชายที่แม่รักที่สุดในโลกอีกต่อไป”


อาทิตย์ทัศน์ยิ้มก่อนจะกระชับมืออุ่น ๆ กับข้างแก้ม “วันที่แม่รู้ว่าไม่มีพ่อแล้ว แม่เสียใจมากไหม”






ผู้เป็นแม่นิ่งคิด “ตอนนั้นแม่รู้สึกว่าทุกอย่างมันพังทลาย เหมือนหัวใจแตกสลาย แม่รักพ่อของลูกมาก มากเสียจนไม่รู้ว่าถ้าไม่มีพ่อแล้วแม่จะอยู่ต่อไปได้ยังไง”


“แต่แม่ก็อยู่เพื่อจ้า” อาทิตย์ทัศน์กล่าว


ผู้เป็นแม่ยังคงยิ้มมาให้อย่างอ่อนโยนที่สุด “ถ้าไม่มีลูกคนแม่ก็คงไม่รู้จะอยู่ต่อไปเพื่ออะไร”


“ขอบคุณนะครับแม่” อาทิตย์ทัศน์กล่าว


“ลูกมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า ทำไมอยู่ ๆ ก็ถามเรื่องนี้ขึ้นมา”


“เปล่าครับ” ชายหนุ่มตอบก่อนจะค่อย ๆ พลิกตัวนอนตะแคงและหลับตาลงอีกครั้ง


อรนุชเลื่อนมือไปวางบนแผ่นหลังของลูกชายพร้อมกับลูบเบา ๆ เขามักจะชอบให้ทำแบบนี้เวลาที่มีเรื่องทุกข์ใจ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน มีหรือที่ผู้เป็นแม่อย่างเธอจะไม่รู้ว่าลูกชายกำลังมีเรื่องไม่สบายใจ








“พักนี้ไม่เห็นตังแวะมาที่บ้านเราเลยนะลูก”


“ไม่มาก็ดีแล้วครับ” อาทิตย์ทัศน์ตอบทั้งที่ยังหลับตา


“ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า”


“เปล่าครับ ไม่ได้ทะเลาะอะไรกัน” ชายหนุ่มกล่าว


“แปลกจัง แล้วทำไมหายไปเลย สงสัยท้อแล้วมั้ง” อรนุชกล่าวด้วยน้ำเสียงล้อ ๆ


คำพูดของผู้เป็นแม่ทำให้อาทิตย์ทัศน์ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้ง “ท้อเรื่องอะไรครับแม่” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว


“ก็ท้อที่ลูกชายแม่ใจแข็งน่ะสิ” ประโยคถัดมาของแม่ยิ่งทำให้ผู้เป็นลูกชายตกใจเข้าไปอีก “แม่ดูออกนะว่าเขาคิดยังไงกับจ้า” เธอยิ้ม


“แต่จ้า...” อาทิตย์ทัศน์หยุดไว้แค่นั้นก่อนจะทบทวนบางอย่างในใจ “ถ้าไม่รัก เราก็ไม่ต้องเจ็บไม่ใช่เหรอครับแม่”


ผู้เป็นแม่ยิ้ม มือที่มีแต่ริ้วรอยนั้นยังคงลูบไปตามแผ่นหลังของลูกชาย “ที่ผ่านมาลูกอาจจะเจ็บ อาจจะร้องไห้ มันอาจเป็นวันที่ลูกอ่อนแอที่สุด แต่ในวันนั้นลูกจะรู้ว่าลูกยังมีคนที่รักลูกนะจ้า และตอนนี้แม่ก็เชื่อว่าลูกรู้แล้ว”


“อย่าให้ความกลัวมาเป็นกำแพงปิดกั้นตัวเอง” มืออุ่น ๆ ค่อย ๆ เลื่อนมาจับที่หัวไหล่ของอาทิตย์ทัศน์ “ตั้งแต่เล็กจนโตแม่ไม่เคยฝืนใจลูกไม่ว่าลูกจะทำอะไรหรือจะเป็นยังไง เพราะฉะนั้นแม่ไม่อยากให้ลูกฝืนใจตัวเองนะ”


อาทิตย์ทัศน์สบตาผู้เป็นแม่ก่อนจะนึกถึงคนที่ไม่ได้เจอกันนาน....






...




“ทำไมเดี๋ยวนี้พี่ตังไม่ไปหาพี่จ้าพี่บ้านเลยล่ะคะ มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า” จอมขวัญกล่าวก่อนจะส่งคุกกี้เข้าปาก


“เปล่าหรอก พี่ไม่ได้มีเรื่องอะไรกับเขา” ตฤณกรกล่าวก่อนจะรับแก้วเครื่องดื่มจะพนักงานเสิร์ฟ


“แล้วทำไมไม่ไปหาพี่ตังเหมือนเมื่อก่อนล่ะคะ ตั้งแต่วันที่มีเรื่องพี่นนท์ ขวัญก็ไม่เห็นพี่ตังที่บ้านพี่จ้าอีกเลย”


ตฤณกรถอนหายใจเบา ๆ “พี่ไม่อยากใช้เรื่องนี้มาสร้างโอกาสให้ตัวเองน่ะ เขาควรจะมีเวลาอยู่กับตัวเอง ส่วนพี่เองพี่ก็อยากมีเวลาทบทวนอะไรบางอย่าง”


“หมายความว่ายังไงคะ”


“ขวัญคิดดูสิ เขาใช้เวลาสิบกว่าปีในการรอคน ๆ หนึ่ง มันทำให้พี่ต้องกลับมาทบทวนตัวเองว่า พี่เองมีค่าพอที่จะบังอาจไปแทนคน ๆ นั้นได้หรือเปล่า”


จอมขวัญพยักหน้าเข้าใจ “ขวัญเข้าใจนะคะ แต่ถ้าเป็นขวัญละก็ขวัญไม่สนใจหรอกว่าขวัญจะแทนใครได้ไหม แต่ขวัญจะพยายามให้ถึงที่สุด และถ้าสุดท้ายมันไม่เป็นอย่างที่ขวัญหวังขวัญก็จะตัดใจ ดีกว่ามานั่งเสียดายทีหลังว่าทำไมตอนนั้นเราไม่ทำแบบนั้นแบบนี้ แล้วพี่ตังล่ะคะ ตอนนี้พยายามจนถึงที่สุดหรือยัง”


รอยยิ้มเล็ก ๆ ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนหน้าของชายหนุ่ม “นั่นสินะ พี่ยังไม่ได้พยายามจนถึงที่สุดเลยนี่นา”






...



ที่มหาวิทยาลัย...



“อาจารย์จ้า” ชายหนุ่มร่างสันทัดเอ่ยขึ้นขณะเปิดประตูเข้ามาในห้องพักอาจารย์อย่างรีบร้อน


“มีอะไรหรือเปล่าครับอาจารย์นะ ดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลย” อาทิตย์ทัศน์กล่าวพร้อมกับเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารตรงหน้า


“อาจารย์ทราบเรื่องที่เมื่อคืนนักศึกษาฝึกงานที่ครีเอทีฟสตูดิโอไปมีเรื่องกับนักเลงในผับหรือเปล่าครับ นี่นักศึกษาเพิ่งโทร.มาเล่าผมให้ฟัง ตอนแรกผมว่าจะแวะไปที่บริษัทแต่ต้องไปประชุมแทนหัวหน้าภาค ก็เลยจะรบกวนให้อาจารย์จ้าช่วยไปดูนักศึกษาหน่อย” ชนะชัยกล่าว


“ได้ครับอาจารย์ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้” อาทิตย์ทัศน์ผุดลุกขึ้นทันที









เขามาถึงบริษัทที่ส่งนักศึกษามาฝึกงานในตอนบ่าย ที่นั่นไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนอกจากคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ทุกคนต่างพยายามปิดเป็นความลับเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบซึ่งกันและกัน


“ผมต้องขอโทษอาจารย์ด้วยนะครับที่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ผมไม่น่าชวนน้อง ๆ ไปเลย เมื่อคืนนี้ผมเองก็เมาไปหน่อย” ชายหนุ่มร่างท้วมรีบเข้ามาขอโทษขอโพย


“ไม่เป็นไรครับ ไม่มีใครเป็นอะไรมากก็ดีแล้ว” อาทิตย์ทัศน์กล่าวพร้อมกับลอบมองสำรวจคนตรงหน้าที่มีรอยช้ำที่ข้างแก้มซึ่งเขาบอกใคร ๆ ว่าเดินสะดุดประตูจนหน้ากระแทกพื้นก่อนหันไปมองหนุ่มน้อยในชุดนักศึกษาทั้งสามคนที่พากันหลบตาก้มหน้าเพื่อปิดซ่อนร่องรอยฟกซ้ำ



...





“ไหน ใครก็ได้ช่วยเล่าให้ผมฟังหน่อยว่ามันเกิดอะไรขึ้น” อาทิตย์ทัศน์กล่าวหลังจากเขาพาพวกเด็ก ๆ ออกมาคุยที่ด้านนอกบริษัท เสียงเข้มและท่าทางจริงจังของเขาทำเอาบรรดาเด็ก ๆ มองหน้ากันด้วยความรู้สึกหวาด ๆ


“เมื่อคืนพวกผมกับพี่พัฒน์แล้วก็พี่กอล์ฟไปนั่งดื่มกันในผับแถว ๆ นี้แหละครับอาจารย์ พี่พัฒน์แกเมามากส่งเสียงเอะอะโวยวายก็เลยโดนเขม่น” คนหนึ่งกล่าว


“พวกมันมากันหลายคนครับ ท่าทางจะเป็นลูกคนมีเงิน เห็นลงจากรถสปอร์ตแล้วก็ทำตัวกร่างตั้งแต่เดินเข้ามา นั่งกินกันสักพักพวกผมก็ไปเข้าห้องน้ำ พอกลับมาอีกทีมันก็กระชากคอเสื้อพัฒน์ขึ้นมาคงจะหมั่นไส้ที่แกพูดจายียวนแบบเมา ๆ ของแกนั่นแหละ ส่วนพี่กอล์ฟน่ะโดนสอยร่วงไปแล้ว พวกผมเห็นท่าไม่ดีก็เลยโทรตามพี่ตังเพราะเมื่อคืนพี่ตังนั่งแก้งานอยู่ที่บริษัท”


“พอพี่ตังมา พี่ตังก็เข้าไปเคลียร์ให้แต่มันพูดจาไม่ดีเลย พี่ตังแกเลยสติหลุดจากนั้นตะลุมบอนกัน พวกผมก็เลยอาศัยช่วงชุลมุนไปพาพี่กอล์ฟออกมา”


“อะไรนะ” อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้ว ไม่คิดว่ายังมีผู้ร่วมขบวนการอีกคน “ดีจริงลูกศิษย์ผม วันนี้ก็เลยพากันปิดปากเงียบช่วยกันปิดบังความผิด”


“พวกผมขอโทษครับอาจารย์” สามหนุ่มพร้อมใจกันยกมือขอขมา


“เอาละ พวกคุณไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว คราวหลังก็ระวังหน่อยแล้วกัน เขาก็บอกอยู่ว่าสถานที่อโคจรมันก็คือที่ที่ไม่ควรไป” อาจารย์หนุ่มทิ้งท้ายก่อนจะบอกให้เด็ก ๆ กลับเข้าไปทำงานต่อ ในใจนึกถึงคนที่ถูกกล่าวถึงซึ่งวันนี้ยังไม่เห็นหน้ากันเลย...









“น้านุชคะ ขวัญซื้อลูกพลับมาฝากค่ะ” หญิงสาวที่เดินถือถุงผลไม้เข้ามาในบ้านเอ่ยขึ้นก่อนจะวางมันไว้บนโต๊ะในครัว


“ขอบใจนะจ๊ะหนูขวัญ” หญิงวัยกลางคนที่กำลังปอกผลไม้อยู่ที่อ่างล้างจานเอ่ยขึ้น


“เขาขายอยู่ที่หน้าบริษัทค่ะ ขวัญเห็นมันน่าทานก็เลยซื้อมาฝากน้านุช แล้วนี่พี่จ้ากลับมาแล้วเหรอคะ”



“ใช่จ้ะ ทานข้าวแล้วขึ้นไปข้างบนแล้วละ” อรนุชกล่าว ยังไม่ทันที่ทั้งสองคนจะได้คุยอะไรกันต่อ เสียงของอาทิตย์ทัศน์ก็ดังขึ้น


“ขวัญมาเหรอครับแม่” เขากล่าวขณะเดินถือคอมพิวเตอร์โน้ตบุคลงมาวางที่โต๊ะทำงาน


“ใช่ค่ะ” สาวน้อยที่เดินออกมาจากในครัวกล่าวพร้อมกับเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม เท้าคางมองพี่ชายของเธอ


“มองพี่ทำไม มีอะไรหรือเปล่า” อาทิตย์ทัศน์ถามขึ้นเมื่อรู้สึกได้ว่ากำลังถูกจ้องมอง


“มองคนใจร้ายค่ะ”


“หือ พี่ไปทำอะไรให้” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว


“พี่จ้ารู้เรื่องที่นักศึกษาฝึกงานของพี่ที่ไปฝึกงานที่บริษัทของพี่ตังไปมีเรื่องชกต่อยกับคนในผับแล้วใช่ไหมคะ”


อาทิตย์ทัศน์เงยหน้ามองผู้เป็นแม่ที่กำลังเดินถือจานผลไม้มาวางให้ที่โต๊ะก่อนจะพยักหน้าให้จอมขวัญ


“พี่จ้ารู้ไหมคะว่าพี่ตังโดนพวกนั้นทำร้าย”


“ตายจริง แล้วตังเป็นอะไรมากหรือเปล่าจ๊ะขวัญ” อรนุชกล่าวอย่างเป็นห่วง


“ขวัญก็ไม่ทราบค่ะ จริง ๆ เมื่อตอนเย็นขวัญนัดกับพี่ตังไว้ แล้วพี่ตังก็โทร.มาเลื่อนนัด บอกว่าไม่ได้ไปทำงานขวัญก็เลยทราบว่าพี่ตังโดนทำร้าย”


“โดนทำร้าย หรือว่าไปทำร้ายเขากันแน่” อาทิตย์ทัศน์แทรกขึ้น


“พี่จ้าน่ะ” จอมขวัญขมวดคิ้ว “พี่ตังเขาอุตส่าห์ไปช่วยน้อง ๆ พวกนั้นนะคะ แล้วดูสิวันนี้ก็ไปทำงานไม่ได้ ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง”


“ถ้าเขาโทร.มาคุยกับขวัญได้ เขาก็คงไม่เป็นอะไรมากหรอก”


จอมขวัญมองคนหน้านิ่งตรงหน้าอย่างขัดใจ


“พี่จ้าไม่คิดจะไปดูพี่ตังหน่อยเหรอคะ โทร.ไปถามข่าวก็ยังดี”


“นั่นสิจ้า” ผู้เป็นแม่เสริม


“แต่ว่า...” อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้ว...






ไม่นานรถเก๋งสีขาวของอาทิตย์ทัศน์มาจอดที่บริเวณลานจอดรถของคอนโดแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มเปิดประตูลงมาจากรถพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่หลังจากทนคำรบเร้าของผู้เป็นแม่และน้องสาวบ้านตรงข้ามไม่ไหว เขาโทร.หาตัวต้นเหตุเพื่อจะถามอาการแต่ตฤณกรก็ไม่รับสายสุดท้ายจึงต้องมาที่นี่





“ขอบคุณมากนะครับพี่ที่พามา” ชายหนุ่มร่างสูงกล่าวกับพนักงานรักษาความปลอดภัยร่างเตี้ยล่ำที่เคยได้พบกันมาก่อนแล้วครั้งหนึ่ง


“ไม่เป็นไรครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวลงไปทำงานก่อนนะครับ”


อาทิตย์ทัศน์พยักหน้ายิ้ม ๆ ก่อนจะจ้องมองเลขหน้าประตูอยู่นาน ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเอื้อมมือกดกริ่งที่หน้าห้อง ครู่หนึ่งประตูก็ถูกเปิดออก


“เฮ่ย” ตฤณกรอุทานเมื่อเปิดประตูออกมา แต่ยังไม่ทันที่จะได้เห็นหน้ากันชัด ๆ ประตูก็ถูกปิดลงอีกครั้ง


“เอ้า! อะไรของเขา” อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้วก่อนจะกดกริ่งย้ำ ๆ ไป 2-3 ครั้ง



“ครับ ๆ มาแล้วคร้าบบบบ” ประตูเปิดออกอีกครั้งพร้อมกับร่างสูงของใครบางคนที่คลุมอย่างมิดชิดด้วยผ้าห่มสีขาวผืนหนาเห็นเพียงลูกตา


“ทำไมต้องปิดหน้าปิดตาด้วย” อาทิตย์กล่าว


“อากาศมันหนาวน่ะคุณ” ตฤณกรที่อยู่ในผ้าห่มกล่าวเสียงอู้อี้


“คุณเป็นยังไงบ้าง”


“ก็...สบายดีครับ อย่างที่เห็น” เสียงหัวเราะกลบเกลื่อนแบบนั้นทำเอาหัวคิ้วของอาทิตย์ทัศน์ค่อย ๆ เคลื่อนเข้าหากันอีกครั้ง


“เข้ามาก่อนสิครับ” คนตัวสูงกล่าวก่อนจะหลีกทางให้


อาทิตย์ทัศน์เดินเข้าไปในห้องที่ภายในตกแต่งแบบโมเดิร์นเน้นสีขาวดำและน้ำตาลตามความชอบของเจ้าของห้อง บนฝาผนังมีรูปสเก็ตซ์ใส่กรอบติดไว้เต็มไปหมด


“นั่งก่อนสิคุณ” ตฤณกรกล่าวพร้อมกับนั่งลงที่โซฟาสีดำหน้าทีวี


“ผมเพิ่งรู้เรื่องเมื่อเช้า” คนตัวเล็กกว่ากล่าวเมื่อนั่งลง “ผมต้องขอบคุณแทนเด็ก ๆ พวกนั้นด้วย”


“ไม่เป็นไรหรอกครับ” คนที่คลุมหน้าคลุมตากล่าว


“แล้วนี่ใจคอคุณจะคุยกับผมทั้งที่คลุมโปงแบบนี้น่ะเหรอ”


“ก็ผมหนาวนี่คุณ”


อาทิตย์ทัศน์พยักหน้า “ดูแล้วคุณคงไม่ได้เป็นอะไรมากแบบที่แม่กับยัยขวัญเป็นกังวล ถ้าอย่างนั้นผมกลับละ” พูดจบเขาก็ลุกขึ้น


“เฮ้ย! ดะ เดี๋ยวสิครับ” ตฤณกรท้วงก่อนจะเอื้อมมือจับที่ข้อมือเขา “คุณจะรีบไปไหน”


“ก็คุณไม่ได้เป็นอะไรนี่” อาทิตย์ทัศน์ถอนหายใจก่อนจะนั่งลงอีกครั้ง


“ใครว่าล่ะครับ” คนตัวสูงกล่าวก่อนจะคลายมืออกจากข้อมือคนตรงหน้า


“ถ้าอย่างนั้นก็ให้ผมดูสิว่าคุณเป็นยังไงบ้าง” คนตัวเล็กกว่าขมวดคิ้ว


“มันไม่น่าดูหรอกคุณ”


“เอามือออก” เสียงนั้นราวประกาศิต ตฤณกรจึงยอมคลายมือที่จับผ้าห่มไว้แน่นออก


อาทิตย์ทัศย์จึงค่อย ๆ รั้งผ้าห่มที่ปิดหน้าปิดตาคนตรงหน้าออก ใบหน้าที่เคยหล่อเหลากลับแต้มไปด้วยรอยเขียวช้ำและรอยแตกเล็ก ๆ ที่ปลายคิ้วและมุมปากด้านขวา


“ทำไมเยินแบบนี้ล่ะ”


“ผมบอกคุณแล้วว่ามันไม่น่าดู”


“แล้วนี่คุณไปให้หมอทำแผลหรือเปล่า”


ตฤณได้แต่ยิ้มแหย ๆ แทนคำตอบ


“ไม่ทำแผลใส่ยาแล้วจะหายเมื่อไร คุณมีกล่องปฐมพยาบาลหรือเปล่า”

 
“มีครับ อยู่บนชั้นวางหนังสือ”


อาทิตย์ทัศน์หยักหน้าก่อนจะเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลตามที่เจ้าของห้องบอกจากนั้นจึงเดินกลับมานั่งที่โซฟา จัดการเปิดกล่องปฐมพยาบาลเพื่อทำแผลให้เขา....






“มือเบาจัง” ตฤณกรเอ่ยขึ้นพร้อมกับจ้องมองดวงตาที่แฝงไปด้วยความห่วงใยคู่นั้น อดนึกไม่ได้ว่าถ้าอาทิตย์ทัศน์เป็นหมอฟัน มือเบาขนาดนี้คงมีลูกค้าเข้าร้านเยอะแน่ ๆ แต่คิดดูอีกทีเป็นอาจารย์ที่มือเบาแบบนี้ก็ดีเหมือนกันเพราะจะได้มีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้


“พูดมาก” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะออกแรงกดสำลีที่หางคิ้วทำเอาคนตรงหน้าสะดุ้งโหยง


“โอ๊ย! ผมเจ็บนะคุณ” ตฤณกรร้องขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือจับมือคนตัวเล็กกว่า


“ก็ทำให้เจ็บไง จะได้รู้ว่าทีหลังควรจะคุมสติตัวเองให้มากกว่านี้”


“ก็มันพูดจาไม่ดี คุณจะให้ผมทนอยู่ได้ยังไง”


“เขาแค่พูดจาไม่ดี ไม่ได้เอามีมาแทงคุณเสียหน่อย” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะขยับมืออกจากการเกาะกุมของคนตรงหน้า “ตัวคุณร้อนนะ สงสัยจะมีไข้ ทานยาลดไข้กันไว้หน่อยก็แล้วกัน” ชายหนุ่มกล่าวก่อนจะเก็บอุปกรณ์ทำแผล เขาเดินหายเข้าไปในโซนทำครัวก่อนจะเดินกลับมาพร้อมน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว


“ขอบคุณครับ” ตฤณกรกล่าวพร้อมกับรับแก้วน้ำจากมืออาทิตย์ทัศน์ จากนั้นเขาก็จัดการส่งยาแก้ปวดลดไข้เม็ดโตเข้าปากก่อนจะดื่มน้ำตาม








อาทิตย์ทัศน์นั่งลงข้าง ๆ คนที่เพิ่งล้มตัวลงนอนบนเตียงเมื่อสักครู่ก่อนจะหันไปบิดผ้าขนหนูจากกะละมังใส่น้ำที่หัวเตียงมาเช็ดตัวให้เขา ตฤณกรพยายามปรือตามองคนตรงหน้าในที่สุดเขาก็ค่อย ๆ หลับตาลงช้า ๆ ....









“ครับแม่”


“ก็มีไข้น่ะครับ จ้าให้ทานยาไปแล้ว” อาทิตย์ทัศน์ที่กำลังถือโทรศัพท์แนบหูกล่าวพร้อมกับหันไปมองคนที่กำลังนอนอยู่บนเตียง


“ครับ แม่ไม่ต้องห่วงนะ นอนก่อนได้เลย” พูดจบเขาก็วางสาย



อาทิตย์ทัศน์เดินกลับไปยืนข้าง ๆ เตียงอีกครั้งก่อนจะก้มลงสัมผัสหลังมือของเขาที่หน้าผากของคนที่กำลังหลับ แต่เมื่อกำลังจะชักมือกลับมือหนาขอตฤณกรก็คว้าเอวของเขาเอาไว้ ชายหนุ่มค่อย ๆ ลืมตาก่อนจะออกแรงรั้งร่างของคนตัวเล็กกว่าลงมานอนข้าง ๆ กันบนเตียง


“จะทำอะไรของคุณ” อาทิตย์ทัศน์ท้วงพร้อมกับพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการของเขา ในขณะที่คนตัวใหญ่กว่าค่อย ๆ หลับตาลงโดยไม่ได้สนใจคำทักท้วงใด ๆ





“ผมขออยู่แบบนี้สักครู่นะคุณ” ประโยคสั้น ๆ นั้นช่วยให้คนตัวเล็กที่ขยุกขยิกอยู่ในวงแขนของเขานิ่งไป


อาทิตย์ทัศน์มองคนที่กำลังหลับตาซบอยู่ที่ซอกคอ นอกจากจะได้ยินเสียงลมหายใจของเขาแล้วยังได้ยินเสียงตัวใจของตัวเองที่เต้นดังเสียจนกลัวว่าจะทำให้คนข้าง ๆ ตื่น แต่แล้วความคิดของเขาก็ต้องหยุดลงเมื่อริมฝีปากหยักขยับอีกครั้ง


“หัวใจคุณเต้นแรงจัง”


“ปล่อยผมได้แล้ว” เจ้าของใบหน้าร้อนผ่าวกล่าวเสียงอู้อี้


“อีกห้านาทีนะ” ตฤณกรกล่าว






เวลาผ่านไปนานทีเดียวจนอาทิตย์รู้สึกว่าคนข้าง ๆ คงหลับไปแล้ว เขาจึงค่อย ๆ ขยับตัวเพื่อจะหลุดจากอ้อมกอดนี้ แต่ตฤณกรกลับกระชับวงแขนให้แน่นขึ้นก่อนจะกระซิบเบา ๆ ...










“ผมบอกคุณแล้วหรือยังว่าผมชอบคุณ”








อยู่ ๆ ใบหน้าก็กลับร้อนวูบขึ้นอย่างไร้สาเหตุอีกครั้ง อาทิตย์ทัศน์ค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ หวังจะให้หัวใจที่เต้นรัวดังกลองรบสงบลงบ้าง ประโยคที่ได้ยินเมื่อครู่ก็เป็นแค่เพียงเสียงกระซิบแต่ทำไมมันกลับดังก้องซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในโสตประสาทเช่นนี้ ร่างเล็กยังคงนอนลืมตาโพรงอยู่ในอ้อมกอดของใครคนนั้น แม้เวลาจะผ่านไปนานแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังคงชัดเจนในความรู้สึก ลมหายใจที่สม่ำเสมอนั้นทำให้รู้ว่าคนข้าง ๆ หลับไปแล้ว ดังนั้นอาทิตย์ทัศน์จึงค่อย ๆ ขยับตัวลุกขึ้นละทิ้งจากพันธนาการอันแสนอบอุ่นนั้น....


ชายหนุ่มนั่งลงที่ข้างเตียงก่อนจะมองหน้าเขาชัด ๆ รู้สึกแปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกัน ทั้ง ๆ ที่รู้จักกันมานานพอสมควร แต่ไม่เคยได้มองหน้าเขาตรง ๆ เลยสักครั้ง นั่นคงเพราะทุกครั้งที่เจอกันเขาก็มักจะพูดยายียวนกวนประสาทให้อาทิตย์ทัศน์ต้องหงุดหงิดทุกครั้ง แต่เวลาหลับแบบนี้เขาก็กลายเป็นเหมือนเด็กน้อยไร้พิษภัยคนหนึ่งเท่านั้น


อาทิตย์ทัศน์ค่อย ๆ เอื้อมมือดึงผ้าห่มมาห่มให้ก่อนจะเดินออกจากห้อง เขาเดินสำรวจไปเรื่อย ๆ สายตาไล่มองไปตามกรอบรูปที่ติดฝาหนังที่ส่วนใหญ่เป็นภาพสเก็ตซ์ด้วยปากกาหมึกซึมสีดำ ทั้งภาพสถานที่ท่องเที่ยว ภาพตึกรามบ้านช่อง สิ่งของหรือแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยง แต่ภาพเดียวที่อาทิตย์ทัศน์สะดุดตาก็คือภาพชายหนุ่มสวมหมวกแก๊ป มันเป็นภาพคล้าย ๆ กับโปสการ์ดที่ตฤณกรเคยส่งให้เขาและเป็นภาพคนภาพเดียวในจำนวนภาพนับสิบที่ติดอยู่บนผนัง ชายหนุ่มค่อย ๆ เดินไปเรื่อย ๆ จนมาหยุดที่โต๊ะทำงานของเจ้าของห้อง ซึ่งมีทั้งกระดานเขียนแบบและเครื่องคอมพิวเตอร์ ร่างสูงค่อย ๆ นั่งลงที่เก้าอี้ก่อนจะกวาดสายตามองกรอบรูปตั้งโต๊ะพวกนั้น มีทั้งภาพตอนรับปริญญาของตฤณกร ภาพสมัยที่เขาถ่ายกับเพื่อน ๆ สมัยเรียนมหาวิทยาลัย



อาทิตย์ทัศน์เอื้อมหยิบกรอบรูปตั้งโต๊ะที่วางอยู่ใกล้ ๆ คอมพิวเตอร์ขึ้นมาดู มันเป็นภาพชายหนุ่มผมยาวในชุดนักศึกษา เขาไว้หนวดเคราดูรุงรัง แต่นั่นก็ไม่สามารถบดบังแววตาใจดีและรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นของใครคนนั้นได้เลย อาทิตย์ทัศย์ค่อย ๆ วางกรอบรูปไว้ที่เดิมก่อนจะทอดสายตาชมทิวทัศน์ของกรุงเทพฯยามค่ำคืน ครู่หนึ่งเสียงเตือนข้อความเข้าก็ดังขึ้น เจ้าของร่างสูงละสายตาจากภาพตรงหน้าก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดูและพบว่าเสียงนั้นไม่ได้มาจากโทรศัพท์ของเขา ชายหนุ่มเดินหาที่มาของเสียงแต่ก็ไม่พบเขาจึงตัดสินใจกดโทรออก ในที่สุดเสียงโทรศัพท์มือถือของตฤณกรก็ดังขึ้น มันดังมาจากที่ไหนสักที่ในห้อง อาทิตย์ทัศย์พยายามเดินหาจนกระทั่งเขาเดินมาหยุดที่โซฟาซึ่งมีแสงไฟรอดออกมาจากข้างใต้


“ถึงว่าทำไมไม่ยอมรับโทรศัพท์” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองก่อนจะก้มหยิบโทรศัพท์ที่กำลังดังขึ้นมา ภาพของตัวเขาเองซึ่งปรากฏอยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์ทำให้เขาอดที่จะอมยิ้มไม่ได้...



หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 15 : สติขาดแต่ไม่ได้ขาดสติ)
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 14-12-2013 15:53:36
สัปดาห์ต่อมา ที่ห้องประชุมของบริษัท


“ผมขออนุญาตคุยกับนักศึกษาต่อสักครู่นะครับ” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นกับผู้จัดการหนุ่มใหญ่


“ได้เลยครับอาจารย์ ตามสบายนะครับ” เจ้าของเครางามกล่าวก่อนจะหันไปหาตฤณกรที่นั่งอยู่อีกฝั่ง “ฝากด้วยนะตัง”


ชายหนุ่มที่ติดพลาสเตอร์ใสที่หางคิ้วพยักหน้าก่อนจะหันไปสบตาคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามกันพร้อมกับยิ้ม



“ผ่านมาครึ่งทางแล้ว พวกคุณมีอะไรอยากเล่าให้ผมฟังไหม” อาทิตย์ทัศน์ถามหนุ่มน้อยทั้งสาม


“งานหนักไปหรือเปล่า หรือมีอะไรที่รู้สึกว่ามันเกินความสามารถที่ตัวคุณจะทำได้ไหม”


“ไม่ครับอาจารย์ มันก็แค่มีเหนื่อย ๆ บ้าง เพราะต้องตื่นเช้าทุกวัน ตอนที่ยังเรียนบางวันเราจะตื่นตอนไหนก็ได้” คนหนึ่งกล่าว


“นี่แหละที่เขาเรียกชีวิตการทำงาน ไม่มีงานอะไรที่ทำแล้วไม่เหนื่อยหรอก ถึงจะเป็นนายตัวเองก็ต้องเหนื่อย”


ประโยคนั้นทำให้ตฤณกรอดที่จะอมยิ้มไม่ได้ เขาเคยได้ยินมันมาก่อนตั้งแต่เมื่อสามปีที่แล้ว


“คุณรู้ไหมว่าทำไมภาควิชาถึงต้องส่งพวกคุณออกมาฝึกงาน สงสัยไหมว่าทำไมเพื่อน ๆ ที่เรียนคณะศึกษาศาสตร์ถึงต้องออกไปฝึกสอน”


“เพื่อให้เราได้มีประสบการณ์หรือเปล่าครับ”


อาทิตย์ทัศน์พยักหน้า “อืม การฝึกงานหรือการฝึกสอนก็ตาม มันเป็นสิ่งที่จะให้พวกคุณได้มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์การทำงานจริง ฝึกการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนอื่น ๆ ทำให้รู้จักที่จะมองปัญหาและหาทางแก้มัน เพราะฉะนั้นคุณจงใช้โอกาสนี้เก็บเกี่ยวประสบการณ์เอาไว้ให้มาก ๆ สิ่งที่ดี ๆ ก็เก็บเอาปฏิบัติ สิ่งที่ไม่ดีก็เก็บเอาไว้เตือนตัวเองว่าไม่ควรทำ” ตาคมหันไปมองคนตรงข้ามวูบหนึ่ง “เวลาจะทำอะไรก็มีสติให้มาก ๆ ตัวอย่างของการสติขาดก็มีให้เห็นอยู่”


สิ้นเสียงอาทิตย์ทัศน์ทั้งนักศึกษาฝึกงานและพี่เลี้ยงต่างก็มองตากันปริบ ๆ








“นี่คุณ มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน” ตฤณกรกล่าวขณะเดินตามอาทิตย์ทัศน์เข้าไปในบ้าน


“คุยอะไรอีก” คนตัวเล็กกว่ากล่าวก่อนจะวางกระเป๋าใส่คอมพิวเตอร์โน้ตบุคลงบนโซฟา


“ก็เรื่องที่คุณใช้ผมเป็นสื่อการสอนวันนี้ไง”


“แล้วคุณจะเอายังไง หรือคุณจะบอกว่าที่ผมพูดมันไม่จริง”


“ผมไม่กล้าเถียงอาจารย์หรอกคร้าบบบ”


อาทิตย์ทัศย์กอดอกพร้อมกับพยักหน้าอย่างพอใจ “งั้นผมไปอาบน้ำละ” พูดจบเขาก็หันกลับก่อนจะเดินหนี


“เดี๋ยวสิคุณ” ตฤณกรที่เดินตามมาท้วงขึ้นจนคนตัวเล็กกว่าต้องหันกลับมาอีกครั้ง


“อะไรอีก”


เขายิ้มเจ้าเล่ห์เพราะนึกอยากจะเอาคืนขึ้นมาบ้าง “ผมยังมีอีกเรื่องที่ต้องบอกให้คุณเข้าใจ” พูดจบเขาก็สาวเท้าเข้าใกล้คนที่ยืนทำหน้างงอยู่


อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้วก่อนจะค่อย ๆ ถอยห่าง “มีอะไรก็ยืนพูดอยู่ตรงนั้นนั่นแหละ”


“ผมกลัวคุณไม่ได้ยิน” ตฤณกรยิ้ม


“ถ้าคุณไม่กระซิบผมก็ต้องได้ยินอยู่แล้ว หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ” คนตัวเล็กกว่ากล่าวเมื่อรู้สึกได้ว่าแผ่นหลังของตัวเองกำลังสัมผัสกับกำแพง อาทิตย์ทัศน์เม้มปากแน่นขณะที่คนตัวสูงตรงหน้าขยับเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ


ตฤณกรหยุดเมื่อเข้ามาประจัญหน้ากันใกล้ ๆ เขายกมือข้ามไหล่คนตัวเล็กกว่าเพื่อยันกำแพงเอาไว้ “แต่ผมอยากกระซิบ”


อาทิตย์ทัศน์หันหน้าหนีปลายจมูกโด่งที่ตอนนี้อยู่ห่างใบหน้าของเขาไม่ถึงคืบก่อนจะกล่าว “แต่ผมไม่อยากฟัง”


“แต่ผมอยากบอก”


คำพูดของคนตัวสูงที่ยืนห่างกันเพียงแค่ปลายจมูกกั้นทำให้หัวคิ้วของคนตัวเล็กกว่าขมวดเข้าหากันอีกครั้ง “มีเรื่องอะไรก็ว่ามาเร็ว ๆ เข้า”


“ผมจะบอกคุณว่าถึงผมจะสติขาดผลึงจนได้แผล แต่วันนั้นที่ผมพูดกับคุณไปผมไม่ได้ขาดสตินะ ผมก็เลยอยากจะบอกกับคุณอีกครั้ง เผื่อว่าคุณเองนั่นแหละที่ยังไม่ได้สติ”


ตฤณกรยิ้มก่อนจะเลื่อนริมฝีปากเข้าไปใกล้ข้างหูของคนที่กำลังหันหน้าหนีเขา....






“ผมชอบคุณนะ”







ราวกับทุกอย่างหยุดนิ่งได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของกันและกัน....







“ถอย ถอยออกไปได้แล้ว” คำพูดตะกุกตะกักของคนตรงหน้าทำให้ตฤณกรรู้สึกพอใจไม่น้อย เขายิ้มก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนริมฝีปากออกจากข้างหนูของคนตัวเล็กกว่า แต่แทนที่อาทิตย์ทัศน์จะโล่งใจเขากลับหัวใจเต้นแรงอีกครั้งเมื่อรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ จากปลายจมูกโด่งที่ค่อย ๆ ลากไล้ไปตามพวงแก้มของตัวเอง


มือหนาของตฤณกรค่อย ๆ แตะลงที่ปลายคางของคนที่เอาแต่หันหน้าหนีก่อนจะจับเขาหันหน้ามาประสานสายตากัน “ให้ผมอยู่ในสายตาคุณบ้างไม่ได้เหรอ” ปากหยักได้รูปคลี่ยิ้มก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนเข้ามาใกล้ มันใกล้เสียจนในที่สุดอาทิตย์ทัศน์รู้สึกได้ถึงสัมผัสอุ่น ๆ ที่ปลายจมูกตัวเอง


ตฤณกรหัวเราะเบา ๆ ในลำคอหลังจากปลายจมูกของเขาสัมผัสเข้ากับปลายจมูกของคนที่กำลังเบิกตากว้างอยู่ตรงหน้า


“เขินเหรอครับอาจารย์” เขากล่าวก่อนจะค่อย ๆ ถอยห่างจากปลายจมูกของคนตรงหน้าเล็กน้อย 


“ไอ้บ้าเอ๊ย!” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นก่อนจะออกแรงผลักคนตรงหน้าให้ออกห่างตัวพร้อมกับง้างกำปั้น


“เฮ้ย ๆๆ คุณ ๆๆๆ ใจเย็น ๆ สิครับ นี่ถึงกับจะต่อยผมเลยเหรอ” ตฤณกรร้องพร้อมกับยกมือขึ้นห้าม


“คุณมันกวนประสาท” อาทิตย์ทัศน์กล่าวพร้อมกับลดมือลง


“ใจร้ายจริง ๆ” ตฤณกรยิ้ม “แต่ผมก็ชอบนะเวลาที่คุณเขินน่ะ”


“ยังจะมาพูดดี”


“คุณไม่ชอบให้ผมพูดดี ๆ เหรอ”


“คุณอยากจะพูดอะไร อยากจะทำอะไรก็แล้วแต่คุณเถอะ” คนหน้าตูมตอบส่ง ๆ


“คุณพูดเองนะ” รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนหน้าของตฤณกรอีกครั้ง “ถ้าอย่างนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปผมจะจีบคุณจริง ๆ แล้วนะ”


“พูดเพ้อเจ้ออะไรของคุณ คุณเป็นผู้ชาย ผมก็เป็นผู้ชายนะ”


“แล้วมันจะแปลกยังไง ก็คุณเป็นผู้ชายที่ผมชอบนี่” ตฤณกรยิ้ม....







...



“นึกว่าตังจะลืมบ้านป้าแล้วเสียอีก” อรนุชกล่าวขณะตักอาหารใส่จานให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ เธอ


ตฤณกรขอบคุณพร้อมกับยิ้มให้เธอ “ไม่ลืมหรอกครับคุณป้า”


“เห็นหายหน้าไปตั้งนาน ป้าก็คิดว่าจะลืมกันแล้วเสียอีก”


“พี่ตังเขาไม่ลืมหรอกค่ะน้านุช” จอมขวัญเอ่ยขึ้นก่อนจะหันไปหาอาทิตย์ทัศน์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม “จริงไหมคะพี่จ้า”


ชายหนุ่มเงยหน้ามองน้องสาวบ้านตรงข้ามก่อนจะสบตาคนที่นั่งเยื้องกัน


หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว อาทิตย์ทัศน์ก็เดินไปนั่งทำงานเงียบ ๆ ที่โต๊ะทำงาน ในขณที่ตฤณกรเองก็ตามไปนั่งอ่านหนังสืออยู่ใกล้ ๆ จอมขวัญมองดูพี่ชายทั้งสองของเธอด้วยความสงสัยก่อนจะเอ่ยขึ้น “สองคนนี้เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมไม่พูดไม่จากัน”


สองหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบตากันก่อนจะรีบปฏิเสธขึ้นพร้อมกันจนคนตั้งคำถามต้องอมยิ้ม


“แหม ตอบพร้อมกันเชียวนะคะ ว่าแต่วันนี้สองคนทำตัวแปลก ๆ นะ มีอะไรที่ยังไม่ได้บอกขวัญหรือเปล่า”


“ฮ้าวววววว!!!” ตฤณกรอ้าปากหาวก่อนจะลุกขึ้นกล่าวกับอาทิตย์ทัศน์ “ผมกลับก่อนดีกว่า” 


“เอ้อ งั้นพี่ไปอาบน้ำก่อนนะขวัญ” อาทิตย์ทัศน์ตัดบท



“พี่กลับก่อนนะขวัญ” พูดจบทั้งสองหนุ่มก็พากันสลายตัว


“อะไรกันเนี่ยสองคนนี้” จอมขวัญมองคนทั้งสองซ้ายทีขวาทีที่ต่างคนต่างกันเดินไปคนละทางพร้อมกับยกมือขึ้นเกาศีรษะ




...




อาทิตย์ทัศน์ยังคงนอนพลิกตัวไปมานึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเย็น คำพูดและใบหน้าระบายยิ้มนั้นยังคงทำให้เขาหัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่นึกถึง...






“คุณแน่ใจแล้วเหรอที่พูดออกมา”


“ผมแน่ใจที่สุด” ตฤณกรกล่าวอย่างหนักแน่น “ผมรู้ว่าคุณน่ะใจแข็ง แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ หรอก ก่อนหน้านี้ผมอาจจะดูเลือนลางหรือแทบจะไม่มีตัวตนในสายตาของคุณ ไม่รู้ว่าเหมือนกันว่าเป็นเพราะตัวผมเองที่เอาแต่ยืนอยู่ไกล ๆ หรือว่าคุณเองที่ไม่สนใจมองผมกันแน่”








“แต่ตั้งแต่วันนี้ไปผมจะทำทุกอย่าง ทำให้ตัวผมชัดเจนในสายตาคุณให้ได้”




หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 15 : สติขาดแต่ไม่ได้ขาดสติ)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 14-12-2013 17:26:38
ตังสู้ๆ....เชียร์สุดใจ  o13


ชอบประโยคนี้อ่ะ

 “ผมบอกคุณแล้วหรือยังว่าผมชอบคุณ” 

 :heaven
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 15 : สติขาดแต่ไม่ได้ขาดสติ)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 14-12-2013 18:03:30
นายแน่มากนายตัง แบบที่ขวัญบอกพยายามให้เต็มที่รุกคืบบบบ 555
ยังอยากจะตบหัวอินนท์อยู่ อยากจะให้มาเห็นฉากสวีท?ของจ้าจริง ๆ ให้มันเจ็บแต่ทำอะไรไม่ได้มันทรมานดี หมั่นไส้
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 15 : สติขาดแต่ไม่ได้ขาดสติ)
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 14-12-2013 18:14:28
เชียร์ตังค่าเอาจ้าให้อยู่หมัดเลยน่ะ^_^
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 15 : สติขาดแต่ไม่ได้ขาดสติ)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 14-12-2013 19:38:09
จ้าเตรียมตัวเตรียมใจไว้ เพราะตังจะจีบแล้วนะ
จ้าจะใจแข็งได้นานแค่ไหน กองเชียร์ตังเยอะนะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 15 : สติขาดแต่ไม่ได้ขาดสติ)
เริ่มหัวข้อโดย: anchoviiz ที่ 15-12-2013 02:51:46
 :ling1: :ling1:

สนุกมากเลยยยยยยยยยย
ตอนแรกนึกว่าจะดราม่าเรื่องรกัครั้งเก่านานกว่านี้
แต่ดีแล้ว ให้โอกาสคนใหม่เร็ว ๆ นะจ้า
คนอ่านอยากฟิน  :katai3:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 15 : สติขาดแต่ไม่ได้ขาดสติ)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 15-12-2013 06:30:01
แม่ของจ้าดีจังเลยอะ แต่ไม่คิดว่าจ้าจะ30แล้ว55555555555555
ตังสู้ๆๆ ขอให้ตังหายเร็วๆแล้วก็จีบจ้าติดนะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 15 : สติขาดแต่ไม่ได้ขาดสติ)
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 15-12-2013 13:46:11

ดูเหมือนทุกคนจะเชียร์ตังกันหมดเลยทั้งแม่---ทั้งจอมยุ่ง

ถ้ามีคู่แข่งมาท้าชิงคงจะสนุกดี

+ 1 + เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 15 : สติขาดแต่ไม่ได้ขาดสติ)
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 16-12-2013 04:39:46
กำลังน่ารักเชียว :really2:

เป็นกำลังใจให้นะครับ o18
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 15 : สติขาดแต่ไม่ได้ขาดสติ)
เริ่มหัวข้อโดย: loveyous ที่ 16-12-2013 07:32:49
ละมุนมากกก
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 15 : สติขาดแต่ไม่ได้ขาดสติ)
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 16-12-2013 19:19:32
เรื่องนี้ทำให้รู้สึกว่า 'พรหมลิขิต' มีจริง
ต้องขอบอกคนแต่งว่าประทับใจในเรื่องนี้ทุกฉากทุกตอนจริงๆ
รู้สึกมีความสุขที่ได้อ่าน
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 15 : สติขาดแต่ไม่ได้ขาดสติ)
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 16-12-2013 20:06:30
เเต่งดีมาก สนุกมาเลยค่ะ
อ่านไปเเค่สองสามตอนเเต่รู้สึกอบอุ่นวาบๆๆเลย 555 ติดตามอยู่นะคะ
เยี่ยมมากเลยค่ะ
หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 16 : คุ้น?)
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 17-12-2013 00:31:06
ตอนที่ 16 คุ้น?






“น้าจ้า!!!!!!” เสียงเจื้อยแจ้วที่ดังขึ้นทำให้บรรดานักศึกษาหนุ่มสาวที่กำลังช่วยกันตกแต่งซุ้มของคณะศิลปกรรมศาสตร์ต่างต้องหันมามองหาต้นเสียง ซึ่งภาพที่เห็นก็คือเด็กผู้หญิงวัย 4-5 ขวบ ในชุดกระโปรงสีขาวมีลายดอกไม้สีชมพูเล็ก ๆ ที่ปล่อยมือจากแม่ของเธอก่อนจะวิ่งเข้ามาหาชายหนุ่มร่างสูงซึ่งกำลังช่วยส่งคีมตัดลวดให้นักศึกษาที่นั่งอยู่บนบันไดอะลูมิเนียม


อาทิตย์ทัศน์หันไปตามเสียงก่อนที่ลักยิ้มเล็ก ๆ จะปรากฏที่ข้างแก้ม ชายหนุ่มค่อย ๆ ย่อตัวลงนั่งช้า ๆ พร้อมกับอ้าแขนเล็กน้อยเพื่อรอรับเด็กหญิงตัวน้อย ๆ ที่กำลังวิ่งเข้ามาหาแบบไม่กลัวสะดุดล้ม


“ไงคะ นางฟ้า” เขากล่าวขึ้นทันทีร่างของหนูน้อยปะทะกับแผงอก


“คิดถึงน้าจ้า”


“คิดถึงแล้วทำยังไงคะ” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับใช้ปลายนิ้วเขี่ยหางเปียข้างหนึ่งของเธอไปไว้ด้านหลัง


“ต้องหอม” เธอกล่าวขณะวาดแขนกอดคอเขาพร้อมกับกดจมูกเล็ก ๆ ลงบนแก้มเนียนของคนตรงหน้า


“ฟาง ลูกสวัสดีน้าจ้าหรือยัง” เสียงของผู้เป็นแม่ที่ท้วงขึ้นทำให้เด็กหญิงตัวน้อยรีบยกมือขึ้นประนมทันที


“วิ่งไม่กลัวล้มเลยลูกฉัน” หญิงสาวร่างสะโอดสะองบ่นเมื่อเดินมาถึง


อาทิตย์ค่อย ๆ อุ้มเด็กหญิงตัวน้อยลุกขึ้นก่อนจะทักทาย ‘ลัลลดา’ พี่รหัสสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของเขาเอง


“พี่ลัลมาทำอะไรแถวนี้ครับ” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะยิ้มให้เด็กหญิงตัวน้อยที่ยังคงกอดคอเขาแน่น


“พี่มาส่งตาฟานเรียนพิเศษที่โรงเรียนน่ะจ้ะ ระหว่างรอก็เลยว่าจะพายัยฟางมาหาอะไรทาน พอดีแกเห็นจ้าเข้าเสียก่อนก็เลยวิ่งหน้าเริ่ดมานี่”


“แล้วคุณพ่อน้องฟางไปไหนคะ”


“จอดรถค่ะ” เด็กหญิงตัวน้อยตอบ


“ไปหาที่จอดรถน่ะจ้ะ” ลัลลดาเสริมในขณะที่อาทิตย์ทัศน์พยักหน้า


“แล้วนี่ทำอะไรกันน่ะจ้า”


“งานออกร้านไงพี่”


“อ๋อ จะมีงานออกร้านอีกแล้วเหรอ ปีหนึ่ง ๆ นี่มันเร็วจังเลยนะ”


“นั่นสิครับ อาทิตย์ทัศน์ตอบยิ้ม ๆ” ก่อนจะหันมาถามเด็กหญิงตัวน้อย “น้องฟางทานโดนัทไหมคะ น้าจ้ามีโดนัทเยอะแยะเลยนะ” พูดจบเขาก็พาเด็กหญิงเดินไปที่โต๊ะหินอ่อนที่มีกล่องพลาสติกใบใหญ่ที่ข้างในใส่โดนัทขนาดพอดีคำอยู่ ชายหนุ่มค่อย ๆ วางหนูน้อยลงจากนั้นจึงเปิดฝากล่องออก


“เยอะแยะเลย” เด็กหญิงตัวน้อยกล่าวด้วยรอยยิ้ม


“อ่ะนี่ค่ะ น้าจ้าให้” พูดจบเขาก็ยื่นโดนัทชิ้นหนึ่งให้หนูน้อย เธอรับมันมาไว้ในมือก่อนจะกัดเบา ๆ


“อร่อยไหมคะ”


เด็หญิงตัวน้อยพยักหน้ายิ้ม ๆ พร้อมกับเคี้ยวตุ้ย ๆ


“ทำมาขายเหรอจ้า” ลัลลดาถาม


“เปล่าหรอกพี่ ผมทำมาให้เด็ก ๆ ทานน่ะครับ เห็นเมื่อวันก่อนอยู่กันถึงมืดค่ำวันนี้เลยเตรียมเสบียงมาด้วย” อาทิตย์ทัศน์กล่าวพร้อมกับคีบโดนัทใส่ถุงกระดาษ


“ปีนี้จัดใหญ่น่าดูเลยนะ พี่เห็นกินพื้นที่ไปถึงคณะสัตวแพทย์โน่น”


“ครับ ปีนี้นอกจากทุกคณะจะมีซุ้มของตัวเองแล้ว มหาวิทยาลัยยังให้คนข้างนอกเข้ามาเช่าพื้นที่ขายของได้ด้วย ปีนี้นอกจากของที่นักศึกษาทำขายก็เลยมีอย่างอื่นอีกทั้งพวกเสื้อผ้า ของใช้แล้วก็ต้นไม้”


“อืม...แบบนี้ต้องหาโอกาสมาเดินบ้างแล้วละ งานมีสัปดาห์หน้าใช่ไหม” ลัลลดากล่าวพร้อมกับรับถุงใส่โดนัทจากน้องรหัสของเธอ อาทิตย์ทัศน์พยักหน้าก่อนจะอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยขึ้นมาอีกครั้งเป็นจังหวะเดียวกับที่ร่างสูงของใครคนหนึ่งปรากฏขึ้น หมวกแก๊ปที่สวมอยู่ทำให้เขาดูแปลกตาไปแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้อาทิตย์ทัศน์จำไม่ได้


“คุณมาได้ยังไง”


“ก็คุณไม่ยอมรับโทรศัพท์ ผมก็เลยไปหาคุณที่บ้าน คุณแม่คุณบอกว่าวันนี้คุณมาทำงานที่มหาวิทยาลัย ผมก็เลยตามมา” ตฤณกรกล่าวก่อนจะมองหญิงสาวร่างบางเฉียบที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ แว้บหนึ่ง


“สงสัยผมจะลืมไว้ในรถ”


ลัลลดานิ่งไปชั่วขณะก่อนจะหันไปสบตาน้องรหัสของเธอเป็นเชิงถามว่าเขาคนนี้คือใคร เมื่อเห็นดังนั้นอาทิตย์ทัศน์จึงจำเป็นต้องแนะนำให้ทั้งคู่ได้รู้จักกัน


“พี่ลัลนี่..เอ่อ..ตังครับ เพื่อนผมเอง” ชายหนุ่มกล่าวก่อนจะหันไปหาตฤณกร “นี่พี่ลัล พี่รหัสของผมสมัยเรียน”


ตฤณกรยิ้มพร้อมกับยกมือไหว้หญิงสาว ในขณะที่เธอเองก็ยกมือขึ้นรับไหว้เขาเช่นกัน


“แล้วคนนี้ล่ะคะ ชื่ออะไร” อาทิตย์ทัศน์หันมาถามหนูน้อยที่เขากำลังอุ้มอยู่


“ฟางค่ะ” เธอยิ้มน่ารัก มันคงเป็นรอยยิ้มที่หวานที่สุดเพราะที่ริมฝีปากเล็ก ๆ นั้นเต็มไปด้วยเกล็ดน้ำตาลจากโดนัทที่ถืออยู่ในมือ


“น้องฟางสวัสดีน้าตังหรือคะ” สิ้นเสียงอาทิตย์ทัศน์ เด็กหญิงตัวน้อยก็ยกมือไหว้คุณน้าที่เพิ่งได้พบกันอย่างไม่รีรอ


“สวัสดีครับคนสวย” ตฤณกรกล่าวพร้อมกับเอื้อมมือจับที่แก้มยุ้ย ๆ ของหนูน้อย


“อืม...เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าคะ” ลัลลดาเอ่ยขึ้น “พี่รู้สึกคุ้นหน้าน้องคนนี้จัง”


ยังไม่ทันที่ตฤณกรจะได้ตอบคำถามนั้น เสียงของเด็กหญิงตัวน้อยก็ดังขึ้นขัดจังหวะ


“คุณพ่อ” เสียงใส ๆ ร้องเรียกพ่อของเธอ


อาทิตย์ทัศน์มองชายหนุ่มผมยาวที่กำลังเดินเข้ามาก่อนจะนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้วระหว่างพี่รหัสของเขากับหนุ่มมาดศิลปินที่ไปพบรักกันที่ถนนคนเดินจังหวัดเชียงใหม่จนกลายเป็นตำนานรักที่น้อง ๆ ในสายรหัสต่างก็เล่ากันสืบต่อมา....


“สวัสดีครับพี่ก้อง” อาทิตย์ทัศน์กล่าวทักทายคนที่มาใหม่


“เออ สวัสดี ๆ ไม่เจอกันนานเลย ไปอยู่เมืองนอกเมืองนามาหล่อขึ้นนะเนี่ยจ้า”


“หล่อสู้พี่ก้องไม่ได้หรอกครับ” ชายหนุ่มหัวเราะ


“สวัสดีครับพี่ก้อง” ตฤณกรเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกมือไหว ทำเอาอีกสองคนที่เหลือรู้สึกแปลกใจไม่น้อย


“เอ้า! ไอ้ตัง ไปไงมาไง ทำไมวันนี้ข้ามถิ่นมาถึงนี่ได้ล่ะ” ชายหนุ่มผมยาวกล่าวอย่างสนิทสนม


“ก็ทีพี่ยังข้ามมาสร้างตำนานรักดอกเหมยถึงนี่ได้เลย แล้วทำไมผมจะมาบ้างไม่ได้ล่ะครับ” คนตัวสูงยักคิ้ว


“บ๊ะไอ้นี่! กวนเบื้องล่างไม่เคยเปลี่ยน”


“นี่รู้จักกันเหรอคะ” ลัลลดาถามขึ้นด้วยความสงสัย


“ก็ไอ้ตังนี่มันเป็นน้องที่คณะผมไงคุณ เด็กเชียงใหม่เหมือนกัน งานแต่งงานเรามันยังไปเลยนะ แต่ตอนนั้นมันยังไว้ผมยาวรุงรังอยู่เลย เพิ่งจะมาเป็นผู้เป็นคนได้ไม่กี่ปีนี่แหละ”

“อ้าว..พี่” ตฤณกรขมวดคิ้วเขิน ๆ


เมื่อทุกอย่างถูกเฉลย คิ้วโก่งของหญิงสาวที่ขมวดเข้าหากันเมื่อสักครู่ก็เริ่มคลายออก “ถึงว่าทำไมลัลคุ้นหน้าน้องเขาจัง”


“เออ แล้วนี่แกเป็นเพื่อนจ้าเหรอ” ก้องเกียรติถาม


“ครับ” ตฤณกรตอบยิ้ม ๆ ก่อนจะสบตาคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ


“จ้าส่งยัยฟางให้พ่อแกเถอะ อุ้มมาตั้งนานแล้วหนักแย่” ลัลลดากล่าว


“ตัวหนักขึ้นตั้งเยอะ อีกหน่อยน้าจ้าอุ้มไม่ไหวแล้วนะคะ” กล่าวจบอาทิตย์ทัศน์จึงส่งหนูน้อยคืนให้พ่อของเธอ จากนั้นทั้งหมดก็ยืนคุยกันต่อได้สักพักใหญ่ ๆ


“ถ้าอย่างนั้นพี่ไปก่อนนะ แล้วไว้เจอกันจ้ะ” ลัลลดายิ้มให้ ก่อนที่ทั้งสามคน พ่อ แม่ ลูก จะเดินจูงมือกันไป...







“คุณไปงานแต่งงานพี่ลัลกับพี่ก้องด้วยเหรอ” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นขณะมองดูชายหนุ่มที่กำลังช่วยนักศึกษาของเขาเขียนป้ายติดภายในซุ้ม


“ครับ” คนตัวสูงตอบทั้งที่ยังก้มหน้ามองปลายพู่กันที่เขาบรรจงลากไปบนแผ่นไม้ขนาดใหญ่

“ทำไมผมไม่รู้สึกคุ้นหน้าคุณเลย”


ตฤณกรยิ้มพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่กำลังนั่งขัดสมาธิผสมสีอยู่ใกล้ ๆ “ก็ผมบอกคุณแล้วไง ว่าคุณอาจจะไม่ได้ใส่ใจมองผม หรืออาจเป็นเพราะผมอยู่ห่างคุณเกินไป”


“อืม” อาทิตย์ทัศน์พยักหน้าส่ง ๆ ก่อนจะยื่นขวดน้ำพลาสติกตัดครึ่งที่ใช้สำหรับผสมสีให้เขา


“ขอบคุณครับ”


“แล้วคุณล่ะ รู้สึกคุ้นหน้าผมบ้างหรือเปล่าตั้งแต่ที่เจอครั้งแรก”


“อืม...ก็รู้สึกเหมือนเคยได้เจอกันมาก่อนเมื่อนานมาแล้ว” ตฤณกรตอบเรียบ ๆ


อาทิตย์ทัศน์พยักหน้าพร้อมกับพยายามนึกทบทวนถึงงานแต่งงานของลัลลดาเมื่อ 7 ปีก่อน แม้จะรู้ว่าตฤณกรเคยไปงานเดียวกันแต่ก็น่าแปลกที่เขาไม่รู้สึกคุ้นหน้าผู้ชายคนนี้เอาเสียเลย เสียงตะโกนโหวกเหวกจากท้ายรถกระบะทำห้าอาทิตย์ทัศน์ต้องหยุดความคิดไว้แค่นั้น เขาลุกขึ้นก่อนจะเดินไปดูบรรดานักศึกษาที่กำลังช่วยกันขนหญ้าลงจากท้ายรถเพื่อนำมาบูที่พื้นและติดตั้งฉากไม้ที่จำลองบรรยากาศร้านกาแฟซึ่งอยู่ภายในบริเวณซุ้มของคณะ


“มา ผมช่วย” อาทิตย์ทัศน์นั่งลงช่วยสาวน้อยที่กำลังเก้ ๆ กัง ๆ กับการจับค้อนตอกตะปูเพื่อประกอบรั้วไม้เตี้ย ๆ อยู่กับพื้น


“ขอบคุณค่ะอาจารย์” เธอกล่าวยิ้ม ๆ ก่อนจะส่งค้อนให้อาจารย์ของเธอ









“น่ารักเนอะ” สองสาวที่กำลังนั่งตัดกระดาษแอบซุบซิบกัน ทำให้ตฤณกรซึ่งนั่งอยู่ใกล้ ๆ ต้องหันไปตามสายตาของพวกเธอซึ่งเป็นนักศึกษาของภาควิชาทัศน์ศิลป์


“นั่นสิแก ทำไมภาคเราไม่มีอาจารย์หล่อ ๆ น่ารัก ๆ แบบอาจารย์อาทิตย์ทัศน์บ้างนะ”


“อะแฮ่ม ภาคถ่ายภาพไม่ได้มีแค่อาจารย์น่ารักนะครับ นักศึกษาหล่อ ๆ ก็เยอะ” คนที่เพิ่งเดินมาถึงเอ่ยขึ้น


“ใคร” สาวน้อยนางหนึ่งเอ่ยขึ้น


“ก็ยืนอยู่นี่ไงครับคนหนึ่ง”


“ฉันหมายถึงว่า ใครขอความคิดเห็นจากแก”


“ใช่ แกน่ะเงียบปากไปเลยไอ้ภูมิ” อีกคนเสริม


“แหม...เรียกเสียให้เกียรติ คนอุตส่าห์ไปซื้อน้ำมาให้ งั้นก็ไม่ต้องกงต้องกินมันแล้ว”


“ไอ้ภูมิบ้า!!!!” สาวน้อยทั้งสองร้องขึ้นพร้อมกัน


“ล้อเล่นหรอกน่า” หนุ่มน้อยกล่าวก่อนจะส่งขวดน้ำให้หญิงสาว


“ขอบใจย่ะ” คนหนึ่งกล่าวก่อนจะรับขวดน้ำมา “ปากไม่ดีแต่มีน้ำใจแบบนี้พอให้อภัย”


“นี่ไม่ได้หรอกด่าผมใช่ไหมครับ” ภาคภูมิส่ายหน้าก่อนจะย่อตัวนั่งลงใกล้ ๆ ตฤณกร “ดื่มน้ำก่อนครับพี่ตัง”


“ขอบใจนะ” ชายหนุ่มรับขวดน้ำจากนักศึกษาฝึกงานในความดูแลของเขามาก่อนจะเปิดดื่ม


“ถามจริงเหอะพี่” ภาคภูมิกระซิบก่อนจะเหลือบมองอาจารย์ของเขา “พี่น่ะคิดจะจีบอาจารย์ผมอยู่หรือเปล่าเนี่ย”


คำถามนั้นทำเอาคนที่กำลังดื่มน้ำอยู่ถึงกับสำลัก เสียงไอค่อกแค่กทำให้คนที่กำลังนั่งตอกตะปูอยู่ไกล ๆ ต้องเงยหน้าขึ้นมามอง


“แล้วนายคิดว่ายังไงล่ะ” ตฤณกรถามพร้อมกับใช้หลังมือซับน้ำที่เปียกจมูก


“ผมไม่แปลกใจหรอกถ้าพี่คิดจะคิดแบบนั้น เพราะใคร ๆ ในคณะเขาก็กรี๊ดอาจารย์จ้ากันทั้งนั้น”


“อืม”


“แต่ผมว่าพี่ควรจะรู้จักคู่แข่งของตัวเองไว้บ้าง”


“คู่แข่ง” ตฤณกรทวนคำด้วยความแปลกใจ


“ใช่”


“ใครเหรอ”


“อาจารย์ดนุพงษ์ ถ้าอาทิตย์หน้าพี่มาพี่น่าจะได้เจอ เขาเป็นรุ่นน้องอาจารย์จ้า แล้วก็เป็นคู่จิ้นกัน”


“คู่จิ้น?” ตฤณกรขมวดคิ้ว


“ครับ เป็นคนที่พวกสาว ๆ เขาแอบเชียร์กัน แต่อาจารย์จ้าน่ะไม่รู้ตัวหรอก ผมเองก็รู้มาจากเพื่อนที่เรียนคณะอาจารย์ดนุพงษ์อีกที” หนุ่มน้อยกล่าวก่อนจะรีบลุกขึ้นเมื่อเพื่อน ๆ ของเขาเรียกหาน้ำดื่มในขณะที่ตฤณกรได้แต่มองตามด้วยความรู้สึกหวั่น ๆ ในใจ...







การเตรียมงานออกร้านของคณะต่าง ๆ ดำเนินไปจนกระทั่งบ่ายคล้อย ซุ้มของแต่ละคณะเริ่มเป็นรูปเป็นร่างด้วยความร่วมมือกันของทั้งอาจารย์และนักศึกษา วันนี้ที่ซุ้มของคณะศิลปกรรมศาสตร์บรรดานักศึกษาที่มาช่วยกันตกแต่งซุ้มต่างก็ได้รับแจกโดนัทฝีมือของอาจารย์อาทิตย์ทัศน์เป็นอาหารว่าง


“หูยยยยยย อร่อยสุด ๆ เลยครับอาจารย์” หนุ่มร่างท้วมที่กำลังเคี้ยวโดนัทตุ้ย ๆ เอ่ยขึ้น


“จริงด้วยค่ะ หนูว่าอาจารย์ทำมาขายที่ซุ้มคณะเราดีกว่า”


“เฮ่ย! ผมว่าผิดคอนเส็ปต์หรือเปล่า ขายโดนัทในร้านกาแฟเนี่ย” อาทิตย์ทัศน์ท้วง


“ไม่เห็นเป็นไรเลยค่ะอาจารย์ ซุ้มเราไม่ได้ขายกาแฟอย่างเดียว ขายน้ำอย่างอื่นอีกตั้งเยอะ นะคะอาจารย์ ทำมาขายเถอะนะคะ เดี๋ยวพวกหนูช่วยกันคิดชื่อร้านใหม่ก็ได้”


“อืม...” ชายหนุ่มนิ่งคิดอย่างตัดสินใจ


“คิดอะไรนานจังครับอาจารย์ เด็ก ๆ อุตส่าห์เชียร์ขนาดนี้แล้ว” ตฤณกรเอ่ยขึ้นขณะเดินเข้ามาร่วมวง


เมื่ออาทิตย์ทัศน์สบตาแป๋ว ๆ ของบรรดานักศึกษา เขาก็ต้องพยักหน้าตกลงอย่างจำยอม....




แม้จะเป็นเวลาบ่ายคล้อยแต่แดดก็ยังคงแรงจนนักศึกษาในหลาย ๆ ซุ้มต้องหยุดพัก ซุ้มของคณะศิลปกรรมศาสตร์โชคดีที่แวดล้อมไปด้วยต้นหูกวางต้นใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านปกคลุมไปทั่วบริเวณ ดังนั้นบรรดานักศึกษาจึงยังสามารถทำงานต่อได้ภายใต้ร่มเงาของไม้ใหญ่


“เฮ้ย! ลืมว่ะ” ชายหนุ่มที่กำลังทาสีโครงไม้อยู่บนบันไดอะลูมิเนียมเอ่ยขึ้น


“ลืมอะไรแก” สาวน้อยที่ยืนจับบันไดให้ถาม


“ลืมว่าสั่งสกรีนผ้ากันเปื้อนไว้ ที่ร้านเขานัดให้ไปเอาวันนี้เพราะเดี๋ยวเขาจะปิดร้านไปต่างจังหวัดหลายวัน”


“ร้านไหนล่ะ เดี๋ยวผมไปเอาให้ก็ได้ ผมต้องแวะไปดูเอกสารของภาควิชาที่เอาไปเข้าเล่มไว้พอดี” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้น


“ในซอยปราบเซียนครับอาจารย์”


อาจารย์หนุ่มพยักหน้า เขารู้จักซอยนี้ดี มันเป็นซอยแคบ ๆ ถึงแคบที่สุด แคบจนรถยนต์ไม่สามารถจะเข้าไปได้ ดังนั้นทุกคนจึงพากันเรียกซอยนี้ว่า ‘ซอยปราบเซียน’ แต่ซอยนี้กลับเป็นซอยที่รวมร้านต่าง ๆ ซึ่งทำงานศิลปะสนองตอบกิจกรรมต่าง ๆ ภายในมหาวิทยาลัย มีทั้งร้านรับทำป้ายไฟ คัตเอาท์ ร้านสกรีน เปิดมาตั้งแต่สมัยที่เขายังเรียน อาทิตย์ทัศน์ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำร้านพวกนี้จึงยังอยู่ได้ทั้งที่การขนส่งค่อนข้างลำบาก


“นี่ร้านพวกนั้นมันยังรวมกันอยู่ในซอยนี้อีกเหรอ รถก็เข้าลำบาก” อาทิตย์ทัศน์บ่น


“ครับอาจารย์ มีแต่ร้านที่ฝีมือดี ๆ ใคร ๆ ก็เลยยังใช้บริการอยู่ อาจารย์รู้จักเหรอครับ”


“อืม...มันมีมาตั้งแต่สมัยผมเรียนน่ะ แล้วนี่เขาให้หลักฐานอะไรมาไหม เดี๋ยวผมไปเอาให้”


“มีครับ” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนบันไดกล่าวก่อนจะหยิบกระดาษใบเล็ก ๆ ในกระเป๋าเสื้อส่งให้ผู้เป็นอาจารย์


“แล้วอาจารย์จะไปยังไงครับ เดินไกลแย่”


“ตอนแรกว่าจะเอารถไป แต่ถ้าเป็นซอยนั้นคงต้องไปด้วยวิธีการอื่น” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะมองไปรอบ ๆ พลันสายตาก็สะดุดเข้ากับจักรยานคันหนึ่งที่วางพึงอยู่โคนต้นหูกวาง “นั่นจักรยานใคร ผมขอยืมก่อนได้ไหม”


“ของพี่ภูมิค่ะ อาจารย์เอาไปเถอะค่ะ ของพี่ภูมิก็เหมือนของสาธารณะนั่นแหละ”


อาทิตย์ทัศน์หัวเราะเบา ๆ ในลำคอก่อนจะเดินไปที่จักรยาน จากนั้นเขาจึงขึ้นไปนั่งก่อนจะค่อย ๆ ปั่นมันออกมาจากบริเวณซุ้ม





“จ้า..”


เสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ชายหนุ่มบนอานจักรยานต้องชะงัก เป็นอีกครั้งที่โดนเรียกชื่อแบบนี้ และเป็นอีกครั้งที่อยู่ ๆ ใจก็เต้นแรงแบบไร้สาเหตุ เขาหยุดก่อนจะเงยหน้ามองตามคนที่กำลังเดินเข้ามายืนข้าง ๆ


ตฤณกรเอื้อมมือถอดหมวกแก๊ปบนศีรษะตัวเองวางบนศีรษะของชายหนุ่มก่อนจะแกล้งดึงปีกหมวกจนคนตรงหน้าต้องโน้มตัวลงมาตามแรง


“สวมไว้ แดดร้อน เดี๋ยวไม่สบาย” เขายิ้มบาง ๆ ก่อนจะเดินผ่านไปในขณะที่อาทิตย์ทัศน์ได้แต่มองแผ่นหลังกว้างที่กำลังเดินห่างออกไป หัวคิ้วหนาค่อย ๆ เคลื่อนเข้าหากัน มีบางอย่างที่ให้รู้สึกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่มันเป็นเหตุการณ์ที่เหมือนกับเคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้วครั้งหนึ่งแต่ก็นึกไม่ออกว่าที่ไหน ชายหนุ่มจับปีกหมวกถอดออกก่อนจะใช้นิ้วเรียวเสยผมที่ลงมาปิดหน้าขึ้นก่อนจะสวมหมวกให้เข้าที่อีกครั้งก่อนจะปั่นจักรยานออกไป เขาค่อย ๆ ชะลอจักรยานข้าง ๆ คนตัวสูงก่อนจะพูดเบา ๆ แต่คนอยู่ใกล้ ๆ สามารถได้ยินมันได้อย่างชัดเจน...


“ขอบคุณนะ”





อาทิตย์ทัศน์หายไปพักใหญ่ ๆ ก่อนจะกลับมาอีกครั้งพร้อมถุงพลาสติกใบใหญ่ที่ท้ายรถ บรรดานักศึกษาที่กำลังนั่งพักเหนื่อยกันอยู่ต่างกรูกันเข้ามาดูผลงานที่ส่งไปสกรีนเมื่อวันก่อน ไม่ช้าผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลก็ถูกคลี่ออกมา หลายคนต่างก็เอ่ยปากชมเมื่อเห็นลายสกรีนภาพถ้วยกาแฟสีชมพูดูน่ารักที่ตรงกลางกระเป๋าหน้าท้อง...
 


หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 16 : คุ้น?)
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 17-12-2013 00:31:56
ก่อนที่ดวงอาทิตย์จะหมดแสง การเตรียมงานยังคงดำเนินไปโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่าย ๆ เสียงเพลงจากโทรศัพท์มือถือที่ถูกเปิดเพื่อเพิ่มความบันเทิงให้กับเพื่อน ๆ ที่กำลังช่วยกันทำงานยังคงดังอยู่อย่างนั้นตั้งแต่บ่าย แม้ว่าจะมีนักศึกษาหลายคนทยอยกลับไปบ้างแล้ว แต่ก็มีอีกหลายคนที่ยังคงช่วยกันทำงานอย่างขะมักเขม้นเพื่อให้ทันเปิดงานในวันจันทร์ เกือบสองทุ่มครึ่งทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย บรรดานักศึกษาที่เหลืออยู่ไม่กี่คนต่างก็เริ่มทยอยกันกลับ


“พรุ่งนี้คุณต้องมากอีกหรือเปล่า” ตฤณกรเอ่ยขึ้นขณะมองดูคนสวมหมวกแก๊ปที่กำลังติดโปสการ์ดใบสุดท้ายกับราวลวดที่ขึงเป็นแนวไว้ที่หน้าเคาน์เตอร์ขายเครื่องดื่ม


“ไม่แล้ว พรุ่งนี้ผมคงต้องเตรียมแป้งสำหรับทำโดนัท ทางนี้คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเด็ก ๆ”


“ถ้าอย่างนั้นผมไปช่วยคุณที่บ้านนะ”


 อาทิตย์ทัศน์ยืนขึ้นเต็มความสูงก่อนจะหันกลับมาทำหน้าเซ็ง “ผมเคยห้ามคุณได้ด้วยเหรอ ถึงไม่ให้ไปคุณก็ไปอยู่ดี”


คำพูดประชดประชันเล็ก ๆ ของคนตรงหน้าทำให้ตฤณกรต้องอมยิ้ม “อาจารย์นี่ช่างเหน็บจังเลยนะครับ”


อาทิตย์ทัศน์เลือกที่จะไม่ต่อปากต่อคำ เขาเดินไปหยิบป้ายแผ่นสุดท้ายที่ถูกทิ้งเอาไว้เพื่อรอสีแห้งซึ่งเป็นที่บรรดานักศึกษาช่วยกันคิดคำและเพิ่งทำเสร็จเมื่อช่วงหัวค่ำก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน ชายหนุ่มเดินถือป้ายนั้นเพื่อนำมาแขวนที่หน้าร้านซึ่งจำลองบรรยากาศร้านกาแฟเมืองปาย ตฤณกรมองร่างที่อาบด้วยแสงสลัวจากไฟทางเดิน ชายหนุ่มที่สูงเลยไหล่เขาขึ้นมานิดหน่อยกำลังเขย่งปลายเท้าเอื้อมแขวนป้ายกับตะปูแต่มันอยู่สูงจนสุดมือเอื้อม ตฤณกรจึงตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้ ๆ


“ผมทำให้” เขากล่าวก่อนที่มือหนาจะเอื้อมหยิบเชือกจากมือของคนตัวเล็กกว่าคล้องกับตะปู วินาทีนั้นอาทิตย์ทัศน์รู้สึกได้ถึงหน้าอกอุ่นที่แนบชิดกับแผ่นหลังของตัวเอง คนตัวเล็กกว่าขยับหนีเล็กน้อยและเขาก็ทำได้เพียงแค่นั้น รอยยิ้มเล็ก ๆ ของตฤณกรปรากฏขึ้นบนใบหน้าทันทีที่กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่คุ้นเคยสัมผัสเข้ากับปลายจมูก ถึงจะมองเห็นไม่ชัดนักแต่คนตัวสูงก็ยังอดไม่ได้ที่จะลอบมองแก้มเนียนก่อนที่จะค่อย ๆ ถอยออกมา



‘ปังนม&ขนมรู’


อาทิตย์ทัศน์เงยหน้ามองดูป้ายร้านที่ถูกแขวนเรียบร้อยก่อนจะหันมองไปรอบ ๆ ได้ยินเสียงประกาศเตือนเมื่อใกล้ถึงเวลาปิดประตูของมหาวิทยาลัย ไฟตามตึกต่าง ๆ เริ่มดับลงเมื่อจวนได้เวลาตึกปิดเหลือแต่เพียงไฟทางเดิน นักศึกษาที่ยังเหลืออยู่ประปรายในหลาย ๆ ยังคงซุ้มอาศัยแสงจันทร์และแสงจากสปอร์ตไลท์ในการทำงานต่อ


“ไปล้างมือแล้วกลับเถอะ” พูดจบอาทิตย์ทัศนก็เดินนำตฤณกรไปที่ก๊อกน้ำพร้อมกับเปิดน้ำล้างมือให้ชายหนุ่มที่เนื้อตัวเปื้อนสี


แสงนวลของไฟทางเดินทำให้เห็นหน้าคมที่เปื้อนสีได้ชัดขึ้น อาทิตย์ทัศน์จึงล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะยื่นให้คนที่ตรงหน้าในขณะที่ตฤณกรนั้นก็มองเขาอย่างแปลกใจ


“แก้มคุณเลอะ”


“ไม่เอาหรอกเดี๋ยวผ้าเช็ดหน้าคุณเปื้อนหมด เอามือเช็ดก็ได้” พูดจบตฤณกรก็ถอดแว่นออกเสียบไว้กับกระเป๋าเสื้อก่อนจะใช้มือที่เปียกน้ำถูที่ข้างแก้มของตัวเอง


“เป็นไงบ้างออกหรือยัง”


“ยังไม่หมดเลย” อาทิตย์ทัศน์กล่าว


“ยังไม่หมดอีกเหรอ” คนตัวสูงยกมือขึ้นถูกข้างแก้มอีกครั้ง แต่แทนที่สีจากหลุดออกมันกลับระลายน้ำและเลอะเทอะยิ่กว่าเก่า


“หมดหรือยังคุณ”


“จะทำให้มันยุ่งยากทำไม” อาทิตย์ทัศน์ถอนหายใจเบา ๆ ในความดื้อของคนตรงหน้าก่อนจะใช้ผ้าเช็ดหน้าจุ่มน้ำแล้วเอื้อมมือเช็ดคราบสีที่ข้างแก้มของเขา


ตฤณกรก้มมองดวงตาคู่นั้นของคนที่ตัวเล็กกว่า มองอยู่อย่างนั้น จนกระทั่ง....


“หมดแล้ว” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้น ทำท่าจะเก็บผ้าเช็ดหน้าใส่กระเป๋า แต่มือหนากลับคว้าข้อมือของเขาเอาไว้ คนตัวเล็กกว่าสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าสบตาคนตัวสูงที่ยังคงมองมาที่เขา


“มันเลอะหมดแล้ว เดี๋ยวเอาไปซักให้นะ” พูดจบตฤณกรก็ใช้อีกมือที่ว่างอยู่ดึงผ้าเช็ดหน้าออกจากมือเรียวก่อนจะค่อย ๆ คลายมือออก....








“คุณหิวหรือเปล่า” อาทิตย์ทัศนถามขึ้นขณะที่ทั้งคู่เดินกลับมาที่ซุ้ม


“ยังไม่มาก” ตฤณกรตอบยิ้ม ๆ


“ก็แปลว่าหิวแล้ว” คนตัวเล็กกว่ากล่าวก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายและกล่องพลาสติกที่เคยเต็มไปด้วยโดนัทซึ่งขณะนี้เหลือเพียงกล่องเปล่า จากนั้นเขาก็หยิบถุงกระดาษเล็กๆออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้ตฤณกร


“รองท้องไปก่อนแล้วกัน”


คนตัวสูงยิ้มก่อนจะรับถุงกระดาษใบนั้นมา ข้างในมีโดนัท 4-5 ชิ้นที่อาทิตย์ทัศน์แบ่งเก็บไว้ตั้งแต่เมื่อตอนกลางวัน


“ขอบคุณครับ” ตฤณกรกล่าว “ถ้าอย่างนั้นผมกลับก่อนนะ”


“คุณจะกลับยังไง”


“รถไฟฟ้าไงคุณ นี่เพิ่งจะสามทุ่มเอง รถไฟฟ้ายังไม่หมดหรอก”


“ผมเอารถมา เดี๋ยวผมไปส่งคุณที่คอนโดก็ได้” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะเดินนำไปที่รถ


“นึกว่าจะใจร้ายเสียอีก” คนตัวสูงกว่าพึมพำ


ระหว่างเดินไปตามทางเดินระหว่างตึก ตฤณกรก็เปิดถุงกระดาษหยิบโดนัทออกมาก่อนจะส่งมันเข้าปาก


“เอาไหม” เขายื่นโดนัทอีกชิ้นให้คนที่เดินข้าง ๆ กัน แต่อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้าปฏิเสธ


“คุณรู้ตำนานของโดนัทไหม” คนตัวสูงเอ่ยขึ้น


“มีด้วยเหรอตำนานโดนัทน่ะ”


“มีสิคุณ ของทุกอย่างล้วนมีตำนานกันทั้งนั้น อยากรู้ไหมผมจะเล่าให้ฟัง”


“ไม่” คำตอบสั้น ๆ ห้วน ๆ ของคนตัวเล็กกว่าทำให้ตฤณกรต้องขมวดคิ้ว


“อะไรกัน ตอบไม่มีเยื่อใยเลย”


อาทิตย์ทัศน์ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะกล่าว “จะเล่าก็เล่ามา มัวแต่ลีลาอยู่ได้”


ตฤณกรยิ้มก่อนจะชูขนมมีรูตรงกลางขึ้น “เรื่องมันหกสิบปีมาแล้ว เจ้าน้อยสุขเกษมอายุได้สิบห้าปี เจ้าป้อก็ส่งไปเฮียนหนังสือ ที่เมืองมะละแหม่งปู้น!!!!!!”


“เอาดี ๆ”


“โห...ล้อเล่นแค่นี้ต้องทำเสียงดุด้วยเหรอครับอาจารย์ คุณนี่เหมาะจะเป็นคุณครูจริง ๆ” คนตัวสูงพูดกลั้วหัวเราะ


“จะเล่าไหม”


“เล่าครับเล่า” ตฤณกรยิ้มก่อนจะเริ่มเล่า “คืออย่างนี้ เรื่องของตำนานโดนัทน่ะมันเริ่มจากผู้ชายคนหนึ่งซึ่งมีอาชีพเป็นพ่อครัว เขาเป็นพ่อครัวที่เก่งมาก ๆ เลยนะคุณ ทำได้ทั้งอาหารคาว ขนมแล้วก็เครื่องดื่ม”


“แล้วเขาก็ไปพบรักกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเป็นลูกสาวของเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในเมือง แต่แล้วความรักของพวกเขาทั้งสองคนก็ไม่ได้สมหวังนั่นเพราะฐานะที่แตกต่างกันจนเกินไป”


“อืม..” อาทิตย์ทัศน์พยักหน้า “แล้วสุดท้ายเป็นยังไง”


“ลูกสาวเศรษฐีถูกพ่อของเธอบังคับให้แต่งงานกับลูกพ่อค้าต่างแดนซึ่งเธอไม่ได้เต็มใจเลย”


“แล้วพ่อครัวล่ะ”


“พ่อครัวคนนั้นเดินทางออกจากเมืองไปในคืนที่คนรักของเขาแต่งงาน แต่ก่อนจะจากไปเขาได้ทำขนมชนิดหนึ่งที่ไม่มีใครเคยเห็นในโลกมาก่อนเอาไว้เป็นของขวัญวันแต่งงานของเธอ มันเป็นทรงกลม ๆ แล้วก็มีรูปตรงกลางแบบนี้”


“โดนัทนี่น่ะเหรอ” อาทิตย์ทัศน์มองดูโดนัทในมือตฤณกร


“ใช่ โดนัทนี่แหละ คุณเห็นไหมว่ามันมีรูตรงกลาง”


“แล้วมันยังไง”


“มันกลม ๆ เหมือนห่วงไงคุณ พ่อครัวคนนั้นต้องการบอกให้คนที่เขารักรู้ว่าไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน ไม่ว่าระยะทางจะไกลเพียงใด เขาก็จะรักและเป็นห่วงเธอตลอดไป” ตฤณกรยิ้ม


“อืม...”


“แล้วที่คุณให้โดนัทกับผมในวันนี้ก็แสดงว่าคุณเป็นห่วงผม”


อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้า “สรุปว่าที่พูดมานี่เรื่องจริงหรือคิดเอาเอง”


“เรื่องที่ผมเล่าผมคิดเอาเอง แต่เรื่องที่คุณเป็นห่วงผมน่ะ คุณคงต้องเป็นคนตอบแล้วละว่าผมคิดเอาเองหรือว่ามันเป็นเรื่องจริง” ตฤณกรทำหน้าทะเล้น


“คุณนี่มันจริง ๆ เลย” อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้วก่อนจะเบนหน้าหนีสายตาของคนข้าง ๆ ....




ไฟในห้องนอนยังคงสว่างในขณะที่ชายหนุ่มเจ้าของห้องกำลังรื้ออัลบั้มรูปเก่า ๆ จากกล่องใส่ของที่ถูกวางไว้ข้างชั้นวางหนังสือออกมาดู ในที่สุดเขาก็พบอัลบั้มรูปสมัยที่ถ่ายไว้เมื่อตอนงานแต่งงานของลัลลดา นิ้วเรียวค่อย ๆ เปิดรูปถ่ายที่ถูกสอดเอาไว้ในซองพลาสติกทีละใบเพื่อค้นหาใครบางคนที่บอกว่าเคยไปงานนี้เหมือนกัน รูปส่วนใหญ่ในอัลบั้มเป็นรูปที่ถ่ายเจาะเฉพาะเจ้าบ่าวและเจ้าสาวในช่วงพิธีการ และรูปที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวถ่ายรวมกับเพื่อน ๆ สมัยเรียนมหาวิทยาลัยของฝ่ายเจ้าสาวเท่านั้น อาทิตย์ทัศน์ถอนหายใจเบา ๆ เมื่อไม่มีทีท่าว่าจะพบคนที่เขากำลังมองหา จนกระทั่งมาถึงรูปสุดท้ายในอัลบั้มซึ่งเป็นรูปหมู่ที่รวมเพื่อน ๆ ของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวเอาไว้ด้วยกัน มันเป็นรูปหมู่ที่รวมคนมากที่สุดเพียงใบเดียวจากทั้งอัลบั้มที่เขาถ่ายเอาไว้ ในที่สุดตาคมก็สะดุดเข้ากับร่างสูงของชายหนุ่มผมยาวในชุดสูทซึ่งยืนอยู่ที่ด้านหลังสุดของแถว


ใช่จริง ๆ ...เขาคือชายหนุ่มผมยาวซึ่งเป็นคน ๆ เดียวกันกับคนในรูปที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของตฤณกร อาทิตย์ทัศน์นึกทบทวนคำพูดนั้นอีกครั้ง ไม่รู้เหมือนกันว่าการที่เขาไม่รู้สึกว่าเคยได้พบกับคนในภาพมาก่อนนั่นเป็นเพราะว่าเขาเองที่ไม่ได้สนใจมองหรือว่าคน ๆ นั้นยืนอยู่ไกลกันจนเกินไปกันแน่....   







...


ขอบคุณมาก ๆ สำหรับคอมเม้นท์นะคะ อ่านแล้วรู้สึกดีมาก ๆ ค่ะ ขอบคุณจริง ๆ นะ ^^



หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 16 : คุ้น?)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 17-12-2013 00:43:30
เค้าเคยเจอกันมาก่อนนี่เอง
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 16 : คุ้น?)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 17-12-2013 02:02:18
คิดได้นะ ตำนานโดนัท  :laugh3:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 16 : คุ้น?)
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 17-12-2013 08:27:58
เคยเจอกันมาแล้วด้วย
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 16 : คุ้น?)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 17-12-2013 08:48:07
จ้ากับตังเคยพบกันมาก่อนนี่เอง
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 16 : คุ้น?)
เริ่มหัวข้อโดย: anchoviiz ที่ 17-12-2013 12:32:19
นี่มันบังเอญหรือพรหมลิขิตกัน  :hao7:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 16 : คุ้น?)
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 17-12-2013 12:35:00
แอบชอบจ้ามาตั้งแต่ทีแรกเลยล่ะซิคุณตัง
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 16 : คุ้น?)
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 17-12-2013 15:00:37

อาจารย์มีคู่จิ้นซะด้วย

งานนี้คงจะมีรถไฟชนกันแน่ๆเลย

+ 1 + เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 16 : คุ้น?)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 17-12-2013 18:34:42
จารย์เสน่ห์แรงเวออออออออออออรรรรรร์
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 16 : คุ้น?)
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 17-12-2013 20:12:36
มาตามด้วยคนครับ :L2:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 16 : คุ้น?)
เริ่มหัวข้อโดย: Loste ที่ 18-12-2013 00:41:13
บังเอิญ โลกกลม หรือพรหมลิขิต :-[
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 16 : คุ้น?)
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 18-12-2013 10:22:31
 :laugh:

เป็นเหมือนกันนะ

เคยเจอกันมาแล้ว  ก็ว่ามันคุ้นๆ แต่จำไม่ได้ซักที

 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 16 : คุ้น?)
เริ่มหัวข้อโดย: chen ที่ 18-12-2013 18:39:36
อ่านแล้วมันละมุนมากๆเลย
ตังกับจ้า
ค่อยๆสานสัมพันธ์กัน เรียนรู้ตัวตน เปิดตาเปิดในให้กัน
ประกอบกับฉากไปเที่ยวที่ต่างๆ
รอหน้าหนาวนี้ สองคนนี้ไปทริปด้วยกันนะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 16 : คุ้น?)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 18-12-2013 21:48:15
เคยเจอกันมาก่อน  แล้วมากันอีกในปัจจุบัน  คือพรมลิขิตไหมเนี่ย
อ่านแล้วโรแมนติกจังนะ  จ้ากับตัง
หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 17 : คู่แข่ง)
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 18-12-2013 23:01:29
ตอนที่ 17 คู่แข่ง



ตฤณกรมาที่บ้านของอาทิตย์ทัศน์ในตอนเช้าวันอาทิตย์....


“จ้า เดี๋ยวแม่จะออกไปร้านนะลูก” อรนุชบอกลูกชายที่กำลังเดินลงบันไดมา ชายหนุ่มเหลือบมองคนที่กำลังนั่งให้อาหารปลาอย่างสบายใจที่ระเบียงก่อนจะพยักหน้ากับผู้เป็นแม่


“อ้อ แล้วก็เมื่อวานแม่รื้อห้องเก็บของเจอกล่องใส่ของของลูกน่ะ ไม่รู้ว่ายังจะเก็บไว้อยู่ไหม ลูกลองดูก็แล้วกันแม่วางไว้ใต้โต๊ะข้างชั้นหนังสือโน่นน่ะ” เธอพูดพร้อมกับชี้ไปที่กล่องพลาสติกใบใหญ่ที่วางแอบอยู่ตะโต๊ะข้างชั้นวางหนังสือซึ่งอาทิตย์ทัศน์เกือบจะลืมมันไปแล้ว


“ครับแม่” ชายหนุ่มรับคำก่อนจะเดินออกไปจากบ้านเพื่อเปิดประตูรั้วส่งแม่ของเขา ครู่หนึ่งอาทิตย์ทัศน์ก็เดินกลับเข้ามาในบ้านก่อนหายเข้าไปในครัว


“คุณทานอะไรมาแล้วหรือยัง” เสียงที่ดังขึ้นจากในครัวทำให้คนที่กำลังเพลินอยู่กับการมองปลาคราฟเผลอยิ้มออกมา บ่อยครั้งที่เขามักจะถูกถามด้วยคำถามสั้น ๆ แต่แฝงความห่วงใยเช่นนี้ ตฤณกรลุกขึ้นก่อนจะเดินตามเข้าไป


“ยังครับ”


“อยากทานอะไรเดี๋ยวผมทำให้ทาน”


“อืม...ถ้าอย่างนั้นผมขอไก่อบฟาง แล้วก็หมูหันนะ” คนตัวสูงพูดกลั้วหัวเราะ


“ได้” อาทิตย์ทัศน์ที่ยืนหันหลังให้ตอบเพียงสั้น ๆ ทำเอาตฤณกรรู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่วันนี้คนตรงหน้าไม่คิดจะตอบโต้คำพูดกวนประสาทของเขา


คนตัวสูงนั่งลงเท้าคางรอที่โต๊ะอาหารตาคมยังคงจดจ้องไปที่แผ่นหลังของคนตัวเล็กกว่าที่กำลังทำนู่นทำนี่เสียงดังก๊อกแก๊ก ครู่หนึ่งอาหารก็ถูกยกมาเสิร์ฟ ตฤณกรก้มมองไข่เจียวสีเหลืองทองในจานก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังตักข้าวใส่จานให้


“เฮ้ย! นี่มันไข่เจียวหมูสับนะคุณ”


“ก็นี่ไง ไก่อบฟางกับหมูหันแต่มันยังเป็นไข่อยู่ทั้งไก่และหมู ถ้ารอฟักคุณคงหิวตายพอดี”




“หมูที่ไหนออกลูกเป็นไข่ คุณนี่มันแสบจริง ๆ” ตฤณกรส่ายหน้ายิ้ม ๆ


“รีบทานเข้า อย่ามัวพูดมากอยู่” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะหันไปเตรียมวัตถุดิบสำหรับทำโดนัท





“อร่อยจัง” คนตัวสูงที่กำลังนั่งเคี้ยวข้าวตุ้ย ๆ เอ่ยขึ้น


อาทิตย์ทัศน์หันมาก่อนจะกล่าว “พูดอย่างกับไม่เคยทานอย่างนั้นแหละ”


“เคยทานน่ะเคยอยู่หรอกครับ แต่ไม่เคยทานแบบที่คุณทำให้ทาน”



หน้าระบายยิ้มของคนที่กำลังนั่งเคี้ยวข้าวตุ้ย ๆ อย่างมีความสุข ทำให้คนตัวเล็กกว่าต้องหันหน้าหนีเพื่อเก็บซ่อนรอยยิ้มเล็ก ๆ ของตัวเองเอาไว้





“จะหน้าหนาวแล้วนะคุณ คุณวางแผนเที่ยวหรือยัง ผมรอโปสการ์ดอยู่นะครับ”


อาทิตย์ทัศน์ที่กำลังใช้กรรไรตัดถุงแป้งสาลีอยู่ชะงักเล็กน้อยก่อนจะนึกถึงโปสการ์ดที่ได้รับล่าสุดจากคนที่ยืนล้างจานอยู่ข้าง ๆ


“ผมยังไม่ได้คิด” คนตัวเล็กกว่าตอบสั้น ๆ


“เฮ้อ...รอเก้ออีกตามเคย” ตฤณกรบ่น


“ทำไมคุณถึงอยากให้ผมไปที่นั่น ผมหมายถึง...” ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันก่อนจะกล่าวต่อ “วัดพระธาตุดอยสุเทพใช่ไหม” เขาเหลือบมองคนข้าง ๆ เขาไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่กำลังยิ้ม เป็นรอยยิ้มซึ่งอาทิตย์ทัศน์เองไม่อาจเข้าใจได้...








ตฤณกรนั่งมองอาทิตย์ทัศน์ที่กำลังเอื้อมหยิบอ่างแก้วใบใหญ่มาวางลงบนโต๊ะฝั่งตรงข้ามกับที่เขานั่งอยู่


“ทำอะไรน่ะคุณ”


“ผสมแป้ง”


“ให้ผมช่วยได้ไหม”เขากล่าวพร้อมกับเดินอ้อมมายืนใกล้ ๆ คนตัวเล็กพยักหน้าก่อนจะหลีกทางให้


“ผมต้องทำยังไงบ้าง”


“เดี๋ยวผมจะเทส่วนผสมลงไป คุณคนให้มันเข้ากันก็แล้วกัน” พูดจบอาทิตย์ทัศน์ก็เทแป้งสาลีลงในอ่างก่อนจะตามด้วยยีสต์และเกลือ


“ผมคนเลยนะ” ตฤณกรที่ในมือถือไม้พายในท่าเตรียมพร้อมเอ่ยขึ้นก่อนจะลงมือคลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากัน อาทิตย์ทัศน์มองดูคนข้าง ๆ ก่อนจะผสมไข่แดง น้ำตาลทราย เนยสดเค็มและนมสดลงในอ่างอีกใบก่อนจะตีให้เข้ากันด้วยตะกร้อตีไข่ จากนั้นเขาจึงเทส่วนผสมทั้งหมดลงในอ่างที่ตฤณกรคลุกเคล้าแป้งไว้เรียบร้อย


“คนไปเรื่อย ๆ นะ จนกว่ามันจะไม่ติดอ่าง”


“หือ...ตะ ตะ ติดอ่างเหรอครับ”


“ไม่ใช่ติดอ่างแบบนั้น” อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้ว “ถ้าจะตลกขนาดนี้ก็เลิกเป็นดีไซเนอร์เถอะ”


“คุณว่าดีเหรอ” ตฤณกรทำหน้าทะเล้น


“ไม่ดีหรอก”


“อ้าว ทำไมล่ะ”


“อย่างคุณน่ะ เข้าคณะไหนหัวหน้าคงตายหมด” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะเดินไปหยิบถาดอะลูมิเนียมที่วางอยู่เหนืออ่างล้างจานพร้อมกับพึมพำเบา ๆ “ชอบกวนประสาทแบบนี้เข้าคณะไหนหัวหน้าโดนยิงตายหมด”


“แล้วนี่เราต้องทำเยอะแค่ไหนเนี่ยคุณ”


“ก็เยอะพอสมควรถ้าจะเอาไปขาย ผมจะทำไว้จำนวนหนึ่งก่อนส่วนที่เหลือจะให้เด็ก ๆ ช่วยกันทำลูกค้าจะได้ทานของใหม่ ๆ” คนตัวเล็กกว่ากล่าวพร้อมกับวางถาดลงบนโต๊ะ


“มันเริ่มเป็นเนื้อเดียวกันแล้วทีนี้ผมต้องทำยังไงต่อครับ”


“ต้องเอาออกมานวดอีกที”


“ใช้มือเลยเหรอ”


“ใช่”


เมื่อได้รับอนุญาตจากอาทิตย์ทัศน์ตฤณกรก็ใช้มือคัวกแป้งในอ่างออกมาวางบนโต๊ะ


“ต้องโรยแป้งลงไปหน่อยจะได้ไม่ติดมือ คุณแบมือมาสิ”


ตฤณกรแบมือทั้งสองข้างขึ้นอย่างว่าง่ายก่อนที่อาทิตย์ทัศน์จะโรยแป้งสาลีลงบนมือของเขา


“รู้สึกเหมือนเป็นนักยิมนาสติกขึ้นมาเลยแฮะ” คนตัวสูงพูดกลั้วหัวเราะ


“ทีนี้คุณก็เริ่มนวดแป้ง เวลานวดก็ใช้อุ้งมือดันแป้งให้ออกจากตัวแบบนี้ แล้วค่อยตะล่อมกลับ ทำแบบนี้ซ้ำ ๆ กันจนแป้งเนียน” อาทิตย์ทัศน์กล่าวพร้อมกับสาธิตให้เขาดู



“ไม่ง่ายเลยนะเนี่ย” ชายหนุ่มกล่าวก่อนจะทำตาม


ผ่านไปประมาณสิบนาทีแป้งที่นวดก็เนียนเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นอาทิตย์ทัศน์ก็พักแป้งไว้ก่อนจะเริ่มผสมส่วนผสมใหม่...





“ผมชิมได้ไหมคุณ” ตฤณกรที่กำลังหนวดแป้งอยู่เอ่ยขึ้นเมื่ออาทิตย์ทัศน์ใช้ตะเกียบคีบโดนัทอันเล็กที่เพิ่งทอดเสร็จขึ้นมาพักให้สะเด็ดน้ำมันบนตะแกรง


“ได้สิ” คนตัวเล็กกว่าตอบยิ้ม ๆ


“มือไม่ว่างอ่ะคุณ ช่วยหยิบให้ผมหน่อยนะครับ”


อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้วก่อนจะกล่าว “ถ้าอย่างนั้นคุณก็รอให้เสร็จก่อนแล้วค่อยชิม”


“โหยยยย ใจร้าย” ตฤณกรบ่น “ผมอยากชิมตอนที่มันร้อน ๆ แบบนี้นี่นา”


หน้าคมส่ายไปมาช้า ๆ ก่อนจะใช้ตะเกียบจิ้มโดนัทที่เพิ่งเอาขึ้นมาพักให้สะเด็ดน้ำมันยื่นให้ชายหนุ่ม


“โอ้โห..เป่าหน่อยสิครับ ปากพังกันพอดี”


“เรื่องเยอะจริง” อาทิตย์ทัศน์พึมพึมก่อนที่นิ้วเรียวจะค่อย ๆ บิโดนัทชิ้นเล็ก เขาเป่ามันเบา ๆ ก่อนจะยื่นให้คนข้าง ๆ ตฤณกรยิ้มก่อนจะใช้ปากงับชิ้นโดนัทที่มือของเขา


“อร่อยจัง”


“ของมันแน่อยู่แล้ว” คนตัวเล็กกล่าว


อาทิตย์ทัศน์และตฤณกรใช้เวลาเกือบทั้งวันในการทำโดนัทจนในที่สุดพวกเขาก็ได้โดนัทจำนวนมากสำหรับนำไปขายงานออกร้านในวันรุ่งขึ้น....




งานออกร้านของมหาวิทยาลัยเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้าของวันจันทร์และจัดติดต่อกันมาเรื่อยจนถึงวันสุดท้ายของงานกินเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์ มีผู้คนมากมายทั้งที่ทำงานและอาศัยอยู่รอบ ๆ มหาวิทยาลัยต่างก็แวะเวียนมาจับจ่ายซื้อของ ยิ่งแดดร่มลมตกคนก็ยิ่งมากขึ้นเนื่องจากเป็นเวลาเลิกงาน ซุ้มของคณะต่าง ๆ คึกคักเป็นพิเศษทุกวันเพราะได้แรงนักศึกษาหลาย ๆ ชั้นปีเข้ามาช่วยกันเรียกลูกค้า ภายในซุ้มของคณะศิลปกรรมศาสตร์นอกจากจะจำลองร้านกาแฟบรรยากาศเมืองปายแล้วยังมีการตั้งโต๊ะสำหรับวาดภาพให้กับคนที่อยากมีภาพการ์ตูนล้อติดไม้ติดมือกลับบ้านด้วย


“ซื้อโดนัทหน่อยค่ะ” สาวน้อยในชุดนักศึกษากล่าวอย่างขวยเขินกับพ่อค้าจำเป็นที่ยืนขายโดนัทอยู่ภายในซุ้ม


“นี่ครับ” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะยื่นถุงกระดาษติดสติ๊กเกอร์โลโก้ของซุ้มคณะศิลปกรรมศาสตร์ให้กับเธอ



“ขอบคุณค่ะ” สาวน้อยยังคงยืนบิดไปมาในมือกำถุงกระดาษแน่นก่อนที่รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่ปรากฏบนใบหน้าจะวูบหายเนื่องจากเสียงเตือนจากคนที่ยืนต่อคิวอยู่ด้านหลัง นั่นทำให้เธอต้องเดินหลบฉากออกมาทันที


“อาจารย์จ้ามาช่วยขายแบบนี้ ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าจนวันสุดท้ายเลยค่ะ” นักศึกษาสาวที่กำลังชงเครื่องดื่มอยู่ที่เคาน์เตอร์ใกล้ ๆ กันเอ่ยขึ้น


“นั่นสิครับอาจารย์ หางแถวยาวเชียว ไม่รู้ว่าโดนัทอร่อยหรือคนขายหน้าตาดี” ชายหนุ่มในชุดนักศึกษาที่เพิ่งเดินมาถึงหัวเราะ “ผมเห็นสาว ๆ เดินถือถึงโดนัทซุ้มคณะเรากันเต็มเลย”


“ผมว่าให้โดนัทอร่อยจะดีกว่านะ” อาทิตย์ทัศน์กล่าวยิ้ม ๆ ก่อนจะมองหาใครคนหนึ่งที่บอกว่าจะมาหาเขาในค่ำวันนี้




“ได้ข่าวว่าโดนัทซุ้มนี้อร่อย ผมก็เลยแวะมาชิม” ชายหนุ่มเจ้าของแววตาวิบวับที่เพิ่งเดินเข้ามาเอ่ยขึ้น อาทิตย์ทัศน์เงยหน้ามองชายหนุ่มร่างสูงผิวสีน้ำผึ้ง เขาคือ ‘ดนุพงษ์’ อาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ที่บรรดาสาว ๆ ต่างก็ไม่มีใครไม่รู้จัก


“เหมาเลยไหม” คนตัวเล็กกว่ายิ้มพร้อมกับคีบโดนัทใส่ถุงยื่นให้


“ขอบคุณครับ” ดนุพงษ์รับถุงโดนัทมาก่อนจะเปิดออกชิม “อืม..อร่อยจริง ๆ ด้วย พี่จ้าทำเองเหรอครับ”


“ใช่”


 “ขอโทษนะคะอาจารย์” เสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมาก่อนที่สาวน้อยในชุดเสื้อช็อปคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์จะก้าวเท้าออกมาจากกลุ่มของนักศึกษาที่ยืนรอซื้อโดนัทอยู่ด้านหลัง “คือ...หนูขอถ่ายรูปคู่อาจารย์ได้ไหมคะ”


สองหนุ่มมองหน้ากันก่อนที่คนหนึ่งจะเอ่ยขึ้น “ได้สิครับ” ดนุพงษ์ยิ้ม


“เอ่อ..หนูหมายถึง ขอถ่ายรูปคู่อาจารย์ดิวกับอาจารย์อาทิตย์ทัศน์น่ะค่ะ” เธอยิ้มเขิน ๆ


คำขอแปลกประหลาดนั้นทำเอาอาทิตย์ทัศน์ยืนงงไปชั่วขณะ จนกระทั่งลูกศิษย์ของเขาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กันต้องสะกิด


“อาจารย์คะ น้องเขาจะขอให้อาจารย์ถ่ายรูปกับอาจารย์ดนุพงษ์ค่ะ”


“เอ้อ...อืม..เอาสิ” พูดจบอาทิตย์ทัศน์ก็เดินไปยืนข้าง ๆ คนที่ตัวสูงกว่าเขาเล็กน้อย


“ใกล้ ๆ กันแบบนั้นแหละค่ะอาจารย์” สิ้นเสียงของสาวน้อย บรรดาตากล้องสมัครเล่นทั้งหลายต่างก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายภาพ ไม่เว้นแต่นักศึกษาของคณะศิลปกรรมศาสตร์เอง


“แหม..วันนี้สองหนุ่มหล่อสายอาร์ตโคจรมาพบกันทั้งทีนะคะ ต้องถ่ายรูปเก็บไว้เป็นภาพประวัติศาสตร์” สิ้นเสียงของคนพูดก็มีเสียงโห่ฮิ้วชอบใจของบรรดานักศึกษในบริเวณนั้นตามมา....


“ดิวจะดื่มอะไรหน่อยไหม เดี๋ยวพี่บอกเด็กทำให้” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นเมื่อบรรดานักศึกษาเลิกสนใจพวกเขาแต่กลับไปสนใจภาพในกล้องมือถือแทน


“ก็ดีครับ” หนุ่มผิวสีน้ำผึ้งกล่าว ดังนั้นอาทิตย์ทัศน์จึงเดินนำดนุพงษ์ไปที่เคาน์เตอร์ก่อนจะสั่งเครื่องดื่มให้เขา


สองหนุ่มยืนคุยกันต่อขณะรอเครื่องดื่มโดยไม่รู้เลยว่าเขาทั้งสองกำลังอยู่ในสายตาของใครอีกคน ตฤณกรหยุดมองชายหนุ่มร่างสูงที่สวมผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลสกรีนลายถ้วยกาแฟสีชมพูซึ่งกำลังยืนคุยกับชายหนุ่มแปลกหน้าก่อนจะเดินเข้าไปสั่งกาแฟที่เคาน์เตอร์


“คาปูชิโน่เย็นครับ” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ก่อนจะเดินผ่านคนร่างเล็กไปนั่งที่โต๊ะไม้ซึ่งตั้งอยู่ในมุมหนึ่งโดยไม่มีแม้แต่คำทักทาย ตาคมมองดูบรรดานักศึกษาที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มวาดภาพการ์ตูนล้อลงในกระดาษขนาดเท่าโปสการ์ดอยู่ที่โต๊ะญี่ปุ่นเตี้ย ๆ แต่ละโต๊ะมีโคมไฟเล็ก ๆ สำหรับให้แสงกับอุปกรณ์วาดเขียนอีกเพียงไม่กี่ชิ้น แต่ภาพที่วาดเสร็จก็สามารถสร้างรอยยิ้มให้กับเจ้าของภาพได้ไม่น้อย


ครู่หนึ่งแก้วกระดาษทรงสูงก็ถูกวางลงตรงหน้าพร้อมกับถุงใส่โดนัท


“ขอบคุณครับ แต่ผมไม่ได้สั่งโดนัทนะครับ” ตฤณกรกล่าวทั้งที่ไม่ได้เงยหน้ามองคนที่ยกเครื่องดื่มและขนมมาเสิร์ฟ


“ผมเลี้ยง” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม


“ขอบคุณครับ” ตฤณกรตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ จนน่าแปลกใจ


“คุณมาถึงนานหรือยัง”


“ก็ตั้งแต่ที่คู่จิ้นเขาถ่ายรูปกัน” คนตัวสูงตอบห้วน ๆ ขณะส่งโดนัทเข้าปาก


“คู่จิ้น” อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้ว “คืออะไร”


“อะไร นี่คุณไม่รู้จริง ๆ น่ะเหรอ”


“ถ้ารู้ผมจะถามคุณให้คุณมาย้อนถามผมแบบนี้เหรอ”


ตฤณกรมองคนตรงหน้ายิ้ม ๆ ก่อนจะอธิบาย “จิ้น มันก็มาจากอิแมจินไงคุณ จินตนาการน่ะ คู่จิ้นก็คือคนสองคนที่คนรอบข้างเขาจินตการการให้เป็นคู่รักกันอะไรทำนองนี้แหละ”


“อืม..” อาทิตย์ทัศน์พยักหน้า


“ไม่วัยรุ่นเลยคุณนี่”


“แล้วคู่จิ้นที่คุณว่าเมื่อกี้ คุณหมายถึงใคร”


“ก็...” ตฤณกรหยุดก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มที่กำลังนั่งคุยกับนักศึกษาที่โต๊ะห่างออกไป “นั่นไง”


อาทิตย์ทัศน์มองตามสายตาของเขาก่อนจะกล่าว “นั่นอาจารย์ดนุพงษ์ เขาเป็นรุ่นน้องที่โรงเรียนเก่าของผม”


“เป็นพี่น้องกันว่างั้นเถอะ”


“ใช่”


“คุณคนเดียวหรือเปล่าที่คิดแบบนี้ เขาอาจจะไม่ได้อยากเป็นพี่น้องกับคุณก็ได้”


“หมายความว่ายังไง”


“ก็ดูสายตาที่เขามองคุณสิ”


“คิดอะไรเลอะเทอะ” 


“ใช่สิ ผมมันทำอะไรก็ไม่ดีสักอย่าง” ตฤณกรพึมพำ


อาทิตย์ทัศน์มองคนตรงหน้าก่อนจะถอนใจเบา ๆ เป็นเวลาเดียวที่เสียงเตือนข้อความจากโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น ชายหนุ่มจึงหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าหน้าท้องของผ้ากันเปื้อนออกมากดอ่านข้อความ




‘อย่าลืมแวะไปที่ซุ้มคณะผมบ้างนะครับ’




อาทิตย์ทัศน์เงยหน้ามองคนที่กำลังยืนถือโทรศัพท์อยู่ไกล ๆ เขายิ้มมาให้ก่อนจะเดินออกจากซุ้มไป
 


“ตามเขาก็ได้นะ” ตฤณกรเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ในขณะที่คนตัวเล็กกว่ากำลังเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากางเกง


“เป็นอะไรของคุณ อารมณ์ไม่ดีอะไรมาแล้วมาพาลกับผมหรือเปล่า” อาทิตย์ทัศย์ขมวดคิ้วก่อนจะค่อย ๆ ปลดผ้ากันเปื้อนออก


“ไม่รู้เหมือนกัน เห็นหน้าเขาแล้วผมหงุดหงิด” ตฤณกรหยุดก่อนจะดูดกาแฟจากแก้วเพื่อดับอารมณ์หงุดหงิดภายในใจ


ชายหนุ่มวางแก้วลงก่อนจะกล่าวต่อ “ผมหึงคุณมั้ง” คำพูดแสดงความรู้สึกของคนตัวสูงตรงหน้าทำเอาไบหน้าของคนฟังร้อนวูบวาบขึ้นมาทันที



“ตลกแล้ว คุณจะหึงผมทำไม ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” พูดจบอาทิตย์ทัศน์ก็ลุกขึ้นก่อนจะเดินเอาผ้ากันเปื้อนไปคืนที่เคาน์เตอร์ เขายืนคุยกับนักศึกษาครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเดินออกไปจากซุ้ม...










ตฤณกรมองร่างสูงที่กำลังเดินล้วงกระเป๋าดูนู่นดูนี่ตามซุ้มซึ่งตั้งอยู่รายทาง รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าเพื่อเดินตามให้ทัน


“ต้องเป็นอะไรกันใช่ไหมผมถึงจะหึงคุณได้” เสียงกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูทำให้อาทิตย์ทัศน์ต้องเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของรอยยิ้มกวนประสาทที่กำลังเดินผ่านเขาไป


“ไอ้บ้าเอ๊ย” คนตัวเล็กกว่าพึมพำเบา ๆ






เสียงประกาศจากเครื่องขยายเสียงที่ดังมาจากซุ้มคณะสัตวแพทย์ศาสตร์สามารถเรียกความสนใจของคนที่เดินผ่านมาผ่านไปได้ไม่น้อย ที่หน้าซุ้มมีการตั้งกล่องบริจาคและแสดงภาพกิจกรรมต่าง ๆ ของเหล่านักศึกษาว่าที่สัตวแพทย์ ถัดไปไม่ไกลบรรดาหนุ่ม ๆ ใจกล้ากำลังจับงูหลามสีสวยตัวใหญ่เชิญชวนให้สาว ๆ ต่างคณะที่กำลังยืนเลือกซื้อของอยู่แถวนั้นมาถ่ายภาพคู่กับงู ภายในบริเวณซุ้มมีทั้งตู้แสดงปลาสวยงามและพันธุ์ไม้น้ำรวมถึงการแสดงของสัตว์แสนรู้ประเภทต่าง ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ดำเนินการโดยนักศึกษาคณะสัวแพทย์ทั้งสิ้น


“มาช่วยหาบ้านใหม่ให้น้องหมากันนะคะ ตอนนี้เราเหลือตัวเดียวแล้วนะคะ” หญิงสาวร้องเจื้อยแจ้ว


“พี่คะ เอาสุนัขไปเลี้ยงที่บ้านสักตัวไหมคะ” เธอกล่าวกับอาทิตย์ทัศน์


ชายหนุ่มยิ้มก่อนจะเอื้อมมือจับหูทั้งสองข้างของเจ้าลูกสุนัขหูตูบที่กำลังนอนหลับอย่างสบายอารมณ์บนบ่าของหญิงสาว


“เหลือตัวสุดท้ายแล้วนะคะพี่” เธอกล่าวก่อนจะส่งลูกสุนัขให้เขา ชายหนุ่มจึงรับมันมาอุ้มไว้


“อยากได้ไปเลี้ยงเหรอคุณ” ตฤณกรที่เดินเข้ามาใกล้ ๆ เอ่ยขึ้นพร้อมกับมองเจ้าสุนัขตัวน้อยในอ้อมกอดของคนตัวเล็กกว่า อาทิตย์ทัศน์ไม่ได้ตอบอะไร เขาค่อย ๆ อุ้มเจ้าลูกสุนัขที่กำลังหาวหวอด ๆ ขึ้นมาดูหน้ามันใกล้ ๆ



“อ้าว มีคนเอาไปเลี้ยงหมดแล้วเหรอคะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นไม่ไกลนัก เมื่อสองหนุ่มหันไปมองเขาก็พบร่างเล็ก ๆ ของสาวน้อยในชุดนักศึกษาซึ่งในมือของเธอถือตะกร้าสานใบใหญ่กำลังยืนคุยอยู่กับหญิงสาวเจ้าของสุนัขที่อาทิตย์ทัศน์กำลังอุ้มอยู่
 

“เหลือตัวสุดท้ายแล้วจ้ะ ต้องรอดูว่าพี่คนนั้นเขาจะเอาไหม” เธอกล่าวก่อนจะหันมายังจุดที่ทั้งสองคนยืนอยู่


“เสียดายจังค่ะมาไม่ทัน พอดีหนูเพิ่งจะสอบเสร็จ”


อาทิตย์ทัศน์อุ้มลูกสุนัขเดินเข้าไปใกล้ ๆ ก่อนจะส่งมันให้เธอ “นี่ครับ”



“ให้หนูเหรอคะ” สาวน้อยถามอย่างแปลกใจในขณะที่ชายหนุ่มร่างสูงพยักหน้าเป็นคำตอบ



“แล้วพี่ไม่เอามันไปเลี้ยงเหรอคะ” เธอวางตะกร้าลงก่อนจะรับเจ้าลูกสุนัขมาอุ้มไว้


คนตัวสูงส่ายหน้ายิ้ม ๆ “ผมคิดว่ามันน่าจะชอบคุณมากกว่าผมนะ ดูสิมันยิ้มให้คุณด้วย”


สาวน้อยยิ้มให้เจ้าลูกสุนัขที่กำลังกระดิกหางมาพร้อมกับร้องหงิง ๆ ในอ้อมแขนของเธอก่อนจะกล่าวขอบคุณชายหนุ่มใจดี “ขอบคุณนะคะพี่ หนูอยากเลี้ยงสุนัขมานานแล้ว แล้วเมื่อวานก็เพิ่งขออนุญาตคุณแม่ได้ วันนี้สอบเสร็จเลยรีบมาเอา คิดว่าจะไม่ทันแล้วเสียอีก”


“ไปอยู่ด้วยกันนะ” เธอพูดกับลูกสุนัขก่อนจะย่อตัวลงเปิดตะกร้าแล้วใส่เจ้าตัวเล็กลงไป






“ทำไมคุณถึงให้น้องเขาไปล่ะ” ตฤณกรเอ่ยขึ้นเมื่อทั้งคู่เดินมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งเข้าเขตซุ้มจำหน่ายเมล็ดพันธุ์พืชและต้นไม้นานาชนิดของคณะเทคโนโลยีเกษตร


“ตั้งแต่พ่อเสีย แม่ผมก็ไม่เคยคิดจะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงอะไรอีกเลย” คนตัวเล็กกว่ากล่าว


“ทำไมล่ะครับ”


“คงเพราะไม่อยากที่จะต้องเจ็บปวดละมั้ง” อาทิตย์ทัศน์กล่าว “เวลาที่เราผูกพันกับใครมาก ๆ แล้วถ้าวันหนึ่งต้องสูญเสียเขาไป มันเป็นความรู้สึกเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูกจริง ๆ”


“อืม...ผมเข้าใจ” ตฤณกรนิ่งไปพร้อมกับคิดถึงสภาพของตัวเองในวันที่เติบโตขึ้นมาโดยไม่มีพ่อและแม่ “แต่ผมกำลังคิดว่าถ้าน้องคนนั้นไม่ได้มาที่นี่ แล้ววันนี้คุณไม่ได้เอาลูกสุนัขตัวนั้นกลับไปเลี้ยงมันจะเกิดอะไรขึ้น”



“คุณไปอุ้มมันแบบนั้น คุณรู้ไหมว่ามันจะดีใจขนาดไหน มันคงชอบเวลาที่คุณกอดมัน เวลาที่คุณเล่นกับมัน มันคงเริ่มจดจำใบหน้าของคุณ จำกลิ่นของคุณ แต่สุดท้ายคุณไม่เอามันไปเลี้ยง เพราะคุณกลัวว่าวันหนึ่งมันจะต้องตายจากไป มันเองมันก็คงเศร้า แต่ถ้าคุณเอามันไปเลี้ยงผมเชื่อว่าในวันที่มีใครคนใดคนหนึ่งต้องจากไป อีกฝ่ายต้องรู้สึกมีความสุขที่ในช่วงเวลาหนึ่งต่างคนต่างได้อยู่ด้วยกัน ผมเชื่อว่าคุณแม่ของคุณเอวท่านคงมีความสุขทุกครั้งเมื่อนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาทคุณพ่อคุณยังอยู่  ไม่มีใครที่ไม่เคยพบกับการสูญเสียหรอกคุณ” ตฤณกรกล่าว “คุณเคยฟังเรื่องเมล็ดผักกาดชุบชีวิตไหม”


“จะเอานิทานอะไรมาเล่าให้ผมฟังอีก” อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้ว


“มันไม่ใช่นิทานนะคุณ เรื่องนี้คุณลุงของผมเล่าให้ฟัง ท่านบอกว่าในสมัยพระพุทธเจ้าน่ะ มีผู้หญิงคนหนึ่งอุ้มร่างของลูกที่ไร้ลมหายใจเที่ยวไปหาหมอให้ช่วยรักษาเพราะเธอไม่ยอมรับว่าลูกของเธอได้ตายไปแล้ว จนกระทั่งมาพบกับพระพุทธเจ้า”


“พระพุทธเจ้าท่านรับปากจะรักษาให้โดยการปรุงยาขึ้นมาตำหรับหนึ่งเพื่อชุบชีวิตลูกของเธอ แต่เธอต้องไปหาส่วนผสมที่ยังขาดอยู่อีกอย่างหนึ่งให้ได้ นั่นก็คือเมล็ดผักกาด”


“เมล็ดผักกาดเหรอ”



“ใช่ เมล็ดผักกาดธรรมดา ๆ นี่แหละ แต่มีข้อแม้ว่า มันจะต้องเป็นเมล็ดผักกาดจากบ้านที่ไม่เคยมีคนตายมาก่อนเลย”


“แล้วเธอหาได้ไหม” อาทิตย์ทัศน์ถาม


ตฤณกรส่ายหน้าช้า ๆ “ไม่ว่าจะเข้าไปขอเมล็ดผักกาดที่บ้านไหน เธอก็พบว่าทุก ๆ บ้านล้วนมีคนตายมาก่อนทั้งนั้น บางบ้านยังไว้ทุกข์อยู่เลย”


“จริงสินะ” อาทิตย์ทัศน์พยักหน้าเห็นด้วย


“คุณเห็นไหม ไม่มีใครหรอกที่จะไม่พบกับความสูญเสีย มันอยู่ที่ว่าใครจะเจอเร็วเจอช้า”


“สาธุ” อาทิตย์ทัศน์ยกสองมือประนมท่วมหัวงาม ๆ หนึ่งทีก่อนจะหัวเราะเบา ๆ



“นี่พูดให้คิดนะครับ ไม่ได้พูดให้ขำ”


“ผมก็คิดอยู่นี่ไง” อาทิตย์ทัศน์ยิ้ม


“คิดอะไรของคุณ แน่ะ..ยังจะยิ้มอีก”


“คิดว่าอย่างคุณก็พูดจามีสาระกับเขาเป็นด้วย”


“นี่คุณหลอกด่าว่าผมไร้สาระหรือเปล่าเนี่ย” ตฤณกรขมวดคิ้ว


“เปล่า ผมไม่ได้หลอกด่า” อาทิตย์ทัศน์หัวเราะ


“แต่ก็ดีแล้วละที่คุณให้น้องเขาไปน่ะ เปลี่ยนจากเลี้ยงหมามาเลี้ยงผมดีกว่า เชื่องกว่าตั้งเยอะ ไม่ดื้อไม่ซนไม่งอแง”


“แต่ กวน ....” คนตัวเล็กกว่ากล่าวก่อนจะเดินเลี้ยวเข้าไปในร้านขายต้นไม้ทำให้ตฤณกรได้ยินคำสุดท้ายไม่ชัดนัก


“คุณว่าอะไรนะ” คนตัวสูงยิ้มก่อนจะเดินตามไปทันที



 
       



อาทิตย์ทัศน์กวาดสายตาอ่านป้ายบอกชื่อต้นไม้ซึ่งเรียงรายอยูทั่วร้าน มีหลายชื่อที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน ตาคมมาสะดุดเข้ากับป้ายที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก



‘รักแรกพบ’





“มีต้นไม้ชื่อนี้ด้วยเหรอ” ชายหนุ่มบ่นกับตัวเองก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายภาพเก็บไว้


“คุณไม่รู้จักเหรอ”


“ไม่” อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้าขณะก้มดูภาพในโทรศัพท์


“เด็กกรุงเทพฯก็แบบนี้แหละ”


“ไม่เกี่ยวเลย ชื่อแปลกขนาดนี้ใครจะรู้จัก”


“มันมีดอกด้วยนะคุณ เดี๋ยวผมหาก่อน” ตฤณกรกล่าวก่อนจะกวาดตามองหา “โน่นไง ดอกสีเหลือง ๆ ที่เป็นแฉก ๆ นั่นน่ะ”


อาทิตย์ทัศน์มองตามสายตาของชายหนุ่มก่อนจะพยักหน้า “นี่น่ะเหรอรักแรกพบ”



คนตัวสูงขยับเข้ามาใกล้ ๆ ก่อนจะกล่าว “ใช่ ถ้าคุณยังไม่รู้จักก็รู้จักเอาไว้ นี่แหละที่เขาเรียกว่า...รักแรกพบ” ตฤณกรยิ้ม คำพูดแฝงอะไรบางอย่างนั่นทำให้อาทิตย์ต้องหันกลับมาสบตาเขา....



หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 17 : คู่แข่ง)
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 18-12-2013 23:02:04
อาทิตย์ทัศน์และตฤณกรเดินต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงซุ้มของคณะสถาปัตย์กรรมศาสตร์ ซึ่งภายในจัดเป็นร้านขายเครื่องดื่มและมีการแสดงดนตรีโฟล์คซองของนักศึกษา ชายหนุ่มร่างสูงผิวสีน้ำผึ้งที่กำลังเดินเข้ามาพร้อมกับสาวเปรี้ยวนางหนึ่งประสานสายตากับตฤณกรชั่วขณะก่อนจะยิ้มให้คนที่อยู่ข้าง ๆ เขา


“สวัสดีค่ะอาจารย์จ้า” หญิงสาวเจ้าของริมฝีปากสีแดงสดกล่าว


“สวัสดีครับอาจารย์แนน” อาทิตย์ทัศน์ยิ้มให้อาจารย์ณิณญา สาวเปรี้ยวแห่งภาควิชาการออกแบบผังเมือง


“ได้ข่าวว่าปีนี้ซุ้มคณะศิลปกรรมฮ็อตเหรอคะ”


“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”


“นึกว่าพี่จ้าจะไม่แวะมาซุ้มผมเสียแล้ว” ดนุพงษ์แทรกขึ้น


“ต้องมาสิ ก็เป็นคู่แข่งกันนี่” อาทิตย์ทัศน์กล่าว


“คู่แข่งเลยเหรอครับพี่จ้า ผมขอเป็นคู่อื่นได้ไหมครับ”


“เอ๊ะ! พี่ดิวอยากเป็นคู่อะไรคะ คู่หู คู่รัก หรือว่าคู่จิ้น” ณิณญาหัวเราะ









“ผมว่าคู่นี้...ไหมครับ” ตฤณกรที่ยืนนิ่งเหมือนไม่มีตัวตนอยู่นานกล่าวขึ้นขัดจังหวะพร้อมกับขยับเท้า


อาทิตย์ทัศน์หันขวับไปมองคนร่างสูง เมื่อเห็นทุกคนต่างมองเขาเป็นตาเดียว ตฤณกรจึงกล่าวต่อ “เอ้อ...ผมหมายถึงคู่กรรมน่ะครับ ซาบซึ้งประทับใจดี” ชายหนุ่มหัวเราะในขณะที่อาทิตย์ทัศน์แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก


“แหม...คู่นั้นเขาจบเศร้าไปหน่อยไหมคะคุณ” หญิงสาวกล่าวก่อนจะเบนสายตามาที่ชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กัน


“อาจารย์จ้าไปนั่งดื่มอะไรข้างในก่อนดีกว่าค่ะ” เธอกล่าวก่อนจะเดินเข้ามาแทรกระหว่างอาทิตย์ทัศน์และตฤณกร มือเรียวเกาะแขนชายหนุ่มไว้แน่น


“นะคะอาจารย์จ้า นะคะ” สาวปากแดงยังคงรบเร้า


“วันนี้คงจะไม่สะดวกมั้งครับ พอดีผมมากับเพื่อน”


“อ๋อ” เธอรับทราบเหตุผลของเขาด้วยเสียงสูงก่อนจะเหลือบมองคนตัวสูงที่ยืนอยู่ด้านหลังด้วยหางตา “ถ้าอย่างนั้นให้เพื่อนกลับไปก่อนดีไหมคะ” พบจบเสียงหัวเราะแสบแก้วหูก็ดังขึ้นท่ามกลางความตกตะลึงของคนที่ได้ฟัง


“แนนล้อเล่นค่ะ ถ้าอย่างนั้นอาจารย์จ้าก็ชวนเพื่อนเข้าไปนั่งด้วยกันสิคะ”


เมื่อเห็นอาทิตย์ทัศน์มีสีหน้าลำบากใจตฤณกรจึงตัดสินใจเอ่ยขึ้น


“คุณไปกับเพื่อนเถอะ ผมว่าจะกลับแล้ว” พูดจบตฤณกรก็เตรียมจะเดินหันหลังออกมา






“ตัง” เสียงที่ดังขึ้นเบา ๆ เหมือนมีแรงกระชากให้คนฟังต้องหยุดอยู่ตรงนั้น “อย่าเพิ่งไป รอก่อน” อาทิตย์ทัศน์กล่าว


ตฤณกรหันกลับมาสบตาคู่นั้นก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย






“แล้วนี่อาจารย์จ้าไม่คิดจะแนะนำเพื่อนให้พวกเรารู้จักบ้างเหรอคะ”


“ผมชื่อตฤณกรครับ” คนตัวสูงกล่าวเรียบ ๆ โดยไม่ต้องรออีกคนแนะนำให้มากพิธี


“ดิฉันณิณญาค่ะ เป็นอาจารย์อยู่ที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ แล้วนี่ไม่ทราบว่าคุณตฤณกรทำอะไรอยู่ที่ไหนเหรอคะ”


“ผมเป็นนักออกแบบที่ที่ครีเอทีฟสตูดิโอครับ”


สาวเปรี้ยวปากแดงเบะปากทำท่าคิด “อันที่จริงดิฉันก็พอจะรู้จักคนในวงการนี้เยอะนะคะ แต่ไม่ยักเคยได้ยินชื่อบริษัทนี้” เธอยิ้มเหยียด ๆ ก่อนจะหันไปถามชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้ง


“คุณพ่อพี่ดิวเปิดบริษัทรับงานออกแบบ พี่ดิวก็รู้จักคนเยอะ พี่ดิวเคยได้ยินชื่อบริษัที่คุณคนนี้ว่าไหมคะ”


“อืม...ก็ไม่นะ”


“สงสัยจะเป็นบริษัทเล็ก ๆ สินะคะ”


สิ้นสุดประโยคนั้นณิณญาก็หันไปหัวเราะกับดนุพงษ์ทันที


“ครับ เราเป็นบริษัทเล็ก ๆ ช่วยกันทำในหมู่เพื่อน ๆ แล้วก็รุ่นพี่รุ่นน้องน่ะครับ”


อาทิตย์ทัศน์รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่เริ่มจะตึงเครียดขึ้น เขาจึงตัดสินใจเอ่ยขึ้น “ส่วนคนนี้ อาจารย์ดนุพงษ์”



“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งกล่าวก่อนจะยื่นมือให้จับ แต่ตฤณกรกลับเอื้อมมือโอบไหล่อาทิตย์ทัศน์เอาเสียดื้อ ๆ


“เฮ้ยคุณ ผมหิวแล้วไปหาอะไรทานกันดีกว่า” พูดจบเขาก็ดึงคนตัวเล็กกว่าออกจากวงสนทนาทันที


“สงสัยจะมีคู่แข่งแล้วนะคะพี่ดิว” ณิณญากล่าวกับดนุพงษ์ที่ยังคงกำมือแน่นจ้องมองสองคนนั้นไม่วางตา...



ตฤณกรเดินลากคนตัวเล็กกว่าที่ยังคงตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาจนถึงทางเดินเล็ก ๆ ระหว่างตึก คิ้วหนาของอาทิตย์ทัศน์ค่อย ๆ เคลื่อนเข้าหากันก่อนจะเงยหน้ามองชายหนุ่มที่กำลังโอบไหล่เขาก่อนจะขืนตัวหยุดเดิน


“เอ้า! หยุดเดินทำไมล่ะครับ”


“คุณทำบ้าอะไรของคุณ” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นก่อนจะขยับออกจากวงแขนของเขา


“ผมทำอะไร”


“ก็ที่ทำอยู่นี่ไง อยู่ ๆ ก็ลากผมออกมา มันเสียมารยาทรู้ไหม”


“ผมจะมีมารยาทกับคนที่มีมารยาทกับผมเท่านั้นแหละ”


“คุณนี่ทำตัวเป็นเด็ก ๆ” อาทิตย์ทัศน์กล่าว “อยู่ ๆ นึกจะทำอะไรก็ทำ เมื่อกี้ก็เหมือนกันแทนที่มาด้วยกันจะช่วยกัน ดันทำตัวเป็นพระเอกจะทิ้งให้ผมอยู่กับพวกนั้น”


“อ้าว คุณไม่ชอบเหรอเด็ก ๆ น่ะ โดยเฉพาะพวกเด็กสร้างบ้าน” ตฤณกรยิ้มยียวน


“ผมไม่คบเด็กสร้างบ้าน” อาทิตย์ทัศย์ตอบแบบไม่ใส่ใจนัก


“ไม่คบเด็กสร้างบ้าน งั้นมาคบผู้ใหญ่สานอนาคตไปด้วยกันดีไหมครับ” ตฤณกรพูดกลั้วหัวเราะ


“ประสาท” คนตัวเล็กกว่ากล่าวก่อนจะเดินหนี


“อ้าว..เดี๋ยวสิคุณ” คนตัวสูงร้องขึ้นก่อนจะรีบตามไป







“นี่คุณจะไปไหนครับ” ตฤณกรเอ่ยขึ้นเมื่อรู้สึกว่าอาทิตย์ทัศน์ไม่ได้กำลังเดินไปที่ลานจอดรถ


“คุณบอกว่าหิวไม่ใช่เหรอ ผมก็จะพาไปหาอะไรทานไง”



อาทิตย์ทัศน์พาตฤณกรเดินมาที่ประตูทางออกเล็ก ๆ ข้างมหาวิทยาลัยก่อนจะตรงไปยังร้านข้าวต้มทะเลร้านหนึ่งที่มีคนนั่งเต็มร้าน ตาคมมองหาโต๊ะที่ว่างก่อนจะเดินเข้าไปนั่ง


“คนเยอะจัง” คนตัวสูงพึมพำขณะมองไปรอบ ๆ


“ของอร่อยคนก็เลยเยอะ”


“อร่อยแล้วทำไมเขาไม่เก็บไว้ทานเองล่ะคุณ” ตฤณกรหัวเราะ


อาทิตย์ทัศน์เหลือบมองคนตรงหน้าก่อนจะส่ายหน้าเล็กน้อยอย่างเอือมระอา





“คุณมาทานบ่อยเหรอ”


“ก็บ่อยนะ สมัยที่ยังเรียนอยู่” อาทิตย์ทัศน์ตอบก่อนจะหยิบกระดาษกับปากกามาจดรายการอาหาร


“คุณไม่ได้แพ้อาหารทะเลใช่ไหม”


“เปล่าครับ ผมแพ้แต่แสงอาทิตย์” คนตัวสูงตอบยิ้ม ๆ


“เลิกพูดมากได้แล้ว คุณทานอะไร”


“อืม...ผมเอาข้าวต้มปลาก็แล้วกัน”


อาทิตย์ทัศน์พยักหน้าก่อนจะจดรายการอาหารลงกระดาษแล้วส่งให้คุณลุงเจ้าของร้านที่เพิ่งเสร็จจากการเก็บเงินโต๊ะข้าง ๆ หลังจากนั้นไม่นานข้าวต้มปลาร้อน ๆ ก็ถูกยกมาเสิร์ฟ


“ขอบคุณครับลุง” ตฤณกรเอ่ยขึ้นเมื่อคุณลุงวางชามข้าวต้มลงบนโต๊ะ


“ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ ผมขายไม่ได้ให้ทานฟรี” พูดจบคุณลุงก็เดินจากไปปล่อยให้ชายหนุ่มนั่งอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น


อาทิตย์ทัศน์มองคนตรงหน้าก่อนจะหัวเราะ “สมน้ำหน้า”


ตฤณกรมองตามคุณลุงด้วยความรู้สึกงุนงงเหมือนโดนหมัดซ้ายตรงเข้าเต็มหน้า ก่อนจะยกมือขึ้นเกาศีรษะแกรก ๆ


“มัวแต่ทำหน้างง ทานได้แล้ว” คนตัวเล็กกว่าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเอ่ยขึ้น


ตฤณกรพยักหน้าก่อนจะลงมือทานข้าวต้มในชามเงียบ ๆ หูยังคงได้ยินคุณลุงพูดกับลูกค้าในลักษณะเดียวกันกับเมื่อสักครู่เป็นระยะ ๆ ชายหนุ่มมองซ้ายมองขวาเมื่อสังเกตเห็นว่าบนโต๊ะมีแต่แก้วใส่น้ำแข็งแต่ไม่มีน้ำดื่ม เขาจึงยกมือขึ้นเรียกเด็กในร้าน


“ว่าไงครับ” คุณลุงคนเดิมกล่าว


“เอ่อ...ผมขอ...ขอน้ำเปล่าขวดหนึ่งครับคุณลุง”


“คงไม่ได้หรอกครับ ผมเอาไว้ขาย” พูดจบคุณลุงก็เดินหายเข้าไปหลังร้านก่อนจะกลับมาพร้อมขวดน้ำดื่ม


“ลุงเขาพูดแบบนี้กับทุกคนเลยเหรอคุณ” คนตัวสูงกระซิบ


“อือ” อาทิตย์ทัศน์ยักคิ้ว “ทำไมเหรอ”


“ผมว่าลุงแกควรจะเก็บของมีคมให้พ้นมือลูกค้านะ ขืนพูดแบบนี้มีหวังต้องโดนแทงเข้าสักวัน”


“มันเป็นสไตล์การขายของคุณลุงเขา ใคร ๆ ที่มาทานร้านนี้เขาก็รู้กันทั้งนั้น” อาทิตทัศน์กล่าว


“ไม่ไหวมั้งคุณ กวนเกิ๊น”


“อ้าว แล้วทีคุณล่ะ”


“คุณ...” คนตัวสูงขมวดคิ้ว “อย่างผมน่ะเขาเรียกกวนแบบน่ารัก ๆ พอหอมปากหอมคอ แบบที่แค่พอจะทำให้ใครบางคนยิ้มได้ครับ”


“นี่ที่พามาร้านนี้เพราะตั้งใจจะให้ผมโดนลุงแกเลยใช่ไหมเนี่ย”


อาทิตย์ทัศน์พยายามกลั้นหัวเราะ “แล้วคุณพอจะมองเห็นตัวเองตอนอายุมากขึ้นหรือยัง”


“ตัวแสบเอ๊ย” ตฤณกรส่ายหน้ายิ้ม ๆ  .....







....



“นี่ของคุณนะ” คนตัวสูงที่กำลังเปิดประตูลงจากรถกล่าวพร้อมกับวางกระดาษแผ่นเล็ก ๆ แผ่นหนึ่งไว้ที่คอนโซลฝั่งเดียวกับที่ตนเองนั่ง จากนั้นเขาก็เปิดประตูลงจากรถและยืนรอจนกระทั่งรถเก๋งสีขาวเคลื่อนลับตาไป...



อาทิตย์ทัศน์ขับรถเข้ามาจอดในบ้าน ไม่ลืมที่จะเอื้อมหยิบกระดาษขนาดเท่าโปสการ์ดที่ยังวางอยู่ที่เดิมขึ้นมาดูพร้อมกับรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้า มันเป็นโปสการ์ดที่วาดด้วยปากกาหมึกซึมบอกเล่าบรรยากาศร้านขายต้นไม้ที่มีป้ายชื่อของต้นไม้ปักอยู่เต็มไปหมด


‘รักแรกพบ’


คือป้ายชื่อของต้นไม้ที่คนวาดตั้งใจเน้นด้วยเส้นปากกาและเก็บรายละเอียดชัดเจนที่สุด....
 

ที่ด้านหลังโปสการ์ดมีข้อความเขียนเอาไว้ด้วยลายมือที่คุ้นตา



‘คุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้า....ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับ ขอบคุณที่เลี้ยงขนมผมแถมพาผมไปทานข้าวด้วย ขอบคุณที่คุณยิ้มให้ผม  ขอบคุณที่คุณห่วงความรู้สึกผม แล้วก็ขอบคุณที่วันนี้คุณเรียกชื่อผม’


ลงชื่อ ‘ดีไซเนอร์สุดหล่อ’



‘ปล. เรียกชื่อผมบ่อย ๆ นะ ผมชอบจังเวลาที่คุณเรียกชื่อผม’







....





https://www.facebook.com/photo.php?fbid=211957918990603&set=a.211498082369920.1073741828.211496972370031&type=1&theater (https://www.facebook.com/photo.php?fbid=211957918990603&set=a.211498082369920.1073741828.211496972370031&type=1&theater)เผื่อใครอยากเจอรักแรกพบค่ะ ^^


หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 17 : คู่แข่ง)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 18-12-2013 23:33:23
มาล่ะตัวเป็นๆ คู่แข่งตัง
คุณดีไซเนอร์สุดหล่อสู้ๆ

ปล. แอบเคือง2คนนั้นนะ เสียมารยาทมากมาย
เป็นการดูถูกกันเลยนะ ไม่ชอบคนแบบนั้เลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 17 : คู่แข่ง)
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 19-12-2013 06:10:34
ถ้าเราเป็นพี่จ้าไอ้คุณคู่แข่งคงตกกระป๋องเพราะชอบดูถูกคน
ชอบเรื่องของพระพุทธเจ้าจังเลย ให้แง่คิดดี จะจดจำไว้
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 17 : คู่แข่ง)
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 19-12-2013 06:41:23
น่ารักมากๆเลย ดูแกล้งกันสิ
คุณดิวรอรับแห้วได้เลยนะ
รู้สึกว่าแนนเป็นบ่างช่างยุยังไงก็ไม่รู้
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 17 : คู่แข่ง)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 19-12-2013 08:22:06
ถ้าเป็นแฟนกันแล้วจะหวานขนาดไหนเนี่ย  :-[
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 17 : คู่แข่ง)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 19-12-2013 15:55:29
สองคนนั้นทำตัวไม่น่าเป็นอาจารย์เลยนะ
ชอบตังงงง หยอดตลอดดด
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 17 : คู่แข่ง)
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 19-12-2013 16:46:00

อาจารย์สองคนนั้นร้ายกาจมากเลยอ่ะ

ส่วนตังเจอลีลาของลุงร้านข้าวต้มถึงกับเงิบไปเลยทีเดียว 555

+ 1 + เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 17 : คู่แข่ง)
เริ่มหัวข้อโดย: babaaa ที่ 19-12-2013 21:34:48
ไม่ชอบอาจารย์เลย ชอบดูถูกคน
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 17 : คู่แข่ง)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 19-12-2013 22:02:33
หวานมากนะนายตัง 
เหมือนจ้าจะเริ่มใจอ่อนลงมากแล้วนะเนี่ย  นายตังสู้ๆๆๆ  กันต่อไปนะ
หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 18 : ปากแข็ง)
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 21-12-2013 17:19:37
ตอนที่ 18  ปากแข็ง





ปลายฤดูฝน...


เสียงแตรรถที่ดังจากด้านหลังทำให้คนที่กำลังก้มหน้าอ่านข้อความในโทรศัพท์มือถือต้องหันกลับไปมองต้นเสียง ไม่ช้าปอร์เช่สีดำสนิทก็ขับเข้ามาจอดใกล้ ๆ ก่อนที่คนขับจะลดกระจกฝั่งคนโดยสารลง


“พี่จ้า ไปด้วยกันสิครับ เดี๋ยวผมไปส่ง” ดนุพงษ์เอ่ยขึ้น


“ขอบคุณนะ แต่พอดีพี่นัดกับเพื่อนเอาไว้น่ะ”


“อืม...นัดไว้ที่ไหนล่ะครับ เดี๋ยวผมไปส่ง”


“ไม่เป็นไร พี่นั่งรถไฟฟ้าไปเองดีกว่า” อาทิตย์ทัศน์กล่าว



“ขึ้นมาเถอะครับพี่จ้า เดี๋ยวผมไปส่ง” ดนุพงษ์กล่าวพร้อมกับเหลือบมองกระจกมองหลัง “นะครับพี่จ้า รถคันหลังเขาจอดรอนานแล้ว”


อาทิตย์ทัศน์ทำท่าลังเล เมื่อหันกลับไปมองด้านหลังรถที่จอดรออยู่ก็บีบแตรเสียงดังจนเขาต้องตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถ


“พี่จ้าจะไปที่ไหนครับเดี๋ยวผมไปส่ง” ดนุพงษ์ถามขณะออกรถ


“ส่งพี่ที่สถานีรถไฟฟ้าก็แล้วกัน”


“เอางั้นก็ได้ครับ” ดนุพงษ์กล่าวอย่างจำใจเมื่อเห็นว่าความพยายามของตัวเองไม่เป็นผล







ครู่หนึ่งปอร์เช่คันงามก็มาจอดเทียบที่บันไดทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้า อาทิตย์ทัศน์กล่าวขอบดนุพงษ์ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ


“วันนี้หนุ่มที่ไหนมาส่งคะ” จอมขวัญที่กำลังยืนรออยู่เอ่ยขึ้น


“ดิวไง”


“ดิว...” หญิงสาวนิ่งคิด “ดนุพงษ์น่ะเหรอคะ”


“ใช่ รุ่นเดียวกับขวัญนี่” อาทิตย์ทัศน์กล่าวขณะที่ทั้งคู่กำลังยืนอยู่บนบันไดเลื่อน


“ค่ะ นี่เขากลับจากต่างประเทศแล้วเหรอคะ”


“อืม..กลับมาได้สักพักแล้วละ แล้วก็มาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย”



“เหรอคะ ขวัญไม่เห็นรู้เรื่องเลย”


“อะไรกัน เป็นเพื่อนยังไงถึงไม่รู้เรื่องเพื่อนเลยเด็กคนนี้” อาทิตย์ทัศน์หัวเราะ


“ก็เขาคบแต่กับพวกลูกคนรวยนี่คะ”


“แต่เขาก็นิสัยดีไม่ใช่เหรอ”


“ก็ใช่ค่ะ ถ้าไม่เข้าทำนองพวกมากลากไปนะคะ”


“อืม” อาทิตย์ทัศน์พยักหน้า


“แล้ววันนี้พี่ตังไม่ชวนพี่จ้าไม่ไปเลี้ยงส่งนักศึกษาฝึกงานกับที่บริษัทเหรอคะ”


“ชวน แต่พี่ไม่ไป”


“อ้าว ทำไมล่ะคะ”


“มันเรื่องภายในของพวกเขา พี่เป็นอาจารย์นิเทศนะ”


“อืม..จริงด้วย”


“ถ้าพี่ไป แล้วขวัญจะไปซื้อของกับใครล่ะ”


“แหะ ๆ ขวัญขอโทษนะคะพี่จ้าที่บอกกะทันหัน”


“ไม่เป็นไร พี่เองก็ไม่ได้ติดธุระที่ไหนอยู่แล้ว”


หญิงสาวยิ้มก่อนจะเกาะแขนที่ชายของเธออย่างประจบ “พี่จ้าน่ารักที่สุดเลย”




 






โต๊ะใหญ่ที่ตั้งอยู่ด้านในสุดภายในร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยาวันนี้ถูกจองเอาไว้สำหรับการเลี้ยงส่งนักศึกษาฝึกงานของครีเอทีฟสตูดิโอ เมื่อแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ลับหายไปกับยอดตึกทุกคนก็มาพร้อมกัน


“วันนี้น้อง ๆ อยากทานอะไรสั่งเลยนะจ๊ะ” สาวใหญ่หัวหน้าฝ่ายบุคคลเอ่ยขึ้นหลังจากที่ทุกคนนั่งประจำที่



“วันนี้พี่นีเป็นเจ้าภาพใช่ไหมครับ” พัฒน์แทรกขึ้น “เอ้าพวกเราขอบคุณพี่นีเร็ว” สิ้นเสียงของชายหนุ่มร่างท้วมบรรดาหนุ่ม ๆ สาว ๆ ร่วมสิบคนที่นั่งล้อมวงกันอยู่ต่างก็ประนมมือและกล่าวขอบคุณ
                                                                                                                                                         

“ได้จ้ะ ฉันก็จะให้ผู้จัดการหักจากเงินเดือนพวกแกนั่นแหละ”


“อ้าว...จากนางฟ้ากลายเป็นปิศาจเสียแล้ว” ตฤณกรพึมพำ


“ว่าอะไรนะตัง”


“เอ้อ...เปล่าครับพี่ ผมแค่บอกว่าลืมไปซื้อของที่ตลาด”


“อ้อ..แล้วไป”


“แนนนี่ว่าเราสั่งอะไรกินกันดีกว่านะคะ” หญิงสาวร่างตุ้ยนุ้ยเอ่ยขึ้นก่อนจะส่งเมนูอาหารให้ทุกคน....






ยิ่งค่ำภายในร้านก็ยิ่งเต็มไปด้วยผู้คน เสียงพูดคุยกันเหมือนนกกระจอกแตกรัง ไม่ช้าอาหารที่สั่งไปเมื่อสักครู่ถูกทยอยมาเสิร์ฟ ตฤณกรหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมาดูเมื่อได้ยินเสียงเตือนข้อความดังขึ้น รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏบนใบหน้าเมื่อเห็นภาพที่ถูกส่งมาเป็นภาพของใครคนหนึ่งที่กำลังนึกถึงพร้อมกับคำบรรยายสั้น ๆ


‘ขวัญมาซื้อเสื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้น้องที่ทำงานค่ะ น่ารักไหมคะ’


มันเป็นภาพสะท้อนเงากระกระจกของคนตัวสูงที่กำลังก้มหน้าก้มตาติดกระดุมเสื้อเชิ้ตลายทางสีน้ำเงินทรงเข้ารูป ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ คือหญิงสาวเจ้าของข้อความกำลังยืนยิ้มหวานในถือโทรศัพท์เพื่อถ่ายภาพ





‘น่ารักครับ’


จอมขวัญอมยิ้มเมื่อข้อความสั้น ๆ ถูกตอบกลับมา


“ยิ้มอะไรน่ะขวัญ” อาทิตย์ทัศน์ที่กำลังยืนจัดเสื้อผ้าเอ่ยขึ้น


“ขวัญส่งรูปพี่จ้าตอนลองเสื้อตัวเมื่อกี้ไปให้พี่ตังดูแล้วถามพี่ตังว่าน่ารักรักไหม พี่ตังตอบกลับมาว่าน่ารักค่ะ”


“อืม” คนตัวสูงพยักหน้า "พี่บอกแล้วว่าตัวเมื่อกี้แหละเพื่อนขวัญต้องชอบ"


หญิงสาวยิ้มก่อนจะก้มอ่านข้อความที่ถูกส่งตามมาอีกครั้ง ‘คนใส่นะครับ ไม่ใช่เสื้อ’


คำพูดของน้องสาวทำอาทิตย์ทัศน์ร้อนวูบไปทั้งใบหน้า “เพ้อเจ้ออีกแล้ว” ชายหนุ่มพึมพำ


“เพ้อเจ้อแล้วทำไมพี่จ้าต้องเขินหน้าแดงด้วยล่ะคะ เดี๋ยวขวัญจะบอกพี่ตัง” พูดจบเธอก็พิมพ์ข้อความลงในโทรศัพท์


“พอเลย” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะพยายามแย่งโทรศัพท์มือถือในมือหญิงสาวแต่เธอเอี้ยวตัวหลบทัน


“ส่งแล้วเรียบร้อยค่ะ” จอมขวัญยิ้มหวาน


“จริง ๆ เลยนะเราน่ะ” คนตัวสูงส่ายหน้าช้า ๆ









“เฮ่ย ยิ้มกับโทรศัพท์อยู่นั่นแหละ” หนุ่มร่างท้วมที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กล่าวพร้อมกับตบที่ไหล่เบา ๆ เมื่อตฤณกรเงยหน้าขึ้นก็พบว่าทุกคนกำลังจ้องมาที่เขา


“อะ..อะไรกันครับ” ชายหนุ่มถามแก้เก้อก่อนจะค่อย ๆ เก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า


“เดี๋ยวนี้น้องตังทำตัวมีความลับนะคะ” สายสุนีย์เอ่ยขึ้น


“เปล่านี่ครับ ผมก็ปกติ”


“เหรอออออออ” ทุกคนที่นั่งกันอยู่ที่โต๊ะต่างก็พูดขึ้นพร้อมกัน


“ร่างกายปกติ แต่หัวใจผิดปกติหรือเปล่าคะพี่ตัง” สาวน้อยนางหนึ่งที่นั่งอยู่หัวโต๊ะเอ่ยขึ้น


“แบบคนกำลังอินเลิฟใช่ไหมจ๊ะน้องดาว” แนนนี่เสริม


“ก็อะไรทำนองนั้นแหละค่ะ”


“นี่พูดอะไรกันน่ะ ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย” ตฤณกรกล่าวก่อนจะยกแก้วน้ำอัดลมขึ้นดื่ม


“แหม ไม่ต้องปิดหรอกแก เขารู้กันหมดบริษัทแล้วเรื่องพี่เลี้ยงนักศึกษาฝึกงานกับอาจารย์นิเทศน่ะ” แนนนี่กล่าว


“ใช่ค่ะพี่ตัง สาว ๆ อกหักกันเป็นแถว” สาวน้อยหัวโต๊ะหัวเราะพาเอาคนอื่น ๆ ที่โต๊ะหัวเราะตามไปด้วย


“เฮ้ย ๆ น้อย ๆ หน่อย ยังจีบไม่ติดเลย อีกอย่างเขาเป็นอาจารย์นะ ลูกศิษย์เขาก็นั่งตาแป๋วอยู่นี่” ตฤณกรปราม


สามหนุ่มในชุดนักศึกษาต่างก็มองหน้ากันยิ้ม ๆ ก่อนจะกล่าวขึ้นพร้อมกัน “พวกผมเชียร์ครับ”


“ไอ้เด็กพวกนี้” ตฤณกรกล่าวเขิน ๆ


“ว่าแต่พี่น่ะบอกเขาหรือยังเรื่องงานที่ญี่ปุ่น” ดีไซเนอร์หน้าตี๋ซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเอ่ยขึ้น


“ยังเลยว่ะ”


ยังไม่ทันที่ทั้งสองคนจะได้พูดอะไรกันต่อ เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นขัดจังหวะ


“ใช่กอล์ฟหรือเปล่า”


เป็นเสียงที่ตฤณกรรู้สึกคุ้นหูอย่างประหลาด เมื่อเขาหันไปหาต้นเสียงก็พบร่างสูงของใครคนหนึ่งกำลังเดินตรงเข้ามา เขาคือชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งที่พักนี้ชักจะเจอกันบ่อยเกินไปนั่นเอง


“ดิว ดิวใช่ไหม” หนุ่มตี๋รีบลุกขึ้นก่อนจะเดินอ้อมโต๊ะตรงไปหาเขา


“เฮ้ย กอล์ฟจริง ๆ ด้วย ไม่เจอนายกันนานเลยว่ะ”


“นั่นสิ นายก็หายเงียบไปเลย ได้ข่าวว่าไปเรียนเมืองนอกเหรอวะ แล้วนี่กลับมาตั้งแต่เมื่อไร”


“กลับมาได้เกือบครึ่งปีแล้ว ตอนนี้เราได้งานสอนที่มหาวิทยาลัย แล้วนี่นายมาทำอะไรที่นี่”


“พาน้องฝึกงานมาเลี้ยง” กอล์ฟกล่าวก่อนจะหันไปหาทุกคนที่โต๊ะ บรรดานักศึกษาฝึกงานซึ่งรู้จักอาจารย์ดนุพงษ์แห่งคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ต่างก็ยกมือไหว้เขา


“นึกว่าใคร” ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งเอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นหน้าตฤณกร “ที่แท้ก็คนกันเอง”


“แล้วนี่นายมาคนเดียวเหรอ”


“เปล่าหรอก นัดกับเพื่อน ๆ ที่เรียนอังกฤษด้วยกันไว้น่ะ ยังไงขอตัวก่อนนะ เอาไว้ค่อยคุยกันใหม่” พูดจบชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งก็เดินจากไป


“หล่อเนอะ” หญิงสาวร่างตุ้ยนุ้ยหันไปกล่าวกับสาวน้อยที่นั่งหัวโต๊ะ


“ใครเหรอคะพี่กอล์ฟ”


“เพื่อนสมัยเรียนประถมน่ะ ไม่เจอกันนานมากแล้ว” หนุ่มหน้าตี๋กล่าวขณะเดินกลับมานั่งลงที่โต๊ะ



“ดูไฮโซจังเลยนะคะ”


“อืม นักเรียนนอกน่ะ ได้ข่าวจากเพื่อน ๆ ว่าพอจบมัธยมก็ไปเรียนอังกฤษ”


“ตาย ๆ ๆ ใครก็ได้ช่วยที ใจฉันจะละลาย” แนนนี่กล่าว


“อย่าว่าแต่แนนนี่เลยจ้ะ พี่นี่เองก็แทบจะทรงตัวไม่ไหว”


“อ้าว อะไรกันครับ เจอเขาแค่ไม่กี่นาทีนี่ปันใจจากผมกันแล้วเหรอ” ตฤณกรหัวเราะ


“ก็น้องตังมีเจ้าของแล้วนี่จ๊ะ พวกพี่ก็ต้องหาสิ่งยึดเหนี่ยวสิ”


“ว่าแต่เขามีแฟนหรือยังน่ะกอล์ฟ”


“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับพี่แนนนี่ ไอ้ดิวมันไม่ค่อยได้คุยกับเพื่อนเก่าเท่าไร ว่าแต่พี่ตังเถอะ ไปรู้จักกับดิวมันได้ยังไงครับ”


ตฤณกรเงยหน้าขึ้นสบตาเจ้าของคำถามก่อนจะกล่าวเรียบ ๆ


“เขารู้จักกับอาจารย์อาทิตย์ทัศน์”


“คนนี้น่ะคู่แข่งพี่ตังเขาครับ” หนุ่มน้อยในชุดนักศึกษาพากันหัวเราะ


“เฮ้ย จริงเหรอ อาจารย์อาทิตย์ทัศน์นี่เสน่ห์แรงจริง ๆ เลยนะคะ” สาวน้อยที่นั่งหัวโต๊ะยิ้ม


“แน่ละสิจ๊ะน้องดาว หล่อเริ่ดขนาดนั้น พี่เห็นครั้งแรกตอนเขามานิเทศน้อง ๆ ฝึกงาน ถึงกับเพ้อไปหลายวัน”


“อืม แล้วพี่ตังล่ะคะ เจออาจารย์อาทิตย์ทัศน์ครั้งแรกที่ก็ที่บริษัทเหมือนกันหรือเปล่าหรือว่ารู้จักกันมาก่อนหน้านั้น”


“พี่เคยเจอเขามาก่อนหน้านี้ มันนานมากแล้วละแต่เขาจำพี่ไม่ได้”


“หูยยยยยย โรแมนติกจัง แล้วพี่ตังไปเจออาจารย์เขาที่ไหนเหรอคะ”


ตฤณกรเลือกที่จะไม่ตอบอะไร เขาได้แต่ยิ้ม....









“ปวดฉี่ว่ะ ไปฉี่กัน” หนุ่มน้อยในชุดนักศึกษาหนึ่งในสามคนเอ่ยขึ้นก่อนจะชวนเพื่อน ๆ ไปเข้าห้องน้ำซึ่งอยู่หลังร้าน หลังจากทำธุระเรียบร้อยในขณะที่ยืนรอกันอยู่นั้นคนหนึ่งก็เอ่ยขึ้น


“เฮ้ย แพ้แอลกอฮอล์นี่มันมีจริงเหรอวะ”


“เออ ไม่รู้เหมือนกันว่ะ นายเคยได้ยินหรือเปล่าวะภูมิ”


“เพิ่งเคยได้ยินวันนี้แหละ ตอนที่พี่ ๆ เขาพูดกันเรื่องพี่ตังแพ้แอลกอฮอล์ สงสัยจะกินแล้วผื่นขึ้นอะไรแบบนี้หรือเปล่าวะ เหมือนแพ้ยาน่ะ”


หนุ่มน้อยทั้งสามคนมองหน้ากันก่อนจะพากันส่ายศีรษะอย่างไม่เข้าใจโดยไม่รู้เลยว่าที่ประตูฝั่งห้องน้ำหญิงกำลังมีใครคนหนึ่งยืนฟังการสนทนาของพวกเขาทั้งสามคนอยู่






“ไปเข้าห้องน้ำนานจังเลยแนน” ดนุพงษ์เออ่ยขึ้นเมื่อหญิงสาวในชุดเดรสเข้ารูปสีดำเดินกลับมานั่งที่โต๊ะซึ่งมีหนุ่มสาวอีก 2-3 คนที่กำลังนั่งดื่มกันอยู่


“พอดีแนนเจอเรื่องสนุก ๆ มาน่ะค่ะพี่ดิว” ปากสีแดงสดคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับชะเง้อมองโต๊ะใหญ่ที่ด้านในสุด


“อะไรเหรอ” ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งขมวดคิ้ว


“เอาหูมาสิคะ” เธอกล่าวก่อนจะกระซิบกระซาบที่ข้างหูของเขา



ดนุพงษ์ขมวดคิ้วก่อนจะกล่าวเบา ๆ “จะดีเหรอ”



“ดีสิคะพี่ดิว พี่ดิวจำไม่ได้เหรอว่าเขาทำไม่ดีกับเรายังไง”



“อืม...แต่ว่าพี่ไม่เห็นว่ามันจะต้องเอาคืนกันด้วยวิธีการนี้นะ”


“ถ้าอย่างนั้นพี่ดิวก็อยู่เฉย ๆ ค่ะ เดี๋ยวแนนจัดการเอง” พูดจบริมฝีปากสีแดงก็ขยับขึ้นเรียกบริกรหนุ่มที่กำลังเดินผ่านมา เธอสั่งน้ำอัดลมสีดำกับแก้วเปล่าเพิ่มหนึ่งใบ


“เอามาทำไมยัยแนน ปกติแกไม่ต้องผสมนี่” หญิงสาวที่นั่งฝั่งตรงข้ามเอ่ยขึ้น


“ฉันไม่ได้จะดื่มเองย่ะ จะผสมให้เพื่อน พอดีเจอเพื่อนเก่าน่ะ”


ไม่นานนักน้ำอัดลมและแก้วเปล่าก็ถูกยกมาวาง ณิณญายิ้มก่อนจะจัดการผสมน้ำอัดลมน้ำแข็งและน้ำสีอำพันเข้าด้วยกัน


“แนน แต่พี่ว่า...” ดนุพงษ์อึกอัก



“พี่ดิวอยู่เฉย ๆ เถอะค่ะ แนนก็มีเพื่อนฝรั่งที่แพ้แอลกอฮอล์ยังทานได้เลย ไม่ถึงตายหรอก” หญิงสาวกล่าวอย่างไม่แยแสก่อนจะลุกขึ้นพร้อมกับหยิบแก้วที่มีน้ำสีดำอยู่เต็มทั้งสองใบเดินตรงไปยังระเบียงร้านที่ยื่นออกสู่แม่น้ำ


“สวัสดีค่ะคุณตฤณกร”


ตฤณกรซึ่งกำลังยืนเท้าแขนชมบรรยากาศยามค่ำคืนของแม่น้ำเจ้าพระยาหันมาตามเสียง เขารู้สึกแปลกใจไม่น้อยเมื่อพบว่าผู้หญิงที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเป็นใคร


“สวัสดีครับคุณณิณญา”


“บังเอิญจังเลยนะคะที่เจอกันที่นี่”


“ครับ” ชายหนุ่มตอบเพียงสั้น ๆ



“แนนมากับพี่ดิวน่ะค่ะ มีนัดกับเพื่อน ๆ ที่เคยเรียนอังกฤษด้วยกัน พี่ดิวบอกว่าคุณตฤณกรก็มาแนนเลยแวะมาทักทาย” หญิงสาวเจ้าของริมฝีปากแดงสดกล่าวก่อนจะยื่นแก้วที่ถือมาใบหนึ่งให้


“อะไรเหรอครับ”


“เพื่อเป็นการขอโทษที่คราวก่อนที่เจอกันแนนพูดจาไม่ค่อยน่ารักกับคุณตฤณกรน่ะค่ะ”


“ไม่เป็นไรหรอกครับ” ตฤณกรกล่าว


“ดื่มหน่อยเถอะนะคะ แนนจะได้สบายใจ” ณิณญายิ้ม “แค่น้ำอัดลมเองนะคะ”


ตฤณกรมองน้ำสีดำในแก้วอย่างลังเลก่อนจะรับแก้วมาไว้ในมือ


“ชนค่ะ” หญิงสาวกล่าวก่อนจะขยับแก้วในมือชนกับแก้วที่อยู่ในมือของชายหนุ่ม จากนั้นเธอก็ยกแก้วขึ้นดื่มจนน้ำสีดำพร่องไปเกือบครึ่ง


ตฤณกรมองหญิงสาวอย่างลังเลก่อนจะดื่มน้ำสีดำในแก้วที่ถืออยู่....





หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 18 : ปากแข็ง)
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 21-12-2013 17:20:08

“โชคดีนะครับที่คนไข้ดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปในปริมาณที่ยังน้อยอยู่ แล้วก็มาถึงโรงพยาบาลเร็ว” แพทย์เวรกล่าวขณะยืนบันทึกบางอย่างลงในแฟ้มข้างเตียงคนไข้ก่อนจะส่งให้พยาบาล “คิดว่าพรุ่งนี้ก็น่าจะกลับบ้านได้แล้วละครับ”



“ขอบคุณนะคะคุณหมอ” หญิงสาวผู้มีอาวุโสที่สุดในห้องกล่าวขณะที่แพทย์เวรกำลังจะเดินออกจากห้องไป


“พี่นีนั่งพักก่อนดีกว่าค่ะ หน้าซีดไปหมดแล้ว”


สายสุนีย์พยักหน้า ดังนั้นสองสาวจึงพากันประคองเธอไปนั่งที่โซฟา


“ผมน่ะตกใจหมด อยู่ ๆ พี่ตังก็ผื่นขึ้นแถมบ่นว่าหายใจไม่ค่อยออก จำได้ว่าพี่พัฒน์เคยบอกว่าพี่ตังค์แพ้แอลกอฮอล์แต่ว่าเราก็ไม่ได้ดื่มอะไรนอกจากน้ำเปล่ากับน้ำอัดลม ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง” ดีไซเนอร์หน้าตี๋กล่าว


“ดีนะที่เคยเห็นอาการมันมาก่อนเมื่อสมัยรับน้องไม่อย่างนั้นก็คงไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน” พัฒน์กล่าว




“ยังดีที่ตังมันไม่เป็นอะไรมาก” สาวร่างตุ้ยนุ้ยเอ่ยขึ้น




“ถ้าอย่างนั้นคืนนี้เรากลับกันก่อนดีกว่านะ อยู่กันแบบนี้ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาเยี่ยมตังกันใหม่ก็แล้วกัน” สายสุนีย์กล่าว


อาทิตย์ทัศน์มองดูชายหนุ่มที่ใส่เครื่องให้ออกซิเจนแบบหนวดกุ้งซึ่งยังคงนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงภายในห้องพักของโรงพยาบาล เนื้อตัวที่เคยเป็นผื่นแดงเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนค่อย ๆ จางลง เขามาถึงที่นี่หลังจากที่ได้รับโทรศัพท์จากนักศึกษาฝึกงานในความดูแลของเขาเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน ชายหนุ่มถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะหันไปหานักศึกษาสามคนที่กำลังยืนเกาะเตียงคนไข้


“นี่มันก็ดึกมากแล้ว ผมว่าพวกคุณรีบกลับบ้านเถอะ เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่จะเป็นห่วง”


“ครับอาจารย์” สามหนุ่มกล่าวขึ้นพร้อมกันก่อนจะลาพี่ ๆ ทุกคน


“ถ้าอย่างนั้นผมไปส่งน้อง ๆ ให้นะครับอาจารย์ เจอเหตุการณ์แบบนี้แล้วรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีเลย” หนุ่มร่างท้วมเสนอ


“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปส่งเด็ก ๆ เองดีกว่า ที่พวกคุณช่วยดูแลเด็ก ๆ ให้ เท่านี้ก็รบกวนทุกคนมากแล้ว” อาทิตย์ทัศน์กล่าวอย่างสุภาพ


“ไม่เป็นไรค่ะอาจารย์ เราคนกันเองทั้งนั้นใช่ไหมทุกคน” แนนนี่ยิ้มก่อนจะหันไปขอความคิดเห็นจากเพื่อน ๆ ที่ต่างก็พากันพยักหน้าเห็นด้วย


“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งดาวกับพี่นีที่บ้านก็แล้วกันนะ” พัฒน์กล่าว


“งั้นแกกลับกับพี่นะกอล์ฟ” แนนนี่หันไปกล่าวกับดีไซเนอร์หน้าตี๋


“พี่ส่งผมที่สถานีรถไฟฟ้าก็พอครับ”


ดังนั้นในคืนนี้ทุกคนจึงแยกกันที่โรงพยาบาล...





เช้าวันต่อมาอาทิตย์ทัศน์มาเยี่ยมตฤณกรแต่เช้า เมื่อเปิดประตูเข้าไปเขาก็พบว่าคนป่วยกำลังนั่งดูข่าวเช้าอยู่บนเตียง เครื่องให้ออกซิเจนถูกถอดออกไปแล้วส่วนผื่นแดงตามตัวก็หายไปจนหมด


“เป็นยังไงบ้าง” คนตัวเล็กกว่ากล่าวก่อนจะวางตะกร้าหวายลงที่โต๊ะข้างเตียงที่มีถาดอาหารของผู้ป่วยวางอยู่


“สบายดีครับ” ตฤณกรตอบยิ้ม ๆ


“คุณทานอะไรหรือยัง”


“ยังเลย” ตฤณกรส่ายหน้า


“จะทานเลยไหม แม่ผมฝากข้าวต้มมาให้ด้วย”


“ครับ”


จากนั้นอาทิตย์ทัศน์ก็ยกถุงขนมกับกล่องใส่ข้าวต้มออกมาจากตะกร้าก่อนจะเปิดฝาออกและเทใส่ชาม จากนั้นจึงเลื่อนโต๊ะมาที่เตียงของชายหนุ่ม


“หอมจัง”


“คุณมีอะไรอยากบอกผมไหม”


“ไม่มีนี่” คนตัวสูงยิ้ม “ที่ผมอยากบอกผมก็บอกคุณไปหมดแล้ว หรือว่าคุณอยากจะฟังอีก”


อาทิตย์ทัศน์จ้องหน้าคนทำทะเล้นโดยไม่ได้พูดอะไรจนคนถูกจ้องสลดลง “คุณอยากฟังเรื่องอะไรล่ะครับ”


“เมื่อคืนนายภูมิบอกผมว่าเจออาจารย์ดนุพงษ์กับอาจารย์ณิณญาที่ร้าน”



“ครับ ก็เจอกันโดยบังเอิญ”


“แค่นั้นเหรอ”


“อืม ก็แค่นี้น่ะสิครับ คุณจะให้แค่ไหนล่ะ”


“แล้วคุณไปดื่มแอลกอฮอล์ตอนไหน”


“อืม...สงสัยน้ำอัดลมมันทำปฏิกริยากับน้ำย่อยในกระเพาะก็เลยเปลี่ยนเป็นแอลกอฮอล์มั้ง” คนตัวสูงพูดกลั้วหัวเราะแต่ดูเหมือนว่าคนฟังจะไม่ขำด้วยกับเขา


“ช่างมันเถอะคุณ มันผ่านไปแล้ว ผมอาจจะเผลอหยิบแก้วใครดื่มไปก็ได้” ตฤณกรตัดบท


“แต่ทุกคนบอกว่าดื่มกันแต่น้ำเปล่ากับน้ำอัดลมนี่ เพราะคุณดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้ ทุกคนก็เลยพากันไม่ดื่มตาม”


“ทานข้าวดีกว่า ผมหิวแล้ว”


 “คุณกำลังปกป้องคนผิดนะ” อาทิตย์ทัศน์ถอนหายใจเบา ๆ พร้อมกับยื่นช้อนให้


คนตัวสูงรับมันมาถือไว้เงียบ ๆ ยังไม่ทันที่ตฤณกรจะได้พูดอะไร เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น คนที่เปิดประตูเข้ามาทำให้อาทิตย์ทัศน์และตฤณกรต้องแปลกใจไม่น้อย


“สวัสดีครับ” ดนุพงษ์ที่เดินเข้ามาเอ่ยขึ้น “ผมแวะมาเยี่ยม” เขากล่าวก่อนจะส่งกระเช้าผลไม้ให้อาทิตย์ทัศน์ เขาหันไปสะกิดหญิงสาวหน้าหงิกที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เธอจึงยกมือไหว้อาทิตย์ทัศน์
 


“ขอบคุณมากนะครับ” ตฤณกรกล่าวด้วยรอยยิ้ม



“แล้วก็...” ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งกล่าวอย่างลังเล “ผมอยากจะขอโทษเรื่องเมื่อคืน”


“เรื่องอะไรเหรอ” อาทิตย์ทัศน์ถามแต่สายตาหันไปคาดโทษคนที่นั่งอยู่บนเตียง


“ตอนเห็นพวกเพื่อน ๆ คุณช่วยกันพาคุณออกจากร้าน ผมก็เริ่มรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แน่ ๆ ผมน่าจะห้ามแนนให้เด็ดขาดกว่านั้น”


“แหมล้อเล่นหน่อยเดียวเองค่ะ แนนบังเอิญได้ยินนักศึกษาคุยกันเรื่องคุณตฤณกร ก็แค่จะหยอกเล่นสนุก ๆ นี่คะ เพื่อนแนนที่เป็นชาวต่างชาติก็เป็นแบบนี้กันตั้งหลายคนแต่พอฝึกดื่มบ่อย ๆ เข้าอาการก็หายไปเอง” สาวปากแดงกล่าวอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก


“ล้อเล่นแบบนี้ไม่ดูเลือดเย็นไปหน่อยเหรอครับอาจารย์แนน” อาทิตย์ทัศน์กล่าว “คุณล้อเล่นกับชีวิตคนอื่นผมว่ามันเกินไปหน่อย ถ้าเขาเป็นอะไรไปพวกคุณจะทำยังไง”


“ก็ไม่เห็นเป็นอะไรสักหน่อย” หญิงสาวพึมพำจนคนที่ยืนข้าง ๆ กันต้องปราม


“งั้นเอาเป็นว่าแนนขอโทษก็แล้วกัน” คำขอโทษที่ฟังดูห้วน ๆ นั้นทำเอาหัวคิ้วหนาของอาทิตย์ทัศน์เริ่มขมวดเข้าหากัน


“ถ้าไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองทำเป็นเรื่องผิดก็อย่าขอโทษเลยครับ”


“อะ อะจารย์จ้าว่าแนนเหรอคะ”


“เปล่า ผมไม่ได้ว่า แต่ผมหมายความแบบนั้นจริง ๆ”


“ผมขอโทษจริง ๆ นะครับพี่จ้า คุณตฤณกร” ดนุพงษ์เอ่ยขึ้น


“เอ่อ..ช่างมันเถอะครับ” ตฤณกรกล่าวเรียบ ๆ



“เห็นไหมคะ เจ้าตัวเขายังไม่ว่าอะไรเลย”


“ก็เพราะแบบนี้ไงครับ คนเดือดร้อนไม่เอาเรื่องเพราะถือว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไรมาก เอะอะก็บอกว่าไม่เป็นไร คนทำผิดถึงยังคงทำผิดอยู่นั่น ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีกโดยไม่รู้ว่าเรื่องที่ตัวเองทำมันผิด คุณรู้ไหม เวลาผมสอนนักศึกษาแล้วมีนักศึกษามาเรียนสาย แล้วผมปล่อยให้เขาเข้ามานั่งเรียนโดยไม่ได้ทำการตักเตือน วันต่อ ๆ ไปเขาก็จะมาสายแบบนี้อีก เขาอาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่ได้มีผลอะไรหรือเดือดร้อนใคร แต่นั่นมันจะทำให้ตัวเขาเองลำบากเมื่อเขาต้องออกไปทำงานร่วมกับคนอื่น และนั่นหมายถึงว่าผมมีส่วนทำให้เขาเป็นแบบนั้น ถ้าคนเป็นครูทำผิดเสียเองแล้วจะไปสอนลูกศิษย์ได้ยังไง ใครจะนับถือ”


“อาจารย์จ้า” ณิณญาขึ้นเสียง “เก่ง ๆ อย่างแนนน่ะ แค่เอาความรู้ที่เรียนมาสอนให้นักศึกษาก็พอแล้วค่ะ ไม่ต้องทำตัวเป็นแม่พระนักศึกษาก็นับถือ”


“อย่าลืมว่าในสังคมตอนนี้มีคนเก่งมากแล้ว แต่ที่เรายังขาดอยู่อีกมากคือคนดีนะครับ” อาทิตย์ทัศน์กล่าว


“นี่ว่าแนนเหรอคะ” หญิงสาวปากแดงกล่าวก่อนจะเชิดใส่


“เปล่าครับ ผมแค่บอกเอาไว้ เผื่ออาจารย์แนนไปอยู่เมืองนอกมานานจะไม่ทราบ” คนตัวสูงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจนัก


“ฮึ่ย” หญิงสาวทำท่ากระฟัดกระเฟียดจนดนุพงษ์ของพาตัวเธอออกไป










“โอ้ย....” ตฤณกรถอนใจเฮือกใหญ่ “หัวใจผมจะวาย กลัวเธอจะกรี๊ดกลางโรงพยาบาลแทบแย่ เจอฤทธิ์อาจารย์อาทิตย์ทัศน์เข้าไป”


“คุณยังมีความผิดนะ”


“อะไรกันครับ ผมถูกกระทำนะคุณ”


“แต่คุณปกป้องคนผิด”


“ก็ผมไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่นี่นา”


“คนที่ทำผิดแล้วไม่ได้สำนึกว่าตัวเองทำผิด คนแบบนี้ควรจะได้รับบทเรียนบ้าง”


“คุณก็มีมุมน่ากลัวเหมือนกันนะ” ตฤณกรยิ้ม


อาทิตย์ทัศน์ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะดูนาฬิกาข้อมือ “ผมต้องไปแล้วนะ”


“เดี๋ยวสิครับ” ตฤณกรกล่าวพร้อมกับคว้าข้อมือของเขาเอาไว้ “คุณล่ะ มีอะไรอยากบอกให้ผมรู้ไหม”


“เรื่องอะไร” คนตัวเล็กกว่าขมวดคิ้วสงสัย


“ก็อย่างเช่น คุณเป็นห่วงผม หายเร็ว ๆ นะ หรืออะไรทำนองนี้”


“ถ้ามีแรงกวนประสาทแบบนี้คงไม่น่าเป็นห่วงแล้วละ”


“อะไรกันคุณ นี่ถ้าผมเป็นอะไรไปคุณจะทำยังไงเนี่ย”


“ผมเป็นเจ้าภาพให้คืนแรกดีไหม” อาทิตย์ทัศน์หัวเราะก่อนจะดึงมือของเขาออก “ทานข้าวไป ผมจะไปทำงานแล้ว” พูดจบเขาก็เดินไปหยิบตะกร้า


“เดี๋ยวเถอะ ถ้าผมหายไปนาน ๆ แล้วคุณนั่นแหละจะคิดถึงผม” ตฤณกรกล่าวตามหลังคนที่กำลังจะเดินออกจากห้องไป









บ่ายวันนั้นอาทิตย์ทัศน์ถูกขอร้องจากเพื่อน ๆ ของตฤณกรให้มารับเขาที่โรงพยาบาลเพื่อไปส่งที่คอนโดเพราะไม่มีใครว่างมารับเนื่องจากต่างคนต่างติดประชุม


“ไม่ได้แผนใช่ไหม” คนตัวเล็กกว่าซึ่งนั่งอยู่หลังพวงมาลัยเอ่ยขึ้นขณะมองชายหนุ่มที่นั่งผิวปากอารมณ์ดีอยู่ข้าง ๆ



“แผนอะไรกันคุณ” ตฤณกรทำหน้าทะเล้น


“ก็เรื่องที่เพื่อนคุณโทรให้ผมมารับคุณเพราะว่าทุกคนติดประชุมน่ะ”


“ก็ประชุมจริง ๆ นี่ครับ พอดีเดือนหน้าคงต้องยุ่ง ๆ กันหน่อยเลยต้องประชุมเตรียมรับมือ”


“ทำไม จะปลดพนักงานที่วัน ๆ เอาแต่นั่งโพสต์ข้อความในเว็บบอร์ดออกเหรอ” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะเลี้ยวรถเข้าไปจอดที่ลานจอดรถของคอนโด


“เปล่าเสียหน่อย คุณนี่” ตฤณกรขมวดคิ้วยิ้ม ๆ









“เดือนหน้าผมถูกส่งให้ไปทำงานที่ญี่ปุ่น” ชายหนุ่มเจ้าของห้องเอ่ยขึ้นขณะนั่งลงบนโซฟา


“อืม ก็ดีนี่ ได้ไปเที่ยว”


“ดีอะไรกันคุณ ไปตั้งเดือนหนึ่งนะ”


“ก็คิดเสียว่าได้เที่ยวญี่ปุ่นหนึ่งเดือนโดยไม่ต้องส่งฝาผลิตภัณฑ์อะไรไปชิงโชคไง” อาทิตย์ทัศน์กล่าวขณะเดินดูภาพติดฝาผนัง


“โธ่คุณ แทนที่จะอาลัยอาวรณ์กันบ้าง นี่ไม่มีเลย ผมไปตั้งเดือนหนึ่งนะ”


“ผมคงสบายหู” คนตัวเล็กกว่ากล่าวโดยที่ไม่ทันระวังคนที่เดินมาจากด้านหลัง มือหนาคว้ากุญแจรถในมือของเขามาถือเอาไว้ก่อนจะกล่าว


“ให้มันจริงเถอะ”


“เอากุญแจรถผมคืนมา” อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้ว


“ผมไม่คืนจนกว่าคุณจะสัญญามาก่อน ไม่งั้นคุณก็ต้องค้างที่นี่แหละ”


“สัญญาอะไร”


คนตัวสูงกว่ายิ้มเจ้าเล่ห์ “ก็สัญญาว่าถ้าผมกลับมาคุณจะยอมตอบคำถามของผม”


“คำถามอะไรของคุณ”


“อีกหนึ่งเดือนผมจะกลับมาถามคุณว่าคุณคิดถึงผมหรือเปล่า”


“ตอบตอนนี้เลยก็ได้”


“ไม่เอาสิ ตอบตอนนี้คุณก็ต้องบอกว่าไม่คิดถึง ผมถึงจะหายไปหนึ่งเดือนแล้วกลับมาเอาคำตอบไง”


“เอากุญแจคืนมา” อาทิตย์ทัศน์แบมือ


“สัญญาก่อน”


“ไม่” คนตัวเล็กกว่ากล่าวก่อนจะเดินไปที่ประตูพร้อมกับเปิดมันออก


“ถ้าไม่สัญญาผมก็ไม่ยอมให้ไป” ตฤณกรที่เดินมาจากด้านหลังกล่าวก่อนจะเอื้อมมือดันประตูให้ปิดลงเหมือนเดิม “สัญญาก่อน” คนตัวสูงกว่ากล่าวพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ


หน้าคมร้อนวูบขึ้นมาทันทีเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่รดต้นคอและท่อนแขนแกร่งที่พาดผ่านบ่าของตัวเอง 


“อือ สัญญาก็สัญญา” อาทิตย์ทัศน์ตัดสินใจตอบห้วน ๆ “เอากุญแจคืนมาได้แล้ว” พูดจบเขาก็สอดมือไปที่ข้างลำตัวของตัวเองก่อนจะแบออกเพื่อรอรับกุญแจจากคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง


“หันมาสิคุณ ไม่งั้นผมจะคืนยังไง”


“คุณก็วางลงมาบนมือผมสิ”


“ผมมองไม่เห็นน่ะ คุณหันมาสิครับ”


อาทิตย์ทัศน์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะค่อย ๆ หันไปหาคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง ตาคมไม่กล้าแม้แต่จะสบตาคนตรงหน้า เขาได้เพียงแต่มองอยู่ในระดับสายตาเท่านั้น ไม่นานริมฝีปากหยักได้รูปก็คลี่ยิ้มออก



 “ทำไมไม่มองหน้าผมล่ะ หรือว่าคุณเขินผม”


“ผมจะเขินทำไม เอากุญแจผมคืนมา”


ตฤณกรยิ้ม “ผมจะทำยังไงกับคนปากแข็งดี”


“เอาคืนมา” อาทิตย์ทัศน์ลากเสียง


“ก็ได้ ๆ นี่ครับ” ตฤณกรกล่าวก่อนจะวางกุญแจลงบนมือของคนตรงหน้า


“คุณสัญญาแล้วนะ ว่าจะตอบคำถามผม”


“ผมรู้แล้วน่า” อาทิตย์ทัศน์กล่าว เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นจึงพบว่าปลายจมูกโด่งของตฤณกรอยู่ห่างกับปลายจมูกของเขาเพียงลมหายใจกั้นเท่านั้น


“เป็นอาจารย์ต้องรักษาสัญญานะคุณ” คนตัวสูงพูดกลั้วหัวเราะ



“พูดมาก” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะใช้มือผลักหน้าอกคนตรงหน้าเบา ๆ “ถอยไป ผมจะกลับบ้านแล้ว” พูดจบชายหนุ่มก็เปิดประตูเดินออกจากห้องไปทิ้งไว้แต่เพียงรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่ใบหน้าของเจ้าของห้อง...






...



ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ คาดว่าอีก 2 ตอนก็น่าจะจบแล้วค่ะ ^^



หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 18 : ปากแข็ง)
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 21-12-2013 17:57:33
จะจบแล้วเหรอ ไม่อยากให้จบเลยอ่ะ

หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 18 : ปากแข็ง)
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 21-12-2013 18:04:59
ขอตอนพิเศษด้วยนะ จะติดตามตลอดไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 18 : ปากแข็ง)
เริ่มหัวข้อโดย: Tun_Bow ที่ 21-12-2013 19:43:18
อ.ดิวจะเสียคนเพราะคบเพื่อนอย่าง อ. แนน นี่แหละ นางไม่ได้สำนึกอะไรเล๊ยยย
ติดลบไปแล้วล่ะ ยังไงๆก็เชียร์ให้ตังค์มาวินเห็นๆ
พี่จ้าปากแข็งจังเลยย แต่ก็น่ารักกก ยิ่งอยู่กับพี่ตังได้เห็นจ้าในมุมที่คนอื่นคงไม่ได้เห็นยิ่งน่าร๊ากก
อีกสองตอนจะจบแล้วแอบใจหายนิดๆแหะ
รอตอนต่อไปคับ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 18 : ปากแข็ง)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 21-12-2013 19:58:31
จ้ามีมุมน่ากลัวด้วย คนอย่างแนนต้องเจออย่างนี้แหละ
รอตังกลับจากญี่ปุ่นมาทวงสัญญา จะสมหวังไหมตัง
เอาใจช่วยเต็มที่
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 18 : ปากแข็ง)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 21-12-2013 22:41:36
ตังยังจีบจ้าไม่จุใจเลยจะจบแล้วววว
ไม่ชอบยัยครูแนนมากๆๆ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 18 : ปากแข็ง)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 22-12-2013 00:00:49
อีก 2 ตอนจะจบ ??

 :a5:
หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 19 : กล่องแห่งความลับ)
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 22-12-2013 11:55:29
ตอนที่ 19 กล่องแห่งความลับ




สัปดาห์ต่อมา...


‘ผมจะขึ้นเครื่องแล้วนะคุณ นอกจากไม่มาส่งแล้วยังจะไม่อวยพรอะไรหน่อยเหรอครับ’



อาทิตย์ทัศน์อ่านข้อความที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะยิ้ม นิ้วเรียวค่อย ๆ พิมพ์ข้อความบางอย่างตอบกลับไป



‘…..’



ตฤณกรอ่านข้อความสั้น ๆ ที่ถูกส่งมาก่อนจะพึมพำกับตัวเอง “ใจร้ายจริง ๆ” ชายหนุ่มยิ้มก่อนจะพิมพ์ข้อความส่งกลับไปบ้าง



‘ผมจะแปลมันว่า...เดินทางปลอดภัย อย่าลืมคิดถึงผมบ้าง คุณกลับมาเมื่อไรผมจะบอกว่าคิดถึงคุณเหมือนกัน...ตามนี้ก็แล้วกันนะครับ ผมไปละ’



“ไอ้บ้าเอ๊ย” อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้ายิ้ม ๆ ก่อนจะเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋า มือหนึ่งเอื้อมผลักประตูกระจกบานใหญ่เข้าไปในร้านอาหารอิตาเลียนตกแต่งสไตล์โมเดิร์นซึ่งตั้งอยู่ในซอยดียวกับมหาวิทยาลัย เสียงดนตรีคลาสิคดังคลอไปกับเสียงพูดคุย ลูกค้าในร้านเวลานี้มากพอสมควรแต่ก็ยังพอมีโต๊ะว่าง ชายหนุ่มแจ้งกับบริกรที่เดินเข้ามาหาก่อนจะตามเขาไปนั่งลงที่มุมหนึ่งของร้านก่อนที่ตาคมมองหาใครคนหนึ่งที่โทร.นัดให้เขามาที่นี่เมื่อช่วงเย็น


“ขอโทษที่ต้องให้รอนะครับพี่จ้า พอดีผมมีประชุมด่วน เพิ่งจะเลิก” ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งที่เพิ่งเดินมาถึงเอ่ยขึ้นก่อนจะนั่งลง


“ไม่เป็นไร พี่ก็เพิ่งมาถึง” 


“พี่จ้าสั่งอะไรหรือยังครับ” ดนุพงษ์ถาม


“ยัง แต่เดี๋ยวก่อนก็ได้ พูดธุระของดิวมาเถอะ”


“ถ้าไม่มีธุระ เราจะทานข้าวด้วยกันไม่ได้เลยเหรอครับ”


“ก็ดิวเป็นคนบอกพี่เองว่ามีธุระจะคุยด้วยไม่ใช่เหรอ”


“ครับ” ชายหนุ่มพยักหน้า “ถ้าผมไม่บอกแบบนั้น พี่จ้าจะยอมมาเหรอครับ”


อาทิตย์ทัศน์สบตาคนตรงหน้าก่อนจะนิ่งไป


“ผมแค่อยากเจอพี่จ้า ตั้งแต่วันนั้นเราก็ไม่มีได้เจอกันเลยนะครับ พี่จ้ายังโกรธผมเรื่องวันนั้นอยู่หรือเปล่า ผมอยากจะขอโทษ”


“พี่ว่าเราเลิกพูดเรื่องนี้ดีกว่า อีกอย่างคนเสียหายเขาก็ไม่ได้ติดใจเอาความอะไรตั้งแต่วันนั้นแล้ว”


“ผมไม่ได้สนใจความรู้สึกเขา แต่ที่ผมสนใจ ผมสนใจความรู้สึกพี่จ้ามากกว่า” ดนุพงษ์กล่าวก่อนจะจ้องลึกลงไปในดวงตาของชายหนุ่มตรงหน้า


“พี่น่าจะมองออกว่าผมรู้สึกยังไงกับพี่”


“เรา...สั่งอาหารกันดีกว่านะ” อาทิตย์ทัศน์ตัดบท


“ให้โอกาสผมหน่อยไม่ได้เหรอครับ” ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งกล่าวก่อนจะวางมือของตัวเองลงบนมือของคนตรงหน้า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วนะครับที่ผมขอโอกาสจากพี่”


ใช่...มันเป็นครั้งที่สองแล้วที่ผู้ชายคนนี้พูดขอโอกาสจากเขา วันนี้เป็นครั้งที่สอง ส่วนครั้งแรกเมื่อสิบกว่าปีก่อนสมัยที่เขาทั้งคู่ยังคงเรียนชั้นมัธยม...


อาทิตย์ทัศน์นิ่งเงียบไปก่อนจะค่อย ๆ ชักมือออก “ดิวก็น่าจะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้”


“ตอนนั้นผมอาจจะสู้พี่นนท์ไม่ได้ แต่ตอนนี้ผมสู้ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ตรงไหน” ดนุพงษ์กัดกรามแน่นด้วยความโมโหแต่ก็พยายามจะรักษาน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด



“มันไม่ใช่เรื่องของการต่อสู้หรือการแข่งขันนะ” อาทิตย์ทัศน์ตอบเรียบ ๆ “พี่ว่าดิวตั้งสติแล้วค่อย ๆ คิดทบทวนดีกว่า อามรณ์ดีแล้วค่อยมาคุยกัน ถ้ายังอยากจะคุยกันอยู่ วันนี้พี่กลับก่อนก็แล้วกัน” พูดจบเขาก็ลุกขึ้นเดินออกจากร้าน








“เขาดีกว่าผมตรงไหน ก็แค่พนักงานบริษัทธรรมดา ๆ” ดนุพงษ์ที่รีบวิ่งตามออกมากล่าวพร้อมกับคว้าข้อมือชายหนุ่มเอาไว้


อาทิตย์ทัศน์ดึงมือเขาออกก่อนจะกล่าว “อย่างน้อยเขาก็ไม่เคยพูดจาดูถูกใคร”


“ผม ผมขอโทษ” ดนุพงษ์กล่าวเสียงอ่อยเมื่อรู้สึกได้ว่าตนเองกำลังทำตัวไม่ดี


“พอเถอะ ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะหันไปโบกแท็กซี่ที่กำลังแล่นผ่านมา...









สายลมเย็น ๆ ของฤดูหนาวพัดผ้าม่านหน้าต่างปลิวไสว เสียงกรุ๊งกริ๊งของโมบายแขวนหน้าต่างดังเป็นระยะ ๆ ตามจังหวะของกระแสลม คนที่กำลังนอนหลับอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้น เป็นอีกหนึ่งวันของการตื่นขึ้นมาแล้วต้องนึกถึงใครบางคนในรอบสองสัปดาห์ที่ไม่มีแม้แต่ข้อความ เสียงโทรศัพท์ หรือข่าวคราวใด ๆ  อาทิตย์ทัศน์ลุกขึ้นก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำครู่ใหญ่ก่อนจะกลับออกมาอีกครั้งในชุดเสื้อยืดแขนยาวลายขวางกับกางเกงขาสั้นใส่สบาย ๆ เขาเดินลงไปที่ชั้นล่างของบ้านก่อนจะตรงเข้าไปในครัว


หญิงวัยกลางคนที่กำลังยืนหันหลังให้เธอยังคงทำหน้าที่ของเธอเหมือนทุกวันที่ผ่านมา แม้เวลาจะผ่านไปเกือบสามสิบปี เธอก็ยังคงยืนอยู่ตรงนี้ เสียงมีดกระทบกับเขียงไม้ดังเป็นจังหวะต่อเนื่องแข่งกับเสียงฝาหม้อที่ถูกดันขึ้นด้วยไอน้ำเดือด


“จ้าช่วยนะแม่” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะเดินเข้าไปเปิดฝาหม้อออกทำให้ไอน้ำพวยพุ่งขึ้นมาทันที


อรนุชยิ้มก่อนจะส่งชามใส่หมูสับให้ลูกชาย จากนั้นอาทิตย์ทัศน์ก็ใช้นิ้วเรียวปั้นหมูเป็นก้อนก่อนจะหย่อนลงในน้ำที่เดือดพล่าน


“เห็ดหูหนูอยู่ในอ่างข้างเตานะลูก แม่ล้างเอาไว้แล้ว” พูดจบผู้เป็นแม่ก็หันไปตอกไข่ใส่ชาม


อาทิตย์ทัศน์รอจนหมูสับที่หย่อนลงไปในหม้อเมื่อสักครู่ค่อย ๆ ลอยขึ้นมา จากนั้นเขาก็ใส่เห็ดหูหนูตามลงไปก่อนจะปรุงรสด้วยน้ำปลา เขาปล่อยให้น้ำเดือดไปอีกสักพักก่อนจะปิดฝาหม้อและปิดเตา



“ทำกับข้าววันนี้แล้วคิดถึงตังนะลูก มีแต่ของชอบของตังทั้งนั้นเลย”


อาทิตย์ทัศน์ยิ้มกับตัวเองพร้อมกับนึกถึงคนที่มักจะกินแต่กับข้าวจืด ๆ ก่อนจะหันไปหาผู้เป็นแม่ “ตอนจ้าไม่อยู่แม่คิดถึงจ้าแบบนี้หรือเปล่าเนี่ย”


“คิดถึงสิลูก แม่ก็คิดถึงหมดแหละทั้งจ้าทั้งตัง”


อาทิตย์ทัศน์เดินเข้าไปสวมกอดผู้เป็นแม่จากด้านหลังพร้อมกับบ่น “จ้าชักไม่แน่ใจแล้วว่าใครเป็นลูกแม่กันแน่”


“ดูพูดเข้าลูกคนนี้” อรนุชกล่าวก่อนจะตีแขนลูกชายเบา ๆ


“ก็จริงนี่ครับ” ชายหนุ่มกล่าวก่อนจะคลายวงแขนออก จากนั้นเขาจึงหันไปหยิบกระทะมาตั้งบนเตาก่อนจะเปิดเตาขึ้นอีกครั้ง


“ไม่รู้ว่าตังจะกลับมาทันวันเกิดจ้าหรือเปล่านะ แม่ว่าจะชวนมาทานข้าวที่บ้านด้วยกันเสียหน่อย แล้วนี่ได้คุยกันบ้างหรือเปล่า” ผู้เป็นแม่กล่าวก่อนจะส่งขวดน้ำมันให้ลูกชาย


“เปล่าครับ”


“สงสัยจะงานยุ่ง”


“กวนประสาทมากกว่า” อาทิตย์ทัศน์พึมพำกับตัวเองก่อนจะเทน้ำมันลงกระทะพร้อมกับนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อน...








“อ่ะนี่” ตฤณกรกล่าวพร้อมกับยื่นกุญแจกับคีย์การ์ดให้คนตัวเล็กกว่าที่กำลังยืนเกาะแผงกั้นดูพระอาทิตย์ที่กำลังตกดินบนสถานีรถไฟฟ้า


“อะไร”


“คีย์การ์ดกับกุญแจสำรองห้องผม”


“แล้วเอามาให้ผมทำไม” ชายหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความสงสัย


“ก็ไว้สำหรับตอนผมไปญี่ปุ่นแล้วคุณคิดถึงผมขึ้นมาไง คุณจะได้ไปที่ห้องผมเผื่อจะหายคิดถึง”


“บ้า ใครจะคิดถึงคุณ”


“ลองดูไหมล่ะ ผมจะไม่โทร.หา ไม่ส่งข้อความมา ดูซิว่าคุณจะคิดถึงผมไหม” คนตัวสูงยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มสุดท้ายก่อนที่จะจากกันไปไกลขนาดนี้....







“จ้า น้ำมันร้อนแล้วลูก มัวใจลอยไปไหน” ผู้เป็นแม่ยิ้มก่อนจะส่งชามใส่ไข่ที่ตีผสมกับหอมแดงให้ลูกชาย


อาทิตย์ทัศน์รับชามใบนั้นมาก่อนจะเทไข่ลงในกระทะ ไม่ช้าไข่เจียวก็เหลืองฟูด้วยความร้อนของน้ำมัน


“ใจลอยไปญี่ปุ่นหรือเปล่าจ๊ะลูกชายแม่”


“ไม่ใช่เสียหน่อยครับ” ชายหนุ่มตอบยิ้ม ๆ พร้อมกับค่อย ๆ ใช้ตะหลิวกลับไข่ในกระทะ


อรนุชยิ้มก่อนจะหันไปเปิดหม้อข้าวก่อนจะตักข้าวสวยร้อน ๆ ใส่จาน


“เอ้อ กล่องใส่ของที่แม่วางไว้ให้น่ะลูกดูหรือยัง เผื่อจะมีอะไรที่ไม่ใช้แม่จะได้บอกให้คนรับซื้อของเก่าเขามาขนไปพร้อม ๆ กันทีเดียว” ผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้น


“จ้าลืมไปเลย เดี๋ยววันนี้จ้าจะลองดูนะครับ” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะตักไข่สีเหลืองทองขึ้นพักบนตะแกรง...






ในตอนสายหลังจากที่ส่งผู้เป็นแม่ไปทำงานแล้ว ชายหนุ่มก็กลับเข้ามานั่งดูทีวีและอ่านหนังสืออ่านเล่นจนกระทั่งตกบ่าย อาทิตย์ทัศน์เดินไปที่ระเบียงก่อนจะนั่งลงมองปลาคราฟหลากสีที่เขาเลี้ยงเอาไว้พร้อมกับนึกถึงคนที่มักจะมานั่งตรงนี้บ่อย ๆ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ชายหนุ่มค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีฟ้าสดที่ถูกประดับด้วยริ้วเมฆสีขาว สายลมเย็น ๆ ที่พัดผ่านมาพาเอาใบไม้ไหว อาจเป็นเพราะร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกเอาไว้ข้างบ้านทำให้มุมนี้เป็นมุมที่เย็นสบายเหมาะสำหรับการนั่งพักผ่อน ใครบางคนจึงชอบมานั่งตรงนี้เสมอทุกครั้งที่มาที่นี่


ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปยกกล่องพลาสติกใส่ของใบใหญ่ที่วางอยู่ข้างชั้นหนังสือมาวางที่ระเบียงก่อนจะนั่งลง จากนั้นเขาจึงค่อย ๆ เปิดฝากล่องออก ข้างในมีเสื้อแจ็คเก็ตตัวใหญ่ที่ได้รับแจกเมื่อสมัยเป็นเฟรชชี่ ที่ด้านหลังเสื้อปักตัวอักษรภาษาอังกฤษเป็นชื่อภาควิชาของเขา


‘photographic art’


 มือเรียวค่อย ๆ หยิบเสื้อตัวนั้นออกมากาง มันยังคงใหม่มากเพราะใส่ไปเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น อาทิตย์ทัศน์ชะงักเมื่อรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างตกลงบนหน้าตักของเขา มันคือหมวกแก๊ปสีดำซึ่งที่หน้าหมวกปักตัวอักษรเดียวกันกับเสื้อนั่นเอง


ชายหนุ่มวางเสื้อแจ็คเก็ทลงข้างตัวก่อนจะเอื้อมหยิบกล้องฟิล์มตัวเก่าที่เป็นเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยากกันตั้งแต่เมื่อตอนสมัยเรียนขึ้นมาดู เขายิ้มกับมันราวกับได้เจอเพื่อนเก่าที่ไม่ได้พบกันเสียนานอีกครั้ง แม้มันจะพังจนซ่อมไม่ได้แล้วแต่เขาก็ไม่เคยคิดที่จะทิ้ง อาทิตย์ทัศน์วางกล้องลงบนตักพร้อมกับมองสำรวจสิ่งที่ยังเหลืออยู่ในกล่องซึ่งมีทั้งตำราเรียน สมุดจดงาน และเอกสารประกอบการเรียนจำนวนหนึ่ง ที่ก้นกล่องยังมีภาพขาวดำที่ล้างอัดเองตั้งแต่เรียนการล้างอัดภาพในห้องมืดเมื่อครั้งเรียนชั้นปีที่ 1 มันเป็นภาพของต้นไม้ใบหญ้า คน และสัตว์ เท่าที่ในเวลานั้นจะถ่ายได้ แต่ละภาพวางกระจัดกระจายกันอยู่ คงจะหลุดออกมาจากอัลบั้มที่วางอยู่ใกล้ ๆ กัน


อาทิตย์ทัศน์หยิบอัลบั้มที่เต็มไปด้วยภาพถ่ายขาวดำขึ้นมาดู มันเป็นภาพเมื่อตอนที่เขาไปรับน้องที่จังหวัดเชียงใหม่ มีทั้งภาพการเดินทางด้วยรถไฟ ภาพวัดวาอารามซึ่งเป็นศิลปะล้านนา แต่มีรูปหนึ่งที่สะดุดตาเหลือเกิน มันเป็นภาพของชายหนุ่มผมยาวที่กำลังนั่งวาดรูปอยู่ริมถนนซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนและร้านค้า...







“จ้า พี่อยากให้เขาวาดภาพล้อให้น่ะ จ้านั่งเป็นเพื่อนพี่หน่อยนะ พวกปีสองไม่รู้เดินหายไปไหนกันหมดแล้ว” สาวน้อยร่างบางเอ่ยขึ้นก่อนจะดึงมือน้องรหัสให้เดินไปด้วยกัน ในที่สุดเธอก็พาเขาไปหยุดที่ร้านขายโปสการ์ดทำมือ ที่ข้างร้านมีชายหนุ่มผมยาวร่างหนาคนหนึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาวาดภาพตามแบบซึ่งเป็นภาพถ่ายที่ได้มาจากลูกค้า


“อีกหลายคิวไหมคะ” เธอเอ่ยขึ้น


ชายหนุ่มร่างหนาเงยหน้าขึ้นก่อนจะกล่าว “ถ้ารีบ ผมลัดคิวให้ก่อนได้ครับ งานนี้เขาสั่งทำ อีกหลายวันถึงจะมาเอา”


“ถ้าอย่างนั้นรบกวนหน่อยนะคะ”


“นั่งเลยครับ” ชายหนุ่มร่างหนากล่าวก่อนจะหันไปหยิบกระดานวาดรูปแผ่นเล็กที่ขึงกระดาษเอาไว้เรียบร้อยแล้วขึ้นมาวางบนตัก


“พร้อมนะครับ” เขากล่าวก่อนจะลงมือร่างดินสอ


“พี่ลัล งั้นผมเดินเล่นแถวนี้นะ” ชายหนุ่มที่สวมหมวกแก๊ปกับแจ็คเก็ทตัวโคร่งกล่าว


“อยู่เป็นเพื่อนกันก่อนสิจ้า” ลัลลดาหันไปบอกน้องรหัสของเธอ


“นั่งก่อนก็ได้ไอ้น้อง หลังแผงพี่มีเก้าอี้” ชายหนุ่มเจ้าของร้านกล่าว


อาทิตย์ทัศน์หยักหน้าก่อนจะเดินไปหยิบเก้าอี้ตัวเตี้ยที่หลังร้านมานั่งลงใกล้ ๆ กับพี่รหัสของเขา



“มาเที่ยวเหรอครับ” ชายหนุ่มร่างหนาเอ่ยขึ้นขณะที่สายตายังคงจ้องที่ปลายดินสอ


“มารับน้องค่ะ แล้วก็ถือโอกาสมาเที่ยวด้วย”


“มาจากกรุงเทพฯ เหรอ”


“ค่ะ พรุ่งนี้ค่ำ ๆ ก็จะกลับแล้ว วันนี้เลยพากันมาเดินถนนคนเดินค่ะ”


“ไปไหว้พระธาตุมาหรือยังครับ”


“ว่าจะขึ้นไปพรุ่งนี้ค่ะ” ลัลลดากล่าวพร้อมกับมองภาพในกระดาษที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง


“เป็นคนเชียงใหม่เหรอคะ” เธอเอ่ยขึ้นเมื่อชายหนุ่มตรงหน้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน


“ครับ”


“เรียน มช. หรือเปล่าคะ”


“เปล่าหรอกครับ เรียนกรุงเทพฯ เหมือนกัน พอดีปิดเทอมก็เลยชวนเพื่อน ๆ มานั่งวาดรูปที่ถนนคนเดิน” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับมองไปยังตรงข้ามฝั่งถนนซึ่งมีหนุ่มผมยาวอีกคนกำลังนั่งวาดรูปอยู่


อาทิตย์ทัศน์ละสายตาจากกระดานวาดรูปของชายหนุ่มร่างหนาก่อนจะหันมองผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาก่อนจะยกกล้องที่ขึ้นฟิล์มเตรียมพร้อมขึ้นมาเล็ง นาน ๆ จะลั่นชัตเตอร์ให้ได้ยินเสียที





ผ่านไปเกือบสามสิบนาที รูปการ์ตูนล้อหญิงสาวหัวโตตัวเล็กก็เสร็จเรียบร้อย “ขอบใจนะก้อง” ลัลลดากล่าวเมื่อรับภาพนั้นมาไว้ในมือ


“อ่ะ นี่เงินจ้ะ” เธอกล่าวก่อนจะส่งเงินให้ชายหนุ่ม


“ไม่เป็นไร เอาไว้ถ้าเราแวะไปแถวมหาวิทยาลัยของลัลก็เลี้ยงข้าวเราบ้างก็แล้วกัน” ก้องเกียรติยิ้มก่อนจะหยิบนามบัตรจากกระเป๋าเสื้อส่งให้ “นี่เบอร์เรา เผื่ออยากใช้บริการงานศิลป์”


“ขอบใจนะ” ลัลลดารับนามบัตรนั้นมาก่อนจะใส่ไว้ในกระเป๋าสะพายที่ถักจากไหมพรม “เราไปละ”


“ครับ”


“ไปกันเถอะจ้า” ลัลลดาหันไปดึงน้องรหัสของเธอให้ลุกขึ้นก่อนจะพากันเดินหายไปในฝูงชน





“อะไรกัน ๆ เจอกันแป๊บเดียวมีให้เบอร์กันด้วย” ชายหนุ่มผมยาวที่เดินข้ามฝั่งมาเอ่ยขึ้น


“เฮ่ย ลูกค้า” ก้องเกียรติขมวดคิ้ว


ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนจะถาม “เขามาจากไหนน่ะพี่”


“มาจากกรุงเทพฯ”


“กรุงเทพฯ ด้วย ถ้าอย่างนั้นพี่ก้องก็พอมีหวังน่ะสิ” น้ำเสียงล้อ ๆ นั้นทำเอาคนฟังต้องรีบสวนกลับทันที


“ไอ้ตัง ไอ้บ้า พี่ยังไม่ได้คิดอะไรเลย แกน่ะคิดไปไกลแล้ว”


“เอาเถอะ แล้วผมจะคอยดู” ตฤณกรกล่าวยิ้ม ๆ







รถสี่ล้อสีแดงพานักศึกษาสาขาศิลปะการถ่ายภาพจำนวนหลายสิบชีวิตที่มาจากกรุงเทพฯ ซึ้นไปส่งที่วัดพระธาตุดอยสุเพพในช่วงบ่าย แม้จะเป็นวันจันทร์แต่นักท่องเที่ยวที่มาสักการะพระธาตุก็ยังคงหนาตา เมื่อนักศึกษาทั้งหมดลงจากรถเรียบร้อยแล้วก็พากันจัดแถวถ่ายรูปหมู่ที่หน้าบันไดซึ่งมีปูนปั้นรูปพญานาคขนาดใหญ่เลื้อยทอดตัวยาวตามแนวเชิงบันได จากนั้นนกกระจอกก็พากันแตกรังอีกครั้ง เมื่อต่างคนต่างเดินขึ้นไปตามบันไดโดยมีจุดหมายอยู่ที่องค์พระธาตุสีทองที่ด้านบน


“ไอ้น้องปีหนึ่งคนนั้นน่ะ เร็ว ๆ หน่อยวุ้ย ไว้ไปดื่มด่ำกับวัฒนธรรมข้างบนโน่น” เสียงของนราวิช หรือ ‘พี่วิช’ ซึ่งเป็นพี่ว้ากที่ดังขึ้นทำให้หลาย ๆ คนต่างก็ต้องเร่งฝีเท้า จะมีก็เพียงชายหนุ่มที่ยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ กล้องตัวเก่งถูกยกขึ้นมาบันทึกภาพทิวทัศน์ป่าเขาที่เพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรก


“จ้า เร็ว ๆ เข้า พี่วิชเรียกแล้ว เดี๋ยวก็โดนซ่อมกันทั้งชั้นปีหรอก” เสียงลัลลดาร้องขึ้นก่อนที่เธอจะวิ่งลงมาลากแขนน้องรหัสของเธอขึ้นไป


“ดะ เดียวก่อนพี่ลัล หมวก...” อาทิตย์ทัศน์ร้องขึ้นก่อนจะหันไปหยิบหมวกที่วางอยู่กับราวบันได ร่างสูงชะงักเล็กน้อยเมื่อตาคมประสานกับสายตาของใครคนหนึ่งที่กำลังเดินขึ้นบันไดมา แรงรั้งจากมือเล็ก ๆ ของพี่รหัสช่วยเรียกสติกลับคืนมาอีกครั้ง มือเรียวเอื้อมคว้าหมวกแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว







เมื่อเดินผ่านซุ้มประตูเข้าไปสายตาของหลาย ๆ คนก็ปะทะเข้ากับสีทองอร่ามของยอดพระธาตุ เสียงระฆังใบใหญ่ดังสลับกับเสียงระฆังใบเล็กที่ชายคาตามจังหวะของกระแสลมปลายฤดูหนาว อาทิตย์ทัศน์เดินถ่ายรูปไปรอบ ๆ พระธาตุก่อนจะไปหยุดที่จุดชมวิวซึ่งสามารถมองเห็นเมืองเชียงใหม่ได้เกือบทั้งเมือง เสียงชัตเตอร์ของนักท่องเที่ยวยังคงดังแข่งกับชัตเตอร์ของบรรดานักศึกษาสาขาศิลปะการถ่ายภาพจนกระทั่งเสียงของชายหนุ่มร่างใหญ่ดังขึ้นอีกครั้ง


“น้อง ๆ สาขาศิลปะการถ่ายภาพนะครับ มารวมกันตรงนี้ก่อนเดี๋ยวเราจะรับดอกไม้ธูปเทียนไปไหว้พระธาตุกัน”


ดังนั้นบรรดาเด็กหนุ่มสาวที่ต่างสะพายกล้องกันคนละตัวต่างก็เดินมารวมกันเพื่อรับดอกไม้ธูปเทียนที่รุ่นพี่เตรียมไว้ให้ก่อนจะแยกย้ายกันไปสักการะพระธาตุ



“อธิษฐานอะไรน่ะจ้า” หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กันเอ่ยขึ้นหลังจากทั้งคู่ปักธูปลงในกระถาง


“ขอให้ได้กลับมาอีกครั้ง” อาทิตย์ทัศน์กล่าว


“อืม พูดยังกับเชียงใหม่มายากอย่างนั้นแหละ”


“บางที่มันก็ไปไม่ยากนะพี่ลัล แต่ก็ไม่บ่อยที่เราจะได้กลับมาอีกครั้ง”


“ถ้าอย่างนั้นพี่ขอให้จ้าได้กลับมาที่นี่อีกนะ” ลัลลดายิ้มก่อนจะลุกขึ้นเดินไปรวมกับเพื่อน ๆ ของเธอ


อาทิตย์ทัศน์วางดอกบัวสีชมพูที่พับกลีบอย่างประณีตลงบนพานก่อนจะเดินสำรวจไปรอบ ๆ อีกครั้ง ในขณะที่เพื่อน ๆ ของเขาต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปหามุมถ่ายรูปของตนเองเพื่อหวังจะมีงานติดไม้ติดมือกลับไปส่งอาจารย์บ้าง


“จ้า ไปแขวนระฆังกันเถอะ อ่ะนี่พี่เอามาเผื่อ ไปเขียนชื่อแล้วก็เอาไปแขวนนะ” สาวร่างบางกล่าวก่อนจะส่งระฆังใบจิ๋วให้น้องรหัสของเธอ


“ขอบคุณครับพี่ลัล” อาทิตย์ทัศน์รับระฆังใบเล็กมาก่อนจะหาที่ร่ม ๆ เพื่อนั่งเขียนชื่อลงไปตามที่พี่รหัสของเขาบอก ครู่หนึ่งเขาก็ลุกขึ้น จุดหมายก็คือรั้วรอบ ๆ องค์พระธาตุ



“แดดร้อนนะ ระวังไม่สบาย” เสียงที่ดังขึ้นใกล้ ๆ หูทำให้ชายหนุ่มต้องชะงัก เขารู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ถูกวางลงบนศีรษะก่อนที่ร่างสูงของชายหนุ่มผมยาวผู้หนึ่งจะเดินผ่านตัวไป เมื่ออาทิตย์ทัศน์เอื้อมมือหยิบสิ่งที่อยู่บนศีรษะมาดู เขาก็พบว่ามันคือหมวกแก๊ปที่เขาวางทิ้งไว้ที่ราวบันได ชายหนุ่มสวมมันกลับเข้าที่พร้อมกับมองหาผู้ชายคนเมื่อครู่แต่ก็ไม่พบ อาทิตย์ทัศน์จึงเดินไปที่รั้วรอบองค์พระธาตุก่อนจะจัดการแขวนระฆังใบเล็กนั้นไว้กับรั้ว






คนตัวสูงยืนมองชายหนุ่มที่ได้เจอที่ถนนคนเดินเมื่อคืนก่อนจะยิ้มน้อย ๆ เขาเดินเข้าไปที่รั้วรอบองค์พระธาตุก่อนจะเอื้อมมือจับระฆังใบเล็กที่เพิ่งถูกแขวนเมื่อครู่ขึ้นมาดูข้อความที่ถูกเขียนเอาไว้



‘เมฆา กิตติวรกุล’





อาทิตย์ทัศน์นั่งลงที่โต๊ะเขียนหนังสือในห้องนอนก่อนจะเลื่อนลิ้นชักหยิบกล่องใส่โปสการ์ด ๆ ออกมาดูทีละใบ ในที่สุดเขาก็เจอสิ่งที่กำลังหา ภาพสเก็ตซ์ด้านหลังของผู้ชายสวมหมวกแก็ปที่หลังเสื้อมีตัวอักษร ‘phot’ ภาพสเก็ตซ์บันไดนาค และภาพสเก็ตซ์ระฆังใบเล็กซึ่งแขวนอยู่ตามแนวรั้วเหล็ก กระดาษสีเหลืองเก่า ๆ ยิ่งย้ำเตือนว่าแต่ละภาพถูกวาดเอาไว้นานแล้ว...



ประตูห้องในคอนโดถูกเปิดออกช้า ๆ อาทิตย์ทัศน์ค่อย ๆ ก้าวเข้าไปภายในห้องก่อนจะเปิดไฟ เขาเดินตรงไปที่ผนังด้านหนึ่งของห้องที่มีกรอบรูปติดเรียงเอาไว้ มือเรียวค่อย ๆ ปลดภาพสเก็ตซ์ชายหนุ่มสวมหมวกแก๊ปออกมาดูอย่างพิจารณา ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ใส่ใจกับรายละเอียดของภาพเท่าไรนัก แต่หากพิจารณาดี ๆ จะพบว่าพื้นหลังที่ไม่ได้แสดงรายละเอียดอะไรมากนักยังคงมีรายละเอียดในตัวของมันเอง นั่นทำให้คนดูรู้ได้ทันทีว่าชายหนุ่มในภาพกำลังนั่งอยู่ที่ร้านขายรูปภาพหรือโปสการ์ดที่ไหนสักที่ ที่คอของเขาคล้องสายกล้องซึ่งคาดว่าจะเป็นรุ่นเดียวกันกับกล้องที่เขาถืออยู่ในมือ อยู่ ๆ น้ำใส ๆ ก็หยดลงบนกระจกของกรอบรูป อาทิตย์ทัศน์ใช้มือเรียวปาดน้ำตาที่กำลังไหลอาบทั้งสองแก้มของตัวเองก่อนจะกอดกรอบรูปนั้นเอาไว้แน่น...



หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 19 : กล่องแห่งความลับ)
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 22-12-2013 11:55:58
ชายหนุ่มร่างสูงสวมเสื้อกันหนาวตัวหนากำลังยืนมองชายชราที่กำลังนั่งวาดภาพปราสาทสีทองซึ่งขณะนี้ถูกปกคลุมด้วยหิมะ รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเมื่อเหตุการณ์หนึ่งค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นในความคิด....





“น้อง ๆ มาถ่ายรูปกันเร็ว” เสียงชายหนุ่มในชุดทักษิโด้สีขาวดังขึ้น บรรดาหนุ่ม ๆ สาว ๆ ที่วันนี้พากันแต่งตัวสวยหล่อมาร่วมแสดงความยินดีในงานมงคลสมรสของเขาพากันกรูกันเข้ามายืนเรียงแถวโดยพร้อมเพรียงกัน


“อ้าว ตากล้องไปไหนวะ”


“มันไปเข้าห้องน้ำพี่” คนหนึ่งเอ่ยขึ้น


“จ้า ถ่ายรูปให้พี่หน่อยนะ” เสียงใส ๆ ของสาวร่างบางในชุดเจ้าสาวสีขาวสะอาดตาดังขึ้นก่อนที่หนุ่มหล่อในชุดสูทสีดำเข้ารูปจะเดินออกไปยืนที่ฝั่งตรงข้ามกับกลุ่มคนเหล่านั้นพร้อมกับกล้องในมือ


“พร้อมนะครับ” เจ้าของริมฝีปากบางกล่าวก่อนจะนับ ไม่นานเสียงชัตเตอร์ก็ดังรัวขึ้น


“เรียบร้อยครับ” ตากล้องจำเป็นกล่าวด้วยรอยยิ้ม


ตฤณกรจ้องมองชายหนุ่มร่างสูงคนนั้นราวกับจะพยายามจดจำในทุกรายละเอียดของเขาเอาไว้ ทั้งแผงคิ้วหนา ดวงตาคม จมูกโด่งรั้น ริมฝีปากบางและลักยิ้มเล็ก ๆ เวลาที่เขายิ้มให้กับคนอื่น



“เป็นอะไรหรือเปล่าตัง” มือหนาที่แตะลงบนป่าทำให้ชายหนุ่มผมยาวต้องละสายตาจากคนที่เห็นอยู่ไกล ๆ


“เปล่าครับ” ชายหนุ่มตอบยิ้ม ๆ เมื่อเขามองไปยังจุดเดิมอีกครั้งก็ไม่พบคน ๆ นั้นอีกแล้ว...







ตฤณกรกลับมาที่ห้องพักของโรงแรมก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะทำงาน เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเลื่อนอ่านข้อความและดูรูปภาพเก่า ๆ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ ในที่สุดก็ตัดสินใจโยนมันลงบนเตียง ร่างสูงเดินกระสับกระส่ายไปมาอยู่ภายในห้องก่อนจะนั่งลงอีกครั้งจากนั้นเขาเปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุคขึ้น...




‘ผมมาทำงานที่ญี่ปุ่นได้สามสัปดาห์แล้วครับ ที่นี่อากาศหนาวมาก เป็นสามสัปดาห์ที่ทรมานดีจริง ๆ ไม่ใช่เพราะงานหนัก ไม่ใช่เพราะปัญหาเรื่องภาษา หรือสภาพอากาศ แต่เป็นเพราะ...มันไกล ก่อนหน้านี้ผมเลยพยายามหาข้อดีของการมาทำงานที่ญี่ปุ่นนอกจากการได้เที่ยว เพราะเอาเข้าจริง ก็แทบจะไม่มีเวลาเที่ยวเลย ผมเคยคิดว่าญี่ปุ่นจะทำให้เราเห็นดวงอาทิตย์ก่อนใคร ๆ ในโลก  แต่ใครคนหนึ่งกลับบอกผมว่าถ้าผมตื่นเช้าขึ้นอีกนิดผมก็จะเห็นดวงอาทิตย์ก่อนคนอื่น ๆ มันก็จริงครับ แบบนี้ผมไม่ต้องมาถึงญี่ปุ่นก็ได้ ผมเคยคิดว่ามาญี่ปุ่นน่าจะทำให้ผมรู้สึกอุ่นเพราะผมจะได้อยู่ใกล้ ๆ กับดวงอาทิตย์ แต่พอเอาเข้าจริงดวงอาทิตย์ที่นี่อุ่นสู้ดวงอาทิตย์ของผมที่เมืองไทยไม่ได้เลย... ขอโทษนะครับที่พูดมาเสียยืดยาว มันเหงา ๆ น่ะครับ’ เขียนโดย ดีไซเนอร์สุดหล่อ   


‘เข้าใจอารมณ์นี้ดีค่ะ ทำงานไกลบ้านเหมือนกัน’ เขียนโดย บก.ผู้น่ารัก


‘กลับเมื่อไรครับ ระหว่างนี้โพสต์มาเล่าแก้เหงาก็ได้นะครับ เป็นกำลังใจให้’ เขียนโดย หัวหน้าแก๊งค์เที่ยว


‘เที่ยวไกลนะคะ’ เขียนโดย คนช่างคิด




“ดูอะไรอยู่น่ะขวัญ พี่เห็นนั่งยิ้มคนเดียวมาตั้งนานแล้ว” อาทิตย์ทัศน์ที่กำลังยืนให้อาหารปลาคราฟอยู่ที่ระเบียงเอ่ยขึ้น


“เปล่าค่ะพี่จ้า พอดีอ่านอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะค่ะ” จอมขวัญยิ้มก่อนจะลุกขึ้น


“อ้าว แล้วนี่จะกลับแล้วเหรอ”


“ค่ะ ขวัญมานานแล้ว เดี๋ยวเผื่อแม่เรียกหา ขวัญกลับก่อนนะคะพี่จ้า” พูดจบหญิงสาวก็เดินออกจากบ้านไป




อาทิตย์ทัศน์เดินมานั่งหน้าคอมพิวเตอร์โน้ตบุคก่อนจะมองดูปฏิทิน เหลืออีกเพียงสองวันเท่านั้นที่เขาจะต้องตอบคำถามของใครบางคนตามที่ได้สัญญากันไว้ ชายหนุ่มเปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุคขึ้นก่อนจะพบว่าน้องสาวของเขาอ่านบางอย่างค้างเอาไว้



‘เกือบสี่สัปดาห์แล้วที่ผมไม่เห็นหน้าเขา ไม่แม้แต่จะได้ยินเสียง นั่นเป็นเพราะเงื่อนไขบ้า ๆ ของผมเอง ก่อนมาผมบอกเขาว่าผมจะไม่โทร.หา ไม่ส่งข่าวใด ๆ ทั้งสิ้น แล้ววันที่ผมกลับไปผมจะไปเอาคำตอบจากเขาว่าเขาคิดถึงผมบ้างหรือเปล่า แล้วก็เป็นผมเองที่คิดถึงแทบบ้า (คิดว่าใช้คำนี้น่าจะเหมาะที่สุดกับสภาพของผมในตอนนี้) นี่ผมกำลังตกหลุมรักหรือเปล่าครับ คุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ทำยังไงดีผมหลงรัก username นี้เข้าให้แล้ว’ เขียนโดย ดีไซเนอร์สุดหล่อ


‘กรี๊ดดดดดดดดดด ไปปิ๊งกันตอนไหนคะ ทำไมเจ๊ไม่รู้’ เขียนโดย คนคิดไกล


‘นี่มันกระทู้บอกรักชัด ๆ’ เขียนโดย โปรแกรมมั่ว


‘อะไร ยังไง รู้จักกันตอนไหน เจอกันได้ยังไงอธิบายแฟนคลับด่วนค่ะ’ เขียนโดย มัณฑนากรสุดสวย





“ไอ้บ้าเอ๊ย” อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้วเขิน ๆ





แสงไฟในห้องนอนยังคงสว่าง อากาศข้างนอกเริ่มเย็นลงทุกขณะ ตาคมยังคงไล่ไปตามตัวหนังสือยาวเหยียดบนหน้าจอที่นั่งอ่านมาตั้งแต่เมื่อตอนกลางวัน


‘หลายคนสงสัยว่าผมพบเขาครั้งแรกที่ไหน อืม...ตัวเขาเองอาจจะคิดว่าที่งานแต่งงานของพี่ที่เราสองคนเคารพ แต่สำหรับผมมันก่อนหน้านั้นครับ ผมพบเขาที่เชียงใหม่เมื่อสักสิบกว่าปีก่อนละมั้ง ตอนนั้นผมกับพี่ ๆ ที่รู้จักกันไปนั่งวาดรูปที่ถนนคนเดินกันในช่วงปิดเทอม แล้วผมก็ได้พบกับเขา เราอยู่กันคนละฟากถนน จำได้ว่าวันนั้นผมไม่วาดอะไรเลยนอกจากภาพของเขา วันต่อมาผมเจอเขาที่วัดพระธาตุดอยสุเทพ ตลกดีนะครับ ผมไปแอบดูระฆังใบเล็กที่เขาเขียนชื่อเอาไว้ พยายามค้นหาว่าเขาเป็นใครอยู่ที่ไหนแต่ก็ไม่พบ มารู้ทีหลังว่าชื่อที่เขาเขียนไว้ที่ระฆังน่ะเป็นชื่อของพ่อเขา ตั้งแต่นั้นผมก็เกือบจะลืมเขาไปแล้วจนกระทั่งเราพบกันอีกครั้งที่งานแต่งงานของพี่สองคนนั้น และเป็นอีกวันที่หัวใจผมเต้นแปลก ๆ แต่ก็เป็นอีกวันที่ผมได้แต่มองอยู่ไกล ๆ’



‘คุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ไม่รู้ว่าคุณจะเป็นแบบผมไหม เวลาที่ตื่นขึ้นมาแล้วรับรู้ได้ว่ายังมีคุณอยู่มันรู้สึกดีจัง ถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะเป็นแค่ไอ้บ้า เป็นคนกวนประสาท ปากไม่ดี ในสายตาคุณ แต่ผมก็จะเป็นไอ้บ้า  คนกวนประสาท ปากไม่ดีของคุณคนเดียวเท่านั้น อีกไม่กี่วันผมก็จะได้เจอหน้าคุณแล้วนะ อยากรู้จังว่าคุณจะตอบคำถามของผมว่ายังไง ไม่รู้ว่าคุณจะคิดถึงผมบ้างหรือเปล่า’




แสงแรกของวันกำลังรอดผ่านช่องว่างของปุยเมฆเพื่อทักทายทุกสรรพสิ่งที่กำลังหลับใหล จะมีก็แต่ชายหนุ่มในห้องนอนชั้นสองที่ยังคงนั่งอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุคไม่ยอมไปไหน อาทิตย์ทัศน์ไล่อ่านข้อความบันทึกประจำวันนั้นจนกระทั่งมาถึงข้อความสุดท้ายที่ถูกโพสต์ไว้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ปากบางคลี่ยิ้มก่อนจะจรดปลายนิ้วเรียวลงบนคีย์บอร์ด....








‘ขยันพิมพ์ดีนะ ถ้าอยากรู้ว่าจะตอบว่าอะไรก็รีบกลับมาเร็ว ๆ’ เขียนโดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า     





ประโยคสั้น ๆ นั้นทำเอาชายหนุ่มหน้าตาอิดโรยกลับดูมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง ตฤณกรรีบเก็บข้าวของบนโต๊ะทำงานก่อนจะเดินดิ่งไปยังห้องประชุมเพื่อนำเสนองานแก่ลูกค้าซึ่งเป็นภารกิจวันสุดท้ายในประเทศญี่ปุ่นของเขา...



หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 19 : กล่องแห่งความลับ)
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 22-12-2013 12:21:12
ไล่อ่านตั้งแต่ตอนเช้า

feel good มากกก

อะไรมันจะโรแมนติกขนาดนี้ เทวดาคงจับคู่ให้ตั้งแต่ในท้องหรือเปล่า 555555+

จ้าเป็นผู้ชายที่น่าอิจฉาที่สุด >/////<
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 19 : กล่องแห่งความลับ)
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 22-12-2013 12:28:15
อ่านไปบิดไปจนตัวจะเป็นเลขแปดแล้วค่า อิอิ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 19 : กล่องแห่งความลับ)
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 22-12-2013 13:14:10
 :catrun:น่ารักที่สุดๆๆๆๆๆ
พี่จ้าพบรักแท้แล้วนะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 19 : กล่องแห่งความลับ)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 22-12-2013 13:52:43
อ่านไปยิ้มไป เหมือนคนบ้า
 :-[ :-[
ทำไมมันหวานอย่างนี้นะคุณดีไซเนอร์สุดหล่อ
รอคุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้าตอบคำถามดีกว่า
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 19 : กล่องแห่งความลับ)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 22-12-2013 14:06:15
โคตรจะโรแมนติก    :กอด1:



ถ้ามีโอกาสได้อ่านเยอะกว่านี้ จะดีใจมากๆ 
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 19 : กล่องแห่งความลับ)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 22-12-2013 14:43:25
โห  โรแมนติกมากกกกกกกกกกกที่สุด 
ขอบคุณที่เขียนเรื่องโรแมนติกให้อ่านนะ  และขอบคุณความใส่ใจของนักเขียนด้วย
เรื่องขนมโดนัท  ตอนแรกที่เราอ่าน  เราคิดในใจว่าต้องเก่งมากเลย  ทำขนมโดนัทเป็นด้วยประมาณนี้
แต่คุณนักเขียนเล่าว่า  สืบค้นข้อมูลการทำขนมโดนัทจากในอินเตอร์เน็ต 
ซึ่งบ่งบอกความใส่ใจของคุณในการเขียนเล่าเรื่อง  ขนมโดนัท  สมจริงดีมาก  ขอบคุณมากกับความใส่ใจนี้
และขอบคุณที่เล่าเรื่องของตังกับจ้าให้อ่าน  หนุ่มตังโรแมนติกมากกก
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 19 : กล่องแห่งความลับ)
เริ่มหัวข้อโดย: mumumim ที่ 22-12-2013 14:49:07
หวานมากค่พ  อ่านรวดเดียวเลย โรแมนตืกมากๆ :o8:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 19 : กล่องแห่งความลับ)
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 22-12-2013 15:21:57
หวานมากกกกก อิจฉาา ฮ่าา :laugh:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 19 : กล่องแห่งความลับ)
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 22-12-2013 15:42:43
ขอบคุณมาก ๆ สำหรับคอมเม้นท์นะคะ ดีใจที่ทุกคนชอบค่ะ
จริง ๆ ตั้งใจจะลากยาวตอนนี้ไว้หลังปีใหม่ แต่รู้สึกว่ามันเข้ากับบรรยากาศเย็น ๆ แบบนี้ดี
เลยเอามาให้อ่านกันค่ะ ดำเนินมาถึงท้ายเรื่องแล้วนะคะ
ต้องขอโทษด้วยที่อาจจะสั้นไปหน่อยในความรู้สึกของคุณคนอ่านหลาย ๆ ท่าน เนื่องจาก...หมดมุขแล้วค่ะ :z13:
คิดว่าถ้าเขียนต่อ เรื่องมันก็คงวน ๆ ซ้ำ ๆ เลยเอาแค่นี้แหละ
ตอนหน้าตอนสุดท้ายแล้วนะคะ หลังปีใหม่คงได้มาเขียนต่อ ขอไปตามรอยตังกับจ้าก่อนค่ะ
ส่วนตอนพิเศษ เดี๋ยวขอคิดก่อนนะคะว่ามันจะพิเศษยังไงดี

คุณ Warin คะ ขอบคุณสำหรับเรื่องโดนัทนะคะ เป็นความตลกอย่างนึง คือมันมีหลายสูตรมาก
หาคลิป ดูเว็บหลายเว็บทั้งวันจนพี่ที่ทำงานแซวสุดท้ายก็ออกมาเป็นแบบที่เห็นค่ะ
ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ไม่รู้ว่าอร่อยหรือคนขายหน้าตาดี ^^   


ขอบคุณคุณคนอ่านทุกคนอีกครั้งนะคะ ในบรรดาเรื่องยาวที่เขียนมาเราชอบเรื่องนี้มาก
ก็เลยเปิดเพจไว้เก็บภาพหรือว่าบันทึกสิ่งที่ได้พบเห็นจริง ๆ ที่เป็นแรงบันดาลใจในการเขียน
ยังไงแวะมาอุ่นกันได้นะคะ https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%96%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%B2/211496972370031
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 19 : กล่องแห่งความลับ)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 22-12-2013 15:47:15
กรี๊ดดดดดมากกกกกกก พี่จ้าน่ารักอ่ะ
ตังรีบ ๆ กลับไปเลยนะไปเอาคำตอบ ^^
ถ้าน้องขวัญเห็นข้อความพี่จ้าต้องมีล้อแน่นอน 555
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 19 : กล่องแห่งความลับ)
เริ่มหัวข้อโดย: bluecoco ที่ 22-12-2013 17:49:06
อ่านแล้วอุ่นเข้าไปในหัวใจเลยค่ะ
น่ารักมาก
ก้อนหินจำศิล ช่วงนี้คงหายไปจากห้องนานเลย
เพราะเจอแฟนคลับตามติดขนาดนี้ น่ารักมากๆๆ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 19 : กล่องแห่งความลับ)
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 22-12-2013 19:04:55
ขอบคุณที่แต่งเรื่องสนุกๆนะคะ


มาต่อเร็วๆนะ  รออออออออออ 
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 19 : กล่องแห่งความลับ)
เริ่มหัวข้อโดย: lonesomeness ที่ 22-12-2013 19:05:53
โรแมนติกสุดๆ
อ่านแล้วรอบข้างดูเป็นบรรยากาศอมชมพูวิ้งๆ


 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 19 : กล่องแห่งความลับ)
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 23-12-2013 01:09:38

หมายความว่าแอบชอบเค้ามาตั้งนานแล้วล่ะสิ
หวังว่าจะได้รับคำตอบที่ตรงใจนะ---รอข่าวดีหลังปีใหม่

ตอนแรกพอรู้ว่าตังจะไปต่างประเทศ
คิดว่าจะไปนานแล้วจ้าต้องเป็นฝ่ายรอซะอีก---แต่ไปแค่เดือนเดียวเอง

ยังไงหลังจบเรื่องนี้ถ้าแต่งเรื่องใหม่อีกก็จะดีมากๆเลย

+ 1 + เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 19 : กล่องแห่งความลับ)
เริ่มหัวข้อโดย: Monochii ที่ 23-12-2013 16:37:47
ขอบอกว่าตกหลุมรักเรื่องนี้มากๆค่ะ เรานั่งอ่านเรื่องนี้เมื่อวานรวดเดียวจนถึงตอนล่าสุด ประทับใจมากๆ
ชอบบรรยากาศของเรื่องนี้ ชอบจ้าชอบตัง รู้สึกว่าอืม.. คนอย่างจ้า ก็ต้องมีคนแบบตังนี่ล่ะนะอยู่ข้างๆ
ที่เราชอบที่สุดของเรื่องนี้คือ โปสการ์ดของตังนี่ล่ะค่ะ เราคิดว่าการสเก็ตรูปแล้วส่งโปสการ์ดให้ใครสักคนเนี่ย มันมีความหมายมากๆ แอบคิด บ๊ะ อิตาคนนี้เท่จริงๆเลย
และก็ชอบชื่อusername 'ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า' ของจ้ามากๆค่ะ ถึงกับเพ้อไปเลย แหม จ้าช่างคิดจริงๆอะไรอย่างนี้ ฮ่าๆ
อ่านแล้วฟีลกู๊ดมากค่ะ โรแมนติกมากด้วย ยังไงก็จะตามไปจนจบนะคะ ตอนหน้าแล้วสิเนอะ? >,<
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 19 : กล่องแห่งความลับ)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 23-12-2013 18:03:38
ตังได้โกยของกลับไทยชัวร์กร้ากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 19 : กล่องแห่งความลับ)
เริ่มหัวข้อโดย: จี้ซัง ที่ 24-12-2013 00:43:03
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด
โอ้ย น่ารักฝุดๆ รอพี่ตังกลับมานะคะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 19 : กล่องแห่งความลับ)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 25-12-2013 11:00:10
ตามอ่านมาสองวันเต็ม ๆ หลงรักเข้าเต็มเปา อบอุ่น หวาน โรแมนติก
ชอบตอนที่สองคนเขาสื่อสารผ่านข้อความ ไม่ว่าจะเป็นทางออนไลน์ หรือโปสการ์ด
แล้วยิ่งตอนจ้าค้นเจอกล่องแห่งความลับ ร้องตามเลย
เขียนได้ดีมากเลยค่ะ โดยเฉพาะนำเสนอแบบท่องเที่ยว ยิ่งถูกใจใหญ่ มีโอกาสจะตามรอยนะคะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 19 : กล่องแห่งความลับ)
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 25-12-2013 20:08:11
ถึง คุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
      คนอ่านคิดถึงมาก มากๆ ม๊ากมาก มากที่สุด
             จากสาวบัญชีวายเข้าสายเลือด
หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 20 : คำตอบ) ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 03-01-2014 05:23:18
ตอนที่ 20  คำตอบ






อาทิตย์ทัศน์แวะมาที่คอนโดของตฤณกรในตอนบ่ายของวันหนึ่งเพื่อทำความสะอาดห้องก่อนที่เจ้าของห้องจะกลับมาในวันถัดไป เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนถูกพับแขนขึ้นอย่างลวก ๆ จากนั้นพ่อบ้านจำเป็นก็ลงมือปัดกวาดเช็ดถูห้องจนสะอาดเอี่ยม เสียงเครื่องดูดฝุ่นที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องสงบลงในตอนบ่ายคล้อย อาทิตย์ทัศน์นั่งลงที่ข้างเตียงก่อนจะหยิบหนังสือการ์ตูนแมวสีน้ำเงินที่วางกองอยุ่ขึ้นมาดูก่อนจะพึมพำกับตัวเอง


“อ่านการ์ตูนด้วยเหรอ” เขายิ้มพร้อมกับหอบหนังสือการ์ตูนตั้งใหญ่ไปวางเรียงที่ชั้นหนังสือก่อนจะเดินไปที่โต๊ะทำงานของตฤณกร


จากมุมนี้ซึ่งเป็นผนังกระจกขนาดใหญ่สามารถมองเห็นวิวของแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลพาดผ่านระหว่างบ้านเรือนได้อย่างถนัดตา เรือสินค้าลำใหญ่ยังคงจอดนิ่งทอดสมออยู่ริมลำน้ำ แม้จะเป็นเวลาเพียงสิบแปดนาฬิกาเศษ แต่ท้องฟ้ายามเย็นกลางเดือนธันวาคมกลับเป็นสีเทาขมุกขมัว อาทิตย์ทัศน์ค่อย ๆ นั่งลงที่พื้นทอดสายตามองดูความเป็นไปของสิ่งรอบตัวก่อนจะหยิบกล้องดิจิตัลตัวโปรดออกมาจากกระเป๋า ไม่นานเสียงชัตเตอร์ก็ดังขึ้นเป็นระยะเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำจนกระทั่งลับหายไปหลังยอดตึก ชายหนุ่มวางกล้องดิจิตัลลงก่อนจะเอนตัวลงนอนบนหมอนใบใหญ่ นิ้วเรียวกดดูภาพที่เพิ่งถ่ายไปเมื่อสักครู่ก่อนจะเลื่อนดูภาพเก่า ๆ ที่ยังไม่ได้ลบออกจากเมมโมรี่การ์ด ตาคมจ้องมองภาพของชายหนุ่มที่กำลังนั่งใช้พู่กันเขียนตัวอักษรลงบนแผ่นป้ายขนาดใหญ่ สายตามุ่งมั่นคู่นั้นของคนในภาพทำให้เกิดรอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเจ้าของกล้องก่อนที่ความอ่อนเพลียจะทำให้เขาผลอยหลับไปในที่สุด








ประตูห้องถูกเปิดออกอีกครั้ง....



ชายหนุ่มเจ้าของห้องที่เปิดประตูเข้ามารู้สึกแปลกใจไม่น้อยเมื่อพบว่าไฟในห้องเปิดอยู่และมีรองเท้าของใครคนหนึ่งวางอยู่ที่หน้าประตู เขาลากกระเป๋าลากใบใหญ่มาวางไว้ข้างโซฟาก่อนจะกวาดสายตามองหาคนที่อยากพบหน้าเหลือเกิน ริมฝีปากหยักได้รูปยกยิ้มน้อย ๆ เมื่อพบร่างของใครบางคนกำลังนอนหลับใหลในขณะที่แสงสุดท้ายของวันกำลังจะหมดลงทุกขณะ ตฤณกรเดินไปนั่งลงใกล้ ๆ คนที่กำลังนอนหลับอย่างสบายใจก่อนจะค่อย ๆ หยิบกล้องดิจิตัลที่วางอยู่ใกล้ตัวขึ้นมาดู ภาพที่ถูกเปิดค้างเอาไว้นั้นไม่ใช่ภาพของใครที่ไหน มันคือภาพของตัวเขาเองเมื่อครั้งที่ไปช่วยงานอาทิตย์ทัศน์ที่มหาวิทยาลัย ชายหนุ่มยิ้มก่อนจะค่อย ๆ เอนตัวลงนอนข้าง ๆ  มือหนาเอื้อมเขี่ยปอยผมดำสนิทอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้คนที่กำลังนอนหลับต้องตกใจตื่น ในขณะที่ตาคมค่อย ๆ มองสำรวจตั้งแต่คิ้วหนาและเปลือกตาที่ปิดสนิทซึ่งปกคลุมไปด้วยแผงขนตาก่อนจะลากไล้ไปตามพวงแก้มนวลใสกระทั่งมาหยุดที่ริมฝีปากบางสีส้มชวนสัมผัส ตฤณกรไม่เคยได้เห็นหน้าของคนตรงหน้าชัด ๆ ขนาดนี้ นั่นคงเป็นเพราะอาทิตย์ทัศน์คอยแต่จะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากันเสมอ หรืออาจะเป็นเขาเองที่มักจะยืนมองใบหน้านี้จากที่ไกล ๆ ชายหนุ่มยิ้มก่อนจะค่อย ๆ จรดปลายนิ้วลงบนริมฝีปากของคนที่กำลังนอนหลับ



ริมฝีปาก...



ที่นานเหลือเกิน...



กว่าจะเผยรอยยิ้มให้เขาได้เห็นสักครั้ง...










อาทิตย์ทัศน์ลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้ง เขาพบว่าดวงอาทิตย์ได้เคลื่อนลับขอบฟ้าไปแล้ว แต่เมืองทั้งเมืองก็ยังคงสว่างไสวด้วยแสงไฟจากตึกรามบ้านช่อง ถนนสายต่าง ๆ พราวไปด้วยไฟหลากสีสันซึ่งเตือนให้หลายคนรู้ว่าเทศกาลแห่งความสุขที่ทุกคนรอคอยกำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้า นาฬิกาข้อมือบอกเวลาเกือบเกือบหนึ่งทุ่ม ชายหนุ่มค่อย ๆ ยันตัวลุกขึ้นก่อนจะมองไปยังคนที่นอนหลับอยู่ใกล้ ๆ ด้วยความรู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่ได้พบกับเขาเร็วกว่าที่คิด อาทิตย์ทัศน์ขยับเข้าไปใกล้ก่อนจะค่อย ๆ ประคองศีรษะของเขาขึ้นพร้อมกับสอดหมอนลงใต้ศีรษะของตฤณกรจากนั้นเขาจึงลุกขึ้นก่อนจะเดินหายไปในโซนทำครัว...


 







กลิ่นหอมของข้าวสวยที่เพิ่งหุงสุกใหม่ ๆ กับเสียงน้ำไหลทำให้คนที่กำลังนอนหลับต้องลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้ง แม้ความนุ่มของหมอนทำให้รู้สึกไม่อยากจะลุกไปไหนเลยด้วยซ้ำแต่ความคิดถึงคงมีพลังมากกว่าถึงทำให้คนที่กำลังอ่อนเพลียจากการเดินทางค่อย ๆ ยันตัวลุกขึ้น...





“คิดถึงผมเหรอ” เสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้คนที่กำลังยืนล้างมืออยู่ที่อ่างล้างจานต้องชะงัก เขาหันกลับไปมองคนตัวสูงที่เดินยิ้มเข้ามาพร้อมกับชูกล้องติจิตัลขึ้น อาทิตย์ทัศน์ไม่ได้โต้ตอบใด ๆ เขาหันกลับไปเอื้อมหยิบจานกระเบื้องในตู้เหนืออ่างล้างจานลงมาวาง ในขณะที่ตฤณกรเองก็วางกล้องดิจิตัลลงบนโต๊ะอย่างระมัดระวัง ชายหนุ่มยิ้มเมื่อพบว่าบนโต๊ะอาหารมีจานกับข้าว 2-3 อย่างที่เขาชอบวางอยู่


“คุณหิวหรือยัง” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะเอื้อมหยิบแก้วน้ำกับช้อนและส้อม


“ยังครับ” คนตัวสูงตอบก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ ๆ  “ยังเหนื่อยอยู่เลย”


“ถ้าอย่างนั้นก็ไปนอนต่อแล้วค่อยตื่นมาทาน” อาทิตย์ทัศน์กล่าวทั้งที่ยังคงหันหลังให้


“ผมขอนอนตรงนี้ได้ไหม” ตฤณกรกล่าวก่อนจะพาดคางบนบ่าของคนที่ตัวเล็กกว่าก่อนจะหลับตาลงช้า ๆ สูดกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่โหยหามาแสนนานในขณะที่คนตัวเล็กกว่าเองก็ได้แต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น


“ไหนว่าจะกลับพรุ่งนี้” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้น


“ผมขอเลื่อนไฟลท์กลับ มีเรื่องต้องรีบมาทำ” คนตัวสูงกว่ากล่าวทั้งที่ยังคงหลับตา


“งานด่วนเหรอ”


ตฤณกรส่ายหน้า เขาลืมตาขึ้นก่อนจะยิ้มและขยับออกห่างคนตรงหน้าเล็กน้อย “สำคัญกว่านั้น”


อาทิตย์ทัศน์พยักหน้าก่อนจะยกจานที่เตรียมเอาไว้หันกลับมา “ผมเตรียมอาหารไว้ให้แล้ว คุณจะนอนต่อแล้วตื่นมาทานหรือจะทานตอนนี้ก็ตามใจ”



“ผมยังไม่ทำอะไรทั้งนั้น” ตฤณกรกล่าวก่อนจะรั้งจานในมือของคนตัวเล็กกว่ามาไว้ในมือแล้วจัดการวางมันลงที่ข้างอ่างล้างจาน


“ตามใจ อยากจะทำอะไรก็ทำ” อาทิตย์ทัศน์ตอบห้วน ๆ ทำท่าจากเดินเลี่ยงมาอีกทาง แต่คนตัวสูงกว่ายังคงยืนขวางเอาไว้


“ถ้าอย่างนั้น ผม...” ตฤณกรกล่าวอย่างตัดสินใจ “ผมขอกอดคุณได้ไหม”


คำพูดแสนสุภาพนั้นทำเอาคนถูกขอรู้สึกวูบไหวไม่น้อย อาทิตย์ทัศน์เงยหน้าขึ้นสบตาคนตัวสูงกว่า สายตาคู่นั้นปราศจากเล่ห์กลใด ๆ แต่มันคือสายตาแห่งการวิงวอน


ปากหยักขยับอีกครั้งเมื่อเห็นคนตรงหน้านิ่งเงียบไป “ได้ไหมครับ”


อาทิตย์ทัศน์เม้มปากอย่างตัดสินใจก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ และเพียงพริบตาเดียวเขาก็รู้สึกได้ถึงไออุ่น ๆ จากอกแกร่งของเจ้าของสายตาวิงวอนเมื่อสักครู่





“เป็นอะไรหรือเปล่า” คนตัวเล็กกว่าเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าคนที่กำลังกอดเขาอยู่นั้นนิ่งเงียบไป


ตฤณกรกระชับวงแขนให้แน่นขึ้นก่อนจะกล่าวเบา ๆ แต่กลับดังก้องในความรู้สึกของคนฟังซ้ำไปซ้ำมา “ผมคิดถึงคุณจัง”









“คิดถึงที่สุดเลย”






เสียงนั้นสั่นเครือฟังแล้วน่าใจหาย อาทิตย์ทัศน์ค่อย ๆ ยกมือขึ้นกอดเขาตอบพร้อมกับลูบแผ่นหลังกว้างเบา ๆ












“ขี้แยจัง” คนตัวเล็กกว่าพูดกลั้วหัวเราะ

 
ตฤณกรรีบยกมือขึ้นปาดคราบน้ำตาก่อนจะค่อย ๆ ขยับตัวออก เขาใช้มือทั้งสองข้างจับที่เอวของคนตัวเล็กกว่าเอาไว้ “เปล่าเสียหน่อย”


“โกหกไม่เก่งเลยคุณน่ะ” อาทิตย์ทัศน์กล่าวเมื่อมองเห็นตาแดง ๆ ของคนตรงหน้า


“ผมนี่แย่จัง” ตฤณกรพูดกลั้วหัวเราะ “ทั้งที่ตอนแรกคิดว่าจะตั้งเงื่อนไขบ้า ๆ นั่นเพื่อจะทำให้คนปากแข็งยอมพูดว่าคิดถึงแท้ ๆ แต่สุดท้ายตัวผมกลับต้องเป็นฝ่ายคิดถึงคุณเสียเอง”



“สมน้ำหน้า” คนตัวเล็กกว่ากล่าว



“แล้วคุณล่ะ คิดถึงผมบ้างหรือเปล่า” ตฤณกรกล่าว แรงรั้งเบา ๆ ที่เอวทำให้อาทิตย์ทัศน์ต้องยกมือทั้งสองข้างดันแผงอกของคนตัวสูงกว่าเอาไว้ก่อนจะเบนสายตาหนีตาคมคู่นั้นของเขา


“ว่ายังไงครับ”


เสียงทุ้มนุ่มที่ข้างหูทำเอาคนฟังร้อนวูบไปทั้งใบหน้า


“มีใครก็ไม่รู้บอกให้ผมรีบกลับมาเร็ว ๆ ผมก็อุตส่าห์เลื่อนไฟลท์กลับ คุณจะไม่พูดให้ผมฟังหน่อยเหรอ”







“ว่ายังไงครับ” ตฤณกรกล่าวพร้อมกับกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น


“ปล่อยผมก่อน” คนตัวเล็กกว่ากล่าวพร้อมกับพยายามดันอกกว้างให้ออกห่างแต่ก็ไม่เป็นผล


“ถ้าคุณไม่พูดผมก็จะกอดคุณไปแบบนี้แหละ”


“คุณนี่มัน...” อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้วเขิน ๆ


“ถ้าอย่างนั้นเอาอย่างนี้ไหม” คนตัวสูงกว่าทำหน้าเจ้าเล่ห์ “พยักหน้าก็ได้”


“ยังไง”


“ผมจะถาม ส่วนคุณก็แค่พยักหน้า” ตฤณกรยิ้ม “ตกลงไหม”



“อืม” อาทิตย์ทัศน์พยักหน้าส่ง ๆ


“คุณคิดถึงผมใช่ไหม”


คนตัวเล็กกว่าเงยหน้าขึ้นสบตาเจ้าของคำถามก่อนจะหลุบตาลงหนีดวงตาที่จ้องมองมาอย่างรอคำตอบ อาทิตย์ทัศน์พยักหน้าช้า ๆ แทนคำตอบในขณะที่ตฤณกรยิ้มอย่างพอใจ





“คุณคิดถึงผมมาก ๆ เลยใช่ไหม”


คนตัวเล็กกว่ายังคงพยักหน้าอยู่อย่างนั้น





“มาก ๆ ๆๆๆ”


อาทิตย์ทัศน์พยักหน้าเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วไม่อาจนับได้ “ปล่อยได้หรือยัง”





“ยังไม่หมดคำถามเลย”


หน้าแดงระเรื่อหันขวับมาสบตาคนตรงหน้าอย่างขัดใจ “อะไรกัน ยังไม่หมดอีกเหรอ”


“ยังครับ” คนตัวสูงหัวเราะเบา ๆ


“มีอะไรจะถามอีก” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะขยับตัวหลุดจากพันธนาการอันแสนอบอุ่นของเขา





“จ้า” ตฤณกรกล่าวพร้อมกับคว้าข้อมือคนตัวเล็กกว่าเอาไว้ ร่างหนาสาวเท้าเข้าไปหาในขณะที่อาทิตย์ทัศน์เองพยายามถอยหนีจนกระทั่งแผ่นหลังสัมผัสกับกำแพง


“คุณจะไม่พูดให้ผมฟังจริง ๆ น่ะเหรอ” ตฤณกรกระซิบที่ข้างหูของคนที่พยายามเบือนหน้าหนี


“ผมตอบคุณไปหมดแล้วไง”


“แต่ผมอยากฟังนี่นา” คนตัวสูงกล่าวก่อนจะยกมือยันกำแพงเอาไว้ “ผมควรจะทำยังไงกับคนปากแข็งดีนะ” ริมฝีปากหยักยกยิ้มน้อย ๆ ในขณะที่มือข้างหนึ่งค่อย ๆ คลายออกจากข้อมือเล็กก่อนจะเลื่อนขึ้นไปจับที่ปลายคางของตัวเล็กกว่าให้หันมาสบตากัน ก่อนจะจ้องลึกลงไปในดวงตาคู่สวย


“แบบนี้ดีไหม” ตฤณกรยิ้มก่อนจะค่อย ๆ โน้มศีรษะจรดริมฝีปากของตัวเองลงบนริมฝีปากบางของคนที่ค่อย ๆ หลับตาลงช้า ๆ


เพียงไม่ถึงเสี้ยววินาทีอาทิตย์ทัศน์รู้สึกได้ถึงความอุ่นที่สัมผัสลงบนริมฝีปากของตัวเอง หัวใจเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ  แม้อากาศภายในห้องจะเย็นเพียงใดแต่ทั่วทั้งใบหน้ากลับร้อนผ่าวเพียงเพราะรสสัมผัสแรกของใครคนหนึ่งที่หวานหอมเสียจนยากจะควบคุมสติของตัวเองได้ ไม่รู้ว่าป่านนี้หลุดลอยไปถึงไหน 


ใช่..มันคือ ‘จูบแรก’ กับ ‘ผู้ชายคนแรก’ ที่เขาไม่รู้จะให้นิยามความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนในขณะนี้ว่าอย่างไร รู้เพียงว่าคนตัวสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าขณะนี้คือคนที่เขาคิดถึงเหลือเกิน มือเรียวจับบ่าทั้งสองข้างของคนตัวสูงกว่าไว้แน่นเพื่อประคองตัวเองไม่ให้ทรุดลงไปกองกับพื้นก่อนจะพยายามผละออกจากสัมผัสอันอบอุ่น


ตฤณกรค่อย ๆ ถอนริมฝีปากอย่างอ้อยอิ่งเมื่อรู้สึกว่าคนตัวเล็กกว่ากำลังพยายามละจากรสสัมผัสอันหวานหอมนี้ ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอเบา ๆ อย่างพอใจเมื่อเห็นพวงแก้มแดงระเรื่อของคนที่กำลังยืนหอบเพราะขาดอากาศหายใจ ปลายจมูกโด่งค่อย ๆ ลากผ่านพวงแก้มใสก่อนจะกระซิบที่ข้างหู “ทีนี้จะพูดให้ผมฟังได้หรือยังครับ” พูดจบมือหนาก็เลื่อนลงมาประคองที่เอวของคนตรงหน้า



“ผมคิดถึงคุณนะ” เขายังคงย้ำในสิ่งที่กำลังรู้สึกอยู่ขณะนี้อีกครั้ง “แล้วคุณล่ะ คิดถึงผมบ้างหรือเปล่า”






“ว่ายังไงครับ” คนตัวสูงกว่ายิ้ม “ปากก็ไม่แข็งเสียหน่อย ทำไมพูดยากจัง ยิ้มก็ยาก” ตาคมมองไปที่ริมฝีปากสีส้มชวนลิ้มลองนั่นอีกครั้ง


“หรือว่าต้องทำแบบนี้” พูดจบตฤณกรก็ฝังปลายจมูกโด่งลงกับแก้มเนียนทันที


“ตัง”


“พอแล้ว”


อาทิตย์ทัศน์ท้วงเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าคงไม่ยอมหยุดง่าย ๆ


แม้จะมีเสียงทักท้วงแต่ปลายจมูกโด่งก็ยังคงเลื่อนมาฝังลงที่แก้มอีกข้างอย่างไม่กลัวว่าจะช้ำ



“ผมชอบจังเวลาที่คุณเรียกชื่อผม” ตฤณกรกระซิบ “ทีนี้พูดให้ผมฟังได้หรือยัง” คนตัวสูงเอ่ยขึ้นเมื่อทั้งคู่สบตากันอีกครั้ง


“พูดก็ได้” อาทิตย์ทัศน์เงยหน้าขึ้นสบตาคนตัวสูง มือเรียวกระชับแน่นที่บ่าหนาพร้อมกับเขย่งปลายเท้า ริมฝีปากบางค่อย ๆ เคลื่อนผ่านแก้มของคนตัวสูงกว่าไปหยุดที่ข้างหูก่อนจะกระซิบเบา ๆ








“ผม...ก็คิดถึงคุณ”





ตฤณกรยิ้มกว้างพร้อมกับออกแรงรั้งเอวของคนตัวเล็กกว่าเข้ามาใกล้ ๆ ก่อนจะฝังปลายจมูกลงที่แก้มแดงระเรื่ออีกครั้ง


“ชื่นใจจัง”


อาทิตย์ทัศน์จับที่แก้มของตัวเองพร้อมกับขมวดคิ้วและพึมพำเบา ๆ “ไม่เห็นขอก่อนเลย”



ปากหยักคลี่ยิ้มอีกครั้งก่อนจะกล่าว “ก็รู้ว่าต้องให้อยู่แล้วจะขอทำไมล่ะครับ”


“บ้า” อาทิตย์ทัศน์กล่าวพร้อมกับกำหมัดและทุบลงที่แผงออกกว้างเบา ๆ ก่อนที่ทั้งสองคนจะสบตาและยิ้มให้กัน...







หลายวันต่อมา...




อาทิตย์ทัศน์ยืนมองรถไฟฟ้าที่กำลังเคลื่อนออกจากสถานีพร้อมกับนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปไม่นาน แต่ทุกภาพกลับยังคงชัดเจนอยู่ในความรู้สึก เสียงที่ฟังดูอบอุ่นและรสสัมผัสหวานหอมยังคงตราตรึง ปลายนิ้วเรียวค่อย ๆ แตะที่ริมฝีปากของตัวเองก่อนที่รอยยิ้มเล็ก ๆ จะปรากฏขึ้นบนใบหน้า



“ขอโทษครับที่ต้องให้รอ” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ความคิดหยุดลง อาทิตย์ทัศน์ค่อย ๆ หันมาสบตาคนตัวสูงที่กำลังยืนยิ้มให้


“ไม่เป็นไร” คนตัวเล็กกว่าตอบ “ไหนบอกว่าวันนี้เลิกงานดึกไง”


ตฤณกรพยักหน้า “ผมบอกบอสว่าต้องออกมาทำธุระสำคัญ ทำได้แต่วันนี้วันเดียว”


อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้า “คุณมันเจ้าเล่ห์”


“อะไรกันคุณ ผมมาทำธุระสำคัญจริง ๆ นะครับ”


“ธุระอะไรของคุณ” อาทิตย์ทัศน์กล่าว


“ก็วันนี้วันเกิดคุณ ผมไปทานข้าวด้วยไม่ได้ ก็เลยจะเอาของขวัญมาให้”


“เรื่องแค่นี้เอง วันหลังก็ได้”


ตฤณกรส่ายหน้า “ไม่ได้ ๆ”


“งั้น....” อาทิตย์ทัศน์แบมือ “เอามา แล้วรีบกลับไปทำงาน”


“ไม่รู้ว่าคุณจะถือไหวไหม”


อาทิตย์ทัศน์หมวดคิ้วเพราะไม่เห็นคนตรงหน้าจะหอบหิ้วอะไรใหญ่โตจนกระทั่งถือไม่ไหวมาด้วย


“เพราะสิ่งที่ผมจะให้...ก็คือทั้งตัวแล้วก็หัวใจของผม อยู่ที่คุณแล้วละว่าจะรับมันเอาไว้หรือเปล่า” คนตัวสูงยิ้ม “สุขสันต์วันเกิดนะคุณ เรามาเป็นแฟนกันนะ”


คนตัวเล็กกว่ายังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น


ตฤณกรหันไปมองรถไฟฟ้าที่กำลังเคลื่อนเข้าใกล้สถานีก่อนจะกล่าว “คุณมีเวลาสิบเอ็ดสถานีในการคิด ไปกันเถอะรถมาแล้วเดี๋ยวผมไปส่ง” พูดจบมือหนาก็คว้าข้อมือของคนตรงหน้าก่อนจะออกแรงรั้งเบา ๆ ให้เดินตามกันไป









อาทิตย์ทัศน์ละสายตาจากทิวทัศน์นอกหน้าต่างก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนตัวสูงกว่าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาไม่ได้พูดอะไรอีกเลยตั้งแต่ก้าวเข้ามาในรถไฟฟ้า ยิ่งเข้าเมืองเท่าไรจำนวนผู้โดยสารก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น แม้รถไฟฟ้าจะเคลื่อนที่ด้วยอัตราความเร็วเท่า ๆ กับทุกวัน แม้จะมีการเปลี่ยนขบวนรถ แต่ในความรู้สึกอาทิตย์ทัศน์นั้นเวลามันช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน สัมผัสอุ่น ๆ ที่หลังมือของกันและกันทำให้รู้ว่าตลอดเส้นทางยังต่างคนต่างมีกันและกันยืนอยู่ข้าง ๆ แม้จะไม่ได้พูดอะไรกันเลยก็ตาม...



อาทิตย์ทัศน์เงี่ยหูฟังเสียงขานชื่อสถานีพร้อมกับนับถอยหลังในใจ...




‘เรามาเป็นแฟนกันนะ’




อีกแปดสถานี...



‘เรามาเป็นแฟนกันนะ’




อีกห้าสถานี...



‘เรามาเป็นแฟนกันนะ’




อีกสี่สถานี...



‘เรามาเป็นแฟนกันนะ’




อีกสามสถานี...



‘เรามาเป็นแฟนกันนะ’




อีกสถานีเดียว...




ในที่สุดประตูรถไฟฟ้าก็เปิดออกที่สถานีวงเวียนใหญ่ ตฤณกรและอาทิตย์ทัศน์ต่างก็ก้าวออกมาจากขบวนรถก่อนจะเดินไปหยุดยืนที่ปลายสถานีเหมือนทุกครั้ง




“ทำไมครั้งแรกที่เราพบกันในร้านเค้ก คุณถึงไม่บอกว่าคุณเคยเจอผมมาก่อน” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้น


“ผมอยากให้คุณจำผมได้เอง”


“แล้วถ้าผมจำไม่ได้ล่ะ”


“จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงความรู้สึกของผมก็เหมือนเดิมอยู่ดี” ตฤณกรยิ้ม


เสียงเตือนปิดประตูรถไฟฟ้าที่เพิ่งเข้ามาจอดเทียบชานชลาดังขึ้น ทำให้ทั้งคู่ต้องละสายตาจากกันและกันครู่หนึ่ง


“แล้วถ้าวันนี้ผมปฏิเสธ คุณจะทำยังไง” คนตัวเล็กกว่าเอ่ยขึ้น


“พรุ่งนี้ผมก็จะมาที่นี่แล้วก็ถามคุณอีก ถามไปแบบนี้ทุกวันจนกว่าคุณจะใจอ่อน” ตฤณกรยิ้ม


“ดี ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ผมจะเปลี่ยนไปนั่งรถเมล์แทน” อาทิตย์ทัศน์กล่าวยิ้ม ๆ


“จ้าน่ะ” คนตัวสูงกว่าขมวดคิ้ว รู้สึกอยากจะประท้วงคนตรงหน้าเหลือเกิน


อาทิตย์ทัศน์มองคนที่ทำหน้าเหมือนเด็กโดนขัดใจก่อนจะยิ้ม “ไหนบอกว่าจะไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่งอแงไง เป็นแฟนผมน่ะห้ามดื้อ ห้ามซน ห้ามงอแงนะ” พูดจบเขาก็หันหน้ามองดูดวงอาทิตย์สีส้มที่กำลังเคลื่อนต่ำลงทุกขณะ



ประโยคสั้น ๆ ของคนตรงหน้าทำเอาหัวใจของตฤณกรพองโตขึ้นอีกครั้ง เขาสบตาคนตัวเล็กว่าก่อนจะยิ้มกว้างแทบอยากจะกระโดดกอดให้แน่น ๆ แต่แค่เพียงสัมผัสอุ่น ๆ ที่หลังมือเวลาที่ได้ยืนข้าง ๆ กันแบบนี้ก็มีค่ามากที่สุดแล้ว



“ขอบคุณนะ สำหรับของขวัญวันเกิด”


“คุณชอบไหม” คนตัวสูงกว่าถาม


อาทิตย์ทัศน์พยักหน้ายิ้ม ๆ ลักยิ้มเล็ก ๆ ที่ข้างแก้มทำเอาคนมองอดที่จะยิ้มตามไม่ได้...




วันนี้การรอคอยที่จะพบใครคนหนึ่งอีกครั้งได้สิ้นสุดลงแล้ว จากนี้ไปมันคือการเริ่มต้นของคนสองคนที่จะจับมือเดินไปด้วยกัน แม้ไม่รู้ว่าเส้นทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่เชื่อเหลือเกินว่าความรักจะทำให้แต่ละวันผ่านไปอย่างดีที่สุด...





.......จบ......





ขอบคุณคุณคนอ่านทุก ๆ คน สำหรับการติดตามค่ะ



แล้วจะมาลงตอนพิเศษให้อีก 1 ตอนนะคะ


 
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 20 : คำตอบ) ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 03-01-2014 06:37:39
ไม่อยากให้จบเลย มันน่ารักอบอุ่นมาก
นี่ก็อ่านไปเขินไปยิ้มไปนะเนี่ย รอตอนพิเศษครับ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 20 : คำตอบ) ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 03-01-2014 06:41:42
สำเร็จซักทีนะตัง  :กอด1:


ขอบคุณครับ แล้วจะรอตอนพิเศษครับ

หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 20 : คำตอบ) ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 03-01-2014 08:22:30
ขอบคุณมากค่า

อ่านแล้วยิ้มไม่หุบ มันอบอุ่นมากอ่ะ

รอตอนพิเศษค่า
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 20 : คำตอบ) ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 03-01-2014 08:41:32
ดีใจด้วยนะตัง จ้ายอมเป็นแฟนแล้ว
รู้สึกอบอุ่นจริงๆ อ่านไปยิ้มไป

ขอบคุณคนแต่งนะที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่าน
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 20 : คำตอบ) ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 03-01-2014 09:41:48
ยิ้มไม่หุบกันเลยทีเดียว หวานตั้งแต่ต้นจนจบ
รักเรื่องนี้จัง ขอบคุณคนเขียนมากค่ะที่ทำให้มีความสุข

สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๗ จ้า
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 20 : คำตอบ) ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 03-01-2014 10:05:41
จบแล้วนะคะสำหรับเรื่อง "ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า" ต้องขอบคุณคุณคนอ่านทุกคนมาก ๆ สำหรับการติดตาม
แล้วก็ขอบคุณมาก ๆ สำหรับคอมเม้นท์ค่ะ ประทับใจทุกคนมาก ๆ เลย
 
สวัสดีปีใหม่นะคะ ขอให้ทุกคนมีความสุขมาก ๆ ค่ะ
เหลืออีก 1 ตอนซึ่งเป็นตอนพิเศษนะคะ ขอติดไว้ก่อน
ยังไงก็ทักทาย ตามทวงกันได้ที่เพจนะคะ


หวังว่าคงจะมีโอกาสพบกันอีกในเรื่องถัดไปค่ะ (ถ้าไม่หมดมุขเสียก่อน ^^)



ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ


หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 20 : คำตอบ) ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: babaaa ที่ 03-01-2014 12:09:28
อ่านไปยิ้มไป งื้อออออ
อบอุ่นมากก ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 20 : คำตอบ) ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 03-01-2014 13:28:03
น่ารักมากเลยเรื่องนี้
เราพลาดไปได้ยังไง
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วรู้สึกอุ่นข้างในจริงๆ <3
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 20 : คำตอบ) ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 03-01-2014 13:39:37
โหยยยยยยยย น่ารักมากกกกกกก
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 20 : คำตอบ) ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: ppgf ที่ 03-01-2014 14:01:23
 :o8: :o8: :o8:ยกให้เป็นนิยายโรแมนติกแห่งปีเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 20 : คำตอบ) ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 03-01-2014 14:11:31
 :jul1: :mew3:  ฟินฝุดๆๆ  บอกเลย อ๊ายยยยยยย
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 20 : คำตอบ) ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 03-01-2014 14:13:15
หวานละในละไม น่ารักฟิลกู๊ดด ชอบบบบ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 20 : คำตอบ) ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 03-01-2014 15:02:48
ฮืออออ อ่านรวดเดียวเลย ชอบจนอยากจะร้องไห้เลยค่ะเรื่องนี้ มันอบอุ่น นุ่มละมุน และกลมกล่อมมาก  ฟีลกู๊ดสุด ๆ
รอตอนพิเศษนะคะ  สวัสดีปีใหม่ค่าา ^____^

หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 20 : คำตอบ) ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 03-01-2014 15:20:52

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้

หวังว่าจะมีเรื่องต่อๆไปตามมา

+ 1 + เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 20 : คำตอบ) ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 03-01-2014 16:29:58
เป็นนิยายที่อ่านแล้วให้ความรู้สึกดีมากๆน่ารักอบอุ่น
ถึงจะใช้เวลานานมากกว่าที่จะได้เจอและรักกัน
ชอบตังกับจ้ามาก :mew1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 20 : คำตอบ) ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: lonesomeness ที่ 03-01-2014 16:49:37
ในที่สุดก็เป็นแฟนกันซักที เฮ้อ ตามลุ้นอยู่ตั้งนาน
จ้าใจแข็งมากกกกกก ตังก็มีความอดทนสูงสุด
ฉากขอเป็นแฟนนี่น่ารักจังเลยค่ะ
เอาไว้จะขอยืมมุกไปใช้กับผู้ชายที่ชอบบ้างนะคะ 5555
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 20 : คำตอบ) ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 03-01-2014 20:14:57
ขอตอนพิเศษค่ะ กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :-[

อ่านแล้วหวานมากกก มดจะขึ้นจอคอมแล้ววว
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 20 : คำตอบ) ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 03-01-2014 20:22:36
อบอุ่นละมุนที่สุดตั้งแต่ตอนแรกยันตอนสุดท้ายเลยค่ะ
ชอบตังตรงที่เป็นผู้ชายสุภาพ แล้วจ้าเนี่ยก็ไม่ตุ้งติ้งออกจะแมนด้วยซ้ำ55555555555555

ยินดีด้วยนะทั้งคู่ ตังก็อดทนอ่ะ จ้าก็ใขแข๊งแข็ง
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ^^
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 20 : คำตอบ) ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: tartar ที่ 03-01-2014 20:44:25
รู้สึกละมุนละไม
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 20 : คำตอบ) ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 03-01-2014 20:45:45
รอตอนพิเศษอะอ่านรวดเดียวจบ
น่ารักมากเลย โลกกลม พรหมลิขิตมากๆ
ชอบจ้า
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 20 : คำตอบ) ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 03-01-2014 21:02:37
น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกก :-[
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 20 : คำตอบ) ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: nirun4 ที่ 03-01-2014 21:10:18
 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:
เข้ามาอ่านรอบเดียวจบ ชอบเรื่องนี้มากเลย ค่อยๆเป็นค่อย ๆไป แต่ใส่ใจกันน่ารักมาก o13
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 20 : คำตอบ) ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 03-01-2014 21:23:44
ขอบคุณจ้า  สนุกมาก  ละเมียดละไมมาก  อ่านแล้วอยากได้ผู้ชายแบบตังซะเหลือเกินยังมีเหลืออีกไหมเนี่ย 
เฮ้อ  เสียดายอ่ะ  งือ  จบซะแล้ว  แต่ขยันมาลงเรื่องมากนะ  ขอบคุณมากจ้า :กอด1:

ตอนพิเศษมาลงให้อ่านหลายๆ ตอนนะให้สมกับการรอคอยของนายตังกว่าจะเป็นแฟนกับจ้า  ผู้ชายปากแข็งมากกกกกก
ขอตอนพิเศษหลายๆ ตอนนะ  pleas   :3123:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 20 : คำตอบ) ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 03-01-2014 22:31:32
อบอุ่นมากมาย ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 20 : คำตอบ) ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 04-01-2014 01:04:28
เพิ่งมาตามอ่าน  ตอนแรกไม่กดเข้ามาเพราะกลัวมันจะเศร้านะคะ
แต่พออ่านแล้วแบบ มันดรแมนตืกมากเลยอ่า อยากให้เรื่องยาวๆกว่านี้ด้วย
ชอบที่จีบกันอะ มันเป็นพรมลิขิตจริงๆเนอะ ^^
ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนที่ 20 : คำตอบ) ตอนจบ
เริ่มหัวข้อโดย: eye-lifestyle ที่ 04-01-2014 01:04:55
 :katai2-1: :katai2-1: o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 1)
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 04-01-2014 01:33:49
ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 1 (ก้อนหินจำศีล)




“ยินดีต้อนรับกลับสู่ประเทศไทยค่ะพี่ตัง” หญิงสาวในชุดเสื้อไหมพรมถักสีสันสดใสเอ่ยทักทายขณะเปิดประตูรั้วให้ชายหนุ่ม ตฤณกรยิ้มก่อนจะเดินตามเธอเข้าไปในบ้าน คนตัวสงยกมือไหว้หญิงวัยกลางคนที่กำลังนั่งปอกผลไม้ใส่กล่องพลาสติกอยู่ที่โซฟาก่อนจะนั่งลง


“หายหน้าไปนานเลยนะจ๊ะ” อรนุชกล่าว


“ครับ” ตฤณกรตอบยิ้ม ๆ ก่อนจะวางถุงของฝากลงบนโต๊ะ “นี่ของฝากครับ ผมคิดว่าคุณป้าน่าจะชอบ”


“อะไรเหรอจ๊ะ” หญิงวัยกลางคนกล่าวก่อนจะวางมีดลง และเอื้อมหยิบถุงกระดาษลายสวยมาดูโดยมีสาวน้อยบ้านตรงข้ามนั่งชะเง้อมองอยู่ข้าง ๆ อย่างสนใจ


“หนังสือสอนทำขนมญี่ปุ่นน่ะครับ เขาแปลเป็นภาษาอังกฤษ”


“แหม...ช่างรู้ใจน้านุชนะคะพี่ตัง” จอมขวัญกล่าวยิ้ม ๆ “ดูสิ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว”


“หนูขวัญก็... แซวน้าได้” อรนุชกล่าวขณะเปิดดูภาพในหนังสือเล่มหนา


“ขอบใจนะจ๊ะตัง”


“ไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มตอบยิ้ม ๆ ก่อนจะหันไปหาสาวน้อยที่กำลังเอื้อมหยิบผลไม้ในกล่อง


“ของขวัญก็มีนะ” ตฤณกรกล่าวก่อนจะส่งถุงอีกใบให้


“อะไรเหรอคะ” หญิงสาวกล่าวพร้อมกับรับมันมา


“ลองเปิดดูสิ พี่ก็ไม่รู้ว่าจะถูกใจหรือเปล่า ตอนไปซื้อก็อาศัยถามเพื่อนผู้หญิงที่เป็นคนญี่ปุ่นเอา”


“โอ้โห เครื่องสำอางนี่คะ ยี่ห้อที่มีคนรีวิวทั้งนั้นเลย” จอมขวัญกล่าวตาวาวก่อนจะหยิบเครื่องสำอางหลายชิ้นออกมาวางเรียงบนโต๊ะ


“ถูกใจไหม”


“ถูกใจมากเลยค่ะพี่ตัง”


ตฤณกรพยักหน้าก่อนจะมองหาใครอีกคน “จ้าไม่อยู่เหรอครับคุณป้า”


อรนุชและจอมขวัญมองหน้ากันยิ้ม ๆ


“อยู่ค่ะพี่ตัง แต่อยู่บนห้องโน่น”


ชายหนุ่มขมวดคิ้วก่อนจะก้มลงมองนาฬิกาข้อมือซึ่งบอกเวลาเกือบสิบโมงเช้า



“ยังไม่ตื่นอีกเหรอ”


อรนุชยิ้มก่อนจะวางหนังสือในมือลง “ตื่นตั้งนานแล้วจ้ะ”


“หรือว่าไม่สบายครับ”


“เปล่าหรอกค่ะ แต่ว่าหน้าหนาวแบบนี้น่ะ มันเป็นฤดูจำศีลของพี่จ้าเขา” จอมขวัญหัวเราะ


“ฤดูจำศีล?”


“ใช่ค่ะ หน้าหนาวพี่จ้าจะกระฉับกระเฉงน้อยลงสิบเปอร์เซ็นต์”


“มีอย่างนี้ด้วย” ตฤณกรยิ้ม


“รายนั้นเขาขี้หนาวน่ะลูก ชวนไปไหนหน้าหนาวแบบนี้ก็ไม่ไปหรอก”


“ใช่ค่ะ นี่ขวัญก็เลยจะชวนน้านุชออกไปซื้อของกับแม่ กำลังรอน้านุชเตรียมเสบียงให้พี่จ้าอยู่”


“ผมว่าจะมาชวนออกไปข้างนอกด้วยกันเสียหน่อย สงสัยคงไม่ได้ไปแล้ว” ตฤณกรยิ้ม


“ลองขึ้นไปชวนสิจ๊ะ เผื่อจะยอมไป” อรนุชกล่าวก่อนจะหันไปหาจอมขวัญ “น้าวานขวัญเอาผลไม้ไปแช่ตู้เย็นหน่อยนะลูก เดี๋ยวน้าไปหยิบกระเป๋าสตางต์ก่อนแล้วเราไปกัน”


“ค่ะ น้านุช” หญิงสาวกล่าว


“ไม่ขึ้นไปเหรอคะพี่ตัง น้านุชอุตส่าห์อนุญาตแล้ว ห้องพี่จ้าอยู่ใกล้ ๆ กับบันไดค่ะ” เธอยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนจะเดินถือกล่องใส่ผลไม้หายเข้าไปในครัว




อรนุชหายขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านครู่หนึ่งก่อนจะกลับลงมาอีกครั้ง


“อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันนะตัง เดี๋ยวป้าจะกลับมาทำกับข้าวให้ทาน”


“ครับคุณป้า”


พักใหญ่ ๆ เสียงปิดประตูรั้วก็ดังขึ้นก่อนที่รถเก๋งของจอมขวัญจะถูกขับออกไป ตฤณกรเดินไปนั่งลงที่ระเบียงดูปลาคราฟสีสวยที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในสระน้ำเล็ก ๆ ไม่รู้ว่าอากาศเย็นขนาดนี้พวกมันจะรู้สึกหนาวกันบ้างไหมที่ต้องแช่อยู่ในน้ำแบบนี้ เมื่อไม่มีทีท่าว่าคนที่อยากเห็นหน้าจะลงมา เขาจึงตัดสินใจเดินขึ้นไปที่ชั้นสองของบ้านก่อนจะค่อย ๆ เปิดประตูเข้าไปในห้องที่อยู่ใกล้กับบันไดมากที่สุด


ภายในห้องถูกตกแต่งอย่างเรียบง่าย ตามฝาผนังมีภาพถ่ายที่เข้ากรอบอย่างดีซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาพของท้องฟ้า ป่าเขาและสถานที่ต่าง ๆ ประดับอยู่เต็มไปหมด ทั้งม่านหน้าต่าง ผ้าปูที่นอนและผ้าห่มล้วนแต่เป็นสีขาวสะอาดตา ตฤณกรค่อย ๆ นั่งลงบนเตียงนอน ก่อนจะวางมือบนผ้าห่มผืนหนาที่ขยับขึ้นลงตามจังหวะการหายใจของคนที่กำลังนอนคลุมโปง



“เลิกจำศีลได้แล้วครับคุณก้อนหิน”


“อย่ามายุ่งกับผม” เสียงอู้อี้ที่ดังมาจากใต้ผ้าห่มเรียกรอยยิ้มจากคนที่กำลังนั่งมองอยู่ได้ไม่น้อย


“อะไรกันคุณ อากาศดี ๆ แบบนี้มัวมานอนคลุมโปงอยู่ได้ยังไงกัน ออกไปข้างนอกกันดีกว่า”


อาทิตย์ทัศน์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะค่อย ๆ โผล่หน้าออกมาจากผ้าห่ม


“แบบนี้บ้านคุณเรียกอากาศดี แต่ที่บ้านผมเรียกอากาศหนาวนะ” พูดจบเขาก็ทำท่าจะมุดลงใต้ผ้าห่มอีกครั้ง


ตฤณกรรีบดึงผ้าห่มเอาไว้ก่อนจะกล่าว “ไม่เอาแล้ว ผมไม่ให้นอนแล้ว ลุกขึ้นมาคุยกันก่อน”


“ผมไม่อยากคุย ปล่อยเลย” คนตัวเล็กกว่าพยายามออกแรงยื้อยุดฉุดกระชาก


“ไม่ปล่อย” ตฤณกรหัวเราะ “ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลย” พูดจบเขาก็ดึงแขนทั้งสองข้างของคนที่กำลังขืนตัวเตรียมจะมุดลงไปในผ้าห่มขึ้นมา


“อะไรของคุณเนี่ย” อาทิตย์ทัศน์กล่าวอย่างหงุดหงิด


“อากาศแค่นี้บ่นว่าหนาวแล้วคุณไปอยู่ต่างประเทศได้ยังไงตั้งหลายปี”


“มันไม่เหมือนกัน คุณเข้าใจคำว่าสถานการณ์บังคับไหม ที่อังกฤษมันก็หนาวจนผมแทบไม่อยากจะทำอะไรเหมือนกัน แต่ก็ต้องทำเพราะสถานการณ์มันบังคับ แต่คุณดูสิ ที่นี่เมืองไทยนะ มันไม่ควรจะหนาวอะไรขนาดนี้” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะพยายามสะบัดมือออก


“จ้า ไม่เอาแล้ว ผมไม่ให้นอนแล้ว”


“อย่ามายุ่งกับผม” คนตัวเล็กกว่ากล่าวเมื่อหลุดออกจากการเกาะกุมของเขาในที่สุด อาทิตย์ทัศน์คว้าผ้าห่มนอนคลุมโปงอีกครั้ง



“เฮ้อ...เด็กคนนี้” ตฤณกรส่ายหน้า ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมภาพที่เขาถ่ายจึงมีแต่ภาพของท้องฟ้า ภาพกลางแจ้งหรือสถานที่ที่แวดล้อมด้วยสภาพอากาศที่ดูอบอุ่น ที่แท้ก็เพราะเป็นคนขี้หนาวนี่เอง


“ผมไม่ใช่เด็ก” เสียงอู้อี้ดังมาจากใต้ผ้าห่ม


“แต่คุณกำลังทำตัวเป็นเด็ก ๆ” ตฤณกรหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ


“บอกแล้วไงว่าผมไม่ใช่เด็ก” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง


“งั้นก็ลุกขึ้นแล้วลงไปข้างล่างกัน” ตฤณกรกล่าวก่อนจะรั้งข้อมือของคนตรงหน้าขึ้น “เร็วสิครับ”


อาทิตย์ทัศน์ถอยหายใจก่อนจะลุกขึ้นเดินตามคนตัวสูงกว่าออกไปจากห้องอย่างจำใจ




“คุณทานอะไรมาหรือยัง” คนตัวเล็กกว่าถามขึ้นก่อนจะนั่งกอดเข่าลงที่โซฟา


“ผมทานมาแล้ว ว่าจะชวนไปข้างนอกด้วยกันเสียหน่อย”


“ไปไหน”


คนตัวสูงกว่ายิ้มก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ “ก็...ไปไหนก็ได้ที่คนเป็นแฟนกันเขาไปกัน”


“เพ้อเจ้อ” อาทิตย์ทัศนพึมพำ


“แล้วชอบหรือเปล่าล่ะ” ริมฝีปากหยักยกยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะแกล้งขยับเบียดเข้ามาใกล้ ๆ


“ไม่ชอบ” ชายหนุ่มที่นั่งกอดเข่าอยู่ข้าง ๆ ตอบห้วน ๆ


“ไม่ชอบจริง ๆ น่ะเหรอ” ตฤณกรเสียงอ่อย


คนตัวเล็กกว่าเหลือบมองคนที่ทำหน้าจ๋อยอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะพูดเพียงสั้น ๆ แต่ก็ทำให้หัวใจคนฟังพองโตขึ้นอีกครั้ง


“ไม่จริง”


ตฤณกรยิ้มหวานพร้อมกับวางแขนลงบนบ่าของคนข้าง ๆ ก่อนจะใช้หลังนิ้วถูที่แก้มเนียนเบา ๆ อย่างหยอกล้อ “ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณไม่ได้ใจร้าย”


“ฉวยโอกาสตลอด” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะลุกขึ้นเดินหายเข้าไปในครัว ทิ้งให้คนถูกต่อว่านั่งยิ้มอยู่อย่างนั้น







“คุณเล่นกีต้าร์เป็นด้วยเหรอ”


เสียงนั้นดังมาจากข้างนอกในขณะที่อาทิตย์ทัศน์กำลังยืนชงโกโก้ร้อนอยู่ที่โต๊ะอาหาร เขายกแก้วสองใบเดินออกไปก่อนจะวางมันลงโต๊ะหน้าทีวี จากนั้นชายหนุ่มจึงหันไปตอบคำถามของคนที่ยืนเกากีต้าร์ไม่เป็นทำนองอยู่ใกล้ ๆ กับชั้นวางหนังสือ


“เป็นสิ” อาทิตย์ทัศน์ตอบก่อนจะหยิบหนังสือเล่มหนึ่งที่อ่านค้างไว้ขึ้นมาเปิดดู


“จริงเหรอ” ตฤณกรยิ้มขณะเดินถือกีต้าร์มานั่งลงข้าง ๆ กัน


“ผมจะโกหกคุณทำไม”


“คุณหัดเองเหรอ”


“อืม” อาทิตย์ทัศน์ตอบทั้งที่สายตายังคงกวาดมองตัวหนังสือ หูยังคงได้ยินเสียงเกากีต้าร์ทำนองแปร่ง ๆ เป็นระยะ ๆ ชายหนุ่มถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะกล่าว“คุณเลิกเกากีต้าร์เสียงแปร่ง ๆ เสียทีได้ไหม ผมรำคาญ”


“ก็ผมเล่นไม่เป็นนี่คุณ ถ้าอย่างนั้น...” คนตัวสูงกว่ากล่าวพร้อมกับดึงหนังสือออกจากมือคนข้าง ๆ “คุณเล่นให้ผมฟังหน่อยนะ”


อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้าก่อนจะรับกีต้าร์ตัวเก่าที่ซื้อตั้งแต่สมัยมัธยมต้นมาตั้งสาย นานแล้วที่ไม่ได้หยิบมันออกมาเล่น ถ้าแม่ไม่รื้อทำความสะอาดห้องเก็บของมันก็คงนอนจมกองฝุ่นอยู่อย่างนั้น     


“ว่าแต่คุณเถอะทำไมถึงหัดเล่นกีต้าร์ล่ะครับ” คนตัวสูงกว่าถามก่อนจะวางคางลงบนบ่าของคนข้าง ๆ


“จีบสาว” อาทิตย์ทัศน์ตอบเรียบ ๆ ในขณะที่ตฤณกรก็เอียงคอมองคนที่แก้มชนกับปลายจมูกของเขาอย่างแปลกใจ


“จีบสาวด้วยอ่ะ แฟนใครเนี่ย” น้ำเสียงล้อเลียนปนน้อยใจนั้นทำเอาอาทิตย์ทัศน์รู้สึกเขินไม่น้อย


“พูดมากจริง นอนฟังเงียบ ๆ ไปเลย” คนตัวเล็กกว่ากล่าวแก้เขิน


ตฤณกรยิ้มก่อนจะนอนเหยียดลงบนโซฟาพร้อมกับเปิดหนังสือในมือขึ้นอ่าน ไม่นานเสียงเพลงเบา ๆ จากปลายนิ้วที่สัมผัสกับสายโลหะก็ดังขึ้น...









...เพียงลำพังแค่ลมไหวเอน

ใจมันก็ลอยไปอย่างนั้น

แค่ต้นไม้ แค่รถไฟ แค่ถนน แค่พู่กัน

ก็แค่นั้น แต่มันเห็นเธออยู่ตรงนั้น

แค่นั่งมองดูผนัง ก็ยังนึกถึงรอยยิ้มเธอ

เดินเข้ามาทักทายสบตาฉัน....

ก็ไม่รู้เพราะอะไร ไม่รู้ไม่เข้าใจ ก็แค่นั้น...









ในที่สุดเสียงโน้ตตัวสุดท้ายลอยหายไปกับสายลมแห่งฤดูหนาว อาทิตย์ทัศน์ค่อย ๆ วางกีต้าร์ลงก่อนจะหันไปมองคนที่นอนอยู่ด้านหลัง มือเรียวค่อย ๆ หยิบหนังสือที่วางอยู่บนอกกว้างของคนที่กำลังนอนหลับขึ้นมาก่อนจะวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นเขาจึงขยับเข้าไปใกล้ ๆ ก่อนจะค่อย  ๆ  โน้มตัวลงดึงแว่นสายตาของตฤณกรออกวางทับลงบนหนังสือ



ตาคู่สวยไล่มองตั้งแต่หน้าผากไล่มาตามสันจมูกโด่งแสนซุกซนจนกระทั่งมาหยุดที่ริมฝีปากหยักได้รูปที่เคยทำให้เขาแทบควบคุมสติไม่อยู่ยามเมื่อได้รับรสสัมผัสนุ่มนวลหวานหอมนั้น มือเรียวค่อย ๆ ไล้ไปตามเรือนผมดำสนิทก่อนจะเลื่อนมายังปลายคิ้วหนา   



“มองแบบนี้ผมเขินนะคุณ” คนที่กำลังหลับตาพริ้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับคว้าข้อมือของอาทิตย์ทัศน์เอาไว้




“นี่คุณไม่ได้หลับหรอกเหรอ”



ตฤณกรค่อย ๆ ลืมตาขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นนั่ง “คุณนั่นแหละที่ทำผมตื่น เพราะฉะนั้นต้องรับผิดชอบ” พูดจบเขาก็ฝังปลายจมูกโด่งลงบนแก้มเนียนก่อนจะสูดลมหายใจเข้าเพื่อกอบโกยกลิ่นหอมที่คุ้นเคยนั้นแล้วจึงรีบผละออก



“เฮ้ย” อาทิตย์ทัศน์เบิกตากว้างเพราะไม่ทันตั้งตัว เขายกมือขึ้นลูบแก้มของตัวเองก่อนจะหันไปคาดโทษคนที่นั่งยิ้มหวานอยู่ใกล้ ๆ ...









...



“จ้า ของที่ลูกจะทิ้งน่ะ ลูกแยกไว้แล้วใช่ไหม” เสียงของผู้เป็นแม่ดังขึ้น



“ครับแม่ จ้าใส่ไว้ในลังกระดาษแล้ว” อาทิตย์ทัศน์กล่าวขณะกำลังยืนล้างจานอยู่ที่อ่างล้างจาน



“รูปนี่ก็ทิ้งด้วยเหรอลูก” อรนุชกล่าวก่อนจะหยิบกรอบรูปซึ่งเป็นภาพของเด็กผู้ชายสองคนขึ้นมาดู ในขณะที่ตฤณกรซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลนักก็มองมันอย่างสนใจ



ชายหนุ่มที่กำลังหมุนก๊อกเปิดน้ำชะงักเล็กน้อยก่อนจะตอบ “ทิ้งครับแม่ จ้าไม่รู้จะเก็บไว้ทำไม”



ตฤณกรมองดูกรอบรูปที่ถูกวางลงในลังกระดาษก่อนจะเดินเข้าไปในครัว คนตัวสูงกว่าสอดแขนทั้งสองข้างเข้าที่ข้างเอวพร้อมกับโอบรัดคนตัวเล็กกว่าจากด้านหลัง



“เฮ้ย กอดทำไม” อาทิตย์ทัศน์ร้องขึ้นเบา ๆ ก่อนจะหันไปมองสาวน้อยที่หยุดปอกผลไม้แต่กลับนั่งทำตาแป๋วอยู่ที่โต๊ะอาหาร



ตฤณกรมองตามสายตาของคนในอ้อมกอด เมื่อเห็นว่าภายในครัวไม่ได้มีแค่เขาสองคนก็ตกใจไม่น้อย เขายิ้มเก้อ ๆ ก่อนจะค่อย ๆ คลายวงแขนออก “วันนี้กอดทั้งวันเลยลืมตัว” ชายหนุ่มกล่าวเขิน ๆ



“กอดต่อก็ได้นะคะ ขวัญไม่หวงพี่ชายหรอก” จอมขวัญยิ้ม



“น้องสาวคุณไม่ว่าอะไร งั้นผมกอดต่อนะ” ตฤณกรหันไปพูดกับอาทิตย์ทัศน์



“เดี๋ยวเถอะทั้งคู่เลย เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย” คนหน้าตูมกล่าวก่อนจะเดินหนีออกไปข้างนอก



“ลืมตัวแบบนี้แฟนคลับหัวใจจะวายนะคะพี่ตัง” สาวน้อยหัวเราะในขณะที่คนโดนแซวได้แต่เกาศีรษะแก้เก้อ







...



 
“ปีใหม่นี้ตังกลับบ้านหรือเปล่าลูก” อรนุชถามขึ้นณะที่ทุกคนกำลังนั่งดูทีวีกันอยู่



“เปล่าครับ” ชายหนุ่มตอบยิ้ม ๆ



“เป็นพวกหลงแสงสีละสิ” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้น



“ไม่ใช่อย่างนั้นเสียหน่อยคุณ” ตฤณกรขมวดคิ้ว “ถ้าจะหลงผมก็หลง คะ ...” ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ คนตัวเล็กกว่าก็ล็อคคอเขาเอาไว้พร้อมกับใช้มือเรียวปิดปากคนที่คิดอะไรอยู่ในใจก็พูดออกมาเสียหมดไว้แน่น



“หยุดเลย” อาทิตย์ทัศน์ปราม



“หลงอะไรยังฟังไม่รู้เรื่องเลย พี่จ้าปิดปากพี่ตังทำไมคะ หลงอะไรเหรอคะพี่ตัง” สาวน้อยที่นั่งเคี้ยวผลไม้ตุ้ย ๆ ถามด้วยความสงสัย



อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้วส่งสัญญาณไม่ให้คนในวงแขนพูดมากก่อนจะค่อย ๆ คลายมือออกช้า ๆ



“หลง......” คนตัวสูงขมวดคิ้วพร้อมกับพยายามนึกหาทางออกของสถานการณ์นี้ “หลงทางน่ะครับ” ตฤณกรกล่าวก่อนจะหัวเราะแหะ ๆ


“อ๋อ” จอมขวัญพยักหน้า “ขวัญคิดว่าหลงรักคนแถวนี้เสียอีก” พูดจบเธอก็หัวเราะชอบใจในขณะที่อรนุชก็นั่งมองเธออย่างเอ็นดู



อาทิตย์ทัศน์เดินไปนั่งลงที่โต๊ะทำงานก่อนจะเปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุคขึ้น แม้สายตาจะจดจ้องอยู่ที่หน้าจอ แต่หูก็ยังคงได้ยินเสียงพูดคุยกันของคนที่นั่งรวมกลุ่มกันอยู่ที่โซฟาได้อย่างชัดเจน



“แล้วคุณลุงคุณป้าที่เชียงใหม่ล่ะจ๊ะ” 



“ท่านก็มีลูกหลานของท่านเยอะแยะเต็มไปหมดแล้วละครับ”



“พูดยังกับตัวเองไม่ใช่ลูกไม่ใช่หลานอย่างนั้นแหละ” คนที่นั่งห่างออกไปจากวงสนทนาแทรกขึ้น



ตฤณกรหันไปมองเจ้าของประโยคเมื่อสักครู่เล็กน้อยก่อนจะหันมากล่าวกับหญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่ที่โซฟาใกล้ ๆ “อืม..จะว่าอย่างนั้นก็ใช่ครับ หลังจากพ่อกับแม่ของผมเสีย ผมก็ถูกส่งไปอยู่ที่สถานสงเคราะห์เพราะผมไม่มีญาติที่ไหนเลย คุณลุงคุณป้าที่เลี้ยงดูผมก็คือคุณลุงคุณป้าเจ้าของสถานสงเคราะห์นั่นแหละครับ”



“ถ้าปีใหม่ตังไม่ได้ไปไหนก็แวะมาทานข้าวที่บ้านป้าได้นะลูก”



“ครับคุณป้า” ชายหนุ่มยิ้มกว้างก่อนจะหันไปยักคิ้วให้คนที่กำลังมองมาที่เขาอย่างหมั่นไส้



อาทิตย์ทัศน์เหลือบมองคนที่กำลังเล่าเรื่องของตัวเองด้วยรอยยิ้มเป็นระยะ ๆ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองไปเรื่อย ๆ พักใหญ่ ๆ น้องสาวบ้านตรงข้ามขอตัวกลับ แม่ของเขาจึงขึ้นไปสวดมนต์บนห้องพระ ตฤณกรเดินไปหยุดยืนที่ลังกระดาษใบใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยของที่เจ้าของบ้านกำลังจะ ‘ทิ้ง’ ก่อนจะก้มลงหยิบกรอบรูปซึ่งมีรูปของหนุ่มน้อยสองคนในชุดนักเรียนที่ยืนอยู่คู่กันขึ้นมาดู



“คุณเสียใจไหมที่เลือกผม” คนตัวสูงกล่าวก่อนจะสัมผัสปลายนิ้วลงบนภาพของหนุ่มน้อยเจ้าของลักยิ้มเล็ก ๆ ที่ข้างแก้ม



“ทำไมคุณถึงถามผมแบบนี้” อาทิตย์ทัศน์ที่ยังคงจ้องมองไปที่คอมพิวเตอร์โน้ตบุคถามอย่างแปลกใจ



“ผมก็แค่คนธรรมดา ๆ ไม่เหมือนเขา...”




อาทิตย์ทัศน์ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้น เขาเดินมาหยุดตรงหน้าของตฤณกร
 


“เพิ่งรู้ว่าคุณเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเอง” คนตัวเล็กกว่ากล่าวก่อนจะเอื้อมมือหยิบกรอบรูปจากมือชายหนุ่มจากนั้นจึงวางมันไว้ในลังกระดาษเหมือนเดิม



“แล้วคุณล่ะ มั่นใจในตัวผมหรือเปล่า” ตฤณกรไม่พูดเปล่า มือหนารั้งเอวของคนตรงหน้าเข้ามาใกล้ ๆ “ถ้าผมมีพรวิเศษหนึ่งข้อ ให้คุณขออะไรก็ได้ คุณอยากจะขอให้คนที่อยู่ตรงหน้าคุณตอนนี้เป็นเขาไหม”



อาทิตย์ทัศน์เงยหน้าขึ้นสบตาคนตรงหน้าก่อนจะกล่าวเพียงสั้น ๆ “ผมจะขอให้คุณไม่มีพรวิเศษ”



ตฤณกรยิ้มก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนมือขึ้นมาบีบเบา ๆ ที่ปลายจมูกโด่งรั้นของคนตรงหน้า “รักผมแล้วละสิ”



“เพ้อเจ้อ” อาทิตย์ทัศน์กล่าวพร้อมกับปัดมือเขาออก



คนตัวสูงกว่ายื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ ก่อนจะกระซิบเบา ๆ “เพ้อ..จ้า ต่างหาก”








อาทิตย์ทัศน์เดินมาส่งตฤณกรที่หน้าบ้านท่ามกลางอากาศหนาวเย็นของคืนเดือนมืด คนที่เดินนำหน้าค่อย ๆ เอื้อมมือลากประตูเหล็กให้เปิดออก



“จ้า” คนตัวสูงกว่าที่เดินมาซ้อนทับด้านหลังเอ่ยขึ้นพร้อมกับรั้งมือของเขาเอาไว้



“หืม” อาทิตย์ทัศน์ขานรับเบา ๆ ขณะมองมือทั้งสองข้างของตัวเองที่กำลังถูกเกาะกุมด้วยมืออุ่น ๆ ของคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง




ตฤณกรค่อย ๆ ดึงมือเล็ก ๆ ของคนตรงหน้าออกจากประตูเหล็กก่อนจะค่อย ๆ วางคางบนบ่าและกอดคนตัวเล็กกว่าเอาไว้แน่น



“ขอบคุณนะครับที่คุณให้โอกาสคนธรรมดา ๆ อย่างผม”



“ถึงผมไม่ให้โอกาส ยังไงคุณก็ต้องสร้างโอกาสให้ตัวเองอยู่ดี เพราะคุณมันเป็นพวกชอบฉวยโอกาสเหมือนที่ทำอยู่ตอนนี้ไง” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะพยายามขยับออกจากอ้อมกอดของเขา



“ถ้าคุณไม่ชอบให้ผมทำแบบนี้ก็แค่บอกมาคำเดียว”



อาทิตย์ทัศน์ยิ้มที่มุมปาก “แล้วคุณก็จะไม่ทำอีกเลย?”




“เปล่า ผมแค่จะถามคุณว่าตั้งแต่รู้จักกันมาคุณเคยห้ามผมได้ด้วยเหรอ” ตฤณกรกล่าวก่อนจะหัวเราะในลำคอเบา ๆ พร้อมกับกดปลายจมูกที่ข้างแก้มของคนในอ้อมกอด



“ไอ้บ้าเอ๊ย” คนตัวเล็กกว่าได้แต่พึมพำกับตัวเองเบา ๆ







....




ตอนพิเศษตามคำเรียกร้องนะคะ ตอนแรกว่าจะเขียนให้จบภายใน 1  ตอน

แต่ว่ามันดันยืดเยื้อ เขียนไม่ถึงพล็อตที่คิดเอาไว้ก่อนหน้านี้เสียที

ก็เลยออกมาเป็นหลักกิโลเมตรที่ 1 เหมือนกับการเริ่มต้นเดินทางไปด้วยกันของจ้าและตัง

ยังไงก็ขอบคุณมาก ๆ สำหรับคอมเม้นท์นะคะ


ปล.เพลงที่จ้าใช้เล่นกีต้าร์เป็นเพลงที่ชื่อว่า "แค่นั้น" ของ split นะคะ

ปล. 2 จริงอย่างที่คุณ quiicheh ว่าเลยค่ะ เราอยากเขียนให้จ้าแมน ๆ ในความรู้สึกของคนอ่าน

ก็เลยอาจจะดูเขาเป็นคนห้วน ๆ นิ่ง ๆ ไปหน่อย

หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 1)
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 04-01-2014 05:07:06
ไม่ต้องจบหรอกจ้า ขอตอนพิเศษของพิเศษไปเรื่อยๆเลย เรื่องนี้น่ารักมากเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 1)
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 04-01-2014 05:52:50
ชอบบบบบบบ น่ารักอ่าาาาาาา ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะคะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 1)
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 04-01-2014 06:21:18
น่ารักจัง :กอด1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 1)
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 04-01-2014 08:03:49
เฮ้อ.....ตามอ่านจนทันซะที สนุกมากเลยค่ะ  ภาษาสวยอ่านไปๆ มันละมุนมากเลยอ่ะ ไม่หวานไม่ขมจนเกินไป ชอบทุกตอนเลย แต่หลังๆ มานี่คุณตังชักจะเสี่ยวน่ะ เดี๋ยวคุณจ้าก็เบาหวานกินพอดี

+1 ให้กับเรื่องราวดีๆ และภาษาสวยๆ ด้วย(ชอบอ่ะภาษาไทยถูกต้องชัดเจน หาคำผิดไม่เจอเลย ) :mew1:

ถ้ามีลงเรื่องใหม่บอกกันบางน่ะคะ จะตามไปอ่าน :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 1)
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 04-01-2014 08:19:42
จ้า น่ารักเนอะ ก้อนหินจำศีล5555
รออ่านตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 1)
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 04-01-2014 08:48:01
ขอหลักกิโลเมตรที่ 1-100 พอ

ไม่มากไปใช่ป่ะ หุหุ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 1)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 04-01-2014 08:56:41
ตังหยอดแต่ละทีทั้งเสี่ยวทั้งเลี่ยน แต่เราว่าจ้าต้องแอบอมยิ้มและที่บ่น ๆ นั่นเพราะเขินแน่ ๆ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 1)
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 04-01-2014 09:00:49
รอหลักกิโลเมตรต่อไปนะคะ  :3123:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 1)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 04-01-2014 09:03:05
เวลาที่ตังกับจ้าอยู่ด้วยกัน รู้สึกอบอุ่นจัง
มันไม่หวานมาก กำลังดี
รอติดตามกิโลเมตรต่อไป
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 1)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 04-01-2014 09:05:46
ชอบบบบ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 1)
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 04-01-2014 09:19:34
ไม่ไหวแล้ววววววววววว ฟินนนนนนนน ขอหลักกิโลเมตรที่2 3 4 5 6 7 8 ...ไปเรื่อยๆนะคะ^^
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 1)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 04-01-2014 09:36:29
“หนูนุชก็... แซวน้าได้”   ------>  หนูขวัญก็ ... แซวน้าได้

ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะ   เย้ๆๆๆ  ดีใจจะมีตอนต่อๆ ไป  อีก  เย้
ตอนนี้หวานมากนะ  ตังมือไว  ตลอด  แค่เราชชอบนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 1)
เริ่มหัวข้อโดย: eye-lifestyle ที่ 04-01-2014 12:28:42
 :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 1)
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 04-01-2014 13:09:37
เพ้อจ้า คำนี้น่ารักไปนะตังงง  :-[
เห็นตังแล้วนึกถึงเพื่อนคนนึง ที่ไม่ได้มีพร้อมแม้กระทั่งครอบครัว เขาเหมือนกับตังเลยนะ
มีมุมอ่อนไหวบ้างตามประสา แต่เข้มแข็งแล้วก็พยายามในแบบของตัวเอง เป็นคนที่อบอุ่น อยู่ใกล้แล้วสบายใจ
ชีวิตเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกวิธีคิดเลือกวิธใช้ชีวิตได้เสมอเนอะ ^^

หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 1)
เริ่มหัวข้อโดย: minminmin ที่ 04-01-2014 13:55:03
อ่านรวดเดียวตั้งแต่ต้นจนถึงตอนพิเศษเลยค่ะ  o13

เนื่อเรื่องเรียบง่ายแต่น่าติดตามต่อ ไม่หวือหวาแต่น่ารักมากค่ะ

เป็นเรื่องราวที่บอกเล่าความรู้สึกของคนโดยที่ไม่จำเป็นต้องมีตัวร้าย มีแค่คนสองคนกับคิวปิดตัวน้อยๆก็พอแล้ว 555+
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 1)
เริ่มหัวข้อโดย: babaaa ที่ 04-01-2014 15:50:50
   .....เพ้อจ้า....
เขินเว้ยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 1)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 04-01-2014 16:58:08
มาเรื่อย ๆ ก็ได้ค่ะเรื่องนี้ยิ่งอ่านยิ่งอบอุ่น

จ้าน่ารักมากอ่ะ
ถ้าตังเป็นคนธรรมดา ก็เป็นคนธรรมดาที่พิเศษที่สุดและดีที่สุดเพราะไม่ทำให้จ้าเสียใจเหมือนคนบางคนคนนั้น
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 1)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 04-01-2014 18:46:06
ตังสม่ำเสมอมากเรื่องหยอดจ้าเนี่ย555555555
ผู้ชายคนนี้ทำไมดี U_________U
คนธรรมดาแต่คอยดูแลเทคแคร์ดีกว่าคนที่มีเงินมหาศาลแต่ก็ไม่จริงใจนะ

ชอบบบบบบอีกแล้วค่ะ ขออีกหลายๆหลักกิโล  อิอิ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 1)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-01-2014 20:12:02
โคตรชอบเลยเรื่องนี้ รู้สึกเสียใจนิดหน่อยที่ไม่ได้ติดตามในทีแรกเพราะนึกว่านานๆๆทีจะมาอัพเพราะจำนวนหน้าไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย
อารมณ์เหงาๆกับบรรยากาศเย็นๆอยากหาเรื่องอ่านสักเรื่องจนมาเจอเรื่องนี้ ลองดูหน่อยสิจะเป็นอย่างไร ปรากฎว่าตามอ่านอยู่สองวันกว่าๆ หลงรักเรื่องนี้อย่างโงหัวไม่ขึ้นเลย มันเป็นเรื่องราวธรรมดาราบเรียบที่สุดแสนจะอบอุ่นและน่ารักมากๆๆๆๆๆๆ
ขอบคุณที่มีเรื่องราวดีๆแบบนี้มาให้อ่านกัน
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 1)
เริ่มหัวข้อโดย: twenty8 ที่ 04-01-2014 23:18:38
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำให้เรารับรู้ได้ถึงคำว่าพรหมลิขิตจริงๆซึ่งมันเป็นสิ่งที่วิเศษมากๆที่เกิดขึ้น
และทำให้รู้ว่าความโรแมนติกมันสวยงามมากขนาดไหน
เรารักเรื่องนี้จังเลย ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ที่แต่งเรื่องนี้ขึ้นมา
ทุกตัวละครทุกองค์ประกอบในเรื่องเราชอบมากและตกหลุมรักมันมากจริงๆ
และถ้าเรามีพรวิเศษ เราก็อยากจะขอให้คนเขียน เขียนเรื่องราวของคนทั้งคู่มาให้อ่านแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆนะคะ ^^

ปล.ไม่รู้ว่ามีใครเป็นเหมือนเรามั้ย เราอ่านเรื่องนี้แล้วเราร้องไห้หลายครั้งมาก ร้องหลายฉากมาก
รู้สึกว่ามันซึ้งมากอบอุ่นมากจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ หลายๆฉากหรือคำพูดบางคำพูด มันไปสะกิดใจเราบ่อยครั้งมาก
เลยร้องไห้แบบไม่รู้ตัวเลย เรื่องนี้ทำให้เราศรัทธากับคำว่าพรมหลิขิตขึ้นมากจริงๆค่ะ

เราชอบประโยคนี้มากๆเลยค่ะ 'เวลาที่ตื่นขึ้นมาแล้วรับรู้ได้ว่ายังมีคุณอยู่มันรู้สึกดีจัง'
ขอบคุณอีกครั้งที่แต่งเรื่องนี้ขึ้นมาและทำให้เราได้รู้จักตัวละครที่ชื่อตังและจ้า ♥
และคงเป็นนิยายอีกหนึ่งเรื่องที่เราจะต้องกลับมาอ่านซ้ำๆอีกแน่นอนค่ะ ^^

หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 1)
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 04-01-2014 23:52:54

ก่อนหน้านี้เคยจะเม้นท์ว่าอยากอ่านตอนต่อจากที่คบกันแล้วว่าจะเป็นยังไง
แต่ก็ลบทิ้งเพราะเกรงใจคนแต่ง---จบแค่ไหนก็แค่นั้น

แต่ตอนนี้มีกิโลเมตรที่ 1 แล้วก็อยากให้มีต่อๆไปเรื่อยๆเพราะส่วนใหญ่มักจบตรงที่เป็นแฟนกัน
แต่ความจริงแล้วมันเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตคู่ต่างหาก

แต่ยังไงก็แล้วแต่สะดวก---ไม่อยากกดดันคนแต่ง
เพราะแค่นี้ก็ต้องขอบคุณมากๆแล้ว---รอเรื่องใหม่ก็ได้

+ 1 + เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 1)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 05-01-2014 08:59:16
“เพ้อ..จ้า ต่างหาก”



ชอบมากกกกกกกกกกกก   :กอด1:
หัวข้อ: (จบแล้วรบกวนย้ายด้วยค่ะ) ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 05-01-2014 11:47:02
ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 2 (ล้อหมุน)






ปลายฤดูหนาว...



“จ้า ลูกเอาเสื้อกันหนาวใส่กระเป๋าไปแล้วใช่ไหม”



“ครับแม่” อาทิตย์ทัศน์ที่กำลังเดินหิ้วกระเป๋าใส่เต็นท์พับออกมาจากบ้านก่อนจะใส่มันลงที่ท้ายรถเก๋งสีดำที่จอดอยู่



ผู้เป็นแม่ยิ้มก่อนจะหันไปมองคนตัวสูงที่กำลังก้มหน้าก้มตาตรวจระดับน้ำหล่อเย็นและหม้อน้ำที่กระโปรงหน้า



“พี่ตังนี่เก่งนะคะที่สามารถลากก้อนหินให้ออกจากการจำศีลได้” สาวน้อยที่เดินผ่านประตูหน้าบ้านเข้ามาเอ่ยขึ้น



ตฤณกรเงยหน้าขึ้นสบตาคนที่ถูกพาดพิงก่อนจะยิ้มให้ จากนั้นถึงหันไปพูดกับจอมขวัญที่เดินมายืนใกล้ ๆ “กว่าจะยอมไปก็เกลี้ยกล่อมแทบแย่”



“กลับจากเที่ยวแล้วอย่าลืมอัพเดทข่าวคราวให้แฟนคลับรู้บ้างนะคะทั้งสองคนน่ะ” คำพูดที่ฟังดูเป็นปริศนาของสาวน้อยทำเอาสองหนุ่มต่างก็มองหน้ากันด้วยความสงสัย....






....



ล้อหมุนก่อนที่ดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้านั่นหมายถึงการเดินทางที่กำลังเริ่มต้นขึ้น จุดหมายปลายทางของการเดินทางในครั้งนี้อยู่ที่อ่างเก็บน้ำเล็ก ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในอ้อมกอดของขุนเขาที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน


“อารมณ์ดีเกินไปแล้ว” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นกับเจ้าของใบหน้าระบายยิ้มที่นั่งประจำที่คนขับขณะที่รถออกจากกรุงเทพฯ มาได้สักพัก



ตฤณกรขมวดคิ้วเขิน ๆ “ทำไมล่ะ อารมณ์ดีก็ไม่ได้”



“ยิ้มอยู่ได้ ยิ้มอะไรหนักหนา ผมเห็นคุณนั่งยิ้มตั้งแต่ออกจากบ้านแล้วนะ”



“เปล่า ผมก็แค่ยิ้มเฉย ๆ” คนตัวสูงกล่าวก่อนจะผิวปากอย่างอารมณ์ดีเป็นทำนองเพลงที่คุ้นหู



อาทิตย์ทัศน์มองคนอารมณ์ดีเกินเหตุก่อนจะส่ายหน้าช้า ๆ ปลายนิ้วเรียวค่อย ๆ ดันแผ่นซีดีที่คาอยู่ในเครื่องเสียงติดรถยนต์ก่อนจะกดเล่นแผ่น ไม่นานทำนองดนตรีเพลงเดียวกับเสียงผิวปากของคนข้าง ๆ ก็ดังขึ้น



คนตัวเล็กกว่าทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างที่ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มมืดลงทุกที หัวคิ้วหนาค่อย ๆ ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เมื่อเพลงเดิมเล่นซ้ำขึ้นมาอีกรอบ



“นี่ซีดีทั้งแผ่นมีเพลงอยู่แค่เพลงเดียวน่ะเหรอ”



“ทำไมล่ะครับ เพราะดีออก เพลงนี้คุณเป็นคนร้องให้ผมฟัง” ตฤรกรยิ้ม



“แล้วก็ฟังอยู่เพลงเดียวเนี่ยนะ”



“คุณไม่เคยเป็นเหรอ ฟังเพลง ๆ เดียวทั้งวัน ทั้งสัปดาห์ บางทีก็ทั้งเดือน”



“ใครจะไปอารมณ์ศิลปินเหมือนคุณ” อาทิตย์ทัศน์กล่าว



ตฤณกรมองคนที่นั่งข้าง ๆ กันก่อนจะยิ้มพร้อมกับขยับนิ้วเคาะพวงมาลัยไปตามจังหวะเพลงอย่างอารมณ์ดี...





...




“คุณง่วงหรือเปล่า เปลี่ยนให้ผมขับไหม” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้น



“ไม่เป็นไรครับ” ตฤณกรตอบยิ้ม ๆ




....






“คุณ”



เสียงทุ้มนุ่มทำให้อาทิตย์ทัศน์ต้องละสายตาจากป้ายบอกทางที่แสดงว่ากำลังเข้าสู่เขตจังหวัดลำปางก่อนจะหันไปมองคนข้าง ๆ



“คุณง่วงหรือเปล่า ง่วงก็นอนได้เลยนะ” ตฤณกรกล่าว



“ไม่เป็นไร ผมยังไม่ง่วง เดี๋ยวผมนั่งเป็นเพื่อน”



“นั่งเป็นเพื่อนเหรอ” คนตัวสูงทวนคำ



“อืม ทำไมเหรอ ผมพูดอะไรผิด”



ตฤณกรทำหน้าผากย่น “ไม่รู้ตัวจริง ๆ น่ะเหรอว่าพูดอะไรผิด”



คนตัวเล็กกว่านิ่งคิดก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “อย่าบอกนะว่าจะให้นั่งเป็นแฟน”



 ชายหนุ่มที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยหันมายิ้มพร้อมกับยักคิ้วให้



“เสี่ยวจริง ๆ” อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้า



“เอ๊า! ถึงผมจะเสี่ยว ผมก็มีใจเดียวไว้รักคุณนะครับ” ตฤณกรยิ้มแฉ่ง



“ผมนอนละ เจอกันที่แม่ฮ่องสอนนะ” ปากบางกล่าวก่อนจะหลับตาลงอย่างไม่สนใจ



“อ้าว อย่าเพิ่งหลับสิคุณ ไหนบอกจะนั่งเป็นแฟนกัน” ตฤณกรหัวเราะ



“คุยกับคุณแล้วปวดหัว” คนตัวเล็กกว่ากล่าวพร้อมกับยกมือขึ้นกุมหน้าผาก



“นี่คุณ ถึงกับต้องกุมขมับเลยเหรอ” ตฤณกรพูดกลั้วหัวเราะก่อนจะดึงมือคนข้าง ๆ มาวางที่อกของตัวเอง



อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้าช้า ๆ ก่อนจะชักมือกลับ ในขณะที่คนข้าง ๆ ยังกวนไม่เลิก คนตัวสูงขยับไหล่เข้าไปชนไหล่ของคนที่นั่งหน้าเหยเกอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะกล่าว “เป็นไงคุณ มุกนี้ใช้ได้ไหม”



“เลี่ยนใช้ได้เลย” คนตัวเล็กกว่าตอบยิ้ม ๆ







...






“เดี๋ยวผมขอแวะซื้อกาแฟหน่อยนะคุณ” ตฤณกรเอ่ยขึ้นเมื่อมองเห็นป้ายของร้านสะดวกซื้ออยู่ไม่ไกล



“คุณอยากได้อะไรไหม” ชายหนุ่มเจ้าของรถเอ่ยขึ้นอีกครั้งขณะค่อย ๆ ชะลอความเร็วลงจนกระทั่งรถมาจอดนิ่งอยู่ที่ริมฟุตบาทห่างจากร้านสะดวกซื้อไปเล็กน้อย



“คุณอยู่นี่แหละ เดี๋ยวผมไปซื้อให้” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนหยิบเสื้อกันหนาวที่วางอยู่ที่เบาะหลังมาสวม ทันทีที่เปิดประตูลงจากรถผิวขาวละเอียดก็สัมผัสกับอากาศหนาวเย็น ชายหนุ่มมองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาตีสองเศษก่อนจะยกมือขึ้นถูกันไปมาพร้อมกับมองไปรอบ ๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าที่นี่ที่ไหนกันแน่ บ้านเรือนที่ตั้งอยู่ริมทางปิดไฟเงียบ แสงสว่างมีเพียงไฟสีเหลืองนวลริมทางเท่านั้น อากาศรอบตัวเริ่มเย็นลงทุกขณะ





ตฤณกรมองดูคนร่างเล็กก็เดินผลุบหายเข้าไปในร้านสะดวกซื้อพร้อมกับยิ้ม จากนั้นเขาเปิดประตูลงจากรถมายืนยืดเส้นยืดสายก่อนจะเดินตามเข้าไปในร้านซึ่งมีพนักงานขายอยู่เพียงสองคน บรรยากาศภายในดูเหงา ๆ อย่างไรบอกไม่ถูก



อาทิตย์ทัศน์เดินไปหยิบน้ำดื่มในตู้แช่ออกมาก่อนจะเดินไปชงกาแฟที่มุมน้ำร้อนในขณะที่ตฤณกรกำลังเลือกซื้อขนมและของใช้ที่จำเป็นใส่ตะกร้า เมื่อได้ของตามที่ต้องการแล้วทั้งคู่ก็เดินมาที่เคาน์เตอร์



“ทั้งหมดสามร้อยยี่สิบสองบาทครับ” ชายนุ่มในชุดพนักงานร้านสะดวกซื้อกล่าวพร้อมกับหยิบของใส่ถุง สำเนียงของเขาบ่งบอกว่าเขาเป็นหนุ่มน้อยชาวเหนือไม่ผิดแน่



“นี่ครับ” ตฤณกรกล่าวก่อนจะส่งเงินให้



“รับมาหนึ่งพันบาทนะครับ” พนักงานหนุ่มรับเงินมาก่อนจะจัดการทอนเงินให้



“โอกาสหน้าเชิญใหม่นะครับ” ประโยคนั้นของเขาทำให้อาทิตย์ทัศน์ต้องชะงัก เจ้าของปากบางยิ้มให้พนักงานหนุ่มน้อยก่อนจะหยิบแก้วพลาสติกใส่กาแฟร้อนมาไว้ในมือจากนั้นจึงเดินตามคนตัวสูงกว่าไปที่รถ



...



“นี่ของคุณ” อาทิตย์ทัศน์ยื่นแก้วกาแฟร้อนให้คนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ


“ขอบคุณครับ” ตฤณกรกล่าวก่อนจะรับมาไว้ในมือก่อนจะค่อย ๆ สูดกลิ่นหอม ๆ ของกาแฟในแก้ว ในที่สุดรอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า “หอมจัง”



คนตัวสูงกว่าค่อย ๆ ยกกาแฟขึ้นจิบก่อนจะวางมันลงบนกระโปรงหน้ารถจากนั้นจึงขยับตัวยืดเส้นยืดสายอีกครั้ง ตาคมเหลือบมองคนข้าง ๆ อย่างแปลกใจเพราะตั้งแต่เดินออกจากร้านสะดวกซื้ออาทิตย์ทัศน์ก็เอาแต่นิ่งเงียบ คนตัวเล็กกว่าที่ยืนพิงกระโปรงรถหมุนแก้วกาแฟในมือไปมาอย่างเงียบเชียบจนคนข้าง ๆ รู้สึกได้ ตาคู่สวยเหม่อลอยเหมือนกำลังมีบางอย่างที่กำลังครุ่นคิดอยู่ภายในใจ



มือเย็น ๆ ที่สัมผัสเข้ากับข้างแก้มทำเอาอาทิตย์ทัศน์ที่กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ ต้องสะดุ้ง



“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” ตฤณกรถาม



“เปล่า ผมแค่กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ” คนตัวเล็กกว่ากล่าวพร้อมกับยกมือขึ้นลูบที่ข้างแก้มของตัวเอง



“คิดอะไรเหรอ บอกผมได้ไหม”



อาทิตย์ทัศน์หันไปสบตาคนที่นั่งข้าง ๆ ก่อนจะนึกถึงคำพูดของพนักงานในร้านสะดวกซื้อเมื่อสักครู่



‘โอกาสหน้าเชิญใหม่นะครับ’




“ผมแค่กำลังคิดว่า ถ้าความบังเอิญทำให้เราได้พบกับใครสักคนในที่ไหนสักแห่ง แล้วความบังเอิญจะทำให้เราได้พบกับเขาอีกครั้งไหม”



“ก็ไม่แน่” ตฤณกรยิ้ม “อืม แต่สำหรับผมนะ ผมเชื่อในพรหมลิขิต”



“พรหมลิขิตงั้นเหรอ”



“ใช่ สำหรับผมการได้พบกันครั้งแรกนั่นอาจจะเป็นเพราะความบังเอิญ แต่การที่เราได้พบกันอีกครั้งมันคือพรหมลิขิต” คนตัวสูงกล่าวพร้อมกับเอื้อมมือจับที่ท้ายทอยของคนตรงหน้า “เหมือนคุณกับผมไง”



“แล้วถ้าพรหมไม่ได้ลิขิตให้คุณได้เจอกับผมอีกล่ะ คุณจะทำยังไง ยังจะรออีกไหม”



“อืม ถ้าพรหมไม่ลิขิต” ตฤณกรเลิกคิ้วก่อนจะคลี่ยิ้มน้อย ๆ “ถ้าอย่างงั้นก็ให้ตังลิขิตดีไหม” พูดจบเขาก็โยกศีรษะคนตัวเล็กกว่าเบา ๆ “เลิกคิดมากได้แล้ว”



อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้ว “คุณนี่มองอะไรเป็นเรื่องเล่น ๆ ไปหมดเรื่อยเลย”



“แล้วเราจะมองให้มันยุ่งยากทำไมล่ะครับ ก็มองมันในแบบที่มันเป็นนั่นแหละ ถ้าพรหมไม่ได้ลิขิตให้ผมเจอคุณอีกครั้ง ผมก็จะหาคุณให้เจอ มันก็แค่นั้นเอง” คนตัวสูงยิ้ม “ผมจะไปหอสมุดแห่งชาติทุกบ่ายวันเสาร์เผื่อว่าคุณจะมานั่งอ่านหนังสือหรือเอาหนังสือมาคืนที่นั่น ส่วนวันอาทิตย์ตอนสาย ๆ ผมก็จะไปสวนรถไฟเพราะตอนนั้นฟ้ากำลังสวยเผื่อจะได้เจอคุณมาเดินถ่ายรูปท้องฟ้าที่นั่น หรือถ้าวันไหนผมเลิกงานไม่ดึกผมก็จะนั่งรอที่สถานีรถไฟฟ้าสะพานตากสินก่อนฟ้าจะมืดเผื่อวันนั้นคุณจะที่มายืนมองแม่น้ำเจ้าพระยาในมุมสูงที่ปลายสถานี คุณว่าแบบนี้ดีไหม”



คนตัวเล็กกว่าเงยหน้าขึ้นสบตาคนตรงหน้าด้วยหลายความรู้สึก ทุกช่วงเวลา ทุกที่ และทุกการกระทำที่ตฤณกรพูดถึง ล้วนแต่เป็นที่ที่เขาเคยไปและเคยทำทั้งสิ้น



“นี่คุณสะกดรอยตามผมเหรอ”



“ผมไม่ได้ตาม มันบังเอิญต่างหาก แต่หลังจากนั้นน่ะ ตังลิขิตล้วน ๆ” ตฤณกรหัวเราะ



 “คุณนี่มันจริง ๆ เลย” อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้ายิ้ม ๆ “แล้วถ้าสุดท้ายคุณพบว่าผมกับคุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้าไม่ใช่คนคนเดียวกันล่ะ”



“ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย ผมบอกแล้วว่าผมอยากเป็นเพื่อนกับคุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้า แต่ถ้ากับจ้า...” คนตัวสูงกล่าวก่อนจะจ้องลึกลงไปในดวงตาของคนตรงหน้า “ผมอยากเป็นมากกว่านั้น”



มือหนาค่อย ๆ ประคองสองแก้มเนียนให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากัน อาทิตยทัศน์พยายามมองคนตรงหน้าผ่านม่านน้ำตาที่เอ่อคลอดวงตาคู่สวย แต่ภาพนั้นกลับเลือนลางเหลือเกิน ตฤณกรใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือค่อย ๆ ซับน้ำตาที่กำลังเอ่อร้นก่อนจะยิ้มให้



“ผมชอบเวลาคุณยิ้มมากกว่านะ”



อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้วเขิน ๆ ก่อนจะเบนหน้าหนี “คุณนี่มันความลับเยอะจริง ๆ มีอะไรอีกไหมที่ยังไม่ได้บอกผม”



ปากหยักยกยิ้มขึ้นน้อย ๆ “ยังมีอีกเรื่องครับ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้และไม่ใช่ที่นี่”



ร่างสูงค่อย ๆ เอื้อมมือจับที่ต้นแขนของคนตรงหน้าให้ลุกขึ้นก่อนจะกล่าว “ขึ้นรถเถอะเดี๋ยวไม่สบาย” พูดจบตฤณกรเดินอ้อมไปส่งอาทิตย์ทัศน์เดินในฝั่งที่นั่งข้างคนขับก่อนจะกลับมานั่งประจำที่หลังพวงมาลัย เขามองคนที่กำลังยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มเงียบ ๆ ก่อนจะออกรถ



...




อาทิตย์ทัศน์มองออกไปนอกหน้าต่าง ๆ ภาพที่เขาเห็นอยู่ในขณะนี้คือภาพของแนวทิวเขาที่ทอดตัวสลับซับซ้อนในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ปุยเมฆลอยต่ำคลออเคลียไปกับยอดเขา แสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าส่องผ่านช่องว่างระหว่างก้อนเมฆลงมาอาบยอดหญ้า แม้ว่านี่จะไม่ใช่เดือนพฤศจิกายนแต่ภาพของดอกบัวตองสีเหลืองสดที่แย้มกลีบเบ่งบานทักทายนักเดินทางก็ยังคงมีให้เห็นอยู่ปละปลายทั้งสองข้างทาง ระหว่างทางที่รถขับผ่านมีบ้านเรือนและผู้คนให้เห็นเป็นระยะ ๆ



“คุณเคยสงสัยไหมว่าเขาอยู่กันได้ยังไงในที่ที่ห่างไกลแบบนี้ เด็ก ๆ จะไปโรงเรียนยังไง เวลาไม่สบายจะไปหาหมอที่ไหน” ตฤณกรเอ่ยขึ้นเมื่อมองลงไปยังหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางอ้อมกอดของขุนเขา


“แค่มีความสุขก็อยู่ได้แล้ว” อาทิตย์ทัศน์กล่าว “คุณบอกว่าห่างไกล...แต่ผมกับคุณและคนอื่น ๆ อีกมากมายก็ยังขับรถเกือบพันกิโลเมตรเพื่อมาให้ถึงไม่ใช่เหรอ”



ตฤณกรยิ้ม “ก็ถ้ามีคุณมาด้วยกัน ที่ไหนผมไปทั้งนั้นแหละ”




อาทิตย์ทัศน์ถอนหายใจเบา ๆ พร้อมกับหรี่ตามองคนข้าง ๆ “เลี่ยนตลอด”



"ขอบคุณครับ" คนตัวสูงยิ้มน่ารักก่อนจะผิวปากอย่างอารมณ์ดี












...


ขออนุญาตพูดคุยค่ะ (ยาวหน่อยนะคะ)


ก่อนอื่นต้องขอบคุณสำหรับทุก ๆ คอมเม้นท์นะคะ อ่านแล้วรู้สึกประทับใจมาก ๆ ดีใจที่หลาย ๆ คนชอบเรื่องนี้ค่ะ

รู้สึกมีกำลังใจในการเขียน แต่ว่าเราขออนุญาตให้ย้ายเรื่องนี้ไปเป็นนิยายที่โพสต์จบแล้วก่อนนะคะ

แล้วจะมาเขียนตอนพิเศษให้อ่านกันตามคำเรียกร้องของคุณคนอ่านค่ะ (ไม่กดดันค่ะ อย่าคิดมากนะ เขียนเรื่อย ๆ เหนื่อยก็พักค่ะ ^^)

ที่เราคิดจะจบเรื่องนี้เพราะว่าไม่รู้จะเขียนอะไรแล้ว แต่ว่าพออ่านคอมเม้นท์ของหลาย ๆ คนก็เลยได้รู้ว่า อ๋อ..คุณคนอ่านอยากรู้ว่าหลังเป็นแฟนกันแล้วสองคนนี้จะยังไงต่อ เราก็เลยมานั่งคิดว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่เขียนในเชิงท่องเที่ยว ถ้าคุณคนอ่านอยากให้มีตอนพิเศษเรื่อย ๆ
เราก็จะเอาเรื่องราวที่ได้จากการท่องเที่ยว (หากมีโอกาสไป)  มานำเสนอผ่านตัวละครตังกับจ้าก็แล้วกันนะคะ  อย่างตอนพิเศษ หลักกิโลเมตรที่ 2 นี้ เราจะตามตังกับจ้าไปเที่ยวแม่ฮ่องสอนกัน อย่าลืมเตรียมเสื้อกันหนาวด้วยล่ะ ควันออกปากแน่ ๆ ^^

ปล. 1 "เสี่ยว" ขอบคุณสำหรับคำจำกัดความที่บอกความเป็นตัวตังนะคะ ^^ 
ปล. 2 เนื่องจากว่าเรามีภารกิจเยอะ แต่ว่าที่โพสต์ต่อเนื่องกันได้เพราะว่า ส่วนหนึ่งเวลาเขียนนิยายคา ๆ เอาไว้ (ในเว็บอื่น ๆ) จะรู้สึกคิดถึงมันขึ้นมาเหมือนกัน หลายครั้งที่มีคุณคนอ่านส่งข้อความมาทวง เราก็ไม่ลืมนะ แต่มันไม่มีเวลาจะเขียนจริง ๆ บางเรื่องเว้นไปเกือบปีกว่าจะมาเริ่มเขียนต่อ พอเขียนจบเรื่องได้แล้วค่อยรู้สึกสบายใจ

อย่างเรื่องถ้าเธอเป็นท้องฟ้านี้ก็เหมือนกัน เวลาที่คิดพล็อตแต่ละตอนออกเรา ก็อยากจะเขียนให้จบเพราะกลัวลืม แล้วก็อยากจะเอามาแบ่งให้คุณคนอ่านได้อ่าน หลังจากนี้อาจจะมีบ้างที่หายไป อย่าว่ากันนะคะ ไม่ลืมแน่ ๆ ค่ะ แต่อาจจะไม่มีเวลาเขียน

ปล. 3 ขอบคุณคุณ warin ที่ช่วยชี้ส่วนที่ผิดให้นะคะ เราเองก็อ่านอยู่หลายรอบ แต่ก็ยังพลาดซะงั้น --"


ปล. 4 พอเราอ่านคอมเม้นท์คุณคนอ่านแต่ละคนทีไร เราก็ย้อนกลับไปอ่านเรื่องที่เราเขียนใหม่ทุกที ตลกดีนะคะ คนเขียนก็อยากรู้ว่าเอ๊ะ นี่เขาพูดถึงตอนไหน อะไรทำนองนี้ ก็เลยเจอที่พิมพ์ตกบ้าง ๆ จะค่อย ๆ แก้ถ้าหากมีเวลานะคะ

ปล. 5 สำหรับหลักกิโลเมตรต่อไป คิดว่าคงต้องใช้เวลาหน่อยนะคะ มันมีรายละเอียดค่อนข้างมาก ขอไปทำการบ้านส่งอาจารย์ก่อน แล้วจะเขียนมาโพสต์ให้อ่านกันนะคะ
 


***ปล. 6 อันนี้ดอกจันทร์ล้านตัว คือว่าเราเขียนฉากแบบที่อ่านแล้วเลือดกำเดาพุ่งไม่เป็นนะคะ 555 เผื่อใครรออ่าน


 
สุดท้ายอยากจะขอบคุณทุก ๆ คนอีกครั้งนะคะ ขอบคุณมาก ๆ เลยจากใจจริง


 
หัวข้อ: Re: (จบแล้วรบกวนย้ายด้วยค่ะ) ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: twenty8 ที่ 05-01-2014 12:20:21
เย่ๆ เราจะรอเดินทางไปพร้อมกับตังและจ้าอีกนะคะ
รออ่านอยู่เสมอ สู้ๆนะคะ

 :yeb:
หัวข้อ: Re: (จบแล้วรบกวนย้ายด้วยค่ะ) ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 05-01-2014 12:22:47
อ่านแล้วมันอบอุ่นมากกก อยากเจอแบบนี้บ้างจัง

ขอบคุณนะคะจขกท.  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (จบแล้วรบกวนย้ายด้วยค่ะ) ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 05-01-2014 12:35:44
ถ้านี่เป็นเรื่องแต่งก็คงเป็นเรื่องที่ละเมียดละไมที่สุดและถ้านี่เป็นเรื่องจริงก็คงเป็นเรื่องที่โรแมนติคมากๆที่สุดที่เคยอ่านมา
หัวข้อ: Re: (จบแล้วรบกวนย้ายด้วยค่ะ) ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-01-2014 12:37:15
เรื่อยๆนะแต่เขาเขิน :-[
หัวข้อ: Re: (จบแล้วรบกวนย้ายด้วยค่ะ) ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: bluecoco ที่ 05-01-2014 13:01:12
จะรอที่หลักกิโลเมตรต่อๆไปนะคะ คุณนักเขียน
หัวข้อ: Re: (จบแล้วรบกวนย้ายด้วยค่ะ) ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 05-01-2014 13:19:19
ชอบมาก  ตังลิขิต .. คิดได้นะพี่ตังงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: (จบแล้วรบกวนย้ายด้วยค่ะ) ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 05-01-2014 14:00:35
ตังขยันหยอดจ้ามากจนจ้าไปไหนไม่รอด
ขอบคุณน้องนักเขียนมากที่เขียนนิยายน่ารักๆอบอุ่นมาให้อ่านกัน :mew1:
หัวข้อ: Re: (จบแล้วรบกวนย้ายด้วยค่ะ) ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 05-01-2014 14:20:17
ตังพาจ้าไปฮันนีมูลหรอจ๊ะ  :o8:
รอตอนต่อไปค่ะ (สู้ๆ เน้อคนเขียน)
หัวข้อ: Re: (จบแล้วรบกวนย้ายด้วยค่ะ) ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 05-01-2014 14:52:42
 :กอด1:
หวานเนอะะะ 
อ่านเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องมีเรียกเลือดเลยค่ะ บรรยากาศแบบนี้ก็พอแล้ว  :-[
หัวข้อ: Re: (จบแล้วรบกวนย้ายด้วยค่ะ) ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 05-01-2014 16:03:09
น่ารักจัง  :L1:
หัวข้อ: Re: (จบแล้วรบกวนย้ายด้วยค่ะ) ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 05-01-2014 16:06:31
อ่านๆ ไปก็ชักอยากจะไปตามรอยสองคนนั้นแล้วล่ะ...  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (จบแล้วรบกวนย้ายด้วยค่ะ) ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 05-01-2014 16:12:27
2 คนนี้น่ารักและอบอุ่นเหมือนพระอาทิตย์ช่วงสายๆ น่าร๊ากกกกกกกกกจ้า
หัวข้อ: Re: (จบแล้วรบกวนย้ายด้วยค่ะ) ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: babaaa ที่ 05-01-2014 16:15:37
ตังนี่หยอดตลอดดด
จะรอไปเที่ยวกับจขกท. และตังจ้า นะ
หัวข้อ: Re: (จบแล้วรบกวนย้ายด้วยค่ะ) ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 05-01-2014 16:32:01
 :-[ อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่นไปถึงหัวใจเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: (จบแล้วรบกวนย้ายด้วยค่ะ) ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: มะมะมะหมิว ที่ 05-01-2014 20:40:35
ชอบเรื่องนี้มากๆเลยยยยยยย ตังเป็นผู้ชายที่กวนแต่ก็แฝงไปด้วยความอบอุ่น :impress2:
จ้าก็เหมือนจะเย็นชาแต่ก็น่ารักมากๆๆๆๆ  :o8:
หัวข้อ: Re: (จบแล้วรบกวนย้ายด้วยค่ะ) ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: aekporamai2 ที่ 05-01-2014 21:42:05
ชอบครับ
หัวข้อ: Re: (จบแล้วรบกวนย้ายด้วยค่ะ) ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: LEO ที่ 06-01-2014 00:24:42
เพิ่งอ่านจบครับ

ชอบเวลาตังไปโพส์ตที่เวบบอล์ด แล้วมีคนอื่อนๆมาแสดงความเห็น มาแซวๆ

เรื่องง่ายๆ เรื่อยๆ บนพื้นฐานความจิง สัมผัสได้

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: (จบแล้วรบกวนย้ายด้วยค่ะ) ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 06-01-2014 01:59:44
เชื่อแล้วล่ะว่าตังลิขิต ทำขนาดนี้ ไม่รักไม่ซึ้งได้ไง
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 06-01-2014 09:30:39
 :-[
 :กอด1:
 :L2:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: Loste ที่ 06-01-2014 13:04:26
รู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้อ่าน :กอด1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 06-01-2014 13:32:27
ชอบคู่นี้อ่ะ ให้ความรู้สึกอบอุ่นดี
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: Hikaru23 ที่ 06-01-2014 14:45:15
ชอบเรื่องนี้มากกก อ่านได้เรื่อยๆ ดำเนินเรื่องเรียบง่ายแต่มีเสน่ห์ ชอบมากค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: mm03 ที่ 06-01-2014 15:33:44
น่ารักมากกกก
อบอุ่น อิ่มเอม
ยิ้มตามบทสนทนาที่สื่อสารกันเลยค่ะ
ทั้งๆที่สถานที่อยู่ในเมืองใหญ่น่าจะวุ่นวายเร่งรีบ
แต่บรรยากาศระหว่าง  2 คนกลับค่อยเป็นค่อยไปละมุนละไม

เพ้อ...จ้า
>//<
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: TK323 ที่ 07-01-2014 15:03:19
โครตชอบเรื่องนี้เลยยยยยยย มันละมุนอย่างบอกไม่ถูก ชอบผู้ชายอย่างตังน่ารักอบอุ่น
ชอบเคะอย่างจ้าด้วยไม่อ้อนแอ้น ออกจะแมนๆด้วยซ้ำ น่ารักกกกกกกกก :m11:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 08-01-2014 12:00:01
ชอบเรื่องนี้นะ เสียดายเพิ่งได้เข้ามาอ่าน
เนื้อเรื่องอบอุ่นมาก สบายๆอ่านแล้วมีความสุข
ชอบตัง มีโอกาสเป็นหยอดจ้าตลอด ทำอาชีพเสริมขายขนมครกได้นะ ฮา
ดีจังที่จ้าเลือกตัง ถึงไม่รวยมากมายแต่เรารู้สึกได้ว่าจ้าจะมีความสุขไปตลอดกับคนนี้
"ตังลิขิต"
 :pig4: นักเขียนที่เขียนเรื่องราวดีๆมาให้อ่านคะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: SciOn ที่ 09-01-2014 02:17:44
เป็นนิยายอีกเรื่องที่อ่านแล้วรู้สึกชอบมาก ตั้งแต่เริ่มเรื่องจนถึงตอนสุดท้าย
ไม่ต้องหวือหวามาก แต่อ่านแล้วเขิน ^//////^
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ อยากให้มาต่อตอนพิเศษเรื่อยๆจัง แฮ่ๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 09-01-2014 19:08:16
โอ้วว น่ารัก แม้ตอนนี้มันจะเสี่ยวเพราะตังอยู่สักหน่อยคึคึเราจะรอตอนต่อไปน้า
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: My_Rain ที่ 09-01-2014 21:37:57
อ่านรวดเดียวจบจ้าาาาา.  อบอุ่นมากกกๆ ตอนอ่านนี่ความรู้สึกเหมือนแสงพระอาทิตย์กำลังจะตกตอนเย็นๆ (มโนเอง) 555

ไม่นึกว่าตังจะได้เจอกับจ้าก่อนหน้างานแต่งซะอีก โรแมนติกมากๆ  อยากไปตามรอยตังจ้าที่สวนสนเลย

 :mew1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: lew_valen_tom ที่ 09-01-2014 21:59:05
มานั่งอ่านจนจบ ชอบมากเลยค่ะ

อ่านไปอมยิ้มไป เขินไป

บอกตัวเองว่าทำไมถึงพลาดนิยายเรื่องนี้ ฮ่าๆๆ

จะรอตอนพิเศษเรื่อยๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: k_U_K_K_I_K ที่ 09-01-2014 23:48:00
บอกเลยเป็นนิยายที่ feel good มากกก

ชอบ รักเลยเรื่องนี้ เป็นกำลังใจให้กับงานเขียนดีดีอย่างนี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: nokkaling ที่ 10-01-2014 00:14:24
ตัง+จ้า คู่นี้น่ารัก อบอุ่น  :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: BP109 ที่ 10-01-2014 00:27:21
เรื่องนี้เหมือนจะเรื่อยๆ ไม่หวือหวา แต่อบอุ่นมาก อ่านไปอมยิ้มไปแทบทุกตอน

ทั้งจ้า และตัง ให้ความรู้สึกเหมือนคนจริงๆ มีอารมณ์ของความเป็นมนุษย์มากจนแทบสัมผัสตัวได้

แอบคิดไม่ได้ว่า หรือจ้ากับตังจะมีตัวตนอยู่จริงๆก็เป็นได้ ต่อไปนี้เวลาขึ้นรถไฟฟ้า คงต้องลองมองหาหนุ่มหน้าตาดีมีกล้องถ่ายรูปซะแล้ว ^ ^
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 10-01-2014 10:23:54
ตังกับจ้าทำเราเขินได้ตลอดเลย
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 10-01-2014 18:59:55
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ อยากบอกว่าชอบมากกกกก
อ่านแล้วละมุนอุ่นๆในใจที่สุด
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 2)
เริ่มหัวข้อโดย: urmein ที่ 10-01-2014 22:18:41
ขอบคุณสำหรับนิยาย Feel Good มากๆๆๆๆ ค่ะ
อ่านแล้วมีความสุขมากจริงๆ
แต่ขอสารภาพว่าอ่านช่วงแรกๆ ระบุฝั่งผิด กร๊ากกกกกกกกกกกกก

ขอติดตามตอนพิเศษต่อไปเรื่อยๆนะคะ
ชอบเที่ยวเหมือนกัน อ่านแล้วรู้สึกได้ตามสองคนนี้ไปเที่ยวด้วยค่ะ
 :L2:
หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 3)
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 11-01-2014 02:44:39
ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 3 (เรื่องที่ยังไม่ได้บอก)






รถเก๋งสีดำของตฤณกรค่อย ๆ ขับลัดเลาะไปตามไหล่เขาที่แสนจะคดโค้งของเทือกเขาถนนธงชัยโดยใช้เส้นทางเชียงใหม่ ปาย แม่ฮ่องสอน ระหว่างทางทั้งคู่แวะพักถ่ายรูปตามสถานที่ท่องเที่ยวรายทางทั้งที่อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดังและอำเภอปายจนกระทั่งถึงตัวเมืองแม่ฮ่องสอนในตอนบ่ายแก่ ๆ ของวันเสาร์ก่อนจะเข้าพักที่เกสต์เฮาส์แห่งหนึ่งใกล้กับวัดจองคำที่ได้จองเอาไว้ล่วงหน้า




“ยินดีด้วย คุณคือผู้พิชิต 1,864 โค้ง” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นเมื่อรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถภายในเกสต์เฮ้าส์



“ไม่มีรางวัลเหรอ” คนตัวสูงที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยเอ่ยขึ้น จากนั้นจึงยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ พร้อมกับทำแก้มป่อง ในขณะที่เจ้าของประโยคแสดงความยินดีเมื่อครู่มองเขาอย่างหมั่นไส้ก่อนจะยกนิ้วเรียวขึ้นจิ้มที่แก้มของคนข้าง ๆ



“เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปขอเกียรติบัตรให้” พูดจบอาทิตย์ทัศน์ก็เปิดประตูลงจากรถก่อนจะมองสำรวจรอบ ๆ พื้นที่ภายในบริเวณของเกสต์เฮ้าส์ถูกแบ่งเป็นส่วน ๆ อย่างลงตัว มีทั้งพื้นที่ของสวน ที่จอดรถและที่พัก โดยมีทั้งส่วนที่เป็นตึกสองชั้นซอยย่อยเป็นห้องพักและมีบ้านเป็นหลัง ๆ ให้ผู้มาติดต่อได้เลือกเข้าพัก อาทิตย์ทัศน์เดินตรงไปยังบ้านหลังแรกที่อยู่ใกล้ประตูทางเข้าซึ่งรถขับผ่านเข้ามาเมื่อสักครู่ ที่หน้าบ้านมีเคาน์เตอร์ต้อนรับที่ทำแบบง่าย ๆ โดยมีหญิงวัยกลางคนซึ่งคาดว่าจะเป็นเจ้าของเกสต์เฮ้าส์กำลังนั่งส่งยิ้มมาให้


“วันนี้มีถนนคนเดินนะจ๊ะ” คุณป้าเจ้าของเกสต์เฮ้าส์กล่าวอย่างมีไมตรีก่อนจะส่งกุญแจห้องให้


“ขอบคุณครับ” อาทิตย์ทัศน์ตอบยิ้ม ๆ ก่อนจะรับกุญแจห้องมา


ชายหนุ่มเจ้าของลักยิ้มเล็ก ๆ เดินกลับไปหาตฤณกรซึ่งกำลังขนสัมภาระลงจากรถอีกครั้ง “ผมคิดว่าคุณจะจองสองห้องเสียอีก” อาทิตย์ทัศน์กล่าวพร้อมกับดึงเป้สะพายหลังของตัวเองจากมือของร่างสูง



“กลัวผมทำมิดีมิร้ายหรือไง” ตฤณกรหัวเราะขณะสะพายเป้ของตัวเองขึ้นหลัง



“ผมกลัวคุณอึดอัดต่างหาก เห็นคุณป้าเจ้าของเกสต์เฮ้าส์เขาบอกว่ามันเป็นห้องเตียงเดี่ยว” อาทิตย์ทันศน์กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ก่อนจะเดินหนี



ริมฝีปากหยักยกยิ้มก่อนจะกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปขนาบข้าง “ผมไม่อึดอัดหรอก น่าจะอุ่นดีเสียด้วยซ้ำ”



คนตัวเตี้ยกว่าเหลือบมองร่างสูงที่เดินอยู่ข้าง ๆ เล็กน้อย คำพูดที่จบลงไปเมื่อสักครู่กับรอยยิ้มน่ารักของเขาทำเอารู้สึกเห่อร้อนไปทั้งใบหน้า ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเวลาที่อยู่ใกล้ ๆ กันทีไรมันมักจะเกิดอาการแปลก ๆ ถ้าไม่วูบไหว หัวใจก็เต้นแรงอย่างนี้ทุกทีไป...







“เดี๋ยวเย็น ๆ เราไปเดินเล่นแถวนี้กันนะคุณ” ร่างสูงที่เปลือยท่อนบนเอ่ยขึ้นก่อนจะถือผ้าเช็ดตัวเดินเข้าไปในห้องน้ำ



อาทิตย์ทัศน์หยิบกล้องดิจิตัลตัวเก่งออกมาจากกระเป๋าก่อนจะนั่งขัดสมาธิลงบนเก้าที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง นิ้วเรียวค่อย ๆ กดปุ่มเพื่อเช็คความเรียบร้อยของเมมโมรีและแบ็ตเตอรี่ พักใหญ่ ๆ ตฤณกรที่สวมเพียงผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนเดียวก็เดินออกมาจากห้องน้ำ หยดน้ำเล็ก ๆ เกาะพราวที่ผิวขาวเนียนตามแบบฉบับหนุ่มชาวเหนือ อาทิตย์ทัศน์เงยหน้าขึ้นมองร่างสูงเจ้าของมัดกล้ามเล็ก ๆ  ที่แสดงว่าเป็นคนออกกำลังกายอยู่บ้างก่อนจะกลับมาสนใจที่กล้องดิจิตัลในมือเหมือนเดิม   



“มองแบบนี้ผมเขินนะคุณ” เจ้าของใบหน้าระบายยิ้มกล่าวขณะก้มหน้าก้มตาหยิบเสื้อผ้าออกจากเป้สะพายหลังที่วางอยู่บนเตียง



อาทิตย์ทัศน์ไม่ได้ตอบอะไร เขาวางกล้องลงที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งก่อนจะลุกขึ้นถอดเสื้อกันหนาวตัวหนาออกเผยให้เห็นผิวเนียนละเอียดภายใต้เสื้อยืดสีเข้มพอดีตัว จากนั้นมือเรียวก็ค่อย ๆ เอื้อมปลดเข็มขัดก่อนจะเปลี่ยนมานุ่งผ้าขนหนู จากนั้นจึงถอดเสื้อเสื้อยืดออกเหลือเพียงแต่อกเปลือยเปล่า



“เฮ้ย! ทำอะไรน่ะคุณ” ตฤณกรร้องเสียงหลง



“ก็อาบน้ำไง”



“แล้วทำไมไม่ไปถอดในห้องน้ำ”



“อ้าว ทีคุณยังไม่เห็นไปถอดในห้องน้ำเลย แล้วจะโวยวายทำไมผมก็เป็นผู้ชายเหมือนคุณแท้ ๆ” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะเดินมาหยิบเสื้อผ้าที่เตรียมไว้บนเตียง



จริงอย่างที่คนตัวเล็กกว่าว่า เขาทั้งคู่ต่างก็เป็นผู้ชายด้วยกัน ตฤณกรมองคนตรงหน้าแว้บหนึ่ง รู้สึกว่าทำไมเวลานี้หัวใจมันถึงได้เต้นดังโครมครามผิดปกติ เอวคอดเล็กน้อยรับกับไหล่กว้างและผิวเนียนละเอียดนั่นทำเอาไม่อยากจะละสายตาไปไหน แต่ในที่สุดร่างสูงก็ตัดสินใจหันหลังให้



อาทิตย์ทัศน์มองแผ่นหลังกว้างของคนตัวสูงก่อนจะยิ้มที่มุมปาก นึกอยากแกล้งเขาขึ้นมาบ้างหลังจากเป็นฝ่ายโดนแกล้งมาหลายครั้ง



“ทำไม เขินเหรอ” ปากบางขยับหัวเราะเบา ๆ



“เขินที่ไหนกับครับ คนอย่างผมไม่เคยเขินอยู่แล้ว” คนตัวสูงกล่าวตะกุกตะกักทั้งที่ยังหันหลัง



“ถ้าไม่เขินแล้วทำไมต้องหันหลังคุยกับผมด้วยล่ะ” อาทิตย์ทัศนกล่าวอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเดินผ่านร่างสูงไปยังห้องน้ำ



ตาคมจ้องมองแผ่นหลังของคนตัวเล็กกว่าที่กำลังเดินห่างออกไปก่อนจะเอ่ยขึ้น “เดี๋ยวก่อนสิครับ” สิ้นเสียงนั้นมืออุ่น ๆ ก็คว้าข้อมือของคนตรงหน้าเอาไว้ ตฤณกรยิ้มก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ ๆ “นี่ตั้งใจจะแกล้งให้ผมเขินใช่ไหม เดี๋ยวคุณจะโดนเอาคืนไม่ใช่น้อย”



“แล้วเขินจริงหรือเปล่า” อาทิตย์ทัศน์กล่าวสั้น ๆ เพียงไม่ถึงอึดใจเขาก็รู้สึกได้ถึงไออุ่นจากอกแกร่งที่แนบลงกับแผ่นหลัง มือหนาค่อย ๆ สอดผ่านเอวคอดและกอดเขาเอาไว้จากด้านหลัง



ริมฝีปากหยักขยับอีกครั้ง “เขินจะแย่”



“จะเขินทำไม ผมก็เป็นผู้ชาย คุณเองก็เป็นผู้ชาย” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะพยายามดึงมือที่เกาะเกี่ยวกันไว้ออกจากเอวของตัวเอง



“มันก็ใช่เรื่องที่คุณก็เป็นผู้ชายและผมก็เป็นผู้ชาย” ร่างสูงกล่าวพร้อมกับกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น “แต่ผมอยากให้คุณรู้ไว้ว่าผมน่ะ เป็นผู้ชายที่คิดไปไกลกับคุณ”



พูดจบปลายจมูกโด่งก็สัมผัสลงกับบ่าเปลือยเปล่าของคนตรงหน้า จากนั้นจึงค่อย ๆ ลากไล้ไปตามลำคอระหงและไปหยุดที่ข้างหูก่อนจะกระซิบเบา ๆ “นอกจากผมแล้วห้ามไปทำแบบนี้ต่อหน้าใครนะ รู้ไหม”



เพียงเสียงกระซิบแผ่วเบา แต่ทำเอาหัวใจคนฟังสั่นสะเทือนจนแทบจะหลุดออกมานอกอก พวงแก้มใสค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อพร้อมกับความรู้สึกวูบไหวอย่างบอกไม่ถูก อาทิตย์ทัศน์แทบอยากจะเขกศีรษะตัวเอง เพราะกลายเป็นเขาเองที่เขินไม่เป็นท่า


“ปล่อยได้แล้ว ผมจะไปอาบน้ำ” คนตัวเล็กกว่ากล่าวห้วน ๆ ก่อนจะขยับตัวออกจากพันธนาการที่ทำให้เขาแทบไปไหนไม่รอดนั้น....




....








ร่างสูงที่นอนอยู่บนเตียงค่อย ๆ ปรือตาขึ้นเมื่อได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่คุ้นเคย ตฤณกรยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู ความเหนื่อยล้าจากการขับรถทำให้เขาเผลอหลับไปเกือบสองชั่วโมง อาทิตย์ทัศน์ในชุดเตรียมพร้อมสำหรับออกไปเดินเล่นในค่ำคืนที่อากาศหนาวยังคงนั่งขัดสมาธิอ่านหนังสืออยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง



“ทำไมคุณไม่ปลุกผมล่ะครับ” ตฤณกรกล่าวพร้อมกับลุกขึ้น ในขณะที่คนตัวเล็กกว่าค่อย ๆ วางหนังสือลงบโต๊ะเครื่องแป้งก่อนจะหันมาตอบคำถามของเขา



“ก็เห็นว่าคุณไม่ได้นอนทั้งคืน”



“คุณก็เลยต้องมานั่งรอผม” เจ้าของร่างสูงกล่าวพร้อมกับขยับตัวยืดเส้นยืดสาย



“ทีคุณยังรอผมได้เลย” อาทิตย์ทัศน์ลุกขึ้นพร้อมกับหยิบกล้องขึ้นมาคล้องคอ



“เถียงคำไม่ตกฟากจริง ๆ” ตฤณกรส่ายหน้ายิ้ม ๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินตามกันออกจากห้องไป




จากเกสต์เฮ้าส์เดินมาตามถนนสายเล็ก ๆ ไม่นานก็ถึงวัดจองคำที่อยู่บริเวณริมหนองจองคำซึ่งเป็นที่ตั้งของถนนคนเดิน ดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า จากหนองจองคำนี้สามารถมองเห็นยอดของพระธาตุดอยกองมูอยู่ไกล ๆ  อาทิตย์ทัศน์และตฤณกรเดินไปตามถนนสายเล็ก ๆ รอบหนองน้ำที่ขณะนี้เต็มไปด้วยร้านรวงมากมายในขณะที่ท้องฟ้าเริ่มมืดลงทุกขณะ หากมองกลับไปยังผืนน้ำนิ่งราวกระจกใสจะเห็นเงาสะท้อนแสงไฟของเจดีย์วัดจองคำและเจดีย์วัดจองกลางซึ่งตั้งอยู่ภายในรั้วเดียวกันเป็นภาพที่สวยงามจนอาทิตย์ทัศน์อดไม่ได้ที่จะยกกล้องขึ้นมาบันทึกภาพ....



สองหนุ่มเดินมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาหยุดที่ร้านขายโปสการ์ดแบกะดินร้านหนึ่ง



“ซื้อโปสการ์ดส่งถึงเพื่อน พี่ น้อง หรือจะส่งถึงแฟนได้นะคะ” สาวน้อยเจ้าของร้านเอ่ยขึ้น



“ใบละเท่าไรครับ” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นก่อนจะนั่งลงเลือกโปสการ์ดซึ่งเป็นภาพถ่ายสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดแม่ฮ่องสอน



“ใบละสิบบาทค่ะ”



“ส่งให้ใครน่ะ” ตฤณกรที่นั่งลงข้าง ๆ เอ่ยขึ้น



“ซื้อส่งให้ขวัญ แล้วก็พี่จิต พี่วิช แล้วก็อาจารย์ชนะชัย” คนตัวเล็กกว่าตอบก่อนจะส่งเงินให้สาวน้อยเจ้าของร้านสำหรับโปสการ์ดสี่ใบ



“นั่งเขียนที่หลังร้านได้นะคะพี่”



เมื่อได้ฟังดังนั้นอาทิตย์ทัศน์จึงเดินอ้อมไปนั่งลงที่โต๊ะญี่ปุ่นหลังร้านโดยมีตฤณกรเดินตามไปนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม


“แล้วไม่เขียนส่งให้แฟนบ้างเหรอครับ” คนที่กำลังนั่งท้าวคางมองเอ่ยขึ้น



“มาด้วยกันจะต้องเขียนทำไม” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะเริ่มลงมือเขียนโปสการ์ดทีละใบโดยไม่ได้สนใจคนที่กำลังทำหน้ามุ่ยที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

 

หลังจากเขียนโปสการ์ดเรียบร้อยแล้วทั้งคู่ก็เดินต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งสุดถนนซึ่งเป็นที่ตั้งของที่ทำการไปรษณีย์แม่ฮ่องสอน อาทิตย์ทัศน์จัดการหย่อนโปสการ์ดทั้งหมดลงในตู้ก่อนจะหันมาหาคนที่ยืนอยู่ด้านหลังซึ่งกำลังเงยหน้ามองตึกที่อยู่ตรงหน้า



“บุรุษไปรษณีย์ที่นี่คงมีความสุขเนอะคุณ” ตฤณกรเอ่ยขึ้น



“ทำไมคุณถึงคิดแบบนั้นล่ะ”



“ก็เพราะว่าเขาเป็นคนนำพาความคิดถึงไปส่งให้ถึงคนที่ปลายทางของโปสการ์ดแต่ละใบน่ะสิครับ ความคิดถึงของใครหลายคนคงกำลังหยุดพักอยู่ที่นี่เพื่อรอเดินทางต่อ”



“อืม ก็จริงของคุณ” อาทิตย์ทัศน์ยิ้มให้ก่อนที่เสียงเพลงลูกทุ่งจังหวะสนุก ๆ ที่กำลังได้รับความนิยมจะดังขึ้น



สองหนุ่มเดินย้อนกลับไปตามเสียงเพลงนั้นก่อนจะพบบรรดาหมู่ไทยมุงตรงหัวมุมถนน เมื่อเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ตฤณกรก็ประหลาดใจไม่น้อยเมื่อภาพที่เห็นคือเหล่าหนูน้อยในชุดชาวเขาอายุไม่น่าจะเกินสิบขวบพร้อมเครื่องดนตรีในมือกำลังร้องเพลงและเล่นดนตรีกันอย่างสนุกสนาน อุปกรณ์ต่าง ๆ ก็เป็นแบบเดียวกับวงดนตรีของผู้ใหญ่ทั้งสิ้น ที่พื้นถนนมีกล่องใบเล็ก ๆ ให้ผู้ที่เดินผ่านไปผ่านมาได้ใส่เงินเพื่อเป็นรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับความเก่งของเด็ก ๆ เหล่านี้



“เก่งเนอะ” คนตัวสูงเอ่ยขึ้นก่อนจะยกโทรศัพท์มอถือขึ้นมาอัดวิดีโอเอาไว้



อาทิตย์ทัศน์มองไปรอบ ๆ สิ่งที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้คือรอยยิ้มของผู้ใหญ่และวัยรุ่นหญิงชายที่พากันหยุดดูอย่างชื่นชม



ครู่หนึ่งหลังจากเสียงดนตรีเงียบลง เด็กผู้ชายรูปร่างปุ๊กลุกที่ยืนกอดกีตาร์เบสอยู่ก็เอ่ยขึ้นเมื่อครอบครัวของชาวต่างชาติครอบครัวหนึ่งกำลังเดินจูงมือกันผ่านมา



“Hey you!!!” เจ้าของแก้มยุ้ยเอ่ยขึ้นแบบไม่ได้หวังว่าจะมีการตอบสนองใด ๆ จากคนที่เพิ่งได้พบกัน แต่เด็กหญิงผมทองตัวน้อยที่กำลังเดินตามผู้เป็นพ่ออยู่กลับหันมายิ้มให้พร้อมกับเอ่ยขึ้น



“สวัสดีค่ะ”



เพียงประโยคสั้น ๆ ของเธอก็ทำเอาบรรดาเด็ก ๆ ในวงดนตรีตื่นเต้นยกใหญ



“เฮ้ย พูดภาษาไทยได้ด้วย” เจ้าหนูคนเดิมเอ่ยขึ้นกับเพื่อน ๆ



อาทิตย์ทัศน์ยิ้มก่อนจะกระตุกมือคนข้าง ๆ ให้เดินต่อ สองหนุ่มเดินตามครอบครัวชาวต่างชาตินั้นไปในขณะที่มีรถจักรยานยนต์คันหนึ่งขี่สวนทางมาทำให้หลายคนที่กำลังเดินซื้อของกันอยู่ต้องแอบเข้าข้างทาง



“ขอโทษนะครับ” เจ้าของรถจักรยานยนต์เอ่ยขึ้นอย่างสุภาพเมื่อรู้ว่าตนเองกำลังสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น



“ไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มผมทองร่างสูงใหญ่ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวเอ่ยขึ้นอย่างยิ้มแย้มท่ามกลางความแปลกใจของหลาย ๆ คนที่เดินอยู่ใกล้ ๆ









“ยิ้มอะไรของคุณ” อาทิตย์ทัศน์หันไปถามคนข้าง ๆ



“น่ารักดีเนอะคุณ” คนตัวสูงกล่าวในขณะที่สายตายังคงจ้องมองที่ครอบครัวแสนน่ารักครอบครัวนั้น ที่พ่อ แม่ และลูก ๆ กำลังเดินจูงมือกันไปตามถนนสายแคบ ๆ ท่ามกลางผู้คนมากมาย โดยมีพ่อคอยเดินนำและมีแม่เดินตามหลังเพื่อระวังความปลอดภัยให้ลูกสาวและลูกชายตัวน้อย ๆ “ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยได้จับมือพ่อกับแม่แบบนี้เลย”



อาทิตย์ทัศน์เงยหน้าขึ้นมองคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะกล่าวขึ้น “ถ้ากลัวหลงก็จับมือพี่ได้นะน้อง”



คำพูดติดตลกของคนตัวเล็กกว่าเรียกร้อยยิ้มของตฤณกรได้ไม่น้อย คนตัวสูงแกล้งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ ๆ ก่อนจะใช้ปลายนิ้วก้อยเกี่ยวนิ้วก้อยของคนข้าง ๆ เอาไว้แล้วเดินไปด้วยกัน...







วันต่อมาอาทิตย์ทัศน์และตฤณกรขับรถตระเวนเที่ยวตามสถานที่สำคัญ ๆ ในตัวเมืองแม่ฮ่องสอนจนทั่วก่อนจะมุ่งหน้าสู่อ่างเก็บน้ำเล็ก ๆ ซึ่งจะเป็นที่พักแรมของพวกเขาในคืนนี้


“นี่ใจอคอจะฟังเพลง ๆ เดียวแบบนี้ไปจนถึงวันกลับเลยหรือไง” อาทิตย์ทัศนเอ่ยขึ้นกับชายหนุ่มที่กำลังใช้นิ้วเคาะพวงมาลัยอย่างอารมณ์ดีตามทำนองเพลงที่ดังมาจากเครื่องเสียงติดรถจน



“ก็ดีเหมือนกันนะคุณ” ตฤณกรยิ้ม “เวลาไปได้ยินเพลงนี้ที่ไหน คุณจะได้นึกถึงผม นึกถึงตอนที่เรามาเที่ยวแม่ฮ่องสอนด้วยกันไง”



“คุณนี่มันแปลกคนจริง ๆ” อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้าก่อนจะทอดสายตามองแนวทิวเขาสลับซับซ้อนที่อยู่ข้างทาง....



ตฤณกรขับรถไปตามถนนสายแคบ ๆ ที่ตัดผ่านป่าเขา พื้นที่ทำการเกษตรและบ้านเรือนของชาวบ้านโดยค่อย ๆ ไต่ระดับความสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาถึงโครงการพระราชดำริปางตอง 2 หรือที่รู้จักกันชื่อ ‘ปางอุ๋ง’ ในตอนบ่ายแก่ ๆ ของวันอาทิตย์ วันนี้มีคนมาจับจองพื้นที่สำหรับกางเต็นท์มีไม่มากอย่างที่คิด นั่นคงเป็นเพราะไม่ใช่ช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลสำคัญ ๆ ชายหนุ่มเจ้าของรถขับวนหาที่เหมาะ ๆ เพื่อกางเต็นท์ ในที่สุดทั้งคู่ก็ตกลงกันว่าจะกางเต็นท์บริเวณเนินเตี้ย ๆ ใต้ต้นสนริมอ่างเก็บน้ำ



“คุณไปเดินถ่ายรูปเล่นก่อนก็ได้นะเดี๋ยวผมกางเต็นท์เอง” คนตัวสูงกล่าวขณะเปิดท้ายรถเพื่อหยิบกระเป๋าใส่เต็นท์พับออกมา



“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมช่วย” พูดจบอาทิตย์ทัศย์ก็เดินไปยกกล่องพลาสติกที่ใส่เครื่องนอนออกมาจากท้ายรถก่อนจะเดินตามคนตัวสูงกลับไปยังจุดกางเต็นท์



เวลาผ่านไปไม่นานนักเต็นท์ที่ทั้งคู่ช่วยกันกางก็เสร็จเรียบร้อย อาทิตย์ทัศน์วางกระเป๋ากล้องก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนผืนหญ้าข้าง ๆ ตฤณกรเพื่อมองดูดวงอาทิตย์ที่กำลังเคลื่อนคล้อยต่ำลงอยู่ในแนวเดียวกับยอดสนในขณะที่อากาศรอบตัวเริ่มเย็นลงทุกขณะ ชายหนุ่มเปิดกระเป๋าเพื่อหยิบกล้องออกมาเปลี่ยนเป็นเลนส์ซูมเพื่อบันทึกภาพหงส์สีดำสองตัวที่กำลังไซ้ขนอยู่ใกล้ ๆ กันบนผืนน้ำราบเรียบเบื้องหน้า ห่างไปไม่ไกลมีแพไม้ไผ่หลายลำที่สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ประมาณ 2-3 คน กำลังลอยเอื่อย ๆ อยู่กลางอ่างเก็บน้ำท่ามกลางสายหมอกยามเย็น เสียงชัตเตอร์ดังขึ้นเป็นระยะ ๆ จนกระทั่งเสียงเครื่องยนต์จากรถจิ๊ปที่แล่นมาตามทางบนไหล่เขาดังขึ้น



อาทิตย์ทัศน์วางกล้องลงบนตักก่อนจะมองตามสายตาของคนตัวสูงกว่าที่กำลังมองไปยังบริเวณที่พวกเขาจอดรถ ซึ่งตอนนี้ข้าง ๆ กันมีจิ๊ปคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดเทียบ เพียงครู่เดียวชายวัยกลางคนผู้หนึ่งก็เปิดประตูลงมาก่อนจะเดินอ้อมไปเปิดท้ายรถ จากนั้นจึงหอบอุปกรณ์สำหรับกางเต็นท์ลงมาวางกองไว้ อาทิตย์ทัศน์ประมาณด้วยสายตาชายผู้นี้น่าจะอายุมากกว่าแม่ของเขาอยู่หลายปี แม้ผมจะแซมด้วยสีขาวกว่าครึ่งของศีรษะแล้วแต่เขาก็ยังดูกระฉับกระเฉงกว่าคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกันอีกหลายคนนัก



“มาคนเดียวเหรอครับคุณลุง” ตฤรกรกล่าวกับชายวัยกลางคนที่กำลังเดินหาทำเลดี ๆ สำหรับกางเต็นท์



ชายวัยกลางคนยิ้มให้ก่อนจะตอบ “มากับภรรยาแล้วก็ลูกสาวครับ แต่เขามาอีกคัน ผมมาถึงก่อนก็เลยว่าจะหาที่กางเต็นท์ไว้รอ นี่ก็ก็ว่าจะกางตรงที่ว่างระหว่างต้นสนสองต้นนั้นน่ะครับ” นิ้วมือที่เริ่มปรากฏริ้วรอยแห่งกาลเวลาชี้ไปที่พื้นที่ว่างที่อยู่ห่างจากเต็นท์ของสองหนุ่มไปไม่ไกลนัก



อาทิตย์ทัศน์เก็บกล้องใส่กระเป๋าก่อนจะลุกขึ้น “ถ้าอย่างนั้นผมไปช่วยขนของนะครับ” ชายหนุ่มกล่าวก่อนจะเดินตามคุณลุงที่เพิ่งได้พบกันไปที่รถของเขา



“จ้า เดี๋ยวผมยกเอง” ตฤณกรที่เดินตามมาสมทบกล่าวกับชายหนุ่มที่กำลังก้มลงยกกล่องใส่อุปกรณ์สำหรับหุงต้ม ก่อนจะแย่งหน้าที่ของเขามาทำเสียเอง



“สองคนมาจากไหนกันล่ะ” คุณลุงถามขึ้นขณะกำลังลงมือกางเต็นท์



“มาจากกรุงเทพฯ ครับ” อาทิตย์ทัศน์กล่าว “แล้วคุณลุงล่ะครับมาจากไหน”



“ผมมาจากอุทัยธานี ส่วนภรรยากับลูกสาวเขาขับมาจากกรุงเทพฯ เดี๋ยวอีกสักพักก็คงจะถึงแล้วละ”




สองหนุ่มนั่งคุยเป็นเพื่อนคุณลุงที่เพิ่งได้พบกันสักพักก่อนจะแยกตัวออกมา



“เดี๋ยวผมไปอาบน้ำก่อนนะ” ตฤณกรเอ่ยขึ้นก่อนจะคว้าอุปกรณ์อาบน้ำที่วางเตรียมไว้ในเต็นท์ก่อนจะเดินตรงไปยังโรงเรือนชั้นเดียวที่ถูกแบ่งเป็นทั้งห้องอาบน้ำและสุขา



เวลาผ่านไปพักใหญ่ ๆ คนตัวสูงก็เดินกลับมาด้วยหน้าตาที่ดูจะสดชื่นเป็นพิเศษ



“น้ำเย็นไหม” อาทิตย์ทัศน์ถามขึ้น



“อืม ก็ไม่เย็นเท่าไรนะ คุณอาบได้อยู่แล้ว มันจะหนาวแค่ขันแรก ขันต่อไปก็ไม่หนาวแล้ว” ตฤณกรตอบยิ้ม ๆ ที่บอกว่าขันต่อไปไม่หนาวแล้วนั่นอาจเป็นเพราะร่างกายรู้สึกชาไปหมดแล้วก็ได้



เมื่อได้ฟังดังนั้นคนตัวเล็กกว่าจึงหันกลับไปคว้าอุปกรณ์อาบน้ำของตัวเองบ้าง....








....





เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ที่ดังใกล้เข้านั้นทำให้เกิดรอยยิ้มบนใบหน้าของคนที่กำลังนั่งซ่อนตัวจากความหนาวเย็นอยู่ภายใต้ผ้าห่มในเต็นท์รูปโดม ไม่นานนักเสียงฝีเท้านั้นก็มาหยุดที่หน้าเต็นท์ก่อนที่ซิปจะถูกรูดเปิดอย่างรวดเร็วจากนั้นชายหนุ่มร่างเล็กกระโจนแผล็วเข้านั่งลงกอดเข่าด้วยความหนาวสั่น



“หนะ ไหนบอกว่า....หนะ น้ำ ไม่เย็นเท่าไรไง” อาทิตย์ทัศน์กล่าวปากคอสั่น



“ก็ไม่เย็นเท่าไรไงคุณ ผมไม่รู้ว่าว่ามันเย็นเท่าไร อาจจะเก้าหรือแปดองศา ผมไม่แน่ใจเลยไม่อยากฟันธง” คนที่นั่งห่มผ้าตัวกลมอยู่พูดกลั้วหัวเราะ



“นี่ กะ แกล้งผมเหรอ” อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้วก่อนจะกล่าวต่อ “คะ...คุณบอกว่า มันจะหนาวแค่ขันแรก ผะ..ผมก็อุตส่าห์ตักขันแรกทิ้งแล้วเริ่มอาบขันที่สอง ทะ...ทำไม ทำไมมันยังหนาวอยู่...”



ตฤณกรขมวดคิ้วยิ้ม ๆ “หนาวจนปากคอสั่นขนาดนี้ยังจะตลกอีก” คนตัวสูงกล่าวก่อนจะรั้งร่างที่กำลังนั่งกอดเข่าหนาวสั่นให้เข้ามาอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน



“ไม่เสียแรงที่ผมอุตส่าห์เก๊กไม่หนาวแทบแย่” ตฤณกรหัวเราะก่อนจะกอดคนข้าง ๆ เอาไว้แน่น



“คุณมันขี้แกล้ง” อาทิตย์ทัศน์ที่ตอนนี้จำต้องยอมให้กอดแต่โดยดีเอ่ยขึ้น



“อยากอยู่ที่นี่สักเดือนหนึ่งจริง ๆ จะได้กอดคุณแบบนี้ทุกวัน” พูดจบเจ้าของร่างสูงก็กระชับวงแขนแน่นขึ้น



“อยู่ไปคนเดียวเถอะ แค่นี้วันพักร้อนผมก็จะหมดแล้ว”





....




เสียงโลหะกระทบกันที่ดังมาจากเต็นท์ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ทำให้สองหนุ่มที่กำลังจะออกไปเดินเล่นในตลาดซึ่งตั้งอยู่บริเวณทางเข้ามาอดไม่ได้ที่จะแวะไปทักทาย แสงไฟจะตะเกียงช่วยให้เห็นว่าคุณลุงเจ้าของเต็นท์กำลังนั่งผัดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกับไข่อยู่ในกระทะใบเล็ก ทั้งที่ใช้วัตถุดิบเพียงไม่กี่อย่างแต่บะหมี่ของคุณลุงกลับส่งกลิ่นหอมชวนให้น้ำลายสอไม่น้อย




“ทำอาหารทานเองเลยเหรอครับคุณลุง” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้น




“ครับ ทานด้วยกันสิ”




“ไม่รบกวนดีกว่าครับคุณลุง เดี๋ยวผมสองคนกำลังจะไปเดินเล่นในตลาดที่ขามาเราขับผ่าน คุณลุงอยากได้อะไรไหมครับ” ตฤณกรกล่าว



“ไม่ล่ะครับ นี่ภรรยากับลูกสาวเขาก็ไปเดินแล้วเหมือนกัน” คุณลุงกล่าวก่อนจะชะเง้อมองแสงจากไฟฉายเล็ก ๆ ที่กำลังใกล้เข้ามา “โน่นไง กลับมากันพอดีเลย”



“ที่ตลาดของกินเยอะมากเลยค่ะพ่อ” เสียงเจื้อยแจ้วของสาวน้อยนางหนึ่งดังขึ้นเมื่อเดินมาถึง



“แล้วแม่ล่ะ” ผู้เป็นพ่อถาม



“แม่ยังเดินอยู่เลยค่ะ พลอยเห็นไข่ปิ้งน่าทานก็เลยซื้อกลับมาให้พ่อก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยไปรับแม่ค่ะ” สาวน้อยกล่าวก่อนจะเหลือบมองชายหนุ่มแปลกหน้าทั้งสองคน



“เอ้อ..นี่ลูกสาวลุงเอง” คุณลุงหันมากล่าวกับสองหนุ่ม



“อ๋อ พี่สองคนที่ช่วยพ่อกางเต็นท์ใช่ไหมคะ” หญิงสาวยิ้ม “ชื่อพลอยค่ะ แล้วพี่สองคนชื่ออะไรคะ”




“พี่ชื่อตังครับ ส่วนพี่คนนี้ชื่อพี่จ้า” เจ้าของร่างสูงแนะนำ



“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะพี่ตังพี่จ้า” หญิงสาวยิ้มหวาน



อาทิตย์ทัศน์และตฤณกรคุยกับพลอยชนกต่อสักพักจึงรู้ว่าเธอมีอาชีพเป็นมัณฑนากรในบริษัทแห่งหนึ่งที่กรุงเทพฯ ในขณะที่แม่เป็นเจ้าของโรงเรียนอนุบาลส่วนพ่อของเธอเป็นข้าราชการเกษียณอายุที่กลับไปใช้ชีวิตปั้นปลายอยู่ที่จังหวัดอุทัยธานีซึ่งเป็นบ้านเกิด....
 





....







ตฤณกรมองดูคนตัวเล็กกว่าที่กำลังเดินพ่นลมออกจากปากเป็นระยะ ๆ ก่อนจะหัวเราะในลำคอเบา ๆ ให้กับท่าทางเหมือนเด็กที่เพิ่งมีโอกาสได้สัมผัสอุณภูมิเลขตัวเดียวเป็นครั้งแรก




“จะเป็นมังกรพ่นไฟหรือไง”



“เป็นก็ดีสิ ผมจะพ่นไฟใส่คุณให้คุณเกรียมเลย”



“อะไรกัน ผมก็ขอโทษแล้วไงแถมอุตส่าห์กอดให้คุณหายหนาวอีก นี่คุณยังไม่หายโกรธผมอีกเหรอ”



“แค้นเลยละ”  อาทิตย์ทัศน์ตอบห้วน ๆ







....






ตฤณกรและอาทิตย์ทัศน์เดินไปตามถนนสายเล็ก ๆ ที่ขนาบข้างด้วยร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร เกสต์เฮ้าส์ และร้านขายชา การมาเดินเล่นในตลาดยามค่ำคืนเช่นนี้ทำให้พวกเขารู้ว่าแม้จะไม่ใช่ช่วงเทศกาลหยุดยาว แต่ก็ยังคงมีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยที่เดินทางมาเที่ยวที่ปางอุ๋งแห่งนี้...



“พี่จ้า พี่ตัง” เสียงคุ้นหูที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้สองหนุ่มต้องหยุดเดินแล้วเหลียวกลับไปมองหาต้นเสียง



“น้องพลอย มาได้ยังไงครับ” ตฤณกรกล่าว



“พลอยมารับแม่ค่ะ แต่ว่ายังหากันไม่เจอเลย”



“พวกพี่ก็ยังไม่เคยเห็นคุณแม่น้องพลอยด้วยสิ ไม่อย่างนั้นจะได้ช่วยหา”



“ไม่เป็นไรค่ะพี่ตัง สงสัยแม่จะเดินกลับไปแล้ว” หญิงสาวยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นพลอยขอเดินไปกับพี่ตังพี่จ้าด้วยคนได้ไหมคะ”



อาทิตย์ทัศน์ยิ้มก่อนจะกล่าว “ได้สิครับ”





....



“ทานไหมคุณ” ตฤณกรที่ถือไม้เสียบลูกชิ้นในมือเอ่ยขึ้นกับคนที่กำลังเพลินกับการถ่ายรูป



อาทิตย์ทัศน์พยักหน้าก่อนที่ริมฝีปากบางจะอ้าออกเพื่อรอลูกชิ้นที่คนตัวสูงจะจิ้มให้ แต่แล้วตาคู่สวยของชายหนุ่มก็เหลือบไปเห็นตาแป๋ว ๆ ของสาวน้อยที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ เธอกำลังมองมาที่เขาสองคนด้วยดวงตาเป็นประกายวิบวับ



“เอ้อ ผมทานเอง” อาทิตย์ทัศน์ตัดบทก่อนจะคล้องสายกล้องถ่ายรูปที่คอของคนตัวสูงกว่าจากนั้นจึงดึงถุงใส่ลูกชิ้นมาจากมือของเขาก่อนจะจิ้มลูกชิ้นกินเงียบ ๆ




หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 3)
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 11-01-2014 02:46:45


“ขอโทษนะคะ ช่วยถ่ายรูปให้หน่อยได้ไหมคะ” น้ำเสียงสุภาพของหญิงสาวที่ไม่เคยพบกันมาก่อนดังขึ้นทำให้สองหนุ่มที่กำลังยืนรอสาวน้อยที่กำลังยืนเลือกเครื่องประดับอยู่ต้องหันกลับมองหาต้นเสียง เจ้าของร่างเล็กที่เดินเข้ามายิ้มให้ ในของเธอถือกล้องดิจิตัลตัวเล็กสีชมพูหวานแหวว ในขณะที่เพื่อน ๆ ของเธออีก 6-7 คนกำลังยืนจับกลุ่มจัดท่าทางกันอยู่ข้าง ๆ หลักกิโลเมตรขนาดใหญ่



อาทิตย์ทัศน์ยิ้มก่อนจะรับกล้องถ่ายรูปมา จากนั้นสาวร่างเล็กก็วิ่งกลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อน ๆ ของเธอ ลายปักที่ด้านหลังเสื้อแจ็คเก็ทแสดงให้รู้ว่าพวกเธอเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยมีชื่อแห่งหนึ่งของภาคเหนือ




“พร้อมนะครับ หนึ่ง สอง สาม” ชายหนุ่มเจ้าของลักยิ้มเล็ก ๆ เอ่ยขึ้นก่อนจะกดชัตเตอร์



“ขอบคุณนะคะ” สาวน้อยเจ้าของกล้องสีหวานกล่าวเมื่อเธอเดินเข้ามารับกล้องคืน



“ขอบใจมากนะน้อง” หนุ่มผมยาวรุงรังที่สวมเสื้อแจ็คเก็ทแบบเดียวกันกล่าวพร้อมกับยิ้มให้อาทิตย์ทัศน์



“ไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มตอบก่อนจะส่งกล้องคืนอย่างงง ๆ  ก่อนจะพึมพำกับตัวเองเมื่อชายหญิงกลุ่มนั้นเดินผ่านไปแล้ว “มันเรียกใครน้องวะ”



ตฤณกรที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ตลอดหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะกล่าว “อยากหน้าเด็กก็เป็นแบบนี้แหละครับอาจารย์”




อาทิตย์ทัศน์มองคนตัวสูงที่ยืนข้าง ๆ กันอย่างใช้ความคิดก่อนจะสัมผัสปลายนิ้วที่คางของตัวเอง “ถ้าอย่างนั้นไว้หนวดดีไหม”



“ไม่เอานะ จั๊กกะจี้” เจ้าของร่างสูงท้วงขึ้นทันควันในขณะที่ชายหนุ่มที่ตัวเล็กกว่าถึงกับเบิกตากว้างเมื่อพบว่าเขาไม่ได้คุยกันอยู่แค่สองคน



“เอ่อ...ทำไมถึงจั๊กกะจี้ล่ะคะพี่ตัง” พลอยชนกที่กำลังยืนหน้าแดงเป็นลูกตำลึงตัดสินใจถามขึ้น



“คือ...ก็....” ตฤณกรเลิกคิ้วก่อนจะหันไปสบตาคนข้าง ๆ เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่อาทิตย์ทัศน์เองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรได้



“คือ...เอ่อ.....คือว่าเห็นแล้วจั๊กกะจี้น่ะครับ” ชายหนุ่มตอบก่อนจะหัวเราะแก้เก้อ



“อ่อ อย่างนี้นี่เอง” หญิงสาวพยักหน้าหงึก ๆ ยังไม่ทันที่เธอจะได้วิเคราะห์ความสัมพันธ์ใด ๆ ต่อ เสียงเรียกเข้าขอโทรศัพท์ซึ่งเป็นทำนองเพลงของศิลปินเกาหลีก็ดังขึ้นขัดจังหวะช่วยชีวิตของสองหนุ่มเอาไว้ได้





“แม่โทรมา ถ้าอย่างนั้นพลอยแยกกับพี่ ๆ ตรงนี้เลยแล้วกันนะคะ” หญิงสาวกล่าวก่อนแยกตัวออกมาคุยโทรศัพท์



ทั้งอาทิตย์ทัศน์และตฤณกรต่างก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกพร้อม ๆ กัน.....










เวลาดึกสงัดแสงไฟจากเต็นท์ของนักท่องเที่ยวในแต่ละเต็นท์ค่อย ๆ ดับลง เสียงพูดคุยเมื่อช่วงหัวค่ำกลับเงียบสนิท ได้ยินเพียงเสียงแมลงและเสียงฝีเท้าของคนที่เพิ่งกลับจากการเดินเที่ยวในตลาด อุณหภูมิที่ลดต่ำลงทำให้หลาย ๆ เต็นท์ต้องก่อกองไฟเพื่อให้ความอบอุ่น ตฤณกรลืมตาขึ้นช้า ๆ ก่อนจะหันมองคนที่นอนคลุมโปงหันหลังให้ผ่านความมืด อาทิตย์ทัศน์ยังคงนอนขดตัวยุกยิกอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนาที่ผู้เป็นแม่เตรียมมาให้



“จ้า คุณยังไม่หลับอีกเหรอ” ตฤรกรเอ่ยขึ้น



“พยายามอยู่” เสียงอู้อี้ดังมาจากใต้ผ้าห่ม



“หนาวเหรอ”



“อืม อากาศมันเย็นมากจนผมนอนไม่หลับ”








“ให้ผมกอดคุณไหม”








คนถูกถามนิ่งไปสักพักก่อนจะตัดสินใจขยับตัวเบียดเข้ามาใกล้ ๆ นั่นเป็นสัญญาณบอกให้เจ้าของคำถามรู้ว่าเขาควรจะทำสิ่งที่เขาควรทำ ตฤณกรค่อย ๆ รั้งร่างของคนที่นอนข้าง ๆ มาไว้ในอ้อมกอดในขณะที่อาทิตย์ทัศน์เองก็ค่อย ๆ ขยับตัวหันกลับมาขดตัวซุกลงกับอกกว้างอย่างว่าง่าย



“ดีขึ้นไหม” เสียงทุ้มนุ่มนั้นดังราวเสียงกระซิบ



อาทิตย์ทัศน์พยักหน้าทั้งที่ยังคงหลับตา “รออีกสักพักก็น่าจะดีขึ้น”



“ไม่ต้องรออีกสักพักก็ได้ ผมมีวิธี” ริมฝีปากหยักยกยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะเลื่อนมือข้างหนึ่งขึ้นมาจับที่ปลายคางของคนที่กำลังซุกหน้าอยู่กับอกของตนเองก่อนจะค่อย ๆ สัมผัสริมฝีปากลงบนปากบางที่แสนจะเย็นเฉียบ เพียงเสี้ยววินาทีไออุ่นจากริมฝีปากของตฤณกรก็ถูกส่งผ่านไปจนทั่วร่างของคนตัวเล็กกว่าก่อนที่ทั้งคู่จะหลับไปภายใต้อ้อมกอดของกันและกัน....




....













เช้าวันต่อมา...



“ผมช่วยถือ” ตฤณกรกล่าวก่อนจะดึงกระเป๋าใส่ขาตั้งกล้องจากมือคนตัวเล็กกว่ามาสะพายเอาไว้



“คุณกำลังทำให้ผมเคยตัวนะรู้ไหม”



“ใครว่าผมทำให้คุณเคยตัว ผมกำลังทำให้คุณเคยชินกับการมีผมอยู่ต่างหาก” ตฤณกรยิ้ม “อย่าบ่นเลยนะครับ ผมอยากทำให้”








สองหนุ่มพากันเดินข้ามสะพานเล็ก ๆ ไปยังคันดินที่ทอดตัวยาวขนาบข้างอ่างเก็บน้ำ จากนั้นอาทิย์ทัศน์ก็จัดการกางขาตั้งออกก่อนจะตั้งกล้องเพื่อรอบันทึกภาพแสงแรกของวันที่กำลังจะปรากฏขึ้นในไม่ช้า...








“ดูอะไรอยู่” คนตัวเล็กกว่าละสายตาจากภาพในจอ LCD ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังยืนใช้ปลายนิ้วเขี่ยหน้าจอโทรศัพท์มือถือพร้อมกับอมยิ้ม



“กำลังอ่านกระทู้แฟนคลับของคุณถ้าคุณเป็นท้องฟ้าอยู่ครับ มีแต่คนถามหาคุณน่ะคุณรู้ไหม ได้เข้าไปดูบ้างหรือเปล่า”



คนตัวเล็กกว่าส่ายหน้าช้า ๆ ก่อนจะกดชัตเตอร์เพื่อบันทึกภาพไอหมอกที่กำลังลอยต่ำคลอเคลียไปกับผิวน้ำราบเรียบประหนึ่งแผ่นกระจกใส อีกไม่นานเกินรอดวงอาทิตย์คงจะเคลื่อนพ้นกลุ่มเมฆทอแสงทักทายและคลายความหนาวเย็นให้กับทุกชีวิต การรอคอยนี้จึงเป็นการรอยคอยอย่างมีความหวัง



“หกโมงครึ่งแล้วยังมองไม่เห็นดวงอาทิตย์เลย แบบนี้ก็ไม่อุ่นกันเสียที” เจ้าของกล้องดิจิตัลพึมพำพร้อมกับยกมือขึ้นถูกันไปมา ตาคู่สวยยังคงมองไปที่ดวงอาทิตย์ที่เป็นเพียงแสงจุดเล็ก ๆ ที่ถูกบดบังด้วยไอหมอกสีมอ ๆ



“ยังหนาวอยู่อีกเหรอ” ปากหยักยิ้มเจ้าเล่ห์ “ถ้าอย่างนั้นผมทำให้คุณหายหนาวด้วยวิธีของผมอีกดีไหม”



“พอเลย” อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้วก่อนจะพยายามไม่นึกถึงไออุ่น ๆ จากริมฝีปากของคนตรงหน้า “ใครจะไปอึดเหมือนคุณ ไม่หนาวบ้างหรือไง”



ตฤณกรส่ายหน้ายิ้ม ๆ “ไม่เลย ผมมีดวงอาทิตย์เป็นของตัวเอง ดวงอาทิตย์ของผมน่ะอุ่นที่สุด” กล่าวจบร่างสูงก็เดินเข้ามายืนข้าง ๆ กัน



อาทิตย์ทัศน์มองคนที่ยืนข้าง ๆ อย่างตัดสินใจก่อนที่ปากบางจะขยับเพื่อถามคำถามที่เขายังคงสงสัย



“เมื่อคืน...คุณพูดอะไรกับผมหรือเปล่า ผมรู้สึกว่าคุณพูดอะไรกับผมสักอย่าง แต่ผมได้ยินไม่ถนัด มันกึ่งหลับกึ่งตื่น”



ตฤณกรยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะกล่าว “คุณจำได้ไหม ผมเคยบอกคุณว่ายังเหลืออีกเรื่องที่ผมยังไม่ได้บอกให้คุณรู้ นั่นแหละคือเรื่องที่ผมบอกคุณไปเมื่อคืน”



“บอกตอนจะหลับ ใครจะไปรู้เรื่อง”



“คุณอยากฟังอีกครั้งไหม ผมจะพูดให้ฟัง”



อาทิตย์ทัศน์พยักหน้า
 












“เรื่องสุดท้ายที่ผมจะบอกกับคุณก็คือ......”





















ตฤณกรยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ ก่อนจะกระซิบที่ข้างหูของคนตรงหน้า





















“ผมรักคุณนะ”
























อาทิตย์ทัศน์เงยหน้าขึ้นสบตาคนตรงหน้าก่อนจะถาม “ต้องมาบอกไกลขนาดนี้เลยเหรอ”



คนตัวสูงยิ้ม “ใช่ คุณจะได้ไม่มีทางหนีไปไหนได้ไง”




เจ้าของพวงแก้มสีแดงระเรื่อส่ายหน้าให้กับเหตุผลที่ดูไม่ค่อยจะเป็นเหตุผลของเขา อยากจะบอกเหลือเกินว่าแต่เพียงถูกเขาโอบล้อมด้วยพันธนาการอันแสนอบอุ่นนั้นมันก็ยากที่จะหนีไปไหนรอดแล้ว...



มือหนาชูสร้อยเส้นหนึ่งที่ร้อยแหวนแทองคำขาวเกลี้ยง ๆ สองวงเข้าไว้ด้วยกัน ตฤณกรจัดการถอดแหวนจากสร้อยเส้นนั้นมาสวมไว้ที่นิ้วนางข้างซ้ายของตัวเองก่อนจะสวมสร้อยที่ร้อยแหวนอีกวงที่คอของอาทิตย์ทัศน์



“คุณแน่ใจแล้วเหรอ” คนตัวเล็กกว่าถามขึ้นพร้อมกับจับสร้อยที่คอ



“ผมบอกคุณแล้วไง ว่าผมแน่ใจที่สุด แต่ถ้าวันนี้คุณยังไม่แน่ใจในตัวผม คุณสวมมันไว้ที่คออย่างนี้ก่อนก็ได้ เอาไว้วันไหนคุณแน่ใจ...หรือวันไหนที่คุณพร้อม คุณบอกผมนะ ผมจะสวมมันที่นิ้วของคุณ”




อาทิตย์ทัศน์เงยหน้าขึ้นสบตาคนตรงหน้าก่อนจะพยักหน้ายิ้ม ๆ แทนคำตอบ ๆ






....





‘เราอยู่ด้วยกันที่นี่ครับ’ เขียนโดย ดีไซเนอร์สุดหล่อ





จอมขวัญอ่านประโยคสั้น ๆ ที่เขียนเอาไว้ใต้ภาพหงส์สีขาวสองตัวที่กำลังลอยตัวอยู่บนผิวน้ำซึ่งปกคลุมด้วยสายหมอกบาง ๆ ซึ่งเป็นข้อความตอบกลับกระทู้ที่ใครคนหนึ่งตั้งขึ้นเพื่อถามหาพี่ชายของเธอ รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเมื่อหญิงสาวค่อย ๆ เลื่อนอ่านข้อความที่ถูกโพสต์ขึ้นไปต่อจากนั้น




‘กรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!!!! เจ๊อิจฉา’ เขียนโดย คนช่างคิด



‘1+1 = 2(เรา) สินะครับ สมการนี้มันสุดยอดมาก’ เขียนโดย โปรแกรมมั่ว



‘หอมเลย หอมเลย’ เขียนโดย แวะมาเชียร์




‘^
 ^
เอ่อ...ข้างบนคะ ผิดงานหรือเปล่าคะ’ เขียนโดย บก.ผู้น่ารัก




‘อ๊าย!!!!!! อยากมีแบบนี้บ้างค่ะ’ เขียนโดย มัณฑนากรสาวสวย



‘อยากเลี้ยงหงส์เหรอครับ คุณมัณฑนากร’ เขียนโดย โปรแกรมมั่ว



‘หงส์ปีกหัก โดนผีถล่ม’ เขียนโดย หัวหน้าแก๊งค์เที่ยว



‘คนละเรื่องแล้วค่ะหัวหน้า’ เขียนโดย บก.ผู้น่ารัก



‘อยากมีส่วนร่วมครับ แต่ตอนนี้ทำได้แค่อ๊าย!!!!!!!!!!!!!!!!เบา ๆ’ เขียนโดย หัวหน้าแก๊งค์เที่ยว







...


ขอบคุณมาก ๆๆๆๆๆ ที่แวะมาพูดคุยกันและขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ ^^



 
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 3)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 11-01-2014 06:46:27
โอ้ยยยยยยยยยยตัวจะระเบิดเขินแทนพี่จ้า 555555555555555555
พี่ตังทำไมโรแมนติคเวอรรรร์ ตอนสร้อยนี่เป็นไรที่ชอบมากกกกกกกกก
ขอละลายแทนอาจารย์จ้าแอร้กกกกก
คุณพลอยต้องแอบเชียร์อยู่แน่ๆเลย5555555555555555

ขอบคุณสำหรับกิโล3ค่ะ อ่านไปยิ้มไปจนแก้มปริ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 3)
เริ่มหัวข้อโดย: kondee_tysut ที่ 11-01-2014 07:00:48
 :-[ ชอบอ่ะ เขินนนน
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 3)
เริ่มหัวข้อโดย: FanGieTsFc ที่ 11-01-2014 07:10:43
ชอบเรื่องนี้มากๆเลย อ่านเเล้วรู้สึกอบอุ่น ไม่หวานมาก ไม่ดราม่า

ทุกอย่างมันดูลงตัวไปหมดเลย อยากให้นักเขียนรวมเล่ม ขอตอนพิเศษหนักๆเลย

ปล.อย่าลืมเขียนนิยายดีๆออกมาให้ได้อ่านกันอีกนะคะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 3)
เริ่มหัวข้อโดย: nokkaling ที่ 11-01-2014 07:18:36
 :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 3)
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 11-01-2014 10:07:36
 :o8:  อ่านแล้วอยากไปเที่ยวเลยเดินตามรอย....  ถึงจะหนาวแต่ก็อุ่นในเวลาเดียวกัน ดีจัง.
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 3)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 11-01-2014 10:14:45
มีแฟนเป็นผู้ชายอบอุ่นมันดีอย่างนี้เอง เฮ้อ...อิจฉาสุด ๆ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 3)
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 11-01-2014 10:36:05
โอ๊ยยยย หวานได้อีก แอบเขินเบาเบา
รักคู่นี้จัง มันอบอุ่นมากกกกกกก
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 3)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 11-01-2014 11:04:37
ตังจ้า หวานละมุนจริงๆ
อากาศหนาวอุ่นขึ้นมาเชียว
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 3)
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 11-01-2014 11:10:01
 :o8: เขินจนจะเป็นลมแล้วเนี่ยยยย
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 3)
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 11-01-2014 11:41:58
อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

อยากเห็นพี่จ้าเป้นฝ่ายทำอะไรให้บ้างง๊า ดูพี่ตังเป็นฝ่ายจีบทู้กกกกกกกกกกกที แง่บ รอตอนต่อจ้า
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 3)
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 11-01-2014 12:46:54
ชอบมากกก เลย
อ่านแล้วให้ความรู้สึกถึงคนที่รักกัน คอยดูแลกัน
มีความสุข ไม่เร่งรีบ บรรยากาศสบายๆ
ชอบนะจ้าจะแกล้งตัง กับเขินเอง ฮา
มีคนรักไปเที่ยวด้วยกัน ตอนหนาวมันอบอุ่นอย่างนี้นี่เอง :o8:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 3)
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 11-01-2014 14:07:59
อ่านรวดเดียวจนถึงหลักกิโลฯที่3 เลยค่ะ  อบอุ่นดี ชอบมากๆ ตังน่ารักเนาะ จ้าก็แสบแบบน่าเอ็นดู
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 3)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 11-01-2014 15:15:04
เห้ยยยย มันน่ารัก มันอบอุ่น
นึกภาพตามแล้วเขิล
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 3)
เริ่มหัวข้อโดย: twenty8 ที่ 11-01-2014 17:51:25
ฟินที่สุดดดดด กรี้ด!!!
น่ารักมาก อบอุ่นมากกกก

 :-[
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 3)
เริ่มหัวข้อโดย: nuper ที่ 11-01-2014 20:16:22
น่ารกอะ จะมีหลักสี่อีกปะคะ ชอบๆโมเมนต์แบบนี้ค่ะ ไม่ใช่เคยตัว แต่เคยชิน อ้าย ฟินค่ะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 3)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 11-01-2014 21:22:58
น่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 3)
เริ่มหัวข้อโดย: SciOn ที่ 12-01-2014 00:18:43
งือออออออออออ ตอนนี้น่ารักมากกก อ่านไปกัดหมอนไปค่ะ เขินนน
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษตอนนี้นะคะ >////////<
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 3)
เริ่มหัวข้อโดย: TK323 ที่ 12-01-2014 00:43:08
กรี๊ดดดดดดดดด!!! จะน่ารักไปไหน อ่านแล้วมันอบอุ่นหัวใจจริงๆ :m1:  ละมุนสุดๆ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 3)
เริ่มหัวข้อโดย: tender ที่ 12-01-2014 01:33:51
ตัวบิดเป็นเกลียว 18 ล้านรอบ เขิลมากเลยคะ
แต่งเรื่องดีมาก เราชอบมาก แบบค่อยเป็นค่อยไป
ขอบคุณนักเขียนมากๆนะคะ จะติดตามเรื่องต่อๆไปนะคะ
 :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 3)
เริ่มหัวข้อโดย: happy-jigsaw ที่ 12-01-2014 02:41:41
แปะป้าบบบ เดี๋ยวตามมาอ่านนะคะ ><
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 3)
เริ่มหัวข้อโดย: colorlab ที่ 12-01-2014 11:08:48
เปิดเจอตอนตีสี่ อ่านจบมองนาฬิกา ป๊าดดดด เก้าโมงเช้า
จบตอนพิเศษอีกสามตอนก็เกือบ11โมงพอดี
อ่านแล้วอบอุ่นเหมือนชื่อคุณจ้า...
กดเข้ามาอ่านเพราะชอบท้องฟ้าเหมือนกัน
เห็นชื่อแล้ว คาดหวังไว้ว่าเช้าตรู่แบบนี้เราคงไม่โชคร้ายเจอนิยายโศก
แล้วพออ่านจบก็ดีใจที่เสียเวลานอนมาอ่าน
รักแรกพบ อานุภาพมันยิ่งใหญ่จริงๆ
น่ารักค่ะ ชอบปมของจ้า และชอบสารละลายปมแบบตัง
ดีจังทีีได้อ่านอะไรดีๆในตอนเช้าวันพักผ่อน
ขอบคุณค่ะ หวังให้มีหลักกมที่4 5 6
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 3)
เริ่มหัวข้อโดย: lew_valen_tom ที่ 12-01-2014 11:59:13
พวกเราคงเป็นแบบน้องพลอยกันสินะ อ๊าย!!! เบาๆ :o8: :o8: :o8:

พี่จ้าหน้าเด็ก คิๆ  o18
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 3)
เริ่มหัวข้อโดย: coloursal ที่ 12-01-2014 14:32:49
ชอบจังบรรยากาศแบบนี้ หน้าหนาวนี้ไม่หนาวเลยค่ะ
 o13
หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 4)
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 12-01-2014 16:50:00
หลักกิโลเมตรที่ 4 (บ้านหลังเก่า)





เกือบสิบโมงเช้าที่มวลเมฆและไอหมอกค่อย ๆ จางหาย ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีฟ้าสดใสดวงอาทิตย์ทอแสงอาบผืนหญ้าสีเขียวอ่อน ผืนน้ำยังคงสงบนิ่งราบเรียบราวกระจกใสสะท้อนเงาทิวสนชัดเจน ผู้คนบริเวณคันดินเริ่มเพิ่มจำนวนขึ้น บรรดาหนุ่ม ๆ สาว ๆ ต่างก็มาเก็บภาพบรรยากาศยามสายที่อากาศเริ่มเย็นสบายในชุดเสื้อกันหนาวแฟชันหลากสีสัน โทรศัพท์มือถือถูกหยิบออกมาจากกระเป๋าของหลาย ๆ คู่ เพื่อบันทึกภาพน่าประทับใจนี้เอาไว้ บ้างก็ถ่ายภาพคู่กัน บ้างก็ผลัดกันถ่ายโดยมีทัศนียภาพของอ่างเก็บน้ำปางตองเป็นฉากหลัง จะมีก็เพียงอาทิตย์ทัศน์ที่ยังคงมองภาพทิวสนและท้องฟ้าผ่านเลนส์กล้องก่อนจะกดชัตเตอร์รัว ๆ  จากนั้นชายหนุ่มเช็คภาพจากจอ LCD ก่อนจะยิ้มอย่างพอใจ



อาทิตย์ทัศน์มองคนที่กำลังนั่งสเก็ซต์ภาพลงบนกระดาษใบเล็ก ๆ  ก่อนจะเดินไปนั่งลงข้าง ๆ กัน เจ้าของพวงแก้มเนียนใสยื่นหน้าเข้าไปมองใกล้ ๆ ด้วยความสนใจ มือหนายังคงตวัดปากกาอย่างคล่องแคล่ว ไม่นานลายเส้นของปากกาหมึกซึมสีดำก็ก่อเกิดเป็นภาพที่พอจะมองออกว่าเป็นสัตว์ปีกสีดำ



“คุณว่าพวกมันจะหนาวไหม” คนตัวเล็กกว่าเอ่ยขึ้นก่อนจะมองไปยังเจ้าหงส์สีดำสองตัวที่กำลังว่ายน้ำตามกันอยู่กลางอ่างเก็บน้ำ



“ผมว่าไม่นะ เพราะถ้ามันหนาว มันคงหาเสื้อกันหนาวมาสวมแล้วละ หรือไม่ก็พากันขึ้นมาผิงไฟ” ปากหยักตอบทั้งที่ยังคงสนใจกับกระดาษวาดรูปใบเล็ก ๆ ในมือ



“กวนประสาทตลอด”



“เอ๊า! ก็จริงนี่คุณ ดูคุณสิเวลาคุณหนาวคุณยังต้องสวมเสื้อกันหนาวเลย” ตฤณกรหัวเราะ



“บ้า มันคนละอย่างกัน”



“ผมว่าพวกมันคงไม่หนาวหรอก แต่ถึงจะหนาวนะอย่างน้อยมันก็ไม่ได้หนาวแบบโดดเดี่ยว อย่างน้อยก็ยังเห็นว่ามีอีกตัวอยู่ข้าง ๆ กัน หนาวด้วยกัน ตัวไหนเป็นตะคริวอีกตัวจะได้ช่วยทัน แต่มันอาจจะแย่นิดหนึ่งที่มันมีแต่ปีก ไม่มีมือไม่มีแขนเอาไว้กอดกันแบบนี้” คนตัวสูงหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะยกแขนข้างซ้ายขึ้นกอดคอคนข้าง ๆ เอาไว้



“เนียนตลอด” อาทิตย์ทัศน์พึมพำ



ตฤณกรยิ้มก่อนจะลงมือวาดรูปต่อจนกระทั่งผ่านไปครู่หนึ่ง....



“เสร็จหรือยัง” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นขณะมองภาพสเก็ซต์หงส์สีดำสองตัวที่ลอยเคียงข้างกันอยู่บนผิวน้ำ แหวนทองคำขาวที่นิ้วนางข้างซ้ายของคนข้าง ๆ ยังชวนให้นึกถึงเหตุการ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ทั้งคำพูดและการกระทำยังคงเหมือนวนกลับมาปรากฏขึ้นชัดเจนในความรู้สึกของอาทิตย์ทัศน์อีกครั้ง



ตฤณกรค่อย ๆ เก็บปากกาใส่ปลอกก่อนจะพยักหน้า “เสร็จแล้ว สวยไหม”



“สวยดี” คนตัวเล็กกว่ายิ้ม



“ใบนี้ผมจะส่งให้แฟนผม”




“แล้วจะเขียนว่าอะไร”



คนตัวสูงยิ้มก่อนจะเก็บรูปที่เพิ่งวาดเสร็จลงกล่องเหล็กสำหรับใส่เครื่องเขียน “ไม่บอก ต้องไปรออ่านเองที่ปลายทาง”



อาทิตย์ทัศน์ทำหน้าเซ็งก่อนจะกล่าว “พวกความลับเยอะ”



“แล้วคุณล่ะ ไม่ส่งโปสการ์ดให้แฟนบ้างเหรอ ผมมีกระดาษกับปากกาให้ยืมนะ”



คนตัวเล็กกว่าส่ายหน้าอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ไม่ ผมยังไม่มีแฟน” พูดจบอาทิตย์ทัศน์ลุกขึ้นปล่อยให้ตฤณกรที่โดนเอาคืนนั่งอ้าปากหวออยู่อย่างนั้น



คนตัวสูงกว่ารีบลุกขึ้นตามก่อนจะประท้วงในคำพูดเมื่อสักครู่ “โห!!!! ยังไม่มีแฟนอีกเหรอครับ อายุขึ้นเลขสามแล้วนะคุณ”






“พี่ตัง พี่จ้า” เสียงเจื้อยแจ้วของพลอยชนกดังขึ้นขัดจังหวะ สาวน้อยในชุดกันหนาวสีชมพูทั้งชุดที่เดินควงแขนพ่อและแม่ของเธอเข้ามาส่งยิ้มหวานมาให้



“ตื่นแต่เช้าเลยนะทั้งสองคน ลุงตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นอยู่ที่เต็นท์กันแล้ว”



“มารอดูพระอาทิตย์ขึ้นน่ะครับคุณลุง” ตฤณกรกล่าว



“ในที่สุดก็เจอตัวจริง ๆ เสียที เมื่อคืนยัยพลอยพูดถึงจนป้าอยากจะเจอตัวจริงให้ได้” หญิงวัยกลางคนในชุดเสื้อกันหนาวขนสัตว์ที่สวมแว่นตากันแดดสีชาเอ่ยขึ้น



“นี่แหละค่ะแม่ พี่ตังแล้วก็พี่จ้า” ผู้เป็นลูกสาวกล่าวเขิน ๆ



“แล้ววันนี้จะไปไหนต่อล่ะ” ชายวัยกลางคนกล่าวกับอาทิตย์ทัศน์ ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มก่อนจะปล่อยให้เจ้าของรถเป็นคนตอบ



“วันนี้จะไปนอนบ้านที่เชียงใหม่ครับคุณลุง เดี๋ยวคงจะขับกลับทางแม่สะเรียงแล้วก็แวะเที่ยวไปเรื่อย ๆ” ตฤณกรกล่าว



“แล้วคุณลุงล่ะครับ” อาทิตย์ทัศน์ถามบ้าง



“เมื่อวันก่อนลุงมาทางแม่สะเรียง วันนี้ก็เลยว่าจะขับไปปาย แล้วก็พักที่ปายสักคืน พรุ่งนี้ค่อยกลับไปอุทัย พอดีสองแม่ลูกเขาลาพักร้อนยาวกัน” จากนั้นสองสามีภรรยาก็ขอแยกตัวออกไปเดินเล่น โดยปล่อยลูกสาวเอาไว้กับสองหนุ่ม



“พี่ตังเป็นคนเชียงใหม่เหรอคะ”



“ครับ”



“แล้ว เอ่อ..แล้วพี่ตังมีแฟนหรือยังคะ” คำถามของพลอยชนกทำเอาอาทิตย์ที่ทำกำลังกดชัตเตอร์ถ่ายภาพอยู่ห่างไปไม่ไกลต้องชะงัก ชายหนุ่มค่อย ๆ ลดกล้องลงเพื่อหันมาฟังคำตอบของเจ้าของใบหน้าระบายยิ้มเหมือนกัน



ตฤณกรหันไปสบตาคนที่กำลังมองมาแว่บหนึ่งก่อนจะตอบคำถามของหญิงสาว “มีแล้วครับ”



“จริงเหรอคะ” หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นไม่น้อยจนคนตัวสูงต้องพยักหน้าย้ำคำตอบที่เพิ่งพูดออกไปเมื่อสักครู่อีกครั้ง ในขณะที่อาทิตย์ทัศน์เองก็พยายามซ่อนรอยยิ้มบาง ๆ ของตัวเองโดยการหันกลับไปถ่ายรูปต่อ...



“ว้า!! แย่จัง อย่างนี้พลอยก็กินแห้วสิคะ อยากรู้จังว่าสเป๊กพี่ตังจะเป็นยังไง”



ตฤณกรนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะค่อย ๆ ยกมือขึ้นชี้ไปที่คนที่ยืนอยู่ด้านหลัง “แบบนั้นน่ะครับ”



พลอยชนกหันมองตามปลายนิ้วของชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้า เขาชี้ไปที่คนที่กำลังยืนหันหลังให้ สาวน้อยหันกลับมาอีกครั้งพร้อมแก้มที่เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ เธอยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเพื่อไม่ให้ใครได้ยินเสียงกรีดร้องก่อนจะกระโดดไปมาเหมือนเด็กน้อยที่เพิ่งได้ของเล่นชิ้นใหม่



“พลอยคิดแล้วเชียวว่าพี่สองคนต้องไม่ใช่แค่เพื่อนกันธรรรมดา” หญิงสาวแก้มแดงกล่าว



“ทำไมล่ะครับ ดูไม่เหมือนเหรอ” ตฤณกรถาม



“อืม มันก็... จะว่าเหมือนเพื่อนกันมันก็เหมือนนะคะ พี่สองคนก็เหมือนเพื่อนผู้ชายที่ไปเที่ยวแบบลุย ๆ ด้วยกัน”



“สุดท้ายก็ไม่รอดสายตาคุณมัณฑนากรช่างสังเกต” ตฤณกรหัวเราะ 




“พลอยจะถือว่านี่เป็นคำชมที่วิเศษมาก ๆ เลยนะคะ” เธอยิ้ม “พลอยละลุ้นจะแย่ คิดว่าจะไม่ใช่พี่จ้าแล้วเสียอีก พี่จ้าน่ารักนะคะพี่ตัง”



ตฤณกรพยักหน้าเขิน ๆ ก่อนจะตอบ “เรื่องนั้นน่ะ พี่รู้ตั้งแต่วันแรกที่เจอที่เจอเขาแล้วละครับ”




อาทิตย์ทัศน์ละสายตาจากทิวทัศน์ตรงหน้าก่อนจะก้มลงมองนาฬิกาข้อมือซึ่งบอกเวลาเกือบสิบโมงครึ่ง เขาหันไปมองสองหนุ่มสาวที่กำลังยืนคุยกันอย่างออกรสก่อนจะเดินไปสมทบ



“ถ้าอย่างนั้นพลอยขอตัวก่อนนะคะ หวังว่าคงมีโอกาสได้เจอกับพี่สองคนอีก” พลอยชกกล่าวเมื่ออาทิตย์ทัศน์เดินมาถึง



“อ้อ พลอยจะบอกว่า...เพื่อนกันน่ะเขาไม่มองกันด้วยสายตาแบบที่พี่ตังมองพี่จ้าหรอกนะคะ” หญิงสาวยิ้มหวานก่อนจะเดินจากไปทิ้งให้ชายหนุ่มสองคนสบตากันเขิน ๆ







“ผมรู้สึกสังหรณ์ใจยังไงไม่รู้” อาทิตย์ทัศน์พึมพำขณะมองตามหญิงสาวที่กำลังเดินจากไป....






หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 4)
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 12-01-2014 16:51:23
“ได้บอกเรื่องของตัวเองให้คนอื่นรู้แล้วอารมรณ์ดีเนอะคนเรา” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นอย่างหมั่นไส้พร้อมกับมองคนที่กำลังผิวปากอย่างอารมณ์ดีขณะที่กำลังช่วยกันเก็บเต็นท์



“ทำไมล่ะครับ ผมก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรเสียหาย มันก็แค่เรื่องของคนสองคนที่รักกัน” ตฤณกรกล่าวก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ ๆ คนที่กำลังเก็บเครื่องนอนใส่กล่อง



“จะว่าไปก็อาจจะมีแค่ผมที่รักอยู่คนเดียว”



คนตัวเล็กกว่าขมวดคิ้วก่อนจะสวนกลับทันที “คุณรู้ได้ยังไงว่าคุณรักอยู่คนเดียว”



“ถามแบบนี้แปลว่าคุณก็รักผมเหมือนกันเหรอ” คนตัวสูงเลิกคิ้วล้อ ๆ



“ผมถามคุณไม่ใช่ให้คุณมาย้อนถามผม” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะยกกล่องเครื่องนอนลุกขึ้น
 


“ก็คุณไม่เคยบอกให้ผมรู้” ตฤณกรกล่าวด้วยน้ำเสียงงอน ๆ ขณะลุกขึ้นตาม คนตัวสูงขยับเข้าไปยืนใกล้ ๆ พร้อมกับรั้งกล่องใบใหญ่มาถือไว้เอง “เอามานี่ ผมยกเอง”



อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้าช้า ๆ พร้อมกับก้มลงหยิบกระเป๋าใส่เต็นท์พับก่อนจะเดินตามคนตัวสูงไปที่รถ









“คุณก็รู้ว่าผมไม่ใช่คนพูดมาก” คนตัวเล็กกว่าเอ่ยขึ้นหลังจากส่งกระเป๋าใส่เต็นท์พับให้ตฤณกรเก็บลงที่ท้ายรถ



“ผมรู้” ชายหนุ่มกล่าว “รู้ว่าคุณน่ะมันพวกคิดเยอะ ทบทวนแล้วทบทวนอีก ทบทวนจนแน่ใจกว่าจะพูดอะไรแต่ละอย่าง”



 “นี่ไม่ได้หลอกด่าใช่ไหม”



ตฤณกรส่ายหน้ายิ้ม ๆ ก่อนจะเอื้อมมือประคองใบหน้าคนตัวเล็กกว่าพร้อมกับใช้นิ้วหัวแม่มือถูไปมาที่แก้มเนียนอย่างเบามือ  “เปล่าครับ เพราะผมรู้ว่าคุณเป็นแบบนี้ไง เวลาที่คุณพูดสิ่งที่คุณคิดออกมาผมถึงรู้สึกว่ามันมีค่ามาก ๆ”




“หรือต่อให้คุณไม่พูดอะไรเลยก็ตาม ผมก็รู้ว่าคุณรู้สึกยังไงกับผม เพราะถึงคุณจะไม่พูดแต่สิ่งที่คุณทำ มันก็ทำให้ผมรับรู้ได้อยู่ดีว่าคุณรักผม”



“หลงตัวเอง” อาทิตย์ทัศน์กล่าวพร้อมกับดึงมืออุ่น ๆ ออกจากแก้มของตัวเอง



“หลงคุณต่างหาก” คนตัวสูงกว่ากล่าวด้วยรอยยิ้ม



“เตรียมตัวเดินทางได้แล้ว” อาทิตย์ทัศน์กล่าวพร้อมกับเบือนหน้าหนีก่อนจะรีบพาตัวเองออกจากสายตาของคนตรงหน้าที่กำลังมองมาที่เขา



“จ้า” ตฤณกรเอ่ยขึ้น เพียงเสียงเรียกชื่อสั้น ๆ ก็สามารถรั้งร่างของเจ้าของแก้มชมพูระเรื่อไม่ให้ไปไหนได้



“ตอนนี้คุณอาจจะไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร แต่ถ้าวันไหนคุณแน่ใจแล้วบอกให้ผมรู้บ้างนะ ผมอยากฟัง”



ร่างเล็กที่ยืนหันหลังให้ไม่ได้โต้ตอบใด ๆ เขาเพียงแต่ยกมือขึ้นทำสัญลักษณ์แบบตะวันตกที่แปลได้ว่า....’ตกลง’





....





ตาคู่สวยทอดมองขุนเขาสลับซับซ้อนระหว่างทางที่มีทั้งป่าไม้และหุบเหว รถกำลังเคลื่อนออกห่างจังหวัดแม่ฮ่องสอนทุกขณะ  เพลง ๆ เดิมที่ฟังมาตั้งแต่วันแรกยังคงเล่นวนซ้ำไปซ้ำมา ทั้งที่เป็นเพลง ๆ เดียวกันแต่มันกลับฟังเพราะขึ้นทุกวันไม่รู้ว่าทำไม อาทิตย์ทัศน์เหลือบมองคนตัวสูงที่นั่งเงียบหลังพวงมาลัยก่อนจะนึกถึงคำพูดของเขา....







‘ตอนนี้คุณอาจจะไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร แต่ถ้าวันไหนคุณแน่ใจแล้วบอกให้ผมรู้บ้างนะ ผมอยากฟัง’





จริงอย่างที่ตฤณกรว่า เขาเองไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้ความรู้สึกภายในใจที่มีมันเรียกว่าอะไรกันแน่...



‘เป็นห่วง’



‘คิดถึง’



หรือ



‘อยากอยู่ใกล้ ๆ’



แต่ถ้าวันไหนแน่ใจว่ามันคือ ‘รัก’ แล้วละก็จะไม่รีรอเลยที่จะพูดให้ฟัง....





....






‘เจอแบบนี้ถึงกับฟินค่ะ’ เขียนโดย มัณฑณากรสุดสวย





จอมขวัญคลิกอ่านกระทู้ที่ปรากฏอยู่ในลำดับที่ 1 ของเว็บบอร์ด ภาพที่ปรากฏขึ้นคือภาพของชายหนุ่มสองคนที่นั่งกอดคอกันอยู่ที่ริมอ่างเก็บน้ำกับข้อความบรรยายสั้น ๆ



‘อยากจะกรีดร้องให้ลั่นป่า แต่ทำได้แค่อ๊ายเบา ๆ ค่ะ’




มองภาพนั้นแค่แว่บเดียวรอยยิ้มเล็ก ๆ ก็ปรากฏบนใบหน้าของหญิงสาว...




อาทิตย์ทัศน์ก้มอ่านข้อความและภาพที่ถูกส่งมาจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาตฤณกร “ผมว่าลางสังหรณ์ผมแม่นนะ”



ครู่เดียวเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น มือเรียวกดรับพร้อมกับเปลี่ยนโหมดเป็นสปีคเกอร์โฟนทันที



“โดนปาปารัซซี่แอบถ่ายแล้วรู้ตัวไหมคะสองหนุ่ม” เสียงหวาน ๆ ดังมาจากโทรศัพท์ที่เปิดสปีคเกอร์โฟน



“อะไรกันครับสาวน้อย” ตฤณกรกรอกเสียงผ่านโทรศัพท์ที่อาทิตย์ทัศน์ซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ยื่นมาให้



“ก็พี่ตังกับพี่จ้าสิคะ รู้ตัวหรือเปล่าว่ามีคนแอบถ่ายภาพไปโพสต์ในเว็บบอร์ด”



“จริงเหรอขวัญ” คนตัวสูงพูดกลั้วหัวเราะแบบไม่ได้เป็นกังวลอะไรนัก



“จริงสิคะ แหม...เห็นแค่ข้างหลังขวัญก็จำได้แล้ว โรแมนติกกันเชียวนะคะ นี่ขนาดเห็นข้างหลังสาว ๆ ในเว็บยังกรี๊ดกันเว็บแทบแตก เห็นข้างหน้าหรือเห็นแบบตัวเป็น ๆ จะขนาดไหน” จอมขวัญหัวเราะ



“ว่าแต่...ใครกันนะ แอบถ่ายรูปพี่สองคนมาโพสต์”



ตฤณกรและอาทิตย์ทัศน์มองหน้ากันยิ้ม ๆ ก่อนจะนึกถึงมัณฑนากรสาวที่เพิ่งแยกกันเมื่อไม่นาน....


....





รถค่อย ๆ เข้าสู่เขตจังหวัดเชียงใหม่ในตอนบ่าย ตฤณกรค่อย ๆ ชะลอความเร็วลงก่อนจะเลี้ยวไปจอดที่ข้างทางของอีกฝั่งถนนซึ่งเป็นที่ตั้งของ ‘สถานีวนวัฒน์วิจัยบ่อแก้ว กรมป่าไม้’ หรือ ‘สวนสนบ่อแก้ว’ บริเวณที่จอดรถข้างทางเต็มไปด้วยรถจักรยานยนต์แต่งสวย ๆ ดีไซน์เท่ห์หลายคัน บรรดานักบิดบ้างก็เดินเข้าไปถ่ายรูปภายในสวนสน บ้างก็จับกลุ่มนั่งคุยพักผ่อนดื่มกาแฟร้อนกันที่ขอนไม้หน้าทางเข้า



“ฝังใจอะไรกับที่นี่หนักนา” อาทิตย์ทัศน์กล่าวขณะที่กำลังเดินตามกันไปบนเนินเตี้ย ๆ ที่ขนาบข้างด้วยต้นสนสูงใหญ่



“ก็ผมชอบนี่นาคุณ อีกอย่างมันก็เป็นที่มาของการที่ผมได้เจอกับคุณอีกครั้งนะ” ตฤณกรตอบยิ้ม ๆ พร้อมกับมองคนข้าง ๆ ที่กำลังยกกล้องเล็งมาที่เขา



“ถ้าอย่างนั้นต้องเก็บภาพไว้เป็นที่ระทึกหน่อย มาตั้ง 3 รอบแล้ว”



“นี่พอเลย ถ่ายแต่คนอื่น ไม่มีรูปตัวเองเลย ผมถ่ายให้คุณบ้างดีกว่า” ตฤณกรเอ่ยขึ้นก่อนจะรั้งกล้องถ่ายรูปมาจากมือของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้าง ๆ



“ยิ้มสิครับ ไม่ยิ้มกล้องมันไม่ถ่ายนะ”



อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้วเขิน ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เผยรอยยิ้มน่ารักที่น้อยคนนักจะมีโอกาสได้เห็น



“พอหรือยัง ยิ้มจนเหงือกจะแห้งแล้ว”



ตฤณกรหยุดรัวชัตเตอร์ก่อนจะลดกล้องลง “หล่อนะเราน่ะ” คนตัวสูงกล่าวขณะเช็คภาพจากหน้าจอ LCD



“เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้ว” อาทิตย์ทัศน์หัวเราะก่อนจะรับกล้องคืนมา



“ตั้งแต่รู้จักกันมายังไม่เคยมีรูปคู่กับคุณเลย” ตฤณกรกล่าวก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถืออกมาจากกระเป๋ากางเกง “ให้เกียรติถ่ายรูปคู่กับผมหน่อยนะคุณ ผมอยากถ่ายคู่กับคนหล่อ”



“เยอะตลอด” คนตัวเล็กกว่าก่อนจะขยับมายืนข้าง ๆ กันอย่างว่าง่าย



ตฤณกรยิ้มก่อนจะโอบไหล่คนตัวเล็กกว่าเอาไว้พร้อมกับยกโทรศัพท์ขึ้น “ยิ้มนะคุณ ยิ้มน่ารัก ๆ แบบเมื่อกี้น่ะ”



อาทิตย์ทัศน์เหลือบมองคนตัวสูงกว่าเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นยิ้มให้กล้อง



“พร้อมนะคุณ” ตฤณกรกล่าวก่อนจะกดถ่ายภาพ ลักยิ้มเล็ก ๆ ซึ่งปรากฏขึ้นที่ข้างแก้มทำเอาคนข้าง ๆ อดใจไม่ไหวที่จะฝังปลายจมูกลงบนแก้มขาว ๆ พร้อมกับสูดกลิ่นหอม ๆ ฟอดใหญ่จนพวงแก้มใสเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ....







....




ตฤณกรและอาทิตย์ทัศน์มาถึงตัวเมืองเชียงใหม่ในตอนบ่ายคล้อย รถค่อย ๆ ขับมาตามเส้นทางเล็ก ๆ ลัดเลาะไปตามลำน้ำปิงก่อนจะมาหยุดที่หน้าบ้านหลังหนึ่งซึ่งแวดล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ เพียงไม่นานหญิงวัยกลางคนในชุดผ้าทอพื้นเมืองทางเหนือก็ออกมาเปิดประตูรั้วไม้เตี้ย ๆ



“สวัสดีครับป้าเอื้อง” ตฤณกรกล่าวพร้อมกับยกมือไหว้




“คุณหนู มา ๆ มาให้ป้ากอดให้หายคิดถึงหน่อย” หญิงวัยกลางคนเมื่อสักครู่เอ่ยขึ้นก่อนจะเดินเข้ามากอดชายหนุ่มร่างสูงอย่างรักใคร่     



“บอกแล้วไงว่าอย่าเรียกตังแบบนี้” ตฤณกรขมวดคิ้วเขิน ๆ



“ก็มันชินนี่คะ เรียกมาตั้งแต่เด็ก ๆ อยู่ ๆ จะให้เลิกเรียกได้ยังไงกัน” เธอยิ้ม “ป้านึกว่าจะลืมป้าเสียแล้ว” มือเหี่ยวย่อนค่อย ๆ เลื่อนมาจับที่ต้นแขนที่แน่นนด้วยมัดกล้ามเล็ก ๆ 



“ตังจะลืมป้าได้ยังไงล่ะครับ” ชายหนุ่มยิ้มก่อนจะหันไปแนะนำอาทิตย์ทัศน์ให้รู้จักกับแม่นมของเขา



“นี่จ้าครับป้าเอื้อง”



อาทิตย์ทัศน์ยิ้มให้ ‘เอื้องคำ’ หรือ ‘ป้าเอื้อง’ ก่อนจะยกมือไหว้อย่างนอบน้อม



“ไหว้พระเถอะค่ะคุณจ้า” เธอกล่าวก่อนจะมองชายหนุ่มหน้าตาสะอาดสะอ้านตรงหน้าพร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่



ตฤณกรกอดเอวแม่นมของเขาเอาไว้ก่อนจะกระซิบ “อย่ามองมาก เดี๋ยวของตังสึกหมด”



“แหม...คุณหนูก็” เอื้องคำกล่าวพร้อมกับตีที่แขนของชายหนุ่มเบา ๆ  ก่อนจะชวนทั้งคู่เข้าไปในบ้าน




“ป้าเอื้องอยู่บ้านนี้คนเดียวเหรอครับ” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นขณะเดินตามเอาของไปเก็บที่ชั้นบน



“ปกติป้าไม่ได้อยู่บ้านนี้หรอกค่ะ ป้าอยู่บ้านใหญ่ข้างข้าง ๆ โน่น ส่วนบ้านหลังนี้น่ะเป็นบ้านของคุณหนูตังที่คุณพ่อของเธอใช้เป็นเรือนหอน่ะค่ะ”



อาทิตย์ทัศมองสำรวจบ้านกึ่งไม้กึ่งปูนสองชั้นสไตล์โมเดิร์นที่คาดว่าจะถูกปรับปรุงใหม่ได้เพียงไม่นาน ที่หลังบ้านมีระเบียงเล็ก ๆ ยื่นออกไปยังสวนหย่อม มีบ่อเลี้ยงปลาสวยงามขนาดใหญ่คล้าย ๆ กับที่บ้านของเขา



“นี่ห้องคุณหนูค่ะ” หญิงวัยกลางคนกล่าวเมื่อเดินมาถึงห้องนอนที่อยู่สุดทางเดิน ภายในห้องถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายไม่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอะไรมากนักเนื่องจากเจ้าของห้องย้ายไปอยู่ที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่สมัยเรียน นาน ๆ ถึงจะกลับมาสักครั้ง....







“เย็นนี้คุณท่านให้ชวนคุณหนูกับคุณจ้าไปทานข้าวด้วยกันที่บ้านนะคะ” เอื้องคำกล่าวขณะเดินลงมาพบกับตฤณกรที่ชั้นล่างของบ้าน “เดี๋ยวป้าจะกลับไปเตรียมทำของอร่อย ๆ ของคุณหนูเอาไว้รอนะคะ”




“อืม ถ้าอย่างนั้นก็ไปพร้อมกันนี่แหละครับ ตังจะได้ไปไหว้คุณลุงกับคุณป้าด้วย”



ตฤณกรและอาทิตย์ทัศน์เดินลัดสวนหย่อมเล็ก ๆ ไปยังกำแพงที่ถูกเจาะช่องเพื่อใส่บานประตูเล็ก ๆ ที่สามารถเปิดสู่อาณาบริเวณของบ้านหลังใหญ่ข้าง ๆ กันได้ ที่นั่นอาทิตย์ทัศน์ได้พบกับคุณลุงและคุณป้าใจดีซึ่งตฤณกรเคยเล่าให้ฟังว่าทั้งคู่เป็นเจ้าของสถานสงเคราะห์ที่ให้ความอุปการะเขาตั้งแต่เมื่อครั้งที่พ่อและแม่เสียชีวิตลง....






“ให้ผมช่วยนะครับ” อาทิตย์ทัศน์กล่าวกับหญิงวัยกลางคนที่กำลังยืนทำกับข้าวอยู่ในครัว



“คุณจ้าไปพักผ่อนเถอะค่ะ เดินทางมาเหนื่อย ๆ”



“ไม่เป็นไรหรอกครับ ช่วยกันจะได้เสร็จไว ๆ” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะหยิบผ้ากันเปื้อนมาสวม “ป้าเอื้องจะทำอะไรบ้างครับ”



“ป้าว่าจะทำอาหารพื้นเมืองแล้วก็ของโปรดคุณหนูตังน่ะค่ะ แต่ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้ยังชอบทานเหมือนเมื่อสมัยเด็ก ๆ อยู่หรือเปล่า สมัยก่อนเวลาเธอกลับมาตอนปิดเทอมก็มาร้องให้ทำไข่เจียวใส่หมูยอให้ทาน”



“ตอนนี้ก็ยังชอบทานอยู่ครับ ทานจนไก่จะสูญพันธุ์หมดแล้ว แต่ที่กรุงเทพฯ หาหมูยออรอ่ย ๆ ทานยากก็เลยเปลี่ยนมาเป็นไข่เจียวหมูสับแทน” อาทิตย์ทัศน์ยิ้ม



“ในตู้เย็นมีหมูยอพอดีเลย ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวป้าหยิบให้นะคะ”



ชายหนุ่มร่างสูงหันไปหยิบชามใบใหญ่ก่อนจะตอกไข่ 2-3 ฟองใส่ลงไปแล้วจึงตีให้ฟูด้วยส้อม จากนั้นก็จัดการแกะหมูยอและหั่นใส่ลองไปในชามก่อนจะปรุงรส




“พริกไทยอยู่บนโต๊ะนะคะคุณจ้า” หญิงวัยกลางคนที่กำลังยืนล้างยอดมะระหันมากล่าว “เผื่อคุณจ้าจะโรยลงในไข่เจียว”



“ไม่ดีกว่าครับป้า เดี๋ยวคุณหนูของป้าจะบ่นไม่หยุด”



“ทำไมล่ะคะ”



“ตังไม่ทานพริกไทยครับ ใส่ลงไปนิดเดียวก็บ่นว่าเผ็ด”



หญิงวัยกลางคนมองชายหนุ่มร่างสูงอย่างเอ็นดูก่อนจะกล่าว “จริงด้วยนะคะ ป้าลืมไปเลยสมัยเธอเข้ามาอยู่ที่สถานสงเคราะห์ใหม่ ๆ ก็เหมือนกันค่ะ ทานง่าย ๆ ทานแต่อะไรจืด ๆ”



“คุณหนูตังเธอเป็นเด็กน่ารักค่ะ ใคร ๆ ก็รักเธอ ป้าน่ะเห็นเธอตั้งแต่คลอดใหม่ ๆ หน้าตาน่ารักถอดแบบมาจากคุณพ่อไม่มีผิด น่าเสียดายที่ทำบุญร่วมกันมาแค่นี้”



“เขาไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนเลยเหรอครับ”



“ไม่นะคะ คนแถวนี้ไม่มีใครรู้ประวัติคุณพ่อกับคุณแม่ของคุณหนูตังเลย ได้รู้จักกันก็ตอนที่พวกเธอมาซื้อที่ข้าง ๆ บ้านคุณท่านสำหรับสร้างเป็นเรือนหอนั่นแหละค่ะ พิธีแต่งงานก็ถูกจัดแบบเรียบ ๆ มีเฉพาะเพื่อนฝูงที่มาร่วมงาน หลังจากคุณหนูตังคลอดได้ไม่นาน คุณสองคนเธอก็เสียชีวิต”



“ตอนที่ป้ากับพวกคุณท่านไปถึงโรงพยาบาลน่ะ คุณหนูตังเธอนอนมองตาแป๋วเลยละค่ะ เหมือนไม่ได้มีเหตุการณ์ร้าย ๆ เกิดขึ้น ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนทั้ง ๆ ที่คนที่เห็นเหตุการณ์บอกว่ารถพลิกตกจากไหล่ทางหลายตลบเหลือเกิน เจ้าหน้าที่ที่เข้าไปกู้ซากรถเล่าว่าคุณแม่ของคุณหนูตังเธอกอดลูกชายของเธอเอาไว้แน่นเพื่อเอาตัวเองป้องกันเศษกระจกที่แตก”



“คุณท่านเธอสงสารก็เลยรับมาอุปการะ พอโตขึ้นหน่อยก็พาไปเจอกับพวกเด็ก ๆ ที่สถานสงเคราะห์ เพราะกลัวว่าเธอจะกลายเป็นเด็กเก็บตัว ตอนเข้าไปใหม่ ๆ น่ะ มีแต่คนหนักใจเพราะเธอไม่พูดไม่จากับใครเลย จนกระทั่งผ่านไปไม่นานหลาย ๆ คนก็เลยได้รู้ว่าจริง ๆ คุณหนูตังเธอเป็นเด็กร่าเริง เอาใจใส่คนอื่นไปเสียหมด ชอบทำให้คนในสถานสงเคราะห์ได้หัวเราะอยู่บ่อย ๆ เธอก็เลยเป็นขวัญใจของคนที่นั่น แล้วก็เป็นเด็กในสถานสงเคราะห์เพียงคนเดียวที่คุณท่านรับเป็นหลานบุญธรรม”




“พวกคุณ ๆ .... ลูก ๆ ของคุณท่าน พวกเธอก็ไม่ได้รังเกียจคุณหนูตังเลย”



อาทิตย์ทัศน์ยืนฟังเงียบ ๆ พร้อมกับนึกถึงผู้ชายทที่มักจะทำให้เสือยิ้มยากอย่างเขาต้องเผลอยิ้มออกมาอยู่บ่อย ๆ



“แต่น่าแปลกนะคะที่ตั้งแต่สมัยเรียนจนกระทั่งทำงาน ป้าไม่เคยเห็นคุณหนูตังเธอพาใครมาที่บ้านเลย คุณจ้าเป็นคนแรกนะคะ”



“เอ้อ...ครับ” ชายหนุ่มที่ถูกกล่าวถึงยิ้มเขิน ๆ ก่อนจะหยิบมืดขึ้นมาปอกฟักผลโต....





....




วันต่อมา...



อาทิตย์ทัศน์เงยหน้ามองบันไดทางเดินที่ทอดยาวขึ้นไปตามความลาดชันของภูเขา ทั้งที่มีลิฟท์ไว้อำนวยความสะดวกแต่คนหนุ่มคนสาวหรือแม้กระทั่งบรรดาผู้เฒ่าผู้แก่ก็ยังคงเลือกที่จะเดินขึ้นบันไดทีละขั้นเพื่อไปนมัสการพระธาตุซึ่งตั้งอยู่บนยอดดอย



“ถ้าวันนั้นผมเดินเข้าไปคุยกับคุณ คุณว่าวันนี้ผมจะได้มาเดินข้าง ๆ คุณแบบนี้ไหม” คนตัวสูงที่เดินอยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น



คำถามของเขาทำให้อาทิตย์ทัศน์ต้องคิดทบทวน นั่นสิ...ถ้าเมื่อสิบกว่าปีก่อนเขาเดินเข้ามาทัก แล้ววันนี้คนที่เดินข้าง ๆ กันจะใช่เขาไหม?



“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าวันนั้นคุณเดินเข้ามาทัก แล้ววันนี้คนที่เดินข้าง ๆ ผมยังเป็นคุณ คุณก็คงรู้สึกเสียดายว่าทำไมไม่เข้ามาคุยกับผมเสียตั้งแต่วันนั้น อย่างนั้นใช่ไหม”



“ใช่ ผมคงเสียดาย เพราะถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริง เราคงมีเวลาอยู่ด้วยกันมากกว่านี้”



“แต่ถ้าวันนั้นคุณเดินเข้ามาทักผม แล้ววันนี้เราไม่ได้มาเดินด้วยกันที่นี่ ไม่ได้มาเดินข้าง ๆ กันแบบนี้ มันก็อาจจะกลายเป็นความทรงจำที่คุณไม่อยากให้เกิดขึ้น”



“อืม..ก็จริง”



“ถ้าอย่างนั้นก็เลิกเอามาคิด จำไว้แค่ว่าผมกับคุณเคยเจอกันที่นี่ แล้ววันนี้เราก็มาที่นี่ด้วยกัน จากนี้ไปก็แค่นับวันที่มันจะค่อย ๆ ผ่านไป แบบนี้ดีกว่าไหม”



ตฤณกรพยักหน้ายิ้ม ๆ







“วันนั้นคุณอธิษฐานอะไร”



“ผมอธิษฐานว่า ขอให้ได้กลับมานี่นี่อีก” อาทิตย์ทัศน์ตอบขณะวางดอกไม้ลงบนพาน



“แล้วตั้งแต่วันนั้นคุณได้กลับมาที่นี่อีกไหม”



คนตัวเล็กกว่าส่ายหน้า “หลังจากเรียนจบผมก็มาทำงานที่เชียงใหม่บ่อยนะ แต่ก็เฉียดไปเฉียดมาที่นี่ทุกครั้ง”



“บางที่มันก็ไปไม่ยาก แต่ก็ไม่บ่อยที่เราจะได้กลับมาอีกครั้งนะ คุณว่าไหม” ตฤณกรกล่าว



“อืม” อาทิตย์ทัศน์พยักหน้าก่อนจะถามบ้าง “แล้วคุณล่ะ วันนั้นคุณอธิษฐานอะไร”



“ผมขอให้ได้เจอกับคุณที่นี่อีกในปิดเทอมถัด ๆ ไป แต่ก็ไม่เคยได้เจอเลยสักครั้ง” คนตัวสูงกล่าวเสียงอ่อย



“ปิดเทอมนี้ก็ได้เจอแล้วไง” อาทิตย์ทัศน์ยิ้ม



“เออ จริงด้วย” ตฤณกรยิ้มกว้าง ในที่สุดปิดเทอมนี้เขาก็ได้พบกับคนที่อยากเจออีกครั้งที่พระธาตุดอยสุเทพแห่งนี้จริง ๆ แม้จะนานไปหน่อย แต่ก็ได้เจอแล้วจริง ๆ



 
.....



“จ้า คุณอยู่ไหนน่ะ” ตฤณกรที่เพิ่งเดินกลับมาจากบ้านใหญ่เอ่ยขึ้นเมื่อก้าวเข้ามาในบ้านที่เงียบเชียบผิดปกติ ได้ยินเพียงเสียงโมบายแขวนหน้าต่างที่ดังขึ้นเป็นระยะยามเมื่อสายลมของปลายฤดูหนาวพัดผ่าน



“ผมอยู่นี่ ที่ระเบียง” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้น ตาคู่สวยยังคงมองไปที่ปลายปากกาหมึกซึมที่กำลังลากไปบนกระดาษ



“ทำอะไรอยู่” คนที่เดินมานั่งซ้อนลงข้างหลังเอ่ยขึ้นพร้อมกับวางคางบนบ่าของคนข้างหน้าก่อนจะก้มมองสิ่งที่เขากำลังทำอย่างสนใจ “วาดอะไรน่ะ”



“ดูไม่ออกเหรอ” คนตัวเล็กกว่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะหยิบกล้องดิจิตัลที่วางอยู่บนโต๊ะญี่ปุ่นเตี้ย ๆ ตรงหน้าขึ้นมากดดูภาพ



“ดอกไม้เหรอ ผมว่ามันเหมือนไข่ดาวมากกว่า” ตฤณกรหัวเราะเบา ๆ



“หัวเราะอะไร ก็ผมบอกแล้วไงว่าผมวาดรูปไม่เก่ง” อาทิตย์ทัศน์กล่าวด้วยน้ำเสียงงอน ๆ



“ก็ให้แฟนสอนให้สิครับ” พูดจบคนตัวสูงกว่าก็สอดวงแขนแกร่งเข้าที่ข้างลำตัวของคนข้างหน้าก่อนจะหยิบปากกาจากมือเรียวมาถือเอาไว้



“เดี๋ยวผมวาดให้ดูก่อน” ตฤณกรกล่าวก่อนจะจรดปากกาลงบนกระดาษ ไม่นานก็ได้ภาพดอกไม้ที่ดูไม่ผิดเพี้ยนไปจากภาพที่เห็นในจอ LCD


“ทำไมพอคุณวาดแล้วมันดูง่ายจัง” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะเอนหลังพิงกับอกกว้างมองดูปลายปากกาที่ขยับไปมาอย่างสบายใจ.....




....




“เห็นไหมว่าไม่ยากเลย” ตฤณกรยิ้มขณะมองดูคนในอ้อมกอดที่กำลังลงมือวาดรูปด้วยตัวเอง



“ให้กี่คะแนน” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นก่อนจะวางปากกาลง



“ให้เท่าไรดี” ตฤณกรนิ่งคิดก่อนที่ปากหยักจะขยับอีกครั้ง “ให้แปดก็แล้วกัน”



“เต็มสิบเหรอ” คนตัวเล็กกล่าวอย่างดีใจ



“เต็มยี่สิบครับ”



“โห...น้อยจัง ฝีมือผมแย่มากเลยเหรอ”



คนตัวสูงกว่ากระชับวงแขนแน่นขึ้นก่อนจะกระซิบลงที่ข้างหู “ถ้าคุณไม่พอใจ อย่างนั้นเดี๋ยวผมแถมคะแนนพิศวาสให้ด้วย” พูดจบปลายจมูกโด่งก็กดลงบนแก้มใส....








...





ขอบคุณคุณคนอ่านทุกท่านสำหรับคอมเม้นท์นะคะ

ขอบคุณคำแนะนำสำหรับเรื่องการรวมเล่มด้วยค่ะ

คือจริง ๆ เราตั้งใจจะเขียนเรื่องนี้ให้อ่านกันเฉย ๆ ไม่ได้คิดว่าจะรวมเล่มอะไร

แต่มีคุณคนอ่านถามมา เลยอยากจะสารภาพว่า เราเองไม่มีข้อมูลเรื่องการรวมเล่มหรือการพิมพ์เลย

คงต้องขอเวลาศึกษาหน่อยนะคะ หรือคุณคนอ่านท่านไหนมีไอเดียอะไรสามารถแนะนำได้ในเพจนะคะ

ยินดีรับฟังมาก ๆ เลยค่ะ



ปล. เดี๋ยวจบหลัก 5 แล้วขออนุญาตปล่อยตังกับจ้าไปพักผ่อนตามอัธยาศัยนะคะ ^^


หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 4)
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 12-01-2014 17:15:07
 :z13:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 4)
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 12-01-2014 17:45:36
ตังจ้าน่ารักไม่เปลี่ยน
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 4)
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 12-01-2014 18:04:49
น่ารักตลอด อบอุ่นดี :o8:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 4)
เริ่มหัวข้อโดย: lew_valen_tom ที่ 12-01-2014 18:40:36
หวานตลอดเลย คู่นี้  :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 4)
เริ่มหัวข้อโดย: eye-lifestyle ที่ 12-01-2014 18:41:03
 :-[ :impress2: :o8:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 4)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 12-01-2014 18:42:03
 :-[ ฟินสุดๆ เลิฟเลิฟกันตลอด อิอิ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 4)
เริ่มหัวข้อโดย: coon_all ที่ 12-01-2014 18:43:30
น่ารักโฮกฮาก อิจฉาพี่จ้าฮะ
แฟนเทคแคร์ดีเกิ๊น ตาลุกเป็นไฟ
55555
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 4)
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 12-01-2014 18:55:14
ตังเป็นแฟนที่น่ารักมากๆเลย อิจฉาจ้าจัง

อยากได้ยินจ้าบอกรักตังสักครั้ง ตังจะยิ้มแก้มแตกมั้ย  :o8:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 4)
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 12-01-2014 19:25:50
หวานมากกกกกกกกกกก   :กอด1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 4)
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 12-01-2014 19:29:11
อ่านแล้วรู้สึกอุ่นๆ ในใจ อยากจะมีความรักและคนรักแบบพี่ตังมังจัง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 4)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 12-01-2014 20:17:33
ฉากที่ปางอุ๋งว่าฟินแล้ว
เจอฉากที่ระเบียงเข้าไป ฟินยิ่งกว่าอีกค่ะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 4)
เริ่มหัวข้อโดย: tender ที่ 12-01-2014 21:00:41
 :katai2-1:น่าร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก อุอิ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 4)
เริ่มหัวข้อโดย: shijino ที่ 12-01-2014 21:13:29
ขอบคุณค่า น่ารักมากๆเลย ขอตอนพิเศษอีกเยอะๆเลยนะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 4)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 12-01-2014 21:15:26
ทั้งสองคนโชคดีที่หากันเจอ ทั้งที่เวลาก็ผ่านไปเป็นสิบปี
คนที่ใช่จะมาเมื่อถึงเวลาสินะ
ตังอบอุ่น อ่อนโยนจังเลย
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 4)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 12-01-2014 21:34:35
เข้ามาซึมซับความหวานของจ้ากับตังจ้า
หวานดีจัง  ชอบมากจ้า
ขอบคุณที่แต่งตอนพิเศษหวานๆ  ให้อ่านนะ :กอด1: :L2: :L1:

จะมีแค่หลักกิโลเมตรที่ 5 เหรอ  งือ  อยากอ่านอีกอ่ะ 
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 4)
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 12-01-2014 22:38:42
 :m3: :m3: อร๊าาาาาาาาาาากเขินมาก เหมือนอยู่ในบรรยากาศวิ้งๆตลอด อบอุ่นๆ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 4)
เริ่มหัวข้อโดย: nokkaling ที่ 12-01-2014 22:41:57
 :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 4)
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 12-01-2014 23:20:45
อยากขึ้นเหนือ อยากเที่ยวไปเรื่อยๆเหมือนตังกับจ้า อิจฉาพลอยยยยเจ๊อะอย่างนี้แล้วฟินเลย บอกตรงรักจุงเบย 555
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 4)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 12-01-2014 23:46:46
อ่านไปเขินไป ฟินสุดๆคู่นี้
 :-[ :-[ :-[
ลุ้นให้จ้าบอกรักตัง คงหวานกว่านี้แน่
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 4)
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 13-01-2014 00:51:56

เพิ่งเห็นว่าย้ายมาอยู่ตรงนี้วันนี้เองเลยได้อ่านหลายตอนเลย

อ่านแล้วเหมือนกับได้เดินทางไปเที่ยวพร้อมกับตัวละครด้วยเลย
สารภาพว่ายังไม่เคยไปซักที่ยกเว้นดอยสุเทพ
สี่ปีที่แล้วไปอยู่เชียงใหม่มาสองเดือนแต่พอดีบ้านอยู่ที่แม่ริม
ก็ได้แต่เข้าเมืองไปเดินห้างใช้ชีวิตเหมือนเดิม---แล้วจะถ่อไปทำไมถึงเชียงใหม่
แต่ก็ชอบนะ---คือทุกอย่างดูไม่ต้องเร่งรีบ---ปล่อยให้เวลาเดินผ่านไปช้าๆ

แอบตามไปดูรูปภาพในเฟสที่คนแต่งเอามาลงให้ดูแล้วประทับใจมากๆเลยอ่ะ
ถ้าเรื่องนี้ได้เป็นหนังนะคงจะดังระเบิดระเบ้อเลยล่ะ

เห็นพูดถึงเรื่องรวมเล่มอยากให้หาข้อมูลดีๆนะ---เห็นมีปัญหากันหลายคนแล้ว
ต้องหาสำนักพิมพ์ที่ไม่มีประวัติไม่ดี---ในนี้ก็เคยมีปัญหากันอยู่
รอหนังสือกันข้ามภพข้ามชาติกันเลยทีเดียว
ไม่รู้ว่าป่านนี้ได้รับหนังสือกันครบรึยัง
ลองไปหากระทู้ในห้องพูดคุยดูสิ

รออ่านตอนสุดท้ายอย่างใจจดใจจ่อ---เสียดายแต่เข้าใจ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 4)
เริ่มหัวข้อโดย: FlOriN ที่ 13-01-2014 11:52:48
พึ่งได้เข้ามาอ่านค่ะ
จะบอกว่าชอบมาก ><
อบอุ่นกรุ่นหัวใจที่สุด
ขอบคุณนะคะที่แต่งนิยายดีดีออกมาให้ได้อ่าน
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 4)
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 13-01-2014 19:33:05
 :-[
 :กอด1:
หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5)
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 14-01-2014 04:31:28
หลักกิโลเมตรที่ 5 บทสรุป





อาทิตย์ทัศน์รู้สึกแปลกใจไม่น้อยทั้งที่กลับจากแม่ฮ่องสอนมาเกือบสองสัปดาห์แล้ว แต่ทำไมเวลาที่ย้อนกลับไปนึกถึงคำพูดและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หัวใจจึงยังคงเต้นแปลก ๆ มือเรียวหยิบแหวนทองคำขาวที่คล้องอยู่กับสร้อยเส้นเล็กที่คอขึ้นมาหมุนไปมาก่อนที่เสียงเตือนข้อความเข้าของโทรศัพท์จะดังขึ้น



‘ถ้าจะเขียนสั้นขนาดนี้ ส่งข้อความมาก็ได้ครับ’ ข้อความหนึ่งถูกส่งมาพร้อมกับภาพของโปสการ์ดใบเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยลายเส้นปากกากาหมึกซึมสีดำขยุกขยิกแต่ก็รวมกันเป็นรูปดอกไม้ซึ่งคนวาดบอกว่ามันคือดอกบัวตองไม่ใช่ไข่ดาวเหมือนกับที่ใครบางคนได้พูดเอาไว้



‘ขอบคุณสำหรับทุกอย่างตลอดการเดินทางครั้งนี้’


‘...จ้า...’





ปากบางขยับยิ้มก่อนจะหยิบโปสการ์ดใบหนึ่งที่เสียบอยู่ในหนังสือข้าง ๆ คอมพิวเตอร์โน้ตบุคขึ้นมาดูก่อนจะพูดเบา ๆ กับเจ้านักเดินทางใบเล็ก ๆ ที่บุรุษไปรษณีย์เพิ่งเอามาส่งเมื่อตอนสาย



“ถ้าจะเขียนยาวขนาดนี้ก็เข้าเล่มทำเป็นรายงานมาส่งเถอะ”



อาทิตย์ทัศน์ค่อย ๆ พลิกโปสการ์ดภาพเสก็ซต์ทิวสนริมอ่างเก็บน้ำเพื่ออ่านข้อความที่ถูกเขียนเอาไว้ด้านหลัง ตาคมเริ่มกวาดมองทีละตัวอักษร จนกระทั่งค่อย ๆ เพิ่มเป็นบรรทัด ทีละบรรทัด บรรทัดแล้วบรรทัดเล่า...



....แทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไรตั้งแต่หยิบโปสการ์ดใบนี้ออกมาจากตู้รับจดหมาย...



...ตั้งแต่เดินกลับเข้ามาในบ้าน...



...ตั้งแต่กลับขึ้นมาบนห้อง...



...จนกระทั่งตอนนี้...



เขาอ่านมันซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้นจนจำมันได้ทุกคำ...



‘จ้า...

ขอบคุณนะที่หน้าหนาวปีนี้คุณมาแม่ฮ่องสอนกับผม ทั้ง ๆ ที่คุณขี้หนาวขนาดนั้น

ผมยังนึกกลัวอยู่เหมือนกันว่าจะพาคุณมาลำบากหรือเปล่า คุณจะสนุกหรือเปล่า

แต่ในที่สุดความกลัวของผมก็หมดไปเมื่อผมได้เห็นรอยยิ้มของคุณตลอดทาง

ดีใจจังที่ตื่นขึ้นมาแล้วเห็นคุณทุกเช้า ดีใจจังที่คุณยอมให้ผมกอด

ดีใจจังที่คุณยอมฟังในสิ่งที่ผมได้บอกมันออกไป และผมจะดีใจมาก ๆ ถ้าวันหนึ่งคุณจะบอกในสิ่งคุณคิดให้ผมได้รู้บ้าง

ผมรักคุณนะ...รักมากที่สุดเลย...ตัง...^^’





...




ผ้าม่านสีขาวสะอาดตาพริ้วไหวไปตามแรงลมจากพัดลมเพดานที่หมุนเอื่อย ๆ ขับไล่ความร้อนของต้นเดือนเมษายน บนเตียงนอนเต็มไปด้วยโปสการ์ดเก่า ๆ และรูปถ่ายจำนวนมากที่ถูกเทออกมาจากกล่องที่เคยใส่ เจ้าของห้องยังคงนอนอ่านโปสการ์ดทีละใบ ๆ ก่อนจะวางลงข้าง ๆ ตัว โปสการ์ดเหล่านั้นคงจะมีแต่เรื่องราวดี ๆ เขียนอยู่แน่ ๆ รอยยิ้มเล็ก ๆ จึงได้ปรากฏบนใบหน้าของคนอ่านอยู่ตลอดเวลา





“เอาไว้หน้าหนาวปีหน้าเราไปแม่ฮ่องสอนกันอีกนะ” คนตัวสูงที่กำลังดูภาพจากคอมพิวเตอร์โน้ตบุคบนตักเอ่ยขึ้นก่อนจะค่อยเอนหลังพิงข้างเตียง



“ไม่เบื่อบ้างหรือไง” คนที่เพิ่งวางโปสการ์ดแผ่นหนึ่งลงบนเตียงค่อย ๆ พลิกตัวนอนคว่ำก่อนจะขยับยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ บ่ากว้างของคนที่กำลังนั่งอยู่กับพื้น



ตฤณกรส่ายหน้ายิ้ม ๆ “ผมอยากไปดูดอกบัวตอง”



“ถ้าไปดูดอกบัวตองก็ต้องไปเดือนพฤศจิกายน”



“อยากไปดูนางพญาเสือโคร่งด้วย”



“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องไปกลางเดือนมกราคม”



“อืม..ถ้าอย่างนั้นไปปลายปีนี้เราไปก่อนรอบหนึ่ง แล้วต้นปีหน้าค่อยไปใหม่นะ”




“แล้วแต่คุณสิ” ปากบางของคนที่นอนคว่ำอยู่บนเตียงขยับยิ้มก่อนที่วงแขนเล็ก ๆ จะคล้องที่คอของคนตัวสูง



“ทำไมยอมตกลงง่ายจัง ไม่กลัวหนาวแล้วเหรอ”



อาทิตย์ทัศน์กระชับวงแขนแน่นขึ้นก่อนจะวางคางลงบนบ่าของตฤณกรก่อนจะกล่าว “ไม่กลัว”



“ทำไมไม่กลัว” คนตัวสูงหันไปถามอย่างจงใจให้ปลายจมูกโด่งสัมผัสกับแก้มเนียน




“เพราะผมรู้ว่ายังไงคุณก็ไม่ปล่อยให้ผมหนาวตายหรอก ใช่ไหม” อาทิตย์ทัศน์ยิ้มพร้อมกับยักคิ้ว



“วันนี้น่ารักผิดปกตินะเราน่ะ” คนตัวสูงกล่าวก่อนจะเอื้อมมือจับที่ศีรษะของคนที่กอดคอเขาอยู่พร้อมกับโยกเบา ๆ



“ไม่ชอบเหรอ”



ตฤณกรยกมือขึ้นขยับแว่นสายตาก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ “ไม่ชอบ”



อาทิตย์ทัศน์ค่อย ๆ คลายวงแขนออกลุกขึ้นนั่งสมาธิ จากนั้นจึงเอื้อมมือทั้งสองข้างจับที่ศีรษะของคนข้างหน้าพร้อมกับออกแรงรั้งเบา ๆ ลงมาบนตักก่อนจะกล่าว “ไม่ชอบจริงเหรอ”




ตฤณกรสบตาคู่สวยก่อนจะยกยิ้มน้อย ๆ “ไม่ชอบ แต่รักเลยต่างหาก”



ปากบางที่ก่อนหน้านี้เม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรงกลับคลี่ยิ้มอีกครั้ง มือเรียวค่อย ๆ ถอดแว่นสายตาของคนตรงหน้าออกก่อนจะโน้มตัวลงจรดริมฝีปากของตัวเองลงบนริมฝีปากอุ่น ๆ ของคนบนตัก ตฤณกรเองแทบไม่อยากจะเชื่อว่าวันนี้พ่อเสือหนุ่มจอมดุและแสนยิ้มยากอย่างอาทิตย์ทัศน์จะกลับกลายเป็นลูกแมวเชื่อง ๆ ที่คลอเคลียไปมาอยู่ข้าง ๆ ตัวของเขา...






“เมื่อไรจะยอมให้ถอดออกมาสวมเสียที” ตฤณกรก้มมองคนที่กำลังนอนขดตัวหลับตาพริ้มหนุนอยู่บนตักของตัวเองก่อนจะเอื้อมหยิบแหวนทองคำขาวที่สร้อยคอของเขาขึ้นมาดู



“อื้อ...” คนตัวเล็กกว่าครางขึ้นอย่างขัดใจเมื่อรู้สึกว่ากำลังถูกปลุกด้วยหลังมืออุ่น ๆ ที่ถูเบา ๆ ลงบนแก้มของตัวเอง คิ้วหนาค่อย ๆ ขมวดเข้าหากันทั้งที่ยังหลับตาก่อนที่มือจะเอื้อมคว้ามือหนา ๆ นั้นมากอดไว้แนบอก



ปากหยักค่อย ๆ คลี่ยิ้มก่อนจะใช้มือที่เหลือเขี่ยเส้นผมที่ลงมาปกหน้าของคนที่กำลังนอนหลับ “คุณรู้ตัวไหมว่าคุณกำลังทำให้ผมรักคุณจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วนะ”



อาทิตย์ทัศย์ยิ้มที่มุมปากทั้งที่ยังหลับตา “ดี ถ้าอย่างนั้นก็รักผมให้มาก ๆ แล้วก็ห้ามไปรักใครที่ไหนอีกเข้าใจไหม” พูดจบตาคู่สวยก็ค่อย ๆ เปิดขึ้นอีกครั้ง ร่างเล็กค่อย ๆ ขยับนอนหงายเงยหน้าสบตาคนที่กำลังมองมาที่เขา



“เข้าใจและยินดีปฏิบัติตามครับผม” ตฤณกรยิ้มพร้อมกับเอื้อมมือบีบที่จมูกโด่งรั้นของคนตรงหน้าเบา ๆ คนที่ดูเรียบเฉยเสียจนไม่รู้ว่าในใจคิดยังไง บทจะขี้อ้อนก็เหมือนลูกแมวตัวเล็ก ๆ น่ารักที่นอนเคลียคลออยู่บนตักจนเจ้าของลุกไปไหนไม่ได้...





....



ฤดูฝน...



ฤดูที่ทำให้ทุกสิ่งรอบตัวเคลื่อนไหวช้าลง ฤดูที่ทำให้หลาย ๆ คนได้หยุดเพื่อคิดทบทวนบางสิ่งบางอย่าง


ฤดู...




ที่ช่วยให้หลายคนร้องไห้โดยไม่มีใครรู้...




ฝนเม็ดเล็ก ๆ ที่เริ่มโปรยปรายลงมาทำให้ชายหนุ่มร่างสูงต้องเร่งฝีเท้าเพื่อให้ไปถึงสถานีรถไฟฟ้าก่อนที่ฝนจะตกลงมาในขณะที่สาว ๆ ออฟฟิศหลาย ๆ คนต่างเริ่มมองหาที่หลบฝน อาทิตย์ทัศน์ยืนมองรถที่จอดนิ่งอยู่บนถนนจากบนสถานีรถไฟฟ้า ยิ่งฝนตกในช่วงเวลาเร่งด่วนแบบนี้ยิ่งทำให้การจราจรที่ไม่คล่องตัวอยู่แล้วกลายเป็นอัมพาตหนัก



“รอนานไหม” คนที่เพิ่งวิ่งขึ้นบันไดสถานีรถไฟฟ้ามาเอ่ยขึ้น



“ผมเพิ่งมาถึงเหมือนกัน เพิ่งเลิกประชุมเมื่อตอนก่อนทุ่มครึ่งนี่เอง” อาทิตย์ทัศน์ตอบคำถามคนที่กำลังยืนหอบพร้อมกับยกนาฬิกาข้อมือซึ่งแสดงเวลาเกือบสองทุ่มครึ่งขึ้นดู



“คุณจะกลับบ้านเลยไหม เดี๋ยวผมไปส่ง”



“ยังหรอก เดี๋ยวแวะไปที่คอนโดคุณก่อน จะไปทำกับข้าวให้ทาน”



ตฤณกรค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจก่อนจะกล่าว “ไม่เอา ไม่ต้องทำหรอก ซื้อเข้าไปก็ได้ เหนื่อยเปล่า ๆ”



“ไม่เห็นเป็นไรเลย พูดยังกับผมไม่ค่อยได้ทำอะไรให้คุณทานอย่างนั้นแหละ”



“ก็ผมไม่อยากให้คุณเหนื่อย ไปสอนมาวันนี้รู้เลยว่าเป็นคุณนี่เหนื่อยน่าดู”



“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมพาไปทานอะไรอร่อย ๆ ก็แล้วกัน”



จากนั้นอาทิตย์ทัศน์และตฤณกรก็นั่งรถไฟฟ้าไปลงที่สถานีแห่งหนึ่งก่อนจะเดินเข้าซอยเล็ก ๆ เพื่อมุ่งหน้าสู่ร้านอาหารซึ่งตั้งอยู่กลางซอยซึ่งเป็นร้านอาหารเล็ก ๆ สองชั้นขนาดสองคูหา ด้านหน้าถูกจัดเป็นมุมสำหรับถ่ายรูป ผนังกระจกใสทำให้มองเห็นด้านในได้อย่างชัดเจน วันนี้คนไม่มากนักอาจเป็นเพราะฝนตกจึงทำให้หลาย ๆ คนติดฝนอยู่ที่ไหนสักที่ อาทิตย์ทัศน์ผลักประตูกระจกบานใหญ่เดินเข้าไปในร้านที่ตกแต่งโดยเน้นสีแดงและสีดำ



คนตัวสูงเลือกนั่งที่โซฟาสีแดงที่มุมหนึ่งของร้านก่อนจะมองไปรอบ ๆ ซึ่งมีลูกค้าอยู่เพียง 4-5 โต๊ะรวมโต๊ะที่พวกเขานั่ง พนักงานเสิร์ฟสาวสวยเดินไปหยิบเมนูที่เคาน์เตอร์มาให้ทั้งคู่ก่อนจะยืนรอจดรายการอาหาร



“ร้านนี้อะไรอร่อยอ่ะคุณ” ตฤณกรเอ่ยขึ้น



“น้ำปลาพริก” อาทิตย์ทัศน์ตอบทั้งที่สายตายังคงจดจ้องอยู่ที่เมนู



“น้องครับ พี่ขอน้ำปลาพริกหนึ่งถ้วย ข้าวเปล่าสองครับ”



“จะบ้าเหรอ” คนตัวเล็กกว่าเงยหน้าขึ้น



“เอ้า! ก็คุณบอกเองว่าร้านน้ำปลาพริกอร่อย” คำพูดของสองหนุ่มทำเอาสาวสวยที่กำลังยืนรอจดรายการอาหารอดที่จะอมยิ้มไม่ได้



“ถ้าอย่างนั้นรายการเมื่อกี้ยกเลิกนะคะ”



“ครับ” อาทิตย์ทัศน์ตอบยิ้ม ๆ ก่อนจะเริ่มสั่งอาหาร




“รอสักครู่นะคะ” พนักงานสาวสวยกล่าวก่อนจะรับเมนูคืนจากนั้นเธอก็เดินหายเข้าไปที่หลังร้าน



อาทิตย์ทัศน์มองดูคนตัวสูงที่เอนหลังพิงโซฟาอย่างหมดสภาพก่อนจะยิ้ม “ไหนเล่ามาซิครับท่านอาจารย์ วันนี้ไปเจออะไรมาบ้าง”



“นึกถึงแล้วความดันจะขึ้น” คนตัวสูงทำหน้าเหยก่อนจะนึกถึงเรื่องที่ถูกขอร้องปนบังคับจากรุ่นพี่ให้ไปช่วยสอนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เขาถนัดในชั้นเรียนวิชาคอมพิวเตอร์กราฟฟิกให้กับนักศึกษารุ่นน้องที่คณะที่เขาเคยเรียนเมื่อตอนหัวค่ำที่ผ่านมา... 
 



“คุณคิดดู ตารางเรียนเริ่มห้าโมงครึ่ง ห้าโมงสี่สิบห้าเพิ่งมาสองคน พอหกโมงเย็นปุ๊บ มากันเต็มเลย แถมมานั่งกินข้าวหน้าห้องแล็ปด้วย”  คนตัวสูงบ่น....







ทันทีที่บรรดานักศึกษาก้าวเข้ามาในห้องแล็ปคอมพิวเตอร์ก็มีเสียงอื้ออึงกึ่งซุบซิบดังแว่วมาพร้อมกับสายตาหลายคู่ที่จ้องมองมาที่อาจารย์หนุ่มหล่อที่ยืนอยู่หน้าห้อง บรรดานักศึกษาสาว ๆ ต่างสบตากันยิ้ม ๆ ขณะเดินหาที่นั่ง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยอาจารย์จำเป็นก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง





‘สวัสดีนักศึกษานะครับ วันนี้ผมเองมีความยินดีมาก ๆ ที่ได้กลับมาที่คณะที่เคยเรียน ได้กลับมาช่วยสอนนักศึกษารุ่นน้องอย่างพวกคุณ’




‘ยังไงคราวหน้ารบกวนปรับนาฬิกาตามเวลาท้องถิ่นประเทศไทยด้วยนะครับ วันนี้อาจจะปรับตามประเทศอินเดียซึ่งช้ากว่าเรา 2 ชั่วโมงก็ไม่เป็นไร ไม่ว่ากัน แต่คราวหน้าขอตรงเวลานิดหนึ่ง’ สิ้นเสียงตฤณกร เสียงฮาก็ดังขึ้นพร้อมกันทั้งห้อง



จากนั้นใครคนหนึ่งก็พูดขึ้น ‘โดนเสียแล้ว’




‘ไปดร็อปเถอะ’ อีกคนหนึ่งหัวเราะ





หลังจากทักทายกันพอหอมปากหอมคอ อาจารย์มาดนิ่งก็ขยับแว่นสายตาเล็กน้อยก่อนจะลงมือสอน ‘ให้นักศึกษาดูที่พาเล็ตด้านขวามือนะครับว่ามีกล่องพาเล็ตที่เราจะใช้งานไหม ถ้าไม่มีขึ้นไปดูที่เมนูบาร์ดูที่แถบวินโดวส์’





‘วินโดว์ หน้าต่าง’ เสียงหนึ่งพูดแทรกขึ้นมา




‘ใช่ครับ วินโดว์คือหน้าต่าง แต่ถ้าประตูอยู่โน่น ไปดร็อปเสีย’ ตฤณกรพูดกลั้วหัวเราะ










อาทิตย์ทัศน์หัวเราะ “ดีนะไม่ขับรถไป ไม่งั้นคงโดนปล่อยลมยางฐานที่อาจารย์พูดจาน่าหมั่นไส้นะครับอาจารย์ตฤณกร”




“ใช่เวลามาซ้ำเติมกันไหมเนี่ยคุณ” คนตัวสูงหน้ามุ่ย




“อ่ะ ต่อ ๆ แล้วยังไงต่อ”





“ก็ด้วยความที่เวอร์ชันของโปรแกรมมันค่อนข้างหลากหลาย ก็เลยทำให้เกิดปัญหาว่าเวลาอาจารย์บอกให้ใช้เครื่องมือนี้ นักศึกษาหาไม่เจอ เพราะบางเวอร์ชันหน้าตามันต่างออกไป หรือมีเครื่องมือที่หน้าตาคล้ายกันนี่แหละคุณ”







นักศึกษาคนหนึ่งยกมือขึ้น ‘อาจารย์ครับ ผมทำแบบที่อาจารย์บอกแล้วมันไม่ได้ครับ’




ตฤณกรพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปดู ซึ่งนักศึกษาคนหนึ่งก็กำลังเดินไปดูให้เพื่อนที่นั่งเครื่องถัดจากนักศึกษาคนที่ยกมือเรียกอาจารย์เมื่อสักครู่เช่นกัน




‘เฮ้ย! ทำไมมันไม่ได้วะ’ อาจารย์หนุ่มบ่นกับตัวเองขณะยืนคลิกเม้าส์อยู่นานจนกระทั่ง ‘มันเลือกเครื่องมือถูกรึเปล่าวะ’ ได้เพียงคิดในใจ




‘อาจารย์โดนหลอกแล้ว’ เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้น




ตฤณกรหันไปมองนักศึกษาคนที่เดินมาพร้อมกัน





‘เครื่องมือมันหน้าตาคล้ายกัน ผมก็โดนหลอก ทำอยู่ตั้งนาน หลอกกันนี่หว่า’







อาทิตย์ทัศน์ค้อมศีรษะให้พนักงานเสิร์ฟสาวสาวยที่ยกถาดอาหารมาวางก่อนจะหันกลับมายิ้มกับคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม “ก็เลยฮากันทั้งห้องละสิท่า”



ตฤณกรพยักหน้าเซ็ง ๆ ก่อนจะเล่าต่อ....




‘ให้นักศึกษาเปิดไฟล์ภาพขึ้นมานะครับ’ ปากหยักกล่าว แต่มือกลับไม่ทำตาม ภาพบนจอโปรเจ็คเตอร์จึงปรากฏเป็น ไฟล์ > นิว




‘ต้อง ไฟล์ > โอเพนค่ะอาจารย์’ สาวน้อยที่นั่งแถวหน้าสุดพูดขึ้น




‘อืม..เยี่ยมมากครับ ผมจะทดสอบว่านักศึกษาตั้งใจเรียนหรือเปล่า’ ตฤณกรยิ้มอย่างภูมิใจกับมุกที่ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัยนี้




เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก...




‘ต่อไปให้นักศึกษาใส่ข้อความ โดยใช้สีคนละสีกับแบ็คกราวน์นะครับ’




‘อาจารย์คะ หนูทำไม่ได้สักทีค่ะ พิมพ์แล้วมันก็เป็นขีด ๆ งมอยู่ตั้งนานแล้ว’ สาวน้อยคนเดิมกล่าว




‘ยังไงนะครับ’  อาจารย์หนุ่มขมวดคิ้วเตรียมจะลุกไปดู




‘อ๋อ ไม่ไต้องแล้วค่ะ หนูลืมเปลี่ยนสีฟอนท์’  หลังจากนั้นก็มีเสียงโห่ของเพื่อน ๆ ทั้งห้อง




‘นี่โง่จริงหรือแกล้งโง่วะ’ คนหนึ่งตะโกนขึ้น แล้วทั้งห้องก็พากันหัวเราะ




‘เยอะตลอดนะครับคนนี้ ทั้งห้องมีปัญหาอยู่คนเดียว’ ตฤณกรหัวเราะก่อนจะนั่งลง

 


‘หนูก็อยากจะทดสอบอาจารย์ค่ะ ว่าอาจารย์ตั้งใจสอนพวกหนูหรือเปล่า’






....




อาทิตย์ทัศน์หัวเราะพรืดก่อนจะพยายามกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นหน้าตูม ๆ ของคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามกัน



“ยังจะมาขำผมอีก ผมโดนทำร้ายมานะคุณ” ตฤณกรกล่าวด้วยน้ำเสียงงอน ๆ



“กรรมตามสนองหรือเปล่าคุณ สมัยเรียนกวนประสาทอาจารย์ไว้เยอะสิท่า”



“ผมออกจะเรียบร้อยน่ารัก” คนตัวสูงกล่าวก่อนจะตักข้าวเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ



“คุณโดนแบบนี้บ่อยหรือเปล่า”



“ก็ไม่นะ” อาทิตย์ทัศน์ตอบเรียบ ๆ



“โดนเด็กจีบมากกว่าละสิ”



“จะบ้าเหรอ ไม่มีหรอก”



“อย่าให้รู้นะว่ามี”



“ถ้ามีแล้วคุณจะไปทำอะไรเขา”



“ผมจะตามไปนั่งเรียนด้วยทุกวันเลยคอยดู”



อาทิตย์ทัศน์ยิ้มให้คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามก่อนจะเบนสายตาไปที่หญิงสาวในชุดพยาบาลที่เพิ่งประตูเข้ามา เธอเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์ก่อนจะชี้เลือกเค้ก 2-3 ชิ้นให้พนักงานจัดใส่กล่อง....


















“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” ตฤณกรเอ่ยขึ้น



คนตัวเล็กกว่าส่ายหน้าช้า ๆ ก่อนจะกล่าวทั้งที่สายตายังคงจ้องมองไปยังผู้ที่มาใหม่ “เปล่าหรอก แค่รู้สึกคุ้นหน้า”



ตฤณกรเหลียวหลังมองตามสายตาของคนตรงหน้า เป็นเวลาเดียวกับที่สาวน้อยนางหนึ่งในชุดนักศึกษาเปิดประตูตามเข้ามาในร้าน



“พี่พิมพ์” เธอร้องเรียกก่อนจะเดินเข้าไปหาหญิงสาวในชุดพยาบาลที่กำลังยืนควานหากระเป๋าสตางค์ในกระเป๋าสะพายที่หน้าเคาน์เตอร์



“รอนานไหม”



“ไม่นานจ้ะ” ผู้เป็นพี่ยิ้มก่อนจะส่งเงินให้พนักงาน







“เด็กแสบ” ตฤณกรพึมพำ เป็นเวลาเดียวกับที่สาวน้อยในชุดนักศึกษาหันมาสบตาเขาพอดี เธอยิ้มก่อนจะจะเดินเข้ามา



“สวัสดีค่ะอาจารย์”



“เอ้อ..ครับ สวัสดีครับ” ตฤณกรกล่าว



“มาทานข้าวเหรอคะ”



“ใช่ครับ”




ยังไม่ทันที่ทั้งสองคนจะได้พูดอะไรกันต่อ เสียงหวาน ๆ ของผู้เป็นพี่สาวก็ดังมาจากด้านหลัง



“แพร พี่จ่ายเงินเรียบร้อยแล้วนะ”



“ค่ะพี่พิมพ์” สาวน้อยหันไปยิ้มให้พี่สาวที่กำลังเดินเข้ามาก่อนจะรั้งแขนพี่สาวให้เข้ามายืนข้าง ๆ กัน “พี่แพร นี่ไงคะอาจารย์คนที่พิมพ์เล่าให้ฟัง ชื่ออาจารย์ตฤณกรค่ะ”



เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าน่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับตนเอง หญิงสาวในชุดพยาบาลจึงค้อมศีรษะลงเล็กน้อยพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน ในขณะเดียวกันตฤณกรก็ยิ้มให้เธอเช่นกัน



“พิมพ์ทอง” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้น




“รู้จักชื่อฉันด้วยเหรอคะ” หญิงสาวกล่าวอย่างแปลกใจ



“พิมพ์ทอง มอสองทับสาม”



คิ้วโก่ง ขมวดเข้าหากันพร้อมกับพิจารณาชายหนุ่มตรงหน้าอย่างตั้งใจ ในที่สุดริมฝีปากอิ่มก็ค่อย ๆ ขยับยิ้ม “จ้าใช่ไหม” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น



“ใช่ จ้าเอง” อาทิตย์ทัศน์ยิ้มกว้างให้กับเพื่อนร่วมโรงเรียนที่ไม่ได้พบกันนานนับสิบปี



“ไม่เจอกันนานเลย พิมพ์เกือบจำจ้าไม่ได้แล้ว หล่อขึ้นเป็นกองเลย”



“พิมพ์ก็สวยขึ้นนะ”



ตฤณกรมองหญิงสาวในชุดพยาบาล เธอสวยจริง ๆ อย่างที่อาทิตย์ทัศน์ว่า ใบหน้ารูปไข่ชวนมองที่ถูกแต่งแต้มบาง ๆ ด้วยเครื่องสำอาง ปากนิดจมูกหน่อย ผมดำขลับถูกเกล้าเก็บอย่างเรียบร้อย



“จ้ามาทานข้าวเหรอ”



“อืม” อาทิตย์ทัศน์พยักหน้า “แล้วพิมพ์ล่ะ”



“พิมพ์ทำงานแถวนี้น่ะ นี่ก็กำลังจะกลับบ้าน พอดีนัดกับน้องสาวไว้ที่นี่” เธอกล่าวก่อนจะหันไปหาสาวน้อยที่ยืนข้าง ๆ กัน “ไม่รู้ว่าจ้าจะจำได้ไหม นี่ยัยแพร”



“สวัสดีค่ะ” สาวน้อยในชุดนักศึกษาเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกมือไหว้




ชายหนุ่มรับไหว้ “จำได้แค่ว่าพิมพ์มีน้องสาวเล็กคนหนึ่ง”



“นี่น่ะ อยู่ปีสี่แล้ว”



“เป็นลูกศิษย์อาจารย์ตฤณกรด้วยค่ะ” เธอหันไปยิ้มให้ชายหนุ่มสวมแว่นตาที่ยังคงนั่งปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดอยู่



ก่อนที่การสนทนาจะดำเนินต่อไป เสียงโทรศัพท์มือถือของหญิงสาวในชุดพยาบาลก็ดังขึ้นขัดจังหวะ




“ค่ะพ่อ”



“พิมพ์เจอน้องแล้ว กำลังจะกลับกันแล้วค่ะ” เธอกล่าวก่อนจะวางสายในที่สุด




“พ่อโทรตามแล้วเหรอ” สาวน้อยในชุดนักศึกษาหันไปถามพี่สาวของเธอที่พยักหน้ายิ้ม ๆ ขณะเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋าสะพาย



“ยังหวงลูกสาวเหมือนเดิม” เจ้าของลักยิ้มเล็ก ๆ หัวเราะ



“จ้าน่ะ แซวพิมพ์ แล้วนี่ยังอยู่บ้านหลังเดิมไหม”




“ยังอยู่ที่เดิมนั่นแหละ ไม่ไปไหนหรอก”




“ดีเลย เดี๋ยววันหลังพิมพ์จะแวะไปหานะ”




“ได้สิ แม่คงดีใจที่ได้เจอพิมพ์อีก”




“ถ้าอย่างนั้นพิมพ์ไปก่อนนะ” หญิงสาวยิ้มก่อนจะจูงมือน้องสาวเดินออกไปจากร้าน






ตฤณกรมองดูคนตรงหน้าที่กำลังมองตามร่างเล็ก ๆ ที่กำลังเดินข้ามถนนไปยังรถที่จอดอยู่อีกฝั่งก่อนจะกระแอมเบา ๆ ในขณะที่อาทิตย์ทัศน์ค่อย ๆ หันกลับมาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม



“ใครน่ะ”




“เป็นเพื่อนสมัยเรียนน่ะ เมื่อก่อนเคยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน” คนตัวเล็กกว่ากล่าวก่อนจะตักอาหาร



“แฟนเก่าหรือเปล่า”



“ใช่ที่ไหนกันล่ะ”



“ใช่หรือไม่ใช่ก็ไม่รู้ละ แต่คุยกันจนลืมแฟนตัวเองที่นั่งอยู่ตรงนี้เลยนะ” ตฤณกรกล่าวด้วยน้ำเสียงงอน ๆ



“ก็ไม่ได้เจอกันเป็นสิบปีแล้วนี่นา” อาทิตย์ทัศน์มองคนหน้ามุ่ยตรงหน้าก่อนจะยิ้ม...




(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (ครึ่งแรก))
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 14-01-2014 05:39:42
ถ้าอาจารย์เป็นงี้คงมีดักตบอะ 55555
คุณจ้าน่ารักจัง
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (ครึ่งแรก))
เริ่มหัวข้อโดย: nokkaling ที่ 14-01-2014 07:38:33
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (ครึ่งแรก))
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 14-01-2014 09:32:46
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:  อย่ามาเป็นมือที่สามนะ ฮึ่ม ๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (ครึ่งแรก))
เริ่มหัวข้อโดย: FlOriN ที่ 14-01-2014 11:18:00
กริ้สส อยากเป็นลูกศิษย์จังเลย ><
สองคนนี้ก็ยังมีความหวานอบอุ่นให้เราได้สัมผัสตลอดๆ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (ครึ่งแรก))
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 14-01-2014 12:44:27
มีงอนๆๆๆ 55555
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (ครึ่งแรก))
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 14-01-2014 13:49:44
หุ หุ จ้าลืมหน่อยเดียว ทำงอนนะตัง ฮา

อยากให้จ้าใส่แหวนจัง ตังจะได้มั่นใจ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (ครึ่งแรก))
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 14-01-2014 14:22:51
 :-[ :-[ครายก็ได้เอาชั้นไปเก็บที วนอ่าน3รอบจิกหมอนจนจะขาดหัวตุ๊กตากระจุยหมดแล้ววว เขิน กรี๊สสสส
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (ครึ่งแรก))
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 14-01-2014 16:33:50
อาจารย์ตังถูกเด็กลองของ
สำหรับสองหนุ่มค่อนข้างไว้ใจได้ว่าจะไม่ว่อกแว่กกับมือที่สามแน่นอน
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (ครึ่งแรก))
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 14-01-2014 18:37:23
แต่ละมุขที่ใช้กันนะ คิดได้ไงเนี่ย ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 14-01-2014 23:59:42
(ต่อ)


“แม่ แม่เห็นสร้อยจ้าไหมครับ จ้าจำได้ว่าถอดวางไว้ในห้องน้ำ”  อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นกับผู้เป็นแม่ที่กำลังนั่งจัดของอยู่หน้าตู้ไม้สักหลังใหญ่ที่อายุพอ ๆ กับเขา



“สร้อย?” ผู้เป็นแม่ละสายตาจากอัลบั้มเก่า ๆ ในมือก่อนจะหันมาหาลูกชาย “ใช่ที่มีแหวนคล้องอยู่หรือเปล่าลูก”



“ใช่ครับ” ชายหนุ่มที่เพิ่งเดินกลับออกมาจากห้องน้ำกล่าว



“แม่วางไว้ให้บนโต๊ะทำงานของลูกน่ะ”



อาทิตย์ทัศน์ยิ้มก่อนจะเดินไปหยิบสร้อยที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของเขามาสวมไว้ที่คอเหมือนเดิม ก่อนจะช่วยผู้เป็นแม่ยกลังใส่ของมาวางลงบนโต๊ะที่หน้าโซฟา



“ทำไมไม่สวมไว้ที่นิ้วล่ะจ้า” อรนุชเอ่ยขึ้นขณะมองสร้อยที่คอของลูกชาย



อาทิตย์ทัศน์หันไปสบตาผู้เป็นแม่ที่กำลังถือแผ่นเสียงเก่ามานั่งลงที่โซฟา ชายหนุ่มค่อย ๆ เดินมานั่งลงข้าง ๆ ก่อนจะเอนตัวลงนอนบนตักอุ่น ในมือยังคงหมุนแหวนทองคำขาวไปมา



“จ้าไม่รู้ว่าควรจะสวมมันไว้ที่นิ้วดีไหม”



“ทำไมล่ะลูก” มืออุ่น ๆ วางลงบนหน้าผากก่อนจะค่อย ๆ เสยผมที่ลงมาปกหน้าคนที่นอนอยู่บนตัก “แหวนน่ะเขาต้องสวมไว้ที่นิ้วสิ เราจะได้มองเห็นมันและรู้ว่ามันยังอยู่ ไม่ได้ไปวางลืมไว้ที่ไหน” อาทิตย์ทัศน์นิ่งเงียบไปโดยไม่ได้ตอบอะไรจนกระทั่งเสียงฮัมเพลง....เพลงที่มักจะได้ยินจากแผ่นเสียงเก่าของพ่อดังขึ้นจากริมฝีปากของผู้หญิงที่เขารักมากที่สุด



“จ้าอยากฟัง แม่ไม่ได้ร้องเพลงนี้นานแล้ว แม่ร้องให้จ้าฟังหน่อยนะครับ” ชายหนุ่มกล่าวก่อนจะรั้งมืออุ่นของผู้เป็นแม่มาวางบนแก้มพร้อมกับหลับตาลงช้า ๆ 



ดวงตาอ่อนโยนมองคนบนตักก่อนจะยิ้ม...



“โปรดอย่าถาม
ว่าฉันเป็นใคร เมื่อในอดีต
และโปรดอย่าถาม ว่าอดีต ฉันเคยรักใคร
รู้ไว้อย่างเดียว
เดี๋ยวนี้รักเธอ และรักตลอดไป
รักมากเพียงไหน
กำหนดวัดได้ เท่าดวงใจฉัน
...อย่าเพียรถาม
ว่าฉันจะรัก เธอนานเท่าใด
ฉันตอบไม่ได้ ว่าฉันจะรัก
ชั่วกาลนิรันดร์
เพราะชีวิตฉัน คงไม่ยืนยาว ไปถึงป่านนั้น
รู้แต่เพียงฉัน หมดสิ้นรักเธอ เมื่อฉันหมดลม....”



อาทิตย์ทัศน์หลับตาพริ้ม แม้เสียงของแม่จะไม่ไพเราะเหมือนนักร้องคุณภาพ แต่แม่ก็ทำให้เพลงนี้เป็นเวอร์ชันที่เพราะที่สุด ชายหนุ่มได้ฟังเพลงนี้ตั้งแต่เมื่อเขายังเด็ก แม่มักจะหยิบแผ่นเสียงแผ่นเดิมขึ้นมาเล่นเพลงเดิม ๆ ซ้ำ ๆ เวลาที่พ่อไม่อยู่ แม่ไม่เคยเล่าให้ฟังว่าแม่กับพ่อมีความหลังอะไรกับเพลง ๆ นี้ แต่คนเป็นลูกอย่างเขาก็รู้สึกได้ว่ามันคงเป็นเพลงที่มีความหมายยิ่งใหญ่ระหว่างคนสองคน  เครื่องเล่นแผ่นเสียงเครื่องเก่าถูกนายช่างใหญ่ประจำบ้านซ่อมแล้วซ่อมอีกทุกครั้งที่มันเริ่มใช้การไม่ได้ แต่ตั้งแต่พ่อของเขาจากไปเครื่องเล่นแผ่นเสียงเครื่องนั้นก็ไม่ได้ถูกซ่อมอีกหลังมันพังลง แผ่นเสียงเก่าถูกเก็บเข้าตู้ และเพลง ๆ นี้ก็เลือนหายไปจากความทรงจำของคนในบ้านในที่สุด...





“เอาไว้จ้าจะหาแผ่นเพลงต้นฉบับมาให้แม่เปิดฟังนะ” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นแม่ มือเหยี่ยวย่นข้างหนึ่งยังคงกอดแผ่นเสียงเก่าเอาไว้แนบอก แม้มันจะเป็นสิ่งที่ทำให้ต้องหวนนึกถึงความหลังครั้งเก่า แต่มันก็เป็นความหลังที่เต็มไปด้วยความสวยงามและน่าจดจำไม่น้อย....






....




“เขาเป็นใครน่ะขวัญ” ตฤณกรเอ่ยขึ้นกับคนที่ยืนล้างผลไม้อยู่ข้าง ๆ ขณะมองหญิงสาวหน้าตาสะสวยที่เคยได้พบกันแล้วครั้งหนึ่งในร้านอาหารซึ่งกำลังนั่งคุยกับแม่ของอาทิตย์ทัศน์ที่ศาลาพักผ่อนที่หลังบ้าน



“อ๋อ พี่พิมพ์น่ะค่ะ พี่พิมพ์ทอง เมื่อก่อนน่ะเคยอยู่หมู่บ้านเดียวกับเรา คุณพ่อของพี่เขาเปิดร้านซ่อมรถ” จอมขวัญกล่าวก่อนจะวางส้มผลโตลงในตะแกรงเพื่อพักให้สะเด็ดน้ำ



“คุณพ่อดุมากกกกกก”  หญิงสาวร่างเล็กลากเสียงพร้อมกับทำหน้าตาชวนสยอง “แต่พี่จ้าก็หาเรื่องเอาจักรยานไปซ่อมได้ทุกอาทิตย์”



“จ้าชอบเขาเหรอ”



“ไม่ใช่หรอกค่ะ แค่แอบปลื้มแบบเด็ก ๆ น่ะค่ะ แต่ก็ถึงขนาดไปหัดเล่นกีต้าร์เตรียมจะอัดเพลงส่งให้เขาฟัง สุดท้ายเขาก็ย้ายบ้านหนีไปเสียก่อน” หญิงสาวหัวเราะก่อนจะนึกถึงความหลังครั้งยังเด็ก



“ไปทานข้าวกัน” อาทิตย์ทัศน์ที่เดินยิ้มเข้ามาเอ่ยขึ้น



“อารมณ์ดีจังเลยนะคะพี่จ้า” จอมขวัญกล่าวก่อนจะจัดผลไม้ใส่จาน



“ชอบให้พี่ทำหน้าบึ้งหรือไงเรา” ชายหนุ่มกล่าวก่อนจะเดินไปหยิบถาดใส่แก้วน้ำ



“เดี๋ยวผมยกไปให้” ตฤณกรกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ พร้อมกับรั้งถาดมาไว้ในมือก่อนจะเดินออกจากห้องครัวไป 



“เจอแฟนเก่าแล้วอารมณ์ดีระวังคนแถวนี้เขาจะน้อยใจนะคะ” จอมขวัญกระซิบ



“ฟงแฟนที่ไหนกันล่ะ” คนตัวสูงยิ้มก่อนจะบีบจมูกน้องสาวเบา ๆ




....




บนโต๊ะอาหารกรุ่นไปด้วยบรรยากาศเก่า ๆ เมื่อครั้งที่บรรดาหนุ่ม ๆ สาว ๆ ยังเด็ก เรื่องที่ถูกยกมาพูดกันก็ไม่พ้นเรื่องจักรยานของอาทิตย์ทัศน์ที่พังมันได้ทุกอาทิตย์



“ป้าได้รู้จักกับคุณพ่อหนูพิมพ์ก็เพราะจักรยานของจ้านี่แหละ ทั้งที่เขาหวงจักรยานคันนี้มาก แต่ก็ไม่รู้ทำไมถึงปล่อยให้พังจนต้องเอาไปซ่อมทุกอาทิตย์ ซ่อมบ่อยจนหลัง ๆ คุณพ่อหนูพิมพ์ไม่ยอมคิดเงินเสียอย่างนั้น” คำพูดของผู้อาวุโสทำเอาทุกคนที่นั่งล้อมวงทานข้าวกันอยู่ที่โต๊ะอาหารต้องหัวเราะยกเว้นก็แต่ชายหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของบ้านได้ไม่นาน



“สงสัยลูกสาวร้านซ่อมรถจะน่ารักหรือเปล่าครับ เลยต้องหาเรื่องไปเจอหน้าทุกอาทิตย์” ตฤณกรที่นั่งเงียบอยู่นานเอ่ยขึ้นพร้อมกับสบตาคนตรงหน้า



“ใช่อย่างที่ตังพูดหรือเปล่าจ้า” พิมพ์ทองหันไปถามชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กัน อาทิตย์ทัศน์ละสายตาจากคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก่อนจะยิ้มให้สาวสวยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ



“พี่พิมพ์หายหน้าไปนานเลยนะคะ งานคืนสู่เหย้าที่โรงเรียนก็ไม่เคยได้เจอเลย” จอมขวัญเอ่ยขึ้น



“พี่ย้ายตามพ่อกลับไปดูแลคุณย่าที่ต่างจังหวัดน่ะจ้ะ เพิ่งจะได้กลับมาเมื่อตอนเริ่มทำงานหลังจากที่คุณย่าท่านเสียนี่เอง”



“จ้าเล่าให้ฟังว่าหนูพิมพ์เป็นพยาบาลเหรอจ๊ะ”



“ใช่ค่ะคุณป้า ส่วนยัยแพรน้องสาวพิมพ์ตอนนี้ก็กำลังเรียนปีสี่คณะเดียวกับตังเลย”



“ลูกสาวบ้านนี้เขาสวยทั้งบ้านครับแม่” อาทิตย์ทัศน์พูดกลั้วหัวเราะ



“พิมพ์ไปเล่าให้พ่อฟังด้วยนะว่าเจอจ้า พ่อจำจ้าได้ด้วย บอกว่าเด็กผู้ชายเจ้าของจักรยานซังกะบ๊วย  พ่อยังบอกให้ชวนจ้าไปทานข้าวที่บ้านด้วยกันเลย”



“โห...จะดีเหรอพิมพ์” อาทิตย์ทัศน์หัวเราะแหะ ๆ ก่อนจะนึกถึงคุณอาร่างหมีเจ้าของอู่ซ่อมรถไว้หนวดไว้เคราดูน่าเกรงขามที่ไม่ได้พบกันนานหลายปี...





....





“เป็นอะไรหรือเปล่า วันนี้ไข่เจียวผมไม่อร่อยเหรอ” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ ชายหนุ่มที่กำลังให้อาหารปลาคราฟอยู่ที่ระเบียง



“เปล่าครับ” ตฤณกรตอบเพียงสั้น ๆ



คนตัวเล็กกว่าพยักหน้าโดยไม่ได้เอะใจอะไร...


....




เดือนต่อมา...



“จ้า เย็นนี้คุณว่างไหม” ตฤณกรถามคนตัวเล็กกว่าที่กำลังทอดสายตามองออกไปนอกกระจกหน้าต่างรถไฟฟ้า



“ว่าง ทำไมเหรอ คุณมีอะไรหรือเปล่า”



“ไปหาอะไรอร่อย ๆ ทานกัน”



“ที่ไหนล่ะ”



“ร้านเค้กสีฟ้าตรงหัวมุมถนน” ตฤณกรยิ้ม



“อยากทานเค้กเหรอ”



“อืม..พอดีพี่เจ้าของร้านเขาบอกว่าตอนนี้เขาเปิดขายอาหารด้วย ผมก็เลยว่าจะชวนคุณไปลองชิม”



“ได้สิ” อาทิตย์ทัศน์ยิ้ม




...




ชายหนุ่มร่างท้วมเงยหน้าขึ้นจากจอคอมพิวเตอร์ก่อนจะมองไปยังคนที่นั่งผิวปากทำงานอย่างอารมณ์ดี



“อารมณ์ดีอะไรหนักหนาวะไอ้ตัง แก้งานบานขนาดนี้ยังจะมีอารมณ์มาผิวปาก”



“ก็คงมันอารมณ์ดีแถมมีแฟนน่ารัก” ตฤณกรกล่าว



“แหม...มันน่าอิจฉาคนมีความรักวุ้ย” พัฒน์กล่าวอย่างหมั่นไส้



คนอารมณ์ดียังคงยิ้มก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากด...




โทรศัพท์ที่สั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกงทำให้อาทิตย์ทัศน์ที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารประกอบการประชุมอยู่ภายในห้องทำงานต้องหยิบโทรศัพท์ออกมาดู ลักยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นที่ข้างแก้มเมื่อเห็นภาพการ์ตูนหน้ากลมทำท่าอมยิ้มถูกส่งมาจากใครบางคนที่เพิ่งแยกกันเมื่อเช้าก่อนมาทำงาน นิ้วเรียวค่อย ๆ พิมพ์ข้อความตอบกลับไป



“ยิ้มอะไร ว่างมากหรือไง ถึงยิ้มอยู่ได้”



‘ไม่ว่างครับ กำลังคิดถึงแฟน ยิ้มให้แฟนไม่ได้หรือไง’



อาทิตย์ทัศน์ยิ้มพร้อมกับพิมพ์ข้อความสุดท้ายก่อนจะหยิบเอกสารเพื่อเตรียมไปประชุม



“เดี๋ยวจะพาไปตรวจน้ำตาลในกระแสเลือด =^^=”



การประชุมเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนสายจนกระทั่งยืดเยื้อมาถึงตอนบ่ายและไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่าย  ๆ อาทิตย์ทัศน์เดินออกจากห้องประชุมมาโทรศัพท์เมื่อถึงเวลาพักรับประทานอาหารว่างในตอนบ่าย



“คุณ ผมยังประชุมไม่เสร็จเลย ไม่รู้ว่าเย็นนี้จะไปตามนัดคุณได้ไหม เราเลื่อนไปเป็นวันอื่นดีไหม”



‘ไม่เป็นไร คุณก็ประชุมของคุณให้เสร็จเถอะ ผมรอได้ เดี๋ยวผมนั่งแก้งานให้ลูกค้าไปเรื่อย ๆ คุณเสร็จเมื่อไรก็โทรหาผมก็แล้วกัน’



“เอาอย่างนั้นเหรอ” ชายหนุ่มกล่าวอย่างลังเล



‘เอาอย่างนี้แหละครับ ผมอยากไปทานข้าวกับคุณวันนี้’



“อืม..เอาอย่างนั้นก็ได้ แต่ถ้าคุณหิว คุณหาอะไรทานไปก่อนเลยนะ”



‘ครับผม’ คนที่ปลายสายกล่าวอย่างอารมณ์ดีก่อนที่ทั้งคู่จะวางสายกันไป....




...





ตฤณกรเงยหน้าจากกระดานเขียนแบบก่อนจะบิดตัวยืดเส้นยืดสาย ภายในห้องทำงานไม่มีใครแล้วนอกจากเขา ชายหนุ่มก้มมองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาเกือบหนึ่งทุ่มก่อนจะรีบหยิบโทรศัพท์ที่ไม่ได้เปิดเสียงขึ้นมาดู มีสายเข้าจากเบอร์เดียวกันหลายสายกับข้อความถูกส่งมาเมื่อประมาณครึ่งชั่วโมงก่อน



‘ทำไมไม่รับโทรศัพท์เนี่ย ผมจะบอกคุณว่าคุณพ่อของเพื่อนผมเข้าโรงพยาบาล ผมก็เลยว่าจะไปเยี่ยม อาจจะไปถึงร้านช้าหน่อย ถ้าคุณหิวก็สั่งอะไรทานไปก่อนได้เลยนะ’




เมื่อตฤณกรอ่านข้อความเรียบร้อย เขาก็รีบโทรหาเจ้าของข้อความทันที



“จ้า คุณอยู่ไหนน่ะ”



‘ผมอยู่ที่โรงพยาบาล พอดีคุณพ่อของพิมพ์ท่านลื่นตกบันไดน่ะ ผมเห็นว่าอยู่กันแค่ผู้หญิงสองคนก็เลยแวะมาดู’



ตฤณกรชะงักเมื่อได้ยินชื่อของบุคคลที่สามแต่ก็ไม่วายถามด้วยความเป็นห่วง



“แล้วเป็นยังไงบ้าง เป็นอะไรมากไหม”



‘ตอนนี้หมอกำลังทำแผลอยู่ เดี๋ยวคงจะส่งไปเอ็กซเรย์’



“ถ้าอย่างนั้นคุณเสร็จเมื่อไรก็ตามไปที่ร้านนะ เดี๋ยวผมจะไปรอที่ร้าน แค่นี้นะครับ คุณไปดูแลเพื่อนเถอะ”



‘ตัง’



เสียงของคนที่ปลายสายทำให้ตฤณกรต้องแนบหูกับโทรศัพท์อีกครั้ง



‘ผมว่าเราเลื่อนไปวันพรุ่งนี้ไหม...’ อาทิตย์ทัศน์พูดได้เพียงเท่านั้นก่อนที่โทรศัพท์จะแบ็ตหมด



ตฤณกรถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเก็บของออกจากห้องทำงาน...




....



อาทิตย์ทัศน์กลับมาถึงบ้านเกือบสี่ทุ่ม เขารีบตรงไปยังโต๊ะทำงานก่อนจะชาร์จแบ็ตโทรศัพท์ ทันทีที่โทรศัพท์ถูกเปิดขึ้นมาอีกครั้งก็มีเสียงเตือนข้อความดังขึ้น มันเป็นข้อความที่ถูกส่งมาหลังจากเขาคุยกับตฤณกรเมื่อช่วงหัวค่ำนั่นเอง



‘ไม่เป็นไร ผมรอได้’





คิ้วหนาขมวดเข้าหากันก่อนจะพึมพำกับตัวเอง “ทำไมดื้อแบบนี้นะ”



อาทิตย์ทัศน์ขับรถออกไปจากบ้านมาถึงยังร้านเค้กสีฟ้าซึ่งตั้งอยู่หัวมุมถนนเมื่อตอนเกือบห้าทุ่ม ภายในร้านไม่มีคนแล้วเพราะร้านกำลังจะปิด ที่มุมหนึ่งของร้านพนักงานสาวสองคนกำลังช่วยกันเก็บจานซึ่งยังคงเต็มไปด้วยอาหาร หนึ่งในสองคนหันมากล่าวกับผู้ที่เดินเข้ามาใหม่ด้วยรอยยิ้ม


“ครัวปิดแล้วนะคะพี่ เหลือแต่เค้กแล้วค่ะ”



“เอ้อ ครับ” อาทิตย์ทัศน์พยักหน้า “พอดีผมนัดกับเพื่อนไว้ ไม่รู้ว่าเขากลับไปหรือยังเลยแวะมาดู ผู้ชายตัวสูง ๆ ขาว ๆ สวมแว่นตา พอจะเห็นบ้างไหมครับ”



พนักงานสาวหันหน้าไปสบตากันก่อนที่คนหนึ่งจะกล่าว “สงสัยคนที่นั่งโต๊ะนี้หรือเปล่าคะ เห็นมานั่งตั้งแต่ทุ่มครึ่ง สั่งอาหารแล้วก็ไม่ทาน นี่เพิ่งกลับออกไปก่อนพี่จะเข้ามาสักครู่เองค่ะ”



“ขอบคุณนะครับ” ชายหนุ่มกล่าวเสียงอ่อยก่อนจะเดินออกจากร้านไป....




...




เช้าวันต่อมา...


ตาคมมองหาคนที่มักจะมายืนรอเขาทุกเช้าที่สถานีรถไฟฟ้า ในที่สุดสายตาก็ไปหยุดที่ร่างสูงของคนที่กำลังยืนเกาะแผงกั้นมองดูรถที่กำลังแล่นผ่านไปผ่านมาที่ใต้สถานี



“ทำไมเมื่อคืนคุณถึงยังรออยู่อีก ทั้ง ๆ ที่ผมก็บอกคุณแล้ว” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นเมื่อเดินมาใกล้ ๆ



“ก็ผมเห็นว่าโทรศัพท์คุณแบ็ตหมด แล้วกว่าร้านจะปิดตั้งเกือบเที่ยงคืน  ก็เลยรอไปเรื่อย ๆ เผื่อคุณจะมา” คนตัวสูงกล่าวด้วยใบหน้านิ่งเฉยผิดปกติ



“เมื่อคืนก็ไม่ได้ทานข้าวใช่ไหม”



ตฤณกรพยักหน้า



“ทำไมถึงดื้อแบบนี้ ทานข้าวน่ะทานวันไหนก็ทานได้ ผมไม่หนีไปไหนหรอก” อาทิตย์ทัศน์กล่าว



“ผมรู้ว่าทานวันไหนก็ได้ แต่ผมอยากทานข้าวกับคุณในวันที่เป็นวันครบรอบวันแรกที่เราพบกันที่ร้านเค้กร้านนั้นแค่นี้เอง มันผิดด้วยเหรอ”



คำพูดของคนตรงหน้าทำเอาคนฟังรู้สึกใจหายไม่น้อย ไม่คิดว่าเขาจะเก็บรายละเอียดทุกอย่างได้มากขนาดนี้ คนตัวเล็กกว่าค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจเบา ๆ “ไม่ผิดหรอก” ปากบางเม้มแน่นจนเกือบจะเป็นเส้นตรงก่อนจะตัดสินใจพูดออกไป




“ผมขอโทษ”



ตฤณกรสบตาคนตรงหน้าก่อนจะพยายามยิ้มแบบที่เคยยิ้ม “ช่างเถอะคุณ”



อาทิตย์ทัศน์มองคนโกหกไม่เก่งโดยไม่ได้พูดอะไร ในใจรู้ดีว่าผู้ชายอ่อนไหวคนนี้คงรู้สึกแย่ไม่น้อยกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น...



....




แม้จะมีเรื่องให้ต้องหมางใจกันแต่อาทิตย์ทัศน์ก็ยังทำตัวเป็นปกติกับตฤณกร เขายังคงพบกันที่สถานีรถไฟฟ้าเกือบทุกเช้าและมาส่งกันเกือบทุกเย็น ในวันหยุดถ้าหากตฤณกรไม่ได้แวะมาที่บ้านก็เป็นอาทิตย์ทัศน์เองที่เป็นฝ่ายไปหา จนกระทั่งในสัปดาห์ที่ผ่านมาทั้งคู่แทบจะไม่มีเวลาพบกันเลย เนื่องจากตฤณกรต้องเร่งทำงานให้เสร็จทันกำหนดที่จะต้องไปนำเสนอให้กับลูกค้าซึ่งกำลังจะเปิดรีสอร์ทแห่งใหม่ที่จังหวัดเชียงรายในปลายเดือนที่จะถึง ส่วนอาทิตย์ทัศน์เองก็ต้องเข้าประชุมจนมืดค่ำอยู่บ่อย ๆ การไม่ได้พบหน้ากันจึงกลายเป็นเรื่องปกติระหว่างเขาทั้งคู่ในระยะนี้



“งานเยอะเหรอ” คนตัวเล็กกว่าที่กำลังยืนหันหลังล้างถ้วยชามอยู่ที่อ่างล้างจานเอ่ยขึ้น



“ครับ” ตฤณกรตอบเพียงสั้น ๆ ขณะที่ตายังคงจ้องมองจอคอมพิวเตอร์



“เสาร์หน้าคุณว่างไหม”



“อืม...ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะมีอะไรหรือเปล่า คุณมีอะไรเหรอ”



“พิมพ์ให้มาชวนไปทานข้าวด้วยกัน” ชื่อนั้นทำเอาคนฟังรู้สึกเจ็บจี๊ด ๆ ภายในใจไม่น้อย



“คุณไปเถอะ”



“แต่พิมพ์เขาอยากให้คุณไปด้วยนะ”



“ถ้าผมว่างผมจะไปก็แล้วกัน” คำตอบเพียงสั้น ๆ นั้นทำเอาคนชวนไม่กล้าเซ้าซี้ต่อ



....



“สองคนนี้แปลกดี งอนกันแต่ก็ยังมาหากัน” อรนุชเอ่ยขึ้นขณะมองลูกชายของตัวเองที่กำลังนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้สนใจคนตัวสูงที่กำลังนั่งให้อาหารปลาอยู่ที่ระเบียงเลยแม้แต่น้อย



“มาหากันแต่ไม่พูดอะไรกันมันพาคนอื่นอึดอัดนะคะน้านุช” จอมขวัญบบ่นพึมพำ



“ขวัญก็รู้จักพี่ชายคนนี้ดีไม่ใช่เหรอ ง้อใครมาก ๆ ได้เสียที่ไหน ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าตัวเองเป็นคนผิดก็เถอะ”



“เฮ้อ!!!! ไม่ง้อแล้วเมื่อไร่จะดีกันล่ะคะ” หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ขณะลอบมองพี่ชายทั้งสองของเธอ “แต่นี้ก็ถือว่าง้อมากที่สุดเกินมาตรฐานของพี่จ้าแล้วนะ”



สองน้าหลานมองหน้ากันยิ้ม ๆ



(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 15-01-2014 00:00:07
(ต่อ)

อาทิตย์ทัศน์เงยหน้าขึ้นมองคนที่เอาแต่นั่งเงียบ ๆ อยู่ที่ระเบียง ชายหนุ่มลุกขึ้นก่อนจะเดินไปนั่งลงข้าง ๆ 



“ผมง้อคุณมาเป็นอาทิตย์แล้วนะ คุณยังไม่หายโกรธอีกเหรอ” คนตัวเล็กกว่าเอ่ยขึ้น “ผมก็เล่าให้คุณฟังแล้วไงว่าพิมพ์เขาไม่รู้จะโทรหาใคร เขาก็เลยโทรหาผม”



ตฤณกรหันมาสบตาคนข้าง ๆ ก่อนจะกล่าวอย่างน้อยใจ “ผมรู้ว่าคุณเป็นเพื่อนที่ดี แล้วก็ใส่ใจทุกคน”



“ทำไมไม่มีเหตุผลเลย โกรธอะไรกันนานจัง” อาทิตย์ทัศน์เม้มปากแน่น



“ผมบอกคุณแล้วไงว่าผมไม่ได้โกรธ”



“ไม่โกรธแต่ถามคำตอบคำเนี่ยนะ คุณไม่โกรธแต่ผมเริ่มจะโกรธคุณบ้างแล้วนะ” คนตัวเล็กกว่ากล่าวก่อนจะลุกขึ้นเดินไปคว้ากุญแจรถ


“พี่จ้าจะไปไหนคะ” จอมขวัญที่โผล่หน้าออกมาจากในครัวเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นพี่ชายเดินไปหยิบกระเป๋ากล้องที่โซฟา



“ไปข้างนอก” ชายหนุ่มตอบห้วน ๆ



“ไม่อยู่ทานข้าวก่อนเหรอคะ”



“เขาคงไม่อยากทานกับเราหรอกครับน้องขวัญ” คำพูดของคนตัวสูงกว่าทำให้อาทิตย์ทัศน์ต้องหันขวับกลับไปมองตาเขียว



“เอ่อ...ขวัญว่าเราทานข้าวกันดีกว่านะคะ ขวัญหิวแล้ว” จอมขวัญรีบห้ามทัพ



“พี่นัดกับพิมพ์ไว้” พูดจบอาทิตย์ทัศน์ก็เดินไปที่รถ



“ที่แท้ก็มีนัด” มือหนาเอื้อมคว้าข้อมือของคนอารมณ์บูดเอาไว้



“ใช่ ถ้าคุณอารมณ์ดี ๆ ก็จะชวนคุณไปด้วยกันหรอก” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนดึงมือของคนตัวสูงกว่าออก จากนั้นจึงเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถและขับออกไปทิ้งให้ตฤณกรได้แต่ยืนมองอยู่อย่างนั้น...



“พี่ตังไปยั่วโมโหพี่จ้าทำไมคะ” หญิงสาวที่ยืนกอดอกอยู่ละล่ำละลัก เธอส่ายหน้าพร้อมกับถอนหายใจเบา ๆ



“อะไรเนี่ย คนเขาอุตส่าห์มาให้ง้อนะ” ชายหนุ่มบ่นพึมพำกับตัวเอง



“ได้ข่าวว่าเขาก็ง้อตัวเองมานานแล้วนะคะ แต่ตัวเองไม่หายงอนเสียที” จอมขวัญยิ้ม




...




“วันนี้จ้าไม่สะดวกแล้วน่ะพิมพ์ เอาไว้สักอาทิตย์หน้าก็แล้วกันนะครับ” อาทิตย์ทัศน์ที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยพยายามปรับเสียงให้เป็นปกติที่สุด



‘ไม่เป็นไรจ้า ไว้จ้าสะดวกก่อนเราค่อยเจอกันก็ได้’ เสียงหวาน ๆ ดังมาตามสาย  ขณะชายหนุ่มกำลังเลี้ยวรถเข้าไปจอดที่ลานจอดรถของคอนโด



“อ้าว คุณจ้า มาหาคุณตังเหรอครับ” พนักงานรักษาความปลอดภัยร่างเตี้ยล่ำเอ่ยทักทายอย่างมีไมตรีเหมือนทุกครั้ง “คุณตังออกไปตั้งแต่เช้าแล้วนะครับ”



“ครับพี่จ่อย” ชายหนุ่มตอบเรียบ ๆ ก่อนจะเดินไปกดลิฟท์




อาทิตย์ทัศน์เปิดประตูเข้ามาในห้องของตฤณกรก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาอย่างอ่อนใจ



“คนอะไรไม่มีเหตุผลเลย” ปากบางพึมพำกับตัวเองก่อนจะมองไปรอบ ๆ ห้องที่ดูรกรุงรังเหลือเกิน นั่นคงเป็นเพราะตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาเจ้าของห้องต้องทำงานดึก ๆ ดื่น ๆ จนไม่มีเวลาได้ทำความสะอาดห้องของตัวเองเลย ชายหนุ่มลุกขึ้นก่อนจะลงมือเก็บกวาดห้องและล้างจานชามที่กองสุมกันอยู่ในอ่างล้างจานจนทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยในตอนใกล้ค่ำก่อนจะขับรถกลับบ้านโดยไม่รอพบเจ้าของห้อง...





‘ไหนบอกว่าไปหาคุณพิมพ์ไง ทำไมมาที่ห้องผม’



ข้อความหนึ่งถูกส่งมาเมื่อชายหนุ่มขับรถเข้ามาจอดในบ้าน



“ไม่มีอารมณ์ไป” นิ้วเรียวพิมพ์ประโยคสั้น ๆ ตอบกลับไป



‘แต่มีอารมณ์มาเก็บกวาดห้องผม?’



“โมโห เลยต้องไปลงกับเชื้อแบ็คทีเรีย” เจ้าของหน้าตูมยังคงยังคงใช้ปลายนิ้วสัมผัสหน้าจอพิมพ์ข้อความอย่างรวดเร็วด้วยความโมโห



‘ขนาดโมโหยังน่ารัก’ ข้อความสั้น ๆ ถูกส่งกลับมาพร้อมตัวการ์ตูนหัวกลมยิ้มหวาน



อาทิตย์ทัศน์เลือกที่จะไม่ตอบอะไร ทั้งที่หัวคิ้วแทบจะขมวดเข้าหากันเป็นปมแต่ยังคงปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้า เขาได้แต่พึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ “บ้าเอ๊ย”



....



วันเสาร์ปลายเดือนก่อนที่จะต้องเดินทางไปจังหวัดเชียงราย ตฤณกรไม่ลืมที่จะแวะมาหาอาทิตย์ทัศน์ที่บ้านหลังจากไม่ได้พบหน้ากันหลายวันตั้งแต่ทะเลาะกันเมื่อคราวก่อน เพราะต่างคนต่างก็ยุ่ง ๆ กับงานที่ทำ จะมีก็เพียงส่งข้อความหรือโทรศัพท์คุยกันบ้างก็เท่านั้น ในที่สุดตฤณกรก็ต้องผิดหวังเมื่อแม่ของชายหนุ่มบอกว่าลูกชายของเธอออกไปพบเพื่อนตั้งแต่เช้า



“เห็นจ้าบอกว่าจะไปถ่ายรูปให้พิมพ์นะลูก นี่ก็ไปตั้งแต่เช้าแล้ว ข้าวเช้าก็ไม่ได้ทานเลย ตังมีอะไรหรือเปล่าลูก” อรนุชถามอย่างเป็นห่วง



“เปล่าครับคุณป้า ผมแค่จะแวะมาหาเฉย ๆ พอดีพรุ่งนี้ผมต้องไปเสนองานที่เชียงรายแล้วก็ว่าจะแวะค้างบ้านที่เชียงใหม่สัก 2-3 วัน”



“ตังลองโทรไปไหมลูก เผื่อว่าจ้าใกล้จะกลับมาแล้ว”



ตฤณกรหน้าจ๋อยลงอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะตอบ “ผมโทรหลายครั้งแล้วละครับ แต่เขาไม่รับ” ชายหนุ่มอยู่คุยกับหญิงวัยกลางคนผู้เป็นเจ้าของบ้านสักพักก่อนจะขอตัวกลับในที่สุด



....




อาทิตย์ทัศน์กลับมาที่บ้านในตอนหัวค่ำ เขาวางกระเป๋ากล้องลงที่โต๊ะทำงานก่อนจะมองหาบางอย่าง



“หาอะไรเหรอจ้า” ผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้น



“จ้าหาโทรศัพท์น่ะแม่ ไม่รู้ว่าไปลืมไว้ตรงไหน”



“ตายจริง ถึงว่าทำไมตังโทรหาถึงไม่ติด”



“เขามาบ้านเราเหรอครับแม่”



“ใช่ เห็นว่าพรุ่งนี้จะไปเชียงรายแต่เช้า แล้วก็จะแวะบ้านที่เชียงใหม่สัก 2-3 วัน”



“ครับ” อาทิตย์ทัศน์พยักหน้าก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปเงียบ ๆ เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้อง เขาก็พบโทรศัพท์มือถือวางอยู่ที่หัวเตียง เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็พบว่ามีเบอร์ของตฤณกรโทรเข้ากว่าร้อยสายกับข้อความหนึ่งที่ถูกส่งมา



‘พรุ่งนี้ผมจะไปเชียงรายนะ อาทิตย์นี้ก็คงไม่ได้เจอคุณอีกแล้ว’



อาทิตย์ทัศน์อ่านข้อความนั้นก่อนจะวางโทรศัพท์ลงในที่สุด....


(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 15-01-2014 00:01:04
(ต่อ)่



จังหวัดเชียงใหม่...



“ไม่ออกไปไหนบ้างเหรอตัง พี่เห็นเธออยู่แต่ในบ้านไม่ไปไหนเลย” สาวสวยในชุดผ้าทอเมืองเหนือเอ่ยขึ้นกับชายหนุ่มที่นั่งท้าวคางมองดูน้ำในลำน้ำปิงจากระเบียงหลังบ้าน



“ไม่ครับพี่จันทร์ ตังไม่รู้จะไปไหน อยากพักอยู่กับบ้านเฉย ๆ เดี๋ยวอีกไม่กี่วันก็ต้องกลับกรุงเทพฯแล้ว” ตฤณกรกล่าวกับ ‘นวลจันทร์’ ซึ่งเป็นลูกสาวคนโตของคุณลุงของเขาที่มักจะแวะมาเยี่ยมพ่อและแม่ของเธอเสมอ ๆ หลังจากแต่งงานออกเรือนไปกับพ่อเลี้ยงชาวลำปางตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน ทั้งที่เป็นคุณแม่ลูกสองแต่เธอกลับยังสวยเสียจนไม่มีใครเชื่อว่าอายุย่างเข้าสามสิบห้าปี



“หรือพี่จันทร์จะไปไหนหรือเปล่าครับ ตังจะขับรถให้” ชายหนุ่มเสนอ



“พี่ว่าจะแวะไปดูร้านให้แม่เสียหน่อย เห็นตังไม่ได้ออกไปไหนเลยว่าจะชวนไปด้วยกัน อยู่แต่บ้านเบื่อแย่”



“ก็ได้ครับ” ตฤณกรยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวตังไปหยิบกุญแจก่อน”




....




“ยังพอมีเวลาก่อนเครื่องจะขึ้น ผมขอแวะไปทำธุระหน่อยนะครับอาจารย์ชนะชัย” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นขณะเดินออกจากห้องประชุม



“ตามสบายเลยครับ” ชายหนุ่มรูปร่างสันทัดกล่าวก่อนที่ทั้งคู่จะกลับไปที่โรงแรมเพื่อจัดกระเป๋าบินกลับกรุงเทพฯ



....



“เจอกันที่สนามบินเลยนะครับอาจารย์” อาทิตย์ทัศน์ในชุดเสื้อเชิ้ตสีเข้มสวมกางเกงผ้าสีครีมกล่าวกับเพื่อนร่วมห้องและเพื่อนร่วมเดินทางในการมาสัมมนาที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ก่อนจะสะพายเป้เดินออกจากห้องไป จากนั้นเขานั่งรถสองแถวสีแดงไปลงที่ที่ทำการไปรษณีย์จังหวัดเชียงใหม่ก่อนจะเดินลัดเลาะไปตามถนนเส้นเล็ก ๆ เรียบลำน้ำปิงก่อนจะมาหยุดที่บ้านหลังหนึ่งที่เคยมาแล้วเมื่อไม่นานมานี้เอง หญิงวัยกลางคนที่กำลังกวาดลานหน้าบ้านหยุดก่อนจะหรี่ตามองชายหนุ่มที่ยืนอยู่หลังรั้วไม้ ไม่ช้าเธอก็ยิ้มร่าออกมาต้อนรับ



“คุณจ้า ทำไมไม่เห็นคุณหนูตังบอกเลยค่ะว่าคุณจ้าจะมา” ป้าเอื้องกล่าวอย่างตื่นเต้น



“พอดีผมมาสัมมนาที่มหาวิทยาลัยน่ะครับ ก่อนจะกลับก็เลยแวะมาหาตังเขา” อาทิตย์ทัศน์กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ



“คุณหนูเพิ่งออกไปข้างนอกเมื่อสักพักนี่เองค่ะ”



“เหรอครับ ถ้าอย่างนั้นไม่เป็นไรครับ ผมกลับก่อนดีกว่า”



“อ้าว ไม่เข้าบ้านก่อนเหรอคะ เดี๋ยวคุณหนูก็น่าจะกลับเข้ามาแล้ว ไปไม่นานหรอกค่ะ”



“ผมต้องขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ ตอนบ่ายครับป้า” อาทิตย์ทัศน์ยิ้มแห้ง ๆ ก่อนจะลากลับ






...



“เดี๋ยวพี่ขอแวะตลาดวโรรสหน่อยนะตังว่าจะซื้อผลไม้หน่อย”



“ครับ” ตฤณกรกล่าวก่อนจะชะลอรถให้พี่สาวลงที่หน้าตลาด จากนั้นเขาจึงขับรถไปจอดที่หน้าที่ทำการไปรษณีย์



ชายหนุ่มมองกระจกมองหลังอยู่สักพัก พี่สาวของเขาก็เดินกลับมา เธอยืนรอข้ามถนนอยู่ที่ฝั่งตรงข้าม วันนี้รถมากเป็นพิเศษเพราะเป็นวันหยุด ตฤณกรจึงเปิดประตูลงจากรถก่อนจะวิ่งข้ามถนนไปหาหญิงสาวที่ยืนอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามก่อนจะจับมือเธอแล้วพาข้ามกลับมายังฝั่งที่รถจอด



ตาคมของอาทิตทัศน์จดจ้องไปที่ชายหนุ่มและหญิงสาวที่เดินจับมือกันข้ามถนน ภาพนั้นค่อย ๆ ห่างออกไปทุกทีเมื่อรถสองแถวเร่งความเร็วขึ้น



เมื่อตฤณกรขับรถเข้ามาจอดภายในบ้าน แม่นมของเขาก็รีบวิ่งมารายงานให้รู้ถึงการมาของคนที่กำลังคิดถึงทันที




“คลาดกันนิดเดียวเองค่ะคุณหนู” หญิงวัยกลางคนที่ยืนเกาะหน้าต่างรถละล่ำละลัก



“อะไรเหรอครับป้าเอื้อง คลาดอะไรเหรอครับ”



“ก็คลาดกับคุณจ้าไงคะ เธอเพิ่งแวะมาเมื่อสักพักนี่เอง เห็นว่ามาสัมมนากำลังจะบินกลับกรุงเทพฯ วันนี้แล้ว”



“เขาออกไปนานหรือยังครับ” ปากหยักขยับสวนขึ้นทันที



“สักสิบนาทีนี่เองค่ะ”



“ขอบคุณนะครับป้า” ตฤณกรกล่าวพร้อมกับรีบสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างรวดเร็ว



รถสองแถวสีแดงพาอาทิตย์ทัศน์มาถึงสนามบินเชียงใหม่เมื่อจวนได้เวลาเครื่องออก ชายหนุ่มกระโดดลงจากรถก่อนจะเดินไปจ่ายเงินจากนั้นจึงวิ่งเข้าไปในสนามบินทันที เขามองหาเพื่อนร่วมทางที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนที่นั่งรอสำหรับผู้โดยสารเครื่องบินในขณะที่เสียงประกาศแจ้งเปิดประตูเริ่มดังขึ้น



“ผมละลุ้นจะแย่ กลัวอาจารย์จ้าจะมาไม่ทันเสียแล้ว” ชายหนุ่มร่างสันทัดกล่าวพร้อมกับยืนขึ้นสะพายเป้



“ผมก็ลุ้นจะแย่เหมือนกันครับ” อาทิตย์พูดกลั้วหัวเราะก่อนที่ทั้งคู่จะชวนกันเดินเข้าไปในประตูสำหรับผู้โดยสารที่เดินทางในประเทศ








“จ้า!!!” เสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลังรั้งให้อาทิตย์ทัศน์ต้องหยุดนิ่ง ชายหนุ่มค่อย ๆ หันกลับไปมองเจ้าของเสียงที่กำลังเดินเข้ามาหา เขากำลังเดินใกล้เข้ามาทุกที






เขา....คนที่ไม่รู้ว่าไม่ได้เห็นหน้ากันนานแค่ไหน...



“อย่าเพิ่งไปเลยนะ” ตฤณกรเอ่ยขึ้น



“ผมต้องกลับแล้ว พรุ่งนี้มีงานที่มหาวิทยาลัย” คนตัวเล็กกว่าตอบด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วน่าใจหาย มันเป็นน้ำเสียงเศร้าสร้อยสุดของคนตรงหน้าเท่าที่ตฤณกรเคยได้ยินมา



มือหนาเอื้อมคว้าข้อมือคนตรงหน้าเอาไว้ “ถ้าอย่างนั้นคุณกลับกับผมก็ได้ ผมจะกลับเดี๋ยวนี้เลย” ตฤณกรกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ อยู่ดี ๆ น้ำใส ๆ ก็เอ่ออยู่รอบดวงตา



อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้าช้า ๆ ก่อนจะกล่าว “คุณอยู่ต่อเถอะ ผมว่าคุณอาจจะต้องการเวลาสำหรับการทบทวนอะไรบางอย่าง” พูดจบมือเรียวก็ค่อย ๆ แกะมือของคนตรงหน้าออก



“ผมต้องไปแล้วนะ” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นพร้อมกับเสียงประกาศของเจ้าหน้าที่สนามบิน ตฤณกรมองชายหนุ่มที่กำลังหันหลังกลับ ที่คอของเขาไม่มีสร้อยเส้นนั้นอีกแล้ว...




...



ชายหนุ่มเจ้าของบ้านมองดูสายฝนที่กำลังตกลงมาอย่างไม่ขาดสายจากระเบียงหลังบ้าน ในมือยังคงหมุนโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะไปมา ภาพสุดท้ายของอาทิตย์ทัศน์หลังม่านน้ำตายังคงแจ่มชัดอยู่ในความรู้สึก เกือบสองชั่วโมงแล้วหลังจากบอกลากันที่สนามบิน ตฤณกรยังคงไม่กล้าแม้แต่จะส่งข้อความไปถามว่าเขาถึงบ้านหรือยัง นั่นคงเป็นเพราะสร้อยเส้นนั้นที่อาทิตย์ทัศน์ไม่ได้สวมมันอีกแล้ว...



เสียงร้องคาราโอเกะที่ดังมาจากข้างบ้าน ทำให้ชายหนุ่มที่กำลังนอนหลับอยู่บนโซฟาค่อย ๆ ปรือตาขึ้น สายฝนที่ตกลงมาตลอดบ่ายซาเม็ดลงตั้งแต่เมื่อไรไม่อาจรู้ได้ ตฤณกรยันตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะเดินตามเสียงนั้นไป เมื่อเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ในอีกฝั่งของกำแพง ภาพที่เห็นก็คือภาพของชายวัยกลางคนที่กำลังยืนร้องเพลงอยู่ที่หน้าจอทีวีขนาดใหญ่โดยมีผู้เป็นภรรยาคอยนั่งปรบมือไปตามจังหวะอยู่ไม่ห่าง



“อ้าว ตัง เข้ามานั่งก่อนสิลูก” ผู้เป็นป้าเอ่ยขึ้นก่อนจะกวักมือเรียก



ตฤณกรยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปนั่งลงข้าง ๆ เป็นเวลาเดียวกับที่ทำนองเพลงใหม่กำลังเริ่มขึ้น



“เพลงนี้ป้าชอบ ลุงเขาร้องเพราะ” หญิงวัยกลางคนเจ้าของใบหน้ายิ้มแย้มเอ่ยขึ้นก่อนจะหันไปสบตากับผู้เป็นสามี



“เพลงอะไรเหรอครับ” แม้จะเป็นทำนองที่คุ้นหูแต่ก็นึกไม่ออก ชายหนุ่มก็เลยอดที่จะถามไม่ได้



“เพลงจงรักจ้ะ” ผู้เป็นป้ายิ้มก่อนจะร้องเพลงคลอตามไป ดวงตาที่เริ่มมัวตามวัยที่มากขึ้นยังคงจ้องมองไปที่ชายวัยกลางคนเจ้าของผมขาวโพลนด้วยความชื่นชม....



“โปรดอย่าถาม
ว่าฉันเป็นใคร เมื่อในอดีต
และโปรดอย่าถาม ว่าอดีต ฉันเคยรักใคร
รู้ไว้อย่างเดียว
เดี๋ยวนี้รักเธอ และรักตลอดไป
รักมากเพียงไหน
กำหนดวัดได้ เท่าดวงใจฉัน...”



ลุงของเขาหันมายิ้มให้ทั้งป้าและหลาน เสียงทุ้มนุ่มชวนฟังกับความหมายของเพลงนั้นทำเอาชายหนุ่มถึงกับน้ำตารื้น คำพูดของใครบางคนกลับค่อย ๆ ก้องขึ้นในความรู้สึก...







‘เลิกเอาอดีตมาคิด แล้วจำไว้แค่ว่าผมกับคุณเคยเจอกันที่นี่ วันนี้เราก็มาที่นี่ด้วยกันอีก จากนี้ไปก็แค่นับวันที่มันจะค่อย ๆ ผ่านไป แบบนี้ดีกว่าไหม’





...


หลายวันแล้วที่อาทิตย์ทัศน์ยังคงเดินงุ่นง่านรื้อ ๆ ค้น ๆ ตามโต๊ะและลิ้นชักจนทั่วบ้าน แต่ก็ไม่พบสิ่งที่เขากำลังหา ชายหนุ่มตัดสินขับรถออกไปจากบ้านไปยังจุดหมายสุดท้ายที่เขาคิดว่าอาจจะพบมันก็ได้



ใช่...สร้อยเส้นนั้น และแหวนทองคำขาวที่ได้รับมาจากใครบางคนที่จำไม่ได้ว่าไปถอดหรือทำหล่นไว้ที่ไหน...



ชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไปในห้องภายในคอนโดที่ยังคงปิดไฟเงียบเชียบเพราะเจ้าของห้องยังไม่กลับมาจากต่างจังหวัด อาทิตย์ทัศน์เดินรื้อ ๆ ค้น ๆ ตามโซฟาและชั้นวางหนังสือรวมถึงที่ต่าง ๆ ที่คิดว่าอาจจะถอดสร้อยวางเอาไว้แต่ก็ไม่พบ เขาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาก่อนจะพยายามคิดทบทวนแต่ก็คิดไม่ออกจริง ๆ ว่าไปถอดมันวางไว้ที่ไหน จนกระทั่งร่างสูงค่อย ๆ ลุกขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอนของเจ้าของห้อง เขาเดินสำรวจไปรอบ ๆ ทั้งบนเตียงและโต๊ะเขียนหนังสือหรือแม้กระทั่งตู้เสื้อผ้าแต่ก็ต้องผิดหวัง



ชายหนุ่มยืนมองหมอนสองใบที่วางอยู่ข้าง ๆ กันบนเตียงก่อนจะนึกถึงใครคนหนึ่งขึ้นมา อาทิตย์ทัศน์ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะตัดสินใจหันหลังกลับ แต่แล้ววงแขนอุ่น ๆ ก็สอดรัดเข้าที่ข้างลำตัวจากด้านหลัง คนตัวเล็กรู้สึกได้ถึงไออุ่นจากแผงอกกว้างที่คุ้นเคย คนตัวสูงที่ยืนอยู่ด้านหลังค่อย ๆ วางคางลงบนบ่าของคนตรงหน้าก่อนจะกระซิบ



“คิดถึงผมเหรอถึงมาที่นี่”



อาทิตย์ทัศน์พยายามแกะมือของคนตัวสูงกว่าออกแต่ก็ไม่สำเร็จ ปากบางขยับแก้ต่างข้อสันนิษฐานเมื่อสักครู่ของคนข้างหลัง “ผมมาหาของ”



“ของอะไรกัน สำคัญมากเลยเหรอ”



อาทิตย์ทัศน์เลือกที่จะไม่ตอบอะไร ในขณะที่คนตัวสูงกว่าค่อย ๆ แบมืออกก่อนจะกล่าว “หานี่หรือเปล่า ผมเจอมันตกอยู่บนโซฟา”



ปากบางเม้มเข้าหากันขณะมองดูสร้อยและแหวนทองคำขาวในมือหนา ชายหนุ่มขยับตัวเพื่อให้หลุดจากวงแขนของคนตัวสูงกว่าพร้อมกับพยายามแย่งสร้อยในมือของเขาคืนมาแต่ก็ไม่เป็นผล



“เอาของผมคืนมา” คิ้วหนาเริ่มขมวดเข้าหากัน



“ของคุณเหรอ ของคุณแล้วทำไมไม่อยู่ที่คุณล่ะครับ แบบนี้คนให้เขาก็เสียใจแย่สิ”



“ก็ผมถึงได้มาหามันที่นี่ยังไง”



“เอาคืนไปแล้วจะสวมมันไว้ที่ไหน” ตฤณกรกล่าวพร้อมกับคว้าเอวของคนตรงหน้าให้เข้ามายืนใกล้ ๆ



อาทิตย์ทัศน์หลุบตาลงก่อนจะตัดสินใจตอบ “ว่าจะสวมไว้ที่นิ้วจะได้มองเห็นว่ามันยังอยู่กับตัว ไม่ได้ไปลืมไว้ที่ไหน” พูดจบพวงแก้มขาวเนียนก็เปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ



ตฤณกรมองคนตรงหน้าพร้อมกับยิ้มก่อนที่ปลายจมูกโด่งจะฝังลงที่แก้มใสด้วยความคิดถึง



“ถ้าอย่างนั้นผมสวมให้” พูดจบมือหนาก็ค่อย ๆ คลายออกจากเอวของคนตรงหน้า  “วงนี้ผมสลักชื่อของผมเอาไว้ ผมอยากให้คุณสวมมัน” คนตัวสูงกล่าวก่อนจะถอดแหวนออกจากนิ้วของตัวเองสวมที่นิ้วนางข้างซ้ายของอาทิตย์ทัศน์



“ส่วนวงที่ผมให้คุณ ผมสลักชื่อของคุณเอาไว้ หวังว่าวันหนึ่งที่คุณพร้อมคุณจะสวมมันให้ผมบ้าง”



คนตัวเล็กกว่ามองดูแหวนทองคำขาวที่นิ้วของตัวเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาคนตรงหน้า มือเรียวค่อยหยิบแหวนอีกวงจากมือของเขาก่อนจะที่จะสวมลงที่นิ้วซึ่งมีรอยจาง ๆ ที่แสดงว่าเขาเคยสวมแหวนเอาไว้โดยไม่ได้ถอดมันออกเลย



ตฤณกรยิ้มก่อนจะรวบเอวคนตัวเล็กกว่าเข้ามาใกล้ ๆ อีกครั้ง ในขณะที่อาทิตย์ทัศน์ยกมือขึ้นดันหน้าอกของคนตรงหน้าเอาไว้



“เมื่อกี้คุณยังไม่ได้ตอบผมเลยว่าคุณคิดถึงผมเหรอถึงได้มาที่นี่ แล้วก็เรื่องที่คุณยอมสวมแหวนวงนี้เพราะว่าคุณรักผมแล้วใช่ไหม”



“รู้แล้วยังจะถามอีก” อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้วเขิน


“ผมรู้ว่าคุณคิดถึงผม แต่ผมไม่รู้เลยว่าคุณรักผมหรือเปล่า เพราะคุณไม่เคยพูดให้ผมฟังเลยสักครั้ง”



อาทิตย์ทัศน์เงยหน้าขึ้นสบตาคนตรงหน้าก่อนจะตัดสินใจกล่าว “ผมเคยบอกตัวเองว่าผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าระหว่างผมกับคุณจะเรียกว่าอะไร จะเรียกว่าคิดถึง เป็นห่วง หรือว่าอยากอยู่ใกล้ ๆ แต่ถ้าวันไหนผมมั่นใจว่ามันคือรักแล้วละก็ ผมจะพูดให้คุณฟังโดยไม่รีรอเลย”



“แล้ววันนี้คุณมั่นใจแล้วหรือยัง” ตฤณกรถามด้วยรอยยิ้ม



คนตัวเล็กกว่าขมวดคิ้วพร้อมกับพยักหน้าเขิน ๆ “ผมมั่นใจแล้ว มั่นใจที่สุด”



“มั่นใจว่า?” คนตัวสูงเลิกคิ้ว



“ว่า...” อาทิตย์ทัศน์ลากเสียง



“ว่า...?” ปากหยักขยับยิ้มในใจรู้สึกลุ้นในคำตอบ



“ว่า....”



“จ้า” คนตัวสูงถอนหายใจ “ผมลุ้นจะแย่แล้วนะ นี่ถ้าเป็นนิยายป่านนี้คนอ่านเขาขว้างหนังสือทิ้งแล้ว”



อาทิตย์ทัศน์ยิ้มพร้อมกับยกแขนทั้งสองข้างคล้องคอคนตัวสูงกว่าเอาไว้ก่อนจะเลื่อนหน้าเข้าไปกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู...






“ผมรักคุณ”




ปากบางขยับยิ้มเมื่อค่อย ๆ ขยับห่างออกมาสบตาคนตรงหน้า ในขณะที่ตฤณกรยิ้มจนแก้มแทบปริก่อนจะโน้มหน้าลงจรดริมฝีปากของตัวเองลงบนริมฝีปากบางของคนในวงแขน มันเนิบนาบและเนิ่นนานราวกับเวลาเดินช้าลง รสหวานของสัมผัสอุ่น ๆ ค่อย ๆ แทรกซึมเข้าหากัน หากลมหายจะหยุดลงเสียตอนนี้ก็คงไม่มีใครยอมปล่อยให้อีกคนผละออกจากกัน



แต่ในที่สุดตฤณกรก็จำต้องถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่งเพราะห่วงว่าคนตรงหน้าจะขาดอากาศหายใจไปเสียก่อน แต่กลับเป็นอาทิตย์ทัศน์เองที่ยังคงตามรสสัมผัสหวานหอมนั้นมาโดยไม่กลัวว่าเจ้าของริมฝีปากอุ่นจะพาตัวเองไปขึ้นสวรรค์หรือลงนรกที่ไหน ขอเพียงแต่ได้ติดตามไปด้วยความโหยหา....




“คิดถึงผมละสิ” คนตัวสูงกว่ากล่าวเมื่อถอนริมฝีปากออก



“แล้วคุณล่ะ คิดถึงผมหรือเปล่า”



“ผมถามคุณก่อนนะ ตอบผมมาก่อนสิครับ” ตฤณกรกระซิบ




“ไม่ ผมไม่ได้คิดถึงคุณ”



คนตัวสูงกว่าขมวดคิ้ว “ถ้าไม่คิดถึงแล้วไปหาผมที่บ้านทำไม”



“ผมแวะไปดูเฉย ๆ ว่าคุณหนูตังอยู่สุขสบายดีหรือเปล่า” อาทิตย์ทัศน์กล่าวด้วยน้ำเสียงงอน ๆ “แล้วก็คงสบายดีแถมมีความสุขเพราะมีสาวคอยดูแล จูงมือกันข้ามถนน”



คำพูดเชิงประชดนั้นทำเอาคนตัวสูงกว่าอดยิ้มไม่ได้ “นั่นพี่จันทร์ พี่สาวผม นี่คุณแอบสะกดรอยตามผมเหรอ”



“บังเอิญต่างหาก” อาทิตย์ทัศน์พูดกลั้วหัวเราะ




“หึงผมเหรอ” ตฤณกรกระซิบ




“ใครหึงคุณ”



“ก็คุณไง” พูดจบปลายจมูกโด่งก็ค่อย ๆ ลากไล้มาตามข้างแก้มก่อนกดจมูกสูดกลิ่นหอมที่แสนคิดถึง



“ทีคุณยังหึงไม่เข้าเรื่อง”



“ผมไม่ได้หึง ผมจะหึงคุณเรื่องอะไรครับ”



“ก็เรื่อง...” อาทิตย์ทัศน์ลังเล “เรื่องพิมพ์”



“ผมรู้หรอกว่าคุณกับคุณพิมพ์เป็นเพื่อนกัน อีกอย่างเธอก็กำลังจะแต่งงาน คุณเองยังไปถ่ายรูปพรีเวดดิ้งให้เธอไม่ใช่เหรอ”



“คุณรู้ได้ยังไง” คนตัวเล็กกว่าขมวดคิ้ว



“คุณพิมพ์บอกผม” ตฤณกรยิ้ม “บังเอิญเราเจอกันตอนที่คุณพิมพ์ไปจ้างให้บริษัทผมช่วยออร์แกไนซ์งานของเธอ”



“คุณรู้นานแล้ว แล้วคุณโกรธผมเรื่องอะไร”



“ผมบอกแล้วไงว่าไม่ได้โกรธ แค่น้อยใจต่างหาก” ชายหนุ่มพูดกลั้วหัวเราะ “น้อยใจแฟนบ้างไม่ได้หรือไงครับอาจารย์จ้า” พูดจบปลายจมูกโด่งก็ซุกลงที่ซอกคอของคนตัวเล็กกว่า




“นี่หยุดได้แล้ว ผมจั๊กกะจี้” อาทิตย์ทัศน์พยายามขยับหนี



“ผมไม่ให้คุณหนีไปไหนอีกแล้ว” พูดจบคนตัวสูงกว่าก็ดันร่างเล็กให้นอนลงบนเตียงก่อนจะซุกหน้าลงที่คอระหง



“ตัง...พอก่อน” อาทิตย์ทัศน์ท้วงเมื่อเริ่มรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้า หัวใจของตัวเองแต่กลับเต้นไม่เป็นจังหวะอย่างที่อยากจะให้เป็น



ตฤณกรค่อย ๆ ลากไล้ปลายจมูกขึ้นมาตามลำคอขาวก่อนจะมาหหยุดที่ปลายจมูกของคนตรงหน้า



“ว่ายังไงครับ ผมมีเวลาให้คุณพูดแค่สิบวินาที”



“เจ้าเล่ห์ที่สุด” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันอย่างขัดใจ



“ผมจะถือว่านี่คือคำชมนะ” พูดจบริมฝีปากหยักก็กดจูบลงบนปากบางอีกครั้งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน ตฤณกรยิ้มที่มุมปากนึกอยากจะแกล้งคนตรงหน้า มือหนาจึงค่อย ๆ เอื้อมปลดกระดุมเสื้อของคนที่อยู่ใต้ร่างช้า ๆ



“ตัง...” เสียงนั้นดังราวเสียงกระซิบเมื่อปากหยักเปิดโอกาสให้ได้ริมฝีปากบางได้เผยอโกยอากาศเข้าปอดหลังจากครอบครองเคลียคลออยู่นาน “พอแล้ว”



เจ้าของใบหน้าระบายยิ้มหัวเราะเบา ๆ ในลำคอก่อนจะเลื่อนมือที่ปลดกระดุมของคนตรงหน้าไปจับที่ปลายคางของเขาก่อนจะกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู “ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก เพราะแค่นี้คุณก็ไปไหนไม่รอดแล้ว”



คนที่นอนอยู่ใต้ร่างขมวดคิ้วก่อนจะพึมพำ



“เดี๋ยวเถอะคุณหนู”



“ไม่เอา ไม่เรียกแบบนี้” คนตัวสูงท้วง



“ทำไมล่ะ น่ารักดีออก”



“น่ารักเหรอ แล้ววันนี้รักแล้วหรือยัง” ตฤณกรกล่าวพร้อมกับจ้องลึกลงไปในดวงตาคู่สวยอย่างรอคำตอบ แต่อาทิตย์ทัศน์ก็ไม่ได้ตอบคำถามนั้น



“ว่ายังไงล่ะครับ รักแล้วหรือยัง”



“รักตั้งนานแล้ว ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ” อาทิตย์ทัศน์ตอบด้วยรอยยิ้ม




....





“แม่ จ้าวางแผ่น CD เพลงที่แม่ชอบไว้ตรงนี้นะ” ลูกชายกล่าวกับผู้เป็นแม่ที่กำลังเดินลงบันไดมา จากนั้นเขาจึงเดินหายเข้าไปในครัว










“ทำอะไรอยู่” อาทิตย์ทัศน์ถามคนตัวสูงที่กำลังยืนหันหลังให้ ได้ยินเพียงเสียงโลหะกระทบแก้ว



“ชงโกโก้ให้คุณป้า” ตฤณกรกล่าว จากนั้นเขาก็ยกถ้วยโกโก้ถ้วยหนึ่งขึ้นก่อนจะหันมา “อันนี้ของคุณ คุณชิมหน่อยสิ ผมชิมแล้วแต่ไม่รู้ว่ามันจะหวานไปหรือเปล่า” พูดจบเขาก็ยกช้อนตักโกโก้ยื่นให้คนตรงหน้า



อาทิตย์ทัศน์ยิ้มก่อนจะเอื้อมมือรับถ้วยโกโก้และช้อนจากคนตัวสูงจากนั้นจึงใส่ช้อนลงในถ้วยก่อนจะวางมันไว้บนโต๊ะ



“อ้าว ทำไมไม่ชิมล่ะครับ” ตฤณกรขมวดคิ้วมองเจ้าของลักยิ้มเล็ก ๆ ที่กำลังยิ้มมาให้



อาทิตย์ทัศน์ค่อย ๆ ใช้แขนทั้งสองข้างคล้องคอคนตัวสูงกว่าพร้อมกับโน้มตัวเขาลมาก่อนจะจรดริมฝีปากของตัวเองกับปากหยักของคนตรงหน้า



ตฤณกรรู้สึกแปลกใจไม่น้อย มือหนาค่อย ๆ ประคองเอวของคนตัวเล็กกว่าเอาไว้ก่อนที่ริมฝีปากบางจะผละออกอย่างอ้อยอิ่ง



“หวานแล้ว”



ตาคู่สวยจ้องมองคนตัวสูงที่ยืนแก้มแดงอยู่ตรงหน้าอย่างเอ็นดู ในขณะที่ทำนองเพลงเก่าที่คุ้นหูค่อย ๆ บรรเลงขึ้น ที่โซฟาหญิงวัยกลางคนที่โชคดีที่สุดในโลกกำลังนั่งยิ้มพร้อมกับกอดแผ่นเสียงแผ่นเก่าเอาไว้แน่น...




ตฤณกรมองดูคนตัวเล็กกว่าที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กันที่ระเบียงก่อนจะยิ้ม สำหรับพวกเขาไม่มีคำว่าอดีตและอนาคต จะมีก็เพียงปัจจุบันและปัจจุบัน ที่ไม่ว่าหลักกิโลเมตรที่เท่าไรพวกเขาก็จะเดินไปพร้อม ๆ กัน


สำหรับอาทิตย์ทัศน์ ในเงาสะท้อนของผิวน้ำที่เต็มไปด้วยปลาคราฟหลากสีคือชายหนุ่มสองคนในวัยสามสิบปีที่นั่งข้าง ๆ กัน เมื่อผ่านไปอีกสักสามสิบปีพวกเขาก็จะกลายเป็นคุณตาผมขาวที่ยังคงนั่งข้าง ๆ กัน และยังคงนั่งข้าง ๆ กันไปแบบนี้จนกว่าต่างคนจะต่างหมดลมหายใจ...




...จนกว่าจะพบกันใหม่... 


...


ขอบคุณคุณคนอ่านทุกคนสำหรับการพูดคุยกันนะคะ
ขอบคุณที่รักเรื่องนี้ ขอบคุณที่รักตังและจ้า
ขอบคุณที่อยู่กันมาตั้งแต่ตอนแรกจนถึงหลักกิโลเมตรนี้
เราขอจบลงด้วยบทสรุปที่คิดว่าน่าจะสมควรแก่เวลาแล้วสำหรับการเดินทางครั้งนี้
ไม่อยากให้คิดว่านี่คือการจบบริบูรณ์ เพราะมันอาจจะมีการเดินทางครั้งใหม่ ในหลักกิโลเมตรถัด ๆ ไปเกิดขึ้น
หากวันไหนคนเขียนและคนอ่านต่างก็คิดเหมือนกัน คือ คิดถึงตังและจ้า
เราสามารถเก็บความประทับใจเอาไว้ต่อยอดเรื่องราวทั้งหมดได้
สุดแล้วแต่คุณคนอ่านจะอยากให้เป็นแบบไหน แต่เราเชื่อแน่ว่าทั้งจ้าและตังจะมีความสุข
คุณคนอ่านทุกคนก็คงมีความสุขเมื่อได้คิดถึงเขาทั้งสองคน




ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ
ขอบคุณมาก ๆ จากใจจริง ^^
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: lew_valen_tom ที่ 15-01-2014 00:40:02
โกโก้คงไม่หวานเท่าความรักของคนคู่นี้หรอกนะ คิกๆๆ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 15-01-2014 01:04:49
ขอบคุณคนแต่งจริงๆ สำหรับเรื่องราวของตังและจ้า
ประทับใจมาก ชอบมากกกกก
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: Loste ที่ 15-01-2014 01:11:25
มีความสุขจัง :L2:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 15-01-2014 01:18:41
น่ารักและอบอุ่นมากกกกกกกกค่ะ
ดูเป็นความรักที่ละมุนค่อยเป็นค่อยไปดี
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านกันนะคะ
จะรอติดตามผลงานเรื่องต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 15-01-2014 08:53:25
แอร๊ยยย ซึ้งมากอ่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 15-01-2014 09:40:05
 :pig4: นักเขียน เรื่องนี้น่ารักมาก ลุ้นมากในที่สุดจ้าก็สวมแหวนแล้ว :o8:

อบอุ่น รักและเข้าใจเป็นพื้นฐานที่จะทำให้ คนรักกันอยู่ด้วยกันได้ตลอดไปจริงๆ

ตังจ้าคือตัวแทนของรักอบอุ่นแบบนั้น
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: Gadaiz ที่ 15-01-2014 11:13:50
เป็นเรื่องที่ประทับใจมาก หากมีเวลา ผมจะขอเดินทางตามรอยของเรื่องนี้นะครับ คุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้า  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 15-01-2014 11:16:52
ปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งอาจพบเจอในชีวิตประจำวัน
จะถูกแก้ไขหรือทำให้ลุกลามใหญ่โต ก็อยู่ที่คนสองคน
โกรธกันไปงอนกันมา ตามประสาคู่รัก ชีวิตจะได้มีรสชาติ
แม้ว่าปัญหาจะทำให้ทั้งคู่อ่อนไหว แต่ก็ไม่คิดจะปล่อยมือจากกัน
ยิ่งทำให้มั่นใจว่ารักกันมากแค่ไหน
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 15-01-2014 12:03:11
 :o8: น้ำตาลในกระแสเลือดกระฉูดด
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 15-01-2014 12:17:04
จะรอเรื่องต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 15-01-2014 12:35:13
จบแล้วหรอ ยังไม่ถึงหลักกิโลเมตรที่ 100 เลยอ่ะ :ling1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: Tasaitatsu ที่ 15-01-2014 12:50:39
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
น้ำตาลในกระแสเลือดพุ่งสูงปี๊ด
บทจะหวานก็หวานซะน้ำตาลเรียกพ่อ
บทจะพ่อแง่แม่งอนก็น่ารัก
นั่งลุ้นแทบไม่ติดเก้าอี้
ขอบคุณสำหรับเรื่องน่ารักๆแบบนี้ค่ะ
จะรอเรื่องต่อไปนะ ^___________^
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 15-01-2014 13:16:56
ขอบคุณที่เขียนเรื่องสนุกๆ  ภาษาละเมียดละไม 
ตอนพิเศษหวานมากกกกกกก 


ขอบคุณมากจ้า  รอติดตามผลงานตอนพิเศษหรือเรื่องต่อๆ ไปนะ   
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: spy_dummy ที่ 15-01-2014 14:10:24
ไล่อ่านรวดเดียวจนจบ  :really2:

เริ่มอ่านตอนต้น ก็แอบหวั่นใจว่าจะอ่านจนจบไหม มันแลดูไม่ค่อยมีอะไรตื่นเต้น เรียบๆ เรื่อยๆ (อย่าเพิ่งโกรธที่เค้าเม้นแบบนี้น๊า) แต่พออ่านไปเรื่อยๆ กลับหยุดอ่านไม่ได้เลย ในความเรียบๆ เรื่อยๆ นั่น แฝงอะไรไว้มากมายเหลือเกิน ทั้งความรัก ความสุข ความอบอุ่น ความเข้าใจ แง่คิด ข้อคิด ของตัวละคร ที่ไม่ใช่เพียงแค่ตัวหลัก 2 คนเท่านั้น แต่ยังมีตัวละครรายล้อมอื่นๆ ที่ช่วยส่งเสริมเนื้อเรื่อง

ตัวละคร(เกือบ)ทุกตัวมีความน่ารัก ความสดใส และความอบอุ่นอยู่ในตัวเอง ทั้งตัวเอกอย่างตังและจ้า หรือครอบครัวอย่างขวัญและคุณแม่ รวมทั้งตัวละครตัวอื่นๆ (นักศึกษา เพื่อนร่วมงาน ฯ) รักพวกเขาจัง ~^^

ถ้าจะถามว่าฟิคเรื่องนี้สนุกไหม สำหรับเราแล้ว ไม่สนุกหรอก เพราะอย่างที่บอกแล้วว่ามันเรียบ เรื่อยเกินไปสำหรับคนที่ชอบอ่านฟิค/นิยายที่เนื้อหาหนักๆ ดราม่าน้ำตาแตก แต่ฟิคเรื่องนี้เป็นฟิคที่ทำให้เราอ่านแล้วมีความสุข อ่านไปก็มีรอยยิ้มปรากฏอยู่ร่ำไป เราว่านะ อ่านแล้วมีความสุข สำคัญกว่าอ่านแล้วสนุกซะอีก หรือเปล่า?  :mew1:

ขอบคุณคุณนักเขียนที่สร้างสรรค์ผลงานที่ทำให้เราอ่านแล้วมีความสุขค่ะ  o13 จะติดตามผลงานอื่นๆต่อไปนะคะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: vivalasvegus ที่ 15-01-2014 16:31:00
ขอบคุณน้องนักเขียนค่ะ เรื่องนี้น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: Minnie~Moo ที่ 15-01-2014 17:30:13
ชอบเรื่องนี้มากกกกกกกกกกกกกกกกกก  o13

มีโมเม้ต์หวานๆ เยอะมาก  :pig4:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 15-01-2014 19:43:31
 o13. ชอบบบบมากอะ อบอุ่น เหมือนพระอาทิตย์ขึ้นช่วงฤดูหนาวเลย (ต้องฤดูนี้เท่านั้นนะ).
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: bluecoco ที่ 15-01-2014 20:22:46
อ่านเรื่องนี้แล้วมีความสุขจริงๆ
คอนเฟริมด้วยอีกคน
 o13
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: mm03 ที่ 15-01-2014 22:17:26
ในที่สุดจ้าก็ยอมสวมแหวน
ฮือออออออออออ

ตอนที่คลาดกันไปมาทำเอาใจสั่นเลยค่ะ
ลุ้นมากๆทั้งที่รู้ว่าต้องจบแบบสมหวัง

ขอบคุณที่เขียนผลงานดีๆแบบนี้นะคะ
อ่านแล้วมีความสุขมาก ยิ้มตามตลอด
เราชอบเวลาจ้ากับตังคุยกัน ไม่ยาวมากแต่สุขใจยังไงไม่รู้

เรื่องนี้เหมือนแดดอุ่นๆในบรรยายกาศหนาวๆแบบนี้จริงๆค่ะ
อบอุ่นไปทั้งใจ ^^
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: happy-jigsaw ที่ 16-01-2014 00:13:25
/// อ่านถึงตอนที่ 3 แล้ว อ่า...คิดว่าคงได้อ่านยาวจนเช้าแน่ๆ ถ้าไม่หยุดตัวเองไว้

อบอุ่นจังค่ะ อ่านแล้วอยากไปเที่ยวเลย นักเขียนใช้ภาษาง่ายๆ แต่อ่านแล้วเห็นภาพทิวทัศน์ต่างๆ ได้ดีเลยค่ะ ชอบจัง ^^

ขอบคุณสําหรับเรื่องดีๆ นะคะ แถมมีเกร็ดให้ด้วย ดีจัง   :กอด1: :กอด1: o13
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: Sillyfoolstupid ที่ 16-01-2014 01:40:53
เป็นเรื่องที่หวานแหววและลึกซึ้งมากเลยค่ะ

ไม่มีดราม่า แต่แอบเจ็บจี๊ดๆ เป็นบางช่วง

ชอบตังกับจ้ามากเลย ตังมั่นคงมากเลย จ้าเวลาจะอ้อนก็น่ารักมาก

ขอบคุณที่แต่งเรื่องน่ารักๆมาให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: Shin Heeyoo ที่ 16-01-2014 11:30:55
ชอบผู้ชายแบบตังอ่ะ

ขอเป็นแม่ยกให้น้องตัง

 :impress2:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 16-01-2014 11:37:29
อ่านทีเดียวรวดเลยมีความสุขมากค่ะ
เป็นนิยายฟีลกู๊ดมากจริงๆๆชอบมากๆ
เห็นจ้าทำอะไรแบบนี้ก็ตะลึงไปหน่อยปกติฮีจะนิ่งๆ
แต่ดีมากกกกกกกกกกทำให้ตังรู้ว่าจ้าก็รักตังมากเหมือนกัน
ยิ่งอ่านยิ่งอินค่ะ กิกิ

ความรักเป็นสิ่งสวยงามค่ะ ตังกับจ้าก็เป็นตัวแทนบอกเหมือนกัน เป็นนิยายเรื่องแรกที่ข้องกับชีวิตจริงมากๆ
ทำให้เห็นว่าชีวิตคนเราไม่ต้องดราม่าอะไรมากก็มีความสุข

ตังเป็นคนมองโลกในแง่ดีมากกกกกกกกกประทับใจ

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆมากเลยนะคะ:)
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 16-01-2014 12:26:35
โอ๊ยยยย หวานนนนนนนน
ละมุน อบอุ่น
เป็นอีกเรื่องที่ประทับใจมากๆ
คงคิดถึงตังและจ้าแน่ๆเลย
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 16-01-2014 17:39:42
ตอนพิเศษแอบมีหน่วงเล็กๆ รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 16-01-2014 21:58:36
บอกได้คำเดียวว่าน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกก
ขอบคุณคนเขียนกับเรื่องหวานๆน่ารักๆนะคะ อิๆ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 16-01-2014 22:00:21
คำที่นึกขึ้นได้ หลังจากอ่านเรื่องนี้
-พรหมลิขิต (ตังลิขิต)
-น่ารัก
-รู้สึกดี
-อบอุ่น
-มีความสุข

จะเป็นอีกเรื่องที่เราประทับใจค่ะ
ชอบการบรรยายเนื้อเรื่องแบบค่อยเป็นค่อยไป
ชอบการบรรยายความรู้สึก ความสัมพันธ์ของตัวละคร
ทั้งของตังและจ้า

อ่านแล้วมีความสุขจังเลยค่ะ^^
ขอบคุณคนเขียนมาก ๆ นะคะ

ป.ล.น้ำตาร่วงตอนจบเพราะประโยค "จนกว่าจะพบกันใหม่"


////... เพ้อ ..จ้า ...////
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 17-01-2014 00:21:11
อ๊ายยยยยย ประทับใจอ่ะ
ชอบพี่ตังจังเลย พี่จ้าด้วย
น้องขวัญนี่ห้ามลืมแม่สื่อแม่ชักเลย
ชอบที่สุดตรงตังลิขิตเนี่ยละ
ประทับใจสุดๆเลยจ้า  :mew1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: coloursal ที่ 17-01-2014 15:08:34
นี่หล่ะคือนิยายที่ตามหา มันเรียบดี เรียบมากๆแบบนี้หล่ะ
 ชอบการบรรยายมากเลยยย เหมาะกับหน้าหนาวมาก แหะๆ
คือเป็นคนชอบอ่านนิยายที่เรียบๆอ่ะ
มันให้ความรู้สึกใกล้ความจริงดี
แล้วจะรอเรื่องต่อไปนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 17-01-2014 22:01:48
เป็นนิยายที่อ่านแล้วทำให้อุ่นไปทั้งใจ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: dekzappp ที่ 17-01-2014 23:37:28
 :hao5: ซึ้งงงงง ชอบเรื่องนี้ที่สุดของที่สุดมันฟินมันอินมันฟีลกู๊ดมว๊ากกกกกกก

ชอบบีรยากาศของทั้งคู่ ชอบนิสัยของตังนายเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์มากอะ!!!!

ส่วนจ้านี่นิ่งได้ใจแต่ตอนอ้อนนี่แทบละลายถ้าเราเป็นตังเจอจ้าอ้อน ยอม ยอมทุกอย่าง

หวังว่าจะมีหลักกิโลมาให้อ่านอีกนะคะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 19-01-2014 22:04:20
 :hao5: รู้สึกอิ่มใจกับเรื่องนี้มากจริงๆ ขอขอบคุณ คุณ LUCEA ที่แนะนำเรื่องนี้ให้อ่านนะคะ
ขอบคุณ คุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่เขียนเรื่องนี้ขึ้นมา เป็นการเดินทางที่น่าประทับใจมากคะ หวังว่าจะมีการเดินทางครั้งใหม่ ในหลักกิโลเมตรถัด ๆ ไปเกิดขึ้น อีกนะคะ :bye2:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 19-01-2014 23:44:16
น่ารักมากก อบอุ่นมากกก
รู้สึกได้ถึงความรักและความโรแมนติกซ่อนอยู่
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: happy-jigsaw ที่ 19-01-2014 23:54:38
เป็นอะไรที่ประทับใจ ประทับใจมากจริงๆ ตั้งแต่บทแรกจนถึงบทสรุปสุดท้าย เป็นเรื่องราวที่ค่อยๆ เติมเต็มหัวใจคนอ่านเรื่อยๆ จนพอดี ไม่มากไม่น้อย

ชอบมากๆ ค่ะ ประทับใจมากๆ ไม่ว่าจะเป็นภาษาของนักเขียน หรือ บทบรรยายเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวที่ตังและจ้าไป

ตัวละครในเรื่องทุกตัว นิสัยเรียบง่ายตามแบบของปถุชนทั่วไป ทําให้แอบคิดไม่ได้ว่า

เอ...สักวันเราอาจจะเจอตังกับจ้าที่ไหนสักที่ สักวันเราอาจจะเจอขวัญตรงสถานีรถไฟก็ได้

ไม่รู้จะพูดว่าชอบยังไงให้รู้ว่าชอบมากๆ สําหรับเรื่องนี้

ไหนยังจะความเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายของตังที่มองแต่จ้าไม่เคยเปลี่ยน ชอบจัง ชอบที่สุด

ขอบคุณนะคะที่แต่งเรื่องราวดีๆ ของคนสองคนที่อาจมีตัวตนจริงๆ อยู่มาให้อ่าน

 :n1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: loverken ที่ 20-01-2014 13:01:46
 :mew1:
อ่านแล้วอิ่มเอมใจมาก
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: imetvxq ที่ 21-01-2014 03:49:34
อ่านรวดเดียวจบเลย รู้สึกตาเริ่มแฉะ แต่เรื่องน่ารักจนตัวเริ่มลอยๆ
เขิน ..
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: felin_kkr ที่ 21-01-2014 11:33:45
อร๊ายยยยยยยยย เพิ่งได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้

อยากเอาหัวโขกกำแพง ทำไมเรามองข้ามเรื่องนี้ไปได้ตั้งนาน

อ่านแล้วอบอุ่นมากเลยค่ะ

ชอบมากๆๆๆๆ o13 o13 :mew1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: schneesturm_fubuki ที่ 21-01-2014 13:41:07
 เป็นนิยายที่อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่นจังค่ะ...ปกติเราหื่นนะ555
แต่อ่านเรื่องนี้แล้ว บอกได้เลยว่ารู้สึก อิ่มเอม ไปกับความรักของตังที่มีให้จ้า
แอบอิจฉาจ้าเล็กๆ อยากมีใครมาเขียนโปสการ์ดให้แบบนี้บ้าง คฟินพิลึก

ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องนี้นะคะ อ่านไปอมยิ้มไป  :mew1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 21-01-2014 23:35:38
อ่านเรื่องนี้แล้วประทับใจมากค่ะ

อบอุ่นมากอ่ะพี่ตังนี่กวนสุดๆเลยอยู่ใกล้น่าจะมีความสุข

พี่จ้าก็ใจแข็งเหลือเกินกว่าจะยอมรับลุ้นมาก
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: Eomoge ที่ 22-01-2014 00:40:08
เพิ่งอ่านเรื่องนี้จบครับ

ประทับใจมาก

ขอบคุณผู้เขียนที่เขียนเรื่องราวดีๆแบบนี้มาให้อ่านครับ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: appattap ที่ 23-01-2014 00:50:34
อ่านแล้วประทับใจมากเลยค่ะ
ชอบความรักของทั้งคู่ น่ารักมาก
มีความสุขตาม จ้า กับ ตัง ยิ้มแทบทุกตอน
ขอบคุณที่แต่งเรื่องราวดีๆ มาให้อ่านนะคะ
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 23-01-2014 15:47:15
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 23-01-2014 17:42:22
หวานมากเลยค่ะ

เป็นเรื่องที่เหมือนค่อยๆเติบโตผลิบาน...

ฮึ้ยยยยย ประทับใจมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: LiTTle_MouSe_YJ ที่ 24-01-2014 00:07:44

เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้จบ ประทับใจจังเลยค่ะ
รู้สึกอุ่นๆ ละมุนไปด้วยความรักที่ไม่ได้หวือหวา แต่ค่อยๆ ก่อตัวอย่างอบอุ่นค่ะ
เวลาอ่านเรื่องนี้อมยิ้มไปด้วย นึกถึงธรรมชาติสวยๆ บรรยากาศดีๆ กับอากาศหนาวๆ ได้ความรู้สึกโรแมนติกด้วย
อยากให้มีต่อไปอีกเรื่อยๆ จังเลยค่ะ ยังไม่อยากให้จบเลย
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวที่ทำให้ feel good แบบนี้นะคะ ^___^

หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-01-2014 04:24:42
หวาน :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 24-01-2014 13:50:05

ในที่สุดก็จบลงแล้ว
ขอบคุณมากๆสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้

รู้สึกอิ่มเอม---ประทับใจ---มีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่าน
หวังว่าจะได้มีโอกาสติดตามผลงานใหม่ๆของคนแต่งอีกนะ

+ 1 + เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 24-01-2014 14:20:56
เห็นจากแนะนำนิยาย น่ะคะ เลยตามมาอ่าน และไม่ผิดหวังจริงๆ เขียนได้สนุกมากค่ะ ขอบคุณน่ะคะสำหรับนิยายดีๆ  o13
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: zazoi ที่ 24-01-2014 22:39:47
สนุกมากค่า เรียบๆ แต่ลุ้นตลอด


ปล. อยากรู้ว่านนทฺตกลงคิดยังไง ทำไมหายไป และหากได้พบกันอีก จ้าจะเป็นอย่างไรบ้าง
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 27-01-2014 04:11:06
สวัสดีค่ะ เราตามทั้งคุณ Lucea คุณ west และเพื่อนๆในบอร์ดที่กระทู้แนะนำมาค่ะ

เราเพิ่งอ่านจบไปสองตอนเอง พรุ่งนี้มีสอบแต่เราสมองไม่รับแล้วค่ะเลยขอหาอะไรอ่านแก้เครียดก่อน
จะบอกว่าอ่านแค่ตอนเดียวก็ชอบเลย เราผ่านตาไปได้ยังไงเนี่ย T T

อ่านตอนแรกแล้วเรานึกได้เรื่องนึง
เมื่อก่อนเราชอบจะตกใจเวลาประตูบีทีเอสใกล้ปิดแล้วมีเสียงเตือนตลอด
มันเหมือนมีอะไรทำให้ต้องวิ่งให้ทันขบวนนี้ทั้งๆที่ก็รู้ว่าแป๊บเดียวขบวนต่อไปก็มาละ ตลกดี
เดี๋ยวนี้เลยชอบดูคนอื่นเวลาเป็นแบบเราตอนนั้น 555555

เรื่องปูทางมาเรื่อยๆ อ่านแล้วสบายใจจังค่ะ
ถ้าเราไม่สลบไปซะก่อนจะตามอ่านจนกว่าจะจบเลย สอบเสิบช่างมันละค่ะ เราชิว  :laugh:
นี่เราเม้นไม่เกี่ยวกับเรื่องเลยอะ 5555 ยังไงอ่านทันแล้วเราจะมาเม้นรวบยอดอีกทีไม่ว่ากันนะคะ ;]

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ แล้วเราจะรอติดตามเรื่องต่อไปเรื่อยๆอีกคนแน่นอนค่ะ  :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 28-01-2014 03:05:23
ไม่มีอะไรจะบอกนอกจากคำว่า"ขอบคุณมากๆค่ะ" :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 29-01-2014 06:56:45
อ๊ากกกกเขินนน แต่แอบหน่วงๆนิดหน่อยอะหุ
จ้ากลายเป็นแมวเหมียวขี้อ้อนไปแล้ว
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: title ที่ 30-01-2014 01:32:12
 :impress3: :impress3:ชอบมาก เลยค่ะ
 อ่านแล้วยิ้มตาม ตลอดเรื่องเลย
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: k_U_K_K_I_K ที่ 30-01-2014 20:43:26
หวานสุดดด อ่า อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกดีจริงๆๆน่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: imissyou ที่ 03-02-2014 19:42:37
อ่านแล้วอมยิ้มมมมม  :mew1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 07-02-2014 00:31:07
หวาน อบอุ่น ละมุนมากๆ
จ้าที่รอคนอื่นมาเป็นสิบๆ ปี
กับตังที่ตกหลุมรักจ้ามานานมาก นานแม้จ้าไม่ใส่ใจจะจำเลย
แต่ก็ลงเอยกันจนได้
ตังเป็นคนดี และน่ารักมากๆ แม้ว่าจะปากร้ายไปหน่อยก็เหอะ
แต่ก็น่ารักกับจ้าตลอดๆ
หยอดทุกวันขนาดนี้ จ้าไม่มีใจให้คงไม่ได้แล้ว
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: i c u ที่ 08-02-2014 14:37:37
 :impress3:
feel good   คงเป็นนิยามของนิยายเรื่องนี้จริงๆนะ  อ่านแล้วมีความสุข  ประหนึ่งเป็นผู้ตามติดชีวิตตังกับจ้าอ่ะ แอบคิดถึงนะเนี่ย  มาลงหลักกิโลเมตรต่อไปเร็วๆนะคะ  รออยู่ค่ะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 09-02-2014 20:10:07
เป็นอีกคนที่ตามมาจากกระทู้แนะนำเหมือนกันค่ะ ดีใจที่ได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้
อ่านจบแล้วมีความสุขมากจริงๆ หลงรักทั้งตังทั้งจ้าเลย รวมถึงน้องของขวัญด้วย
ชอบตอนท้ายๆที่จ้าเริ่มอ้อนตัง คืออ่านแล้วเขินมากกกก ยิ้มแบบแก้มจะแตกเลย ><
ขอบคุณคุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้านะคะ ที่เขียนเรื่องราวดีๆแบบนี้ให้ได้อ่านกัน
+1เป็นกำลังใจให้เขียนเรื่องต่อๆไปนะคะ เรารออ่าน  :L2:
ปล.ถ้ามีโอกาสอยากให้ทำรวมเล่มด้วยค่า อยากได้มากกกกก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: Noi_Noi ที่ 09-02-2014 20:44:08
อ่านรวดเดียวจบเลยต่ะ
แต่ดูเหมือนอามรมณ์คนอ่านจะยังไม่จบเท่าไหร่   :laugh: :laugh:
ชอบเรื่องนี้มากจริงๆ ค่ะ อ่านได้เรื่อยๆ ไม่เบื่อเลย
วิธีเดินเรื่องมันคือเรื่องธรรมดาที่เราสามารถพบเจอได้
ก็เลยชอบเผลอคิดตลอดเลยค่ะว่า อ่า ป่านนี้จ้ากับตังจะทำอะไรอยู่นะ
เวลามองท้องฟ้าก็คิดถึงชื่อยูสเซอร์แปลกๆ 'ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า'
ง่าาา หลงรักเรื่องนี้เข้าเต็มใจเลยค่ะ >~<

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ ที่นำมาแบ่งปันกัน จะติดตามผลงานเรื่องต่อๆ ไปนะคะ
สู้ๆ ค่ะ 
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: super hero ที่ 10-02-2014 01:05:19
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 5 (บทสรุป))
เริ่มหัวข้อโดย: up2goo ที่ 10-02-2014 23:14:37
 :-[
คือหวาน
คือน่ารัก
คือละมุน
คือดีอ่ะะะะะะ
>\\\\\<
หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 11-02-2014 10:16:41
(คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ..) ตอนพิเศษ : เสือน้อย


ตาคมกริบก้มลงมองดอกบัวหลวงสองดอกที่ถูกจับจีบอย่างประณีตมัดรวมกับธูปและโคมเทียนประดิษฐ์เองซึ่งวางอยู่ในตะกร้าหน้ารถจักรยานก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไปยังทางข้างหน้าซึ่งเป็นถนนคอนกรีตสำหรับรถราได้สัญจรไปมาภายในหมู่บ้านจัดสรร ที่ข้างทางมีทั้งพ่อแม่กำลังจูงมือลูก ๆ หลาน ๆ ประคองคุณตาคุณยาย คนรักเดินจับมือกัน ในมือของแต่ละคนต่างก็ถือธูปเทียนและดอกไม้สดตามแต่จะหาหรือซื้อมาได้ เมื่อถึงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาเช่นนี้จุดหมายปลายทางของคนเหล่านั้นคงไม่ต่างกันนักนั่นก็คือวัดที่อยู่ใกล้บ้าน



ตฤณกรก้มลงมองที่มือทั้งสองข้างของตัวเองที่ขณะนี้ได้แต่เพียงกำแฮนด์จักรยาน ไม่มีสัมผัสอุ่น ๆ จากมือของคนข้าง ๆ เหมือนกับคนอื่น แต่เสียงชัตเตอร์ที่ดังเป็นระยะ ๆ อยู่ด้านหลังก็ทำให้รู้สึกอุ่นขึ้นมาได้เหมือนกัน อย่างน้อยก็อุ่นใจเพราะมันก็ทำให้รู้ว่าเขาไม่ได้กำลังอยู่คนเดียวบนเส้นทางที่ไม่คุ้นเคยนี้


“เกาะเอวผมบ้างก็ได้นะ มัวแต่ถ่ายรูปอยู่นั่นแหละ ถ้าคุณหล่นไปตรงไหนผมจะรู้ไหมเนี่ย” คำพูดของพลขับกิตติมศักดิ์ทำให้อาทิตย์ทัศน์จำต้องลดกล้องลง ปากบางเม้นเข้าหากันแน่นพร้อมกับจ้องแผ่นหลังกว้างตรงหน้าอย่างหมั่นไส้


“กล้าทำหล่นเหรอ”


ตฤณกรขยับยิ้มก่อนจะเหลียวมามองคนที่นั่งซ้อนท้าย “ใครจะกล้าทำพ่อเสือน้อยหล่นกลางทางล่ะครับ ลุกขึ้นมาได้มีหวังโดนไล่ตะปบไส้แตกกันพอดี”


หัวคิ้วหนาขมวดเข้าหากันน้อย ๆ เมื่อได้ยินสมญานามที่คนข้างหน้าคิดขึ้นมาเรียกตัวเองเมื่อไม่นานมานี้


‘พ่อเสือน้อย’ ฟังแล้วจั๊กกะจี้พิลึกในความคิดของอาทิตย์ทัศน์ อดคิดไม่ได้ว่านี่เขาดุเข้าขั้นพ่อเสือเชียวหรือ


“บอกแล้วไงว่าอย่าเรียกแบบนี้


“ทำไมล่ะ ผมว่าเหมาะกับคุณดีออก”


“นี่ผมดุขนาดนั้นเลยเหรอ”


“อืม บางทีก็ดุ แต่บางทีก็เหมือน...” ตฤณกรอมยิ้มก่อนจะหันมาสบตาคนซ้อนท้าย “เหมือนลูกแมวอ้อนเจ้าของ เรียกเสือน้อยก็เหมาะแล้ว น่ารักดีออก”


เพียงเท่านั้นก็ทำให้รู้สึกร้อนวูบวาบที่ใบหน้าจนอาทิตย์ทัศน์ต้องเสมองไปทางอื่น ทั้งที่ผ่านช่วงเวลานั้นมาเป็นปี ๆ ทั้งที่เจอกันแทบทุกวัน แต่ทุกครั้งที่สบตาเขามันเหมือนกำลังย้อนกลับไปในวันที่เริ่มเปิดใจให้กัน หัวใจยังคงเต้นแปลก ๆ เหมือนวันแรก ๆ ที่คุยกันไม่มีผิด


“อ่ะ เขิน ๆ” คนตัวสูงพูดพลางรั้งมือคนซ้อนท้ายมาไว้ที่เอวของตัวเอง “กอดไว้ เดี๋ยวหล่นลงไปเพราะมัวแต่เขินละแย่เลย”
น้ำเสียงล้อเลียนแบบนั้นทำเอาคนฟังถึงกับไปไม่เป็น พยายามจะสะกดอาการเขินแต่ก็ทำได้ยากเหลือเกิน


มือเรียวค่อย ๆ ขยับออกจากการถูกเกาะกุมก่อนจะเลื่อนกลับมาวางบนหน้าขาของตัวเอง “พูดเพ้อเจ้อ” 


แทนที่คนถูกว่าจะตอบโต้ เขากลับผิวปากอย่างอารมณ์ดีจนน่าหมั่นไส้


ตฤณกรปั่นจักรยานมาจอดในบริเวณวัดซึ่งขณะนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่ตั้งใจมาเวียนเทียนในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนานี้ ฟ้าที่เริ่มมืดลงช่วยขับให้หลอดไฟนีออนหลากสีสันซึ่งถูกประดับไว้ทั่วบริเวณดูสว่างสดใสขึ้น ลานวัดเต็มไปด้วยร้านรวงที่มาตั้งขายของเนื่องในงานประจำปีของวัดตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อน เครื่องขยายเสียงที่ถูกตั้งเอาไว้ตามจุดต่าง ๆ เป็นตัวกลางในการส่งผ่านสารจากมัคนายกมายังผู้คนที่อยู่ภายในบริเวณวัด


เมื่อเห็นว่าสมควรแก่เวลาแล้วชายชรานุ่งขาวห่มขาวจึงประกาศให้ผู้ที่มาเวียนเทียนไปรวมตัวกัน ดังนั้นผู้คนมากมายจึงพากันชักแถวไปยังโบสถ์ก่อนจะตั้งแถวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย อาทิตย์ทัศน์สะพายกล้องเฉียงพาดไหล่ก่อนจะรับดอกบัวที่มัดรวมกับธูปและโคมเทียนจากตฤณกรจากนั้นทั้งคู่จึงพากันเดินไปรวมกับคนอื่น ๆ โคมเทียนที่ช่วยกันประดิษฐ์ตั้งแต่เมื่อช่วงบ่ายสว่างขึ้นเพราะคุณป้าใจดีท่านหนึ่งช่วยต่อเทียนให้ ตฤณกรเหลือบมองเสี้ยวหน้าที่ต้องแสงเทียนสีเหลืองนวลของคนที่เดินอยู่ข้าง ๆ กันก่อนจะอมยิ้มอย่างมีความสุข ไม่ช้าการเวียนประทักษิณาวัตรรอบโบสถ์เพื่อเป็นการแสดงออกซึ่งการเคารพบูชาพระรัตนตรัยก็เริ่มขึ้นท่ามกลางกลิ่นธูปและควันเทียน



“คุณ เดี๋ยวเราไปเดินเล่นในงานกันก่อนแล้วค่อยกลับนะ” คนตัวสูงเอ่ยขึ้นขณะวางดอกบัวลงบนฐานพระประธานภายในโบสถ์


“เดี๋ยวก็ดึกหรอก” อาทิตย์ทัศน์ท้วง แท้จริงแล้วเป็นเขาเองที่ไม่ชอบสถานที่ที่มีผู้เดินเบียดเสียดกันเสียเท่าไร


“ยังไม่ไม่สองทุ่มเลย” พูดพลางก้มมองนาฬิกาข้อมือ “แต่ถ้าดึกก็ไม่เป็นไร ผมนอนค้างที่บ้านคุณก็ได้”


ตาคู่สวยหรี่ลงก่อนจะกล่าว “ถามเจ้าของบ้านเขาแล้วหรือยัง”


“ไม่ต้องถามก็รู้ว่าอนุญาต” ปากหยักขยับยิ้มก่อนจะรีบเดินหนีเสียงบ่นชุดใหญ่ที่คาดว่าจะต้องตามมาจากคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กันแน่ ๆ  อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้าน้อย ๆ อย่างอ่อนใจที่ไม่สามารถต่อกรกับคนเจ้าเล่ห์คนนี้ได้เลยสักครั้ง


สองหนุ่มเดินตามกันไปยังลานวัดที่แน่นขนัดไปด้วยร้านค้าและผู้คน เสียงปาเป้าและยิงลูกโป่งดังคละเคล้าไปกับเสียงเชิญชวนอวดสรรพคุณสินค้าของบรรดาพ่อค้าแม่ขาย ตฤณกรเดินดิ่งไปยังร้านปาเป้าก่อนจะควักเงินจ่ายให้กับเด็กหนุ่มเจ้าของร้านตามจำนวนที่ติดป้ายเอาไว้ สิ่งที่เขาได้กลับมาคือลูกดอกจำนวนสิบอันที่จะต้องปาให้ลูกโป่งแตกทั้งหมดสิบลูกจึงจะสามารถเลือกตุ๊กตากลับบ้านได้หนึ่งตัว


“ไหวเหรอ” อาทิตย์ทัศน์ถาม


“ไหวสิคุณ ผมน่ะเซียนปาเป้านะ สมัยเด็ก ๆ ตอนอยู่เชียงใหม่ ลุงชอบพาผมไปปาเป้าที่งานวัดบ่อย ๆ” ชายหนุ่มกล่าวอย่างมั่นใจก่อนจะยกมือขึ้นขยับกรอบแว่นสายตาให้เข้าที่


เมื่อได้ฟังดังนั้นคนตัวเล็กกว่าก็พยักหน้าพร้อมกับกอดอกเตรียมพร้อมรอดูผลงานของเซียนปาเป้าที่กวนประสาทที่สุดคนนี้


“เอาเลยพี่” เสียงเชียร์ดังมาจากกลุ่มวัยรุ่นที่ยืนอยู่หลังแผงกั้นหน้าร้าน


ตฤณกรพยักหน้าก่อนเล็งลูกดอกแล้วปามันออกไปเต็มแรง ลูกดอกลูกเล็กแหวกอากาศด้วยความเร็วก่อนจะกระทบกับผิวของลูกโป่งเกิดเสียงดัง ชายหนุ่มหันมายักคิ้วให้คนที่ยืนกอดกออยู่ข้าง ๆ ก่อนจะเริ่มปาลูกต่อไป ในที่สุดลูกดอกที่ถูกปาออกไปทั้งเก้าลูกก็ทำให้ลูกโป่งแตกไปทั้งหมดเก้าใบ แต่แล้วในขณะที่ตฤรกรกำลังจะปาลูกดอกลูกสุดท้ายเสียงของกลุ่มวัยรุ่นก็ดังขึ้นทำลายสมาธิจนเขาปาพลาดเป้า


“โห เสียดายจังอีกแค่ลูกเดียวเอง”


“ไหนบอกว่าเซียนไง” อาทิตย์ทัศน์ยิ้มก่อนจะจ่ายเงินให้เด็กหนุ่มเจ้าของร้านเพื่อแลกลูกดอกอีกสิบลูก “อยากได้ตัวไหนก็เล็งไว้นะน้อง เดี๋ยวพี่ปาให้”


ตฤณกรถึงกับต้องกัดริมฝีปากล่างของตัวเองเอาไว้ รอยยิ้มกวน ๆ และลักยิ้มที่แก้มของคนตรงหน้าทำเอาแทบอยากจะเข้าไปจับฟัดสักฟอดให้หายมันเขี้ยว แต่เขาก็ทำได้แค่เพียงส่งสายตาเพื่อเตือนให้พ่อเสือน้อยของเขารู้ว่า ‘กลับไปไม่รอดแน่’ เพียงเท่านั้น


ลูกดอกลูกแรกถูกปาออกไปอย่างไม่เต็มแรงนักแต่ก็ไม่พลาดเป้า อาทิตย์ทัศน์หยิบลูกดอกลูกที่สองขึ้นมาเตรียมพร้อมก่อนจะหันมายักคิ้วให้คนที่กอดอกเต๊ะท่ายืนมองอยู่ข้าง ๆ จากนั้นเขาก็ปาลูกดอกลูกที่สองออกไป ไม่ถึงห้านาทีลูกดอกในมือก็ถูกปาออกไปจนหมดและทุกลูกก็สามารถทำให้ลูกโป่งแตกครบทั้งสิบลูก


“อยากได้ตัวไหน” ปากบางขยับยิ้มเมื่อเดินเข้ามายืนข้าง ๆ คนที่กำลังแหงนมองตุ๊กตาที่ถูกแขวนเรียงรายเหนือศีรษะ


“อืม” ตฤณกรนิ่งคิดก่อนจะชี้ไปที่ตุ๊กตาแมวสีน้ำเงินไม่มีหูตัวใหญ่ที่แขวนอยู่ด้านในสุด “ผมเอาตัวนั้น”


อาทิตย์ทัศน์ยิ้มก่อนจะหันไปพยักหน้าเป็นสัญญาณกับเด็กหนุ่มเจ้าใช้ไม้ปลายตะขอเกี่ยวถุงใส่ตุ๊กตาลงมาให้


“อ่ะนี่” มือเรียวส่งถุงใส่ตุ๊กตาตัวใหญ่ให้


“ขอบคุณครับ” คนตัวสูงยิ้มจนแก้มแทบปริพร้อมกับรับถุงตุ๊กตามากอดไว้


อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้ายิ้ม ๆ มองคนตัวโตตรงหน้าที่ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับเด็กได้ของเล่นใหม่


ยิ่งดึกผู้คนก็ยิ่งมากขึ้น ยิ่งต้องจับมือกันให้แน่นขึ้น?


“ปล่อยมือผมได้แล้ว นี่ไม่ได้อยู่บ้านนะคุณ” คนตัวเล็กกว่ากระซิบปรามคนที่จับมือเขาเอาไว้แน่นนขณะเดินฝ่าฝูงชนไปยังที่จอดรถจักรยาน


“คนเยอะขนาดนี้ เกิดคุณหลงไปจะทำยังไงครับ”



“ผมไม่ใช่เด็กนะคุณ” อาทิตย์ทัศน์กล่าวพร้อมกับแกะมือหนาที่กุมข้อมือของเขาออกก่อนจะเอามือล้วงกระเป๋าให้รู้แล้วรู้รอดไป


“เดินล้วงกระเป๋ายังกับจิ๊กโก๋” คนที่เดินอยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้นขณะรั้งถุงตุ๊กตามากอดไว้แน่น


“ช่างผมเถอะน่า” เจ้าของร่างเล็กกว่ากล่าวก่อนจะมองดูผู้คนที่เดินสวนทางมา

 
“ยิ้มอะไรของคุณ” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นเมื่อสังเกตเห็นว่าคนข้าง ๆ กันเอาแต่กอดตุ๊กตายิ้มน้อยยิ้มใหญ่


“ดีใจได้ตุ๊กตา”


“คุณนี่มันเยอะตลอด” อาทิตย์ทัศน์อดแขวะไม่ได้ทั้งที่รู้อยู่แล้วตฤณกรมักจะอ่อนไหวกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เสมอ แค่ตุ๊กตาตัวนี้เพียงตัวเดียวก็คงทำให้ปลื้มไปอีกหลายวัน บางครั้งอาทิตย์ทัศน์ก็อดเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับเขาไม่ได้ ความใส่ใจในรายละเอียดของตฤณกรทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองไม่มีความโรแมนติกเอาเสียเลย ยิ่งเมื่อบังเอิญพบกล่องใส่ของใบหนึ่งเมื่อครั้งที่แอบเข้าไปทำความสะอาดตอนเจ้าของห้องไม่อยู่ก็ยิ่งตอกย้ำความคิดนี้ ในกล่องใบนั้นมีทั้งตั๋วเรือด่วนเมื่อครั้งที่ไปเที่ยวด้วยกันครั้งแรก ตั๋วรถเมล์ โปสการ์ด รูปถ่าย และอีกมากมายที่เป็น ‘ของชิ้นแรก’ แต่ละชิ้นถูกใส่ไว้อย่างดีในซองพลาสติก มีวันที่เขียนกำกับพร้อมกับข้อความเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นสั้น ๆ 

   
“ตอนแรกตั้งใจจะปาให้คุณนั่นแหละ แต่สุดท้ายก็กลายเป็นว่าคุณเองต้องเป็นคนปาให้ผม ตลกดีเนอะ”


“อย่างนี้แหละ คนมันเก่ง” อาทิตย์ทัศน์หยักไหล่


“เฮ้อ...” ตฤณกรถอนหายใจก่อนจะโอบไหล่คนข้าง ๆ เอาไว้ “แบบนี้สงสัยกลับไปบ้านต้องให้รางวัลคนเก่งเสียหน่อยแล้ว”


“ไม่ต้องทำเนียนเลย” พูดจบมือเรียวก็คว้าข้อมือคนตัวสูงกว่ายกข้ามศีรษะตัวเองเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการของเขา


ตฤณกรหัวเราะชอบใจก่อนส่งถุงตุ๊ตาให้คนตัวเล็กกว่าถือเอาไว้ จากนั้นเขาก็เดินไปจูงจักรยานที่จอดอยู่ออกมา  “ขากลับคุณปั่นกลับนะ ผมจะกอดตุ๊กตาของผม”


“เป็นเอามากนะคุณน่ะ” อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้าก่อนจะส่งถุงตุ๊กตาคืนให้ จากนั้นจึงขึ้นไปนั่งบนอานจักรยาน เมื่อเห็นว่าผู้โดยสารและตุ๊กตาขึ้นนั่งเรียบร้อยแล้วเขาจึงค่อย ๆ ปั่นจักรยานออกจากบริเวณวัด





ตาคู่สวยหรี่ลงเป็นระยะเมื่อไฟหน้ารถที่ขับสวนมาสาดกระทบกับใบหน้า คิ้วหนาขมวดเข้าหากันก่อนจะตัดสินใจเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบเมื่อรู้สึกได้ถึงไออุ่นจากวงแขนแกร่งที่โอบรัดรอบเอวของตัวเอง


“ไหนบอกว่าจะกอดตุ๊กตาไง”


“ก็กอดอยู่นี่ไงคุณ”


“กอดตุ๊กตาสิ จะกอดเอวผมทำไม”


“ผมกลัวตก”


“แค่นี้ไม่ตกหรอก”


“ผมก็ยังกลัวอยู่ดี” ตฤณกรกล่าวพร้อมกับกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น


“น้อย ๆ หน่อย” เสียงนั่นไม่ได้ทำให้คนถูกปรามคิดจะยอมปฏิบัติตามเลยสักนิด ทั้งยังเอนศีรษะพิงลงบนหลังของคนข้างหน้าพร้อมกับผิวปากอย่างสบายใจไปตลอดทางเสียด้วยซ้ำ



อาทิตย์ทัศน์ชะลอความเร็วด้วยการบีบเบรคมือเมื่อรถมาถึงหน้าบ้าน ชายหนุ่มจอดจักรยานก่อนจะลงไปเปิดประตูรั้ว โดยมีตฤณกรช่วยจูงจักรยานเข้าไปเก็บโรงรถ


“จะกลับเลยไหม ผมจะเปิดประตูให้” คนที่เดินเข้ามาเอ่ยขึ้น


“อะไรกัน มาถึงก็จะให้กลับเลยเหรอคุณ”


“ดึกแล้วนะ”


“หิว อยากกินข้าวไข่เจียวก่อนแล้วค่อยกลับ” ผู้ใหญ่เอาแต่ใจกล่าวพร้อมกับใช้มือลูบท้องตัวเอง ท่าทางของเขาทำให้อีกฝ่ายอดที่จะถอนหายใจไม่ได้


“งั้นก็เข้าบ้าน” อาทิตย์ทัศน์กล่าวด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ จากนั้นจึงเดินนำเข้าไปในบ้านทันที


“กลับมากันแล้วเหรอลูก” ผู้เป็นแม่ที่กำลังจะเดินขึ้นชั้นสองเอ่ยขึ้นเมื่อสองหนุ่มกลับเข้ามาในบ้าน


“ครับแม่”


 “แล้วคืนนี้ตังค้างที่นี่หรือเปล่าจ๊ะ”


“ค้างครับ” / “เปล่าครับ” พร้อมใจกันตอบ แต่กลับตอบแบบไม่ได้นัดกันมาจนตั้งคำถามต้องอมยิ้ม


“เปล่าครับแม่ แค่แวะทานข้าวเฉย ๆ เดี๋ยวก็กลับ” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะหันไปมองคนข้าง ๆ “ใช่ไหม”


“เอ่อ...ชะ ใช่ ใช่ก็ได้ครับ”


อรนุชขมวดคิ้วยิ้ม ๆ “มันยังไงกันจ๊ะตัง ใช่ก็ได้เนี่ย”


“ก็แวะมาทานข้าวแล้วเดี๋ยวก็จะกลับครับคุณป้า”


“อืม นี่ก็ดึกแล้วนะลูก ทานข้าวแล้วก็ค้างเสียที่บ้านเราก็ได้ พรุ่งนี้จะได้ให้ช่วยลากจ้าไปทำบุญกับป้าที่วัดด้วย วันนี้ยังอุตส่าห์ลากไปเวียนเทียนได้”


“อ้าวแม่..ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะครับ” อาทิตย์ทัศน์หน้ามุ่ย


“คุณแม่คุณก็พูดถูกแล้วไง คุณน่ะมันพวกห่างไกลศาสนา” ตฤณกรยิ้ม อันที่จริงก็รู้อยู่ว่าพ่อเสือน้อยของเขามีเหตุผลในการไม่ไปวัดในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนานั่นเป็นเพราะว่าไม่ชอบคนเยอะ ๆ นั่นเอง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะยั่วโมโห


อาทิตย์ทัศน์ถลึงตาใส่คนข้าง ๆ แต่ยังไม่ทันที่จะอ้าปากเถียง แม่ของเขาก็ขัดขึ้นเสียก่อน “เอาละ ๆ ไม่ต้องทะเลาะกัน สองคนนี้นี่” พูดจบอรนุชก็เดินขึ้นบันไดไป


เกือบห้าทุ่มแล้วแต่รถเก๋งสีดำก็ยังคงจอดนิ่งอยู่ที่หน้าบ้าน กลิ่นหอม ๆ ของไข่เจียวหมูสับและข้าวสวยร้อน ๆ ยังคงส่งกลิ่นหอมกรุ่นคละคลุ้งอยู่ภายในห้องครัว แม้ว่าผู้มาเยือนจะจัดการส่งมันเข้าสู่กระบวนการย่อยภายในท้องไปเรียบร้อยแล้ว


“ไม่ให้ค้างด้วยจริง ๆ น่ะเหรอ” ตฤณกรเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินมาซ้อนที่ด้านหลังก่อนจะวางคางลงบนบ่าของคนที่กำลังยืนเช็ดจานอยู่ที่หน้าอ่างล้างจาน


“อิ่มแล้วก็กลับไปนอนที่บ้านตัวเองโน่น”


“กลับก็กลับครับ” พูดจบก็แขนแกร่งก็สอดเข้ากับลำตัวของคนข้างหน้าก่อนจะรั้งเข้ามากอดเอาไว้ “แต่ต้องให้รางวัลคนเก่งก่อน”


“ไม่ต้องให้ ผมไม่เอา” อาทิตย์ทัศน์ทำท่าจะขยับหนีแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว


“แต่ผมอยากให้” ปากหยักกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูก่อนจะกดปลายจมูกลงที่ซอกคอขาวจนคนในอ้อมแขนต้องย่นคอหนี จากนั้นปลายจมูกโด่งก็กดไล่มาจนถึงแก้มเนียนก่อนจะสูดเอากลิ่นหอมอ่อน ๆ เข้าปอดอีกฟอดใหญ่ให้สาสมกับสิ่งที่คนในอ้อมแขนได้ทำไว้เมื่อตอนหัวค่ำ


“พอได้แล้ว” อาทิตย์ทัศน์ปรามหลังจากวางจานใบสุดท้ายลงบนตะแกรง


ตฤณกรยิ้มก่อนจะถอนปลายจมูกที่คลอเคลียอยู่กับแก้มนุ่ม ๆ ออก “งั้นผมกลับแล้วนะ”


“ขับรถดี ๆ ล่ะ”


“ครับ คุณก็อย่านอนดึกนะรู้ไหม”


อาทิตย์ทัศน์ได้แต่พยักหน้าในขณะที่ปากหยักลื่นมากระซิบที่ข้างหูอีกครั้ง


“ฝันถึงผมด้วยนะ”


“พูดจาเพ้อเจ้ออีกแล้ว”


“บอกแล้วไงว่าผมไม่ได้เพ้อเจ้อ” ตฤณกรกล่าวอย่างอารมณ์ดี “ผมเพ้อจ้าต่างหาก เพ้อ..จ้าคนเดียวนี่แหละ”


เสียงกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูทำเอาหัวใจคนฟังวูบไหว ตัวเบาหวิวราวกับอยู่ในสภาพไร้น้ำหนักจนแทบจะยืนไม่อยู่ ถ้าไม่ได้แขนแกร่งของคนข้างหลังประคองเอาไว้ ป่านนี้ก้อนหินจำศีลอย่างอาทิตย์ทัศน์คงลงไปกองอยู่กับพื้นแล้วเป็นแน่...




....



สวัสดีค่ะ

ตอนนี้ไม่ได้มีสาระอะไรเลย (พอดีไปเที่ยวงานวัดมาค่ะ) แค่มาให้หายคิดถึงกันนะคะ ^^
 
ขอบคุณมาก ๆ สำหรับทุก ๆ ความเห็นที่ผ่านมาด้วยนะคะ


หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 11-02-2014 10:27:24
สุดสุดอ่ะตังค์ ทำให้จ้าเขินได้ตลอด
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 11-02-2014 10:36:46
เขินแทนก้อนหินจำศีลอะบอกเลย5555555555555
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 11-02-2014 10:37:01
มาทีไรอบอุ่นหัวใจตลอดเวลาเลยนะ
คุณจ้าคุณตัง :กอด1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 11-02-2014 10:41:23
ง่าาา ทำไมพี่จ้าไม่ใจอ่อน ให้พี่ตังค้างด้วยอ่าาาาา

 :undecided: :undecided: :o11:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 11-02-2014 11:00:37
ไม่ได้เพ้อเจ้อ แต่เพ้จ้า อัยยะ เขิลเเทน
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-02-2014 12:28:01
นึกว่าจะมีซีนเรียกเลือดให้ได้อานกันสักหน่อย แต่แบบนี้ก็ดีน่ารักดีกันเบาๆ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 11-02-2014 12:42:12
โอ้ยน่ารักมาก เบาหวานจะขึ้นมั้ยเนี่ย :hao7: เลิฟคนเขียนด้วยค่าาา มาเขียนตอนพิเศษอีกนะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 11-02-2014 13:16:42
ชอบจ้า เป็นนายเอกที่ข่ม(เหง)พระเอกได้อย่างน่ารักน่าชัง อย่างตอนปาเป้าแล้วได้ตุ๊กตานั่นด้วย
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 11-02-2014 14:35:50
พ่อเสือน้อยใจร้ายยย ทำไมไม่ให้ตังค้างด้วยหึ

รึกลัวได้รางวัลใหญ่ :laugh:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 11-02-2014 15:04:48
หวานมากกกกกก ขอบคุณนะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 11-02-2014 15:27:33
ขอบคุณมากๆค่ะ :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: mm03 ที่ 11-02-2014 15:33:40
เพ้อ...จ้า


ได้ยินคำนี้หล่ะยิ้มมมมมม


หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 11-02-2014 15:59:30
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 11-02-2014 16:19:56
คู่นี้มาทีไร ทำให้รู้สึกดีได้ทุกครั้งเลย
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 11-02-2014 16:25:54
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 11-02-2014 16:30:11

คิดถึงจ้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: happy-jigsaw ที่ 11-02-2014 16:55:20
น่ารักที่สุด  :-[ :-[

เมื่อไหร่จะยอมให้ตังเข้าใกล้กว่านี้น้าาา พ่อเสื้อน้อย  :hao3:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 11-02-2014 18:20:45
เพ้อจ้า เพ้อจ้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: Amaryllifolius ที่ 11-02-2014 19:02:52
ชอบมากๆ เลยค่ะเรื่องนี้

อ่านแล้วอบอุ่นได้อีก เขิลลลลล >///<

ขอบคุณที่แต่งเรื่องสนุกๆ มาให้ได้อ่านนะคะ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 11-02-2014 20:01:38
หวานนอีกแล้ว อ่านไปยิ้มไป มีความสุขอะ
พี่ตังคนเจ้าเล่ห์กับพี่จ้า่คนขี้อาย คึคึ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: JingJing ที่ 11-02-2014 20:09:03
น่ารักอ่ะ เพ้อจ้า :-[
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 11-02-2014 20:46:39
โอยยย อ่านแล้วเขินมาก น่ารักทั้งคู่เลยยย  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: Noi_Noi ที่ 11-02-2014 20:47:57
อุ้ย ฉายาใหม่น่ากลัวจังเลยค่ะ พ่อเสือน้อย ~
อาจารย์จ้าเลิกเป็นก้อนหินจำศีลมาเป็นเสือแล้วสินะ  :t3:
ถ้าเกิดตังทำอะไรให้ไม่ถูกใจ จะโดนเสือตะปบเอามั้ยคะ 55555555
แต่ความน่ารักน่าชังของคู่นี้ยังคงเสมอต้นเสมอปลาย
อยากเห็นอาจารย์จ้าอายเพราะพี่ตังทุกวัน >/////<

ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะคะ บรรเทาอาการคิดถึงตังจ้าไปได้อีกวัน  :hao5:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: i c u ที่ 11-02-2014 21:47:42
 :impress2:
น่ารักมุ้งมิ้งมากอ่ะ  ว่าแต่ไปงานวัดที่ไหนอ่ะ  จะตามไปแอบดูอิอิ
ปล. อย่าลืมตอนพิเศษวาเลนไทน์นะคะ  รออย่างใจจดใจจ่อ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: รักแรก_ ที่ 12-02-2014 16:34:08
ตังน่าร้ากกกก

น่ารักจ้าาาาาา

 :o8:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 12-02-2014 18:56:59
อ่านรวดเดียวจบ สนุกมาก เนื้อเรื่องธรรมดา แต่ในความธรรมดากับมีเสน่ห์มากมายในตัวของมันเอง
 :pig4: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: up2goo ที่ 12-02-2014 21:05:53
ตังอาจจะเพ้อ...จ้า
แต่คนอ่านี่เพ้อ...ทั้งจ้าทั้งตังเลยคร่าาาาา อู๊ยยยยยย!!!
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: arakanji ที่ 12-02-2014 22:27:15
โอ๊ยๆๆๆชอบๆๆๆ
อ่านมาถึงตอนที่ 3แล้ว
ไม่ไหวจริงๆขอคอมเม้นบอกคนเขียนก่อนว่า
ชอบมากเลยค่ะ^^
เดี๋ยวอ่านต่อเลย
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 13-02-2014 00:30:25
ยิ่งอ่านยิ่งเพ้อ ยิ่งอ่านยิ่งฟิน :m3:
น่ารักทั้งตังทั้งจ้าเลย :-[
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 13-02-2014 02:27:57
อ่านไปยิ้มไป น่ารักสุดๆ เลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: arakanji ที่ 13-02-2014 21:13:52
ชอบมากๆเลยค่ะ
อ่านมา 2 วันจบซธแล้ว
อบอุ่นมากๆเลยค่ะ
จ้าน่ารัก ตังก็น่ารัก
ดำเนินเรื่องได้อ่อนโยนมากๆ
อยากอ่านเรื่องอื่นของคุณจังค่ะ
รอผลงานเรื่องอื่นๆนะค่ะ
ขอไปอ่านตอนพิเศษต่อ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: PK37 ที่ 14-02-2014 00:13:32
สนุกมากค่ะ ทั้งเอาใจช่วยตัง ทั้งเสียน้ำตาไปกับจ้า ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆ เรื่องนี้มาให้อ่านนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: mildmint0 ที่ 15-02-2014 06:21:06
“ทำไมครั้งแรกที่เราพบกันในร้านเค้ก คุณถึงไม่บอกว่าคุณเคยเจอผมมาก่อน” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้น


“ผมอยากให้คุณจำผมได้เอง”


“แล้วถ้าผมจำไม่ได้ล่ะ”


“จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงความรู้สึกของผมก็เหมือนเดิมอยู่ดี” ตฤณกรยิ้ม


ผมชอบประโยคนี้มากๆเลยครับ
ไม่รู้ทำไมแม้เรื่องนี้ จะยังไม่มี NC
เอ๊ะ หรือว่าไม่มีจริงๆ
แต่ผมอ่านแล้วยิ้มตามตลอดเลย
มีหน่วงบ้าง ก็ชอบแนวแบบนี้
ผมตั้งใจอ่านมากๆเลยนะ
ทั้งที่ช่วงแรกๆ ผมอาจจะ งงๆ
ตอนที่ยังเวิ่นๆ ในกระทู้กัน
แอบงงว่าจะเจอกันยังไง
แต่พออ่านๆไป มันมากกว่านั้น
อ่านแล้วรู้สึกว่า น่าจะเอาไปทำหนังอ่ะครับ
ผมชอบเรื่องนี้มากๆเลย
แอบอยากให้คุณคนแต่ง แต่ง nc ให้โหน่ยนะ
สุดท้าย ผมชอบเรื่องนี้มากๆ จริงๆ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 15-02-2014 10:59:45
“ทำไมครั้งแรกที่เราพบกันในร้านเค้ก คุณถึงไม่บอกว่าคุณเคยเจอผมมาก่อน” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้น


“ผมอยากให้คุณจำผมได้เอง”


“แล้วถ้าผมจำไม่ได้ล่ะ”


“จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงความรู้สึกของผมก็เหมือนเดิมอยู่ดี” ตฤณกรยิ้ม


ผมชอบประโยคนี้มากๆเลยครับ
ไม่รู้ทำไมแม้เรื่องนี้ จะยังไม่มี NC
เอ๊ะ หรือว่าไม่มีจริงๆ
แต่ผมอ่านแล้วยิ้มตามตลอดเลย
มีหน่วงบ้าง ก็ชอบแนวแบบนี้
ผมตั้งใจอ่านมากๆเลยนะ
ทั้งที่ช่วงแรกๆ ผมอาจจะ งงๆ
ตอนที่ยังเวิ่นๆ ในกระทู้กัน
แอบงงว่าจะเจอกันยังไง
แต่พออ่านๆไป มันมากกว่านั้น
อ่านแล้วรู้สึกว่า น่าจะเอาไปทำหนังอ่ะครับ
ผมชอบเรื่องนี้มากๆเลย
แอบอยากให้คุณคนแต่ง แต่ง nc ให้โหน่ยนะ
สุดท้าย ผมชอบเรื่องนี้มากๆ จริงๆ



ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ

ส่วนเรื่อง NC คือตั้งแต่แรกแล้วเราก็ตั้งใจว่าจะไม่มีค่ะ เพราะเขียนไม่เป็น ^^"

ถ้าจะเขียนก็กลัวว่าจะเขียนได้ไม่ดี คงต้องรบกวนให้คุณคนอ่านจินตนาการแล้วละค่ะ ฮ่า ๆ อย่างอนนะ

 
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 15-02-2014 11:02:13

 :-[ ไม่มี NC ไม่มี image ก็ดีนะคับ

บางอย่าง บางเรื่อง จินตนาการช่วยเติมเต็มได้คับ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: jj-pits ที่ 15-02-2014 12:44:55
 :mew3:
แอร๊ยยยยยยยย เขิลจุง

เป็นเรื่องที่นุ่มๆ ดีครับ
อ่านแล้วอบอุ่นดี
ปกติไม่ค่อยได้อ่านเรื่องแนวผู้ใหญ่วัยทำงานซักเท่าไร
แต่เรื่องนี้ยอดเยี่ยมคับ รักเบาๆ No NC แต่หวานจนแทบจิกหมอนขาด

แอบหวั่นตอนนนท์กลับมา กลัวเกิด conflict ประมาณว่า
คนรักเก่าที่เฝ้ารอ vs คนใหม่ที่เข้ามาทำให้รู้สึกดี
แต่ไม่ีก็โล่งไปเปราะนึง

ปล. จอมขวัญมีพลังอำนาจอะไรบางอย่างรึเปล่า รู้ทันไปซะทุกเรื่อง
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: นักอ่านเงา ที่ 15-02-2014 21:53:22
อ่านแล้วอิ่ม ครบรสจิงๆ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: bon ที่ 16-02-2014 17:01:02
มาให้หายคิดถึงบ่อยๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 22-02-2014 22:45:43
คิดถึง ตัง&จ้า
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: windel ที่ 23-02-2014 14:26:08
สวัสดีค่ะ คุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
ก่อนอื่นต้องสารภาพก่อนว่าอ่านเรื่องนี้จบได้พักใหญ่ๆ แต่ไม่เคยได้คอมเมนท์เลย
(เรามาอ่านตอนกระทู้ย้ายมาห้องจบแล้วซะด้วย แหะๆๆ)

นี่เป็นกระทู้แรกในรอบหนึ่งปีกับอีกหลายเดือนของเราค่ะ  :z2: หลังจากที่ห่างหายจากการสิงเล้าไปนานม๊ากกก :mew3:

เรื่องถ้าธอเป็นท้องฟ้า สนุกมากค่ะ สวยงาม โรแมนติกแล้วก็ละมุนละไมดี  :กอด1:
ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆแบบนี้ให้อ่านนะคะ ^^

ปอลอว่า.อาจลองไปสวนสนบ่อแก้ว ตอนหน้าฝนเลยล่ะค่ะ แต่แบกเป้ไปคนเดียวก็ไงๆอยู่ ถึงจะเป็นผู้หญิงบู้ๆก็ตามที  :-[
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: Sillyfoolstupid ที่ 23-02-2014 17:32:40
อ่านแล้วก็"เพ้อจ้า"ด้วยคน


 :hao7:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 23-02-2014 21:24:39
สวัสดีค่ะ คุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
ก่อนอื่นต้องสารภาพก่อนว่าอ่านเรื่องนี้จบได้พักใหญ่ๆ แต่ไม่เคยได้คอมเมนท์เลย
(เรามาอ่านตอนกระทู้ย้ายมาห้องจบแล้วซะด้วย แหะๆๆ)

นี่เป็นกระทู้แรกในรอบหนึ่งปีกับอีกหลายเดือนของเราค่ะ  :z2: หลังจากที่ห่างหายจากการสิงเล้าไปนานม๊ากกก :mew3:

เรื่องถ้าธอเป็นท้องฟ้า สนุกมากค่ะ สวยงาม โรแมนติกแล้วก็ละมุนละไมดี  :กอด1:
ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆแบบนี้ให้อ่านนะคะ ^^

ปอลอว่า.อาจลองไปสวนสนบ่อแก้ว ตอนหน้าฝนเลยล่ะค่ะ แต่แบกเป้ไปคนเดียวก็ไงๆอยู่ ถึงจะเป็นผู้หญิงบู้ๆก็ตามที  :-[

ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ
ส่วนเรื่องไปสวนสนบ่อแก้วหน้าฝน ต้องบอกก่อนเลยว่าเราเองก็ยังไม่เคยไปถึงค่ะ ไปแค่ออบหลวง
ไปหน้าฝนเหมือนกัน ทางมันค่อนข้างคดเคี้ยวขนานไปกับแม่น้ำแม่แจ่มค่ะ น้ำแรง แล้วก็มีถนนพังเป็นช่วง ๆ
ยังไงก็ระวังด้วยนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: i c u ที่ 23-02-2014 21:39:34
อ่านเรื่องนี้แล้วชอบมากๆเลยค่ะ  ความรู้สึกคงประมาณ feel good   เลยเข้ามาอ่านบ่อยๆ  แล้วก็แอบไปทวงตอนพิเศษในเฟสดวย  แต่คนเขียนก็ยังไม่ใจอ่อน 5555
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: Shin Heeyoo ที่ 01-04-2014 13:21:36
สารภาพว่าไปทำควิซในเด็กดีมา

แล้วได้แค่ 8/20 อ่ะ

จ้าบอกให้มาอ่านอีกหลายๆรอบ

เชื่อจ้าเลยว่าจะมาอ่านรอบสอง

กลับไปควิซอีกรอบ จะเอาให้ได้คะแนนเต็มเลย

 :hao3:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: vevi ที่ 11-05-2014 12:29:00
ชอบบรรยากาศของเรื่องนี้ แบบช้าๆ นุ่มๆ อบอุ่นๆ แต่น่าติดตามเป็นที่สุดของเรื่องนี้มากๆ :mew1:

ขอบคุณผู้เขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: yamapong ที่ 09-06-2014 21:45:48
กรี๊ดดดดดดดดดดด >//////< รักคนเขียนมากค่ะ ณ จุดนี้

เรื่องนี้เราฟินมากกกก ชอบแนวนี้มากๆ แต่ไม่ค่อยมีคนเขียนกัน มันไม่หวือหวา อบอุ่นหัวใจสุดๆ เราตามมาอ่านจากเรื่อง คุณบุรุษไปรษณีย์ นะคะ คืออ่านแล้วชอบมากแนวนี้เลย เลยตามมาอ่านเรื่องเก่า แล้วก็ อ๊ายยยย ชั้นพลาดได้อย่างไร แนวแบบนี้คนแต่งเก่งมากเรื่องเนิบๆแต่ไม่น่าเบื่อเลยค่ะ ชอบๆๆจริงๆค่ะ อยากตะโกนให้ได้ยิน 555+ เปิดเรื่องมาไม่รีบร้อน สองคนได้มาเจอกันมีที่มาที่ไปค่อยๆเป็นค่อยๆไปทำแถมเรื่องนี้ยังไม่ต้องดราม่าน้ำเน่าอะไรมากมาย แต่มันอ่านแล้วยิ้มทั้งน้ำตาอ่ะค่ะ ไม่ใช่เสียใจนะ แต่ดีใจจริงๆ เราก็งงตัวเองนะคะ อย่างช่วงตอนหลังๆที่ใกล้จบ ตอนที่เริ่มหวานกันแล้วเราอ่านไปยิ้มไปน้ำตาซึมไปมันเหมือนมันประทับใจ ตราตรึงใจจริงๆค่ะ ตังก็เป็นพระเอกที่ดีมากๆ อ่านแล้วรักเลยค่ะ ไม่เร่งเร้า ไม่บังคับ รักมั่นคง สุภาพ อ่อนโยน กวนนิดๆ ไม่หื่น(รึเปล่า?) แต่ทุกการกระทำที่ตังทำให้จ้า เราอ่านแล้วกรี๊ดในใจทุกตอนค่ะ 5555+ ไม่ไหวๆ มันอร๊ายยยยยย >[]< อธิบายไม่ถูกจริงๆ

สรุปว่าเรารักเรื่องนี้จริงๆค่ะ เราอ่านรวดเดียวจบ ส่วนใหญ่เรามักจะอ่านนิยายไม่ค่อยจบมันมักจะเบื่อซะก่อน แต่เรื่องนี้จบเลยรวดเดียว ขอบคุณผู้แต่งเป็นอย่างสูง เราชอบแนวการเขียนแบบนี้ เป็นกำลังใจให้ จะติดตามนิยายของคุณทุกๆเรื่องค่ะ จะรอชมผลงานดีๆ น่าประทับใจแบบนี้ต่อไปนะคะ

ปล.ตอนนี้ก็ติดคุณไปรษณีย์ด้วยแล้วล่ะ รักน้องตามและพี่เต็ม รักคุณพนักงานใหม่ด้วย รักทุกคน รักทั้งเรื่องเลย ^___^
ปล2.สำหรับเรื่องนี้ไม่เรียกร้อง NC เลยค่ะ เราว่าไม่จำเป็นเลย(เดี๋ยวจิ้นเอง555+) พอไม่มี NC มันก็ให้อารมณ์ไปอีกแบบ สำหรับเราชอบมากค่ะ เอาจริงๆเราชอบเรื่องที่ไม่มี NC นะคะ(แต่มันหาไม่ค่อยได้ อิอิ) เพราะงั้นจึงรักคนเขียนมากๆ จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 16-06-2014 23:25:55
ขอบคุณสำหรับเรื่องค่ะ รู้สึกดีมากๆ เลยตลอดเวลาที่อ่าน รวมถึงเมื่ออ่านจบแล้วก็ยังรู้สึกอบอุ่นในใจ เป็นเรื่องที่ทำให้ยิ้มได้ตลอด ขอบคุณจริงๆ ค่ะ  :m3:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: latin ที่ 18-06-2014 13:21:36
อ่านจบรวดเดียวเลย
อ่านจนจบนี่ทำเอาน้ำตาลขึ้นไปหลายร้อยเลยค่ะ หวานมากๆๆๆๆๆ
ชอบเนื้อเรื่องอ่ะ แบบเรื่อยๆทำให้เห็นความพยายามของตังที่จะเอาชนะใจของจ้าได้
เราอ่านนี่ลุ้นแทบแย่ จ้าก็ใจแข็งจริงๆนะ

ดีใจแทนตังที่ได้เจอกับจ้าอีก แถมยังเป็นแฟนด้วย
พรมลิขิตสุดๆอ่ะ

ขอบคุณคนเขียนนะคะที่ถ่ายถอดเรื่องราวดีๆแถมโรแมนติกให้อ่าน
อ่านไปยิ้มไปจนแก้มแทบแตกแหนะ  :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 19-06-2014 11:38:02
เพิ่งได้มาอ่านตอนพิเศษ

เขินทุกครั้งที่ได้ยิน "เพ้อ..จ้า"

อรั๊งๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
>//////////<

ขอบคุณนะคะ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: t-unseen ที่ 22-06-2014 00:17:35
มันอบอุ่นมากเลย อมยิ้มตลอดเลย
ชอบเรื่องนี้ค่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: twenty8 ที่ 22-06-2014 14:54:03
มาอ่านเรื่องนี้รอบสองแล้วค่ะ
และยังคงชอบประโยคนี้เสมอเลย

"เวลาที่ตื่นขึ้นมาแล้วรับรู้ได้ว่ายังมีคุณอยู่มันรู้สึกดีจัง"


รักเรื่องนี้มากเลยจนอยากผันตัวไปเป็นผู้กำกับแล้วซื้อบทเรื่องนี้ไปทำหนัง♥
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: litlittledragon ที่ 22-06-2014 20:31:11
เป็นคู่ที่น่ารักมากๆ เข้าใจนิสัยจ้า เขินแล้วทำอะไรไม่ถูก น้องขวัญน่ารักเป็นกามเทพตัวยุ่ง
ขำน้องพลอยมัณฑนากรสุดสวยด้วย ยังสงสัยอยู่ว่ามัณฑนากรสุดสวยตอนลงรูปของสองหนุ่มนั้น
รู้หรือเปล่าว่าสองหนุ่มเป็นใครในบอร์ด หรือแค่กรี๊ดเพราะเจอคู่วายในบรรยากาศสวยๆ

ที่ไม่ชอบที่สุดเห็นจะเป็นแนน ถ้าเข้าใจไม่ผิดแจ้งจับได้เลยนะ ข้อหาพยายามฆ่าโดยเจตนา
ยิ่งถ้าคนที่อยู่เมืองนอกมาควรยิ่งรู้ดีว่าเรื่องอาการแพ้ เอามาเล่นไม่ได้ เพราะเป็นความผิดกันจริงจัง
แล้วยิ่งกริยาและสิ่งที่เธอทำแล้ว ไม่สมควรเป็นอ.อย่างยิ่ง คนเป็นอย่างนี้เป็นแม่พิมพ์ของชาติ
ไม่อยากคิดเลยว่าลูกศิษย์ออกมาจะเป็นอย่างไร...
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 23-06-2014 15:48:17
ยังสงสัยอยู่ว่ามัณฑนากรสุดสวยตอนลงรูปของสองหนุ่มนั้น
รู้หรือเปล่าว่าสองหนุ่มเป็นใครในบอร์ด หรือแค่กรี๊ดเพราะเจอคู่วายในบรรยากาศสวยๆ


เหตุผลหลังค่ะ ^^

หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: natchapon ที่ 23-06-2014 17:07:05
กดไลค์ให้ o13
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 19-07-2014 13:38:54
อิ่มเอมจริงๆ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: ItIsMe ที่ 20-07-2014 00:14:23
เป็นเรื่องที่น่ารักมากกกกกกก ๆ

ยิ่งอ่าน ยิ่งยิ้ม

มานิ่ม ๆ เรื่อยๆ แต่อบอุ่น

อ่านแล้วสบายใจ หลงรักทั้งคู่เลยยยยย  :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: loyal_mook ที่ 21-07-2014 15:05:02
นี่ขนาดไม่มี nc นะ
แค่หอมแก้มก็อ่านไปเขินไปละ
อรั้ยยย  :z3:

ชอบเรื่องนี้ รอตอนพิเศษอีกนะคะ แฮ่ ~  :hao7:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: Autonomyz ที่ 22-07-2014 00:07:22
 :monkeysad:
คุณคนเขียนคะขอบคุณมากนะคะสำหรับนิยายเรื่องนี้ที่แต่งมาให้อ่านให้feel good กันแบบนี้
อ่านจบแล้วรู้สึกดีมากกกกกกกกก อิ่มเอมใจยังไงบอกไม่ถูกค่ะ
นานแล้วที่ไม่ได้อ่านนิยายสายfeel good แบบนี้ทุกๆถ้อยคำ ทำให้หัวใจสดชื่นและอบอุ่นมากกค่ะ
ขอบคุณนะคะสำหรับวรรณกรรมดีๆ
----------—–
ถึงจ้ากับตังนะ เราชอบพวกนายสองคนมากกกกกกกกกก
ถ้ามีเพื่อนแบบพวกนาย ชีวิตคงมีความสุขเพิ่มอีก 20%
ดูแลกันและกัน ดูแลหัวใจกันดีดีนะจ๊ะ
เราเอาใจช่วย ให้ความรักคอยประคับประคองและเผื่อแผ่ความรักความอบอุ่นมาถึงคนใกล้ตัว
ฟินมากกกกกกกกกกกกกก จาก สาวน้อย heart of gold

-------
อยากเป็นส่วนนึงในเว็บบอร์ดนั้นบ้างจริงๆ555 :-[
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: loverken ที่ 30-07-2014 15:08:07
กรี๊ดไปแล้วกับประโยคนี้....‘ไม่ได้อยากเป็นพี่ชายสักหน่อย’
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: cass-meyz ที่ 03-08-2014 22:42:14
อ่านแล้วอบอุ่นหัวใจมากๆๆๆๆเลย    :hao5: :hao5: :hao5:  อยากมีทริปหวานๆแบบตังกับจ้าจัง แต่ยังหาผู้ร่วมทริปไม่ได้เลย  :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ...(ตอนพิเศษ))
เริ่มหัวข้อโดย: TuEyyy ที่ 23-08-2014 01:19:04
เป็นนิยายที่อ่านแล้วรู้สึกดีมาก ๆ เลยค่ะ ชอบมากกกก ขอบคุณนะคะ

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 29-08-2014 22:36:33
ในที่สุดก็มาแล้วค่ะ...มาเพ้อจ้ากันนะคะ

(https://fbcdn-sphotos-b-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xpa1/v/t1.0-9/10653574_713933431988196_1555420593734269157_n.jpg?oh=8cb4431aef707f5e05d22ef66791e326&oe=54D71E35&__gda__=1423630989_c0e93b5a8f2814836632b656d7054343)

(https://scontent-b.xx.fbcdn.net/hphotos-xpf1/v/t1.0-9/10603555_715208711860668_1239031089888526878_n.jpg?oh=ec92d6bafa744977a68fe12695c030e5&oe=5479C853)

(http://i1172.photobucket.com/albums/r573/hermitbooks/banner-1_zps01227adb.jpg)

ขนาด : A5 จำนวนหน้า: 450+

ของเเถม: Pinup สี 1 เเผ่น

ที่คั่น ตอนพิเศษที่ไม่ได้ลงในเว็บ

ของเเถมรอบจอง : โปสการ์ด 5 ใบ

ราคา : 470 บาท ไม่รวมค่าส่ง

เปิดจองและโอนเงินตั้งแต่วันนี้ – 6 ตุลาคม 2557

หนังสือสามารถจัดส่งได้ภายในวัน 20 ตุลาคม 2557


เรื่องย่อ :

วันหนึ่งหนุ่มนักออกแบบที่ไม่เคยห่างจากโต๊ะทำงานก็นึกอยากจะหยิบกล้องฟิล์มตัวเก่ามาปัดฝุ่น

สะพายเป้แล้วออกไปท่องเที่ยว เพียงเพราะได้เห็นภาพถ่ายป่าสนฝีมือของใครบางคนที่โพสต์ไว้ในเว็บบอร์ดของเหล่าคนรักในงานศิลปะ

username แปลก ๆ นั่นมีอะไรบางอย่างดึงดูดให้อยากทำความรู้จักอีกฝ่ายให้มากขึ้น ทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าของ username เป็นใคร

รู้เพียงแต่ว่าเขาหรือเธอคนนั้นคือแรงบันดาลใจให้อยากจะหยิบโปสการ์ดขึ้นมาเขียนเล่าเรื่องราวระหว่างการเดินทาง

ท่ามกลางแสงแดดอุ่น ๆ ต้นหญ้าเขียว ๆ สายลมเย็น ๆ และหมอกสีขาวจาง ๆ ส่งกลับไปให้

...นักเดินทางใบเล็ก ๆ จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คนสองคนได้กลับมาพบกัน....

จะแบ่งเป็น 3 ส่วนนะคะ คือ
part 1 ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า มี 20 ตอนจบ ถ้าหากใครเคยอ่านในเว็บแล้วเกิดความสงสัยว่า จ้าไปทำอะไรให้ตังฝังใจจนจำได้มาถึงปัจจุบัน ใน 20 ตอนนี้จะมีคำตอบค่ะ ซึ่งถูกเขียนเติมเข้าไปให้สมบูรณ์ขึ้น

part 2 ถ้าเราเดินไปพร้อมกัน ประกอบด้วยการเดินทางทั้ง 5 หลักกิโลเมตรนะคะ

part 3 ถ้าฉันเป็นของเธอ จะเป็นตอนพิเศษที่ไม่ได้ลงในเว็บ 2 ตอนนะคะ คือ

1.เพื่อนเก่า เป็นตอนที่จะรวมเอาเพื่อนเก่า ๆ สมัยเรียนของจ้ามาไว้ด้วยกัน
2. จดหมายของพ่อ ในตอนนี้จะพูดถึงพ่อของจ้า แล้วก็จะมีเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่จ้าจะต้องตัดสินใจค่ะ

สำหรับความพิเศษของหนังสือเล่มนี้ก็คือ เราตั้งใจจะให้มันเป็นเหมือนโปสการ์ดใบหนึ่งที่ส่งถึงคนอ่าน ยังไงก็ลองไปค้นหาความพิเศษนี้กันในเล่ม ขอให้มีความสุขกับการรอ มีความสุขกับการได้รับ และมีความสุขเมื่อได้อ่านนะคะ แล้วเจอกันค่ะ มาเพ้อจ้ากันนะจ๊ะ

ปล.นิยายเรื่องนี้ไม่เหมาะสำหรับคนไม่มีหมอนเป็นของตัวเองนะคะ ^^

สั่งจองและสอบถามรายละเอียดได้ที่ : http://www.hermitandmomiji.com/product/109/pre-order-ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า-โดย-ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า-เปิดจองและโอนเงินตั้งแต่วันนี้-6-ตุลาคม-2557 นะคะ

หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: imissyou ที่ 29-08-2014 23:00:40
แอร๊ยส์ส์สื

เค้าจะเอา!!!

 :hao6:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 30-08-2014 05:23:42

ในที่สุดก้อคลอดออกมาแล้วววว  o13
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: M.J. ที่ 30-08-2014 22:53:10
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 30-08-2014 23:21:38
ชอบมากกกกกกกเลยยยยย :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: Sillyfoolstupid ที่ 31-08-2014 22:26:01
ฝ่าน้ำท่วมไปจองมาแล้วววววว
ฮ่าๆๆๆๆๆ ดีใจจัง ได้เวลาเพ้อจ้าแล้ว

ถ้าในเรื่องจ้าทำให้ตังอยากที่จะเริ่มเขียนโปสการ์ด
คุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้าก็ทำให้คนอ่านเริ่มเขียนโปสการ์ดเหมือนกันค่ะ
ไว้จะส่งโปสการ์ดไปป่วนอีกนะคะ ^^

ปล.มีหมอนเป็นของตัวเองสองใบแน่ะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: saruttaya ที่ 01-09-2014 19:31:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: RoseBullet ที่ 01-09-2014 23:35:24
ดีใจที่จะออกเป็นรูปเล่มแล้วนะคะ เตรียมสอยแน่นอนค่ะ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: bew_yunjae ที่ 02-09-2014 14:49:17
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยย เป็นเรื่องที่น่ารักมากๆๆๆๆๆๆที่สุดเท่าที่เคยอ่านเลยค่ะ
ยิ้มไม่หุบเลยสักตอน อ่านรวดเดียว(ที่ทำงานด้วยฮ่าๆๆๆ) นั่งยิ้มนั่งเขินคนเดียว
จนที่ทำงานจะหาว่าบ้าแล้วค่ะ
เป็นเรื่องที่น่ารักอบอุ่น งื้อๆๆ มากๆเลยอ่าาา
งื้อออ >< น่ารักอ่ะ บรรยายไม่ถูก
เพิ่งอ่านจบขอไปอ่านตอนพิเศษก่อนน่ะค่ะ
สั่งหนังสือไปก่อนอ่านจบอีกฮ่าๆๆๆ
พอมาอ่านจนจบก็ไม่ผิดหวังจริง
มันงื้อ  :impress2: :-[มากกก
แบบว่าพี่จ้าน่ารักจริงไรจิง พี่ตังก็อ๊ายยย ชายในฝัน รักจริงหวังแต่ง ฮ่าๆๆๆ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆน่ะค่ะ
จะรอตอนพิเศษ ในเล่มน่ะค่ะ หนังสือ ทำมะๆ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: mook0007 ที่ 03-09-2014 08:58:32
น่ารักดีค่ะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: kapook_koopak ที่ 07-09-2014 19:16:36
เตรียมการจองเลยค่า น่ารักมากมายคู่เนี้ย
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: M_April ที่ 14-09-2014 22:01:38
อบอุ่นละมุนละไมมากๆ ชอบจัง

ขอบคุณคนเขียนนะคะ สำหรับงานดีๆ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: kapook_koopak ที่ 15-09-2014 19:39:04
เตรียมจองเท่านั้นค่างานนี้ ^^
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 28-09-2014 14:21:43
อ่านสบายๆ แต่ฟินไม่เบาค่ะเรื่องนี้

อ๊ายยยยยยยย ชอบตังจริงๆ :katai1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 30-09-2014 10:55:29
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: TiwAmp_90 ที่ 03-10-2014 20:25:27
 :mew1:
เป็นเรื่องที่ดำเนินไปแบบธรรมดา เรื่อยๆ, แต่คิดว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเรื่องนี้เลยค่ะ
เพราะมีน้อยเรื่องมากที่ใช้การดำเนินเรื่องแบบนี้แล้วเราตามอ่านต่อได้ตลอด ไม่มีเบื่อเลย
จ้าน่ารักมากกกกกกกกกกกก อ่ะ!, ส่วนตังก็แอ๊บเนียนได้ตลอด 5555
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 03-10-2014 20:50:40
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วรู้สึกอิ่มๆๆ(อิ่มใจ)จังเลยค่ะ
 :c5: :c5: :c5: :c5: :c5: :c5: :c5: :c5: :c5:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: naizoza ที่ 03-10-2014 21:00:49
ในโลกนี้มีคนแบบนี้อยู่จริงหรอเนี่ย​  ฟินมากก​ชอบเรื่อองนี้ไม่อยากให้จบเลย
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 10-10-2014 23:04:38
มันเป้นความรุ้สุกละมุนๆ
นิยายฟิลกู๊ดอ่ะ อ่านหวานๆ สบายๆน่ารักละมุน
ถ้าอ่านตอนฝนเพิ่งหยุดตก บรรยายกาศกำลังเย็นๆ
หรือตอนหน้าหนาวอากาศเริ่มเย้็นนะ
นิยายเรื่องนี้ก็คือโกโก้อุ่นๆที่ชอวยคลายหนาวได้เลย
ชอบพี่จ้าที่นิสัยแบบนี้ แต่พออ้อนนะน่ารักกกก
อยากกอดเอาไว้แนบอก
ชอบพี่ตังที่เป็นแบบนี้้ ถ้าจะบอกว่าจ้อคือแสงอาทิตย์ของตัง
ตังก็เหมือนแสงอาทิตย์ที่ให้ความอบอุ่นกับจ้าเหมือนกัน
คือเรื่องนี้มันให้บรรยากาศฟ้าหลังฝนตกมาก แสงอาทิตย์นวลๆบรรยากาศสบายๆ
บนพื้นดินที่ชุ่มช่ำไปด้วยใบหญ้า ต้นไม้
เหมือนคนอ่านเพ้อเจ้อนะคะ แต่รจริงๆเราก็เพ้อจ้าเหมือนกัน เอิ๊กๆ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 17-10-2014 18:24:10
โอ๊ยน่ารักมาก ยิ้มไม่หุบเลย
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: pp_song ที่ 21-10-2014 21:46:41
หวานมากๆๆ อ้าย...เขิน  :-[

ขอบคุณนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 23-10-2014 06:35:38
มีคนบอกว่าต้องลอง อ่านแล้วชอบเลย
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: Meowww ที่ 24-10-2014 15:54:14
เพิ่งซื้อหนังสือมาจากงานหนังสือ ทั้งๆที่เคยเห็นคนแนะนำเรื่องนี้ในเล้า ก็ว่าจะอ่านๆ ก็ยังไม่ได้อ่านสักที ไปอ่านเรื่องโน้นเรื่องนี้ซะก่อน
แต่ตอนนี้อ่านจากหนังสือที่ได้ซื้อมาจบแล้ว ก็ได้แต่ถามตัวเองว่าทำไมไม่ยอมอ่านเรื่องนี้ในเล้าตั้งนานแล้ว 5555555
เป็นนิยายที่น่ารักมาก คุณจ้าเป็นหนุ่มซึนหน้านิ่งที่น่ารักมุ้งมิ้งฟุ้งฟิ้งมาก  :impress2: ส่วนคุณตังเป็นหนุ่มแว่นที่กุ้งกิ้งมากค่ะ  :hao6:
ดีใจที่ได้ซื้อหนังสือเรื่องนี้ไว้ในครอบครองนะคะ ตัดสินใจไม่ผิดเลยค่ะที่หยิบขึ้นมาแล้วจ่ายเงิน ทั้งๆที่ก็หยิบๆวางๆอยู่หลายรอบ 55555 เพราะกลัวว่าจะเสียดายเงินถ้ามันไม่สนุก แต่ในตอนนี้ดีใจที่ได้ควักเงินออกจากกะเป๋าค้า  :กอด1: o13
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: maeamae ที่ 25-10-2014 16:37:34
อ่านจบแบบรวดเดียวไปเมื่อคืน อ่านแล้วเพลินมากจริงๆค่ะ ชอบการใช้ภาษา ชอบการดำเนินเรียน ชอบคาแรกเตอร์ของตัวละคร
เรียกได้ว่าชอบทุกอย่างของเรื่องนี้เลยค่ะ เป็นเรื่องที่อ่านจบแล้วประทับใจมาก เราอ่านทุกตัวอักษร รู้สึกว่าอยากจะอ่านอีกหลายๆรอบ
มันอิ่มใจอย่างบอกไม่ถูก นี่ก็เพิ่งไปงานหนังสือมาคะ แล้วก็ซื้อเรื่องนี้มาเก็บไว้ ตอนแรกไม่คิดจะไปอ่านหนังสือเลยค่ะ
เพราะกลัวจะเสียเงินเยอะ 555 แต่พอไปตามในเพจเห็นว่ามีจำหน่ายที่งานหนังสือ ตื่นเช้ามาก็รีบแต่งตัวออกไปซื้อเลย
เป็นเรื่องแรกเลยนะคะที่ทำให้เราอยากจะซื้อเล่มมาเก็บไว้แบบไม่คิดเรื่องราคาหรืออะไรเลย รักนิยายเรื่องนี้เข้าแล้วสิคะ 5555
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 26-10-2014 10:01:46
เป็นนิยายที่อ่านได้เรื่อยๆ ยิ้มไม่หยุดตลอดการอ่านเลยล่ะค่ะ

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 26-10-2014 19:03:36
กว่าจะยอมรับในโชคชะตาที่ดลมาให้พบกัน ล่วงเลยไปเป็นสิบปี
เป็นพระเอกที่ทุ่มเทจริงๆ
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 27-10-2014 13:04:25
อ่านจบแล้ววววววววววว

อบอุ่นละมุนละไมมากๆ
อ่านแล้วมีความสุข ปลื้มปริ่มมากๆ ครับ
โรแมนติกสุดๆ น่ารักมากกกกกกก

โอย ชอบครับ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 30-10-2014 06:38:06
เพิ่งเข้ามาอ่าน รวดเดียวจบ วางไม่ลงเลย สนุกมากชอบมาก
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: kakoku_kin ที่ 31-10-2014 17:21:52
อยากบอกว่า
ขอบคุณ
สำหรับนิยายดีดีครับ

ได้หนังสือเล่มนี้ในงานตลาดฟิค
หยิบและซื้อเล่มนี้
เป็นเล่มแรกและเล่มเดียวในงาน

ขณะอ่านรู้สึกอบอุ่นหัวใจมากครับ
อยากวาดรูปอะไรที่มีค่ากับใจบ้าง
วาดอะไรก็ตามที่รักเก็บไว้เพื่อ คิดถึง
อยากถ่ายรูปเพื่อเก็บสถานที่แห่งความทรงจำบ้าง
อยากเขียนโปสการ์ดถึงใครบ้างจัง
อยากมีใครที่รักมากๆ
ไว้เป็นแรงและพลังใจ
นานแค่ไหนก็ไม่ท้อ
เนิ่นนานแค่ไหนก็ยังรัก
มีเพียงคนคนเดียวในหัวใจ

อบอุ่นหัวใจมากครับเรื่องนี้

ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีครับ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 03-11-2014 14:40:14
อ่านแล้วอบอุ่นมากเลย ยิ้มแก้มแตกตังโรแมนติกมากๆ
ถึงจ้าจะนิ่งๆ แต่ก็น่ารักมากเลย
ชอบมากเลยค่ะ ขอบคุณมากค่าสำหรับนิยายดีๆ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: numilddy ที่ 04-11-2014 12:39:36
งานเขียนของถ้าเธอเป็นท้องฟ้าอบอุ่นทุกเรื่องเลย ><
อ่านแล้วชอบพี่จ้ากับตังมากๆ
แบบพี่อธิบายสถานที่ได้เห็นภาพเลย ชอบตรงแบบส่งโปสการ์ดให้กัน มันน่ารักอ่ะ o13
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 06-11-2014 16:28:50
เรื่องนี้ดีมาก ดีมากจริงๆ
เราอ่านด้วยอารมณ์เรื่อยๆ มันไปเรื่อยๆ
ตอนแรกก็คิดว่าอ่านได้เพราะความเรื่อยๆ
แต่พออ่านไปๆ ก็ยิ่งอิน ยิ่งเขิน
พี่ตังใช้ความจริงใจเข้าสู้มากๆ
มาซื่อๆเลยอ่ะ แล้วก็เรื่อยๆ สม่ำเสมอ
เราชอบเวลาพี่ตังหยอด เขินตัวเป็นกุ้ง ไม่รู้พี่จ้าทนได้ยังไง
หรือทนไม่ได้ก็ไม่รู้เหมือนกัน
คนรอบตัวทั้งคู่มีแต่คนดีดี น่ารัก
แต่ก็อย่างว่า ถ้าเลือกเล่าเรื่อง เราเ็อยากจะจำจะเล่าแต่สิ่งดีดี
อ่านมาถึงตอนสุดท้ายของตอนพิเศษ ไม่อยากให้จบเลย
แต่ถึงจะเอนด์ตรงนี้ แต่เราว่า เรื่องราวของสองคนนี้ยังแล่นไปเรื่อยๆ ในจินตนาการเราได้
มันดีจริงๆ ขอบคุณที่เขียนเรื่องนี้ขึ้นมานะคะ
^^
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: minniez ที่ 06-11-2014 17:34:30
อ่านไปเขินไป ละลายยยยยยยยย ชอบมากๆๆๆ :hao5:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 07-11-2014 13:19:28
 :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: Tsubamae ที่ 07-11-2014 18:17:23
อ่านไปเขิลลไปยิ้มเยิ้มบิดอายม้วนต้วนไปหมด กรึ้ดดดดด
ตังจ้า น่าร้ากกกกก เชิ้กใส่อิตาคุณนนท์ เชอะ หมั่นไส้ๆๆๆๆ
ปล่อยให้จ้ารอมาเป็นสิบๆปี กลับมาพูดแค่นั้น เชอะ เชิญแต่ง
งานเพื่อชื่อเสียงหน้าตาไปเถอะ คุณด๊อกเตอร์ อย่ามาเสียดาย
จ้าของตังทีหลังละกัน ไหนจะอิตาดิวยัยแนนนั้นอีก เกลียดจริง
พวกชอบดูถูกคน ตังน่าจะเอาเรื่องยัยแนนให้เข็ด เกือบไม่รอด
แล้วนั่น สะใจยัยแน่นโดนจ้าด่าซะเลย  เชอะ
อิจฉาน้องขวัญกับมัณฑนากรคนสวยได้
เห็นได้อยู่ใกล้ความฟิน ว่าแต่เว็บบอร์ดสื่อรักนั้นอยู่ไหนน้าาา
ว้ากกก อยากตามไปส่อง คึคึคึ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: mirin ที่ 09-11-2014 00:24:21
เรื่องนี้อ่านแล้วละมุนจริงๆ มันอุ่นๆยิ้มๆ
มันอบอวลไปด้วยความรัก
ซื้อหนังสือมาเก็บแล้ว ขึ้นหิ้งเป็นนิยายในดวงใจไปแล้วเรียบร้อยค่ะ
ขอบคุณคนแต่งมากๆนะคะที่เขียนเรื่องดีๆแบบนี้มาให้อ่าน :mew1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 10-11-2014 06:59:41
อ่านจบแล้วคะซื้อเป็นเล่มด้วยขอบคุณที่แต่งนิยายภาษาดีๆมาให้อ่านนะค่ะฟิลกูดมากค่ะ
อุปสรรคคนรอบข้างไม่มากนักมีแต่กำแพงของจ้าเท่านั้นเองตังน่ารักผมรักแล้วตัองหยอดและรุกเข้าทางคนรอบข้างจ้า
จะคอยเป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 10-11-2014 10:11:02
มาอ่านตอนพิเศษ ตอนบทสรุป แล้วหน่วงๆ สงสารตังคะ
แหม จ้าพอเจอคนที่เคยปลื้ม ก็ทำให้ตังน้อยใจเลยนะ
ยิ่งอ่านยิ่งชอบคะ ผู้ชายอบอุ่น อยู่ด้วยแล้วสบายใจแบบตัง
ทุกเรื่องที่เป็นเรื่องของ จ้า ตังจะเก็บมาคิด เก็บรายละเอียดหมดเลย
อ่านแล้ว ยิ้มไป หน่วงไป ดีค่ะ

ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆ ภาษาดีๆ สไตล์ฟิลกูดมาให้อ่านนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: Fish129 ที่ 13-11-2014 14:48:24
น่ารักมากเรื่องนี้ อ่านเพลิร เคลิบเคลิ้มมาก
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 16-11-2014 23:45:59
ขอขอบคุณ คุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้ามากๆค่ะที่กลั่นกรองจินตนาการออกมาเป็นตัวหนังสือที่มามีชีวิตในตัวคนอ่านอีกที

มีไม่กี่เรื่องนะคะที่อ่านแล้วทำเอาเรานั่งอมยิ้มไปด้วย เกึอบทั้งเรื่อง อ่านแล้วทำให้เรารู้สึก *เป็นสุข* จริงๆ

ลุ้นไปกับทุกตอนที่ทำให้เรารู้สึกว่าตังกับจ้าเข้าใกล้กันทีละนิดๆ จนถึงตอนจบ+ ตอนพิเศษ ถอนหายใจอย่างเป็นสุขเพราะว่าอิ่มใจ

เราเคยเจอคนที่เลือกเหมือนณัฐนนท์ แต่เป็นคนต่างชาติที่สูงวัยแล้ว (70+)  ก็เลยถามเขาว่าเสียใจไหมที่เลึอกเส้นทางนี้  ตำตอบของเขาก็คือ ในวันที่ยังมีทุกอย่างก็ไม่เสียใจ แต่ในวันที่เขาอยู่คนเดียว วันที่เหงาที่สุด ก็ต้องยอมรับความจริงที่บ่ายเบี่ยงไม่ได้ว่าถ้าทำได้เขาจะขอแลกกับทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเพึ่อย้อนกลับไปในวันที่ตัวเองต้องเลือกอีกครั้ง เพึ่อทำตามที่ใจตัวเองต้องการ  อยากคิดนะคะว่าณัฐนนท์ ก็น่าจะมีวันนั้นสักวันในของขีวิตที่ได้เลือกแล้วของเขา

ขอบคุณอีกครั้งนะคะ กำลังขอให้เพื่อนไปถอยฉบับรวมเล่มค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 19-11-2014 19:37:13
อ่านไปบิดไป ตัวจะเป็นเกลียวแล้ววว ชอบอ่ะบอกเลย น่า สวย ชอบบบบ เราชอบแบบนี้
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 23-11-2014 16:06:20
อ่านเเล้วรู้สึกสบายๆ  อารมณ์ดีจริงๆค่ะ  เนื้อหาให้ความรู้สึกที่ซึมลึก ไม่หวือหวา  แต่น่าติดตามมาก  ดีใจแล้วก็คิดว่าคิดถูกจริงๆที่เข้ามาอ่าน
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet cream ที่ 25-11-2014 11:29:08
อ่านเรื่องนี้แล้วเหมือนตัวเองนอนอยู่บนปุยเมฆยังไงไม่รู้
น่ารัก อบอุ่น หวานละมุนมากๆ เลย
ขอบคุณสำหรับนิยายที่น่ารักและอบอุ่นมากๆ เรื่องนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: sai ที่ 29-11-2014 00:36:57



อ่านหลายรอบมาก คือชอบอ่ะ เหมาะกับรางวัล "รางวัลนิยายใช้ภาษาไทยดีเด่น"   :L2:

คือไม่เน้นเรท เน้นการแสดงออก ความ "เพ้อจ้า" ของพระเอกออกมาได้ดีมาก บวกกับความพยายาม

จนมันการเป็นความรัก    "เพ้อ" ตามไปด้วยจริงๆ 



ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆแบบนี้ครับ   o13


 
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: ไอศกรีมละลาย ที่ 07-12-2014 05:53:44
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: sai ที่ 09-12-2014 23:42:21


พอจะไปหาสั่งหนังสือมาอ่าน   :katai1:  หนังสือดันหมด    :ling1:  :ling3:  อยากอ่าน ที่ไม่ได้ลงในนี้อ่ะ   :sad4: 

จะสั่งที่ใหนได้อีกอีก   :hao7: 

อาการ "เพ้อจ้า" กำเริบ   :z3:

หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 10-12-2014 21:06:02
หลังจากที่ได้อ่านคุณบุรุษไปรษณีย์ฯ จบไปอย่างประทับใจ จึงได้ตามมาอ่านเรื่องนี้(ทั้งที่คนเขียนเขาเขียนจบเรื่องแรก เห่อๆ) และเรื่องนี้ก็ยังสร้างความประทับใจให้ได้อย่างสุดจิตเช่นเดิมค่ะ  ขอบคุณนิยายดีๆ ของผู้เขียนนะค้าาาาาาาาาาา  ขอบคุณมากกกกค่ะ :pig4: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 15-12-2014 02:55:50
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ :m1: :m1: :m1:
แต่งได้น่ารักและอบอุ่นมากๆเลยนะคะ  :m3:
หวานเบาๆ แต่ก็ทำให้คนอ่านฟินได้ไม่เบาเลย  :heaven
ชอบผู้ชายแบบตังมากๆเลย  :-[
ขอบคุณนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว หน้า 15) 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เริ่มหัวข้อโดย: BIRD ที่ 16-12-2014 19:16:31
อ่านเรื่องนี้ละหัวใจพองโตสุด ๆ รีปริ้นท์ไว ๆ นะครับ ผมอยากได้ :))
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557 หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 18-12-2014 02:51:57
ตอนพิเศษ : เวลาเวียน



เดือนธันวาคมเวียนมาอีกหนจนนึกสงสัยว่ากาลเวลาได้ทำวันคืนตกหล่นไประหว่างทางหรือไม่ หนึ่งปีจึงได้ผ่านไปไวเสียเหลือเกิน...


ในขณะที่ผู้ใหญ่ต่างช่วยกันประดับไฟตามท้องถนน บ้านเรือนห้างร้านรวมถึงสถานที่สำคัญ เด็ก ๆ ก็หยิบเอาสายรุ้งสีสวยที่เก็บลงกล่องไปตั้งแต่เมื่อต้นปีออกมาประดับประดาตามกรอบประตูหน้าต่างเพื่อต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขที่กำลังจะมาถึง


เทศกาลปีใหม่...


หลายคนวางแผนท่องเที่ยวในวันหยุดยาว

หลายคนมองหาของขวัญให้กับคนพิเศษ


ในขณะเดียวกันอีกหลายคนก็คิดเพียงแค่จะใช้เวลานี้อยู่กับครอบครัวให้นานที่สุดก่อนจะต้องแยกย้ายกันกลับไปทำหน้าที่ของตนเองอีกครั้ง หลายคนแทบไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรนอกจากนับถอยหลังการเข้าสู่ศักราชใหม่ บางคนใช้เวลาที่เหลือทบทวนสิ่งที่ได้ทำมาตลอดทั้งปี ทิ้งสิ่งไม่ดีให้ผ่านพ้นไปกับปีเก่าและเลือกเก็บเหตุการณ์ประทับใจเอาไว้เพื่อนึกถึง   


เมื่อลมหนาวหวนกลับมาทักทายกัน...


หญิงสาวก็ไม่รีรอที่จะหยิบเสื้อกันหนาวสีสวยและผ้าพันคอที่ดูเข้ากันออกมาสวม ในขณะที่หนุ่ม ๆ ก็เอาแต่นั่งละเลียดจิบกาแฟอุ่น ๆ แอบมองพวกเธอพร้อมกับอมยิ้ม  ต่างคนต่างปล่อยให้มวลหมอกแห่งความสุขโอบอุ้มร่างจนตัวเบาหวิว ยินยอม...หากสายลมแห่งฤดูกาลจะหอบเอาหัวใจลอยคว้างไปในอากาศ กระทั่งปลิดปลิวข้ามรอยต่อของกาลเวลา แม้จะมีคนบอกว่าความหนาวมักมาพร้อมกับความเหงาแต่ก็ยากจะปฏิเสธความอบอุ่นของฤดูกาลนี้





อุ่น...ใต้ผืนผ้าห่ม

อุ่น...เพราะเสื้อกันหนาวตัวใหม่

อุ่น...ด้วยอ้อมกอดของใคร

หรืออุ่น...อยู่ในวงแขนของตัวเราเอง





...นี่คงเป็นเสน่ห์ของเดือนธันวาคม...





17 ธันวาคม




เมื่อดวงอาทิตย์เคลื่อนหายไปหลังยอดตึกได้เพียงไม่นานความมืดและความหนาวเย็นก็แทรกตัวไปทั่วทุกซอกมุมอย่างรวดเร็วจนไม่ทันได้สังเกต บนสะพานลอยเต็มไปด้วยคนหนุ่มสาวที่เดินสวนกันไปมาท่ามกลางอุณภูมิไม่ถึงยี่สิบองศาเซลเซียส ไม่ผิดจากที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าปีนี้จะหนาวกว่าทุกปี ร่างสูงที่เดินปะปนมากับผู้คนก็ค่อย ๆ ชะลอฝีเท้าก่อนจะหยุดที่กลางสะพานเงี่ยหูฟังบทเพลงพระราชนิพนธ์พรปีใหม่ที่ดังแผ่วมาตาม กระแสลมเอื่อยพลางทอดสายตามองต้นคริสมาสต์ยักษ์ประดับไฟพราวหน้าห้างสรรพสินค้าชื่อดังในย่านธุรกิจสำคัญของกรุงเทพมหานคร กล้อง DSLR ตัวโปรดที่มักจะสะพายติดตัวถูกดึงออกมาจากกระเป๋าโดยอัตโนมัติเพื่อเก็บภาพบรรยากาศยามค่ำที่เจือด้วยไอเย็น ๆ แห่งความสุขนี้เอาไว้



เมื่อเสียงชัตเตอร์เงียบลง ริมฝีปากบางก็เหยียดออกเป็นรอยยิ้มน่ารักขณะก้มลงมองภาพจากหน้าจอ LCD มันสวยงามเสียจนอยากให้ใครอีกคนมายืนอยู่ตรงนี้ด้วยกัน ใครคนนั้นที่เปลี่ยนให้เหมันตฤดูไม่ใช่ฤดูที่แสนทรมานเพราะความหนาวหรือความเหงาอีกต่อไป ชายหนุ่มเก็บกล้องลงในกระเป๋าพลางกระชับเสื้อนอกสีเข้มเมื่อกระแสลมเย็นพัดมาอีกหน แต่แทนที่พัดมาแล้วจะผ่านเลยไปกลับคลอเคลียที่ข้างแก้มราวกับจะล้อเล่น ชวนให้นึกถึงปลายจมูกซุกซนที่เคยแนบสนิทกับเสียงกระซิบแผ่วเบาแต่กลับทำเอาหัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่ได้ฟัง



‘เรามาเป็นแฟนกันนะ’



จู่ ๆ คำพูดในอดีตของใครคนหนึ่งก็ทำให้ยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว แม้เวลาจะผ่านมานานแล้วแต่ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นยังคงชัดเจนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน เจ้าของรอยบุ๋มเล็ก ๆ ที่ข้างแก้มหมุนแหวนทองคำขาวที่นิ้วนางข้างซ้ายซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งคำมั่นสัญญาที่ไม่ว่าเวลาจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปอย่างไร ความรู้สึกในใจคนสองคนก็จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง 


“นั่นแน่ แอบคิดถึงใครอยู่แน่ ๆ เลย”  มือเย็นเฉียบที่แตะลงบนผิวแก้มทำเอาสะดุ้ง


“ตกใจหมดเลยขวัญ มาเงียบ ๆ” อาทิตย์ทัศน์กล่าวพลางลูบแก้มตัวเองป้อย ๆ จ้องหน้าสวยของสาวน้อยอย่างคาดโทษ


“เงียบที่ไหนกันคะ ขวัญน่ะเรียกพี่จ้าตั้งนานแล้ว แต่พี่จ้าน่ะมัวแต่ใจลอยคิดถึงใครอยู่ก็ไม่รู้”


“คิดถึงใคร ไม่ได้คิดถึงใครสักหน่อย พี่แค่กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ เท่านั้นเอง”


“คิดอะไรเพลิน ๆ ...” จอมขัญลากเสียงล้อ ๆ “แล้วทำไมแก้มแดงคะ ดูสินี่แดงจะไปถึงหูแล้ว”


“เพ้อเจ้อ ใหญ่แล้ว” พี่ชายตัดบทก่อนจะเสมองไปทางอื่น แต่น้องสาวตัวดีก็ยังไม่ละความพยายาม ร่างเล็กเดินอ้อมมาอีกทางพร้อมกับยื่นหน้ามาใกล้ ๆ


“เขินแล้วชอบทำดุกลบเกลื่อนทุกทีเลย ขวัญรู้หรอกน่า บอกหน่อยไม่ได้เหรอคะว่าคิดถึงใคร นะๆๆๆ นะคะพี่จ้า”


คนตัวสูงขมวดคิ้วเขินพลางส่ายหน้าน้อย ๆ


“คิดถึงคนที่ญี่ปุ่นหรือเปล่าคะ”


แม้คำสันนิษฐานของคนช่างพูดทำเอาเห่อร้อนไปทั้งสองแก้ม แต่อาทิตย์ทัศน์ก็ยังไม่ยอมจำนนอยู่ดี   “เปล่าสักหน่อย”


“พี่จ้าปากแข็ง เดี๋ยวขวัญจะฟ้องพี่ตัง”


“ปากแข็งอะไรกัน”


“พ่อหนุ่มปากแข็ง รู้สึกอะไรแล้วไม่ยอมพูด ระวังเถอะพี่ตังจะไม่รัก”


“ก็ช่างเขาสิ” พี่ชายกล่าวก่อนจะเดินหนี ปล่อยให้น้องสาวได้แต่ยืนกอดอกโคลงศีรษะอย่างอ่อนใจที่ไม่สามารถทำให้คนปากแข็งยอมปริปากพูดความในใจได้ ไม่ว่าอย่างไรอาทิตย์ทัศน์ก็ยังเป็นชายหนุ่มเงียบขรึมเก็บความรู้สึกเก่งจนบางครั้งก็ดูเหมือนปราการสูง ยากที่ใครก็จะก้าวข้ามมันไป แต่ตฤณกรก็เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่สามารถทลายกำแพงนี้ลงได้ อดสงสัยไม่ได้จริง ๆ ว่าเวลาอยู่ด้วยกันสองคน พี่ชายของเธอจะพูดอะไรหวาน ๆ เป็นกับเขาบ้างไหม   



“มัวคิดอะไรอยู่ คิ้วขมวดจนจะผูกเป็นปมอยู่แล้ว” อาทิตย์ทัศน์ที่เดินกลับมาเอ่ยขึ้นพร้อมกับใช้ปลายนิ้วจิ้มที่หว่างคิ้วของสาวน้อยก่อนจะรั้งข้อมือเล็กให้เดินตามกันไป


“ก็สงสัยนี่นา”


“มีอะไรให้สงสัยอีกนะเด็กคนนี้ น้องสาวใครเนี่ยช่างสงสัยจัง”


จอมขวัญอมยิ้ม ยอมรับว่าชอบเหลือเกินเวลาที่อาทิตย์ทัศน์พูดราวกับเธอยังคงเป็นน้องสาวตัวน้อยในสายตาของเขา “ขวัญสงสัยว่าเวลาที่พี่จ้ากับพี่ตังอยู่กันแค่สองคนจะเป็นยังไงน่ะสิคะ”


“ช่างสงสัยจริงเด็กคนนี้”


เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ใส่ใจจะตอบคำถามนั้น จอมขวัญก็ได้แต่ถอนใจเฮือกเดินตามพี่ชายต้อย ๆ ตั้งใจเอาไว้ว่าหากตฤณกรกลับมาเมื่อไรจะต้องถามให้หายสงสัยแน่ ๆ



....



กระแสลมแรงที่พัดผ่านมาอีกระลอกทำให้ผมยาวสลวยปลิวไสวจนหญิงสาวต้องใช้ปลายนิ้วเกี่ยวปอยผมขึ้นทัดหู ตาคู่งามทอดมองแผ่นหลังกว้างของพี่ชายตัวสูงที่กำลังลากประตูให้เปิดออก จากนั้นก็หลีกทางให้เธอเดินเข้าไปด้านในก่อนจะลากประตูปิดเช่นเดิม   


“เสียดายจังเลยนะคะที่พี่ตังไม่อยู่ วันเกิดพี่จ้าปีนี้ก็เลยไม่ได้ทานข้าวด้วยกันอีกแล้ว ปีก่อนก็ติดงาน ปีนี้ยังมาถูกส่งไปญี่ปุ่นอีก”
อาทิตย์ทัศน์มองคนที่ยืนหน้ามุ่ยอยู่หลังประตูรั้วอย่างเอ็นดู ไม่ว่าในสายตาของเธอเขาจะเป็นพี่ชายที่เงียบขรึมหรืออะไรก็ตาม หากแต่ในสายตาของเขาเธอยังคงเป็นน้องสาวที่น่ารักสดใสและคอยเป็นเดือดเป็นร้อนแทนพี่ชายคนนี้อยู่เสมอไม่มีเปลี่ยนแปลง


“ไม่เห็นเป็นไรนี่ ที่ผ่านมาก็อยู่ด้วยกันแทบทุกวัน”


“โธ่...พี่จ้าน่ะ มันไม่เหมือนกันสักหน่อย พรุ่งนี้น่ะวันสำคัญนะคะ” สาวน้อยทำหน้าง้ำ “ไม่เอาละ ไม่พูดกับพี่จ้าแล้ว ขวัญเข้าบ้านดีกว่า ฝันดีนะคะ”


พี่ชายได้แต่เพียงพยักหน้า รอจนกระทั่งร่างเล็กเดินหายเข้าไปในบ้านจึงเดินข้ามฝั่งกลับมายังหน้าบ้าน ของตน  ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองบ้านสองชั้นตรงหน้า อายุของมันนับว่าไล่เลี่ยกับอายุของเขา บ้านหลังเดิมที่เต็มไปด้วยความทรงจำในอดีตของพ่อกับแม่ และเมื่อเวลาผ่านไปมันก็กลายเป็นบ้านที่อบอวลไปด้วยความรู้สึกดี ๆ  ระหว่างเขากับใครอีกคน แม้พรุ่งนี้จะเป็นวันคล้ายวันเกิดอีกปีหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่มันจะสำคัญอะไรในเมื่อ ทุก ๆ วันก็ต่างรู้ว่ายังคงมีกันและกันอยู่เคียงข้าง


อาทิตย์ทัศน์เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับใบหน้าแต้มยิ้ม ไม่ว่าจะมองไปทางไปก็เห็นแต่ภาพของตฤณกรอยู่เต็มไปหมด ไม่จำเป็นต้องหยิบกระดาษขึ้นมาวาดรูปให้หายคิดถึงแบบที่อีกคนมักจะทำเวลาต้องอยู่ห่างกัน นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเขาจึงไม่รับคำท้าของอีกฝ่าย ไม่ใช่เพราะวาดรูปไม่เก่งอย่างที่เคยบอก แต่เพราะแค่หยุดมอง     ภาพของคนที่ติดอยู่ในใจก็กลับปรากฏแจ่มชัดอยู่ตรงหน้าต่างหาก


ชัดเจน...
เกินกว่าที่กล้องตัวใดในโลกจะสามารถเก็บภาพได้

เหมือนจริง...
แบบที่จิตรกรคนไหนก็ไม่อาจรังสรรค์ 




“กลับมาแล้วเหรอลูก นี่แม่กำลังจะขึ้นไปสวดมนต์พอดีเลย”


“วันนี้อจ้ารอกลับพร้อมขวัญก็เลยดึกไปหน่อยน่ะครับแม่”


“มีโปสการ์ดส่งถึงลูกแน่ะ เพิ่งมาถึงเมื่อเช้า แม่วางไว้บนโต๊ะทำงานนะจ๊ะ"


"ขอบคุณครับแม่"


“ลูกหิวไหม แม่จะอุ่นข้าวต้มให้”


“ไม่เป็นไรครับแม่ จ้าทานมาเรียบร้อยแล้ว” ลูกชายกล่าวพลางมองผู้เป็นแม่ที่กำลังขึ้นบันไดไปที่ชั้นบน ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะทำงาน วางกระเป๋ากล้องลงแล้วหยิบโปสการ์ดใบหนึ่งขึ้นมาดู เพียงแค่เห็นลายเส้นสานขัดขยุกขยิกเป็นภาพหอคอยสูงรายล้อมไปด้วยก้อนเมฆก็รุ้ได้ทันทีว่าใครเป็นคนส่งมันมา และเมื่อพลิกอ่านข้อความที่เขียนด้านหลังโปสการ์ด...   

                           


                                                     'คุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ไม่เจอตั้งนาน คิดถึงผมละสิ’
                                                                                           
                                                                                          จากดีไซเนอร์สุดหล่อ
                                                                     30-11-2014
 





....เท่านี้คนรับก็ยิ้มจนแก้มแทบปริ...



(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 18-12-2014 02:58:53
(ต่อค่ะ)



18  ธันวาคม



สถานีรถไฟฟ้าวงเวียนใหญ่...


อาทิตย์ทัศน์ก้าวออกจากประตูรถไฟฟ้าพลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ไม่รู้ว่าเพราะต่างคนต่างพากันหลบความหนาวอยู่ภายในบ้าน หรือเพราะปราศจากเงาของคนที่เคยยืนเคียงข้างกันแน่ จึงทำให้บรรยากาศบนสถานรถไฟฟ้าวันนี้เงียบเชียบกว่าปกติ ทั้งผู้คนและรถราบนท้องถนนดูบางตากว่าทุกวัน ท้องฟ้าขมุกขมัว ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ให้ภาพสีหม่นราวกับถูกดึงให้หลุดเข้าไปอยู่ในห้วงแห่งกาลเวลา เดินทางย้อนกลับไปสู่อดีต


ชายหนุ่มเดินลงมาตามบันไดที่ทอดยาวสู่ทางออกสถานี จากนั้นจึงแตะบัตรรถไฟฟ้าก่อนจะเดินผ่านประตูออกมาหยุดมองเจ้ามาสคอตหมีสีน้ำตาลสวมชุดเอี๊ยมที่กำลังยืนแจกลูกโป่งที่มีข้อความ Happy New Year ให้กับคนที่เดินผ่านไปผ่านมา ก็คงจะมีแต่เจ้าหมีอ้วนนี่แหละที่ทำให้ภาพตรงหน้าพอจะมีสีสันขึ้นมาบ้าง คิดได้ดังนั้นอาทิตย์ทัศน์จึงหยิบกล้องจากกระเป๋าออกมาเก็บภาพตามประสาคนที่เห็นอะไรแปลก ๆ เป็นไม่ได้


ตาคมมองพุงโต ๆ กับหน้าที่ไม่บ่งบอกความรู้สึกใด ๆ ผ่านเลนส์กล้องก่อนจะกดชัตเตอร์ ในขณะที่ลูกโป่งสีสวยค่อย ๆ ลดจำนวนลงอาทิตย์ทัศน์ก็รู้สึกว่าระยะห่างระหว่างเจ้าหมีอ้วนกับเขาค่อย ๆ ลดลงตามไปด้วย จนในที่สุดเจ้าขนสีน้ำตาลในชุดเอี๊ยมก็เดินอุ้ยอ้ายมาหยุดอยู่ตรงหน้า ทำบิดซ้ายบิดขวาไม่ต่างอะไรกับสาวน้อยยามขวยเขินจนคนมองเผลอยิ้มให้กับท่าทางชวนขบขันของมัน


อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้วจ้องมองเจ้าพุงโตที่กำลังพยายามหยิบสิ่งที่ซ่อนเอาไว้ด้านหลังอย่างทุลักทุเล เมื่อพบว่าสิ่งที่อีกฝ่ายยื่นมาให้คือดอกกุหลาบสีแดงสดก็ยิ่งประหลาดใจหนัก


“ให้ผมเหรอ” ชายหนุ่มกล่าวพลางชี้ที่ตัวเอง ในขณะที่เจ้าหมีอ้วนหน้าเฉยพยักหน้ายืนยันและยังคงยื่นดอกไม้ให้ ดังนั้นอาทิตย์ทัศน์จึงรับกุหลาบดดอกนั้นมาถือไว้ก่อนจะกล่าวขอบคุณสั้น ๆ


กำลังจะเก็บกล้องลงกระเป๋า แต่เจ้าตัวกลมก็ทำให้ไม่อาจละสายตาไปไหนได้เมื่อมันยกไม้ยกมือที่ดูไม่ค่อยจะสมส่วนแสดงท่าทางคล้ายกับที่เห็นในรายการใบ้คำซึ่งก็ไม่ยากเกินกว่าจะเดาได้


“ถ่ายรูป?”





“คุณอยากถ่ายรูปเหรอ?”

เจ้าขนสีน้ำตาพยักหน้าหงึก ๆ พร้อมกับชี้มือมาที่กล้องก่อนจะชูสองนิ้ว



“ลูกเสือสำรอง?”

ได้ฟังดังนั้นเจ้าหมีถึงกับส่ายหัวดิก



“สู้ตาย?”

เจ้าหมียังคงส่ายหัว



“สองรูป?”

เจ้าหมีทึ้งหัวตัวเอง



“อืม...สองคน?”

เจ้าหมีรีบพยักหน้า



“อยากถ่ายรูปคู่ ใช่ไหม” 

ทันทีที่อีกฝ่ายแสดงให้เห็นว่าการคาดเดาของเขาถูกต้องด้วยการพยักหน้าจนหัวแทบหลุด อาทิตย์ทัศน์ก็เดินไปยืนข้าง ๆ เจ้าตัวนุ่มพร้อมกับยกกล้องขึ้น


“ผมนับถึงสามนะ หนึ่ง สอง สาม” สิ้นเสียงของช่างกล้องหนุ่มหล่อเสียงชัตเตอร์ก็ดังรัวขึ้น จากนั้นทั้งหมีและคนก็พากันสุมหัวดูรูปที่ถ่ายได้จากจอ LCD


เมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มมืดอาทิตย์ทัศน์จึงเก็บกล้องลงในกระเป๋า เพิ่งสังเกตเห็นว่าก้านที่ไร้หนามของกุหลาบสีแดงมีการ์ดใบเล็ก ๆ ผูกด้วยริบบิ้นสีเดียวกันกับสีของกลีบดอกติดอยู่ ในการ์ดมีข้อความเขียนว่า


‘สุขสันต์วันเกิดครับ’ 



ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองเจ้าหมีอ้วนที่ยังคงยืนอยู่ตรงหน้าก่อนจะสืบเท้าเข้าไปใกล้ เขย่งเอื้อมมือถอดหัวโต ๆ ออกก่อนจะวางลงกับพื้น ทันทีที่ได้สบตากับครึ่งคนครึ่งหมีก็มีเหมือนมีอะไรบางอย่างจุกอยู่ที่กลางอก


“ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลย” กล่าวพลางใช้มือปัดปอยผมชุ่มเหงื่อที่ตกลงมาปรกหน้าผากของคนตัวสูงตรงหน้า


“ขนาดนี้น่ะขนาดไหน ผมก็แค่อยากทำให้วันเกิดปีนี้เป็นอีกปีที่น่าจดจำสำหรับคุณเท่านั้นเอง” ตฤณกรกล่าวด้วยรอยยิ้มก่อนจะเอื้อมมือหยิบแว่นสายตาในกระเป๋าหน้าท้องแต่ก็หยิบไม่ถึง “อยากเห็นหน้าคุณให้ชัด ๆ จัง แต่มันติดพุงน่ะ ช่วยหยิบแว่นตาให้ผมหน่อยได้ไหม”


อาทิตย์ทัศน์ยิ้มเขิน ๆ ก่อนจะหยิบแว่นสายตาสวมให้ตามคำขอ “เห็นชัดหรือยัง”


“ชัดแล้ว”


คนฟังได้แต่ส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนจะหยิบหัวมาสคอตหมีที่พื้นขึ้นมา เพิ่งได้รู้สึกว่ามันหนักไม่ใช่เล่น


“เดี๋ยวผมเอาชุดไปคืนเขาก่อนนะ” พูดจบตฤณกรก็รั้งเอาหัวโต ๆ มาถือไว้ก่อนจะหันหลังเดินอุ้ยอ้ายไปยังมุมหนึ่งของสถานี จัดการถอดชุดคืนให้คุณลุงที่เขารับอาสาช่วยแจกลูกโป่งตั้งแต่เมื่อช่วงเย็น ซึ่งคุณลุงก็ตอบแทนน้ำใจนี้ด้วยลูกโป่งสีชมพูที่เหลืออยู่หนึ่งใบ


ตฤณกรเดินกลับมาพลางมองหาคนที่คิดว่าน่าจะยังรอเขาอยู่ที่เดิมแต่ก็ไม่พบ กระทั่งกระป๋องน้ำอัดลมเย็นเฉียบแตะลงที่ข้างแก้ม


“ดื่มน้ำก่อน”



เจ้าของร่างสูงกล่าวขอบคุณจากนั้นก็รับกระป๋องน้ำอัดลมมาเปิดดื่มอัก ๆ อย่างกระหาย 


“เวลาแก้ตัวคอจะได้ไม่แห้ง”


ประโยคสั้น ๆ ทำเอาคนฟังสำลัก แต่ก็ยังไม่วายทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้...


“แก้ตัวอะไรกันครับ”


“ไหนคุณบอกว่าจะกลับวันมะรืนไง” อาทิตย์ทัศน์กอดอกมองคนขี้เล่นอย่างคาดโทษ ทั้งที่ก่อนหน้านี้อุตส่าห์นัดกันเสียดิบดีว่าจะไปรอรับที่สนามบิน แต่จู่ ๆ ก็เลื่อนเที่ยวบินกลับโดยไม่บอกกันให้รู้สักคำ


“งานเสร็จแล้วผมก็เลยขอกลับมาก่อนไง นี่คุณไม่ดีใจเหรอที่ได้เห็นหน้าผมก่อนกำหนดตั้งสองวันน่ะ”


“แล้วกลับมาตั้งแต่เมื่อไร”


“เมื่อวานคร้าบบบบ”


“แล้วเมื่อคืนคุณไปอยู่ที่ไหนมา”


“ผมไปนอนที่คอนโดไอ้พัฒน์มา”


“แล้วแผนการวันนี้ล่ะ เตรียมไว้นานหรือยัง”


“จ้าน่ะ ไม่เอาแล้ว เลิก ๆๆๆ ไม่ถามแล้ว” คนถูกซักแสร้งทำงอแงเมื่อรู้สึกว่าตนเองกำลังจะจนมุม


“ไหนบอกว่าจะไม่งอแงไง” อาทิตย์ทัศน์ยิ้มน้อย ๆ พลางผ่อนลมหายใจยาว “เฮ้อ...ทั้งดื้อทั้งซนแล้วก็งอแง ไม่รู้ว่าผมนึกยังไงถึงยอมตกลงเป็นแฟนด้วย”


“ก็เพราะผมน่ารักไง” คนพูดทำหน้าทะเล้นก่อนจะยื่นลูกโป่งสีชมพูให้ “Happy Birthday ครับ”


อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจขณะรับเชือกลูกโป่งจากมือของอีกฝ่ายมาถือไว้ ทั้งที่ควรจะโกรธแต่ก็โกรธไม่ลงเลยสักที


เจ้าของมือหนาปล่อยมือจากเชือกลูกโป่งก่อนจะรั้งกระเป๋ากล้องจากบ่าคนตรงหน้ามาสะพายไว้เสียเอง “กลับกันเถอะ” 


“เดี๋ยวสิ”


ตฤณกรจ้องมองคนตัวหอมที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ ทั้งปรางแก้ม หน้าผาก หัวคิ้ว แพขนตา สันจมูก ริมฝีปาก กระทั่งทุกส่วนของของร่างกายที่ประกอบกันเข้าเป็นอาทิตย์ทัศน์ล้วนเป็นสิ่งที่เขาคิดถึงและโหยหามาตลอดระยะเวลาที่ต้องห่างกัน วันนี้มันจึงเหมือนความฝันที่ได้กลับมาอยู่ใกล้ ๆ กันอีกครั้ง


“ผูกเชือกลูกโป่งก่อน” พูดจบอาทิตย์ทัศน์ก็จัดการผูกเชือกเข้ากับหูกระเป๋า


“ผูกเสียแน่นเชียว”


“ผูกแน่น ๆ ไงจะได้ไม่หลุด”


ตฤณกรเอื้อมมือแตะที่ข้างแก้มนุ่มของคนตัวเล็กกว่า “ถ้ามันจะหลุดลอยไปไหนก็ช่างเถอะ แค่มือคุณจับมือผมไว้ไม่หลุดก็พอแล้ว” พูดจบมืออุ่นก็ผละออกจากปรางแก้มก่อนจะเลื่อนลงมาจับมือของคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาผูกเชือกลูกโป่งไม่เสร็จสักที



“กลับบ้านกันเถอะ ผมอยากกอดคุณจะแย่แล้ว”   



เจ้าของผิวหน้าร้อนผ่าวเงยหน้าขึ้นสบตาคนพูดและพบว่ารอยยิ้มกับดวงตาแสนอ่อนโยนของอีกฝ่ายมันช่างมีอิทธิพลต่อการเต้นของหัวใจมากกว่าคำพูดที่เพิ่งจบลงไปเมื่อครู่เสียอีก



....


อาทิตย์ทัศน์ปิดหนังสือที่นั่งอ่านมาร่วมชั่วโมงก่อนจะวางไว้บนโต๊ะหน้าโซฟา เมื่อเหลียวมองด้านหลังก็พบว่าตฤณกรยังคงนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กอยู่ที่เดิม ได้ยินเสียงปลายนิ้วสัมผัสแป้นพิมพ์หนักบ้างเบาบ้างดังมาเป็นระยะ ลูกโป่งสีหวานถูกย้ายไปผูกที่พนักเก้าอี้ ในขณะที่กุหลาบดอกโตถูกปักอยู่ในแจกันแก้วทรงสูงซึ่งวางอยู่บนชั้นหนังสือ


นาฬิกาติดฝาหนังบอกให้รู้ว่าเหลืออีกเพียงไม่ถึงยี่สิบนาทีก็จะก้าวเข้าสู่วันใหม่ 


กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่กระทบปลายจมูกเรียกรอยยิ้มให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคนที่กำลังง่วนอยู่กับการเขียนรายงานสรุปเมื่อกลับจากศึกษาดูงานในต่างประเทศ ครู่หนึ่งมือนุ่ม ๆ ก็วางลงบนบ่าทั้งสองข้างก่อนจะออกแรงนวดเบา ๆ


“ยังไม่เสร็จอีกเหรอ”


“อีกนิดเดียวก็จะเสร็จแล้วละ ถ้าคุณง่วงก็ไปนอนก่อนเถอะไม่ต้องรอผม”


ตฤณกรกล่าวพลางก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารที่วางอยู่ข้าง ๆ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าจอก่อนจะเริ่มสัมผัสปลายนิ้วลงบนแป้นพิมพ์อีกครั้ง ไม่ทันสังเกตว่าอาทิตย์ทัศน์หยุดนวดไปตั้งแต่เมื่อไร รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่สองแขนนั้นโอบรัดรอบคอของตนเองเอาไว้ ลมหายใจอุ่น ๆ คลอเคลียไปตามแนวสันกรามก่อนที่ปลายจมูกโด่งรั้นจะแตะลงบนผิวแก้ม เพียงเท่านั้นก็แทบทำงานไม่เป็นสุขแล้ว


“นี่ผมกำลังฝันอยู่หรือเปล่าเนี่ย” เจ้าของร่างสูงเอียงคอถามอย่างแปลกใจ


อาทิตย์ทัศน์ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้พลางยักไหล่ คลายวงแขนก่อนจะผละออก ตั้งใจจะขึ้นนอนแต่ก็โดนรั้งข้อมือเอาไว้ 


“น่าตีจริง ๆ เลย ทำผมทำงานไม่เป็นสุขแล้วรู้ไหม” พูดจบก็ลุกขึ้นยืนเลื่อนมือทั้งสองข้างประคองเอวสอบของคนตรงหน้าเอาไว้


“ทำงานไป ผมจะนอนแล้ว”


“ตอบมาก่อนว่าเมื่อกี้มันอะไร”


“ก็ให้รางวัลไง” อาทิตย์ทัศน์ยิ้มน่ารัก รอยบุ๋มที่ข้างแก้มทำเอาคนมองแทบอยากจะกดปลายจมูกลงไปเสียให้แก้มช้ำ โทษฐานที่ทำตัวน่ารักจนน่าสงสัย “ให้รางวัลหมีอ้วน”


“แค่นี้เหรอ เล็กไปหรือเปล่า”



“แล้วจะเอายังไง”


ตฤณกรกดยิ้มที่มุมปากก่อนจะเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ ๆ “ผมอยากได้รางวัลใหญ่”


“ไม่ให้” อาทิตย์ทัศน์ตอบห้วน ๆ ไม่รู้เลยว่านั่นยิ่งทำให้อีกฝ่ายได้ใจอยากจะแกล้งให้หนัก


เมื่อได้ฟังดังนั้นร่างสูงก็รวบตัวคนช่างเก็บความรู้สึกเข้ามากอดเอาไว้แน่นก่อนจะกระซิบ “ผมไม่ได้ให้คุณคิดว่าจะให้หรือไม่ให้ แต่ผมให้โอกาสคุณตัดสินใจว่าจะตรงนี้หรือข้างบนต่างหาก” พูดจบก็ระดมจูบไปทั่วดวงหน้าร้อนฉ่าโดยไม่ฟังคำทักท้วงใด ๆ


....






19 ธันวาคม



อาทิตย์ทัศน์ปรือตาตื่นขึ้นขยับตัวจ้องมองแผ่นหลังเปลือยของคนที่กำลังนอนหลับ พลันรอยยิ้มแรกของวันก็ผุดพรายแจ่มชัดบนใบหน้า สดใสไม่ต่างอะไรกับแสงอาทิตย์ในยามช้า เข้าใจแล้วว่าการที่ตื่นขึ้นมาแล้วรับรู้ได้ว่ามีอีกคนอยู่มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากเพียงไหน ดวงตาทอประกายทอดมองไปยังปลายนิ้วของตนเองที่แตะลงบนผิวเนื้อเนียนก่อนจะค่อย ๆ ลากเป็นตัวอักษร  ยิ่งเห็นคนนอนหลับเริ่มขยับตัวก็ยิ่งชอบใจ พยายามกลั้นหัวเราะจนไม่ทันระวังตัวจึงโดนอีกฝ่ายที่พลิกตัวกลับมารวบรัดด้วยท่อนแขนแกร่งจนเนื้อตัวแนบชิดไม่ผิดจากค่ำคืนที่ผ่านมา


“คุณเขียนว่าอะไร อ่านให้ผมฟังได้หรือเปล่า”


“อยากรู้จริง ๆ น่ะเหรอ” อาทิตย์ทัศน์ยังคงเขียนคำเดิมซ้ำ ๆ ลงแผงอกที่ขยับขึ้นลงตามจังหวะการหายใจ


คนถูกถามพยักหน้าพลางก้มลองมองคนที่กำลังนอนซุกอยู่ที่ซอกคอของตนเอง “อยากได้ยินจากปาก”



“ได้ไหมครับ หืม?”



อาทิตย์ทัศน์ไม่ได้ตอบอะไร แต่กลับขยับตัวขึ้นสบตาอีกฝ่ายก่อนจะกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูให้ได้ยินกันแค่สองคน...




...แค่สองคน...

 




...


ขอบคุณที่ยังคิดถึงกันอยู่นะคะ

สำหรับใครที่พลาดรอบก่อน ยังไงลองติดตามข่าวการรีปริ้นต์หนังสือจากเพจ Hermit Books นะคะ



หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 18-12-2014 03:39:44
กรี๊ดดดดดดดดดดด ไม่คิดไม่ฝันว่าจะเปิดมาเจอตอนพิเศษเลยนะเนี่ย ดีใจมากๆค่ะ

ละมุนละไมเหมือนเดิม ยิ่งอ่านยิ่งหลงรักตัวละครในเรืีองนี้

ต้องไม่พลาดการรีปริ๊นแน่ๆ

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ

หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 18-12-2014 04:00:10
กรี๊ดๆๆๆ ซับน้ำตาเพราะความฟิน หวานมากค่ะ  เห็นพัฒนาการการเป็นแฟนของพี่จ้าได้อย่างชัดเจน

เราจะบอกว่าเพึ่อนเราทันสอยหนังสือได้ที่ร้าน----วายค่ะ

ให้เพึ่อนเล่าก่อนเลยตอนพิเศษที่มีตาณัฐ10ปี (เพึ่อนตั้งฉายาให้) เราฟินมาก ฟินแบบสะใจ :laugh:

เทใจให้พี่จ้าที่ชัดเจนมากๆ กับพี่ตัง พี่แมนมากค่ะ  :mew1:

แนะนำเลยค่ะ ถ้าซื้อได้ให้รีบโดยไว เราเก็บขึ้นหิ้งหนึ่งของนิยายในดวงใจค่ะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 18-12-2014 04:35:34
พี่จ้าพี่ตังน่ารักอ้ะ อ่านแล้วฟินม้วนกลิ้งไปมา >___<
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 18-12-2014 07:28:25
ม้วนตวเขินกอดผ้าห่มให้ความอบอุ่นตัวเองต่อไปปปปปป
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: vivalasvegus ที่ 18-12-2014 07:29:33
ขอบคุณค่ะ น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: bew_yunjae ที่ 18-12-2014 07:38:40
อ๋อย~~~ พี่ตังพี่จ้าน่ารักๆๆๆๆๆๆๆ สุดเลยยย
สรุปพี่ตังหนีตามมาอยู่กับพี่จ้าใช่ม๊าคริๆ
โอ๊ยหวานเว่อร์ค่ะ หมั่นไส้ๆๆ 5555
เดี๋ยวจะปริ้นท์ตอนพิเศษไว้แล้วเก็บสอดไว้ในเล่มค่ะ เสมือนตอนต่อ 5555
ขอบคุณน่ะค่ะ วำหรับตอนพิเศษ น่ารักมาก ฟินมากกก
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 18-12-2014 07:39:13
พิเศษมากๆเลยกับเรื่องนี้น่ารักอิ่มเอม
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: ไอศกรีมละลาย ที่ 18-12-2014 08:06:01
ขอบคุณมากนะ (o^^o)
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 18-12-2014 08:07:49
แปะโป้งก่อนนนนนนนนน ทำงานเด๋วเค้ามาให้กำลังใจน้าพี่คัง~>.<
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Noah ที่ 18-12-2014 08:33:04
น่ารักจังเลย โอย นั่งอ่านบนรถด้วย ยิ้มไม่หุบเลย อิจฉาจริงๆ วันนี้ยิ่งหนาวๆ ด้วย  :m3:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: schneesturm_fubuki ที่ 18-12-2014 08:48:34
 :hao7: :hao7: :hao7:  บอกได้คำเดียว "อิจฉา" ตั้งแต่ต้นจะจบ ยันตอนพิเศษ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: mirin ที่ 18-12-2014 08:59:24
หวานมากกกก อบอุ่นที่สุดเลยคู่นี้ :-[
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 18-12-2014 09:12:08
หวานรับลมหนาวปีนี้
ตังจ้าเวลาอยู่ด้วยกันหวานละมุนมาก
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: 28016 ที่ 18-12-2014 09:59:47
เปิดมาป๊ะตอนพิเศษพอดีเลย ฟินนนนนน :hao5:
คู่นี้ก็ยังฟินจิกหมอนไม่เปลี่ยน อ่านแล้วแทบทึ้งผ้าขาด :-[
โอย นุ่มๆอุ่นๆรับอากาศหนาว  :man1:
ตอนแต่งชุดมาสคอตนี่น่ารักมาก นึกภาพตามก็ฟินแล้ว
ส่วนตอนเขียนหลังแล้วกระซิบกันคือระบิดตัวตายเป็นโกโก้ครั้นช์เลยค่ะ 555
สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังนะคะพี่จ้า ขอให้หมีอ้วนรักหลงยิ่งๆขึ้นไป

ปล.
เพียงแค่เห็นลายเส้นสานขัดขยุกขยิกเป็นภาพหอคอสูงรายล้อมไปด้วยก้อนเมฆก้อนก็จำได้
อาทิตย์ทัศน์ปิดหนังสือที่นั่งอ่านมาร่วมชั่วโมงก่อนจะวางไว้บนโจฃต๊ะหน้าโซฟา
อาทิตย์ทัศน์ปรือตาตื่นขึ้นขยับตัวจ้องมองแผ่นหลังเปลือยของคนที่กำลังตอนหลับ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: gneuhp ที่ 18-12-2014 10:15:19
พี่จ้า น่ารักอ่ะ อบอุ่นสุดๆอ่าาา
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: veeveevivien ที่ 18-12-2014 10:23:50


 :mew2: :mew2:

เค้าอยากได้ยินคำที่เค้ากระซิบกัน ...แค่สองคน.... อ่ะ เค้ากระซิบว่าอะไรหรอ จริง ๆๆๆๆๆ นะ กระซิบบอกด้วยคนดิ :mew3:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: lollita ที่ 18-12-2014 11:21:52
ไม่คิดว่าจะได้อ่านอีกบอกตามตรงดีใจมาก :กอด1:
ยังคงบรรยากาศหวานอบอุ่นละมุน อ่านเจอประโยคของตังเงยหน้าจากโทรศัพย์ เรางี้ทั้งอึ้งทั้งยิ้มฟินเลย
น่าร้าก ชอบจ้าชอบตังขอบคุณคนเขียน
 :L2: :3123:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 18-12-2014 12:05:26
 :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 18-12-2014 12:27:59
งกอะ ฟังด้วยก็ไม่ได้ ซุบซิบกันสองคน อิจฉาน้า... หนาว ๆ ไม่มีคนคอยกอด
อ่านตังจ้าแล้วทำไมเห็นหน้าพอชอามก็ไม่รู้
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 18-12-2014 12:51:58
ตอนพิเศษ คิคิ น่ารัก จ้า ตัง อ่านแล้ว ฟิลกู๊ดจริงๆค่ะ นิยายเรื่องนี้
คิดถึง จังค่ะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 18-12-2014 14:24:08
อู้ยยยย เขิน
พี่จ้าพี่ตังน่ารักมากกก
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 18-12-2014 16:53:34
พี่จ้าขี้อ้อนนนน
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: Sillyfoolstupid ที่ 18-12-2014 17:26:23
อยากจะให้ขวัญมาเห็นซีนให้รางวัลของพี่จ้า
นางงจะแซวยันลูกนางบวช

อยากจะขโมยพี่ตังมาจากพี่จ้า ผู้ชายอะไร้ น่ารักที่สุด
อยากจะไปสิงข้าวของในบ้าน จะแอบดูซีนหวาน

อ่านไปม้วนไป เขินอ่ะ

ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษต้านภัยหนาว
ถึงเราจะไม่มีใครให้กอด แต่อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่นในหัวใจมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 18-12-2014 17:30:22
ขอบคุณค่ะ
แต่อยากรู้คำนั้นด้วยคนไม่ได้หรอค่ะ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 18-12-2014 17:46:43
เป็นตอนที่เหมาะกับหน้าหนาวเดือนธันวามากค่ะ
ละมุนนิดๆ หวานเบาๆ ลงท้ายด้วยความอบอุ่น แค่นี้ก็เบิกบานใจแล้วล่ะค่ะ
แล้วมาต่อพิเศษอีกนะคะ
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: BIRD ที่ 18-12-2014 18:09:03
ยิ้มอ่ะ เข้ากับบรรยากาศตอนนี้มาก ๆ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 18-12-2014 18:55:16
น่ารักไม่ไหวแล้ว อ๊ากกกกกกก :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: bon ที่ 18-12-2014 20:16:01
โห่ ไม่ใจเลยอะ กระซิบได้ยินกันแค่สองคน
เดี๋ยวจะไปบอกน้องขวัญให้ล้อทั้งอาทิตย์เลย
สุขสันต์วันเกิดครับพี่จ้า
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 19-12-2014 11:12:18
โหยยย~ โรแมนติกอ่ะ
วันที่ 22 ธ.ค. นี้วันเกิดเรา
ขอยืมคุณตังใส่ชุดหมีมาเซอร์ไพร์สเราได้มั๊ยคะคุณจ้า

 :katai5:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 19-12-2014 16:36:25
ถึงไม่ได้ยิน ก็พอจิินตนาการได้  :-[
+1 ให้เป็นกำลังใจ
ปล. รอผลงานชิ้นใหม่ อย่างคาดหวัง  :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: Aumy8059yaoi ที่ 19-12-2014 22:51:31
กรี๊ดดดดดด เป็นอะไรที่...อยากกรีดร้องให้มันดังๆค่าาาาา
อยากจะบอกว่า เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ และก้ไม่ผิดหวังเลยสักนิด!!!
ส่วนตัวแร้ว ชอบพี่ตังมากกกกก เพราะรู้สึกว่าเป็นคนที่ดูอบอุ่นมั่กๆๆๆๆๆ
อยากแย่งมาจากพี่จ้าเลยเชียว :z6: (จะโดนพี่จ้าถีบป่ะเนี้ย คึคึ)
พี่คนเขียนเขียนออกมาได้น่ารักมากค่ะ^^ ทำให้เราสามารถอินไปได้ถึงขนาดเน้!!!
ยิ่งตอนหลังๆนี่...พ่อเสือน้อยของพี่ตัง นับวันยิ่งทำตัวน่ารักน่าชัง(โอยยย หมั่นเขี้ยว)
อ่านไปยิ้มไปจนปวดแก้มเลยล่ะค่ะ!!!! :laugh: :z1:

 :L1:ที่ท้ายนี่ที่อยากบอกพี่ถ้าเธอเป็นท้องฟ้าค่ะ คือคำว่า ขอบคุณ ขอบคุณ และขอบคุณค่ะ สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆๆ :mew1:
 :pig4: 
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: M_April ที่ 19-12-2014 23:27:06
อบอุ่น ละมุนๆ น่ารักมากๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: super hero ที่ 20-12-2014 00:57:39
น่ารัก
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 21-12-2014 09:59:54
จิกหมอนขาด ยิ้มแก้มแตก ฟินกระจาย เปรมฤทัย ชุ่มฉ่ำเข้าไปถึงขั่วหัวจิต โอ๊ยๆๆๆ สุดจะบรรยายความรู้สึกเลย น่ารักมาก  :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 21-12-2014 15:43:34
ไม่ยอม..  เค๊ากระซิบอะไรกัน.. :z6: โอ๊ย!!! ถูกอิตังทำร้ายโทษฐานยุ่งไม่เข้าเรื่อง....
อิจฉามากมายอะไรจะหวานได้ตลอดเลยเนอะ...
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 21-12-2014 16:20:12
ขอบคุณที่ส่งตอนพิเศษแสนพิเศษมาทำให้อบอุ่นเหมือนอยู่ในอ้อมกอดของคนรักกัน

สวัสดีปีใหม่นะคะ ขอให้คุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้ามีความสุขทุกวันค่ะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 21-12-2014 18:21:08
มันคือฟินผุดๆอ่าาาาาา >.<
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 21-12-2014 20:26:36
คู่นี้ทำให้คนอ่านเกิดความรู้สึก อบอุ่น รัก เขิน ฟิน
คือมันมีแต่ความรู้สึกดีๆรวมกันอยู่ในคู่นี้จริงๆ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 21-12-2014 22:40:32
โอ๊ยยย อ่านไปเขินไป
ชอบตอนนี้มากกกก มันหวาน ละมุ่น อุ่น รู้สึกดีสุดๆ
ชอบสุดๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557 หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 22-12-2014 00:40:34
ขอบคุณมากๆค่ะ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557
เริ่มหัวข้อโดย: Fish129 ที่ 22-12-2014 07:44:54
ตอนพิเศษน่ารักมากเบน  อบอุ่นจริงๆ

แต่หมั่นไส ได้ยินแค่สองคนจังเลย
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557 หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 23-12-2014 16:56:19
ที่จริง .. ได้ตามอ่านเรื่องนี้หลังจากที่ได้รางวัลภาษาไทยดีเด่นในเล้านี่แหละค่ะ
เป็นเรื่องแรกที่เหมือนจะเห็นชื่อมานานแต่ก็ไม่ได้เข้ามาอ่านซักที (ไม่รู้ทำไมเหมือนกันเนอะ 555555)
พอรู้ตัวอีกทีก็ไปที่ร้าน Ohayo ที่เซ็นลาดฯแล้วก็หยิบเล่มนี้มาเลย เป็นเรื่องแรกจริงๆค่ะที่ไม่ได้อ่านก่อนซื้อเล่ม
แต่ก็ไม่ผิดหวังเลยนะคะ คือหลงรักความพิเศษในความธรรมดาของทั้งคู่ไปเต็มเปา .. จนวันนึงเลิกเรียนปกติจะขึ้น BTS สยามมาลงสะพานควายน่ะค่ะ
วันนั้นเลยเปลี่ยนสาย ไปสายสีลม .. คนเยอะสุดๆค่ะ 5555555 ปลากระป๋องมากกกกเพราะเป็นช่วงเลิกงานพอดี
แต่ไหนๆก็มาแล้วก็ไปให้สุดค่ะ ไม่ได้รู้เลยว่าจากสยามไปสะพานตากสินมันไกลนะ T _____ T ..
จริงๆคืออยากไปดูพระอาทิตย์ตกน่ะค่ะ (ติสท์เกิน) สุดท้ายก็ไปไม่ทัน แต่ก็ .. คุ้มค่านะคะ อย่างน้อยก็ได้ไป อะไรประมาณนั้น
เลยถ่ายรูปมา กะจะเอามาลงซักพักแล้วแหละค่ะแต่ลืม 55555555 ยังไงก็ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายดีๆแบบนี้
จะรอติดตามผลงานของคนเขียนในเรื่องต่อๆไปนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ <3

(http://upic.me/i/7o/screenshot2557-12-23at4.53.26pm.png)
แชะเป็นหลักฐานซะหน่อย มาถึงแล้วนะะะ ~

(http://upic.me/i/bz/screenshot2557-12-23at4.53.43pm.png)
(http://upic.me/i/f9/screenshot2557-12-23at4.53.55pm.png)
ไปไม่ทันดูพระอาทิตย์ตกแต่ฟ้าก็ยังสวยค่ะ :)
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557 หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-12-2014 20:20:22
จ้าเกิดวันเดียวกับเราเลย อ่านเรื่องนี้ทีไรคำพูดที่อยากบอกอยากเขียนมันไม่ออกมาสักที รู้แต่ว่าความสุขมันอบอวนอยู่ในอกจนล้นปรี่
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557 หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: kaireaw ที่ 24-12-2014 23:09:11
โอยยยยน่ารักมากกก อ่านกี่ทีก็น่ารัก ตอนพิเศษก็น่ารักมาก ขอบคุณมากนะคะ
มันเป็นเรื่องที่ละมุนมากๆ อ่านแล้วมีไอความรักพุ่งออกมากรี้ดด
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557 หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 25-12-2014 01:19:08
นุ่มๆ ละมุนหัวใจ
ชอบจังเลย
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557 หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 27-12-2014 12:19:06
 :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557 หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: |ψ|PEAT_ZA|ψ|℠ ที่ 28-12-2014 21:22:09
อ่านตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วบอกได้เลยว่า "อบอุ่นหัวใจ"

Feel good

^____^

หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557 หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 08-01-2015 01:55:13
เป็นเรื่องที่อบอุ่นมากๆๆๆๆ เลยค่ะ ขอบคุณนะค่ะ^^
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557 หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: mox2224 ที่ 08-01-2015 22:39:23
อ่านจบแล้ววว ไม่อยากให้จบเลย
เพิ่งมาตามอ่านค่ะ เป็นเรื่องที่ละมุนมากๆ
เราชอบนิยายแนวนี้มากเพราะรู้สึกว่าเป็นอะไรที่อบอุ่นมันมีความนุ่มอยู่ในเนื้อของมัน
ทำให้เราชอบเรื่องนี้มากๆ รักเลย

       
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557 หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: grimace ที่ 13-01-2015 17:39:57
ดีใจมากที่ได้อ่านตอนพิเศษต่อหลังจากที่ได้อ่านจากในหนังสือแล้ว
คู่นี้น่ารักมากกกกกกกกกก อ่านไปก็เขินไปตลอด มีอะไรให้อมยิ้มได้ทุกที
ขอบคุณสำหรับนิยายอบอุ่นแสนประทับใจแบบนี้นะคะ :o8:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557 หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: bradpitt ที่ 15-01-2015 14:36:09

Thank you ผู้แต่งสำหรับ เรื่องราวดีๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

หวาน ละมุน อุ่นละไม ทำให้ดวงใจดวงนี้มีความหวังขึ้นมา

 :กอด1: เขารอกันมา 11 ปี จนเจอรักแท้ :mew1:


แล้วเราล่ะ  ก้อยังเชื่อมั่นในความรักต่อไป  :mew1:

 ...แต่แค่ 15 วันจากปีใหม่ มา ทำไม หัวใจเหมือนจะร้องไห้   :mew6: :hao5:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557 หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: windel ที่ 16-01-2015 12:10:51
แอร๊ย หวานกันจริ๊งงงง
//ขอแอบหูผึ่งอยู่ใต้เตียงได้ไหมคะว่ากระซิบอะไรกัน  :hao7: *โดนตบ*

รอติดตามข่าวรีปริ้นอยู่นะ รอแรกไม่ทันแบบมากมาย เก็บเงินไม่ทัน(ฮา)
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557 หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 26-01-2015 22:22:54
โอยยยย ำวานหยดย้อยยย น่ารดๆ ขอบคุณคนเขียนที่แต่งนิยายดีๆ น่ารักๆ มาให้อ่านนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557 หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: care_me ที่ 27-01-2015 22:36:33
เพิ่งมีโอกาสได้อ่านนิยายเรื่องนี้ค่ะ จริงๆเพื่อนแนะนำให้อ่านเรื่องนี้นานแล้ว

แต่เพิ่งได้ว่างอ่าน พออ่านก็ติดงอมแงม วางไม่ลงเลยค่ะ ชอบบรรยากาศนิยายเรื่องนี้มากเลย
ดูเป็นความรักที่อบอุ่น เรื่อยๆ สบายๆ ไม่รีบร้อน ชอบมากเลยค่ะ :-[

ให้ความรู้สึกแบบคนสมัยก่อนดี๋ยว นี้หาอ่านนิยายแนวนี้ยากจัง

ต้องขอบคุณ คนแต่งมากนะคะ  :katai2-1:  o13  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557 หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 28-01-2015 23:46:29
หวาน~ ละมุน~  :-[ :-[ :-[
อ่าส์ อ่านแล้วมันพาลอุ่นไปทั้งใจเลยค่ะ ของเค้าดีจริงๆ  o13
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557 หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: latin ที่ 29-01-2015 13:35:32
เขินจัง  รักกันๆนะคะ ><~
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557 หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 29-01-2015 20:16:19
ขอแบบนี้สักคนได้ไหมมมมม  :katai1:
  :ling1: :ling1:
จะเอาอ่ะจะเอาาาา~
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557 หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 05-02-2015 11:24:03
อ่านจบแล้วค่ะ ดีใจมากๆ ที่ตัวเองตัดสินใจมาอ่านเรื่องนี้
แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยมาเป็นปีแล้ว และไม่ได้ติดตามตั้งแต่แรกๆๆ

เรื่องนี้เป็นเรื่องหนึ่งที่อ่านแล้วเราประทับใจมากๆ
ทั้งในเรื่องของภาษา โครงเรื่อง เนื้อเรื่อง และความรู้สึก
อ่านแล้วรู้สึกถึงทุกความอบอุ่นของตัวละคร บอกไม่ถูกว่าชอบตอนไหนตรงไหน
เพราะทุกครั้งที่เลื่อนสายตาผ่านประโยคเรียบง่ายนั้นๆ
ความรู้สึกในอกมันฟู และรู้สึกอิ่มๆ ยากที่จะอธิบายออกไป

ออกตัวเลยค่ะ ว่าพออ่านมาซักพักนึง ก็เริ่มรู้สึกชอบพี่จ้า
ชอบลุคพี่จ้า ชอบนิสัยพี่จ้า ชอบการวางตัว ชอบความนิ่งขรึม
แต่สุดท้าย ก็มาจบลงที่ว่าเป็นแฟนคลับของคุณดีไซเนอร์สุดหล่อกับคุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
เป็น FC ของพี่ตังและพี่จ้าค่ะ ถ้าได้เป็นมัณฑนากรสุดสวยที่ได้ไปเห็นฉากน่ารักของทั้งสองคน
คงฟินมากๆๆๆๆๆๆ 5555


ตอนแรกๆๆ แอบสงสัยในตัวน้องขวัญ (กลัวน้องขวัญจะชอบพี่จ้าในรูปแบบอื่น)
แต่จริงๆ แล้วน้องขวัญน่ารักมากเลย
ชอบความสัมพันธ์ของพี่จ้ากับน้องขวัญค่ะ
ชอบคุณป้านุชด้วยค่ะ ท่านเป็นแม่ที่น่ารักมากและใจดีมากๆ เลย


มีโอกาสได้คุยกับคุณนักเขียนนิดหน่อยผ่านแชทของเฟสบุ๊ค
รู้สึกขอบคุณในความใจดีของคุณนักเขียนมากเลยค่ะ
และขอบคุณมากๆ ที่เล่าเรื่องราวของพี่ตังกับพี่จ้า ออกมาได้อบอุ่นขนาดนี้
ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : เวลาเวียน) 18-12-2557 หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 14-02-2015 00:30:40
ใช้ภาษาเก่งมากเลยค่ะ   สละสลวย อ่านแล้วลึกซึ้ง สุภาพทั้งเรื่อง เรียบๆแต่ประทับใจสุดๆ ผู้เขียนเก่งมากๆ อ่านรวดเดียวเลยขอบคุณสำหรับความสุขที่มอบให้ผู้อ่านทุกคน
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 14-02-2015 14:30:13
สวัสดีค่ะ  :katai3:
พอดีวันก่อนได้รับข้อความแจ้งเรื่องการจัดส่งรางวัลที่ได้จากการโหวตเซ็งเป็ดอวอร์ด
เลยนึกได้ว่ายังไม่ได้ขอบคุณทุกคนอย่างเป็นทางการเลย (เดี๋ยวได้รับแล้วจะเอามาให้ดูในเพจนะคะ เห็นในรูปเป็นเป็ดม่วง ๆ)
ถือโอกาสนี้ขอบคุณเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ทุกคนนะคะที่ชอบเรื่องถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
มีหลาย ๆ คนยังคงเข้ามาอ่านมาคอมเมนต์ทั้งที่ก็ผ่านมาเป็นปีแล้ว เราอาจจะตอบกลับไม่ตอบกลับบ้างแต่ก็อ่านทุกคอมเมนต์นะ
ขอบคุณมากจริง ๆ ค่ะ โปรดรับตอนพิเศษตอนสั้น ๆ ตอนนี้เอาไว้ แทนคำขอบคุณจากเราด้วยนะคะ ^^
ตอนพิเศษนี้ (กับตอนที่แล้ว "เวลาเวียน") เป็นตอนพิเศษที่เขียนต่อจากตอนพิเศษตอนสุดท้ายในหนังสือ (ซึ่งไม่ได้ลงในเว็บ)
แต่เนื้อหาก็ไม่ได้ยากเกินจะคาดเดาว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ได้ตามสะดวกค่ะ


....

ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน



เสียงผิวปากทำนองเพลง ‘เธอเห็นท้องฟ้านั่นไหม’ ผสานกับเสียงน้ำจากฝักบัวดังแว่วมาจากด้านหลังประตูสีขาว ไม่นานเสียงนั้นก็เงียบลง และเมื่อประตูเปิดออกอีกครั้งกลิ่นหอมของสบู่ก็อบอวลไปทั่วทั้งห้อง สายลมอ่อนพัดผ้าม่านผืนบางพริ้วไหวราวกับกระโปรงของสาวน้อยนักระบำ มีโมบายแขวนหน้าต่างเป็นเครื่องกำกับจังหวะ กรุ๊งกริ๊ง...กรุ๊งกริ๊ง หนักเบา ถี่ห่างก็แล้วแต่พระพายจะบัญชา ร่างสูงในชุดเสื้อยืดกางเกงเลเดินมาหยุดที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง สำรวจความเรียบร้อยของตนเองในกระจก จากนั้นจึงหยิบแว่นสายตาล้อมกรอบสีดำขึ้นมาสวม ลอบมองภาพของอีกคนที่ปรากฏบนผืนระนาบตรงหน้า พลันรอยยิ้มบาง ๆ ก็จุดขึ้นจนสังเกตได้


ตฤณกรเดินอ้อมไปอีกฝั่งทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงแต่น้ำหนักที่กดยวบลงนั้นไม่อาจเรียกความสนใจจากสายตาที่กำลังจดจ่ออยู่กับสิ่งที่รักได้ ดวงตาที่ฉาบด้วยแววแห่งความอ่อนโยนทอดมองคนที่กำลังนั่งหันหลังให้ผ่านกระจกแว่นสายตาพลางเอนหลังพิงหัวเตียงเอื้อมมือหยิบหนังสือขึ้นมาเปิดอ่าน พลิกหน้าไปมาจนกระดาษเสียดสีกันก็แล้ว แกล้งกระแอมไอจงใจให้เกิดเสียงดังก็แล้ว หวังจะเรียกร้องให้อีกฝ่ายหันกลับมาสนใจกันบ้างแต่สุดท้ายก็พบว่ามันไม่ได้ผลเลยแม้แต่น้อย แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา ชายหนุ่มรู้ดีว่าควรจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร และแน่นอนว่าเขาจะต้องจัดการมันอย่างนุ่มนวลที่สุด


อาทิตย์ทัศน์จำต้องละสายตาจากจอ LCD ของกล้องดิจิทัลในมือเมื่อแขนแกร่งสอดรัดเข้ากับข้างลำตัว แผงอกแนบชิดกับแผ่นหลังให้ความรู้สึกอุ่นพอ ๆ กับลมหายใจของคนที่เพิ่งวางคางลงบนลาดบ่าของตนเอง ไม่ได้หันไปมองให้เต็มตาแต่ก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องมองภาพในหน้าจอ LCD  อย่างสนอกสนใจ เจ้าของกล้องยกมุมปากน้อย ๆ ก่อนจะดึงสายตากลับมายังจุดเดิม ปลายนิ้วเรียวกดปุ่มให้ภาพเลื่อนไปเรื่อยกระทั่งมาหยุดที่ภาพสุดท้ายซึ่งถ่ายโดยช่างกล้องมือสมัครเล่นที่ยังคงทำเนียนเบียดเข้ามาจนแก้มแนบกัน


“แอบถ่ายตอนไหนเนี่ย” ปากบางขยับบ่นพึมพำเมื่อเห็นภาพตัวเองในอิริยาบถที่ไม่ทันตั้งตัว


“ฝีมือใช้ได้หรือเปล่าล่ะ” ถามพลางกระชับวงแขนแน่น


"อืม...ก็ใช้ได้นะ ถ่ายรูปเก่งเหมือนกันนะเราน่ะ" อาทิตย์ทัศน์หัวเราะในลำคอพลางเอื้อมหยิบกระเป๋าหวังจะใส่กล้องคืนที่ แต่กลับถูกมือปลาหมึกรั้งเอาไปเสียก่อน


"ก็มีแฟนเป็นอาจารย์สอนถ่ายภาพนี่นา ถ้าถ่ายรูปไม่เก่งละก็ เสียชื่ออาจารย์จ้าแย่"


"ฟลุคมากกว่า"


ตฤณกรมองรอยบุ๋มที่ข้างแก้มของอีกฝ่าย น่าแปลกที่มองอย่างไรก็ไม่เคยนึกเบื่อเลยสักครั้ง ก่อนนี้ทำได้แค่แอบมอง แต่เดี๋ยวนี้จะมองเท่าไรก็ได้ เช้าสายบ่ายเย็นหรือแม้กระทั่งก่อนนอนเช่นนี้

 
"ฟลุคที่ไหนกัน ถ้าไม่เชื่อเดี๋ยวผมถ่ายให้ดูอีกก็ได้" พูดจบก็ยกกล้องในมือขึ้นก่อนจะลั่นชัตเตอร์บันทึกภาพรอยยิ้มที่ใคร ๆ เห็นไม่ได้บ่อยเอาไว้ "ดูสิ คนเป็นแบบก็หล่อ" ถือโอกาสล้มตัวลงนอนหนุนตักอุ่นเอาดื้อ ๆ   


"ชอบจังเวลาเห็นจ้ายิ้ม"



พูดไปยิ้มไปในขณะที่ตาก็มองภาพที่ปรากฏในจอ LCD ไปด้วย แม้จะไม่ใช่ภาพแสงแรกของดวงอาทิตย์ในยามเช้าที่โอบกอดทักทายทุกสรรพสิ่ง แต่ก็ทำให้โลกสว่างสดใสทุกครั้งยามได้มอง


“นอนดีกว่านะ” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะวางมือลงบนศีรษะของคนที่นอนอยู่บนตัก


“ยังไม่ง่วงเลย”


ทันทีที่พูดจบตฤณกรก็เงยหน้าขึ้นสบตาคนฟังที่ตอนนี้เสมองไปทางอื่นเสียแล้ว


“พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า” อาทิตย์ทัศน์ตอบอ้อมแอ้ม หาทางออกด้วยการดึงกล้องจากมือหนามาเก็บใส่กระเป๋า อันที่จริงมันก็เป็นเพียงการสนทนาธรรมดา ๆ แค่นี้เอง ทำไมต้องหลบตา ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ไม่เข้าใจจริง ๆ แค่อีกฝ่ายบอกว่า ‘ยังไม่ง่วง’ จู่ ๆ แก้มก็ร้อนผ่าวขึ้นมาเฉย ๆ


“เฮ้อ...แทนที่พรุ่งนี้จะได้ไปเที่ยวด้วยกันเหมือนคู่อื่น ๆ เขา กลับต้องมาทำขนมอยู่บ้านเสียนี่”


“ขี้บ่นจริง” ส่ายหน้าน้อย ๆ ยกมือขึ้นบีบจมูกคนบนตักเบา ๆ “เรื่องขนมน่ะ คุณไปรับปากพัฒน์ไว้เองไม่ใช่เหรอ ผมต่างหากที่ต้องเป็นคนบ่น”


เมื่อได้ฟังดังนั้นตฤณกรก็ถอนใจอีกเฮือก นึกถึงเรื่องที่มาเป็นนายหน้าขอร้องให้อาทิตย์ทัศน์ช่วยสอนพัฒน์ทำขนม  ยิ่งมารู้ทีหลังว่าเพื่อนจะทำสำหรับเป็นของขวัญเซอไพรส์สาวในนาทีสุดท้ายของวันวาเลนไทน์ก็ยิ่งปวดหัวหนัก นึกขึ้นมาได้ว่าตนเองก็อยากจะทำอะไรพิเศษ ๆ กับคนรักในวันนี้เช่นกัน


“ก็ผมไม่รู้นี่น่าว่ามันมีวัตถุประสงค์แอบแฝง คิดว่าอยากลองทำเฉย ๆ แล้วก็ดันจะมาทำในวันวาเลนไทน์ บ้าหรือเปล่า ไม่บอกกันก่อนแต่แรก”


“เอาเถอะน่า รับปากเขาไปแล้วนี่นา อีกอย่างผมก็ไม่ได้ติดธุระที่ไหนด้วย”


“จริง ๆ ปฏิเสธก็ได้แต่ไม่ปฏิเสธมากกว่า” ตฤณกรบ่นอุบ


“ทำไมขี้บ่นจัง”


“ก็วันวาเลนไทน์ทั้งที ผมก็อยากทำอะไรพิเศษ ๆ กับคนที่ผมรักแค่สองคนบ้างสิ”


“พูดอย่างกับจะรักกันแค่วันเดียว”


“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย”


“ไม่ใช่อย่างนั้นแล้วมันยังไง”


“ไม่รู้! งอน! เห็นคนอื่นดีกว่าเรา” พูดจบก็รั้งมืออีกฝ่ายมาอังที่แก้มก่อนจะหลับตาลง


“เอ๊า!” อาทิตย์ทัศน์ได้แต่ส่ายหน้ายิ้ม ๆ ไม่รู้จะทำวิธีไหนให้ผู้ใหญ่เอาแต่ใจตัวเองหายงอน   


...


วันต่อมาพัฒน์โผล่หน้ามาที่บ้านตั้งแต่เช้าพร้อมกับวัตถุดิบสำหรับทำ ‘เค้กช็อกโกแลตหน้านิ่ม’ ที่เขาตั้งอกตั้งใจจะทำให้รุ่นน้องที่ทำงานเป็นของขวัญในวันแห่งความรัก


“ตอนแรกผมว่าจะลองทำตามคลิปที่เขาโพสต์กันในเว็บ แต่คิดแล้วน่าจะไม่รอดแน่ เตาอบก็ไม่มี ก็เลยต้องมารบกวนอาจารย์จ้าน่ะครับ”


“ไม่รบกวนหรอกครับ” เจ้าของชื่อตอบอย่างมีไมตรี


“ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่านะครับ” พูดจบพัฒน์ก็จัดการสวมผ้ากันเปื้อน หยิบวัตถุดิบออกมาวางเรียงตามที่เคยเห็นในรายการทำอาหาร


รถที่จอดอยู่หน้าบ้านกับเสียงพูดคุยกันที่ดังมาจากในครัวทำให้ตฤณกรที่เพิ่งกลับจากส่งแม่ของอาทิตย์ทัศน์ที่บ้านเพื่อนของเธอรู้ได้ทันทีว่าขณะนี้อาทิตย์ทัศน์ไม่ได้อยู่คนเดียว ร่างสูงเดินเข้าไปในครัวก่อนจะเอ่ยทักทายเพื่อนรักด้วยถ้อยคำที่ทำให้คนเป็นอาจารย์ต้องส่งสายตาปราม


“เสนอหน้ามาแต่เช้าเลยนะ”

   
“เออ ก็ไม่รู้ว่ามันทำยากง่ายขนาดไหนนี่หว่าเลยต้องรีบมา เดี๋ยวจะไม่ทันเวลาคืนนี้” หนุ่มร่างท้วมยักคิ้วกวน ๆ ก่อนจะหันไปยิ้มกับเจ้าของบ้านอย่างประจบ


“เริ่มกันเลยก็แล้วกันนะครับ เดี๋ยวผมจะเตรียมส่วนผสมเนื้อเค้กให้” พูดจบก็จัดการชั่งตวงวัดส่วนผสมทั้งแป้งเค้ก ผงฟู เบกกิ้งโซดา กลิ่นวานิลลา เกลือป่น ผงโกโก้ น้ำตาลทราย ตามสูตรที่กางอยู่บนโต๊ะ


พัฒน์จ้องมองอีกฝ่ายตาเขม็ง พยายามเก็บรายละเอียดให้มากที่สุดราวกับกลัวจะโดนถาม เมื่อส่วนผสมต่าง ๆ ถูกเตรียมไว้พร้อมแล้ว อาทิตย์ทัศน์ก็หันไปหยิบตะแกรงร่อนที่วางอยู่บนชั้นเหนืออ่างล้างจานส่งให้


“คุณพัฒน์เอาส่วนผสมพวกนี้ใส่ลงในตะแกรงแล้วก็ร่อนใส่อ่างนี้ไว้นะครับ พอเรียบร้อยแล้วก็ทำเป็นบ่อไว้ตรงกลาง  เดี๋ยวเราจะต้องเติมน้ำ นมข้นจืด น้ำมะนาว น้ำมันพืช แล้วก็ไข่แดงพวกนี้ลงไปตีให้เข้ากัน”


เมื่อได้ฟังดังนั้นลูกศิษย์ก็ปฏิบัติตามคำสั่งอย่างตั้งใจ ตฤณกรได้แต่มองสองคนที่กำลังง่วนอยู่กับการทำขนมก่อนจะเดินออกไปนั่งทำงานที่โต๊ะเขียนแบบที่ถูกตั้งไว้ตรงระเบียงตั้งแต่เมื่อตอนย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ เงี่ยหูฟังเสียงพูดคุยกันที่ดังจากในครัวเป็นระยะ ๆ


“แล้วไข่ขาวนี่ล่ะครับอาจารย์จ้า”


“ผสมไข่ขาวกับครีมออฟทาทาร์ในโถนี่ครับ จากนั้นก็ตีด้วยความเร็วสูงจนมันขึ้นฟองหยาบ ๆ ก่อนแล้วค่อยเติมน้ำตาลทรายลงไป ตีให้มันตั้งยอด”


พัฒน์ทำตามที่บอก เพิ่งรู้ว่าการทำขนมไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับผู้ชายที่ถนัดแต่เรื่องการกินอย่างเขา เวลาผ่านไปไม่นานไข่ขาวและน้ำตาลที่ถูกตีผสมกันด้วยตะกร้อก็เริ่มเหนียวหนืดจนติดตะกร้อขึ้นมาเป็นยอดแหลม ๆ พัฒน์จึงเดาเอาว่านี่ละมั้งที่อาทิตย์ทัศน์เรียกว่าตีจนตั้งยอด


“ทีนี้เราจะตักไข่ขาวจากโถนี้ใส่ลงในอ่างแป้งที่เราพักเอาไว้ ค่อย ๆ คนตะล่อมให้มันเข้ากันนะครับ” ในส่วนนี้อาทิตย์ทัศน์ลงมือทำเอง ชายหนุ่มตักส่วนผสมของไข่ขาว ครีมออฟทาทาร์และน้ำตาลทรายที่ตีจนเข้ากันดีใส่ลงในอ่างที่ผสมแป้งพักเอาไว้ จากนั้นจึงใช้ตะกร้อคนตะล่อมอย่างเบามือ เมื่อเรียบร้อยเขาก็ปล่อยเป็นหน้าที่ของพัฒน์ในการตักส่วนผสมที่ได้ใส่ลงในพิมพ์ทรงกลม


“เราต้องอบกี่นาทีครับ”
   

“อืม ก็จนกว่าเค้กจะสุก ประมาณสามสิบห้านาทีน่ะครับ” อาทิตย์ทัศน์กล่าวขณะวางพิมพ์ขนมเค้กในเตาอบซึ่งปรับอุณภูมิไว้ที่ 180 องศาเซลเซียส
   
   

ตฤณกรเงยหน้าจากกระดานเขียนแบบอีกครั้งเมื่อจมูกได้กลิ่นหอมของขนมเค้กที่เพิ่งออกจากเตา ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนยืดเส้นยืดสาย พลันสายตาก็เหลือบไปเดินร่างท้วมพันผ้ากันเปื้อนที่นอนหลับอยู่บนโซฟา เห็นแล้วก็อดส่ายหน้าไม่ได้ เป็นนักออกแบบดี ๆ ไม่ชอบ ดันอยากจะเป็นเชฟ เมื่อร่างสูงโผล่หน้าเข้าไปในครัวก็เห็นอาทิตย์ทัศน์กำลังสไลด์เนื้อเค้กตามแนวขวางเป็นสองชิ้น บนเตามีหม้อใส่ส่วนผสมอะไรสักอย่างตั้งอยู่


   
“เหนื่อยไหม”
   

คนถูกถามส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนจะยกแขนเสื้อขึ้นซับเหงื่อที่ซึมอยู่กับไรผม “สนุกดี เพิ่งเคยทำครั้งนี้ครั้งแรก”
   

“เดี๋ยวผมจะไปปลุกไอ้หมูอ้วนให้มันมารับผิดชอบขนมของมัน” ยังไม่ทันจะหันหลังกลับ เสียงเรียกชื่อตัวเองก็รั้งให้หยุดอยู่กับที่เสียก่อน
   

“ตัง ไม่ต้องหรอก คุณมาชิมหน้าเค้กให้ผมดีกว่า” พูดจบอาทิตย์ทัศน์ก็หันไปตักหน้าเค้กที่ตั้งพักไว้บนเตาใส่ถ้วยเล็ก ๆ ส่งให้คนที่กำลังเดินเข้ามาใกล้
   

“กินได้แน่นะ”
   

“ได้สิ ระดับนี้แล้ว”
   

ตฤณกรสบตาคนพูดยิ้ม ๆ ใช้ปลายนิ้วจิ้มลงในของเหลวที่น้ำตาลเข้มที่ยังคงอุ่น ๆ ก่อนจะส่งเข้าปาก
   

“เป็นไงบ้าง”


ทำท่าคิดอยู่นานจึงตอบ “ไม่เห็นจะหวานเลย”


“ไม่หวานจริงเหรอ”
   

“อื้อ จริง”


“ใส่น้ำตาลลงไปตั้งเยอะแล้วนะยังไม่หวานอีกเหรอ นี่กลัวว่าจะหวานไปด้วยซ้ำ สาว ๆ ยิ่งไม่ชอบทานหวานกันด้วย ไหนผมลองบางซิ” เจ้าของร่างเล็กกว่ากล่าวก่อนจะใช้ปลายนิ้วเตะหน้าเค้กในถ้วย ตั้งใจจะส่งเข้าปากแต่กลับถูกคนตรงหน้าคว้าข้อมือเอาไว้ ตาคู่สวยไหวระริกจ้องมองอีกฝ่ายที่กำลังโน้มหน้าลงมา เพียงอึดใจเดียวริมฝีปากหยักก็เผยอออกก่อนจะลิ้มรสหวานอมขมจากปลายนิ้ว


“จ้าหวานกว่า”



   
คนฟังรีบดึงมือออก ไม่คิดว่าในเวลาแบบนี้ก็ยังไม่เว้น
   

“ใช่เวลามาพูดเล่นไหมเนี่ย”
   

“พูดเล่นที่ไหนกัน พูดจริง ๆ” ตฤณกรหัวเราะชอบใจก่อนจะรวบเอวอีกฝ่ายเอาไว้
   

“ปล่อยเถอะ ผมจะชิมหน้าเค้ก”


“ก็ชิมสิ ผมก็ไม่ได้ห้ามนี่” ร่างสูงกล่าวพลางผละมือข้างหนึ่งออกก่อนจะแตะปลายนิ้วกับเนื้อครีมสีน้ำตาลเข้ม “ผมป้อนให้”
   

อาทิตย์ทัศน์สบสายตาแฝงความหมายที่ส่งประกายวิบวับก่อนจะมองปลายนิ้วของคนตรงหน้าที่กำลังยื่นเข้ามาใกล้สลับกัน จะแกล้งงับให้นิ้วขาด แต่ตฤณกรก็ดึงมือกลับเสียก่อนก็เลยต้องงับอากาศแทน
   

“ไม่ใช่ตรงนี้ แต่เป็นตรงนี้ต่างหาก” พูดจบนิ้วหนาก็แตะเนื้อครีมลงที่ริมฝีปากล่างของตนเองพลางยิ้มอย่างผู้กำชัยชนะ


“แผนสูง” คนจนมุมถอนใจ วางถ้วยใส่หน้าเค้กลงบนโต๊ะก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตามนุษย์เจ้าของเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวที่ยังคงยืนยิ้มไม่หุบ


“จะชิมกันสองคน หรือจะให้ผมเรียกไอ้พัฒน์มาดูวิธีชิมด้วย”


“ถ้ารู้ว่าเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ไม่ยอมแต่งงานด้วยหรอก”


“ไม่ทันแล้วครับ ชิมเร็ว” พูดไปก็รั้งเอวสอบเข้ามาใกล้


อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้าน้อย ๆ ถึงมือจะพยายามดันอกอีกฝ่ายเอาไว้ตามสมองสั่งการ แต่ในใจกลับยอมไปแล้ว หน้าชวนมองเงยขึ้น จากนั้นก็เลื่อนเข้าไปใกล้ก่อนที่ริมฝีปากบางจะเผยอออกดูดดึงเนื้อปากนิ่มชิมความหวานปนขมอยู่เนิ่นนานแล้วผละออกในที่สุด


“เป็นยังไง หวานไหม”


“ก็หวานแล้วนี่นา ไหนบอกว่าไม่หวานไง” หัวคิ้วหนาขมวดมุ่นเมื่อเริ่มจะรู้ตัวว่ากำลังถูกหลอก


“จริงเหรอ ทำไมตอนผมชิมมันไม่หวานล่ะ ลองอีกทีไหมจะได้แน่ใจ”


“พอๆๆ ไม่ชิมแล้ว ๆ หวานแล้ว” 


“แล้วกับผม อะไรหวานกว่ากัน” ตฤณกรกระซิบถาม



มีหรือที่อาทิตย์ทัศน์จะตอบ

ปล่อยให้รอยบุ๋มที่ข้างแก้มแดง ๆ ช่วยตอบแทนก็แล้วกัน


 

...


พัฒน์กลับไปเมื่อตอนบ่ายคล้อยพร้อมกับเค้กช็อกโกแลตหน้านิ่มก้อนโตฝีมือตนเองครึ่งหนึ่งฝีมือคุณครูครึ่งหนึ่ง ปล่อยหน้าที่เก็บกวาดไว้ให้เป็นภาระคนสอน แต่จริง ๆ แล้วจะว่าอย่างนั้นก็ไม่ถูก อาทิตย์ทัศน์เองต่างหากที่บอกว่าจะเก็บล้างทุกอย่างเอง ให้พัฒน์รีบไปเพราะเดี๋ยวจะไม่ทันเวลา ส่วนตฤณกรที่อาสาจะช่วยก็โดนไล่ออกมาจากครัวด้วยข้อหาทำตัวเกะกะ ชายหนุ่มจึงเดินคอตกออกมานั่งอ่านหนังสือที่โซฟาแทน สักพักก็เงยหน้ามองพัดลมเพดานที่กำลังหมุนเอื่อย ๆ กระทั่งผล็อยหลับไปในที่สุด
 


ผ้ากันเปื้อนถูกแขวนอยู่ในตำแหน่งเดิมส่วนข้าวของอุปกรณ์ทำขนมก็ถูกวางผึ่งไว้ข้าง ๆ อ่างล้างจาน ภายในห้องครัวสะอาดเอี่ยมราวกับก่อนหน้านี้ไม่ได้ถูกใช้งาน อาทิตย์ทัศน์เดินลงมาจากชั้นบนของบ้านหลังจากอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อย ชายหนุ่มเดินไปยืนที่ระเบียงมองดูเหล่าปลาคาร์ฟสีสดที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในน้ำ แปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นอุปกรณ์สำหรับเขียนสีน้ำวางอยู่บนเก้าอี้ไม้เตี้ย ๆ จานสีเก่า ๆ ฉาบทับด้วยสีเพียงไม่กี่สีที่ไหลซึมผสมกันและแห้งกรังเมื่อเวลาผ่านไป พู่กันขนาดต่าง ๆ เสียบแช่อยู่ในโหลแก้วที่มีน้ำสีตุ่น ๆ เกือบค่อน บนโต๊ะเขียนแบบมีกระดาษขนาดเท่ากับโปสการ์ดวางอยู่ เป็นภาพของดอกไม้สีหวานแต่เมื่อพลิกที่ด้านหลังกลับไม่พบข้อความใด ๆ


อาทิตย์ทัศน์ถือกระดาษแผ่นนั้นมานั่งลงที่โซฟา ทอดตามองเปลือกตาที่ยังคงปิดสนิท มือบางเอื้อมดึงแว่นสายตาออกวางบนโต๊ะ มองหน้าอีกฝ่ายให้ชัด ๆ เจ้าตัวจะรู้ไหมว่าตัวเขาเองก็ชอบดวงตาแสนอ่อนโยนคู่นั้นเหมือนกัน แต่พอได้สบประสานกันทีไรก็เป็นต้องเสมองไปทางอื่นอยู่ร่ำไป   


“แอบมองอยู่ได้” ริมฝีปากหยักขยับคำนั้นออกมาทั้งที่ยังไม่ลืมตา


"ก็ไม่ได้ติดป้ายสักหน่อยว่าห้ามมอง"


เมื่อได้ฟังดังนั้นตฤณกรก็เปิดเปลือกตาขึ้นพร้อมกับกล่าวทันควัน “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีป้ายว่าห้ามกอดเหมือนกัน” พูดจบก็โถมตัวเข้าใส่จนอีกฝ่ายหงายลงไปกับโซฟา แขนแกร่งสอดเข้าข้างลำตัวรวบร่างกรุ่นกลิ่นหอมเสียแน่น เบียดเข้าหาก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาคนใต้ร่าง


“ทำไมไม่มองแล้วล่ะ ไม่ได้ติดป้ายห้ามมองสักหน่อย”


อาทิตย์ทัศน์ถอนใจอย่างมุมก่อนเบนสายตาหนี


"แน่ะ! ยังมองไปทางอื่นอีก ผมบอกคุณแล้วไงว่าให้มองแต่ผมคนเดียว" พูดพลางเอื้อมมือแตะปลายคางมนให้หันมาสบตากันอีกครั้ง ปากหยักขยับเข้าใกล้หวังจะครอบครอง ไม่ปล่อยให้ริมฝีปากบางได้เอื้อนเอ่ยคำท้วงติงใด ๆ แต่แล้วก็รู้สึกได้ถึงความสากของบางสิ่งที่อีกฝ่ายยกขึ้นมากั้นกลางป้องกันตนเอง


อาทิตย์ทัศน์ยิ้มอยู่ในดวงตาเมื่อเห็นคนช่างเอาเปรียบชะงักงัน หน้าคมถอยห่างออกไปมองดูกระดาษแผ่นนั้นมือของเขาอย่างแปลกใจ 


“ขี้โกงนี่”


“ใครกันแน่ที่ขี้โกง”


“ก่อนจะหยิบมา ขออนุญาตเจ้าของเขาหรือยัง”


“ถึงไม่ขอก็รู้ว่าต้องให้”



‘คุ้นไหม?’




“เถียงคำไม่ตกฟากจริง ๆ” ตฤณกรโคลงศีรษะ กระชับวงแขนก่อนจะพลิกตัวนอนลงรั้งคนช่างยอกย้อนขึ้นมาอยู่บนอกอย่างมันเขี้ยว
   

“ตั้งใจว่าจะเขียนโปสการ์ดไปถึงเมื่อไรกัน"


"ก็ว่าจะเขียนไปเรื่อย ๆ น่ะ อีกหน่อยเวลาแก่ตัว ไปไหนไม่ไหวจะได้เอาออกมาอ่านไง" พูดจบก็วางมือบนศีรษะของคนในอ้อมแขนก่อนจะโยกเบา ๆ ราวกับเขาเป็นเด็กน้อย


อาทิตย์ทัศน์เอียงหน้าลงแนบกับอกกว้างฟังเสียงหัวใจของอีกฝ่าย ดวงตาคู่สวยจังคงจ้องมองไปยังภาพดอกไม้สีสวยในมือ


“แล้วใบนี้ล่ะ ไม่เห็นเขียนข้อความอะไรเลย”


“ใบนี้ตั้งใจว่าจะไม่เขียน”


“ทำไมล่ะ”


“ตั้งใจว่าข้อความในใบนี้จะพูดให้คุณฟังเอง เมื่อไรที่คุณหยิบมันขึ้นมา คุณก็จะถามผมว่าข้อความในโปสการ์ดใบนี้คืออะไร แล้วผมก็จะพูดให้คุณฟัง”


“แล้วจะจำได้เหรอ”


“จำได้สิ เพราะถามกี่ครั้งผมก็จะพูดเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแน่ ๆ คุณอยากฟังไหม”


“ไม่อยาก” คนถูกถามตอบเสียงห้วนก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่เจ้าของอ้อมกอดอุ่นก็ไม่วายลุกตามขึ้นมา สอดแขนรวบเอวสอบ วางคางลงบนบ่าไปพร้อม ๆ กัน   


"แต่ผมอยากบอก รู้ตัวไหม คุณน่ะทำให้ทุกวันของผมมีความหมายนะ คุณทำให้วันเกิดของผมกลายเป็นวันสำคัญ เมื่อก่อนผมแทบจะไม่ได้ใส่ใจมันเลยด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าจะเกิดมาเพื่ออะไร จนกระทั่งมีคุณ"


"แล้ววันนี้ล่ะ"


"วันวันวาเลนไทน์น่ะเหรอ"


"อื้อ"


"อืม...คุณทำให้วันวาเลนไทน์ของผมไม่ใช่วันเหงา ๆ ที่ต้องคอยมองคนอื่นเขาเดินจับมือกันอีกต่อไป คุณทำให้ผมรู้ว่าผลลัพธ์ของการรอคอยมันมีค่ามากขนาดไหน"


"เสี่ยวจริง ๆ อยากรู้จังว่าคุณไปจำคำพูดเสี่ยว ๆ แบบนี้มาจากไหนนะ" พูดพลางเอียงคอหนีปลายจมูกโด่งที่แตะลงกับผิวแก้ม


“แล้วชอบหรือเปล่าล่ะ”


อาทิตย์ทัศน์เลือกที่จะไม่ตอบคำถามนั้น


“แล้ววันมาฆบูชาล่ะ”


“วันมาฆบูชา...” ตฤณกรทวนคำ “ก็...ทำให้ผมต้องคิดว่าจะทำให้คนห่างไกลศาสนาอย่างคุณเข้าวัดเข้าวาได้ยังไงกัน”


“วันประมงแห่งชาติล่ะ”


“ทำให้ผมรักน้ำ รักปลา จนอยากจะเลิกกินปลาแล้วเปลี่ยนมากินจ้าแทนไง พอใจไหม” พูดจบก็กดปลายจมูกลงบนซอกคอขาวก่อนจะสูดลมหายเข้าฟอดใหญ่ให้สาสม ช่างซักช่างถามดีนัก




ดวงอาทิตย์กำลังเคลื่อนลับขอบฟ้าในขณะที่ทั้งบ้านกลับเงียบเชียบลงอีกครั้ง เงียบ...เสียจนได้ยินเสียงเข็มวินาทีของนาฬิกาติดฝาผนังดังชัดเจน เงียบ...จนรู้สึกว่าเสียงของโมบายแขวนหน้าต่างซึ่งกำลังแกว่งไกวไปตามแรงลมเป็นเสียงที่ไพเราะที่สุดที่หูได้ยินอยู่ขณะนี้ อาทิตย์ทัศน์ก้มหน้ามองแขนแกร่งที่ยังโอบรัดรอบเอวไม่ห่าง บ่าข้างซ้ายยังรู้สึกถึงน้ำหนักจากปลายคางคนตัวใหญ่กว่าที่กดลงมา แผ่นหลังยังคงอุ่นเพราะสัมผัสจากแผงอกที่ขยับตามจังหวะการหายใจ นั่นทำให้รู้ว่ามีอีกคนที่ยังคงนั่งอยู่ตรงนี้ด้วยกัน


ยอมรับว่ามีหลายความรู้สึกก่อตัวขึ้นภายในใจนับตั้งแต่ตฤณกรก้าวเข้ามาในชีวิต กระทั่งสามารถทำลายกำแพงที่เขาสร้างขึ้นเพื่อป้องกันตนเองจากความรัก มันมากมายเสียจนจนไม่อาจจะเอื้อนเอ่ยออกมาบอกกันให้รู้ได้หมด


นอกจากคำพูดสั้น ๆ ...   


“ขอบคุณนะ ขอบคุณที่รักกัน”




...จบ...






หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 14-02-2015 14:54:02
เค้าทำเราอิจฉาตาร้อนนนนนนนนน  :hao7:

#ยืนยันคำเดิม #ไม่ขอแต่ขู่ #เอาภาคสองมา  :z2:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 14-02-2015 14:57:15
อร๊ายยยยยยยย 
ชิมครีม แล้วบอกว่า  "จ้าหวานกว่า"  ฟินฟิน

ตังจ้าหวานละมุนต้อนรับวาเลนไทน์
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 14-02-2015 14:59:11
โหยยยยยย พี่ตังคนเจ้าเล่ห์ ชอบแกล้งพี่จ้านะ

พี่ตังน่ารัก พี่จ้าก็น่ารัก
เวลาสองคนนี้อยู่ด้วยกัน
รู้สึกว่า ท้องฟ้าเป็นสีชมพู
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: mirin ที่ 14-02-2015 15:17:33
หวานขึ้นเรื่อยๆเลยน๊าาา :o8:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 14-02-2015 15:21:35
หวาน   :-[
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 14-02-2015 15:22:40
หวานมากกกก~~
 :impress2:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 14-02-2015 15:23:41
หวานมาก~  :-[ พี่ตังคนเจ้าเล่ห์แสนกล.ชอบทำพี่จ้าเขิน.ว้ายๆๆๆ.ปริ่มค่ะ.เรารักคนเขียนนนน :mew1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: veeveevivien ที่ 14-02-2015 15:33:37



วิธีชิมช็อคโกแลต ต้องเลียนแบบบ้างแหละ #แต่ยังหาคนชิมด้วยไม่ได้นี่สิ

 :L1: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 14-02-2015 16:03:02
วันนี้วันอะไร คนแต่งจะทำร้ายคนโสดกันไปถึงไหน อิจฉาา :o12:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 14-02-2015 16:16:32
อิจฉาตาร้อนนนนน!!!!
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 14-02-2015 16:42:21
หวานมากตังกับจ้าคิดถึงเลยต้องไปหยิบหนังสือมาอ่านซ้ำค่ะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: bon ที่ 14-02-2015 17:28:56
เราทำบ่อยนะเค้กช้อคหน้านิ่มเนี่ย ไม่รู้สูตรเดียวกับอาจารย์จ้ารึเปล่า
คู่นี้หวานเกิ๊น อาจารย์จ้าดูจะคุ้นชินกับการถึงเนื้อถึงตัวของพี่ตังเข้าแล้วละสิ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: chi0chi0 ที่ 14-02-2015 17:44:23
หวานจริงงงงงงงงงงงงง  โอยยยยยยยยยย   :กอด1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-02-2015 19:18:49
ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความก็หวานอยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: Sillyfoolstupid ที่ 14-02-2015 20:06:41
อยากจะแปลงร่างเป็นปลาคาร์ฟ ไปแอบส่องตังจ้า

บางทีจ้าก็รีบเขินเร็วไป แค่บอกว่า "ยังไม่ง่วง" เอง

นี่ถ้าเรื่องนี้มี NC แม่ยกคงไม่ได้จิกหมอน

วาเลนไทน์หวานๆในบ้าน เต็มที่กว่าออกไปสงวนท่าทีกันนอกบ้านซะอีก

จัดเต็มไปเลยนะตัง  :hao7:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 14-02-2015 20:11:27
ฟินไปกับความหวานของตัง - จ้าค่ะ

อ้างถึง
“ถ้ารู้ว่าเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ไม่ยอมแต่งงานด้วยหรอก”
เราพลาดตอนเข้าหอไปตอนไหน? :m15:

ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 14-02-2015 20:44:30
 :mew2:
ฟินไปกับความหวานของตัง - จ้าค่ะ
เราพลาดตอนเข้าหอไปตอนไหน? :m15:
 
ขอบคุณมากค่ะ
ขออนุญาตตอบแทนคนแต่ง ตอนพิเศษในเล่มค่ะ อ่านจบละแบบ อ้าว พี่จ้ารุกเหรอ555
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 14-02-2015 20:56:02
เง้อ~  วาเลนไทน์ปีนี้ไม่เหงาแล้ว มีพี่จ้าพี่ตังมาให้กำลังใจถึงที่ทำงาน ฮิ้ววววววววว~
อ่านกี่ทีก็ฟินตลอด พี่ตังนี่น่าหยิกตลอดๆ. หมั่นไส้คู่นี้จะหวานไปไหน หวานกว่าน้ำตาล กว่าน่าเค้กอีกใช่ป่ะ ชักอยากรู้ล่ะนี่ว่าที่บ้านใช้ยาฉีดมดยี่ห้ออะไร?
ยังไงก็รัก #ทีมพี่ตัง >.<
ปล. เห็นคนขู่ขอภาคสอง เราไม่ขู่นะ แต่แต่งเหอะเงินในกระเป๋าเรามันร้อนนนนนน
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: bradpitt ที่ 14-02-2015 21:01:42




ขอบคุณ เรื่องราว ความรักดีๆ อุ่นละมุนหัวใจมาก

อยากให้ทั้งคู่ มาอยู่ในหัวใจเรามั่งจังเลย

 :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven

///ดิ้นพราดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


รอ นายตฤน & อาจารย์จ้า มาอีก นะครับ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 14-02-2015 21:03:49
หวานกันเกินไปแล้วน่ะ

คนโสดอย่างเรา อิจฉาตาลุกเป็นไฟแล้ว
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 14-02-2015 21:11:21
:mew2: ขออนุญาตตอบแทนคนแต่ง ตอนพิเศษในเล่มค่ะ อ่านจบละแบบ อ้าว พี่จ้ารุกเหรอ555

ขอบคุณมากค่ะ   หนังสือของเรายังกองอยู่ที่บ้านเพื่อนอยู่เลย  ต้องรอปีหน้าไม่ก็ตอนกลับเมืองไทยไปอ่านที

ป.ล  เราไม่ขู่เอาภาค 2  เราจะอ้อนเอาภาค 2 นะคะ คุณถ้าคุณเป็นท้องฟ้า
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 14-02-2015 21:38:52
หว๊านนน หวานนนน
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: lollita ที่ 14-02-2015 21:43:09
จ้าเป็นรุก..  :a5:   o22
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 14-02-2015 21:55:09
happy valentine day ค่าา :L1:
อิจฉาตาร้อนผ่าวๆ เค้าหวานกันจริงๆเลยคู่นี้
ถึงจะตอนพิเศษ แต่ก็ยังให้ความละมุมเหมือนเดิม ชอบภาษาในการเขียนมาก
แล้วมาต่ออีกนะคะ :bye2:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: super hero ที่ 14-02-2015 22:04:23
หวานละมุนละไม

  :L1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 14-02-2015 22:35:36
 :กอด1:

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: Meowww ที่ 14-02-2015 22:41:37
กรี๊ดดดดด ตังจ้ายังหวานกันได้อีกนะค้าาาาา  :hao6:

เพราะงั้นต้องมีตอนพิเศษทุกเทศกาลค้าาา  o13

แล้วรวบรวมทำออกมาเป็นหนังสือให้อ่านได้อีกสักเล่มสองเล่ม 5555  :mew1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 14-02-2015 22:56:08
 :o8: หวานจริงๆหวานมากอิจฉาสุดๆ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 14-02-2015 23:20:48
หนูเขิน ไม่รู้ทำไม  :-[
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: curious ที่ 14-02-2015 23:26:35
น่ารักมากเลยย  :-[
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 14-02-2015 23:28:46
หวานมากกก อ่านแล้วหุบยิ้มไม่ได้เลยค่ะ จนตอนนี้ปวดแก้มไปหมด  :-[
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 14-02-2015 23:41:44
อิจฉาาาาาา่่่ วันนี้วันวาเลนไทน์  มาอ่านเรื่องนี้แล้วอิจฉาาา โฮฮฮฮฮฮฮ  :ling3:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 15-02-2015 02:09:21
หวานกันจังเลย :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 15-02-2015 09:37:15
 :-[ อบอุ่นสุดๆ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 15-02-2015 12:41:33
อาจารย์จ้าน่ารัก
อิพี่ตังเสี่ยวตลอดเลย :laugh:
อ่านคู่นี้ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ทำให้ยิ้มได้ตลอดจริงๆ :-[
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: Fish129 ที่ 15-02-2015 15:46:49
หวานๆๆเชียว
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 15-02-2015 18:19:07
ซึ้งค่ะ ~~~~~ เพิ่งได้มาอ่าน ก็มาทันตอนพิเศษสุดท้ายพอดีอีก ตามมาจากเรื่องคุณบุรุษไปรษณีย์ คือเรียงความผิดใช่ไหมคะ
รักมากเลยค่ะเรื่องนี้ ฟีลกู้ดมากอีกแล้ว มันค่อยเป็นค่อยไปค่อยรักแต่แน่นแฟ้น มันไม่ต้องมีตัวร้ายแต่ก็สนุกมาก
เป็นเรื่องของความรู้สึกของคนสองคนจริงๆ ฟินหมอนขาดมากค่ะ

พระเอกก่อน ตังงงงง ไอเลิฟยูจังเล้ย ผู้ชายไรโคตรน่ารัก น่ารักมากๆๆๆๆ อ่อนไหวมากด้วย จะบอกว่าตอนไหนที่ตังร้องไห้
คนอ่านร้องด้วยตลอด รักมาก #ทีมตัง มาก คือตั้งแต่เขาเริ่มชอบ เทียวส่งโปสการ์ดให้ เฝ้ารอจ้าตอบ
กว่าจะได้พบกันอีกเนอะ แล้วยิ่งพอมารู้ว่าเคยเจอกันมานานแล้วอีก แทบทรุด อยากเจอแบบนี้บ้างจริงจิ๊ง
ตังจีบจ้าแบบน่ารักมาก เทียวไล้เทียวขื่อ คำพูดนี่น่ารักดูแลตลอด ไม่ให้เคยตัวแต่ให้เคยชิน เพ้อจ้ามากด้วย 5555
ไม่รู้จะเอาตรงไหนมาบรรยายรู้แต่รักพระเอกมากค่ะ

อาจารย์จ้าบ้าง ช่วงแรกแบบตังจะไหวไหม ใจแข็งมาก อดีตรักอันเหนียวแน่นอีก แต่โชคดีที่ดราม่าไม่นาน
จ้าน่ารักมากเช่นกัน ปากแข็ง แต่ใจอ่อน และใจดีมากด้วย ประทับใจหลายตอน เช่น ตอนตังแพ้แอลกอฮอล์
ว่ากลับไปซะสะใจเลย ตอนวันเกิดตัง น่ารักมากกกกก ตอนโมโหตังแต่ไปทำความสะอาดห้องให้
ตอนเขาเขินทุกตอน กีสสสส โคตรน่ารัก ตอนเขาเอาแขนเกี่ยวคออ้อน เสือน้อยเอ๊ย
มีการบอกให้รักมากๆ จะได้ไม่ไปรักใครอีก โอย แค่นี้เขาก็แบบพลีกายถวายชีวิตละค่ะ

ตัวละครอื่นก็รักมากเช่นกัน คุณแม่ที่แสนน่ารัก น้องขวัญ โอ๊ย คนอ่านรักจัง ช่วยกันมาตั้งแต่ต้นจนจบ
แม่สื่อและน้องสาวที่แสนน่ารัก กอดๆๆ

ขอบคณสำหรับนิยายดีๆ นะคะ รักมากๆ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: bradpitt ที่ 15-02-2015 19:26:22
จ้าเป็นรุก..  :a5:   o22


อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ผิดคาดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด อ่ะ


มีคำเฉลยใน ตอนพิเศษ อยู่ในหนังสือเหรอครับเนี่ย :o8:


 :ruready :ruready :ruready :ruready :ruready
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 15-02-2015 19:33:58

อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ผิดคาดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด อ่ะ


มีคำเฉลยใน ตอนพิเศษ อยู่ในหนังสือเหรอครับเนี่ย :o8:


 :ruready :ruready :ruready :ruready :ruready

เดี๋ยว ๆๆๆๆ มันไม่ช่ายยยยย  :sad4:


หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: M_April ที่ 15-02-2015 20:00:33
หวานๆ อุ่นๆ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: bradpitt ที่ 15-02-2015 20:01:44

ขอบคุณมากค่ะ   หนังสือของเรายังกองอยู่ที่บ้านเพื่อนอยู่เลย  ต้องรอปีหน้าไม่ก็ตอนกลับเมืองไทยไปอ่านที

ป.ล  เราไม่ขู่เอาภาค 2  เราจะอ้อนเอาภาค 2 นะคะ คุณถ้าคุณเป็นท้องฟ้า


เดี๋ยว ๆๆๆๆ มันไม่ช่ายยยยย  :sad4:

ถ้าไม่ใช่ ก้อ  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:  สบายใจ


ในความคิดเรา ขอให้เป็น ผู้ชาย สองคน รักกัน แมนแมน ละกันนะครับ


ไงไง คุณ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า มาเฉลยนะครับ :mew1:


 
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 15-02-2015 20:24:00
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 15-02-2015 21:09:27
ทำไมอ่านแล้ว
รู้สึกว่า
 :katai1: :katai1: :katai1:
อิจฉาขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: Aumy8059yaoi ที่ 15-02-2015 21:38:11
กรี๊ดดดดดดด หวานมากกกกกก
ตังเสี่ยวได้ใจ55555 :impress2:

หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: grimace ที่ 15-02-2015 21:57:31
เรื่องความหวานต้องยกให้คู่นี้เลย น่ารักมากๆ
อ่านแล้วเขินนนนนนน :o8: อิจฉาด้วยยยยย
ชอบเรื่องนี้มาก หวานละมุนจริงๆ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 16-02-2015 02:02:03
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
รักกันหวานปานน้ำผึ้ง กรี๊ดเขิลแทนจ้า
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 16-02-2015 02:07:23
 :m3: :m3: :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 16-02-2015 07:23:22
เขินนนน :hao7:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: bew_yunjae ที่ 17-02-2015 07:17:03
อ่านตอนพิเศษวันวาเลนไทน์จบหลายวันแล้ว ลืมเม้นท์ค่ะ
สำนึกได้ตอนกลับมาอ่านรอบที่สาม ฮ่าๆๆ
อ่านเรื่องนี้ทีไร คำว่า น่ารัก น่ารัก น่ารัก มันผุดขึ้นมาในหัวตลอดเลย
เรื่องน่ารักจริงๆ อยอุ่นมุ้งมิ้ง จนต้องกระจายความมุ้งมิ้งให้เพื่อนๆด้วย
รักความเจ้าเล่ห์ ความอบอุ่น ของพี่ตัง
รักความใจอ่อน มุ้งมิ้ง ปากแข็ง น่ารักของพี่จ้า
รักเรื่องนี้จริงๆค่ะ
#ขอตอนพิเศษวันตรุษจีนค่ะ 5555
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 17-02-2015 10:29:16
หวาาาาาาาาาาาา น่ารักจังเลยค่ะ คิดถึงคู่นี้ที่สุดอ่าาาา ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะค่ะ^^
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 17-02-2015 11:34:22
ฮืออออออ~ ไม่ไหวแร้ววว
หวานเลี่ยนจนเราทนไม่ไหว
อิจฉาาาาาาา~

*วิ่งไปยืนแทรกตังกับจ้า*

#ล้องห้ายหนักมากมีแต่คนรักกัน
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: cass-meyz ที่ 17-02-2015 13:08:50
หวานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

หวานไม่มีที่สิ้นสุดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ยิ่งอ่านยิ่งอิจฉาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 17-02-2015 13:27:58
ขอบคุณที่มาแบ่งปันความหวานนะจ๊ะสองหนุ่ม
เป็นนิยายที่สัมผัสได้ถึงความงามของบรรยากาศ
ยิ่งตอนนี้มีการแชร์ภาพพรีเวดดิ้งสองหนุ่มที่เชียงใหม่
นึกถึงคู่นี้เลย
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: zazoi ที่ 19-02-2015 09:09:01
อ่านเรื่องนี้ทีไร อยากอ่านบทอัศจรรย์บ้างค่ะ อยากรู้ว่าจ้าเปนไง อิอิ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 19-02-2015 21:41:59
หวานกันตลอด~~~~~~~~
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 20-02-2015 06:48:22
เขินเลย  :z1: หวานตลอดเลยยยยย
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 12-03-2015 22:45:33
หวานมากกกก
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: pannuna ที่ 02-05-2015 21:24:48
เจอนิยายเรื่องนี้ในกระทู้แนะนำนิยาย คนแนะนำเยอะมาก
ด้วยความที่ว่าเราอ่านเรื่องย่อที่คนในกระทู้แนะนำมาว่าพระเอกชอบนายเอกก่อน เราเลยมาอ่านดู
ชอบทั้งหมดในเรื่องนี้ คือไม่มีที่ติ เรื่องนี้ดีมาก
สำหรับเราให้เป้นเรื่องที่ประทับใจแห่งปีเลยค่ะ

ตอนแรกเราคิดว่าจ้าเป็นพระเอกดตังเป็นนายเอก

เราชอบบรรยากาศในเรื่อง เรียบง่ายแต่อบอุ่น มีหลายประโยคในเรื่องที่ชอบ
เราชอบตัวละครมากๆ โดยเฉพาะตัง เป็นคนที่ทำให้เราน้ำตาซึมอยู่ตอนนึงเลย
คือเป็นคนที่ดีมากๆจริงๆจนรู้สึกว่าจ้าโชคดีมาก

ถ้าได้อ่านเรื่องนี้เร็วกว่านี้อยากจะโหวตให้ตังเป็นพระเอกยอดเยี่ยมมาก

ขอบุคณที่แต่งค่ะ คุณมีพรสวรรค์มากจริงๆ ^^

เรื่องนี้สร้างแรงบรรดาลใจหลายๆอย่างให้เราเหมือนหนังดีๆเรื่องนึง หายากจริงๆในเล้าตอนนี้
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: pp_psj ที่ 09-05-2015 14:47:19
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ

ละมุนละไมทั้งเรื่อง อ่านไปอมยิ้มไปตลอดๆ :o8:

หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: Lovetree ที่ 12-05-2015 12:44:23
ชอบเรื่องนี้มากๆค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : ขอบคุณที่รักกัน) 14-02-2558 หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: ryped ที่ 26-05-2015 01:09:45
ขอบคุณมากนะคะที่เขียนนิยายดีๆ อย่างเรื่องนี้ขึ้นมา เป็นนิยายที่อบอุ่น ละมุนใจมากๆเลย ชอบการดำเนินเรื่องที่ไม่หวือหวา
ค่อยเป็นไปแบบสมจริง ภาษาดีมากเลยค่ะ ลื่นไหลอ่านไม่สะดุด ขอบอกเลยค่ะรักตัวละครอาทิตย์ทัศน์กับตฤณกรไปแล้ว
ขอให้คุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้าเขียนนิยายต่อไปนะคะ จะติดตามทุกเรื่องเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 25-06-2015 07:19:53
จำได้ไหม..ตายายยังจำได้ไหม


ตอนพิเศษ : คนในอดีต



อาทิตย์ทัศน์ละสายตาจากเข็มนาฬิกาข้อมือซึ่งบอกเวลาเกือบสี่โมงเย็น จากนั้นจึงเหลือบมองร่างสูงที่กำลังเดินเคียงข้างกันไปตามช่องทางเดินที่มีผู้คนมากหน้าหลายตากำลังเดินสวนทางมาและอีกจำนวนไม่น้อยที่พากับเดินแซงพวกเขาขึ้นไปอย่างรีบร้อน กลิ่นน้ำยาเคมีที่เจือจางอยู่ในอากาศแม้จะบ่งบอกถึงความสะอาด ยาหรืออะไรก็ตามแต่ กลับเป็นกลิ่นที่ไม่พึงปรารถนาสำหรับชายหนุ่มผู้เข็ดขยาดต่อการมาโรงพยาบาลอย่างตฤณกรอยู่ดี


เมื่อตาคมภายใต้กระจกแว่นกรอบสี่เหลี่ยมสีเข้มมองเข้าไปยังแผนกต่าง ๆ รายทางก็พบว่ามีคนจำนวนมากที่กำลังรอคอยเพื่อรับการรักษาให้หายจากอาการเจ็บป่วย หนุ่มสาวจำนวนหนึ่งกำลังยืนออกันอยู่ที่ที่หน้าประตูซึ่งเชื่อมกับห้องฉุกเฉิน สีของแต่ละคนไม่สู้ดีนัก นั่นพอจะทำให้เดาได้ว่าสิ่งที่พวกเขากำลังประสบอยู่นั้นมันคือความหนักหนาในชีวิต


เจ้าของใบหน้าเคร่งขรึมถอนใจยาว อดคิดไม่ได้ว่าโรงพยาบาลคือที่ที่ให้หลายความรู้สึก บางคนมากับสิ้นหวังแต่กลับออกไปพร้อมกับรอยยิ้ม ในขณะที่บางคนมาด้วยความหวังแต่สุดท้ายก็ต้องกลับไปพร้อมกับน้ำตาและร่างไร้ลมหายใจของคนที่รัก มือแกร่งกำหูหิ้วตะกร้าสานมีฝาปิดเอาไว้แน่นขณะเดินผ่านกลุ่มคนพวกนั้น ตฤณกรเข้าใจดีเพราะเขาพบกับความรู้สึกแย่ ๆ เช่นนี้มาแล้วหนหนึ่ง มิหนำซ้ำครั้งสุดท้าที่มาโรงพยาบาลก็เพราะการแพ้แอลกอฮอล์ชนิดปางตายของตนเอง นึกถึงแล้วยิ่งให้รู้สึกขนพองสยองเกล้าเสียเหลือเกิน


ขายาวก้าวตามกันกระทั่งมาหยุดที่หน้าลิฟต์เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูเหล็กหนาเปิดออกพอดี รอกระทั่งบุรุษพยาบาลเข็นเตียงเปล่าออกมา จึงพากันแทรกตัวเข้าไปยืนด้านใน อาทิตย์ทัศน์ที่ยืนอยู่ใกล้กว่าเป็นฝ่ายกดปุ่มเลือกชั้นจากนั้นบานประตูเคลื่อนเข้าหากัน แล้วกล่องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ ที่มีแต่ความเงียบงันก็ค่อย ๆ พาพวกเขาขึ้นสู่ชั้นที่ 15 ของโรงพยาบาล ตฤณกรเงยหน้าขึ้นมองตัวเลขดิจิทัลเหนือกรอบประตูที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ ไม่รู้เลยว่าหน้าบอกบุญไม่รับของตนเองจะทำให้คนมาด้วยกันอดเป็นห่วงไม่ได้


“เป็นอะไรหรือเปล่า” ถึงจะรู้สาเหตุว่าเพราะอะไรแต่อาทิตย์ทัศน์ก็ยังอยากจะถามให้รู้แน่


เจ้าของร่างสูงดึงสายตากลับมายังคนถามพลางส่ายศีรษะเพื่อยืนยันว่าไม่ได้มีสิ่งผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้นกับตัวเขาก่อนจะตอบคำถามนั้น “ผมแค่ไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เฉย ๆ เห็นแล้วมันหดหู่ยังไงบอกไม่ถูก”


“เรามาดูเยี่ยมพิมพ์กับหลานนะ ทำหน้าให้มันสดชื่นหน่อยสิ หน้าขรึมแบบนี้ดูไม่เป็นคุณเลย อย่าคิดมากน่า” พูดพลางวางมือบนบ่ากว้างก่อนจะออกแรงบีบเบา ๆ ให้คลายความกังวล 


เมื่อคำพูดนั้นพอจะทำให้ความอึดอัดใจคลายลงได้บ้าง ตฤณกรจึงพยักหน้าน้อย ๆ คลี่ยิ้มขอบคุณความอุ่นใจที่อีกฝ่ายมอบให้


“ต้องแบบนี้สิถึงจะ...” อาทิตย์ทัศน์รีบชะงักเมื่อเกือบจะหลุดปากพูดสิ่งที่กำลังคิดออกมา ถ้าจะให้บอกว่า ‘ถึงจะสมกับเป็นตังของผม’ ก็คงไม่ใช่ ‘อาทิตย์ทัศน์ กิตติวรกุล’ แล้ว


“ถึงจะอะไร” คนฟังมุ่นคิ้วด้วยความสงสัย


“ถึงจะ...ตัวจริงเสียงจริงไง ไปกันเถอะถึงแล้ว” พูดจบก็เลื่อนมือลงรั้งแขนแกร่งให้เดินตามกันไปเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก 
ชั้น 15 ของโรงพยาบาลเป็นที่ตั้งของหอพักผู้ป่วยหลังคลอดบุตร เมื่อสอบถามพยาบาลที่เคาน์เตอร์เรียบร้อยแล้ว อาทิตย์ทัศน์และตฤณกรก็มุ่งหน้าสู่จุดหมายทันที


“น่าจะห้องนี้แหละ” คนเดินนำกล่าวพลางชะลอฝีเท้าก่อนจะหยุดที่หน้าห้องพักผู้ป่วยซึ่งอยู่เกือบสุดทางเดิน ตรวจดูที่ป้ายชื่อจนแน่ใจว่าเป็นชื่อของ ‘พิมพ์ทอง กำธรธนเกียรติ’ จึงเคาะประตูแล้วหมุนลูกบิดดันแผ่นไม้เนื้อหนาให้เปิดออก ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในห้องเสียงหวานคุ้นหูดังขึ้น


“จ้า!”


“เป็นยังไงบ้างคุณแม่” อาทิตย์ทัศน์กล่าวทักทายขณะเดินมาหยุดที่ข้างเตียง มองดูหญิงสาวใบหน้าซีดเซียวปราศจากเครื่องสำอาง


“ก็ยังเจ็บอยู่นะ” พิมพ์ทองที่อยู่ในท่านั่งตอบก่อนจะเบนสายตาไปยังชายหนุ่มร่างสูงที่เพิ่งเดินตามเข้ามา “ขอบคุณตังกับจ้านะที่มาเยี่ยมพิมพ์”


“ยินดีด้วยนะครับคุณพิมพ์” ตฤณกรกล่าวพลางวางตะกร้าสานลงบนโต๊ะใกล้กับถาดอาหารที่รับประทานหมดแล้วตรงหน้าของหญิงสาว “นี่ครับของเยี่ยมสำหรับคุณแม่คนใหม่”


“อะไรเหรอจ๊ะตัง”


“แม่ฝากแกงเลียงหัวปลีมาให้ทานน่ะ กะแล้วเชียวว่าต้องมาไม่ทันพิมพ์ทานมื้อเย็นแน่ ๆ”


“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพิมพ์เอาไว้อุ่นทานตอนเช้าก็ได้ ฝากขอบคุณคุณป้าด้วยนะที่ทำให้ต้องลำบาก”


“ลำบากอะไรกัน แม่น่ะเต็มใจทำจะแย่ นี่เร่งให้จ้ารีบมาเยี่ยมพิมพ์ตั้งแต่วันที่คลอดยัยหนูแล้ว แต่จ้าไม่มีเวลามา ต้องพานักศึกษาออกไปถ่ายภาพนอกสถานที่เกือบทุกวัน มีวันนี้แหละที่พอจะว่างฝนก็ดันมาตกตั้งแต่เช้า” อาทิตย์ทัศน์บ่นอุบ “แล้วนี่อยู่คนเดียวเหรอ” ชายหนุ่มถามเมื่อไม่ทันได้สังเกตว่ามีกระเป๋าสะพายของผู้หญิงที่วางอยู่บนโซฟา


“ยัยแพรพาพ่อกลับไปได้สักพักแล้วละ” พิมพ์ทองยังพูดไม่จบเสียงประตูห้องน้ำที่เปิดออกก็ทำให้สองหนุ่มต้องหันมองเป็นตาเดียว


“พิมพ์อยากทานผลไม้ตบท้ายไหม เดี๋ยวตวงปอกให้ ล้างมือเรียบร้อยแล้ว” หญิงสาวหน้าตาสะสวยที่เพิ่งเดินออกมาชะงักเล็กน้อยเมื่อพบว่าในห้องไม่ได้มีแค่เธอกับเพื่อน “...จ้า” ตวงสุดาเรียกชื่อของผู้มาใหม่ด้วยเสียงอันแผ่วเบาไม่คิดว่าจะได้พบกันอีกครั้งที่นี่ ในขณะที่เจ้าของชื่อเองก็ยิ้มให้ราวกับไม่เคยมีเรื่องขุ่นข้องหมองใจระหว่างกันมาก่อน


สำหรับอาทิตย์ทัศน์แล้วมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ  เมื่อรู้ว่าไม่อาจเรียกวันคืนให้หวนกลับได้ เขาก็ยอมที่จะปล่อยให้เรื่องราวในอดีตจางหายไปตามกาลเวลา นั่นไม่ใช่เพราะมันไม่น่าจดจำหากแต่ไม่รู้จะจำไปเพื่ออะไร ยิ่งจำฝังใจก็รังแต่จะทำให้เป็นทุกข์ ชายหนุ่มเบนสายตาจากหน้าสวยหันกลับมาฟังคนที่นั่งอยู่บนเตียงซึ่งตอนนี้กำลังใช้มือลูบวนไปมาบนหน้าท้องของตนเอง


“พิมพ์ยังอิ่มอยู่เลยจ้ะตวง ตวงนั่งพักก่อนเถอะ ตั้งแต่มาถึงยังไม่ได้นั่งเลย” พิมพ์ทองกล่าวพลางลากตาตามร่างระหงที่เดินอ้อมมาหยุดยังอีกฝั่งของเตียง


“ตวงมานานแล้วเหรอ” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นกับหญิงสาวที่ไม่ว่าจะพบกันครั้งใดเธอก็ยังคงความงดงามดุจนางพญา หรือถ้าพูดว่าสวยวันสวยคืนก็คงไม่ผิด 


“สักพักแล้วละจ้ะ เห็นว่าพิมพ์อยู่คนเดียว พอดีผ่านมาแถวนี้ก็เลยแวะเข้ามาคุยเป็นเพื่อน”


คนฟังมุ่นคิ้วด้วยความสงสัย “จริงสิ แล้วนี่พี่ดลไปไหนเสียล่ะพิมพ์ ตั้งแต่มายังไม่เจอกันเลย”


“รายนั้นมีเคสทำบอลลูนให้คนไข้จ้ะ เข้าห้องผ่าตัดตั้งแต่บ่าย ป่านนี้ยังไม่ออกมาเลย” พิมพ์ทองกล่าวก่อนจะหันไปสบตาเพื่อนสาว “จ้ามาก็ดีแล้วจะได้ชวนตวงไปเยี่ยมคุณพ่อของนนท์ด้วยกัน”


“พ่อของนนท์?” อาทิตย์ทัศน์ทวนคำ


“เห็นพี่ดลเล่าให้ฟังว่า นนท์พาคุณพ่อกลับมาร่วมงานแต่งงานของลูกชายเพื่อน จู่ ๆ ท่านก็เกิดหน้ามืดและแน่นหน้าอกรุนแรง นนท์ก็เลยพาท่านมาที่นี่เพราะรู้ว่าพี่ดลอยู่”


“แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่า” แม้จะไม่ได้สนิทสนมคุ้นเคยกับครอบครัวของคนที่ถูกพูดถึงมากนักแต่ก็อดถามด้วยความห่วงใยไม่ได้


“ท่านมีโรคประจำตัวหลายโรคนะจ้ะ แต่อาการที่เกิดเป็นอาการของกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน เพราะเลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่ทัน ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ ตอนนี้พี่ดลให้ยาสลายลิ่มเลือดแล้วให้รอดูอาการในห้องซีซียู นี่พิมพ์ยังไม่เจอพี่ดลก็เลยไม่รู้ว่าจะต้องผ่าตัดขยายหลอดเลือดด้วยไหม นนท์คงจะเครียดนะ จ้ากับตวงน่าจะไปดูนนท์ ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้ก็เป็นกำลังใจให้ก็ยังดี”   


ตฤณกรมองสองคนที่ยังคงยืนสบตากันนิ่งโดยมีเตียงขนาดหนึ่งคนนอนขั้นตรงกลาง สำหรับอาทิตย์ทัศน์แล้วมันคงไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไรเมื่อชายหนุ่มยังคงสถานะ ‘เพื่อนเก่า’ กับเขาคนนั้นเอาไว้ แต่ในส่วนของตวงสุดากลับยากเกินจะคาดเดาได้ อาจเป็นความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกหรืออะไรสักสร้างที่สร้างความกังวลให้เกิดขึ้นบนหน้าหวานอยู่ในขณะนี้ เพราะระหว่างเธอและณัฐนนท์นั้นถูกวงเน้นด้วยสถานะของ ‘คนรักเก่า’ ที่จนบัดนี้แม้แต่เพื่อนสนิทอย่างพิมพ์ทองก็ยังไม่มีโอกาสได้รู้ถึงสาเหตุแห่งการเลิกรากัน 


ตวงสุดาลอบถอนใจเฮือกเมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้นได้ทำลายความเงียบงันที่แผ่คลุมไปทั่วทั้งห้อง ทุกสายตาต่างก็จับจ้องไปที่พยาบาลสาวที่กำลังเข็นรถเข็นเข้ามา เด็กน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มที่ถูกห่อพันด้วยผู้ขนหนูสีขาวทำเอาทุกคนแทบจะลืมเรื่องที่คุยกันค้างไว้เมื่อสักครู่ไปเลย


“พาน้องมาส่งค่ะคุณแม่” หญิงสาวในชุดเครื่องแบบสีขาวสะอาดตาเอ่ยขึ้นพร้อมกับค่อย ๆ ช้อนร่างเล็ก ๆ ขึ้นมาอย่างระมัดระวังก่อนจะส่งให้ผู้เป็นแม่             


“หน้าตาน่าเกลียดน่าชังจังเลย” ตวงสุดากล่าวพลางยื่นหน้าเข้ามาดูหลานสาวใกล้ ๆ ด้วยท่าทีตื่นเต้นเช่นเดียวกับสองหนุ่มที่เพิ่งจะเคยเห็นทารกตัวแดง ๆ ในระยะประชิดเป็นครั้งแรก


“ห...หาวววววว” ตฤณกรพูดด้วยเสียงกระซิบเมื่อปากเล็กเปิดกว้างเพื่อระบายลมแห่งความง่วงเหงา เผลอใช้ลาดบ่าของคนตัวเตี้ยกว่าเป็นที่พักคางจ้องมองเปลือกตาใสที่ค่อย ๆ เปิดออกเผยให้เห็นดวงตาทอประกายสุกสกาว 


“แก้มเป็นพวงเชียว หลานลุงหรือหลานอานะ อืม...หลานต้องเรียกจ้าว่าอะไร” ขอความเห็นจากพิมพ์ทองแล้วก็ถือโอกาสขยับห่างจากคนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังอย่างแนบเนียน


“เรียกลุงจ้าสิคะ เนอะลูกเนอะ หนูต้องเรียกลุงจ้าสุดหล่อสิคะ” คุณแม่มือใหม่กล่าวพร้อมกับยิ้มให้ชีวิตน้อย ๆ ในอ้อมแขน “ลุงจ้า ลุงตัง แล้วก็ป้าตวง”


“ตั้งชื่อหรือยังน่ะพิมพ์” สาวสวยถามขึ้น


“พิมพ์เรียกแกว่าแก้มหอม ส่วนชื่อจริงเอาไว้รอคุณพ่อเขามาตั้งจ้ะ”


“หนูชื่อแก้มหอมเหรอคะ” เจ้าของร่างสูงกล่าวพลางแตะที่หัวคิ้วของเจ้าตัวเล็กอย่างเอ็นดู พยายามจะเบามือที่สุดราวกับเนื้อนิ่มนั่นเป็นแก้วบาง 


อาทิตย์ทัศน์ลอบสังเกตเสี้ยวหน้าคมสันที่กำลังทอดมองเด็กน้อยไม่วางตา ริมฝีปากหยักยกยิ้มน้อย ๆ ผิดกับตอนที่ก้าวเข้ามาในโรงพยาบาลครั้งแรก เป็นรอยยิ้มที่แสนสุดแสนจะอ่อนโยนส่วนคำพูดจากปากนั้นก็อบอุ่นไม่แพ้กัน


“ตังอยากอุ้มหลานไหม”


“ได้เหรอครับ” ตฤณกรทำตาวาว แต่แล้วประกายความตื่นเต้นนั้นวูบหม่นลง “ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวผมทำหลานเจ็บ” ชายหนุ่มกล่าวพลางใช้หลังมืออังกับผิวแก้มที่ใสเสียจนเห็นเส้นเลือดฝอยได้อย่างชัดเจนเพียงเท่านี้ก็สุขใจแล้ว “เอาไว้โตกว่านี้อีกหน่อยลุงตังจะให้ขี่คอนะคะแก้มหอม


อาทิตย์ทัศน์มองภาพตรงหน้าเสียเพลินจนเผลอยิ้มออกมา อดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากอีกฝ่ายมีลูกสาวตัวน้อย ๆ เขาคงจะเป็นคุณพ่อที่ใจดีมาก ๆ เป็นแน่


“เดี๋ยวขอให้คุณแม่ให้นมน้องสักครู่นะคะ” พยาบาลสาวกล่าวอย่างสุภาพก่อนจะเดินไปลากผ้าม่านผืนใหญ่ล้อมเตียงคนไข้เอาไว้เพื่ออำพราสายงตา เมื่อเห็นดังนั้นทั้งตฤณกร อาทิตย์ทัศน์และตวงสุดาจึงขอตัวกลับเพื่อให้แม่และลูกได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน


“คุณจะไปดูเพื่อนหน่อยไหม” คนตัวสูงเอ่ยขึ้นเมื่อประตูห้องพักผู้ป่วยถูกดึงปิด คำถามนั้นทำเอาอาทิตย์ทัศน์ชะงักหันมาสบตาคนถามด้วยความแปลกใจ


“ณัฐนนท์ไง ไปดูเขาหน่อยไหม” ตฤณกรยังพูดคำเดิม “เขาไม่มีใครที่นี่เลยไม่ใช่เหรอ ผมว่าเขาน่าจะอยากคุยกับใครสักคนนะ โดยเฉพาะ...เพื่อนเก่าอย่างคุณ อีกอย่างเราก็ไม่ได้รีบร้อนไปไหนนี่”


คนฟังผ่อนลมหายใจยาวพลางพยักหน้า อาทิตย์ทัศน์เข้าใจเจตนานั้นดี แม้ปัจจุบันสถานะระหว่างกันจะชัดเจน แต่นี่ก็เป็นอีกครั้งที่ตฤณกรแสดงให้เห็นว่าเขายังคงเป็นต้นหญ้าที่เจียมเนื้อเจียมตัวไม่เปลี่ยน หลังจากสอบถามพยาบาลโดยใช้ข้อมูลเดียวที่มีอยู่ในมือก็คือนามสกุลของลูกชายผู้ป่วย จึงรู้ว่า ‘นที จิระตระกูล’ กำลังนอนรักษาตัวอยู่ในห้องสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจอาการหนัก (CCU) ซึ่งอยู่ถัดลงไปที่ชั้น 6 ของอาคารเดียวกัน ทั้งคู่จึงไม่รั้งรอที่จะไปให้ถึงจุดหมาย 
   

“ผมรออยู่ตรงนี้นะ” ตฤณกรเอ่ยขึ้นขณะเดินตามอาทิตย์ทัศน์ออกจากลิฟต์


คนนำไม่ฝืนใจเพียงแต่หันมาพยักหน้าก่อนจะสาวเท้าไปตามทางเดินเงียบสงัด ที่ปลายทางเชื่อมกับห้องโถงซึ่งมีเก้าอี้จำนวนหนึ่งไว้สำหรับบรรดาญาติ ๆ ของผู้ป่วยได้นั่งพักผ่อน ชายหนุ่มกวาดตามองหากระทั่งสะดุดเข้ากับร่างสูงของใครคนหนึ่งที่กำลังนั่งก้มหน้าจ้องมือของตนเองที่ประสานกันแน่น   
 

“นนท์”
 

เจ้าของชื่อหันขวับ เห็นได้ชัดว่าใบหน้าอิดโรยซีดเซียวนั้นดูจะมีสีขึ้นเล็กน้อย ขายาวก้าวเข้ามาใกล้จ้องดวงหน้านั้นอย่างไม่เชื่อสายตา


ใช่จริง ๆ ใช่เขาจริง ๆ


“จ้า” ริมฝีปากแห้งผากเอื้อนเอ่ยถ้อยคำแสนแผ่วเบาก่อนจะโอบรัดร่างบางเอาไว้ในอ้อมแขน นั่นทำให้อาทิตย์ทัศน์ถึงกันสะดุ้งด้วยความตกใจ ไม่คาดคิดว่าเหตุการณืจะเป็นเช่นนี้ แต่กระนั้นก็ยังสามารถปรับอารมณ์ให้เป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว มือเรียวทาบลงบนแผ่นหลังกว้างก่อนจะลูบขึ้นลงเบา ๆ อย่างปลอบประโลมจากนั้นจึงเลื่อนมาจับที่ท่อนแขนแกร่งพร้อมกับค่อย ๆ ขยับให้ห่างจากสัมผัสของอีกฝ่ายโดยไม่ให้เสียมารยาท


“นายรู้ได้ยังไงว่าเราอยู่ที่นี่”


“เรามาเยี่ยมพิมพ์กับหลาน พิมพ์ก็เลยเล่าให้ฟังว่าคุณลุงไม่สบาย”


“จริงสินะ เราเองก็อยู่ใกล้ ๆ แค่นี้ยังไม่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมเลย”


อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนชวนกันนั่งลง “คุณลุงเป็นยังไงบ้าง”


“ย...ยังไม่ได้สติเลย” ณัฐนนท์กล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยพร้อมกับเบนสายตาไปยังประตูกระจกที่ปิดสนิท ข้างในนั้นนอกจากพ่อของเขาแล้วยังมีผู้ป่วยอื่น ๆ อีก 2-3 ราย ที่บรรดาญาติต่างก็ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาดูแล   


“ไม่เป็นไรนะ” มือบางวางลงบนบ่าลาดก่อนจะบีบเบา ๆ เป็นการให้กำลังใจ “เราว่าพี่ดลต้องรักษาคุณลุงได้แน่ ๆ อีกไม่นานคุณลุงก็จะหายเป็นปกติ”


วิศวกรหนุ่มดีกรีพีเอชดีหันกลับมาสบตาคนพูด นานเหลือเกินที่ไม่ได้เห็นเงาสะท้อนของตนเองอยู่ในดวงตาคู่นี้ วูบหนึ่งของความคิดอยากจะมีเวทมนต์เสกให้วันเวลาหวนคืนเพื่อที่จะสามารถกลับไปแก้ไขข้อผิดพลาดของตนเองในอดีตได้ ตอนนั้นต่อให้ต้องย้ายไปเรียนยังต่างประเทศก็จะรักษาความสัมพันธ์ที่เลยขีดขั้นของความเป็นเพื่อนเอาไว้ จะไม่ยอมให้คำว่า ‘ความเหมาะสม’ หรือ ‘ชื่อเสียงเกียรติยศ’ มามีอำนาจเหนือความต้องการของตนเองเป็นอันขาด ณัฐนนท์รั้งมืออุ่นมากุมไว้ จ้องลึกลงไปในดวงตาราวกับจะส่งผ่านความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ภายในใจให้อีกฝ่ายได้รับรู้ แต่แหวนทองคำขาวที่อาทิตย์ทัศน์ยังคงสวมติดนิ้วก็เตือนให้รู้ว่าทุกอย่างมันสายเกินไปเสียแล้ว 


“ขอบใจมากนะจ้า”


“ไม่ต้องขอบใจเราหรอก  ยังไงเราก็เป็นเพื่อนกัน” พูดจบเจ้าของชื่อก็ดึงมือกลับ 


‘เพื่อน’ คำนี้ทำเอาคนฟังเจ็บร้าวไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ ทั้งที่เป็นคำที่มีความหมายยิ่งใหญ่ แต่กลับทำร้ายจิตใจได้อย่างแสนสาหัส 


“นายกินอะไรหรือยัง อยากกินอะไรไหมเราจะไปซื้อให้”


สิ้นเสียงแห่งความห่วงใจ ภาพของหนุ่มน้อยในชุดนักเรียนที่มักจะนั่งถือขวดน้ำรออยู่บนอัฒจันทร์ข้างสนามก็แจ่มชัดขึ้นในความคิด นึกตำหนิตัวเองที่ตอนนั้นไม่เห็นค่าในสิ่งที่อีกฝ่ายทำให้เลยสักนิด ถึงตอนนี้จะมาเรียกหาเอาอะไรได้ 


“ไม่ต้องหรอกจ้า” พูดพลางส่ายหน้าน้อย ๆ “เรายังไม่หิว เราอยากไปดูหน้าหลาน นายช่วยพาเราไปหน่อยได้ไหม”


“ได้สิ” อาทิตย์ทัศน์ตอบกลับด้วยความยินดี ชายหนุ่มเดินนำมาที่หน้าลิฟต์พร้อมกับมองหาคนที่บอกว่าจะรออยู่ตรงนี้แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงา


“มีอะไรหรือเปล่าจ้า” ณัฐนนท์ที่ก้าวเท้าเข้าไปในพื้นที่สี่เหลี่ยมแคบ ๆ เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นคนมาด้วยกันยังคงหันซ้ายหันขวาและไม่ทีท่าว่าตามเข้ามา


“ไม่มีอะไร” อีกฝ่ายตอบเสียงเรียบก่อนจะเดินเข้ามายืนเคียงข้างกัน



(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 25-06-2015 07:20:21
(ต่อค่ะ)


อาทิตย์ทัศน์เปิดประตูเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย หวังว่าจะพบตฤณกรที่นี่แต่ก็ต้องผิดหวัง ในห้องมีเพียงนายแพทย์ธนดลซึ่งเป็นทั้งสามีของพิมพ์ทองและรุ่นพี่โรงเรียนเก่ากับอีกคน...


“สวัสดีครับพี่จ้า” หนุ่มผิวสีน้ำผึ้งกล่าวกับคนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามา อาทิตย์ทัศน์ค้อมศีรษะรับไมตรีจากรุ่นน้องก่อนหันไปทักทายธนดลที่กำลังรับเด็กหญิงน้อย ๆ จากผู้เป็นแม่มาไว้ในอ้อมแขน สองสามีภรรยาดูจะแปลกใจไม่น้อยที่จู่ ๆ ก็พบอดีตสองเพื่อนซี้ที่มาด้วยกัน


“พี่คิดว่าจ้ากลับไปแล้วเสียอีก เห็นพิมพ์บอกว่าออกไปได้สักพักแล้ว”


“พอดีผมแวะไปคุยกับนนท์มาน่ะครับ”


ชื่อนั้นทำเอาดนุพงษ์ต้องละสายตาจากคนพูดมองไปยังร่างสูงที่ตามเข้ามาทีหลัง ทั้งที่เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องร่วมโรงเรียนตั้งสมัยมัธยมแต่กลับไม่มีคำทักทายหลุดจากปากของผู้อ่อนอาวุโสกว่า ดีที่สุดที่เขาทำก็เพียงค้อมศีรษะให้อดีตศูนย์หน้าดาวยิงพอเป็นพิธีเท่านั้น นี่ถือเป็นเรื่องปกติที่ณัฐนนท์รับรู้มาตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นสมาชิกชมรมฟุตบอล แม้จะไม่ค่อยเข้าใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมอีกฝ่ายจึงแสดงทีท่าเมินเฉยกับตนเองเช่นนั้นทั้งที่ก่อนหน้าก็ไม่ได้มีเรื่องที่ทำให้ต้องบาดหมางใจกัน แต่คนอย่างณัฐนนท์ก็หาได้ใส่ใจถามไถ่ให้รู้เหตุผลไม่ ต่างคนต่างอยู่จึงเป็นคำระบุความสัมพันธ์ที่น่าจะเหมาะที่สุดระหว่างเขาทั้งสองคน 


“ผมอยากมาดูหน้าหลานผมก็เลยขอให้จ้าช่วยพามาน่ะครับ” ณัฐนนท์เอ่ยขึ้น สีหน้าเคร่งขรึมของเขาทำให้พิมพ์ทองได้แต่ยิ้มบาง กล่าวขอบคุณเป็นการตอบแทนน้ำใจ อดถามถึงอาการของ ‘นที จิระตระกูล’ ด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ และนั่นก็ยิ่งเรียกความกังวลให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของวิศวกรหนุ่มอีกครั้ง กระนั้นแล้วในห้องสี่เหลี่ยมชวนอึดอัดก็กลับชื่นมื่นเพราะเจ้าตัวแดงที่กำลังขยับเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ เด็กแก้มหอมปรือตาคู่สวยให้คุณพ่อและบรรดาลุง ๆ อา ๆ ชื่นชมอยู่ได้ไม่นานก็ผล็อยหลับ  และนายแพทย์ธนดลส่งลูกสาวคืนให้พยาบาลเพื่อนำกลับไปยังหออภิบาลทารกแรกเกิด บรรดารุ่นน้องจึงถือโอกาสกล่าวคำอำลาก่อนจะพากันออกมาจากห้อง


“พี่จ้ามายังไงครับ ให้ผมไปส่งไหม” ดนุพงษ์กล่าวกับหนึ่งในสองคนที่เดินนำหน้า รู้ตัวอยู่ตลอดเวลาว่าตนเองยังคงพยายามทำตัวเป็นปกติแม้ว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาจะทำให้สู้หน้ากันแทบไม่ติดก็ตาม


อาทิตย์ทัศน์เองก็เช่นกัน ยังคงรักษาน้ำใจและรักษาระยะห่างเป็นปกติ  “ขอบใจมากนะดิว แต่พี่เอารถมาน่ะ”

 
“จอดรถไว้ชั้นไหนครับ ผมจะได้เดินไปส่ง” คำพูดเอาใจใส่ของดนุพงษ์ทำเอาณัฐนนท์ถึงกับต้องหันกลับมามองคนพูด


“ไม่เป็นไร นายสองคนไปกันก่อนเถอะ” อาทิตย์ทัศน์กล่าวพลางกดลิฟต์ให้


“แล้วพี่จ้าจะ...” พูดยังไม่ทันจบอีกคนก็แทรกขึ้นเสียก่อน


“เขามาด้วยใช่ไหม” ณัฐนนท์กล่าวพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองตัวเลขดิจิทัลเหนือกรอบประตูที่ค่อย ๆ นับถอยหลังเวลาที่จะได้อยู่ด้วยกัน ยังไม่ทันได้ฟังคำตอบสัญญาณประตูเปิดก็ดังขึ้น


“เราไปก่อนนะ” เจ้าของดวงตาหม่นเศร้าหันมากล่าวอำลาก่อนจะก้าวเข้าไปในลิฟต์
บรรยากาศเช่นนั้นทำเอาดนุพงษ์ที่มองเหตการณ์อยู่ตลอดถึงกับพูดอะไรไม่ออก ที่แท้อาทิตย์ทัศน์ก็มากับใครอีกคน ได้แต่เดินตามรุ่นพี่โรงเรียนเก่าอย่างปลงตก   


...


อาทิตย์ทัศน์เงยหน้าขึ้นมองป้ายที่ติดอยู่บนผนังสีขาวซึ่งชี้บอกทางไปยังแผนกอนุบาลทารก ขายาวก้าวไปตามทางเดินพร้อมกับมองหาจนกระทั่งสาตาสะสุดเข้ากับตะกร้าสานที่วางอยู่บนเก้าอี้ นั่นทำให้คิดแน่ใจว่าเขาเดาไม่มีผิดว่าคนที่กำลังตามหาน่าจะอยู่ที่นี่ ชายหนุ่มคว้าตะกร้าก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ ๆ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มพลางจ้องแผ่นหลังกว้างของคนที่กำลังยืนมองทารกแรกเกิดที่นอนอยู่ในเตียงผ่านผนังกระจกบานใหญ่   


“มาอยู่นี่เอง นึกว่าหนีกลับไปคนเดียวแล้วเสียอีก”


“ผมจะกลับได้ยังไงกันในเมื่อคุณยังอยู่ที่นี่”


ดวงตาคมที่หันมาสบกันอีกครั้งกับคำพูดแฝงความหมายทำเอาอาทิตย์ทัศน์ต้องเสมองไปทางอื่น ตาคู่สวยค่อย ๆ ไล่มองเด็กใน้อยในแต่ละเตียงกระทั่งมาหยุดที่ ‘เด็กหญิงกำธรธนเกียรติ’ ที่กำลังนอนหลับตาพริ้ม   


“น่ารักเนอะ”


“ผมหรือหลาน”


“ไม่น่าถาม ก็ต้องแก้มหอมสิ” อาทิตย์ทัศน์หันมายิ้มให้ก่อนจะกลับไปสนใจหนูน้อยแก้มแดงอีกครั้ง


“หอมจริงหรือเปล่าต้องพิสูจน์หน่อยแล้ว” พูดจบเจ้าของร่างสูงยกมือขึ้นโอบไหล่แกล้งรั้งคนตัวเตี้ยกว่าเข้ามาใกล้กระทั่งถูกปรามจึงหยุดหัวเราะชอบใจ จากนั้นดวงตาสองคู่ก็พร้อมใจกันทอดมองไปยังบรรดาหนู ๆ ที่กำลังพักผ่อนอยู่ภายในห้องกระจก ได้แต่เอาใจช่วยให้พวกเขาแข็งแรงและเติบโตขึ้นมาเป็นลูก ๆ ที่น่ารักให้พ่อแม่ได้ชื่นใจ   
 

...


แววตาเศร้าสร้อยของชายหนุ่มซึ่งนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของร้านกาแฟใต้ตึกโรงพยาบาลมองผ่านบานกระจกใสจับจ้องไปยังสองคนที่เดินเคียงคู่กันผ่านไป ใบหน้านั้นมีแต่รอยยิ้มราวกับความสุขกำลังโอบล้อมทั้งสองร่างเอาไว้ผิดกับตัวเขาในขณะนี้ที่แม้แต่หัวใจก็แทบอยากจะร้องไห้ ณัฐนนท์ถอนใจยาวพลางดึงสายตากลับมองเงาสะท้อนของใครคนหนึ่งที่เดินมาจากทางด้านหลัง เขาวางกาแฟสองถ้วยบนโต๊ะก่อนจะดึงเก้าอี้และนั่งลงข้าง ๆ


“กาแฟเสียหน่อยสิพี่ ผมเลี้ยง”


วิศกรหนุ่มมองถ้วยกาแฟร้อนที่ถูกเลื่อนมาไว้ตรงหน้า ทั้งที่เป็นกาแฟคั่วบดชั้นดี แต่เขากลับไม่รู้สึกว่ามันหอมละมุนเหมือนอย่างเคยเลยสักนิด นั่นคงเพราะอารมณ์ที่ไม่เป็นปกติรวมถึงไม่มีคนคุยถูกคอนั่งละเลียดลิ้มรสไปด้วยกัน ณัฐนนท์ละสายตาจากภาพตรงหน้าได้เพียงไม่นานก็จับจ้องไปยังร่างของอาทิตย์ทัศน์อีกครั้งก่อนจะที่ภาพนั้นค่อย ๆ ลับหายไป อดคิดไม่ได้ว่านี่อาจจะเป็นการพบกันครั้งสุดท้ายแล้วกระมัง     


“พี่รู้ไหม ผมลังเลหลือเกินตอนที่เด็กผู้หญิงจากชมรมถ่ายภาพมาขอให้ช่วยเอาบัตรละครเวทีของโรงเรียนไปให้พี่” ดนุพงษ์กล่าวพลางใช้ช้อนเล็ก ๆ คนของเหลวสีเข้มในถ้วย ไม่รู้เลยว่าคำพูดของตนเองกำลังฉุดรั้งภาพความทรงจำเก่า ๆ ที่จมดิ่งอยู่ในห้วงความคิดมานานแสนนานให้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง


“บัตรละคร...”


“ใช่ บัตรละครเวทีใบนั้น เธอบอกว่ามีคนฝากเธอมาอีกที และก็ขอร้องให้ผมเอามันไปให้พี่ให้ได้ จนในที่สุดผมก็ตกลงรับปาก” เจ้าของผิวสีน้ำผึ้งกดมุมปากยิ้มกับตัวเองเมื่อนึกถึงวีรกรรมในวัยเด็ก “ผมไม่รู้ว่าบัตรอีกใบอยู่กับใครจนกระทั่งเห็นพี่กับพี่ตวงนั่งคู่กันในหอประชุม” พูดจบดนุพงษ์ก็ยกกาแฟขึ้นจิบ


“นี่นายเองเหรอที่เป็นคนเอาบัตรละครเวทีใบนั้นมาให้ฉัน” ณัฐนนท์กล่าวพลางหวนนึกถึงบัตรเข้าชมละครเวทีของโรงเรียนที่ใครก็ไม่รู้เอามาเสียบไว้ที่หน้าล็อกเกอร์ในห้องชมรม จำได้ว่าตอนนั้นพยายามคาดคั้นเอากับเพื่อน ๆ ทุกคนแต่ก็ไม่มีใครปริปากบอกว่าบัตรละครใบนั้นมาจากไหน ตาคู่หม่นทอดมองถ้วยกาแฟตรงหน้า ความร้อนที่ส่งผ่านเนื้อเซรามิคมายังอุ้งมือทั้งสองเตือนให้รู้ว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้ไม่ใช่ความฝัน จู่ ๆ ปริศนาก็ถูกเฉลยทั้งที่เขาเลิกล้มความคิดที่จะหาคำตอบไปตั้งแต่เห็นผลลัพธ์ของการรับบัตรละครเอาไว้ บัตรละครประจำปีที่มีเงื่อนไขว่าคนถือบัตรจะต้องชวนกันมาเป็นคู่ ในตอนแรกคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระแต่ที่ยอมเสียเวลาไปดูละครก็เพียงเพราะใคร่จะรู้ว่าทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิดหรือเกิดจากการกลั่นแกล้งโดยฝีมือของใครบางคนกันแน่ และเมื่อพบว่าผู้ที่ถือบัตรอีกใบคือตวงสุดา ความตื่นเต้นเขินอายยามเมื่อได้นั่งใกล้ ๆ กันก็ทำให้ลืมความรู้สึกก่อนหน้าไปเสียสนิท ลืมแม้แต่จะนึกขอบคุณอะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เกิดเรื่องบังเอิญนี้ขึ้น     


คนอายุน้อยกว่าไม่ได้ตอบคำถามนั้นแต่กลับผ่อนลมหายใจยาว วางถ้วยกาแฟลงแล้วจึงกล่าวต่อ “หลังจากนั้นพี่กับพี่ตวงก็คบกัน ตอนนั้นใคร ๆ ก็พูดว่าเห็นณัฐนนท์ที่ไหนต้องเห็นตวงสุดาที่นั่น แทนที่จะเป็นเห็นพี่นนท์ที่ไหนต้องเห็นพี่จ้าอยู่แถวนั้น และนั่นก็คือสิ่งที่ทำให้ผมดีใจมาก แล้วผมก็พอจะเดาได้ว่าใครเป็นคนคิดแผนการนี้ขึ้นมา”


“แผนการ?” คนฟังมุ่นคิ้ว “แผนการอะไรกัน” 


“ผมนับถือพี่จ้าจริง ๆ ที่ยอมเจ็บเพื่อให้เพื่อนได้มีความสุข”


“จ้า...” ชื่อนั้นทำเอาใจหาย ภาวนาให้ดนุพงษ์คาดการณ์ผิด ท่าทางไม่แยแสของเจ้าของชื่อเมื่อครั้งที่ถูกขอให้ช่วยเรื่องตวงสุดาทำให้ไม่เคยคิดเลยว่าอาทิตย์ทัศน์จะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุบังเอิญในครั้งนั้น


“ผมเคยบอกตัวเองว่าผมนี่แหละจะยืนแทนที่พี่ให้ได้ แต่สุดท้ายพี่จ้าก็ไม่เลือกผม เพราะอะไรรู้ไหม” ชายหนุ่มเว้นจังหวะเงยหน้าขึ้นสบตาคู่สนทนาที่ยังคงนิ่งเงียบ “เพราะพี่จ้าไม่เคยลืมพี่เลย แต่พี่กลับเป็นฝ่ายลบพี่จ้าออกจากชีวิต”


ณัฐนนท์ก้มหน้ายอมรับ ดนุพงษ์พูดถูกเรื่องที่ว่าเขาพยายามลืมภาพของอาทิตย์ทัศน์แล้วเริ่มต้นกับใครสักคนที่จะทำให้ชีวิตสมบูรณ์แบบ แต่ที่ร้ายไปกว่านั้นคือเขาพยายามลืมแม้กระทั่งความรู้สึกและความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง   


“สมัยเรียนผมเคยอิจฉาพี่ เพราะตอนนั้นสายตาของพี่จ้ามีแต่พี่คนเดียวเท่านั้น แต่ปัจจุบันมันไม่ใช่ พี่รู้ตัวไหมว่าพี่น่ะแทบจะไม่มีตัวตนอยู่ในสายตาของพี่จ้าอีกแล้ว ตอนนี้ผมกลับรู้สึกว่าพี่น่าสงสารกว่าผมเสียอีก”


“เพราะแบบนี้ใช่ไหม นายถึงไม่ชอบหน้าฉัน” ริมฝีปากหยักฝืนยิ้มขื่น ๆ “ตอนนี้เราสองคนก็ไม่ต่างกันนักหรอก”


...มีตัวตนก็เหมือนไม่มี...


ตฤณกรเดินมาหยุดที่กรอบประตูมองแผ่นหลังที่ขยับไหวอยู่หน้าอ่างล้างจาน ร่างสูงเดินตรงเข้าไปก่อนจะสอดแขนทั้งสองเข้าข้างลำตัวทำเอาคนเผลอถึงกับสะดุ้ง เหลียวมองเจ้าของคางหนักที่วางพาดลงมาบนลาดไหล่จากนั้นจึงเอื้อมมือหมุนปิดน้ำก่อนจะวางจานใบสุดท้ายลงบนตะแกรงพัก รอฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรกันแน่   


“ขอกอดคนนี้ให้แน่น ๆ ได้ไหมนะ โทษฐานที่วันนี้ยอมให้คนอื่นกอดง่าย ๆ”


อาทิตย์ทัศน์ได้แต่ยืนนิ่งยอมให้เขาทำตามแบบที่ต้องการแต่โดยดี ยกริมฝีปากสีเรื่อขึ้นเป็นรอยยิ้มบางเบา


“แปลกจังทำไมวันนี้ยอมให้กอดง่าย ๆ ไม่เห็นบ่นสักคำ”


“ก็รู้ว่าทำผิด” คนพูดน้อยตอบเพียงสั้น ๆ


ตฤณกรยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะกดปากลงบนรอยบุ๋มที่ข้างแก้มของคนในอ้อมแขนจากนั้นจึงเลื่อนขึ้นมากระซิบชิดใบหู “รู้ตัวด้วยเหรอ”


“แสดงว่าแอบดู” คนพูดเอียงหน้าหนีเมื่อจมูกอยู่ไม่สุขเริ่มลากวนอยู่บนลำคอ


“ไม่ได้...แ...อบ...สัก...หน่อย” ความง่วงเหงาหาวนอนทำให้ท้ายประโยคฟังแทบไม่เป็นภาษา


“ง่วงก็ไปนอนไป เดี๋ยวผมรอเอาขนมออกจากเตาอบแล้วจะตามขึ้นไป”


“ยังไม่ง่วงสักหน่อย อยากทำอย่างอื่นก่อน” 


เสียงกระซิบที่ข้างหูทำเอาสองแก้มร้อนผ่าว กระนั้นอาทิตย์ทัศน์ก็ยังฝืนต่อปากต่อคำ “ทะลึ่งแล้ว”


“ทะลึ่งอะไรกัน แค่จะอ่านหนังสือก่อนนอนเนี่ยนะ คนคิดทะลึ่งน่ะคุณมากกว่า” กล่าวพลางกระชับแขนแกร่งให้แน่นเข้า ลากปลายจมูกคลอเคลียซอกคอขาว “ตัวหอมจัง”


“ไปได้แล้วไป จะไปทำอะไรก็ไปเถอะ”


“ถ้าอย่างนั้นผมขึ้นไปรอคุณข้างบนนะ ถ้าอยากทำอะไรก่อนนอนก็รีบตามมาล่ะ”


“หืม?” คนฟังหันขวับ


“อ่านหนังสือไง คุณนี่คิดอะไร” ตฤณกรหัวเราะพร้อมกับคลายวงแขนออก


“รีบไปเถอะ” พูดจบมือเรียวก็รั้งมีดที่เสียบอยู่ในกล่องไม้มาถือไว้


“เฮ้ย! คุณหยิบมีดทำไม”


อาทิตย์ทัศน์หันมองร่างสูงใหญ่ (เสียเปล่า) ที่จู่ ๆ ก็ถอยกรูดจนชิดขอบโต๊ะอาหาร ซ้ำยังยกมือขึ้นกุมท้องตัวเองราวกับกลัวว่าเขาจะนึกครึ้มขอยืมพุงมาเป็นที่เก็บมีด “จะปอกผลไม้ให้แม่” คนพูดส่ายหน้าน้อย ๆ อย่างอิดหนาระอาใจแต่กระนั้นบนใบหน้าก็ยังฉาบด้วยรอยยิ้ม


“ตกใจหมด”


“ตกใจทำไมกัน”


“ก็นึกว่าพูดไม่เข้าหูหน่อยเดียวจะฆ่ากันให้ตายเสียแล้ว”


คนฟังทำจมูกย่นวางมีดลง “คุณมันพวกตายยาก ทำยังไงก็ไม่ตาย เป็นวัชพืช”


ตฤณกรคลี่ยิ้ม มองคนตัวเล็กกว่าที่กำลังเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบถุงผลไม้มาวางบนโต๊ะ ไม่วายสาวเท้าเข้าไปยืนซ้อนหลังก่อนจะกระซิบ “วัชพืชอย่างผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีแสงจากดวงอาทิตย์นะ”


...เปิดตำนานความเสี่ยว...


“พูดจาเลอะเทอะใหญ่แล้ว” คนพูดเสมองไปทางอื่นเมื่อรู้สึกร้อนวาบไปทั้งสองแก้ม


“ที่เลอะเทอะน่ะหน้าคุณต่างหาก ดูสิแก้มแดงไปหมดแล้ว เขินเหรอ”


ตัวต้นเหตุทำหัวเราะชอบใจในขณะที่อาทิตย์ทัศน์ได้แต่ส่ายหัวดิก ทำอย่างไรก็ไม่ชินสักที ความรู้สึกนั้นช่างเหมือนวันแรกที่เริ่มเปิดใจทำความรู้จักกันไม่มีผิด ชายหนุ่มปรายตามองคนหน้าทะเล้นพลางยกมือข้างที่ว่างอยู่โบกออกนอกตัวเป็นเชิงว่า ‘จะไปทำอะไรก็รีบไปเถอะ (รีบไปเสียก่อนที่มีดจะบิน)’ รอกระทั่งร่างสูงลับตาไปจึงเทผลไม้ลงในกะละมังยกไปวางในอ่างเปิดน้ำล้างแล้วพักไว้ในตะกร้า หูก็ยังคงได้ยินเสียงตฤณกรพูดถึงความน่ารักของเด็กหญิงแก้มหอมให้แม่ฟังไม่หยุดปาก อดคิดไม่ได้ว่าท่าทางผู้ใหญ่ตัวโตจะหลงรักเจ้าหนูน้อยแก้มแดงเข้าให้แล้วกระมัง


...



ตฤณกรเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนตรงไปคว้าหนังสือจากโต๊ะทำงานเดินไปทิ้งตัวลงนอนคว่ำบนเตียงแล้วจึงเปิดหนังสือหน้าที่ขั้นไว้ด้วยแถบกระดาษออกอ่าน มือหนาขยับกรอบแว่นพลางไล่สายตาไปตามตัวอักษรทีละบรรทัดอย่างตั้งอกตั้งใจ  กระดาษถูกพลิกเปลี่ยนหน้าแล้วหน้าเล่ากระทั่งเสียงเปิดประตูดังขึ้นจึงได้ละสายตาจากกระดาษอาร์ตมันที่เต็มไปด้วยรูปภาพมองร่างสูงที่กำลังเดินมานั่งลงยังข้างเตียง


อาทิตย์ทัศน์หยิบโทรศัพท์มือถือที่หัวเตียงมาเปิดอ่านข้อความรวมถึงตรวจดูสิ่งที่ต้องทำในวันรุ่งขึ้นจากปฏิทินก่อนจะกดปิดเครื่องแล้ววางเอาไว้ที่เดิม จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนโดยใช้แผ่นหลังของอีกคนแทนหมอนหนุน ตาคู่สวยทอดมองไปบนเพดานว่างเปล่า ฟังเสียงเสียดสีกันของแผ่นกระดาษที่นาน ๆ จะได้ยินสักครั้ง ลมหายใจอุ่นถูกผ่อนออกจากปลายจมูกก่อนที่จะขยับนอนตะแคง ริมฝีปากบางเม้มแน่นมุ่นคิ้วอย่างใช้ความคิด     


“ตัง”


“หืม?”


“คุณอยากมีครอบครัวแบบคนอื่น ๆ ไหม”


คนฟังชะงักไปชั่วขณะก่อนจะพลิกกระดาษหน้าถัดไป “ทำไมถามแบบนี้ ผมก็มีคุณเป็นครอบครัวของผมแล้วไง”


“ไม่ใช่สิ ไม่ใช่อย่างนั้น ผมหมายถึงมีครอบครัวแบบคนทั่ว ๆ ไปแล้วก็มีลูก”


“แต่ผมอยากมีคุณมากกว่า” พูดจบก็ปิดหนังสือวางลงบนโต๊ะข้างเตียงพร้อมกับแว่นสายตาก่อนจะพลิกตัวนอนหงายรั้งคนช่างสงสัยขึ้นมาแนบอก ใช้มือลูบไปบนแผ่นหลังแบบที่เขาชอบ


“แต่คุณชอบเด็กไม่ใช่เหรอ”


“เปลี่ยนมาชอบผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วไม่รู้หรือไง”


“เลิกพูดเล่นก่อนได้ไหม ผมถามจริงจังนะ”


“ก็ผมไม่อยากให้คุณจริงจังนี่นา แค่อยากให้คุณสบายใจว่าเรื่องนั้นมันไม่ใช่ปัญหาเลย ถามผมแบบนี้แล้วคุณล่ะคิดอยากจะมีลูกบ้างหรือเปล่า”


อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตา “ไม่รู้สิ ก่อนหน้านี้คิดแต่จะอยู่กับแม่ ไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย”


“แล้วตอนนี้ละ”   


หน้าหล่อแนบลงบนแผงอกอุ่นดังเดิม นอกจากหูจะได้ยินเสียงจากปากของคนที่ตนเองนอนก่ายกอดแล้วยังคงได้ยินเสียงก้อนเนื้อใต้อกเสื้อของเขาด้วย “แล้วแต่คุณก็แล้วกัน”


“ถ้าแล้วแต่ผม ผมก็จะบอกว่าผมอยากอยู่กับคุณไปแบบนี้ มีผมกับคุณแค่สองคน”


“ทำไมล่ะ”


“ผมอยากรักคุณแค่คนเดียว ไม่อยากเอาความรักไปแบ่งให้ใคร แล้วก็จะไม่ยอมให้คุณไปรักใครนอกจากผมด้วย”


“คุณนี่เอาแต่ใจตัวเองเป็นบ้า”


ตฤณกรหัวเราะในลำคอก่อนจะเลื่อนมือขึ้นมาวางบนศีรษะของคนที่นอนทาบอยู่บนร่าง ปล่อยให้ความเงียบโรยตัวลงโอบล้อม


“จ้า”


“หืม?”


“รักผมคนเดียวได้หรือเปล่า”


“ก็ถ้าคุณไม่ฝึกเคล็ดวิชานินจาแยกร่าง ผมก็รักคุณแค่คนเดียวนี่แหละ”


ประโยคกวนอารมณ์ทำเอาตฤณกรถอนหายใจเฮือก พลิกตัวกลับกดอีกฝ่ายลงกับเตียง “ผมควรจะทำยังไงกับคนไม่โรแมนติกเสมอต้นเสมอปลายคนนี้ดีนะ” พูดจบก็ใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ขยี้เบา ๆ ที่ปลายจมูกของคนใต้ร่าง “แล้วแต่ผมอีกหรือเปล่า”


อาทิตย์ทัศน์สบตาคนพูด รู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นนับจากนี้หากตอบไปแบบนั้น ชายหนุ่มพยักหน้ายิ้ม ๆ พลันภาพตรงหน้าก็กลับพร่ามัวเมื่อหน้าคมเคลื่อนใกล้เข้ามาจากนั้นปากบางก็ถูกครอบครองด้วยริมฝีปากหยักที่ทาบทับบดเคล้าดูดดึงอย่างหยอกเย้า เนิบนาบ เนิ่นนานราวกับเวลาถูกหยุด กลีบปากสีเรื่อเผยอออกเมื่อความอดทนเริ่มหมด สุดท้ายก็ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายล่วงล้ำเข้ามาฉกชิมความหวานตามอำเภอใจ ไม่นานสัมผัสนุ่มนวลอ่อนโยนก็กลับแปรเปลี่ยนเป็นความหนักหน่วงเร่าร้อนชวนให้หัวใจหวามไหวจนแขนขาวต้องยกขึ้นเกี่ยวรั้งต้นคอหนาเป็นหลักยึด เปลือกตาบางปิดลงปล่อยให้มือหนาที่ลูบคลึงไปบนผิวกายฉุดรั้งร่างให้ดำดิ่งลงสู่กระแสแห่งความปรารถนาอันเชี่ยวกราก จะขอให้หยุดตอนนี้ก็คงสายไปเสียแล้ว ถ้าเช่นนั้นก็...



‘แล้วแต่คุณก็แล้วกัน’





จบจ้ะ



สวัสดีค่ะ ลืม ดร.ณัฐนนท์กับอ.ดิวไปหรือคะ ส่วนเรา...ลืมแล้ว ต้องย้อนกลับไปอ่านในหนังสือใหม่ 555

สำหรับตอนพิเศษนี้ก็ยังดำเนินเรื่องต่อจากตอนพิเศษตอนสุดท้ายในหนังสือนะคะ สำหรับใครที่ไม่มีหนังสือก็ไม่ใช่ปัญหาค่ะ

เนื้อหาพยายามเท้าความอยู่แล้ว ยังไงก็ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ

 
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 25-06-2015 08:21:55
'แต่ผมอยากมีคุณมากกว่า..' แอร๊ย~ :m3: ตังอ่ะูพูดอะไรก็ไม่รู้~ทำคนแอบฟังอย่างเราเขินจนตัวบิดไปหมดแล้วน้าา >\\\\\\< ไม่สงสารกันบ้างเลย.. หวานเจี๊ยบ >.<

ส่วนนนท์..เรายังเคืองนายเหมือนเดิมนั่นล่ะค่ะ เสียใจแค่ไหนเราก็ไม่เห็นใจหรอกนะ เพราะนนท์ยังเจ็บได้ไม่เท่ากับที่จ้าเคยรู้สึกมาตั้งหลายปีเลยสักนิดเดียว -*- น่าเสียดายแทนจริงๆ เลยนะคะเนี่ยที่ปล่อยให้ 'ความรักดีๆ' หลุดลอยออกไปจากกำมือ..

ขอบคุณนะค้าา.. o1
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: bew_yunjae ที่ 25-06-2015 08:46:08
ตอนพิเศษตัวนนท์ดิว เอ๊ะ หรือดิวนนท์
 :z10: เห็นดิวนนท์นึกถึงอีโมนี้ไม่รู้ทำไม ฮ่าๆๆๆๆ
แต่เวลาอ่านตังจ้าทีไรบรรยากาศมันอบอุ่น น่ารักมุ้งมิ้งมากจริงๆ
ช๊อบชอบคู่นี้มากๆ เดี๋ยวเขียนตอนพิเศษหลายตอนแล้วเอามารวมเล่มนะคะ
อยากได้เล่มปกสวยๆ ขี้เกียจปริ้นท์แล้วมาเก็บกลัวยับ เวลาอ่านผ่านหน้าจอก็ไม่เหมือนผ่านกระดาษ
ความรู้สึกมันต่างกัน
ครบ1000 ไลค์ก็ขอให้มีคนชอบมากขึ้นๆไปอีกนะคะ ทุกคนชอบงานเขียนของคุณ ถธปทฟ. เลยเรียกร้องแต่ตอนพิเศษๆ
อย่าเบื่อเลยนะคะ เรียกร้องเพราะรักมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 25-06-2015 09:07:58
เป็นนิยายที่อ่านกี่ครั้ง ก็เขิลลล หวานมากกก นี่ขนาดจ้าไม่ใช่คนโรแมนติกนะ ถ้าจ้าเป็นคนโรแมนติกด้วย นิยายเรื่องนี้คงทำให้คนอ่านเป็นเบาหวานตาย โอ้ยยย ตัวบิดเป็นเลขแปดไทย
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 25-06-2015 09:11:43
ผู้ชายอย่างตังที่ไหน เป็นคนที่อบอุ่นและโรแมนติก
จ้าโชคดีมาก
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 25-06-2015 09:37:45
อบอุ่นละมุนที่สุดแล้วคู่นี้ พึ่งอ่านหนังสือจบไปอีกรอบ ไม่เบื่อเลย
อ่านแล้วก็อยากเที่ยว อยากถ่ายรูป อยากวาดรูป (ซึ่งความอยากไม่สัมพันธ์กับความสามารถใด ๆ)
นนท์...เฮ้อ...สุดท้ายเหลือเพียงความว่างเปล่า
เห็นใจดิวนะ รักมาตั้งนาน พยายามทุกอย่าง ถ้าเป็นนิยายเรื่องอื่นดิวได้เป็นพระเอกแน่ แต่เรื่องนี้ไม่ได้จ้ะ
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะคะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: leGGyDan ที่ 25-06-2015 10:21:22
...เปิดตำนานความเสี่ยว....


คือกำลังคิดคำนี้ใจใจเลื่อนบรรทัดลงมาเจอนีขำก๊ากกกกกกกก
เราคิดว่าพี่ตังแอบเศร้าที่พี่จ้าไปหาเพื่อนเก่าซะอีก แล้วก็จะมีหึงหน้ามืดกะได้โมเมนต์ ฟิฟตี้เชดออฟตัง เต็มที่
แต่สายน้ำเชี่ยวกรากมาแค่นี้ก็ฟินตวแตกล่ะ555555555555

ปล.เรายังรอดิวนน์อยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 25-06-2015 10:23:08
ดร.ณัฐนนท์ กับ อ.ดิว ไม่ลืมค่ะ แต่แอบลืมพิมพ์ พี่ดล แล้วก็ตวง แต่ตวงใช้เวลานึกแปปเดียว 5555

ณัฐนนท์นี่น่าสงสารแบบที่อ.ดิวว่าจริงๆ แหละ ปล่อยของในมือหลุดไป จะกลับมาคว้าไว้ก็ไม่ทันเสียแล้วล่ะ


พี่ตังเก่งมากกกก
คู่นี้ให้ความรู้สึกอบอุ่น ความฟุ้งฟิ้งอบอวลอยู่รอบๆ ตลอด
อ่านแล้วมีความสุขมากๆ เลยค่ะ ชอบคู่นี้มากกกก

พี่ตังพี่จ้า FC
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 25-06-2015 10:57:43
ตัง....ปากหวานมากๆ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: mirin ที่ 25-06-2015 11:21:03
เค้าหวานกันขนาดนี้ คนอ่านก็เขินไปสิ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-06-2015 12:43:04
ขอบคุณจริงๆค่่อยากเห็นความเจ็บปวดของนนท์และผู้หญิงคนนั้นมานานแล้ว สมใจล่ะทีนี้ แถมได้เห็นความหวานของตฤณกับจ้าเพิ่มอีก  :heaven
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 25-06-2015 18:57:00
อบอุ่นมากค่ะ. คิดถึงเรื่องนี้จัง ดีใจที่มีตอนพิเศษ.
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: oss_tw ที่ 25-06-2015 19:08:08
น่ารัก ไม่เปลี่ยน
 :-[
เขินแก้มจิแตก

  o13
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 25-06-2015 20:13:50
รวมเป็นภาคสองเลยคะ55ฟินกับตอนพิเศษที่ไม่มีในหนังสือค่าาา
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: mizzmizz ที่ 25-06-2015 23:37:28
เป็นตอนพิเศษที่ละมุนที่สุดดดดดดด
หวานสุดๆๆๆๆ

เลิฟคนเขียนจัง  :mew1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: Shumi ที่ 26-06-2015 05:57:07
ชอบ อ่านแล้วมีความสุข อ่านได้ไม่สะดุด ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: Meowww ที่ 26-06-2015 21:08:59
ตังจ้ามีแต่ความหวาน มีความสุข ฮิๆฮิๆ  :mew1: :z2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: pp_psj ที่ 26-06-2015 21:17:06
เขินตัวแตก :hao7:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 26-06-2015 23:58:46
หวานมาก ยิ้มแก้มแตก
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: Lovetree ที่ 27-06-2015 00:00:15
เราจำ นนท์ได้ดีเลยค่ะ. คนที่ทำให้จ้าต้องเสียใจ ให้จ้าต้องรอคอย  เราไม่โกรธแทนจ้าแต่เราจะจำไว้555
แต่ขอเคืองที่นนท์มาแอบกอด แอบจับมือจ้า อันนี้เราหวงแทนตังมากจริงๆค่ะ

โชคชะตาให้จ้าผิดหวังจากนนท์ แต่ทำให้ได้พบเจอรักแท้จากตัง  ตังจ้าจึงได้เป็นคู่รักกัน.
ถือว่าโชคดีกันทั้งคู่ เป็นคู่ที่น่ารักมากๆอีกคู่ค่ะ

อ่านตอนนี้เราว่าจ้าดูเป็นเด็ก น่ารักมากๆ แบบรู้ตัวว่าผิด เลยยอมให้ตังกอดนานๆ ยอมให้ตังอยากทำอะไรก่อนนอนได้เลย555
ตังก็น่ารัก แบบแค่มีจ้าก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว  เป็นคนอบอุ่น  โรแมนติกมากๆค่ะ

ได้เห็นจ้าใช้หลังของตังเป็นหมอนหนุนนอน  เราก็กรี้ดร้องแล้ว อ๊ายเขิน
บทอยากทำอะไรก่อนนอนของตังเพียงแค่นี้   เราก็จิ้นตะเลิดไปไกลแล้วค่ะ555

พี่จ้าน่ารัก เราก็ขอรักด้วยคน พี่ตังจองเป็นวัชพืชแล้ว
เราก็ขอเป็นท้องฟ้าที่มีแสงจากดวงอาทิตย์ส่องให้ท้องฟ้าสว่างสดใสนะคะ

เรารักตัวละครทุกเรื่องของนักเขียนเลยค่ะ  เป็นคนหลายใจไปแล้วค่ะ555
รออ่านนิยายของนักเขียนเสมอ  ขอบคุณมากๆค่ะ :L2:





หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 27-06-2015 03:39:57
สวัสดีค่ะ ขอตอบกลับคอมเมนต์ของทุก ๆ คนนะคะ

หลายคนบอกว่ามีความสุข อบอุ่นใจทุกครั้งเวลาได้อ่านเรื่องนี้

เราเองก็รู้สึกว่าโพสต์เรื่อนี้ทีไรเหมือนได้เจอเพื่อนเก่าค่ะ

นึกถึงวันแรก ๆ ที่เริ่มแต่งเริ่มโพสต์ ตอนนั้นคิดว่าจะมีคนอ่านไหม

นานเข้าก็มีคนเริ่มมาคอมเมนต์ เยอะขึ้น ๆ จนกระทั่งจบ พอจบก็อาจจะห่าง ๆ กันไป

แต่พอเขียนตอนใหม่ครั้งไหน ทุกคนก็จะกลับมาคุยกัน มีหลายคนแวะเวียนมาถามหา

ขนาดเขียนเรื่องใหม่ไป 3 เรื่องแล้วยังถามถึงตังกับจ้า จนเรารู้สึกเหมือนสองคนนี้มันยังกับมีอยู่จริงประหนึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่ก็ไม่ปาน

ผ่านมาปีกว่าแล้วมีหลายคนที่บังเอิญเปิดมาเจอ หรือมีคนแนะนำให้อ่าน บางคนอยู่กันมาแต่ต้นเรื่อง เราเองยินดีมาก ๆ ค่ะที่เรื่องนี้ทำให้ได้มารู้จักทุกคน

ยิ่งดีใจหนักเข้าไปอีกเวลาที่ได้รู้ว่าเรื่องนี้สร้างแรงบันดาลใจ สร้างกำลังใจให้คนอ่าน

แต่สารภาพว่ารู้สึกเป็นกังวลอยู่บ่อย ๆ ค่ะ เวลามีคนพูดถึงเรื่องนี้ หรือแนะนำกันต่อ ๆ

เราจึงพยายามบอกทุกคนเสมอว่า นิยายเรามันเนิบ ๆ ยืดยาดนะ เพราะว่าชีวิตเราจริง ๆ มันก็ไม่ได้หวือหวา

เลยไม่อยากให้คาดหวังหรือเชื่อตามคนอื่นค่ะ ต่างคนก็ชอบใจในอะไรที่ต่างกัน บางคนบอกเรื่องนี้ดีจัง ในขณะที่หลายคนอาจจะไม่คิดอย่างนั้น

อยากให้ได้ทดลองอ่านก่อน หรือทำความรู้จักกันก่อนตัดสินใจอ่านกันยาว ๆ หรือซื้อหนังสือสักเล่ม ทุกคนจะได้ไม่เสียอารมณ์นะคะ

สุดท้ายอยากจะขอบคุณอีกครั้งค่ะที่ชอบตังกับจ้า ขอบคุณที่แวะมาคุยกันทั้งในเพจและในเว็บ

ขอบคุณที่มาแบ่งบันเรื่องราวดี ๆ แบ่งบันความรู้สึกเมื่อได้อ่านค่ะ

คงไม่เกินไปที่จะบอกว่าเราเองก็ได้อะไรดี ๆ จากเรื่องนี้เยอะเหมือนกัน โดยเฉพาะการที่ได้มารู้จักทุกคน

เราไม่รำคาญ ไม่เบื่อนะคะสำหรับการขอตอนพิเศษหรืออะไรก็แล้วแต่

แซวกันเล่น ๆ หรือจะขอกันจริงจังได้เลยค่ะ ไม่ต้องเป็นกังวล ไม่โกรธ ๆ เพราะเราคือถ้าเธอเป็นท้องฟ้าผู้เฉยชากับการถูกขอทุกสิ่ง ฮ่าๆ


ขอบคุณค่ะ



 #ซึ้งอ่ะ #ยืมไปนึ่งปูหน่อย
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: Lovetree ที่ 27-06-2015 22:04:05
เมื่อก่อนเราอ่านนิยายที่เว็บเด็กดีค่ะ ไม่เคยรู้จักเว็บนี้มาก่อนเลยค่ะ
วันหนึ่งกดกระทู้แนะนำนิยายในเว็บเด็กดี ก็สะดุดชื่อเรื่อง ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
พอกดลิ้งค์ชื่อเรื่องก็มาโผล่ที่เว็บนี้สะดุ้งเลยค่ะ ตอนแรกนึกว่าเขาจะแนะนำนิยายของเว็บเด็กดีค่ะ
จนตอนนี้เรามาอ่านนิยายที่เว็บนี้เป็นส่วนใหญ่แล้วค่ะ

อ่านเรื่องนี้เราเซอร์ไพรส์มากๆตอนที่เฉลยว่าตังกับจ้าพบเจอกันนานแล้ว และไม่ใช่ครั้งเดียวด้วย 
เป็นเรื่องที่ประทับใจและโรแมนติกมากๆค่ะ เสียดายที่มากดโหวตเรื่องนี้ไม่ทัน
ดีใจและยินดีกับนักเขียนมากๆนะคะที่เรื่องนี้ได้รับรางวัล

ขอบคุณนักเขียนมากๆนะคะที่ใจดีแต่งนิยายดีๆให้เราได้อ่าน  ขอบคุณจริงๆค่ะ :L2:

หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: Sillyfoolstupid ที่ 27-06-2015 22:35:44
นี่อ่านตอนพิเศษไปตั้งหลายวัน เพิ่งจะรู้ตัวว่าไม่ได้มาเม้นในเล้า
มัวแต่ไปเม้ามอยในเพจ ฮ่าๆๆๆๆ

ยังคงมีความพยายามอย่างยิ่งที่จะแฝงตัวไปสตอกเกอร์ตังจ้า
เดี๋ยวจะเป็นไรฝุ่นไปจับที่ตะกร้าแล้วค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ

ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษค่ะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 29-06-2015 00:38:50
หลงรักตังกับจ้าอีกครั้ง...
อีกครั้ง...
และ..อีกครั้ง...

ขอบคุณคุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้ามากค่ะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 29-06-2015 08:44:29
 :m3:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 30-06-2015 18:15:12
ตังส์ยังคงคอนเส็ปตัวเองไม่เสื่อมคลาย ตำนานความเสี่ยวที่เลื่องชื่อและอบอุ่น  :-[
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 01-07-2015 00:18:11
อ่านจบแล้วววววววววว
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: vivalasvegus ที่ 01-07-2015 20:19:53
เดี๋ยวต้องไปเริ่มอ่านในหนังสืออีกเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้ว จำไม่ได้
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 01-07-2015 20:57:05
เสี่ยวมากค่ะวัชพืช  :-[
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 02-07-2015 16:08:59
อ้างถึง
“วัชพืชอย่างผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีแสงจากดวงอาทิตย์นะ”


...เปิดตำนานความเสี่ยว...

ถ้าไม่เสี่ยวนี่ไม่ใช่ตังนะ :laugh:

เวลาพูดถึงชื่อ "ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า" ทีไร
สิ่งที่นึกถึงอันดับแรกก็คือ "ตังจ้า" ตลอด
ถึงเรื่องจะจบไปแล้ว ตอนพิเศษนานน๊านจะมาที
แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกคิดถึงลดน้อยลงไปเลย
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ นะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 05-07-2015 23:32:24
ยังคงละมุนอยู่เสมออออออ อ่านแล้วอุ่นใจจัง ^^ ขอบคุณนะค้าาา
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: ToeyTato ที่ 18-07-2015 22:27:52
สนุกมากเลยค่ะอ่านเพลินและน่าติดตามมาก เราหยุดอ่านแทบไม่ได้
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: scottoppa ที่ 21-07-2015 11:42:44
พี่ตังคนบว้าาาาาาาาา บ้าที่สุด อานไปร้องเง้อออ ง่ออออว์ ไปตลอดทั้งตอนเลยค่ะ
ทำไมพี่ตังน่ารักขนาดนี้ ขยันหยอดเหลือเกิน แล้วอ.จ้าก็ทำตัวน่าฟัดมากไปแล้ว
คิดถึงเรื่องนี้มากจริงจังเลยค่ะ เป็นเรื่องที่อ่านสามรอบอย่างต่ำ
อยากได้หนังสือมากๆแต่ก็หาไม่ได้เลย เสียใจ แต่เราก็จะอ่านวนไปวนมาในนี้แหละ
เราก็ลืมคุณนนท์กับอ.ดิวไปเหมือนกันค่ะ แต่ไปรื้อฟื้นมาเรียบร้อย
คุณนนท์พลาดมากนะบอกเลย ช่วยไม่ได้จริงๆ พี่ตังชนะขาด ฮี่ๆๆๆ
ถ้ามีตอนพิเศษอีก เราก็จะติดตามไปเรื่อยๆนะคะ <3
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: ToeY_@_KP ที่ 25-07-2015 12:18:06
ชอบคู่นี้จัง
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 27-07-2015 11:27:30
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ นะคะ  :impress2: :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 08-08-2015 22:03:51
ดองไว้นานมากกกกกกกสำหรับเรื่องนี้ทั้งๆที่ใครๆก็บอกว่าดีเหลือเกิน  ค่ะ  โคตรใช่นิยายที่ตามหาเลยทำไมถึงเพิ่งจะอ่าน  อ่านจบแล้วโคตรมีความสุข  รักพี่ตังกับพี่จ้ามาก  ไม่รู้คนอื่นอ่านแล้วเป็นเหมือนกันไหมอยู่ๆก็ยิ้มทั้งน้ำตา  ปลื้มไปกับความรักความผูกพันของทั้งคู่ตอนนี้น้ำตาก็ยังไหลอยู่ค่ะ  ปริ่มมาก  อยากได้หนังสือจัง :o12:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 09-08-2015 21:51:26
อบอุ่น....
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 16-08-2015 13:55:59
หลงรักเรื่องนี้ค่ะบอกเลย
อ่านไปอมยิ้มไป พี่ตังน่ารักมากกกกกก เป็นคนชัดเจนและแสนโรแมนติก
ส่วนพี่จ้าก็น่ารัก สมฉายาเสือน้อยเลย
หลงรักจริงๆนะคะ คนเขียน เขียนเก่งมากๆเลยค่ะ ทำเอาเราอ่านแล้วเคลิ้ม  :hao3:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: mymicky ที่ 20-08-2015 09:36:43

ยังอ่านไม่จบนะคะ แต่อุ่นจังเลยค่ะ อุ่นที่สุด   :-[ ไม่ได้อ่านเรื่องราวที่เบาๆแต่อบอุ่นหนักมากแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว .... เป็นอีกเรื่องที่อยู่ในเรื่องที่ชอบเลยค่ะ ขอบคุณจริงๆที่แบ่งปัน เรื่องนี้ไม่เหมือนนิยาย เหมือนเรื่องที่มีคนมาตั้งกระทู้เล่าให้ฟัง ... ขอบคุณจริงๆนะคะ   :pig4:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: mymicky ที่ 21-08-2015 19:22:42

จ้า มันคนไม่โรแมนติกที่ น่ารักเป็นบ้าเลยยยยยยย~  :L1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: michiko_love ที่ 22-08-2015 02:55:03
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ

อ่านแล้วมีความสุขมาก หลงรักเลยเรื่องนี้

จะติดตามและเป็นกำลังใจกับเรื่องต่อๆไปคะ

หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ตอนพิเศษ : คนในอดีต) 25-06-2558 หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: noopukna ที่ 06-11-2015 23:20:39
ระหว่างอ่านนี รู้สึกถึงความโรแมนติกอบอวลไปด้วยตลอดเลยค่ะ เรื่องนี้ทำให้อมยิ้มตลอด น่ารักมากทั้งพระเอก และ นายเอก เลย ชอบมากๆ ขึ้นลีสนิยายในดวงใจไปเลย  (ปรบมือรัวๆให้ไรท์เลยค่ะ) :mew1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว reprint ค่ะ) 04-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 04-12-2015 21:15:33
สวัสดีค่ะ แวะมาแจ้งข่าวว่าตอนนี้ reprint นิยายแล้วค่ะ

หากใครกำลังรออยู่ สามารถติดตามรายละเอียดกันได้ที่เพจ Hermit Books นะคะ


https://www.facebook.com/media/set/?set=a.920615067986697.1073741859.349141615134048&type=3
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว reprint ค่ะ) 04-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 12-12-2015 23:30:27
เพิ่งมาเจอเรื่องนี้อ่านแล้วแบบเขียนดีมากๆเลยค่ะ  ชอบมากๆ เขียนได้น่ารักมาก อ่านได้ลื่นไหล ไม่รู้สึกขัดเลยค่ะ ขอบคุณที่นำมาลงให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว reprint ค่ะ) 04-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: ai_pat ที่ 16-12-2015 00:57:35
สั่งรีพริ๊นต์แล้วค่า
รอส่งถึงบ้าน o18
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว reprint ค่ะ) 04-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: packy ที่ 18-12-2015 18:52:12
อ่านไปยิ้มไป น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 28-12-2015 11:37:43
ตอนพิเศษ : ถ้าเรายังคิดถึงกัน
   

แสงสุดท้ายเปลี่ยนท้องฟ้าให้กลายเป็นสีม่วงแต้มด้วยริ้วสีส้ม สวยงามเสียจนหลายคนอดไม่ได้ที่จะหยิบกล้องโทรศัพท์มือถือหรือกล้องดิจิทัลขึ้นมาบันทึกภาพเก็บไว้ ไม่เว้นแม้แต่ชายหนุ่มที่เพิ่งก้าวลงจากรถสองแถว เขายืนรอกระทั่งคนที่มาด้วยกันจ่ายเงินค่ารถเรียบร้อย จึงพากันเดินข้ามไปอีกฟากถนน หยิบกล้อง DSLR ตัวใหญ่ในกระเป๋าขึ้นมาเก็บภาพแนวกำแพงอิฐที่ยังคงตั้งตระหง่านอ้าแขนต้อนรับผู้มาเยือน และเมื่อดวงอาทิตย์เคลื่อนลับขอบฟ้า ความมืดก็โรยตัวปกคลุมไปทั่วบริเวณ ไฟสีเหลืองนวลถูกเปิดขึ้นเพื่อให้แสงสว่างและคงความสง่างามของกำแพงเวียงเอาไว้


สองคนเดินผ่านช่องประตูขนาดใหญ่ รอจังหวะรถว่างจึงเดินปะปนไปกับผู้คนข้ามฝั่งมุ่งหน้าสู่ถนนที่ขนาบข้างด้วยร้านรวงต่าง ๆ ทั้งสินค้าพื้นเมืองที่บอกเล่าถึงศิลปวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมายาวนาน และสิ้นค้าที่ผ่านกระบวนการคิดประดิดประดอยซึ่งชี้ให้เห็นว่าคนเชียงใหม่มีความรักในศิลปะและเปิดใจยอมรับความเป็นสมัยใหม่  ไม่ว่าเวลาจะล่วงเลยไปนานเพียงใด เชียงใหม่ก็ยังคงเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีมนต์เสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนมิได้ขาดสาย


“ผมถือให้” ตฤณกรกล่าวพลางรั้งกระเป๋ากล้องจากบ่าของอีกฝ่ายมาสะพายไว้เสียเอง


“คนเยอะจัง” อาทิตย์ทัศน์เปรยขึ้นขณะที่ตายังไม่ละจากช่องมองภาพ ไม่นานเสียงชัตเตอร์ก็ดังรัวแข่งกับเสียงประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงจากกองอำนวยการ


“ก็นี่ถนนคนเดินนะคุณ ไม่ใช่ในใจผม”


“ในใจคุณแล้วทำไม” ลดกล้องลงมุ่นคิ้วมองคนพูดด้วยความสงสัย


“ในใจผมก็มีคุณอยู่คนเดียวไง”


“เสี่ยวฆ่าไม่ตายจริง ๆ” อาทิตย์ทัศน์โคลงศีรษะหน่าย ๆ ก่อนจะเดินหนี ล้วงเอาโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเปิดหาข้อความพร้อมกับกวาดตามองหาบางสิ่งบางอย่าง


“หาอะไรน่ะคุณ”


“ขวัญฝากซื้อของน่ะ ตั้งแต่เดินเข้ามาผมยังไม่เห็นเลยว่าจะมีร้านไหนขาย”


“อะไรเหรอ”


“กำไลเงินน่ะ เห็นว่าจะให้ป้าดาเป็นของขวัญ”


“อืม...ถ้าร้านขายเครื่องเงินละก็ต้องไปที่ถนนวัวลาย แต่ก็ไม่แน่วันนี้เขาอาจจะมีมาตั้งร้านที่นี่ก็ได้ ผมจำได้ว่ามีอยู่ร้านหนึ่ง เราเดินไปข้างหน้าอีกหน่อยนะเผื่อจะเจอ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะอยู่แถวนี้แหละ” ว่าแล้วตฤณกรก็เดินนำพร้อมกับชะเง้อคอมองหาร้านที่ว่าไปด้วย กระทั่งมาถึงทางแยกชายหนุ่มจึงหันไปรั้งข้อมือคนเดินตาม


“จ้า ร้านนี้ไง” เจ้าของร่างสูงกล่าวเมื่อพากันมาหยุดยังแผงขายเครื่องเงินซึ่งเจ้าของร้านเป็นคุณยายผมสีดอกเลาเกล้ามวยต่ำ สวมชุดเสื้อผ้าฝ้ายพื้นเมืองกับผ้าฝ้ายกับซิ่นทอมือดูเข้ากัน


อาทิตย์ทัศน์มองในตู้กระจกพลางลากสายตาไปบนผืนกำมะหยี่สีแดงที่มีเครื่องประดับที่ทำจากโลหะสีเงินเรียงรายอยู่เต็มไปหมด ในที่สุดก็สะดุดเข้ากับกำไลวงหนึ่ง ปลายนิ้วแตะลงที่ระนาบใสตรงตำแหน่งเดียวกับที่ตามองแล้วเอ่ยขึ้น


“วงนี้สวยไหม”


“อื้อ เรียบ ๆ เหมาะกับป้าดาดีนะ แต่ผมว่าวงมันใหญ่ไปหน่อย ป้าดาสวมแล้วต้องดูเทอะทะแน่ ๆ” ว่าแล้วก็ลากปลายนิ้วชี้ที่อีกวงหนึ่ง “วงนี้ลายเดียวกันแต่เล็กกว่า”


“ผมขอดูวงนี้ครับคุณยาย” อาทิตย์ทัศน์รอครู่หนึ่งจึงรับกำไลจากมือเหี่ยวย่น มองอย่างพิจารณา กำลังจะถามราคาก็ต้องหยุดเมื่อเสียงของใครคนหนึ่งที่ดังขึ้นจากด้านหลัง


“ตัง! ตังใช่ไหม”


เจ้าของชื่อเหลียวกลับไปตามเสียงแล้วพบว่าคนเรียกนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน เธอคือเพื่อนสมัยเรียนมัธยมที่ไม่ได้พบกันนานนั่นเอง


“ปิ่น”


“ตังจริง ๆ ด้วย ไม่ได้เจอกันนานเลย”


อาทิตย์ทัศน์เหลียวกลับไปมองหญิงสาวร่างเล็กซึ่งเดินรี่เข้ามาจับไม้จับมือของคนตัวสูงที่ยืนข้าง ๆ นิดหนึ่งก่อนจะหันไปสนใจเครื่องประดับเงินตรงหน้าเหมือนเดิม


“ปิ่นสบายดีเหรอ”


“สบายดีจ้ะ”


“แล้วตอนนี้ทำอะไรอยู่”


 “พอเรียนจบปิ่นก็ทำงานโรงแรมที่เชียงรายอยู่ 3-4 ปีน่ะ เบื่อ ๆ ก็เลยลาออกมาช่วยแม่ทำร้านขนมอยู่บ้านเราดีกว่า วันอาทิตย์ก็เอามาขายที่ถนนคนเดินนี่แหละ แล้วตังล่ะเป็นยังไงบ้าง ตั้งแต่จบม.หกก็ได้เจอกันเลย”


“เราไม่ค่อยได้กลับบ้านน่ะ ตอนนี้ก็ทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ”


“ถึงว่าปิ่นกลับมาอยู่เชียงใหม่ตั้งหลายปีไม่เคยเจอตังเลย”


ตฤณกรได้แต่ยิ้ม ยกมือขึ้นกระชับสายกระเป๋ากล้องบนบ่า


“นี่มาซื้อของฝากเหรอ”


“ใช่ ว่าจะดูกำไลสักวงน่ะ”


“ดูให้เจ้าของแหวนที่นิ้วนางนั่นหรือเปล่า”


“ม...ไม่ใช่ มีคนเขาฝากซื้อน่ะ” ตฤณกรรีบปฏิเสธ แต่ดูเหมือนว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่อีกฝ่ายอยากรู้


“อยากรู้จังว่าใครกันนะเป็นคนที่โชคดีคนนั้น” หญิงสาวเลิกคิ้วพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ สายตาบ่งบอกว่าจะเอาคำตอบให้ได้


“เราต่างหากโชคดีที่ได้เขามาอยู่ข้าง ๆ” พูดแล้วกับเหลือบมองอีกคนที่กำลังหันหลังให้ ไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินหรือไม่ แต่ที่เห็นก็คืออาทิตย์ทัศน์กำลังยกมือข้างที่สวมแหวนแบบเดียวกันขึ้นเกาแก้มที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อในขณะที่มืออีกข้างยังคงถือโทรศัพท์แนบหูก่อน


“พูดแบบนี้ปิ่นชักอยากรู้จักแล้วสิ”


“เอาไว้คราวหน้าจะพามาแนะนำนะ”


 “ได้จ้ะ คราวหน้าแวะไปกินขนมร้านปิ่นนะ”


ตฤณกรพยักหน้ายิ้ม ๆ


“ถ้าอย่างนั้นปิ่นไปก่อนนะตัง ปล่อยให้แม่ขายของคนเดียวนานแล้ว ดีใจที่ได้เจอนะ”


“อื้อ เราก็ดีใจ”


นัยน์ตาสีเข้มทอดตามองหญิงสาวที่เดินหายเข้าไปในฝูงชนจำนวนมาก ชายหนุ่มกดยิ้มที่มุมปากจากนั้นก็หมุนตัวกลับพร้อมกับยกแขนขึ้นโอบไหล่เจ้าของกลิ่นหอมอ่อน ๆ เอาไว้


“ตัดสินใจได้หรือยังว่าเอาวงไหน”


“เอาอันนี้แหละ ผมคุยกับขวัญแล้ว ขวัญชอบวงนี้เหมือนกัน” อาทิตย์ทัศน์กล่าวพร้อมกับส่งกำไลเงินให้คุณยายเจ้าของร้านพร้อมกับธนบัตรใบหนึ่ง “เมื่อกี้ใครเหรอ”


“ปิ่น เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียนมัธยมน่ะ”


เจ้าของคำถามรับเงินทอนกับถุงกระดาษประทับตราชื่อร้านจากนั้นจึงพากันเดินออกมา


“นึกว่าแฟนเก่าเสียอีก”


ตฤณกรฟังแล้วหัวเราะพรืด “อะไรทำให้คุณคิดแบบนั้น”


“ใช่หรือเปล่าล่ะ”


“ไม่ใช่สักหน่อย” คนตัวสูงกล่าวอย่างไม่ลังเล ดึงตัวอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ก่อนจะกระซิบ “อย่าบอกนะว่าคุณหึงผม”


“สำคัญขนาดนั้น”


ได้ฟังประโยคแห้งห้วนไม่มีเยื่อใยนั้นแล้ว ตฤณกรก็ได้แต่ทำหน้ามุ่ย กระนั้นจนแขนก็ยังคงโอบไหล่คนพูดไม่ยอมปล่อย 
อาทิตย์ทัศน์ยิ้มน้อย ๆ ในขณะที่ดวงตายังคงมองไปข้างหน้า “ผมจะหึงทำไมกัน เมื่อคุณยังบอกอยู่หยก ๆ”


“บอก? ผมบอกว่าอะไร”


“ก็บอกว่าข้างในใจของคุณมีผมอยู่แค่คนเดียว หรือไม่จริง”


“จริงที่สุด” ร่างสูงกระชับแขนแกร่งรั้งคนพูดเข้ามาชิดจนแทบไม่มีระยะห่างระหว่างกัน เห็นรอยบุ๋มที่แก้มเนียนแล้วอยากจะฝังจมูกลงไปให้เต็มรัก...


เมื่อเดินมาได้เกือบครึ่งทาง ต่างคนก็ต่างพร้อมใจกันชะลอฝีเท้า เมื่อมองไปยังฝั่งหนึ่งตฤณกรก็พบว่าบริเวณที่เคยเป็นร้านขายโปสการ์ดและรับวาดภาพเหมือนของคุณลุงที่เคยฝากตัวเป็นศิษย์ ร่ำเรียนวิชาจนสามารถสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ได้ ขณะนี้ได้กลายเป็นที่ตั้งของร้านขายผ้าพื้นเมืองไปเสียแล้ว   


“เฮีย! น้ำแข็งหมด ไปซื้อน้ำแข็งให้หน่อย”


เสียงแหลมเล็กที่ดังขึ้นจากริมบาทวิถีฟากตรงข้ามเรียกสายตาสองคู่ที่กำลังมองไปยังจุดเดียวกันให้ย้ายไปยังสาวน้อยเอวบางหน้าตาจิ้มลิ้มในชุดนักศึกษาที่กำลังช่วยแม่ทอนเงินให้ลูกค้าร้านน้ำปั่นที่อยู่ถัดขึ้นไปในฝั่งตรงข้าม หลังจากร้องบอกพี่ชายแล้วเธอก็สารวนหยิบนู่นนิดนี่หน่อยใส่ในถ้วยตวงก่อนจะเทส่วนผสมต่าง ๆ ลงโถพลาสติกติดใบมีดสำหรับปั่นอาหาร กดปุ่มให้เครื่องทำงานแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมองหนุ่มผมยาวที่ยังคงนั่งนิ่งทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่ที่นั่งวาดรูปอยู่กลางถนน พลันหัวคิ้วก็เคลื่อนเข้าหากันทันทีในขณะที่ปากก็ตะโกนเสียงดังฟังชัด


“เฮีย! ได้ยินที่หมวยพูดไหมเนี่ย”


เสียงนั้นไม่อาจทำลายสมาธิของคนที่กำลังจดจ่ออยู่กับภาพเขียนตรงหน้าได้ ชายหนุ่มวางดินสอดำหัวทู่ลงในกล่องเครื่องเขียน เปลี่ยนหยิบด้ามที่แหลมกว่า เงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้าจากนั้นจึงจรดปลายกราไฟต์ลงบนกระดาษ บรรจงสานเป็นเส้นขัดกันไปมาลงน้ำหนักจนเกิดเป็นแสงและเงา     


“เฮีย! เดี๋ยวจะบอกให้แม่หักค่าขนม!” น้องสาวใช้ความพยายามเป็นครั้งที่สามและเกือบจะสี่หากพี่ชายของเธอไม่ขัดขึ้นเสียก่อน
“โอ๊ย! ได้ยินแล้วๆๆ แต่วาดรูปให้ลูกค้ายังไม่เสร็จเห็นบ้างไหมเนี่ย”


คนฟังทำหน้ามุ่ย “ก็น้ำแข็งมันใกล้จะหมดแล้วนี่นา”


“อีกห้านาที เดี๋ยวไปซื้อให้”


อาทิตย์ทัศน์มองสองพี่น้องที่โก่งคอเถียงกันผ่านช่องมองภาพของกล้องในมือ พลันรอยบุ๋มที่ข้างแก้มก็ปรากฏขึ้นพร้อมด้วยรอยยิ้มที่ผุดพรายขึ้นบนใบหน้า ปลายนิ้วกดชัตเตอร์เก็บภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ไว้ก่อนจะลดกล้องลงแล้วตรวจดูภาพจากจอ LCD แม้จะทุกสิ่งในจะหยุดนิ่งหากแต่ภาพที่ได้กลับดูมีชีวิตชีวาตามที่ตาเห็น อีกสักสิบปีหรือยี่สิบปีก็คงเป็นภาพถนนคนเดินท่าแพในความทรงจำที่หยิบขึ้นมาดูครั้งใดก็ให้ความรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับมา ณ วันที่ภาพถูกบันทึกไว้ 


“ตี๋น้อยของคุณทำได้แล้วนะ”


คนฟังพยักหน้ายิ้มจาง ๆ พลางยกกล้องขึ้นเล็งไปยังหนุ่มผมยาวที่กำลังจับดินสอลากไปมาบนกระดาษ “โตเป็นหนุ่มแล้วเนอะ” พูดพร้อมกับหมุนเลนส์ซูมภาพแล้วกดชัตเตอร์ 


“สิบกว่าปีแล้วนี่นา” เจ้าของร่างสูงที่ยืนสะพายกระเป๋ากล้องอยู่ข้างกันเอ่ยขึ้นขณะยื่นหน้าเข้ามาดูผลงาน


“จริงด้วย ผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว” อาทิตย์ทัศน์กล่าว ในใจนึกย้อนไปเมื่อตอนที่มาเชียงใหม่เป็นครั้งแรกกับเพื่อน ๆ พี่ ๆ ร่วมสาขาวิชา เป็นครั้งที่รวมกิจกรรมรับน้องและการถ่ายภาพภาคสนามเอาไว้ในคราวเดียวกัน และยังเป็นครั้งแรกที่ได้พบกับ...


“ดื่มอะไรหน่อยไหม เดี๋ยวผมไปซื้อให้”


เสียงที่ดังขึ้นใกล้หูดึงความคิดที่กำลังจมดิ่งลงในห้วงอดีตให้หวนกลับคืนสู่ปัจจุบันอีกครั้ง ยังไม่ทันได้ตอบก็พบว่าคนพูดเดินดิ่งไปยังร้านน้ำปั่นเสียแล้ว เมื่อเห็นดังนั้นอาทิตย์ทัศน์จึงรีบสาวเท้าก้าวตามไปยืนข้างกัน


“รับอะไรดีคะ”


สองคนสบตาก่อนจะพร้อมใจตอบ “เอานมวานิลลาครับ”/ “เอาน้ำแดงโซดาครับ” แต่แทนที่ต่างฝ่ายจะสั่งน้ำตามที่ตนเองชอบ กลับแย่งกันสั่งแบบที่อีกฝ่ายชอบจนเจ้าของร้านทำหน้างง


สาวน้อยที่กำลังยืนอ้าปากหวอทำให้อาทิตย์ทัศน์ต้องเป็นคนสรุป “ถ้าอย่างนั้นเอาอย่างละแก้วครับ”


“ไม่ชอบนมวานิลลาแล้วเหรอ” ตฤณกรกระซิบถาม


“ไม่ได้สั่งกินเองนี่”


“แล้วสั่งให้ใคร ให้ผมเหรอ”


“ถามมากจริง”


“ก็อยากรู้ ตอบให้ชื่นใจหน่อยไม่ได้หรือไง”


อาทิตย์ทัศน์เบือนหน้าหนี ไม่ใช่แค่สายตาที่เอาแต่จ้องจะหาความจริงเท่านั้น ยังรวมถึงรอยยิ้มของคนพูดอีกด้วย กระนั้นปากบางก็ยังไม่วายบ่นขมุบขมิบ “รู้แล้วยังจะแกล้งถาม”


“มาแล้ว ๆ” เสียงห้าวดังขึ้นขัดจังหวะพร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่เดินแหวกผู้คนเข้ามาพร้อมกับถุงใส่น้ำแข็งใบโต


“ใส่ไว้ในลังเลยเฮีย หมดพอดี โชคดีนะที่ยังพอให้พี่สองคนนี้” พูดจบสาวน้อยก็เทน้ำแดงกับโซดาที่ผสมกันแล้วลงในแก้วที่มีน้ำแข็งอยู่เต็ม จัดการปิดฝาแล้วส่งให้ “ได้แล้วค่ะ น้ำแดงโซดา”


อาทิตย์ทัศน์รับมาก่อนจะเสียบหลอดแล้วส่งให้อีกคน “นี่ของคุณ”


“ขอบคุณครับ” ตฤณกรยิ้มหวานรับแก้วนั้นมาถือเอาไว้ ในที่สุดก็ได้รู้คำตอบแม้คนปากแข็งจะไม่ได้พูดมันออกมาก็ตาม จากนั้นร่างสูงหันไปรับนมวานิลลาที่เจ้าของร้านเพิ่งทำเสร็จแล้วส่งให้แลกกัน     


“อันนี้ของคุณ”


คนตัวเล็กกว่าส่ายหัวน้อย ๆ เสียบหลอดลงในแก้วก่อนจะรับมาดูดแก้เขิน ไม่รู้ว่ารสของนมวานิลลาแก้วนี้กับสายตาที่มองมาอะไรจะหวานกว่ากัน


“ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกหน่อยดีกว่า” ตฤณกรกล่าวพร้อมกับล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมา ท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ทำให้คนที่กำลังจะเดินผ่านไปอดช่วยไม่ได้


“ผมถ่ายให้ไหมพี่”


“ดีเลย ถ้าอย่างนั้นรบกวนหน่อยนะครับ” ส่งโทรศัพท์ให้หนุ่มหน้าตี๋ก่อนจะหันไปกล่าวกับคนรัก “ต้องสวมหมวกด้วย” ว่าแล้วก็ก้มลงหยิบหมวกแก็ปในกระเป๋ากล้องสวมให้


“พร้อมนะพี่”


ก่อนที่คนถ่ายจะนับ หนึ่ง สอง สาม ตฤณกรก็ยกแขนขึ้นโอบไหล่ของคนข้าง ๆ เอาไว้ ทั้งสถานที่ ทั้งผู้คน ทุกอย่างมันเหมือนกับวันนั้นไม่มีผิด ยกเว้นก็แต่...ความรู้สึกของคนสองคน...



ส่งท้าย...


ม่านบางพลิ้วไหวไปตามสายลมเย็นที่พัดผ่านช่องประตูที่ถูกเปิดแง้มเอาไว้ หลังม่านสีขาวปรากฏเงาของใครคนหนึ่งกำลังยืนปล่อยอารมณ์เงยหน้าขึ้นมองท้างฟ้าที่ประดับประดาด้วยดวงดาว อาทิตย์ทัศน์ดึงสายตากลับมามองที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือในมือก่อนจะใช้ปลายนิ้วเขี่ยเลื่อนภาพ เป็นภาพที่ถูกถ่ายไว้เมื่อตอนที่ไปเชียงใหม่คราวก่อน เป็นภาพของตัวเขากับตฤณกรซึ่งกำลังยืนอยู่หน้าร้านขายน้ำ พยายามย้อนนึกถึงความรู้สึกนึกคิด ณ เวลานั้น แต่มันก็เลือนรางเต็มที


เสียงปิดประตูดังขึ้นก่อนที่ร่างสูงจะเดินมาที่เตียงแล้วล้มตัวลงนอนหนุนตัก อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้าน้อย ๆ ทอดตามองคนที่รั้งทั้งมือของเขาและโทรศัพท์ไปเป็นของตัวเอง


“เหมือนวันนั้นเลยเนอะ” ตฤณกรกล่าวพร้อมกับลากปลายนิ้วบนหน้าจอสัมผัสกระทั่งมาหยุดที่ภาพสุดท้าย ภาพที่เห็นแต่เพียงด้านหลังของชายหนุ่มสองคน หนึ่งในนั้นกำลังเหลียวมองอีกคนที่สวมหมวกแก็ปซึ่งยื่นห่างออกไป


“วันนั้นคุณคิดอะไร” อาทิตย์ทัศน์ถามพลางเลื่อนมือข้างที่เหลือขึ้นวางบนศีรษะ แทรกเรียวนิ้วลงกับเส้นผมหนานุ่มมือ


“อืม...หลายอย่างเลยละ คิดว่า...คุณเป็นใครกันนะ หลังจากนั้นก็คิดว่าจะได้เจอกันอีกไหม สุดท้ายก็...คิดถึงคุณอยู่ข้างเดียว”


“แล้วหลังจากนั้นล่ะ”


“หลังจากนั้น...ที่เราได้พบกัน ผมคิดว่าจะเป็นไปได้ไหมถ้าผมจะทำให้คุณกับผม ไม่เดินจากกันไปไหนอีก แล้วในที่สุดผมก็รู้ว่าไม่ได้มีแค่ผมที่คิดถึงคุณ เพราะคุณเองก็จะคิดถึงผมเหมือนกัน”


“รู้ได้ยังไง” ถามพร้อมกับบีบจมูกคนพูดเบา ๆ


“รู้สิ คุณต้องคิดถึงผมแน่ ๆ เวลาที่มองรูปที่ผมวาดหรืออ่านโปสการ์ดที่ผมเขียน เพราะผมเองก็เป็นแบบนั้น ผมคิดถึงคุณทุกครั้งเวลาที่เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า”


“ตอนนี้ล่ะ คุณคิดอะไร”


เมื่อได้ฟัง ตฤณกรก็ดึงโทรศัพท์มือถือออกจากมือคนถามวางไว้ที่ข้างตัว แล้วรั้งสองมือขาวมาวางแนบอก “คิดว่าโชคดีจังที่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ อีกหน่อยถ้าเราแก่ตัว หลง ๆ ลืม ๆ เราก็หยิบภาพที่เคยถ่ายด้วยกันขึ้นมาดู ดึงเอาโปสการ์ดจากลิ้นชักออกมาอ่าน คุณอยากไปที่ไหนผมจะพาไป เราจะผลัดกันเล่าเรื่องเก่า ๆ ให้กันฟัง นอนบนหญ้านุ่ม ๆ แล้วมองไปบนท้องฟ้าด้วยกัน” พูดจบก็ยันกายลุกขึ้นนั่ง


“หรือถ้าหากคุณลืมจูบแรกของเรา ผมก็จะจูบคุณ เผื่อว่าคุณจะจำได้”


คนฟังนั่งนิ่งแต่หัวใจกลับเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อหน้าคมโน้มเข้ามาใกล้ก่อนจะมอบจูบแสนหวาน ชั่วอึดใจตฤณกรก็ถอนริมฝีปากออกแล้วกระซิบ     


“หรือถ้าคุณจำไม่ได้ ผมก็จะบอกคุณว่านี่คือจูบแรกของเรา”


อาทิตย์ทัศน์ยิ้มบางพลางยกมือขึ้นประคองสองแก้มสาก “ถ้าวันทั้งวันคุณมัวแต่ทำอะไรเยอะแยะจนลืมบอกรักผม ผมก็จะเป็นคนบอกรักคุณก่อนดีไหม”

...ไม่มีถ้อยคำตอบรับหรือปฏิเสธ หากแต่คำตอบนั้นปรากฏอยู่ในดวงตาสองคู่ที่ยังคงสบกันหวานซึ้ง...


...จบ...




สวัสดีค่ะ สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายของปีแล้ว ปีที่ผ่านมา ในเพจมีหลายคนถามหาเรื่องนี้
อ่านหน้ากากดอกไม้ขอตอนพิเศษ ถธปธฟ. อ่านเรื่องสั้น ขอ nc ถธปทฟ. โพสต์เฉย ๆ ขอตอนต่อไป ฯลฯ 555
เราก็เลยรื้อไฟล์เก่า ๆ ที่เขียนค้างไว้ตั้งแต่ตอนทำหนังสือแล้วก็เลิกไปมาต่อให้จบ ได้เป็นตอนสั้น ๆ มาฝากกันค่ะ
คล้าย ๆ เป็นการมาอัพเดตชีวิตญาติผู้ใหญ่ เรื่องราวยังคงต่อเนื่องกับที่เขียนเพิ่มเติมในหนังสือ
ตั้งใจจะเขียนเป็นตอนสุดท้ายสำหรับนิยายเรื่องถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
(เพราะเรื่องนี้ก็จบแบบสมบูรณ์ไปแล้วเนอะ)
ให้ทุกคนที่ติดตามได้เก็บเอาไว้เป็นความทรงจำดี ๆ ถ้าหากคิดถึงกันเมื่อไรก็หยิบขึ้นมาเปิดอ่านนะคะ
ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ที่ทุกคนยังถามถึง ยังคิดถึง และชอบนิยายเรื่องนี้ค่ะ 

หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 28-12-2015 12:40:28
ตังจ้าหวานส่งท้าย
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (แจ้งข่าว reprint ค่ะ) 04-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: jannie ที่ 28-12-2015 12:53:42
เพิ่งมาได้อ่าน ชอบเรื่องแนวนี้นะคะ แบบไปเรื่อยๆ มันได้ซึมซับบรรยากาศดี ดูเป็นชีวิตจริงๆ ค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: skyokiller ที่ 28-12-2015 14:30:35
หวานกันมากเลยคะคู่นี้ น่าร้ากกกกกก >O<!
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 28-12-2015 15:24:46
หวานกันจริงๆคู่นี้  :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: care_me ที่ 28-12-2015 15:52:25
หวานละมุนมากเลยค่ะ

ขอบคุณ​สำหรับตอนพิเศษหวานๆอย่างนี้นะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 28-12-2015 17:30:31

“หรือถ้าหากคุณลืมจูบแรกของเรา ผมก็จะจูบคุณ เผื่อว่าคุณจะจำได้”


คนฟังนั่งนิ่งแต่หัวใจกลับเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อหน้าคมโน้มเข้ามาใกล้ก่อนจะมอบจูบแสนหวาน ชั่วอึดใจตฤณกรก็ถอนริมฝีปากออกก่อนจะกระซิบ     


“หรือถ้าคุณจำไม่ได้ ผมก็จะบอกคุณว่านี่คือจูบแรกของเรา"



ชอบตอนนี้ที่สุด น้ำตาร่วงเลย ไม่จำเป็นต้องมี nc แค่มีความละมุนแบบนี้ก็พอแล้ว
คุณถ้าเธอเป็นทองฟ้า คุณให้มุมมองใหม่ๆกับเรามากมาย ให้แรงบันดาลใจมากมาย นิยายของคุณอ่านซ้ำได้ไม่เบื่อจริงๆ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: loyal_mook ที่ 28-12-2015 20:33:53
อบอุ่นจัง ไม่อยากให้จบเลย อ่านไปเรื่อยๆ เขินน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: packy ที่ 28-12-2015 20:44:49
หวานละมุนละไมมากเจ้าาาา
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 28-12-2015 20:57:37
จูบครั้งที่เท่าไรก็ยังมั่นคง
ตกหลุมรักซ้ำ ๆ กับคนเดิมเสมอ
ความรักละมุนละไมไม่เปลี่ยนแปลง

ขอบคุณ 'ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า'





หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-12-2015 22:59:42
ฟิน~~~~~~~~~~~
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 28-12-2015 23:18:36
รักเรื่องนี้จังงงง
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 29-12-2015 00:08:53
มันเป็น.....ตอนพิเศษที่หวานมาก โอ๊ย ฟินกระจาย
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: Lovetree ที่ 29-12-2015 00:27:45
เราเชื่อเลยว่าจ้าโชคดีที่สุดเลยที่มีคนที่รักจ้าสุดหัวใจและจ้าก็เป็นคนรักคนเดียวในหัวใจของตังจริงๆ
การมาของปิ่นก็ได้ช่วยยืนยันแล้วด้วย  และรู้เลยว่าตอนมัธยมตังก็คงไม่ได้จีบใคร  ไม่ได้คบกับใครเป็นแฟนเลย
ทั้งที่ตังคนดีต้องมีสาวๆมาชื่นชอบมากมายแน่ๆ(อาจมีปิ่นอยู่ในกลุ่มสาวๆด้วย)  ปิ่นก็เลยอยากรู้ว่าใครคือผู้โชคดีคนนั้นเนอะ

จ้าเป็นรักแรกพบและก็เป็นคนเดียวของตังจริงๆ   กรี๊ดดดดดดดด  คู่นี้น่ารักมากๆค่ะ
เป็นทั้งเพื่อนคู่คิด  ช่วยเหลือกัน  และนึกถึงกันตลอดแม้กระทั่งเรื่องเล็กๆเช่นการสั่งนำ้ดื่ม  ทำเรากรี๊ดอีกแล้ว555

เราเห็นภาพตังกับจ้าอยู่เคียงข้างกันไปจนแก่  หลงๆลืมๆอะไรไปบ้างแต่ความรักของทั้งคู่จะยังคงมีอยู่เสมอ
จูบที่ตังมอบให้จ้าเป็นจูบที่ประทับใจสำหรับตังทุกครั้งเหมือนกับเป็นจูบแรกของทั้งคู่เสมอ
นักเขียนทำให้เราเห็นภาพนั้น  ซาบซึ้งกับความรักของตังที่มีให้จ้ามากๆ  นำ้ตาเรามันก็ไหลจริงๆ
และเรากรี๊ดดังๆให้กับจ้าที่แอบหวานแอบบอกรักตัง  หวานที่สุดเลยคู่นี้  ชอบๆ

ตอนส่งท้ายแม้จะเป็นตอนสั้นๆแต่สมบูรณ์แบบมากๆค่ะ ยังคงสร้างความประทับใจเสมอ จะคิดถึงอยู่ในความทรงจำตลอดไปค่ะ

และอยากบอกว่านักเขียนเป็นคนใจดี  แฟนๆนิยายก็เลยกล้าแซว  กล้าแกล้งนักเขียนบ้าง
โดยการขอncบ้าง  ขอตอนพิเศษบ้าง  ขอเรื่องใหม่บ้าง  ทั้งๆที่รู้ว่านักเขียนยังไม่ว่างจริงๆ 
และวันนี้ก็ได้เห็นความใจดีของนักเขียนจริงๆ  เรายังคงรอผลงานของนักเขียนเสมอนะคะ
ขอบคุณมากๆค่ะสำหรับของขวัญส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่มอบความสุขให้กันเสมอ :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 29-12-2015 06:10:56
 :pig4:   :pig4:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 29-12-2015 11:42:41
รักเรื่องนี้มากจริงๆ ค่ะ

พี่ตังนี่ก็หวานตลอดๆ ส่วนพี่จ้าเขาจะมีมาดของเขา แต่น่ารัก เราอ่ะ #ทีมพี่จ้า มาตั้งแต่ต้นเลย

ขอบคุณมากๆ ค่ะ สำหรับความรู้สึกดีๆ ที่ได้รับทุกครั้งที่อ่านเรื่องนี้
รอยยิ้มกรุ่นๆ และใจฟูๆ เกิดขึ้นทุกครั้งเลยเวลาที่สายตาลากผ่านเรื่องราวของพี่ตังและพี่จ้า
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 31-12-2015 12:29:01
อ่านแล้วทราบซึ่งกินใจมากเลยอ่ะ

ความรักจะคงอยู่ตลอดไป
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: veeveevivien ที่ 31-12-2015 13:33:03
นี่ถามให้เลือกได้ว่าอยากให้นิยายเรื่องไหนไม่มีวันจบ

แบบเขียนเรื่อย ๆ ให้ได้อ่านกันตลอดไป ก็คงตอบว่า

"ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า"

คำตอบสุดท้ายค่ะ

ชอบภาษาเขียนที่ละมุนมาก อ่านแล้วไม่เครียดดี

ขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ นะคะ

ขอให้มีความสุขมากกกกกกกนะคะ

แวะมาเขียนตอนพิเศษของพิเศษ บ่อยนะคะ

รออ่านค่ะ

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 31-12-2015 23:47:20
 :m3:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 01-01-2016 23:20:21
สวัสดีปีใหม่จ้า

ดีจังมีหนุ่ม ๆ มาแจกความหวาน
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 04-01-2016 06:58:01
 :mew1: ชอบภาษาจัง
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 07-01-2016 19:22:31
อ่านกี่ครั้งก็มีความสุข

ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะคะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: Forever_ever ที่ 09-01-2016 12:07:27
เรื่องนี้อ่านไปยิ้มไป แล้วก็ต้องสงาัยว่าเราไปอยู่ไหนมาถึงเพิ่งได้มาเจอกัน

ชอบการดำเนินเรื่อง ดูเหมือนเรื่อยๆ แต่มีรายละเอียดมากมาย
อ่านแล้วอยากอ่านต่อ อยากรู้ว่า ตังกับจ้า จะหวานกันเพิ่มขึ้นอีกขนาดไหน

ขอบคุณ ถธปทฟ ที่ทำให้เรายิ้มได้
บอกได้เต็มปากว่าเป็นนิยายที่อบอุ่นมากๆ เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 24-02-2016 08:06:21
อ่านกี่ครั้งก็รู้สึกดี รักเรืีองนี้ที่สุด รักจ้า รักตัง รักคุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้า  :mew1:  :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 29-02-2016 19:43:52
เรื่องนี้ทำให้อบอุ่นหัวใจได้ตลอด

#เพ้อจ้าา~
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 04-03-2016 12:15:00
ฟิลเบาๆแต่สนุกมาก อ่านแล้วยิ้มตามเลย
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: MonKeez ที่ 14-04-2016 22:28:45
เพิ่งมีเวลาและโอกาส ได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้
ดีมากๆเลยค่ะ ชอบ อยากตามรอยเลย อิอิ

ไม่รู้ว่าคนเขียนจะยังเข้ามาอ่านคอมเม้นอยู่มั้ย แต่ก็อยากมาพิมพ์ไว้นะคะ
เห็นว่าออกเป็นหนังสือด้วย ดีใจมากๆค่ะ หากเก็บเงินได้จะตามไปอุดหนุนทันที
ตอนแรกอ่านก็กลัวจะดราม่านะคะ ทั้งตวงตัง ทั้งนนท์ แต่พออ่านจบ ฟีลกู๊ด อบอุ่นหัวใจมากๆค่ะ ชอบมากๆค่ะ ทั้งการบรรยายฉาก การถ่ายรูป อาจารย์จ้าสอนที่ไหนคะ เราอยากแอดไปเลยค่ะ 5555 กำลังจะอ่านตอนพิเศษต่อแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ ที่เขียนเรื่องนี้ขึ้นมา
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 15-04-2016 10:56:12
ถือโอกาสตอบทีเดียวเลยนะคะ
เรายังเข้ามาอ่านเรื่อย ๆ
ดีใจที่ทุกคนที่ได้อ่านชอบเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณมาก ๆ สำหรับคอมเมนต์ค่ะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: z9_0 ที่ 21-07-2016 11:04:23
ดีงามมากคะคุณ อุ่นไปสุดหัวใจเลย
พี่ตังโคตรของความอุ่นเลย อ่านไปยิ้มไป เบาเบา อุ่น อ่านแล้วอิจฉาพี่จ้ามาก ทำไหมโชคดีอย่างนี้นะ แค่ผิดหวังจากนน แต่เจอสิ่วที่ทุกคนต้องอิจฉามาก ไปตลอดชีวิต
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 25-07-2016 17:12:21
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: Yundori ที่ 30-07-2016 03:56:43
เป็นเรื่องที่หวาน แบบหวานมาก
แต่เราอ่านรวดเดียวแล้วเหมือนน้ำตาลจะขึ้น
ดองไว้สักแปปก็กลับมาอ่านใหม่ ชื่นใจ  :katai3:
ตังโชคดีจริงๆนั่นแหละที่ได้จ้ามาเป็นแฟน
สมน้ำหน้านนท์  :laugh: ดีขนาดจ้านี่ใครได้ไปก็ฟิน
ชอบตอนพิเศษมากๆ เหมือนได้เห็นชีวิตไปหลายๆปี
ชอบความหวานที่สองคนนี้มีให้กัน
น่าจะไม่มีวันทะเลาะกันเลยมั้งเนี่ย ตงก็ดูงอนแต่หายง่าย
คุณจ้าก็น่ารักแบบ  :hao7: :mew1:
ขอบคุณคนเขียนที่แต่งเรื่องดีๆให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 07-05-2017 22:17:28
เป็นเรื่องที่หวานละมุนมาก ๆ เลยครับ



ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: Yukina ที่ 18-05-2017 12:37:15

ชอบมากจริงๆๆ ละมุนมากๆๆๆ ขอตอนพิเศษอีกๆๆๆๆๆๆ

ขอบคุณคนแต่งมากๆ น้ำตาไหลไม่ใช่เพราะเศร้า แต่มันซึ้ง  :o8: :-[ :o8: :-[
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 20-05-2017 13:24:49
เป็นนิยายที่อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่นจริงๆ ไม่ได้มีอะไรพิเศษแต่ความธรรมดาๆนี่แหล่ะที่มำให้รู้สึกว่ามันพิเศษจริงๆ
ดำเนินเรื่องเรื่อยๆแต่ก็น่าติดตาม อ่านแล้ววางไม่ลง
ให้ความรู้สึกว่านี่แหล่ะคนรักกัน ไม่ต้องหวือหวา ไม่ต้องรีบร้อน

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
 :pig4: o13
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: BaZkon ที่ 23-05-2017 07:39:17
ซาบซึ้ง และอบอุ่นมากๆ ไม่รู้จะบรรยายยังไงเลย ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆแบบนี้ให้ได้อ่านนะคะ มันอาจจะไม่ได้มีอะไรหวือหวา แต่มันก็มีความสุขจนวางไม่ลง ถึงแม้เรื่องราวจะจบลงไปแล้ว แต่เราก็ยังรู้สึกเหมือนว่า เค้าทั้งสองคนยังคงโลดแล่นอยู่บนเส้นทางชีวิตของเค้าเองต่อไปเรื่อยๆให้เราได้จินตนาการถึงความรักที่เค้ามีให้กัน มีความสุขมากๆ ชอบมากๆค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: GRID ที่ 20-08-2017 08:05:18
อ่านอีกครั้ง ยังละมุน
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: zysygy ที่ 30-09-2017 09:06:43
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: TheGraosiao ที่ 20-12-2017 13:39:15
กลับมาอ่าน

คิดถึงเรื่องนี้จังเลยค่ะ

 :L2:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 27-02-2018 16:55:52
สวัสดีค่ะเพิ่งจะมีเวลาว่างเป็นของตัวเองแบบจริงจังเมื่อไม่นานมานี้เองค่ะ  เข้ามาเพราะกระทู้แนะนำนิยายค่ะ  แล้วก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ  เราชอบวิธีการดำเนินเรื่องของคุณคนเขียนนะคะค่อยเป็นค่อยไปแสดงให้เห็นถึงความผูกพันของตัวละครที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นจนกลายมาเป็นความรู้สึกพิเศษที่มีให้กัน  ทำให้เราเข้าใจและก็อินไปด้วยได้แบบว่าอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง  จ้าเป็นนายเอกที่ปากแข็งและก็แมนมากๆในความรู้สึกของเรา  เราชอบนายเอกแบบนี้นะเป็นอะไรที่เท่มากๆในความรู้สึกของเรา  ส่วนตังเป็นพระเอกที่เราต้องใช้คำนี้อีกแล้วซึ่งก็คือ  ผู้ชายดีๆมีแต่ในนิยาย  เท่านั้นจริงๆถึงตังจะชอบเล่นมุกเสี่ยวๆแต่เราว่าดูน่ารักมากๆนะชอบมากๆเลยค่ะแถมพอใจตรงกันแล้วก็หวานกันซะคนอ่านอย่างเราอิจฉาเลยล่ะค่ะ

ส่วนตอนพิเศษที่ต่อจากเนื้อเรื่องหลักก็โดนใจเรามากๆเหมือนกันเพราะเราเพิ่งจะไปเที่ยวที่แม่ฮ่องสอน+ปายมาตอนเดือนพฤศจิกายนด้วยยิ่งอ่านที่เที่ยวที่คุณเขียนถึงยิ่งได้บรรยากาศไม่ว่าจะเป็นวัดจองคำหรือถนนคนเดินอ่านไปเห็นภาพในหัวไปด้วยเลยแถมยังมีโอกาศได้ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ปางอุ๋งด้วยเหมือนกันอีกโอ้ยยยฟินมาก เสียดายตอนนั้นมัวแต่หามุมถ่ายรูปไม่ได้สังเกตรอบข้างไม่รู้ว่าจะมีโมเม้นท์ของหนุ่มๆแถวนั้นให้คล้ายๆคู่ตังกับจ้าหรือเปล่า555+
เสียดายที่ไม่มีโอกาสหาซื้อหนังสือเรื่องนี้มาเก็บไว้แต่ไม่เป็นไรค่ะยังไงก็อยากบอกว่าเรารักนิยายเรื่องนี้มากๆเลยค่ะขอบคุณมากๆเลยนะคะแล้วจะติดตามผลงานของคุณคนเขียนต่อไปแน่นอนค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 02-03-2018 00:39:39
เรายังเข้ามาอ่านเรื่อย ๆ นะคะ ถือโอกาสขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของทุกคนมาก ๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 04-06-2018 09:33:24
ดีจริงๆ  o13
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 14-06-2018 00:25:29
น่ารัก อบอุ่น
หวาน ละมุนมาก
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: BaZkon ที่ 31-07-2018 15:25:10
อ่านกี่รอบก็อบอุ่นจริงๆค่ะเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: bew_yunjae ที่ 27-09-2018 05:48:51
กลับมาอ่านเป็นรอบที่ห้าร้อยแปดสิบ
คิดถึงพี่ตังกับพี่จ้าจังเลยค่ะ
แงงงง ขอตอนพิเศษแก้คิดถึงหน่อยสิคะ :mew2:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 27-09-2018 21:36:47
 :mew1:ชอบมากค่า หวานละมุนละไม ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: rcbpdr ที่ 30-09-2018 11:33:51
เราอ่านเรื่องนี้จบเมื่อวาน ไม่รู้ว่าจะเรียบเรียงคำพูดยังไงดี
ผลงานของคุณทำให้เรารู้สึกสงบ และอบอุ่น
เหมือนได้มีความรักไปกับพวกเขา55555
ชอบความใส่ใจ ความอ่อนหวานของตัวละคร
ถึงแม้จ้าจะปากแข็ง แต่ก็อบอุ่น
ตังอาจจะดูเสี่ยวไปหน่อย แต่ก็รักจริง
มันดีมากๆในเรื่องของความค่อยพัฒนาเป็นคนรัก
เป็นกำลังใจให้นะคะ อ่านแล้วรู้สึกใจเย็นแปลกๆ
คนเขียนเก่งมากๆเลยค่ะ :)
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: AgotoZ ที่ 15-12-2018 22:54:06
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: tong_x_zhi ที่ 18-12-2018 06:44:53
สวัสดีครับ  เพิ่งเข้ามาอ่าน เรื่งนี้เป็นเรื่องที่อ่านได้เรื่อยๆ แลัะค่อยๆเพิ่มความน่ารักลงไป อาจไม่มีความหวือหวามากแต่ก็มีความสนุก น่ารัก และชวนใหอ่านครับ  ตัวเอกดูแมนๆทั้งคู่ น่าจะถูกใจหลายๆคน รวมมั้งเราเองด้วย  ขอบคุณที่แต่งเรื่องนี้มาใหอ่านนะครับ

ปล. ถ้าน้องมัณฑนากรสาวสวย รู้ว่าคนในภาพที่ตัวเองถ่ายเป็นเซเลปในเว็บบอร์ด คงกรี๊ด ฟินน่าดูกว่าเดิมเนอะ

เป็นกำลังให้ในผลงานต่อๆไปนะครับ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: ChaniiNoiy ที่ 06-01-2019 10:51:05
เป็นเรื่องแรกในเว็บที่อ่านซ้ำ 2 รอบ แล้วยังคงรู้สึกอบอุ่น และอบอวลไปด้วยความรัก ความรู้สึกดีๆ ของตัวละคร ทุกตัวอักษรส่งผ่านความรู้สึกมาถึงคนอ่านเสมอ ขอบคุณคนเขียนนะคะ เป็นนิยาย feelgood ที่ทำให้ยิ้มตามได้ทั้งเรื่องเลย เดี๋ยวจะไปซ้ำรอบ 2 เรื่องอื่นของคุณ ถธปทฟ.ค่ะ
หัวข้อ: Re: สำรวจความต้องการ reprint นิยาย "ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า" (26-03-2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า ที่ 26-03-2019 17:05:00
สำรวจความต้องการ reprint นิยาย "ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า" ค่ะ https://forms.gle/2mBAsYcjnmvivVSX6 (https://forms.gle/2mBAsYcjnmvivVSX6)
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: mareeyah ที่ 23-04-2019 18:55:35
อ่านแล้วละมุนอบอุ่นหัวใจมากๆเลยค่ะ
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: punper ที่ 30-06-2019 01:41:44
สวัสดีค่ะ เราชอบนิยายของคุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้ามากเลย เป็นแฟนคลับลับๆมานาน ไม่ค่อยได้คอมเม้นหรือให้กำลังใจ ขออภัยด้วยค่ะ นิยายที่แต่งทุกเรื่องมันดูจริง เป็นชีวิตประจำวันของผู้คน ชอบทุกเรื่องเลย อยากเป็นหนึ่งกำลังใจให้คุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้าเขียนนิยายดีๆแบบนี้ต่อไปค่ะ ปล.อยากไปเที่ยวกาดกองต้า อยากไปลำปางสักครั้ง เพราะอ่านคุณบุรุษไปรษณียเลย 555 
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 19-07-2019 19:22:04
 :-[
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: ชายกุมภ์ ที่ 14-08-2019 17:25:35
รักโทนสบายๆของนิยายเรื่องนี้ครับ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 31-07-2020 10:13:12
ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีครับ
เพิ่งมีโอกาสเข้ามาอ่านวางไม่ลงจริงๆ เป็นนิยายที่อ่านแล้วดีต่อใจจังเลยครับ
ขอบคุณผู้แต่งสำหรับเรื่องดีดีแบบนี้นะครับ
หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: SeventeenCarat ที่ 25-08-2022 00:54:52
เป็นนิยายที่ดีมากกกกกกกกกกกก Feel Good สุดๆ

คือคำพูดคำจา การกระทำ บท มันละมุนละไมไปหมด 

ตังนี่ผู้ชายในฝันเลย รักมั่นคงมาก จ้าก็นิสัยน่ารักนะ

ดิวแอบน่าสงสารนะคนไม่ใช่พยายามยังไงก็ไม่ใช่

ส่วนนนท์คือไม่น่าจะให้เค้ารอนะ นานไปป่ะ เห้อ

จริงๆพาร์ทย้อนอดีต น่าจะมีเวลากำกับ หรือไม่ก็เปลี่ยนสีฟ้อนต์ หรือไม่ก็ตัวหนาตัวเอียง

เพราะบางทีอ่านแล้วแบบ อ้าว ย้อนอดีตอยู่หรอเนี้ย แรกๆ งงเลย 55

 :pig4: o13 :impress2:


หัวข้อ: Re: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 03-09-2022 19:12:35
น่ารักอ้ะ ชอบบบบบบบ :katai2-1: :katai2-1: