ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า (ส่งท้าย : ถ้าเรายังคิดถึงกัน) 28-12-2558 หน้า 22  (อ่าน 331709 ครั้ง)

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
อ่านๆ ไปก็ชักอยากจะไปตามรอยสองคนนั้นแล้วล่ะ...  :กอด1:

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
2 คนนี้น่ารักและอบอุ่นเหมือนพระอาทิตย์ช่วงสายๆ น่าร๊ากกกกกกกกกจ้า

babaaa

  • บุคคลทั่วไป
ตังนี่หยอดตลอดดด
จะรอไปเที่ยวกับจขกท. และตังจ้า นะ

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
 :-[ อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่นไปถึงหัวใจเลยค่ะ

ออฟไลน์ มะมะมะหมิว

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
ชอบเรื่องนี้มากๆเลยยยยยยย ตังเป็นผู้ชายที่กวนแต่ก็แฝงไปด้วยความอบอุ่น :impress2:
จ้าก็เหมือนจะเย็นชาแต่ก็น่ารักมากๆๆๆๆ  :o8:

aekporamai2

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ LEO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-3
เพิ่งอ่านจบครับ

ชอบเวลาตังไปโพส์ตที่เวบบอล์ด แล้วมีคนอื่อนๆมาแสดงความเห็น มาแซวๆ

เรื่องง่ายๆ เรื่อยๆ บนพื้นฐานความจิง สัมผัสได้

ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
เชื่อแล้วล่ะว่าตังลิขิต ทำขนาดนี้ ไม่รักไม่ซึ้งได้ไง

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Loste

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 430
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
รู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้อ่าน :กอด1:

ออฟไลน์ =นีรนาคา=

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +296/-6
ชอบคู่นี้อ่ะ ให้ความรู้สึกอบอุ่นดี
 :กอด1:

ออฟไลน์ Hikaru23

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ชอบเรื่องนี้มากกก อ่านได้เรื่อยๆ ดำเนินเรื่องเรียบง่ายแต่มีเสน่ห์ ชอบมากค่ะ :L2:

ออฟไลน์ mm03

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
น่ารักมากกกก
อบอุ่น อิ่มเอม
ยิ้มตามบทสนทนาที่สื่อสารกันเลยค่ะ
ทั้งๆที่สถานที่อยู่ในเมืองใหญ่น่าจะวุ่นวายเร่งรีบ
แต่บรรยากาศระหว่าง  2 คนกลับค่อยเป็นค่อยไปละมุนละไม

เพ้อ...จ้า
>//<

ออฟไลน์ TK323

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โครตชอบเรื่องนี้เลยยยยยยย มันละมุนอย่างบอกไม่ถูก ชอบผู้ชายอย่างตังน่ารักอบอุ่น
ชอบเคะอย่างจ้าด้วยไม่อ้อนแอ้น ออกจะแมนๆด้วยซ้ำ น่ารักกกกกกกกก :m11:

ออฟไลน์ Infinity 888

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-7
ชอบเรื่องนี้นะ เสียดายเพิ่งได้เข้ามาอ่าน
เนื้อเรื่องอบอุ่นมาก สบายๆอ่านแล้วมีความสุข
ชอบตัง มีโอกาสเป็นหยอดจ้าตลอด ทำอาชีพเสริมขายขนมครกได้นะ ฮา
ดีจังที่จ้าเลือกตัง ถึงไม่รวยมากมายแต่เรารู้สึกได้ว่าจ้าจะมีความสุขไปตลอดกับคนนี้
"ตังลิขิต"
 :pig4: นักเขียนที่เขียนเรื่องราวดีๆมาให้อ่านคะ

SciOn

  • บุคคลทั่วไป
เป็นนิยายอีกเรื่องที่อ่านแล้วรู้สึกชอบมาก ตั้งแต่เริ่มเรื่องจนถึงตอนสุดท้าย
ไม่ต้องหวือหวามาก แต่อ่านแล้วเขิน ^//////^
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ อยากให้มาต่อตอนพิเศษเรื่อยๆจัง แฮ่ๆๆๆๆ

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
โอ้วว น่ารัก แม้ตอนนี้มันจะเสี่ยวเพราะตังอยู่สักหน่อยคึคึเราจะรอตอนต่อไปน้า

ออฟไลน์ My_Rain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อ่านรวดเดียวจบจ้าาาาา.  อบอุ่นมากกกๆ ตอนอ่านนี่ความรู้สึกเหมือนแสงพระอาทิตย์กำลังจะตกตอนเย็นๆ (มโนเอง) 555

ไม่นึกว่าตังจะได้เจอกับจ้าก่อนหน้างานแต่งซะอีก โรแมนติกมากๆ  อยากไปตามรอยตังจ้าที่สวนสนเลย

 :mew1:

lew_valen_tom

  • บุคคลทั่วไป
มานั่งอ่านจนจบ ชอบมากเลยค่ะ

อ่านไปอมยิ้มไป เขินไป

บอกตัวเองว่าทำไมถึงพลาดนิยายเรื่องนี้ ฮ่าๆๆ

จะรอตอนพิเศษเรื่อยๆนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ k_U_K_K_I_K

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
บอกเลยเป็นนิยายที่ feel good มากกก

ชอบ รักเลยเรื่องนี้ เป็นกำลังใจให้กับงานเขียนดีดีอย่างนี้ค่ะ

ออฟไลน์ nokkaling

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
ตัง+จ้า คู่นี้น่ารัก อบอุ่น  :heaven :heaven

ออฟไลน์ BP109

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-0
เรื่องนี้เหมือนจะเรื่อยๆ ไม่หวือหวา แต่อบอุ่นมาก อ่านไปอมยิ้มไปแทบทุกตอน

ทั้งจ้า และตัง ให้ความรู้สึกเหมือนคนจริงๆ มีอารมณ์ของความเป็นมนุษย์มากจนแทบสัมผัสตัวได้

แอบคิดไม่ได้ว่า หรือจ้ากับตังจะมีตัวตนอยู่จริงๆก็เป็นได้ ต่อไปนี้เวลาขึ้นรถไฟฟ้า คงต้องลองมองหาหนุ่มหน้าตาดีมีกล้องถ่ายรูปซะแล้ว ^ ^

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
ตังกับจ้าทำเราเขินได้ตลอดเลย

ออฟไลน์ Ball

  • He exists now only in my memory.
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +239/-0
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ อยากบอกว่าชอบมากกกกก
อ่านแล้วละมุนอุ่นๆในใจที่สุด

ออฟไลน์ urmein

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 871
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-2
ขอบคุณสำหรับนิยาย Feel Good มากๆๆๆๆ ค่ะ
อ่านแล้วมีความสุขมากจริงๆ
แต่ขอสารภาพว่าอ่านช่วงแรกๆ ระบุฝั่งผิด กร๊ากกกกกกกกกกกกก

ขอติดตามตอนพิเศษต่อไปเรื่อยๆนะคะ
ชอบเที่ยวเหมือนกัน อ่านแล้วรู้สึกได้ตามสองคนนี้ไปเที่ยวด้วยค่ะ
 :L2:

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
ตอนพิเศษ : หลักกิโลเมตรที่ 3 (เรื่องที่ยังไม่ได้บอก)






รถเก๋งสีดำของตฤณกรค่อย ๆ ขับลัดเลาะไปตามไหล่เขาที่แสนจะคดโค้งของเทือกเขาถนนธงชัยโดยใช้เส้นทางเชียงใหม่ ปาย แม่ฮ่องสอน ระหว่างทางทั้งคู่แวะพักถ่ายรูปตามสถานที่ท่องเที่ยวรายทางทั้งที่อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดังและอำเภอปายจนกระทั่งถึงตัวเมืองแม่ฮ่องสอนในตอนบ่ายแก่ ๆ ของวันเสาร์ก่อนจะเข้าพักที่เกสต์เฮาส์แห่งหนึ่งใกล้กับวัดจองคำที่ได้จองเอาไว้ล่วงหน้า




“ยินดีด้วย คุณคือผู้พิชิต 1,864 โค้ง” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นเมื่อรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถภายในเกสต์เฮ้าส์



“ไม่มีรางวัลเหรอ” คนตัวสูงที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยเอ่ยขึ้น จากนั้นจึงยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ พร้อมกับทำแก้มป่อง ในขณะที่เจ้าของประโยคแสดงความยินดีเมื่อครู่มองเขาอย่างหมั่นไส้ก่อนจะยกนิ้วเรียวขึ้นจิ้มที่แก้มของคนข้าง ๆ



“เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปขอเกียรติบัตรให้” พูดจบอาทิตย์ทัศน์ก็เปิดประตูลงจากรถก่อนจะมองสำรวจรอบ ๆ พื้นที่ภายในบริเวณของเกสต์เฮ้าส์ถูกแบ่งเป็นส่วน ๆ อย่างลงตัว มีทั้งพื้นที่ของสวน ที่จอดรถและที่พัก โดยมีทั้งส่วนที่เป็นตึกสองชั้นซอยย่อยเป็นห้องพักและมีบ้านเป็นหลัง ๆ ให้ผู้มาติดต่อได้เลือกเข้าพัก อาทิตย์ทัศน์เดินตรงไปยังบ้านหลังแรกที่อยู่ใกล้ประตูทางเข้าซึ่งรถขับผ่านเข้ามาเมื่อสักครู่ ที่หน้าบ้านมีเคาน์เตอร์ต้อนรับที่ทำแบบง่าย ๆ โดยมีหญิงวัยกลางคนซึ่งคาดว่าจะเป็นเจ้าของเกสต์เฮ้าส์กำลังนั่งส่งยิ้มมาให้


“วันนี้มีถนนคนเดินนะจ๊ะ” คุณป้าเจ้าของเกสต์เฮ้าส์กล่าวอย่างมีไมตรีก่อนจะส่งกุญแจห้องให้


“ขอบคุณครับ” อาทิตย์ทัศน์ตอบยิ้ม ๆ ก่อนจะรับกุญแจห้องมา


ชายหนุ่มเจ้าของลักยิ้มเล็ก ๆ เดินกลับไปหาตฤณกรซึ่งกำลังขนสัมภาระลงจากรถอีกครั้ง “ผมคิดว่าคุณจะจองสองห้องเสียอีก” อาทิตย์ทัศน์กล่าวพร้อมกับดึงเป้สะพายหลังของตัวเองจากมือของร่างสูง



“กลัวผมทำมิดีมิร้ายหรือไง” ตฤณกรหัวเราะขณะสะพายเป้ของตัวเองขึ้นหลัง



“ผมกลัวคุณอึดอัดต่างหาก เห็นคุณป้าเจ้าของเกสต์เฮ้าส์เขาบอกว่ามันเป็นห้องเตียงเดี่ยว” อาทิตย์ทันศน์กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ก่อนจะเดินหนี



ริมฝีปากหยักยกยิ้มก่อนจะกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปขนาบข้าง “ผมไม่อึดอัดหรอก น่าจะอุ่นดีเสียด้วยซ้ำ”



คนตัวเตี้ยกว่าเหลือบมองร่างสูงที่เดินอยู่ข้าง ๆ เล็กน้อย คำพูดที่จบลงไปเมื่อสักครู่กับรอยยิ้มน่ารักของเขาทำเอารู้สึกเห่อร้อนไปทั้งใบหน้า ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเวลาที่อยู่ใกล้ ๆ กันทีไรมันมักจะเกิดอาการแปลก ๆ ถ้าไม่วูบไหว หัวใจก็เต้นแรงอย่างนี้ทุกทีไป...







“เดี๋ยวเย็น ๆ เราไปเดินเล่นแถวนี้กันนะคุณ” ร่างสูงที่เปลือยท่อนบนเอ่ยขึ้นก่อนจะถือผ้าเช็ดตัวเดินเข้าไปในห้องน้ำ



อาทิตย์ทัศน์หยิบกล้องดิจิตัลตัวเก่งออกมาจากกระเป๋าก่อนจะนั่งขัดสมาธิลงบนเก้าที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง นิ้วเรียวค่อย ๆ กดปุ่มเพื่อเช็คความเรียบร้อยของเมมโมรีและแบ็ตเตอรี่ พักใหญ่ ๆ ตฤณกรที่สวมเพียงผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนเดียวก็เดินออกมาจากห้องน้ำ หยดน้ำเล็ก ๆ เกาะพราวที่ผิวขาวเนียนตามแบบฉบับหนุ่มชาวเหนือ อาทิตย์ทัศน์เงยหน้าขึ้นมองร่างสูงเจ้าของมัดกล้ามเล็ก ๆ  ที่แสดงว่าเป็นคนออกกำลังกายอยู่บ้างก่อนจะกลับมาสนใจที่กล้องดิจิตัลในมือเหมือนเดิม   



“มองแบบนี้ผมเขินนะคุณ” เจ้าของใบหน้าระบายยิ้มกล่าวขณะก้มหน้าก้มตาหยิบเสื้อผ้าออกจากเป้สะพายหลังที่วางอยู่บนเตียง



อาทิตย์ทัศน์ไม่ได้ตอบอะไร เขาวางกล้องลงที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งก่อนจะลุกขึ้นถอดเสื้อกันหนาวตัวหนาออกเผยให้เห็นผิวเนียนละเอียดภายใต้เสื้อยืดสีเข้มพอดีตัว จากนั้นมือเรียวก็ค่อย ๆ เอื้อมปลดเข็มขัดก่อนจะเปลี่ยนมานุ่งผ้าขนหนู จากนั้นจึงถอดเสื้อเสื้อยืดออกเหลือเพียงแต่อกเปลือยเปล่า



“เฮ้ย! ทำอะไรน่ะคุณ” ตฤณกรร้องเสียงหลง



“ก็อาบน้ำไง”



“แล้วทำไมไม่ไปถอดในห้องน้ำ”



“อ้าว ทีคุณยังไม่เห็นไปถอดในห้องน้ำเลย แล้วจะโวยวายทำไมผมก็เป็นผู้ชายเหมือนคุณแท้ ๆ” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะเดินมาหยิบเสื้อผ้าที่เตรียมไว้บนเตียง



จริงอย่างที่คนตัวเล็กกว่าว่า เขาทั้งคู่ต่างก็เป็นผู้ชายด้วยกัน ตฤณกรมองคนตรงหน้าแว้บหนึ่ง รู้สึกว่าทำไมเวลานี้หัวใจมันถึงได้เต้นดังโครมครามผิดปกติ เอวคอดเล็กน้อยรับกับไหล่กว้างและผิวเนียนละเอียดนั่นทำเอาไม่อยากจะละสายตาไปไหน แต่ในที่สุดร่างสูงก็ตัดสินใจหันหลังให้



อาทิตย์ทัศน์มองแผ่นหลังกว้างของคนตัวสูงก่อนจะยิ้มที่มุมปาก นึกอยากแกล้งเขาขึ้นมาบ้างหลังจากเป็นฝ่ายโดนแกล้งมาหลายครั้ง



“ทำไม เขินเหรอ” ปากบางขยับหัวเราะเบา ๆ



“เขินที่ไหนกับครับ คนอย่างผมไม่เคยเขินอยู่แล้ว” คนตัวสูงกล่าวตะกุกตะกักทั้งที่ยังหันหลัง



“ถ้าไม่เขินแล้วทำไมต้องหันหลังคุยกับผมด้วยล่ะ” อาทิตย์ทัศนกล่าวอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเดินผ่านร่างสูงไปยังห้องน้ำ



ตาคมจ้องมองแผ่นหลังของคนตัวเล็กกว่าที่กำลังเดินห่างออกไปก่อนจะเอ่ยขึ้น “เดี๋ยวก่อนสิครับ” สิ้นเสียงนั้นมืออุ่น ๆ ก็คว้าข้อมือของคนตรงหน้าเอาไว้ ตฤณกรยิ้มก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ ๆ “นี่ตั้งใจจะแกล้งให้ผมเขินใช่ไหม เดี๋ยวคุณจะโดนเอาคืนไม่ใช่น้อย”



“แล้วเขินจริงหรือเปล่า” อาทิตย์ทัศน์กล่าวสั้น ๆ เพียงไม่ถึงอึดใจเขาก็รู้สึกได้ถึงไออุ่นจากอกแกร่งที่แนบลงกับแผ่นหลัง มือหนาค่อย ๆ สอดผ่านเอวคอดและกอดเขาเอาไว้จากด้านหลัง



ริมฝีปากหยักขยับอีกครั้ง “เขินจะแย่”



“จะเขินทำไม ผมก็เป็นผู้ชาย คุณเองก็เป็นผู้ชาย” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะพยายามดึงมือที่เกาะเกี่ยวกันไว้ออกจากเอวของตัวเอง



“มันก็ใช่เรื่องที่คุณก็เป็นผู้ชายและผมก็เป็นผู้ชาย” ร่างสูงกล่าวพร้อมกับกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น “แต่ผมอยากให้คุณรู้ไว้ว่าผมน่ะ เป็นผู้ชายที่คิดไปไกลกับคุณ”



พูดจบปลายจมูกโด่งก็สัมผัสลงกับบ่าเปลือยเปล่าของคนตรงหน้า จากนั้นจึงค่อย ๆ ลากไล้ไปตามลำคอระหงและไปหยุดที่ข้างหูก่อนจะกระซิบเบา ๆ “นอกจากผมแล้วห้ามไปทำแบบนี้ต่อหน้าใครนะ รู้ไหม”



เพียงเสียงกระซิบแผ่วเบา แต่ทำเอาหัวใจคนฟังสั่นสะเทือนจนแทบจะหลุดออกมานอกอก พวงแก้มใสค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อพร้อมกับความรู้สึกวูบไหวอย่างบอกไม่ถูก อาทิตย์ทัศน์แทบอยากจะเขกศีรษะตัวเอง เพราะกลายเป็นเขาเองที่เขินไม่เป็นท่า


“ปล่อยได้แล้ว ผมจะไปอาบน้ำ” คนตัวเล็กกว่ากล่าวห้วน ๆ ก่อนจะขยับตัวออกจากพันธนาการที่ทำให้เขาแทบไปไหนไม่รอดนั้น....




....








ร่างสูงที่นอนอยู่บนเตียงค่อย ๆ ปรือตาขึ้นเมื่อได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่คุ้นเคย ตฤณกรยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู ความเหนื่อยล้าจากการขับรถทำให้เขาเผลอหลับไปเกือบสองชั่วโมง อาทิตย์ทัศน์ในชุดเตรียมพร้อมสำหรับออกไปเดินเล่นในค่ำคืนที่อากาศหนาวยังคงนั่งขัดสมาธิอ่านหนังสืออยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง



“ทำไมคุณไม่ปลุกผมล่ะครับ” ตฤณกรกล่าวพร้อมกับลุกขึ้น ในขณะที่คนตัวเล็กกว่าค่อย ๆ วางหนังสือลงบโต๊ะเครื่องแป้งก่อนจะหันมาตอบคำถามของเขา



“ก็เห็นว่าคุณไม่ได้นอนทั้งคืน”



“คุณก็เลยต้องมานั่งรอผม” เจ้าของร่างสูงกล่าวพร้อมกับขยับตัวยืดเส้นยืดสาย



“ทีคุณยังรอผมได้เลย” อาทิตย์ทัศน์ลุกขึ้นพร้อมกับหยิบกล้องขึ้นมาคล้องคอ



“เถียงคำไม่ตกฟากจริง ๆ” ตฤณกรส่ายหน้ายิ้ม ๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินตามกันออกจากห้องไป




จากเกสต์เฮ้าส์เดินมาตามถนนสายเล็ก ๆ ไม่นานก็ถึงวัดจองคำที่อยู่บริเวณริมหนองจองคำซึ่งเป็นที่ตั้งของถนนคนเดิน ดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า จากหนองจองคำนี้สามารถมองเห็นยอดของพระธาตุดอยกองมูอยู่ไกล ๆ  อาทิตย์ทัศน์และตฤณกรเดินไปตามถนนสายเล็ก ๆ รอบหนองน้ำที่ขณะนี้เต็มไปด้วยร้านรวงมากมายในขณะที่ท้องฟ้าเริ่มมืดลงทุกขณะ หากมองกลับไปยังผืนน้ำนิ่งราวกระจกใสจะเห็นเงาสะท้อนแสงไฟของเจดีย์วัดจองคำและเจดีย์วัดจองกลางซึ่งตั้งอยู่ภายในรั้วเดียวกันเป็นภาพที่สวยงามจนอาทิตย์ทัศน์อดไม่ได้ที่จะยกกล้องขึ้นมาบันทึกภาพ....



สองหนุ่มเดินมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาหยุดที่ร้านขายโปสการ์ดแบกะดินร้านหนึ่ง



“ซื้อโปสการ์ดส่งถึงเพื่อน พี่ น้อง หรือจะส่งถึงแฟนได้นะคะ” สาวน้อยเจ้าของร้านเอ่ยขึ้น



“ใบละเท่าไรครับ” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นก่อนจะนั่งลงเลือกโปสการ์ดซึ่งเป็นภาพถ่ายสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดแม่ฮ่องสอน



“ใบละสิบบาทค่ะ”



“ส่งให้ใครน่ะ” ตฤณกรที่นั่งลงข้าง ๆ เอ่ยขึ้น



“ซื้อส่งให้ขวัญ แล้วก็พี่จิต พี่วิช แล้วก็อาจารย์ชนะชัย” คนตัวเล็กกว่าตอบก่อนจะส่งเงินให้สาวน้อยเจ้าของร้านสำหรับโปสการ์ดสี่ใบ



“นั่งเขียนที่หลังร้านได้นะคะพี่”



เมื่อได้ฟังดังนั้นอาทิตย์ทัศน์จึงเดินอ้อมไปนั่งลงที่โต๊ะญี่ปุ่นหลังร้านโดยมีตฤณกรเดินตามไปนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม


“แล้วไม่เขียนส่งให้แฟนบ้างเหรอครับ” คนที่กำลังนั่งท้าวคางมองเอ่ยขึ้น



“มาด้วยกันจะต้องเขียนทำไม” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะเริ่มลงมือเขียนโปสการ์ดทีละใบโดยไม่ได้สนใจคนที่กำลังทำหน้ามุ่ยที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

 

หลังจากเขียนโปสการ์ดเรียบร้อยแล้วทั้งคู่ก็เดินต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งสุดถนนซึ่งเป็นที่ตั้งของที่ทำการไปรษณีย์แม่ฮ่องสอน อาทิตย์ทัศน์จัดการหย่อนโปสการ์ดทั้งหมดลงในตู้ก่อนจะหันมาหาคนที่ยืนอยู่ด้านหลังซึ่งกำลังเงยหน้ามองตึกที่อยู่ตรงหน้า



“บุรุษไปรษณีย์ที่นี่คงมีความสุขเนอะคุณ” ตฤณกรเอ่ยขึ้น



“ทำไมคุณถึงคิดแบบนั้นล่ะ”



“ก็เพราะว่าเขาเป็นคนนำพาความคิดถึงไปส่งให้ถึงคนที่ปลายทางของโปสการ์ดแต่ละใบน่ะสิครับ ความคิดถึงของใครหลายคนคงกำลังหยุดพักอยู่ที่นี่เพื่อรอเดินทางต่อ”



“อืม ก็จริงของคุณ” อาทิตย์ทัศน์ยิ้มให้ก่อนที่เสียงเพลงลูกทุ่งจังหวะสนุก ๆ ที่กำลังได้รับความนิยมจะดังขึ้น



สองหนุ่มเดินย้อนกลับไปตามเสียงเพลงนั้นก่อนจะพบบรรดาหมู่ไทยมุงตรงหัวมุมถนน เมื่อเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ตฤณกรก็ประหลาดใจไม่น้อยเมื่อภาพที่เห็นคือเหล่าหนูน้อยในชุดชาวเขาอายุไม่น่าจะเกินสิบขวบพร้อมเครื่องดนตรีในมือกำลังร้องเพลงและเล่นดนตรีกันอย่างสนุกสนาน อุปกรณ์ต่าง ๆ ก็เป็นแบบเดียวกับวงดนตรีของผู้ใหญ่ทั้งสิ้น ที่พื้นถนนมีกล่องใบเล็ก ๆ ให้ผู้ที่เดินผ่านไปผ่านมาได้ใส่เงินเพื่อเป็นรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับความเก่งของเด็ก ๆ เหล่านี้



“เก่งเนอะ” คนตัวสูงเอ่ยขึ้นก่อนจะยกโทรศัพท์มอถือขึ้นมาอัดวิดีโอเอาไว้



อาทิตย์ทัศน์มองไปรอบ ๆ สิ่งที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้คือรอยยิ้มของผู้ใหญ่และวัยรุ่นหญิงชายที่พากันหยุดดูอย่างชื่นชม



ครู่หนึ่งหลังจากเสียงดนตรีเงียบลง เด็กผู้ชายรูปร่างปุ๊กลุกที่ยืนกอดกีตาร์เบสอยู่ก็เอ่ยขึ้นเมื่อครอบครัวของชาวต่างชาติครอบครัวหนึ่งกำลังเดินจูงมือกันผ่านมา



“Hey you!!!” เจ้าของแก้มยุ้ยเอ่ยขึ้นแบบไม่ได้หวังว่าจะมีการตอบสนองใด ๆ จากคนที่เพิ่งได้พบกัน แต่เด็กหญิงผมทองตัวน้อยที่กำลังเดินตามผู้เป็นพ่ออยู่กลับหันมายิ้มให้พร้อมกับเอ่ยขึ้น



“สวัสดีค่ะ”



เพียงประโยคสั้น ๆ ของเธอก็ทำเอาบรรดาเด็ก ๆ ในวงดนตรีตื่นเต้นยกใหญ



“เฮ้ย พูดภาษาไทยได้ด้วย” เจ้าหนูคนเดิมเอ่ยขึ้นกับเพื่อน ๆ



อาทิตย์ทัศน์ยิ้มก่อนจะกระตุกมือคนข้าง ๆ ให้เดินต่อ สองหนุ่มเดินตามครอบครัวชาวต่างชาตินั้นไปในขณะที่มีรถจักรยานยนต์คันหนึ่งขี่สวนทางมาทำให้หลายคนที่กำลังเดินซื้อของกันอยู่ต้องแอบเข้าข้างทาง



“ขอโทษนะครับ” เจ้าของรถจักรยานยนต์เอ่ยขึ้นอย่างสุภาพเมื่อรู้ว่าตนเองกำลังสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น



“ไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มผมทองร่างสูงใหญ่ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวเอ่ยขึ้นอย่างยิ้มแย้มท่ามกลางความแปลกใจของหลาย ๆ คนที่เดินอยู่ใกล้ ๆ









“ยิ้มอะไรของคุณ” อาทิตย์ทัศน์หันไปถามคนข้าง ๆ



“น่ารักดีเนอะคุณ” คนตัวสูงกล่าวในขณะที่สายตายังคงจ้องมองที่ครอบครัวแสนน่ารักครอบครัวนั้น ที่พ่อ แม่ และลูก ๆ กำลังเดินจูงมือกันไปตามถนนสายแคบ ๆ ท่ามกลางผู้คนมากมาย โดยมีพ่อคอยเดินนำและมีแม่เดินตามหลังเพื่อระวังความปลอดภัยให้ลูกสาวและลูกชายตัวน้อย ๆ “ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยได้จับมือพ่อกับแม่แบบนี้เลย”



อาทิตย์ทัศน์เงยหน้าขึ้นมองคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะกล่าวขึ้น “ถ้ากลัวหลงก็จับมือพี่ได้นะน้อง”



คำพูดติดตลกของคนตัวเล็กกว่าเรียกร้อยยิ้มของตฤณกรได้ไม่น้อย คนตัวสูงแกล้งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ ๆ ก่อนจะใช้ปลายนิ้วก้อยเกี่ยวนิ้วก้อยของคนข้าง ๆ เอาไว้แล้วเดินไปด้วยกัน...







วันต่อมาอาทิตย์ทัศน์และตฤณกรขับรถตระเวนเที่ยวตามสถานที่สำคัญ ๆ ในตัวเมืองแม่ฮ่องสอนจนทั่วก่อนจะมุ่งหน้าสู่อ่างเก็บน้ำเล็ก ๆ ซึ่งจะเป็นที่พักแรมของพวกเขาในคืนนี้


“นี่ใจอคอจะฟังเพลง ๆ เดียวแบบนี้ไปจนถึงวันกลับเลยหรือไง” อาทิตย์ทัศนเอ่ยขึ้นกับชายหนุ่มที่กำลังใช้นิ้วเคาะพวงมาลัยอย่างอารมณ์ดีตามทำนองเพลงที่ดังมาจากเครื่องเสียงติดรถจน



“ก็ดีเหมือนกันนะคุณ” ตฤณกรยิ้ม “เวลาไปได้ยินเพลงนี้ที่ไหน คุณจะได้นึกถึงผม นึกถึงตอนที่เรามาเที่ยวแม่ฮ่องสอนด้วยกันไง”



“คุณนี่มันแปลกคนจริง ๆ” อาทิตย์ทัศน์ส่ายหน้าก่อนจะทอดสายตามองแนวทิวเขาสลับซับซ้อนที่อยู่ข้างทาง....



ตฤณกรขับรถไปตามถนนสายแคบ ๆ ที่ตัดผ่านป่าเขา พื้นที่ทำการเกษตรและบ้านเรือนของชาวบ้านโดยค่อย ๆ ไต่ระดับความสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาถึงโครงการพระราชดำริปางตอง 2 หรือที่รู้จักกันชื่อ ‘ปางอุ๋ง’ ในตอนบ่ายแก่ ๆ ของวันอาทิตย์ วันนี้มีคนมาจับจองพื้นที่สำหรับกางเต็นท์มีไม่มากอย่างที่คิด นั่นคงเป็นเพราะไม่ใช่ช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลสำคัญ ๆ ชายหนุ่มเจ้าของรถขับวนหาที่เหมาะ ๆ เพื่อกางเต็นท์ ในที่สุดทั้งคู่ก็ตกลงกันว่าจะกางเต็นท์บริเวณเนินเตี้ย ๆ ใต้ต้นสนริมอ่างเก็บน้ำ



“คุณไปเดินถ่ายรูปเล่นก่อนก็ได้นะเดี๋ยวผมกางเต็นท์เอง” คนตัวสูงกล่าวขณะเปิดท้ายรถเพื่อหยิบกระเป๋าใส่เต็นท์พับออกมา



“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมช่วย” พูดจบอาทิตย์ทัศย์ก็เดินไปยกกล่องพลาสติกที่ใส่เครื่องนอนออกมาจากท้ายรถก่อนจะเดินตามคนตัวสูงกลับไปยังจุดกางเต็นท์



เวลาผ่านไปไม่นานนักเต็นท์ที่ทั้งคู่ช่วยกันกางก็เสร็จเรียบร้อย อาทิตย์ทัศน์วางกระเป๋ากล้องก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนผืนหญ้าข้าง ๆ ตฤณกรเพื่อมองดูดวงอาทิตย์ที่กำลังเคลื่อนคล้อยต่ำลงอยู่ในแนวเดียวกับยอดสนในขณะที่อากาศรอบตัวเริ่มเย็นลงทุกขณะ ชายหนุ่มเปิดกระเป๋าเพื่อหยิบกล้องออกมาเปลี่ยนเป็นเลนส์ซูมเพื่อบันทึกภาพหงส์สีดำสองตัวที่กำลังไซ้ขนอยู่ใกล้ ๆ กันบนผืนน้ำราบเรียบเบื้องหน้า ห่างไปไม่ไกลมีแพไม้ไผ่หลายลำที่สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ประมาณ 2-3 คน กำลังลอยเอื่อย ๆ อยู่กลางอ่างเก็บน้ำท่ามกลางสายหมอกยามเย็น เสียงชัตเตอร์ดังขึ้นเป็นระยะ ๆ จนกระทั่งเสียงเครื่องยนต์จากรถจิ๊ปที่แล่นมาตามทางบนไหล่เขาดังขึ้น



อาทิตย์ทัศน์วางกล้องลงบนตักก่อนจะมองตามสายตาของคนตัวสูงกว่าที่กำลังมองไปยังบริเวณที่พวกเขาจอดรถ ซึ่งตอนนี้ข้าง ๆ กันมีจิ๊ปคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดเทียบ เพียงครู่เดียวชายวัยกลางคนผู้หนึ่งก็เปิดประตูลงมาก่อนจะเดินอ้อมไปเปิดท้ายรถ จากนั้นจึงหอบอุปกรณ์สำหรับกางเต็นท์ลงมาวางกองไว้ อาทิตย์ทัศน์ประมาณด้วยสายตาชายผู้นี้น่าจะอายุมากกว่าแม่ของเขาอยู่หลายปี แม้ผมจะแซมด้วยสีขาวกว่าครึ่งของศีรษะแล้วแต่เขาก็ยังดูกระฉับกระเฉงกว่าคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกันอีกหลายคนนัก



“มาคนเดียวเหรอครับคุณลุง” ตฤรกรกล่าวกับชายวัยกลางคนที่กำลังเดินหาทำเลดี ๆ สำหรับกางเต็นท์



ชายวัยกลางคนยิ้มให้ก่อนจะตอบ “มากับภรรยาแล้วก็ลูกสาวครับ แต่เขามาอีกคัน ผมมาถึงก่อนก็เลยว่าจะหาที่กางเต็นท์ไว้รอ นี่ก็ก็ว่าจะกางตรงที่ว่างระหว่างต้นสนสองต้นนั้นน่ะครับ” นิ้วมือที่เริ่มปรากฏริ้วรอยแห่งกาลเวลาชี้ไปที่พื้นที่ว่างที่อยู่ห่างจากเต็นท์ของสองหนุ่มไปไม่ไกลนัก



อาทิตย์ทัศน์เก็บกล้องใส่กระเป๋าก่อนจะลุกขึ้น “ถ้าอย่างนั้นผมไปช่วยขนของนะครับ” ชายหนุ่มกล่าวก่อนจะเดินตามคุณลุงที่เพิ่งได้พบกันไปที่รถของเขา



“จ้า เดี๋ยวผมยกเอง” ตฤณกรที่เดินตามมาสมทบกล่าวกับชายหนุ่มที่กำลังก้มลงยกกล่องใส่อุปกรณ์สำหรับหุงต้ม ก่อนจะแย่งหน้าที่ของเขามาทำเสียเอง



“สองคนมาจากไหนกันล่ะ” คุณลุงถามขึ้นขณะกำลังลงมือกางเต็นท์



“มาจากกรุงเทพฯ ครับ” อาทิตย์ทัศน์กล่าว “แล้วคุณลุงล่ะครับมาจากไหน”



“ผมมาจากอุทัยธานี ส่วนภรรยากับลูกสาวเขาขับมาจากกรุงเทพฯ เดี๋ยวอีกสักพักก็คงจะถึงแล้วละ”




สองหนุ่มนั่งคุยเป็นเพื่อนคุณลุงที่เพิ่งได้พบกันสักพักก่อนจะแยกตัวออกมา



“เดี๋ยวผมไปอาบน้ำก่อนนะ” ตฤณกรเอ่ยขึ้นก่อนจะคว้าอุปกรณ์อาบน้ำที่วางเตรียมไว้ในเต็นท์ก่อนจะเดินตรงไปยังโรงเรือนชั้นเดียวที่ถูกแบ่งเป็นทั้งห้องอาบน้ำและสุขา



เวลาผ่านไปพักใหญ่ ๆ คนตัวสูงก็เดินกลับมาด้วยหน้าตาที่ดูจะสดชื่นเป็นพิเศษ



“น้ำเย็นไหม” อาทิตย์ทัศน์ถามขึ้น



“อืม ก็ไม่เย็นเท่าไรนะ คุณอาบได้อยู่แล้ว มันจะหนาวแค่ขันแรก ขันต่อไปก็ไม่หนาวแล้ว” ตฤณกรตอบยิ้ม ๆ ที่บอกว่าขันต่อไปไม่หนาวแล้วนั่นอาจเป็นเพราะร่างกายรู้สึกชาไปหมดแล้วก็ได้



เมื่อได้ฟังดังนั้นคนตัวเล็กกว่าจึงหันกลับไปคว้าอุปกรณ์อาบน้ำของตัวเองบ้าง....








....





เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ที่ดังใกล้เข้านั้นทำให้เกิดรอยยิ้มบนใบหน้าของคนที่กำลังนั่งซ่อนตัวจากความหนาวเย็นอยู่ภายใต้ผ้าห่มในเต็นท์รูปโดม ไม่นานนักเสียงฝีเท้านั้นก็มาหยุดที่หน้าเต็นท์ก่อนที่ซิปจะถูกรูดเปิดอย่างรวดเร็วจากนั้นชายหนุ่มร่างเล็กกระโจนแผล็วเข้านั่งลงกอดเข่าด้วยความหนาวสั่น



“หนะ ไหนบอกว่า....หนะ น้ำ ไม่เย็นเท่าไรไง” อาทิตย์ทัศน์กล่าวปากคอสั่น



“ก็ไม่เย็นเท่าไรไงคุณ ผมไม่รู้ว่าว่ามันเย็นเท่าไร อาจจะเก้าหรือแปดองศา ผมไม่แน่ใจเลยไม่อยากฟันธง” คนที่นั่งห่มผ้าตัวกลมอยู่พูดกลั้วหัวเราะ



“นี่ กะ แกล้งผมเหรอ” อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้วก่อนจะกล่าวต่อ “คะ...คุณบอกว่า มันจะหนาวแค่ขันแรก ผะ..ผมก็อุตส่าห์ตักขันแรกทิ้งแล้วเริ่มอาบขันที่สอง ทะ...ทำไม ทำไมมันยังหนาวอยู่...”



ตฤณกรขมวดคิ้วยิ้ม ๆ “หนาวจนปากคอสั่นขนาดนี้ยังจะตลกอีก” คนตัวสูงกล่าวก่อนจะรั้งร่างที่กำลังนั่งกอดเข่าหนาวสั่นให้เข้ามาอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน



“ไม่เสียแรงที่ผมอุตส่าห์เก๊กไม่หนาวแทบแย่” ตฤณกรหัวเราะก่อนจะกอดคนข้าง ๆ เอาไว้แน่น



“คุณมันขี้แกล้ง” อาทิตย์ทัศน์ที่ตอนนี้จำต้องยอมให้กอดแต่โดยดีเอ่ยขึ้น



“อยากอยู่ที่นี่สักเดือนหนึ่งจริง ๆ จะได้กอดคุณแบบนี้ทุกวัน” พูดจบเจ้าของร่างสูงก็กระชับวงแขนแน่นขึ้น



“อยู่ไปคนเดียวเถอะ แค่นี้วันพักร้อนผมก็จะหมดแล้ว”





....




เสียงโลหะกระทบกันที่ดังมาจากเต็นท์ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ทำให้สองหนุ่มที่กำลังจะออกไปเดินเล่นในตลาดซึ่งตั้งอยู่บริเวณทางเข้ามาอดไม่ได้ที่จะแวะไปทักทาย แสงไฟจะตะเกียงช่วยให้เห็นว่าคุณลุงเจ้าของเต็นท์กำลังนั่งผัดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกับไข่อยู่ในกระทะใบเล็ก ทั้งที่ใช้วัตถุดิบเพียงไม่กี่อย่างแต่บะหมี่ของคุณลุงกลับส่งกลิ่นหอมชวนให้น้ำลายสอไม่น้อย




“ทำอาหารทานเองเลยเหรอครับคุณลุง” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้น




“ครับ ทานด้วยกันสิ”




“ไม่รบกวนดีกว่าครับคุณลุง เดี๋ยวผมสองคนกำลังจะไปเดินเล่นในตลาดที่ขามาเราขับผ่าน คุณลุงอยากได้อะไรไหมครับ” ตฤณกรกล่าว



“ไม่ล่ะครับ นี่ภรรยากับลูกสาวเขาก็ไปเดินแล้วเหมือนกัน” คุณลุงกล่าวก่อนจะชะเง้อมองแสงจากไฟฉายเล็ก ๆ ที่กำลังใกล้เข้ามา “โน่นไง กลับมากันพอดีเลย”



“ที่ตลาดของกินเยอะมากเลยค่ะพ่อ” เสียงเจื้อยแจ้วของสาวน้อยนางหนึ่งดังขึ้นเมื่อเดินมาถึง



“แล้วแม่ล่ะ” ผู้เป็นพ่อถาม



“แม่ยังเดินอยู่เลยค่ะ พลอยเห็นไข่ปิ้งน่าทานก็เลยซื้อกลับมาให้พ่อก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยไปรับแม่ค่ะ” สาวน้อยกล่าวก่อนจะเหลือบมองชายหนุ่มแปลกหน้าทั้งสองคน



“เอ้อ..นี่ลูกสาวลุงเอง” คุณลุงหันมากล่าวกับสองหนุ่ม



“อ๋อ พี่สองคนที่ช่วยพ่อกางเต็นท์ใช่ไหมคะ” หญิงสาวยิ้ม “ชื่อพลอยค่ะ แล้วพี่สองคนชื่ออะไรคะ”




“พี่ชื่อตังครับ ส่วนพี่คนนี้ชื่อพี่จ้า” เจ้าของร่างสูงแนะนำ



“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะพี่ตังพี่จ้า” หญิงสาวยิ้มหวาน



อาทิตย์ทัศน์และตฤณกรคุยกับพลอยชนกต่อสักพักจึงรู้ว่าเธอมีอาชีพเป็นมัณฑนากรในบริษัทแห่งหนึ่งที่กรุงเทพฯ ในขณะที่แม่เป็นเจ้าของโรงเรียนอนุบาลส่วนพ่อของเธอเป็นข้าราชการเกษียณอายุที่กลับไปใช้ชีวิตปั้นปลายอยู่ที่จังหวัดอุทัยธานีซึ่งเป็นบ้านเกิด....
 





....







ตฤณกรมองดูคนตัวเล็กกว่าที่กำลังเดินพ่นลมออกจากปากเป็นระยะ ๆ ก่อนจะหัวเราะในลำคอเบา ๆ ให้กับท่าทางเหมือนเด็กที่เพิ่งมีโอกาสได้สัมผัสอุณภูมิเลขตัวเดียวเป็นครั้งแรก




“จะเป็นมังกรพ่นไฟหรือไง”



“เป็นก็ดีสิ ผมจะพ่นไฟใส่คุณให้คุณเกรียมเลย”



“อะไรกัน ผมก็ขอโทษแล้วไงแถมอุตส่าห์กอดให้คุณหายหนาวอีก นี่คุณยังไม่หายโกรธผมอีกเหรอ”



“แค้นเลยละ”  อาทิตย์ทัศน์ตอบห้วน ๆ







....






ตฤณกรและอาทิตย์ทัศน์เดินไปตามถนนสายเล็ก ๆ ที่ขนาบข้างด้วยร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร เกสต์เฮ้าส์ และร้านขายชา การมาเดินเล่นในตลาดยามค่ำคืนเช่นนี้ทำให้พวกเขารู้ว่าแม้จะไม่ใช่ช่วงเทศกาลหยุดยาว แต่ก็ยังคงมีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยที่เดินทางมาเที่ยวที่ปางอุ๋งแห่งนี้...



“พี่จ้า พี่ตัง” เสียงคุ้นหูที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้สองหนุ่มต้องหยุดเดินแล้วเหลียวกลับไปมองหาต้นเสียง



“น้องพลอย มาได้ยังไงครับ” ตฤณกรกล่าว



“พลอยมารับแม่ค่ะ แต่ว่ายังหากันไม่เจอเลย”



“พวกพี่ก็ยังไม่เคยเห็นคุณแม่น้องพลอยด้วยสิ ไม่อย่างนั้นจะได้ช่วยหา”



“ไม่เป็นไรค่ะพี่ตัง สงสัยแม่จะเดินกลับไปแล้ว” หญิงสาวยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นพลอยขอเดินไปกับพี่ตังพี่จ้าด้วยคนได้ไหมคะ”



อาทิตย์ทัศน์ยิ้มก่อนจะกล่าว “ได้สิครับ”





....



“ทานไหมคุณ” ตฤณกรที่ถือไม้เสียบลูกชิ้นในมือเอ่ยขึ้นกับคนที่กำลังเพลินกับการถ่ายรูป



อาทิตย์ทัศน์พยักหน้าก่อนที่ริมฝีปากบางจะอ้าออกเพื่อรอลูกชิ้นที่คนตัวสูงจะจิ้มให้ แต่แล้วตาคู่สวยของชายหนุ่มก็เหลือบไปเห็นตาแป๋ว ๆ ของสาวน้อยที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ เธอกำลังมองมาที่เขาสองคนด้วยดวงตาเป็นประกายวิบวับ



“เอ้อ ผมทานเอง” อาทิตย์ทัศน์ตัดบทก่อนจะคล้องสายกล้องถ่ายรูปที่คอของคนตัวสูงกว่าจากนั้นจึงดึงถุงใส่ลูกชิ้นมาจากมือของเขาก่อนจะจิ้มลูกชิ้นกินเงียบ ๆ




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-01-2014 20:08:06 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า


“ขอโทษนะคะ ช่วยถ่ายรูปให้หน่อยได้ไหมคะ” น้ำเสียงสุภาพของหญิงสาวที่ไม่เคยพบกันมาก่อนดังขึ้นทำให้สองหนุ่มที่กำลังยืนรอสาวน้อยที่กำลังยืนเลือกเครื่องประดับอยู่ต้องหันกลับมองหาต้นเสียง เจ้าของร่างเล็กที่เดินเข้ามายิ้มให้ ในของเธอถือกล้องดิจิตัลตัวเล็กสีชมพูหวานแหวว ในขณะที่เพื่อน ๆ ของเธออีก 6-7 คนกำลังยืนจับกลุ่มจัดท่าทางกันอยู่ข้าง ๆ หลักกิโลเมตรขนาดใหญ่



อาทิตย์ทัศน์ยิ้มก่อนจะรับกล้องถ่ายรูปมา จากนั้นสาวร่างเล็กก็วิ่งกลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อน ๆ ของเธอ ลายปักที่ด้านหลังเสื้อแจ็คเก็ทแสดงให้รู้ว่าพวกเธอเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยมีชื่อแห่งหนึ่งของภาคเหนือ




“พร้อมนะครับ หนึ่ง สอง สาม” ชายหนุ่มเจ้าของลักยิ้มเล็ก ๆ เอ่ยขึ้นก่อนจะกดชัตเตอร์



“ขอบคุณนะคะ” สาวน้อยเจ้าของกล้องสีหวานกล่าวเมื่อเธอเดินเข้ามารับกล้องคืน



“ขอบใจมากนะน้อง” หนุ่มผมยาวรุงรังที่สวมเสื้อแจ็คเก็ทแบบเดียวกันกล่าวพร้อมกับยิ้มให้อาทิตย์ทัศน์



“ไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มตอบก่อนจะส่งกล้องคืนอย่างงง ๆ  ก่อนจะพึมพำกับตัวเองเมื่อชายหญิงกลุ่มนั้นเดินผ่านไปแล้ว “มันเรียกใครน้องวะ”



ตฤณกรที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ตลอดหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะกล่าว “อยากหน้าเด็กก็เป็นแบบนี้แหละครับอาจารย์”




อาทิตย์ทัศน์มองคนตัวสูงที่ยืนข้าง ๆ กันอย่างใช้ความคิดก่อนจะสัมผัสปลายนิ้วที่คางของตัวเอง “ถ้าอย่างนั้นไว้หนวดดีไหม”



“ไม่เอานะ จั๊กกะจี้” เจ้าของร่างสูงท้วงขึ้นทันควันในขณะที่ชายหนุ่มที่ตัวเล็กกว่าถึงกับเบิกตากว้างเมื่อพบว่าเขาไม่ได้คุยกันอยู่แค่สองคน



“เอ่อ...ทำไมถึงจั๊กกะจี้ล่ะคะพี่ตัง” พลอยชนกที่กำลังยืนหน้าแดงเป็นลูกตำลึงตัดสินใจถามขึ้น



“คือ...ก็....” ตฤณกรเลิกคิ้วก่อนจะหันไปสบตาคนข้าง ๆ เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่อาทิตย์ทัศน์เองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรได้



“คือ...เอ่อ.....คือว่าเห็นแล้วจั๊กกะจี้น่ะครับ” ชายหนุ่มตอบก่อนจะหัวเราะแก้เก้อ



“อ่อ อย่างนี้นี่เอง” หญิงสาวพยักหน้าหงึก ๆ ยังไม่ทันที่เธอจะได้วิเคราะห์ความสัมพันธ์ใด ๆ ต่อ เสียงเรียกเข้าขอโทรศัพท์ซึ่งเป็นทำนองเพลงของศิลปินเกาหลีก็ดังขึ้นขัดจังหวะช่วยชีวิตของสองหนุ่มเอาไว้ได้





“แม่โทรมา ถ้าอย่างนั้นพลอยแยกกับพี่ ๆ ตรงนี้เลยแล้วกันนะคะ” หญิงสาวกล่าวก่อนแยกตัวออกมาคุยโทรศัพท์



ทั้งอาทิตย์ทัศน์และตฤณกรต่างก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกพร้อม ๆ กัน.....










เวลาดึกสงัดแสงไฟจากเต็นท์ของนักท่องเที่ยวในแต่ละเต็นท์ค่อย ๆ ดับลง เสียงพูดคุยเมื่อช่วงหัวค่ำกลับเงียบสนิท ได้ยินเพียงเสียงแมลงและเสียงฝีเท้าของคนที่เพิ่งกลับจากการเดินเที่ยวในตลาด อุณหภูมิที่ลดต่ำลงทำให้หลาย ๆ เต็นท์ต้องก่อกองไฟเพื่อให้ความอบอุ่น ตฤณกรลืมตาขึ้นช้า ๆ ก่อนจะหันมองคนที่นอนคลุมโปงหันหลังให้ผ่านความมืด อาทิตย์ทัศน์ยังคงนอนขดตัวยุกยิกอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนาที่ผู้เป็นแม่เตรียมมาให้



“จ้า คุณยังไม่หลับอีกเหรอ” ตฤรกรเอ่ยขึ้น



“พยายามอยู่” เสียงอู้อี้ดังมาจากใต้ผ้าห่ม



“หนาวเหรอ”



“อืม อากาศมันเย็นมากจนผมนอนไม่หลับ”








“ให้ผมกอดคุณไหม”








คนถูกถามนิ่งไปสักพักก่อนจะตัดสินใจขยับตัวเบียดเข้ามาใกล้ ๆ นั่นเป็นสัญญาณบอกให้เจ้าของคำถามรู้ว่าเขาควรจะทำสิ่งที่เขาควรทำ ตฤณกรค่อย ๆ รั้งร่างของคนที่นอนข้าง ๆ มาไว้ในอ้อมกอดในขณะที่อาทิตย์ทัศน์เองก็ค่อย ๆ ขยับตัวหันกลับมาขดตัวซุกลงกับอกกว้างอย่างว่าง่าย



“ดีขึ้นไหม” เสียงทุ้มนุ่มนั้นดังราวเสียงกระซิบ



อาทิตย์ทัศน์พยักหน้าทั้งที่ยังคงหลับตา “รออีกสักพักก็น่าจะดีขึ้น”



“ไม่ต้องรออีกสักพักก็ได้ ผมมีวิธี” ริมฝีปากหยักยกยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะเลื่อนมือข้างหนึ่งขึ้นมาจับที่ปลายคางของคนที่กำลังซุกหน้าอยู่กับอกของตนเองก่อนจะค่อย ๆ สัมผัสริมฝีปากลงบนปากบางที่แสนจะเย็นเฉียบ เพียงเสี้ยววินาทีไออุ่นจากริมฝีปากของตฤณกรก็ถูกส่งผ่านไปจนทั่วร่างของคนตัวเล็กกว่าก่อนที่ทั้งคู่จะหลับไปภายใต้อ้อมกอดของกันและกัน....




....













เช้าวันต่อมา...



“ผมช่วยถือ” ตฤณกรกล่าวก่อนจะดึงกระเป๋าใส่ขาตั้งกล้องจากมือคนตัวเล็กกว่ามาสะพายเอาไว้



“คุณกำลังทำให้ผมเคยตัวนะรู้ไหม”



“ใครว่าผมทำให้คุณเคยตัว ผมกำลังทำให้คุณเคยชินกับการมีผมอยู่ต่างหาก” ตฤณกรยิ้ม “อย่าบ่นเลยนะครับ ผมอยากทำให้”








สองหนุ่มพากันเดินข้ามสะพานเล็ก ๆ ไปยังคันดินที่ทอดตัวยาวขนาบข้างอ่างเก็บน้ำ จากนั้นอาทิย์ทัศน์ก็จัดการกางขาตั้งออกก่อนจะตั้งกล้องเพื่อรอบันทึกภาพแสงแรกของวันที่กำลังจะปรากฏขึ้นในไม่ช้า...








“ดูอะไรอยู่” คนตัวเล็กกว่าละสายตาจากภาพในจอ LCD ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังยืนใช้ปลายนิ้วเขี่ยหน้าจอโทรศัพท์มือถือพร้อมกับอมยิ้ม



“กำลังอ่านกระทู้แฟนคลับของคุณถ้าคุณเป็นท้องฟ้าอยู่ครับ มีแต่คนถามหาคุณน่ะคุณรู้ไหม ได้เข้าไปดูบ้างหรือเปล่า”



คนตัวเล็กกว่าส่ายหน้าช้า ๆ ก่อนจะกดชัตเตอร์เพื่อบันทึกภาพไอหมอกที่กำลังลอยต่ำคลอเคลียไปกับผิวน้ำราบเรียบประหนึ่งแผ่นกระจกใส อีกไม่นานเกินรอดวงอาทิตย์คงจะเคลื่อนพ้นกลุ่มเมฆทอแสงทักทายและคลายความหนาวเย็นให้กับทุกชีวิต การรอคอยนี้จึงเป็นการรอยคอยอย่างมีความหวัง



“หกโมงครึ่งแล้วยังมองไม่เห็นดวงอาทิตย์เลย แบบนี้ก็ไม่อุ่นกันเสียที” เจ้าของกล้องดิจิตัลพึมพำพร้อมกับยกมือขึ้นถูกันไปมา ตาคู่สวยยังคงมองไปที่ดวงอาทิตย์ที่เป็นเพียงแสงจุดเล็ก ๆ ที่ถูกบดบังด้วยไอหมอกสีมอ ๆ



“ยังหนาวอยู่อีกเหรอ” ปากหยักยิ้มเจ้าเล่ห์ “ถ้าอย่างนั้นผมทำให้คุณหายหนาวด้วยวิธีของผมอีกดีไหม”



“พอเลย” อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้วก่อนจะพยายามไม่นึกถึงไออุ่น ๆ จากริมฝีปากของคนตรงหน้า “ใครจะไปอึดเหมือนคุณ ไม่หนาวบ้างหรือไง”



ตฤณกรส่ายหน้ายิ้ม ๆ “ไม่เลย ผมมีดวงอาทิตย์เป็นของตัวเอง ดวงอาทิตย์ของผมน่ะอุ่นที่สุด” กล่าวจบร่างสูงก็เดินเข้ามายืนข้าง ๆ กัน



อาทิตย์ทัศน์มองคนที่ยืนข้าง ๆ อย่างตัดสินใจก่อนที่ปากบางจะขยับเพื่อถามคำถามที่เขายังคงสงสัย



“เมื่อคืน...คุณพูดอะไรกับผมหรือเปล่า ผมรู้สึกว่าคุณพูดอะไรกับผมสักอย่าง แต่ผมได้ยินไม่ถนัด มันกึ่งหลับกึ่งตื่น”



ตฤณกรยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะกล่าว “คุณจำได้ไหม ผมเคยบอกคุณว่ายังเหลืออีกเรื่องที่ผมยังไม่ได้บอกให้คุณรู้ นั่นแหละคือเรื่องที่ผมบอกคุณไปเมื่อคืน”



“บอกตอนจะหลับ ใครจะไปรู้เรื่อง”



“คุณอยากฟังอีกครั้งไหม ผมจะพูดให้ฟัง”



อาทิตย์ทัศน์พยักหน้า
 












“เรื่องสุดท้ายที่ผมจะบอกกับคุณก็คือ......”





















ตฤณกรยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ ก่อนจะกระซิบที่ข้างหูของคนตรงหน้า





















“ผมรักคุณนะ”
























อาทิตย์ทัศน์เงยหน้าขึ้นสบตาคนตรงหน้าก่อนจะถาม “ต้องมาบอกไกลขนาดนี้เลยเหรอ”



คนตัวสูงยิ้ม “ใช่ คุณจะได้ไม่มีทางหนีไปไหนได้ไง”




เจ้าของพวงแก้มสีแดงระเรื่อส่ายหน้าให้กับเหตุผลที่ดูไม่ค่อยจะเป็นเหตุผลของเขา อยากจะบอกเหลือเกินว่าแต่เพียงถูกเขาโอบล้อมด้วยพันธนาการอันแสนอบอุ่นนั้นมันก็ยากที่จะหนีไปไหนรอดแล้ว...



มือหนาชูสร้อยเส้นหนึ่งที่ร้อยแหวนแทองคำขาวเกลี้ยง ๆ สองวงเข้าไว้ด้วยกัน ตฤณกรจัดการถอดแหวนจากสร้อยเส้นนั้นมาสวมไว้ที่นิ้วนางข้างซ้ายของตัวเองก่อนจะสวมสร้อยที่ร้อยแหวนอีกวงที่คอของอาทิตย์ทัศน์



“คุณแน่ใจแล้วเหรอ” คนตัวเล็กกว่าถามขึ้นพร้อมกับจับสร้อยที่คอ



“ผมบอกคุณแล้วไง ว่าผมแน่ใจที่สุด แต่ถ้าวันนี้คุณยังไม่แน่ใจในตัวผม คุณสวมมันไว้ที่คออย่างนี้ก่อนก็ได้ เอาไว้วันไหนคุณแน่ใจ...หรือวันไหนที่คุณพร้อม คุณบอกผมนะ ผมจะสวมมันที่นิ้วของคุณ”




อาทิตย์ทัศน์เงยหน้าขึ้นสบตาคนตรงหน้าก่อนจะพยักหน้ายิ้ม ๆ แทนคำตอบ ๆ






....





‘เราอยู่ด้วยกันที่นี่ครับ’ เขียนโดย ดีไซเนอร์สุดหล่อ





จอมขวัญอ่านประโยคสั้น ๆ ที่เขียนเอาไว้ใต้ภาพหงส์สีขาวสองตัวที่กำลังลอยตัวอยู่บนผิวน้ำซึ่งปกคลุมด้วยสายหมอกบาง ๆ ซึ่งเป็นข้อความตอบกลับกระทู้ที่ใครคนหนึ่งตั้งขึ้นเพื่อถามหาพี่ชายของเธอ รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเมื่อหญิงสาวค่อย ๆ เลื่อนอ่านข้อความที่ถูกโพสต์ขึ้นไปต่อจากนั้น




‘กรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!!!! เจ๊อิจฉา’ เขียนโดย คนช่างคิด



‘1+1 = 2(เรา) สินะครับ สมการนี้มันสุดยอดมาก’ เขียนโดย โปรแกรมมั่ว



‘หอมเลย หอมเลย’ เขียนโดย แวะมาเชียร์




‘^
 ^
เอ่อ...ข้างบนคะ ผิดงานหรือเปล่าคะ’ เขียนโดย บก.ผู้น่ารัก




‘อ๊าย!!!!!! อยากมีแบบนี้บ้างค่ะ’ เขียนโดย มัณฑนากรสาวสวย



‘อยากเลี้ยงหงส์เหรอครับ คุณมัณฑนากร’ เขียนโดย โปรแกรมมั่ว



‘หงส์ปีกหัก โดนผีถล่ม’ เขียนโดย หัวหน้าแก๊งค์เที่ยว



‘คนละเรื่องแล้วค่ะหัวหน้า’ เขียนโดย บก.ผู้น่ารัก



‘อยากมีส่วนร่วมครับ แต่ตอนนี้ทำได้แค่อ๊าย!!!!!!!!!!!!!!!!เบา ๆ’ เขียนโดย หัวหน้าแก๊งค์เที่ยว







...


ขอบคุณมาก ๆๆๆๆๆ ที่แวะมาพูดคุยกันและขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ ^^



 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-01-2014 20:10:06 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
โอ้ยยยยยยยยยยตัวจะระเบิดเขินแทนพี่จ้า 555555555555555555
พี่ตังทำไมโรแมนติคเวอรรรร์ ตอนสร้อยนี่เป็นไรที่ชอบมากกกกกกกกก
ขอละลายแทนอาจารย์จ้าแอร้กกกกก
คุณพลอยต้องแอบเชียร์อยู่แน่ๆเลย5555555555555555

ขอบคุณสำหรับกิโล3ค่ะ อ่านไปยิ้มไปจนแก้มปริ

kondee_tysut

  • บุคคลทั่วไป
 :-[ ชอบอ่ะ เขินนนน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด