Part 18 ความจริง
ตลอดเวลาที่ฟังการบรรยายในคลาส... ผมไม่ค่อยมีสมาธิ และดูเหมือนว่าพี่พิงก็จะดูออก...ไม่น่าเชื่อว่าความวุ่นวายจะติดตามตัวผมไปได้ทุกที่ขนาดนี้.. จนทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปด้วย......ตอนนี้ผมคิดถึงแต่พี่ชายทั้งสามคน...เกี่ยวกับเรื่องที่ซูกัสพูดเมื่อเช้า...จนตัดสินใจทำบางอย่าง...
ตื้ดดด ตื้ดดดด ตื้ดดดด
/ฮัลโหล/
“................” ..เสียงพี่ไซน์...พี่ชายที่ใจดีและตามใจผมมากที่สุด...
/ ใครครับ ฮัลโหล /
“..พี่ ไซน์ครับ..” กลืนก้อนบางอย่างลงคอ...คิดถึง...คิดถึงเหลือเกิน...ยิ่งได้ยินเสียงความคิดถึงยิ่งถาโถมเข้ามา...
/ซอ!..ซอใช่ไหม../
“..ครับ..ซอเอง..พี่ไซน์ ซอ อยากเจอพี่ไซน์..ได้ไหมครับ..”
ตอนนี้ผมนั่งรอพี่ไซน์อยู่ร้านไอศกรีมหน้ามหาลัยฯ ส่วนพี่พิงก็นั่งอยู่แถว ๆ นั้นแต่คนละโต๊ะ...สั่งไอศกรีมมาวางไว้แต่ไม่ได้ทาน จนตอนนี้เริ่มละลายแล้ว ผมชะเง้อคอมองไปมาบ่อยครั้ง...รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เจอพี่ชาย...ได้ฟังข่าวจากพี่ไซน์ก่อนหน้านี้...ว่าพี่ซันกำลังจะแต่งงาน..รู้สึกยินดีไปด้วยเพราะผู้หญิงคนที่จะแต่งงานด้วยคือพี่ลูกปลา.....เป็นเพื่อนสมัยเรียนของพี่ซันและคบกันมาจนถึงทุกวันนี้...พี่ซันพาพี่ลูกปลามาแนะนำกับผมแล้วตั้งแต่อยู่บ้าน.... เป็นคนสวย...อ่อนโยน..ฉลาด..เหมาะสมกับพี่ซันแล้ว...
“ ซอ”
“..................” เงยหน้ามองตามต้นเสียง...ก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง...เพราะคนที่เดินเข้ามาไม่ได้มีแค่พี่ไซน์คนเดียว...พี่โซ พี่ซัน และอีกคนคือพี่หมอว่านเพื่อนพี่โซ...ก็มาด้วย...ทั้งสี่คนรีบเดินเข้ามาหาผม...
“ว่าไงเรา..พี่คิดถึงเรามากนะ..”
“..ครับ..ซอ ก็ คิดถึง พี่ ๆ ฮึก..” ขี้แยจนได้...แต่ทันทีที่อยู่ในอ้อมกอดของพี่ชายคนโต...มันก็รู้สึกอบอุ่นและโหยหา....คิดถึงมากและไม่คิดว่าพี่ ๆ จะมีเวลาว่างมาหาผม...ผมเวียนกอดพี่ ๆ ทุกคนจนครบ..และยกมือไหว้พี่ว่านที่ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้...
“ เป็นยังไงบ้าง...ไอ้โอมันรังแกอะไรเรารึเปล่า...”
“ เปล่าครับ...คุณโอกับเจ้าสัวดีกับซอมาก...แล้วยังให้ซอมาเรียนด้วย...” ยังอยู่ในอ้อมกอดของพี่ไซน์ที่นั่งลงข้างผม พี่ซันนั่งคนเดียวด้านข้าง และอีกฝั่งคือพี่ว่านกับพี่โซ...ทุกอย่างดูปกติ...ทำให้ผมรู้ว่าพี่ ๆ คงยังไม่รู้เรื่องที่คุณพ่อสั่งให้คนไปฆ่าผมแน่ ๆ
“ กลับบ้านเราได้ไหม...ไม่ต้องเป็นห่วง...พวกพี่ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น...ถ้าพยัคฆราชมันจะทำอะไรก็ทำไป พี่ไม่อยากให้ซอไปเสี่ยงอยู่ตรงนั้น..” พี่โซทำหน้าเครียดขึ้นมา ...พร้อมกับมองมาที่ผมอย่างดุ ๆ จนพี่ว่านต้องใช้มือแตะที่บ่าเพื่อนเบา ๆ เหมือนกับบอกให้ใจเย็นๆ...
“ แต่คุณพ่อคงไม่อยากให้ซอกลับ “
“ช่างคุณพ่อเถอะ จนป่านนี้ท่านคงไม่อะไรกับซอแล้วล่ะ..” ไม่รู้กันจริงๆ สินะ...ผมแค่ยิ้มน้อย ๆ กำลังคิดว่าจะบอกดีรึเปล่า...
“เมื่อเช้านี้ซอเจอซูกัสครับ”
“เหรอ ซูกัสบอกคุณพ่อว่าจะไปต่างจังหวัดไม่ใช่เหรอครับพี่โซ”
“ อืม...คงจะกลับมาแล้วรึเปล่า...”
“สาเหตุที่ซออยากเจอพี่ ๆ ก็เพราะว่าซอเจอซูกัสเมื่อเช้า” แค่อยากจะเล่าและถามพี่ ๆ ทุกคนว่าคิดเหมือนคุณพ่อหรือเปล่า...คิดว่าผมหักหลัง หรือทรยศราชสีห์เกริกไกรรึเปล่า....
“..มีอะไรรึเปล่าซอ..ซูกัสมาพูดอะไรให้คิดมากใช่ไหม...”
“ ก็ไม่เชิง...คือ...ซอ...” รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนขี้ฟ้อง...แต่ยังไงผมก็อยากสบายใจ...สูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะมองหน้าพี่ ๆ ทุกคน...
“เล่ามาเถอะ...ยังไงพวกพี่ก็อยู่ข้างซอเสมอ...”
“ ซอดีใจครับ...ที่ได้ยินอย่างนี้...ซูกัสบอกว่า..คุณพ่อเล่าให้เธอฟังว่าซอไปอยู่กับพยัคฆราชเพราะต้องการเอาชนะคุณพ่อ...แล้วยัง.....” กลืนคำพูดลงคอเมื่อมาถึงเรื่องนี้...ถึงมันจะไม่ใช่สิ่งที่ผมตั้งใจจะทำ แต่บางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้รู้สึกกระดากเหมือนกัน...
“ ซอ ไม่เชื่อใจพวกพี่หรือไง “
“ แล้วยังไปอยู่ที่บ้านนั้นเพื่อให้ท่า คุณโอกับเจ้าสัวพยัคฆราช....ซอแค่อยากรู้ว่าพี่ ๆ คิดอย่างที่ซูกัสพูดรึเปล่า...คิด...เหมือน..คุณพ่อรึเปล่า...ก็เท่านั้นเอง...” พูดแล้วก้มลงมองมือตัวเองที่บีบกันแน่น....พวกพี่เงียบไปเหมือนกับกำลังใช้ความคิดกันอยู่...
“..ไม่อยากจะเชื่อเลย..ว่าคุณพ่อปลูกฝังความคิดต่ำ ๆ พวกนั้นให้ซูกัสได้ยังไง!”
“...ผมคิดว่าคุณพ่อจะรามือเรื่องซอแล้วซะอีก นี่มันอะไร..” ได้ยินเสียงพี่โซกับพี่ซันพูดในขณะที่ผมนั่งก้มหน้า...สัมผัสแผ่วเบาที่กลุ่มผมจากพี่ไซน์ทำให้รู้สึกอบอุ่น..แค่นี้ก็รู้แล้วว่าพี่ ๆ ไม่ได้คิดอย่างที่ผมกลัว...
“..ซอ เชื่อใจพวกพี่รึเปล่า...ไม่มีใครคิดอย่างนั้น...ถ้าซอบอกว่าอยู่ที่นั่นได้...พวกพี่ก็สบายใจ เพราะถึงยังไงซอก็คงไม่กลับกับพวกพี่แน่ ๆ บอกตรง ๆ แค่พี่ไม่คิดว่าน้องพี่จะใจเด็ดถึงขนาดว่าจะหนีออกจากบ้านได้ด้วยซ้ำ....แต่ถึงอย่างนั้น...สิ่งที่พวกพี่ต้องการที่สุดคือคือ...ให้ซอกลับบ้าน...พี่จะไม่ยอมให้ใครมารังแกน้องแน่ ๆ”
“ ขอบคุณครับ...แต่ซอคงกลับไม่ได้...พวกพี่สบายใจได้ ซออยู่ที่นั่นมีความสุขดี...ซอคิดถึงพวกพี่มาก...แต่ก็อยากจะทำอย่างที่ตั้งใจ...ตอนนี้ที่ทำได้คือต้องเรียนให้จบ...แค่หวังซักวัน..ว่าซอจะเดินเข้าราชสีห์เกริกไกรได้อย่างสมเกียรติ...” ...ยังมีบางสิ่งที่พวกพี่ไม่รู้...ว่าทำไมซอถึงเข้าบ้านไม่ได้...แต่แค่พวกพี่ไม่คิดอย่างผู้ชายคนนั้น ซอก็ดีใจแล้ว...ส่วนคนที่มีจิตใจอำมหิตอย่างคุณพ่อ...ในฐานะผู้ให้กำเนิดซออย่างน้อย ๆ ...ก็คงทำได้แค่ไม่คิดแค้นและปล่อยให้เวรกรรมจัดการไปเอง...
“..ซอเข้มแข็งขึ้นมากเลย...พี่จะไม่บังคับ...แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่พี่ได้ยินว่าพยัคฆราชทำร้ายซอ..เมื่อนั้นพี่จะบุกไปถล่มพวกมัน...ถ้าซอพร้อมที่จะกลับบ้าน พี่ก็จะรีบไปรับทันที...”
/ ฮ่าๆๆ จริงเหรอ /
“....ครับ.......ซูกัส......” ผมรับคำก่อนจะเงยหน้ามองกลุ่มคนที่เดินเข้ามาในร้าน เสียงหัวเราะทำให้เป็นจุดสนใจ....ผู้ชายร่างสูง 2 คนที่เดินเข้ามาหน้าตาคุ้น ๆ และเมื่อมองก็ถึงรู้ชัดว่าเป็นใคร...แต่กับหนึ่งในสองหญิงที่ตอนนี้กำลังเดินเกาะแขนคนที่มีเรื่องกันที่ร้านหนังสือทำให้ผมต้องอุทานชื่อเธอออกมา...
“...มาได้ยังไง...นั่นมันลูกชายแกงค์คชสารแดงไม่ใช่เหรอครับพี่โซ...”
“...ซูกัส....” พี่โซพึมพำชื่อน้องสาวตัวเองเบา ๆ ก่อนจะกัดฟันกรอด...ทุกคนยังนั่งนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่สายตากลับจับจ้องไปหากลุ่มคนที่มาใหม่ ที่บังเอิญนั่งโต๊ะใกล้กับพี่พิงที่นั่งหันหลังให้...อีกฝ่ายก็คงไม่ทันสังเกตกลุ่มพวกผมด้วย...
...เมื่อเช้าที่เจอซูกัสที่เดียวกับผู้ชายคนนั้น...ก็คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญสินะ...
“ เรากลับเถอะครับ...พี่พิงครับ”
“........................”
“..พี่ ๆ ครับ นี่พี่พิง คนที่เจ้าสัวให้มาดูแลซอ...”
“ยินดีที่ได้พบเจ้าสัวน้อยแห่งราชสีห์เกริกไกรทุกคนครับ” การโค้งตัวและการแสดงสีหน้าที่ไม่ทำให้รู้สึกว่าเป็นศัตรูทำให้ผมโล่งใจ และดูเหมือนพี่ ๆ ก็ไม่ได้คิดมากกับพี่พิงด้วย...
“ ยินดีเช่นกัน พวกเราขอบคุณคุณพิงที่ดูแลซอ...และหวังว่าเราจะวางใจคุณได้..”
“..แน่นอนครับ วางใจได้...เพราะดวงใจของพวกคุณ...ตอนนี้ในบ้านพยัคฆราชก็ไม่ต่างกัน...” เพราะเตรียมกลับ และการทักทายของคนหลายคนทำให้คนมาใหม่เริ่มหันมามอง...
“..พี่โซ!...พวกพี่มาทำอะไรกันคะ..แล้วพี่ ซอ...”
“ พี่ควรจะถามเธอซูกัส มาทำอะไรที่นี่.....” พี่โซหันไปมองน้องสาวตัวเองแล้วพูดออกมานิ่ง ๆ ผู้ชายสองคนที่อยู่ในนั้นก็ยังนิ่งเหมือนไม่รู้ร้อนหนาวอะไรมากมาย...จนกระทั่งเงยหน้ามาเจอผมกับพี่พิง...สายตาทั้งคู่ก็เลยมองมาก่อนจะยกยิ้ม...
“ คือซูกัส มาเดินเล่นน่ะค่ะ”
“งั้นเหรอ...แล้วทำไมไม่ไปเรียนถ้ากลับจากต่างจังหวัดแล้ว”
“คุณครับ คุณควรจะให้เกียรติน้องสาวคุณในฐานะที่มากลับพวกเรานะครับ” ผู้ชายคนที่เคยทำปืนมือใส่ผมลุกขึ้นยืนพร้อมท่าทางอวดดี...ทำให้อีกคนที่ผมเจอเมื่อเช้าลุกขึ้นด้วย...
“ พวกคุณมีเกียรติอะไรพอที่พวกเราจะต้องให้เหรอครับ...คชสารแดงก็แค่แกงค์ในกะลาที่คิดว่าตัวเองอยู่ในจักรวาลก็เท่านั้น”
“พี่ฟอยคะ ใจเย็น ๆ ค่ะ” เจ้าของปืนมือทำท่าเดินเข้ามาหลังจากที่ไซน์พูดออกไป แต่ถูกซูกัสรั้งไว้ก่อน...
“...หึ ๆ...สมแล้วล่ะ...ที่เป็นได้แค่แกงค์อันธพาล..ไปกันเถอะ......ซูกัส..อย่าให้พี่เห็นเธอมากับพวกนี้อีก..ไม่งั้นเจอดีแน่..”
“ไม่ยักกะรู้ว่าพยัคฆราชจะหวงน้องสาวขนาดนี้...แสดงว่าน้องชายไม่หวงใช่ไหมครับ” ถ้าคนที่ซูกัสรั้งไว้ชื่อฟอย ถ้าจำไม่ผิด คนที่มีเรื่องกับพวกผมเมื่อเช้าก็คงจะชื่อโฟนตามที่สาว ๆ ตะโกนเรียกในวันที่เล่นบาส...สายตาของคนที่พูดจับจ้องมาที่ผม...สุดท้ายพี่พิงก็เดินมายืนบังผมไว้พร้อมกับจ้องกลับสายตาคู่นั้นอย่างไม่เกรงกลัว ทั้งที่ข้อมือเรียวนั่นยังเป็นรอยคล้ำอยู่เลย...
“ หึ ๆ ถ้ารู้...ก็น่าจะรู้ว่าซอสำคัญมากแค่ไหน..ยังดึงดันบอกว่าไม่หวง...คชสารแดงมีอนาคตผู้นำอย่างคุณ...คงจะสิ้นชื่อก็งานนี้แหละครับ”
“พี่ฟอยหยุด!”
“แกจะปล่อยมันไว้ทำไม มันดูถูกเราขนาดนี้!!” คนที่ถูกว่าดึงแขนพี่ชายตัวเองไว้ ก่อนจะยืนนิ่งและจ้องพี่พิงเขม็ง....
“ก็แค่อยากจะเตือน...ว่าระวังให้ดี...คชสารแดงมันอันธพาลอยู่แล้ว..แล้ววิถีก็อันธพาลอย่างที่พวกคุณเข้าใจแน่นอน..”
“ในฐานะผู้นำราชสีห์เกริกไกร..ขอลดตัวพูดกับพวกแมงเม่าอย่างพวกแกว่า...ถ้ากล้าแตะต้องซอแม้แต่ปลายผม...ปุญไพรคชสาร...เหลือแค่ชื่อแน่ ๆ ถ้าไม่เก่งจริง...อย่ารั้น..เพราะนอกจะไม่มีอะไรดีแล้ว..มันยิ่งแสดงความโง่เขลาของพวกงี่เง่าออกมา..” พี่โซพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ แต่กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ทำให้กลุ่มคนที่กำลังจะเดินออกจากร้านต้องชะงักแล้วหันมามองด้วยแววตาที่เครียดแค้น...
ทุกอย่างดูเงียบลงหลังจากพวกนั้นเดินออกไป เจ้าของร้านดูเหมือนจะไม่กล้าเข้ามายุ่งเลยลอบถอนหายใจที่เรื่องไม่รุนแรง...ซูกัสยืนหันซ้ายขวาก่อนจะเดินออกจากร้านไปเหมือนกัน..
“พี่ไปก่อนนะ...ดูแลตัวเองด้วย...”
“ครับ ไม่ต้องห่วง พวกพี่ ๆ ก็ดูแลตัวเองนะครับ ซอจะคิดถึงทุกคนเลย” ผลัดกันกอดผมก่อนจะเอ่ยคำลา...รู้สึกมีแรงขึ้นมาอย่างท่วมท้น...
“ฝากด้วยนะครับ คุณพิง...ถ้ามีอะไรให้ช่วยบอกพวกเราได้...เพราะคุณคือคนที่ดูแลซอ..”
“ครับ ผมจะดูแลตามคำสั่งของเจ้าสัวกับคุณโอเป็นอย่างดี”
“...................” พี่ชายผมหันหน้ามองกันเมื่อพี่พิงพูดความประสงค์ของตัวเอง...ว่าที่ทำเพราะคำสั่งของนาย...พี่ซันยักไหล่แบบชิว ๆ ก่อนจะพยักหน้าชักชวนให้แยกย้าย...
ผมยืนส่งพี่ชายตรงรถที่ทั้งสี่คนนั่งมาโบกมือคนที่อุตส่าห์สละเวลามาหาผม...ยังไงซะก็มีคนที่ยังรัก ยังห่วง รวมถึงพร้อมที่จะปกป้องผมอยู่อีกตั้งหลายคน...แค่นี้ก็เบาใจแล้ว...
**********************************************
“อีกสองวันจะจัดงานวันเกิดคุณโอนะครับ”
“อ๋อ..ซอให้ของขวัญไปตั้งแต่วันจัดเลี้ยงแล้ว..” นึกถึงเจ้าของวันเกิดที่ช่วงนี้ยุ่งจนไม่ค่อยได้เจอกัน...แต่ถึงอย่างนั้นก็โทรมาหาทุกวัน กวนประสาทบ้าง ข่มขู่บ้าง... แต่สุดท้ายด้วยคำว่า...ผมอยากกลับไปหาคุณเร็ว ๆ....ถึงจะมีปากมีเสียงบ้าง แต่มันก็ทำให้ผมยิ้มใส่โทรศัพท์ได้ในบางครั้ง และก็รวมทั้งอารมณ์เสียในทุกครั้งที่ถูกข่มขู่เรื่องไม่ให้ไปยุ่งกับใครและเรียกผมว่าภรรยา....เจ้าสัวบอกว่าที่คุณโอไม่ค่อยอยู่ช่วงนี้เพราะต้องไปปูทางเพื่อรองรับธุรกิจส่งออกที่กำลังจะทำในอนาคตอันใกล้นี้....
“ครับตอนนั้นแค่เพื่อน ๆ แต่ครั้งนี้คือจัดงานใหญ่ที่โรงแรม ...คงจะมีแขกมากหนาหลายตามาร่วมงาน...แล้วคุณโอจะกลับวันไหนครับ”
“..เอ๊า...พี่พิงมาถามซอทำไมล่ะครับ...” ผมหันไปถามคนที่นั่งจิบกาแฟอยู่...วันนี้เป็นวันเสาร์ ตื่นเช้าทั้งคู่ ผมเลยได้จัดดอกไม้แทนแม่บ้านที่จัดค้างไว้...จัดไม่เป็นหรอกแค่คิดว่าจะทำยังไงให้มันสวย...
“..เปล่า ก็เผื่อรู้...”
“..พี่พิงหนิ...” หันไปค้อนให้คนที่ยกกาแฟขึ้นจิบ พี่พิงยิ้มให้อย่างเจ้าเล่ห์...ไม่อยากจะบอกหรอกว่ากลับพรุ่งนี้เย็น...แล้วอีตานั่นใจคอจะไม่บอกคนอื่นเลยรึไง...อย่างน้อยพ่อตัวเองก็ต้องรู้...พี่ชัชก็ตามไปด้วยเพราะปกติคนที่จะรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับคุณโอคือพี่ชัช...
“ ตกลงกลับวันไหนครับ”
“ พรุ่งนี้ตอนเย็น...พี่พิง!...”
“ ฮ่าๆๆ รู้จริง ๆ ด้วย” ทำหน้างอน ๆ ใส่พี่พิงที่มาแอบถามผมตอนเผลอจนได้พร้อมกับหัวเราะชอบใจที่ผมตกหลุมพูดออกไป...รู้สึกอายเหมือนกันนะที่ผมจะต้องมารู้อะไรเกี่ยวกับผู้นำพยัคฆราชมากกว่าคนอื่น...
“คุณน้องคะ เจ้าสัวให้ขึ้นไปปลุกด้วยนะคะ ลืมรึเปล่า”
“จริงด้วย ซอลืมเลย...พี่พิงเดี๋ยวซอไปปลุกเจ้าสัวก่อนนะ..” ผมลืมไปสนิท เมื่อคืนที่คุยกันเจ้าสัวบอกว่าจะนอนดึกตอนเช้าผมไม่ได้ไปเรียนให้ไปปลุกด้วย เพราะไม่อยากตื่นสายเดี๋ยวจะเพลีย...
ก๊อกๆๆๆ
“เจ้าสัว ซอเข้าไปนะครับ”
“..................”... เสียงเงียบ สงสัยจะยังไม่ตื่น...การ์ดหน้าห้องโค้งตัวให้ผมก่อนจะเป็นคนเดินมาเปิดประตูให้...ผมกล่าวขอบคุณแล้วจะแทรกตัวเข้าไป...
“...นอนอยู่จริง ๆ ด้วย...” ผมยิ้มก่อนจะมองร่างสูงใหญ่พอ ๆ กับลูกชาย แต่ความหนาของร่างกายที่ถดถอยไปตามวัย...เดินไปที่หัวเตียงก่อนจะปิดโคมไฟที่ส่องแสงนวล ๆ อยู่....
แกร็ก!
“เกือบไป” ใจหายวาบเมื่อมือดันไปปัดถูกกรอบรูปแต่ก็คว้าไว้ได้ทันแล้วจับตั้งไว้ที่เดิม...
“เจ้าสัวครับ...จะ....”
กำลังจะยื่นมือไปปลุกเจ้าสัว แต่สายตากลับพาดผ่านกรอบรูปที่ตัวเองเกือบจะทำหล่อนเมื่อครู่...หัวใจกระตุก...ก่อนจะชะงักการปลุกแล้วหยิบรูปขึ้นมาดูให้ชัด ๆ ใจสั่นระรัว...เมื่อเริ่มแน่ใจว่าคนในกรอบรูปคือใคร...ถึงแม้จะนานแค่ไหนผมก็จำผู้หญิงเพียงคนเดียวในโลกที่รักผมอย่างจริงใจได้เสมอ...
..รูปคุณแม่กับเจ้าสัว...
“ คุณแม่ “ หยาดน้ำตาเปื้อนกรอบรูปในที่สุด...ใบหน้าสวยสดใสหัวเราะอย่างร่าเริงเหมือนมีความสุขที่สุด...คุณแม่อยู่ในอ้อมแขนแข็งแรงของเจ้าสัว...ดูสนิทกันเกินกว่าแค่คนรู้จัก...คิดถึงจัง...
“เห็นแล้วสินะ”
“ เจ้าสัว ตื่นแล้วเหรอครับ “ รีบวางกรอบรูปไว้ที่เดิมก่อนจะหันหลังให้เจ้าสัวเพื่อป้ายน้ำตาออกจากหน้าตัวเอง...คำถามมากมายก่อเกิด...เกิดอะไรขึ้นกับคุณแม่...
“ ตื่นตั้งแต่เธอจะทำกรอบรูปหล่นแล้วล่ะ...เฮ้อ...คนแก่ก็งี้ตื่นง่าย...หยิบกรอบรูปมาให้ฉัน..แล้วนั่งลงสิ”
“.....................” หยิบกรอบรูปยื่นให้เจ้าสัวที่พยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง...ก่อนจะนั่งลงบนเตียงของเจ้าสัว มองดูคนมีอายุจ้องกรอบรูปนั่น ประกายตาส่องแววรักและอาทรเหมือนกับที่เคยมีให้ผม...
“สุนีย์... เป็นน้องสาวฉันเอง เป็นคนที่ออกจากบ้านกำพร้าพร้อมกับฉัน...เป็นคนน้องสาวที่ฉันรักมาก”
“...................” เงยหน้ามองคนที่เล่าทันทีที่ได้ยิน...ไม่แม้แต่จะเอ่ยปากถามอะไรออกไป...กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก...น้ำตาวิ่งริ้วมาคลอหน่วย...ทำไมผมถึงสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดของเจ้าสัวขนาดนี้...ทั้งที่อีกคนได้แค่ทอดมองคนในรูปเท่านั้น...
“..สุนีย์ ถูกพาตัวไปที่ราชสีห์เกริกไกร...ฉันลืมคิดไปเรื่องกรอบรูป...ทั้งที่ตั้งใจว่าเรื่องนี้จะปล่อยไปอีกซักพัก...แต่มันก็คงจะเป็นพรหมลิขิตให้เธอได้รู้ความจริง...”
“....ซอ อยาก รู้ ครับ..เจ้าสัวเล่าให้ซอฟัง ได้ไหม..”
“วันนั้นเป็นวันที่สุนีย์บอกฉันว่าเธอจะไปเที่ยวกับเพื่อน...จนแล้วจนรอดเธอก็ยังไม่กลับมา...ให้คนออกตามหาจนพลิกแผ่นดินถึงได้รู้ว่า เจ้าสัวราชสีห์เกริกไกรพาเธอไปกักขังไว้...แต่กว่าจะรู้ก็ผ่านไปเดือนกว่า...ฉันบุกไปที่นั่น...แต่เธอก็ตั้งครรภ์ได้สองอาทิตย์แล้ว...ฉันเสียใจมากแต่ไม่รู้จะทำยังไง...ตัวเธอเองก็ไม่อยากจะให้ลูกกำพร้าพ่อ...”
“.....................” ...ที่แท้คนที่เจ้าสัวพูดถึงก็คือคุณแม่...เงยหน้ามองคนมีอายุที่มองหน้าผมอยู่ก่อนแล้ว...น้ำตาไหลลงเคลียแก้มของตัวเองอีกรอบ...คราวนี้ไม่คิดที่จะเช็ดออก...
“ เธอพร้อมที่ฟังต่อไหม...ฟังความจริงเกี่ยวกับตัวเอง..”
“..ครับ...ซอ พร้อม...” รับกรอบรูปคุณแม่มาถือไว้... ก่อนจะปล่อยให้น้ำตาไหลลงอย่างไม่อายคนที่นั่งอยู่....รอยยิ้มมีความสุขที่น้อยครั้งจะได้เห็น...
“ สุนีย์ให้กำเนิด ลูกคนที่ 3 เจ้าสัวศรันย์ก็ประสบอุบัติเหตุ...ทำให้มีลูกไม่ได้..”
“..มี ลูก ไม่ได้...” หัวใจเต้นแรงขึ้นกว่าเดิมเมื่อ เจ้าสัวพยักหน้ารับ...ถ้ามีลูกไม่ได้แล้ว....
“ ..ราชสีห์เกริกไกรรุ่นก่อนไม่มีบุตรจึงขอรับเด็กมาอุปถัมป์ แต่ไม่นานก็ให้กำเนิดทายาทของตัวเอง...ทำให้มีเจ้าสัวสองคนในรุ่นนี้... คือเจ้าสัวศรันย์...และเจ้าสัวศุภกรคนน้องที่อ่อนแอจนไม่สามารถจะขึ้นเป็นผู้นำได้.........”
“...เจ้าสัวศุภกร...”
“..เจ้าสัวที่มีสายเลือดราชสีห์เกริกไกรเต็มตัว...ซึ่งตอนนั้นเจ้าสัวศรันย์ไม่สามารถมีลูกได้แต่ยังไงก็ต้องมีราชสีห์เกริกไกรคนที่
สี่...ก็เลย....”
“...ไม่...ฮึก......”
“...เป็นความอดสูของลูกผู้หญิงที่สามีตัวเองให้ชายอื่นมานอนร่วมหมอน...สุนีย์ เธอไม่เคยบอกอะไรฉันเลย ว่าสามีของเธอเลวแค่ไหน...ไม่นานเธอก็ตั้งครรภ์.....”
“ ฮึก..คุณ แม่!...” ความรู้สึกเสียใจและสงสารคุณแม่รุมเร้าเข้ามาจนเหมือนใจจะขาด....ผมกำลังฟังเรื่องของตัวเองอยู่ใช่ไหม...ผมกำลังฟังความเจ็บปวดที่คุณแม่ได้รับตั้งแม่มีผมใช่ไหม...
“ ฉะนั้นคนที่มีเลือด...ราชสีห์เกริกไกรอย่างเต็มตัว...คือเธอ... ซอ…”
“..ไม่จริง..ฮึก ซอมี คุณน้า...ซอมี น้องสาว ...”
“...ภรรยาคนปัจจุบันก็คือคนรับใช้ใกล้ชิดที่ตามติดสุนีย์ไปจากที่นี่..เธอตั้งครรภ์เพราะการทำกิ๊ฟโดยใช้น้ำเชื้อของเขาเองหลังจากที่เจ้าสัวศรันย์พักฟื้นและรักษาตัวดีขึ้นแล้ว....และบอกกับใครต่อใครว่าภรรยาใหม่...คือน้องสาวของสุนีย์......”
“ ฮึก ...คุณ พ่อ...ทำไม...” ..ส่ายหัวไปเหมือนกับรับความจริงไม่ได้....ทำไมผู้ชายคนนั้นเพียงแค่ต้องการลาภยศ สรรเสริญ ถึงทำได้เพียงนี้...เขารังเกียจผมเพียงเพราะผิดคำทำนายทั้งที่เป็นราชสีห์เกริกไกรอย่างเต็มตัว...
“ เจ้าสัวศุภกิจ มีหญิงที่รักอยู่แล้ว...เธอเสียใจที่รู้ว่าเขาถูกบังคับให้หลับนอนกับหญิงอื่นโดยที่ขัดขืนอะไรไม่ได้...เลยเสียใจจนหนีไป...เจ้าสัวศุภกรเสียใจมาก...จึงอาละวาดจะบอกความจริงกับทุกคน...”
“...ฮึก แล้ว คุณ พ่อ ของ ซอ...เป็นยัง ไง...” พ่อแท้ ๆ ของซอ...เป็นยังไง ตอนนี้อยู่ที่ไหน...ทำไมไม่มาดูแลซอกับแม่เลย...ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รักแม่ แต่ก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว...ทำไมถึงไม่มาดูแลแม่...
“ อย่าโทษที่พ่อเธออ่อนแอ...โทษที่ไอ้ศรันย์มันเลว...มันลวงพ่อเธอออกไปเพราะกลัวว่าจะพูดความจริง...เลยบอกว่าจะพาไปหาหญิงคนรัก...แต่สุดท้าย...ก็มีคนพบศพพ่อเธออยู่ที่ชายป่าต่างจังหวัด...คำทำนายมันไม่ได้ผิดตรงที่สุนีย์มีลูกชาย..แต่มันผิดตั้งแต่ให้คนเลว ๆ อย่างศรันย์ขึ้นเป็นผู้นำแล้ว....”
*********************************
ผมนั่งมองปลาที่ว่ายวนไปมาอยู่ในสวนที่เขียวครึ้มไปด้วยพันธ์ไม้ต่างๆ นี่สินะคือสิ่งที่น้าบานชื่นไม่อยากเล่าให้ผมฟัง...มันเป็นเรื่องอัปยศที่ไม่อยากให้ผมรับรู้...ธรรมชาติในสวนที่ทำให้ผมสบายใจทุกครั้ง...แต่มันไม่ได้ช่วยให้ผมดีขึ้นในตอนนี้เลย...ตั้งแต่เมื่อวาน...น้ำตาเหือดแห้งไป...ไม่มีไหลออกมาอีก...ทั้งที่ความรู้สึกมันกลับร่ำไห้...พี่พิงปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวในสวน...ส่วนเจ้าตัวก็เดินวนไปมาอยู่แถวนี้มาส่องดูผมบ้างเป็นบางที...
“ทำอะไรอยู่ ทำไมมารอผมอยู่ตรงนี้”
“......................” ผมส่ายหัวไปมาช้า ๆ เหมือนกับบอกอีกคนกลาย ๆ ว่าผมยังไม่พร้อมที่จะพูดคุยอะไรทั้งนั้น...
“..เฮ่อ...ซอ...หันมาหาผมสิ...”
“..คุณมีอะไร รึเปล่าครับคุณโอ..” ถามออกไปทั้งที่ยังยืนนิ่งมองปลาในสระเล็ก ๆ ว่ายไปมาอย่างไม่หยุดนิ่ง...
“..หันมาสิ...ผมไม่กวนคุณหรอกหน่า...อุตส่าห์เดินทางกลับมา...ผมก็แค่อยากจะเห็นหน้าภรรยาผม... ไม่ได้รึไง...”
“..............................” ... ถอนหายใจก่อนจะหันกลับไปหาคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง...ร่างสูงในชุดสูทเต็มยศดูหล่อเหลาน่ามอง..แต่ผมก็ได้แค่หันกลับไปมองแบบนิ่งๆ ไมได้แสดงอาการอะไร...
“....ไม่อยากกอดผมเหรอ...”
“...ไม่...ถ้าไม่มีอะไร ผมขอตัวนะครับ...” อยากจะอยู่คนเดียว...ไม่อยากจะคุยกับใครตอนนี้... แม้กระทั่งบัวที่มาเดินวนดูผม สวนกับพี่พิงไปมา ผมก็ยังไม่พร้อมจะคุย....
“...แต่ผมอยากกอดคุณ...”
“..คุณโอ!!...ปล่อย!...”
“...ซอ...คุณต้องการผม...ตอนนี้คุณต้องการผม...”
“..ไม่ ต้องการ ผม ฮึก! ไม่ต้อง การคุณ! ฮึก ฮืออ! ไม่ต้อง ฮือ การใคร ฮึก ฮือออ!” ทั้งที่บอกว่าไม่ต้องการ แต่ผมกลับใช้มือกำเสื้อสูทราคาแพงนั่นแน่นเหมือนกับต้องการหลักยึดเหนี่ยวหลังจากถูกรรั้งเข้าไปกอด....ไม่ต้องการ...แต่กลับไม่ได้ขืนตัวออก หรือว่าผลักไส....อ้อมกอดที่โอบกอดในยามนี้จากคนที่ผมคิดว่าใจร้ายกลับอบอุ่นและสัมผัสได้ถึงความจริงใจ...
“..เข้มแข็งสิ...ดีใจสิ..ที่คุณไม่ใช่ลูกของคนเลว ๆ พรรค์นั้น...”
“ ฮึก ฮืออ ผมไม่มีแม่! ตอนนี้ ฮึก ผมไม่ มีแม่! ไม่ มีพ่อ!...ผม เหลือ ตัว ฮืออ คนเดียว แล้ว!! สะ ใจ คุณ แล้วสิ ฮึก ฮืออ สะใจ ไหมเล่า!” เหมือนคนพาล..ที่พูดไปก็ใช้มือทุบหน้าอกแกร่งนั่นไปด้วย...
“...เฮ่อ..คิด ดี ๆ สิว่าคุณเหลือใคร...ร้องไห้ครั้งนี้..ร้องให้คนที่จากไป...ไม่ต้องร้องให้คนที่อยู่..”
“..ฮึก ฮืออ คุณ ฮือ แม่..คุณ อึก พ่อ ครับ...ฮึก ฮืออ!! ซอ อยาก เข้ม แข็ง ฮืออ ซอจะ เข้ม แข็ง! ฮืออ ฮึก ฮืออ” ร้องไห้เหมือนจะขาดใจอยู่ในอ้อมกอดของผู้นำพยัคฆราช...ความสงสารบุพการีมีอย่างล้นพ้น....ยิ่งนึกย้อนกลับไปถึงความเจ็บปวดที่คุณพ่อแท้ ๆ กับคุณแม่ได้รับจากน้ำมือคนใจร้ายนั่นผมก็ยิ่งร้อง...คุณพ่อกับคุณแม่ต้องเสียใจและคิดอดสูแค่ไหนที่ต้องทำอย่างนั้น....ทั้งสองคนต้องทุกข์ใจแม้กระทั่งลมหายใจสุดท้ายของชีวิต...
....ซอจะตอบแทน ความเลวของเจ้าสัวศรันย์ให้สาสม...กับสิ่งที่เขาได้ทำ....ซอจะทำให้รู้ว่าความทรมานจากการถูกเกลียดชังและการสูญเสียมันทรมานแค่ไหน....
**** ความจริงกระจ่างแล้วนะคะ ต่อไปเราก็มาลุ้นว่าน้องซอจะทำยังไง และจะตกล่องปล่องชิ้นหลงรักพระเอกเราตอนไหน แล้วจะมีใครมารบกวนน้องอีก... ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ ...ส่วนน้องทับทิมที่ค้างตอนจบไว้พรุ่งนี้เจอกันค่ะ...