Part 20

ความอบอุ่น
หมอกลอยอ้อยอิ่งแตะยอดดอกโป๊ยเซียนที่เรียงรายอยู่หน้าบ้านหลังเล็ก...ผมยืนกางแขนอยู่หน้ารั้วบ้านที่เปิดแง้ม ๆ เพราะเจ้าของบ้านยังไม่เปิด..ข้าง ๆ ผมเป็นบัวที่หอบกระเป๋าของฝาก...กำลังสูดอากาศเข้าปอดไปพร้อมกัน...วันหยุดสองวันผมเลยขอพี่โอว่าจะกลับมาที่สวน...สุดท้ายแล้วผู้นำพยัคฆราชก็เป็นคนพาผมมาเอง โดยออกเดินทางตั้งแต่ตี 3 หลีกเลี่ยงรถติด ถ้าพี่โอไม่มาด้วยคงมาตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นหลังจากเรียนเสร็จ แต่พออีกคนจะมาด้วยเลยต้องรอ เพราะเมื่อคืนเข้าบริษัทฯ กลับมาก็มืดค่ำแล้ว...พอลงรถที่บ้านหลังใหญ่ก็เกือบ 6 โมงเช้า...อากาศที่ท้องฟ้ากำลังแดงระเรื่อขึ้นน้อย ๆ... บรรยากาศดีสุด ๆ ก้าวลงรถได้ก็ทักทายคุณโต้กับคุณอาทิตย์ที่อุตส่าห์ตื่นมาต้อนรับแล้วผมกับบัวก็วิ่งปรู๊ดมาหาน้าบานชื่น แล้วมายืนสูดโอโซนหน้าบ้านกันก่อน...
“ตะโกนให้แม่ได้ยินเลยดีไหมคะคุณน้อง”
“คนแก่จะตกใจ...บัวไม่ได้บอกไว้ไม่ใช่เหรอ” กลัวว่าจะสะดุ้งตื่นตกใจซะก่อนที่จะดีใจ...
“คิกๆ บัวกะเซอร์ไพรส์ ไปเถอะค่ะ”
“น้าบานชื่นครับ!!! ซอมาแล้ว!!!!”
“คุณน้อง! ไหนบอกว่าไม่ตะโกนไงคะ” บัวหันมองมองหน้าผมที่กำลังเดินเข้ารั้วบ้าน แต่จู่ ๆ ก็ตะโกนขึ้นมาก่อน...
“...ก็ไม่ให้บัวตะโกน แต่ซอจะตะโกนเอง...”
“..ขี้โกง...” ยิ้มแฉ่งให้คนที่หันมาค้อนให้...รู้สึกว่าสมองปลอดโปร่งและอารมณ์ดีจังที่ได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอย่างนี้...
“...แม่บัวก็มาแล้ว!!!!!...”
“อะไร!! ใครมาตะโกนโวยวาย!...คุณน้อง! นังบัว..มาได้ยังไง...”
“ คิดถึงน้าบานชื่นจัง”
“โถ ทูนหัวของน้า จะมาทำไมไม่บอกก่อนเลย...น้าก็คิดถึงคุณน้องค่ะ...” น้าบานชื่นเห็นพวกผมก็รีบกุลีกุจอเปิดประตูให้กว้างขึ้นแล้วใส่รองเท้าเดินมาหาหน้าบ้าน...ก่อนจะโอบกอดเพราะความคิดถึง....อบอุ่นหัวใจจัง....
หลังจากนั้นพวกเราก็เข้าบ้านจัดการเอาของฝาก เป็นพวกเสื้อผ้าออกมาให้น้าบานชื่นลอง...ก่อนจะช่วยกันทำกับข้าว โดยหน้าที่ผมก็ไม่พ้นเด็ดผัก..และหั่นผัก...เพราะครัวในบ้านมันแคบ ผมเลยตั้งระเห็จมานั่งหั่นผักหน้าทีวีบนโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็ก...
ฟอด!
“..อะ...พี่โอ...มาได้ยังไงครับ..” ตกใจก่อนจะหันไปมองคนที่ขโมยหอมแก้มผมไปฟอดใหญ่ หันมองซ้ายขวากลัวคนที่จะอยู่ในครัวเห็น...หน้าหล่อแค่ยักคิ้วให้ก่อนจะหยิบหมอนที่วางอยู่แถวนั้นมาแล้วล้มตัวนอนลงข้างผมที่นั่งหั่นผัก...
“ง่วงจัง..”
“ง่วงก็ไปนอนสิครับ..นอนตรงนี้ได้ยังไงมันเลอะ” มันก็ไม่ได้เลอะหรอก พื้นกระเบื้องออกจะมันปราบเพราะถูกเช็ดถูทุกวัน แค่มันไม่เหมาะกับผู้นำพยัคฆราชที่จะมานอนพื้นแบบนี้....
“ ช่างสิ...จะมาขอกินข้าวด้วย...ขอนอนก่อนนะ..”
“...ครับ..นอนก็นอน...ข้าวเสร็จแล้วซอจะปลุก..” ส่งยิ้มให้คนที่มองมา...ตาคมค่อย ๆ หลับลง...เมื่อคืนก็คงไม่ได้นอนแน่ ๆ แล้วยังต้องออกแต่เช้า รู้สึกว่าพักนี้พี่โอคงจะเหนื่อยมาก
“คุณน้องคะ อะ....คุณโอ...”
“ชู่วว จะมาขอกินข้าวด้วย..” บัวพยักหน้ารับ ก่อนจะหายเข้าไปในครัว แล้วน้าบานชื่นก็มาส่อง ๆ ดู แล้วส่ายหัวเหมือนกับว่ามานอนตรงนี้ได้ยังไง คงดูไม่เหมาะสม...แต่ขึ้นชื่อว่าคน ๆ นี้อยากทำอะไร คงไม่มีใครขัดได้...
“เสร็จแล้วครับ”
“ค่ะ รอเดี๋ยวนะคะ แล้วน้าจะทำกับข้าวเพิ่ม” ยกผักไปให้น้าบานชื่นแล้วเดินเข้าไปในห้อง...ก่อนจะหยิบผ้าห่มตัวเองที่ถูกพับไว้อย่างเรียบร้อยออกมาห่มให้คนที่นอนนิ่ง ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอในเวลาไม่นาน...อากาศเย็น ๆ พื้นเย็น ๆ คงไม่ทำให้คนแข็งแรงไม่สบายหรอกนะ..มาครั้งนี้มีเพียงพี่ชัช ส่วนพี่พิงมีธุระที่ต้องทำเลยไม่ได้มาด้วย...
“...หลับง่ายจัง...” นั่งยอง ๆ ลงข้างคนร่างสูงที่นอนอยู่ ก่อนจะจ้องใบหน้าหล่อเหลาพาลนึกไปถึงรูปคุณผู้หญิงของบ้านที่เสียชีวิตไปแล้ว...เคยเห็นในห้องหนังสือ เป็นผู้หญิงที่สวยมากและท่าทางใจดี...คุณพ่อเองก็หล่อเหลา..ไม่แปลกที่คน ๆ นี้จะหน้าตาปานรูปสลักอย่างนี้...
หลังจากนั้นไม่นาน...กับข้าวก็ถูกนำมาวางเรียงใส่ถาดที่วางในเสื่อที่นำมาปูไว้...ไม่มีโต๊ะอาหาร แต่ก็อร่อยได้...คงต้องปลุกให้ลุกขึ้นมาทานข้าวก่อน ...ผมวางกาแฟที่ส่งกลิ่นหอมฉุยไว้ก่อนจะเดินมาหาคนที่พึ่งนอนไปได้ไม่ถึงชั่วโมง...
“..พี่โอ..พี่โอครับ ลุกขึ้นทานข้าวก่อนนะ...”
“...................” คนที่เหมือนจะหลับสนิทค่อย ๆ ลืมตาขึ้นแล้วมองหน้าผม...ก่อนจะมองผ้าห่มที่คลุมตัวเองอยู่....
“ข้าวเสร็จแล้ว ลุกขึ้นมาก่อนเถอะครับ...”
“....หนาวจัง.....”
“..พี่โอ!...” ใช้มือตัวเองตีมือคนที่ลืมตาขึ้นก็คว้ามือผมไปแนบแก้มตัวเอง...เห็นบัวแอบเหล่ ๆ ด้วย...หนาวที่ไหนผ้าห่มผืนเบ่อเร่อเลย...
“...หอมจัง...”
“หอมก็ลุกเถอะครับ...อ่ะนี่ครับกาแฟ” ยื่นกาแฟให้คนที่พยุงตัวเองลุกขึ้น...พี่โอรับไปก่อนจะยกขึ้นซดเบาๆ
การทานอาหารเช้าผ่านไปอย่างเรียบง่าย และคนที่คิดลำบากว่าจะกินกับข้าวบ้านๆ ที่พวกผมชอบได้รึเปล่า กลับกินข้าวได้ตั้งสองจานพูน ๆ ทำเอาน้าบานชื่นกับบัวยิ้มไม่หุบ...ต้มจืด ไข่เจียว ผัดผัก ไม่เหลือติดจานแล้วตอนนี้....
“อร่อยไหมคะคุณโอ น้าละกลัวคุณจะทานไม่ได้”
“อร่อยมากครับ...ผมไม่ใช่คนทานยากหรอก...ขอบคุณมาก ๆ ครับที่ให้ทานข้าวด้วย..”
“อย่าพูดอย่างนั้นค่ะ น้าต่างหากที่รู้สึกเป็นเกียรติมาก ๆ ขอบคุณคุณโอนะคะ ที่ดูแลคุณน้องและบัว อย่างน้อย ๆ น้าจะตายก็ตายตาหลับค่ะ” บัวทำหน้างอน ๆ เมื่อแม่ตัวเองพูดเรื่องความเป็นความตายขึ้นมา...
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ...มันเป็นหน้าที่ของผม..ผมไม่แปลกใจเลยนะครับที่ซอชอบที่จะอยู่บ้านหลังนี้มากกว่าบ้านหลังใหญ่...เนื้อที่เล็ก ๆ แต่มันอบอุ่นมาก”
“.......................” ยิ้มให้คนพูด...ที่เหมือนจะเข้าใจผมมากขึ้น....ชีวิตช่วงนี้มีความสุขจนเหมือนฝัน...เป็นฝันที่ไม่อยากให้สลายไปไหน...คุณแม่คง
จะโล่งใจสินะ....ที่ผมมีความสุขอย่างนี้....
หลังจากทานข้าวเสร็จ ผมกับคุณโอก็เดินออกจากบ้านเพื่อไปบ้านใหญ่.... แสงแดดอ่อน ๆ ทำให้รู้สึกอบอุ่น...เป้าหมายคือแปลงดอกกล้วยไม้ที่ก่อนหน้านี้มีพื้นที่ที่เป็นดินว่างเปล่าแต่ตอนนี้นี้ถูกปูตัวหนอน พร้อมกับไม้ที่ทำเป็นล็อค ๆ เพื่อวางกล้วยไม้ และโครงเหล็กที่ทำไว้สำหรับแขวน พี่โอบอกว่าบ่าย ๆ นี้แหละจะเอากล้วยไม้ขึ้นแขวน...อยากให้ถึงวันที่มันออกดอกเร็วๆ จัง ส่วนเจ้าฟ้าใสที่ฝากคุณอาทิตย์ไว้ก็ยังสวยและสีสดเหมือนเดิม...
“ ให้ซอขึ้นไปด้วยสิ”
“จะขึ้นไปทำไม รอเก็บอยู่ข้างล่างนี่แหละ”
“ซออยากได้ลูกใหญ่ ๆ” ผมหันไปค้อนให้คนที่ยืนข้างกัน หลังจากที่ชะเง้อมองคนงานที่ขึ้นไปบนต้นฝรั่งที่ไม่สูงมากเพื่อเอาถุงไปห่อฝรั่งและเก็บลงมาให้ไปฝากคนที่บ้านใหญ่....ผมมองเห็นลูกใหญ่ ๆ น่ากินฝั่งนั้นอยากได้จัง...ตอนนี้เกือบจะสี่โมงเย็นแล้ว
แดดไม่ร้อนมากเลยเดินเข้ามาในสวนเพื่อที่จะดูว่ามีอะไรไปฝากที่บ้านได้รึเปล่า..
“ชี้สิ จะเอาลูกไหน ขึ้นไปแล้วกลิ้งลงมาจะเจ็บหนัก”
“..พี่โอหนิ...งั้น คุณลุง ซอเอาลูก ฝั่งขวา สองลูก ใหญ่ ๆ ซอจะเอาไปฝากคุณพ่อ ครับตรงนั้นแหละ โยนลงมาเลยซอจะรับ..”
“ดูทำท่าถอยออกไปเลย” ตั้งท่ารับฝรั่งจากคนที่กำลังจะปลิดแต่ก็ถูกมือใหญ่โยกหัวพร้อมกับไล่ให้ออกมา พี่โอไปยืนรอใต้ต้น คนที่ปลิดก็ยื่นตัวลงมา เพราะความสูงของอีกคนทำให้รับส่งกันได้สบาย ๆ โดยที่ไม่ต้องโยน... ผมรีบเข้าไปรับออกมา... จังหวะเดียวกับที่โทรศัพท์ที่โอดังขึ้น...
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ”
“มีเรื่องนิดหน่อย” ถามคนที่รับโทรศัพท์แล้วทำหน้าเครียดเล็ก ๆ ...หันมองแทนคำถามว่ามีเรื่องอะไร เพราะไม่แน่ใจว่าจะเป็นเรื่องที่ผมควรจะรู้ไหม...
“พิงถูกทำร้าย”
“พี่พิง! เป็นอะไรไหมครับ พี่พิงเป็นอะไรไหม!” ตกใจจนฝรั่งแทบล่วง...พี่พิงโดนทำร้าย...พี่โอหยุดเดินก่อนจะถอนหายใจ
ทำให้ผมยิ่งไม่สบายใจเข้าไปใหญ่...ทำหน้าวิงวอนให้พี่โอรีบตอบคำถาม...
“ ก็พอสมควร..แต่คุณพ่อบอกว่าเจ้าตัวไม่ยอมปริปากบอกว่าใครทำ..”
“...ซอ...เป็นห่วงพี่พิง....”
“ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก...พักพิงเขาแข็งแกร่งกว่าที่ซอรู้อีก..เพียงแค่ว่า เขาเจออะไรมาแค่นั้นเอง...” พี่โอยกมือขึ้นมาลูบหัวผมเบา ๆ พร้อมกับพูดปลอบใจ...ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี...แล้วไหนจะเรื่องที่ไม่ยอมบอกใครอีกว่าเป็นใคร...มันต้องมีอะไรแน่ๆ
/ฮัลโหลครับ/
“พี่พิง...เป็นยังไงบ้างครับ ซอรู้มาว่าพี่ถูกทำร้าย...ซอเป็นห่วงเลยโทรหา” เสียงแหบพร่าที่รับโทรศัพท์ทำให้รู้ว่ามันไม่ใช่เบา ๆ น้ำเสียงเหมือนคนไม่สบายนอนซม...
/ พี่ไม่เป็นไร...อย่ากังวลเที่ยวให้สนุก...ไม่ต้องห่วงพี่หรอกรู้ไหม/
“แต่...”
/ เชื่อพี่สิ...พี่ไม่เป็นไร.../
“ ใครทำพี่พิงบอกซอสิ...พวกมันกล้าดียังไงมาทำพี่พิง...แค่ได้ยินเสียงซอก็รู้ว่าพี่พิงกำลังป่วย...ซอ ไม่ สบาย ใจ..” ในที่สุดก็ขี้แย เพราะคิดว่าคนแข็งแรงอย่างพี่พิงป่วยและเจ็บหนักอย่างที่พี่โอบอก ก็คงจะสาหัสพอสมควร....
/ ขี้แยอีกแล้ว...ไม่ต้องห่วงหรอก...พี่ไม่เป็น อะไร จริง ๆ ไม่ เป็น ไร หรอก /
“ พี่พิง...ฮึก พี่พิง ร้องไห้ ใช่ไหม..ซอได้ ยินเสียง..” ..ได้ยินจริง ๆ ยิ่งได้ยินผมก็ยิ่งร้องจนคนที่ยืนมองอยู่เดินเข้ามาหา....เสียงสั่นๆ พร้อมกับเสียงฟืดฟาดเบา ๆ ผมคิดว่าได้ยินไม่ผิด...พี่พิงกำลังร้องไห้...
/ หูฝาดล่ะสิ พี่ไม่เป็นไร...เอาล่ะเที่ยวให้สนุก พี่แค่เป็นหวัด...อย่าลืมของฝากนะรู้ไหม /
“ ครับ..พี่พิงพักผ่อนนะ แล้วเจอกัน..”
/ ครับ ซอก็ดูแลตัวเองด้วย แค่นี้ครับแล้วเจอกัน /
กดวางโทรศัพท์ก่อนจะเงยหน้ามองคนที่มายืนอยู่ข้างๆ ตั้งแต่ที่ผมน้ำตาซึมเพราะห่วงพี่พิง...การมาครั้งนี้เหมือนกับว่าพี่โอจะมาเพื่อผม เพราะตั้งแต่มาก็ไม่ได้ไปทำอะไรนอกเหนือจากอยู่เป็นเพื่อนและพาผมเดินไปดูนั่นดูนี่ทำให้เพลิดเพลินหมดวันไปอย่างไม่รู้ตัว...และในเวลาที่ผมรู้สึกเศร้าก็เจอเป็นคนแรกที่อยู่ข้างๆ กัน...
“ พิงเป็นอะไร”
“ ซอได้ยินเสียงเหมือนพี่พิงร้องไห้...แต่พี่พิงไม่ยอมรับ...พี่พิงต้องทุกข์ใจอยู่แน่ ๆ แต่บอกใครไม่ได้...อาการอย่างนี้...มัน ทร ฮึก มาน นะ ครับ ฮึก” ความทุกข์ใจที่พูดและบอกใครไม่ได้ ได้แต่เก็บไว้ในใจเป็นความรู้สึกที่ทรมานที่สุด...
“ อาจจะไม่ร้ายแรงอะไรก็ได้...เอาไว้เรากลับไปพี่จะจัดการให้ดีไหม...พักพิงไม่เคยมีความลับกับพี่หรอก..”
“ ครับ” ขอให้เป็นอย่างนั้น...อย่างน้อย ๆ ก็บอกใครซักคนได้ จะได้ไม่ต้องเก็บไว้คนเดียว....พี่โอยื่นมือมาเช็ดน้ำตาที่ปริ่มออกมาออกจากใบหน้า...ผมมองคนที่อ่อนโยนที่สุดในตอนนี้....พี่โอเปลี่ยนไปมาก...ก็เพราะคน ๆ นี้ทำให้ผมรู้สึกเหมือนฝัน ที่ทุก ๆ อย่างดูเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี...
..ขอให้เป็นอย่างนี้ตลอดไปได้รึเปล่านะ...อยากจะอ้าปากขอร้องและวิงวอน...แต่ก็กลัวว่าจะไม่มีสิทธิขนาดนั้น...
เย็นวันนั้นผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพี่โซ...ความกังวลถูกคลี่คลายลงในที่สุด หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยโทรไปถามสารทุกข์สุขดิบ เพราะเรื่องในงานวันเกิดพี่โอ ปรากฏว่าพี่โซและพวกพี่ ๆ ระแคะระคายความจริงเกี่ยวกับคุณแม่และผมอยู่แล้ว...เพียงแต่ยังไม่แน่ใจ เลยพยายามชดเชยทุกอย่างให้ผมอย่างเต็มที่เหมือนที่ผ่านมา...แต่ตอนนี้ทุกอย่างออกจากปากของคนเก่าแก่ในบ้าน....ทุกคนโกรธเจ้าสัวศรันย์มาก ....แต่ยังไงนั่นก็พ่อ....และเจ้าตัวก็ยืนกรานว่าทำทุกอย่างก็เพราะว่ารักลูก.....และพี่ ๆ ก็ชักชวนผมกลับบ้าน ในฐานะพยัคฆราชเต็มตัว...ผมรู้ว่าตอนนี้พวกพี่ ๆ ทุกข์ใจและรู้สึกผิดแทนพ่อตัวเองที่ทำเรื่องเลวร้ายแบบนั้น...ปฏิเสธเรื่องจะเข้าไปอยู่ในบ้าน .....พวกพี่ก็ยังไม่รู้ว่าพ่อของพวกเขาพยายามที่จะฆ่าผม..ไม่อยากบอก...เพราะเพียงแค่นี้พวกพี่ก็ทุกข์ใจพอแล้ว....
“นอนไม่หลับเหรอ”
“ครับ..ซอคิดอะไรเพลิน ๆ” หันตามแรงกระชับกอดที่รอบเอวจากด้านหลัง...หลังจากที่มายืนรับลมที่ระเบียงห้อง...ช่วงนี้ชักจะชิน ๆ กับการกอดและสัมผัสจากอีกคน...พี่โอวางคางลงบ่าผม...
“..เรื่อง?...”
“ หลายเรื่องครับ..ทั้งพี่พิง ทั้งทางบ้าน...” ไม่คิดจะปิด เพราะรู้สึกว่าได้พูดได้ระบายให้คน ๆ นี้ได้ฟังแล้วมันรู้สึกสบายใจขึ้น...และทุกเรื่องก็คือเรื่องที่พี่โอรู้อยู่แล้ว...
“..คิดมากแค่ไหน..”
“ ไม่มากครับ...แต่มันก็หยุดคิดไม่ได้..”
“..หนาวไหม...”
“....หนาว.....” มีคำถามแทนคำปลอบโยน คนที่กอดเอวผมจากด้านหลัง...เปลี่ยนไปยืนพิงระเบียงก่อนจะกอดเอวผมจากด้านหน้าแทน ทำให้เราใกล้ชิดกันมากขึ้น...คำตอบผมทำให้ถูกโอบกอดทั้งตัว...อบอุ่น...หายหนาว...และแปลกที่หาย..กังวลใจ...
“...อยากจูบ...”
“...บ้าน่ะสิ...” ทุบอกแกร่งไปเบา ๆ เพราะคำขอที่ทำให้ใจเต้น...ปกติอยากทำเขาก็ขอกันอย่างนี้รึไง...
“..ขอจูบนะ...นะนะ...”
“นิดเดียวนะ” อ้อนมาได้...พร้อมกับโยกตัวเบาๆ กล่อมผมไปด้วย...เสียงทุ้มกระซิบข้างหูอย่างวิงวอน...
“...อืม...”
ท้องฟ้าโปร่งในยามค่ำคืน พระจันทร์ส่องสุกสว่างดวงโต...เสียงจิ้งหรีดเรไรร้องระงมเหมือนกู่แซวเราสองคนที่ยืนกอดกันอยู่บนระเบียงกับจุมพิตแสนหวานท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องอาบร่างไว้...
จิตใจซึมซับความรู้สึกต่าง ๆที่ถูกถ่ายทอดมาทางอ้อมกอดและจูบอ่อนโยนจนรู้สึกอ่อนไหวไปทั้งหัวใจ...แค่เพียงสัมผัสจากคน ๆ นี้...ความทุกข์ที่มีก็เหมือนจะมลายหายไปหมด...
***************************************************
หันมองรอบ ๆ ตัวที่มีการ์ดยืนอยู่สามสี่คนรวมทั้งที่ชัชด้วย....ตอนนี้ผมยืนอยู่หน้าห้องพี่พิง หลังจากที่พี่โอเข้าไปก่อนแล้ว...เพื่อที่จะเข้าไปเยี่ยมและไต่ถามความจริงที่เกิดขึ้น...ทุกคนเป็นห่วงคนที่นอนซมอยู่ในห้องไม่น้อย...หลังจากที่กลับจากสวนก็ตรงดิ่งขึ้นมาเลย...
“พักพิง!!!”
“..พี่โอ...” เพราะเสียงตวาดเสียงดังที่เล็ดลอดออกมาทำให้ผมรีบผลักประตูตามเข้าไป...ภาพที่เห็นคือพี่พิงนั่งนิ่งอยู่บนเตียง สีหน้าดูอ่อนล้าจากอาการป่วย...แต่แววตากลับกร้าวแข็ง...หน้าตามีรอยช้ำอยู่ทั้งหน้า ริมฝีปากยังมีรอยแตกอยู่....ส่วนพี่โอก็ยืนทำท่าอารมณ์เสียงอยู่ตรงหน้า...
“ พี่พิง เป็นยังไงบ้างครับ..”
“..พี่ไม่เป็นอะไร...ไปเที่ยวมาสนุกไหม...”
“ เอาล่ะพิง อย่าเปลี่ยนเรื่อง...มีอะไรที่บอกผมไม่ได้..” พี่โอยังเค้นเอาความจริงต่อ ซึ่งท่าทางจะไม่เป็นไปอย่างที่เจ้าตัวบอกว่าพี่พิงไม่เคยมีความลับด้วย
“ ผมบอกไม่ได้ครับคุณโอ..”
“...ถ้ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่...ผมจะไม่อะไร...แต่ดูสภาพคุณสิ...”
“......................” พี่พิงยังนิ่งจนผมเองก็ใจไม่ดี...มันเรื่องอะไรกันแน่...แล้วใครเป็นคนทำ...ทำไมพี่พิงถึงบอกใครไม่ได้...ผมเกาะแขนพี่พิงไว้ ยังรับรู้ได้ถึงไอร้อนที่แผ่มา...
“...ได้ผมจะไม่ซักอะไรอีก...คุณเหมือนน้องชายผมคนนึง...ผมทนไม่ได้หรอกนะที่จะให้ใครมาทำร้ายคนของพยัคฆราชโดยที่ผมไม่จัดการอะไร..” เพราะเหตุนี้สินะพี่โอเลยโมโหหนัก...
“..ผมขอโทษครับคุณโอ...ผมอยากเคลียร์เรื่องนี้เอง...ผมไม่ เป็น อะ..ไร..”
“พอ เถอะครับ...พี่โอครับ ซออยากคุยกับพี่พิง..”
“.......................” พี่โอก็ดูเหมือนจะตกใจที่จู่ ๆ พี่พิงก็เสียงสั่นขึ้นมา ดูยังไงก็ดูออกว่าเหมือนจะร้องไห้...ผมรีบบอกให้พี่โอหยุด ก่อนที่ร่างสูงนั่นจะเดินออกไป...ตอนที่ได้ยินทางโทรศัพท์ร้องไห้จริงๆ สินะ..
“ไม่เป็นไรนะครับ ยังไงพี่พิงก็ยังมีซอนะ”
“..................” พี่พิงนั่งก้มหน้า ทำให้ผมต้องลุกขึ้นไปยืนตรงหน้า แล้วย่อตัวลงกอดคนที่ร่างกายสั่นสะท้านทั้งที่ไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมาเลย...
“ ฮึก..ไม่ เป็น ฮือ อะไร..! ฮือ..”
“..พี่พิง...” เพราะความอ่อนไหวทำให้น้ำตาคลอไปกับคนที่โผกอดเอวผมที่ยืนอยู่แน่น ใบหน้าสวยซบลงที่ท้อง....เสียงร้องไห้ดังออกมาในที่สุด...ใครกันนะ...ที่ทำให้คนที่เข้มแข็งทั้งกายและใจเป็นอย่างนี้...เสียขวัญ หวั่นไหว และหวาดกลัวต่อบางอย่าง...ความรู้สึกที่มีภายใต้ความเข้มแข็งที่เจ้าตัวเพียรสร้างให้คนอื่นเห็น....
*** อ่านตรงนี้กันซักนิดนะคะ....มาอีกตอนแล้วค่ะ มาแบบหวาน ๆ ขม ๆ...และขอโทษที่มาล่าช้า...เลยมีอะไรจะไถ่โทษนิดหน่อย...กระซิบละกันใครอยากรู้ว่าพี่พิงเป็นอะไร.. มีคำตอบค่ะ... แต่เสาะหากันนิดนึง...ว่าควรจะจิ้มตรงไหน...อย่าจิ้มเพลินจนลืมเมนท์ค่า..ตอนต่อไปเร็ว ๆ นี้ตอนหน้าใครอยากเห็นน้องซอแบบร้ายน่ารักก็ติดตามนะคะ