Part 21 แอบร้ายนิด ๆ
ก้มลงหยิบหนังสือที่วางไว้บนเตียงเป็นสิ่งสุดท้ายของเช้าที่ดูเหมือนว่าจะเงียบเหงา เพราะพี่โอไปดูงานที่อังกฤษตั้งแต่เมื่อวาน พี่พิงถูกห้ามไปเรียนเพราะยังไม่หายดี...เดินออกจากห้องก่อนจะเดินไปหน้าห้องพี่พิงที่มีการ์ดยืนอยู่...ชายชุดดำโค้งหัวให้ผมก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงบอกเข้าไปได้...แสดงว่ามีคนเข้ามาเช้ากว่าผมแน่ ๆ คงจะเป็นแม่บ้านที่เข้ามาดูแล...
“.....พี่พิง...ซอเข้าไปนะครับ....”
“.......................” เสียงในห้องยังเงียบกริบแต่ก็มองเห็นร่างสูงโปร่งนั่นเหยียดยาวอยู่บนเตียง...ใบหน้าบวมช้ำก่อนหน้านี้เริ่มดีขึ้นแต่รอยยังชัดเจนอยู่...ตาเรียวปิดสนิท ลมหายใจสม่ำเสมอแสดงให้เห็นว่าคนที่นอนอยู่หลับสนิท...ยิ่งเห็นบาดแผลพวกนั้น...ผมยิ่งนึกแค้น...
/ ฮึก พวก ชั่ว มดแมง หมารอบ กัดพวกนั้น!...พี่จะฆ่ามันเอง../
...ถึงแม้ไม่บอก ผมก็คิดว่าเดาได้ว่าคนที่พิ่พิงพูดถึงหมายถึงใคร...ตอนแรกว่าจะปรึกษาพี่โอแต่อีกฝ่ายก็ไม่อยู่...ส่วนเจ้าสัวกำลังมีแพลนจะไปเที่ยวในอาทิตย์หน้าไม่อยากจะเอาเรื่องน่าปวดหัวไปให้ก่อนจะได้มีความสุข...
“คุณหนูแน่ใจว่าจะไปคนเดียวเหรอครับ”
“ครับซอไปได้ ฝากดูแลพี่พิงด้วยนะครับ” การ์ดหน้าห้องถามผมหลังจากที่เปิดประตูออกมาจากห้องพี่พิงเงียบ ๆ เจ้าสัวสั่งให้การ์ดตามผมไปเรียนด้วย ซึ่งมันคงจะแปลกเกินไปถ้าไปนั่งเรียนแล้วมีคนไปนั่งเฝ้า ใส่สูทหน้าตาดุดัน...ถึงจะทำได้แต่ผมว่ามันก็คงไม่เหมาะสม เลยจะไปคนเดียว เพียงแค่ให้คนขับรถไปส่งก็พอ...
“ครับคุณหนู...อ้อ...คุณหนูครับ...นี่ครับมีคนมาส่งให้เมื่อเช้า...”
“...ของซอเหรอครับ...” ผมรับดอกกุหลาบแดงดอกใหญ่จากมือการ์ด...ฝ่ายนั้นพยักหน้ารับทำเอาผมงง...ใครส่งมาให้ ดอกเดียวและดอกใหญ่..มีการ์ดเล็ก ๆ ติดอยู่...เดินลงบันไดก็ส่องดูการ์ดไปด้วย...
.....ถึง น้องซอ...ดีใจที่ได้เจอ......
“...ใครกัน....”
“...คนขับรถพร้อมแล้วค่ะคุณน้อง..”
“...ซอฝากเอาไปเก็บที่ห้องหน่อยสิบัว..” บัวรับดอกไม้ไปถือไว้แล้วเดินมาส่งผมหน้าบ้านที่มีรถจอดรออยู่แล้ว...โบกมือให้คนมาส่งก่อนจะขึ้นรถเพื่อไปเรียน...มองนาฬิกาข้อมือที่ใส่ก็อดอมยิ้มไม่ได้...เพราะมันเหมือนกับที่ผมซื้อให้พี่โอในวันเกิดแต่มันกลับไม่ใช่เรือนเดียวกันเพราะอีกคนตั้งใจไปซื้อมาให้เหมือนกัน...เพียงแต่เรือนมันเล็กกว่า...แล้วเอามาให้ผมเมื่อวานก่อนไปดูงาน...เมื่อเช้าก็โทรมากำชับว่าห้ามลืมใส่....เวลามองจะได้คิดถึงคนให้...
“ขอบคุณครับ ถ้าเรียนเสร็จแล้วซอจะโทรหา”
“ ครับคุณหนู “ ผมยิ้มให้คนขับรถ ก่อนจะหันหน้าเข้ารั้วมหาลัยฯ เนื่องจากคณะผมอยู่ใกล้ที่สุดถ้านับจากขอบรั้วทางเข้าทำให้ไม่จำเป็นต้องขี่รถเข้าไปถึงข้างใน ยกเว้นที่พี่พิงขับรถมาถึงจะไปจอดหน้าคณะเลย...
เดินเข้ามาคนเดียวก็รู้สึกแปลก ๆ เหมือนกัน เพราะปกติต้องมีพี่พิงชวนคุยนั่นนี่เรื่อย ๆ แต่คราวนี้ต้องเดินคนเดียวทำให้รู้สึกประหม่าน้อย ๆขึ้นมา..แต่ภูมิต้านทานความโดดเดี่ยวของผมมีอย่างเต็มเปี่ยมเลยไม่ยากที่จะปรับตัว...จะกลัวเรื่องแค่นี้ไม่ได้ เพราะวันนี้ผมมีเป้าหมายและสิ่งที่ต้องทำหลังจากเรียนวิชาเสร็จ...
เอี๊ยดดด!!! ว้ายยยย!!!
“.....................”
“เป็นอะไรรึเปล่า...”
“ ไม่เป็นไรครับ “ ค่อย ๆ ตั้งสติ หลังจากที่ได้แต่ยืนนิ่ง ๆ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเสียงล้อบดเบียดกับถนนเพราะหลบผมที่กำลังจะข้ามถนน ทั้งที่หันมองซ้ายขวาแล้ว แต่ทำไมถึงมีรถวิ่งมาด้วยความเร็วสูงขนาดนี้...ผมเงยหน้ามองคนที่ดึงผมเข้ามาข้างทางถึงรู้ว่าเป็นอาจารย์ทัศนันท์ หรืออาจารย์ทัศที่บรรดาสาว ๆ พากันพูดถึงและเข้าเรียนกันแทบจะทุกคาบที่อาจารย์คนนี้สอน...เพราะความหล่อ รวย และโสด...
“อาจารย์เป็นยังไงบ้างคะ”
“ ทำไมถึงขับรถด้วยความเร็วขนาดนี้ ในเขตมหาลัยครับ นักศึกษา” หญิงสาวที่ก้าวลงมาจากรถรีบวิ่งเข้ามาหาอาจารย์ทัศ ก่อนจะแค่ปรายตามองผม โดยไม่มีถ้อยคำสำนึกผิดออกมาซักคำ...รถราคาแพง คนขับน่าตาสะสวย...แต่..
“ ขอโทษค่ะ...คือหนูรีบค่ะ..อาจารย์ไม่เป็นอะไรงั้นหนูไปนะคะ..”
“ เธอควรจะขอโทษน้องเขานะ นรินดา”
“แต่หนูไม่ได้ผิดอะไรนอกเหนือจากขับรถเร็วนี่คะ...แล้วถนนน่ะเขามีรถวิ่ง ไม่ได้ให้ไปเดินอ่อย เอ่อหนูหมายถึงอ้อยอิ่งน่ะค่ะ” ตาคมสวยเพราะขนตาปลอมและอายไลน์เนอร์จ้องผมอย่างหมั่นไส้....
“ ขอโทษผมซะ”
“ว่าไงนะ” เธอชะงักไปหลังจากที่ผมพูดสิ่งที่เธอควรทำออกไป...ความเร็วขนาดนั้นคงจะไม่น้อย เพราะผมมั่นใจว่ามองซ้ายขวาดีแล้ว ถ้าอาจารย์ดึงแขนผมออกมาไม่ทัน หรือเธอเบรกไม่ทัน อะไรจะเกิดขึ้น...นักศึกษาคนอื่นเริ่มมามุงดูว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะรถคันสวยยังจอดขวางถนนอยู่ ทำให้รถคันอื่น ๆ ต้องอ้อมไปอีกทางของถนนในมหาลัยฯ
“ผมบอกให้พี่ขอโทษผมซะ!”
“เธอผิดเองนะที่มาดะ...”
“..ในเมื่อทำผิดไม่ขอโทษ มารยาทในสังคมที่เรียนมาไม่ได้นำมาใช้...งั้นก็ไม่ต้องเรียนให้เสียเวลา!..ไฟกระพริบนั่นหมายถึงใช้ชะลอความเร็ว กฎคือขับขี่ไม่เกิน 40 แต่เท่าที่พี่เหยียบมามันไม่ใช่...หรือจะเถียงครับ...” พูดพร้อมกับจ้องมองใบหน้าสวยนั่น เพราะตั้งใจให้ทุกคำพูดที่พูดได้ซึมผ่านสมองคนที่แต่งตัวสวยแต่ภายนอก...และต้องการให้ได้ยินทุกถ้อยคำ...
“...เธอคงจะไม่รู้ใช่ไหมว่าฉันเป็นใคร...แล้วอาจารย์รู้ไหมคะ..” คนที่ถูกผมต่อว่าชูคอขึ้นอย่างน่าหมั่นไส้....พร้อมกับกล่าวถาม
ออกมานิ่ง ๆ แบบไม่รู้สึกรู้สาอะไร..
“..ผมทราบครับ ว่าคุณเป็นใคร...นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณต้องยิ่งปฏิบัติตามกฎระเบียบเพื่อรักษาหน้าพ่อตัวเองหรอกเหรอครับนักศึกษา..”
“อาจารย์!!..จะมากไปแล้วนะคะ!” ผมพอจะรู้แล้วว่าเธอเป็นใคร...คงจะใหญ่โตไม่น้อย หรืออาจจะเป็นลูกสาวอธิการบดีของที่นี่ก็ได้ใครจะไปรู้...แต่นั่นมันก็ไม่ใช่ประเด็นที่ผมจะต้องยอม...
...ผมยอมมาทั้งชีวิตแล้ว...จะไม่ยอมอะไรง่าย ๆ อีกต่อไป....
“ พี่นั่นแหละจะมากเกินไป!!”
“....................” เสียงเซ็งแซ่ รวมถึงผู้หญิงคนนั้นหยุดชะงักเมื่อผมตวาดขึ้นเสียงดัง...เอาสิ....มาดูกันว่าใครจะแน่กว่ากัน.
..ในเมื่อทุกคนก็ต่างใช้อำนาจในมือในทางที่ตัวเองต้องการ...ผมก็อยากจะใช้บ้างเหมือนกัน.....ราชสีห์เกริกไกร และ พัยคฆราช..ถ้าคิดว่าตัวเองอยู่ในวงสังคมจริงๆ คงไม่มีใคร...ไม่รู้จัก....
“ ขับรถผิดกฎมหาลัย! ขึ้นเสียงกับอาจารย์ ใช้อำนาจที่มีเพียงปลายก้อยข่มขู่คนอื่น...ทำอย่างนี้ไม่กลัวพ่อแม่รู้แล้วจะเสียใจเหรอครับ..”
“..แอร้ยยยยย!!! แก ไอ้บ้า!! ฉันจะฟ้องพ่อ!!..” คนที่ยืนอยู่กรีดร้องเมื่อได้ยินชัดเจนว่าผมพูดว่าอะไร...แค่ยกยิ้มมุมปากให้ก่อนจะยกมือไหว้อาจารย์ทัศแล้วรีบเดินออกมา...ดีนะที่มาก่อนเวลา ถ้ามาสายแล้วเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ ทำให้เสียเวลาเรียน ผมอาจจะหงุดหงิดกว่านี้อีก....
ดูเหมือนว่าข่าวคราวที่ผมไปมีเรื่องกับรุ่นพี่ปี 3 จะโด่งดังพอสมควร เพราะ นรินดา โชคบวรกุล คือลูกสาวของ อธิการบดี อย่างที่ผมคิดจริงๆ เพื่อนร่วมคลาสเข้ามาถามไถ่ พร้อมกับแสดงความเป็นห่วง เพราะเธอไม่เคยกลัวใคร ไม่สนใจใคร...ไม่พอใจก็หาทางให้พรรคพวกกลั่นแกล้งจนต้องออกไป...
“แล้วพิงล่ะซอ ทุกทีเห็นมาด้วยกัน”
“ อ๋อ ไม่สบาย แยกกันตรงนี้นะพอดีเรามีธุระ” ผมบอกเพื่อนผู้ชายในห้องที่เดินออกมาพร้อมกัน...ทุกคนก็นิสัยดีกันหมด...มีเพียงบางกลุ่มที่คร่ำเคร่งเรียน จนเหมือนคนเห็นแก่ตัว...
“ ..ได้...แล้วเจอกัน..”
“.....................” มองกลุ่มเพื่อนที่แยกตัวออกไปเพื่อรอเรียนต่อ... เป้าหมายที่ผมตั้งใจไว้ว่าจะต้องไปคือ...ตึกวิศวะ...
เด่นไม่น้อยเมื่อผมเดินไปหยุดยืนอยู่หน้าคณะวิศวะ คนที่เดินเข้าออกมากันหันมองแบบเปิดเผย เสียงผิวปากมีให้ได้ยินเป็นระยะ...เวลาอย่างนี้น่าจะยังรอเรียนอยู่...
“ขอโทษนะครับ จะถามว่า..พี่โฟนอยู่ไหนครับ..”
“ พี่โฟน สเตฟานน่ะเหรอ “ ผมพยักหน้า ลืมไปว่าชื่อโฟนมันไม่ได้มีแค่คนเดียว....สเตฟาน...ชื่อเล่น โฟน...นี่คือสิ่งที่ผมรู้...ทำไมถึงคิดว่าใช่ก็ไม่รู้เหมือนกัน...แต่ความมั่นใจมันมาจากไหนไม่รู้...
“ เห็นเดินสวนเมื่อกี้ น่าจะเรียนชั้นสอง แต่ไม่รู้ว่าห้องไหน”
“ขอบคุณครับ” ขอบคุณแล้วก้าวขึ้นตึกวิศวะ เพราะเตรียมตัวมาพอสมควร เลยไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่...เดินขึ้นบันไดมาชั้นสองก่อนจะมองซ้ายขวา...เหมือนโชคจะเข้าข้าง เมื่อเป้าหมายของผมยืนคุยกับเพื่อนอยู่หน้าห้อง....
“ เฮ้ยย ๆ..นี่มันน้องซอ สังคมนี่หว่า..”
“ ขอคุยกับพี่โฟนหน่อยครับ “ ผู้ชายในชุดชอปเกือบสิบคนหันมองผมคนเดียว...เสียงแซวดังในช่วงแรก ๆ แต่พอผมเอ่ยปาก เจ้าของชื่อก็หันมา พร้อมกับเสียงที่เงียบไป...
“...ทำไมไม่เป็นกูวะ.เสียดายว่ะ!..แมร่งใคร ๆ ก็เรียกหาแต่พี่โฟน ๆ พี่โฟน...นี่เชี่ยฟอย ยังไม่มานะ ไม่งั้นคงมีคนมาขอพบพี่ฟอยค่ะ...”
“..................” ไม่สนใจเสียงนกเสียงกาที่เริ่มพูดขึ้นมาอีก... หลังจากร่างสูงนั่นเดินออกมาจากกลุ่มเพื่อน ยกยิ้มให้ผมหลังจากที่เห็นว่าเป็นใคร แล้วเดินเลยไปให้ไกลจากวงเพื่อน...
“ มีอะไรครับคุณหนู “
“ ทำร้ายพี่พิงทำไม”
“......................”
“ ผมรู้ว่าเป็นฝีมือคุณ...ถ้าเป็นลูกผู้ชายพอก็รับสารภาพมา!” ทำสีหน้าจริงจังใส่คนที่แค่เลิกคิ้วใส่ผม...ร่างสูงยืนล้วงกระเป๋า ระดับความสูงทำให้ต้องเงยหน้ามอง...
“..แล้วไง...”
“..นี่!..” ปัดมือหนาที่เอื้อมมาขยี้หัวผม เหมือนจะหยอกเล่น สูงนักใช่ไหม...ก้าวขึ้นตรงระเบียงที่อยู่ข้าง ๆ ทำให้ตอนนี้ผมสูงกว่าคนที่ยืนอยู่...
“ เล่นอะไรคุณหนู”
“ ผมมั่นใจว่าคุณเป็นคนทำ แม้พี่พิงจะไม่พูดอะไรก็เถอะ!..ถ้าคิดว่ายังเป็นลูกผู้ชายก็ไปขอโทษพี่พิงซะ..ไม่งั้นอย่าหาว่าผมไม่เตือน!” จ้องมองลงไปหาคนที่อยู่ต่ำกว่า...แต่แววตานั่นกลับไม่สะทกสะท้านอะไร....
“...มันไม่ใช่เรื่องของคุณหนู...กลับไปกินนม นอนดีกว่ามั้งครับ...”
ผลั๊วะ!!
“..................”
“เมื่อไหร่จะทำนิสัยเหมือนคนโตซักทีครับ!! คุณสเตฟาน.. รู้ไหมว่าพี่พิงต้องนอนป่วยอยู่บนเตียง.!!” พูดออกมาอย่างโมโหจนนักศึกษาที่เดินไปมาหันมอง...คนที่ยืนอยู่นิ่งไปตั้งแต่....ผมกระหน่ำหนังสือบนมือลงบนหัวที่คิดว่าน่าจะกลวงคิดอะไรไม่ได้...ยังไงก็ตีแล้วผมก็เลยฟาดให้สุดแรงจนเสียงดัง..อย่างไม่กลัวอีกคนทำร้ายคืน....บอกแล้วไงว่าผมเตรียมใจมาแล้ว...
“..................”
“...พี่พิง น่าสงสาร...ร้องไห้ ...ทั้งที่ไม่เคยร้อง...ชอบใช่ไหม ที่เห็นคนอื่นมีความ ทุกข์..ชอบ ล่ะสิ..” เสียงผมสั่น...ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะก้อนบางอย่างวิ่งขึ้นมาจ่อจุก...เมื่อคิดถึงพี่ชายที่นอนป่วยอยู่บนเตียงตั้งหลายวัน...คงจะป่วยทั้งกายและใจ
ผลั๊วะ!!
“..................” ....ก้าวลงมายืนในระดับเดียวกันก่อนจะจ้องมองคนที่ยืนนิ่งอยู่....ไม่พูด ได้แต่มองผมแล้วเสมองไปที่อื่น...ทำให้หมั่นไส้จนต้องฟาดหนังสือลงที่แขนแข็งแรงนั่นอีกรอบ อย่างแค้นในใจ...ยิ่งได้ยินอีกคนพูด ทำให้ยิ่งมั่นใจว่าคน ๆ นี้คือคนที่ทำร้ายพี่พิง...
“...พอใจรึยัง ถ้าพอใจแล้วก็รีบกลับไปดูแลกันซะ..ไม่งั้นคุณหนูจะโดนผมทำอีกคน..”
“................” เป็นผมที่ยืนนิ่งกับสายตาเข้มเขม็งที่มองมา คำพูดที่ออกจากปากมันดูน่ากลัว...แต่ผมไม่กลัว...
“ ก็เอาสิครับ...แล้วจะได้เห็นดีกัน...ผมเตือนคุณว่าอย่ายุ่งกับพี่พิงอีก...ไม่งั้นคนที่นอนซมหรือไม่ก็อาจจะถึง ตาย...คือคุณ...อย่าคิดว่าผมไม่กล้าทำ” ไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจที่ผมพูดไหม...แต่ความรู้สึกผมส่งผ่านสายตาที่มองไปอย่างเต็มเปี่ยม...ถึงผมจะทำอะไรไม่ได้มาก..แต่มั่นใจว่าคนที่รักผมทำได้แน่ ๆ
“...ให้เขามาเคลียร์กับผมเอง...”
“...ผมคิดว่าพี่พิงมาแน่นอนครับคุณสเตฟาน...แต่ถ้าคุณแตะพี่พิงอีก...ผมกับพยัคฆราช จะมาด้วย..” เดินเบียดคนที่เดินอยู่ เพื่อออกจากที่ตรงนั้น...วันนี้ก็ถือว่าบรรลุวัตถุประสงค์...เตรียมใจว่าอาจจะถูกทำร้าย...แต่กลับรอดมาได้...
...อย่างน้อย ๆ ถ้าผมมองไม่ผิด...ในดวงตาที่แข็งกร้าวนั่น...ยังมีแววอ่อนไหวยามที่ได้ฟังว่าพี่พิงร้องไห้...และการที่ยืนให้ผมตีเอา ตีเอา...ก็มั่นใจว่าเป็นคนที่ทำอะไรแล้วรับผิดชอบความผิดของตัวเองแน่นอน...
ในที่สุดวันนี้ก็ผ่านพ้นไปจนได้ รู้สึกปวดหัวกับเรื่องที่เกิดตั้งแต่เมื่อเช้าและเกิดระหว่างรอเรียน...เดินออกมารอแถว ๆ หน้ามหาลัยฯ หลังจากที่โทรไปบอกคนขับรถว่าผมเรียนเสร็จแล้ว ก้มมองนาฬิกาก็เกือบ สี่โมงเย็น...เรียนทั้งวันจนสมองตึงไปหมด...
“....ซูกัส...”
“.................” หันมองผู้หญิงสองคนที่เดินผ่านผมไป....หลังจากที่ทั้งคู่ลงมาคุยกับเพื่อนกลุ่มนึง....หนึ่งในนั้นคือ คุณหนูเล็กแห่งราชสีห์เกริกไกร แปลกใจว่ามาอยู่นี่ได้ยังไง....อาจจะมาหาเพื่อน....แต่ที่ทำให้แปลกใจที่สุดคือ...
....ซูกัสขึ้นรถไปกับผู้หญิงที่จะขับรถชนผมเมื่อเช้าด้วยท่าทางที่สนิทกัน.....นรินดา บุตรสาวของอธิการบดี...
****************************************
“ซอ ตื่นเต้นขนาดนี้เลย?”
“พี่พิงอ่า อย่าล้อสิ...ก็นี่เป็นครั้งแรกนะที่พวกพี่จะมาเยี่ยมซอถึงที่นี่...” ผมหันมองคนที่เดินเข้ามาหาผมที่นั่งอยู่ในสวนแถวหน้าบ้าน ชะเง้อคอมองคนที่นัดว่าจะมาเยี่ยมวันนี้...
“เมื่อวานก็ชะง้ออย่างนี้ คอยาว”
“บ้า ไม่ได้รอซักหน่อย” หันมองคนที่หน้ายังมีรอยช้ำน้อย ๆ แต่ก็ถือว่าจางมากแล้ว...ถึงจะยิ้มแย้มและทำตัวเหมือนปกติ แต่ทำไมผมจะไม่รู้ว่าพี่พิงมีเรื่องในใจ...แต่ผมก็ยังไม่คิดที่จะถาม...เพราะถ้าอยากบอกพี่พิงก็คงบอกเอง...
“แน่ใจเหรอ เดินวนทั้งวันพอคุณโอมาถึงก็ยิ้มแฉ่ง”
“อย่ามาล้อนะ” ทำหน้างอนใส่คนที่ยื่นมือมาหยิกแก้มผม...ก็แอบรอหน่อย ๆ สำหรับคนที่กลับมาแล้วตั้งแต่เมื่อวาน...เมื่อคืนก็นอนกอดทั้งคืนแล้วเป็นคนบอกข่าวดีว่าพี่ ๆ จะมาเยี่ยมวันนี้...พอเช้ามาพี่ถึงได้โทรมาหาผมว่าจะมา ที่โทรหาพี่โอเพราะจะขออนุญาตก่อน...ซึ่งก็ไม่มีอะไรขัดข้อง ผมเลยได้มานั่งชะเง้อมองอยู่ตรงนี้....
“ ไม่ล้อ ๆ นั่นใช่ไหมครับ”
“ ใช่ ๆ ไปครับ” หัวใจรู้สึกพองโตขึ้นมาก่อนจะรีบพาพี่พิงลุกขึ้นแล้วเดินตามรถที่วิ่งเข้าไปจอดหน้าบ้านหลังใหญ่เรียบร้อยแล้ว เห็นพี่โอกับคุณพ่อออกมาต้อนรับแล้วด้วย..ผมเลยกลายเป็นคนช้าที่สุดเลย..
“ซอมาแล้ว!!”
“ว่าไงเจ้าตัวแสบไปซนที่ไหนมา” กระโดดกอดพี่โซหลังจากที่แอบย่อง ๆ มา...ดีใจจัง...ถึงแม้ว่าทั้งสองตระกูลจะมีเรื่องบาดหมางกันบ้าง แต่ทุกคนก็ยอมที่จะเดินคนละครึ่งทางเพื่อผม...
“คงจะไปนั่งรอที่หน้าบ้านครับ เห็นชะเง้อคอยาวตั้งแต่เช้ามืด”
“พี่บอกแล้วนี่ว่าจะมาประมาณเที่ยง” พี่ไซน์ที่กำลังกอดผมอยู่ ก้มลงพูดหลังจากที่พี่โอพูดเกินความจริง ไม่ถึงกับเช้ามืดซักหน่อยก็แค่ตั้งแต่ แปดโมงเช้าเอง...
“..สวัสดีค่ะ เจ้าสัว สวัสดีค่ะพี่โอ...เป็นยังไงบ้างคะพี่ซอดูท่าคงจะสบายดีใช่ไหมคะ...”
“ ซูกัส “
“ พอดีน้องอยากมาเยี่ยมซอด้วยน่ะ ก็เลยมาด้วยกัน” ผมมองผู้หญิงที่พึ่งจะก้าวลงรถ เหมือนรอเวลาเปิดตัวอย่างนั้นแหละ ถึงออกมาทีหลัง...ผมพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะมองน้องสาวต่างสายเลือดที่กำลังจ้องมองพี่โออยู่อย่างหวานเชื่อม...หลังจากพี่โอกับคุณพ่อยกมือรับไหว้แล้ว...
“ พอดีซูกัสไปเที่ยวต่างประเทศกับเพื่อน เลยซื้อไวน์ชั้นดีมาฝากค่ะ”
“ขอบคุณมาก ไม่น่าลำบากหิ้วมาเลย”
“ไม่หรอกค่ะ คือซูกัสได้ข่าวว่าพี่โอเคยเรียนพวกรัฐศาสตร์ การปกครองมา แล้วซูกัสสนใจพวกนี้อยู่อยากจะขอคำปรึกษาด้วยค่ะ เพราะที่เรียนอยู่เหมือนจะไม่ใช่..”
“ ครับ แต่ก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร ก็ลืม ๆ ไปบ้าง แต่ถ้าช่วยเหลืออะไรได้ผมก็ยินดี” น้องสาวผมพยายามจะสร้างโลกส่วนตัวมากจนเกินไปแล้ว ทักทายกันอีกนิดหน่อยก็พากันเข้าบ้าน ไหนๆ ก็มาแล้วเลยตั้งโต๊ะ ทานข้าวกันเลย...
ทุกคนพยายามหลีกเลี่ยงเรื่องธุรกิจ หรือผลประโยชน์ ซึ่งเป็นประเด็นขัดแย้งกันอยู่ เลือกที่จะคุยแค่เรื่องประสบการณ์ในทุก ๆ อย่าง ดูเหมือนว่าพอพวกพี่รู้ความจริง แรงต่อต้านเจ้าสัวอดุลย์จะลดลงจนแทบจะมองไม่เห็น ซ้ำยังฟังอดีตเก่า ๆ ตั้งแต่สร้างเนื้อสร้างตัว...คนที่นั่งฟังนั่งมองอย่างผม...รู้สึกมีความสุข...ผมกับพี่พิงไม่ได้ดื่มไวน์อย่างคนอื่น เลยจัดน้ำกระเจี๊ยบเย็นๆ กันสองคน...ซักพักมีโทรศัพท์เข้าพี่พิงถึงได้ลุกออกไป แต่คงมีแค่ผมที่สังเกตได้ว่าสีหน้าพี่พิงเคร่งเขม็งลง....ใครโทรมา...
“ นี่ค่ะพี่โอ อร่อยนะคะ กุ้งแม่น้ำสด ๆ”
“..ขอบคุณครับ...” คนที่เอาใจพี่โอออกนอกหน้านอกตามีเหลือบมองผมบ้าง แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร ซูกัสคุยกับผมนับคำได้ แต่กลับเจื้อยแจ้วเหมือนประจบพี่โออย่างเห็นได้ชัด ตกลงว่ามาเยี่ยมผมรึเปล่า
“แม่พวกเธอเป็นคนสวย ฉันกับพวกหนุ่ม ๆ ในบ้านได้วางมวยกันประจำ ฯ...” ส่วนพวกพี่ ๆ ก็กำลังตั้งใจฟังเจ้าสัวเล่าถึงคุณแม่กันอย่างเต็มที่ แต่ไม่ใช่ตอนที่มีเรื่อง เป็นตอนที่คุณแม่อยู่อย่างมีความสุขตั้งแต่อยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า....ถ้ามองไม่ผิดผมเห็นผู้ชายตัวโตอย่างพี่ซันแอบน้ำตาคลอด้วย...แน่นอนเพราะพวกผมรักคุณแม่มาก..คนไม่รู้สึกรู้สาก็คงจะมีเพียงหญิงเดียวในบ้าน....ผมแอบยิ้มตามและคิดภาพตามไปด้วย...มันมีความสุขอย่างที่สุดเพียงเพราะนึกถึงภาพคุณแม่ยิ้ม....
“ ซอ...อร่อยนะ..”
“......................” กำลังฟังเจ้าสัวเพลิน ๆ แต่ก็ต้องหันไปยิ้มให้คนที่ตักกุ้งมาวางให้....
“ พี่โอคะ ของซูกัสละคะ..”
“ ซูกัส อย่าเอาแต่ใจสิ เกรงใจเจ้าสัวกับคุณโอบ้าง” พี่ซันหันไปดูน้องสาวตัวเองที่ทำหน้างอน ๆ เมื่อพี่โอตักกุ้งให้ผม....ใครช่างจัดที่นั่งให้เธอมานั่งใกล้พี่โอ แขนเรียวมือเล็กนั่นก็เกาะแขนพี่โอเขย่าอย่างถือวิสาสะ จนผมรู้สึกอายแทน...ไม่ยักกะรู้ว่าสนิทกันถึงขั้นนี้...เผลอตัวอีกทีผมก็จ้องมือเล็ก ๆ ที่ยังคล้องแขนพี่โออยู่...
“ ก็ซูกัส อยากให้พี่โอตักให้หนิคะ..”
“ อ่ะพี่ตักให้ ทานซะให้อร่อยนะครับ”
“.....................” ซูกัสทำหน้าปุเลี่ยน เมื่อผมลุกขึ้นยืน ตักกุ้งแม่น้ำให้เธอสองตัวใหญ่ ๆ เอาไปกินเลยทั้งเปลือกวุ่นวายดีนัก..
“ พี่โอครับ ซออึดอัด ไปนั่งฝั่งพี่โซสิครับ” โต๊ะทานข้าวตัวใหญ่ มีคุณพ่อนั่งตรงหัวโต๊ะ ผม พี่โอ ซูกัส และพี่ซัน นั่งฝั่งเดียวกัน ส่วนพี่โซ กับพี่ไซน์นั่งด้วยกัน...สาเหตุที่ไม่บาลานซ์เพราะซูกัสเธอมานั่งแทรกระหว่างพี่โอกับพี่ซัน...
“งั้นเหรอ ...ฝั่งนั้นที่เหลือเยอะ.. ซอไปนั่งกับพี่สิ..”
“ ครับ ไปสิ ซอจะไปนั่งกับคุณพ่อด้วย..” เหมือนว่าพวกพี่ ๆ กำลังกลั้นหัวเราะเพราะมองเจตนาผมกับพี่โอออกว่าต้องการลุกหนีจากซูกัส ถ้าอึดอัดจริง ก็ควรจะไปคนเดียว หรือไม่พี่โอก็ไปคนเดียว นี่ยกไปทั้งสองคน...เนื่องจากฝั่งผมข้างๆ คุณพ่อเป็นเคาท์เตอร์วางไวน์ ด้านพี่โซไม่มีผมเลยขยับไปนั่งใกล้คุณพ่อที่เอื้อมมือมาขยี้หัวผมอย่างหมั่นไส้....พี่โซมองแล้วยิ้มเหมือนกำลังโล่งใจ ว่าสิ่งที่ผมพูดว่าที่นี่ดูแลผมเป็นอย่างดีเป็นความจริงทุกประการ...
“ พี่ซอคะ ซูกัสได้ข่าวว่าพี่มีเรื่องที่มหาลัยเหรอคะ ที่ไปเดินตัดหน้ารถของลูกสาวอธิการ แล้วไม่ยอมขอโทษ”
ผมเงยหน้าก่อนจะอึ้งกับสิ่งที่ซูกัสพูดออกมา...คนอื่น ๆ บนโต๊ะหันหน้ามองผมเป็นตาเดียว....ไม่แปลกที่เธอจะรู้ เพราะผมจำได้ว่าเห็นเธอไปกับผู้หญิงคนนั้น...แต่สิ่งที่รู้คือความจริงรึเปล่า....แค่นั้นเอง...
“ เธอรู้อะไรมาเหรอ “
“ ก็ข่าวออกจะแรงว่าพี่ไปเดินหว่านเสน่ห์ให้อาจารย์ในมหาลัยฯ จนขวางทางรถ ไม่จริงเหรอคะ”
“ซูกัส!!”
- คุยกันซักนิดนะคะ คนอ่านทุกคน...
… ครั้งต่อไปใครอยากอ่านสองตอนรวดก็คอมเมนท์ให้กำลังใจเรียกร้องกันได้ จะได้มีแรงฮึดแต่งเสร็จเร็ว ๆ ...ตอนแรกคือตอนพิเศษของพี่พิงหลังจากรับโทรศัพท์...และ ตอนปกติที่น้องซอต้องการกำลังใจอย่างแรง และต้องการการปกป้องอย่างเต็มที่ รอให้กำลังใจน้องซอด้วยนะคะ ...ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แล้วพี่พิงจะทำอะไร
...ใครอ่านตอนพิเศษตอนแรกของพี่พิงไปแล้วก็รออ่านตอนต่อในนี้ค่ะ... เนื่องจากซอเป็นคนดำเนินเรื่อง ใครที่ไม่ได้อ่านตอนพิเศษในตอนแรกก็คงไม่เป็นไร เพราะเรารับรองว่าเรื่องไม่สะดุด ไม่มีผลต่อเนื้อหาหลักอย่างแน่นอน...แค่แต่งให้คนชอบคู่รองได้อ่าน...ถึงไม่ได้อ่านตอนพิเศษตอนแรก อ่านตอนพิเศษที่ 2 ของพี่พิงก็เข้าใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นเพียงแต่ว่า อาจจะได้อรรถรสน้อยลง อารมณ์ไม่พรุ้งพร่านเต็มที่ 555 ว่าไปนั่น...