บทที่ 86 Eating Contest
“ครูครับ เรื่องการ์ดสูงสุดที่ต้องเอาให้ครูวันไหนครับ” เฟี๊ยตเอ่ยถามหญิงชรา ในช่วงสุดท้ายก่อนกลับที่พักของการเรียนวันที่สอง
“ค่าเรียนใช่ไหม” เสียงแหบแห้งนั่นถามกลับมา
“ใช่ครับ” เขาตอบ
“จะจ่ายเป็นการ์ดอะไรหละ” หญิงชราถามต่อ
“หญ้าฝรั่นเรืองแสงครับ” เฟี๊ยตตอบพร้อมหยิบสมุด ด้วยจะส่งการ์ดนั่นให้กับหญิงชราเป็นค่าเรียน แต่ก่อนที่เขาจะหยิบการ์ดออกมาสำเร็จ เสียงของครูก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ไม่ต้องเอามาให้ข้าหรอก แค่เปลี่ยนมันกลับเป็นสิ่งของ แล้วก็ปาใส่ถังขยะไปซะ แค่นี้ก็จบ ข้าไม่ใช่ผู้เล่น การ์ดสูงสุดไม่มีประโยชน์อะไรเลยสำหรับข้า กลับไปทิ้งที่อื่นละกัน ข้าขี้เกียจรอ ข้าไปนอนแล้วนะ” ครูของเขาเอ่ยก่อนจะเดินหายลับเข้าไปในส่วนลึกของร้าน
เฟี๊ยตแวะมาที่ชายป่าก่อนจะกลับที่พักในเย็นวันนั้น เขาหยิบน้ำเปล่าขึ้นมาขวดหนึ่ง เทผงจักระและผงยาอีกเล็กน้อยที่ตัวเองมีลงไป เขาเปิดฝาขวดน้ำออก หลังจากเขย่าผสมกันจนดีแล้ว ชายหนุ่มค่อยหลับตาลง พร้อมทั้งตั้งสมาธิอย่างช้าๆ เขากำหนดจิตไปที่อวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นอีกครั้ง เฟี๊ยตกวาดสายตาสำรวจไปโดยรอบ สุดท้าย เขาจึงเลือกกำหนดจิตไปที่ต้นไม้ต้นหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก
“spout!”
เสียงของเขาเอ่ยสั่งสั้นๆ อย่างเฉียบขาด น้ำในขวดปริมาณหนึ่งพุ่งออกจากรวดเร็ว ในขณะแรกมันมุ่งหน้าไปยังต้นไม้ที่เขาหมายตาอยู่ แต่เพียงชั่วพริบตาเดียวที่มีใบไม้ที่ต้นไม้ที่ไม่ห่างออกไปสั่นไหว ใจของเขาเหไปหาความเคลื่อนไหวนั้นอย่างไม่รู้ตัว ทำให้การเคลื่อนที่ของยาของเขาเบนออกจากเป้าหมาย และพุ่งไปอย่างไร้จุดหมาย เฟี๊ยตได้แต่พิจารณาอย่างช้าๆ ยาตำรับนี้ใช้ยากอย่างที่ครูของเขาบอกไว้ไม่มีผิดเลย
เขาลองอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาเปลี่ยนใจโดนเลือกที่จะหลับตาแทน เขาจ้องมองต้นไม้ต้นนั้นอย่างแน่วแน่ก่อนจะหลับตาลงช้า พร้อมกับสมาธิที่ตั้งมั่น
“spout!”
เสียงน้ำกระฉอกออกจากขวดน้ำดังจนรู้สึกได้ แล้วเพียงชั่วเวลาเดียวเท่านั้น เขาก็ต้องลืมตาขึ้นเมื่อพบว่าน้ำผสมจักระที่ควรจะพุ่งไปสู่ต้นไม้ที่เขาเล็งไว้นั้นไปไม่ถึงเป้าหมาย แต่มันกลับย้อนกลับมาเปียกมือเขาเต็มๆ ใช่แล้ว ช่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเดียวที่เขาได้ยินเสียงน้ำกระฉอกออกไปนั่น จิตเขาประหวั่นกลับมาอย่างห้ามไม่ได้ และมันก็ทำให้การควบคุมของเขาไม่ประสบความสำเร็จอีกแล้ว
ชายหนุ่มตัดสินใจลืมตาเหมือนเดิม เพราะเขาค้นพบว่าการลืมตาแล้วจ้องไปที่เป้าหมายนั้นควบคุมจิตได้ดีกว่ามาก เขาพยายามลองซ้ำไปซ้ำมาอีกหลายต่อหลายครั้ง แต่ผลนั้นก็ยังเป็นแบบเดิมคือ เขายังไม่สามารถส่งยาที่ต้องการไปถึงเป้าหมายได้สักที ใกล้เคียงทีสุดที่ทำได้ก็ยังห่างจากเป้าหมายไปเกือบเมตรได้ เฟี๊ยตได้แต่ถอนใจอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะตัดสินใจกลับที่พักเมื่อดวงอาทิตย์ยามเย็นกำลังจะลับขอบฟ้าไป
‘ขนาดเล็งต้นไม้ต้นเบ้อเริ่มขนาดนี้ยังยิงไปให้เฉียดใกล้ยังยากเลย ตอนที่ครูยิงเข้าปากหนูได้พอดีนี่ทำได้ยังไงนะ เฮ้ออ หนทางยังอีกไกล แต่เอาเหอะ ถ้าเกมนี้มันเอาชนะกันง่ายๆ ก็คงน่าเบื่อจริงไหม เอาวะ ถ้าได้สิบล้านนะ จะเบิกเงินมาโปรยเล่นเหมือนในหนังเลย ฮ่าฮ่าฮ่า’ เขาเอ่ยขึ้นในใจอย่างติดตลก ก่อนจะสาวเท้าพาตัวเองกลับมาสู่ที่พักโฮมสเตย์ในคืนนี้ที่เขาได้ติดต่อจองไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“น้องคะ พรุ่งนี้ที่ร้านของเราจะจัดกิจกรรมแข่งขันชิงรางวัลนะคะ รายละเอียดตามใบปลิวนี้เลยค่ะ ถ้าสนใจเรียนเชิญนะคะ ไม่เสียค่าสมัคร ค่าเข้าร่วมฟรีค่ะ” หญิงสาวที่หน้าเคานเตอร์ของร้านอาหารยื่นใบปลิวให้เขาพร้อมกับยิ้มอย่างเป็นมิตร คืนนี้เขาเลือกพักที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมือง เนื่องจากถูกใจการตกแต่งเป็นพิเศษ
“ขอบคุณครับ” เฟี๊ยตส่งรอยยิ้มกลับไปด้วยความเป็นมิตรเช่นกัน เขาหยิบรับใบปลิวมา ก่อนจะเดินอ่านไปและขึ้นห้องที่ตัวเองจองไว้ตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้ว
‘แข่งขันกินราเมง ใครกินได้มากที่สุด รับไปเลยของรางวัลสุดพิเศษ! โอกาสง่ายๆ สำหรับผู้เข้าร่วมเกมทุกคน ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการสมัคร ไม่ต้องเสียค่าอาหาร ขอเพียงเข้าร่วมกิจกรรมเท่านั้น กติกาง่ายๆ คือ ใครกินราเมงได้มากที่สุดในเวลาครึ่งชั่วโมงจะเป็นผู้ชนะ ข้อแม้คือ ห้ามอาเจียนออกมาเป็นอันขาด ผู้แข่งขันคนใดอาเจียนออกมาจะถูกปรับแพ้ฟาล์วในทันที ผู้ที่เหลือรอดคนสุดท้ายเท่านั้นจะได้รางวัลสุดพิเศษไป แล้วพบกัน ใครคิดว่าเจ๋ง ใครคิดว่าแน่ ใครคิดว่ากินจุ มาเอารางวัลจากเราไปเลย!’ เฟี๊ยตกวาดสายตาและอ่านเนื้อหาใจความในใบปลิวนั่นจนจบ เขาเดาว่าของรางวัลนี่น่าจะเป็นการ์ดดีๆ เป็นแน่ มิหนำซ้ำ อาจจะเป็นการ์ดสูงสุดก็เป็นได้ ซึ่งนั่นหมายความว่า มันควรจะเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องเข้าร่วมแข่งขันเพื่อชิงชัยด้วย แต่คนอย่างเขาอยู่ไกลจากคำว่ากินจุอยู่ไกลโข ถ้าแข่งนี่คงจะเรียกได้ว่ามีโอกาสชนะเพียงริบหรี่เท่านั้น ชายหนุ่มยังคงกวาดตามองข้อความในใบปลิวนั้นอย่างพินิจพิเคราะห์ เขาเชื่อมั่นว่ามันจะต้องมีทางออก เขาจะต้องชนะการแข่งขันนี้ให้ได้ ถึงแม้ว่าเขาจะกินไม่เก่งเลยก็ตาม
เฟี๊ยตพาตัวเองมาอยู่ในห้องน้ำ หลังจากที่ให้เวลาในการพินิจพิเคราะห์ใบปลิวเจ้าปัญหานั่นไปเกือบชั่วโมงได้ เขายังเหลืออีกหนึ่งภารกิจที่ต้องทำ ถึงแม้ว่ามันจะขัดกับความรู้สึกของเขามากก็ตาม
ชายหนุ่มหยิบการ์ดหญ้าฝรั่นเรืองแสงออกมาถือไว้ในมือ 1 ใบ สายตาของเขาจับจ้องไปที่การ์ดที่เขาใช้ความพยายามในการได้มาอย่างยากเย็นนั้น ถ้าขาย การ์ดใบนี้จะมีสนนราคาเรือนหมื่นเลยทีเดียว แต่วันนี้ เขาต้องทิ้งมันไปอย่างไร้ค่า เพื่อแลกกับความรู้ที่ได้เรียนจากร้านขายยานั่น
เฟี๊ยตกลืนน้ำลายก้อนใหญ่ ด้านมืดของสมองเขาสั่งว่า ถึงแม้ว่าเราจะทิ้งหรือไม่ทิ้งการ์ดตรงหน้านี่ ครูของเขาก็ไม่น่าจะมีทางรู้อยู่ดี เขาจะทำตัวเป็นคนดีไปทำไมมากมาย ในเมื่อก็ไม่ได้มีใครมาสนใจอยู่แล้ว หญิงชราคนนั้นไม่ได้ดูมีท่าทียี่หระหรือสนใจต่อค่าเรียนที่ว่านี่แม้แต่น้อย ราวกับมันเป็นเพียงคำพูดขู่เท่านั้น ไม่ได้มีความหมายต้องการอยากได้จริงๆ แต่อย่างใด ซาตานในหัวเขาหลอกล่อเขาทุกวิธีทางให้เขาเมินเฉยต่อการรักษาคำสัตย์นั่น เงินเหยียบหมื่นทำให้เขาลังเลได้ไม่น้อยเลย
แต่อย่างไรก็ตาม เทวดาในหัวเขาก็ไม่ได้ทำงานน้อยหน้ากันไปสักเท่าไหร่ มันบอกกับเขาอย่างหนักแน่นว่า ถึงแม้ว่าจะทำต่อหน้าหรือลับหลัง ความถูกต้องก็คือความถูกต้อง คำสัญญาให้แล้วต้องรักษา ถ้าแค่รักษาคำพูดง่ายๆ แค่นี้ยังทำไม่ได้ เขาจะเป็นลูกผู้ชายได้อย่างไร อีกอย่าง ครูของเขาอาจจะมีวิธีสืบรู้ก็ได้ว่าเขาได้ทิ้งไพ่ไปตามคำพูดแล้วหรือยัง ถ้าเขาไม่ยอมทำ อาจจะมีปัญหาตามมาภายหลังก็เป็นได้
“RELEASE!”
เฟี๊ยตอาศัยช่วงจังหวะเวลาที่ความคิดฝ่ายดีครอบงำสมองของเขาอยู่นั้นเรียกสั่งการปลดปล่อยหญ้าฝรั่นเรืองแสงที่เขาเพียรพยายามหาวิธีผนึกมันมาตั้งนาน ก่อนจะเทหญ้าดังกล่าวที่อยู่ในมือลงชักโครก ก่อนจะรีบกดน้ำทำลายทิ้งอย่างรีบร้อนราวกับว่าถ้าช้าไปเพียงชั่ววินาทีหนึ่งเขาอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ฉะนั้น
เขาถอนหายใจอย่างโล่งอกปนเสียดาย เขาเทเงินหนึ่งหมื่นเหรียญลงชักโครกไปต่อหน้าต่อตา แต่ช่างเถอะ ถ้าเขาไม่ทำ เขาอาจจะรู้สึกติดค้างใจไปตลอดชีวิตก็เป็นได้
การเรียนปรุงยาพิษ (ที่หลายครั้งเขาก็ถามตัวเองว่าตัวเขาเองหลงมาเรียนวิชาที่ตรงกันข้ามกับตัวเขาได้มากถึงขนาดนี้ได้อย่างไร) ในวันสุดท้ายนั้นเป็นไปอย่างเข้มข้น เพราะครูของเขารวบเนื้อหาทั้งหมดในส่วนที่เหลือให้จบภายในวันนี้ เนื้อหาหลักๆ พูดไปถึงเรื่องการใช้ยาพิษเพื่อทำลายระบบหัวใจและหลอดเลือดเป็นหลัก ในขณะที่ก็จะมียาพิษอีกหลายอย่างที่เป็นส่วนเล็กส่วนน้อยที่แทรกเข้ามาเพิ่มเติม
ยางน่อง เป็นพืชที่เด่นที่สุดในวันนั้นที่เขาได้เรียนรู้ ยางน่องเป็นต้นไม้ที่ชาวป่าชาวบ้านใช้กันมานานในการล่าสัตว์ โดยพรานจะทายางน่องไว้ที่ปลายหอกหรือลูกธนู และทันทีที่ยางน่องได้แทรกซึมเข้าไปในระบบเลือดของเหยื่อสำเร็จ อำนาจของมันจะทำการหยุดการทำงานของหัวใจลงอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลารอ ไม่ต้องเสียเวลาตาม เป้าหมายจะสิ้นลมราวกับสั่งได้อย่างใดอย่างนั้น แต่ยางน่องก็ไม่ค่อยนิยมใช้เพื่อล่าสัตว์ที่นำมาทำเป็นอาหารเท่าไหร่ เพราะอาจจะหลงเหลือพิษปนมากับอาหารได้ มันจะถูกใช้ในกรณีฆ่าสัตว์ร้ายที่มาระรานมากกว่า นอกจากยางน่อง เฟี๊ยตก็เรียนรู้วิธีการทำยาพิษจากต้นไม้อื่นที่มีฤทธิ์ใกล้เคียง เช่น ลั่นทม ถุงมือจิ้งจอก ไปจนถึงคางคกบางสายพันธุ์ที่สามารถนำมาบดทำยาที่ให้ฤทธิ์แบบเดียวกันได้
สิ่งหนึ่งที่เฟี๊ยตไม่เคยพลาดในการเรียนเรื่องยาพิษเลยคือยาถอนพิษ บางครั้งดูเหมือนจะตั้งใจเรียนกว่าการทำยาพิษด้วยซ้ำ ทุกครั้งที่เรียนเรื่องยาพิษหนึ่งๆ จบ เขาจะต้องให้ครูสอนด้วยว่าจะแก้พิษนั้นๆ ต้องทำอย่างไร ถึงแม้ว่าหลายๆ ครั้งหญิงชราจะทำท่าเบื่อหน่ายจะสอนเขาถึงวิธีการช่วยชีวิตเหยื่อ แต่เขาก็จะซักไซ้จนได้คำตอบมาทุกครั้ง จนหลังๆ เป็นธรรมชาติไปเลยที่ครูจะสอนเขาเรื่องยาถอนพิษด้วย ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้เอ่ยขอขึ้นเป็นพิเศษอย่างใดก็ตาม
“การเรียนทำยาพิษเพื่อเป็นนักวางยาของข้าได้จบหลักสูตรแล้ว สามวันถ้วนที่ข้าถ่ายทอดความรู้ที่จำเป็นต้องใช้ให้เจ้าจนครบถ้วน การสอบเพื่อเข้าอาชีพง่ายมาก เมื่อไหร่ก็ได้ที่เจ้าพร้อม ไม่ต้องเตรียมอะไรมาเป็นพิเศษ ขอแค่เอาสมองมาก็พอ วันไหนก็ได้ ตามแต่ใจเจ้า เรื่องสำคัญอื่นๆ ของนักวางยาที่เจ้าควรรู้ ข้าจะอธิบายให้ฟังเมื่อเจ้าได้เข้าสู่อาชีพนี้เต็มตัวแล้ว เพราะถ้าเจ้าสอบไม่ผ่าน ข้าจะได้ไม่ต้องมานั่งปากเปียกปากแฉะฟรี ฮ่าฮ่าฮ่า” ครูของเขาเอ่ยสรุปการเรียน หลังจากที่เฟี๊ยตสังเกตการตายจากหนูตัวสุดท้ายของบทเรียนเป็นที่เรียบร้อย มันถูกวางยาพิษที่ทำมาจากแมลงหน้าตาคล้ายด้วงตัวหนึ่ง ยาพิษไร้สีไร้กลิ่นไร้รส แต่ทันทีที่ได้รับเข้าไป เหยื่อก็เกิดอาการหงุดหงิดงุ่นง่าน และแสดงอาการทางเพศออกมาอย่างปิดไม่มิด ยาปลุกเซ็กส์นั่นเอง นี่เป็นอีกหัวข้อหนึ่งที่เขาต้องเรียน สุดท้ายแล้วเจ้าหนูก็ตายด้วยไตวายเฉียบพลันอย่างน่าอนาถใจยิ่งนัก
“ขอใบสมัครเข้าร่วมการแข่งขันแข่งกินจุ 1 ใบครับ!” เขาเอ่ยขึ้นหลังจากกลับมาจากเรียนวิชาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หญิงสาวคนเดิมยิ้มอย่างยินดี ก่อนจะหยิบใบสมัครใบหนึ่งให้เขา
“เตรียมตัวเลยนะคะ การแข่งขันจะเริ่มภายในครึ่งชั่วโมงนี้นะคะ” หญิงสาวบอกกำหนดการ
“เอ่อ ถ้าเป็นไปได้ผมขอที่นั่งด้านในสุดของเวทีนะครับ คือ ผมค่อนข้างประหม่าเวลาอยู่ต่อหน้าคนเยอะๆ หนะครับ” เฟี๊ยตเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่เขาบรรจงส่งออกไปแบบที่มั่นใจว่า ยิ้มแบบนี้แหละ หล่อที่สุดแล้ว!
จากผู้แต่ง : นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นมาด้วยความตั้งใจที่ว่าอยากให้เนื้อเรื่องดำเนินไปช้าๆ ให้ผู้อ่านค่อยๆ ซึมซับเนื้อหา และรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของเกม มันอาจจะช้าไปบ้าง ก็ทำใจเนอะ มันเป็นความตั้งใจของผู้แต่งเนอะ
ปล. แต่งแค่นี้ก็แทบแต่งไม่ไหวแล้วนะค๊าบบบ อย่าขอเพิ่มเลย ไม่ไหวแว้ว ห้าห้า อาจจะน้อย อาจจะช้า แต่ก็ดีกว่าหนีหายไปเนอะ
