บทที่ 76 Recompense
เภสัชกรหนุ่มมายืนอยู่หน้าบาร์ที่ตั้งอยู่ที่ชั้นใต้ดินของโรงแรมที่เขาเข้าพักหลังจากที่แวะขึ้นไปเปลี่ยนการแต่งกายเล็กน้อย และสำรวจห้องพักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เฟี๊ยตในตอนนี้ถอดผ้าคลุมไหล่ที่ยาวเทอะทะออก เหลือเพียงแต่เสื้อสีน้ำตาลทองแซมดำที่ชวนหลงใหลนั่น ขาทั้งสองข้างในกางเกงสีเข้าชุดพาตัวเขาเข้าไปยังบาร์แห่งนั้น ชายหนุ่มมองซ้ายมองขวาหลายครั้ง ก่อนจะตัดสินใจเลือกนั่งบริเวณเคานเตอร์บาร์ตรงมุมเครื่องดื่มนั่นเอง
บรรยากาศของบาร์ในชั้นใต้ดินดังกล่าวตกลงสไตล์คันทรี่หน่อยๆ ให้อารมณ์เหมือนสถานที่สังสรรค์ที่เห็นได้ตามหนังอเมริกันเก่าๆ เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ประกอบขึ้นด้วยไม้เป็นหลัก พื้นที่ค่อนข้างกว้างขวางมากกว่าที่เขาคิด พื้นที่ส่วนแรกคือบาร์เครื่องดื่มที่เขานั่งอยู่นั่นเอง ตรงนี้น่าจะเหมาะกับนักท่องเที่ยวที่มาคนเดียว และไม่ต้องการสัมผัสกับความวุ่นวายเท่าไหร่ ต่างกับพื้นที่ส่วนที่สองที่แยกออกมาเป็นกึ่งบาร์กึ่งร้านอาหาร มีดนตรีสดจากวงดนตรีเล่นคลออยู่ตลอดเวลา ในขณะที่ส่วนสุดท้ายที่ลึกเข้าไปมีลักษณะคล้ายผับที่เห็นได้ทั่วไปในปัจจุบัน รูปแบบจำลองมาจากสถานเริงรมย์แถบสุขุมวิททองหล่อไม่มีผิดเพี้ยน ต่างกันตรงที่ว่า สไตล์การแต่งร้านที่นี่จะออกแนวคันทรี่เสียมากกว่า หากแต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรค์ในการกินดื่มแต่อย่างใด
เขาทดลองสั่งเครื่องดื่มแนะนำของกุมภาพันธ์มาพิสูจน์รสชาติ ค็อกเทลสีส้มอ่อนๆ คล้ายน้ำผลไม้จำพวกเบอร์รี่ แต่เมื่อแตะที่ปลายลิ้นก็พบว่ามันมีรสขมของแอลกอฮอล์ที่เจืออยู่ไม่น้อยเลย อร่อยดีแฮะ!
“อีกแก้วนึง น้อง” เสียงของเฟี๊ยตเอ่ยดังขึ้นสั่งบาร์เทนเดอร์
“เอ่อ ผมว่าพี่เมาแล้วนะครับ นี่ก็แก้วที่ 15 แล้วนะครับ เปลี่ยนเป็นม๊อกเทลดีกว่าไหมครับพี่” เสียงจากบาร์เทนเดอร์ที่ดูเหมือนจะมีอายุน้อยกว่าเขาอยู่สองสามปีเอ่ยทักท้วงมาด้วยน้ำเสียงเกรงๆ ปนเป็นห่วง
“ไม่ต้อง จะกินแก้วแบบนี้ ได้ยินไหม อร่อย อย่างอื่นไม่กิน เอามาอีก” เสียงอ้อแอ้ของเฟี๊ยตบ่นดังมาอย่างไม่ต้องการให้ใครมาขัดใจในเวลานี้ ถึงเขาจะหงุดหงิดอยู่ในใจ แต่เสียงที่สื่อออกไปก็ไม่ได้มีความเกรี้ยวกราดแต่อย่างใด ติดจะดูโวยวายน้อยๆ เหมือนคนเมามากกว่า
“เฮ้ย ทำอะไรเนี่ย!” เสียงตะคอกดังมาจากข้างหลังของเฟี๊ยตในจังหวะที่เขากำลังเถียงกับบาร์เทนเดอร์หนุ่มนั่นเอง
“ไรวะ” เฟี๊ยตหันไปอย่างงงๆ เมื่อรู้สึกว่าเสียงนั่นหมายถึงตน
“มึงทำอะไรของมึงเนี่ย มึงเห็นไหมว่าเสื้อกูเปื้อนหมดแล้ว เมาแล้วก็กลับไปนอนบ้านสิวะ” ชายร่างสูงคนนั้นพูดออกมาด้วยอารมณ์โกรธอย่างเห็นได้ชัด ตาของเฟี๊ยตที่เริ่มปรือลงเห็นสภาพของเสื้อสีขาวสลับดำนั่นเปื้อนเป็นทางด้วยน้ำสีฟ้าสดที่น่าจะมาจากแก้วที่ว่างเปล่าในมือชายหนุ่มดังกล่าวนั่นเอง
“ใครไปทำอะไรมึงวะ กูอยู่เฉยๆ มั่วนี่หว่า” เฟี๊ยตพูดอย่างไม่สนใจอะไรอีก พร้อมกับหันมาเพื่อจะสั่งเครื่องดื่มแก้วต่อไปอีก แต่ก็ต้องหันหลังกลับไปโดยเร็วเพราะโดนมือหนานั่นกระชากอย่างรุนแรง
“ใครให้มึงหันไป มึงหันมารับผิดชอบกันสิ่งที่มึงทำก่อน!” เสียงนั่นเกรี้ยวกราดขึ้นอย่างรู้สึกได้ เฟี๊ยตในขณะนี้เริ่มรำคาญและหงุดหงิดตามไปไม่น้อยแล้ว
“ก็บอกว่าไม่ได้ทำ ไม่ได้ทำไงวะ จะเอาอะไรกับกูนักหนาเนี่ย” เขาพูดออกไปด้วยความหงุดหงิดไม่แพ้กัน
“เมื่อกี้มึงสะบัดไหล่มาโดนกู เสื้อกูเปื้อนหมดแล้วเห็นไหม” ชายในชุดขาวดำนั่นชี้รอยสีฟ้าที่เปื้อนอยู่บนชุดดังกล่าว ที่เห็นได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะบริเวณที่พื้นเป็นสีขาว
“มึงถามบาร์เทนเดอร์ไป กูคุยกับน้องเขาอยู่ แล้วกูจะไปสะบัดไหล่ใส่แก้วน้ำมึงเล่นทำหอกอะไร” เฟี๊ยตชี้นิ้วไปทางเด็กหนุ่มที่เป็นคงชงเหล้าให้เขาตลอดค่ำคืนที่ผ่านมา
“ว่าไง” เสียงกึ่งตะคอกนั่นเอ่ยถามพนักงานหนุ่มอยากคุกคาม บาร์เทนเดอร์คนดังกล่าวอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็กลับหุบปากลงเสีย สายตานั่นจับจ้องไปที่ชุดสีดำขาวของคู่กรณีที่ของเฟี๊ยตราวกับว่ามันมีความนัยอะไรบางอย่างแฝงอยู่ในลวดลายเหล่านั้น
“เห็นไหม ไม่มีใครรับรองให้มึงได้สักคน แต่ลูกน้องกูนี่ เห็นกันทุกคนว่ามึงสะบัดไหล่มาโดนแก้วกู จนเสื้อกูเปียกหมดแล้วเนี่ย” โจทก์ของเขาผงกหัวเล็กน้อยไปทางกลุ่มคนด้านหลังประมาณสี่ห้าคนที่แต่งชุดเดียวกันนั่นอย่างไม่มีผิดเพี้ยน ต่างแค่ตรงที่ว่าไม่มีผ้าคลุมไหล่เหมือนคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเท่านั้นเอง คนเหล่านั้นต่างผงกหัวพยักเพยิดกันอย่างพร้อมเพรียง สีหน้าของแต่ละกันดูไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่นัก
“และมึงจะเอายังไง” เฟี๊ยตเอ่ยถามอย่างต้องการจะตัดรำคาญ สติสัมปชัญญะของเขาในเวลานี้คงเหลืออยู่ไม่มากนัก เขาเห็นสายตาที่ส่งมาจากบาร์เทนเดอร์ที่ดูเหมือนจะขอโทษเขาที่ไม่กล้ายืนยันความบริสุทธิ์ของเขาให้กับชายคนนั้น แต่เฟี๊ยตก็ส่ายหัวอย่างไม่ถือสา ถือว่าเป็นคราวซวยไปละกัน
“จ่ายค่าชดใช้มา” มุมปากของคู่กรณีเขากระดกขึ้นน้อยๆ ราวกับว่ารอคอยจะตอบคำตอบนี้มานาน
“เท่าไหร่” เฟี๊ยตถามอย่างตัดรำคาญ
“หมื่นเหรียญ!” โจทก์นั่นเอียงคอมองหน้าเขาอย่างกวนประสาท
“หมื่นพ่อมึงดิ เสื้อมึงทำจากทองคำขาวหรือไง มึงจะขูดรีดกูก็บอกมา” เฟี๊ยตพูดขึ้นอย่างโมโห เขาลุกยืนขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้ แต่ด้วยระดับแอลกอฮอล์ในเลือดทำให้โลกโคลงเคลงจนเขาต้องนั่งลงอีกครั้ง
“แล้วแต่มึงจะคิด จ่ายมา” ชายคนนั้นพูดพร้อมกอดอกหลวมๆ
“กูไม่จ่าย ใครจะทำไมกู” เฟี๊ยตพูดพร้อมกับสบถคำหยาบตอนท้ายประโยคมาอย่างหัวเสียอีกด้วย
“อย่าเรื่องมาก รีบจ่ายมา กูไม่อยากได้ชื่อว่ากระทืบคนเมา” มือที่แข็งราวกับคีมเหล็กนั่นกระชากคอเสื้อของเขาให้ลุกยืนขึ้นมาเผชิญหน้าอย่างคุกคาม
“กู – ไม่ – จ่าย” เขายังตอบอย่างไม่ยอมแพ้ เครื่องดื่มมึนเมานั่นเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นคนไม่ยอมคนขึ้นมาเสียแล้ว เขาแทบไม่ได้ไตร่ตรองสักนิดว่าอะไรเป็นอะไร เขาปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามอารมณ์และสันชาตญาณของตัวเองเท่านั้นเอง
“งั้นมึงรอโดนตีนได้เลย!” คู่กรณีร่างยักษ์สะบัดมือจากคอเสื้อเขาอย่างแรง จนเขาลงไปกองกับพื้น ลูกน้องของมันเดินย่างสามขุมเข้ามาล้อมรอบเขาอย่างเจตนาร้าย
‘แม่งจะเจ็บขนาดไหนวะ เคยเห็นแต่ในละคร ไม่คิดไม่ฝันว่าจะโดนซะเอง ฮ่าฮ่า’ แอลกอฮอล์ในกระแสเลือดทำให้เฟี๊ยตตลกได้แม้กระทั่งช่วงเวลาคับขันที่สุด
“จำไว้นะ อย่าเสือกมีปัญหากับพวกกูอีก จำเสื้อสีขาวดำนี้ไว้ ออกจากโรงพยาบาลแล้วอย่าลืมไปหาคำตอบว่ากูเป็นใคร จะได้ไม่เสือกมาขวางส้นตีนพวกกูอีก!” โจทก์ของเขาที่ดูจะเป็นหัวหน้าของคนเหล่านั้นย่างสามขุมเข้ามาอย่างมาดร้าย เฟี๊ยตพยายามจะยันกายลุกขึ้นเตรียมต่อสู้ แต่ในขณะนี้ อย่าว่าแต่รวมจิตประสานจักระเลย แม้แต่จะทรงตัวให้ตรงเขายังทำไม่ได้เลย
‘SOS เรียกปันกับแทนมาช่วยดีไหมนะ ไม่เอาหรอก แม่งเสียศักดิ์ศรีตายห่า ขอออกมาเอง ยังไม่พ้นวันจะเรียกมันมาช่วยแล้ว ฝันไปเหอะ เอาวะ ตายเป็นตาย แต่แม่งอย่าให้กูรอดนะ กูสร่างเมาเมื่อไหร่ กูจะแก้แค้นให้แม่งคลานเป็นหมาเรียงตัวเลย!’ เฟี๊ยตคิด ก่อนจะใช้มือทั้งสองมาบังใบหน้าของตนไว้ เพื่อป้องกันการประทุษร้ายจากกลุ่มชายเสื้อขาวดำเหล่านั้น
“เพิ่งรู้นะว่าเดี๋ยวนี้พวก Dark Drag ตกอับถึงขั้นต้องมารีดไถชาวบ้านตามชนบทแล้ว แถมหัวหน้าหน่วยยังทำตัวเป็นหมาหมู่สะอีก รู้ถึงไหน อายถึงนั่น!” ยังไม่ทันที่ชิ้นส่วนใดๆ ของร่างกายอันธพาลเหล่านั้นจะทันได้ประทุษร้ายเขา เสียงปริศนาจากชายคนหนึ่งก็ดังมาจากบริเวณไม่ไกลไปจากพวกเขาเท่าไหร่นัก เฟี๊ยตหันไปมองยังที่มาของเสียงนั่นทันที แต่น่าเสียดายที่ดวงตาทั้งสองข้างของเขาแทบจะลืมไม่ขึ้น ชายหนุ่มจึงมองเห็นเพียงแค่ร่างจางๆ ของบุรุษปริศนาคนนั้น ให้ตายเถอะ แอลกอฮอล์เจ้ากรรมทำพิษเสียแล้ว!
จากผู้แต่ง : ที่บอกไปเมื่อวานว่า 900 ตอนนี่พูดเล่นน้า ห้าห้า ระบบเกมอาจจะรวนก่อนครบสิบสองเมืองก็ได้ ห้าห้า เป้าหมายตอนนี้เอาให้ได้สักร้อยก่อนนะ ห้าห้า
![:katai1:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/katai1.gif)