บทที่ 172 Nervous
ควันจางๆ ลอยตัวอย่างอ้อยอิ่งในค่ำคืนที่ฟ้ามืดสนิทคืนนั้น เพื่อนทั้งสองของเขาหลับไปแล้ว กันต์หลับไปเป็นคนแรกด้วยความเหนื่อยอ่อนและอาการข้างเคียงจากยาพิษของเขา ในขณะที่ธันก็ล่วงเข้าสู่นิทรารมณ์เป็นลำดับต่อไป หลังจากที่นั่งตากน้ำค้างเป็นเพื่อนเขาอยู่อีกชั่วระยะหนึ่ง ชายหนุ่มปฏิเสธที่จะเข้านอนในเวลานั้น เขารู้สึกว่าคืนนี้ความรู้สึกของเขาว้าวุ่นกว่าที่เคยเป็นนัก
ชายหนุ่มหยิบสมุดการ์ดขึ้นมาเปิดไปทีละหน้าอย่างครุ่นคิด พรุ่งนี้จะเป็นวันประกาศศึกแล้ว เขาเองก็พูดได้อย่างไม่เต็มปากนักว่าเทียนเกล็ดหอยนั่นจะได้ผลจริงๆ เขาเองยังไม่มั่นใจว่าเจ้าไดโนเสาร์นั่นมีกายเนื้ออยู่หรือเปล่า ทุกอย่างดูเป็นปริศนาไปเสียหมด แต่การจะยืดเวลาต่อไปอีกนั้นก็ดูจะหาประโยชน์ไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะวันนี้พรุ่งนี้หรือวันไหน พวกเขาก็ต้องเผชิญหน้าจากเจ้าสัตว์ยักษ์จากดึกดำบรรพ์นั่นอยู่ดี
เฟี๊ยตถอนหายใจออกมาเสียงดังท่ามกลางบรรยากาศเหงาๆ ของความมืดนั้น เขากวาดสายตามองไปโดยรอบก่อนจะรู้สึกอ้างว้างอย่างบอกไม่ถูก มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบายออกมาเป็นคำพูด เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอยู่ผิดที่ผิดทาง ยิ่งคิดเขายิ่งสงสัยว่าเขามาทำอะไรอยู่ที่นี่ เวลานี้ เมื่อกวาดสายตาไป ชายหนุ่มก็พบกับกันต์ ผู้มาใหม่ที่ดูจะมีความลับมากมายซ่อนอยู่ในตัวตนนั้น ถัดไปไม่ไกลก็เป็นธันที่เบื้องหลังที่ดูจะเป็นปริศนาไม่แพ้กัน โลกนี้ซับซ้อนเกินกว่าที่เขาจะเข้าใจได้ หรือตัวเขาเองต่างหากที่อ่อนด้อยเกินกว่าจะยอมรับมัน
เช้าวันรุ่งขึ้นเริ่มต้นด้วยบรรยากาศหนักหน่วงพิกล ดูเหมือนว่าหมอกแถบริมแม่น้ำจะลงอีกแล้ว ถึงแม้จะไม่จัดเท่าครั้งก่อน แต่มันก็มากพอที่จะสร้างความรู้สึกขะมุกขมัวให้พวกเขาทั้งสามคน พวกเขาซักซ้อมความเข้าใจกันครั้งสุดท้าย ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังแม่น้ำสายยักษ์สายนั้น สมรภูมิรบกำลังจะเปิดฉากขึ้นแล้ว
จ๋อมมมมมมมมมม
เสียงก้อนหินที่ธันหยิบมาจากพื้นดินแถวนั้นและขว้างลงไปที่ลำน้ำดังกังวานขึ้นในความเงียบของสายวันนั้น หัวใจของเฟี๊ยตหวาดหวั่นอย่างบอกไปถูก คลื่นน้ำที่เคลื่อนตัวออกมาเป็นระลอก ทำเอาใจเขาระส่ำระสายด้วยความกังวลที่ยากจะควบคุมได้
ซู่มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
เสียงลำน้ำยกตัวสูงขึ้นราวกับมีสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์อะไรสักอย่างพยายามจะแสดงตนออกมาจากใต้กระแสน้ำเหล่านั้น มือของเฟี๊ยตกำแน่นอย่างตื่นเต้น ถ้าวันนี้พลาด พวกเขาก็ยากที่จะหาโอกาสแก้ตัวได้อีกครั้ง
“ใจเย็นๆ”
ธันเอื้อมมือมาแตะไหล่ของเพื่อนชาย เมื่อเห็นว่าเฟี๊ยตเริ่มมีอาการลนจนรู้สึกได้ ธันบีบไหล่เภสัชกรหนุ่มอย่างให้กำลังใจ
“ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี” ว่าที่สถาปนิกหนุ่มคนนั้นเอ่ยสำทับมาอย่างมั่นใจ
ก๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ
เสียงคำรามที่พวกเขาฟังจนคุ้นเคยดังก้องขึ้นอีกครั้ง เจ้าสัตว์ประหลาดยักษ์โชว์ตัวเหนือแม่น้ำแห่งชีวิตนั้นอย่างองอาจ ในเวลาที่บรรยากาศเต็มไปด้วยหมอกบางๆ แบบนี้ มันดูราวกับจะมีขนาดใหญ่โตมโหฬารเพียงพอจะบดบังดวงอาทิตย์ให้หายไปทั้งดวงอย่างใดอย่างนั้น
“The Wick of Kongbeng RELEASE!”
เสียงของกันต์เอ่ยดังขึ้นเปิดศักราชการสู้รบเป็นคนแรก ตัวของเขาเรืองด้วยสีทองขึ้นครั้งหนึ่งก่อนจะวูบหายไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้น
“10 นาที 10 นาที เพื่อที่จะทำให้มันอ่อนแอพอจะให้พวกเราผนึกมันได้” เสียงของกันต์เอ่ยขึ้นอย่างมั่นคง เวลาแห่งการเดิมพันด้วยชีวิตเริ่มต้นขึ้นแล้ว!
10 นาที
“The Town Builder RELEASE!”
“The Unbreakable Dam!”
ธันตะโกนพร้อมกับวิ่งขึ้นไปบนบันไดล่องหนที่ทอดยาวออกไปเบื้องหน้า พร้อมกันกับที่กำแพงคอนกรีตขนาดมหึมากำลังแทรกตัวขึ้นจากพื้นดินอย่างช้าๆ มันค่อยๆ กลายสภาพเป็นปราการป้องกันการโจมตีล้อมรอบพวกเขาทั้งสามไว้ กำแพงนั้นก่อนตัวสูงขึ้นจนบัดนี้ เฟี๊ยตและกันต์ที่ยืนอยู่บนพื้นเบื้องล่างไม่อาจเห็นทัศนียภาพภายนอกได้อีกแล้ว เขื่อนยักษ์สร้างตัวเองเสร็จสิ้นพอดีในจังหวะเดียวกันกับที่ธันก้าวขึ้นไปเหยียบที่ยอดกำแพงฝั่งที่ติดกับแม่น้ำแห่งชีวิตพอดี
ก๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ
เสียงร้องอย่างเกรี้ยวกราดดังขึ้นที่หลังกำแพงนั่น ไม่มีใครรู้ความเป็นไปใดๆ นอกสันเขื่อนเหล่านั้นเลยนอกจากธันที่บัดนี้กำลังเผชิญหน้าอยู่กับอสุรกายนั่นเพียงลำพัง เฟี๊ยตหันไปมองหน้ากันต์ที่ยืนอยู่อย่างเงียบสงบนั้น หากแต่ชายหนุ่มคนนั้นก็ไม่ได้แสดงอาการตื่นเต้นอะไรออกมาให้เห็นเลย
ตูมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
ดูเหมือนว่าการโจมตีระลอกแรกจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว เฟี๊ยตสังเกตเห็นน้ำส่วนหนึ่งกระเซ็นกระจายไปในอากาศ ถ้าเขาเดาไม่ผิด คงจะเป็นบอลน้ำของเจ้ายักษ์นั่นที่เข้าจู่โจมเขื่อนของธัน
9 นาที
ก๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ
เจ้าไดโนเสาร์นั่นคำรามก้องอีกครั้ง ดูเหมือนความโกรธเกรี้ยวมันจะทวีคูณขึ้นจนหาที่สุดไม่ได้ เหงื่อน้อยๆ ซึมมาตามไรผมของเภสัชกรหนุ่มที่ยืนลุ้นอยู่ห่างๆ นั้น เขาห่วงเพื่อนที่กำลังยืนเด่นอยู่บนสันเขื่อนนั่นอย่างบอกไม่ถูก ใจเขามันร้อน ร้อนเกินกว่าจะยืนอยู่เฉยๆ มองดูเพื่อนตัวเองกำลังต่อสู้อยู่เพียงลำพังอย่างนี้
ปังงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
เสียงวัตถุขนาดใหญ่ชนิดหนึ่งเคลื่อนที่พุ่งเข้าชนเขื่อนนั่นอย่างรุนแรง เฟี๊ยตรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนน้อยๆ ที่กระจายแผ่ไปตามสิ่งก่อสร้างนั่น เฟี๊ยตกัดริมฝีปากอย่างเริ่มจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ทำไมเขารู้สึกพะว้าพะวงกับการต่อสู้นี้อย่างเกินปรกติไปนัก มันเหมือนมีลางสังหรณ์อะไรสักอย่างมาดลใจเขาอยู่เลย
“ดูเหมือนว่ามันจะรู้แล้วว่าสสารธาตุน้ำน่าจะแพ้ทางสิ่งก่อสร้างนี่ มันเลยเอาตัวเองพุ่งเข้าชนเขื่อนนี่เสียเลย และดูเหมือนว่าความคิดของมันก็ได้ผลไม่ใช่น้อย” กันต์เอ่ยขึ้นอย่างเรียบๆ ชายหนุ่มคนนั้นยืนนิ่งสงบ เขาดูใจเย็นต่อการรบรากับสัตว์ประหลาดนี่เหลือเกิน
8 นาที
ปังงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
“แล้วเราจะทำยังไงกันดี อย่างนี้ไม่แปลว่าอีกไม่นานเขื่อนนี่ก็จะพังเหรอ เอาไงดีกันต์” เสียงของเฟี๊ยตถามขึ้นอย่างเริ่มเก็บอารมณ์ไม่อยู่ ทำไมความรู้สึกเขาบอกว่าเรื่องนี้เข้าสู่ภาวะฉุกเฉินเสียแล้ว
“ใจเย็นๆ เฟี๊ยต นี่มันคือสิ่งที่เราคาดการณ์ไว้ไม่ใช่เหรอ ปราการด่านแรกจะต้องพังทลายลง หลังจากนั้น ผมจะใช้มนต์ที่เตรียมไว้กางเป็นปราการด่านที่สอง” กันต์พูดอย่างใจเย็น
“แต่...”
เฟี๊ยตขัดขึ้นพร้อมหยิบไพ่อะไรสักอย่างในมือขึ้น ซึ่งกันต์เองก็เห็นไม่ชัดเจนนักว่าคือไพ่อะไร รู้เพียงแต่ว่าเหมือนจะเป็นไพ่เวทมนตร์เท่านั้น
“อย่าทำเสียแผน พวกเราวางแผนกันตั้งนานไม่ใช่เพื่อจะให้ใครมาทำลายมันลงด้วยความใจร้อนนะ ถ้าเฟี๊ยตออกไปสู้แล้วยื้อเขื่อนนี้ไว้ไม่ได้ แล้วหลังจากมนต์ของผมประสบความสำเร็จ ใครจะเป็นคนผนึกมัน” กันต์พูดอย่างมีเหตุผล
7 นาที
“แต่แผนการมันต้องเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ไม่ใช่เหรอ” เฟี๊ยตเถียงออกมาด้วยความร้อนรน
ปังงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
“หายใจเข้าลึกๆ แล้วคิดช้าๆ เฟี๊ยต เหตุการณ์มันยังไม่วิกฤตถึงขั้นนั้น อย่าให้ความเป็นห่วงธันทำให้ทุกอย่างพัง” กันต์พูดออกมาอย่างต้องการหยุดความร้อนรนของคนตรงหน้า
ปังงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
“แล้วถ้าเขื่อนพังลงแล้วธันจะทำยังไง ไพ่ใบนี้ใช้เสร็จแล้วพลังเวทย์ธันจะเกลี้ยงแน่ๆ ไม่กลายเป็นว่าเราปล่อยให้ธันตายไปโดยที่พวกเราปลอดภัยอยู่ในกำแพงที่แข็งแรงเหรอ” น้ำเสียงของเฟี๊ยตเริ่มตวัดขึ้นเล็กน้อยอย่างปิดบังความร้อนรนของอารมณ์ไม่มิด
6 นาที
“ถ้าเฟี๊ยตห่วงธันขนาดนั้นก็เตรียมไพ่ไว้รอรับธันให้ทันก่อนที่ไดโนเสาร์นั่นมันจะโจมตีมาถึงบาเรีย แต่ไม่ใช่ว่าเอาพลังเวทย์ไปใช้ต่อสู้จนไม่มีใช้ตอนขั้นตอนสุดท้าย”
กันต์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆ และนั่นดูเหมือนจะทำให้เฟี๊ยตรู้สึกได้ว่าตัวเองเริ่มแสดงความงี่เง่าออกไปอย่างไม่รู้กาลเทศะเลย
ปังงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
“โอเค” เฟี๊ยตรับคำอย่างง่ายๆ เขาเริ่มรู้สึกผิดที่งี่เง่าจนเกินสมควรเสียแล้ว
ปังงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
“The Defensive Golem RELEASE!”
คำสั่งของเฟี๊ยตดังขึ้นอย่างตัดสินใจได้ในที่สุด ทันทีที่ปีศาจทรายนั่นปรากฏกายขึ้น ดวงตาของกันต์ก็เลิกขึ้นน้อยๆ ก่อนจะพึมพำอะไรในลำคออยู่คนเดียวเงียบๆ
ปังงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
5 นาที
ครืนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
เสียงสุดท้ายดังขึ้นอย่างไม่อาจต้านทานแรงของเจ้าปีศาจดึกดำบรรพ์นั่นได้อีกแล้ว เขื่อนยักษ์นั่นสั่นอย่างรุนแรงก่อนจะทรุดตัวพังทลายอย่างหมดท่า มวลน้ำก้อนหนึ่งพุ่งเข้าปะทะกับผนังเขื่อนและระเบิดขึ้นอย่างดัง บริเวณปะทะนั้นกลายเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่ เผยให้เห็นเจ้าสัตว์ประหลาดที่รอคอยจังหวะนี้อยู่บริเวณภายนอก ปราการด่านแรกของพวกเขาพังลงอย่างหมดท่าเสียแล้ว
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่สร้างความตระหนกให้กับเฟี๊ยตในเวลานี้ที่สุด ภาพที่ส่งผลต่ออารมณ์ของเขาได้มากที่สุดในเวลานี้คือภาพของชายหนุ่มที่ตกลงจากเขื่อนพุ่งลงตามแรงโน้มถ่วงลงสู่พื้นดินอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้ ดูเหมือนพลังเวทย์ของธันจะเกลี้ยงหลอดเสียแล้ว ร่างกายของเด็กหนุ่มตกสู่พื้นอย่างรวดเร็ว ราวกับว่ามันจะแตกสลายเป็นเศษเถ้าธุลีภายในไม่อีกอึดใจข้างหน้าเท่านั้น
“ไอ้ธัน ไอ้เพื่อนชั่ว มึงไม่มีสิทธิ์ตาย ถ้ากูไม่อนุญาต มึงห้ามตาย มึงได้ยินกูไหม!”
จิ้มเบาเบา
www.facebook.com/allornonetheauthor