ตอนที่ 9
[Pontz x Joe][Joe]“มาช่วยกันหน่อยเร็ว!! มีคนโดนรถชน” เสียงโหวกเหวกโวยวายรอบข้างที่ดังกระหึ่มก็ยังไม่สามารถทำให้สติของผมกลับมาได้เลย
“เกิดอะไรขึ้นอ่ะพี่โจ” แน็ตแตะที่ไหล่ผมพร้อมกับถามขึ้นด้วยความสงสัย
“เอ่อ..” ผมได้แต่ยืนอึ้งนิ่งๆอยู่กับเหตุการณ์เมื่อครู่ สายตามองทอดไปยังร่างของแจงที่เต็มไปด้วยเลือดที่นอนแน่นิ่งอยู่กลางถนน
“เฮ้ย เจ๊!!!” แน็ตตะโกนขึ้นเสียงดังทันทีที่เห็นว่าคนที่นอนนิ่งอยู่กลางถนนเป็นใคร
“...” ผมได้แต่ยืนนิ่งๆ จับเสาต้นนั้น เสาที่ช่วยชีวิตผมไว้แน่น จนมือเริ่มจะชื้นเหงื่อ
“โทรหาเฮียรึยังโจ??”
“ยัง” ผมตอบกลับไปลอยๆพร้อมกับเหม่อมองไปด้านหน้า
ถ้าคนๆนั้นเป็นผมล่ะ ถ้าผมเป็นคนที่นอนจมกองเลือดอยู่กลางถนนแบบนั้นมันจะเป็นยังไงนะ??
“ฮัลโหลเฮีย” เสียงแน็ตกำลังคุยกับใครสักคนทางโทรศัพท์ดังอยู่ข้างๆผม
“คือ เฮียทำใจดีๆก่อนนะ” แน็ตพยายามเกลี่ยกล่อมกับปลายสายให้ทำใจก่อนที่แน็ตจะบอกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไป
“เฮีย เจ๊แจงโดนรถชน น่าจะเจ็บหนักอ่ะ แต่ตอนนี้รถพยาบาลมารับไปที่ รพ.AA แล้ว”
“ครับๆ เดี๋ยวผมตามไป” คุยเสร็จแน็ตก็เก็บไอโฟนไว้ในกระเป๋าตามเดิม
“โจไป รพ. กัน” แน็ตเรียกพร้อมกับพยายามจะแกะมือผมออกจากเสาต้นนั้น
“อย่า!! กลัวแล้วอย่าทำอะไรผมเลย” ผมสะดุ้งก่อนจะทรุดลงไปนั่งกับพื้นแล้วร้องไห้ออกมาอย่างหนัก[Natt]ผมปล่อยมือออกจากพี่โจแล้วมองตามร่างบางที่ทรุดลงนั่งพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
หรือจะเป็นเพราะพี่โจเห็นเหตุการณ์เมื่อกี๊แล้วมันไปกระทบกระเทือนจิตใจของพี่แกล่ะเนี่ย??
“เอ่อ พี่โจ” ผมพยายามเขย่าแขนเพื่อเรียกสติของพี่โจแต่มันก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผล
“ฮือๆๆ กลัวแล้วๆ” พี่โจยังคงนั่งเหม่อกอดเสาร้องไห้ไม่ได้สติ
“พี่จะ..”
“แน็ต โจเป็นอะไร?” แรงสะกิดและเสียงเรียกจากด้านหลังทำให้ผมหันกลับไปมอง
“อ้าวเฮียพีเจ” ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะยกมือไหว้ทักทายพี่พีเจที่ยืนทำหน้าเครียดอยู่ข้างๆ
“โจเป็นอะไร?”พี่พีเจถามย้ำอีกรอบ
“พี่โจคงจะช็อคที่เห็นเหตุการณ์รถชนต่อหน้าต่อตาเมื่อกี๊น่ะครับ” ผมตอบออกไปตามความคิดของตัวเองพร้อมกับมองไปที่พี่โจ
ด้วยแววตาที่บอกถึงความสงสารอย่างไม่ปิดบัง
“อืม งั้นเดี๋ยวพี่จะพาโจไป รพ.” พี่พีเจพูดพร้อมกับนั่งยองๆลงข้างๆพี่โจ
“โจ”
“ฮึก ฮืออ” พี่โจยังคงสะอื้นพร้อมกับเหม่อมองออกไปข้างหน้า
“โจ ไปกับกูนะ” พี่พีเจพูพร้อมกับค่อยๆแกะมือพี่โจออกจนสำเร็จจึงอุ้มพี่โจขึ้นแล้วพาเดินตรงไปที่รถ
“เฮีย ผมไปด้วย” ผมตะโกนบอกพร้อมกับวิ่งตามหลังไปติดๆ
“ขึ้นไปนั่งด้านหลังเลยนะ” พี่พีเจพูดพร้อมกับพยักเพยิดบอกให้ผมไปนั่งด้านหลังคนขับ
“ครับ” ผมพยักหน้ารับก่อนจะเปิดประตูออกอย่างรวดเร็ว
“อ้าวเฮ้ยยย ไอ้เปี๊ยก!!!” ผมอุทานออกมาด้วยความตกแจเมื่อเห็นดลนั่งอยู่ที่เบาะหลังของรถ
“ขึ้นมาเร็วๆเหอะไอ้หน้าตุ๊ด เราจะได้พาพี่โจไปหาหมอสักที” ก่อนที่ผมจะได้ถามอะไรต่อ ไอ้ดลก็เร่งให้ผมขึ้นไปนั่งก่อนที่พี่พีเจ
จะขับรถออกมาจากตรงนั้นทันที
ผม ไอ้ดล แล้วก็พี่พีเจ นั่งรอกันหน้าห้องตรวจมาได้สักพักใหญ่ๆแล้ว แต่หมอก็ยังไม่ออกมาสักที
“พี่โจจะเป็นอะไรมากป่ะ??” ผมถามขึ้นมาลอยๆพร้อมกับมองไปที่ประตูห้องตรวจอย่างใจจดใจจ่อ
“ไม่หรอก แต่อาจจะต้องให้พี่แกพักผ่อนให้สบายใจไปสักระยะนึงก่อนอ่ะ” ดลตอบกลับแต-สายตาก็ยังคงมองไปที่ประตูห้อง
ตรวจเหมือนกัน
“เออ ว่าแต่มึงมากับเฮียพีเจได้ไงวะ?” ผมถามในสิ่งที่ข้องใจมานาน
“เอ่อ คือ..”ดลอ้ำอึ้งไม่ยอมตอบ
“พีเจ!!” พี่ป๊อนซ์วิ่งกระหืดกระหอบมาก่อนจะจับไหล่พี่พีเจให้หันไปประจันหน้าตรงๆ
“มีไรวะ?” พี่พีเจถามกลับไปด้วยอาการงงๆเพราะอยู่ดีๆก็โดนเขย่าซะตัวโยน
เอ๊ะ หรือจะเป็นเรื่องเจ๊แจง
“โจอยู่ไหน?”พี่ป๊อนซ์ถามกลับสั้นๆ
“มึงจะถามหาโจทำไมตอนนี้?” พี่พีเจถามกลับด้วยโทนเสียงที่เข้มขึ้นพร้อมกับปัดมือพี่ป๊อนซ์ออกอย่างแรง
“โจเป็นคนที่อยู่คนเหตุการณ์ แล้วก็เป็นคนที่แจงคุยด้วยคนสุดท้ายก่อนจะเกิดเรื่อง กูเลยอยากรู้ว่าแจงคุยอะไรกับโจ แล้วโจบอก
อะไรแจงรึเปล่า” พี่ป๊อนซ์ถามออกมายาวเหยียดพร้อมกับแสดงสีหน้ากังวลออกมาอย่างไม่ปิดบัง
“โจ คงจะไม่สะดวกคุยตอนนี้”
“ไม่ใช่ตอนนี้แล้วจะเป็นตอนไหนวะ?!” พี่ป๊อนซ์ถามพี่พีเจกลับด้วยน้ำเสียงกระชาก
“มึงอย่าเพิ่งมาโวยวายอะไรตอนนี้ได้มั้ย เพราะตอนนี้ทุกคนก็แย่กันหมดแล้ว”
“ไอ้โจมันจะเป็นอะไร มันไม่ได้โดนอะไรสักหน่อย”
“มึงพูดเหี้ยๆแบบนี้ได้ไงวะ?!” พี่พีเจตะคอกกลับพร้อมกับผลักพี่ป๊อนซ์จนผงะออกมานิดนึง
“ก็กูพูดความจริงอ่ะ ไอ้โจไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย มีแต่แจงแฟนกูนี่แหละที่เจ็บสาหัส แล้วกูก็อยากจะรู้เรื่อง รู้สาเหตุว่ามัน
เกี่ยวข้องอะไรกับไอ้โจรึเปล่า” พี่ป๊อนซ์พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดเป็นเชิงขอความเห็นใจ
“เฮ้ออ เอาเป็นว่าเดี๋ยวถ้าโจอาการดีขึ้นแล้วกูจะถามให้”พี่พีเจตอบกลับพร้อมกลับเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ตามเดิม
“แต่...”
“ไม่มีแต่ป๊อนซ์ ถ้ามึงอยากได้ข้อมูลจากโจ มึงต้องรอ” พี่พีเจพูดเสียงดังและเน้นย้ำอย่างชัดเจนทำให้พี่ป๊อนซ์ที่กำลังจะถามต่อ
ต้องจำยอมพยักหน้าอย่างจำใจก่อนจะเดินคอตกกลับไปที่ห้องฉุกเฉิน
ทำไมพี่พีเจต้องหวงพี่โจขนาดนั้นด้วยนะ นี่เป็นสิ่งที่ผมไม่เข้าใจจริงๆ...[Pontz]รอ รองั้นเหรอ
ทำไมผมต้องรอด้วย
ตอนนี้ผมอยากรู้และผมก็ต้องรู้ให้ได้เดี๋ยวนี้
ผมตัดสินใจเดินกลับไปที่หน้าห้องตรวจที่มีพีเจ ดล แล้วก็ไอ้แน็ตนั่งอยู่ก่อนจะถือโอกาสช่วงที่ไอ้พีเจหันไปคุยกับไอ้ดลกับไอ้
แน็ตเดินเข้าไปแนห้องตรวจที่โจอยู่
“ขอโทษครับคุณหมอ” ผมยกมือขึ้นไหว้คุณหมอที่ตรวจอาการของโจอยู่ตามมารยาทที่ควรจะทำ
“เอ่อ ครับ แล้วนี่คุณเป็นใคร เข้ามาได้ไง?” หมอมองผมด้วยสายตาสงสัย
“เอ่อ .. คือผมมาดูอาการแฟนน่ะครับ ว่าเป็นไงบ้าง” ผมพูดโกหกออกไปคำโต
“หื้มมม คนนี้แฟนคุณเหรอ?” คุณหมอเลิกคิ้วเป็นเชิงสงสัยพร้อมกับชี้ไปที่โจที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง
“ใช่ครับ” ผมตอบกลับอย่างหนักแน่น
“อืมม ก็คงไม่เป็นไรมากแล้วล่ะ ก็แค่ให้เขาพักผ่อนมากๆ แล้วก็อย่าพูดถึงเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจของเขาก็พอ” หมอ
พูดอธิบายพร้อมกับยิ้มน้อยๆมาให้ผม ผมก็ยิ้มตอบกลับตามมารยาท แต่ใครจะไปสนกันล่ะกับคำที่หมอพูด
ผมต้องถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ ผมต้องรู้ให้ได้..
“เอ่อ คุณหมอครับผมพาแฟนกลับเลยได้มั้ยครับ?”
“อืม ได้ๆ”
“งั้นขอบคุณ คุณหมอมากนะครับ”
“อืมม ไม่เป็นไร”
“เอ่ออ ว่าแต่คุณหมอมีทางออกอื่นที่ไม่แช่ทางด้านหน้ามั้ยครับ?”
“อ้าววว ทำไมล่ะ?”
“คือผมไม่อยากอุ้มแฟนผมผ่านคนเยอะๆน่ะครับ เขาไม่ค่อยชอบให้ผมจับเนื้อต้องตัวต่อหน้าผู้คนเท่าไหร่” ผมก็ยังคงแถเพื่อหา
ช่องทางที่จะพาโจออกไปโดยไม่ผ่านทางที่มีพีเจ ดล แล้วก็แน็ตนั่งอยู่
“อ๋อ อืมๆ งั้นออกทางประตูนี้ก็ได้ ออกไปแล้วก็เดินไปตามทางเรื่อยๆก็จะไปออกที่ลานจอดรถหลังตึก” หมออธิบายวิธีทางออก
อย่างละเอียด
“ขอบคุณมากครับคุณหมอ” ผมพูดพร้อมกับก้มหัวเป็นเชิงขอบคุณก่อนจะอุ้มโจขึ้นจากเตียงแล้วพาออกไปทางประตูหลัง เพื่อ
สืบหาความจริงที่มีโจคนเดียวที่รู้....[PJ]“นี่มันนานไปแล้วรึเปล่าวะ?” ผมสบถออกมาอย่างหัวเสีย
“เออนั่นดิเฮีย” ไอ้แน็ตพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของผม
“ลองเข้าไปดูกันมั้ย?” ดลพูดแสดงความคิดเห็นสิ่งมันก็เป็นทางที่ดีที่สุดที่จะทำได้ในตอนนี้
“อืมม ไปกันเหอะ” ผมเดินนำไปหน้าประตูห้องตรวงก่อนจะเคาะประตูช้าๆ
“ใครน่ะ?” เสียงคนที่อยู่อีกด้านนึงของประตูพูดกลับออกมา
“ญาติคนไข้ครับ”
“อ้าวว งั้นก็เข้ามาก่อนๆ” เสียงเชื้อเชิญจากด้านในทำให้พวกผมไม่รอช้า รีบเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปทันที
ผมกวาดสายตาจนทั่วทั้งห้องแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของโจ
“หมอครับ โจล่ะครับ” ผมถามออกมาด้วยความสงสัย
“อ๋ออ แฟนเขาเพิ่งพาไปเมื่อกี๊นี่เอง”
“หา!! แฟน!!” พวกผมสามคนตะโกนออกมาพร้อมกัดด้วยความตกใจ
“ใช่ ก็คนที่ขาวๆสูงๆหล่อๆน่ะ เขาเพิ่งอุ้มคนไข้ออกไปเมื่อกี๊” หมอตอบกลับมายิ้มๆก่อนจะก้มลงไปทำงานต่อ
“ออกไปทางไหนครับ ทำไมพวกผมไม่เห็น?”
“ก็ออกไปทางด้านหลังนี้ไงล่ะ เห็นเขาบอกว่าแฟนเขาไม่ค่อยชอบให้คนเห็น” เวรแล้วโจ ไอ้ป๊อนซ์จะพามึงไปไหนวะเนี่ย
“แล้วประตูนี้มันจะไปทะลุที่ไหนเหรอครับ?”
“อ๋อ ไปออกตรงลานจอดรถด้านหลัง รพ.น่ะ”
“ขอบคุณมากครับคุณหมอ ลาก่อนนะครับ”
“ไปก่อนนะครับ/โชคดีนะหมอ” พวกผมพูดลาหมอก่อนจะออกมาจากห้องตรวจและรีบตรงไปยังลานจอดรถทันที
แต่ดูเหมือนจะไม่ทันแล้วเพราะเมื่อผมวิ่งไปถึงลานจอดรถป๊อนซ์ก็ขับรถออกไปแล้ว
“เอาไงดีอ่ะ พี่พีเจ” ดลที่วิ่งตามผมมาติดๆ ก็มาเขย่าแขนผม
“..” ผมนิ่งไม่ตอบเพราะกำลังใช้ความคิดว่าควรจะตามไปที่ไหนดี เพราะผมไม่สามารถเดาได้เลยว่าป๊อนซ์จะพาโจไปที่ไหน
“ว่าไงอ่ะพี่พีเจ” ดลยังคงเขย่าแขนผมและคาดคั้นเอาคำตอบ
“กูไม่รู้!!” ผมหันไปตวาดพร้อมกับสะบัดดลออกอย่างแรง
“เฮ้ย เฮียใจเย็นๆ”แน็ตวื่งมาจับแขนผมพร้อมกับพยายามรั้งไม่ให้ผมเข้าไปหาดล
ดลมองผมอย่างอึ้งๆก่อนจะค่อยๆก้มหน้าลงแล้วยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาช้าๆ
“เอ่อ..” แน็ตที่เป็นคนกลางดูเหมือนจะพะอืดพะอมทำอะไรไม่ถูก
“แน็ต มึงกลับเองได้มั้ย?”ผมหันไปถามแน็ตที่ยืนปลอบดลอยู่
“ห๊ะ อ๋อ ได้ครับ” แน็ตตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวเฮียไปส่งดลเอง” ผมพูดบอกก่อนจะเดินไปจูงแขนดลให้ขึ้นรถโดยที่มีแน็ตมองตามอย่างงงๆ
ผมเปิดประตูฝั่งข้างคนขับออกก่อนจะดันให้ดลลงไปนั่งแล้วปิดประตูเบาๆก่อนจะเดินอ้อมรถมานั่งประจำที่คนขับแล้วขับออกไป
ทันที
หลังจากที่ผมขับรถออกมานอกเมืองได้สักพักผมก็ชะลอรถก่อนจะจอดที่ข้างทางแล้วหันไปมองคนที่นั่งก้มหน้าอยู่ข้างๆตอนนี้
“ดล” ผมเรียกพร้อมกับเอื้อมมือไปจับไหล่ของดลทั้งสองข้างให้มาประจันหน้ากับผม
“...” ดลยอมหันมาแต่โดยดี แต่ก็ยังไม่เงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมเลยแม้แต่น้อย
“ดล พี่ขอโทษ” ผมพูดคำที่คิดว่าสมควรที่จะพูดที่สุดในตอนนี้
ก็ตอนนั้นผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดตวาดใส่ดลเลย แต่ตอนนั้นอารมณ์ห่วงโจมันมาเหนือทุกอย่าง
“ฮึก ฮืออ” ดลหลุดสะอื้นออกมานิดนึงก่อนจะปล่อยโฮออกมาอย่างหนัก ผมเลยรั้งคอดลเข้ามาก่อนจะประกบริมฝีปากเพื่อจะดูด
ซับเสียงสะอื้นของดลเอาไว้
“อึก” ดลยกแขนขึ้นมาดันหน้าอกของผมไว้พร้อมกับตีเบาๆ
ผมเอามือข้างนึงรั้งท้ายทอยของดลเอาไว้ส่วนอีกข้างก็เอามารวบมือของดลให้อยู่นิ่งๆ
ผมจูบพร้อมกับขบเม้มริมฝีปากของดลอย่างหยอกล้อก่อนจะค่อยๆถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง
“หายโกรธพี่รึยัง?” ผมถามพร้อมกับเอานิ้วโป้งลูบที่ริมฝีปากของดลที่ตอนนี้บวมแดงจากการกระทำของผมเมื่อกี๊
“อืมๆ” ดลพยักหน้ารัวๆแต่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมตรงๆ
“อืม งั้นเดี๋ยวพี่พาไปส่งนะ” ผมพูดพร้อมกับลูบหัวดลเบาๆก่อนจะขับรถกลับไปส่งดลที่หอทันที
เฮ้ออ ผมไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าผมทำแบบนี้กับดลทำไม ทั้งๆที่ในใจของผมจริงๆไม่ได้รักดลเลย แต่อาจจะเป็นเพราะเหตุการณ์
วันนั้นที่ทำให้ความสัมพันธ์ของเราสองคนเปลี่ยนไป และก็เป็นแบบนั้นเรื่อยมา
และจริงๆแล้ว คนที่ผมรักคือ โจ
โจต่างหาก แล้วที่ผมทำกับดลตอนนี้มันเกิดจากอะไร
หรือจะเป็นแค่การหลอกใช้....
แต่ถ้าเหตุการณ์วันนั้นไม่เกิดผมกับดลก็คงไม่ได้เป็นแบบนี้...................................................................................................
(นะ ไอ้พีเจ มึงไปรับไอ้หนูให้กูที กูรับปากกับมันไว้ว่าจะพาไปกินข้าวแต่แม่กูโทรมาตามให้กูกลับไปบ้านกะทันหันว่ะ) ไอ้ภูมิพูด
ออกมายาวเหยียดเพื่อที่จะให้ผมไปรับดลและพาไปกินข้าว
“ทำไมต้องเป็นกูวะ” ผมถามกลับไปอย่างหงุดหงิด
(เอาน่า ก็มีแค่มึงอ่ะที่ว่าง)
“เออ ก็ได้ๆ แล้วกูต้องไปรับที่ไหน?”
(หอFอ่ะ เดี๋ยวกูโทรบอกให้มันลงมารอมึงเลย)
“อืมๆได้” ผมตกปากรับคำก่อนจะเดินไปคว้ากุญแจรถบนโต๊ะแล้วเดินออกไปจากห้องทันที
ผมขับรถมาจอดเทียบข้างฟุตบาทที่ดลยืนอยู่ก่อนจะลงกระจกรถแล้วตะโกนเรียก
“ดลๆ”
“ห๊ะ ครับๆ” ดลทำหน้างงๆก่อนจะวิ่งมาหาผมแล้วเกาะที่ประตูรถ
“ไอ้ภูมิมันบอกให้พี่มารับเราไปกินข้าว”
“อ้าวว แล้วทำไมลุงไม่มาเองอ่ะ” ดลถามพร้อมกับกอดอกอย่างเอาใจ
“มันติดธุระ แม่มันเรียกกลับบ้านด่วน” ผมอธิบายพร้อมกับมองการกระทำของดลอย่างเพลิดเพลิน
แต่ผมจะหลงไปกับท่าทางน่ารักๆของดลไม่ได้ เพราะผมมีคนที่ผมชอบอยู่แล้ว นั่นก็คือโจ
“เอ่อ แล้วผมรบกวนพี่พีเจรึเปล่า?”ดลถามพร้อมกับทำสีหน้าคิดหนัก
“ก็ออกมาแล้วนี่ ไปเหอะอย่าคิดมาก” ผมบอกก่อนจะปลดล็อคประตูให้ดลขึ้นมานั่ง
ผมขับรถพาดลไปกินอาหารที่ร้านประจำของผมกับเพื่อนๆ มันเป็นร้านแบบถึ่งๆบาร์หน่อย มีขายเหล้าขายเบียร์ด้วย
“โห” ดลเดินเข้ามาพร้อมกับกวาดตาไปรอบๆร้านอย่างตื่นเต้น
“ไม่เคยมาอะไรแบบนี้เหรอ?”
“ไม่เคยครับ” ดลตอบผมแต่ยังคงตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศรอบๆ
“อย่ามัวแต่เงยหน้ามองด้านบนแบบนั้น เดี๋ยวก็เดินไปชนใครเข้าหรอก มานี่” ผมพูดพร้อมกับรั้งเอวดลให้มาเดินหน้าผม ทำไมเอว
บางแบบนี้นะ
ดลเกร็งตัวเล็กน้อยก่อนจะแกะมือผมออกแล้วเดินนำไปลิ่วๆ ก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะๆนึงซึ่งอยู่ค่อนข้างไกลกับผู้คน
ผมยิ้มน้อยๆก่อนจะเดินไปนั่งตรงข้ามกับดล
“สั่งเลย พี่เลี้ยงเอง”
“จริงดิ” อาการเขินเมื่อกี๊หายไปจนหมด เหลือแต่อาการดีใจที่จะได้กินของฟรี
“อืม”
“งั้น เอา...” แล้วดลก็นั่งร่ายยาวเป็นหางว่าวไปเป็นสิบอย่างก่อนจะหยุดชะงักแล้วเหลือบตาขึ้นมามองผม
“มีอะไร?”
“คือ ดลสั่งเหล้าได้มั้ย?” ดลถามพร้อมกับแสดงสีหน้ากลัวๆ เด็กน้อยเกินไปแล้วนะ
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” ผมตอบพร้อมกับส่งยิ้มบางๆไปให้ดล
“จริงดิ งั้นเอา..” แล้วดลก็สั่งไปตามที่ตัวเองอยากกิน
“ดลพอก่อนมั้ย เมาแล้วนะเนี่ย” ผมพูดพร้อมกับแย่งแก้วเหล้าในมือดลมาถือไว้
“อื้มมม ทำไมต้องขัดใจด้วยอ่ะ” ดลพูดค้อนพร้อมกับมองผมด้วยสายตาหงุดหงิด ไม่ยักกะรู้ว่าเมาแล้วจะเป็นแบบนี้
“แล้วเดี๋ยวพี่จะไปบอกโจยังไงล่ะเนี่ย” ผมพูดก่อนจะกระดกเหล้าในแก้วจนหมดในคราวเดียว ถึงว่าทำไมเมาเร็วนัก นี่มันกินแบบ
เพียวเลยนี่หว่า
“ไม่รู้ แล้วนั่นจะกินของดลทำไมล่ะ เฮ้ออ!!” ดลพูดออกมาเสียงดังก่อนจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะ
“ดล”
“...” เงียบ ไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบกลับ
“ดล” ผมเรียกพร้อมกับเขย่าแขนดลไปด้วย
“อะไรเล่า อย่าคิดว่าผมชอบแล้วจะมากวนตอนหลับได้นะ” ดลเงยหน้าขึ้นมาพูดก่อนจะฟุบลงไปอีกครั้ง
แต่เอ๊ะ เดี๋ยวนะ.. เมื่อกี๊ดลพูดว่าชอบงั้นเหรอ??
“ดล ลุกขึ้นมาก่อน”
“อะไรอีกอ่ะ?”
“เมื่อกี๊พูดว่าอะไร”
“ก็ดลถามว่า อะไรอีกอ่ะ”
“ไม่ใช่ๆ ก่อหน้านี้”
“อ๋ออ ดลบอกว่าอย่าคิดว่าพี่เป็นคนที่ดลชอบแล้วจะมากวนดลตอนหลับได้นะ” ดลตอบพร้อมกับยิ้มกว้างออกมา
เขาว่ากันว่าคนเมานี่จะชอบหลุดพูดความจริงออกมาไม่รู้ตัวใช่มั้ย
“หึ” ผมยิ้มบางๆพร้อมกับขยี้หัวดลเบาๆ
ชอบผม ชอบผมงั้นเหรอ
แต่ผมคงชอบดลไม่ได้เพราะผมมีคนที่ผมรักอยู่แล้ว
แต่เดี๋ยวนะ..ผมรักโจ แล้วถ้าผมสนิทกับดลล่ะ
ผมจะได้เข้าไปใกล้โจมากกว่านี้มั้ย...
แล้วความคิดชั่วๆก็ผุดขึ้นมาในความคิดของผม..
ขอโทษนะดล แต่นี่เป็นวิธีการที่จะทำให้พี่ได้เข้าใกล้โจได้มากขึ้นโดยที่เพื่อนๆของพี่จะได้ไม่มีข้อสงสัย.........................................................TBC......................................................................
กราบขอโทษหัวมุดดิน TT"
ต้องขอโทษจริงๆนะคนอ่านทุกคน
เมื่อวานคนเขียนกลับมาหอแล้วนอนตายทันที เพราะแบบว่าไม่ค่อยสบายด้วย ตื่นมาอีกทีก็ดึกแล้ว
รู้สึกผิดมากจริงๆ
อีกอย่างช่วงนี้ที่ไม่ค่อยได้เข้ามาดูทั้งในนี้ แล้วก็ในเฟสเพราะอีกอาทิตย์นึงคนเขียนก็กำลังจะสอบตรงเข้าวิศวะฯ บางมดอ่ะ
แล้วแบบเครียดนิดนึง
ก็ไม่ได้หวังจะเอาหรอกนะแต่มันเป็นการสอบที่แรกเลยเครียดนิดนึง อาจจะได้เข้ามานานๆครั้งเน้ออออ
เข้าใจกันนะ
เป็นไงน้องดลของเรา เสร็จพีเจจ้าาาา เป็นไปตามคาดของใครบางเอ่ยยยย ไม่อยากจะเชื่อว่ามีหลายคนตกหลุมพรางของคนเขียนนะเนี่ยยย พี่ภูมิของเรากลายเป็นแพะรับดลเฉยเลย 555+สเปเชียลไปป์พลัสก็ค้างไว้ก่อนนะ
ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นต์เด้ออออออ
รักคนอ่านนะ อย่าเพิ่งเกลียดเค้ากันล่ะ ที่หายไปบ่อยๆ แบบว่ามันสำคัญและจำเป็นจริงๆ
KATIEZZ