- 2 - “ดิ่งคิดอะไรอยู่ แม่ไม่ภูมิใจถ้าดิ่งเอาความคิดนี้มากำหนดอนาคต แม่อยู่ได้แค่เปรยให้ฟัง
คนเราย่อมมีบ้างช่วงแรกที่ไม่ชินกับสิ่งคุ้นเคยแล้วมันเปลี่ยนแปลงไป สักระยะก็ต้องปรับตัวได้ เหมือนตอนพ่อจากเราไปกะทันหัน
ในที่สุดแม่กับดิ่งก็อยู่กันได้ปกติ ถ้าลูกเอาอนาคตความฝันมาทิ้งกลางคันเพราะห่วงแม่ ดิ่งคิดว่าแม่ควรสบายใจไหมลูก”
เจอคำพูดตรงๆ อบรมเข้า ถึงกับกร่นด่าตัวเองที่พลั้งปากไม่ระวัง รีบขอโทษเป็นการใหญ่
“ขอโทษครับแม่ เผลอพูดไม่ทันคิด ผมแค่ห่วงแม่มาก แม่พูดถูกผมจะทำให้แม่คอยเป็นห่วงไม่ได้
ผมสัญญาจะทำให้สำเร็จ” รีบเอาใจปลายสายทันที
“ค่อยสมเป็นดิ่งลูกแม่หน่อย ชื่อของลูกความหมายมีที่มารู้หรือไม่ ทำไมพ่อถึงตั้งชื่อลูกแบบนี้”
จู่ๆ แม่ก็พูดสิ่งที่เขาไม่ได้ถาม
“แม่เคยเล่าให้ฟังว่าตอนคลอดผม พ่อกำลังเหอเล่นลูกดิ่งอยู่นี่ครับ” เขาตอบไปตามข้อมูลที่แม่เคยเล่าให้ฟัง
“นั่นแค่เหตุผลทั่วไป ความจริงเรียกให้เต็มคือลูกดิ่งโยโย่ต่างหากตอนนั้นพ่อเขาเป็นแชมป์เล่นท่ายากได้น่าทึ่ง
ใจความสำคัญที่พ่อเคยบอกกับแม่ไว้ ลูกดิ่งคือความมุ่งมั่นดิ่งออกจากมือไปแล้วต้องสำเร็จไม่ล้มเหลว ตรงแน่วซื่อสัตย์
ต่อความรู้สึก พ่อจึงตั้งชื่อนี้ให้ลูก ชื่อจริงรัชวิน แปลว่ามีความชนะเป็นที่ตั้ง” เขาถึงกับเผลอยิ้มออกมา
นี่คือความหมายของชื่อเขาหรอกเหรอ ไม่เคยรู้มาก่อน ไม่เคยคิดหาที่มาความหมายของมัน
“ถ้างั้นผมต้องไม่แพ้สิครับ” เขาตอบไปด้วยน้ำเสียงกึ่งขำ ปลายสายย่อมจับน้ำเสียงอารมณ์ได้เช่นกัน
“แม่ไม่ได้ห้ามให้ดิ่งแพ้ไม่เป็น แต่แม่กำลังจะบอก ไม่ว่าดิ่งเจอกับอุปสรรคปัญหาอะไร ลูกแม่ต้องใช้สติปัญญา
และความอดทนแก้ไขให้ผ่านพ้นไปได้ จนกลายเป็นผู้ชนะตามชื่อของลูก นี่ต่างหากที่แม่อยากฝากไว้” พอได้ยินความนัยแฝง
ของแม่เกี่ยวกับชื่อของเขา เหมือนพลังใจกลับฟูฟ่องขึ้นอีกครั้ง แล้วเขาจะมัววิตกจริตกับเรื่องพี่เลี้ยงให้ว้าวุ่นไปทำไม
มีปัญหามาเขาก็ต้องพยายามแก้ไขให้ผ่านด้วยดี อย่างที่แม่พยายามพร่ำบอกอยู่ขณะนี้ถึงจะถูก
“ขอบคุณอีกครั้งครับแม่ ผมไม่รบกวนเวลาพักผ่อนแล้ว ไว้พรุ่งนี้ผมจะโทรหาแม่อีก ก่อนนอนอย่าลืมดูความเรียบร้อย
ประตูหน้าต่างนะครับ ผมรักแม่ครับ” ทิ้งท้ายไม่ลืมย้ำเรื่องความปลอดภัย ยังไงแม่ก็เป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ให้อดห่วงคงทำไม่ได้
“แม่ก็รักลูก ดิ่งดูแลสุขภาพให้ดี ไม่ต้องห่วงนะครับ แม่โตด้วยชีวิตที่ต้องต่อสู้ดิ้นรน แม่ย่อมดูแลตัวเองได้
ไว้พรุ่งนี้คุยกันใหม่ หลับฝันดีนะลูก”
“ฝันดีเช่นกันครับแม่” เขาวางสายจากแม่ด้วยหัวใจอิ่มเอิบ กำลังใจเต็มเปี่ยมแม้จะสามทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว
กลับเข้ามาสองหนุ่มต่างวัยเปลี่ยนดูหนังสงครามอย่างเมามัน ก่อนยุทธจะหันมาเห็นเข้า
“ไง..คุยกับแม่เรียบร้อยดี” เพื่อนซี้ต่างรุ่นถาม
“ครับ..ดูท่ากำลังมัน” ลูกดิ่งตอบรับ พยักเพยิดไปหน้าจอทีวี เกรียงหันมายิ้มให้
“ไม่นึกว่ายุทธจะคอหนังเดียวกันกับพี่” หันไปชมน้องแทค
“คอหนังเดียวกันไม่เป็นไร อย่ามาคอสาวเดียวกับผมเชียวล่ะ ต่อให้เป็นพี่ผมก็ไม่อ่อนข้อให้หรอก”
ยุทธตอบรับทำหน้ากวนตามแบบฉบับ
“หึ!..ดูท่าแล้วพี่ว่าไม่ แม้ไม่เคยถามสเป็กสาวมาเปรียบก็เถอะ แต่พี่มั่นใจลึกๆ เราคนละคอ..หึหึ!”
เกรียงหัวเราะในคอกวนๆ ก่อนโยกหัวของยุทธไปทีอย่างหมั่นไส้ท่าทางกร่างกวนของน้องแทค
“เล่นหัวประจำ ของสูงนะพี่” ยุทธสะบัดหนี ทิ้งท้ายพาเอาทั้งลูกดิ่งทั้งเกรียงหัวเราะไปตามกัน
ก่อนโทรศัพท์บนโต๊ะข้างทีวีของเกรียงจะดังขึ้น เจ้าของหยิบมาดูหน้าจอ กดรับทันที
“ว่าไงมึงหายหัวเลย ตกลงจะกลับไหมคืนนี้ พรุ่งนี้ซ้อมปกติอย่าบอกว่ามึงจะไม่กลับ”
เกรียงใส่เป็นชุดไม่เปิดโอกาสให้ปลายสายพูดเลยมั้ง
“อ้าวเหรอ..กูนึกว่ามึงจะเพลิน แล้วนี่น้องแทคมึงสิงอยู่ห้องกูเป็นชาติแล้วโย่..รีบกลับให้ไว
กูโดนเล็งว่ารับหน้าเสื่อดูแลแทนมึงไปแล้วตอนนี้ ถึงพวกมันไม่พูดออกมาก็อ่านสายตาออก
อย่าให้เอาไปนินทาสนุกปากว่ามึงกำลังเล่นแง่งัดพ่อตัวเองเลยหวะ” ลูกดิ่งกับยุทธมองหน้ากันเลิกลั่ก หลังได้ยินชื่อปลายสาย
“เออขับรถให้ระวัง โทรไปดันปิดเครื่อง” เป็นประโยคทิ้งท้ายก่อนคนพูดจะวางสาย แล้วหันมาบอกพวกเขา
“ไอ้โย่กำลังขับรถกลับ ประมาณชั่วโมงคงถึง” เท่านั้นคือคำตอบที่ทั้งสองหนุ่มได้รับสั้นๆ ไม่มีใครถามอะไร
ระหว่างนี้จึงเป็นการดูนั่งฆ่าเวลาไปพลางๆ ในขณะที่ลูกดิ่งรอพี่แทคมาพาไปห้องพัก กระทั่งสี่ทุ่มกว่าเกือบห้าทุ่ม
ประตูห้องของเกรียงก็มีคนเคาะ
“ก็อกๆๆ” เจ้าของห้องลุกไปส่องตาแมว ก่อนเปิดให้ร่างสูงใหญ่หัวเกือบชนขอบประตูเดินเข้ามา
ใบหน้าหล่อเหลาแค่ปรายตามองสองหนุ่มซึ่งนั่งบนโซฟานิ่งๆ ก่อนหันไปบอกเพื่อนซี้
“ขอบใจ..เจอกันพรุ่งนี้เช้า” แล้วหันมาจ้องลูกดิ่ง เป็นสัญญาณให้เข้าใจโดยไม่มีคำพูด ‘จะไปไหม’ ลูกดิ่งเหมือนรู้
ลุกหยิบเป้สะพายพาดไหล่ โดยมียุทธตามมาส่งติดๆ เด็กหนุ่มไม่ลืมมารยาทที่ดียกมือไหว้เกรียงเป็นการขอบคุณ
ที่ให้มาอาศัยห้องทั้งวัน
“ขอบคุณครับพี่เกรียง” เกรียงยกมือรับไหว้แทบไม่ทัน
“ทีหลังไม่ต้องไหว้ก็ได้ พูดเฉยๆ ก็พอ ยิ่งเรามารยาทดีพี่ทำตัวไม่ถูก ขอแบบสบายๆ เป็นกันเองแทนไอ้น้อง”
ลูกดิ่งยิ้มกว้าง เกรียงยังอดยอมรับไม่ได้ ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าคงทำให้สาวใจละลายมานักต่อนัก รอยยิ้มใสซื่อตอนนี้สิ
ดึงดูดสายตาสุดๆ ขนาดเขาเป็นผู้ชายยังนึกชม
“ครับพี่เกรียง..เจอกันพรุ่งนี้เช้าพี่ยุทธ” ตอบรับเกรียงเสร็จ หันบอกลารุ่นพี่คู่ซี้ อีกฝ่ายตบไหล่เบาๆ
“เออ..เจอกันตอนลุกวิ่ง” ลูกดิ่งพยักหน้ารับ โยโย่ที่ยืนนิ่งไม่แสดงความรู้สึกทางสีหน้า หันหลังนำออกห้องไปก่อน
ลูกดิ่งรีบก้าวตามปล่อยให้เกรียงปิดประตู แอบส่ายหัวให้เพื่อนตัวดี เขาภาวนาในใจว่าลูกดิ่งจะไม่ยอมแพ้ไปเสียก่อน
โยโย่พาเด็กหนุ่มร่างสูงเพรียวสะพายเป้พาดไหล่ เดินตามหลังมาหยุดหน้าห้อง 901 คนละฝั่งกับห้องเกรียงอยู่หัวมุม
ก่อนหยิบคีย์การ์ดมาแตะประตูผลักเปิดเข้าไป เสียบคีย์การ์ดใส่ช่องระบบไฟในห้องก็ทำงาน ลูกดิ่งไม่รอช้าก้าวตามเข้าไปติดๆ
ภายในห้องไม่แตกต่างห้องของเกรียง เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นแบบเดียวกัน แสดงว่าที่เกรียงบอกเป็นของสโมสรคงจริง
เข้ามาด้านใน เจ้าของห้องยังคงไม่พูดไม่จา เปิดประตูห้องนอนพาร่างหายเข้าไป ทิ้งลูกดิ่งยืนคว้างโดยไม่รู้ควรทำยังไง
พื้นนิสัยเป็นเด็กมีมารยาทด้วย เขาจึงไม่กล้าทำอะไรพละการหากเจ้าของห้องไม่บอกกล่าวอนุญาตมาก่อน แต่ให้ยืนอยู่แบบนี้ก็ใช่ที่
ตัดสินใจพาเป้ใบเก่งนั่งแหมะบนโซฟาเงียบๆ ทั้งที่ห้องนี้มีสองหนุ่มอยู่ กลับเหมือนไม่มีสิ่งมีชีวิตด้วยซ้ำ อึมครึมเงียบเชียบ
แม้แต่เสียงทีวีก็ไม่ได้ยิน บรรยากาศผิดห้องเกรียงลิบลับ ห้องนั้นมีความเป็นกันเองไม่รู้สึกเกร็งเหมือนตอนนี้
นานกว่ายี่สิบนาที ลูกดิ่งนั่งนิ่งๆ ประตูห้องนอนเปิดออก พร้อมกับร่างสูงใหญ่เต็มไปด้วยมัดกล้ามสมบูรณ์
พอเขาเหลียวไปดูอดยอมรับไม่ได้ เมื่อโยโย่สวมเสื้อกล้ามนักบาสกับกางเกงวอร์มขายาวตัวเดียวสีกรมท่ามีแถบข้างสีขาว
เดินออกมาพร้อมผ้าขนหนูเล็กพาดบ่าผมเผ้ากระเซิงดูชื้นๆ เดินไปหยุดหน้าตู้เย็นหยิบน้ำขึ้นมาเปิดขวดเทใส่แก้วยกดื่ม
ลูกกระเดือกเคลื่อนอักๆ ลูกดิ่งเผลอกลืนน้ำลายตามกระหายน้ำอย่างไม่รู้ตัว
“อยากกินมาหยิบเอง” น้ำเสียงเรียบนิ่ง เหมือนอนุญาตแต่ดูไม่น่าภิรมย์เท่าที่ควร คนฟังถือว่าคงเป็นวิธีการพูดของโยโย่
พาร่างสูงเพรียวขยับลุกจากโซฟาเดินมาหยุดใกล้ๆ ถึงได้รู้แม้เขาจะสูงกว่าใครในรุ่น เมื่อเทียบกับคนตรงหน้า ดูจ๋องลงไปถนัด
โยโย่ไม่พูดอะไรเลี่ยงออกมานั่งโซฟา หยิบรีโมทเปิดทีวีกดหาช่องตามความต้องการ ปล่อยลูกดิ่งหาน้ำจากตู้เย็นลำพัง
ตู้เย็นใบเขื่องกับจุไปด้วยน้ำผลไม้ นม เครื่องดื่มอัดแน่น มีกระทั่งอาหารอีซี่โก เยอะกว่าตู้เย็นห้องพี่เกรียงอีก
สงสัยเจ้าของจะกินจุมิน่าถึงได้ตัวโตขนาดนี้
ทานน้ำเสร็จเขาเดินกลับมานั่งจ๋องมุมโซฟาอีกฝั่งที่เป้สะพายวาง ไม่มีสายตาชำเลืองจากคนตัวใหญ่ที่โชว์ขนหน้าอก
ดกดำโผล่พ้นคอเสื้อ ท่อนแขนเต็มไปด้วยขนตามสายเลือดทางแม่ ไม่ต้องพูดถึงเคราดกดำที่ขึ้นเต็มคาง แต่ไม่ยักทำให้ใบหน้า
คมคายหล่อเหลาดูน่ารังเกียจแต่อย่างใด กลับดูเด่นน่ามองไปอีกแบบ ผิดกับใบหน้าเกลี้ยงเกลาใสดูอ่อนเยาว์ของลูกดิ่งลิบลับ
“ฉันอนุญาตให้เอากระเป๋าไปเก็บในห้อง จะอาบน้ำก็เชิญ” คำพูดไม่มีที่มาที่ไปพูดขึ้นลอยๆ
สายตายังคงจ้องทีวีไซส์ยักษ์ ลูกดิ่งถือว่าพูดกับตัวเองแน่แล้ว เพราะในนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดนอกจากเขา
“ขอบคุณครับ” เด็กหนุ่มไม่ลืมกล่าวขอบคุณ ก่อนพาร่างสูงหยิบเป้สะพายเดินหายเข้าไปในห้อง
โดยไม่รู้ว่ามีสายตาคมกริบชำเลืองตาม...
ลูกดิ่งเพิ่งยลโฉมห้องนอน เห็นความแตกต่างห้องของเกรียงกับห้องนี้ชัดเจนก็ตอนนี้ เตียงคิงส์ไซส์คนละแบบ
กับห้องเกรียง เตียงนี้ไม่มีหัวเตียงเป็นเตียงโล่งโปร่งผ้าปู ผ้านวม ตลอดจนผ้าม่านทุกอย่างสีขาว แม้แต่คอมจอแบนตั้งโต๊ะยี่ห้อดัง
ยังเป็นสีขาว เฟอร์นิเจอร์ในนี้ก็ล้วนสีขาว สีห้องไม่ต้องพูดถึงสีขาวควันบุหรี่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พรมในห้องเดิมคงเป็นสีแดง
เหมือนด้านนอกหรือห้องเกรียงล่ะก็ แต่ในนี้เป็นพรมสีครีมแลดูอบอุ่นอ่อนโยนประหลาด ผิดกับนิสัยเจ้าของห้องเกินคาด
ลูกดิ่งนำเป้ไปวางที่พื้นตรงจุดซึ่งเป็นตู้เสื้อผ้าฝังผนัง เปิดตู้ดูด้านใน มีมุมว่างเหมือนเจ้าของเพิ่งเคลียร์พื้นที่ไว้ให้
ส่วนที่เหลืออัดแน่นไปด้วยชุดกีฬาส่วนใหญ่ กลิ่นหอมของน้ำยาปรับผ้านุ่มฟุ้งกระจาย ไม่เหม็นอับสักนิด
บ่งบอกนิสัยรักสะอาดเป็นอย่างดี
เขาค่อยรื้อเสื้อผ้าที่นำติดตัวไม่กี่ชุด เลือกเฉพาะที่จำเป็นออกจากกระเป๋าเข้าไปจัดเรียงให้เรียบร้อย
ถุงเท้ารองเท้าอุปกรณ์ผู้รักษาประตูที่นำมาด้วย หยิบไปเก็บในตู้บิ้วอินในห้องน้ำ พอเปิดก็เจอรองเท้าสตั๊ดของเจ้าของ
ไซส์ใหญ่กว่าลูกดิ่งไปสามเบอร์ทีเดียว
ค่อยแอบเอาของตัวเอง ซึ่งคิดว่าตอนซื้อก็ราคาแพงระดับหนึ่งแล้ว มาเห็นยี่ห้อที่เรียงในตู้ กลายเป็นเขายาจกทันที
ไม่เสียเวลาหยิบผ้าขนหนูบนชั้นซึ่งพับเก็บเรียงเป็นตับ จัดการอาบน้ำอีกรอบให้สบายเนื้อตัว ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที
พันท่อนร่างด้วยผ้าขนหนู เปิดประตูออกมาถึงกับชะงักเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ไขว้ขาเหยียดยาว หลังพิงผนังในมือมีหนังสือเล่มหนา
เปิดไฟสีนวลบนหัวเตียงจ้องตาคมมองที่เขานิ่ง เล่นเอาหยดน้ำเกาะพราวบนหน้าอกตึงแน่นสมส่วนอย่างเด็กหนุ่มรูปร่างดีไหลกลิ้ง
ตามกันเป็นพรวนเพราะเจ้าของร่างอุณหภูมิไต่ระดับโดยไม่ทราบสาเหตุ
นึกโทษตัวเองที่รุ่มร่ามไม่เรียบร้อย ออกมาในสภาพนี้แทนที่จะหยิบชุดนอนไปเตรียมแต่แรก
แต่เพราะคิดไปเองว่าเจ้าของห้องคงยังไม่เข้ามาน่าจะรอให้เขาทำธุระให้เสร็จฆ่าเวลาดูทีวีไปพลางๆ
ใครจะไปรู้ว่าเอกเขนกอยู่บนเตียงจ้องเขม็ง จนเขาทำตัวไม่ถูกกับสายตายากจะอ่านได้
“เออ..ขอโทษครับผมดูไม่ค่อยเรียบร้อย” เขารีบออกตัวก่อน
“อย่าทำให้พรมเปียก” ที่อีกฝ่ายตอบกลับหน้านิ่ง ลูกดิ่งแทบหันหลังมุดกลับประตูทันควัน ขืนทำแบบนั้น
คงดูน่าอายไปกว่านี้ แม้จะมีหยดน้ำเกาะบางประปรายตามเนื้อตัว เพราะเขาไม่ได้เช็ดละเอียด แต่ส่วนเอวยันถึงปลายเท้า
เขาแน่ใจว่าเช็ดแห้งดีแล้ว ที่เหลือช่วงบนเพราะชอบให้มันแห้งแอร์เย็นฉ่ำซึ่งสัมผัสอยู่ตอนนี้ แม้จะรู้สึกว่าเย็น
จนหนาวไปถึงขั้วหัวใจไปแล้วก็เถอะ
“ครับผมจะระวัง” เขารีบจ้ำอ้าวหันหลังเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบกางเกงนอนผ้าฝ้ายกับเสื้อยืดตัวโปรดที่มักใส่นอนประจำ
ออกมาใส่ลวกๆ ระหว่างนั้นเหมือนมีสายตาลึกลับมองมาตลอด แต่ก็ไม่กล้าหันไปดู ก่อนมุดกลับเข้าห้องน้ำ
นำผ้าขนหนูไปใส่ตะกร้าหวายที่มีฝาปิดมิดชิด ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นตะกร้าผ้าที่ใช้แล้ว เพราะเห็นตัวอย่างในนั้น
กลับออกมายืนเก้ๆ กังๆ ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวไงดี ตัดสินใจเดินไปนั่งเก้าอี้หน้าคอมฯ
สังเกตเห็นฟูกกับผ้านวมพร้อมหมอนวางไว้ครบเซทข้างๆ บนพื้นใกล้โต๊ะนั่นเอง
ไม่ต้องเดานี่คืออุปกรณ์สำหรับนอนของเขาไม่ใช่ของใครเป็นแน่แท้
“ฉันจะนอนแล้ว” คำพูดเปรยขึ้นลอยๆ เหมือนเป็นคำสั่งมากกว่าคำบอกกล่าว
ว่าเจ้าของห้องจะปิดไฟนอน หมายถึงลูกดิ่งก็ต้องนอนเช่นกัน
“ครับ” เขาเลือกได้ที่ไหน นอกจากขานรับ จัดการหยิบฟูกปูนอนปูบนพรมตรงพื้นที่ว่างปลายเตียงซึ่งกว้างสุด
วางหมอนเรียบร้อยเอนตัวนอนเอาผ้านวมห่มไว้แค่ตรงเอว
“เรียบร้อยครับ” ไม่ลืมรายงานเจ้าของห้องที่อาศัยด้วย เพื่อให้คนที่รับรู้จัดการตามประสงค์
สิ้นเสียงไม่ทันไรไฟในห้องดับพรึ่บ เหลือหัวเตียง เห็นเงาร่างสูงใหญ่ขยับไหวสะท้อนให้เห็นก่อนทุกอย่างจะมืดสนิท
ลูกดิ่งนอนไม่หลับ ได้แต่ครุ่นคิดเขาจะจัดการปัญหานี้ยังไง มันไม่คืบหน้าความสัมพันธ์ของเขากับโยโย่
ที่ต้องอาศัยกันเหมือนคู่อื่น เขาเองก็ใช่มีนิสัยช่างพูดเหมือนยุทธ ในขณะโยโย่ปากหนักเป็นสองเท่า
สงสัยระหว่างพวกเขาคงสื่อสารแบบนี้ไปอีกนาน ยากจะทำให้คุ้นเคยในเร็ววัน
ในหัวครุ่นคิดไปมา นอนไม่หลับแต่ไม่ยอมขยับร่างกายให้เกิดเสียง กังวลรบกวนคนที่นอนบนเตียงให้หงุดหงิดเปล่าๆ
เขาคิดผิดเพราะไม่ทันไรจากความเงียบสงัดที่ผ่านมากว่าชั่วโมง สุดท้ายหูก็ได้ยินเสียงขยับตัวดังมาจากบนเตียง
ก่อนตามด้วยเสียงวัตถุหล่นตรงบนหัวนอน ยังไม่ทันรู้ว่ามันคืออะไร อีกอันก็ตามมาคราวนี้โป๊ะหน้าเข้าอย่างจัง
เหมือนคนโยนไม่ทันคิดว่าเขานอนอยู่ส่วนนี้ ท่ามกลางความมืดเขาค่อยหยิบชิ้นส่วนที่โป๊ะหน้าออกมาดู
ถึงได้รู้มันคือกางเกงวอร์มขายาวที่โยโย่ใส่ อีกชิ้นก่อนหน้าที่เห็นกองอยู่เพราะสายตาเริ่มชินบ้างแล้ว
คือเสื้อกล้ามกับบ็อกเซอร์อีกตัว แล้วทำไมโยโย่ถึงแก้ผ้าทิ้ง ทั้งที่เจ้าของห้องออกจะดูเจ้าระเบียบขนาดนั้น
อะไรไม่สำคัญเท่าทิ้งโดยไม่คิดเผื่อว่ามันจะโดนตัวเขานี่สิ พิลึกสุดๆ ลูกดิ่งจนปัญญาหาคำตอบ
เพราะคนที่ให้คำตอบได้ซุกตัวหลับใต้ผ้านวมไปเรียบร้อยแล้ว ขืนไม่ถอดผ้านอนอันเป็นความเคยชินจนติดนิสัย
คนที่นอนไม่ได้คือโยโย่เอง เพราะเขาไม่เคยสวมเสื้อผ้านอนมาก่อน คือปัญหาหนึ่งทำไมเขาไม่ชอบให้ใครอยู่ร่วมห้องด้วย
ตอนอยู่เมืองนอกก็ไม่มีรูมเมท ครั้นจะให้อีกฝ่ายนอนนอกห้องกลัวกลายเป็นที่ครหา ในเมื่อพี่แทคคนอื่นๆ
ก็ให้น้องนอนร่วมเตียงทั้งนั้น แต่เขาทำได้มากสุดคือให้นอนในห้อง แต่ที่พื้นแทน ใครจะกล้าให้นอนร่วมเตียง
ในเมื่อเขาแก้ผ้าเปลือยนอนแบบนี้..?
มาแล้วคร๊าาาาาา...เอิ้กๆๆ..ยังไม่คืบหน้า
นึกหน้าพี่โย่ไม่ออก กลับไปดูตอน 3 หน้า 3 จะมีอิมเมจอยู่
ขอบคุณแฟนๆ นักอ่านที่ติดตามกันด้วยดี
แม้จะมีมือดีลบคะแนนเราเป็นประจำก็ช่างเถอะ
มีนักเขียนฝีมือดีไม่น้อยหายไปจากบอร์ดเพราะคนมุมมืดเหล่านี้
หนึ่งในนั้นคือคุณ 'รกร' เพราะโดนมือดีมากดลบคะแนนจนทนไม่ไหว
อันนี้อ่านจากเพจนักเขียนเขารำพันนะ ลบเรื่องจากเล้าไปหมดเลย...อึ้ง?
ไม่รักไม่ว่า ไม่เม้นท์ไม่อ่านก็ช่าง เราถือคติคนส่วนใหญ่ยังมีไมตรีและติดตามกัน
ไม่เคยหนีหาย แม้จะไม่มีเวลาก็ยังคอยถามไถ่คอยเป็นกำลังใจให้คิดงานเขียน
ขอบคุณอีกครั้งที่เป็นเพื่อนกันด้วยดีตลอดมาและตลอดไป
Thanks. 