สนามรัก..นักบอล
Part 7 เสียงกีตาร์โปร่งดังเหมือนกำลังฝัน ฟังอบอุ่นละมุนละไมทำคนนอนหลับในภวังค์เคลิบเคลิ้มจนไม่อยากตื่น จิตใต้สำนึกกลับต้องการรู้ที่มาของเสียง
ซึ่งกล่อมประสาททำให้หนังตาหนักจนลืมไม่ขึ้น..ดังมาจากที่ไหน?
กลั้นหายใจนับ 1 2 3 อึ๊บ! ตาคู่สวยประดับหน้าอ่อนเยาว์ดูสะอาดสะอ้านตื่นขึ้นมาจนได้
เจ้าของร่างนอนเหยียดตัวตามความยาวโซฟา หนุนหัวพิงพนักแขนปลายเท้าพาดพนักอีกฝั่ง
สภาพหมิ่นเหม่ร่อมร่อ..ดูมั่นคงประมาณหนึ่ง โชคดีไม่ดิ้นตกไปกองบนพรมอย่างที่ควรจะเป็น
‘เผลอหลับตั้งแต่เมื่อไหร่..มานอนอยู่ท่านี้ได้ไง’ คำถามเกิดขึ้นในหัว สีหน้าฉงนปนสงสัย
ลำดับความคิดย้อนไปหลังมื้อเช้าอเมริกันเบรคฟาสต์สิ้นสุดลง เขาอุตส่าห์ลงมือทำไว้แต่เช้า
ก่อนโดนปฏิเสธจนจิตใจห่อเหี่ยว สุดท้ายกลายเป็นอาหารเช้าจนได้ แถมยังผ่านการอุ่นให้ร้อนด้วยฝีมือคนที่ปฏิเสธแต่แรก
ทำเอารู้สึกเหมือนได้รางวัลที่ตั้งใจลงมือทำ..คืนมาให้ชื่นใจอารมณ์ห่อเหี่ยวที่เคยมีต่อเหตุการณ์นี้หายเป็นปลิดทิ้ง
เดิมทียังแอบคิดว่าต้องทานคนเดียวสองจานเสียด้วยซ้ำ
จากนั้นคนตัวใหญ่พูดน้อยก็เข้าห้องอาบน้ำ โดยมีเขาลงมือเก็บล้างทำความสะอาด เสร็จเรียบร้อยมานั่งดูทีวีตรงโซฟา
รู้สึกเพลียง่วงนอนสุดๆ อาจเป็นเพราะช่วงเช้าซ้อมหนักพอสมควร ไม่รู้เผลอหลับตั้งแต่ตอนไหน หนำซ้ำมานอนสภาพนี้ได้ยังไง
เหลียวดูนาฬิกาตั้งโต๊ะเก้าโมงครึ่ง ให้ตายเผลอหลับไปชั่วโมงกว่า เหลือครึ่งชั่วโมงได้เวลาไปสนามซ้อมอีกแล้ว
เสียงกีตาร์ยังคงดังอยู่ ตัดสินใจเอามือลูบหน้าให้หายมึน ลุกเดินตามเสียงที่ดังมาจากห้องนอน จับลูกบิดเบาๆ
ยอมเสียมารยาทไม่เคาะส่งสัญญาณ เกรงรบกวนสมาธิคนข้างใน แค่อยากพิสูจน์ว่าได้ยินมาจากในนี้
เลยทำตัวเหมือนพวกย่องเบาซะงั้น
หน้าหล่อชะเง้อมองหาที่มา โดยไม่ยอมก้าวเข้าในห้อง แง้มประตูกวาดสายตาสำรวจ
จนรู้ต้นตอเสียงดนตรีไร้คำร้องเกิดจากฝีมือใคร
คนเกากีตาร์นั่งห้อยขาข้างเตียง หันไปทางตู้เสื้อผ้า ยังไม่รู้ตัวกำลังโดนแอบมองอยู่
คนแอบมองตกอยู่ในอาการชะงักปนทึ่ง..ฝีมือเกากีตาร์โปร่งขั้นเทพเชียวล่ะ
ใบหน้าคมเข้มไม่ก้มดูนิ้วจับคอร์ดแม้แต่น้อย แววตาเลื่อนลอยเหมือนจมอยู่ในความคิด แต่กลับเกากีตาร์ไม่ผิดคอร์ด
สีหน้าเรียบเฉยดูไม่ดุดัน กลับอบอุ่นอ่อนโยนแปลกๆ บรรยากาศก็เป็นไปด้วย สาเหตุคงมาจากเสียงกีตาร์ที่บรรเลงอยู่
เขาแอบฟังยังสัมผัสถึงอารมณ์เพลงที่สะกดใจ แม้ไม่รู้เป็นเพลงอะไร..ฟังไม่คุ้นหู คงเป็นเพลงสากล
เสียงดนตรีที่รับฟังก่อให้เกิดอารมณ์คิดถึงอดีต ทำให้ภาพในจินตนาการแจ่มชัดขึ้น เป็นภาพกิจกรรมเคยทำร่วมกัน
ระหว่างเขากับพ่อที่เสียไปกว่าสี่ปี ปลูกต้นไม้ ซ่อมรถจักรยาน ฯลฯ พ่อกับเขามักทำด้วยกันประจำ ไม่ได้รู้สึกโศกเศร้า
แต่ทำให้รำลึกถึงวันวานความทรงจำสวยงาม ช่วยให้จิตใจสงบเยือกเย็นอย่างประหลาด ที่สำคัญเขาเพิ่งรู้
‘พี่โย่เล่นกีตาร์เก่งขนาดนี้เลยเชียว’
“จะอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม” เสียงทุ้มเรียบดังขัดขึ้น ดึงสติคนแอบดูกลับสู่ร่าง หลังล่องลอยไปในอดีต
หน้าหล่อเหรอหราเมื่อถูกจับได้ว่าแอบมองอีกฝ่าย
“คือ..ผมกลัวทำพี่เสียสมาธิ” ฟังเหมือนแก้ตัว แต่เขาคิดแบบนี้จริงๆ ผลีผลามเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้า
คนกำลังปลดปล่อยอารมณ์ไปกับเสียงดนตรีมีหวังสะดุด สำคัญเขาอดฟังพอดี ไม่ยักรู้เผลอเหม่อจนเขาเล่นจบไม่รู้ตัวนี่สิ
อายชะมัดที่โดนข้อหาแอบมอง..อรึ้ย! ข้อหานี่เพิ่งโดนครั้งแรกในชีวิต..
หน้าเข้มลูกตาคมปราบไม่มีแววตำหนิ แถมไม่พูดสักคำ ลุกเดินเอากีตาร์เก็บตู้เสื้อผ้า มิน่าถึงไม่รู้ว่ามีกีตาร์ไว้ด้วย
ที่แท้หวงถึงกับเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าลึกลับซับซ้อนชะมัด เก็บตอนรู้ว่ามีเขามาอาศัยด้วย หรือมันถูกเก็บไว้ในนั้นมาโดยตลอด
เรื่องนี้ยากจะคาดเดา คำตอบแน่ชัดคือเจ้าของให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ท่าทางคงหวงน่าดู
“จะยืนอีกนานไหม จวนได้เวลาซ้อมแล้ว” ลูกดิ่งสะดุ้ง เมื่อคนพูดน้ำเสียงติดห้วน ไม่หันมามองเขาด้วยซ้ำ
หยิบเสื้อกางเกงเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ปล่อยคนยืนหน้าประตูรากงอกนิ่งไปหลายนาที
ตั้งสติได้รีบมาค้นชุดนักบอลตนเอง ไม่ลืมถุงมือผู้รักษาประตูสนับกันกระแทกบล็อกหน้าแข้งสองข้าง
ยัดใส่เป้สะพายใบเล็กที่ติดตัวมาด้วย ให้รอคนตัวโตออกมาค่อยเปลี่ยนในห้องน้ำกลัวเสียเวลาไปใหญ่
จัดการถอดเสื้อยืดเผยอกนูนแน่นสมวัยหนุ่ม สวมเสื้อนักบอลแขนยาวผู้รักษาประตูแทนที่ แม้เป็นการซ้อมทักษะทั่วไป
แต่เขาในฐานะผู้เล่นตำแหน่งนี้ คงไม่พ้นซ้อมรับลูกยิงประตูของนักเตะเป็นร้อยแน่
ประสบการณ์สอนให้เตรียมความพร้อมเอาไว้ก่อน
จังหวะรูดกางเกงวอร์มออกปลายเท้ายังไม่เสร็จ ประตูห้องน้ำดันเปิดออก พร้อมร่างสูงใหญ่ออกมาจ๊ะเอ๋จังๆ
สภาพคนเหลือแค่กางเกงในสีขาวยืนหันหลังโชว์บั้นท้ายกลมแน่น ขากางเกงวอร์มค้างข้อเท้าในลักษณะกระต่ายขาเดียว
พาเอาคนมองถึงกับงงไปหลายวิ
นั่นไม่สำคัญเท่าฝ่ายที่กำลังจัดการขากางเกงให้พ้นข้อเท้าหันมาเห็นพี่แทคหน้าหล่อมองนิ่ง
เผลอตกใจทรงตัวไม่มั่นคงเซแถดๆ เพราะขากางเกงดันกลายเป็นสร้างปัญหา ดูสภาพไม่พ้นล้มไม่เป็นท่าแน่ๆ
เอียงกะเท่เร่เซแถ๊ดๆ ไปทางคนตัวใหญ่ที่อยู่ในชุดนักบอลขาสั้นนี่สิ..ลูกดิ่งหยุดตัวเองไม่ได้..เสียหลักเพราะไม่ทันระวัง
ตั้งหลักไม่อยู่ทั้งที่พยายามรักษาสมดุลย์ต้านแรงโน้มถ่วงของโลกสุดกำลัง แต่ขาเจ้ากรรมซึ่งกางเกงวอร์ม
พันอยู่กลายเป็นปัญหาใหญ่ไปแล้วเรียบร้อย
“เฮ้ย!..” เสียงลูกดิ่งอุทานด้วยความตกใจ
“จิ๊!” เสียงจิ๊ปากคนตัวใหญ่ พริบตาร่างถลาเหมือนนกปีกหักกางเกงที่พันขาลากพื้นไปด้วย
ล้มตึงเข้าใส่เต็มๆ ทิ้งน้ำหนักตัวเต็มพิกัด แม้รูปร่างไม่สูงใหญ่เท่า แต่ลูกดิ่งก็น้ำหนักเจ็ดสิบปลายๆ
สูงร้อยแปดสิบกว่า ใช่บอบบางให้คนไม่ทันระวังอย่างโยโย่แบกรับไว้ได้ง่ายๆ
ผลสรุปทั้งคนล้มใส่และคนแบกน้ำหนัก..พากันหงายตึงกันไปทั้งคู่
“เฮ้ยยย!!!” เสียงเฮ้ยรอบนี้ประสานกันไม่ต้องนัด สภาพไม่น่าดูชมเท่าไหร่นัก
ปากสีสดของลูกดิ่งดันกระแทกมุมปากเทพบุตรสุดเท่เข้าจังๆ เล่นเอาเจ็บไปอีกระลอก
“กึก! โอ๊ะ! อุก!”ปฏิกิริยาหลังอุบัติเหตุสุดวิสัยสิ้นสุด ฝ่ายรับน้ำหนักถึงกับจุกเจ็บ
ส่วนคนทิ้งน้ำหนักโดยไม่สามารถควบคุมตัวเองไว้ได้ มีอาการเจ็บปากเช่นกัน ดันกระแทกเต็มๆ
จุกไม่เท่าไหร่ได้เบาะแกร่งรองรับร่างเอาไว้..แทนที่จะล้มโครม กลับกลายเป็นนอนทับร่างหนาแทน
เลยไม่สัมผัสคำว่าจุก นอกจากรสชาติปะแล่มคาวในปาก เพราะเลือดออกดันกระแทกมุมปากหนุ่มเคราเข้มอย่างไม่เจตนา
ล้วนเป็นอุบัติเหตุทั้งสิ้น
ซวยสุดคือโยโย่ มุมปากเลือดซิบ แถมจุกจนพูดไม่ออก ชนิดหน้าเขียวอมม่วงพลิกร่างม้วนตัวออก
ปล่อยลูกดิ่งร่วงไปนอนเค้งเก้งบนพรม เจ้าตัวเอามือกุมกล่องดวงใจหายใจลำบาก ดันโดนเข่ากระแทกโยโย่น้อยเข้าอย่างจัง
เล่นเอาใบ้กินจุกจนเห็นดาววิ้งค์ๆ ได้แต่กัดฟันกรอดหน้าเขียวคล้ำเป็นที่เรียบร้อย
ลูกดิ่งเห็นอาการพี่แทคแบบนั้น รีบสลัดขากางเกงเจ้าปัญหาให้พ้นจากข้อเท้า
พรวดพราดตรงเข้าถามอาการหน้าตาตื่น ลืมสนใจเลือดในปากตัวเองไปเสียสิ้นเชิง
“พี่โย่ครับ..เป็นอะไรมากหรือเปล่า ผมไม่ได้ตั้งใจ” แอบละล้าละลังกำลังเอื้อมมือจะจับแขนอีกฝ่าย
เพื่อสำรวจอาการก็ไม่กล้า เนื่องจากสายตาคมจ้องเขม็งเหมือนเป็นคำสั่งกลายๆ ‘อย่าแตะ’ แค่นี้ต้นเรื่องก็หน้าหดไม่ถึงสองนิ้ว
ได้แต่ส่งสายตาอ้อยสร้อยแทนคำขอโทษ พยายามสื่อความหมายว่าไม่ได้เจตนา ต่างฝ่ายต่างจ้องกันนิ่ง ก่อนโยโย่เบือนหนี
อาการทุเลาแล้ว แต่หน้ากับแดงก่ำ เห็นเขียวคล้ำอยู่ดีดี หรือเจ็บจนเลือดวิ่งขึ้นหัว
“พี่โอเคใช่ไหม ผมช่วยพยุงครับ” หวังดีด้วยความบริสุทธิ์ใจ กระทั่งท่านั่งยองๆ ก็ไม่ใส่ใจ ว่าตอนนี้นุ่งอะไรอยู่
ลืมสำรวจด้วยซ้ำ มีแค่เสื้อบอลแขนยาวกับกางเกงในตัวเดียว
“ไม่ต้อง ไปทำธุระให้เรียบร้อย” โยโย่ค่อยยันกายขึ้นนั่ง ขณะพูดไม่แม้จะมองมาทางคนหน้าสลด
ดันเข้าใจว่าพี่โกรธจนไม่มองหน้าตนซะงั้น
“พี่โกรธเหรอครับ ผมขอโทษที่ไม่ทันระวัง ขอโทษจริงๆ ครับพี่โย่” น้ำเสียงสำนึกผิดฟังน่าสงสาร
หากคนตัวโตหันมองสักนิด จะเห็นอาการหางลู่หูตกบวกแววตาเศร้าๆ เจ้าตัวกำลังกร่นด่าตัวเองอยู่ ที่เป็นต้นเหตุให้เจ้าถิ่นเจ็บตัว
ถึงเป็นอุบัติเหตุแต่ทำไมจวบเหมาะต้องมาเกิดกับพี่แทคยิ่งความสัมพันธ์เปราะบางอยู่ด้วยก็ไม่รู้
‘เฮ้อ! จะรอดอยู่จนถึงวันประกาศผลคัดตัวหรือเปล่าไอ้ดิ่ง’ พูดกับตัวเองอย่างหมดกำลังใจ
ต่างฝ่ายต่างเงียบโดยไม่มีใครเอ่ยอะไร โยโย่นั่งผนึกลมปราณคืนสู่จุดอ่อนให้เลือดลมคงที่
รอจนแน่ใจว่าอาการจุกแน่นหายดีค่อยลุก แต่ดันฉุกคิดถึงความเงียบที่ผิดสังเกต หลังไม่รับรู้ถึงการขยับร่างคู่กรณี
เขาหันมาดู..ต้องรีบเบือนกลับเร็วพอกัน
“ทำไมยังไม่นุ่งกางเกงให้เรียบร้อย” คราวนี้น้ำเสียงเผลอตวาดลืมตัวเพราะอารมณ์ฉุนเฉียวปะทุขึ้นดื้อๆ
โดยไม่รู้คนโดนตวาดถึงกับไหล่ห่อ สีหน้าที่แย่อยู่แล้วอาการหนักเข้าไปอีก ยันกายลุกเดินคอตกอ้อมหลังคนตัวโตที่นั่งอยู่
ก้มหยิบกางเกงบอลตรงพื้นขึ้นมานุ่งลวกๆ ไม่กล้าเอ่ยปากถามอาการอีกฝ่าย แค่ชำเลืองเห็นคนตัวโตเอามือคลำปากร้องซี๊ดเบาๆ
“ซี๊ดดด!!” คงเจ็บน่าดู เผลอเอาลิ้นดุนริมฝีปากตัวเองบ้างกวาดเลือดที่ยังซึมเล็กน้อยดันเจ็บพอกัน หลุดซี๊ดไม่ทันระวัง
“ซี๊ดดด!!” สองหนุ่มต่างวัยหันมองกันนิ่ง ชะงักกันไปทั้งคู่ ก่อนต่างฝ่ายต่างเบือนหน้าหนี
แถมมีอาการเลือดฝาดที่แก้มไม่ต่างกันอีก ลูกดิ่งดันเผลอนึกถึงสาเหตุที่ทำให้ตนเจ็บปากแล้วหน้าร้อน
ส่วนฝ่ายหลังทนเห็นอาการหน้าแดงหูแดงของรุ่นน้องหน้าใสไม่ได้ พานเห่อตามไปด้วย
เมื่อมีภาพติดตาของขาอ่อนไรขนบางผิวขาวเนียนบวกแก้มก้นตึงแน่นผุดขึ้นในหัว ถึงกับจิ๊ปากเบาๆ สลัดหัวไปที
ก่อนจะยันร่างขึ้นยืนเต็มความสูง หันมาชำเลืองคนร่างเล็กกว่าด้วยหางตา
ขืนชักช้าคงไปซ้อมเลทพาคนอื่นมองไม่ดี สำคัญไอ้ลูกหมาหางลู่หูตกที่ยืนอยู่นี่จะเสียคะแนนใช่เหตุ
“ไปเอารองเท้าสิ เหลือไม่ถึงสิบนาทีเดี๋ยวสายหรอก” เขาไม่เป็นไรสายนิดสายหน่อยใครกล้าตำหนิ
ต่อให้เป็นแบบนั้นที่ผ่านมาเขาไม่เคยทำตัวขาดวินัย ฝึกซ้อมโดยคิดเสมอคือนักกีฬาคนหนึ่ง
เลือกได้ไม่คิดใช้บารมีของคนที่ได้ชื่อว่าพ่อด้วยซ้ำ ยังไงภาพลักษณ์ที่ติดตัวแต่กำเนิดไม่มีทางสลัดหลุด
ความจริงเขาคือหนึ่งในเจริญลาภไพศาล
“ครับ” เสียงขานรับอ้อยสร้อย ทำให้รู้สึกผิดดันเผลอใช้น้ำเสียงตวาดก่อนหน้า
“ไม่ต้องคิดมาก รู้ไม่ตั้งใจ” น้ำเสียงอ่อนลงบอกคนที่แผ่นหลังกำลังจะหายเข้าห้องน้ำเพื่อไปหยิบรองเท้า
ร่างสูงเพรียวถึงกับชะงัก หันกลับมาจ้องหน้าพี่แทค..ตาเรียวสวยเหมือนมีประกายระรื่นทันควัน
“ขอบคุณครับ” โยโย่เห็นอาการดีใจ ผิดกับท่าทางหมดอาลัยตายยากก่อนหน้านี้ เผลอมุมปากกระตุกจนได้
พยายามเกร็งกรามไว้สุดกำลัง แต่โหนกแก้มยังคงขยับยิกๆ อยู่หลายที หาทางออกด้วยการถามอาการอีกฝ่ายแทน
เพื่อดึงความสนใจตัวเอง
“เราเจ็บหรือเปล่า” ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าอ่อนโยนลงมาก ทำเอาคนถูกถามยิ้มกว้างอย่างช่วยไม่ได้
เขาทั้งดีใจปนขำที่พี่แทคมีน้ำใจห่วงเขาอีก ทั้งที่คนเจ็บมากกว่าคือเจ้าตัวแท้ๆ
“ผมไม่เป็นไร ปากแตกนิดหน่อย พี่ก็แตกเหมือนกันนี่ครับ คงอดทานรสจัดไปหลายวัน”
รู้สึกปากเริ่มจะบวมนิดๆ มุมปากพี่แทคหน้านิ่งคงไม่ต่างกัน ช้ำแล้วแน่ๆ อาศัยเคราดกปิดบังไม่สังเกตให้ดีดูไม่รู้หรอก
“อืม..ปกติไม่ทานรสจัด” คำตอบอีกฝ่าย ทำเอาลูกดิ่งยิ้มแก้มแตกโดยไม่รู้ตัว
เผลอดีใจที่คนปากหนักบอกเรื่องราวส่วนตัวให้รับรู้ แม้จะเป็นการบอกโดยไม่ตั้งใจก็ตาม
แต่อย่างน้อยเขาก็รู้แล้ว ‘พี่โย่ไม่ทานรสจัด’ ท่าทางยิ้มไม่หุบจนลืมว่าต้องทำอะไร
ทำเอาคนหน้าเข้มคิ้วขมวด ก่อนออกปากไล่อีกครั้ง
“ยืนยิ้มอยู่นั่น รีบได้แล้ว” นั่นแหละน้องถึงผลุบหัวเข้าห้องน้ำ แต่โยโย่ก็เห็นอาการไหล่สั่นเหมือนกลั้นหัวเราะของอีกฝ่าย
เขาได้แต่ขมึงตาดุตามหลัง ‘เป็นบ้าอะไรหัวเราะ..ตลกอะไร’ บ่นในใจคนเดียว
มาลงให้ต่อเนื่อง ก่อนจะลาไปถือศีลช่วงเข้าพรรษา เจอกันอีกทีคงวันอังคาร
แล้วจะเอาบุญมาฝากนะคะ อย่าลืมตักบาตรเข้าพรรษากันด้วยนะจ๊ะคนอ่านที่น่ารัก
ให้ได้บุญกันเยอะๆ มีความสุขพักผ่อนในช่วงวันหยุดค่ะ
ปล.ขอบคุณมากมายกับกำลังใจ และกำลังเม้นท์ ที่ออกมาจนกระทู้หายเหงาไปเลย
แบบนี้สิถึงจะเรียกว่ารักกันจริง คนเขียนก็มีกำลังใจเต็มเปี่ยม รักคนอ่านมากๆ ค่ะ