สนามรัก..นักบอล
Part 2 หลังทราบข่าวจากอาจารย์ภุชงค์ ลูกดิ่งตื่นเต้นไม่หาย ยิ่งตอนเล่าให้แม่ฟังใบหน้ายิ้มมีความสุข..สมความตั้งใจที่วาดฝันเอาไว้ ญาดาถึงกับน้ำตาซึม
ลูกชายเธอไม่เคยเกเรนำความหนักใจมาให้ ว่านอนสอนง่าย ไม่คบเพื่อนเสเพล ในขณะเพื่อนที่ทำงานกลับกลุ้มใจเรื่องลูก
พากันเที่ยวเตร่หนังสือหนังหาไม่สนใจเรียน ดีแต่สร้างเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน นับเป็นบุญที่ได้ลูกดีอย่างดิ่งนี่แหละ...
“ดิ่งให้แม่ช่วยอะไรไหม” เธอถาม หลังฟังเรื่องราวทั้งหมด สองแม่ลูกคุยกันหลังทานมื้อเย็นเป็นที่เรียบร้อย
“ไม่มีครับแม่ สโมสรเขามีที่พักอาหารสวัสดิการดูแลนักเตะพร้อมอย่างดี วันเสาร์ซ้อมแค่ช่วงเช้า
ตกบ่ายเขาให้กลับมาเยี่ยมบ้านได้ ให้หยุดพักวันอาทิตย์หนึ่งวัน ผมทราบรายละเอียดแค่นี้ คงต้องรอเข้าค่ายเก็บตัว
ถึงจะรู้โปรแกรมฝึกที่แน่นอน แต่ผมมั่นใจผมทำได้ครับแม่” ไม่ใช่แค่คำสัญญาที่บอกแม่ เขาต้องการย้ำกับตัวเองไปด้วย..
ต้องทำให้สำเร็จผ่านการคัดเลือกครั้งนี้ให้ได้ เขาต้องเป็นส่วนหนึ่งในทีมนักเตะสโมสรชื่อดัง
“แม่เป็นกำลังใจให้ดิ่งนะลูก” มืออบอุ่นลูบหัวทุยลูกชายอ่อนโยน ถ้าไม่เพราะนั่งกันอยู่เธอคงเอื้อมไม่ถึง
ความมุ่งมั่นตั้งใจของลูก เป็นนิสัยส่วนตัวที่มีตั้งแต่เด็ก ลูกชายเธอพยายามทำทุกเรื่องให้สำเร็จ ไม่เบื่อหน่ายหรือทิ้งไปกลางคัน
เมื่อเจอปัญหา ตรงข้ามกับใจเย็นคิดหาวิธีแก้ไข มีเหตุมีผลความคิดโตเกินวัย ทุกการกระทำล้วนลอกเลียนแบบจากพ่อแทบทั้งสิ้น
พ่อสอนปลูกต้นไม้ ดูแลสวนหย่อมเล็กๆ ในบ้าน ฝึกสะสมแสตมป์ ซ่อมรถจักรยาน
ทุกกิจกรรมสองพ่อลูกมักคลุกอยู่ด้วยกันลืมกระทั่งเวลาทานอาหาร ถ้าเธอไม่ไปตามเป็นอันไม่สนใจกินกันด้วยซ้ำ
วินาทีที่ลูกดิ่งรู้ว่าพ่อจากไปไม่มีวันกลับ ต่อไปไม่มีพ่อคอยชักชวนทำนั่นนี่อีกแล้ว ตอนนั้นลูกดิ่งเรียนอยู่ม.1
แทบไม่ต้องนึกจะเสียใจแค่ไหน น่าแปลกที่เธอไม่เห็นน้ำตาของลูกชาย ไม่แสดงความอ่อนแอกับเธอเลย เป็นเธอเสียอีกที่ร้องไห้
ปานขาดใจเมื่อเสียเสาหลัก ได้แต่อาศัยอ้อมกอดของลูกเป็นความอบอุ่นอย่างเดียวปลอบประโลมใจในขณะนั้น
หลังงานศพสามี เธอพึ่งรู้ความจริงภายใต้หน้ากากความเข้มแข็งที่ลูกชายเธอแสดงให้เห็น ให้เธอใช้เป็นแหล่งพักพิง
แท้จริงลูกนั่งร้องไห้ในห้องนอนเพียงลำพัง เป็นการร้องอย่างไร้สุ่มเสียงไม่ให้เธอได้รู้ ร้องชนิดตัวสั่นเทากันเลยทีเดียว
คุดคู้ก้มหน้าพักศีรษะกับท่อนแขนที่วางพาดอยู่บนเข่าสองข้าง ดูอ่อนแอน่าสงสาร เห็นแบบนั้นแล้วเธอสงสารจับใจอยากโผ
เข้าไปกอดปลอบลูก แต่กลับฉุกคิดขึ้นได้เสียก่อน หากเธอทำเช่นนั้น จะยิ่งสร้างปมในใจให้ลูก ในเมื่อลูกตั้งใจไม่แสดง
ความอ่อนแอให้เธอเห็น อาศัยหลบมาร้องไห้เอาแบบนี้ เธอควรแกล้งทำไม่รู้ไม่เห็น ทำหน้าที่แม่ให้ดีที่สุด
ลุกขึ้นยืนฮึดสู้อีกครั้ง เพื่อเป็นกำลังหลักให้ลูกได้พึ่งพิง ทดแทนในส่วนของพ่อเขาเท่าที่จะทำได้
หลังผ่านช่วงเลวร้ายที่สุดในชีวิต ความทุกข์ระทมกับการสูญเสียครั้งนั้น ต่างดูแลห่วงใยเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน
มาโดยตลอด หลายคนอาจสงสัยทำไมเธอไม่มีเครือญาติ ทั้งเธอและสามี จะว่าไปชีวิตรักของเธอเหมือนนิยายน้ำเน่า
สามีเธอเป็นลูกชายคนโตผู้มีอันจะกิน แต่กลับมารักใคร่ชอบพอเด็กกำพร้าที่ถูกทิ้งให้อยู่บ้านเมตตาตั้งแต่จำความได้
เพราะความใฝ่ดีของเธอตั้งใจเรียนทำงานร้านหนังสือพร้อมกับเรียนไปด้วย ที่ซึ่งทั้งสองพบรักกัน..
เขามาซื้อหนังสือจนกลายเป็นลูกค้าประจำ
แม้สามีเธอจะเป็นคนใจเย็น แต่บทจะดื้อหัวแข็งไม่มีใครทานอยู่ เขาถูกห้ามไม่ให้ติดต่อกับเธอ
แต่กลับเป็นแรงยั่วยุให้ดึงดันเอาชนะด้วยทิฐิ ครอบครัวพยายามหาผู้หญิงมาให้ กลับปฏิเสธดื้อเพ่งยืนกราน
เลือกเธอเพียงคนเดียว สุดท้ายบทชีวิตน้ำเน่าปิดฉากลงคือถูกตัดหางปล่อยวัดตัดออกจากกองมรดกขาดกันไปเลย
เธอกับสามีจึงพากันสร้างครอบครัวเล็กๆ จนมีโซ่ทองคล้องใจคือลูกดิ่งเป็นพยานรัก
แต่เบื้องบนก็ให้เวลาสามีเธอมาน้อยนัก ด่วนจากไปด้วยวัยยังไม่สมควร ไม่เพราะเด็กแว๊นขับรถตัดหน้า
คนใจเย็นต้องหักหลบประสานงารถบรรทุกจบชีวิตตัวเองแทน ทั้งที่ควรเป็นวัยรุ่นซิ่งมอร์เตอร์ไซค์คนนั้น
มากกว่าหากเขาไม่หักพวกมาลัยหนี
ลูกดิ่งจึงเป็นเด็กไร้ญาติ แม้ลูกจะถามอยู่บ่อยครั้ง ผู้เป็นพ่อก็ตัดบทบอกเพียงว่า
พ่อกับแม่ล้วนเป็นเด็กกำพร้ามาพบรักกัน เพื่อไม่ให้ลูกมีปัญหาคาใจ นับแต่นั้นลูกจึงรู้แค่ว่า เขามีพ่อกับแม่ไม่มีใครที่ไหนอีก
“เข้านอนเถอะ แม่ก็จะนอนแล้ว” เธอชวนหลังได้เวลาเข้านอน
“แม่เข้าไปนอนก่อนนะครับ ผมตรวจความเรียบร้อยสักครู่” เธอยิ้มอ่อนโยน ไม่พูดอะไรตอบหันหลังเดินเข้าห้องตัวเอง
ลูกดิ่งไม่เคยหละหลวมเรื่องความปลอดภัย ทำหน้าที่ตรวจสอบทุกอย่างเสมอ ซึ่งก็ได้จากผู้เป็นพ่อมาทั้งสิ้น…?
.
.
.
.
.
.
“ดิ่ง..มึงว่าพวกมันเดินตามเราหรือเปล่าวะ” ยุทธถามเพราะทนเก็บความสงสัยไว้ไม่ได้ ตั้งแต่เขาสองคนยืนเลือก
รองเท้าสตั๊ดเห็นสามคนนี้จดๆ จ้องๆ มองมาที่พวกเขาตลอด กระทั่งเดินออกจากร้านรองเท้าหลังเลือกได้คู่ถูกใจคนละคู่
ไม่ใช่เขาเหอ..แต่อย่างน้อยต้องมีคู่ใหม่สำรองเข้าค่ายที่จะถึงนี้แล้ว วันนี้เขานัดไอ้ลูกหมาคู่ซี้ ตั้งใจชวนไอ้ปุ้มมันด้วยเช่นกัน
แต่เปลี่ยนใจกะทันหัน กลัวมันมาสตั๊ดหน้าไอ้ดิ่งมากกว่าจะเลือกรองเท้า เขาจึงเลือกมากับไอ้รุ่นน้องหน้าหล่อสองคน
มันไม่ปฏิเสธเพราะคิดไว้อยู่เหมือนกัน ว่าจะหารองเท้าสำรอง จึงได้มาเดินในห้างดัง..
“ไม่มั่งพี่ยุทธ เขาคงเดินมาทางเดียวกับเรา” ไอ้นี่ก็มองโลกในแง่ดี
“กูว่าไม่ว่ะ..พวกแม่งตามเรามาแน่ๆ” ยุทธยังคงยืนกราน
“เขาจะตามเราทำไม ไม่รู้จักกันเสียหน่อย”
“นั่นกูไม่รู้ แต่เซ้นส์กูบอก ว่าพวกมันตามเราแน่”
“แล้วพี่ยุทธจะเอาไง”
“กูว่าเราลองเดินเข้าร้านกาแฟ สั่งของแดกแก้ขัดไปพลางๆ ถ้าแม่งยังตามมาอีก งานนี้ชัวร์พวกมันตามเรา”
ยุทธหาทางพิสูจน์
“ตกลง..ร้านนั้นไหม” สองหนุ่มพยักหน้าให้กัน เปลี่ยนทิศทางเดินเข้าร้านกาแฟชื่อดังร้านหนึ่ง หย่อนก้นนั่งไม่ทันไร
สามหนุ่มที่คิดว่ากำลังตามพวกตนอยู่ก็เข้ามาตามคาด ยุทธสบตาลูกดิ่งเหมือนรู้กัน แต่ทั้งคู่ไม่แสดงอาการพิรุธ
ทำเนียนไม่สนใจสั่งเครื่องดื่มของโปรดมาทานตามปกติ คุยกันเรื่อยเปื่อยหัวข้อส่วนใหญ่เน้นเรื่องเข้าค่ายที่กำลังเป็นจุดสนใจ
“ขอโทษครับ พี่รบกวนหน่อยสิ” เป็นอันต้องชะงักการคุยเมื่อมีคนขัดจังหวะ หนึ่งในสามกำลังยืนข้างโต๊ะพวกเขา
“มีอะไร” เป็นยุทธที่ถาม..น้ำเสียงติดออกห้วนนิดๆ
“พี่อยากรู้จักน้อง พอจะบอกชื่อได้ไหมครับ” ฝ่ายไม่ได้รับเชิญไม่สนใจยุทธ
จ้องลูกดิ่งอย่างลุ้นคำตอบ คนไม่รู้เรื่องราวถึงกับงงไปพักใหญ่
“อยากรู้จักผม” เขาชี้นิ้วเข้าหาตัวเองแบบมึนๆ
“ครับ..น้องชื่ออะไรครับ พี่ชื่อผสุเรียนคณะแพทย์ปี่สาม มหา’ลัยxx” เจ้าตัวแนะนำเสร็จสรรพ
โดยไม่ได้สนลูกดิ่งต้องการทำความรู้จักหรือไม่
“รู้จักไปเพื่ออะไร” ยุทธแทรกขึ้นดื้อๆ โดยไม่สนใจมารยาท
“พี่อยากเป็นเพื่อนนะครับ” อีกฝ่ายยิ้มไมตรีตอบไม่ถือสาอาการมึนตึงของยุทธที่แสดงออกชัดเจน
หน้าตาผิวพรรณดูสะอาดสะอ้านสมกับที่เรียนแพทย์
“ฟังแปลกๆ ทำไมต้องรู้จัก” ยุทธยังไม่เลิกกวน
“เอาตรงๆ แล้วกัน พี่ถูกชะตาน้องเขาครับ” ผสุจ้องลูกดิ่งไม่กะพริบ
“ถูกชะตา..หรือว่าถูกใจหน้าตามัน” ยังเป็นยุทธที่ต่อปากไม่ลดละ
เขามั่นใจว่าไอ้หน้าขาวตรงหน้าพิสมัยความหล่อไอ้ดิ่งเข้าแล้วเต็มๆ
“ทั้งสองอย่าง ถูกใจเป็นอันดับแรก ส่วนหน้าตาน้องเขาหล่อมาก” ผสุก็ไม่อ้อมค้อม ตรงเผ็งชนิดยุทธเป็นฝ่ายอึ้งแทน
“น้องผมแมนไม่เบี่ยงเบน..อย่าวุ่นวายกับมันดีกว่า” ยุทธยังคงทำหน้าที่พี่ชายได้ยอดเยี่ยม กันลูกดิ่งสุดๆ
เรื่องแบบนี้อ้าปากเห็นลิ้นไก่แล้ว โรงเรียนชายล้วนที่พวกเขาเรียนมีถมถืด ควงให้เห็นจะๆ เก้ง กวาง บ่าง ค่าง
ไม่นับชะนีหญิงล้วนใกล้ๆ มีไม่น้อยหมายตาไอ้ดิ่ง แต่ไอ้นี่ไม่หือไม่อือ เลี่ยงได้มันเลี่ยง หลบได้มันหลบ
ไม่ตอบไมตรีอย่างที่พวกนั้นต้องการ กลายเป็นยิ่งยากยิ่งน่าสนใจไปซะงั้น
“ไม่เป็นไร ถ้าน้องรังเกียจขนาดนั้น ถือว่าพี่ขอโทษที่เข้ามารบกวน” หน้าผสุเจื่อนสนิท
ยิ่งขาวเป็นทุนอยู่ด้วย พอไม่มีสีเลือดดูแย่เข้าไปใหญ่
“เออ..ผมไม่ได้รังเกียจ เพียงแต่ไม่มีรสนิยมแบบนั้น” ลูกดิ่งเห็นแล้วนึกสงสาร ชิงพูดให้กำลังอีกฝ่าย
“จริงเหรอครับ ถ้างั้นคบเป็นพี่เป็นน้องก็ได้” ความหวังเพียงนิด มีหรือผสุไม่รีบตะครุบ
ถือว่าประสบผลสำเร็จไปก้าว ดีกว่าแห้วไม่รู้กระทั่งชื่อ
“ผมชื่อลูกดิ่ง เรียกสั้น..ดิ่ง” ลูกดิ่งพูดพร้อมกับยิ้มตามแบบฉบับที่ติดเป็นนิสัย
ยิ่งทำให้ฝ่ายจ้องมองแทบละลายกับความหวานละไมของรอยยิ้มละมุนบนหน้าหล่ออย่างช่วยไม่ได้
“คะ..ครับ..ลูกดิ่ง เอร้ย!.ดิ่ง..ยินดีรู้จักครับ” ผสุยื่นมือขอสัมผัสตามสไตล์ทักทายแบบสากล แต่..
“ยินดีเช่นกัน ผมยุทธครับ” คนชิงตัดหน้าเช็คแฮนด์เป็นยุทธ จับมือเขาบีบเสียจนฝ่ายถูกบีบหน้าเขียว
“เออครับ..น้องก้าง..เอร้ยน้องยุทธ” ผสุเจตนาพูดผิด ความจริงพูดเต็มประโยคในใจไปแล้ว ‘ไอ้ก้างขวางคอ’
“มิเป็นไรมิได้ หมดธุระแล้วผมขอความเป็นส่วนตัว บังเอิญเรายังคุยกันไม่จบ” ยุทธไล่อย่างไม่คิดรักษาหน้าอีกฝ่าย
ยิ่งเห็นเขายิ่งหงุดหงิดหมั่นไส้ชะมัด นักศึกษาแพทย์ห่าเหวอะไร หน้าตาบุคลิกก็ดีเสือกตามจีบผู้ชายไม่เก็บอาการสักนิด
“ครับ..พี่ต้องขอโทษที่รบกวน ไว้เจอกันใหม่..ดิ่ง” เขาตั้งใจกล่าวลาทิ้งท้ายกับหนุ่มหล่อบาดใจ โดยไม่คิดชายตาแล
ไอ้คนบีบมือจนชาสักนิด บ้าฉิบหายเด็กเหี้ยไรถึกยังกับควายป่า..ผสุกร่นด่าในใจ เขาใช่รูปร่างบอบบางอ้อนแอ้นอ่อนแอ
แม้จะขาวจัดแต่ก็ออกกำลังกายเล่นฟิตเนสประจำ หุ่นไม่น้อยหน้าใคร ถึงจะยอมรับเป็นเกย์แต่ก็เป็นเกย์รุก นิยมบุกหนุ่มหล่อหน้าใส
ไม่อ้อนแอ้นเป็นตุ๊ดแต๋ว โดยเฉพาะลูกดิ่งคือสเป็กในสเป็กทีเดียว เหมือนเจอช้างเผือกเข้าอย่างจัง ยิ่งรอยยิ้มหวานตรึงตาตรึงใจ
บนหน้าหล่อเนียนใสเห็นแล้วแทบคลั่ง..เด็กอะไรหล่อระยะร้อยเมตร ดึงดูดสายตาแทบไม่ได้สนใจรอบข้างด้วยซ้ำ
วินาทีที่เขาเจอเด็กคนนี้ยืนเลือกรองเท้าสตั๊ดในร้านกีฬา ซึ่งเขากำลังเดินหาซื้อถุงมือยกน้ำหนักไว้เล่นเวทกับเพื่อน
จนอดใจตามเพื่อสานไมตรี..แม้เพื่อนจะแซวว่าเด็กคนนี้สูงใหญ่คงยอมให้เขารุกหรอก เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาอยู่ที่เทคนิคและลีลา
ขึ้นเตียงเมื่อไหร่เขาเชื่อว่าทำได้ไม่ยาก..ปัญหาใหญ่ไม่ใช่อยู่ที่ลูกดิ่ง แต่อยู่ที่ไอ้หมีควายหน้าดุอุปสรรคใหญ่หลวงสำหรับเกย์
ฮ็อตอย่างผสุ...
“มึงไปญาติดีกับมันทำไม” ยุทธจวกลูกดิ่ง คล้อยหลังผสุที่เดินกลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อน
“ก็แค่คนผ่านมาให้รู้จัก ไม่มีอะไรหรอกพี่ยุทธ เขามาดีพูดดีจะมึนตึงหักหน้าคงไม่เหมาะมั้งผมว่า”
ลูกดิ่งยิ้มไปด้วย ยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบ
“ใจอ่อนนะมึง รู้ใช่ไหมมันหวังอะไร” แต่ยุทธไม่เปลี่ยนประเด็น
“ผมให้ในสิ่งที่เขาหวังไม่ได้หรอก พี่ก็รู้..นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีใครเข้าหาผมแบบนี้ แต่พวกนั้นคนในโรงเรียน
เห็นหน้าประจำผมเลยนิ่งไม่หือไม่อือ ไม่อยากให้เข้าใจผิด ส่วนพี่เมื่อกี้คงไม่มีโอกาสเจอกันอีก” ลูกดิ่งพูดอย่างที่คิดจริงๆ
แค่คนผ่านทาง ไม่ได้ให้เบอร์ติดต่อหรืออะไรไป ผ่านมาก็ผ่านไปแค่ขอรู้จักชื่อไม่ได้เสียหายอะไร
“กูหวังเป็นอย่างมึงพูด ทฤษฏีโลกกลมกูไม่ค่อยเชื่อ เท่ากับทฤษฏีคนจงใจให้มันกลมวนมาเจอโดยเจตนา เข้าใจกูเปล่า”
บอกลูกดิ่ง หากผสุติดใจในตัวไอ้ลิงหล่อตรงหน้า คงไม่หยุดที่จะสืบค้นข้อมูลแน่นอน เรื่องแบบนี้เขาใช่ไก่อ่อนไม่รู้
พวกเกย์เปิดเผยออกตัวไม่ธรรมดา ดูจากฐานะการศึกษายิ่งน่าระวังที่สุด
“รู้สึกพี่จะห่วงผมผิดปกตินะพี่ยุทธ คิดอะไรกับผมป่าว..ฮะฮ่าๆๆ” ลูกดิ่งเปลี่ยนบรรยากาศชวนฮา
ไม่อยากให้ยุทธเก็บเรื่องไร้สาระมาเป็นกังวล เขายังไม่เอามาคิดให้รกสมองด้วยซ้ำ
“เออ..กูคิด” ยุทธรับมุกหน้าตาย ลูกดิ่งถึงกับยิ้มค้างชะงักตาตั้งไปหลายวินาที
“ฮะฮ่าๆๆ..ไงไอ้น้อง ตาเหลือกเลยมึง..กร๊ากก!!” พอเห็นโหมดยุทธหัวเราะงอหาย ลูกดิ่งรู้ตัวว่าโดนเอาคืนเข้าแล้ว
“โหพี่!..เล่นเอาใจหายแวบ” เอามือลูบอกประกอบคำพูดไปด้วย
“น่ามึงตอนเหวอดูไม่จืด กูลืมถ่ายเป็นที่ระลึก..ฮะฮ่าๆๆ” สองหนุ่มหัวเราะประสาน ทุกกิริยาอยู่ในสายตาสามคู่
โดยเฉพาะผสุที่มองรอยยิ้มร่าเริงฟันเรียงตัวสวยถึงกับใจเต้นไม่เป็นส่ำ
“มองตาค้างแล้วมึง” เพื่อนหนึ่งในนั้นเบรก
“แต่แม่งก็หน้าตาดีจริงๆ เหี้ยไรหล่อตั้งแต่หัวจรดเท้า” อีกคนเสริม พวกเขายอมรับเด็กหนุ่มโต๊ะไม่ไกลเท่าไหร่
มีฟีโรโมนดึงดูดสายตาสุดๆ ทั้งที่พวกเขานั่งตั้งไกลยังสัมผัสเสน่ห์เจ้าตัวได้ชัดเจน
“กูเคยเจอหล่อกว่านี้อีก หล่อชนิดใจกระตุกมาแล้ว แต่ไม่ใช่สเป็กเขาหล่อคมเข้มเกินไป ของกูต้องหล่อใสเนี่ยะแหละ..
โดนสุดๆ” ผสุครางแผ่วอย่างลืมตัวในลำคอ ลูกกระเดือกขยับเผลอกลืนน้ำลายฝืดคอ ให้ตายเป็นเอามากจริงๆ
ใครใช้ให้เด็กหนุ่มตรงหน้าท้าทายขนาดนี้..ลูกดิ่ง ทำไมมาดิ่งสมอทอดลงในใจพี่หืม...
.
.
.
.
.
.
.
“แล้วไปยังไงลูก” ญาดาถามลูกชายที่กำลังก้มผูกสายรองเท้าผ้าใบคู่เก่ง วันนี้ลูกชายเธอนุ่งยีนส์ซีด
กับเสื้อยืดคอกลมธรรมดา สวมรองเท้าผ้าใบเซอร์ๆ แต่กลับไม่ลดทอนความน่ามองแม้แต่น้อย หน้าหล่อยิ้มละไมหันมาหาแม่
“ไปรวมตัวที่โรงเรียนครับแม่ เดี๋ยวมีรถมารับที่นั่น” ลูกดิ่งตอบแม่
“แม่เจอดิ่งอีกทีวันเสาร์เย็นใช่ไหม” เธอย้ำให้แน่ใจ เพราะลูกชายเคยบอกวันเสาร์เย็นได้กลับบ้าน
“ผมยังไม่แน่ใจอาทิตย์แรกได้กลับหรือเปล่า วันนี้วันพุธแล้วด้วย กลัวจะได้กลับอาทิตย์หน้า แม่อยู่ได้ใช่ไหมครับ”
เขาห่วงแม่จริงๆ ปล่อยให้ผู้หญิงวัยสี่สิบกว่าอยู่เพียงลำพัง
“แม่อยู่คนเดียวมาตั้งแต่เด็ก ทำไมจะอยู่ไม่ได้ ดิ่งไม่ต้องกังวลเรื่องแม่หรอก มีแต่แม่ห่วงดิ่ง ไม่เคยไปพักนอกบ้าน
ค้างแรมเดือนมาก่อน อย่างดีก็แค่ค่ายลูกเสือไม่กี่คืน” ที่ผ่านมาลูกดิ่งไม่เคยไปนอนค้างที่ไหน เป็นเพราะอะไรเธอรู้แก่ใจดี
ลูกเป็นห่วงไม่อยากทิ้งเธออยู่ลำพัง ไม่เพราะความฝันสูงสุด ลูกคงตัดใจไปเข้าค่ายไม่ได้แน่
“ผมไม่เป็นไรครับแม่ ลูกผู้ชายกลัวอะไร มีเรื่องเดียวคือผมห่วงแม่ ถ้ามีอะไรโทรหาผมได้ตลอด
เกิดผมไม่มีเวลารับสาย จะรีบโทรกลับหรือไม่แม่ก็ฝากข้อความไว้นะครับ อย่าลืมก่อนนอนดูแลลงกลอนประตู
ใส่กุญแจให้เรียบร้อยนะครับแม่” เขาย้ำอย่างกับเธอเป็นเด็ก ญาดาเผลอยิ้มจนได้
ลูกทำอย่างกับเธอเป็นน้องสาวมากกว่าเป็นแม่เสียอีก
“จ๊ะ..แม่ไม่ลืมหรอก” เธอรับปาก
“ถ้างั้นผมไปก่อนนะครับ เดี๋ยวจะผิดเวลา”
“โชคดีลูก ดูแลตัวเองดีดี มีอะไรให้โทรหาแม่นะดิ่ง” เธอลูบหัวลูบไหล่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน
“ครับแม่..ผมรับปากโทรหาทุกเย็นประมาณทุ่มไม่ผิดคำพูดครับแม่ หากผิดเวลาแสดงว่าผมติดภารกิจ
แต่จะโทรหลังจากนั้นหรือก่อนหน้านั้น ไม่ให้แม่เป็นกังวล..สวัสดีครับ” ลูกดิ่งกราบบนตักเธอให้แม่ลูบหัวอวยพร
ก่อนเดินออกจากบ้านไปขึ้นรถเมลล์หน้าปากซอย เพื่อไปรวมตัวที่โรงเรียน รถสโมสรจะมารับพวกเขาสามคนที่นั่น..
“มาแล้วไอ้หล่อ” ยุทธทักหลังเห็นลูกดิ่งสะพายเป้สัมภาระเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มตามสไตล์
“พี่ยุทธมาถึงนานยัง”
“ก่อนหน้ามึงไม่นาน คนมาก่อนคือไอ้ปุ้ม” พยักเพยิดไปหากัปตันทีมที่แต่งยีนส์กับเสื้อเชิ้ต
นั่งคุยกับสาวในดวงใจ..‘โอปอ’
“ดิ่งมาพอดี รถกำลังจะถึง” โค้ชภุชงค์เดินเข้ามาหาเขาสองคน วันนี้โค้ชไปส่งถึงสโมสร
เพื่อคุยรายละเอียดอย่างเป็นทางการอีกครั้งกับทางสโมสรที่พวกเขาไปเข้าค่ายคัดตัว
“สวัสดีครับโค้ช” ดิ่งยกมือไหว้ โค้ชรับไหว้เขา ไม่ได้พูดอะไรอีกนอกจากยกโทรศัพท์ขึ้นคุย
คงประสานงานกับฝ่ายที่มารับ
“ลูกดิ่ง..พี่แสดงความยินดีด้วยนะคะ” โอปอได้จังหวะ เดินเข้ามาหาลูกดิ่ง โดยมีปุ้มที่ทำหน้าตาขมึงทึงตามมาติดๆ
“ขอบคุณครับ” ลูกดิ่งตอบรับตามมารยาท
“ไว้พี่จะไปเยี่ยมที่สโมสรนะจ๊ะ” เธอไม่สนใจสีหน้าปุ้มแม้แต่น้อย ยิ้มหวานส่งให้ลูกดิ่ง
แถมยังกล้าบอกจะไปเยื่อมเขาที่สโมสรอีกต่างหาก
“อย่าลำบากเลยครับ ถ้าพี่ไปจริงไปเยี่ยมพี่ปุ้มเขาเถอะ ผมคงไม่สะดวกเท่าไหร่” ลูกดิ่งปฏิเสธทันควัน
จู่ๆ เธอวางระเบิดเวลา เมื่อไหร่เขากับปุ้มจะญาติดีกันได้ล่ะเนี่ยะ
“แหม..ก็ไปเยี่ยมทั้งคู่แหละ ไหนๆ ก็ต้องไปเยี่ยมปุ้มอยู่แล้ว ไปเจอดิ่งด้วยมันจะอะไรกันเชียว
ตั้งใจฝึกเข้าล่ะ พี่เป็นกำลังใจให้” เธอไม่พูดเปล่า ยื่นมือเรียวมาจับไหล่เขาด้วย เหมือนโดนไฟร้อนนาบ
ลูกดิ่งเบี่ยงตัวหนีแทบไม่ทัน แต่โอปอกับเห็นเป็นเรื่องตลก หัวเราะขำกิริยาเขาเฉย
“ถึงกับสะดุ้งเชียวพ่อกล้ามโต..ท่าทางไม่เคยเจอสาวจับมาล่ะสิท่า หัดชินไว้บ้างนะเรา..อิอิ”
ทุกการกระทำแม้ปุ้มไม่พูดอะไร แต่สายตาแทบฆ่าเขาได้เลย ลูกดิ่งทำสีหน้ายุ่งยากใจ
ไม่คิดว่าโอปอจะไม่รู้สึกรู้สาในสิ่งที่กระทำ ถือว่าไม่ให้เกียรติปุ้มสักนิด ตกลงสองคนนี้คบกันยังไง..
“เฮ้ย! รถมาแล้วดิ่ง ขึ้นรถพวก” ยุทธเบรกสถานการณ์ชวนอึดอัด ไม่ต้องรอให้เรียกซ้ำ ร่างสูงใหญ่กว่าใครในกลุ่ม
ก้าวเกือบวิ่งตรงไปยังรถแวนยี่ห้อดังสีดำที่วนเข้ามาจอดทันควัน ไม่แม้กระทั่งจะเอ่ยลาโอปอด้วยซ้ำ ทำเอาหญิงสาวหน้าเจื่อน
ไปเล็กน้อย มองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินพรวดๆ ไม่หันกลับอย่างเคืองนิดๆ แต่เธอก็มาดหมายในใจ..
ยิ่งเล่นตัวยิ่งท้าทายแบบนี้แหละเธอชอบ
“เราไปก่อนนะปอ” ปุ้มพูดกับหญิงคนที่เขาหลงรัก
“อืม..ทำให้สำเร็จล่ะ ปอเป็นกำลังใจให้” รอยยิ้มที่ปุ้มมองเมื่อไหร่ก็ใจเต้นจากหน้าสวยหวานปนน่ารัก
เรียกรอยยิ้มบนหน้านิ่งให้เผยตาม
“แล้วปออย่าลืมรางวัลของปุ้มเชียว” เขาทวงสัญญาที่เธอให้ไว้
“ไม่ลืมหรอก ทำอย่างกับที่ผ่านมาปอเบี้ยวปุ้มไหม ปุ้มเองก็เถอะ เราคุยกันแล้วมันก็แค่ความสุขความพอใจสองฝ่าย”
เธอย้ำกับเพื่อนชาย ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าปุ้มรู้สึกยังไงกับเธอ ถ้าไม่ติดว่าหนุ่มตรงหน้าก็หล่อเข้ม เป็นที่หมายตาสาวๆ ไม่น้อยล่ะก็
เธอก็คงไม่ชายตาแล เพราะปุ้มไม่ขี้เหร่ จัดว่าฮ็อตพอตัว แต่เธอก็ไม่รักหรือใจเต้นได้เท่าเด็กหนุ่มร่างสูงที่หันหลังก้าวอาดๆ
คอยหนีเธอตลอดเวลา คนนี้สิทำให้เธอเก็บเอาไปฝันเลยทีเดียว อย่าว่าแต่เธอ..สาวน้อยสาวใหญ่ในโรงเรียนมีใครไม่รู้จักลูกดิ่ง
หนุ่มฮ็อตสุดของโรงเรียนชายใกล้กันบ้างเล่า เพียงแต่ไม่มีใครสามารถจับหนุ่มคนนี้มาควงออกหน้าได้
แม้มีคนพยายามไม่น้อย เธอนี่แหละจะทำให้ทึ่ง...?
มาเปิดตัวทีละคน ทีละคน
พวกเขาล้วนมีบท..บาท กับเรื่องนี้
อิอิ..รอติดตามกันต่อไปนะคะ
Luk.