หรือจะให้เป็นแค่ความทรงจำ โดย ภัคD เพิ่มตอนพิเศษในรวมเล่ม P.14
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หรือจะให้เป็นแค่ความทรงจำ โดย ภัคD เพิ่มตอนพิเศษในรวมเล่ม P.14  (อ่าน 392839 ครั้ง)

ออฟไลน์ naja-kitase

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0
จะบอกว่าเคยอ่านเรื่องนี้เมื่อนานมาแล้ว
แต่บอกตรงๆว่า อ่านได้แค่ หน้า 3 จริงๆ

แต่เมื่อคืนได้ฟังเพลงดราม่าเลยอยากหานิยายดราม่าอ่าน
แล้วก็นึกได้ว่าเรื่องที่ดราม่าจนอ่านต่อไม่ไหวมีเรื่องเดียวจริงๆ คือเรื่องนี้
ทำใจอ่าน ข้ามคืนจนจบ พร้อมน้ำตาที่ไม่มากมายถ้าเทียบกับเรื่องอื่น
แต่มันความเจ็บปวดและความอึดอัด มันมากมายกว่าทุกเรื่องที่เคยอ่านมาจริงๆ

เกลียดเรื่องนี้


ที่ทำให้ความอึดอัดมันจุกไปทั่วอก คือแบบถ้าเป็นนิยายทั่วไปเราก็จะด่า จะว่าคนที่ไม่ดี ได้ไปเลยง่าย
แต่เรื่องนี้ไม่รู้จะเิริ่มด่าใครก่อน ไม่รู้จะเกลียดใคร มันอึนไปหมดเลย

ฝืนใจอ่านจนมาถึงตอนจบรวมถึงตอนพิเศษ
เหมือนดูหนังคนละม้วน เพราะตอนพิเศษมันน่ารักและอบอวนไปด้วยความหวานที่ทำใจแล้วว่า
หาไม่เจอแน่ๆในนิยายเรื่องนี้ แต่มันก็มี!!
แต่ความหวานเหล่านั้นมันจะไม่หวานเท่านี้เลย ถ้ามันไม่ได้แลกมาด้วยความขมที่ปนน้ำตา

คือไม่รู้จะเม้นท์ว่าไรแล้ว
จุกไม่หาย
ขอบคุณมากๆ และนับถือคนแต่งที่สุด ขอกราบด้วยคนเลย
คือแต่งได้แบบ มีมิติความเป็นมนุษย์มากกกกกกกกกกกกกกกกก
ขอบคุณจริงๆ

Dee15

  • บุคคลทั่วไป
 :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: ให้คนแต่ง กับคนโพส ค่ะ

อ่านไป ก็อึดอัด ไป เศร้าไป เครียดไป ด่าไปทั่ว ( ในใจ)
ตัวละครทุกตัว ช่างประหนึ่งว่าเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ที่เรามองเห็นตามท้องถนน จริงๆค่ะ 
ไม่ได้เศร้าถึงขนาดร้องไห้ แต่เศร้าแบบ แน่นหน้าอก คับหน้าใจ ในการใช้ชิวิต
และความคิดของตัวเอกของเรื่อง นั้นก็คือ เอก กับ เหยา 
ไม่รู้จะบอกอะไร ได้มากไปกว่า ขอบคุณทุกตัวละครในเรื่องนะคะ่
ขอบคุณคนแต่ง และคนโพส ที่นำมาแบ่งปัน ให้ได้อ่าน ขอบคุณจริงๆ  :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ Romance

  • `Coz my life isn't a soap opera.
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
พอได้อ่านจนจบแล้ว
ต้องขอบคุณคุณภัคD ที่ได้แต่งเรื่องที่มีคุณค่าให้อ่าน ..  :pig4:
และขอบคุณคุณTHIPที่ได้นำกลับมาโพสอีกครั้งนะคะ .. :pig4:

เรื่องนี้อ่านไปร้องไห้ไปตลอด :monkeysad:
แต่สุดท้าย เรื่องทั้งหมดก็จบด้วยรอยยิ้ม
สมเพชเวทนาจึเหยามาก ชีวิตยิ่งกว่าละคร :เฮ้อ:
แต่ก็ดีใจที่สุดท้ายจึเหยาก็มีความสุขกับเอก

ตอนแรกเกลียดเอกมาก :angry2:
แต่ถึงช่วงที่แสดงออกมาว่ารักจึเหยามากมายเหลือเกิน
ก็อดอมยิ้มไปกับความรักของทั้งสองไม่ได้ :o8:

พอได้อ่านเรื่องของคุณภัคD แล้วติดใจ  :laugh:
ตอนนี้เลยติดตามเรื่องของคุณภัคDอยู่

เป็นแรงใจให้ผู้โพสและผู้แต่งค่ะ  :L2: :L2: :L2: :L2:

saylmya

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องแรกๆที่เราอ่านจากเล้าเลยค่ะ

ชอบเรื่องนี้มากๆ จำได้ว่าเสียน้ำตาไปกับเรื่องนี้พอสมควรนะ

แต่ว่าตอนนี้เริ่มลืมๆเนื้อเรื่องไปบางส่วน เดี๋ยวจะต้องหาเวลามาอ่านอีกรอบ

 :L2: :L2:

ออฟไลน์ BIRD

  • บี เบิ๊ด นก ^___^
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
อยู่ดีๆก็คิดถึงเอกกับพี่เหยา :))

จำไม่ได้ว่าเคยทำรวมเล่มไหม แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อยากให้ทำจัง

ออฟไลน์ pure_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
เป็นเรื่องเดียวที่ไม่เคยคิดจะอ่านซ้ำ เพราะไม่อยากเศร้ามาก..ก
เชื่อว่าคงมีหลายคนมีอาการเดียวกัน

แต่แวะเข้ามาดูบ่อยๆ อารมณ์ประมาณไม่ขอเข้าในบ้านขอแค่มองหลังคาก็พอ 555 ไม่รู้จะพูดยังไงดี

เอาเป็นว่าคิดถึงเรื่องนี้มากแต่ไม่ขอเข้าไปอ่านซ้ำ มาเยี่ยมให้หายคิดถึงแล้วก็
มาดันให้คนอื่นๆ ได้อ่านเรื่องดีดีเรื่องนี้ค่ะ 

จะแวะมาเยี่ยมแบบขอมายืนหน้าบ้านบ่อยๆ นะค่ะ  แต่ไม่ต้องเปิดประตูรับนะ
เพราะยังไงก็ไม่กล้าเข้าไปอ่านอีกแล้ว เคยหลงเข้าไปอ่านแล้ว เสียจริตไปหลายอาทิตย์กันเลย กินไม่ได้นอนไม่หลับไปหลายวัน

คิดถึงเรื่องนี้จริงๆค่ะ  ไปแล้วนะ  ไว้ว่างๆจะเข้ามาเยี่ยมที่หน้าบ้านอีก ^^


Way

  • บุคคลทั่วไป
ใช้เวลา3วันอ่านจนจบ เป็นเรื่องที่บีบหัวใจสุดๆ แต่จบได้สุดๆเหมือนกัน^^ o13

ออฟไลน์ SungMinKRu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 570
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-0
    • https://www.facebook.com/pages/SungMinKRu-Boys-Love/311662138876399


8 ชั่วโมงเต็มๆสำหรับการอ่านเมื่อวาน สนุกมากๆเลยค่ะ

ตอนแรก ไม่ชอบเอกเลย รู้สึกว่าเอกเป็นคนเห็นแก่ตัว

พอหลังๆก็ชอบนะ เอกดูแลเหยาดี แต่อ่านไปอ่านมา ไม่รู้จะสงสารใครดี

เพราะต่างคนต่างเจ็บกันทั้งคู่

ทำใจอ่านต่อแทบไม่ได้ ต้องมาเปิดหน้าสุดท้ายดูเม้นว่า ending รึเปล่า แต่เพราะจบแบบแฮปปี้เลยยอมอ่านต่อ

รู้สึกหน่วงตับไตไส้พุงมาก สนุกๆสุดๆ อ่านไปอ่านมา เอ๊ะ ! เรื่องเล่าปล่าวว่ะ มันให้ความรู้สึกเหมือนกำลังอ่านเรื่องราวของเอกและเหยาโดยผ่านความคิดของเอก

ทั้งๆที่กำลังสอบเรากลับมานั่งอ่านนิยายเรื่องนี้ ยอมรับว่าคุ้มค่าค่ะ ชอบผลงานของคุณภัคD  มากๆๆ ตอนนี้กำลังอ่านอีกเรื่องอยู่

ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆ และขอบคุณคนโฟสมากๆเลยนะค่ะ ที่ทำให้เราได้อ่าน "ยิ่งกว่านิยายเรื่องนี้กัน"  ^^

ออฟไลน์ pure_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
เ้ข้ามายืนหน้าบ้านอีกแล้ว คิดถึงจังแต่ไม่กล้าเข้าไปหา กลัวเศร้า ^^
เอกกับจีเหยาคงสบายดีนะค่ะ  คิดถึงมากๆค่ะ ^^

ldiot

  • บุคคลทั่วไป
โอ้ยย เป็นนิยายแนวที่ไม่ชอบที่สุดอ่ะ!! เพราะมันดราม่าเกิ๊นนน ทำใจไม่ด้ายยย :z3:

แต่ไม่รู้เป็นอะไรอ่านแล้วปิดไม่ลงจริงๆ-..- สำนวนสุดยอดมากก เหมือนเอาเรื่องจริงมาเล่ามากๆค่ะ

อ่านแล้วอยากรู้เลย มันะจบยังไงวะนี่ เหยาก็นะ!! เอกก็อีกคน!! คืออ่านแล้วขัดใจ 55+

นิยายเรื่องนี้สมราคาคุยมากค่ะ -..- ไม่กล้า X จริงๆ อ่านแล้วขนลุกเลย o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ploysure

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เป็นเรื่องที่เราเจอโดยบังเอิญจริงๆค่ะ เป็นกระทู้ที่แนะนำนิยาย เราก็เลยคลิกเรื่องนี้ดู

ขอบอกว่า ในช่วงแรกของเรื่องเป็นช่วงที่มันอัดอั้นมาก แบบคิดตลอดว่า ทำไมคนนี้ต้องทำแบบนี้ ทำไมไม่ทำแบบนั้น

ยิ่งตอนที่เอกพาพี่โอ๋มานะคะ เราถึงกลับเปลี่ยนไปหน้าเฟสบุ๊ค เราก็ร้องไห้เลยค่ะ สะอื้นเลย ในใจตอนนั้นนึกภาพไปเรื่อยแล้วมันก็บีบหัวใจจนทนไม่ไหว :sad4:

จากนั้นก็อ่านต่อๆมา เราบอกตรงๆเลยค่ะ ว่าเราไม่กล้าอ่านทุกบรรทัด

เราเลื่อนข้ามมาเยอะมาก อันไหนที่มันบีบและเป็นสถานการณ์ตึงเครียด เราจะต่อต้านมันสุดๆ ไม่กล้าที่จะยอมรับความจริง

เป็นเรื่องที่ถือว่าเยี่ยมมากๆค่ะ ไม่เคยเจอนิยายที่ให้ความรู้สึกแบบนี้เลย

คิดเหมือนท่านอื่นๆค่ะ ว่าเป็นนิยายที่ให้ความรู้สึกว่า ตัวละครนี้มีตัวตนอยู่จริง สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสถานการณ์ที่สมจริงมาก นิยายในตอนนี้ของปี2555 เป็นนิยายที่เน้นความเพ้อฝันมากกว่า และเราก็อ่านแต่แบบนั้น พอมาอ่านแบบนี้เลยช็อกก!  :a5:

เราเกลียดทอม ทำไมเค้าถึงทำกับคนคนนึงได้ถึงขนาดนี้ ทั้งๆที่เหมือนรัก ทำเหมือนเป็นสิ่งของ แต่ก็มารู้ตอนหลังว่าเค้าต้องไปบำบัดจิต ก็ไปดีละกันค่ะ

เราเกลียดเหยา เค้าเป็นคนที่ซับซ้อนมาก เราอ่านเนื้อเรื่องบางครั้งยังไม่เข้าใจว่าเค้าคิดจะทำอะไรกันแน่ เหมือนขัดแย้งในตัวเองทุกอย่าง ทำอะไรไม่แน่นอน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย อยากรู้ว่าเหยานี่โรคจิตอ่อนๆรึป่าว เค้าเหมือนเสียใจว่าเยอะแถมยังทำไรแบบคลุ้มคลั่งบ่อยๆด้วย

เราเกลียดเอก ที่เอกทำอะไรไม่รู้จักคิด ชอบพูดก่อนคิด แล้วทำให้สถานการณ์มันแย่ลง ชอบทำโดยไม่คิด ไม่คิดถึงผลที่จะตามมาบ้างเลย แต่ตอนหลังเราเห็นใจนะ เป็นคนที่เหมือนจะสิ้นหวังแต่ก็ยังไม่เลิกหวัง รู้ว่าอะไรเป็นไปไม่ได้แต่ก็ยังไม่เลิกหวัง เป็นคนที่มีความอดทนสูงมาก

ขอชมอีกรอบเลยค่ะสมจริงเหมือนตัวละครมีชีวิต เดินอยู่บนท้องถนน อาจจะเคยเดินสวนกับเรา อาจจะเคยมีโอกาสได้พูดคุยกัน อาจอยู่บ้านข้างๆ อาจเป็นคนรู้จัก อาจเป็นคนที่เราคาดไม่ถึง อาจเป็นคนที่เราเห็นแล้วสะดุดตา

ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ ถึงจะผ่านมาหลายปีแล้วก็ตาม ต้องบอกเหมือนท่านอื่นค่ะว่าเป็นนิยายที่ดีที่สุดที่เคยอ่านมาเลยก็ว่าได้

ขอบคุณที่ทำให้เราได้รู้จักเอกกับพี่เหยานะคะ ขอบคุณจริงๆ  :pig4:

ปล.ขอบคุณที่ทำให้จบแบบแฮปปี้นะคะ อ่านตั้งแต่ต้นเรื่องไม่คิดเลยค่ะว่าเค้าจะมีโอกาสสมหวัง ก็หวังว่าอุปสรรคมากมายกว่าจะได้รักกันนั้นจะทำให้เอกกับพี่หยารักกันนานๆ มีความสุขมากๆค่า  :L2:


evilM

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆที่เอามาให้อ่านกันครับ   :sad4:  :o12:  o13

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
เคยมีคนแนะนำให้มาอ่านเรื่องนี้หลายเดือนมาแล้ว ตอนนั้นยังไม่ได้สมัครสมาชิกที่นี่
ก็เลยมาอ่าน อ่านจนจบแบบหยุดไม่ได้ รู้สึกดีใจที่เรื่องมันจบลงด้วยดี
แต่กว่าจะจบก็เล่นเอาบีบคั้นชะมัดเลย แต่ก็ชอบครับ ชอบที่มันบีบคั้นแบบนี้แหละ ซาดิสม์ดี
เป็นนิยายอีกเรื่องที่ผูกเรื่องได้ดีมากครับ ขอชื่นชมคนแต่งจริงๆ

ออฟไลน์ ammamooty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1056
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
อ่า า  ในที่สุดก็อ่าน(เกือบ)จบ เหลือแค่ตอนพิเศษ แต่อยากมาเม้นต์ให้ก่อน><

อยากบอกว่าชอบเรื่องนี้มากๆๆ><

อ่านเเล้วบาดจิตบาดใจ คุณ ภัคD แต่งได้อารมณ์ของแต่ละคนมากๆอ่านแล้วอินตาม

ชอบมากเลยคะ อยากบอกว่า ชอบคุณ มากๆเลยนะคะ ที่มีอะไรดีๆมาให้อ่านเเบบนี้

monokung

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้ครับ ..คำว่ารัก เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งจริงๆ :sad4:

mickychunchon

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องนี้เคยทำเป็นหนังสือออกมาแล้ว และเราก็มีโอกาสได้เป็นเจ้าของด้วย และ้วก็ทำร้ายจิตใจตังเองโดยการอ่านไปแล้วไม่ต่ำกว่า 3 รอบ
เรื่องนี้มันเทั้งสุขและเศร้าปะปนกัน ที่สำคัญทำให้เราเชื่อจริงจังว่าคนที่มีชีวิตอย่างในนิยายเรื่องนี้จะต้องมีอยู่จริง
จนทุกวันนี้ก็ยังเชื่ออยู่อย่างนั้น (ฮ่า ออกแนวอินจัด) บนโลกที่โหดร้ายนี้เรื่องจริงเป็นยิ่งกว่าละคร
อย่างไรก็ตามก็ต้องขอขอบ๕ุณ คุณภัค D มากนะคะที่มีผลงานให้ได้ติดตาม
ซึ่งยังรอติดตามเรื่อง ในที่สุดก็คือรัก ที่เคยได้อ่านที่บอร์ดอื่นแล้วยังไม่จบ แล้วก็ไม่ได้มาต่ออีกเลย
จะรอนะคะ




ออฟไลน์ witchhound

  • เบื่อ เบื่ออ เบื่อออ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
นิยายเรื่องนี้ ไม่สิ...ต้องบอกว่าวรรณกรรมเรื่องนี้ยอดเยี่ยมมาก
ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหา ภาษา คาแรกเตอร์ตัวละคร
การกระทำของตัวละครที่สื่อออกมาในด้านต่างๆ
ทำให้เรื่องราวดำเนินไปแบบบีบคั้นหัวใจอย่างถึงที่สุดแต่ก็จบลงด้วยดี 
การที่ได้อ่านเรื่องนี้ทำให้เราได้รับอะไรหลายอย่างจริงๆ
จนพูดออกมาได้ไม่หมด ทั้งที่จำนวนตอนไม่กี่ตอน...
ขอขอบคุณนักประพันธ์ที่ได้สรรสร้างเรื่องนี้ขึ้นมา
ขอขอบคุณท่านจากใจจริง...
 :pig4:

yayaya112

  • บุคคลทั่วไป

loven36p

  • บุคคลทั่วไป
เฮ้อ   :เฮ้อ: กว่าจะทนอ่านให้จบได้
ไม่ใช่เรื่องไม่สนุกนะคะ

เพียง แต่ มันเศร้าเกิ๊น   :m15:
เกินกว่าผู้หญิงตัวเล็ก ๆ :monkeysad: อย่างเราจะทำใจได้
มีเรื่องจะสารภาพอยู่ 2 เรื่องนะคะ

1. อ่านไปได้ซักครึ่งเรื่อง บอกตามตรงว่าเศร้าใจ :monkeysad: รันทดใจมาก
ทั้งอึดอัด :serius2: ทั้งเครียด  อยากรู้ตอนจบเร็ว ๆ ว่า จึเหยา จะเลือกใคร
ก็เลยใช้วิธีลัด  ไปอ่านตอนจบก่อน  แล้วค่อยกลับมาดื่มด่ำ
กับความรันทดใจอีกครั้ง

2. พอกลับมาอ่านตามเนื้อหา ตามตอนเดิมอีกครั้ง
ความรันทดใจกลับมาอีกแล้ว  รู้สึกสงสาร ทั้ง จึเหยา และเอกมาก
ทนอ่านทุกตัวอักษรไม่ไหว  :o12: จึงต้องใช้วีธีอ่าน แบบสรุปรวบยอดเอา
(ขนาดอ่านแบบนี้แล้ว  ยังทำใจไม่ได้) :sad4:

พอทำแบบนี้แล้ว รุ้สึกว่าตัวเองเป็นผู้อ่านที่ไม่ได้เรื่องเท่าไหร่
แต่ทำอย่างงัยได้  มันทำใจไม่ได้จริง ๆ  :z3:

ดีแล้วที่เป็นแค่นิยาย  ถ้าเป็นเรื่องจริง ชีวิตของตัวละครในเรื่องนี้
คงจะทนทุกข์ทรมาน  ยิ่งกว่านางเอกละคร ของช่องหลายสีอีกนะเนี่ย

ขอบคุณสำหรับสิ่งดี ๆ ที่นำมาให้อ่าน และเสียน้ำตา นะคะ :sad11:

Aimmie88

  • บุคคลทั่วไป
ในที่สุดก็อ่านจบซะที
เป็นฟิคที่ได้ยินมานานแต่ก็ไม่พร้อมที่จะอ่าน
จนเมื่อวันก่อนได้มีโอกาส มันก็ทำเอาวางไม่ลง
เป็นการอ่านฟิคที่เครียดและปวดหัวมาก
ไม่เคยคิดว่ามันจะทำให้เราปวดหัวได้ขนาดนี้
ผู้เขียนเรียบเรียงเรื่องได้สุดยอดมากๆๆๆๆ
อ่านเนื้อเรื่องบางตอนรู้สึกเก็บรายละเอียดได้ดีอย่างกับเอามาจากเรื่องจริง
อ่านแล้วกดดันไปกับตัวเอกทั้งสองคนอย่างถึงที่สุด
ที่จะยังไงก็ตาม รู้สึกโล่งใจมากๆที่ผู้เขียนเลือกตอนจบให้เป็นแบบนี้
ยิ่งตอนพิเศษหวานๆก็ยิ่งชอบมากเลยค่ะ 5555

ไว้โอกาสหน้าจะติดตามผลงานดีๆอย่างนี้อีกนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






mabi

  • บุคคลทั่วไป
       เรื่องนี้เขียนนับถือผู้เขียนเลย เขียนทรมานคนอ่านมาก ทั้งอับทึบอึดอัด แต่ก็วางไม่ลงชักรู้สึกเล็ก ๆ เราเป็นพวกชอบความเจ็บปวดหรือเปล่าหว่า เขียนแต่ล่ะฉากอ่านแล้วเหมือนได้เข้าไปร่วมในเหตุการณ์ ผมอ่านเรื่องนี้ไปหลายวันแล้วแต่ยังไม่ลืมความรู้สึกเจ็บปวดที่ถูกส่งมา หลายๆ ฉากยังอยู่ในความคิดคำนึงเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เช่นฉากที่เหยาโดนข่มขืนบนเตียงโดยที่คนที่เค้ารักและรักเค้า ช่วยอะไรไม่ได้เลย ต้องอยู่นิ่งๆ ทนฟังเสียงที่ไม่อยากได้ยินทนฟังด้วยความเจ็บปวด และเมื่อขึ้นมาเห็นสภาพเหยาที่ผู้เขียนบรรยายซะเราต้องเบือนหน้าหนี แล้วยังขยี้ความรู้สึกด้วยการที่ต้องทำให้กลับสภาพเดิมเพื่อไม่ให้ทอมรู้ บอกตรงๆ เป็นผมเอามีดมากรีดยังไม่เจ็บปวดขนาดนี้เลย ทั้งยังมีการแสดงความรักทั้งวิธีที่ถูกและผิด และยังสื่อด้านมือของมนุษย์ได้อย่างเหมือนเป็นตัวละครในชีวิตจริงไม่ใช่นิยาย

ขอบคุณสำหรับความเจ็บปวดครับ

Elly-b

  • บุคคลทั่วไป

 o13

        นิยายเรื่องนี้สนุกมากค่ะ ตอนแรกเห็นชื่อเรื่องเศร้าๆก็ละเลยมานาน จนกว่าจะได้อ่านก็หลายเดือนดีดัก T"T ขอบคุณคนแต่งและคนโพสมากๆเลยค่ะ ประทับใจเรื่องนี้มาก ชอบที่นายเอกไม่ใช่คนที่อ่อนแอ เจอปัญหาที่หนักขนาดนั้นแต่ยังอยู่ดีเป็นผู้เป็นคนและเรียนได้เก่งได้ขนาดนี้ ชอบค่ะ >< อ่านมาเรื่อยๆเริ่มไม่ชอบพระเอก มาชอบก็ตอนจบ ตอนส่งท้าย และก็ตอนพิเศษนี่ล่ะค่ะ ที่ชอบที่สุดก็คือพวกเพื่อนๆของทั้งเอกและก็พี่เหยาเลย ดูเข้าใจเพื่อนดีค่ะ

 :กอด1:

 :L2:


ออฟไลน์ pure_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
เห็นมีเม้นท์บอกว่าเรื่องนี้เคยทำเป็นหนังสือ ไม่ทราบยังมีอยู่ไหมค่ะ
อยากได้ให้เพื่อนที่ร้าก...กก มันอ่านบ้าง จริงๆ คือเกลียดมัน อยากให้มันอ่านจนจุกอกตายไปข้าง  555
ล้อเล่นนะค่ะ  จริงๆ คืออยากได้ให้เพื่อนอ่านจริงๆ นิยายดีดีแบบนี้ อยากให้เพื่อนได้อ่าน เพราะเค้าไม่ว่าง
เข้ามาอ่านในเล้านะค่ะ  ถ้ามีรวมเล่มอีก แจ้งด้วยนะค่ะ จะรีบมาจับจองเลย ^^

หมาน้อย

  • บุคคลทั่วไป

โอ๊ย ไม่รู้จะพูดไงดี
อ่านแล้วทั้งอึ้ง ทั้งจุก ทั้งสะเทือนใจ พูดไม่ออกบอกไม่ถูก อ่านไปร้องไห้ไปจนจบเรื่อง

แต่ดีมากๆ ดีแบบต้องยอมยกนิ้วให้จริงๆ ภาษาดี เดินเรื่องดี กระชากอารมณ์ได้ตลอด สมที่ได้ยินคำกล่าวขวัญถึงมานาน 
ลงชื่อเป็นอีกเสียงที่ขอยืนยันความเยี่ยมของเรื่องนี้ไว้ก่อน
ไว้หายจุกเดี๋ยวกลับมาคุยถึงความรู้สึกในฐานะคนอ่านอีกที ตอนนี้ยอมรับว่ายังจุก อ่านจบแล้วแต่ฉากต่างๆ ยังวนเวียนไปมาในหัวอยู่เลย

a-mee-ra

  • บุคคลทั่วไป
ยกให้นิยายเรื่องนี้เป็นสมบัติวรรณกรรมวายที่ควรอ่านเลยค่ะ
สุดยอดจริงๆ  o13
ความสนุกของเราอยู่ที่การคาดเดาความรู้สึกจากการกระทำของตัวละคร
แล้วก็เฝ้าติดตามเหตุการณ์ในเรื่องอย่างใจจดใจจ่อ

สำหรับนิยายเรื่องนี้มันพอดีในทุกๆ อย่าง ไม่ว่าตัวละครที่มีมิติ มีพัฒนาการตามอายุและประสบการณ์
มีเหตุและผลของการกระทำ เหมือนเข้าไปนั่งในใจมนุษย์เลยค่ะ
มนุษย์ที่พยายามหาเหตุผลเพื่อให้ตัวเองรู้สึกผิดน้อยลง มันเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ที่ต้องปกป้องตัวเอง
แต่ในขณะเดียวกัน ก็รู้หมดว่าอะไรผิดชอบชั่วดีที่ถูกกำหนดโดยความคิดของตัวเองและสังคม
เป็นความรู้สึกที่บีบคั้น ทรมาน เจ็บปวด ...ถ้าวางลงได้เหมือนอย่างที่วิทย์(หรือชัยหว่า)บอก ก็ไม่แน่ใจว่าการวางไว้นั้นคือความขลาดกลัวหรือเปล่า เพราะวางไว้ก็ใช่ว่าเรื่องมันจะจบ แค่หยุดคิด ไม่คิด แต่จริงๆ แล้วมันก็คงยังนอนอยู่ก้นบึ้งของหัวใจ เมื่อเวลาผ่านไป แล้ววันหนึ่งย้อนกลับมาคิด มันก็คงเรียกว่าเป็น "ความทรงจำ" จริงๆ บางทีเสี้ยวความรู้สึกหนึ่งอาจถามตัวเองว่า "ถ้าวันนั้นกูลุยต่อ กูไม่วางไว้ มันจะเป็นยังไงนะ" ซึ่งวันหนึ่งเราอาจจะนึก "เสียดาย" โอกาสที่ไม่ได้ต่อสู้ดิ้นรน ณ เวลานั้นก็เป็นได้ (เป็นอีกหนึ่งมุมมองของเรา)

คุณภัคDแต่งเก่งมาก สามารถทำให้ตัวละครมีชีวิตจริงๆ ทำให้คนอ่านอินกับตัวละครและเหตุการณ์ในเรื่องได้อย่างไม่มีที่ติ
ถึงเนื้อเรื่องมันจะบีบคั้นหัวใจแค่ไหน แต่นิยายเรื่องนี้มัน "สวยงาม" จริงๆ
เราโดนใจหลายประโยคเลยละค่ะ ทั้งประโยคที่เล่นคำ และช่วงบทสุดท้ายของแต่ละตอน มันบีบเคล้นทุรนทุรายมาก (เราถึงกับต้องค่อยๆ อ่านทีละประโยคแล้วดีดดิ้นอยู่บนเตียง) ชอบมากถึงมากที่สุด

อีกอย่างคือเราชอบความสัมพันธ์ของเพื่อนในเรื่องนี้จังเลยค่ะ
โดยเฉพาะบทสนทนาในหมู่เพื่อน มันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เราหัวเราะออกมาได้ในนิยายเรื่องนี้ ๕๕๕๕๕
แล้วก็ชอบที่เอกเก็บความลับเก่งมาก (คือเราไม่ใช่คนเก็บความลับเก่งไง (อีกนัยนึงคือเป็นคนเปิดเผย=พยายามหาเหตุผลให้ตัวเองดูดี) เราเลยชื่นชมในตัวเค้า)
แต่เรื่องนี้สงสารพี่เหยามาก จะสงสารทอมบ้าง หากว่าเราได้รู้ความคิดทอมซักเล็กน้อย
ถ้ามีคนแบบพี่เหยาบนโลกนี้จริงๆ ไม่รู้ว่าคนคนนั้นจะเข้มแข็งได้เท่าพี่เหยามั้ย
เกรงว่าประชากรประเภทนี้อาจคิดถึง..ความตาย..เสียส่วนใหญ่ (เรามองโลกในแง่ร้ายไปเปล่า)
แต่ถ้ามีประชากรแบบนี้จริงๆ เราก็ขอเป็นกำลังใจให้พวกเขานะ อยากให้เขาเข้มแข็งเหมือนพี่เหยา ซักวันคงหลุดพ้นออกจากวงจรนรก ถ้าเพียงเรา "เลือกและตัดสินใจ" ที่จะ "ยุติบทบาท" ไม่ปล่อยให้โชคชะตาหรือรอให้ใครๆ กำหนดชีวิตเรา เงยหน้าเดินชนปัญหา แม้ว่ามันจะเจ็บปวดมากกว่าการประวิงเวลา แต่มันก็ซื้อเวลาความสุข(หรือความทุกข์ที่จะตามมา)ได้เร็วขึ้นนะ เข้าใจว่าทุกการตัดสินใจคือความเสี่ยง แต่มนุษย์เราก็เสี่ยงตั้งแต่เกิดมาแล้วล่ะ เหนือสิ่งอื่นใด ให้คิดบวกไว้เป็นดีที่สุด แล้วจะมีกำลังใจในการยืนอยู่บนโลกมนุษย์ ...นี่เป็นสิ่งที่อยากจะฝากถึงคนที่ต้องประสบพบเจอแบบพี่เหยา (นี่เราอินมากไปป่ะ)

เอาล่ะ ขอหยุดเม้นท์ไว้แต่เพียงเท่านี้ (เดี๋ยวมันจะเวิ่นเว้อยาวไปอีก) แต่คุณภัคDคะ คุณทิพคะ ให้รู้ไว้เลยว่าเรา "โคตร" ชอบนิยายเรื่องนี้เลยค่ะ!  :กอด1: :L2: :3123:

ปล. อ่านนิยายไป ก็อ่านเม้นท์เจ้สองกับอาจารย์สีฟ้าตามไปด้วย แอบวิเคราะห์ตามไปด้วยคน แต่อาจารย์สีฟ้าท่านเก่งจริงๆ วิเคราะห์การกระทำของเหยาที่มีต่อทอมได้แม่นยำจริงๆ  o13

ก่อนจบเม้นท์...นิยายเรื่องนี้มันสุดยอดจริงๆ!  o13 o13 o13 o13 o13
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-05-2012 11:11:27 โดย a-mee-ra »

joycema24

  • บุคคลทั่วไป
ในที่สุดก็อ่านจนจบได้ซะที *ปาดน้ำตา* ความรู้สึกเหมือนได้ขึ้นมาหายใจบนผิวน้ำหลังจากจมน้ำไปเกือบเอาชีวิตไม่รอดตลอดทั้งเรื่องแน่ะ (ก็เวอร์ไป)

คงเป็นเหมือนนักอ่านหลายคนที่อ่านไปไม่ถึงครึ่งเรื่องก็ต้องขอหยุดพักใจก่อนรวบรวมแรงใจมาอ่านต่อ
ไม่เคยอ่านอะไรที่มันหนักหน่วงกับความรู้สึกขนาดนี้มาก่อนเลย ขนาดต้องถอยไปตั้งหลักจริงๆ ค่ะ ><"
แต่พอผ่านดราม่าอันแสนบีบคั้นอารมณ์จนถึงบทสุดท้ายถึงได้รู้สึกโล่งอกโล่งใจและได้ความสุขเป็นสิ่งตอบแทนซึ่งไม่คิดว่าเรื่องจะจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งได้ คือมองไม่เห็นทางว่าเขาสองคนจะรักกันได้เพราะผ่านเรื่องเลวร้ายมากเยอะมาก แอบเซอร์ไพรส์ ตอนแรกคิดว่าต้องเตรียมใจรับตอนจบแบบขมขื่นซะแล้ว แต่ก็ดีใจมากค่ะที่เรื่องจบแบบนี้ เอกและพี่เหยาได้ลงเอยกัน มีความสุขจริงๆ ค่ะ
ส่วนทอมก็ไปตามทางของเขา อยากบอกว่าทั้งเรื่องไม่เข้าใจทอมมากที่สุดเลย ไม่เคยเจอคาแร็คเตอร์แบบทอม อ่านจบแล้วยังไม่รู้เลยว่าสรุปทอมนี่ยังไง โรคจิตหรือเปล่า ชอบสวิงกิ้งหรืออย่างไร = ="
แต่ที่คิดว่าสัมผัสได้คือรู้สึกว่าสุดท้ายแล้วทอมรักเหยานะ แอบสงสารทอมแต่ก็เกลียดทอมเหมือนกัน อย่างที่ทุกคนรู้สึกนั่นแหล่ะ 555+

อยากขอบคุณคุณนักเขียนที่แต่งเรื่องนี้ขึ้นมาให้ได้อ่านกัน เป็นเรื่องที่ดราม่าบีบคั้นอารมณ์ที่สุดที่เคยอ่านมาเลยค่ะและคิดว่าคงอ่านได้แค่รอบเดียวเท่านั้น สารภาพว่าจิตใจยังไม่เข้มแข็งพอ ถ้าวันใดอยากจะซาดิสต์ทรมานตัวเองขึ้นมาคงได้ย้อนกลับมาอ่านอีกนะคะ แต่คงไม่ใช่ในเร็ววันนี้แน่ๆ 555+

สุดท้ายอยากบอกคุณนักเขียนว่ารู้สึกไม่เสียใจเลยค่ะที่ได้อ่านเรื่องนี้ เป็นประสบการณ์การอ่านที่เราจะไม่มีวันลืมเลยค่ะ ^ ^

ออฟไลน์ kojibara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-1
ใช้เวลาหนึ่งวันเต็มในการอ่านเรื่องนี้
ชีวิตเหมือนหลุดเข้าไปสู่โลกของตัวละครแล้ว
ชอบประโยคในเรื่องมากมายเลยที่มันทำให้เราคิดตาม
เป็นเรื่องที่ภาษาสวยจริงๆ อ่านไปก็บีบหัวใจไปตลอด
กลัวตอนจจะดราม่ามาก  เพราะมองไม่ออกจริงๆว่าจะจบลงแบบไหน
เป็นความรู้สึกอึดอัดที่ทำให้เราหายใจไม่ค่อยออกจริงๆ
รักเรื่องนี้มากจริงๆค่ะ

 :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:

lekkatid

  • บุคคลทั่วไป
 :m15:ในความรู้สึกของเหยา ถึงจะถ่ายทอดผ่
านมาทางเอกแต่เราก็สวมบทบาทของเหยาเอาไว้คือมันพูดไม่ออก บอกไม่ถูก ร้องไห้ในใจ  ทอมเป็นคนที่เลวร้ายมากเลวคนเดียวไม่พอยังเผื่อแผ่ความเลวสู่คนอื่นให้เลวกันได้ทั่วถึง  เอกนั้นด้วยความเป็นจึงขาดความยั้งคิดถึงอะไรดีอะไรไม่ดี  แต่เพื่อนๆเอกเป็นเพื่อนที่ดีจังนะ กว่าจะอ่านจบความเครียดก็มาเยือนความรู้สึกเยอะมากแล้วก็ยิ้มได้ รู้สึกโล่งเมื่ออ่านจนจบ เฮ้อ ขอบคุณ คุณภักD ครับ

หมาน้อย

  • บุคคลทั่วไป
กลับมาอีกรอบ อยากจะบรรยายความรู้สึกในฐานะคนอ่านเรื่องนี้ให้มากๆ แต่ไม่รู้จะอธิบายยังไงเพราะคงต้องใช้คำพูดเยอะมาก
เอาเป็นว่าชอบมากๆๆๆๆ ถึงมันจะเครียด บีบหัวใจ ทรมาน แต่เป็นประสบการณ์การอ่านที่คงลืมไม่ลง
ผ่านมาหลายวันแล้วก็ยังรู้สึกติดใจผูกพันกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ
เพราะเป็นเรื่องแรกที่ทำให้เสียน้ำตาเยอะมากขนาดนี้ สงสารพี่เหยาจนไม่รู้จะว่าไง แค้นอีเลวทอม เกลียดเอก(ก่อนจะกลับมาสงสาร)
และไม่ใช่แค่น้ำตาของความเศร้า ความเจ็บปวด ยังมีน้ำตาของความสุข ความทุกข์ที่เจือด้วยความหวาน ไม่เสียดายน้ำตาที่เสียให้กับเรื่องนี้เลย
นิยาย Y เรื่องหนึ่งส่งความรู้สึกเข้าไปถึงกลางใจได้ขนาดนี้ ไม่เหมือนอ่านนิยายแต่เหมือนกำลังมองเห็นชะตากรรมของคนคู่หนึ่งที่มีตัวตนจริงๆ

นอกจากอยากขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆ อย่างนี้มาให้อ่าน สำคัญมากอีกอย่างที่อยากไปขอบคุณผู้นเขียนแรงคือตอนจบที่ให้จบแบบแฮปปี้ เพราะถ้าจบแบบเศร้าคนอ่านคงได้จิตตกขาดใจตายตรงนั้นแน่ๆ
ขอบคุณจริงๆ :pig4:

 

ภัคD

  • บุคคลทั่วไป
*** ตอนพิเศษครั้งรวมเล่มครั้งที่แล้วค่า ... ตอนประกาศรวมเล่มคราวโน้น บอกว่าไว้จะมาโพสให้อ่าน ปรากฏว่าลืม  ต้องขออภัยจริงๆค่า ***

หรือจะให้เป็นแค่ความทรงจำ  ( พิเศษ )

“ ผมเป็นคนเวียงเจียงใหม่  ใคร่ฝากหัวใจหื้อบ่าวต่างแดน... ยังซน ยังโสดหนุ่มแน่น  ใคร่อยากมีแฟนกับเขาสักคน...”  ผมเตรียมอ้าปากจะร้องเพลงต่อไปอีกท่อน หากแต่ก็อ้าปากค้าง เพราะโดนไอ้วิทย์ขัดขึ้นซะก่อน

“ เฮ้ย เอก !...มีsubtitleเปล่าวะ ?  เดี๋ยวตุงกลายเป็นถุง...โหระพาแปลงร่างเป็นกะเพราแล้วจะหาว่าไม่เตือน !” ไอ้วิทย์เอามือป้องปากตะโกนเตือน ส่วนลูกกะตามันก็เหล่มองไปทางพี่เหยาที่ทำหน้าเฉยเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับคำแขวะของไอ้วิทย์

เรื่องตุงกับถุงคงไม่ต้องเล่าซ้ำ...หากแต่เรื่องโหระพากับกะเพราที่ไอ้วิทย์เอามาเกี่ยวนั้น ผมก็ว่ามันไม่เกี่ยวกันสักเท่าไหร่

ก็เมื่อตอนแรก ๆ ที่เราเพิ่งจะเริ่มพาพวกฝรั่งไปเดินท่อม ๆ แถวตลาดสด เพื่อเปิดโปรแกรมสอนวิถีชีวิตไทยแบบไทย ๆ ซึ่งก็รวมไปถึงการสอนทำอาหารไทยด้วยนั้น...ด้วยความที่ภาษาอังกฤษของพวกผมยังไม่คล่องปากขนาดที่จะไปโชว์ความมั่นใจกลางที่สาธารณะกันนัก เราก็เลยขอร้องแกมบังคับพี่เหยาให้มาทำหน้าที่ไกด์เฉพาะกิจให้พวกเรา...

ภาษาปะกิจของพี่เหยาน่ะคล่องปรื๋อจนฝรั่งยกนิ้วให้ แต่พวกผมน่ะฟังกันไม่ทัน  เลยไม่รู้ว่าไอ้ที่พี่เหยาเข้าใจและบอกลูกทัวร์ไปอย่างมั่นใจว่าเป็นใบกะเพรานั้น จริง  ๆแล้วมันคือใบโหระพา แล้วยิ่งกว่านั้นพี่เหยายังแยกไม่ออกอีกต่างหากระหว่างใบแมงลักกับสะระเหน่...ส่วนแตงล้านพี่เหยาก็บอกว่าน่าจะเป็นแค่ชื่อเล่นของแตงกวา ไม่น่าจะใช่ผักคนละชนิดกัน...

‘ ก็ไอ้นี่แหละที่ใส่ในผัดกระเพรา !’ พี่เหยาเถียง มือก็ยกโหระพาที่ถืออยู่ทำทีเป็นเอามาดมเพื่อยืนยันว่าจำได้จริงเมื่อไอ้วิทย์มันมานั่งไล่เรียงบอกพี่เหยาถึงความแตกต่างระหว่างใบกะเพราะกับใบโหระพา

‘ ใช่ที่ไหนล่ะพี่ อันนั้นมันโหระพา !’

‘ ก็โหระพาน่ะสิ ก็ที่เอาใส่ผัดกระเพราไง ไอ้ฟงมันไม่กิน !’ พี่เหยายังยืนยันมั่นใจ แถมมีหลักฐานเพิ่มเติมว่าตัวเองรู้จริง
‘ ใครเขาเอาโหระพาใส่ผัดกะเพราะล่ะพี่...ไม่งั้นเขาจะเรียกผัดกะเพราทำไม เรียกผัดโหระพาไปแล้วสิ !’ ไอ้วิทย์ค้านพร้อมให้เหตุผลที่ใคร ๆ ก็รู้ แต่พี่เหยาเพิ่งรู้ แถมทำหน้าว่าเพิ่งค้นพบสัจจะธรรมที่เป็นจริงในข้อนี้

‘ ก็นึกว่ามันชื่อผัดกะเพรา...ไม่เกี่ยวกับใบกะเพรานี่...’ พี่เหยาแก้ตัวอุบอิบพลางหยิบโหระพาขึ้นมาดม ๆ อีกครั้ง

‘ ตกลงรู้แล้วใช่ไหมว่ากะเพราเขาใส่ใบกะเพรา ?’ ไอ้วิทย์ถามส่วนพี่เหยาพยักหน้ารับ ไอ้วิทย์เลยดึงโหระพากำโตจากมือพี่เหยามากำรวมกับใบกระเพราอีกกำ ก่อนจับโยน ๆ  สลับซ้ายสลับขวาสามสี่ทีแล้วยื่นให้ตรงหน้าพี่เหยา

‘ อันไหนกะเพรา ?’ ไอ้วิทย์ถาม

‘ ก็อันที่ไว้ใส่ผัดกระเพราไง !’ พี่เหยาตอบฉลาดแต่ไม่ยอมชี้

‘ แล้วโหระพาล่ะ...เอาไว้ใส่อะไร ?’ ไอ้วิทย์ส่ายหัวยิ้มขำก่อนส่งไปอีกคำถาม

‘ ...ใส่ลาบ...’ ไอ้ชัยแอบขยับปากทำทีช่วยกระซิบบอก

‘ ลาบ !’ และครั้งนี้พี่เหยาตอบพร้อมยิ้มมั่นใจ ก่อนจะหุบยิ้มเพราะพวกผมนั่งหัวเราะกันแบบไม่มีไว้หน้า

‘ ยังพูดไม่จบเลยพี่ จะบอกว่าที่ใส่ลาบน่ะ เขาเรียกว่าสะระแหน่ !’ ไอ้ชัยพูดไปก็หัวเราะไป

‘ เอ้า !...อันไหนกะเพรา อันไหนโหระพา ?’ ไอ้วิทย์ถามย้ำกับพี่เหยาอีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่ปากยังไม่หยุดหัวเราะ

‘ไม่รู้ ! กะเพราก็กะเพรา โหระพาก็โหระพา บอกไปผิด ๆ ถูก ๆ ฝรั่งมันก็จำไม่ได้หรอก !’ พี่เหยาเลยตอบซะงั้น

‘โห จรรยาบรรณยอดเยี่ยม  ใครเอาป้ายพนักงานดีเด่นมาแขวนคอให้หน่อยดิ...แล้วเกิดมันจำได้ล่ะพี่ ?” ไอ้วิทย์ยังไม่เลิกรา

‘ เขาก็คิดว่าเขาจำผิดน่ะสิ ไม่รู้หรอกว่าเราบอกผิด !’ พี่เหยาว่างั้นซึ่งก็จริง เห็นรายไหนรายไหนก็จำไม่ได้กันสักคน บางรายแกล้งบอกกลับไปกลับมา แทนที่จะคิดว่าเราบอกผิด เขากลับคิดว่าตัวเองจำสับสนซะเอง

และจนแล้วจนรอดพี่เหยาก็จำไม่ได้หรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือไม่ใส่ใจจะยอมจำเสียมากกว่า  เพราะสำหรับพี่เหยาแล้ว ดูคล้ายว่าอะไรที่พี่เหยาตัดสินว่ามันไม่สำคัญ พี่เหยาก็จะไม่เสียเวลาที่จะใส่ใจ  แต่พี่เหยาก็เอาตัวรอดได้แบบที่พวกผมได้แต่ส่ายหัวแอบหัวเราะ

ในการพาลูกค้าทัวร์ตลาดสดครั้งใหม่ ไอ้วิทย์มันย้ำแล้วย้ำอีกกับพี่เหยาก่อนพาลูกทัวร์ท่องตลาดว่า อันไหนคือกระเพราและอันไหนคือโหระพา แต่หลังจากพี่เหยาพูดรัวแถมเร็วเป็นน้ำไหลไฟดับกับลูกทัวร์ พี่เหยาก็แกล้งแบมือหราไปทางแม่ค้าที่ยังยืนยิ้มหวานให้ฝรั่งถ่ายรูปคู่กับแผงผักของตัวเองอยู่ตรงนั้น

‘ พี่ครับ...ช่วยหยิบกะเพราส่งให้ผมหน่อยได้ไหมครับ ?’ พี่เหยาบอกแม่ค้า แล้วกะเพราหนึ่งมัดก็ลอยมาวางอยู่ในมือพี่เหยาโดยที่พี่เหยาไม่ต้องเอี้อมมือไปหยิบเอง  พี่เหยาหันมายิ้มเยาะให้พวกผม พวกผมเลยเพิ่งสังเกตเห็นว่า การทัวร์แผงผักวันนั้น พี่เหยาน่ะยืนห่างจากพวกกองกระเพราซะมือเอื้อมไม่ถึง ซึ่งพวกผมเห็นพ้องต้องกันว่า...น่าจะเป็นไปโดยความจงใจ...
‘ พากลับบ้านไปสอนเลยนะมึง !’ ไอ้วิทย์พูดกับผมหลังจากหยุดหัวเราะไปแล้ว

แต่สุดท้ายพี่เหยาก็ไม่สนใจจะจำหรือจะรู้ พี่เหยายังคงใช้วิธีเดิม แบบมือหราแล้วอะไรที่พี่เหยาไม่รู้จักก็ลอยมาที่มือ...แถมพี่เหยาก็ไม่สนใจสักนิดที่พวกไอ้วิทย์มันเอามาล้อกันไม่เลิกไม่รา อย่างในเวลานี้ เวลาที่เรามานั่งตั้งวงเหล้าวงเล็ก ๆ นั่งกินนั่งดื่มแถมร้องเพลงกันแบบไม่ต้องเกรงใจชาวบ้านชาวช่อง อยู่ในบ้านไม้หลังเล็ก ๆ ในสวนส้มของบ้านไอ้ชัย...จริง ๆ จะเรียกว่าบ้านก็ไม่น่าจะใช่นัก เพราะมันเป็นก็แค่ที่พักสำหรับคนงานในสวนส้มที่มาอาศัยหลบร้อนหรือพักเอนหลังกันในช่วงเวลากลางวันเท่านั้น  มันมีก็แค่หลังคา ส่วนรอบด้านเปิดโล่งหมดทั้งสามด้าน ด้านหลังอันเป็นผนังเพียงหนึ่งเดียวนั้นถูกแบ่งเป็นห้องเก็บของ เก็บอุปกรณ์ต่างๆและห้องครัวขนาดเล็ก ๆ แค่พอใช้งาน  ส่วนภายในตัวบ้านที่พวกผมกำลังนั่งกันอยู่ก็เป็นแค่พื้นที่โล่ง ๆ  มีโต๊ะไม้เตี้ย ๆ ขนาดพอเหมาะกับการนั่งล้อมวงจั่วไพ่  โซฟายาวเก่า ๆ แต่นิ่มพอใช้อีกสองตัว  แล้วก็โต๊ะสนุ๊กที่ไอ้ชัยเคยบอกไว้ตั้งแต่สมัยพาเพื่อน ๆ มาตีสนุ๊กกันตอนยังเรียนอยู่ว่า พ่อของมันเอามาตั้งไว้ตั้งแต่ก่อนมันเกิดซะอีก นอกจากนี้ก็ยังมีทีวีเครื่องเก่าพร้อมเครื่องเล่นคาราโอเกะที่คนสวนมันลงขันกันซื้อเอาไว้ พวกผมเลยได้มาอาศัยใช้ส่งเสียงโหวกเหวกกันอยู่ในตอนนี้ 

ดังนั้นที่บอกว่าพวกผมนั่งร้องเพลงกันแบบไม่เกรงใจจึงไม่ใช่เพราะไม่สนใจหากแต่ให้พวกผมตะโกนกันขนาดไหน ก็คงไม่มีใครอยู่ใกล้พอจะได้ยิน เช่นที่ผมกำลังร้องเพลง และพวกไอ้วิทย์ก็ตะโกนแซวเสียงโหวกอยู่ในขณะนี้
 
“ กูแปลให้ !” ไอ้ชัยว่า ก่อนเอื้อมมือคว้าไมค์อีกอัน อาสาเป็นผู้แปลตามคำเตือนของไอ้วิทย์ และครั้งนี้พี่เหยาที่กำลังนั่งคุยอยู่กับพี่เก่งก็หันมามองและหัวเราะ

“ ชมพู่ก็ดกแดงจี๋  สตอเบอรี่หอมเหมือนแก้มบ่าว  ผัก...” เมื่อไอ้วิทย์เลิกแซว ผมก็ยกไมค์ขึ้นมาร้องเพลงต่อแต่ร้องได้เท่านั้นยังไม่ทันจบประโยคดี ไอ้ชัยก็ทำตัวร้อนหน้าที่ขัดผมขึ้นซะก่อน

“ ชมพู่ก็ดกแดงจี๋  สตอเบอรี่ หอมเหมือนแก้มสาว ”

“ แก้มสาวเหี้ยมึงดิ !...กูเคยหอมแก้มสาวไหนวะ กูไม่ได้ร้องแก้มสาวโว้ย!” ผมแย้งไอ้ชัยแต่แอบเหล่ตามองไปทางพี่เหยาที่แม้จะทำทีเป็นสนใจฟังที่พี่เก่งพูด หากแต่ผมเห็นพี่เหยาแอบอมยิ้มขำทั้งที่เรื่องที่พี่เก่งกำลังขมวดคิ้วตั้งหน้าตั้งตาเล่าอยู่นั้นไม่น่าจะทำให้พี่เหยานั่งยิ้มอยู่ได้เลย

“ กูแปลตามเพลงโว้ย !” ไอ้ชัยให้เหตุผลก่อนส่งสัญญาณมือบอกให้ผมร้องต่ออย่าเรื่องมาก  แต่ผมไม่ร้องเพราะมันยังแปลเนื้อเพลงได้ไม่ถูกใจ

“ มึงจะแปลตามเพลงทำไม กูยืนแหกปากอยู่นี่ก็แปลตามที่กูร้องสิวะ !” ผมบอกมันและครั้งนี้มันพยักหน้ารับซึ่งแปลว่าตกลง ผมเลยยกไมค์ขึ้นจ่อปากร้องเพลงของผมต่อ

“ ผมคนขาว ๆ..บ่จุ๊หลอกไผ...”

“ ไหนวะขาว ? ตกกองถ่าน กูว่ากูหามึงไม่เจอเลย !” ไอ้ชัยขัดอีก หลังจากผมอ้าปากร้องไปได้แค่อีกท่อนและครั้งนี้พี่เหยาหันมามองและหัวเราะแบบไม่เห็นค้านไอ้ชัยเลยสักนิด

“ พวกมึงจะร้องเพลงหรือเล่นคู่หูคู่ฮาวะ ?” ไอ้วิทย์ถามพลางยกแก้วเหล้าขึ้นซด ก่อนส่งแก้วเปล่าให้ไอ้รงค์เอาไปชงส่งให้มันอีกแก้ว

“ ผมคนบ่ขาว บ่จุ๊หลอกใคร...พอ !  มึงไม่ต้องแปล กูแปลของกูเอง !” ผมร้องใหม่ไม่สนใจแล้วว่า มันจะคนละท่อนกับดนตรีหรือเปล่า และครั้งนี้ผมยกมือพร้อมสั่งห้ามไม่ให้ไอ้ชัยแปล

“ ลำไยบ่ใช่ลิ้นจี่ ใคร่อยากฮู้ดี ฮื้อหายข้องใจ  เจิญเลยมาแอ่วเจียงใหม่ มาเป็นขวัญใจ....ของผม...คนเมือง...” ผมร้อง จบลงด้วยท่อนที่น่าจะมีทั้งความหมายและความนัย  ผมเลยทำเสียงว่าน่าจะอ้อนแถมส่งสายตาให้พี่เหยา หากแต่ทั้งเสียงและสายตาของผมก็เป็นหมันเพราะพี่เหยากำลังทำหน้าเคร่ง คิ้วขมวด คล้ายสนใจคุยอยู่กับพี่เก่งไม่สนใจผมสักกะนิด

“ จบแล้วก็เอาคืนมา จะร้องเพลงจีบยังเสือกไม่มีไอเดียเป็นของตัวเอง !” ไอ้รงค์มันทวงไมค์คืน เพราะจริง ๆ เพลงนี้มันเลือกไว้เตรียมจะร้อง แต่ผมเห็นว่าเข้าท่าดีเลยแย่งไมค์จากมือมันมาร้องซะเอง...

ผมส่งไมค์คืนให้ไอ้รงค์ไปแบบเซ็ง ๆ แต่ตาก็ยังมองไปทางพี่เหยา ที่เพิ่งหันมามองดูผม แต่ก็สลับกับการหันกลับไปฟังพี่เก่งบ่นเหมือนไม่รู้จะหันไปทางไหนดี

และครั้งนี้สงสัยเสียงไอ้รงค์ที่ร้องทวงไมค์คืนจากผมจะดังไปนิดจนไปสะดุดหูพี่เก่งที่ตั้งแต่มาถึงเชียงใหม่ก็นั่งบ่นเรื่องของตัวเองไม่หยุดปาก  พี่เก่งเลยหันมาร่วมด้วยช่วยสนใจพวกผมด้วย

“ พวกมึงคุยอะไรกันวะ ใครจีบใคร ?” พี่เก่งถามงง ๆ  เพราะตอนนั้นพี่เก่งยังไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ของผมและพี่เหยา
“ ไม่รู้ก็ไม่ต้องรู้ บ่นเรื่องของมึงต่อเหอะ !” พี่เหยาพูดกับพี่เก่งที่ยังทำหน้างงไม่เลิก

“...นั่นดิ บ่นเรื่องของพี่ต่อเหอะ ! ...ป่านนี้แล้ว ไม่ต้องมานั่งจีบกันแล้ว !” ผมพูด ส่วนหนึ่งคงเพราะเหล้าเข้าปากไปแล้วหลายแก้ว ยางอายผมเลยไม่ค่อยมีเท่าไหร่นัก  และอีกส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่านึกหงุดหงิดพี่เก่งอยู่ไม่น้อยที่ดึงเอาความสนใจของพี่เหยาไปจากผมเสียหมด

“...สตอเบอรรี่ แดงเหมือนแก้ม...” พอเห็นพี่เหยาหันมาสนใจ ผมเลยแกล้งฮัมเพลงที่ปรับเปลี่ยนเนื้อเสียนิดหน่อย ตาก็แกล้งจับจ้องไปที่แก้มแดง ๆ ของพี่เหยา

“ เงียบไปเลยนะ !” พี่เหยาหันมาร้องสั่งเสียงขุ่น ๆ ก่อนหันกลับไปหาพี่เก่งหากแต่แก้มของพี่เหยากลับยิ่งแดงขึ้นกว่าเดิม
“ ในครัวมีอะไรกินบ้างวะ ?” ผมร้องถามไอ้ชัยเมื่อพี่เหยาเลิกสนใจผมแล้วหันกลับไปนั่งสนใจคุยกับพี่เก่งต่อ

“ ไม่รู้...บ้านกู แต่กูก็มาถึงพร้อมมึงนั่นแหละ !” ไอ้ชัยตอบ...ซึ่งก็จริงเพราะถึงยุ้งข้าวหลังไม่เล็กซึ่งเราขอแม่ของมันเอามาทำเป็นสำนักงานที่วันนี้พวกมันไปหมกตัวอยู่กันทั้งวันนั้นจะอยู่ในอาณาเขตรั้วบ้านของมันเอง แต่วันนี้ผม พี่เหยาและพี่เก่งก็มาถึงและนั่งรอมันที่บ้านตั้งแต่ก่อนเย็น จนกินข้าวเย็นกับแม่ของมันอิ่มไปมื้อ จนแม่มันขึ้นนอนแล้วนั่นแหละ มันถึงเพิ่งเปิดประตูบ้านเข้ามาพร้อมไอ้วิทย์กับไอ้รงค์ที่ช่วยกันหอบเหล้าเบียร์และกับแกล้มชุดใหญ่เข้ามาด้วยก่อนจะเคลื่อนจำนวนพลมานั่งตากลมร้องเพลงอยู่กลางสวนส้มนี่ และถึงกับแกล้มที่พวกมันช่วยกันหาซื้อติดไม้ติดมือเข้ามานั้นจะมองว่าน่าจะเป็นชุดใหญ่ ดูแล้วน่าจะมากพอสำหรับจำนวนคนหากแต่เมื่อนั่งสุ่มหัวกันมาร่วมสี่ชั่วโมง กับแกล้มที่ว่าชุดใหญ่มันก็เหลือแค่จาน โดยที่กระเพาะของผมมันยังร้องทวงหาอะไรมาเพิ่มเติม

และเมื่อไม่ได้คำตอบที่เป็นประโยชน์อะไรเลยจากไอ้ชัย  ผมเลยลุกขึ้นไปเปิดประตูครัว เข้าไปรื้อค้นหาอะไรกินจากตู้เย็นซะเอง

“ ทำอะไร ?” เสียงพี่เหยากระซิบถามดังมาจากด้านหลัง พร้อม ๆ กับมือที่เอื้อมมาโอบกอดรอบเอวผมไว้

แล้วขนผมก็ลุกชันไปทั้งตัว เมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่พี่เหยาเป่ารดเบา ๆ ที่ต้นคอ

พี่เหยาหัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นทั้งสองมือผมไม่ว่าง เพราะถือจานใบโตที่เต็มไปด้วยของกินเล่นที่เพิ่งค้นเทออกมาจากตู้เย็นกะเอาออกไปนั่งกินแกล้มเหล้า

“ พี่ทำอะไร !” ผมร้องถาม...หากแต่จริง ๆ มันเป็นแค่การอุทานเท่านั้น...สิ่งที่พี่เหยากำลังทำ มันไม่จำเป็นที่ผมต้องร้องถามเลยสักนิด

ผมกัดริมฝีปากตัวเองแน่นเก็บกลั้นเสียง เก็บกลั้นความรู้สึกของตัวเองเมื่อพี่เหยาขยับมือที่โอบกอดรอบเอวของผมให้เลื่อนต่ำลง ต่ำลงเรื่อย ๆ และผมก็ได้ยินเสียงซิปกางเกงตัวเองโดนรูดลงช้า ๆ

“ พี่...”  ผมเรียกพี่เหยาเสียงสั่นก่อนหันไปมองทางประตูครัวที่ยังคงถูกเปิดทิ้งไว้ เสียงคุยกันของพวกไอ้วิทย์นั้นดังชัดหู เพราะหากไม่มีผนังบาง ๆ กั้น ผมกับพวกมันก็อยู่ห่างกันแค่ไม่เกินกว่าสิบก้าว

ผมอยากบอกพี่เหยาให้หยุดเพราะนึกกลัวว่าจะมีใครเดินตามเข้ามา หากแต่ผมก็ไม่ได้ร้องห้ามออกไป ส่วนหนึ่งเพราะจริง ๆ แล้วผมไม่แคร์สักนิดว่าจะมีใครเดินตามเข้ามาและพบเห็น เพราะพวกมันก็รู้กันหมดแล้วว่าผมกับพี่เหยามีความสัมพันธ์กันอย่างไร คงอาจจะมีอายพวกมันอยู่บ้างหากแต่อารมณ์ปรารถนาที่พี่เหยาเป็นฝ่ายริเริ่มปลุกมันให้ปะทุขึ้นมานี้ มันก็มากเกินกว่าที่ผมจะนึกกลัวอะไรแล้ว

ทั้งกว่าเดือนแล้วที่ผมไม่มีโอกาสเจอพี่เหยา  พอพี่เหยาบอกว่าจะขึ้นมาที่เชียงใหม่ผมก็แทบนับวันรอไม่ไหว หากแต่เมื่อไปรับพี่เหยาและเห็นพี่เหยาเดินมาพร้อมพี่เก่งนั้น ผมก็ทำได้แค่อ้าปากค้าง  แล้วพี่เก่งที่อ้างตัวว่าไม่มีทั้งญาติและเพื่อนอยู่เชียงใหม่ก็เกาะแจอยู่กับผมและพี่เหยาทั้งวัน ไม่ต้องพูดถึงเวลาส่วนตัวสักนิดที่จะให้ผมได้ดึงพี่เหยามากอดให้หายคิดถึง แค่จะจับมือหรือจูบปากแดง ๆ ของพี่เหยานั้นก็ยากแล้ว จะพอมีบ้างก็ได้แค่แอบกระซิบ...

‘ ผมคิดถึงพี่จัง...’ ผมก้มลงกระซิบข้าง ๆ หูพี่เหยา เมื่อเห็นพี่เก่งเดินนำห่างไปด้านหน้า
‘ มึงว่าอะไรนะ ?’ แต่เป็นพี่เก่งที่หันมาตะโกนถาม แถมหยุดยืนรอ

‘ เปล่า !’ ผมตอบอย่างหน่าย ๆ ก่อนต้องขยับถอยห่างออกจากพี่เหยาหลบที่ให้พี่เก่งที่เดินย้อนกลับมาและเบียดแทรกมายืนตรงกลางก่อนจะเริ่มต้นบ่น บ่น และบ่นเรื่องปัญหาและความเบื่อหน่ายต่องานที่บ้านให้พี่เหยาฟังต่อ

‘ บ่นมานานยังเนี่ย ?’ ผมถามพี่เหยาเมื่อมีโอกาสได้อยู่กันสองคน ตอนจอดรถแวะ รอพี่เก่งวิ่งเข้าไปซื้อกาแฟ และพี่เหยาก็ตอบโดยยกมือชูสองนิ้วให้ผมดูในขณะที่อีกมือยกขึ้นปิดปากหาว หน้าตาพี่เหยาก็ดูเพลีย ๆ

‘ สองชั่งโมง !’  ผมนึกหูชาแทนพี่เหยา 

‘ สองวัน !’ พี่เหยาพูดแก้พลางยกมือขึ้นนวดขมับตัวเอง

‘ มันดีใจจะแย่ เรื่องprojectที่จะเริ่มทำกันสักที ’

‘ แล้วพี่ว่าไง ?’ ผมถามก่อนเอื้อมมือไปช่วยนวดให้พี่เหยาเบา ๆ และพี่เหยาก็ยอมปล่อยมือของตัวเองลง ปล่อยให้ผมนวดคลึงให้แต่โดยดี

‘ ว่าอะไร ?...แรงอีกนิด’  พี่เหยาถามแต่ไม่ทันที่ผมจะตอบพี่เหยาก็สั่ง ผมเลยได้แต่ยิ้มมองดูพี่เหยาที่นั่งหลับตาเอนตัวลงซบกับไหล่ผม ให้ผมช่วยนวดขมับให้

‘ แรง ๆ หน่อยสิ !’ พี่เหยาสั่งย้ำอีกครั้ง

‘อย่าพูดบ่อยสิพี่ คำนั้นนะคีย์เวริ์ดเลยนะพี่ ถ้าไม่เกรงใจสายตาคนอื่นจะจูบซะเดี๋ยวนี้เลย !’  ผมพูดกลั้วหัวเราะ ตาก็ยังจับจ้องอยู่ที่พี่เหยาที่ดูท่าทางจะเพลียจนลืมสนใจผู้สนใจคน เพราะแม้ผมกับพี่เหยาจะนั่งกันอยู่ในรถ หากแต่กระจกรถนั้นก็ใสซะจนแจ๋ว

‘ ช่างปะไร เจอกันหนเดียว’  แต่พี่เหยาว่าอย่างนั้น หากแต่พอผมแกล้งโน้มตัวลงจะทำอย่างที่พูด พี่เหยาก็ขยับตัวถอยหนีและหัวเราะ


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด