...ด้วยพันธะบรรณาการ พันธะ 17(จบ)...อัพ 22/07 (หน้า 20 ค่ะ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...ด้วยพันธะบรรณาการ พันธะ 17(จบ)...อัพ 22/07 (หน้า 20 ค่ะ)  (อ่าน 276177 ครั้ง)

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
องค์สนนี่มีประโยคเด็ดมาให้เงิบได้ทุกตอน คราวที่แล้วหอยป่วย ความนี้ 'หอยตด' คิดได้ไงฟระเนี่ย 55 ส่วนองค์เตชแย่แล้ววว หลงองค์สนขั้น advance นะเนี่ย

ออฟไลน์ EverGreen™

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-1
ฮืออออออออออออออออ

ขำอะะะะะะะะ

 :laugh:  :m20:

สงสารองค์เตชน้ออออ (คิดว่า)องค์สนไม่ได้ใส่พระทัยเลย

โถวววววว  :hao5:

แต่องค์เตชน่ารักอะ รีบทำให้องค์สนตกหลุมรักเร็วนะองค์ชายยยยย  :กอด1:


ออฟไลน์ sine_saki

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2
เพิ่งรู้ ว่าหอยก็ตดเป็นชุดได้ ทั้งที่มันไม่ได้กินถั่ว กร๊ากเลยตู

ออฟไลน์ sukaz

  • I Will Love You Unconditionally
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3

ออฟไลน์ jannie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 782
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-0
ท่านสนชิลซะจนท่านเตชงอนแล้วงอนอีก 555+

ออฟไลน์ Lily teddy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-2
องค์เตชงอนซะแร้ว ดีนะองค์สนมีประสบการณ์การง้อมาอย่างโชกโชน
พูดไม่กี่ประโยคองค์เตชก็ใจอ่อนซะล่ะ แต่กว่าองค์เตชจะสมหวังนี่คงอีกนานเลยอะ
แค่อย่าให้สมิต กะชีวินใจตรงกัน โชว์หวาน แซงหน้าไปก่อนน๊า
เอ่อ  แล้วตกลงหอยป่วย หรือหอยตดละเนี่ย  อยากรู้  :laugh:

ออฟไลน์ ravi 279

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
แอบนั่งอ่านขณะทำงาน ทรมานมากเลยกับการกลั้นขำ
น่ารักจริงๆเลยองค์สน

ออฟไลน์ Ali$a฿eth

  • [จิ้น]ตนการ
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-3
หอยตด


ถ้าเป็นงท่านเชอิชั้นคงไม่เครียดแต่คงแบบ พูดไม่ได้ คายไม่ออก (ตรูชอบคนแบบนี้ไ้ดไงฟ่ะ)


ปล.เวลาอัพใส่หน้าลงไปด้วยก็ดีคะ

ออฟไลน์ shoky_9

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
หอยตด!?  :pigha2:

ออฟไลน์ Gokusan

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
อ่า...หอยป่วยกลายเป็น...หอยตด!!
ตดเป็นชุดด้วย...ก็หอยแก่ล่ะนะ ตามเหตุผลเจ้าของ ^^"

ก็น่าน้อยใจแทนองค์เตช...ใครๆ ก็เห็นใจ ใครๆ ก็รู้ว่าคิดอะไร
ชีวินจะช่วยให้ได้ใกล้กันมากขึ้นได้แค่ไหน...กลัวจะเหลือสองมือใช่มั้ย?? ชีวิน ^^"

แต่แค่โดนง้อด้วยยิ้มหวานๆ กับการรอกินข้าวเที่ยงพร้อม
ใจพองลอยไปไหนแล้ว...งานการจะได้ทำมั้ยคะ องค์เตชชชช

องค์ชายใหญ่รู้เรื่องแล้ว จะช่วยให้อยู่รอดปลอดภัยได้มากขึ้นมั้ยน้อ...ขอให้เข้าใจท่านแม่ทีเถอะ
สงสารก็แต่องค์ราชินี...มีบ้านเมืองต้องดูแล ลูกๆ ทั้งหลายเลยไม่ค่อยได้ดั่งใจ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ophena

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
องค์เตชจะไปรู้ดีกว่าคนเลี้ยงหอยได้อย่างไรเพคะ ว่าหอยตดหรือไม่ตด 555

ออฟไลน์ Fate

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ขำทุกครั้งที่เห็นคำว่า 'หอยตด'
องค์สนก็พระคารมดีเหลือเกิน ฮ่าาาาาา คิดไปได้
เล่นเอาองค์เตชงอนเลย (แต่หายงอนเพียงปลายนิ้วสัมผัส)

รอตอนต่อไปโลดค่าาา

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
NOV: ด้วยพันธะบรรณาการ
By: Dezair
……………………..
พันธะที่ 6

วันนี้เป็นวันที่องค์ชายเตชินทร์ทรงงานเร็วที่สุดนับตั้งแต่ขึ้นมารับตำแหน่งเจ้ากรมวัง และรีบเสด็จออกจากตำหนักขาวในทันทีเพื่อที่จะได้ร่วมมื้อกลางวันกับองค์ชายสนธยา


ตอนที่พระองค์เสด็จเข้าไปในตำหนักนั้น องค์ชายสนธยากำลังสรวลร่าอยู่กับคุณท้าวเอิบและนางกำนัลหญิงอีก 2-3 คน ซึ่งนั่นทำเอาองค์ชายเตชินทร์ชักจะไม่ค่อยพอพระทัยเสียเท่าไรที่ทอดเนตร ‘คนรัก’ อยู่กับสตรีนางอื่นอย่างชื่นมื่น


“อ้าว! ท่านเตช กลับมาทำไมหรือ” และที่ทำให้พักตร์ขาวยิ่งซีดหนักกว่าเดิมก็เห็นจะเป็นเพราะประโยคทักทายขององค์ชายสนธยาที่ดูจะไม่ได้สนใจแยแสกันเสียเท่าไร…สู้อุตส่าห์เร่งงานกลับมาแทบตาย! ทักมาได้ว่ากลับมาทำไม?!...


“ก็…ก็…ก็เราหิวแล้ว”


 “หิว? หิวแล้วมาที่นี่ทำไม ทำไมไม่ไปห้องเสวย” สนธยาย้อนถามด้วยเพราะลืมเสียสนิทใจว่าเมื่อเช้าชวนอะไรเอาไว้ และคราวนี้พักตร์ขาวซีดขององค์ชายผู้เป็นเจ้าของตำหนักถึงกับขึงตึง โอษฐ์หนาสีแดงสดขบเม้มเข้าหากันอย่างน้อยเนื้อต่ำใจที่อีกฝ่ายลืมนัดเสียสนิท


…ทั้งๆที่อุตส่าห์รีบแทบตาย อยากจะกลับมาชิดใกล้ แต่…


ดูเหมือนคนลืมนัดจะเริ่มรำลึกได้ว่าเมื่อเช้าออกปากอะไรเอาไว้ พักตร์ซีดที่แสนเย็นชาของเตชินทร์บอกให้รู้ว่าเจ้าตัวเริ่ม ‘งอน’ และดูเหมือนสนธยาจะเรียนรู้แล้วว่าถ้าอีกฝ่ายงอน ก็ต้องเป็นเขาที่ต้อง ‘ง้อ’


…ต้องขอบคุณนางสนมทั้ง 121 ที่สมุทราที่ทำให้พระองค์มีแกร่งกล้าในศาสตร์แห่งการง้อถึงเพียงนี้


องค์ชายหนุ่มแห่งเกาะสมุทราก้าวเข้าไปหา แตะหัตถ์ลงกับท่อนกรแผ่วเบาเพื่อให้ร่างสูงหันกลับมามองตน พักตร์เนียนสีน้ำผึ้งแย้มยิ้มเบาบาง ในขณะที่ดวงเนตรสีน้ำตาลอ่อนนั้นวาวระริกน่าจับจ้อง


“คิดว่าเราลืมหรือ” อันที่จริงก็ลืมจริงๆนั่นล่ะ แต่ในเมื่ออยู่ในสถานะ ‘ฝ่ายง้อ’ สนธยาเลยทำเป็นว่าที่เมื่อครู่โพล่งออกไปนั้นเป็นเพราะ ‘แกล้งลืม’ เท่านั้น


“เราไม่ลืมหรอก นัดของท่านเตช…เราจะลืมได้อย่างไร” เพียงเท่านั้นก็เหมือนฟ้าสว่างไสวในบัดดล เมฆหมอกในใจของเตชินทร์หายวับราวกับมนตร์วิเศษมาปัดเป่า พักตร์ขาวคมนั้นมีรอยยิ้มกว้างทั้งๆที่เมื่อครู่ยังเรียบเฉยมึนตึงอยู่เลย



“เราดีใจ ที่ท่านให้ความสำคัญกับเราถึงเพียงนี้” ว่าแล้วดวงเนตรคมราวเหยี่ยวก็ทอดมองด้วยความรู้สึกลึกล้ำเหลือประมาณจนคนถูกมองชักจะเริ่มร้อนวูบวาบ


“อ…เอ่อ…ท…ท่านว่าหิว…เอ่อ…ถ้าอย่างนั้น…ก็…ก็ไปห้องเสวยกันเลยเถอะ” สนธยาพูดตะกุกตะกัก หากแต่พอจะก้าวเดิน กลับถูกรั้งแขนไว้ บุรุษแห่งสมุทราหันกลับมามอง ก่อนจะชะงักไปเมื่อพบว่าคนรั้งคือเจ้าของสายเนตรที่ทำให้เขารู้สึกเก้อเขิน


“เดินไปพร้อมกันได้ไหม” สนธยาอยากย้อนถามว่าจะเดินพร้อมกันทำไม ทว่าอีกฝ่ายกลับสำทับอีกครั้งด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน


“นะ…เดินไปด้วยกัน”


ถ้าต้องพูดเสียขนาดนี้ สนธยาก็จนใจจะคัดค้าน เมื่อถูกอีกฝ่ายออกแรงดึงเพียงเล็กน้อยจึงก้าวเดินตามอย่างงุนงง และเพราะความงุนงงนั้นเอง เป็นสาเหตุให้องค์ชายหนุ่มแห่งสมุทราไม่ทันรู้องค์แม้แต่น้อยว่าอีกฝ่ายไม่ยอมคลายหัตถ์ที่จับท่อนกรของพระองค์ รวมไปถึงยังจับจูงให้เสด็จไปจนกระทั่งถึงห้องเสวยด้วยซ้ำ


คนที่รู้เห็นทุกอย่างอย่างมีสติเป็นที่สุดก็คือคุณท้าวเอิบและชีวิน


“องค์ชายของคุณท้าวเป็นเช่นนี้บ่อยไหม” หญิงร่างอวบหันมามองอย่างสงสัย ชีวินจึงอธิบายเพิ่มเติม


“ก็ที่…อาศัยความเผอเรอขององค์ชายของข้า แล้วแตะนั่นแตะนี่น่ะสิ” คุณท้าวเอิบหัวเราะน้อย ก่อนจะส่ายหน้าไปมา


“ไม่รู้สิ แต่ตั้งแต่ข้าเลี้ยงพระองค์มา ข้าก็ไม่เคยเห็นพระองค์ทรงทำเช่นนี้กับใครมาก่อน”


“จะบอกว่าเป็นคนแรกอย่างนั้นหรือ”


“และอาจจะเป็นรักแรกด้วย” คุณท้าวเอิบเสริมพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ ก่อนจะหมุนกายตามเสด็จออกไป ทิ้งชีวินให้มองตามก่อนจะโคลงศีรษะไปมา

…รักแรก?…

‘รักแรก’ กับชายมากรักที่มีสนมในปกครองถึง 121 คนน่ะหรือ…หาเรื่องใส่ตัวกันเห็นๆ องค์ชายเตชินทร์ผู้น่าสงสาร

……………………………..

ห้องทรงงานของกษัตริย์วิภูนั้นค่อนข้างรกไปด้วยเอกสารและแผนที่มากมาย ม้วนกระดาษนับสิบยังวางกองอยู่บนโต๊ะยาวกลางห้องอันเป็นสถานที่จัดประชุมเมื่อเช้าระหว่างกษัตริย์ผู้กุมอำนาจสูงสุดแห่งอนันตราชและคณะขุนนางนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่ทำงานใกล้ชิดพระองค์ที่สุด


“เสด็จพ่อ” เสียงเรียกดังขึ้นเบื้องหลัง ทำเอากษัตริย์วิภูแห่งอนันตราชผินวรกายหันมาทอดพระเนตรโอรสองค์โตที่มีฐานันดรเป็นถึงองค์ชายรัชทายาทลำดับที่ 1



“มีอะไรหรือ องค์เจษ เห็นวิกรมว่าเจ้ามีเรื่องอยากจะปรึกษาพ่อ” ท่านวิกรมเป็นราชเลขาคนสนิทที่คอยจัดตารางการเข้าเฝ้า และวันนี้ รายนามของผู้ขอเข้าเฝ้าเป็นการด่วนก็คือองค์ชายเจษฎานั่นเอง


“เรื่องอาคันตุกะแห่งตำหนักอิฐพระเจ้าค่ะ” ท่าทางขององค์ชายหนุ่มดูร้อนรน ทำเอากษัตริย์วิภูต้องเลิกพระขนงขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเสด็จกลับมาประทับที่พระเก้าอี้หลังโต๊ะทรงงานตัวใหญ่


“นั่งลงสิ แล้วว่ามา” ผู้เป็นโอรสน้อมกายลงรับคำอนุญาต ก่อนจะทรุดวรองค์ลงประทับที่พระเก้าอี้อีกตัว


“กระหม่อมได้ยินเรื่องไม่สู้ดีขององค์ชายสนธยามา เห็นว่ามีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับขนิษฐาที่สมุทรา เลยจำต้องหนีมาที่นี่ ฝ่ายขนิษฐาเองก็ใช่ย่อย รายนั้นไม่พอใจสนธยา และกระหม่อมเกรงว่าหากปล่อยให้เรื่องราวเป็นแบบนี้ต่อไป อนันตราชคงกลายเป็นสุสานให้องค์ชายสนธยา และเมื่อถึงเวลานั้น อนันตราชกับราชินีวารีวาทอาจผิดใจกันได้นะพระเจ้าค่ะ” อันที่จริงแล้ว อนันตราชยิ่งใหญ่เสียจนไม่ต้องใส่ใจเรื่องเล็กน้อยอย่างความโกรธเคืองของเกาะเล็กๆอย่างสมุทราก็ได้ แต่…อนันตราชที่มีศัตรูมากมาย ก็ไม่อยากสร้างศัตรูเพิ่มด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้เหมือนกัน


“แล้วเรื่องนี้องค์เตชว่าอย่างไร”


   “กระหม่อมคิดว่าเขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นในสมุทราพระเจ้าค่ะ และคงเป็นตัวตั้งตัวตีในการให้องค์ชายสนธยามาประทับที่ตำหนักอิฐ”


   “ตำหนักอิฐเป็นตำหนักขององค์เตช พ่อยกทุกอย่างที่อยู่ในตำหนักอิฐให้องค์เตชแล้ว จะให้พ่อยื่นมือเข้าไปวุ่นวายในตำหนักนั้นอีกก็เห็นจะไม่สมควรหรอก” องค์ชายเจษฎานิ่งไปเล็กน้อย ด้วยเพราะใจหนึ่งก็เห็นด้วยว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งวุ่นวายในตำหนักขององค์ชายเตชินทร์ แต่เพราะตำหนักของผู้เป็นอนุชาอยู่ในอนันตราช หากมีอะไรเกิดขึ้นภายในอนันตราชแม้จะเป็นตำหนักขององค์ชายเตชินทร์ แต่เรื่องราวก็อาจบานปลายกลายเป็นเรื่องของอนันตราชด้วยเช่นกัน


   “องค์เจษ…พ่อรู้ว่าเจ้าเป็นห่วงอนันตราช แต่ถ้านี่คือการตัดสินใจขององค์เตช พ่อก็อยากให้เจ้าเคารพการตัดสินใจของน้องชายของเจ้า องค์เตชไม่ใช่คนไม่รู้ความ เจ้าวางใจให้องค์เตชทำงานใหญ่มาหลายครั้ง ครั้งนี้เมื่อเป็นเรื่องของเขาเอง พ่อก็อยากให้เจ้าวางใจเขาอีกครั้ง”


   แม้จะยังไม่อาจตัดใจว่าจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเรื่ององค์ชายจากเกาะสมุทรา แต่ก็ยังนึกห่วงหากเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ และดูเหมือนกษัตริย์วิภูจะเข้าพระทัยดีว่าบัดนี้โอรสของพระองค์ยังคงเป็นห่วงเรื่องใด


   “องค์เจษ ระหว่างน้องชายกับแผ่นดิน เจ้าเลือกอะไร”


   “เสด็จพ่อ!”


   “พ่อถาม เจ้าตอบ ว่าอย่างไร”


   “กระหม่อม…” องค์ชายเจษฎาไม่อาจตรัสสิ่งใดได้ ด้วยเพราะเลือดขัตติยะที่ไหลเวียนในวรกายนั้นถูกบ่มเพาะมาแต่เยาว์ว่าชีพนี้เพื่อแผ่นดินอนันตราช แต่ครั้นจะตอบว่าเลือก ‘แผ่นดิน’ พระองค์ก็ไม่อาจตรัสได้เต็มโอษฐ์ เพราะองค์ชายเตชินทร์ผู้เป็นอนุชานั้น แม้จะต่างมารดา แต่ก็ถูกสั่งถูกสอนให้รักใคร่อย่างพี่น้อง อีกทั้งองค์ชายเตชินทร์ก็ช่วยเหลือพระองค์มาโดยตลอด ไม่ว่าจะทำการสิ่งใด องค์ชายเจษฎาก็มีองค์ชายเตชินทร์คอยเป็นผู้ช่วยเหลือให้การสนับสนุนเสมอ


   “เลือกไม่ได้ใช่ไหม เจ้าก็เหมือนองค์เตช เขาก็เลือกไม่ได้ว่าระหว่างแผ่นดินและคนที่เขารัก เขาจะเลือกอะไร และในที่สุดเขาก็เลือกเอาคนรักเข้ามาอยู่ในแผ่นดินของตำหนักเขาเสีย อาจมีเรื่องขัดใจเจ้าที่เป็นพี่บ้าง แต่เขาก็พยายามอย่างยิ่งที่จะให้ทุกอย่างอยู่ร่วมกันได้”


   “เสด็จพ่อ…ทรงทราบหรือพระเจ้าค่ะ เรื่องที่องค์ชายสนธยาเป็น…”


   “เป็นคนรักขององค์เตชน่ะหรือ ดูไม่ยากนี่ เจ้าเคยเห็นน้องชายของเจ้าขอของขวัญวันเกิดไหมล่ะ” องค์ชายเจษฎาได้แต่โคลงเศียรไปมาด้วยเพราะผู้เป็นพระบิดาก็ทอดเนตรในสิ่งเดียวกับที่พระองค์เห็น


   “แต่ไม่รู้ว่าองค์เตชไปพบองค์ชายสนธยาตั้งแต่เมื่อไรนะพระเจ้าค่ะ หรือเห็นตอนนำของบรรณาการมาส่งแล้วเกิดรักแรกพบ แต่ก็ไม่น่าใช่ เพราะดูเหมือนองค์เตชจะเตรียมการต้อนรับองค์ชายสนธยาล่วงหน้าตั้งแต่เมื่อเดือนก่อน เห็นว่าองค์เตชขอทหารเวรยามเพิ่ม อีกทั้งยังมีคำสั่งให้ขุดบ่อหอยรอล่วงหน้าก่อนที่ของบรรณาการจะมาถึงเสียอีกนะพระเจ้าค่ะ” คราวนี้กลายเป็นองค์ชายเจษฎาตั้งคำถามอย่างสนอกสนใจกับความรักของผู้เป็นอนุชา กษัตริย์วิภูสรวลเบาๆ


   “เจ้าดูสนใจเรื่องของน้องเหลือเกิน”


   “โธ่ เสด็จพ่อ ไม่สนใจไหวหรือพระเจ้าค่ะ องค์เตชถือเป็นองค์ชายเนื้อหอมของราชสำนักเรา ตั้งแต่เพิ่งแตกเนื้อหนุ่มก็มีบุตรีลูกขุนนางนายทหาร สตรีนางในหลายคนมาทิ้งเสน่ห์เอาไว้ให้องค์เตชติดตามไปเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ แต่ก็ไม่เห็นองค์เตชจะสนใจไยดีเสน่ห์ของสตรีคนใด มารู้อีกทีก็ตอนที่องค์ชายสนธยาเสด็จมาอนันตราช ถึงได้รู้แจ้งเห็นจริงว่าที่องค์เตชไม่สนสตรีก็เพราะตกหลุมเสน่ห์ขององค์ชายจากต่างแดน”


   กษัตริย์วิภูทรงลูบพระหนุไปมาอย่างตรึกตรอง


   “พ่อเองก็ชักอยากรู้ว่าเสน่ห์ขององค์ชายสนธยาอยู่ที่ใดเหมือนกัน” ว่าแล้วพระองค์ก็เหลือบเนตรสบกับสายเนตรของผู้เป็นโอรส


   “เจ้าให้คนไปตามองค์ชายสนธยามาพบพ่อที”


   “ลูกอยู่ด้วยได้ไหมพระเจ้าค่ะ” องค์ชายเจษฎาตรัสอย่างนึกสนุก


   “ได้สิ มีแค่พ่อ เจ้าและองค์ชายสนธยา ห้ามมีองค์เตชเชียวล่ะ”

……………………………………….

   ห้องเสวยในตำหนักอิฐวันนี้กลายเป็นห้องที่ครึกครื้นที่สุดในตำหนัก เหล่านางกำนัลเดินเข้าเดินออกกันเป็นว่าเล่นเพื่อถวายการดูแลองค์ชายเตชินทร์และองค์ชายสนธยา ซึ่งคนหลังดูเหมือนจะไม่ค่อยอยากให้มาบริการเสียเท่าไร


   “เอ่อ…เราว่า…วันนี้มื้อกลางวันมันเยอะไปรึเปล่า” องค์ชายสนธยาผู้ไม่เคยใช้เวลาบนโต๊ะเสวยมากมายเท่านี้มาก่อนหันมาตรัสถามองค์ชายผู้เป็นเจ้าของตำหนัก


   “ก็ปกติออก หรือท่านเริ่มอิ่มแล้วหรือ” คำตอบจากอีกฝ่ายคือการพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว เตชินทร์ยิ้มน้อยๆ


   “แล้วจะรับของหวานเพิ่มไหม หรือจะเป็นผลไม้?”


   “เราไม่ไหวแล้วล่ะ ถ้าขืนกินเข้าไปอีกคงอาเจียนแน่”


   “แต่เราว่าท่านยังทานน้อยอยู่เลย แต่ไม่เป็นไร จากนี้จะกลับมาร่วมโต๊ะด้วยทุกมื้อ ถ้าเห็นท่านทานน้อย เราจะบังคับให้ท่านทานมากๆ” คนฟังคันปากยิบๆว่าถ้าขืนทานมากๆจนร่างกายอ้วนฉุ ตอนกลับไปสมุทราคงถูกเสด็จแม่สั่งรีดน้ำหนักในค่ายทหารเป็นแน่แท้ แต่…พูดออกไปไม่ได้หรอก องค์ชายสนธยาตรองดูแล้ว เรื่องหนึ่งที่ทำให้องค์ชายลำดับที่ 2 แห่งอนันตราชกลายเป็น ‘คนขี้งอน’ ก็คือการที่พระองค์พูดถึงสมุทรา หรือพูดในเชิงว่าจะกลับสมุทรา


   …ไม่รู้จะกลัวอะไรนักหนา ไม่ว่าอย่างไร วันหนึ่งในไม่ช้า พระองค์ก็ต้องเสด็จกลับสมุทราอยู่ดี…


   สององค์ชายไม่ทันได้ตรัสสิ่งใดกันต่อ เสียงฝีเท้าก็ดังมาจากนอกห้องเสวย ก่อนที่อังกูรจะโผล่หน้าเข้ามา


   “มีโองการจากกษัตริย์วิภูพระเจ้าค่ะ” องค์ชายเตชินทร์และองค์ชายสนธยาลุกจากเก้าอี้โดยพร้อมเพรียง อังกูรจึงหันไปทางท่านขุนนางเฒ่านามว่าวิกรมผู้ซึ่งเป็นราชเลขาในกษัตริย์วิภู


   “กษัตริย์วิภูมีรับสั่งให้องค์ชายเตชินทร์เสด็จไปตรวจงานที่คลังอาวุธแทนองค์ชายเจษฎาพระเจ้าค่ะ”



   “ตอนนี้เลยหรือ” คนถูกขัดความสุขในการได้อยู่กับผู้เป็นที่รักถึงกับตวัดสายเนตรกลับไปตรัสถามเสียงขุ่น ตรงข้ามกับเสียงทุ้มหวานยามอยู่กับองค์ชายสนธยา


   “พระเจ้าค่ะ พอดีองค์ชายเจษฎาติดภารกิจสำคัญพระเจ้าค่ะ” แม้จะหงุดหงิดเล็กน้อยที่อยู่ดีๆก็มีงานโยนมาให้พระองค์ แต่เพราะท่านวิกรมอ้างภารกิจขององค์ชายเจษฎาผู้เป็นเชษฐา องค์ชายเตชินทร์จึงไม่อาจปฏิเสธได้ลง


   “ขอเวลาอีกเดี๋ยว เราจะไป”


   “ไม่ได้พระเจ้าค่ะ เวลานี้พวกนายทหารที่คลังอาวุธรอรับเสด็จแล้ว หากไม่มีพระองค์เสด็จไปร่วม พวกทหารก็จะรอเก้อนะพระเจ้าค่ะ”


   “ก็ได้ๆ เราเข้าใจแล้ว เราจะไปเดี๋ยวนี้” พอถูกท่านวิกรมเร่งเร้ามากเข้า องค์ชายเตชินทร์จึงต้องยอมรับแต่โดยดี ก่อนจะทรงลุกจากเก้าอี้ แต่ไม่วายหันกลับมาก้มลงหาองค์ชายสนธยาที่ยังประทับอยู่ที่เก้าอี้อีกตัว


   “เราขอไปทำงานประเดี๋ยวเดียว แล้วจะรีบกลับ”

 
โอษฐ์สีแดงสดนั้นขยับชิดใกล้ปรางค์สีน้ำผึ้งราวกับผีเสื้อกระพือปีกหยอกล้อกลีบดอกไม้ ท่านวิกรมถึงกับอ้าปากค้างด้วยเพราะคาดไม่ถึงว่าจะได้เห็นภาพชิดใกล้ขององค์ชายเตชินทร์และองค์ชายต่างถิ่น ในขณะที่อังกูร สมิต และชีวินยืนนิ่งแม้จะคาดเดาได้ว่าองค์ชายเตชินทร์จะต้องเริ่มสร้างความสนิทสนมจากความชิดใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่ชินเสียทีที่จะได้เห็นภาพพวกนี้คาตา คนที่เห็นจะมีสติมากที่สุดก็คงจะเป็นคุณท้าวเอิบที่รีบพาร่างอวบอั๋นของนางเข้าไปหาองค์ชายเตชินทร์แล้วยื่นเสื้อคลุมขนสัตว์ให้คนที่กำลังมุ่งมั่นทำความสนิทสนมกับองค์ชายจากสมุทราอย่างออกนอกหน้า


   “เสื้อคลุมเพคะ” เสียงนางไม่เบาแต่ก็ไม่ดัง หากแต่มันก็ดังมากพอที่จะทำให้องค์ชายหนุ่มเจ้าของตำหนักอิฐหันพักตร์กลับมามอง แล้วผละหน้าออกจากกลิ่นหอมยวนใจของปรางค์สีน้ำผึ้งที่น่าลิ้มลอง


   “ขอบคุณ คุณท้าว” ประโยคว่าขอบคุณ แต่ดวงเนตรนั้นดุเข้มหากแต่คุณท้าวเอิบหาได้ใส่ใจไม่ นางขยับกายออกเล็กน้อยเพื่อเป็นการเปิดทางให้พระองค์เสด็จไปร่วมงานตรวจคลังอาวุธ องค์ชายเตชินทร์เสด็จออกไปจากตำหนักพร้อมด้วยองครักษ์สองนายอย่างอังกูรและสมิตแล้ว แต่ท่านวิกรมยังยืนนิ่งอยู่กับที่


   “ท่านวิกรม มีกิจอื่นใดอีกหรือเปล่า” คุณท้าวเอิบผู้ปกครองตำหนักอิฐตั้งคำถาม เมื่อเห็นขุนนางชรายังไม่ไปไหน


   “นอกจากโองการรับสั่งองค์ชายเตชินทร์แล้ว กษัตริย์วิภูทรงมีรับสั่งถึงองค์ชายสนธยาด้วยพระเจ้าค่ะ” คราวนี้เจ้าของชื่อสนธยาและชีวินผู้เป็นองครักษ์หันมามองท่านวิกรมด้วยความสงสัย


    “รับสั่งถึงเราอย่างนั้นหรือ?”


   “พระเจ้าค่ะ กษัตริย์วิภูมีรับสั่งให้พระองค์เข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ตอนนี้พระเจ้าค่ะ”


   “เข้าเฝ้า?”


   “พระเจ้าค่ะ แต่อย่าได้กังวลไป เพราะนอกจากพระองค์และกษัตริย์วิภูแล้ว องค์ชายรัชทายาทลำดับที่ 1 ก็ประทับอยู่ด้วยพระเจ้าค่ะ” ท่านวิกรมเสริม หากแต่ไม่ได้ทำให้องค์ชายสนธยาวางพระทัยได้เลย ในเมื่อเข้าเฝ้าส่วนพระองค์นั้น นอกจากจะมีกษัตริย์วิภูผู้ยิ่งใหญ่แห่งอนันตราชแล้ว ยังมีองค์ชายเจษฎารัชทายาทลำดับที่ 1 ร่วมด้วย


   …ถูกรุมอย่างไม่ต้องสงสัย…


   “องค์ชายรัชทายาทลำดับที่ 1 นี่ใช่องค์ชายเจษฎารึเปล่า” สนธยาตั้งคำถาม เพราะชักคุ้นว่าองค์ชายรัชทายาทลำดับที่ 1 เคยเสด็จมายังตำหนักอิฐ และแน่นอน…บ้าหอยไม่ต่างจากองค์ชายเตชินทร์ รัชทายาทลำดับที่ 2


   “ใช่แล้วพระเจ้าค่ะ”


   “อ้าว แล้วเมื่อครู่เจ้าว่าองค์ชายเจษฎาติดภารกิจสำคัญ ให้องค์เตชเสด็จไปตรวจคลังอาวุธแทนไม่ใช่หรือ” สนธยาถามอีก คราวนี้ท่านวิกรมยิ้มเสียตาหรี่แทบมิด


   “ก็ติดภารกิจเข้าเฝ้ากษัตริย์วิภูพร้อมพระองค์อย่างไรล่ะพระเจ้าค่ะ เชิญเสด็จพระเจ้าค่ะ กษัตริย์วิภูทรงรอพระองค์อยู่ ให้ผู้หลักผู้ใหญ่รอนานไม่ดีหรอก” สนธยาเหลือบเนตรไปสบคุณท้าวเอิบ หากแต่ก็ถูกท่านวิกรมเร่งรัดให้ออกจากตำหนักจึงไม่อาจได้ถามหรือสั่งสิ่งใด พระองค์เสด็จออกจากตำหนักอิฐโดยมีชีวินตามเสด็จ หากแต่ก่อนที่ชีวินจะก้าวพ้นจากห้องเสวย ชายหนุ่มก็ตั้งคำถามกับคุณท้าวเอิบอย่างแผ่วเบา ขณะที่เดินผ่าน


   “งานนี้จะมีศึกชิงองค์ชายรึเปล่า คุณท้าว”


   แน่นอน…เป็นคำถามที่คุณท้าวเอิบไม่อาจตอบได้

………………………………..

   ในขณะที่องค์ชายสนธยาผู้เป็นโอรสองค์โตในราชินีวารีวาทแห่งเกาะสมุทรากำลังประสบชะตากรรมต้องเข้าเฝ้ากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดินอย่างกษัตริย์วิภูอย่างไม่รู้ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร ฝ่ายขนิษฐาของพระองค์อย่างองค์หญิงอรุณาก็ถูกผู้เป็นมารดาเรียกให้เข้าเฝ้าเช่นกัน หากแต่องค์หญิงอรุณานั้นวาดฝันว่าเรื่องที่ถูกเรียกให้เข้าเฝ้าต้องเป็นเรื่องดีเป็นแน่แท้


   …ตาเฒ่าชลเทพถูกคนปองร้ายทั้งลูกทั้งเมีย ก็คงไม่กล้าขานรับตำแหน่งแม่ทัพกองเรือได้อีกหรอก และถ้ามันไม่รับตำแหน่งนี้ คนที่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้เป็นที่สุดก็คือพระองค์!...


   “ถวายบังคมเพคะ เสด็จแม่” กิริยาท่าทางนั้นแสนชดช้อย ราชินีวารีวาทได้แต่เหลือบเนตรขึ้นพินิจพิจารณา ก่อนจะพยักพักตร์เล็กน้อยให้ธิดาก้าวเข้ามาในห้องทรงงานที่เต็มไปด้วยเอกสารม้วนกระดาษจำนวนมาก


   “เสด็จแม่เรียกข้ามาพบ มีอะไรหรือเพคะ” ราชินีวารีวาทยังคงใช้ดวงเนตรสีน้ำตาลอ่อนจับจ้องพักตร์งามของธิดา พระองค์ไม่เข้าพระทัยเลย เหตุใด อรุณาจึงอยากมีอยากได้ อยากชิงดีชิงเด่นกับพี่น้องที่คลานตามกันมา หรือบัลลังก์นี้มันหอมหวานมากหรือไร อรุณาจึงอยากครอบครองมากถึงเพียงนี้ แล้วถ้าบัลลังก์นี้หอมหวาน เหตุใดโอรสธิดาองค์อื่นถึงไม่อยากได้อยากมีเล่า?


   “นั่งลงก่อน วันนี้คงมีเรื่องต้องคุยกันยาว” ราชินีวารีวาทตรัสด้วยน้ำเสียงเย็นเรียบเช่นเคย ก่อนจะหันไปรับเอกสารจากราชเลขามาทอดเนตร พระองค์ทรงงานไปเรื่อย สายเนตรตรวจทานเอกสารแต่ละม้วนอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะประทับตราอนุมัติแล้วจึงรับกระดาษม้วนต่อไปมาคลี่ออกอ่าน ราชินีวารีวาททรงกระทำเช่นนั้นราวกับไม่รู้เหน็ดรู้เหนื่อย และราวกับไม่รู้ว่า…เวลานี้มีองค์หญิงอรุณาประทับอยู่ในห้องทรงงานด้วย


   เป็นฝ่ายธิดาเสียเองที่ชะเง้อศออย่างรอคอยและเริ่มหงุดหงิดเข้าไปทุกทีเมื่อพระมารดาไม่มีทีท่าจะหันมาสนพระทัยพระองค์ ทั้งๆที่เรียกให้เข้าเฝ้าแท้ๆ!


   “ถ้าราชกิจเยอะ หม่อมฉันกลับตำหนักก่อนดีไหมเพคะ” เมื่อเฝ้ารอคอยนานจนเกินจะทนแล้ว องค์หญิงอรุณาจึงทูลขึ้น ราชินีวารีวาทเหลือบเนตรขึ้นมอง


   “ไม่ต้อง”


   “แต่…”


   “อรุณา บัลลังก์นี้ไม่ใช่มีแค่อำนาจและบารมี แต่มันมีความรับผิดชอบมากมายที่คนครองบัลลังก์ต้องทำ แค่ข้าให้เจ้ารอ เจ้ายังทนไม่ได้ แล้วเจ้ายังคิดหวังจะครองบัลลังก์นี้อีกหรือ”


   “ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลยเพคะ!”


   “ทำไมจะไม่เกี่ยว เพราะเจ้ามองว่าบัลลังก์แห่งสมุทราจะนำพาความสุขสบายและอำนาจมากมายมาอยู่ในมือเจ้า แต่เจ้าไม่เคยเห็นอีกด้านของบัลลังก์เลย บัลลังก์นี้มีไว้เพื่อความร่มเย็นเป็นสุขของปวงประชาในสมุทรา บัลลังก์นี้มีไว้เพื่อขจัดทุกข์บำรุงสุขให้ปวงประชาในสมุทรา ถ้าเจ้าอยากได้บัลลังก์นี้ เจ้าก็ต้องพิสูจน์ให้ข้าเห็นว่าเจ้าคิดถึงสมุทรามากกว่าตัวเจ้าเอง เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะรอคอยเพื่อคนอื่น มากกว่าเฝ้าคาดหวังเพื่อตัวเอง” ราชินีวารีวาทหมายจะขัดเกลานิสัยใจคอขององค์หญิงองค์โตแห่งสมุทรา แต่ดูเหมือนพระองค์จะทรงกระทำเมื่อสายเกินไป บัดนี้องค์หญิงอรุณาแห่งสมุทรามิได้ใส่ใจเรื่องของผู้อื่นมากไปกว่าเรื่องของตัวเอง


   “เสด็จแม่ทรงไม่ได้คิดจะยกบัลลังก์นี้ให้ข้าอยู่แล้วต่างหาก! ถึงได้อ้างเสียทุกเรื่อง!!”


   “ก็เพราะเจ้าเป็นแบบนี้ แล้วยังจะให้ข้ายกบัลลังก์ให้เจ้าหรือ”


   “เสด็จแม่!!”


   “เจ้ากลับไปไตร่ตรองให้ดี ถ้าขัดเกลาจิตใจตัวเองให้คิดถึงสมุทราไม่ได้ ก็ไม่ต้องมาพูดเรื่องบัลลังก์กับข้า”


   “หมายความว่าเสด็จแม่จะยกบัลลังก์ให้คนอื่นหรือเพคะ!!”


   “ทั้งสนธยา ทิวา ราตรี และอุษาไม่ใช่คนอื่น ทุกคนคือลูกของข้า และพี่น้องของเจ้า” องค์หญิงอรุณากำหัตถ์แน่นด้วยความแค้นอาฆาตที่รายชื่อพี่น้องถูกพระมารดายกขึ้นมาเป็นตัวเลือกของทายาทที่จะขึ้นมาสืบสันตติวงศ์ แม้กฎมณเฑียรบาลจะยกย่องให้สตรีมีอำนาจครองบัลลังก์ แต่สนธยาที่เป็นชายและได้รับการยอมรับจากพวกขุนนางนายทหารในสมุทราก็อาจเป็นตัวแปรให้มีการเปลี่ยนแปลงกฎได้ทุกเมื่อ หรือถ้าไม่ใช่สนธยา ทั้งราตรีและอุษาที่เป็นธิดาของราชินีวารีวาทก็สามารถเป็นทายาทที่ถูกต้องตามประเพณีได้ทุกเวลาเช่นกัน!


   “ข้าไม่ยอม!!!”



   “เจ้าไม่มีสิทธิ์จะยอมหรือไม่ยอม อรุณา ใครจะได้นั่งบัลลังก์นี้เป็นคนต่อไปขึ้นอยู่กับข้า! ถ้าข้าเลือก ไม่ว่าคนผู้นั้นจะสืบสายเลือดของข้าหรือไม่ หรือเขาจะเป็นชายหรือหญิง ถ้าข้าตัดสินใจมอบบัลลังก์นี้ให้เขา เขาก็คือผู้นำสูงสุดของสมุทรา” องค์หญิงอรุณาผุดกายขึ้นจากพระเก้าอี้ด้วยความแค้นเคือง พักตร์สวยสง่าบิดเบี้ยวอย่างน่ากลัว ก่อนจะหมุนวรองค์ออกจากห้องทรงงานของผู้เป็นพระมารดาทันที หากแต่ไม่ทันก้าวพ้น เสียงของราชินีวารีวาทก็ดังอีกครั้งเป็นการเตือนสติธิดาองค์โตเป็นครั้งสุดท้าย


   “เจ้าเป็นลูกข้า เจ้ารู้ว่าข้าเป็นเช่นไร ข้าสามารถเลือกคนนอกสายเลือดขึ้นมาครองบัลลังก์ได้โดยไม่นึกเสียดาย และข้าก็สามารถทำให้เลือดเนื้อเชื้อไขของข้าถูกลงโทษสถานหนักได้เช่นกัน หากคนผู้นั้นทำผิดกฎบ้านกฎเมือง”


   “อย่าทรงขู่ข้า!” องค์หญิงอรุณาทูลเสียงแข็ง


   “ข้าไม่ได้ขู่เจ้า แต่ถ้าเจ้ายังเรียกตัวเองว่าเป็นสมุทรา เจ้าก็ต้องยอมรับในกฎของสมุทรา”


   ไม่มีการตอบรับอย่างใดอีก องค์หญิงอรุณาทิ้งไว้เพียงรอยเนตรเย็นเยียบอย่างอาฆาต ก่อนจะหมุนกายเสด็จออกจากตำหนักหลวงในทันที ราชินีวารีวาทได้แต่ทอดเนตรตามด้วยความร้าวราญ ก่อนจะถอนปัสสาสะอย่างเหนื่อยล้า


   “ไปตามทิวามาพบข้าที” พระองค์หันไปตรัสกับขุนนางราชเลขา แล้วจึงค่อยพิงวรกายลงกับพระเก้าอี้


   …สนธยา…ถ้าเจ้าอยู่ที่นี่ และรับรู้นิสัยใจคอน้องของเจ้าอย่างที่แม่รับรู้ในวันนี้ เจ้าจะทำเช่นไร…เจ้าจะใช้วิธีใดทำให้อรุณากลับมาเป็นเด็กหญิงตัวน้อยที่ชอบร้อยไข่มุกเล่นโดยไม่คิดการใหญ่ ทำร้ายทำลายผู้อื่น…เจ้าจะทำเช่นไรให้อรุณากลายเป็นเด็กหญิงที่ไม่มีความมักใหญ่ใฝ่สูงอย่างวันนี้ เจ้าจะทำอย่างไร บอกแม่ที สนธยา…


…แม่…คิดถึงเจ้าเหลือเกิน…

………………………………………..

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
การ ‘เข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์’ นั้น ออกจะทำให้องค์ชายสนธยาแห่งสมุทราผู้ไม่ค่อยจะกลัวเกรงสิ่งใด นึกคร้ามขึ้นมาเหมือนกัน โดยเฉพาะคนที่พระองค์ต้องเข้าเฝ้านั้นเป็นถึงกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักรบผู้องอาจและบ้าระห่ำ


   “ถวายบังคมฝ่าบาท” องค์ชายหนุ่มแห่งสมุทราและองครักษ์นามชีวินที่ติดตามไปทุกหนทุกแห่งน้อมกายลงทำความเคารพโดยพร้อมเพรียงเมื่อย่างก้าวเข้ามาในห้องรับรองขนาดใหญ่ ฝาผนังประดับด้วยโคมทอง ยามเปลวเทียนไหววูบล้อกับเพชรนิลจิลดาที่ประทับอยู่บนโคมยิ่งทำให้ดูระยิบระยับ ไหนจะชุดเก้าอี้บุนวมที่ตัวเก้าอี้ทำจากไม้สักทองขัดลงเงา เบาะนุ่มที่ใช้บุพนักและที่นั่ง ไม่ต้องสัมผัสก็รู้ว่าถักทอด้วยผ้าไหมเนื้อดีงานประณีต


   …แค่ห้องรับรองห้องเดียวก็บ่งบอกแล้วว่าอนันตราชนั้นนอกจากจะยิ่งใหญ่เทียมฟ้า ยังร่ำรวยมหาศาล…


   “เชิญนั่ง” กษัตริย์วิภูเป็นกษัตริย์ร่างสูงใหญ่ผายหัตถ์ไปยังเก้าอี้อีกตัวที่ว่างอยู่ สนธยาก้าวไปนั่งอย่างไม่มีปากมีเสียง


   “นี่องค์ชายเจษฎา โอรสองค์โตของเรา” กษัตริย์วิภูตรัสอีกครั้งแล้วผายหัตถ์ไปยังบุรุษอีกหนึ่งคนที่ประทับอยู่บนเก้าอี้บุนวมอีกตัวด้านข้างพระองค์


   “เราเคยพบกันแล้วครั้งหนึ่ง จำได้ไหม”


   “จำได้พระเจ้าค่ะ” …องค์ชายราชสำนักนี้บ้าหอยกันทุกคน…สนธยาจำขึ้นใจทีเดียว


   เมื่อเห็นผู้ถูกเรียกให้มาเข้าเฝ้านั่งเงียบ ไม่เหมือนกับเมื่อครั้งที่ใช้ฝีโอษฐ์ ‘แถ’ จนอนันตราชยอมรับของบรรณาการไร้ค่า กษัตริย์วิภูก็พอจะตระหนักได้ว่าพระองค์ทำให้อีกฝ่ายกริ่นเกรงพอดู


   “นั่งเงียบเชียว ไม่ต้องกลัวไป เราไม่ได้จะเรียกเจ้ามาสอบปากคำหรอก แค่อยากจะถามไถ่ทุกข์สุขเท่านั้น  เป็นอย่างไรบ้าง มาอยู่อนันตราชหลายวันแล้ว สุขสบายดีไหม” เมื่อน้ำเสียงที่พระองค์ใช้เป็นไปในเชิงเป็นห่วงเป็นใย สนธยาก็พอจะหายใจคล่องขึ้นอีกหน่อย


   …แต่…ก็ยังวางใจไม่ได้อยู่ดี ในเมื่อจู่ๆ กษัตริย์วิภูก็เรียกให้เข้าเฝ้า หนำซ้ำยังดูเหมือนพยายามกันท่าเตชินทร์ไม่ให้มาร่วมเข้าเฝ้าด้วยอีก แน่ล่ะ…ถ้ารายนั้นอยู่ และเขาถูกเรียกให้เข้าเฝ้า เตชินทร์ต้องดื้อแพ่งติดตามมาด้วยเป็นแน่…แม้ฝ่ายนั้นจะเป็นองค์ชายแห่งอนันตราช แต่สนธยาก็ยังรู้สึกวางใจมากกว่า หากมีเตชินทร์มาด้วย ไม่ใช่มีเพียงพระองค์และองครักษ์อย่างชีวินมาเข้าเฝ้ากษัตริย์ผู้แสนยิ่งใหญ่และองค์ชายรัชทายาทแห่งอนันตราชเพียงลำพังเช่นนี้


   “ก็สุขสบายดีพระเจ้าค่ะ”


   “แล้ววันๆหนึ่ง องค์เตชให้เจ้าทำอะไรบ้างล่ะ จริงสิ! เจ้าไปอยู่ในตำหนักอิฐด้วยฐานะอะไรนะ”


   “เอ่อ…คนเลี้ยงหอยพระเจ้าค่ะ”


   “อ้อ แล้วจะเลี้ยงไปถึงเมื่อไร หรือหอยตายก็จะกลับสมุทรา”


   “เอ่อ…เรื่องนี้กระหม่อมก็ยังไม่ได้ตกลงกับองค์ชายเตชินทร์ เพราะเลี้ยงหอยได้แค่วันเดียว กระหม่อมก็ล้มป่วย นี่ก็เพิ่งหายพระเจ้าค่ะ”


   “แล้วเจ้าคิดจะตกลงกับองค์เตชว่าอย่างไรล่ะ ถ้าเกิดหอยตายขึ้นมากะทันหัน คิดจะกลับสมุทราไหม”


   “หากสมุทรามีที่ให้กลับก็จะกลับพระเจ้าค่ะ แต่ถ้าไม่มี กระหม่อมก็อยู่ที่ใดก็ได้ กระหม่อมไม่ใช่คนเรื่องมาก อีกอย่าง…คนเราต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี่พระเจ้าค่ะ จะให้ยึดติดกับสิ่งนั้นสิ่งนี้ก็จะไขว่คว้าไม่สิ้นสุด เห็นทีก็ไม่ต้องมีความสุขกันพอดี”


   “หมายความว่าตำแหน่งองค์ชายแห่งสมุทราที่เจ้ามี หากวันหนึ่งมันไม่จำเป็นสำหรับเจ้าแล้ว เจ้าก็สละมันทิ้งได้โดยไม่เสียดายอย่างนั้นหรือ”


   “ของที่ไม่จำเป็น แต่ตอนทิ้งกลับนึกเสียดาย นั่นแสดงว่าคนผู้นั้นงกไม่เข้าเรื่องพระเจ้าค่ะ กระหม่อมเป็นคนงกอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่คนงกไม่เข้าเรื่อง และก่อนที่กระหม่อมจะพาขบวนบรรณาการมาที่อนันตราช กระหม่อมทำความเข้าใจกับเสด็จแม่ของกระหม่อมแล้วว่าหากวันหนึ่งถึงคราวจำเป็น กระหม่อมจะเหลือเพียงความเป็น ‘สมุทรา’ เท่านั้น ไม่ใช่ความเป็น ‘องค์ชาย’…”


   “เสด็จแม่ของเจ้าสอนเจ้ามาดี”


   “ขอบพระทัย”


   “แต่เหตุใดจึงไม่สั่งสอนน้องของเจ้าด้วยล่ะ?” พอกษัตริย์วิภูตรัสถึงตรงนี้ สนธยาก็มีทีท่าแข็งขืนขึ้นมากะทันหัน ดวงเนตรสีน้ำตาลอ่อนเหลือบขึ้นสบอย่างแข็งกร้าวด้วยเพราะไม่ชอบให้คนภายนอกมายุ่งวุ่นวายกับเรื่องภายในราชสำนักสมุทรา


   “วันนี้ พระองค์ตรัสว่าจะเพียงแค่ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของกระหม่อมเท่านั้น เกรงว่าเรื่องของน้องสาวของกระหม่อมจะไม่เกี่ยวพระเจ้าค่ะ”


   “ไม่เกี่ยวได้หรือ เป็นพี่เป็นน้องกัน คนหนึ่งต้องหนีออกมาถึงนี่ เพราะอีกคนไม่ชอบหน้าและเกรงว่าจะมาแย่งบัลลังก์” ยิ่งกว่าถูกร่ายคำสาป สนธยานิ่งขึงไปในทันทีที่กษัตริย์วิภูตรัสถูกจุด เขาเองก็พอจะรู้ว่าอรุณาผู้เป็นน้องสาวคิดเช่นไรกับการที่เขาได้ตำแหน่งแม่ทัพกองเรือ แม้บัลลังก์ของสมุทราจะสืบทอดด้วยตำแหน่งราชินี แต่อรุณาคงเกรงว่าหากวันหนึ่งมีการเปลี่ยนแปลงกฎมณเฑียรบาล นางจะไม่เหลืออะไรอีก


   …สุดท้าย สนธยาจึงจำต้องออกมาจากสมุทราเสีย อย่างน้อยก็เพื่อให้ผู้เป็นน้องสาวได้เชื่อมั่นว่าจะไม่มีใครแย่งบัลลังก์ของนางไปได้ หากว่าราชินีวารีวาทหมายจะยกบัลลังก์ให้อรุณาจริง แต่…นอกจากเขาแล้วก็ยังมีน้องชายและน้องสาวอีก 3 คนนอกจากอรุณา แม้น้องๆเหล่านั้นจะยังเด็ก แต่วันหนึ่งก็จะเติบใหญ่พอที่อรุณาอาจมองว่าเป็นศัตรู เมื่อถึงเวลานั้น สนธยาได้แต่ภาวนาให้อรุณากลับเนื้อกลับตัวให้ได้ก่อนที่นางจะไม่ได้รับการให้อภัยอีก


   “องค์ชายสนธยา เจ้ารู้ใช่ไหมว่าในฐานะที่เจ้าเป็นองค์ชายแห่งสมุทรา เจ้าจะมาตายในดินแดนอื่นไม่ได้”


   “กระหม่อมทราบดีพระเจ้าค่ะ”


   “ถ้าเช่นนั้นก็จงระวังตัวเอาไว้ เพราะเวลาของเจ้าอาจหมดลงได้ทุกเมื่อ น้องของเจ้าจะไม่มีวันปล่อยให้เจ้าได้อยู่อย่างสุขสบาย”


   “ขอบพระทัยที่ทรงเตือน ถ้าพระองค์ไม่มีเรื่องอื่นใดอีกแล้ว กระหม่อมขอตัวพระเจ้าค่ะ”


   “ไปเถอะ” แม้พักตรืสีน้ำผึ้งจะเรียบเฉย แต่ในดวงเนตรนั้นส่อแววเจ็บปวดร้าวรานอย่างเห็นได้ชัด และกษัตริย์วิภูก็ทรงตระหนักดีว่าอีกฝ่ายกำลังอยู่ในอารมณ์เช่นไร ร่างสูงโปร่งก้าวออกจากห้องรับรองโดยมีชีวินตามประกบ พอคล้อยหลังสองบุรุษแห่งสมุทราแล้ว งอค์ชายเจษฎาก็หันมาทางพระบิดา


   “เสด็จพ่อทรงกำลังทำอะไรพระเจ้าค่ะ”


   “ทำหน้าที่พ่อที่ดีน่ะสิ” คนฟังไม่เข้าใจ และกษัตริย์วิภูก็ไม่ได้ต้องการให้ผู้เป็นโอรสเข้าใจในเวลานี้ เพราะเมื่อถึงเวลา…ทุกอย่างจะเข้ารูปเข้ารอยในเส้นทางของมันเอง

……………………………………

   ในขณะที่ผู้เป็นพ่อ กำลังทำหน้าที่พ่อที่ดี โอรสอีกองค์ของกษัตริย์วิภูก็กำลังทำหน้าที่ลูกที่ดีอย่างไม่มีที่ติด้วยการตั้งอกตั้งใจเข้าร่วมพิธีตรวจคลังอาวุธ ด้วยหมายจะได้กลับตำหนักโดยเร็ว


   “ดูรู้เลยพระเจ้าค่ะว่าอยากกลับไปพบพักตร์องค์สนเต็มแก่” สมิตกระซิบทูลหยอกล้อเมื่อเห็นองค์ชายเตชินทร์ตั้งพระทัยตรวจเอกสารเกี่ยวกับอาวุธคงคลังอย่างรวดเร็วและพิถีพิถัน


   “อันที่จริงแล้ว เราไม่อยากมาด้วยซ้ำ ไม่รู้เสด็จพี่ติดภารกิจอะไร งานตรวจคลังอาวุธสำคัญถึงเพียงนี้ยังหนีไปทำอย่างอื่นหน้าตาเฉย”


   “อาจจะเป็นเรื่องใหญ่มากก็ได้นะพระเจ้าค่ะ อย่างเรื่องที่องค์ชายเจษฎาทรงส่งคนเข้าไปในสมุทรา” องค์ชายเตชินทร์ได้แต่พยักพักตร์รับรู้อย่างเงียบๆ ด้วยเพราะสมิตนำข่าวมาทูลแจ้งกับพระองค์ตั้งแต่องค์ชายเจษฎาเสด็จมาที่ตำหนักอิฐแล้ว ว่าหลังจากนั้นเพียงค่อนวัน สายลับฝีมือดีในตำหนักขององค์ชายเจษฎาก็ถูกส่งออกจากท่าเรืออนันตราชโดยมีจุดหมายปลายทางที่สมุทรา


   “แล้วเรื่องที่เราให้เจ้าส่งคนไปบ้างล่ะ เป็นอย่างไร”


   “สถานการณ์ในนั้นไม่สู้ดีพระเจ้าค่ะ” สมิตทูลอย่างที่ทำเอาองค์ชายหนุ่มแห่งราชสำนักอนันตราชได้แต่นิ่งไปด้วยเพราะนึกสงสารสนธยาที่ต้องประสบเคราะห์กรรมถูกน้องร่วมบิดามารดาแค้นอาฆาตหมายมาด


   “เราห่วงสน…”


   “อุแหม่! เดี๋ยวนี้เรียกเขาสั้นๆราวกับสนิทชิดเชื้อเชียวนะพระเจ้าค่ะ” สมิตไม่วายหยอก  แต่องค์ชายเตชินทร์ทำเป็นไม่สนพระทัย


   “อังกูร ถ้าอย่างไรก็สั่งพวกทหารให้เฝ้าระวังสนเป็นพิเศษ ถ้ามีอะไรผิดปกติก็จัดการได้เลย หากมีอะไรบานปลายเราจะเป็นคนเช็ดล้างเอง”


   “อ๊ะหือ! เป็นห่วงเป็นใยเหลือเกินเชียว ถ้าพวกสตรีนางในมาได้ยินเข้า คงค้อนกันให้ควั่กนะพระเจ้าค่ะ”


   “สมิต ถ้าเจ้ายังไม่หยุดพูด เราจะให้เจ้าไปช่วยท่านชีวินถวายอารักขาสนธยา”


   “อุ๊ย! ถวายอารักขาองค์ชายสนธยายังพอว่า แต่ให้ไปช่วยเจ้าองครักษ์หน้าเครียดนั่น มีหวังกระหม่อมคงอกแตกตายตั้งแต่เริ่มพระเจ้าค่ะ”


   “สมิต!”


   “พระเจ้าค่ะ! ไม่พูดแล้วพระเจ้าค่ะ!” องค์ชายเตชินทร์ได้แต่ส่งสายเนตรปรามองครักษ์ผู้แสนพูดมาก หากแต่ก็รู้ว่าสมิตพูดมากเฉพาะเรื่องไม่เป็นเรื่องเท่านั้น ส่วนเรื่องที่เป็นเรื่อง กลับเก็บความลับเอาไว้จนแทบตัวตาย
   

“แล้วนี่เมื่อไรเสด็จพี่จะปฏิบัติภารกิจเสร็จสิ้นเสียที เราอยากกลับตำหนักจะแย่” องค์ชายหนุ่มได้แต่ชะเง้อศอทอดเนตรไปมา ตั้งพระทัยว่าหากเห็นแม้แต่เงาของผู้เป็นเชษฎาโผล่เข้ามาในคลังอาวุธแม้แต่นิดเดียว พระองค์จะรีบโยนงานทั้งหมดคืนแล้วเสด็จกลับตำหนักอิฐไปหาองค์ชายสนธยาโดยพลัน
 

………………………………


   ชีวินได้แต่มองบานประตูห้องบรรทมขององค์ชายผู้เป็นนายของตนด้วยความสงสารอาดูร นับตั้งแต่กลับจากเข้าเฝ้ากษัตริย์วิภูและถูกพระองค์ตรัสจี้พระทัยเรื่องขนิษฐา ก็ดูเหมือนองค์ชายสนธยาจะเก็บพระองค์เงียบอยู่ในห้อง ตั้งแต่บ่ายจนกระทั่งเย็น


   “ชีวิน องค์สนล่ะ” เสียงทุ้มดังขึ้นมาตามทางเดินโถง ทำเอาชีวินต้องหันมอง ก่อนจะน้อมกายทำความเคารพองค์ชายเตชินทร์ที่ดูเหมือนจะรีบร้อนกลับมา เพราะกระหืดกระหอบมาแต่ไกล


   “ประทับอยู่ในห้องบรรทมพระเจ้าค่ะ”


   “แล้วเหตุใดเจ้าจึงอยู่ตรงนี้” ปกติแล้วชีวินมักจะอยู่ใกล้ชิดองค์ชายสนธยาจนแทบจะเรียกว่าเป็นเงาตามตัว จะมีห่างกันบ้างก็เฉพาะช่วงที่ชีวินต้องไปพักผ่อน หากแต่เวลานี้เป็นเวลากลางวัน และไม่ใช่เวลาพักผ่อนของชีวิน เหตุใดเจ้าตัวถึงออกมายืนนอกห้อง


   ชีวินเงียบ ไม่ตอบสิ่งใดจนองค์ชายเตชินทร์ชักร้อนพระทัย


   “ชีวิน สนธยาเป็นอะไร”


   “กระหม่อมคิดว่าพระองค์ไม่ควรเสด็จเข้าไปเวลานี้พระเจ้าค่ะ รอให้องค์สนเสด็จออกจากห้องเองจะดีกว่า” ชีวินยังคงใช้น้ำเสียงเรียบ หากแต่บนใบหน้าขาวนั้นมีวี่แววห่วงใยไม่แพ้ไปกว่ากัน องค์ชายเตชินทร์ไม่ใช่คนดื้อแพ่ง แม้พระองค์จะนึกเป็นห่วงองค์ชายสนธยาเพียงใด หากแต่เมื่อชีวินซึ่งใกล้ชิดกับองค์ชายสนธยามากที่สุดยังทูลว่าให้ ‘รอคอย’ พระองค์ก็ทรงตระหนักดีว่าควรจะรอคอย


   “เขาไม่ได้เป็นอะไรมากใช่ไหม”


   “คิดว่าไม่พระเจ้าค่ะ”


   “ถ้ามีอะไรก็ไปตามเราได้ทันที สมิต…เจ้าอยู่เฝ้าองค์ชายสนธยาคอยผลัดเวรกับชีวิน” สมิตที่ปกติมักจะพูดมากและมีข้ออ้างสม่ำเสมอมาวันนี้เพียงแค่องค์ชายเตชินทร์มีรับสั่งเพียงครั้งเดียว สมิตก็ทำตามอย่างไม่มีข้อคัดแย้ง ร่างสูงสง่าขององครักษ์แห่งอนันตราชก้าวมายืนข้างชีวินในทันที และนั่นทำให้ชีวินรู้ตัวว่าพวกอนันตราชมีร่างกายสูงใหญ่สมกับเป็นนักรบนายทหารมากกว่าสมุทราเสียอีก


   “เราจะอยู่ที่ห้องรับรองข้างล่าง หากต้องการสิ่งใดก็ไปบอกแล้วกัน” องค์ชายเตชินทร์ตรัสเพียงเท่านั้น หากแต่สายเนตรที่ทอดไปยังบานประตูห้องบรรทมขององค์ชายนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความห่วงใยลึกซึ้ง ก่อนจะยอมหมุนกายเสด็จจากไปพร้อมอังกูร ชีวินน้อมกายส่งด้วยต้องการขอบพระทัยอย่างจริงใจที่พระองค์ทรงห่วงใยองค์ชายสนธยาของตนถึงเพียงนี้


   “เกิดอะไรขึ้นหรือ” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างกาย ชีวินเงยหน้าขึ้นมองด้วยเพราะไม่เคยได้ยินสุ้มเสียงเช่นนี้จากชายที่ชื่อสมิตมาก่อน ชีวินสบตาอีกฝ่ายเงียบๆ ก่อนจะถอนหายใจแผ่วเบา


   “เรื่องภายใน” เพียงเท่านั้น สมิตก็ได้แต่พยักหน้ารับสั้นๆอย่างเข้าใจ เขาเองก็ให้คนไปสืบที่สมุทรามาเช่นกัน พอจะล่วงรู้มาบ้างว่า ‘เรื่องภายใน’ ของสมุทราอยู่ในสถานะใด


   องครักษ์ในองค์ชายแห่งอนันตราชวางมือลงบนบ่าของชีวินราวกับจะปลอบประโลม


   “ขอบคุณ” แม้จะเป็นคนปากหนักแต่ชีวินก็ถูกสอนสั่งมาว่าคนที่เข้มแข็งที่สุดคือคนที่กล้าพูดขอบคุณและขอโทษ เป็นฝ่ายสมิตเสียเองที่นิ่งไปเพราะไม่คิดว่าจะได้ยินคำว่าขอบคุณจากอีกฝ่าย

   …บางที มิตรภาพอาจงอกงามขึ้นกลางสมรภูมิก็เป็นได้…


   “เจ้า…ทานอะไรหรือยังล่ะ” พอพิศดูแล้ว อาจเป็นเพราะใบหน้ายโสโอหังของชีวินที่ทำให้เขาไม่ชอบหน้า แต่ถ้าหากลดทิฐิลง ภายใต้ใบหน้ายโสโอหังนี้อาจจะเป็นความเป็นมิตรและรอยยิ้มสดใสก็เป็นได้


   “ข้าไม่หิว” ให้มันได้อย่างนี้เถอะ อุตส่าห์หาทางผูกมิตรด้วยเรื่องอาหารแล้วแท้ๆ


   “ข้าถามว่าเจ้าทานอะไรหรือยัง ไม่ได้ถามว่าหิวหรือไม่” ชีวินเหลือบตามองอย่างไม่ค่อยจะพอใจเสียเท่าไหร่ที่อีกฝ่ายเจ้ามายุ่งวุ่นวายในเรื่องส่วนตัวอย่างเรื่องอาหารการกิน


   “เงียบแบบนี้แสดงว่ายัง ทหารตรงนั้นน่ะ…” สมิตตัดสินใจในชั่วเวลาเพียงอึดใจก่อนจะหันไปเรียกนายทหารที่ยืนยามอยู่ไม่ไกล นายทหารร่างใหญ่หนารีบวิ่งเข้ามารับคำสั่ง


   “ไปบอกคุณท้าวเอิบว่าจัดอาหารมาให้ท่านชีวินหนึ่งชุด แล้วเอาขึ้นมาที่นี่” นายทหารน้อมรับคำสั่งก่อนจะวิ่งจากไป สมิตจึงหันมาทางชีวินอีกครั้งแล้วดุเหมือนอีกฝ่ายเป็นเด็กๆที่ห่วงแต่เล่นจนลืมเวลาอาหาร


   “ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงองค์ชายสนธยา แต่เมื่อถึงเวลาทานอาหารก็ต้องทาน เข้าใจไหม”


   ไม่มีคำตอบอื่นใดจากองครักษ์หนุ่มแห่งสมุทรา จนกระทั่งอาหารชุเหนึ่งถูกคุณท้าวเอิบยกขึ้นมาให้ที่หน้าห้องบรรทม ชีวินไม่ลืมที่จะขอบคุณหญิงร่างอวบ และแน่นอน คำขอบคุณนั้นเผื่อแผ่ไปถึงสมิตด้วยเช่นกัน


   …บางที…มิตรภาพดีๆก็อาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ย่ำแย่ได้เหมือนกัน…

…………………………..




   พระอาทิตย์ดวงโตคล้อยต่ำ จนหายลับไปกับพื้นดินปล่อยทิ้งให้ท้องฟ้าดำมืดเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่ง แล้วพระอาทิตย์ก็โผล่ขึ้นมาอีกครา ก่อนจะขยับขึ้นไปอยู่กลางศีรษะ แล้วจึงคล้อยต่ำหลุบหายไปตามยอดต้นไม้ก่อนจะจากลับลงสู่พื้นดิน หลายวันหมุนผ่าน หากแต่ประตูห้องบรรทมขององค์ชายสนธยากลับถูกเปิดเฉพาะแค่เวลาที่นางกำนัลยกกระยาหารเข้าไปถวายเท่านั้น ดูเหมือนองค์ชายผู้เป็นเจ้าของห้องจะยังคงประทับนิ่งอยู่ที่ข้างบานหน้าต่างกระจกไม่ขยับไหวไปที่ใด โชคยังดีอยู่บ้างที่อาหารหลายมื้อพร่องลงไปบอกให้รู้ว่าองค์ชายสนธยาเสวยน้ำและอาหารเป็นปกติ หากแต่ก็เสวยน้อยลงเสียจนองค์ชายเตชินทร์ชักนั่งไม่ติด


   “วันนี้ก็ทานน้อยอีกแล้วหรือ” พระองค์ทำได้แค่ประทับอยู่นอกบานประตูห้องขององค์ชายสนธยาเท่านั้น ชีวินทูลว่าเวลานี้ควรจะปล่อยองค์ชายสนธยาเอาไว้เพียงลำพัง หากแต่ก็หลายวันแล้วที่พระองค์ต้องอดใจเอาไว้ไม่ให้ใช้อำนาจความเป็นเจ้าของตำหนักยุ่มย่ามความเป็นส่วนตัวขององค์ชายสนธยา ทั้งๆที่พระองค์อยากรู้แทบตายว่าเพราะอะไรองค์ชายแห่งสมุทราจึงขังตัวเองเอาไว้ในห้องเช่นนั้น


   “แต่วันนี้ยังดีนะพระเจ้าค่ะ กระหม่อมเห็นองค์สนเสด็จมาประทับที่พระเก้าอี้มุมห้องแล้ว ช่วงแรกๆเห็นประทับแต่ข้างหน้าต่างอย่างเดียว” สมิตผู้ยืนยามเฝ้าหน้าประตูคอยผลัดเวรกับชีวินรายงานสิ่งที่ตัวเองสอดส่องเห็นมา และแน่นอนว่าเขาทูลองค์เตชินทร์ตั้งแต่วันแรกที่รู้จากชีวินแล้วว่าองค์ชายสนธยาไม่สบายพระทัยเกี่ยวกับ ‘เรื่องภายใน’


   “แต่เราก็ยังห่วง เจ้าคอยเฝ้าไว้ให้ดีแล้วกัน ถ้ามีอะไรผิดปกติก็รีบมาบอกเรา”


   “รับด้วยเกล้าพระเจ้าค่ะ” องค์ชายเตชินทร์ได้แต่ทิ้งสายเนตรเอาไว้ที่บานประตูอีกครั้ง ก่อนจะเสด็จกลับไปยังห้องทรงงานของพระองค์เพื่อตรวจเอกสารที่นำกลับมาจากกรม ปล่อยให้สมิตยืนแข็งขันอยู่ที่หน้าประตูห้อง โดยที่ไม่มีใครทันสงสัยแม้แต่น้อยว่าบัดนี้


   …องค์ชายสนธยาที่ประทับอยู่ในห้องอย่างเงียบเฉียบมาหลายวันนั้น กำลังโหนกายออกนอกหน้าต่างไปยังกิ่งไม้ใหญ่หนาของต้นไม้สูงตระหง่านที่อยู่ข้างตำหนัก ร่างสูงโปร่งกระโดดหายลับไปในความมืดของรัตติกาลที่แสนวังเวง…



   ทว่า…คล้อยหลังเพียงครู่เดียว เสียงบางอย่างกลับดังขึ้นในความสงบเงียบ

   ผลั๊วะ! ตุ๊บ!!


   “มีคนตกต้นไม้! มีคนตกต้นไม้!!” เสียงทหารเวรยามดังกระหึ่มท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมิด ก่อนจะกลายเป็นความโกลาหลในชั่วอึดใจเมื่อพบว่าคนที่ลักลอบปีนต้นไม้ยามค่ำคืนเป็นใคร


   “ไปตามองค์เตชมาเร็วเข้า! องค์ชายสนธยาทรงตกต้นไม้!!!”


   แล้วหลังจากนั้น ก็มีแต่เสียงตะโกนดังลั่นของเหล่านายทหารและนางกำนัลส่งต่อๆกันไปทั้งตำหนัก เป็นอันรู้กันว่าบัดนี้ คนที่เก็บตัวอยู่ในห้องมาหลายวันแผลงฤทธิ์ด้วยการ ‘ตกต้นไม้’ ให้ดูเป็นขวัญตา!!



ติดตามตอนต่อไป (อังคารที่ 30 จ้ะ)
   เนื่องจากว่าศุกร์นี้ ไปจนถึงวันจันทร์ บัวต้องไปเที่ยวแบบแฟมิลี่ๆ ก็เลยไม่มีเวลาพิมพ์แน่ๆเลย กลับมาก็ต้องแบกสังขารไปทำงาน ก็เลยต้องขอเลื่อนการลงตอนหน้าไปเป็นอีกสัปดาห์นึงนะคะ แล้วจะมาเฉลยว่าองค์สนคิดจะทำอะไร ฮ่าฮ่า
   ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม และพื้นที่บอร์ดจ้า
   

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
 เออ องค์สนเพคะ ตอนแรกนี่แถเรื่องลืมได้เนียนมาก
แต่ลงท้ายกลับมาตกต้นไม้เสียได้ เฮ้อ ^^

รอองค์เตชมาอุ้มกลับเข้าไปในตำหนักนะเพคะ 555

คุณบัวเที่ยวให้สนุกค่ะ  :mew3:

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
ตกต้นไม้ ! ! ! !

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
เป็นเรื่อง ท่านสนตกต้นไม้...

ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
องค์สนพิเรนทร์นักนะเจ้าคะ

 :กอด1:

@Lucifer_Prince@

  • บุคคลทั่วไป
องค์สนจะโหนหน้าต่างทำไมล่ะ  พะยะค่ะ  เป็นเรื่องเลย

ออฟไลน์ kongxinya

  • Skt KS
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
องค์สนจะปีนต้นไม้หนีเที่ยวหรือเพคะถึงได้ตกต้นไม้  :hao7:

เที่ยวให้สนุกนะคะ รอตอนต่อไปค่ะ  :L2: :กอด1: :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ jinjin283

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 934
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
องค์สนคนกะหนีเที่ยวใช่ไหมคะเนี่ย แต่พลาดจนเจ็บตัวแบบนี้องค์เตชคงเป็นห่วงแย่เลย

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
อ๊ากกกก
องค์สนจะทำอะไรอะ
รอคุณบัวมาต่อนะคะ อิอิ

ออฟไลน์ SenzaAmore

  • Where troubles melt like lemon drops....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 713
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-0
*องค์ชายราชสำนักนี้บ้าหอย*  :m20: องค์สนเกรียนมากกก 5555

สมิทกับชีวินนี่ยังไงๆอยู่น้าาา :hao6:

เที่ยวให้สนุก แล้วมาต่อไวๆน้าาา :กอด1:

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
โถ พ่อคุณ คงคิดมากเรื่องน้อง :hao5:

รอองค์เตชปลอบใจเบาๆ

ออฟไลน์ sweetbasil

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-3
 :jul3: องค์สน ตกต้นไม้

ชีวิน จัดการ สมิต ที่  :z1:

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
ตายแล้ววววววววววว องค์ชายสน ตกต้นไม้!!!

ออฟไลน์ EverGreen™

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-1
บรรยากาศกำลังตึงเครียด

มาขำพรูดตรง "มีคนตกต้นไม้"เนี่ยแหละะะะ

 :laugh:

ออฟไลน์ sukaz

  • I Will Love You Unconditionally
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
แหก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!   :a5: :a5: :a5: :a5:

ตกต้นไม้ :mew5: :mew5: :mew5:

ออฟไลน์ Gokusan

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
จะขำก็ขำ จะสงสารก็สงสาร
เพราะความอยากได้อยากมีของผู้หญิงคนนึง
ทำความเดือดเนื้อร้อนใจให้ทั้งคนในครอบครัว แผ่ไปถึงคนอื่นอีกเยอะ

ดูว่าทุกคนรอบตัวองค์สนจะรู้ความเคลื่อนไหว-เรื่องภายใน-
ก็ให้รู้ไปว่า-หลายมือ-ทางนี้ จะ-จัดการ-คนประสงค์ร้ายไม่ได้

แอบสงสารท่านแม่...เจ็บใจที่สอนลูกไม่ได้เนี่ยแหละ - -"

ออฟไลน์ kaokorn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 903
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
เที่ยวให้สนุกนะฮะ
รอตอนหน้าว่าองค์สนแผลงฤทธิ์อะไร ^_^

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด