มือเรียวตวัดฟาดลงบนใบหน้าของคุณท้าวสุภาอย่างแรง ทันทีที่นางถวายข่าวคราวล่าสุดจากอนันตราชให้องค์หญิงอรุณาได้สดับ และทันทีที่สดับ ความโมโหของพระองค์ก็พุ่งทะยานจนคุณท้าวชรากลายเป็นที่รองรับพระอารมณ์
“โง่หรือบ้า!! ทำแบบนั้นมันจะตายได้อย่างไร?!!”
“แต่ไม่มีวิธีใดดีไปกว่านี้แล้วนะเพคะ…”
“ก็เลยใช้วิธีโง่เง่าขายยาพิษให้มันงั้นรึ?!! แล้วเป็นอย่างไร ตอนนี้มันตายไหม?!!” คำถามนี้ ไม่ว่าใครก็รู้คำตอบ เพราะหากองค์ชายสนธยาดับสิ้นจริง องค์หญิงอรุณาคงพระอารมณ์ดีกว่านี้เป็นแน่
“หม่อมฉันไม่ใช่คนต้นคิดนะเพคะ แต่…เอ่อ…คนของเราคงไม่เห็นทางแล้ว จึงใช้วิธีนี้ อีกทั้งยามนี้ที่อนันตราชเข้มงวดมาก ตรวจอาวุธแทบจะตลอดเวลา เวรยามเต็มเมืองไปหมด โอกาสหายากเหลือเกิน” คุณท้าวหมอบคุดคู้อยู่แทบพระบาทขององค์หญิงอรุณาด้วยความหวั่นเกรง แม้พระองค์จะเป็นเพียงองค์หญิงรูปร่างอรชรอ้อนแอ้น หากแต่ก็สั่งประหัตประหารมาหลายคนแล้ว
“แต่มันก็อุตส่าห์ออกจากวังไปปรากฏให้เห็นกับตาแล้วไม่ใช่รึ?!!”
“นั่นเป็นเรื่องนอกเหนือความคาดหมายเพคะ องค์หญิง…ยามนี้ที่อนันตราชเข้มงวดมากนัก ทำการสิ่งใดก็ไม่สะดวก คงเป็นเพราะมีใครนำเรื่องไปทูลกษัตริย์แห่งอนันตราช…”
“ต้องเป็นเพราะเสด็จแม่แน่ๆ ที่ปากโป้งบอกพวกอนันตราชให้คุ้มกันสนธยา!” องค์หญิงผู้เป็นขนิษฐาไม่ได้นึกรักเชษฐาเลยแม้แต่น้อย ยามนี้ลมหายใจของสนธยาคือขวากหนามสำหรับพระองค์ ดังนั้นทางเดียวที่จะทำลายขวากหนามลงได้ก็คือทำให้สนธยาไม่มีลมหายใจอีกต่อไป!
“แล้วคนของเราที่ส่งไป ตอนนี้มันเข้าไปในวังของอนันตราชได้รึยัง”
“เข้าได้แล้วเพคะ แต่ยังเข้าไม่ถึงตำหนักอิฐขององค์ชายเตชินทร์…โอ๊ย!!” พระบาทเรียวเล็กเตะเข้าที่ชายโครงคุณท้าวอีกครั้งด้วยไม่พอใจในคำตอบ
“ม…หม่อมฉันจะรีบกำชับให้พวกมันเข้าใกล้ตำหนักอิฐให้เร็วที่สุดเพคะ!!” องค์หญิงอรุณาเม้มโอษฐ์แน่นด้วยเพราะรู้ว่าการที่พระองค์ทำร้ายคุณท้าวนั้น ไม่อาจช่วยให้งานใหญ่ของพระองค์คืบหน้าไปมากกว่านี้ ในยามที่อนันตราชเพิ่มความปลอดภัยเป็นสองเท่า เพื่อคุ้มครององค์ชายพลัดถิ่นอย่างสนธยา
“ส่งคนไปบอกพวกมันว่าไม่ต้องแล้ว” คุณท้าวสุภาเงยหน้าขึ้นมององค์หญิงอรุณา พักตร์งามนิ่งตึง หากแต่สายเนตรนั้นแฝงแววร้ายเสียจนนางยังสั่นเทิ้มไปทั้งตัว
“ข้าจะเป็นคนเข้าไปเอง!”
“ม…หมายความว่าพระองค์จะเสด็จอนันตราชหรือเพคะ”
“ไม่ใช่แค่อนันตราช แต่ต้องได้เข้าไปถึงตำหนักอิฐ!!”
…………………………….
ร่างสูงโปร่งขององครักษ์หนุ่มนามว่าชีวินก้าวเท้าเดินไปตามโถงทางเดินที่มุ่งสู่ห้องบรรทมขององค์ชายสนธยา แม้ความถี่ของฝีเท้าที่ก้าวจะเป็นจังหวะปกติอย่างชายชาติทหาร หากแต่สิ่งที่รับรู้มาจากสายข่าวของสมุทราที่แฝงกายเร้นอยู่ในอนันตราชก็ทำให้ดวงตาสีเข้มมีประกายกังวลอย่างเห็นได้ชัด
… ‘คนขององค์อรุณาเข้ามาในอนันตราชมากขึ้นเรื่อยๆ’…ไม่ต้องถามจุดประสงค์ของคนเหล่านั้น ชีวินก็พอจะรู้ว่าคนขององค์หญิงแห่งสมุทรามาที่อนันตราชทำไม คงไม่ใช่มาเพื่อเยี่ยมเยียนองค์ชายสนธยาเป็นแน่แท้
ฝ่ามือขาวผลักบานประตูเข้าไปในห้องบรรทมขององค์ชายผู้เป็นนายเหนือหัวด้วยเพราะหมายจะรายงานข่าวคราวให้องค์ชายพลัดถิ่นได้ระวังองค์มากกว่านี้ หากแต่บนแท่นบรรทมกลับว่างเปล่าไร้คนตกต้นไม้ที่ควรจะนอนนิ่งๆเพื่อให้อาการเคล็ดยอกหายสนิท ชีวินกวาดตามองซ้ายขวา ก่อนจะเห็นร่างไหวๆขององค์ชายสนธยาอยู่ที่ข้างตู้ไม้ใบใหญ่
“องค์สน…” ชีวินขยับเข้าไปใกล้ และเมื่อเห็นว่าองค์ชายของตนกำลังทรงทำสิ่งใด ดวงตาของชีวินก็เบิกโต
“…นั่นพระองค์ทรงเก็บเสื้อผ้าจะเสด็จไปไหนพระเจ้าค่ะ?!!” คนเป็นบ่าวรีบถลาเข้าไปหา
“เราจะเดินทางผจญภัยไปดินแดนสุดขอบตะวันตก เราไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว เราจะไปผจญภัย เราจะไม่เลี้ยงหอย…เราจะไปจากอนันตราช…” สนธยาพึมพำซ้ำๆ ราวกับหาเหตุผลมารองรับการกระทำของตนแค่เพียงเท่านี้ ซึ่งเหตุผลเล็กน้อยประเภทจะออกไปผจญภัยนั้น แน่นอนว่าสำหรับชีวิน มันเป็นเหตุผลที่ใช้การไม่ได้
องครักษ์หนุ่มยื้อท่อนกรขององค์ชายสนธยาเอาไว้ ให้คนกำลังเก็บข้าวของต้องเบือนเนตรมาสบ
“เกิดอะไรขึ้นหรือพระเจ้าค่ะ องค์ชายเตชินทร์ทรงโกรธพระองค์หรือ” พอชีวินเอ่ยถึงชื่อต้องห้าม สนธยาก็นิ่งขึงราวกับถูกปีศาจสิงสู่
“องค์สน…เป็นอะไรไปพระเจ้าค่ะ องค์สน…ตรัสกับกระหม่อม เกิดอะไรขึ้นกับพระองค์ องค์ชายเตชินทร์ทรงทำอะไร”
“ม…ไม่ได้ทำ! ไม่ได้ทำ…”
“องค์สน พระองค์ก็ทรงรู้ว่าโกหกกระหม่อมกี่ครั้ง กระหม่อมก็จับได้ทุกครั้ง ตรัสความจริงมาพระเจ้าค่ะ” ชีวินเป็นบ่าวก็จริง แต่เวลาที่ต้องการความจริงจากปากองค์ชายสนธยา เขาก็สามารถแปลงร่างเป็นผู้คุมความประพฤติได้อย่างไม่มีที่ติ
สนธยากลืนน้ำลายอึกใหญ่ ทั้งตื่นตระหนก ทั้งไม่รู้จะเล่าความจริงอย่างไร ทั้งๆที่รู้แก่ใจว่าความจริงมีเพียงอย่างเดียว…หากแต่ แม้จะเป็นเพียงแค่อย่างเดียว มันกลับร้ายแรงยิ่งกว่าเรื่องใดๆทั้งสิ้น
ชีวินไม่ได้ทูลย้ำให้องค์ชายตรัส เขาใช้เพียงสายตาจับจ้ององค์ชาย และเพียงแค่อึดใจต่อมา โอษฐ์บางก็ขยับเป็นคำสั้นๆหากแต่ได้ใจความเสียจนคนฟังถึงกับต้องเบิกตาค้าง
“เราจูบกับองค์เตช”
สรรพสิ่งรอบกายคล้ายกับหยุดเคลื่อนไหว ไม่มีเสียงลม ไม่มีเสียงทหารเดินตรวจตราเวรยาม ไม่มีเสียงนางสนมกำนัลที่คอยดูแลความสะอาดเรียบร้อยในตำหนัก ชีวินไม่ได้ยินเสียงใดๆอีก ยกเว้นแต่เสียงขององค์ชายสนธยาที่ดังก้องอยู่ในหูของเขาซ้ำไปซ้ำมา
‘เราจูบกับองค์เตช’
…จูบกับองค์ชายเตชินทร์!!...องค์ชายสนธยาจูบกับองค์ชายเตชินทร์!!!...
“ชีวิน เจ้าอย่าเงียบซี่ เจ้ารู้จักเรามาแต่เล็ก เจ้าก็รู้ว่าเราไม่เคยมีสนมเป็นชาย เราไม่เคยฝักใฝ่ชายใด แต่…เอ่อ…เราเองก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไม…”
“องค์สน องค์ชายเตชินทร์ไม่ใช่แค่เป็น ‘ชาย’ นะพระเจ้าค่ะ แต่องค์ชายเตชินทร์ทรงเป็นองค์ชายรัชทายาท”
“เรารู้ ชีวิน เราก็เลยคิดว่า ตอนนี้เราควรจะไปจากอนันตราชเสีย” สนธยารู้ดีว่าขืนอยู่ที่นี่ต่อไป เรื่องจูบจะกลายเป็นความหวานล้ำในจิตใจ เพราะแค่จุมพิตเดียวก็ทำเอานิ่งตะลึงตะลานเสียเพียงนี้ หากปล่อยให้ความรู้สึกพิกลนั้นแทรกซึมเข้าไปเรื่อยๆ เขาคงไม่เป็นสนธยาคนเดิมอีก
ชีวินเม้มปากนิ่งขึง ใจหนึ่งเขาก็รู้ว่าองค์ชายสนธยาไม่ควรประทับอยู่ที่อนันตราชอีกต่อไป วันนี้จูบกับองค์ชายเตชินทร์ วันหน้าองค์ชายสนธยาอาจได้องค์ชายเตชินทร์เป็นสนมคนที่ 122 ก็เป็นได้ แต่…แต่ถ้าออกจากอนันตราช อายุขัยขององค์ชายสนธยาคงเหลือเพียงไม่กี่วันเท่านั้น เพราะอันตรายรอบด้านไปหมด
…ระหว่างให้องค์ชายสนธยารับรัชทายาทราชสำนักอื่นมาเป็นสนม กับสนับสนุนให้พระองค์เสด็จออกจากอนันตราชแล้วไปเผชิญภยันตรายใดๆที่อาจเกิดได้ทุกเมื่อ…ไม่ว่าอย่างไร ชีวินก็ไม่อาจเลือกอย่างหลังได้ลง…
“ชีวิน เจ้าอย่าเงียบสิ ช่วยเราคิดหน่อยว่าเราจะหนีไปทางใดดี ขึ้นเหนือไปทางภูเขาดีไหม กันดารใช่ย่อย ท่าทางน่าสนุก หรือไม่อย่างนั้นก็ออกทะเลไปเรื่อยๆ แต่มันก็ดูเรียบง่ายไปสักหน่อยนะ…”
“กระหม่อมคิดว่าพระองค์ต้องเข้าเฝ้ากษัตริย์วิภูพระเจ้าค่ะ”
“เข้าเฝ้า?! เข้าเฝ้าทำไม ทูลลารึ? ไม่ได้หรอก เราอยู่ที่นี่ในฐานะคนเลี้ยงหอย วันดีคืนดีจะไปทูลลาขอทิ้งหน้าที่เพราะเหตุผลที่อยากออกผจญภัยไปทั่วแผ่นทวีปได้อย่างไรกัน วิธีที่ดีที่สุดคือต้องหนีเท่านั้น”
“กระหม่อมคิดว่าพระองค์ไม่ควรหนีพระเจ้าค่ะ แต่พระองค์ควรจะรับผิดชอบ”
“รับผิดชอบ?! รับผิดชอบอะไร?!!” สนธยาเบิกเนตรกว้างด้วยความตกใจ หากแต่ชีวินยังมีสีหน้าเรียบเฉยมุ่งมั่นในความคิดของตน
“พระองค์ต้องรับผิดชอบที่ไปจูบองค์ชายเตชินทร์น่ะสิพระเจ้าค่ะ”
“อะไรนะ?!!!!!”
“กระหม่อมจะติดต่อไปทางสมุทรา ทูลความจริงเรื่องที่พระองค์ผิดผีกับองค์ชายเตชินทร์เพื่อให้ราชินีวารีวาททรงทราบ แล้วจะได้เตรียมการหมั้นหมายต่อไป กระหม่อมขอตัว” ว่าแล้วชีวินก็หมุนกายเดินหายลับออกไปจากห้อง ทิ้งเอาไว้เพียงสนธยาที่ยืนอ้าปากค้างนิ่งสนิท
…ผิดผี!! หมั้นหมาย!!...จากคนเลี้ยงหอยจะให้ไปหมั้นกับรัชทายาท!!
...โอ้ อาคันตุกะผู้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้แก่อนันตราชของแท้!!!...
…………………….
องค์ราชินีวารีวาททอดเนตรธิดาองค์โตผู้ถือตำแหน่งรัชทายาทแห่งบัลลังก์สมุทราด้วยสายเนตรเฉยเรียบ แม้องค์หญิงอรุณาผู้กระด้างกระเดื่องจะกำลังพร่ำพรรณาพร้อมน้ำตาด้วยความโศกเศร้าน่าเวทนาก็ตามที
“เสด็จแม่เพคะ หม่อมฉันรู้แล้วว่าผิด ที่คิดร้ายต่อพี่น้องตัวเอง ที่รังเกียจพี่ชายร่วมสายเลือด ให้อภัยหม่อมฉันนะเพคะ หม่อมฉันรู้ตัวว่าทำตัวไม่ดีกับสนธยาเอาไว้มาก จากวันนี้ หม่อมฉันจะไม่อยู่ที่สมุทราอีก หม่อมฉันจะออกเดินทางไปต่างบ้านต่างเมือง อย่างน้อยการไปอยู่ต่างถิ่นที่ไม่มีพี่มีน้อง ก็คงทำให้รู้ซึ้งในรสชาติของความเหงาและว้าเหว่…เสด็จแม่ งานต่างๆที่หม่อมฉันดูแลอยู่ พระองค์จะประทานให้น้องๆของหม่อมฉันก็ได้นะเพคะ…”
“นึกจะไปต่างบ้านต่างเมืองก็จะไปอย่างนั้นหรือ เจ้าเป็นองค์หญิง จะไปนอนต่างถิ่นทั้งๆที่ไม่มีเรื่องสำคัญได้อย่างไรกัน ไหนจะงานในความรับผิดชอบของเจ้าอีก มาตัดสินใจเอากะทันหันเช่นนี้ แล้วข้าจะยกงานของเจ้าให้คนอื่นทันได้อย่างไร อรุณา” องค์ราชินีวารีวาทยังคงมีน้ำเสียงราบเรียบ แม้จะไม่ได้เลี้ยงลูกทุกคนด้วยพระองค์เอง แต่พระองค์ก็พอจะทรงทราบว่าลูกแต่ละคนเป็นเช่นไร และหนึ่งในนิสัยของอรุณาที่พระองค์ทรงทราบก็คือ…นางใช้น้ำตาและความน่าสงสารตบตาคนได้ทุกเมื่อ…
“เสด็จแม่ ได้โปรดเถอะเพคะ หม่อมฉันรู้ว่าตัวว่าเลวทรามเพียงใด ที่หวังเป็นใหญ่เหนือบัลลังก์ของสมุทรา บัลลังก์ที่ไม่ใช่ของเราแต่เป็นบัลลังก์ของประชาชน หม่อมฉันอยากไถ่บาปไถ่โทษ อยากให้เวลากับตัวเอง อยากสอนตัวเองว่าให้รักคนอื่น ให้คิดถึงคนอื่น หม่อมฉันอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองเพคะ” องค์หญิงอรุณาก้มพักตร์สะอื้นหนักอย่างที่ทำเอาผู้เป็นมารดาต้องถอนหายใจ แม้ลูกจะมีนิสัยร้ายกาจเพียงใด หากแต่ขึ้นชื่อว่าลูกก็คือลูก เมื่ออรุณาวอนขออยากออกไปจากสมุทรา พระองค์ก็ไม่รู้จะกีดกันไปทำไม หากแต่ไม่ทันที่พระองค์จะได้ทรงเอื้อนเอ่ยสิ่งใดขุนนางชราก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตูห้องเสียก่อนราวกับมีเรื่องด่วนเรื่องร้อน
ราชินีวารีวาททรงรู้ดีว่าขุนนางผู้นี้จะปรากฏเมื่อมีเรื่องสำคัญในต่างแดนเท่านั้น และเรื่องสำคัญในต่างแดนเวลานี้ก็ไม่มีเรื่องใดสำคัญไปกว่าเรื่องของสนธยาพระโอรสของพระองค์อีกแล้ว สตรีผู้มีอำนาจเหนือบัลลังก์สมุทราพยักพักตร์เล็กน้อย ขุนนางร่างผายผอมก็ก้าวเข้าไปถวายบังคมพร้อมด้วยสาสน์ฉบับเล็กที่ถูกส่งมาเป็นการด่วน
องค์หญิงอรุณาจับจ้องทีท่าของมารดาที่กำลังเปิดสาสน์ออกอ่านด้วยความสงสัยใคร่รู้ ท่านวรุฒมาพร้อมกับเรื่องของสนธยาเสมอ และถ้าไม่ใช่เรื่องด่วน ก็ไม่เคยต้องเข้าพบกะทันหันเช่นนี้
…แสดงว่าต้องมีเรื่องเกิดขึ้นกับสนธยา…หรือมันจะถูกฆ่าตายแล้ว? ดีสิ!! ถ้าสนธยาตาย พระองค์ก็ไม่ต้องอ้อนวอนขอเสด็จออกจากสมุทราอีก!!...
องค์ราชินีวารีวาทจับจ้องรายละเอียดบนสาสน์ฉบับเล็ก ซึ่งแน่นอนว่ามีเพียงพระองค์เท่านั้นที่ได้อ่าน อรุณาร้อนรุ่มไปทั้งใจด้วยความอยากรู้ และเฝ้าภาวนาให้ข่าวในสาสน์ฉบับนั้นเป็นข่าวดีสำหรับพระองค์
“ท่านวรุฒ” องค์ราชินีวารีวาททรงเรียก ขุนนางผู้นำสาสน์มารีบค้อมกายรับโองการ องค์ราชินีปรายสายเนตรมาทางอรุณาเพียงวูบหนึ่ง หากแต่เพียงวูบเดียวก็อ่านสีหน้าสีตาของผู้เป็นธิดาได้แล้ว
…ใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตา หากแต่ในแววตานั้นยังมีแต่ความร้ายกาจและอาฆาตมาดร้ายต่อพี่น้อง…
ผู้เป็นแม่ถอนหายใจด้วยความอ่อนล้า เวลาไม่อาจทำให้อรุณาเปลี่ยนแปลง เหมือนที่การที่สนธยาไปอยู่ต่างแดนก็ไม่อาจทำให้อรุณาลดความดื้อดึงเกลียดชังและหยิ่งผยองลงเลย…บางที นี่อาจเป็นโอกาสดีที่สุดที่พระองค์จะได้ช่วยโอรสและประชาชนของพระองค์เอง
“เราจะไปอนันตราช” อรุณาเบิกตาโตด้วยความตกใจที่โองการของผู้เป็นมารดาคือปลายทางเดียวกับที่พระองค์จะเสด็จไป
องค์ราชินีวารีวาทเหลือบเนตรมาทางธิดาอีกครั้ง
“เจ้าก็ไปกับเราด้วย อรุณา”
“ป…ไป…ไปอนันตราช…ไปทำไมหรือเพคะ” อรุณาครวญถามด้วยใจระทึก หรือจะไปเพื่อรับศพสนธยากัน?! ดีสิ!! พระองค์ยินดีอย่างยิ่งที่จะได้ไปเห็นร่างไร้วิญญาณของสนธยาด้วยเนตรของพระองค์เอง!!!
“ไปขอหมั้นรัชทายาทแห่งอนันตราชมาเป็นสะใภ้ราชสำนักเรา”
“อ…อะไรนะเพคะ?!!! รัชทายาทของอนันตราชจะมาเป็นสะใภ้ของสมุทรา?!!!”
“สนธยาดันไปผิดผีองค์ชายรัชทายาทของอนันตราชเข้าน่ะสิ”
องค์หญิงอรุณาเบิกเนตรกว้างด้วยความตกตะลึง นอกจากสนธยาจะไม่ตายอย่างที่หวังแล้ว ยังพาสะใภ้เข้าราชสำนักเพิ่มอีกอย่างนั้นหรือ?!!!!
ติดตามตอนต่อไป
ขอโทษที่หายไปนานนะคะ ภายในพุธหน้า จะเอาตอนพิเศษของ ‘ปวิน’ มาลงเป็นการไถ่โทษที่เรื่องนี้มาต่อช้า
แล้วก็ขอบคุณคนอ่านทุกๆคนที่ยังคิดถึงกันด้วยนะคะ พาร์ทหน้าของพันธะหอยจะพยายามมาให้เร็วที่สุด เพราะตอนนี้คนเลี้ยงหอยเขาอัพเกรดสถานะแล้ววววว อิอิ
แล้วเจอกันพาร์ทหน้าค่ะ
ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ