DOUBLE-FACED: เสแสร้งแกล้งรัก
Chapter 33: Because a boy like you is impossible to findHIM: PRIK
ผีเสื้อราตรีสีน้ำตาลกำลังบินช้าๆ ก่อนจะเกาะลงกับผนังบ้าน มองนอนมองมันนิ่งๆอยู่บนเตียงหลังใหญ่ ภายนอกเจ้าผีเสื้อแม้จะดูไม่สวยงามเหมือนผีเสื้อกลางวัน จนกระทั่งมันขยับปีกบินหยอกล้อกับไฟอีกครั้ง ถึงได้รู้ว่ามันสวยงามไม่ต่างจากผีเสื้อตัวอื่นๆเลย ถ้าหากว่ามันจะกางปีกบินบ่อยๆก็คงดี ผู้คนจะได้เห็นว่ามันสวยขนาดไหน ก่อนที่มันจะตายลงเพราะอายุขัยสั้นนัก เห็นแล้วก็นึกอยากจะโบยบินบ้างก่อนที่ชีวิตจะสิ้นสุดลง
อย่าแปลกใจว่าทำไมผมถึงมีอารมณ์สุนทรีย์ขนาดมานั่งมองผีเสื้อแล้วพร่ำพรรณาเป็นตุเป็นตะ เพียงแต่ว่าผมเพิ่งจะคิดอะไรบางอย่างได้ ชีวิตคนเราสั้นนั่นเกินกว่าที่จะมานั่งลังเลว่าควรทำสิ่งที่อยากทำไหม
คนขี้ขลาดที่ทำตัวเป็นเต่าหดหัวอยู่แต่ในกระดองอย่างผม ยังคงไม่กล้าที่จะโผล่ออกมา ทั้งที่ใจเต้นเร้าๆอยากจะสัมผัสอากาศภายนอก ที่จะพอช่วยเยียวยาให้หายใจ ให้ความรู้สึกทุกข์ทรมานและอึกอัดจนแทบบ้าจางหายไปบ้างก็เท่านั้น
จนกระทั่งเขากลับมา...กลับมาหาผมคนที่อ่อนแอ ไม่กล้าแม้จะมองหน้าเขานานๆ ยามที่เจ้าตัวไปหาผมที่ร้าน ทั้งสับสนและไม่เข้าใจว่ามาโคกลับมาหาผมทำไม ทั้งๆที่ผมทำกับเขาไว้เจ็บแสบขนาดนั้น แต่เมื่อเขาย้ำถึงสิ่งที่เขาทำ มันทำให้ผมรู้ว่า ผมมองข้ามความผิดของเขาไปเลย เพียงเพราะผมรักเขามาก
ก็คงจะจริงอย่างที่ใครๆบอกว่าความรักทำให้คนตาบอด ผมเลยมองไม่เห็นความผิดของเขาสักนิดเดียว
“ทำไมยังไม่นอนอีก ดึกแล้วนะพริก” มาโคกลับเข้ามาในห้องนอนผม พอเห็นว่าหน้าต่างห้องเปิดอ้าก็ชักสีหน้าหงุดหงิดใส่ผมทันที “เปิดหน้าต่างทำไม อากาศเย็นขนาดนี้ ลมเอาพัดเข้ามาเดี๋ยวก็ป่วยหนักกว่าเดิมอีกหรอก ยังไม่เข็ดหรือไง”
ก็คนมันอึดอัดนี่น่า...หายใจไม่ออกด้วย คราวนี้ที่ผมป่วยก็เพราะว่าผมลืมปิดหน้าต่าง กลายเป็นว่านอนตากลมเย็นทั้งคืน พอเช้าวันต่อมาก็ไปมหาลัย ซ้ำยังต้องวิ่งทำงานกลางแจ้งกลางแดดเปี้ยงๆ สุดท้ายก็เป็นไข้ และก็เป็นมาถึงสามวันแล้วด้วย พอมาโครู้เท่านั้นแหละ บ่นผมเสียใหญ่โต หาว่าผมไม่ดูแลตัวเอง ถ้าไม่อยากให้เป็นก็ดูแลผมสิ!
“ผมหายใจไม่ออก” ผมบอก มองตามร่างสูงที่ปิดหน้าต่างลงกลอนเรียบร้อย รู้สึกดีที่มาโคเป็นห่วงเป็นใย แต่อีกใจก็หน่วงหนึบไปทั่วอกข้างซ้าย
ถึงหัวใจจะเรียกร้องว่าต้องการเขามากแค่ไหน แต่ไม่รู้ทำไม ผมกลับอยากได้เวลามากกว่านี้ เหมือนตัวเองยังไม่พร้อมที่จะกลับไป ทั้งๆที่เกิดเรื่องเกิดราวมากตั้งขนาดนั้น เรายังจะสามารถกลับไปเป็นเหมือนเก่าได้อีกเหรอ
ทำไมมันถึงได้ยากจังนะชีวิต
“นอนเถอะ ถ้าพรุ่งนี้ไข้ไม่ลดฉันจะพาไปหาหมอจริงๆนะ ผ่านมาสามวันแล้วนะ เมื่อไหร่จะหาย” มาโคเดินไปปิดที่หน้าประตูห้อง เหลือเพียงไฟหัวเตียงเอาไว้ดวงเดียว ยามที่ไฟสีส้มสาดส่งกับเรือนร่างแข็งแกร่งรูปร่างได้สัดส่วนสมชายชาตรี ลมหายใจผมถึงกับขาดห้วง ว่าแต่ผม เขาเองยังไม่ใส่เสื้อนอนเลย!
อันตรายอย่างร้ายกาจ เขาเป็นเหมือนแสงไฟ ที่กำลังหลอกล่อให้ผีเสื้อราตรีที่ไม่มีอะไรโดดเด่นอย่างผมเข้าไปหา หลอกให้ลุ่มหลงมัวเมาจนยากที่จะถอนตัวถอนใจ
ยิ่งใกล้ก็ยิ่งไม่อยากถอยห่าง จะทำยังไงดี
“พี่มาร์ค...”
“หืม” มาโคสอดตัวลงในผ้าห่มผืนเดียวกับผม ดึงตัวผมเข้าไปกอดเอาไว้ ใบหน้าคมอยู่ใกล้กันไม่ถึงคืบ สัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าว คำพูดที่จะเอ่ยพลันหายวับไปกับตา สายตาคมกริบจับจ้องไม่กระพิบ ทำเอาผมประหม่าไม่กล้าสู้หน้า
“มีอะไรก็พูดสิ อยากรู้อะไรก็ถาม” มือหนาเชิยคางผมขึ้น นิ้วชี้สะกิดเขี่ยเบาๆที่ริมฝีปากแห้งผากราวกับคนขาดน้ำของผม เผลอแลบลิ้นเลียอย่างไม่ตั้งใจ คิ้วหนาของมาโคเลิกสูงก่อนจะคลี่ยิ้มที่มุมปากบางๆ
“อยากให้จูบเหรอ”
“บ้า!” คิดได้ไงว่าผมอยากให้จูบ
เอ่อ...ความจริงก็อยากนิดหนึ่ง
ผมคงไม่สบายจนเข้าขั้นเสียสติไปแล้ว
ไอ้พริก! มึงโอเคไหมวะ!!!
“หึหึ แก้มแดงเชียวนะ น่ารักวะ” ชมกันระยะใกล้แบบนี้ เอาค้อนมาทุบหัวผมเลยเถอะ
คนข้างกายกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ผมขืนตัวเอาไว้ มาโคทำหน้าสงสัย “เดี๋ยวพี่ก็ติดหวัดหรอก” พูดไปก็เจ็บคอไป ผมกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก และมาโคเองก็คงสังเกตเห็น
“เจ็บคอเหรอ ดื่มน้ำไหม” น้ำเสียงห่วงใยที่มีให้ ผมพยักหน้าเบาๆ อยากอ้อน อยากให้เขาสนใจผมมากกว่านี้
ถ้าผมจะเป็นคนที่สับสนในตัวเองขนาดนี้นะ
“รอเดี๋ยวนะ” เขาลุกออกจากที่ห้อง สักพักก็ขึ้นมาพร้อมกับน้ำผึ้งผสมมะนาวอุ่นๆ “จิบสักหน่อยจะได้โล่งคอ”
ผมทำตามอย่างว่าง่าย แต่คออักเสบเกินกว่าที่จะรู้รสชาติ ได้แต่จำใจฝืนทนจนหมดแล้ว มาโควางแก้วเปล่าไว้ที่โต๊ะข้างหัวเตียงแล้วก็สอดตัวกลับมานอนข้างๆผมตามเดิม
“สบายขึ้นไหม”
“อืม” มันแทบไม่ได้ช่วยอะไรเลย แต่ไม่อยากให้มาโคเป็นห่วงไปมากกว่านี้ ผมรู้นะ ว่าเขาโดดงานเพราะผมอีกแล้ว ไม่ว่าเมื่อไหร่เขาก็มักจะเป็นแบบนี้ ทิ้งงานเพื่อมาอยู่กับผม บอกเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง ว่าผมอยู่คนเดียวได้ ไม่อยากให้เขาเสียการเสียงานมากไปกว่านี้ ผมไม่อยากให้ใครมาว่าเขาว่าไม่มีความรับผิดชอบ
“พรุ่งนี้พี่ไปทำงานเลยนะ ไม่ต้องอยู่ดูแลผมแล้ว” ผมพูดหน้างอนิดๆ ก็ไม่รู้สึกดีหรอกนะที่เป็นต้นเหตุให้มาโคเหลวไหลน่ะ
“ก็ถ้านายหาย”
“ถึงผมไม่หายพี่ก็ควรไปทำงาน”
“คนป่วยมีสิทธิ์ทักท้วงด้วยเหรอ” มาโคทำหน้ากวนใส่ผม ผมเลยพลิกตัวหนี ไม่คุยด้วยแล้ว อยากทำอะไรทำไปเหอะ
“ไมเอาน่า ฉันขาดงานแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก แต่ถึงจะเป็นอะไรเนี่ยนะ ก็ช่างหัวมันปะไร เสียงานก็หาใหม่ได้ แต่ถ้านายเป็นอะไรไป ฉันจะหาใหม่ได้ยังไง แสบถึงทรวงแบบนี้มีคนเดียวในโลก” เหมือนจะดีแล้วนะ ทำไมผมว่ามันแปร่งๆในตอนท้ายก็ไม่รู้
“พี่มาร์ค ผม...เอ่อ ผมถามอะไรหน่อยได้ไหม” มีบางอย่างคั่งค้างใจมานานแล้ว ไม่คิดว่าจะมีวันได้ถามออกไป ถามแล้วก็กลัวคำตอบที่จะได้ แต่ผมก็ยังอยากรู้ สามวันที่อยู่ด้วยกันมาโคไม่ปริปากพูดเรื่องเก่าๆ ผมก็ไม่มีความกล้ามากพอที่จะเล่า แต่ยิ่งนานวันก็ยิ่งอยากรู้ จนต้องถาม
“ถามมาสิ” คนตัวโตชันแขนขึ้นเท้าศีรษะ มืออีกข้างก็เขี่ยผมที่หน้าผากของผมเบาๆ ก้มหน้าลงมาจูบซับที่หน้าผมไล่มาที่จมูก
จุ๊บ
ตามด้วยแก้มทั้งสองข้าง
ฟอดดดด!
ทำแบบนี้แล้วใครมันจะไปกล้าถาม!
“มีอะไรล่ะ ว่ามาสิ” พูดทั้งที่คลอเคลียอยู่กับแก้มผม
“ที่พี่คบกับผม มันเพราะอะไรเหรอ” ผมจำเรื่องที่ผ่านมาได้ดี รู้ไหมว่าผมคิดจะหัวแทบระเบิดว่าจะเข้าหามาโคยังไง เขาไม่ใช่คนธรรมดาที่ใครจะเข้าถึงตัวได้ง่ายๆ เป็นนายแบบชื่อดัง แถมยังดังในเรื่องของความหยิ่งอีกต่างหาก แต่ไม่คาดคิด เขากลับเป็นฝ่ายเข้ามาหาผมก่อน ที่ผมทำ ผมมีเหตุผลจำเป็นของผม และผมก็เชื่อว่าเขาก็มีเหตุผลเหมือนกัน
“เฮ้อ ถ้านายอยากรู้ฉันก็จะบอก แต่สัญญาได้ไหมว่าจะไม่โกรธ” มาโคทำสีหน้าหนักใจ ผมชั่งคิดก่อนจะพยักหน้า ไม่ว่ามันจะเป็นเพราะอะไรผมจะคิดว่ามันไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือมาโคอยู่ตรงนี้
อยู่กับผมที่นี่...ก็เพียงพอแล้ว
“ผมไม่โกรธหรอก”
“จะพูดยังไงดีล่ะ” มาโคนอนหงาย มือก็ดึงผมขึ้นไปนอนซบบนอก ได้ยินเสียงหัวใจมาโคเต้นเป็นจังหวะช้าๆ แต่กลับดูมั่นคง อดไม่ได้ที่จะวางมือลงบนหน้าอกข้างซ้าย มันยังเป็นของผมไหมนะ “นายจำไอ้ดีนได้ไหม” มาโคถาม
“ก็...เหมือนจะจำได้” คนที่เคยแข่งรถกับมาโค ผู้ชายที่หน้าดูกวนๆที่ทำมาโคอารมณ์ขึ้นได้ตลอดเวลา
“นั่นแหละ มันเคยเป็นเพื่อนฉัน แต่ก็มีเรื่องให้ต้องแตกหักเพราะความคิดบ้าๆของมัน...” มาโคเล่าทุกเรื่องที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเขากับดีน ผมนอนฟังนิ่ง มาสะดุดหูก็ตรงที่มาโคเคยมีแฟนมาก่อน มันไม่น่าแปลกเลย คนอย่างมาโคไม่มีแฟนสิแปลก แต่ที่ทำให้ใจผมเต้นผิดจังหวะก็เพราะได้รุ้ว่า เขารักผู้หญิงคนนั้นมาก ถึงขนาดยอมทำทุกอย่าง...
...ณิชา
เธอจะต้องสวยมากแน่ๆ มาโคถึงได้รักมากขนาดนี้
“ฉันทนให้คนอย่างมันลอยหน้าลอยตาเหมือนไม่รับรู้ความผิดไม่ได้ อย่างน้อยก็ให้มันไปยอมรับความผิดกับคนที่ยังอยู่ก็ดี น้องชายกับแม่ของณิชาต้องขาดคนที่จะเป็นเสาหลักของบ้านก็เพราะมัน และก็เพราะฉัน...” ความเศร้าสร้อยกลั่นออกมาทางคำพูด ผมเงยหน้ามอง แววตาของมาโคมีแต่ความเจ็บปวด น้ำตาผมไหลลงหยดหนึ่ง
“พี่ยังรักเธออยู่ไหม” ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เจ็บไปเลยทีเดียว จะได้เยียวยาทีเดียว
“รัก...” แค่คำสั้นๆ ผมก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ ปล่อยให้น้ำตาไหลพราก สะอื้นเบาๆ มาโคก้มหน้าลงมาจูบซับน้ำตาให้
“แต่เขาเป็นอดีตไปแล้ว ร้องไห้ทำไม ฉันรักเขาเพราะเขาเคยเป็นเพื่อนเป็นคนรักที่ดี แต่วันนี้ฉันมีนาย ฉันรักนายที่สุด มันคือความทรงจำที่สวยงาม มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะต้องเกลียดเขา” ที่มาโคพูดมามันก็ถูก แต่ผมงี่เง่าเอง อยากให้เขารักผมคนเดียว แล้วอะไรที่รบกวนใจผมจนวุ่นวายแบบนี้นะ
เพราะเขายอมบอกเลิกกับผมเพื่อผู้หญิงที่ชื่อณิชาหรือเปล่า...
“แล้วก็อย่าคิดมากว่าฉันยอมทำร้ายนายเพราะรักเขามากกว่า” มาโคพูดดักทางเหมือนจะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ “เวลานั้นฉันมาไกลเกินกว่าจะถอยกลับ แต่รู้อีกทีก็ทำหัวใจตัวเองหลุดลอยไปไกลแล้ว เสียใจไหมที่ต้องมาเจอคนอย่างฉัน
“ผมไม่เสียใจหรอก”
“แต่จำเอาไว้นะ ในฐานะคนรักหรือฐานะเมียฉัน จะมีนายคนเดียว”
“...!” เศร้าได้ไม่เท่าไหร่เขาก็ทำผมหน้าร้อน ผมยอมก็ได้...ยอมที่จะเป็น ‘เมีย’ เขา
“ฮึก งั้นผมจะเล่าเรื่องของผมให้ฟังบ้าง”
“ไม่เป็นไร ฉันไม่อยากรู้หรอก ไม่ว่านายจะทำไปเพราะอะไร ฉันไม่โกรธหรอกนะ”
โลกใกล้จะแตกแล้วใช่ไหม...ทำไมผมมองเห็นเทวดาแทนที่จะเป็นซาตานละ มาโคเคยเป็นแบบนั้นมาก่อน เขาถึงได้ดูน่าหลงใหลเอามากๆ แต่วันนี้อะไรทำให้ซาตานตัวร้ายกลายเป็นเทวดาที่แสนใจดีไปได้
ไม่เอานะ...ผมไม่อยากได้แบบนี้
เอาซาตานของผมกลับคืนมา!
………………………..
สุขสรรค์วันพ่อ รีบเข็นมาให้ก่อน เพราะจะกลับบ้านไปอยู่กับพ่อกับครอบครัวบ้างงงงงงงงง ใกล้แล้ว ใกล้จะจบเต็มที อีกนิดเดียวเท่านั้น อ๊ากกกกก!

ขอบคุณทุกคนที่รออ่านอย่างอดทนนะคะ ถ้าไม่ยุ่งมากก็อยากจะมาให้ครบร้อยมาให้บ่อยกว่านี้ จะรอว่างทีเดียวแล้วแต่งให้ครบร้อยก็คงต่ออารมณ์เรื่องลำบาก >_<

รักนักอ่านทุกคน กอดๆๆ
