DOUBLE-FACED: เสแสร้งแกล้งรัก
Chapter 35: Hold me closer for eternity…The end 50%
เหมือนได้ย้อนกลับไปในอดีตอีกครั้ง ทุกอย่างเหมือนว่าจะไม่เปลี่ยนไปจากเดิม ผู้ชายที่เดินอยู่บนแคทวอร์ค ใบหน้าที่หล่ออย่างร้ายกาจ ดวงตาสีดำลุ่มลึกดึงดูดทุกสายตาคนมอง ใบหน้าเฉยชาแต่กลับแฝงไปด้วยความเร้าร้อน ดังเปลวไฟที่หลอกล่อให้แมลงเม่าผู้โง่เขลาบินเข้าไปหา
เหมือนครั้งนั้นที่ผมได้เจอเขาจะๆเป็นครั้งแรก วันที่มาดูงานแฟชั่นโชว์กับคุณไวน์ แม้แต่ที่นั่งผมก็นั่งมุมเดิม เพราะการจัดเก้าอี้ล้อมรอบแคทวอร์คไม่ได้ต่างจากครั้งนั้นมากเท่าไหร่
สายตาของผมจับจ้องมาโคแทบไม่กระพริบ ภาพเก่าๆแล่นเข้ามาในหัว จนเผลอฉีกยิ้มโดยไม่รู้ตัว จังหวะที่มาโคหันกลับมา ทำให้สายตาของเราสอดประสานกัน เขากระตุกยิ้มมุมปากแสนเท่ ถ้าไม่สังเกตก็คงไม่เห็น แต่กลายเป็นว่าผู้หญิงหลายคนส่งเสียงกรี๊ดกันเบาๆ แน่ละ พวกเธอเหล่านั้นก็คงจ้องผู้ชายตรงหน้าแบบไม่วางตาเช่นกัน ไม่อย่างนั้นจะเห็นเหรอ
ผมเคยบอกความลับกับทุกคนไปหรือยัง...ผมเองก็จำไม่ได้ ถ้าไม่ได้บอกผมก็จะบอก แต่ถ้าบอกแล้ว ผมก็จะบอกอีกรอบหนึ่ง
ความลับของผมคือ...
ผมน่ะนะ
...ตกหลุมรักมาโคตั้งแต่ครั้งนั้นแล้วล่ะ
เพยงแวบที่สบตา ผมก็รู้เลยว่าหัวใจตัวเองไม่เป็นของผมอีกต่อไป
ฟังดูงี่เง่าจริงไหมครับ
แต่ว่า...เวลาคนตกหลุมรักน่ะ ... โทษแรงโน้มถ่วงไม่ได้ จริงมั้ยล่ะ (ต้องโทษคนขุดหลุม)
ความลับอาจไม่เป็นความลับอีกต่อไป แต่ผมสัญญาเลยว่าจะปิดมาโคให้มิดที่สุด พวกคุณก็อย่าไปบอกเขากันล่ะ แค่นี้ก็ได้ใจเกินไปแล้ว
“เหม่ออะไร คิดถึงใครอยู่หรือไง” มาแล้วครับน้ำเสียงดุๆ ไม่มีอะไรมากหรอก เพียงแค่เขางอนผมนิดหน่อยเท่านั้นแหละ คิดว่าจะหายงอนตั้งแต่ตอนที่อยู่ลนแคทวอร์คแล้วซะอีก
“แล้วถ้าผมคิดถึงคนอื่นละ” ผมย้อนถาม มาโคหน้ายับโดยไม่ต้องขยำ น่าขำจริงๆ ผมก็แค่เล่าเรื่องที่แจ็กกี้มาขอคุยด้วยวันนั้นให้ผมฟัง ทีแรกก็กะว่าจะไม่อบกหรอก แต่คิดอีกทีบอกดีกว่า เพราะผมบริสุทธิ์ใจถึงได้บอก เกิดมาโคไปรู้ที่หลัง ผมนี่แหละจะเละ
หลังจากที่ผมบอกเขาไปแล้ว มาโคเงียบอยู่นาน แต่แล้วผมก็รับรู้ได้ถึงความไม่พอใจจากสายตาของเขา ตามมาด้วยน้ำเสียงเย็นเหยียบ
‘ไปคุยกับมันทำไม!’
ผมไม่ได้พาดพิงถึงพอร์ช ถ้ามาโครู้ว่าพอร์ชเป็นคนบอกให้ผมไปคุยกับแจ็กกี้ มาโคคงตามไปอาละวาดใส่พอร์ชแน่ๆ
‘ก็แค่อยากให้เรื่องราวมันจบ…’
‘มันก็จบไปตั้งนานแล้วนี่!’ มาโคสวนควับ ผมลอบถอนหายใจเบาๆ เล่นไม้อ่อนไม่ได้ผล คงต้องใช้ไม้แข้งแล้วแหละ
“ถ้าพี่ไม่ไว้ใจผม ผมก็ไม่มีอะไรจะพูด ผมไม่อยากปิดพี่ แต่พี่กลับมาโมโหใส่ผม ไม่คิดว่ามันเป็นการทำร้ายจิตใจกันไปหน่อยเหรอ” เสียงผมสั่น ไม่ใช่เพราะว่ากำลังจะร้องไห้ ไม่ใช่เลย ‘แล้วทีพี่ละ พี่กับผู้หญิงคนนั้น ผมยังไม่ว่าอะไรเลยด้วยซ้ำ’
ทั้งหมดมันเป็นการแสดง ยิ่งได้เห็นสีหน้าเหมือนตกตะลึงพิลึกกึกกือของมาโคที่คงคิดไม่ถึงว่าผมจะมาไม้นี้ ก็ยิ่งอยากจะขำ อาการตัวสั่นเสียงสั่นของผมมันก็เกิดจากการกลั้นขำนั่นเอง
ตลกชะมัด
‘ไม่ได้หมายความว่าแปบบนั้นสักหน่อย ฉันกับยัยนั่นไม่เคยเป็นอะไรกัน แต่นายกับแจ็กกี้...โธ่เว้ย! เข้าใจฉันไหมเนี่ย ฉันไม่อยากให้นายคุยกับมัน ไม่ได้บอกว่าไม่ไว้ใจ ไม่ชอบๆนะ เข้าใจไหม’ พูดจบก็กระแทกตัวนั่นกับโซฟาบ้านผม หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ อย่างน้อยๆ นี่ก็เป็นพฤติกรรมนึงที่ผมรู้ว่าเขามักจะทำเวลาที่น้อยใจ หรือไม่ก็เตรียมจะงอแง เขามันเป็นผู้ชายตัวใหญ่ที่นิสัยไม่ต่างอะไรจากเด็กเอาแต่ใจเลยสักนิด
สุดท้ายเขาก็ไม่ได้หาเรื่องผมต่อ แค่มีอาการงอนเท่านั้น
งอแงมาจนถึงวันนี้ ซึ่งผ่านมาสี่วันแล้วครับ
“ไม่ขำ ไป...กลับได้แล้ว” เขาพากเสื้อสูทสีดำไว้กับไหล่ ก่อนจะพาดแขนกับพาผม โอบพาไปที่รถ ถึงเขาจะงอนผม แต่เขากก็ปฏิบัติต่อผมดีทุกอย่าง น่ารักชะมัดเลยแฟนใครไม่รู้
และข้อดีของการที่เขางอนก็คือ เขาไม่แตะต้องผมเลย แค่กอดเท่านั้น ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวข้องกันหรือเปล่านะ แต่มันทำให้ผมสบายตัวมาเลยละ ไม่ต้องปวดเอวเป็นไข้จากการหกโหมของใครบางคนแถวนี้
ขากลับบ้านเราแวะหาอะไรกินรองเท้าก่อน ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องจัดงานดึกขนาดนี้ ห้าทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว กินข้าวรอบดึกเสร็จ ขึ้นรถได้ผมก็หลับแทบจะทันที วันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน ทั้งเรียน ทำงานพิเศษแล้วก็มาดูมาโคเดินแบบเนี่ยแหละ
ผมหลับสนิทจนไม่รู้ว่ามาถึงบ้านเมื่อไหร่ แต่รู้สึกตัวตอนที่รู้ว่าตัวผมโคลงเคลงแบบแปลกๆ เหมือนจะลอยได้ ที่แท้คือว่าโคกำลังอุ้มผมเข้าบ้าน ผมตกใจนิดหน่อย ตั้งสติได้ก็ค่อยๆเลื่อนมือไปคล้องคอมาโคไว้
“ผมเดินเองก็ได้” ปากบอก แต่กลับซบหน้าลงกับซอกคอที่มีกลิ่นหอมสุดเซ็กซี่ ถึงจะดูเป็นคนห่ามๆ แต่เข้าก็อ่อนโยนได้อย่างไม่น่าเชื่อ หรือในตอนนี้ที่เขากำลังงอนผมอยู่ขณะนี้ ก็ยังคงดีต่อผม
เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องดีๆอันดับแรกๆที่เราได้บทเรียนจากความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ผมและมาโคเลือกที่จะทำดีต่ออีกฝ่ายให้มากๆ ทะเลาะกันให้ตายยังไงก็ต้องหันหน้าคุยกัน ต้องดูแลซึ่งกันและกัน และต้องปฏิบัติเหมือนวันที่เรารักกันปานจะกลืนกิน เอาง่ายๆว่า ไม่ว่าเราสองคนจะตกอยู่ในสถาการณ์ไหนเราทั้งคู่ต้องดูแลและรักอีกฝ่ายเหมือนเดิม ห้ามเปลี่ยนแปลง เว้นแต่ว่าวันหนึ่งใจของใครคนใดคนหนึ่งจะเปลี่ยนไป อันนั้นคงห้ามกันไม่ได้
“นายขี้เซา ขี้เกียจปลุก”
“เหรอออ” ผมลากเสียงยาว แอบลอบยิ้มดีใจ สงสัยคืนนี้คงต้องงอมาโคน่อยละ ทำตัวน่ารักขนาดนี้ ไม่ให้รางวัลคงไม่ได้ จริงไหมครับ
ทำไมถึงได้อึมครึมขนาดนี้นะ ถ้าจะมานั่งจ้องหน้ากันแค่นี้ ผม่าคงพอแล้วมั้ง ไม่เห็นจะพูดอะไรกันสักคำ รออะไรอยุ่ พวกเขาไม่รู้หรือไงว่ามันทำให้ผมลำบากใจมากแค่ไหน
“เฮ้อ” ผมถอนหายใจลอบที่ล้านเห็นจะได้ วันหยุดทั้งที แทนที่จะได้นอนพักผ่อนยาวๆ กลับต้องตื่นมานั่งรับแขกคนคุ้นเคย ดูเหมือนอีกฝ่ายจะมีธุระถึงได้ตามมาหาผมที่บ้านแบบนี้ ไม่รังเกียจเลยที่จะเชื้อเชิญให้คุณไวน์เข้ามาในบ้าน ครั้งหนึ่งเขาก็เคยถือครองบ้านหลังนี้แทนผม
แต่คุณรู้อะไรไหม คุณไวน์ไม่ได้มาหาผม เขามาหามาโค รายนั้นยังไม่ตื่นดี ผมต้องขึ้นไปปลุกเขาลงมาในสถาพหัวฟูหน้ายังไม่ล้าง แต่ก้ยังคงดูดีอยุ่ อย่าๆ ผมไม่ได้พูดเกินจริงแม้แต่นิดเดียวนะ
“ถ้าไม่คิดจะพูดคุยกันก็แยกย้ายเถอะครับ ผมเกร็ง” ผมเลือกที่จะบอกตรงๆ ทนอึดอัดต่อไม่ได้ ถ้าทั้งคู่ยังมองหน้ากันแล้วก็หยั่งเชิงกันไปมาแบบนี้
“ไปเดินเล่นข้างนอกก่อนไปพริก ฉันขอคุยกับหมอนี่เป็นการส่วนตัว” ในตที่สุดคุณไวน์ก็เอ่ยพูดความจำนนของตัวเอง ผมถอยหายใจอีกครั้ง
“ผมรู้ไม่ได้เหรอครับ” ผมถาม เพราะอยากรู้ คุณไวน์ส่ายหน้าช้าๆ ผมก็เข้าใจได้ในทันที
“ไม่ต้องไปหรอก ฉันจะไม่มีความลับกับนาย” มือของเขาคว้าแขนผมเอาไว้ ผมหันกลับไปมองหน้าคนทั้งคู่สลับกัน
“ไม่เป็นไรหรอก ผมออกไปหาซื้อขนมกินดีกว่า”
“แต่...”
“พี่คุยกับคุณไวน์ไปเถอะ ค่อยมาบอกผมทีหลังก็ไม่สาย”
“อืม...ตามใจ”
ผมยิ้มให้มาโคทีหนึ่งก่อนจะเดินออกมา ไม่ใช่ว่าไม่อยากรู้ว่าคุณไวน์อยากคุยเรื่องอะไรกับมาโค อาจจะเดาได้ไม่ยาก เรื่องเดียวที่ทำให้ทั้งคู่เกี่ยวกันได้ คงเป็นเรื่องภรรยาของคุณไวน์ หรือกิ๊กเก่าของมาโคนั่นเอง มาโคอาจจะไม่มีอะไรปิดบังผม ผมเชื่อในความรู้สึกของเขา ผมเลือกที่จะเชื่อใจเขา
แต่กับคุณไวน์ บางมันคงจะไม่ใช่เรื่องที่ผมควรรู้ เพราะอย่างนั้น ผมออกมาก่อนดีกว่า อยากรู้อะไรค่อยถามเอากับมาโคอีกที ว่าแต่...ผมจะไปไหนดีล่ะ
เดินไปเรื่อยๆจนถึงร้านที่ผมทำงานพิเศษ วันนี้ผมขอหยุด เพราะมาโคเองก็ไม่มีงาน นานๆจะได้อยู่ด้วยกันแบนี้ ไม่นับร่วมช่วงเวลานอนนะ บางทีผมรู้สึกว่า อยากอยู่กับเขาเยอะๆ อยากอยู่ด้วยนานๆ ทดแทนช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดที่เราต้องห่างกัน และใช้เวลาร่วมกันที่จะศึกษากันและกัน เรียกได้ว่าความรักของเรากำลังไปได้สวย ผมไม่อาจรู้ได้หรอกว่าอนาคตพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น แค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอ
“อ้าวพริก ไปไงมาไง หยุดไม่ใช่เหรอ” พี่แนนถามด้วยความสงสัย ผมเลือกนั่งที่เก้าอี้ใกล้ๆเคาน์เตอร์
“พอดีมาโคมีแขกน่ะครับ ผมเลยออกมาเดินเล่น” ผมยักไหล่เบาๆ “ขอโกโก้ปั่นแก้วหนึ่งสิครับ”
“ได้จ้า รอแปบหนึ่งนะ” พี่แนนยิ้มกว้างให้ผมก่อนจะลงมือทำ ผมมองรอบๆร้านไปเรื่อย พลันสายตาพบกับคนร่างสูงในชุดทำงานเรียบร้อย เสื้อเชิ๊ตสีฟ้าอ่อนทำให้อีกฝ่ายดูเป็นผู้ชายที่อบอุ่นยิ่งกว่าที่เคยเป็น
“พริก...” พี่ต่อยิ้มกว้างทักผม ผมยิ้มตอบ ไม่คิดว่าวันนี้จะได้เจอ ตั้งแต่ที่มาโคมาแสดงตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าขอผมที่นี่ พี่ต่อก็ไม่ค่อยได้มากินอะไรที่นี่เท่าไหร่ บางทีพี่เขาอาจจะยุ่งเลยไม่ค่อยได้มา หรือจะเหตุผลอะไรก็ตามแต่ มันทำให้ผมเจอพี่เขาน้อยลง
ผมเปล่าอยากเจอพี่ต่อนะ แค่คนรู้จักที่ไม่เห็นหน้ากันก็ย่อมต้องสงสัยเป็นธรรมดา ยังไงผมก็ให้พี่ต่อเป็นได้แค่เพื่อน เพราะผมมารุ้เอาทีหลังว่าพี่ต่อเขาเหมือนจะชอบผม คนที่เป่าหูผมให้คล้อยตามก็ไม่ใช่ใครที่ไหน สามีตัวดีของผมนั่นเอง!
“เราไม่ค่อยได้เจอกันเลยเนอะ” พี่ต่อชวนผมคุย
“ก็ช่วงนี้พี่ไม่ค่อยได้แวะมานี่ งานเยอะเหรอครับ” ผมถามกลับ รับแก้วโกโก้จากพี่แนน พี่เขามองหน้าผมแบบมีนัย พยักเพยิดหน้าไปทาพี่ต่อ ผมส่ายหน้าเบาๆว่าไม่มีอะทั้งนั้นแหละ ก่อนจะส่งสายตาว่าห้ามบอกมาโค ผมจะไม่มีเพื่อนมีพี่เป็นผู้ชายล่ะ เพราะรายนั้นแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ชอบให้ผมพูดคุยสนิทชิดเชื้อกับคนเพศผู้ ถามหน่อยนะผมไม่ใช่เพศผู้หรือไง ทำยังกับผมเป็นผู้หญิงงั้นแหละ น่าขำสิ้นดี
“ก็ประมาณนั้น อีกอย่าง พี่อยู่ในช่วงทำใจน่ะ” พี่ต่อก้มลงจดเมนูลงในกระดาษแผ่นเล็ก ลุกขึ้นเดินเอาใบไปยื่นให้พี่แนน แล้วก็กลับมานั่งลงตรงข้ามผมอย่างเดิม
“ทำใจเรื่องอะไรเหรอครับ” ผมถามโดยไม่ทันได้ฉุกคิดอะไร ถ้าคิดสักนิดผมคงไม่ถาม
“เรื่องที่คนที่พี่ชอบดันมีแฟนแล้วไง เฮ้อออ”
รู้เลยว่าหมายถึงใคร ผมยิ้มแห้งๆ ก้มหน้าดูดโกโก้ในแก้มปืดใหญ่ ไม่น่าหาเรื่องเลยเรา
“แล้ววันนี้ไม่ทำงานเหรอ” คงจะเห็นว่าผมอึดอัดไม่ใช่น้อย พี่ต่อเลยพูดเปลี่ยนเรื่องเองทันที จนผมนึกขอบคุณความฉลาดของพี่เขาในใจ
“ไม่ครับ วันนี้หยุด”
ผมกับพี่ต่อคุยกันอีกคำสองคำ พี่ต่อก็ขอตัวกลับไปทำงาน ผมนั่งเล่นต่ออีกเกือบชั่วโมง แต่ไม่มีวี่แววว่ามาโคจะโทรมาตาม คงคุยกันเสร็จแล้วมั้ง และผมก็อยากกลับบ้านแล้วด้วย
ลุกขึ้นจ่ายเงินแล้วก็ตรงกลับบ้าน รถคุณไวน์ไม่อยู่แล้ว ผมยืนงงๆอยู่หน้าบ้านตัวเองประมาณห้าวินาที พอเดินเข้าไปในบ้าน ก็เจอมาโคนั่งก้มหน้านิ่งอยู่ บรรยากาศในบ้านเงียบแปลกๆ ผมเดินเข้าไปนั่งใกล้ๆ แต่เขาแทบไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าผมกลับมาแล้ว ผมจึงแตะมือลงบนไหล่กว้าง ได้ผม มาโคสะดุ้งนิดหน่อยเหมือนรู้สึกตัว แล้วก็หันมาหาผมช้าๆ
“พี่มาร์ค เป็นอะไรหรือเปล่า” ผมถามเพราะเห็นสีหน้าเขาไม่ดีเลย คุยเรื่องอะไรกัน มาโคถึงได้มีสภาพแบบนี้ แววตาดูเลื่อนลอย มีน้ำคลออยู่ข้างในเหมือนจะร้องไห้แต่ก็ไม่ได้ร้องออกมา เนื้อตัวเกร็งเครียด ผมขยับเข้าไปกอดด้วยความเป็นห่วง “บอกผมได้ไหม”
...ขอแค่ไว้ใจ ผมยินดีรับฟังอยู่อย่าง…
“พริก...ฉันขอโทษ” ในที่สุดมาโคก็พูด แต่ผมไม่เข้าใจ เขามาขอโทษผมอะไร
“เรื่องอะไร”
“ฉัน...ฉันมันเป็นคนเลว เลวแบบที่ไม่น่าให้อภัย” มาโคพูดเหมือนคนไม่มีสติ ผมยิ่งกอดเขาแน่นขึ้น ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ต่อไปนี้ถ้านายจะเกลียดฉัน จะเดินออกจากชีวิตฉันไป ฉันก็จะไม่ว่านายสักคำ นายไม่ควรจะมาอยู่กับคนแย่ๆแบบนี้”
“ไม่! พี่พูดอะไร ไม่เอา ไม่พูดแบบนี้” ผมทนฟังไม่ได้ ทำไมต้องพูดเหมือนจะให้ผมไปไกลๆ ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ผมจะอยู่กับเขา
มาโคขยับมากอดผมไว้ แน่นเหลือเกิน จนเกือบจะหายใจไม่ออก แต่ผมไม่ได้ร้องห้าม กลับยินดีให้เขาบดขยี้กระดูกผมให้แตก ถ้าเพียงแค่เขายังกอดผมเอาไว้ไม่ปล่อย
“คุณไวน์เขามาบอกอะไรพี่เหรอ บอกผมได้ไหม ไหนพี่บอกว่าเราไม่มีความลับต่อกันไง” ผมทวงคำพูดที่มาโคเคยพูดไว้
มาโคเงียบไปนาน นานมาก ผมรออย่างใจเย็น เขากำลังอ่อนแอแบบที่ผมสัมผัสได้ ตัวของเราสั่นไหว
กำลังร้องไห้...
“เขามาบอกฉันว่า...”
“...”
“ลูกของเขากับผู้หญิงคนนั้น...เป็นลูกฉัน!”
“...!!!!!!”
……………………
ยังไม่จบ และไม่ดราม่า อย่าเพิ่งเครียดกันไปนะ ไม่ดราม่าแน่นอนจ้า ครึ่งหลังริริยังแต่งไม่เสร็จ เมื่อวานซ้อมเต้นถึงเที่ยงคืน กลับมาแค่อาบน้ำได้นี่ก็บุญมากแล้ว เลยหลับแทบจะทันที ติดไว้ก่อนครึ่งหลังนะคะ ไม่โกรธกันนะ ริริพยายามหาเวลาว่างแต่งให้แล้วจริงๆ แต่อะไรๆก็ไม่เป็นไปตามคาดในช่วงนี้ หงุดหงิดตัวเองเหมือนกันที่ทำไมได้อย่างที่บอกไว้ว่าจะมาให้ครบ เฮ้อออ ขอโทษจริงๆนะคะ เข้าใจเข้าหน่อยน้า