ความจริง (ในใจ)
“เจ้าองครักษ์บ้า เจ้ามาทำอะไรอยู่ที่นี่กัน” ร่างอวบแหวลั่นทันที่ที่เดินมาถึงโรงครัว
“ข้าน้อยมาทำงานตามหน้าที่ขอรับ” คนหน้านิ่งตอบทั้งที่ยังคงก้มหน้าก้มตาผ่าฝืน โดยไม่สนใจคนมาใหม่
“หน้าที่ หน้าที่อะไรกัน” ซิ่วหมิ่นเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ
“หน้าที่ของเชลย อย่างไรเล่าขอรับ” เฉินยังคงตอบโดยที่ไม่ยอมมองหน้าเช่นเดิม
“ทำไมเจ้าถึงไม่ยอมมองหน้าข้า!!!” ร่างอวบแหวลั่น ทำเอาคนงานที่ทำงานอยู่ในโรงครัวมองทั้งสองเป็นตาเดียวแต่ก็ไม่มีใคร
กล้าพูดอะไร แน่ล่ะ ใครๆก็รู้ว่าท่านชายเอาแต่ใจแค่ไหน ซ้ำท่านอ๋องยังทั้งรักทั้งเอาใจ การขัดใจท่านชายน่ะ ยิ่งกว่าหายนะซะอีก เจ้าเชลยนั่นรนหาที่ตายแท้ๆ
“พวกเจ้าออกไปหมด ถ้าข้าไม่อนุญาต ห้ามใครเข้ามาเด็ดขาด” ร่างอวบสั่งเสียงเฉียบ
“เจ้าจะไปไหน” ตะคอกถามคนหน้านิ่งลั่นเมื่อเห็นว่าใครอีกคนกำลังจะเดินออกไป
“ข้าน้อยจะออกไปตามคำสั่ง ท่านชาย ขอรับ”
“ไม่ต้อง ข้าไม่ได้สั่งให้เจ้าไป”
เมื่อเหลืออยู่เพียงสองคน คนร่างอวบจึงเริ่มต้นเอ่ยถามทันที
“เจ้าเป็นอะไร”
“ข้าน้อยไม่ได้เป็นอะไร ขอรับ เพียงแต่ทำตามหน้าที่ของเชลยเท่านั้น” เฉินตอบเสียงเรียบ
“แต่หน้าที่ของเจ้าคือคอยรับใช้ข้า”
“ถ้าเช่นนั้น เชิญท่านชายกลับห้องเถอะขอรับ เดี๋ยวข้าน้อยจะตามไปรับใช้” คำพูดที่ห่างเหินนั่นยิ่งทำให้ร่างอวบตัวสั่นเทิ้ม ด้วยความไม่พอใจ
“เฉิน ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง เจ้าเป็นอะไร ทำไมเจ้าไม่พูดกับข้าเหมือนเดิม”
“ข้าน้อยบอกท่านไปแล้ว ว่าข้าน้อยไม่ได้เป็นอะไร แต่เพียงทำหน้าให้สมกับฐานะตนเองเท่านั้น ข้าน้อยเป็นเพียงสามัญชนซ้ำยังเป็นเชลยศึก คงไม่เหมาะนักที่จะใช้คำพูดที่ดูสนิทสนม กับท่านชายจนเกินไป ”
“หึ เจ้าเพิ่งรู้ตัวหรือ ว่ามันไม่เหมาะสม เพิ่งรูหรือไง!!”
“ที่ผ่านมาข้าน้อยต้องขออภัยด้วยที่ล่วงเกิน หากว่าท่านชายจะลงโทษข้าน้อยก็ยินดี”
ซิ่วหมิ่น ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจสักนิดว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพียงแค่เวลาชั่วข้ามคืน ทำไมอีกฝ่ายถึงเปลี่ยนไปได้มากถึงเพียงนี้ เขายอมรับ ยอมรับว่าเมื่อก่อนเคยโกรธ และไม่พอใจที่ถูกพูดจาหยอกล้อ ทั้งที่อีกฝ่ายเป็นเพียงสามัญชน แต่ตอนนี้ ทำไม หัวใจเขาถึงเจ็บปวดกับสิ่งที่คนตรงหน้าพูดนักนะ
“เจ้ามันน่าตายนัก เจ้ารู้หรือไม่ว่า โทษของการลบหลู่เบื้องสู มีสถานเดียวคือตาย!!!”
“คุกเข่าลงซะ!!”
กล่าวจบ ร่างอวบก็แย่งกระบี่ ของคนหน้านิ่งมาไว้ในมือก่อนจะพาดกระบี่เข้าที่ต้นคอของคนตรงหน้า แม้ไม่ได้ออกแรงแต่เพราะความคมของกระบี่ทำให้เลือดเริ่มไหลซึมออกมาจากต้นคอของเฉิน แต่คนหน้านิ่งกลับไม่มีสีหน้าหวาดกลัวแม้แต่น้อย
“เจ้ายอมตายงั้นหรือ”
“หากว่ามันคือความประสงค์ของท่าน ข้าน้อยก็ยินดีตาย!!” เฉินตอบอย่างหนักแน่น
“เจ้ามัน…” ซิ่วหมิ่น สบถลั่นพลางออกแรงกดมากขึ้น แต่คนหน้านิ่งก็ยังไม่มีท่าทีหวาดกลัวเช่นเดิมแม้ว่าตอนนี้เลือดสีแดงฉานก็ออกมามากแล้วก็ตาม
เคว้ง!!!
กระบี่คมถูกโยนออกไปอย่างไม่ไยดี ก่อนที่ร่างอวบจะโผเข้ากอดคนที่คุกเข่าอยู่แน่น ใบหน้าน่ารักที่มักจะประดับด้วยรอยยิ้มเสมอกลับเต็มไปด้วยน้ำตา
“เจ้าบ้า เจ้าองค์รักษ์งี่เง่า ทำไมเจ้าถึงไม่สู้ ทำไมเจ้าถึงต้องยอมตาย เจ้าบ้าไปแล้วหรือไง” ซิ่วหมิ่นบอกทั้งน้ำตา มือบางทุบลง
ที่แผ่นหลังของอีกคนเพื่อระบายความอัดอั้น
“เพราะข้าน้อยผิด ผิดที่อาจเอื้อมในสิ่งที่ตนเองไม่คู่ควร”
“อาจเอื้อมอะไรกัน เจ้าพูดเรื่องอะไร”
“ท่านชาย ขออภัยหากข้าน้อย เคยล่วงเกินและกระทำสิ่งที่ไม่ควรกับท่าน แต่ที่ทำไปทั้งหมด เป็นเพราะ ข้าไม่อาจห้ามใจของตัว
เอง ข้าไม่อาจหักห้ามหัวใจไม่ให้ รัก ท่านได้ ท่านชาย ข้ารักท่าน ”
“เจ้า เจ้าพูดอะไรออกมา รู้ตัวหรือเปล่า”
“หากว่าคำรักที่มอบให้ ทำให้ท่านไม่พอใจข้าน้อยก็ยินดีตาย ขอรับ”
“เจ้าบ้า!! ใจคอเจ้าจะตายให้ได้เลยใช่ไหมห่ะ เจ้าบ้า ข้าจะทุบเจ้าให้ตายเลย” ซิ่วหมิ่นสบถลั่นพลางทุบกำปั้นเล็กๆของตัวเองลงบนอกแกร่งอย่างเอาเป็นเอาตาย
“คิกๆๆ เจ้าบ้าเอ้ย ”
“ท่านชายท่านหัวเราะอะไร” เฉินเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
“เจ้าบ้าก็ ก็เจ้า พูดอะไรเมื่อครู่นี้กันเล่า”
“ข้าพูดว่า ข้ารักท่าน”
“คิกๆๆ เจ้าบ้านี่ ข้าน่ะ ข้า…” ซิ่วหมินพูดไปก็ทุบอกแกร่งไปด้วยแต่ก็ไม่ได้จริงจังนัก
“ท่านไม่โกรธข้าหรือ”
“ทำไมข้าต้องโกรธเจ้าด้วย ข้านึกว่าชาตินี้จะไม่ได้ยินเจ้าพูดคำนี้แล้วรู้ไหม เจ้าองค์รักษ์งี่เง่า!!” ร่างอวบบอกพลางซุกหน้าลงบนอกกว้างเพื่อซ่อนความเขินอาย
“ท่านชาย”
“ยังเรียกข้าแบบนั้นอีก ถ้าเจ้าไม่เรียกข้าเหมือนเดิม ข้าจะโกรธเจ้าจริงๆแล้วนะ” ร่างอวบขู่
“ซิ่วหมิ่น เจ้าไม่โกรธข้าหรือ”
“โกรธสิ โกรธมาก ข้าโกรธ โกรธที่เจ้าปล่อยให้ข้านอนคนเดียว โกรธที่เจ้าไม่ปลุกข้า ไม่กินข้าวพร้อมข้า ยิ่งโกรธมากที่เจ้าพูดจา
ห่างเหินกับข้า ”
“ถ้าเช่นนั้น เจ้าก็รักข้าเช่นกัน ใช่ไหม ซิ่วหมิ่น” เฉินเอ่ยถามเสียงแผ่ว
“เจ้าโง่!! ข้าทำถึงขนาดนี้แล้วเจ้ายังไม่รู้อีกหรือ ว่าข้าน่ะ รักเจ้า นะ เจ้าองค์รักษ์งี่เง่า”
“แต่ว่าเจ้าเป็นถึงท่านชาย ข้าก็เป็นเพียงแค่เชลย”
“เหอะ ข้าน่ะเป็นคนเอาแต่ใจ อยากได้อะไรก็ต้องได้ ข้าไม่เคยสนใจกฎบ้าบอพวกนั้นหรอก ถ้าข้าพอใจใครก็ห้ามข้าไม่ได้” ร่างอวบบอกอย่างคนเอาแต่ใจ เรียกรอยยิ้มจากคนหน้านิ่งได้มากโข ก่อนที่เฉินจะสวมกอดร่างอวบแน่น
“ข้ารักเจ้านะซิ่วหมิ่น แม้ชีวิตของข้า จะมอบให้อ๋องน้อยและแคว้นเยว่ไปแล้ว แต่หัวใจของข้า ข้าขอมอบมันให้เจ้าได้หรือไม่”
เฉินบอกพลางกดจูบลงบนกลุ่มผมนุ่ม เขาดีใจ ดีใจเหลือเกินที่ซิ่วหมิ่นไม่ได้รังเกียจเขา วันข้างก็ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของวันข้างหน้าเถอะ เขาไม่อยากเก็บมันมาใส่ใจอีกแล้ว แค่วันนี้ เวลานี้ เขามีเจ้าร่างอวบนี่อยู่ในอ้อมกอดก็พอแล้ว
“ซิ่วหมิ่นข้ามีเรื่องอย่างนึง อย่างจะบอกเจ้า”
“อะไร”
“ข้าว่าต่อไปเจ้าควรเข้มงวดเรื่องการกินนะ เพราะข้ารู้สึกว่าเจ้าจะตัวหนักขึ้นอีกแล้ว”
“เจ้าบ้า นี่เจ้าว่าข้าอ้วนหรือ เจ้าตายซะเถอะ ย๊ากกกกก”
เสียงเอะอะโวยวายดังลั่นออกมาจากโรงครัว ทำเอาเหล่าคนงานได้แต่ส่ายหน้ากับชะตากรรมของเชลยผู้นั้น ป่านนี้ไม่รู้ว่าโดนท่านชายสับเป็นชิ้นๆแล้วหรือยัง เฮ้อ….
……………………
……………..
………..
….
.
ร่างเพรียวลืมตาขึ้นมาในช่วงสายของอีกวันก่อนจะบิดขี้เกียจเบาๆเพื่อไล่ความเมื่อย เพราะเมื่อคืน มัวแต่ระแวงคนร่างสูงก็เลยไม่อาจข่มตาหลับได้กว่าจะได้นอนก็เกือบรุ่งสาง ซ้ำยังนั่งหลับอีกต่างหาก เสี้ยวหน้าคมของคนที่นอนอยู่ทำให้ จื่อเทาลอบถอนหายใจ
“ทำไม ต้องเป็นเจ้านะ” จ่างเพียวบ่นกับตนเองเบาๆ
ใช่ ทำไม
ทำไม รอยยิ้มและแววตาคมนั่น ช่างอบอุ่นและคุ้นเคย มากเหลือเกิน
ทำไมต้องเป็นคนๆนี้ ที่เขาใจเต้นแรงเวลาได้อยู่ใกล้
ทำไม ต้องเป็น อู๋ อี้ ฟาน
คนที่ทำลายทุกอย่างของเขา
ทั้งๆที่ควรจะเกลียด แต่ จื่อเทากลับ ปฏิเสธไม่ได้ว่า เขาไม่ได้รู้สึก “เกลียด” คนๆนี้ อย่างที่ปากบอกสักนิด
..............................TBC..........................
ไอ้คู่รองน่ะ มันไม่มีอะไร แค่หาเรื่องตื่นเต้นให้ชีวิตคู่ ครึๆๆ
