คนรับใช้
ก๊อกๆๆๆ
“เฉินเจ้าอยู่ที่นี่หรือไม่ ตอบข้าด้วย เฉิน” เสียงเรียกที่หน้าประตูทำให้องครักษ์หน้านิ่งตื่นอย่างรวดเร็ว เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างกลับต้องส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใน นี่เขานอนตื่นสายขนาดนี้เลยหรือ
“อื้อออ” เสียงครางที่ดังอยู่ใกล้ๆทำให้องครักษ์หน้านิ่งต้องก้มมองร่างอวบที่นอนซุกอกเขาตั้งแต่เมื่อคืน
หึ ท่านชายน้อย ไหนบอกว่าไม่อยากใกล้ข้ายังไงเล่า
แม้ไม่ได้เอ่ยปากแต่มุมปากที่ไม่เคยมีรอยยิ้มกลับอมยิ้มน้อยๆให้กับท่านอนของคนในอ้อมกอด
“เฉิน เจ้าได้ยินหรือ” แต่เสียงที่ดังอยู่ข้างนอกทำให้องคร์รักษ์แห่งแคว้นอู๋ รู้สึกตัว นี่เขาเป็นอะไรไป ทำไมถึงรู้สึกดีที่มีเจ้านี่มานอนทับอก
“ขอรับอ๋องน้อย” องครักษ์หนุ่มขานรับก่อนจะออกไปเปิดประตูให้ผู้เป็นนายแต่ก่อนไปก็ยังไม่วายห่มผ้าให้เจ้าคนขี้เซาที่ยังหลับอุตุอยู่
“เฉิน” จื่อเทาเอ่ยเรียกองค์รักษ์คนสนิททันทีที่เข้ามาในห้อง
“ข้าน้อยสมควรตาย ขอรับ ข้าน้อยช่วยท่านไม่ได้ ได้โปรดลงโทษข้าเถิดขอรับ” องครักษ์หนุ่มเอ่ยปากพลางคุกเข่าเพื่อรอรับโทษ
“ลุกขึ้นเถอะ เจ้าจะให้ข้าฆ่าเจ้าหรือไง เวลานี้เจ้ากับข้ามีฐานะไม่ต่างกัน แถมในแคว้นอู๋เราก็มีกันแค่สองคนถ้าข้าฆ่าเจ้า ข้าจะคุยกับใครเล่า เจ้าองครักษ์ทึ่ม” จื่อเทาเอ่ย ก่อนจะตบบ่าคนสนิทไปด้วย
“แต่ข้าน้อย..”
“ลุกขึ้นๆๆ เจ้านี่ยังไงกัน ข้าสั่งให้เจ้าลุกขึ้นเดี๋ยวนี้!!” จื่อเทาบอกด้วยน้ำเสียงวางอำนาจที่อ๋องน้อยมักใช้เวลาที่ฝึกทหาร ทำให้เฉินต้องรีบลุกขึ้นเพราะว่า อ๋องน้อยกำลังโกรธแล้ว
“ข้าดีใจนะ เฉินที่อย่างน้อยที่สุด ข้าก็ยังมีเจ้าอยู่เป็นเพื่อน” อ๋องน้อยยิ้มกว้างก่อนจะจับมือกับองค์รักษ์แน่น สำหรับจื่อเทาเฉินไม่ได้เป็นแค่ คนสนิทหรือข้ารับใช้แต่เฉินคือคนที่เขารักแล้วก็เคารพมากไม่ต่างจากพี่ชายแท้ๆ
“ข้าน้อย ยอมแลกได้แม้แต่ชีวิต เพื่ออ๋องน้อยขอรับ” เฉินบอกเสียงหนักแน่น
“โอ้ย!! ข้ารำคาญพวกเจ้ามาคุยอะไรกันในห้องข้าเสียงดังห่ะ” เสียงของท่านชายจอมเอาแต่ใจดังขึ้นหลังม่านก่อนที่ร่างอวบจะเดินหน้ามุ่ยออกมา
“ทำไมข้าต้องเกรงใจเจ้าด้วย เจ้าผีซาลาเปา” จื่อเท่าเอ่ยล้อ
“เจ้า เจ้า เจ้าแพนด้า ใครใช้ให้เจ้าเข้ามาในห้องข้า ออกไปเลยนะ ไม่งั้นจะหาว่าข้าไม่เตือน” ท่านชายน้อยเหวลั่น พลางกระโดดเข้าใส่ร่างของจื่อเทาแต่ก็ช้ากว่าองค์รักษ์หนุ่มที่เข้ามายืนขวางไว้
“ท่านจะทำอะไร ท่านชาย หากท่านกล้าแตะต้องอ๋องน้อยแม้แต่ปลายเส้นผม เราได้เห็นดีกันแน่” เฉินบอกเสียงเย็น
“นี่เจ้า เจ้าเข้าข้างเจ้าแพนด้าหรือ เจ้าเป็นคนรับใช้ของข้านะ!!” ร่างอวบตะโกนอย่างเอาแต่ใจ
“แต่ข้าน้อยเป็นคนของแคว้นเย่ว ตายก็เป็นผีแคว้นเย่ว ข้าน้อยคงมิอาจเป็นบ่าวสองนายได้”
“เจ้า ข้าจะฟ้องพี่ใหญ่!!!” ซิ่วหมิ่นตะโกนก้อง พลางชี้หน้าคนทั้งสองอย่างเอาเรื่อง เขาคือท่านชายซิ่วหมิ่นนะ ทำไมคนพวกนี้ถึงบังอาจขัดใจเขา
“อาฝู เข้ามาเดี๋ยวนี้นะอาฝู!!” ท่านชายน้อยเรียกหาคนสนิท
“ขอรับ อาฝูมาแล้วขอรับ” อาฝูที่วิ่งเข้ามาในห้องบอกก่อนจะหอบตัวโยน
“ไปเตรียมน้ำ ข้าจะอาบน้ำ อ้อ เจ้าเข้ามาถูหลังให้ข้าด้วยนะ” ซิ่วหมิ่นบอกก่อนจะเดินเข้าห้องอาบน้ำโดยที่ไม่สนใจคนที่อยู่ในห้อง ตอนนี้ร่างอวบกำลังหงุดหงิด หงุดหงิดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หงุดหงิดจนแทบอยากจะลากเจ้าองค์รักษ์นั่นมาสับเป็นชิ้นๆแล้วโยนให้หมาขี้เรื้อนกิน
“เจ้าลูกเต่า ไอ้องค์รักษ์ลูกเต่า คอยดูนะข้าจะแกล้งเจ้าให้ร้องไห้กลับบ้านเลย” ร่างอวบฮึดฮัด ก่อนที่จะรับรู้ว่ามีใครคนนึงเข้ามาในห้องอาบน้ำ
“อาฝู เจ้าช่วยถูหลังให้ข้าด้วยนะ” ร่างอวบบอกทั้งๆที่ยังหลับตา
มือหนาค่อยๆยกผ้าขึ้นก่อนจะถูที่หลังของซิ่วหมิ่นอย่างแผ่วเบา
“อืม ดี ….. เอ๊ะ!!!” ร่างอวบอุทานลั่นเมื่อรับรู้ว่า สิ่งที่ลูบบนแผ่นหลังของตัวเองไม่ใช่ผ้าแต่มันคือ มือ!!
“อาฝูเจ้าบังอาจ….เจ้า ทำไมถึง” ร่างอวบที่กำลังจะเปิดปากด่าคนสนิท จำต้องเบิกตาโพรงเมื่อรู้ว่าคนที่อยู่ในห้องอาบน้ำไม่ใช่ต้นห้องแต่เป็นเจ้าคนสมควรตาย นั่น
“ทำไมเป็นข้าไม่ได้ล่ะ ท่านชาย” เฉินบอกก่อนจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์
“เจ้าออกไปให้พ้น ออกไปรับใช้ท่านอ๋องน้อยของเจ้าอย่ามายุ่งกับข้า”
“หึ เจ้าอิจฉา อ๋องน้อยหรือ ซิ่วหมิ่น”
“สามหาว เจ้ากล้าดียังไงถึงเอ่ยชื่อข้าตรงๆ เจ้าคงไม่กลัวตายสินะ ” ร่างอวบเหวลั่น
“เจ้าจะทำอะไรข้าได้ หรือเจ้าเด็กน้อย” เฉินบอกพลางแสยะยิ้มชั่วร้าย
“ชะ ช่วย อุ๊บ อื้อออออออ” เสียงขอความช่วยเหลือของร่างเพรียวเงียบลงทันทีเมื่อถูกริมฝีปากขององค์รักษ์หน้าตาประกบลงมาอย่างหย่ามใจ รสจูบที่มีแต่ความกำเริบเสิบสานนั้นกำลังทำให้สติของท่านชายหลุดลอย จนถึงกับเผลอโอบรอบคออีกฝ่ายไว้เพื่อประคองตัว
เฉินยกยิ้มอย่างถูกใจ ก่อนจะถอนจูบออกมา แล้วกดจมูกลงบนพวงแก้มของคนตรงหน้าฟอดใหญ่ ไม่น่าเชื่อ ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆว่า จะเจอคนที่น่าสนใจขนาดนี้ในแคว้นอู๋ เห็นทีเขาคงต้องรั้งอยู่ที่นี่อีกสักระยะแล้วล่ะ
ร่างเพรียวของอ๋องน้อยกำลังคิดหนักและกำลังไม่เข้าใจ เมื่อครู่ องค์รักษ์ของเขายิ้ม เขาคิดว่าตัวเองตาไม่ฝาดแน่ เมื่อครู่เฉินยิ้มจริงๆ ทั้งยังยิ้มกว้างซะด้วย ไม่อยากจะเชื่อ เจ้าซาลาเปานั่นทำยังไง แค่เวลาเพียงวันเดียวกลับทำให้องค์รักษ์หน้าตายที่ไม่เคยยิ้มอย่างเฉินยิ้มได้ จื่อเทาไม่เข้าใจเลยสักนิด
“ดูท่า แคว้นอู๋คงจะต้อนรับเชลยดีเกินไป เจ้าจึงเวลาว่างมาเดินเล่น” เสียงทุ้มดังขึ้นก่อนที่อู๋อ๋องจะเดินเข้ามาหาคนที่เดินเล่นอยู่ แต่อีกคนทำเพียงปรายตามอง
“หึ เยว่อ๋องคงเอาเวลาไปรบเสียหมดสินะ จึงไม่มีเวลาสั่งสอนเจ้าว่าหากคนทักต้องรู้จักตอบ” อู๋อ๋องเอ่ยเสียงเข้ม
“อย่าบังอาจจาบจ้วงท่านพ่อของข้า มิเช่นนั้นจะหาว่าข้าไม่เตือน!!” ร่างเพรียวเอ่ยพลางกำหมัดแน่น
“ทำไมข้าจะว่าพ่อเจ้าไม่ได้ ตอนนี้เจ้าก็เป็นเพียงแค่เชลยศึกของข้า เจ้าสูงส่งมาจากไหนข้าจึงจะว่าพ่อเจ้าไม่ได้”
“หึ หากเจ้ายังไม่หยุดพูด จะหาว่าข้าไม่เตือนไม่ได้นะ อู๋อ๋อง!!”
“ฮ่าๆๆ ข้า อู๋ อี้ ฟาน ไม่กลัวฟ้า ไม่กลัวดิน แล้วเหตุใดข้าต้องกลัว ลูกเจี๊ยบอย่างเจ้าเล่าเด็กน้อย จงไปทำหน้าที่เชลยของ
เจ้าซะ!! อี้ชิงเชิญเชลยของข้าไปทำงานได้แล้ว” ประโยคแรกเอ่ยบอกกับร่างเพรียวก่อนจะหันกลับไปสั่งคนสนิทที่เดินตามมา
“เชิญขอรับอ๋องน้อย” อี้ชิงเอ่ย
“จำไว้นะ อู๋อ๋อง สักวันข้าจะกลับมาคิดบัญชีกับเจ้า จงจำไว้ว่าคนแคว้นเย่วข้าได้แต่หยามไม่ได้!!” ร่างเพรียวบอกเสียงเข้มก่อนจะเดินตามอี้ชิงไป
ร่างเพรียวกำลังตกตะลึง เมื่อพบว่าตนเองกำลังอยู่ต่อหน้าภูเขาท่อนไม้ขนาดย่อม ก่อนจะปรายตามองอี้ชิงเป็นเชิงถาม
“ไม้พวกนี้เป็นฟืนที่ใช้ในห้องครัวแล้วก็ห้องอาบน้ำของเรือนสุขสราญ ท่านอ๋องมีบัญชาให้ท่านผ่าฟืนทั้งหมดให้เสร็จภายในหนึ่งชั่วยามขอรับ”
“เล่นตลกอันใดกัน ข้าคืออ๋องน้อยแห่งแคว้นเยว่ พวกเจ้าล้อเล่นแบบนี้คงไม่อยากมีชีวิตอยู่กันแล้วสินะ”
“ข้าน้อยมิกล้า เพียงแต่นี่เป็นคำสั่งของท่านอ๋อง” อี้ชิงบอกอย่างใจเย็น
“ข้าไม่ทำ!!” อ๋องน้อยบอกอย่างดื้อดึง ทำให้อี้ชิงได้แต่ส่ายหน้าจำยอม เฮ้อ ท่านอ๋องนะท่านอ๋องหาเรื่องปวดหัวมาให้เขาจนได้ องค์รักษ์แคว้นอู๋ได้แต่ส่ายหน้าก่อนจะยื่นกระดาษแผ่นนึงให้ร่างเพรียว ที่ผู้เป็นนายสั่งไว้ว่าหากร่างเพรียวไม่ยอมทำก็ให้มอบมันให้อีกฝ่ายซะ
“ท่านอ๋อง ให้ข้ามอบสิ่งนี้ให้ท่านขอรับ” อี้ชิงตอบเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายลังเลที่จะรับ จื่อเทาพยักหน้ารับรู้ก่อนจะหยิบกระดาษแผ่นนั้นมาอ่าน
ข้านึกแล้วว่าเจ้าต้องไม่ยอมทำงาน หึ คนแคว้นเยว่มีดีแค่ปากจริงๆสินะ
ประโยคเพียงแค่สั้นๆทำให้อ๋องน้อยจึงกลับเลือดขึ้นหน้า เจ้าคนสมควรตายนั่น กล้าดียังไงมากล่าวหาว่าคนแคว้นเยว่มีดีแค่ปาก ข้าจะทำให้เจ้าเห็นว่า คนแคว้นเยว่ ไม่ได้มีดีแค่ปาก
ร่างเพรียวคว้าขวานที่วางอยู่ข้างๆก่อนจะผ่าฟืนอย่างเอาเป็นเอาตาย จนอี้ชิงมองด้วยความงงงวย ไม่ทราบว่าในจดหมายฉบับนั้นท่านอ๋องเขียนอะไร อ๋องน้อยจึงได้มีสีหน้าราวกับอยากฆ่าคนเยี่ยงนี้
“หึ เสร็จแล้ว ข้าไปพักได้แล้วสินะ” อ๋องน้อยบอกพลางปาดเหงื่อ แม้ว่าจะพยายามผ่าอย่างเอาเป็นเอาตายแต่กว่าจะผ่าเจ้าภูเขาฟืนเสร็จก็ล่วงเข้ายามบ่ายแล้ว
“ยังขอรับ” อี้ชิงบอกก่อนจะวางถังน้ำตรงหน้าเชลยผู้สูงศักดิ์
“ท่านอ๋องสั่งว่า หากท่านผ่าฟืนเสร็จแล้วให้ท่านไปตักน้ำด้วยขอรับ”
“เจ้าคนสมควรตายนั่นมัน ฮึ่ย!!” ร่างเพรียวเหวลั่นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้เพียงแค่ฮึดฮัดอยู่เพียงลำพัง
“ไปตักที่ไหน!!” ร่างเพรียวตะคอกถาม
“บ่อน้ำหลัง ตำหนักขอรับ”
ร่างเพรียวพยักหน้ารับรู้ก่อนจะไปตักน้ำตามคำสั่งแม้ว่างานจะหนักหนา แต่ร่างเพรียวก็ไม่สนใจ ต่อให้เขาต้องตายเพราะทำงานหนักก็จะไม่ร้องขอความเห็นใจจากคนแคว้นอู๋เป็นอันขาด ไม่มีวันที่น้ำตาของอ๋องน้อยแห่งแคว้นเยว่จะตกในแผ่นดินอื่นไม่มีวัน
อู๋ อี้ ฟาน หากข้ารอดไปได้ข้าจะกลับมาแก้แค้นเจ้า
..........................TBC...............................