บทที่ 17
ช่วงนี้ชีวิตของจอมใจรู้สึกอะไรๆก็ดีก็เจ๋งไปหมด การเรียนก็ผ่านไปได้สวย ถูกหวยอีกต่างหาก?...เอ๊?...อันหลังเหมือนจะไม่ใช่แหะ ไอ้เรื่องถูกหวยนี่ไม่มีนะครับ คนอย่างจอมใจไม่ไม่ต้องพึ่งหวยครับ เพราะเขามีเจ้าพ่อบุญทุ่มอยู่ทั้งคน มีคนนี้เหมือนมีบุญหล่นทับแค่อ้อนนิดหน่อยๆก็มาแล้วครับ คิกๆๆ แต่ก็นะ...ไม่มีใครที่จะให้ของโดยไม่หวังผลตอบแทน เพราะงั้นเวลาอยู่กันตามลำพังสองคนเขาโดนหอมโดนฟัดจนแทบเหี่ยวแห้ง อย่างเช่นตอนนี้ครับ
“อื้อ...พี่ราชันพอแล้วแก้มใจช้ำหมดแล้ว” จอมใจร้องโอดครวญเมื่อริมฝีปากร้อนและไรหนวดจางๆรูดครืดกับแก้มกลมใสจนเป็นรอยแดงๆ
“พี่ขอรางวัลตอบแทนที่เราขอให้พี่ซื้อแผ่นซีดีใหม่ให้เองนะครับ” ดวงตาคมพราวระยับ ไม่ต้องให้ใครมาบอกเขาก็รู้ว่าตอนนี้เขามีความสุขที่สุด เขาทั้งสองคนยอมเปิดใจให้กัน ชายหนุ่มมั่นใจว่านี่คือความรัก...ความรักที่พวกเขาสองคนสร้างขึ้นมาจากความผูกพัน...
“แงะ...พี่ราชันขี้โกง ไหนบอกว่าแค่ทีเดียว” ใบหน้าใสกระเง้ากระงอด จนจอมราชันอดหมั่นเขี้ยวไม่ได้ สองแขนกำยำกอดรัดตัวนุ่มนิ่มไว้แน่นอีกครั้ง
“เอาน่า..พี่ขอกำไรเพิ่มหน่อยนะ” เจ้าหนูหน้าเห่อกับสายตาพราวระยับคู่นั้น พี่ราชันนี่ยังไงเนี่ย ทำคนอื่นเขินอยู่ได้อ่ะ
“ให้อีกแค่ครั้งเดียวนะครับ” คนในอ้อมกอดยอมให้แต่ยังทำหน้าหน้างอนใส่ อีกฝ่ายเลยเลิกแกล้งแล้วก้มลงเอาจมูกโด่งสวยได้รูปสัมผัสกับความหอมอ่อนๆเหมือนเด็กเข้าเต็มปอดกอดจะปล่อยตัวน้อง
“โอเคครับ พี่ไม่แกล้งเราแล้ว” คลี่ยิ้มอ่อนโยนให้ทำเอาจอมใจถึงกับใจสั่น ทำไมถึงได้หล่อแบบนี้นะคนเรา...เจ้าหนูอดยิ้มตอบไม่ได้...
“แหมอารมณ์ดีเชียวพี่ ผิดกับหลายวันก่อนลิบลับเลย” จอมเวทย์เอ่ยทักเมื่อบรรยากาศมาคุนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“อือ...” พี่ใหญ่ไม่ได้เอ่ยอะไรมากมาย สายตาจับจ้องไปที่ร่างกลมๆที่คุยจ้ออยู่กับจอมพลที่เพิ่งจะได้กลับบ้านหลังจากหมกตัวอยู่โรงพยาบาลมาเป็นอาทิตย์
“พี่พลผอมไปนะครับ” จอมใจเอ่ยเสียงเจื้อยแจ้วกับพี่ชายคนสวย เขาเห็นเลยว่าพี่ชายซูบลงไปมาก
“หรือครับ?” เสียงทุ้มแอบหวานนิดๆลูบศีรษะทุยสวยเบาๆ
ดวงตาคมของจอมราชันฉายแววยินดีและเขามีความสุขที่มีครอบครัวที่ดีและมีทุกๆคนอยู่ด้วยกัน
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“แกดูลั้ลล้าไปหรือเปล่าวะ” เสียงเพื่อนตัวแสบแซวอย่างหมั่นไส้ทำเอาจอมราชันที่นั่งอมยิ้มนิดๆอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์เงยหน้าขึ้นมามอง
“อะไร?”
“แหมๆ...หลายวันก่อนแกทำตัวซังกะตายไร้วิญาณ แต่ตอนนี้หน้าบานเป็นกระด้งเลยนะแก” เห็นก่อนหน้านี้จะตายแหล่มิตายแหล่ พอตอนนี้กลับมานั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนคนอกหักกลับมามีรักครั้งใหม่ยังไงยังงั้นแนะ
“เออน่า...” คนมีความสุขเอ่ยปัดๆ ตอนนี้เขากำลังอมยิ้มไปกับภาพที่เจ้าหนูน้อยอ้าปากถ่ายรูปที่มหาลัยแล้วส่งมาให้เขาดู
“เออๆแม่งไม่ยุ่งก็ได้วะ ใช่สิเรามันไม่สนิทกัน” เมื่อเพื่อนเริ่มทำตัวตอแหลใส่ จอมราชันจึงต้องหันมาส่งสายตาคมๆคืนบ้าง “ฉันถามหน่อยได้ไหมว่าแกเป็นอะไรว่ะ?”
คราวนี้คนโดนถามทำเพียงแค่ยักไหล่ “ก็เปล่า แค่พี่น้องทะเลาะกัน”
“ห้ะ???” ชินกฤตอ้าปากค้าง “แกเนี่ยนะทะเลาะกับน้อง อายุอานามตั้งปูนนี้แล้วยังมีหน้าไปทะเลาะกับเด็ก” เขาแทบไม่ค่อยเชื่อหูตัวเองเท่าไรเพราะเพื่อนคนนี้รักน้องยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น กำลังจะอ้าปากถามต่อแต่ว่าเพื่อนรักอีกคนก็เดินเข้ามาขัดเสียก่อน
“โทษทีรอนานไหมวะ งานเพิ่งเคลียร์เสร็จ” จักรภพที่ตามทีหลังเอ่ย
“ไม่ๆ สั่งอะไรเลยดีกว่าไหม?” ชินกฤตที่คงจะหิวตาลายรีบพูด ก่อนจะยกมือเรียกพนักงานมารับออร์เดอร์
หลังมื้ออาหารเที่ยงสามหนุ่มก็ต้องกลับไปเป็นมนุษย์เงินเดือนที่บริษัทต่อ
เวลาเกือบๆสี่โมงเย็น จอมราชันรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนของเครื่องมือสื่อสารข้างโต๊ะ ขึ้นชื่อคนโทรที่เขาคิดถึงที่สุด
“ว่าไงครับคนเก่ง” กรอกเสียงนุ่มเข้าไป คุยไปคุยมาได้ความว่าเจ้าลูกหมูขอไปดูหนังกับเพื่อนที่ห้าง เขาเลยแกล้งถามว่าแล้วอย่างไรละ...เสียงใสเริ่มออดอ้อนน่ารักน่าฟัดบอกว่าไปรับหน่อยได้ไหม เฮ้อทำไงได้...ก็ต้องไปสิครับ จอมราชันรับปากน้องน้อยว่าจะไปรับตอนหลังเลิกพอดี ฝ่ายนั้นดีใจใหญ่ทั้งได้ดูหนังแถมไม่ต้องโบกแท็กซี่กลับบ้านเองอีกต่างหาก
หลังจากที่นั่งทำงานมาสักพักใหญ่มองนาฬิกาอีกทีก็เลยเวลาเคารพธงชาติมาสักพักแล้ว จอมราชันจึงตัดสินใจเก็บข้าวของเตรียมกลับ ออกมาหน้าห้องแวะทักทายกับเลขาที่กำลังจะกลับเหมือนกันจึงล่ำลากันตรงนั้น ส่วนเขาก็มุ่งหน้าไปยังห้างใจกลางเมือง แต่เวลาเย็นๆเป็นช่วงที่นรกที่สุดทั้งเหล่านักเรียน นศ พ่อค้าแม่ค้า คนทำงาน เจ้าหน้าที่รัฐ บลาๆๆเดินกันให้ควัก รถก็ติดตามสโลแกนกทม. เฮ้อ กว่าจะวนเจอที่จอดรถในห้างตาแทบลาย
เดินหนีอากาศร้อนอบอ้าวของประเทศไทยเข้าไปพึ่งแอร์ฉ่ำๆของตัวห้างที่คลาคล่ำไปด้วยฝูงชน มือก็กดโทรศัพท์ต่อหาน้องเพราะคิดว่าหนังคงจะเลิกแล้ว
“พี่มาถึงแล้วนะครับ” เมื่อรู้ว่าจอมใจอยู่ที่ไหนขายาวๆก็พาเจ้าของไปทางทิศนั้น
ร้านหนังสือทั้งไทยและเทศขนาดใหญ่ที่มีหนังสือมากมายให้เลือกสรร จอมราชันเดินเข้าไปหาน้องที่กำลังโบกมือมาให้จากในร้านผ่านกระจกอย่างเร็ว
“สวัสดีครับ” จอมใจยกมือไหว้แล้วยิ้มกว้าง
“ครับ เป็นไงหนังสนุกไหม?” พี่ชายถาม
“ก็ดีครับ” แม้หนังจะไม่ค่อยใช่แนวตัวเองเท่าไรแต่จอมใจก็คิดว่ามันก็ไม่ได้แย่มากนัก
“งั้นเรากลับกันเลยไหม?” ปากถามส่วนมือก็อ้อมไปวางบนไหล่มนพลางกระชับเข้าหาตัว น้องน้อยบิดตัวเล็กๆอย่างขัดเขิน
“พี่ราชันอะ อย่าสิ” หน้าหล่อเลิกคิ้วๆอย่างกวน ไม่ใช่ไม่เคยทำแต่คงเป็นเพราะตอนนี้เขาสองคนไม่ใช่พี่น้องอย่างทีเคยเป็นละมั้ง
ร่างสูงไม่ฟังกลับดันร่างกลมๆให้เดินหน้า จอมใจทำเสียงฮึดฮัดนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
...เขาสักไม่แน่ใจแล้วสิว่าเขาชอบพี่ราชันเวอร์ชั่นไหนกันแน่ ทำไมตอนนี้ถึงได้ยียวนกวนประสาทจัง แถมยังๆ...ผีทะเลตลอดเวลา...
หลังจากเดินเล่นต่ออีกสักพัก เจ้าหนูก็บ่นว่าอยากกลับบ้านแล้ว ทั้งสองคนเลยได้เวลากลับกันเสียที กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็เกือบๆสามทุ่ม
“ถึงสักที” จอมใจขยับตัวบิดขี้เกียจนิดหน่อย “ขอบคุณมากนะครับที่มารับ” หันไปเอ่ยกับพี่ราชัน
“ยินดีครับผม”
“อ้าวกลับมากันแล้วหรือ? ไปไหนกันมา?” พอเดินเข้าไปไหนบ้านคุณนวลอนงค์เห็นร่างของสองหนุ่มเล็กหนุ่มใหญ่ก็แปลกใจ วันนี้สองพี่น้องหายจ้อยไปไม่ยอมกลับมากินข้าวที่บ้าน
“ใจไปดูหนังส่วนพี่ราชันไปรับกลับครับผม” เจ้าตัวขี้อ้อนได้ทีแจ้นเข้าไปกอดหัวซุกซุน
“อย่างนั้นหรือจ้ะ ไปๆไปอาบน้ำกันได้แล้ว เข้าบ้านมาเหนื่อยๆ” เธอจัดการต้อนสองหนุ่มไปอาบน้ำอาบท่า
“งั้นใจกลับแล้วครับ สวัสดีครับ” เจ้าหนูคิดว่าตัวเองก็ควรจะกลับบ้านไปได้เสียที หันไปยิ้มจะลาพี่ชายแต่ด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวดของชายหนุ่มทำให้จอมใจสงสัย
“เป็นอะไรไปครับ?” จอมใจเอ่ยทำลายบรรยากาศเงียบระหว่างที่จอมราชันเดินไปส่งที่บ้าน
“ทำไมไม่นอนที่นี่ละครับ”
หน้ากลมๆแดงนิด “แหะๆ”
มือใหญ่คว้าร่างกลมๆเข้ามาไว้ในอ้อมแขน “พี่คิดถึงแย่เลย” โอยตายๆๆพี่ราชันกินยาไม่เขย่าขวดหรือไงถึงมาเขย่าหัวใจคนอื่นอยู่ได้อะ
แม้จะเขินแต่เจ้าหนูก็พิงตัวกลับ “เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เจอกันใหม่ครับ”
“มันไม่พอนะสิ” จอมราชันรู้สึกว่านับวันๆเขาจะโลบมากขึ้นทุกที เมื่อก่อนเขาคิดว่าเขามีน้องชายตัวน้อยมาอ้อนมาเล่นซนใกล้มันมีความสุขดี แต่ตอนนี้เขาคิดไกลกว่านั้น
“ฮื้อ...” เจ้าหนูพ่นลมหายใจอย่างเขินๆ ก่อนจะรวบรวมความกล้าขยับตัวเข้าชิดร่างสูงใหญ่ กลิ่นหอมของน้ำหอมผู้ชายที่คุ้นเคย
“ใจก็คิดถึงพี่ราชันนะครับ” การยอมรับและเปิดใจเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนมีความสุขจริงๆ
“ครับ...” ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงไปใกล้ๆจนรู้สึกลมหายใจซึ่งกันและกัน จอมใจหลับตาปี๋เมื่อรู้สึกถึงความอุ่นร้อนที่ประทับลงมาที่ปากพร้อมกับอ้อมกอดแข็งแรงที่กอดรัดแน่น จอมใจใจเต้นแทบกระเด็นออกมา พยายามดันตัวออกมาห่างใจหนึ่งก็กลัวคนอื่นมาเห็นแต่อีกใจก็ไม่อยากผละออกจากที่นี่เลย
จอมใจยอมเปิดปากเล็กๆขึ้นเมื่อลิ้นร้อนๆของพี่ชายแตะริมฝีปากอย่างเว้าวอน เขาแทบลืมหายใจเมื่อลิ้นอุ่นๆเข้ามาพันกระหวัด ส่วนจอมราชันรู้ดีกว่าใครว่าน้องชายคนนี้ไม่เคยมีแฟนและไม่มีทางที่จะจูบใครมาก่อน เขาดีใจที่ได้เป็นคนแรกของน้องและจะเป็นคนสุดท้าย เขาสัญญา...ความไม่ประสีประสาของเด็กน้อยทำเอาอารมณ์ชายหนุ่มยิ่งกระพือราวกับไฟ ในตอนแรกน้องยังเงอะงะตามเด็กไม่ประสา แต่พอเขาค่อยๆสอน คนหัวไวก็ค่อยจูบตอบเขาอย่างน่ารักน่าชัง จนผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ เขาหักห้ามใจตัวเองผละออกมาจากอีกฝ่าย
ภาพเจ้าหนูน้อยหน้าแดงปากเจ่อ ที่ดวงตามีน้ำใสคลออยู่ทำเอาเขาแทบหน้ามืด...น่าฟัดจริงๆ อดไม่ได้ที่จะก้มลงไปจุ๊บๆที่ปากเจ่อนั่นอีกสองสามที
“ไปได้ครับ กลับบ้านอาบน้ำนะครับคนเก่ง” จอมราชันพูดเสียงนุ่ม
“ค...ครับ ไปนะครับ” เจ้าหนูที่กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ รีบหันหลังกลับวิ่งไปทางประตูเชื่อมเพื่อกลับบ้านตัวเอง
ดวงตาคมมองจนร่างกลมลับตาแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ หันหลังกำลังจะพาร่างตัวเองกลับบ้านเช่นกัน แต่สายตากลับปะทะกับใครบางคนที่ยืนอยู่อีกฝั่ง ดวงตาคมถึงกับเบิกกว้าง ครางเสียงแผ่วเบา
“พ่อ!”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
จอมราชันไม่รู้ว่าตัวเองยืนอยู่ตรงนั้นนานเท่าไร เขารู้แค่ว่าใบหน้ายามโกรธขึงของพ่อนั้นมันเป็นอย่างไร ตั้งแต่เขาจำความได้เขาโดนพ่อดุไม่กี่ครั้ง แต่ไม่มีสักครั้งที่พ่อมองเขาตัวสายตาว่างเปล่าแบบนี้ โกรธแต่เย็นชา เขาตัวสะท้าน
“พ่อมาตั้งแต่เมื่อไรครับ?” เขากลั้นใจถามออกไป
“เมื่อกี้แกทำอะไร!” เสียงพ่อที่เคยอบอุ่นบัดนี้เกรี้ยวกราด
“...” เขาถึงกลับพูดไม่ออก
“ฉันถามว่าแกทำอะไร!” เสียงตวาดย้ำมาอีกครั้ง “แกตามฉันขึ้นมาที่ห้อง เดี๋ยวนี้!”
เขาเดินตามร่างของบิดาขึ้นมาบนห้อง ใบหน้าหล่อเหลาคร่ำเครียด
...ปึง!...
เสียงปิดประตูดังกระแทกความรู้สึกของลูกชายยิ่งนัก เมื่อใบหน้าที่ล่วงเลยตามกาลเวลาแต่หากยังคงแฝงไปด้วยความแกรงขามหันมามองเขม็ง
“เมื่อกี้แกทำอะไรอยู่รู้ตัวหรือเปล่า?” เสียงเรียบเฉยและสายห่างเหินและผิดหวังนั้นทำเอาจอมราชันถึงกับเสียใจ
“ครับ...” เขายอมรับอย่างไม่มีข้อกังขา เขาไม่ได้คิดจะปกปิดแต่อยากรอให้ทุกอย่างพร้อม เขาจะเดินเข้าไปบอกบุพการีด้วยตัวเอง แต่ไม่คิดว่าบิดาจะมาเห็นเรื่องนี้เสียก่อน เป็นเขาเองที่ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ
“ฉันไม่คิดเลยว่าแกจะทำแบบนั้น แกรู้ตัวไหมว่ามันทำให้ผิดหวังในตัวแกแค่ไหน” ทุกประโยคทุกถ้อยคำบาดลึกอยู่ในใจร่างสูง
“นั่นน้องชายแกนะ! แกได้ยินที่ฉันพูดไหม! นั่นน้องของแก!”
เขารับรู้และเข้าใจมาตลอดว่านั่นคือน้องชายแต่เรื่องของหัวใจมันข้ามเรื่องพรรค์ไปหมด
“ครับ...ผมรู้ครับแต่ว่าตอนนี้มันเปลี่ยนไปหมดแล้วครับ” จอมราชันกลั้นใจตอบไปตามที่ตัวเองคิดไม่มีอ้อมค้อมซึ่งนั่นไม่ใช่นิสัย
ของเขาเลย เขาแค่หวังให้บิดาเข้าใจและยอมรับ
คุณจอมไตรถึงกับตัวสั่นเมื่อได้ยินคำตอบของลูกชาย เขาไม่เคยคิดฝันว่าบุตรชายคนโตที่เป็นความหวังของครอบครัว ไม่เคยทำให้เขาหรือใครๆผิดหวังนั้นกำลังเสียสติไปหรือเปล่า
“นี่แกยอมรับเรื่องบ้าบอนี่ใช่ไหม?” จอมไตรถามอีกครั้ง เขาแทบลมจับอีกรอบเมื่อลูกชายพยักกหน้าพลางจ้องมองตาโดยไม่หลบแสดงให้เห็นถึงความแน่วแน่ เขารู้ว่าลูกชายคนโตของเขาเป็นคนที่มีจุดยืนไม่ยอมลงให้ใครหากตัวเองลงมือที่จะทำ
“ครับผมรักน้องครับ” คราวนี้ชายหนุ่มพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดอย่างไม่เกรงกลัว “ไม่ใช่แค่รักแบบพี่น้องแต่มันก้าวผ่านจุดนั้นไปอีกครับ ผมแค่อยากมีน้องอยู่ข้างๆตลอดไปครับ” การที่ได้พูดในสิ่งที่ตัวเองคิดก็ให้ความรู้ดีไปอีกแบบ ตอนนี้เขารู้สึกโล่งใจที่สุด
“แต่ฉันไม่ยอมรับ!!!!!”
TBC.