บทที่ 9
วันเสาร์ตอนบ่ายๆ เจ้าหนูกำลังนั่งหน้ามุ่ยอยู่หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ สายตากลมโตกลอกตาไปมาอย่างหงุดหงิด
...เขาทำโปรแกรมมิ่งข้อนี้มาชั่วโมงกว่าแล้วแต่ไม่มีท่าทีว่าจะเสร็จ ทั้งโค้ดยังผิดแก้เออร์เร่อไม่ได้สักที จ้องเสียจนปวดตา ร่างกลมๆพิงพนักเก้าอี้อย่างแรง เขาชอบโปรแกรมมิ่งเพราะมันรู้สึกท้าทายแต่บางครั้งก็ทำให้ประสาทกินได้ง่ายๆ
ร่างสูงสมส่วนของหนุ่มใหญ่เดินเข้ามาใกล้ “เป็นอะไรใจ ทำการบ้านอยู่หรือลูก” เขาเห็นลูกชายจ้องคอมพิวเตอร์มานานแล้วและไม่ยอมขยับไปไหนเสียที
“ครับ ใจยังทำข้อนี้ไม่ได้เลย มันยาวแล้วก็งงมาก” เสียงท้อทำให้ผู้เป็นพ่อก็สงสาร แต่เขารู้ว่าเดี๋ยวเจ้าหนูก็ค่อยๆแก้ได้จนเสร็จ
“อดทนหน่อย เดี๋ยวก็เสร็จ” ปลอบเสร็จก็เดินเลี่ยงไปนั่งอ่านหนังสือนิตยสารเศรษฐกิจที่โซฟา หม่าม้าเดินถือแก้วนมเย็นชื่นใจมาให้ จอมใจดื่มอึกแล้วหมุนคอคลายความเมื่อยแล้วฮึดสู้ใหม่
แต่หากการบ้านโปรแกรมมิ่งไม่ได้มีข้อเดียว มันมาทีเป็นสิบ เขายังห่างไกลกับคำว่า “เสร็จ” อีกมากโข นั่งงงมอยู่ต่อสักพัก เสียงโทรศัพท์ก็ดังข้างคอมพิวเตอร์ มือขาวยกขึ้นมาดูปรากฏว่าเป็นเพื่อนสนิทที่คณะเลยกดรับ
“ว่าไง...ธัช”
“เห้ย...จอมใจ ทำการบ้านโปรแกรมมิ่งเสร็จยัง” เสียงที่กรอกมาตามสายทำให้เจ้าหนูถอนหายใจ
“ยังเลยเว้ย...ยากมาก ทำจนปวดตาแล้วเนี่ย”
“เอ่อ...เดี๋ยวพวกฉันไปหาแกที่บ้านได้ไหมอะ ไปช่วยกันทำๆ จะได้เสร็จไวๆ” เพื่อนธัช หนุ่มผมเกรียนร่างท้วมเอ่ยแนะนำ
“ได้ๆ มีใครมาบ้าง” การมีเพื่อนมาช่วยอาจเป็นสิ่งที่ดีกว่านั่งงมคนเดียว
“มีฉัน ไอ้กรต น้ำตาล ใบตองแล้วก็แพร”
“ได้ๆมาเลยๆๆ มาช่วยฉันด้วยจะตายแล้ว”
“แล้วบ้านแกอยู่ไหนอะ”
“อืมอยู่ที่...แกนั่งแอร์พอร์ตลิ้ง แล้วมาต่อรถไฟฟ้าก็ได้” เมื่อบอกที่อยู่ไป เพื่อนหนุ่มก็รีบจดยิกๆ ก่อนบอกลาแล้ววางสายไป
วางสายจากเพื่อน จอมใจก็รีบไปบอกหม่าม้าว่าเดี๋ยวมีเพื่อนมาหา ซึ่งเธอก็ไม่ได้ว่าอะไร ผละไปทำงานบ้านที่คั่งค้างต่อไป
นั่งทำไปเรื่อยๆจนผ่านชั่วโมงกว่าๆ เสียงกดกริ่งหน้าบ้านก็ดังสองครั้ง
...กริ๊งๆ...
ร่างกลมเดินออกไปหน้าบ้านก็เจอกับกลุ่มเพื่อนยืนกันอยู่ครบทีม เปิดประตูเชิญกันเข้าบ้านเรียบร้อย
ทุกคนที่เดินเข้ามาก็เอ่ยสวัสดีปาป๊าหม่าม้าอย่างมีมารยาท “สวัสดีครับ // สวัสดีค่า” สองผู้ใหญ่ยิ้มรับกับเพื่อนลูกชายที่จะมาช่วยกันทำงาน อรอุมายกน้ำหวานมาให้เด็กๆพร้อมกับขนมคบเคี้ยวจำพวกกล้วยฉาบและทุเรียนทอด ซึ่งดูเด็กก็อร่อยกับมื้ออาหารว่างเป็นพิเศษ เหมือนได้เรียกพลังงานกลับและเรียกวิญญาณกลับเข้าร่าง
พอกินกันเสร็จก็ระเห็จย้ายกันไปที่หน้าโต๊ะญี่ปุ่นตัวกว้าง เจ้าหนูเลิกใช้คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ เซฟงานทั้งหมดแล้วเปลี่ยนมาใช้แมคบุ๊คแทน เนื่องจากจะได้นั่งทำร่วมกับเพื่อน หลังจากมารวมกันครบ ทุกคนก็เริ่มลงมือทำงานของตัวเองโดยมีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การเรียนโปรแกรมมิ่งบางครั้งมีเพื่อนก็ช่วยได้เยอะ นั่งงมนั่งช่วยกันอยู่สามสี่ชั่วโมง การบ้านก็เสร็จสมบูรณ์ ทั้งกลุ่มรู้สึกเพิ่งกลับมาจากสนามรบโดยยังไม่ต้องมีการนับศพทหารเนื่องจากรอดชีวิตกันทุกคน
“เป็นไงบ้างเด็กๆ เสร็จกันไหม” ปาป๊าที่นั่งเอาใจช่วยโดยการนั่งอ่านหนังสืออยู่ห่างๆเดินเข้ามาถามเมื่อเห็นทุกคนนั่งสลบกันเป็นแถว
“เสร็จแล้วครับปาป๊า” จอมใจตอบพลางรวบรวมเอกสารการบ้านใส่แฟ้มเข้าที เพื่อนคนอื่นก็เก็บของ เคลียร์โต๊ะกันอยู่
“นี่ก็ห้าโมงเกือบหกโมงแล้ว อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันสิเด็กๆ” หม่าม้าเลยถือโอกาสนี้ชวนพวกเพื่อนของลูกชายอยู่กินข้าวเย็นด้วยกันเสียเพราะเธอเห็นว่าเย็นแล้วและเจ้าลูกหมูยังเหมือนจะติดลมที่ได้คุยได้อยู่กับเพื่อนๆ
เด็กทั้งกลุ่มเกรงใจพ่อแม่ของเพื่อนจึงเอ่ยปากบอกว่าไม่เป็นไร แต่หากอรอุมาก็ยิ่งบอกว่าไม่เป็นไร มีเพื่อนอยู่เยอะๆๆจะได้สนุกกัน ซึ่งอันนี้เจ้าหนูเห็นด้วยสุดๆ
เมื่อตกลงว่าจะอยู่ จอมใจเลยพาเพื่อนขึ้นไปเล่นที่ห้องเขาก่อนตามคำบอกของหม่าม้า ตอนแรกเจ้าตัวอิดออดเนื่องจากบอกว่าจะอยู่ช่วยทำอาหาร แต่นายประสิทธิ์อาสาจะช่วยเอง ให้เขาไปดูแลเพื่อนๆ
จอมใจเลยเดินนำเพื่อนทั้งกลุ่มเดินมาข้างบน ห้องของน้องน้อยเป็นห้องนอนเดี่ยวขนาดพอดี มีเตียงหลังใหญ่วางอยู่ มีตุ๊กตาแบดแบด ซึมารุตัวยักษ์ขนาดใหญ่เท่าคนวางอยู่ ทำให้เตียงดูเล็กไปถนัดตา
“อ้าย...แบดแบดตัวใหญ่จัง” ใบตองเห็นก็รีบเข้าไปจับๆ เพราะตัวนี้มันใหญ่กว่าที่เธอมีอยู่มาก
จอมใจหัวเราะขำๆ ความจริงตุ๊กตาตัวนี้ไม่ใช่ของเขา แต่หากเป็นของขวัญวันเกิดของพี่ชายที่ได้มาจากชินกฤต ซึ่งเจ้าตัวแทบจะปาทิ้งเพราะมันมาพร้อมกับห่อกางเกงในผู้ชายสีแดงแป๊ดเรียงกันสามตัว นึกถึงเรื่องนี้ทีไร จอมใจก็ยังขำไม่หาย เพื่อนๆที่นั่งอยู่ก็ดูงงที่เจ้าหนูอยู่ๆก็หัวเราะคิกๆๆ
“มีอะไรอะ หัวเราะอยู่คนเดียว” ใบตองที่นั่งกอดเจ้าตุ๊กตาสีดำอยู่เอ่ยถาม
เจ้าหนูหุบยิ้ม “เปล่าจ้า” ขืนเล่าให้เพื่อนฟัง พี่ใหญ่เขาหมดความน่าเชื่อถือทันที
มรกรตเด็กหนุ่มขรึมมองไปทางบ้านหลังใหญ่ข้างแล้วถามเพื่อน “บ้านข้างๆนายหลังใหญ่จังน่ะ”
เจ้าลูกหมูหันไปมองตาม “อ้อ...บ้านลุงไตรน่ะ”
“อ้อ...รู้จักกันหรือ” คราวนี้น้ำตาลถามบ้าง เธอสังเกตตั้งแต่มาว่าบ้านหลังข้างๆอาจจะใหญ่ที่สุดในหมู่บ้าน แถมพอตอนเดินเข้ามาเธอสังเกตเห็นประตูที่เชื่อมกันระหว่างบ้านสองหลังนี้ด้วย
“อื้ม...รู้จักสิ ลุงไตรเป็นเจ้านายปาป๊า แถมเราก็เล่นกับพี่ๆข้างบ้านตั้งแต่เด็กแล้ว”
ธัชเริ่มทำหน้าครุ่นคิด “อ้อ...ใช่ที่เคยเห็นที่โรงอาหารปะ ที่นายบอกว่ามีพี่ชาย อะไรประมานนี้” จอมใจพยักหน้า พี่เวทย์เคยเจอ
เพื่อนๆเขาในโรงอาหารครั้งหนึ่ง เด็กหนุ่มหัวเกรียนถามต่อ “แล้วใช่ที่เคยไปรับนายที่ร้านหมูกระทะปะ พี่ที่ดูโหดๆ”
เจ้าหนูพยักหน้า ยิ้มแหยๆเมื่อตอนนั้นเขาทำผิด พี่ราชันเลยโกรธเขายกใหญ่ “ใช่ นั่นพี่ชายคนโตชื่อพี่จอมราชัน ส่วนพี่ที่เจอที่โรงอาหารก็พี่จอมเวทย์ไง”
เพื่อนๆพยักหน้างึกงัก แต่ยังรู้สึกขนลุกนิดๆเมื่อเคยปะทะสายตาคมกริบของชายหนุ่มร่างใหญ่คนนั้น
นั่งเล่น คุยกันไปสักพัก หม่าม้าก็เรียกให้ลงมากินข้าว เด็กเลยเฮโลลงกันไปข้างล่าง โต๊ะอาหารสำหรับสี่คน บัดนี้ถูกเพิ่มด้วยโต๊ะตั้งพบเก็บเก็บได้อีกตัวและเก้าอี้พลาสติกหลายตัว อาหารบนโต๊ะก็ดูน่าทานจนเด็กน้ำลายสอ ทั้งหมูกระเทียมพริกไทย ไข่เจียวหมูสับ ปลาทอดสามรส ผัดผักบุ้งไฟแดง ต้มยำรวมมิตร และข้าวเปล่าโถใหญ่ เด็กๆเลือกที่นั่งกันตามใจชอบ ปาป๊าก็นั่งหัวโต๊ะ มีหม่าม้านั่งด้านขวา เด็กช่วยกันคนละไม้คนมือ ตักข้าวใส่จาน
ข้าวสวยร้อนหอมกรุ่น เรียกน้ำย่อยเป็นอย่างดี เมื่อผู้ใหญ่เปิดมื้ออาหาร เด็กก็ไม่รอช้าลงมือตักอาหารทันที เสียงช้อนส้อมกระทบกันไปสลับกับเสียงพูดคุยหัวเราะกันไป ดูเป็นมื้อที่มีความสุขดี...
ระหว่างทานข้าว เสียงฝีเท้าก็แว่วเข้าหู พอเงยหน้าไปมองที่โถงสายตาก็ปะทะกับร่างสูงของพี่ชายคนที่สี่ จอมเวทย์เดินเข้ามาหา
“สวัสดีครับอาประสิทธิ์ น้าอร” เอ่ยทักทายผู้ใหญ่ แล้วหันมาขยี้หัวทุยๆของน้อง “ว่าไงไอ้ลูกหมู...” คนร่าเริงก็ยังไม่วายทักทายเพื่อนๆของน้องด้วย “สวัสดีครับน้องๆ”
ใบตอง แพร ที่นั่งมองอยู่นานถึงกับเคลิ้มเล็ก เมื่อเจอกับคนดังของมหาลัย “สวัสดีครับ // สวัสดีค่ะ”
“ครับ...” ชายหนุ่มทักตอบ รุ่นน้องเลยบอกชื่อตัวเองทีละคน พอรู้จักกันเสร็จ อรอุมาก็เรียกร่างสูงให้อยู่กินข้าวด้วยกัน
“กินข้าวด้วยกันสิเวทย์” ดวงหน้าเรียวคมพยักหน้า
“ขอบคุณครับน้าอร” แล้งก็หันไปสั่งน้อง “หยิบจานให้พี่หน่อยสิ” น้องน้อยหน้างอง้ำแต่ก็ยังเดินไปหยิบจานให้ วางจานลงตรงหน้าคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เมื่อเพื่อนๆช่างแสนดีเขยิบที่ให้
หลังจากมีสมาชิกเพิ่มมาหนึ่งคนตอนกินข้าว ทั้งหมดก็ทานข้าวเย็นเสร็จเรียบร้อย กำลังตบท้ายด้วยของหวานอย่างสิ้นจี่กระป๋องที่มีติดบ้านเสมอ
เด็กๆย้ายร่างกันมานั่งจองที่ตรงหน้าทีวีเพื่อขมหนังแฟนตาซีเรื่องดังที่เจ้าหนูเปิด จอมเวทย์ก็ดูไปคุยกับรุ่นน้องผู้หญิงที่มีเรื่องมาถามมากมาย และยังขอถ่ายรูปกลับไปด้วย เจ้าตัวก็ให้ถ่ายให้สัมภาษณ์ราวกับซุปตาชื่อดัง
เนื่องจากพี่ชายคนที่สี่มาสิงสถิตที่นี่ ทำให้พี่ชายอีกสามคนก็ไม่น้อยหน้า ระเห็จหน้าหล่อของแต่ละคนเข้ามาในบ้านหลังจากหนังฉายไปได้แป๊ปเดียว
เพื่อนพอเห็นอีกสามหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาไม่แพ้กัน ก็เกิดอาการอิจฉาที่ครอบครัวอะไร๊...จะเลิศเลอเพอร์เฟกเสียขนาดนี้
พี่ชายทั้งสามคนเดินเข้ามาทักทายผู้ใหญ่ก่อน ถึงค่อยไปรวมกับน้องๆ
“ทุกคนนี่พี่ชายเราเอง คนนี้พี่ชายคนที่สามชื่อพี่จอมทัพ” เจ้าหนูเริ่มแนะนำจากคนที่ยืนใกล้มากที่สุด แล้วก็ถัดไปอีกคน “ส่วนพี่หน้าตาใจดีๆชื่อพี่จอมพล” คราวนี้พี่พลคนงามยิ้มให้ ทำเอาถึงกับเคลิ้มจ้า... “ส่วนนี่พี่ชายคนโตชื่อพี่จอมราชันนะ”
“สวัสดีค่ะ // สวัสดีครับ” สามหนุ่มก็พยักหน้ารับไหว้
“เห้ย...ใช่พี่คนนี้ปะวะที่โหดๆที่เจอกันวันนั้น” น้ำตาลกระซิบกระซาบกับใบตองแต่มันดันไปเข้าหูเจ้าลูกหมูด้วย เจ้าตัวเลยหันมาพยักหน้า
“ใช่ๆๆ วันนั้นพี่ราชันกับพี่เวทย์ไปรับไง”
แลดูเหมือนพี่ทั้งสี่คนจะเป็นจุดสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะพี่หมอคนงามกับพี่เวทย์ผู้อารมณ์ดีดูจะเป็นขวัญใจของน้องๆไป ส่วนพี่จิตรกรสุดเซอร์นั่งกินลิ้นจี่คนเดียวเงียบๆ ไม่สนใจใคร ส่วนพี่ใหญ่หน้าขรึมก็หลุดเข้าไปในโลกส่วนตัวกับน้องน้อยเรียบร้อยแล้ว คุยกันกระหนุงกระหนิง หัวเราะคิกคักๆกันสองคนพี่น้อง เพื่อนๆที่เคยเห็นพี่ใหญ่ในภาคจอมมารที่ร้านหมูกระทะมาแล้ว แต่เวลานี้พวกเขาเห็นเพียงพี่ใหญ่ใจดีน่ารักกำลังดึงแก้มนุ่มนิ่มอย่างหมั่นเขี้ยวโดยคนโดนดึงก็ยิ้มกว้างอย่างเต็มใจ
...เฮ้อ...พี่น้องบ้านนี้พลังทำลายล้างช่างสูงส่งจริงๆ...
TBC.
มาลงต่อให้แล้วนะค่ะ ส่วนท่านใดที่คิดถึงน้องเปาเปาอดใจรอกันอีกหน่อยนะค่ะ
ไม่ทิ้งงน้องเปาเปากลางทางแน่นอนค่ะ
![:hao5:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/hao5.gif)
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
![:mew3:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/mew3.gif)